พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 1 พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ ตรนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ที่ ๑ ภาคที่ ๓ขอนอบนอมแดพระผมู ีพระภาคเจา อรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคน ัน้ ปฐมปณ ณาสก พาลวรรคที่ ๑ ๑. ภยสตู ร วาดว ยผเู ปนภยั และไมเปนภยั [๔๔๐] ขา พเจา ไดส ดับมาอยา งน้ี :- สมยั หนงึ่ พระผูมีพระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑกิ ะ คฤหบดี พระนครสาวตั ถี พระผูมพี ระภาคเจาตรสั เรยี กภิกษทุ ั้งหลายในท่นี ้นั แล ดว ยพระพุทธพจนวา ภกิ ขฺ โว (แนะภกิ ษุทั้งหลาย)ภกิ ษเุ หลา น้นั กราบทลู ขานรับตอ พระผูมีพระภาคเจา ดว ยคาํ วา ภทนเฺ ต(พระพุทธเจา ขา) แลว พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั พระธรรมเทศนาน้ีวา ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ภัยอยา งใดอยางหน่ึงเกิดข้นึ ภยั ทัง้ ปวงนัน้ยอมเกดิ แตคนพาล หาเกิดแตบ ัณฑติ ไม อปุ ท วะอยา งใดอยางหน่ึงเกิดขึน้อปุ ทวะทงั้ ปวงนัน้ ยอมเกิดแตคนพาล หาเกิดแตบ ณั ฑิตไม อปุ สรรคอยา งใดอยางหนง่ึ เกดิ ขึน้ อุปสรรคทัง้ ปวงนน้ั ยอ มเกิดแตค นพาล หาเกิดแตบ ณั ฑิตไม.
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 2 ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไฟลุกจากเรอื นที่มุงบงั ดว ยตนออหรือจากเรอื นท่มี งุ บงั ดว ยหญาแลว ยอมไหมก ระทง่ั เรือนยอดทฉ่ี าบปนู ทั้งภายในทงั้ ภายนอกจนลมลอดไมไ ด มปี ระตอู ันลงกลอนสนิท มีหนาตางปด ไดฉนั ใด ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภัย. . .อปุ ท วะ. . .อุปสรรคอยางใดอยางหน่ึงเกิดขน้ึ ยอมเกดิ แตค นพาล หาเกดิ แตบ ัณฑิตไม ฉันนนั้ ดังนแ้ี ล ภกิ ษุทง้ั หลาย คนพาลมภี ยั บัณฑติ ไมมีภยั คนพาลมีอปุ ท วะ บัณฑิตไมม อี ุปทวะ คนพาลมอี ปุ สรรค บณั ฑิตไมม อี ปุ สรรคภิกษุทั้งหลาย ภยั . . .อปุ ทวะ. . .อุปสรรคแตบณั ฑติ หามีไม. เพราะเหตุน้ัน ทานทง้ั หลายพงึ สาํ เหนยี กในขอนี้อยางนวี้ า บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการ เหลาใด พึงรวู า เปนพาล เราท้งั หลายจักละเสียซึ่งธรรม ๓ ประการนนั้ บุคคลประกอบดวยธรรม ๓ ประการ เหลา ใด พึงรูวาเปนบณั ฑติ เราทงั้ หลายจักถือธรรมนนั้ ประพฤติ ภิกษทุ ้งั หลาย ทานท้ังหลายพึงสาํ เหนียกอยางนีแ้ ล. จบภยสูตรที่ ๑
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 3 อรรถกถาอังคตุ ตรนกิ าย ชือ่ มโนรถปรู ณี ตกิ นิปาตวรรณนา พาลวรรควรรณนาที่ ๑ อรรถกถาภยสูตร พึงทราบวนิ ิจฉัยในภยสูตรที่ ๑ แหง ตกิ นิบาต ดงั ตอไปนี้ :- ในบทวา ภยานิ เปนตน ความท่จี ิตสะดุง กลวั ชือ่ วา ภยั . อาการท่ีจติ ไมเปนสมาธิ ชื่อวา อุปทวะ. อาการท่จี ิตตดิ ขัด คอื อาการท่ีจิตของอยูในอารมณน้นั ๆ ชือ่ วา อปุ สรรค. พึงทราบความแตกตา งกนั แหงภยั อปุ ท วะ และอุปสรรคเหลานั้นดงั ตอไปนี้ พวกโจรอาศยั อยตู ามภูเขา และถ่ินทุรกนั ดาร สงขา วไปถึงชาวชนบทวา พวกเราจกั เขาปลนหมูบานของพวกทา นในวันโนน ต้ังแตเวลาที่ไดสดบัขาวนั้น ชาวชนบทเหลาน้นั กพ็ ากันหวาดกลัว. อาการอยางนี้ ช่ือวา อาการทจี่ ิตสะดุง กลวั . ชาวชนบทก็พากนั คิดวา ทาํ อยางไรดเี ลา พวกโจรโกรธพวกเราแลวจะพึงนาํ ความฉบิ หายมาใหเราเปนแน ดังนแ้ี ลว ฉวยควาทรพั ยส มบัตทิ ่ีพอหยิบฉวยติดมอื ไปได เขาปาพรอ มกบั ฝูงสัตวทวบิ ทจตบุ าท นอนตามพน้ื ดนิอยูในปานั้น ๆ ถูกแมลงมเี หลอื บและยุงเปน ตนกดั ก็พากันหลบเขาไปยังระหวา งพมุ ไม เหยยี บตอไมแ ละหนาม. ความฟุงซา นของชาวชนบทเหลา น้ันผูทอ งเที่ยวไปอยอู ยางนน้ั ช่อื วา อาการทจ่ี ติ ไมเ ปน สมาธิ.
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 4 หลังจากนน้ั เม่อื พวกโจรไมม าตามวนั ทีไ่ ดบ อกไว ชาวชนบทก็คดิกนั วา ชะรอยจกั เปนขาวลวง พวกเราจักกลับเขาหมบู าน ดงั น้แี ลว พากนัขนขา วของกลับเขาหมูบาน. คร้ังนนั้ พวกโจรทราบวา ชาวชนบทเหลานัน้พากันกลับเขาหมบู านแลว จึงพากันมาลอมหมูบานไว จดุ ไฟเผาที่ประตูสงั หารผูคนจาํ นวนมาก ปลนเอาทรัพยสมบัตทิ ้งั หมดไป. บรรดาชาวชนบทเหลานัน้ พวกทเี่ หลือจากถูกโจรสังหาร กพ็ ากนั ดบั ไฟ แลว นงั่ จบั เจา อยูในทีน่ นั้ ๆ มรี มเงาซมุ ประตู และเงาฝาเรอื นเปนตน หวนโศกเศรา ถึงสง่ิ ที่สูญเสยี ไป. อาการทีจ่ ิตขอ งอยอู ยา งนี้ ชอื่ วา อาการทจี่ ิตเก่ยี วของอยูใ นอารมณนน้ั . บทวา นฬาคารา ไดแก เรอื นทีม่ งุ และบังดว ยไมออ สวนเคร่ืองเรอื นทเ่ี หลือในเรือนไมอ อ นี้ ทําจากไม. แมในเรือนหญา กม็ นี ัย น้ีแล. บทวากูฏาคารานิ ไดแ ก เรอื นทยี่ กยอด. บทวา อุลลฺ ิตตฺ าวลติ ฺตานิ ไดแ กฉาบท้งั ขางในและขา งนอก. บทวา นิวาตานิ ไดแ ก ลมเขา ไปไมได. บทวาผสุ ิตคคฺ ฬานิ ไดแก บานประตทู ่ีติดเขา สนทิ ที่กรอบเชด็ หนา เพราะเปนของท่นี ายชางผูฉลาดทําไว. บทวา ปห ติ กวาฏานิ ไดแก ตดิ บานประตแู ลว .ดวยสองบทน้ี พระผมู ีพระภาคเจา มไิ ดตรสั หมายถึงบานประตแู ละหนาตางทป่ี ดไวประจาํ แตต รสั คณุ สมบัตเิ ทา น้นั . ก็บานประตูและหนา ตางเหลา นน้ัยอมปดและเปด ไดท ุกขณะทตี่ องการ. บทวา พาลโต อุปฺปชชฺ นตฺ ิ ความวา อปุ สรรคทั้งหลายยอมเกิดข้ึนเพราะอาศยั คนพาลทัง้ นั้น. เปนความจริง คนทไี่ มเ ปน บณั ฑติ เปนพาล เมอื่ปรารถนาความเปนพระราชา ความเปน อุปราช หรอื ปรารถนาตาํ แหนงใหญอยา งอ่ืน กจ็ ะชกั ชวนเอาลกู กําพราพอ ผโู งเงาเหมอื นตน จาํ นวนเลก็ นอยแลวเกล้ยี กลอ มวา มาเถิดเธอท้ังหลาย ฉันจักทําพวกเธอใหเปน ใหญ ซอ งสุม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 5อยตู ามภเู ขาและปาทึบเปน ตน แลว บกุ เขาที่หมูบานแถวชายแดน ทาํ หมูบานใหเ สียหายแลว ตีทง้ั นิคม ทั้งชนบทตามลาํ ดบั . ผูคนปรารถนาสถานที่ ๆ ปลอดภัย จงึ พากันทิง้ บานเรอื นหลกี หนีไป.ทั้งภกิ ษุ ภกิ ษุณี ท่อี าศัยคนเหลา นั้นอยู กพ็ ากันละท้งิ สถานท่อี ยูข องตน ๆหลีกไป. ในสถานท่ีท่ีทานเหลา นั้นไปแลว ทงั้ ภิกษา ทัง้ เสนาสนะกห็ าไดยาก.ภยั ยอมมาถงึ บรษิ ัททงั้ ๔ อยางน้ีแล. แมใ นบรรพชิตท้งั หลาย ภิกษุผูเปนพาล ๒ รปู วิวาทกันแลวตา งเร่มิโจทกนั และกัน จงึ เกดิ ความวนุ วายใหญห ลวงขึ้น เหมอื นพวกภิกษชุ าวเมืองโกสมั พี ฉะนั้น. ภัยยอ มมาถงึ บรษิ ทั ๔ เหมือนกนั ก็ภยั เหลา ใดเกิดขนึ้ดงั วามาน้ี ภัยเหลานนั้ ทัง้ หมด ยอ มเกดิ ขึน้ มาจากคนพาล พระผูมีพระภาคเจาทรงยังเทศนาใหจบลงตามอนุสนธิ ดงั วา มานี้แล. จบอรรถกถาภยสตู รท่ี ๑ ๒. ลกั ขณสูตร วา ดว ยลกั ษณะของพาลและบณั ฑติ [๔๔๑] ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย คนพาลมีกรรมเปนลกั ษณะ บณั ฑิตก็มีกรรมเปนลักษณะ ปญ ญาปรากฏในอปทาน (ความประพฤต)ิ ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผปู ระกอบดวยธรรม ๓ ประการ พงึ ทราบไดวาเปน คนพาล ธรรม ๓ ประการคอื อะไรบาง คือ กายทจุ ริต วจีทุจริตมโนทุจริต ผูป ระกอบดว ยธรรม ๓ ประการนี้แล พงึ ทราบเถดิ วา เปน พาล
พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 6 ภกิ ษุทั้งหลาย บุคคลผูป ระกอบดวยธรรม ๓ ประการ พึงทราบไดวาเปนบณั ฑติ ธรรม ๓ ประการคืออะไรบา ง คอื กายสุจริต วจสี ุจรติ มโน-สุจรติ ผปู ระกอบดวยธรรม ๓ ประการนี้แล พึงทราบเถิดวา เปนบัณฑติ เพราะเหตุนัน้ ทานทงั้ หลายพงึ สําเหนยี กในขอ นี้อยา งนี้วา บคุ คลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการเหลา ใด พงึ ทราบไดวา เปนคนพาล เราทัง้ หลายจกั ละเสียซง่ึ ธรรม ๓ ประการนัน้ บุคคลประกอบดวยธรรม ๓ ประการเหลาใดพงึ ทราบไดว าเปน บณั ฑิต เราทั้งหลายจักถือธรรม ๓ ประการนนั้ ประพฤติภิกษุท้งั หลาย ทา นท้งั หลายพงึ สําเหนียกอยางนี้แล. จบลกั ขณสตู รท่ี ๒ อรรถกถาลักขณสูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัย ในลักขณสูตรท่ี ๒ ดงั ตอไปน:ี้ - กรรมท่ีเปน ไปทางกายทวารเปน ตน เปนลกั ษณะ คอื เปนเหตุใหหมายรูบคุ คลนั้น เหตุนน้ั บุคคลน้ัน จึงชอ่ื วา มีกรรมเปนลักษณะ. ปญญาทง่ี ามดว ยความประพฤติ (จรติ ) ชอื่ วา อปทานโสภนปี ญญา.อธบิ ายวา พาลและบัณฑติ ยอมปรากฏดวยกรรมท่ีตนประพฤตมิ าแลวนั่นแล. จรงิ อยู ทางทคี่ นพาลไปแลว ยอ มเปน เหมือนทางไปของไฟปา ซึง่ ลามไปเผาไหมต นไม กอไม คามนคิ มเปนตน ฉะนน้ั . ปรากฏเหลือกแ็ ตเ พียงสถานที่ที่ปลูกบานเทานน้ั ซึ่งเตม็ ไปดว ย ถาน เขมา และเถา. สวน ทางทีบ่ ัณฑิตไป เหมอื นทางทเี่ มฆฝน ซ่ึงตงั้ เคาขน้ึ ท้งั ๔ ทิศ แลว ตกลงมา เตม็ หลมุ และบอเปนตน นาํ ความงอกงามของรวงขาวกลาชนดิ ตา ง ๆ มาใหฉ ะนนั้ . สถาน
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 7ทีท่ มี่ นี า้ํ เตม็ และมผี ลาผลของขาวกลา ชนิดตา ง ๆ งอกงาม ปรากฏอยูในทางท่เี มฆฝน ซง่ึ ต้ังเคาขึน้ ฉนั ใด ในทางทบี่ ณั ฑิตดาํ เนนิ ไป กม็ สี มบัติอยางเดียวเทานน้ั ไมม ีวบิ ัติเลยฉันนนั้ . บทท่ีเหลือในสูตรน้ี มีความหมายงา ยท้ังน้นั . จบอรรถกถาลกั ขณสตู ร ๓. จินตสูตร วา ดวยลกั ษณะแตกตางระหวางบัณฑติ กับคนพาล [๔๔๒] ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย น่ีลักษณะ นิมิต อปทานของคนพาลมี ๓ อยาง ๓ อยา งคืออะไรบาง คือ คนพาลในโลกนี้ ยอมเปนผคู ิดอารมณชั่วโดยปกติ พดู คําช่ัวโดยปกติ และทาํ การชวั่ โดยปกติ ก็ถาคนพาลจักไมเปนผคู ดิ อารมณช วั่ โดยปกติ พดู คําช่วั โดยปกติ และทาํ การช่ัวโดยปกตแิ ลวไซรคนฉลาดทง้ั หลายจะพงึ รูจักเขาไดอยา งไรวา อสัตบรุ ษุ ผนู เี้ ปนคนพาล ก็เพราะเหตุทค่ี นพาลยอ มเปน ผคู ดิ อารมณช วั่ โดยปกติ คาํ ชว่ั โดยปกติ และทาํ การชว่ั โดยปกติน่นั แล คนฉลาดทั้งหลายจงึ รจู กั เขาไดว า อสัตบรุ ุษผูน ีเ้ ปนคนพาลน่แี ล ภิกษุทั้งหลาย ลักษณะ นิมติ อปทาน ๓ อยา งของคนพาล ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย นี่ลักษณะ นมิ ิต อปทาน ของบัณฑติ มี ๓ อยาง๓ อยาง คืออะไรบาง คอื บณั ฑติ ในโลกน้ี ยอ มเปน ผคู ิดอารมณดโี ดยปกติพูดคําดีโดยปกติ และทําการดีโดยปกติ กถ็ า บัณฑิตจกั ไมเ ปน ผคู ิดอารมณดีโดยปกตพิ ดู คําดีโดยปกติ และทาํ การดีโดยปกตแิ ลว ไซร คนฉลาดท้งั หลายจะพงึ รูจกั
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 8เขาไดอยา งไรวา สตั บุรษุ ผนู ้เี ปนบัณฑิต กเ็ พราะเหตุท่ีบณั ฑิตยอ มเปนผคู ิดอารมณด โี ดยปกติ พดู คาํ ดโี ดยปกติ และทําการดีโดยปกตนิ น่ั แล คนฉลาดทั้งหลายจึงรูจักเขาไดว า สัตบรุ ษุ ผนู ้ีเปน บณั ฑิต นแ่ี ล ภิกษทุ ัง้ หลาย ลกั ษณะนมิ ิต อปทาน ๓ อยา งของบณั ฑติ เพราะเหตนุ นั้ ทา นทงั้ หลายพงึ สําเหนยี กในขอ นี้อยางนว้ี า บคุ คลประกอบดวยธรรม ๓ ประการเหลา ใด พึงทราบไดวาเปนคนพาล เราทัง้ หลายจักละเสยี ซงึ่ ธรรม ๓ ประการนน้ั บคุ คลประกอบดวยธรรม ๓ ประการเหลา ใดพึงทราบไดว าเปน บัณฑติ เราทั้งหลายจักถอื ธรรม ๓ ประการนน้ั ประพฤติภกิ ษุทัง้ หลาย เธอทง้ั หลายพงึ สาํ เหนยี กอยางนแี้ ล. จบจินตสูตรท่ี ๓ อรรถกถาจินตสูตร พึงทราบวินจิ ฉยั ในจนิ ตสตู รท่ี ๓ ดังตอไปนี้:- บทวา พาลลกขฺ ณานิ ไดแ ก ที่ช่ือวา พาลลกั ษณะ (ลักษณะของคนพาล) เพราะเปน เครอ่ื งใหคนทง้ั หลายกาํ หนด คือรูไดว าผนู เ้ี ปน พาล.ลักษณะเหลาน้นั แล เปนเหตใุ หห มายรูคนพาลน้ัน เพราะเหตนุ น้ั จึงชือ่ วาเคร่อื งหมายของคนพาล. บทวา พาลาปทานนิ ไดแก ความประพฤตขิ องคนพาล. บทวา ทจฺ จฺ นิ ตฺ ิตจนิ ตฺ ี ความวา คนพาลเมอื่ คดิ ยอ มคิดแตเรื่องที่
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 9ไมด ี ดวยอาํ นาจ อภิชฌา พยาบาท และมิจฉาทฏิ ฐ.ิ บทวา ทพุ ฺภาสิ-ตภาสี ความวา แมเ มอ่ื จะพูด ก็ยอ มพดู แตค ําพูดที่ไมดี แยกประเภทเปนมุสาวาทเปนตน . บทวา ทกุ กฺ ฏกมฺมารี ความวา แมเมอ่ื ทํายอ มทาํ แตสิ่งที่ไมดี ดว ยอาํ นาจปาณาติบาตเปนตน . บทมอี าทวิ า ปณฺฑิตลกฺขณานิพงึ ทราบตามทํานองลักษณะท่กี ลาวแลว น่ันแล. สวนบททั้งหลายมีบทวา สจุ นิ ตฺ ิตจินตฺ ี เปน ตน ในสตู รนี้ พึงประกอบดวยอาํ นาจแหงสจุ รติ ทั้งหลาย มีมโนสุจริตเปน ตน. จบอรรถกถาจนิ ตสูตรที่ ๓ ๔. อัจจยสูตร วาดวยธรรมทีบ่ งบอกวา เปน พาลหรือบณั ฑติ [๔๔๓] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บคุ คลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการพึงทราบไดว าเปนคนพาล ธรรม ๓ ประการคืออะไรบาง คอื ไมเหน็ ความลวงเกินโดยเปน ความลว งเกนิ เห็นความลวงเกนิ แลว ไมท ําคนื ตามวธิ ีท่ชี อบอนงึ่ เม่ือคนอ่ืนแสดงโทษทล่ี วงเกนิ กไ็ มร ับตามวธิ ที ่ีชอบ บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนี้แล พงึ ทราบเถิดวา เปน คนพาล ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย บคุ คลประกอบดวยธรรม ๓ ประการ พึงทราบไดว า เปนบณั ฑติ ธรรม ๓ ประการคืออะไรบาง คือ เห็นความลวงเกินโดยเปนความลว งเกิน เหน็ ความลวงเกนิ โดยเปนความลว งเกินแลวทาํ คืนตามวิธี
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 10ที่ชอบ อนึง่ เมื่อคนอน่ื แสดงโทษทีล่ วงเกินก็รับตามวิธที ่ีชอบ บุคคลประกอบดวยธรรม ๓ ประการน้ีแล พึงทราบเถิดวา เปน บัณฑิต. จบอัจจยสูตรท่ี ๔ อรรถกถาอัจจยสูตร พึงทราบวินจิ ฉยั ในอจั จยสูตรท่ี ๔ ดังตอ ไปน:้ี - บทวา อจจฺ ย อจฺจยโต น ปสฺสติ ความวา คนพาลยอ มไมเหน็ ความผดิ ของตนวา เปน ความผิด. บทวา อจฺจยโต ทิสวฺ า ยถาธมฺมน ปฏิกโรติ ความวา คนพาลแมทราบแลววา เราทําผดิ กไ็ มยอมทาํ ตามธรรมคือรับทัณฑกรรมมาแลว ก็ไมยอมแสดงโทษ คือไมยอมขอโทษคนอืน่ .* บทวา อจฺจย เทเสนฺตสสฺ ยถาธมฺม ปฏคิ ฺคณหฺ าติ ความวา เม่ือคนอืน่ ทราบวา เราทาํ ผิด รบั ทณั ฑกรรมมาแลวใหข อขมา คนพาลก็จะไมย อมยกโทษให. ธรรมฝายขาว ( ของบัณฑิต ) พึงทราบโดยนยั ทตี่ รงกันขามกบั ที่กลา วแลว . จบอรรถกถาอจั จยสตู รท่ี* ปาฐะวา อจฺจย น เทเสติ ฉบบั พมา เปน อจจฺ ย น เทเสติ นกขฺ มาเปติ แปลตามฉบบั พมา
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 11 ๕. อโยนิโสสตู ร วา ดวยธรรมทบ่ี งบอกวา เปน พาลหรือบัณฑติ [๔๔๔] ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย บุคคลประกอบดวยธรรม ๓ ประการพงึ ทราบไดว า เปนพาล ธรรม ๓ ประการคืออะไรบา ง คือ ตั้งปญหาโดยไมแยบคาย แกป ญ หาโดยไมแยบคาย อน่งึ คนอน่ื แกปญ หาไดแยบคาย ดว ยถอยคําอนั กลมกลอ มสละสลวยไดเ หตุผลแลว ไมอ นโุ มทนา บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนแ้ี ล พึงทราบเถิดวา เปนคนพาล ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย บคุ คลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการ พงึ ทราบไดวาเปน บัณฑติ ธรรม ๓ ประการคอื อะไรบาง คอื ตงั้ ปญ หาโดยแยบคายแกปญ หาโดยแยบคาย อนง่ึ คนอนื่ แกป ญหาไดแ ยบคาย ดวยถอ ยคาํ อันกลมกลอ มสละสลวยไดเหตผุ ลแลว อนโุ มทนา บคุ คลประกอบดวยธรรม ๓ประการนีแ้ ล ภกิ ษทุ ้งั หลาย พงึ ทราบเถดิ วา เปน บัณฑติ . จบอโยนิโสสตู รท่ี ๕
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 12 อรรถกถาอโยนโิ สสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในอโยนิโสสูตรที่ ๕ ดังตอ ไปนี:้ - บทวา อโยนโิ ส ปฺห กตฺตา โหติ ความวา คนพาลยอ มทาํส่งิ ท่ไี มเ ปนปญ หานั่นแลใหเ ปน ปญ หา เพราะคดิ ไมถ ูกวธิ ี เหมอื นพระโลฬุ-ทายีเถระ เมือ่ ถูกถามวา อทุ ายี ที่ตัง้ ของอนสุ ตมิ เี ทาไรหนอแล กค็ ดิ วาขนั ธทีเ่ คยอาศัยอยใู นภพกอน จักเปน ทต่ี ั้งของอนสุ ติ ดังน้แี ลว ทําสิ่งท่ไี มเปน ปญ หาใหเ ปน ปญหาฉะนนั้ . บทวา อโยนโิ ส ปหฺ วิสชเฺ ชตา โหติ ความวา กค็ นพาลแมเมื่อจะวิสชั นาปญหาทคี่ ดิ ไดอยางน้ี* กก็ ลบั วิสัชนาโดยไมแยบคาย คลายพระเถระน้ันนัน่ แล โดยนยั มอี าทิวา ขา แตพ ระองคผเู จริญ ภิกษุในธรรม-วินัยน้ี ยอมระลึกถงึ ขันธท ่อี าศยั อยูใ นภพกอ นไดม ากมาย คอื ระลึกไดช าติหน่ึงบา ง คือยอมกลาวสิ่งทีไ่ มเ ปนปญ หานัน่ แล วาเปนปญหา. ในบทวา ปรมิ ณฺฑเลหิ ปทพยฺ ฺชเนหิ นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังตอ ไปนี้ บทนน่ั แล ชอ่ื วา บทพยญั ชนะ เพราะทําความหมายใหป รากฏ บทพยญั ชนะน้ันท่ีกลาวทาํ อกั ษรใหบ ริบรู ณ ไมใหเสยี ความหมายของพยัญชนะ๑๐ อยา ง ชอื่ วา เปน ปริมณฑล (กลมกลนื ). อธบิ ายวา ดวยบทพยญั ชนะเห็นปานนี.้ บทวา สลิ ฏิ เหิ ไดแ ก ทช่ี ื่อวา สละสลวย เพราะมีบทอนั สละสลวย. บทวา อปุ คเตหิ ไดแก เขา ถงึ ผลและเหตุ.* ปาฐะวา จินฺตติ ปนุ ฉบับพมาเปน เอว จนิ ตฺ ติ ปน แปลตามฉบบั พมา
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 13 บทวา นาพฺภนุโมทิตา* ความวา คนพาลยอมไมอนุโมทนา คือไมยินดีปญ หาของบคุ คลอนื่ ท่วี ิสชั นาโดยแยบคายอยา งน้ี คอื ทวี่ สิ ชั นาทําใหสมบูรณ ดว ยอาการทกุ อยาง. เหมอื นพระโลฬุทายเี ถระ ไมอ นโุ มทนาปญ หาของพระสารีบุตร ฉะนน้ั . เหมือนอยา งท่ีทานกลา วไววา อาวโุ สสารีบตุ ร ไมใชฐานะ ไมใชโอกาสเลยทีพ่ ระอนาคามนี น้ัลวงเลยความเปน สหายของเหลาเทพผูม ีกวฬิงการาหารเปน ภักษา เขาถงึ หมูเทพท่ีเปนมโนมยะหมูใ ดหมหู นงึ่ แลว จะพงึ เขาสญั ญาเวทยติ นิโรธกไ็ ด จะพึงออกจากสญั ญาเวทยิตนิโรธกไ็ ด ฐานะนีไ้ มม ีเลย. ในคาํ วา โยนิโส ปฺห กตฺตา เปน ตน พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดงัตอไปน้ี บณั ฑิตคดิ ปญหาโดยแยบคายแลว ยอ มวสิ ัชนาปญหาโดยแยบคายเหมือนพระอานนทเถระฉะนน้ั . เปน ความจรงิ พระเถระถกู พระศาสดาตรัสถามวา ดูกอ นอานนท ทต่ี ้งั ของอนสุ ตมิ ีเทา ไรหนอแล กค็ ดิ โดยแยบคายกอ นวา น้ีจกั เปน ปญ หา เมื่อจะวสิ ชั นาโดยแยบคาย จึงทูลวา ขาแตพระองคผูเ จริญ ภกิ ษใุ นศาสนานี้ สงดั แลว เทยี วจากกามทง้ั หลาย ฯลฯ แลวเขาจตตุ ถฌานอยู ขาแตพระองคผเู จรญิ ท่ีตง้ั ของอนสุ ตนิ ี้ท่เี จริญแลวอยางนี้ทาํ ใหมากแลวอยางน้ี ยอมเปนไปเพอ่ื ความอยเู ปนสขุ ในปจ จบุ ัน. บทวา อพฺภานุโมทิตา โหติ ความวา บณั ฑิตยอมอนุโมทนาโดยแยบคาย เหมอื นพระตถาคตอนุโมทนาฉะนั้น. เปน ความจรงิ พระตถาคตเมอื่ พระอานนทเถระวิสัชนาปญ หาแลว กต็ รสั พระดํารัสมอี าทวิ า ดแี ลว* ปาฐะวา นาพฺภนุโมทิตา เปนบาลเี ดิม แตใ นอรรถกถาเปน นาภนิ โุ มทต.ิ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 14ดีแลว อานนท ถาอยางน้ัน อานนท เธอจงทรงจําทตี่ ั้งแหง อนสุ ตทิ ี่ ๖ น้ีไวเถดิ อานนท ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี มสี ตกิ าวไปขางหนา มสี ตถิ อยหลงั กลบั . จบอรรถกถาอโยนโิ สสตู รที่ ๕ ๖. อกุสลสตู ร วาดวยธรรมท่ีบง บอกวา พาลหรือบัณฑติ [๔๔๕] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย บคุ คลประกอบดวยธรรม ๓ ประการพงึ ทราบไดวาเปน พาล ธรรม ๓ ประการ คอื อะไรบาง คอื กายกรรมเปนอกศุ ล วจีกรรมเปน อกศุ ล มโนกรรมเปนอกุศล บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนแ้ี ล พงึ ทราบเถดิ วา เปน คนพาล. จบอกสุ ลสูตรที่ ๖ สตู รท่ี ๖-๗-๘ ความหมายงา ยทัง้ นั้น.
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 15 ๗. สาวชั ชสตู ร วาดว ยธรรมที่บง บอกวา เปนพาลหรอื บัณฑติ [๔๔๖] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย บคุ คลผปู ระกอบดวยธรรม ๓ ประการพึงทราบวา เปน คนพาล ธรรม ๓ ประการเปน ไฉน คอื กายกรรมท่ีเปนโทษ ๑ วจกี รรมท่ีเปน โทษ ๑ มโนกรรมทเ่ี ปนโทษ ๑ ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลายบุคคลผูประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนแ้ี ล พึงทราบวาเปนคนพาล ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย บุคคลผปู ระกอบดว ยธรรม ๓ ประการ พึงทราบวาเปน บัณฑิตธรรม ๓ ประการเปนไฉน คือ กายกรรมท่ไี มเปน โทษ ๑ วจีกรรมทีไ่ มเปน โทษ ๑ มโนกรรมที่ไมเ ปน โทษ ๑ ดูกอนภิกษุท้ังหลาย บุคคลผูประกอบดว ยธรรม ๓ ประการน้แี ล พึงทราบวา เปน บัณฑิต. จบสาวชั ชสตู รที่ ๗ ๘. สัพยาปช ชสูตร วา ดว ยธรรมทบ่ี ง บอกวาเปนพาลหรือบัณฑติ [๔๔๗] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย บุคคลผปู ระกอบดวยธรรม ๓ ประการพึงทราบวาเปนคนพาล ธรรม ๓ ประการเปนไฉน คอื กายกรรมทเี่ ปนการเบยี ดเบียน ๑ วจกี รรมทเ่ี ปน การเบยี ดเบียน ๑ มโนกรรมที่เปนการเบยี ดเบยี น ๑ ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย บุคคลผูประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนแ้ี ล พึงทราบวาเปน คนพาล ดกู อนภิกษุท้งั หลาย บคุ คลผปู ระกอบดวยธรรม
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 16๓ ประการ พงึ ทราบวา เปน บัณฑิต ธรรม ๓ ประการเปนไฉน คือ กายกรรมทไี่ มเ ปน การเบียดเบียน ๑ วจกี รรมท่ีไมเปนการเบยี ดเบียน ๑ มโนกรรมที่ไมเปน การเบียดเบยี น ๑ ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย บุคคลผปู ระกอบดว ยธรรม๓ ประการน้ีแล พงึ ทราบวาเปนบัณฑติ ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เพราะฉะนนั้แหละ เธอทง้ั หลายพึงศึกษาอยา งน้ีวา บุคคลประกอบดวยธรรม ๓ ประการเหลา ใด อันเราพงึ รูวาเปนคนพาล เราจักประพฤตเิ วน ธรรม ๓ ประการนั้นบคุ คลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการเหลาใด อนั เขาพึงรูว า เปน บัณฑติ เราจักประพฤติสมาทานธรรม ๓ ประการนน้ั ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอท้งั หลายพงึ ศึกษาอยางนแ้ี ล. จบสพั ยาปชชสตู รท่ี ๘ ๙. ขตสตู ร วาดว ยการบริหารตนแบบพาลและบัณฑิต [๔๔๘] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการเปน คนพาล ไมฉ ลาด เปน อสัตบรุ ุษ ครองตนอนั ขาด (แกนสาร) ถกูประหาร (เสียจากคุณธรรม) แลวอยู เปน คนประกอบดวยโทษ ผรู ูตเิ ตยี นและไดป ระสบส่ิงอนั ไมเปน บุญมากดวย ธรรม ๓ ประการคืออะไรบา ง คือกายทุจริต วจีทุจรติ มโนทุจริต บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนแ้ี ลเปน คนพาล ฯลฯ
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 17 ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย บคุ คลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการ เปนบัณฑติ ฉลาด เปน สัตบุรษุ ครองตนอันไมข าด (แกนสาร) ไมถ กู ประหาร(จากคณุ ธรรม) อยู เปน ผไู มม ีโทษ ผูรไู มติเตยี น และไดบุญมากดว ยธรรม ๓ ประการคอื อะไรบาง คอื กายสุจริต วจสี จุ รติ มโนสุจรติ บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ประการนแ้ี ล เปน บัณฑิต ฯลฯ จบขตสตู รที่ ๙ อรรถกถาขตสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉยั ในสตู รท่ี ๙ ดังตอ ไปนี้:- ธรรมฝา ยขาว ในสว นเบือ้ งตน กําหนดดวยกุศลกรรมบถ ๑๐ ในสวนเบอื้ งสงู ยอมได จนถงึ อรหัตมรรค. ในบทวา พหุจฺ ปฺุ ปสวติ นี้ พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถึงบญุ ท่คี ละกันไป ทัง้ โลกิยะ และโลกตุ ระ. จบอรรถกถาขตสตู รท่ี ๙
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 18 ๑๐. มลสูตร วา ดว ยมลทิน ๓ ประการ [๔๔๙] ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ไมละมล-ทนิ ๓ ยอมเปนผูอุบตั ิในนรก เหมือนถูกนาํ ตวั ไปเกบ็ ไวฉะนัน้ ธรรม ๓ประการคืออะไรบา ง คือ เปนผทู ุศลี และไมละมลทินคอื ความทุศีลดวย เปนผูรษิ ยาและไมล ะมลทินคือความริษยาดว ย เปนผูตระหนี่และไมล ะมลทินคอื ความตระหน่ีดวย บุคคลประกอบดวยธรรม ๓ น้ีไมละมลทนิ ๓ น้แี ล ยอมอุบตั ิในนรก เหมอื นถูกนําตวั ไปเก็บไว ฉะน้ัน ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย บุคคลประกอบดว ยธรรม ๓ ละมลทนิ ๓ ยอ มอบุ ัตใิ นสวรรค เหมอื นเขาเชญิ ตวั ไปประดษิ ฐานไวฉะนน้ั ธรรม ๓ ประการคอื อะไรบา ง คอื เปน ผูม ศี ีลและมลทินคือความทุศลี กล็ ะไดแลวดวย เปนผไู มรษิ ยาและมลทนิ คือความริษยาก็ละไดแ ลวดวย เปนผไู มตระหน่แี ละมลทินคือความตระหนกี่ ล็ ะไดแลว ดวย บคุ คลประกอบดวยธรรม ๓ น้ี ละมลทิน๓ นแ้ี ล ยอ มอบุ ตั ใิ นสวรรค เหมอื นเขาเชิญตัวไปประดิษฐานไวฉะน้นั . จบมลสตู รท่ี ๑๐ จบพาลวรรคท่ี ๑
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 19 อรรถกถามลสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในมลสตู รที่ ๑๐ ดงั ตอ ไปน:้ี - ภาวะของบคุ คลทุศลี ชอ่ื วา ทสุ สียะ. ทสุ สลี ยะน้ันแหละเปนมลทิน จงึ ชอ่ื วา ทุสสีลยมละ. ความหมายของมลทิน ถามวา ทชี่ ่อื วามลทนิ เพราะหมายความวาอยางไร. ตอบวา เพราะหมายความวาตามเผาไหม ๑ เพราะหมายความวา มีกล่ินเหมน็ ๑ เพราะหมายความวา ทําใหเ ศราหมอง ๑. อธบิ ายวา มลทินน้ัน ยอมตามเผาไหมส ตั ว ในอบายท้งั หลายมีนรกเปน ตน เพราะเหตนุ ้ัน จงึ ชอื่ วาเปนมลทิน เพราะหมายความวา ตามเผาไหมบ า ง. บุคคลเกลอื กกลว้ั ดว ยมลทินน้ัน เปนทีน่ า รงั เกยี จ ทงั้ ในสาํ นักมารดาบดิ า ทัง้ ภายในภกิ ษุสงฆ ทง้ั ในโพธสิ ถาน และเจดียสถาน และกลิ่นอนั เกดิจากความไมดีของเขา ยอมฟงุ ไปในทุกทิศวา ผนู ้นั ทาํ บาปกรรมเห็นปานนี้เหตุนัน้ จงึ ช่อื วา เปน มลทนิ เพราะหมายความวา มีกลน่ิ เหม็นบาง. บุคคลผเู กลือกกลั้วดว ยมลทนิ น้ัน ยอมไดรับความเดอื ดรอนในที่ที่ไปถึง และกายกรรมเปนตน ของเขากไ็ มส ะอาด ไมผองใส เพราะเหตนุ ้นั จึงช่ือวาเปน มลทิน เพราะหมายความวา ทําใหเศรา หมองบา ง. อีกอยางหน่งึ มลทนิ นนั้ ยอมทําเทวสมบัติ มนุษยสมบตั ิ และนพิ พานสมบตั ใิ หเ หย่ี วแหงไป เพราะเหตุนัน้ พึงทราบวาเปนมลทิน เพราะหมายความวา ทาํ ใหเ ห่ยี วแหง บา ง.
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 20 แมในมลทนิ คือรษิ ยา และมลทินคือความตระหนี่ ก็มีนยั อยา งน้ีเหมือนกนั . จบอรรถกถามลสตู รท่ี ๑๐ จบพาลวรรควรรณนาที่ ๑ รวมพระสูตรทมี่ ใี นพาลวรรคนี้ คือ ๑. ภยสูตร ๒. ลกั ขณสตู ร ๓. จนิ ตสูตร ๔. อจั จยสตู ร ๕.อโยนโิ สสตู ร ๖. อกสุ ลสตู ร ๗. สาวชั ชสูตร ๘. สัพยาปชชสตู ร ๙.ขตสตู ร ๑๐. มลสตู ร และอรรถกถา.
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 21 รถการวรรคท่ี ๒ ๑. ญาตกสตู ร วาดว ยปฏิบัติเพอ่ื ประโยชนและมิใชประโยชน [๔๕๐] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ภิกษุผูมีช่ือเสียง ประกอบดวยธรรม๓ ประการ ชือ่ วาปฏบิ ัตเิ พอื่ สิง่ อันไมเ กอื้ กูลแกช นมาก เพื่อส่ิงอันมใิ ชค วามสุขแกชนมาก เพ่ือความเสื่อม เพอ่ื ไมเปน ประโยชน เพื่อทุกขแกชนมากทัง้เทวดาทงั้ มนษุ ย ธรรม ๓ ประการเปนไฉน คือ ชกั ชวนในกายกรรมอันไมสมควร ชกั ชวนในวจีกรรมอันไมส มควร ชกั ชวนในธรรมทง้ั หลายอนั ไมสมควรภกิ ษผุ ูม ชี ื่อเสยี ง ประกอบดวยธรรม ๓ ประการน้แี ล ชื่อวาปฏิบัติเพอื่ สงิ่ อนัไมเก้ือกลู แกช นมาก ฯลฯ ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษุผูมีชื่อเสยี ง ประกอบดว ยธรรม ๓ ประการช่อื วาปฏบิ ตั ิเพอื่ เกือ้ กูลแกชนมาก เพื่อความสขุ แกชนมาก เพ่อื ความเจริญเพอ่ื ประโยชน เพ่อื สุขแกช นมากท้งั เทวดาทง้ั มนุษย ธรรม ๓ ประการเปนไฉน คอื ชกั ชวนในกายกรรมอันสมควร ชกั ชวนในวจกี รรมอันสมควรชักชวนในธรรมอนั สมควร ภิกษผุ มู ชี อ่ื เสียงประกอบดวยธรรม ๓ประการนี้แลช่อื วา ปฏบิ ัตเิ พ่ือเกอ้ื กูลแกช นมาก ฯลฯ จบญาตกสูตรท่ี ๑
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 22 รถการวรรควรรณนาที่ ๒ อรรถกถาญาตกสตู ร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในญาตกสตู ร แหง รถการวรรคที่ ๒ ดงั ตอไปน:้ี - กายกรรม-วจกี รรม-มโนกรรม บทวา าตโก ไดแ ก ภิกษุผมู ีชื่อเสียง คอื ประชาชนรจู กั กนั ทวั่แลว ไดแก ปรากฏแลว . บทวา อนนุโลมิเก ความวา กายกรรม ช่ือวา อนนุโลมิกะ เพราะหมายความวา ไมเ หมาะสมแกศ าสนา. ในกายกรรมอนั ไมเหมาะสมนัน้ . บทวา กายกมฺเม ไดแ ก ในกายทจุ รติ มปี าณาตบิ าตเปนตน . อีกอยางหนง่ึ กายทุจริตนนั้ เปนของหยาบ แกภิกษสุ ามารถจะชกั ชวนใหสมาทาน ในกายทจุ รติ เปน ตนนไี้ ด คอื ชักชวนใหส มาทานคอื ใหย ึดถอื ในกรรมเห็นปานนีว้ า การนอบนอมทิศท้งั หลายสมควร การทําพลกี รรมใหภ ูตยอ มควร แมในวจีกรรม มุสาวาทเปน ตน เปนของหยาบ แตภิกษุน้นั จะชกั ชวนใหสมาทานในวจีกรรมเห็นปานนี้ วา ขึ้นชือ่ วา การพูดเทจ็ แกค นโงนีว้ าไมม ี เพราะไมป ระสงคจะให* ของ ๆ ตนแกผ อู นื่ กค็ วรพดู ได. แมในมโนกรรม อภิชฌาเปน ตนกเ็ ปนของหยาบ แตภิกษุเมือ่ บอกกมั มัฏฐานผดิพลาดไป กไ็ มช อ่ื วาชกั ชวนใหสมาทานในมโนกรรมอันสมควร เหมือนพระ-เถระชาวทกั ษิณวหิ าร ฉะน้ัน.* ปาฐะวา อทาตุกาโม ฉบบั พมาเปน อทาตกุ าเมน แปลตามฉบับพมา
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 23 พระเถระชาวทกั ษิณวหิ าร เลากนั มาวา บตุ รขุนนางคนหนงึ่ เขา ไปหาพระเถระนัน้ แลว ถามวาบุคคลเมอ่ื จะเจรญิ เมตตา ควรเจรญิ เมตตาในบุคคลเชน ไรกอน. พระเถระไมยอมบอกถงึ บคุ คลผูเปนสภาคและวิสภาคกัน แตกลบั บอกวา ในบุคคลผูเ ปนทรี่ ัก. บุตรขนุ นางนั้น มีภรรยาเปน ท่รี ักใคร. เขาจงึ แผเ มตตาไปหานางพลางถึงความคลมุ คลง่ั . ถามวา ก็ภกิ ษุ ผบู อกกัมมัฏฐาน น้ี เปน ผปู ฏิบัติเพ่ือมใิ ชป ระโยชนเกื้อกลู แกช นเปนอันมากอยางไร. ตอบวา กเ็ พราะ บริวารชนของภกิ ษุเหน็ ปานน้ีมสี ทั ธิวิหาริกเปนตน และมอี ปุ ฏ ฐากเปน ตน รวมท้ังเทวดาทเ่ี หลอื ผูเปนมติ รของเทวดาเหลาน้ัน ๆ เริ่มตนต้ังแตอ ารกั ขเทวดาของบริวารชนเหลา นัน้ จนกระทง่ั ถงึ พรหมโลกตา งจะพากนั ทาํ ตามทภ่ี กิ ษนุ ัน้ ทาํ แลวเทียว ดว ยคดิ วา ภิกษนุ ี้ไมร ูแลวจักไมทาํ ภิกษนุ ้ีชอื่ วาเปน ผูปฏิบัติเพอ่ื มใิ ชประโยชนเกือ้ กูลแกชนเปนอนั มาก ดวยประการดังพรรณนามาฉะน้ี. ในธรรมฝา ยขาว พงึ ทราบกายกรรมและวจกี รรม ดวยสามารถแหงเจตนาท้งั หลาย มีเจตนาเปนเครื่องงดเวน จากปาณาติบาตเปน ตนนน่ั แล. ฝายภิกษุผบู อกกมั มัฏฐานมใิ หคลาดเคลอ่ื น ช่ือวา สมาทานใหดํารงอยูในธรรมที่เหมาะสม เหมือนพระตสิ สเถระผชู าํ นาญใน ๔ นิกาย ชาวโกลติ วิหารฉะน้ัน. พระตสิ สเถระ เลากันวา พระทตั ตาภยเถระ ผูเ ปน พี่ชายคนโตของพระติสสเถระน้นัอยูในเจติยวิหาร เม่ือโรคชนดิ หนงึ่ เกิดข้ึน ใหเ รยี กพระนองชายมาแลวบอกวา คุณ คณุ ชว ยบอกกัมมัฏฐานสกั ขอหนงึ่ ที่เบา ๆ แกผมทีเถดิ .
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 24 พระนองชายเรยี นวา หลวงพข่ี อรบั ประโยชนอะไรดวยกัมมฏั ฐานขอ อ่ืน หลวงพี่ควรกําหนดกวฬิงการาหาร. พระพ่ชี ายถามวา คุณ กวฬงิ การาหารน้ีมีประโยชนอยางไร. พระนอ งชายตอบวา หลวงพี่ขอรบั กวฬิงการาหารเปน อุปาทายรปูและเม่ือเหน็ อุปาทายรปู อยางหนึ่งแลว อปุ าทายรูป ๒๓ ก็ยอมปรากฏชัดดว ย. พระพีช่ ายนั้น ไดฟงดังนี้นั้นแลว ตอบวา คณุ กัมมฏั ฐานเทา นกี้ เ็ ห็นจะพอเหมาะแหละนะ ดังน้แี ลว สง พระนองชายน้นั กลบั ไป กําหนดกวฬิง-การาหาร แลว กาํ หนดอุปาทายรปู กลบั ไปกลับมา ก็ไดสําเรจ็ เปน พระอรหนั ต. ทันใดนัน้ พระพ่ชี ายกเ็ รยี กพระเถระ นองชายน้ัน ผูซง่ึ ยังไมท ันออกไปพนนอกวหิ ารเลย มาบอกวา คณุ คณุ เปน ทพี่ งึ่ อยา งใหญหลวงของผมแลว นะ ดงั นีแ้ ลว บอกคุณทตี่ นไดแลวแกพ ระเถระนอ งชาย. บทวา พหุชนหิตาย ความวา ก็บริวารชนของภกิ ษแุ มนี้ มสี ัทธิ-วิหารกิ เปนตน ตางพากันทาํ ตามส่ิงทภี่ ิกษุน้ันทําแลว เทียวดวยคิดวา ภกิ ษนุ ้ีไมรแู ลวจกั ไมทาํ อปุ ฏฐากเปน ตนกเ็ หมอื นกนั เทวดาทัง้ หลาย คอื อารกั ข-เทวดาของบรวิ ารชนเหลา น้นั ภุมมเทวดาผูเปนมติ รของอารักขเทวดาเหลา น้ันและอากาศเทวดาผูเปน มิตรของภมุ มเทวดาเหลา นน้ั รวมถึงเทวดาท่ีบังเกดิในพรหมโลก กพ็ ากันทําตามสงิ่ ทภ่ี ิกษุนัน้ ทาํ แลว เหมอื นกัน ภิกษชุ อ่ื วา เปนผูปฏบิ ตั เิ พอื่ เก้อื กลู แกช นเปนอนั มาก ดว ยประการฉะน.้ี จบอรรถกถาญาตกสูตรท่ี ๑
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 25 ๒. สรณยี สูตรวาดวยสถานทที่ ีก่ ษตั รยิ แ ละภิกษพุ งึ ระลึกถึงตลอดชวี ติ [๔๕๑] ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สถานท่ี ๓ ตําบลนยี้ อมเปน ท่รี ะลกึตลอดชพี แหงพระราชาผเู ปนกษตั ริยมุรธาภิเษก สถานที่ ๓ ตาํ บลไหนบา ง ?พระราชาผูเปน กษตั ริยมุรธาภเิ ษกประสูติ ณ ตาํ บลใด ตําบลนี้เปน ทีร่ ะลกึตลอดชีพแหงพระราชาผเู ปนกษัตริยมุรธาภิเษก เปนตําบลท่ี ๑ อีกขอ หนึ่ง พระราชาไดเปน กษตั รยิ ม รุ ธาภเิ ษก ณ ตาํ บลใด ตําบลนีเ้ ปน ที่ระลกึ ตลอดชีพแหงพระราชาผูเ ปน กษัตรยิ ม ุรธาภิเษก เปน ตาํ บลที่ ๒ อีกขอหน่ึง พระราชาผูเ ปน กษตั ริยม ุรธาภิเษก ทรงผจญสงครามไดชัยชนะแลวยดึ สนามรบนนั้ ไวได ณ ตําบลใด ตําบลน้เี ปน ท่รี ะลกึ ตลอดชีพแหง พระราชาผเู ปนกษตั ริยม ุรธาภิเษก เปน ตาํ บลที่ ๓ นแ้ี ล ภกิ ษทุ ง้ั หลายสถานท่ี ๓ ตําบล เปนทร่ี ะลกึ ตลอดชีพแหงพระราชาผูเปนกษตั รยิ มุรธาภิเษก ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย สถานที่ ๓ ตาํ บลนกี้ ็เปน ทร่ี ะลึกตลอดชพี แหงภิกษุฉนั นั้นเหมือนกัน สถานท่ี ๓ ตําบลไหนบา ง ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุปลงผมและหนวด ครองผา กาสายะ ออกจากเรอื น บวชเปน อนคาริยะ ณตาํ บลใด ตําบลน้เี ปนที่ระลึกตลอดชีพแหง ภิกษุ เปนตาํ บลที่ ๑ อกี ขอหน่งึ ภกิ ษุรูต ามจรงิ วา นี่ทุกข ... น่เี หตเุ กดิ ทกุ ข ... นค่ี วามดบั ทุกข ... นี่ขอปฏิบตั ิใหถ ึงความดบั ทกุ ข ณ ตาํ บลใด ตาํ บลน้เี ปน ทร่ี ะลึกตลอดชีพแหง ภกิ ษุ เปน ตําบลท่ี ๒
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 26 อกี ขอหน่งึ ภกิ ษุกระทาํ ใหแ จงเขา ถงึ พรอ มซ่ึงเจโตวมิ ตุ ติ ปญ ญา-วมิ ตุ ติ อันหาอาสวะมิได เพราะส้ินอาสวะท้งั หลาย ดวยความรูย ่ิงดว ยตนเองอยูใ นปจจบุ ันนี้ ณ ตําบลใด ตําบลนเ้ี ปน ทรี่ ะลกึ ตลอดชพี แหง ภิกษุ เปน ตําบลที่ ๓ นี้แล ภิกษุท้งั หลาย สถานที่ ๓ ตําบลเปนทร่ี ะลึกตลอดชีพแหง ภกิ ษ.ุ จบสรณยี สตู รที่ ๒ อรรถกถาสรณยี สูตร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในสารณยี สูตรที่ ๒ ดงั ตอ ไปนี้ :- สิง่ ประทบั ใจ ๓ ประการ บทวา ขตฺตยิ สสฺ ไดแก เปน กษตั ริยโ ดยกําเนดิ . บทวา มทุ ธฺ าภิสิตฺตสสฺ ไดแ ก ผูไ ดรบั มรุ ธาภเิ ษกแลว ดว ยการอภเิ ษกเปน พระราชา.บทวา สรณียานิ โหนฺติ ความวา ไมถ ูกลืม. บทวา ชาโต แปลวาบังเกิดแลว. บทวา ยาวชวี สรณยี ความวา ในเวลาท่ียงั ทรงพระเยาวอยูพระมหากษัตริยไมส ามารถจะทรงทราบอะไร ๆ ทเ่ี ก่ียวกบั พระองคไดเ ลย(ก็จริง) แตวาในเวลาตอ มา ทรงสดับเรือ่ งราวทเี่ หลา พระประยูรญาติ มีพระชนกชนนเี ปนตน หรอื ผูทอี่ ยดู ว ยกันทูลวา พระองคทรงพระราชสมภพในชนบทโนน ในนครโนน ในวันโนน ในนกั ษัตรโนน ตั้งแตวนั นั้นมา(เร่ืองราวท่พี ระประยรู ญาติตรัสเลาใหฟง) เปนเรอื่ งราวที่พระองคจะตอ งระลึกไว คือไมทรงลมื ตลอดพระชนมช ีพทีเดียว.
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 27 ความจรงิ พระเจา ปากิตนันทะ ไมม กี ิจที่จะตองกระทําดว ยชาติ และฐานะเปน ตน เลย. แตว าพระผมู ีพระภาคเจา ทรงนําเหตกุ ารณน ีม้ ากเ็ พือ่ ทรงแสดงบุคคล ๓ จาํ พวก ซ่ึงเปรยี บดวยพระราชาน้ัน เพราะฉะนน้ัพระผมู ีพระภาคเจา เมอ่ื จะทรงแสดงบคุ คลเหลา นน้ั จึงตรัสคาํ วา เอวเมวโข ภกิ ขเว เปน ตน. บรรดาบทเหลาน้ัน ในบทวา อนคาริย ปพพฺ ชโิ ต โหติ นี้พึงทราบวา จตุปารสิ ุทธศิ ลี อาศยั บรรพชาน่นั แล. บทวา สรณยี โหติความวา (สถานท่ีทีภ่ ิกษปุ ลงผมและหนวดแลว ครองผา กาสาวพสั ตร ออกจากเรือนบวชเปน ผไู มมเี รือนน้)ี เปน สถานทีท่ ่ภี ิกษุจะตอ งระลึกไว คอื ไมลมืตลอดชีวติ เลยทเี ดยี ว อยางนีว้ า เราบวชแลว ท่โี คนตนไมโ นน ในทีจ่ งกรมโนน ในโรงอุปสมบทโนน ในวิหารโนน ในชนบทโนน ในรฐั โนน . บทวา อทิ ทกุ ข ความวา ทกุ ขม ีเพียงเทา นี้ ไมมที ุกขนอกเหนือไปจากน้.ี บทวา อย ทุกฺขสมุทโย ความวา เหตเุ กิดทกุ ขมเี พียงเทาน้ีไมม ีเหตุเกิดทุกขนอกเหนอื ไปจากนี้. แมใ นสองบททเ่ี หลือ กม็ นี ยั นแ้ี ล. พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสโสดาปตติมรรคไวดว ยสจั จะ ๔ ในสูตรนี้ดงั พรรณนามาฉะน้.ี สวนกสิณบริกรรม และวิปสสนาญาณ อาศยั มรรคท้งั น้ัน. บทวา สรณยี โหติ ความวา (สถานทท่ี ีภ่ ิกษุไดสําเร็จเปน พระ-โสดาบัน) เปน สถานที่ท่ภี ิกษจุ ะตอ งระลึกไว คือ ไมล มื ตลอดชีวติ วา เราสาํ เรจ็ เปน พระโสดาบนั ที่ควงตนไมโนน ฯลฯ ในรฐั โนน . บทวา อาสวานขยา แปลวา เพราะความส้นิ ไปแหง อาสวะทัง้ หลาย. บทวา อนาสว เจโตวิมุตตฺ ึ ไดแก ผลสมาธ.ิ บทวา ปฺ าวิมตุ ตฺ ึ ไดแ กผ ลปญญา. บทวาสย อภิ ฺ า สจฉฺ ิกตฺวา ความวา การทําใหป ระจกั ษด ว ยปญ ญาอนั
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 28วิเศษยงิ่ ดวยตนเองทเี ดยี ว. บทวา อุปสมปฺ ชฺช วิหรติ ไดแก ไดอ ย.ูบทวา สรณยี ความวา ธรรมดาวา สถานทีท่ ต่ี นเองไดสําเรจ็ เปน พระอรหันตเปน สถานท่ีที่ภกิ ษุจะตอ งระลึกไว คอื ไมล มื ตลอดชีวติ วา เราไดส าํ เรจ็ เปนพระอรหนั ต ท่ีควงตนไมโนน ฯลฯ ในรัฐโนน. พระผูมพี ระภาคเจา ทรงจบพระธรรมเทศนาตามอนสุ นธิ ดังวามาน้แี ล. จบอรรถกถาสรณียสตู รที่ ๒ ๓. ภกิ ขสุ ูตร วา ดว ยบุคลล ๓ จาํ พวกในทางโลกและทางธรรม [๔๕๒] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย บุคคล ๓ จําพวกนี้มอี ยูในโลก บคุ คล๓ จําพวกไหน คอื บคุ คลผไู รความหวัง บุคคลผูมีสว นแหงความหวัง บุคคลผูส้ินความหวงั แลว กบ็ คุ คลอยา งไร ชือ่ วา ผูไรค วามหวงั ? ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้เกดิ ในตระกูลตํ่า คอื ตระกูลจณั ฑาลกด็ ี ตระกูลคนดีดพณิ กด็ ีตระกูลพรานกด็ ี ตระกลู ชางทาํ รถกด็ ี ตระกูลคนรบั จางเทขยะกด็ ี ทัง้ ยากจนขัดสนขา วน้าํ โภชนะ เปน อยูอยา งแรน แคน หาอาหารและเคร่ืองนุงหม ไดโดยฝด เคือง ซาํ้ เปน คนข้รี วิ้ ข้เี หร เตี้ยแคระ มากไปดว ยโรค คือ ตาบอดบางเปน งอ ยบา ง กระจอกบาง เปลย้ี บาง ไมใครไดขาว นา้ํ ผา ยวดยาน ระเบยี บ
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 29ดอกไม ของหอม เครือ่ งลบู ไล ท่นี อน ทอ่ี ยู และเคร่ืองประทีป บคุ คลผนู ั้นไดย ินขา ววา เจา ผมู พี ระนามอยา งน้ี อนั เจาทั้งหลายอภิเษกใหเ ปนกษัตริยแ ลว ความหวังอยา งน้ียอ มไมม แี กบ ุคคลนน้ั วา เม่ือไรหนา เจาทงั้ หลายจกั อภิเษกเราใหเ ปนกษตั ริยบ าง นี่ ภกิ ษุทั้งหลาย เราเรียกวา บคุ คลผไู รความหวงั กบ็ คุ คลอยา งไร ชอ่ื วาผูมีสว นแหง ความหวัง ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลายพระโอรสองคใหญของพระราชาผเู ปน กษัตริยมรุ ธาภเิ ษก ยงั มิไดร ับอภเิ ษกดวยนํ้าอภเิ ษก เปน ผูม ั่นคงแลว พระโอรสนน้ั ไดสดับขาววา เจา ผมู ีพระนามอยางน้ี อันเจา ทงั้ หลายอภเิ ษกใหเ ปน กษตั ริยแ ลว ความหวงั อยา งน้ียอมมีไดแกพระโอรสน้นั วา เมือ่ ไรหนา เจาท้ังหลายจกั อภิเษกเราใหเ ปนกษัตรยิ บ า ง น่ี ภิกษุทงั้ หลาย เราเรียกวา บุคคลผมู ีสว นแหงความหวงั ก็บคุ คลอยางไร ช่อื วาผสู น้ิ ความหวงั แลว ดกู อ นภิกษุทงั้ หลายพระราชาไดเ ปนกษตั รยิ ม รุ ธาภเิ ษกแลว พระราชานัน้ ทรงสดับขา ววา เจาผมู ีพระนามอยา งน้ี อันเจา ทง้ั หลายอภิเษกใหเปนกษตั รยิ แ ลว ความหวังอยางน้ีไมมแี กพ ระราชานั้นวา เมอ่ื ไรหนา เจาทงั้ หลายจักอภเิ ษกใหเ ราเปนกษตั รยิ บาง น่นั เพราะเหตอุ ะไร เพราะความหวงั ในการอภิเษกของพระองคเมอ่ื ครัง้ยังมไิ ดอภเิ ษกนน้ั รํางบั ไปแลว น่ี ภิกษทุ ้ังหลาย เราเรยี กวาบคุ คลผูสิน้ความหวงั แลว นแ้ี ล ภิกษทุ ง้ั หลาย บคุ คล ๓ จําพวกมอี ยใู นโลก ฉันนน้ั เหมอื นกันแล ภิกษุทงั้ หลาย บคุ คล ๓ จาํ พวกก็มีอยใู นหมูภิกษุ บุคคล ๓ จาํ พวกไหนบา ง คือ บุคคลผไู รความหวัง บคุ คลผมู สี ว นแหงความหวงั บุคคลผูส้ินความหวงั แลว
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 30 ก็บคุ คลอยา งไร ชอ่ื วาผูไรความหวงั ? ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย บุคคลลางคนในโลกนี้ เปน ผทู ศุ ลี มีธรรมอันลามก (มีการกระทํา) ไมส ะอาดมีความประพฤตินา รังเกยี จ มีการงานอนั ปกปด ไมเปน สมณะ แตปฏิญญาวา เปน สมณะ ไมเปน พรหมจารี แตปฏญิ ญาวาเปนพรหมจารี เปน คนเนาในเปย กชน้ื รกเร้ือ (ดว ยกเิ ลสโทษ) บคุ คลนัน้ ไดย ินขา ววา ภิกษุชอื่ น้กี ระทําใหแจง เขาถงึ พรอ มซ่งึ เจโตวิมตุ ติ ปญ ญาวิมุตติ อันหาอาสวะมไิ ด เพราะสิ้นอาสวะทง้ั หลาย ดวยความรูยิ่งดวยตนเองอยูในปจ จบุ ันน่ี ความหวงั อยา งนี้ยอมไมมแี กบคุ คลนั้นวา เมอื่ ไรเลา เราจกั กระทําใหแจง เขา ถึงพรอมซง่ึเจโตวิมตุ ติ ปญญาวมิ ุตติ ฯลฯ อยใู นปจจบุ ันน้บี าง น่ี ภิกษุทัง้ หลาย เราเรยี กวา บุคคลผไู รค วามหวงั กบ็ ุคคลอยา งไร ชอ่ื วาผูม สี ว นแหง ความหวงั ? ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลายภิกษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ เปน ผูม ศี ีล มีธรรมอนั งาม ภกิ ษุนั้นไดย ินขาววา ภกิ ษุช่อื นี้ กระทําใหแจง เขาถึงพรอมซงึ่ เจโตวมิ ุตติ ปญญาวิมตุ ติ ฯลฯ อยใู นปจ จบุ นั น้ี ความหวังอยา งนย้ี อ มมีไดแ กภ ิกษนุ ้ันวา เมือ่ ไรเลา เราจกั กระทําใหแ จงเขาถึงพรอ มซง่ึ เจโตวิมุตติ ปญญาวิมุตติ ฯลฯ อยใู นปจจุบนั น้บี า ง น่ีภกิ ษุทั้งหลาย เราเรียกวา บคุ คลผูม ีสว นแหง ความหวัง ก็บคุ คลอยา งไร ชือ่ วาผูสนิ้ ความหวงั แลว ? ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลายภกิ ษุในธรรมวินยั น้ีเปน พระอรหนั ตสิน้ อาสวะแลว เธอไดย นิ ขาววา ภิกษุชื่อนี้ การทําใหแจง เขาถึงพรอมซงึ่ เจโตวิมตุ ติ ปญ ญาวิมตุ ติ ฯลฯ อยูในปจ จุบนั นี่ ความหวงั อยางนี้ยอมไมมแี กเ ธอวา เมอ่ื ไรเลา เราจักกระทาํ ใหแจง เขา ถึงพรอ มซงึ่ เจโตวิมุตติ ปญญาวมิ ุตติ ฯลฯ อยูในปจ จุบนั นบี้ าง นั่น
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 31เพราะเหตุอะไร เพราะความหวังในวมิ ตุ ติของเธอ เม่อื ครง้ั ยังไมวมิ ตุ ตินนั้ราํ งบั ไปแลว น่ี ภิกษุทั้งหลาย เราเรยี กวา บุคคลผูส ้ินความหวังแลว นแี้ ล ภกิ ษทุ ง้ั หลาย บคุ คล ๓ จําพวกมอี ยูใ นหมภู กิ ษ.ุ จบภกิ ขุสตู รท่ี ๓ อรรถกถาภกิ ขสุ ูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัย ในภิกขสุ ูตรท่ี ๓ ดังตอ ไปน:ี้ - บทวา สนโฺ ต แปลวา มีอยู คอื หาไดอย.ู บทวา ส วิชฺชมานาเปนไวพจนข องบทวา สนฺโต นน้ั นั่นแล. บทวา โลกสมฺ ึ ไดแ ก ในสัตวโ ลก. บทวา นิราโส ไดแกบ ุคคลผูไมม คี วามหวงั คือ ไมมคี วามปรารถนา. อธิบายบทวา อาส โส - วคิ ตาโส บทวา อาส โส ไดแก บุคคลยงั หวงั อยู คือยงั ปรารถนาอยู. บทวาวคิ ตาโส ไดแ ก บุคคลผูเลิกหวังแลว . บทวา จณฺฑาลกุเล ไดแก ในตระกลู ของคนจณั ฑาลท้งั หลาย. บทวา เวณกเุ ล ไดแ ก ในตระกลู ของชา งสาน.๑ บทวา เนสาทกเุ ล ไดแก ในตระกลู ของนายพราน มนี ายพรานเน้ือเปน ตน . บทวา รถการกเุ ล ไดแ กใ นตระกลู ชา งหนัง. บทวา ปกุ ฺกสุ กเุ ลไดแก ในตระกลู ของคนเทขยะ. ครน้ั ทรงแสดงความวบิ ัตขิ องตระกูลดว ยเหตเุ พียงเทานี้แลว บัดน้ีเพราะเหตทุ ่ีบคุ คลลางคน แมเกิดในตระกูลต่าํ กย็ งั ม่ังค่งั มที รพั ยมาก แตบคุ คล๑. ปาฐะวา วิวนิ นฺ การกเุ ล ฉบับพมาเปน วิลีวการกเุ ล แปลตามฉบับพมา.
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 32ผูไมม ีหวังน้ี หาเปนเชน นัน้ ไม ฉะน้นั เพ่อื จะทรงแสดงถึงความวบิ ัตแิ หง โภคะของเขา จึงตรัสคําวา ทลทิ ฺเท เปน ตน. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา ทลิทเฺ ท ไดแ ก ผูป ระกอบดวยความเปนผูย ากจน. บทวา อปฺปนนฺ ปานโภชเน ไดแ ก ตระกูล ทมี่ ีขาวน้ําและของบรโิ ภคอยูนอย. บทวา กสิรวตุ ฺติเก ไดแ ก ตระกูล ทีม่ กี ารเลี้ยงชีพลําบาก อธบิ ายวา ในตระกูลที่คนทั้งหลาย ใชค วามพยายาม พากเพยี รอยางยงิ่ สําเรจ็ การเล้ียงชีวิต. บทวา ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติความวา คนในตระกลู ใด ทาํ มาหากนิ ไดของกนิ คือ ขาวยาคแู ละภตั รและเครอ่ื งนุงหมทพี่ อปกปดอวยั วะท่ีนา ละอายโดยยาก. บดั นี้ เพราะเหตทุ บี่ ุคคลลางคนแมเ กิดในตระกูลตํา่ มีอุปธิสมบัติคอื ดาํ รงอยใู นการทม่ี ีรางกายสมประกอบ แตว าบุคคลนไ้ี มเปน เชนนน้ั ฉะน้นัเพือ่ จะทรงแสดงความวบิ ัตแิ หง รา งกายของเขา พระผูมีพระภาคเจา จงึ ตรสัคําวา โส จ โหติ ทุพพฺ ณโฺ ณ เปน ตน. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา ทพุ ฺพณโฺ ณ ความวา มผี ิวพรรณดังตอถกู ไฟไหม คลายปศาจคลุกฝุน. บทวา ททุ ทฺ สโิ ก ไดแ ก ไมเ ปน ทเ่ี จริญตา แมของมารดา บงั เกดิเกลา . บทวา โอโกฏิมโก ไดแ กคนเตย้ี . บทวา กาโณ ไดแกค นตาบอดขา งเดยี วบาง คนตาบอดสองขางบา ง. บทวา กณุ ิ ไดแก คนมือเปน งอ ยขางเดียวบาง งอ ยทั้งสองขา งบา ง. บทวา ขโฺ ช ไดแก คนขาเขยกขา งเดยี วบาง คนขาเขยกท้ังสองขา งบา ง. บทวา ปกขฺ หโต ไดแ ก คนเปลยี้คอื คนงอย. บทวา ปทีเปยฺยสฺส ไดแก อปุ กรณแ สงสวา ง มีนํ้ามันและกระเบื้องเปน ตน . บทวา ตสฺส น เอว โหติ ความวา คนนัน้ ยอ มไมม ีความคดิ อยางนี้. ถามวา เพราะเหตไุ ร จึงไมมี.
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 33ตอบวา เพราะเขาเกิดในตระกูลตํ่า. บทวา เชฏโ ความวา เม่อื พระราชโอรสอกี พระองคหน่ึงทเ่ี ปนองคโตยงั มีอยู พระราชโอรสองคเ ลก็ ก็ไมท รงทําความหวงั เพราะเหตนุ ั้นพระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรสั วา เชฏโ ดงั น.ี้ บทวา อภิเสโก ความวาแมพ ระราชโอรสองคโตกย็ งั ไมควรอภิเษก จงึ ไมท รงทาํ ความหวัง เพราะเหตุนน้ั พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ตรัสวา อภิเสโก ดงั นี้. บทวา อนภสิ ิตโฺ ตความวา แมพระราชโอรสที่ควรแกก ารอภิเษกซึ่งเวนจากโทษ มีพระเนตรบอดและพระหตั ถหงกิ งอยเปนตน ไดรบั อภเิ ษกคร้ังเดยี วแลว กไ็ มท รงทําความหวังในการอภิเษกอีก เพราะเหตนุ ั้น พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรสั วาอนภิสิตโฺ ต ดังน้ี. บทวา มจลปฺปตฺโต๑ ความวา ฝา ยพระราชโอรสองคโตก็ยงั เปน เด็กออนนอนแบเบาะ มไิ ดรับการอภเิ ษก พระราชโอรสแมน้นัมิไดทําความหวังในการอภิเษก แตตอ มา ทรงมพี ระชนมายุ ได ๑๖ พรรษาเรมิ่มพี ระมสั สปุ รากฏ ช่ือวาทรงบรรลุนิตภิ าวะ สามารถจะวา ราชการใหญไดเพราะเหตนุ ้นั พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรสั วา มจลปฺปตฺโต ดงั น.ี้ บทวาตสสฺ เอว โหติ ไดแ ก ถามวา เพราะเหตุไร พระราชโอรสนน้ั จึงมีพระ-ดํารอิ ยางน.้ี ตอบวา เพราะพระองคม พี ระชาติสูง. บทวา ทสุ ฺสีโล ไดแก ผูไมมีศีล. บทวา ปาปธมโฺ ม ไดแก ผูมีธรรมอันลามก. บทวา อสุจิ ไดแกผ ปู ระกอบดว ยกรรมท้งั หลาย มีกายกรรมเปนตนอันไมสะอาด. บทวา สงฺกสฺสรสมาจาโร ความวา ผมู ีสมาจารอันบคุ คลอืน่ พึงระลึกถงึ ดวยความรงั เกียจ คอื มีสมาจารเปนทต่ี ้งั แหงความรงั เกยี จของคนอ่ืนอยางนีว้ า ผนู ้ชี ะรอยจกั ทาํ บาปกรรมน้ี เพราะเขาไดเห็นบาปกรรม๑. ในพระบาลี เปน อจลปฺปตโฺ ต.
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 34บางอยา งทไ่ี มเ หมาะสม. อีกอยางหนึ่ง อธบิ ายวา มสี มาจารทต่ี นน่ันแล พึงระลกึ ถงึ ดว ยความระแวง ชื่อวา สงกฺ สสฺ รสมาจาโร. จริงอยู ภกิ ษุนน้ัเห็นภกิ ษุท้ังหลายประชมุ ปรกึ ษากันถงึ เรอ่ื งบางเรอื่ งในท่ีทง้ั หลายมีทพี่ ักกลางวันเปน ตน แลวก็มคี วามคดิ อยางนว้ี า ภิกษเุ หลา น้ีจบั กลมุ กนั ปรกึ ษา พวกเธอรกู รรมท่ีเราทาํ แลวจึงปรึกษากนั หรือหนอแล อยางน้ี เธอชื่อวา มีสมาจารทตี่ นเองพงึ ระลึกถงึ ดว ยความระแวง. บทวา ปฏจิ ฺฉนฺนกมมฺ นฺโต ความวาผปู ระกอบดวยบาปกรรมท่ีตอ งปด บงั . บทวา อสฺสมโณ สมณปฏิฺโความวา บุคคลไมเปน สมณะเลย แตก ลบั ปฏญิ ญาอยา งนี้วา เราเปน สมณะเพราะเขาเปน สมณะเทียม. บทวา อพรฺ หฺมจารี พรฺ หฺมจารปี ฏิ ฺโ ความวา บคุ คลไมเ ปนพรหมจารเี ลย แตเหน็ ผูอนื่ ท่ีเปนพรหมจารนี งุ หม เรียบรอ ย ครองผา สีดอกโกสมุเท่ยี วบิณฑบาต เลย้ี งชวี ิตอยใู นคามนคิ มราชธานี ก็ทาํ เปน เหมอื นใหป ฏญิ ญาวา เราเปนพรหมจารี เพราะแมต นเองก็ปฏบิ ัติดวยอาการเชน นัน้ คืออยา งนัน้ . แตเม่ือกลา ววา เราเปน ภกิ ษุ แลว เขา ไปยังโรงอโุ บสถเปนตน ชอื่ วาปฏญิ ญาวา เปน พรหมจารี แททีเดียว. เม่ือจะรับลาภของสงฆกท็ ํานองเดยี วกันคือปฏิญญาวา เปน พรหมจาร.ี บทวา อนโฺ ตปูติ ไดแ ก มภี ายในหมกั หมมดว ยกรรมเสีย. บทวาอวสสฺ โุ ต ไดแ ก ผูเ ปย กชุมดวยกิเลสทงั้ หลายมรี าคะเปนตน ทเ่ี กดิ อยเู สมอบทวา ตสสฺ น เอว โหติ ความวา บคุ คลน้นั ไมม คี วามคิดอยา งน้ีเพราะเหตไุ ร เพราะเขาไมม ีอปุ นสิ ัยแหง โลกตุ รธรรม. บทวา ตสฺส เอวโหติ ความวา เพราะเหตุไร เธอจึงมีความคดิ อยา งนี้ เพราะเธอเปน ผมู ีปกตทิ ําใหบ ริบรู ณในมหาศีล. จบอรรถกถาภกิ ขสุ ูตรที่ ๓
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 35 ๔. จกั กวัตตสิ ูตร วา ดวยราชาของพระเจาจักรพรรดแิ ละของพระพทุ ธองค [๔๕๓] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย แมพ ระเจา จกั รพรรดิ ผทู รงธรรมเปน ธรรมราชา ยอมไมย งั จักรอนั ไมมพี ระราชาใหเ ปน ไป ครน้ั พระผมู ีพระ-ภาคเจา ตรสั อยางนี้แลว ภิกษุรูปหนึ่งไดก ราบทูลถามพระผูมพี ระภาคเจา วาขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ ก็ใครเปน พระราชาของพระเจาจกั รพรรดิผูท รงธรรมเปนธรรมราชา พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภิกษุ ธรรม เปน พระราชาของพระเจาจกั รพรรดิ พระเจาจกั รพรรดิ ... ทรงอาศัยธรรมนัน่ แล ทรงสักการะ ... เคารพ ... นบนอบธรรม มธี รรมเปนธง มธี รรมเปนตรา มีธรรมเปน อธปิ ไตย จัดการรกั ษาปองกนั คมุ ครองอยา งยุติธรรม ในอันโตชน๑... ในกษตั รยิ ... ในอนยุ นต๒ ... ในทหาร ... ในพราหมณคฤหบดี ... ในชาวนคิ มชนบท ... ในสมณพราหมณ ... ในเน้อื และนกท้ังหลาย ดกู อ นภิกษุพระเจาจักรพรรดิ ... นั้นแล ครน้ั ทรงอาศยั ธรรม ทรงสกั การะ ... เคารพ ...นบนอบธรรม มีธรรมเปนธง มีธรรมเปนตรา มีธรรมเปนอธปิ ไตย จัดการรกั ษาปองกนั คมุ ครองอยา งยตุ ธิ รรม ในอันโตชน ... ในกษัตริย ... ในอนยุ นต ... ในทหาร ... ในพราหมณคฤหบดี ... ในชาวนคิ มชนบท ... ในสมณพราหมณ ... ในเน้ือและนกท้ังหลายแลว ทรงยงั จกั รใหเ ปน ไปโดยธรรมนัน้ เทียว จกั รนนั้ จึงเปนจกั รอันขา ศกึ ผูเ ปนมนษุ ยไร ๆ ใหเปนไปตอบไมไ ด(คอื ตา นทานคัดคา นไมไ ด) ดูกอนภกิ ษุ พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะก็อยางน้ันเหมอื นกนัเปนผูทรงธรรม เปนพระธรรมราชา ทรงอาศัยธรรมเทา นนั้ ทรงสกั การะ ...๑. คนในครัวเรือน คือ ในราชสาํ นัก ๒. ราชบรพิ าร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 602
Pages: