พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 1 พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ที่ ๑ขอนอบนอมแดพ ระผมู ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา พระองคน ั้น ๑. พรหมชาลสูตร เรือ่ งทฏิ ฐิ ๖๒ (๑) ขาพเจาไดสดบั มาอยางน้ี สมัยหนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจา เสด็จดําเนินทางไกลระหวางกรงุ ราชคฤห และ เมอื งนาลนั ทา พรอมดวยภกิ ษสุ งฆหมใู หญป ระมาณ๕๐๐ รูป. แม สุปปย ปรพิ าชก กเ็ ดินทางไกลระหวา ง กรุงราชคฤหและ เมอื งนาลนั ทา พรอ มดว ยพรหมทตั ตมาณพผเู ปน อนั เตวาสิก.ไดยนิ วา ในระหวา งทางนัน้ สุปปย ปรพิ าชก กลา วตพิ ระพุทธเจาติพระธรรม ตพิ ระสงฆ โดยอเนกปรยิ าย. สว นพรหมทัตตมาณพอนั เตวาสกิ ของสุปปย ปริพชก กลา วชมพระพุทธเจา ชมพระธรรมชมพระสงฆ โดยอเนกปรยิ าย. อาจารยและอนั เตวาสกิ ทัง้ สองน้นั มีถอยคําเปน ขา ศึกแกกนั และกนั โดยตรงฉะนี้ เดินตามพระผมู ีพระภาคเจาและภกิ ษุสงฆไปขา งหลงั ๆ.
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 2 ลาํ ดบั นัน้ พระผมู ีพระภาคเจา เสด็จเขา ประทบั พักแรมราตรีหน่งึณ พระตาํ นักหลวงในพระราชอทุ ยานอมั พลัฏฐิกา พรอ มดวยภกิ ษุสงฆ. แมส ปุ ปยปรพิ าชกกไ็ ดเ ขาพกั แรมราตรหี นงึ่ ใกลพ ระตาํ หนักหลวงในพระราชอุทยานอมั พลัฏฐกิ า กบั พรหมทัตตมาณพผเู ปนอันเตวาสกิ .ไดย นิ วา แม ณ ทน่ี น้ั สปุ ปยปรพิ าชกก็ยงั กลา วตพิ ระพทุ ธเจา ติพระธรรม ติพระสงฆ โดยอเนกปริยาย. สว นพรหมทัตตมาณพอนั เตวาสกิ ของสุปปยปรพิ าชก คงกลาวชมพระพุทธเจา ชมพระธรรมชมพระสงฆ โดยอเนกปรยิ าย. อาจารยและอนั เตวาสิกท้ังสองนั้น มีถอ ยคําเปน ขาศึกแกกันและกันโดยตรงฉะน้ี เดนิ ตามพระผูมีพระภาคเจาและภิกษสุ งฆไ ปขา งหลงั ๆ. คร้ังนน้ั ภกิ ษุหลายรปู ลกุ ขน้ึ ในเวลาใกลรุง น่งั ประชมุ กัน ณโรงกลม สนทนากนั วา ทานทง้ั หลาย เทาทพี่ ระผมู ีพระภาคเจา ผรู ผู ูเหน็เปน พระอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาพระองคน นั้ ทรงทราบความท่ีหมูสัตวมีอธั ยาศยั ตาง ๆ กนั ไดเปนอยา งดนี ้ี นาอศั จรรย ไมเ คยมี ความจริงสุปปย ปริพาชกผูนี้ กลาวติพระพุทธเจา ตพิ ระธรรม ตพิ ระสงฆ โดยอเนกปริยาย สวนพรหมทัตตมาณพ อนั เตวาสกิ ของสุปปย ปรพิ าชกกลา วชมพระพทุ ธเจา ชมพระธรรม ชมพระสงฆ โดยอเนกปรยิ ายอาจารยและอันเตวาสิกท้ังสองนี้ มถี อ ยคําเปน ขา ศึกแกก ันและกันโดยตรงฉะน้ี เดนิ ตามพระผมู พี ระภาคและภกิ ษุสงฆไปขางหลงั ๆ. ลาํ ดบั นัน้ พระผูมพี ระภาคเจาทรงทราบคาํ สนทนาของภิกษุเหลา น้นั แลว เสดจ็ ไปยงั โรงกลมประทับนง่ั ณ อาสนะท่ีเขาจดั ถวาย.ครนั้ ประทบั นัง่ แลว พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามภกิ ษทุ ัง้ หลายวา ดกู อ น
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 3ภกิ ษทุ ง้ั หลาย บัดนี้ เธอท้งั หลายนง่ั ประชมุ สนทนากันถงึ เร่อื งอะไร และเรอื่ งอะไรทีพ่ วกเธอพูดคางไว. เม่อื ตรสั อยางนแ้ี ลว ภกิ ษุเหลา นนั้ ไดกราบทลู พระผมู ีพระภาคเจาดังน้วี า พระเจา ขา ณ ท่ีน้เี มื่อพวกขา พระองคลกุ ขน้ึ ในเวลาใกลรงุ นั่งประชมุ กนั อยูทโี่ รงกลม สนทนากนั วา ทานท้ังหลาย เทาทพี่ ระผมู พี ระภาคเจาผูรูผเู หน็ เปนพระอรหนั ตสมั มา-สมั พทุ ธเจาพระองคนั้น ทรงทราบความทห่ี มสู ัตวม ีอัธยาศยั ตาง ๆ กันไดเปนอยา งดีนี้ นา อัศจรรย ไมเ คยมี ความจริง สปุ ปย ปรพิ าชกผนู ้ีกลา วติพระพุทธเจา ติพระธรรม หรือตพิ ระสงฆ โดยอเนกปรยิ ายสวนพรหมทตั ตมาณพอันเตวาสิกของสปุ ปย ปรพิ าชก กลาวชมพระพทุ ธเจา ชมพระธรรม หรอื ชมพระสงฆ โดยอเนกปรยิ าย อาจารยและอนั เตวาสิกท้ังสองนี้ มีถอ ยคาํ เปนขาศึกแกกันและกันโดยตรงฉะนี้เดนิ ตามพระผูม พี ระภาคเจาและภกิ ษสุ งฆไปขางหลงั ๆ พระเจา ขา เรอ่ื งนีแ้ ล ทพ่ี วกขา พระองคพ ดู คา งไว พอดีพระองคเ สดจ็ มาถึง พระผูมีพระภาคเจา ตรสั วา ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย คนเหลาอนื่จะพึงกลาวตเิ รา ตพิ ระธรรม หรือตพิ ระสงฆ ก็ตาม เธอทั้งหลายไมควรทาํ ความอาฆาต โทมนสั แคน ใจในคนเหลา นั้น. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลายคนเหลา อืน่ พงึ กลาวตเิ รา ติพระธรรม ตพิ ระสงฆ กต็ าม ถาเธอทงั้ หลายจักขุนเคอื ง หรือจกั นอ ยใจในคนเหลานนั้ ดวยเหตนุ ั้น อนั ตรายพึงมีแกเธอท้งั หลายนแ่ี หละ. ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย คนเหลาอ่นื พงึ กลา วตเิ รา ตพิ ระธรรม หรือติพระสงฆ ก็ตาม ถาเธอทง้ั หลายจักขนุ เคืองหรือจักนอ ยใจในคนเหลา น้นั เธอท้งั หลายพึงรูคําท่เี ปนสุภาษติ ของคนเหลา อนื่ ไดล ะหรอื . ภกิ ษทุ ้งั หลายกราบทูลวา ขอนั้นหามไิ ดพ ระเจาขา .
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 4พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย คนเหลาอ่ืนพึงกลาวตเิ รา ตพิ ระธรรม หรอื ติพระสงฆ ก็ตาม ในคําท่เี ขากลาวตนิ ั้น คาํ ที่ไมจ รงิ เธอทง้ั หลายควรแกใ หเห็นโดยความไมเปน จริงวา นน่ั ไมจรงิแมเพราะเหตนุ ี้ นั่นไมแ ทแมเ พราะเหตุนี้ แมขอ นนั่ กไ็ มมีในเราทงั้ หลายและในเราท้งั หลายกไ็ มม ขี อ น้ัน. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย คนเหลา อน่ื พึงกลา วชมเรา ชมพระธรรมหรอื ชมพระสงฆ ก็ตาม เธอทง้ั หลายไมควรทาํ ความเพลิดเพลนิดใี จ เบกิ บานใจในคําชมน้ัน. ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย คนเหลาอนื่พึงกลาวชมเรา ชมพระธรรม หรอื ชมพระสงฆก ต็ าม ถา เธอทั้งหลายจักเพลิดเพลิน ดใี จ เบิกบานใจในคาํ ชมนั้น ดว ยเหตุนัน้ อันตรายพึงมีแกเ ธอท้งั หลายนี่แหละ. ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย คนเหลา อ่ืนพึงกลาวชมเรา ชมพระธรรมหรือชมพระสงฆก ต็ าม ในคําที่เขากลาวชมนั้น คําทีจ่ ริง เธอทั้งหลายควรปฏญิ าณใหเห็นโดยความเปนจรงิ วา น่นั จริงแมเ พราะเหตนุ ้ี แมข อนัน่ กม็ ีในเราทง้ั หลาย และในเราท้งั หลายกม็ ขี อน้นั . จุลศลี (๒) ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็เมื่อปุถุชนกลาวชมตถาคต พงึกลาวดว ยประการ น่นั มีประมาณนอ ยนัก ยงั ต่ํานัก เปน เพียงศีล.ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ก็ขอ ท่ีปุถุชนกลา วชมตถาคต. . . เพียงศีลน้ันเปนไฉน.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 5 (๓) ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย อีกอยา งหนง่ึ เม่อื ปถุ ุชนกลา วชมตถาคต พงึ กลา วชมอยางนวี้ า ๑. พระสมณโคดม ละการฆาสัตว เวน ขาดจากการฆา สัตววางทณั ฑะ วางสาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มคี วามกรณุ าหวังประโยชนเก้อื กูลแกส ตั วทัง้ ปวงอย.ู ๒. พระสมณโคดม ละการลักทรพั ย เวนขาดจากการลักทรพั ย รบั แตข องท่เี ขาให ตองการแตของทเี่ ขาให ไมป ระพฤติตนเปนขโมย เปนคนสะอาดอยู. ๓. พระสมณโคดม ละกรรมเปน ขา ศึกแกพ รหมจรรยประพฤตพิ รหมจรรย ประพฤติหางไกลเวน จากเมถนุ ซึ่งเปนเรื่องของชาวบา น. (๔) ดกู อนภิกษุท้ังหลาย อีกอยางหนง่ึ เม่อื ปุถุชนกลาวชมตถาคต พึงกลา วชมอยางน้ีวา ๔. พระสมณโคดม ละการพดู เท็จ เวน ขาดจากการพดู เท็จพดู คําจรงิ ดํารงคาํ สัตย มถี อยคาํ เปน หลักฐาน ควรเช่ือ ไมพ ดู ลวงโลก. ๕. พระสมณโคดม ละคําสอ เสียด เวน ขาดจากคําสอ เสยี ดฟง จากขางน้แี ลว ไมบ อกขางโนน เพ่ือใหค นหมนู แี้ ตกกัน หรอื ฟงจากขางโนน แลวไมบอกขางนี้ เพอ่ื ใหค นหมูโนนแตกกนั สมานคนทแ่ี ตกกันแลว บา ง สงเสรมิ คนท่พี รอมเพรยี งกันแลวบา ง ชอบคนที่พรอมเพรยี งกัน ยินดใี นคนที่พรอ มเพรยี งกนั เพลดิ เพลนิ ในคนทพ่ี รอ มเพรยี งกนักลา วแตคาํ ทีท่ าํ ใหคนพรอมเพรียงกัน.
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 6 ๖. พระสมณโคดม ละคําหยาบ เวน ขาดจากคาํ หยาบกลา วแตคําท่ีไมม ีโทษ เพราะหู ชวนใหรัก จบั ใจ เปนคําของชาวเมอื ง คนโดยมากรกั ใคร ชอบใจ. ๗. พระสมณโคดม ละคําเพอ เจอ เวน ขาดจากคาํ เพอ เจอพูดถูกกาล พูดคําจรงิ พดู อิงอรรถ พดู องิ ธรรม พูดองิ วนิ ยั พูดคํามีหลักฐาน มที ีอ่ า ง มีทีก่ าํ หนด ประกอบดว ยประโยชน โดยกาลอนั ควร. (๕) ๘. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการพรากพชื คามและภูตคาม. (๖) ๙. พระสมณโคดม ฉนั อาหารหนเดียว เวนการฉนั ในราตรี งดการฉนั ในเวลาวิกาล. ๑๐. พระสมณโคดม เวนขาดจากการฟอ นราํ ขบั รอ งประโคมดนตรี และดูการเลนอนั เปน ขา ศกึ . ๑๑. พระสมณโคดม เวนขาดจากการทัดทรงประดบั ตกแตงรา งกาย ดวยดอกไมของหอม และเครอ่ื งประเทืองผวิ ซ่ึงเปน ฐานแหงการแตง ตวั . ๑๒. พระสมณโคดม เวนขาดจากท่นี อนที่นง่ั สูง และท่ีนอนท่ีน่ังใหญ. ๑๓. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการรบั ทองและเงิน. (๗) ๑๔. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรบั ธัญญชาติดิบ. ๑๕. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรับเน้ือดิบ. ๑๖. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรับสตรแี ละเดก็ หญิง. ๑๗. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรับทาสแี ละทาส.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 7 ๑๘. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรบั แพะและแกะ. ๑๙. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการรับไกแ ละสกุ ร. ๒๐. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรบั ชาง โค มา และลา. ๒๑. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการรบั นาและไร. (๘) ๒๒. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการเปน ทูตและการรบั ใช. ๒๓. พระสมณโคดม เวนขาดจากการซื้อและการขาย. ๒๔. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการโกงดวยตาชง่ั การโกงดวยโลหะ และการโกงดว ยเครือ่ งตวงวดั . ๒๕. พระสมณโคดม เวนขาดจากการรับสินบน การลอ ลวงและการตลบตะแลง. ๒๖ พระสมณโคดม เวนขาดจากการฟน การฆา การจองจาํ การตีชิง การปลน การจ.้ี จบจลุ ศลี มชั ฌมิ ศีล (๙) ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อีกอยา งหน่งึ เมอื่ ปุถชุ นกลาวชมตถาคต พึงกลา วชมอยา งนวี้ า ๑. พระสมณโคดม เวนขาดจากการพรากพชื คามและภตู -คาม อยางที่สมณพราหมณผเู จริญบางจําพวกฉนั โภชนะทเ่ี ขาใหด ว ยศรทั ธา
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 8แลว ยังประกอบการพรากพืชคามและภตู คามเห็นปานนอ้ี ยูเนือง ๆ คือพชื เกดิ แตเ งา พืชเกดิ แตล ําตน พืชเกิดแตผ ล พืชเกิดแตยอด พชื เกิดแตเมล็ด เปน ทีห่ า . (๑๐) ๒. พระสมณโคดม เวนขาดจากการบรโิ ภคของทีส่ ะสมไวอยา งท่สี มณพราหมณผเู จรญิ บางจาํ พวกฉนั โภชนะทเี่ ขาใหดว ยศรัทธาแลวยังประกอบการบริโภคของที่สะสมไวเหน็ ปานนี้อยูเนอื ง ๆ คอื สะสมขาวสะสมน้ํา สะสมผา สะสมยาน สะสมท่นี อน สะสมเครื่องประเทอื งผวิสะสมของหอม สะสมอามสิ . (๑๑) ๓. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการเลนที่เปนขาศึกแกกุศล อยางทส่ี มณพราหมณผ ูเจริญบางจําพวกฉันโภชนะท่ีเขาใหด ว ยศรัทธาแลว ยังขวนขวายดูการเลน ท่ีเปน ขาศกึ แกก ุศลเห็นปานนอี้ ยูเนอื ง ๆ คอื การฟอน การขับรอง การประโคม มหรสพมีการรําเปนตน การเลา นยิ าย การเลนปรบมอื การเลน ปลกุ ผี การเลนตกี ลองฉากภาพบา นเมืองท่ีสวยงาม การเลน ของคนจณั ฑาล การเลนไมส งูการเลนหนา ศพ ชนชาง ชนมา ชนกระบอื ชนโค ชนแพะ ชนแกะชนไก ชนนกกระทา ราํ กระบกี่ ระบอง มวยชก มวยปล้ํา สนามรบการตรวจพล การจัดกระบวนทัพ การดกู องทัพ. (๑๒) ๔. พระสมณโคดม เวนขาดจากการขวนขวายเลนการพนันอันเปน ท่ีตัง้ แหง ความประมาท อยา งทสี่ มณพราหมณผเู จริญบางจําพวกฉันโภชนะที่เขาใหดว ยศรทั ธาแลว ยงั ขวนขวายเลน การพนนั อันเปนท่ีต้งั แหง ความประมาทเห็นปานนี้อยูเ นอื ง ๆ คอื เลนหมากรุกแถวละแปดตา แถวละสบิ ตา เลน หมากเกบ็ เลน ดวด เลน หมากไหว เลน
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 9โยนบวง เลนไมหึ่ง เลน กําทาย เลนสะกา เลนเปาใบไม เลนไถนานอ ย ๆ เลนหกคะเมน เลน กังหัน เลนตวงทราย เลนรถนอย ๆ เลนธนนู อ ย ๆ เลนทายอกั ษร เลน ทายใจ เลน เลียนคนพกิ าร. (๑๓) ๕. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการนัง่ นอนบนที่น่ังทนี่ อนอันสูงใหญ อยางท่ีสมณพราหมณผ เู จรญิ บางจาํ พวกฉัน โภชนะทเ่ี ขาใหด ว ยศรทั ธาแลว ยงั นั่งนอนบนท่นี ่ังทนี่ อนอนั สูงใหเห็นปานนี้อยูเนือง ๆ คือเตียงมเี ทา เกินประมาณ เตยี งมีเทา ทําเปนรูปสตั วร า ย พรมทาํ ดว ยขนสัตว เคร่ืองลาดทําดว ยขนแกะอันสวยงาม เครื่องลาดทาํ ดว ยขนแกะสขี าว เครื่องลาดทาํ ดว ยขนแกะเปนรูปดอกไม เครือ่ งลาดทยี่ ัดนุนเครอื่ งลาดทําดว ยขนแกะวจิ ติ รดว ยรูปสัตวตาง ๆ เคร่อื งลาดทาํ ดวยขนแกะมีขนตงั้ เครื่องลาดทาํ ดว ยขนแกะมขี นขางเดยี ว เครอ่ื งลาดทาํ ดวยทองและเงนิ แกมไหม เครื่องลาดไหมขลิบทองและเงิน เครอ่ื งลาดขนแกะและจหุ ญงิ ฟอ นได ๑๖ คน เครอื่ งลาดหลังชาง เครอื่ งลาดหลงั มาเครือ่ งลาดในรถ เคร่อื งลาดทีท่ าํ ดวยหนงั เสอื เครอ่ื งลาดอยางดี ท่ที าํดว ยหนังชะมด เครื่องลาดมีเพดาน เครอื่ งลาดมีหมอนสองขาง. (๑๔) ๖. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการประดับตกแตงรา งกาย อยา งทส่ี มณพราหมณผูเจรญิ บางจาํ พวกฉนั โภชนะทีเ่ ขาใหด ว ยศรทั ธาแลว ยงั ขวนขวายประดับตกแตงรา งกายเหน็ ปานน้อี ยูเนือง ๆ คืออบตวั ไคลอวยั วะ อาบน้ําหอม นวด สอ งกระจก แตมตา ทดั ดอกไมประเทอื งผิว ผดั หนา ทาปาก ประดบั ขอมอื สวมเกีย้ ว ใชไ มเ ทาใชกลกั ยา ใชด าบ ใชม ีดสองคม ใชรม สวมรองเทาสวยงาม ตดิกรอบหนา ปกปน ใชพัดวาลวชี นี นงุ หม ผา ขาว นุง หม ผา มีชายยาว.
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 10 (๑๕) ๗. พระสมณโคดม เวนขาดจากติรจั ฉานกถา อยา งท่ีสมณพราหมณผเู จรญิ บางจําพวกฉันโภชนะทเ่ี ขาใหดว ยศรัทธาแลว ยงัประกอบดริ จั ฉานกถาเหน็ ปานนอี้ ยูเ นือง ๆ คอื เร่อื งพระราชา เรื่องโจรเรอื่ งมหาอํามาตย เรือ่ งกองทพั เรือ่ งภัย เร่อื งสงคราม เรื่องขา ว เรื่องนา้ํเร่ืองผา เร่อื งท่นี อน เรอ่ื งดอกไม เรือ่ งของหอม เรื่องญาติ เร่อื งยานเรื่องบา น เรื่องนคิ ม เรอื่ งนคร เร่อื งชนบท เรื่องสตรี เรือ่ งบุรษุเร่ืองคนกลา เรอื่ งตรอก เรื่องทา นํา้ เรื่องคนที่ลว งลับไปแลว เรอื่ งเบด็ เตลด็ เร่ืองโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจรญิ และความเส่ือมดว ยประการนัน้ ๆ. (๑๖) ๘. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการพูดแกงแยงกนัอยา งที่สมณพราหมณผเู จริญบางจําพวกฉันโภชนะทเี่ ขาใหดวยศรทั ธาแลวยงั พูดแกงแยง กันเหน็ ปานนอ้ี ยูเนอื ง ๆ คอื ทานไมร ทู ่วั ถึงธรรมวนิ ัยนี้ขาพเจา รทู ัว่ ถงึ ทานจกั รทู ่วั ถงึ ธรรมวินยั น้ไี ดอ ยา งไร ทานปฏบิ ตั ิผิดขาพเจาปฏิบัติถกู คําพดู ของขา พเจามปี ระโยชน ของทา นไมมปี ระโยชนคําทค่ี วรกลา วกอ น ทา นกลาวทีหลัง คําท่ีควรจะกลา วทหี ลงั ทานกลา วกอ น ขอท่ีทา นเคยช่ําชองมาไดผ นั แปรไปแลว ขาพเจาจบั ผิดวาทะของทานได ขา พเจาขมทานไดแลว ทา นจงถอนวาทะเสีย มฉิ ะนน้ั จงแกไขเสีย ถาสามารถ. (๑๗) ๙. พระสมณโคดม เวนขาดจากการเปนทตู และการรับใช อยางทส่ี มณพราหมณผ เู จริญบางจําพวกฉันโภชนะทเ่ี ขาใหดวยศรัทธาแลว ยงั ขวนขวายประกอบการเปนทูตและการรบั ใชเ หน็ ปานนอ้ี ยูเนือง ๆ คอื รบั เปน ทูตของพระราชา มหาอาํ มาตยข องพระราชา กษัตรยิ พราหมณ คฤหบดี และกุมารวา จงไปทน่ี ี้ จงไปทีโ่ นน จงนําเอาสิ่ง
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 11นี้ไป จงนาํ เอาสิง่ ในทโี่ นน มา ดงั น.ี้ (๑๘) ๑๐. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการพูดหลอกลวง และการพดู เลยี บเคียง อยางท่สี มณพราหมณผเู จริญบางจําพวกฉันโภชนะทเี่ ขาใหด วยศรทั ธาแลว พูดเลียบเคยี ง พดู หวานลอ ม พูดและเล็ม แสวงหาดว ยลาภ. จบมัชฌมิ ศีล มหาศลี (๑๙) ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อกี อยา งหนง่ึ เมอ่ื ปุถชุ นกลา วชมตถาคต พงึ กลาวชมอยา งนี้วา ๑. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผดิ ดว ยติรจั ฉานวชิ า อยา งทส่ี มณพราหมณผเู จริญบางจําพวกฉันโภชนะท่ีเขาใหด วยศรทั ธาแลว ยงั เล้ียงชีพโดยทางผดิ ดว ยตริ จั ฉานวิชาเหน็ ปานน้ีคอื ทายอวยั วะ ทายนิมติ ทายอุปบาต ทาํ นายฝน ทาํ นายลักษณะทํานายหนกู ัดผา ทาํ พิธบี ูชาไฟ ทาํ พิธีเบิกแวน เวียนเทียน ทาํ พธิ ีซดั แกลบบูชาไฟ ทาํ พธิ ซี ัดราํ บชู าไฟ ทาํ พธิ ซี ัดขา วสารบชู าไฟ ทําพธิ ีเติมเนยบชู าไฟ ทาํ พิธเี ติมน้ํามนั บชู าไฟ ทําพธิ เี สกเปาบชู าไฟ ทําพลกี รรมดวยโลหิต เปนหมอดอู วัยวะ ดูลกั ษณะพื้นที่ ดูลกั ษณะทไ่ี รน าเปน หมอปลุกเสก เปนหมอผี เปน หมอลงเลขยนั ตคุมกันบา นเรอื น เปนหมองู เปน หมอยาพิษ เปน หมอแมลงปอง เปน หมอรกั ษาแผลหนกู ดัเปนหมอทายเสียงนก เปน หมอทายเสียงกา เปน หมอทายอายุ เปน หมอ
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 12เสกกนั ลูกศร เปนหมอดูรอยเทาสัตว (๒๐) ๒. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดดว ยตริ ัจฉานวชิ า อยา งทสี่ มณพราหมณผูเจรญิ บางจาํ พวกฉนั โภชนะท่ีเขาใหด วยศรทั ธาแลว ยงั เล้ยี งชพี โดยทางผิดดวยติรัจฉานวชิ าเหน็ ปานนี้คอื ทายลกั ษณะแกว มณี ทายลกั ษณะไมพลอง ทายลกั ษณะผา ทายลักษณะศาสตรา ทายลกั ษณะดาบ ทายลกั ษณะศร ทายลกั ษณะธนู ทายลักษณะอาวธุ ทายลกั ษณะสตรี ทายลกั ษณะบรุ ษุ ทายลกั ษณะกมุ ารทายลกั ษณะกมุ ารี ทายลกั ษณะทาส ทายลักษณะทาสี ทายลกั ษณะชางทายลกั ษณะมา ทายลกั ษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ ทายลักษณะโคทายลกั ษณะแพะ ทายลกั ษณะแกะ ทายลกั ษณะไก ทายลกั ษณะนกกระทา ทายลกั ษณะเห้ีย ทายลักษณะชอ ฟา ทายลักษณะเตา ทายลักษณะมฤค. (๒๑) ๓. พระสมณโคดม เวนขาดจากการเลี้ยงชพี โดยทางผิดดวยติรัจฉานวชิ า อยา งทีส่ มณพราหมณผูเจรญิ บางจําพวกฉันโภชนะทเี่ ขาใหดวยศรทั ธาแลว ยังเล้ียงชพี โดยทางผดิ ดวยติรัจฉานวชิ าเห็นปานนี้ คือดูฤกษยาตราทัพวา พระราชาจกั ยกออก พระราชาจักไมย กออก พระราชาภายในจกั เขา ประชดิ พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจกั เขา ประชิด พระราชาภายในจักถอย พระราชาภายในจกั มีชยั พระราชาภายนอกจักปราชยั พระราชาภายนอกจกั มชี ัย พระราชาภายในจักปราชัย พระราชาพระองคน ีจ้ กั มชี ัย พระราชาพระองคนจ้ี กั ปราชยัเพราะเหตนุ ี้ หรือเหตุน้ี.
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 13 (๒๒) ๔. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการเล้ยี งชีพโดยทางผดิ ดวยติรัจฉานวชิ า อยา งทส่ี มณพราหมณผเู จรญิ บางจาํ พวกฉนั โภชนะท่ีเขาใหดว ยศรัทธาแลว ยงั เลีย้ งชีพโดยทางผิดดว ยติรัจฉานวชิ าเห็นปานนี้คือ พยากรณว า จักมีจันทรคราส จักมสี ุรยิ คราส จกั มีนกั ษตั รคราสดวงจนั ทรดวงอาทิตยจกั เดนิ ถูกทาง ดวงจันทรด วงอาทิตยจักเดินผิดทางดาวนักษัตรจกั เดนิ ถูกทาง ดาวนกั ษัตรจักเดินผิดทาง จักมีอุกกาบาดจักมดี าวหาง จักมแี ผนดนิ ไหว จักมฟี า รอ ง ดวงจันทรดวงอาทิตยแ ละดาวนกั ษัตรจกั ขนึ้ ดวงจนั ทรด วงอาทิตยและดาวนกั ษตั รจกั ตก ดวงจันทรดวงอาทติ ยและดาวนกั ษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทรด วงอาทิตยและดาวนกั ษตั รจักกระจาง จันทรคราสจักมผี ลอยางนี้ สรุ ยิ คราสจกั มผี ลอยา งน้ีนกั ษัตรคราสจักมีผลอยางน้ี ดวงจันทรด วงอาทติ ยเ ดนิ ถกู ทางจกั มผี ลอยา งนี้ ดวงจันทรดวงอาทิตยเ ดินผดิ ทางจกั มผี ลอยา งน้ี ดาวนักษัตรเดนิ ถูกทางจกั มผี ลอยางนี้ ดาวนักษตั รเดินผดิ ทางจักมีผลอยางนี้ อกุ กา-บาตจกั มีผลอยางนี้ ดาวหางจักมผี ลอยางนี้ แผนดนิ ไหวจักมผี ลอยา งน้ีฟารอ งจกั มีผลอยา งนี้ ดวงจันทรด วงอาทติ ยแ ละดาวนักษตั รขน้ึ จักมผี ลอยา งน้ี ดวงจันทรดวงอาทติ ยแ ละดาวนักษตั รตกจักมผี ลอยา งน้ี ดวงจนั ทรด วงอาทิตยและดาวนกั ษัตรมัวหมองจักมีผลอยางนี้ ดวงจนั ทรดวงอาทติ ยและดาวนกั ษตั รกระจางจกั มผี ลอยางนี.้ (๒๓ ) ๕. พระสมณโคดม เวนขาดจากการเลย้ี งชพี โดยทางผิดดวยติรัจฉานวิชา อยางท่สี มณพราหมณผ ูเจริญบางจําพวกฉนั โภชนะที่เขาใหด วยศรัทธาแลว ยงั เลี้ยงชีพโดยทางผิดดว ยตริ จั ฉานวชิ าเห็นปานนี้ คอื
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 14พยากรณวา จักมฝี นดี จักมฝี นแลง จักมีภิกษาหาไดงา ย จักมภี ิกษาหาไดย าก จักมคี วามเกษม จกั มีภัย จกั เกดิ โรค จักมีความสําราญหาโรคมิได หรือนบั คะแนน คํานวณ นับประมวล แตง กาพย โลกายต-ศาสตร. (๒๔) ๖. พระสมณโคดม เวน ขาดจากการเลยี้ งชีพโดยทางผดิดวยติรจั ฉานวิชา อยา งที่สมณพราหมณผ เู จริญบางจําพวกฉันโภชนะที่เขาใหด วยศรัทธาแลว ยงั เลีย้ งชพี โดยทางผิดดวยติรัจฉานวิชาเหน็ ปานนี้คอื ใหฤ กษอาวาหมงคล ฤกษว ิวาหมงคล ดฤู กษเ รียงหมอน ดฤู กษหยา ราง ดูฤกษเ ก็บทรัพย ดูฤกษจ า ยทรพั ย ดโู ชคดี ดเู คราะหราย ใหยาผดุงครรภ รายมนตใ หล้ินกระดาง รา ยมนตใหค างแขง็ รายมนตใหมือส่ัน รา ยมนตไมใหห ูไดย ินเสียง เปน หมอทรงกระจก เปน หมอทรงหญิงสาว เปน หมอทรงเจา บวงสรวงพระอาทิตย บวงสรวงทาวมหาพรหมรายมนตพน ไฟ ทําพธิ เี ชิญขวัญ. (๒๕) ๗. พระสมณะโคดมเวน ขาดจากการเล้ยี งชีพโดยทางผดิดว ยตริ ัจฉานวิชา อยา งท่สี มณพราหมณผเู จริญบางจาํ พวกฉันโภชนะท่ีเขาใหดวยศรัทธาแลว ยังเลีย้ งชีพโดยทางผดิ ดวยตริ ัจฉานวิชาเห็นปานน้ีคือ ทําพธิ บี นบาน ทําพธิ แี กบน รา ยมนตขบั ผี สอนมนตปองกันบา นเรือน ทํากะเทยใหกลับเปน ชาย ทําชายใหกลายเปนกะเทย ทําพธิ ปี ลกู เรือน ทาํ พิธบี วงสรวงพื้นที่ พน นาํ้ มนต รดนํา้ มนต ทําพธิ ีบชู าไฟ ปรุงยาสาํ รอก ปรงุ ยาถา ย ปรงุ ยาถายโทษเบ้อื งบน ปรงุ ยาถา ยโทษเบื้องลาง ปรุงยาแกป วดศรี ษะ หงุ น้ํามันหยอดหู ปรงุ ยาตา
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 15ปรงุ ยานตั ถุ ปรงุ ยาทากดั ปรงุ ยาทาสมาน ปายยาตา ทาํ การผาตัด รักษาเด็ก ใสยา ชะแผล ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ขอ ทีป่ ถุ ชุ นกลาวชมตถาคตดวยประการใดซึง่ มีประมาณนอ ยนัก ยังตํ่านัก เปน เพียงศีลน้ัน เทาน้ันแล. จบมหาศลี ทฏิ ฐิ ๖๒ (๒๖) ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ยงั มธี รรมอยา งอืน่ อีกแล ทล่ี ึกซึ้งเหน็ ไดย าก รตู ามไดยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนไมได ละเอียด รไู ดเฉพาะบณั ฑิต ท่ตี ถาคตทาํ ใหแ จง ดวยปญ ญาอนั ยง่ิ เอง แลว สอนผูอืน่ ใหรแู จง อนั เปนเหตุใหคนทั้งหลายกลา วชมตถาคตตามความเปนจริงโดยชอบ. ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย กธ็ รรมเหลาน้นั ท่ลี กึ ซ้ึง เหน็ ไดย ากสงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมไ ด ละเอยี ด รูไ ดเฉพาะบณั ฑติ ที่ตถาคตทาํ ใหแ จงดวยปญ ญาอันย่ิงเอง แลว สอนผอู ืน่ ใหร ูแ จง อนั เปนเหตใุ หคนทั้งหลายกลาวชมตถาคตตามความเปนจรงิ โดยชอบ เหลา นั้นเปน ไฉน. ก. ปพุ พนั ตกัปปกทฏิ ฐิ ๑๘ (๒๗) ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย มสี มณพราหมณพ วกหน่งึ กาํ หนดขันธสวนอดีต มีความเหน็ ไปตามขันธส วนอดตี ปรารภขนั ธส ว นอดีตกลา วคําแสดงทิฏฐหิ ลายชนดิ ดว ยวัตถุ ๑๘ ประการ. ก็สมณพราหมณ
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 16ผูเ จรญิ เหลาน้นั อาศัยอะไร ปรารภอะไร จงึ กําหนดขันธสวนอดีต มีความเหน็ ไปตามขันธส ว นอดีต กลา วคาํ แสดงทฏิ ฐหิ ลายชนิดดว ยวตั ถุ ๑๘ประการ. สัสสตทิฏฐิ ๔ ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย มสี มณพราหมณพวกหนง่ึ มวี าทะวา เทีย่ งบญั ญตั ิอตั ตาและโลกวา เท่ียง ดวยวัตถุ ๔ ประการ. ก็สมณพราหมณผเู จริญเหลา นัน้ อาศยั อะไร ปรารภอะไร จงึ มีวาทะวาเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลก วาเทยี่ ง ดว ยวัตถุ ๔ ประการ. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย สมณะหรือพราหมณบ างพวกในโลกนี้ อาศยัความเพียรเคร่อื งเผากเิ ลส อาศยั ความเพยี รทีต่ ้ังม่ัน อาศัยการประกอบเนือง ๆ อาศัยความไมประมาท อาศยั มนสกิ ารโดยชอบ แลว สัมผสัเจโตสมาธิอนั เปน เครื่องใหจติ ต้งั ม่ัน (บรสิ ทุ ธิ์ ผดุ ผอ ง ไมม ีกเิ ลสเคร่อื งยียวน ปราศจากอุปกิเลส ) ระลึกถึงขนั ธท ีเ่ คยอาศยั อยูในกาลกอนไดหลายประการ คือ ระลึกชาตไิ ด ชาตหิ นงึ่ บา ง สองชาติบาง สามชาติบา ง ส่ีชาติบา ง หาชาตบิ า ง สิบชาติบาง ยีส่ ิบชาติบา ง สามสิบชาติบางส่ีสบิ ชาติบาง หาสบิ ชาติบาง รอยชาติบา ง พันชาตบิ า ง แสนชาติบา งหลายรอ ยชาติบาง หลายแสนชาติบาง วา ในภพโนน เรามีชือ่ อยา งน้ันมโี คตรอยา งน้นั มผี วิ พรรณอยา งนน้ั มีอาหารอยา งนั้น เสวยสขุ เสวยทกุ ขอ ยางน้นั มกี าํ หนดอายุเทา นั้น ครนั้ จุติจากภพน้ันแลว ไดไ ปเกิดในภพโนน แมในภพนั้น เราก็มีชอื่ อยา งนัน้ มโี คตรอยา งนน้ั มผี ิวพรรณอยา งน้นั มอี าหารอยา งนนั้ เสวยสุขเสวยทกุ ขอยา งน้นั ๆ มีกําหนด
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 17อายเุ ทา น้นั ครนั้ จตุ ิจากภพนน้ั แลว ไดมาเกดิ ในภพนี้ ตามระลกึ ถึงขนั ธท่ีเคยอาศัยอยูใ นกาลกอ นไดหลายประการพรอ มท้งั อาการ พรอมทงั้ อเุ ทศฉะน.ี้ เขากลา วอยางน้วี า อตั ตาและโลกเที่ยง เปน หมนั ตงั้ มน่ั ดุจยอดภูเขา ตัง้ มนั่ ดุจเสาระเนียดที่ตัง้ อยู สว นสตั วเหลาน้นั ยอมแลนไปยอมทองเทย่ี วไป ยอ มจุติ ยอ มอบุ ัติ แตสง่ิ ทเี่ ที่ยงเสมอ คงมีอยูแ ท.ขอ น้ีเพราะเหตุไร. เพราะเหตวุ า ขา พเจาอาศัยความเพียรเครื่องเผากเิ ลส อาศัยความเพยี รที่ตง้ั มน่ั อาศยั การประกอบเนอื ง ๆ อาศยั ความไมประมาท อาศยัมนสิการโดยชอบ จึงสัมผสั เจโตสมาธอิ นั เปนเครื่องใหจ ิตต้งั มนั่ ระลกึถงึ ขนั ธที่เคยอาศัยอยูใ นกาลกอ นไดห ลายประการ คอื ตามระลกึ ชาติไดชาตหิ นึ่งบาง สองชาติบาง สามชาตบิ า ง ส่ชี าติบาง หา ชาติบาง สิบชาตบิ าง ย่ีสิบชาติบา ง สามสบิ ชาตบิ า ง ส่ีสิบชาติบาง หาสิบชาติบางรอ ยชาติบา ง พนั ชาติบา ง แสนชาตบิ าง หลายรอยชาตบิ าง หลายพนัชาติบา ง หลายแสนชาตบิ า ง วา ในภพโนน เรามีช่อื อยางน้นั มีโคตรอยางนนั้ มีผิวพรรณอยางนน้ั มีอาหารอยา งนั้น เสวยสขุ เสวยทกุ ขอยางน้นั ๆ มีกําหนดอายุเทา นน้ั ครน้ั จตุ ิจากภพนั้นแลวไดไ ปเกดิ ในภพโนนแมใ นภพนน้ั เราก็มีชื่ออยา งน้นั มโี คตรอยางน้ัน มีผิวพรรณอยางนั้นมีอาหารอยา งน้นั เสวยสุขเสวยทกุ ขอ ยา งนัน้ ๆ มกี าํ หนดอายเุ ทาน้นัครั้นจตุ จิ ากภพน้ันแลวไดมาเกดิ ในภพนี้ ระลึกถงึ ขันธทเี่ คยอาศัยอยใู นกาลกอ นไดห ลายประการ พรอมทัง้ อาการ พรอมทัง้ อุเทศ ฉะน้.ี ดว ยการบรรลุคุณวเิ ศษนี้ ขาพเจาจึงรูอาการท่อี ตั ตาและโลกเทีย่ ง เปนหมัน ต้ังมนั่ ดุจยอดภเู ขา ต้งั มน่ั ดจุ เสาระเนยี ดทต่ี ง้ั อยู สว นสตั วเหลานนั้
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 18ยอ มแลน ไป ยอมทอ งเที่ยวไป ยอ มจตุ ิ ยอมอบุ ัติ แตส่งิ ท่ีเทีย่ งเสมอคงมีอยแู ท. ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย น้ีเปน ฐานะท่ี ๑ ที่สมณพราหมณพ วกหนงึ่ อาศยั แลว ปรารภแลว จงึ มวี าทะวา เที่ยง บัญญตั อิ ตั ตาและโลกวาเทย่ี ง. (๒๘) ๒. อนงึ่ ในฐานะท่ี ๒ สมณพราหมณผูเ จริญ อาศยัอะไร ปรารภอะไร จึงมวี าทะวา เทยี่ ง บญั ญตั ิอัตตาและโลก วา เทยี่ ง. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย สมณะหรอื พราหมณบ างพวกในโลกน้ี อาศัยความเพยี รเครื่องเผากิเลส อาศัยความเพยี รที่ตงั้ มั่น อาศัยการประกอบเนือง ๆ อาศัยความไมป ระมาท อาศยั มนสิการโดยชอบ แลวสัมผัสเจโตสมาธอิ ันเปน เคร่อื งใหจติ ตัง้ มัน่ ระลกึ ถึงขนั ธท่ีเคยอาศัยอยูใ นกาลกอ นไดหลายประการ คอื ระลกึ ถงึ ขนั ธท ีเ่ คยอาศยั อยใู นกาลกอน ไดสงั วัฏฏวิวัฏฏกัปหนึ่งบา ง สองบา ง สามบาง ส่บี า ง หาบาง สิบบา งวา ในกปั โนน เรามชี ื่ออยางนน้ั มโี คตรอยางนั้น มผี วิ พรรณอยางน้นัมอี าหารอยา งนน้ั เสวยสขุ เสวยทุกขอยา งน้นั ๆ มีกําหนดอายุเทา นัน้ ครัน้จตุ จิ ากกัปนน้ั แลว ไดไ ปเกิดในกปั โนน แมในกปั นน้ั เรากม็ ชี อ่ื อยางนั้น มีโคตรอยางนั้น มผี ิวพรรณอยางนนั้ มอี าหารอยา งนน้ั เสวยสขุ เสวยทกุ ขอยางนน้ั ๆ มีกําหนดอายเุ ทา นนั้ ครน้ั จตุ จิ ากกปั น้ันแลวไดมาเกิดในกปัน้ี ยอมระลึกถึงขันธที่เคยอาศัยอยูในกาลกอนไดห ลายประการ พรอ มท้ังอาการ พรอมท้งั อุเทศ ฉะน้ี. เขากลาวอยา งน้วี า อตั ตาและโลกเทีย่ งเปน หมัน ตั้งมัน่ ดุจยอดภเู ขา ตง้ั ม่นั ดจุ เสาระเนียดที่ต้งั อยู สว นสัตวเหลาน้ันยอ มแลนไป ยอ มทอ งเทีย่ วไป ยอ มจุติ ยอมอุบัติ แตส่งิ ทเี่ ที่ยงเสมอคงมอี ยูแ ท. ขอน้ันเพราะเหตไุ ร.
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 19 เพราะเหตวุ า ขาพเจา อาศยั ความเพียรเครอ่ื งเผากิเลส อาศยั ความเพยี รทตี่ ้ังม่ัน อาศยั การประกอบเนอื ง ๆ อาศัยความไมประมาท อาศยัมนสิการโดยชอบแลว สัมผสั เจโตสมาธอิ ันเปนเครอ่ื งใหจิตตั้งมัน่ ระลกึถึงขันธท เี่ คยอาศยั อยูในกาลกอนไดห ลายประการ คอื ระลกึ ถึงขนั ธท ่ีเคยอาศัยอยูในกาลกอ นได สงั วัฏฏววิ ัฏฏกปั หน่งึ บา ง สองบาง สามบางส่บี า ง หาบาง สิบบา ง วา กัปโนน เรามชี ื่ออยางน้นั มีโคตรอยางน้ันมีผิวพรรณอยางนนั้ มอี าหารอยางนน้ั เสวยสขุ เสวยทุกขอ ยางนน้ั ๆ มีกําหนดอายเุ ทานน้ั ครน้ั จตุ จิ ากกปั นน้ั แลวไดไ ปเกดิ ในกัปโนน แมในกัปน้นั เราก็มีชอื่ อยางนั้น มีโคตรอยางนั้น มผี วิ พรรณอยางนัน้ มอี าหารอยา งน้นั เสวยสุขเสวยทุกขอ ยางน้ัน ๆ มีกําหนดอายุเทา นน้ั คร้นั จุติจากกปั นัน้ แลว ไดมาเกิดในกัปน้ี ยอมระลกึ ถึงขนั ธที่เคยอาศัยอยูใ นกาลกอ นไดหลายประการ พรอ มทงั้ อาการ พรอ มท้ังอเุ ทศ ฉะน้ี. ดวยการสมั ผัสคณุ วเิ ศษน้ี ขาพเจา จงึ รอู าการที่อัตตาและโลกเทย่ี ง เปนหมนัตัง้ ม่นั ดุจยอดภูเขา ต้งั มั่นดุจเสาระเนียดท่ดี งั อยู สว นสัตวเหลา น้นั ยอ มแลน ไป ยอ มทองเท่ียวไป ยอ มจุติ ยอมอุบัติ แตส ิ่งทเ่ี ทย่ี งเสมอคงมีอยูแท. ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย นีเ้ ปน ฐานะท่ี ๒ ท่ีสมณพราหมณพวกหนงึ่ อาศยั แลว ปรารภแลว จึงมีวาทะวา เทย่ี ง บญั ญัติอตั ตาและโลกวา เทย่ี ง. (๒๙) ๓. อนง่ึ ในฐานะที่ ๓ สมณพราหมณผเู จริญ อาศยัอะไร ปรารภอะไร จงึ มีวาทะวา เทยี่ ง บัญญตั อิ ัตตาและโลก วา เที่ยง. ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สมณะหรือพราหมณบางพวกในโลกนี้ อาศัยความเพียรเครอื่ งเผากเิ ลส อาศัยความเพียรท่ีต้ังมนั่ อาศัยการประกอบ
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 20เนอื ง ๆ อาศยั ความไมป ระมาท อาศัยมนสิการโดยชอบ แลวสัมผัสเจโตสมาธอิ ันเปน เครอื่ งใหจติ ต้งั มนั่ ระลึกถงึ ขันธท่เี คยอาศัยอยใู นกาลกอนไดหลายประการ คอื ระลึกถงึ ขนั ธท ี่เคยอาศยั อยูใ นกาลกอ นไดสบิสงั วัฏฏวิวัฏฏกปั บา ง ย่สี บิ บาง สามสบิ บาง ส่ีสบิ บาง วาในกัปโนน เรามีชอ่ื อยางน้ัน มโี คตรอยา งน้ัน มผี วิ พรรณอยา งน้ัน มอี าหารอยา งนัน้เสวยสุขเสวยทกุ ขอ ยา งน้นั ๆ มีกําหนดอายเุ ทา นัน้ คร้ันจุตจิ ากกัปนนั้แลวไดไปเกิดในกัปโนน แมใ นกัปนนั้ เราก็มีชื่ออยางนั้น มโี คตรอยางนั้นมผี ิวพรรณอยา งนนั้ มีอาหารอยา งน้ัน เสวยสุขเสวยทกุ ขอยางนั้น ๆ มีกําหนดอายุเทา น้นั คร้ันจตุ ิจากกปั นนั้ แลว ไดมาเกิดในกัปน้ี ยอ มระลึกถงึ ขันธทีเ่ คยอาศัยอยใู นกาลกอนไดห ลายประการ พรอมท้งั อาการพรอ มทัง้ อุเทศ ฉะน้.ี เขาจงึ กลาวอยางนวี้ า อตั ตาและโลกเทยี่ ง เปนหมนั ต้ังมนั่ ดจุ ยอดภเู ขา ตัง้ มัน่ ดุจเสาระเนยี ดที่ตั้งอยู สวนสัตวเ หลา น้นัยอ มแลน ไป ยอมทองเทยี่ วไป ยอ มจตุ ิ ยอ มอบุ ตั ิ แตส ิ่งท่เี ที่ยงเสมอคงมอี ยูแท. ขอ นั้นเพราะเหตไุ ร. เพราะเหตวุ า ขา พเจา อาศัยความเพยี รเครือ่ งเผากเิ ลส อาศยั ความเพยี รท่ีตั้งมั่น อาศยั การประกอบเนือง ๆ อาศยั ความไมประมาท อาศัยมนสกิ ารโดยชอบ แลวสมั ผัสเจโตสมาธิอนั เปนเคร่ืองใหจิตตั้งมนั่ ระลึกถงึขนั ธท ่ีเคยอาศยั อยูในกาลกอนไดห ลายประการ คือ ระลึกถงึ ขนั ธทีเ่ คยอาศยั อยใู นกาลกอนไดส ิบสังวัฏฏวิวัฏฏกัปบาง ย่ีสบิ บาง สามสิบบา งส่สี ิบบา ง วาในกัปโนน เรามชี อื่ อยางนั้น มโี คตรอยางนน้ั มีผวิ พรรณอยางน้ัน มอี าหารอยางน้ัน เสวยสขุ เสวยทุกขอ ยา ง
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 21นั้น ๆ มกี าํ หนดอายเุ ทา น้ัน คร้นั จุตจิ ากกปั นั้นแลว ไดไ ปเกดิ ในกปั โนนแมใ นกปั น้ันเรากม็ ีช่ืออยา งน้ัน มีโคตรอยา งนัน้ มีผิวพรรณอยางนั้น มีอาหารอยางนนั้ เสวยสขุ เสวยทกุ ขอ ยา งน้ัน ๆ มกี าํ หนดอายเุ ทา นน้ั ครัน้ จตุ ิจากกปั นนั้ แลว ไดมาเกดิ ในกัปน้ี ยอ มระลึกถึงขันธท ่เี คยอาศัยอยใู นกาลกอนไดห ลายประการ พรอมทั้งอาการ พรอ มทง้ั อเุ ทศ ฉะนี.้ ดวยการสมั ผสั คณุ วิเศษน้ี ขา พเจา จงึ รอู าการท่ีอตั ตาและโลกเท่ยี ง เปน หมนัตง้ั ม่นั ดจุ ยอดภูเขา ต้ังม่นั ดุจเสาระเนียดที่ตั้งอยู สว นสัตวเหลา น้นัยอ มแลน ไป ยอ มทอ งเทยี่ วไป ยอมจตุ ิ ยอมอบุ ัติ แตส ง่ิ ท่ีเที่ยงเสมอคงมีอยแู ท. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย น้ีเปนฐานะที่ ๓ ที่สมณพราหมณพวกหน่งึ อาศยั แลว ปรารภแลว จงึ มีวาทะวาเท่ียง บญั ญตั อิ ัตตาและโลก วา เทย่ี ง. (๓๐) ๔. อนง่ึ ในฐานะที่ สมณพราหมณผ ูเ จรญิ อาศัยอะไร ปรารภอะไร จึงมวี าทะวาเทีย่ ง บญั ญตั อิ ัตตาและโลก วา เท่ยี ง. ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย สมณะหรอื พราหมณบางพวกในโลกนี้ เปนนกั ตรกึ เปนนักตรอง กลาวแสดงปฏิภาณของตนตามท่ีตรึกได ตามท่ีคน คดิ ไดอยางน้วี า อตั ตาและโลกเที่ยง เปน หมัน ตง้ั มน่ั ดุจยอดภเู ขาตงั้ มน่ั ดจุ เสาระเนียดท่ีตง้ั อยู สวนสัตวเหลานน้ั ยอมแลนไป ยอมทองเที่ยวไป ยอ มจตุ ิ ยอมอบุ ัติ แตสง่ิ ท่เี ท่ยี งเสมอคงมีอยแู ท. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย น้เี ปนฐานะที่ ๔ ที่สมณพราหมณพวกหน่งึ อาศัยแลวปรารภแลว จึงมวี าทะวาเท่ยี ง บัญญตั ิอตั ตาและโลก วาเที่ยง. ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย สมณพราหมณเ หลานั้น มวี าทะวาเท่ียง บัญญัติอตั ตาและโลก วา เท่ยี ง ดวยวตั ถุ ๔ นแ้ี ล.
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 22 ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย สมณพราหมณเหลาใดเหลาหน่ึงท่มี วี าทะวาเทยี่ ง บัญญัตอิ ตั ตาและโลก วา เท่ียง สมณพราหมณเหลา น้นั ทงั้ หมด ยอมบญั ญัตดิ ว ยวตั ถุ ๔ นีเ้ ทา น้ัน หรือดวยอยา งใดอยางหนงึ่ ใน ๔ อยา งน้ีนอกจากนี้ไมม .ี ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เรื่องน้ตี ถาคตรชู ดั วา ฐานะเปน ที่ตั้งแหงวาทะเหลา น้ี ท่บี ุคคลถือไวอ ยา งน้นั แลว ยึดไวอยางนัน้ แลว ยอมมีคติอยา งน้ัน มภี พเบือ้ งหนา อยางนัน้ . อนึ่ง ตถาคตยอ มรูเหตุน้ันชัด และรชู ดั ย่ิงไปกวา นั้น ทง้ั ไมย ึดม่นั ความรูชดั นนั้ ดว ย และเมือ่ ไมย ดึ ม่นั ตถาคตกร็ ูความดบั สนทิ ของตนเอง รคู วามเกดิ ความดับ คุณ โทษแหงเวทนาทั้งหลาย กบั อุบายเปน เคร่อื งออกไปจากเวทนาเหลา นนั้ ตามความเปนจรงิ . เพราะไมย ดึ มั่น ตถาคตจึงหลดุ พน . ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ธรรมเหลา น้ี ท่ลี ึกซึ้ง เหน็ ไดย าก รตู ามไดยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมไ ด ละเอียด รูไดเฉพาะบัณฑติ ท่ีตถาคตทําใหแจงดวยปญญาอนั ยิง่ เอง แลว สอนผอู ่ืนใหรูแจง อนั เปนเหตใุ หคนท้ังหลายกลา ชมตถาคตตามความเปน จริงโดยชอบ. จบภาณวารท่ีหนง่ึ เอกัจจสัสสตทิฏฐิ ๔ (๓๑) ๕. ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย มีสมณพราหมณพ วกหนึง่ มวี าทะวา บางอยางเท่ียง บางอยางไมเ ท่ยี ง บญั ญตั ิอัตตาและโลกวา บางอยา ง
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 23เท่ียง บางอยางไมเ ท่ยี ง ดวยวตั ถุ ๔. กส็ มณพราหมณผเู จริญเหลา น้ันอาศยั อะไร ปรารภอะไร จงึ มีวาทะวา บางอยา งเทยี่ ง บางอยา งไมเทีย่ งดวยวตั ถุ ๔. ๕.๑ ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย บางครงั้ บางคราวมีสมยั ที่โลกนี้พินาศโดยลวงไปชานาน เมือ่ โลกกาํ ลงั พนิ าศอยู เหลาสตั วโดยมากยอมเกิดในชน้ั อาภัสสรพรหม. สตั วเ หลา นน้ั ไดสาํ เรจ็ ทางใจ มปี ตเิ ปน อาหาร มีรัศมีในตวั เอง เที่ยวไปในอากาศ อยูใ นสถานที่สวยงาม ดาํ รงอยใู นภพนัน้ ตลอดกาลชานาน. ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บางคร้ังบางคราวมสี มัยท่ีโลกนี้กลับเจรญิ โดยลว งไปชานาน เมอ่ื โลกกาํ ลงั เจรญิ อยู ปรากฏวาวมิ านพรหมวา งเปลา. ครัง้ นนั้ สัตวผ ูใดผหู นง่ึ จตุ ิจากชนั้ อาภัสสรพรหมเพราะสน้ิ อายุหรือเพราะสิน้ บุญ ยอมเขาถึงวิมานพรหมท่วี า งเปลา. แมสัตวผนู นั้ กไ็ ดสําเร็จทางใจ มปี ตเิ ปน อาหาร มรี ศั มีในตัวเอง เที่ยวไปในอากาศได อยูในสถานทีส่ วยงาม ดาํ รงอยใู นภพนั้นตลอดกาลชานาน.เพราะสตั วผนู ้นั อยูในภพน้นั แตผ เู ดยี วเปน เวลานาน จึงเกิดความกระสันดิ้นรนขึ้นวา โอหนอ แมส ัตวเหลาอ่นื ก็พึงมาเปนอยางนีบ้ า ง. ตอมาสตั วเหลาอน่ื กจ็ ุตจิ ากชั้นอาภสั สรพรหม เพราะสน้ิ อายุหรือเพราะสนิ้ บญุ ยอมเขาถงึ พรหมวิมาน อนั เปน สหายของสตั วผนู น้ั .แมสัตวเ หลาน้นั กไ็ ดสําเรจ็ ทางใจ มีปต ิเปนอาหาร มรี ศั มใี นตวั เองเที่ยวไปในอากาศได อยูใ นสถานทสี่ วยงาม ดํารงอยใู นภพน้ันตลอดกาลชานาน. ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย บรรดาสตั วเหลานัน้ สัตวท่ีเกิดกอ นมคี วามคดิ เห็นอยา งน้วี า เราเปน พรหม เปน มหาพรหม เปนใหญ ไมมีใครขมได เห็นถอ งแท เปนผูใชอาํ นาจ เปนอิสระ เปน
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 24ผสู รา ง เปนผูเนรมติ เปนผปู ระเสรฐิ เปน ผบู งการ เปน ผูมอี าํ นาจเปนบดิ าของหมสู ัตวผเู ปน แลว และกําลังเปน สัตวเ หลาน้ีเราเนรมติ ขึ้นขอนั้นเพราะเหตไุ ร. เพราะเราไดมีความคิดอยางน้มี ากอนวา โอหนอแมส ัตวเ หลาอน่ื กพ็ ึงมาเปนอยา งน้บี า ง. ความตั้งใจของเราเปน เชน น้ีและสัตวเหลา นกี้ ไ็ ดมาเปน อยา งนีแ้ ลว . แมพ วกสัตวทเ่ี กิดภายหลงั ก็มคี วามคดิ เห็นอยา งน้ีวา ทานผูเ จรญินี้แลเปน พรหม เปนมหาพรหม เปนใหญ ไมม ใี ครขม ได เหน็ ถอ งแทเปน ผใู ชอํานาจ เปนอิสระ เปนผูส รา ง เปนผเู นรมิต เปน ผปู ระเสรฐิเปนผบู งการ เปนผูมอี าํ นาจ เปนบิดาของหมูสัตวผเู ปน แลว และกาํ ลงัเปน พวกเราอันพระพรหมผเู จริญองคน ้เี นรมิตแลว . ขอน้ันเพราะเหตไุ ร เพราะพวกเราไดเ หน็ พระพรหมผเู จริญองคน ี้ เกิดในท่ีนีก้ อ นสว นพวกเราเกดิ มาภายหลงั . ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย บรรดาสัตวเหลาน้นั สตั วทเี่ กดิ กอ น มอี ายุยืนกวา มผี ิวพรรณงามกวา มศี กั ด์ใิ หญกวา สวนสตั วทเ่ี กดิ ภายหลังมีอายุนอ ยกวา มผี วิ พรรณทรามกวา มีศกั ดิน์ อ ยกวา . ดูกอนภกิ ษุท้ังหลายก็เปนฐานะทจ่ี ะมไี ด ท่ีสตั วผ ใู ดผูหนง่ึ จตุ จิ ากหมนู ั้นแลว มาเปน อยางน้ีเมือ่ มาเปน อยางน้แี ลว กอ็ อกจากเรอื นบวชเปน บรรพชิต เม่ือออกจากเรือนบวชเปนบรรพชิตแลว อาศัยความเพียรเปน เครื่องเผากเิ ลส อาศัยความเพียรที่ตง้ั ม่ัน อาศัยการประกอบเนอื ง ๆ อาศยั ความไมป ระมาทอาศัยมนสิการโดยชอบแลวสมั ผัสเจโตสมาธิอนั เปน เครอื่ งใหจิตตั้งม่นัตามระลึกถึงขันธทเี่ คยอาศัยอยใู นกาลกอ นนน้ั ได เกินกวานัน้ ไประลึกไมไ ด. เขากลา วอยา งนว้ี า ผูใ ดแลเปน พรหมผูเจริญ เปนมหาพรหม
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 25เปนใหญ ไมม ใี ครขม ได เหน็ ถอ งแท เปน ผใู ชอํานาจ เปนอิสระ เปนผสู รา ง เปนผูเนรมิต เปน ผูประเสรฐิ เปน ผบู งการ เปน ผูม ีอํานาจเปน บดิ าของหมสู ตั วผเู ปน แลวและกาํ ลังเปน พระพรหมผเู จรญิ ใดเนรมติพวกเรา พระพรหมผูเจริญนัน้ เปน ผเู ที่ยง ยัง่ ยืน คงทน มคี วามไมแปรปรวนเปน ธรรมดา จกั ตั้งอยเู ทย่ี งเสมอไปอยางน้นั ทเี ดียว. สวนพวกเราท่ีพระพรหมผเู จริญเนรมิตแลวนนั้ เปนผไู มเทีย่ ง ไมยังยนื มีอายุนอ ย มคี วามเคลอ่ื นเปน ธรรมดาจงึ มาเปน อยางน.ี้ ดกู อ นภิกษุท้ังหลายนี้เปน ฐานะที่ ๑ ทส่ี มณพราหมณพวกหนง่ึ อาศยั แลว ปรารภแลว จึงมีวาทะวา บางอยางเทยี่ ง บางอยา งไมเท่ยี ง บญั ญตั ิอัตตาและโลก วา บางอยางเท่ียง บางอยางไมเท่ยี ง. (๓๒) ๕.๒ อนึ่ง ในฐานะที่ ๒ สมณพราหมณผ เู จรญิ อาศยัอะไร ปรารภอะไร จึงมีวาทะวา บางอยา งเท่ยี ง บางอยางไมเทย่ี ง ๆ ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย มีเทวดาช่ือวา ขิฑฑาปโทสิกะ เทวดาพวกน้นัพากนั หมกมนุ อยใู นความรื่นรมย คือการสรวลเสและการเลนหวั จนเกินเวลา. เมื่อเทวดาพวกนน้ั พากันหมกมุนอยใู นความรื่นรมย คอื การสรวลเสและการเลนหัวจนเกนิ เวลา กห็ ลงลืมสติ เทวดาพวกนน้ั จงึ จตุ จิ ากหมนู ั้น. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย กเ็ ปนฐานะทจ่ี ะมไี ดทสี่ ตั วผ ใู ดผูหนึ่งจตุ ิจากหมูน นั้ แลว มาเปน อยา งนี้ เมอ่ื มาเปนอยางนี้แลว กอ็ อกจากเรือนบวชเปน บรรพชิต เมอื่ ออกจากเรือนบวชเปน บรรพชติ แลวอาศัยความเพียรเปนเครื่องเผากิเลส อาศัยความเพยี รทต่ี ้ังมัน่ อาศัยการประกอบเนือง ๆ อาศยั ความไมป ระมาท อาศยั มนสกิ ารโดยชอบ แลว สมั ผสัเจโตสมาธิอนั เปนเครอ่ื งใหจ ติ ตัง้ มัน่ ระลกึ ถึงขันธท ่ีเคยอาศยั อยูในกาล
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 26กอ นนั้นได เกนิ กวาน้นั ไประลกึ ไมไ ด. เขากลาวอยางน้วี า ทานพวกเทวดาผูม ใี ชเหลา ขฑิ ฑาปโทสิกะ ไมห มกมนุ อยใู นความรน่ื รมย คอืการสรวลเสและการเลนหวั จนเกนิ เวลา. เมือ่ เทวดาพวกน้ันไมพ ากันหมกมนุ อยูในความรืน่ รมย คอื การสรวลเสและการเลนหัวจนเกนิ เวลากไ็ มห ลงลมื สติ. เพราะไมหลงลืมสติ เทวดาพวกน้นั จงึ ไมจ ตุ จิ ากหมูน้ัน เปน ผเู ที่ยง ยงั่ ยืน คงทน มีความไมแ ปรปรวนเปนธรรมดา จักตั้งอยเู ทีย่ งเสมอไปอยา งน้ันทเี ดยี ว. สว นพวกเราไดเปนขฑิ ฑาปโทสกิ ะหมกมุนอยูใ นความรืน่ รมย คอื การสรวลเสและการเลน หัวจนเกินเวลา.เมือ่ พวกเรานั้นพากนั หมกมุนอยใู นความรนื่ รมย คอื การสรวลเสและการเลน หวั จนเกนิ เวลา ก็หลงลืมสติ. เพราะหลงลืมสติ พวกเราจึงจตุ ิจากหมนู ั้น เปน ผไู มเ ท่ียง ไมย ั่งยืน มีอายนุ อย มจี ุตเิ ปนธรรมดา ตองมาเปนอยา งน้ี ดงั น.้ี ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย นเี้ ปน ฐานะท่ี ๒ ทสี่ มณ-พราหมณพ วกหน่งึ อาศัยแลว ปรารภแลว จึงมวี าทะวาบางอยา งเท่ยี งบางอยา งไมเ ที่ยง บญั ญัติอัตตาและโลก วาบางอยา งเทย่ี ง บางอยา งไมเทยี่ ง. (๓๓) ๕.๓ อน่งึ ในฐานะที่ ๓ สมณพราหมณผ ูเ จริญอาศัยอะไรปรารภอะไร จึงมีวาทะวา บางอยางเที่ยง บางอยา งไมเทย่ี ง บัญญัติอัตตาและโลก วา บางอยา งเท่ยี ง บางอยางไมเทย่ี ง. ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย มเี ทวดาช่อื วา มโนปโทสิกะ. เทวดาพวกนั้นมกั เพงโทษกันและกนั เกินขอบเขต. เมอ่ื เทวดาพวกนน้ั เพงโทษกันและกันเกินขอบเขต ยอมคิดมงุ รายกันและกนั เม่อื ตา งคดิ มุงรายกันและกนั จึงลาํ บากกายลาํ บากใจ พากันจตุ จิ ากหมูนัน้ . ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 27กเ็ ปน ฐานะที่จะมีไดท ี่สตั วผใู ดผหู นง่ึ จุตจิ ากหมูนัน้ แลว มาเปน อยา งน้ีเมื่อมาเปนอยา งน้แี ลว ก็ออกจากเรือนบวชเปน บรรพชติ เมื่อออกจากเรอื นบวชเปน บรรพชติ แลว อาศยั ความเพยี รเปน เคร่อื งเผากเิ ลส อาศยั ความเพียรที่ต้ังมั่น อาศยั การประกอบเนือง ๆ อาศัยความไมประมาท อาศัยมนสิการโดยชอบแลว สมั ผัสเจโตสมาธอิ ันเปนเครื่องใหจิตต้ังมั่น ระลกึ ถงึขันธทเ่ี คยอาศัยอยูในกาลกอ นนนั้ ได เกินกวา นนั้ ไประลึกไมได. เขากลาวอยางนี้วา ทานพวกเทวดาผมู ใิ ชเหลา มโนปโทสิกะ ไมเพง โทษกนั และกันเกนิ ขอบเขต. เมื่อเทวดาพวกน้ันไมเพงโทษกนั และกนั เกินขอบเขตยอ มไมค ดิ มงุ รา ยกันและกนั เมื่อตา งไมคดิ มุงรา ยกันและกัน จึงไมลาํ บากกายไมลาํ บากใจ. เทวดาพวกน้ันจงึ ไมจ ุตจิ ากหมูน้ัน เปน ผเู ที่ยง ยง่ั ยนืคงทน มคี วามไมแปรปรวนเปน ธรรมดา จักตงั้ อยเู ท่ยี งเสมอไปอยา งนน้ัทีเดยี ว. สวนพวกเราไดเ ปนเหลามโนปโทสิกะ มวั เพง โทษกนั และกันเกินขอบเขต. เม่ือพวกเรานัน้ พากันเพง โทษกันเกนิ ขอบเขต . ยอมคดิมุง รา ยกันและกัน เมือ่ พวกเราตา งคิดมุงรา ยกันและกัน จึงลาํ บากกายลาํ บากใจ. พวกเราจุตจิ ากหมูน ้นั เปน ผไู มเ ทีย่ ง ไมย่ังยืน มีอายนุ อ ยมีจตุ ิเปน ธรรมดา ตอ งมาเปน อยา งน้ี เชน นี.้ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย น้ีเปน ฐานะที่ ๓ ท่ีสมณพราหมณพวกหนงึ่ อาศัยแลว ปรารภแลว จึงมีวาทะวาบางอยางเท่ียง บางอยางไมเท่ยี ง บัญญตั ิอัตตาและโลกวาบางอยางเทีย่ ง บางอยางไมเทย่ี ง. (๓๔) ๘.๔ อน่งึ ในฐานะท่ี ๔ สมณพราหมณผ ูเจริญ อาศยัอะไร ปรารภอะไร จึงมีวาทะวาบางอยา งเทีย่ ง บางอยา งไมเ ที่ยงบญั ญตั ิอัตตาและโลก วาบางอยา งเทย่ี ง บางอยา งไมเ ท่ียง.
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 28 ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย สมณะหรือพราหมณบ างพวกในโลกนี้ เปนนักตรึก เปนนักตรอง กลา วแสดงปฏิภาณของตนตามท่ตี รกึ ได ตามท่ีตรองไดอ ยางนี้วา สิ่งทีเ่ รยี กวาตาก็ดี หกู ็ดี จมกู ก็ดี ล้ินก็ดี กายกด็ ี น้ีช่อื วาอัตตา เปน ของไมเ ทีย่ ง ไมยงั่ ยืน ไมค งทน มีความแปรปรวนเปน ธรรมดา. สวนสงิ่ ทเ่ี รียกวา จติ หรือใจ หรอื วิญญาณ นีช้ ่อื วา อตั ตาเปน ของเท่ยี ง ยัง่ ยนื คงทน มคี วามไมแปรปรวนเปน ธรรมดา จกั ตงั้อยูเทยี่ งเสมอไปอยางนั้นทเี ดยี ว. ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย นเ้ี ปนฐานะที่ ๔ท่สี มณพราหมณพ วกหน่งึ อาศยั แลว จึงมีวาทะวาบางอยางเท่ยี ง บางอยา งไมเทยี่ ง บญั ญัตอิ ัตตาและโลก วา บางอยางเท่ียง บางอยางไมเทย่ี ง. ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย สมณพราหมณเหลา นนั้ มีวาทะ วา บางอยางเทยี่ ง บางอยางไมเท่ยี ง บญั ญตั อิ ตั ตาและโลก วาบางอยางเทีย่ ง บางอยางไมเ ท่ียง ดวยวัตถุ ๔ นี้แล. ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย กส็ มณะหรือพราหมณเหลา ใดเหลา หน่งึ มีวาทะวา บางอยา งเท่ยี ง บางอยา งไมเ ท่ียง บัญญัติอัตตาและโลก วาบางอยางเท่ยี ง บางอยา งไมเ ท่ยี ง สมณะหรือพราหมณเ หลานน้ั ทั้งหมด ยอมบัญญตั ิดวยวัตถุ ๔ นีเ้ ทานัน้ หรือดว ยอยา งใดอยา งหนึง่ ใน ๔ อยา งน้ีนอกจากน้ีไมม ี. ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย เรือ่ งนตี้ ถาคตรูชดั วา ฐานะเปน ทีต่ ้ังแหงวาทะเหลา นี้ ทีบ่ ุคคลถอื ไวอ ยา งน้ันแลว ยดึ ไวอยา งน้นั แลว ยอ มมีคตอิ ยางนัน้ มีภพเบือ้ งหนาอยา งนั้น. อนง่ึ ตถาคตยอ มรเู หตนุ น้ั ชัดและรูช ดั ย่ิงข้นึ ไปกวา น้นั ทัง้ ไมยดึ มน่ั ความรูชดั น้นั ดว ย. และเม่อืไมยดึ ม่ัน ตถาคตก็รคู วามดบั สนิทเฉพาะตนเอง รูความเกดิ ความดบั
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 29คณุ โทษ แหง เวทนาทง้ั หลาย กับอุบายเปน เคร่อื งออกไปจากเวทนาเหลา นน้ั ตามความเปนจริง. เพราะไมยึดม่ัน ตถาคตจงึ หลดุ พน. ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ธรรมเหลานีแ้ ล ท่ลี กึ ซึง้ เห็นไดย าก รตู ามไดย าก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมได ละเอียด รไู ดเ ฉพาะบัณฑติ ทตี่ ถาคตทําใหแจงดว ยปญญารูยิ่งเอง แลวสอนผอู นั ใหร แู จงอันเปนเหตุใหค นทัง้ หลายกลาวชมตถาคตตามความเปนจรงิ โดยชอบ. อันตานนั ติกทิฏฐิ ๔ (๓๕) ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย มสี มณพราหมณพวกหนง่ึ มวี าทะวา โลกมที ส่ี ุดและไมม ีทส่ี ุด บัญญตั ิวาโลกมที ีส่ ดุ และไมมีทีส่ ดุ ดวยวัตถุ ๔. กส็ มณพราหมณผ ูเ จริญเหลานนั้ อาศยั อะไร ปรารภอะไร จงึ มีวาทะวา โลกมีทสี่ ดุ และไมม ที ส่ี ุด บญั ญัติวา โลกมที ่ีสุดและไมม ีสดุ ดวยวตั ถุ ๔. ๙.๑ ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย สมณะหรือพราหมณบางพวกในโลกนี้ อาศยั ความเพยี รเครือ่ งเผากิเลส อาศัยความเพียรท่ีตงั้ ม่ันอาศัยการประกอบเนอื ง ๆ อาศัยความไมประมาท อาศยั มนสิการโดยชอบแลวสมั ผสั เจโตสมาธิอนั เปน เครื่องใหจิตตงั้ มนั่ ยอมมีความสาํ คญั ในโลกวามที ีส่ ุด. เขากลาวอยางน้วี า โลกนม้ี ที ีส่ ุด กลมโดยรอบ. ขอ นน้ัเพราะเหตไุ ร. เพราะขา พเจา อาศยั ความเพียรเครื่องเผากิเลส อาศัยความเพยี รที่ต้ังม่ัน อาศัยการประกอบเนือง ๆ อาศัยความไมประมาท อาศัยมนสกิ ารโดยชอบ แลว สัมผสั เจโตสมาธอิ นั เปน เคร่ืองใหจติ ต้ังมัน่ จงึ มี
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 30ความสาํ คัญในโลกวา มีท่สี ุด. ดว ยการสมั ผัสคุณวเิ ศษนี้ ขาพเจา จึงรอู าการทีโ่ ลกนมี้ ีท่ีสุด กลมโดยรอบ. ดกู อนภิกษุท้ังหลาย น้ีเปน ฐานะท่ี ๑ท่สี มณพราหมณพวกหนงึ่ อาศยั แลว ปรารภแลว มวี าทะวา โลกมีทสี่ ุดและไมมที ส่ี ดุ บัญญัติวา โลกมที ่สี ดุ และไมม ีที่สดุ . (๓๖) ๑๐.๒ อนง่ึ ในฐานะท่ี ๒ สมณพราหมณผเู จริญ อาศยัอะไร ปรารภอะไร จงึ มวี าทะวา โลกมที ส่ี ุดและไมม ีทส่ี ดุ บญั ญัตวิ าโลกมีทีส่ ุดและไมมที ่สี ุด. ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย สมณะหรือพราหมณบ างพวกในโลกนี้อาศยั ความเพียรเคร่ืองเผากเิ ลส อาศยั ความเพยี รทตี่ ัง้ ม่ัน อาศยั การประกอบเนอื ง ๆ อาศัยความไมป ระมาท อาศยั มนสิการโดยชอบ แลว สัมผสั เจโต-สมาธอิ นั เปนเครอ่ื งใหจ ิตต้งั มั่น ยอ มมคี วามสําคญั ในโลกวา ไมมที ส่ี ดุ .เขากลาวอยา งน้วี า โลกน้ีไมม ที ่ีสดุ หาที่สดุ รอบมิได สมณพราหมณพ วกที่กลาววา โลกนี้มที ส่ี ุด กลมโดยรอบ นัน้ เปนเทจ็ . โลกนไ้ี มมีทีส่ ุดหาที่สุดรอบมไิ ด. ขอนน้ั เพราะเหตุไร. เพราะขาพเจาอาศยั ความเพียรเผากเิ ลส อาศัยความเพยี รทตี่ งั้ มน่ั อาศัยการประกอบเนือง ๆ อาศยั ความไมประมาท อาศัยมนสิการโดยชอบ แลวสมั ผสั เจโตสมาธอิ ันเปน เคร่อื งใหจิตตั้งมน่ั จงึ มีความสําคัญในโลก วาไมม ีทีส่ ุด. ดวยการสัมผัสคุณวิเศษน้ีขาพเจาจึงรูอาการที่โลกนี้ไมมที ่สี ุดหาที่สดุ รอบมิได. ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลายนเ้ี ปน ฐานะท่ี ๒ ท่ีสมณพราหมณพวกหนง่ึ อาศัยแลว ปรารภแลว มีวาทะวา โลกมีที่สดุ และไมม ที ่สี ดุ บญั ญัตวิ า โลกมีท่ีสุดและไมมที ่ีสุด. (๓๗) ๑๑.๓ อน่ึง ในฐานะท่ี ๓ สมณพราหมณผูเ จรญิ อาศยัอะไร ปรารภอะไร จงึ มีวาทะวา โลกมีที่สดุ และไมมีท่สี ดุ บัญญตั ิวา โลก
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 31มที ่สี ดุ และไมมที ่สี ุด. ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สมณะหรือพราหมณบางพวกในโลกนี้อาศยั ความเพียรเครือ่ งเผากเิ ลส อาศัยความเพยี รท่ีตั้งมนั่ อาศัยการประกอบเนือง ๆ อาศัยความไมประมาท อาศยั มนสิการโดยชอบ แลวสมั ผัสเจโตสมาธอิ นั เปน เครือ่ งใหจติ ตงั้ มัน่ ยอ มมคี วามสาํ คญั ในโลกวาดานบนดา นลางมที ส่ี ุด ดานขวางไมมีท่ีสดุ . เขากลาวอยา งน้ีวา โลกนี้ทั้งมีทสี่ ุด ทง้ั ไมมที ส่ี ุด สมณพราหมณพวกที่กลาววา โลกนี้มีที่สดุ กลมโดยรอบ นั้นเปน เทจ็ . แมส มณพราหมณพ วกทีก่ ลา ววา โลกนไ้ี มมที ี่สดุหาทีส่ ุดรอบมิได นั้นก็เปนเทจ็ . โลกนี้ ทั้งมีทสี่ ดุ ท้ังไมม ีท่สี ุด.ขอ น้นั เพราะเหตุไร. เพราะขา พเจา อาศัยความเพยี รเครอ่ื งเผากเิ ลสอาศยั ความเพียรทตี่ ้ังมนั่ อาศยั การประกอบเนือง ๆ อาศยั ความไมประมาท อาศัยมนสิการโดยชอบ แลว สมั ผัสเจโตสมาธิอันเปนเครือ่ งใหจติ ตง้ั มั่น จึงมคี วามสําคญั ในโลกวา ดานบนดา นลา งมีที่สุด ดา นขวางไมมีทสี่ ุด. ดว ยการสัมผัสคุณวเิ ศษนี้ ขาพเจาจึงรูอาการทโ่ี ลกนี้ทั้งมที ี่สดุ ท้งั ไมม ีที่สดุ . ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย นเี้ ปน ฐานะที่ ๓ ทีส่ มณพราหมณพวกหนึ่ง อาศยั แลว ปรารภแลว มวี าทะวา โลกมที ่ีสุดและไมม ที ่ีสุดบัญญตั วิ า โลกมที ี่สดุ และไมม ที ส่ี ดุ . (๓๘) ๑๒.๔ อน่งึ ในฐานะท่ี ๔ สมณพราหมณผ ูเจริญอาศยัอะไร ปรารภอะไร จึงมีวาทะวา โลกมีที่สดุ และไมม ีท่ีสดุ บญั ญตั ิวาโลกมที สี่ ุดและไมมีที่สุด. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย สมณะหรอื พราหมณบ างพวกในโลกนี้ เปนนกั ตรกึ เปน นกั ตรอง กลาวแสดงปฏภิ าณของตนตามทต่ี รึกได ตามท่ตี รอง
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 32ไดอยา งนว้ี า โลกนี้มีท่ีสดุ ก็มิใช ไมม ที สี่ ุดก็มิใช สมณพราหมณพ วกท่ีกลาววา โลกนี้มีทส่ี ุด กลมโดยรอบ แมน ั้นก็เปนเท็จ. แมส มณพราหมณพวกทก่ี ลาววา โลกนไ้ี มมที ่ีสุด หาที่สดุ รอบมไิ ด แมนัน้ ก็เปนเท็จ. ถงึสมณพราหมณพ วกทก่ี ลา ววา โลกน้ี ทงั้ มีท่ีสดุ ท้ังไมม ีทสี่ ดุ แมน้นั กเ็ ปนเทจ็ . โลกน้มี ที ส่ี ุดกม็ ิใช ไมมที ส่ี ุดก็มใิ ช. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย น้ีเปนฐานะที่ ๔ ทสี่ มณพราหมณพวกหนง่ึ อาศัยแลว ปรารภแลว มีวาทะวา โลกมที ่สี ดุ และไมมีท่สี ุด บญั ญตั วิ า โลกมที ีส่ ดุ และไมมีที่สุด. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย สมณพราหมณเหลา นน้ั มวี าทะวา โลกมที ี่สุดและไมมีทส่ี ุด บญั ญตั ิวา โลกมที ่สี ุดและไมมีทสี่ ุด ดวยวัตถุ ๔ น้ีแล. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ก็สมณะหรอื พราหมณเ หลา ใดเหลาหนึ่ง มีวาทะวา โลกมที ส่ี ุดและไมมีท่สี ุด บัญญัตวิ า โลกมที ส่ี ุดและไมมที ี่สดุ สมณะหรือพราหมณเหลานน้ั ทั้งหมด ยอ มบญั ญตั ิดวยวตั ถุ ๔ น้ีเทา น้ัน หรอืดว ยอยา งใดอยา งหนึ่ง ใน ๔ อยางนี้ นอกจากนีไ้ มม ี. ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย เรื่องนตี้ ถาคตรูชดั วา ฐานะเปนท่ตี ัง้แหงวาทะเหลา น้ี ทีบ่ ุคคลถือไวอยางน้นั แลว ยดึ ไวอ ยา งนั้นแลว ยอ มมคี ติอยางนัน้ มีภพเบื้องหนาอยา งนั้น. อน่งึ ตถาคตยอมรูเหตุน้นัชดั และรูชดั ยง่ิ ข้ึนไปกวาน้ัน ทั้งไมย ึดมนั่ ความรชู ัดน้ันดว ย. และเมอ่ื ไมยึดมน่ั ตถาคตก็รคู วามดบั สนทิ เฉพาะตนเอง รคู วามเกิดความดับ คณุ โทษ แหงเวทนาทง้ั หลาย กับอบุ ายเปน เครือ่ งออกไปจากเวทนาเหลา นั้น ตามความเปนจริง. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลายเพราะไมย ดึ มนั่ ตถาคตจึงหลุดพน . ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรมเหลา น้แี ล ทล่ี กึ ซึง้ เห็นไดยาก
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 33รูต ามไดย าก สงบ ประณตี จะคาดคะเนเอาไมได ละเอยี ด รไู ดเฉพาะบัณฑติ ท่ีตถาคตทาํ ใหแ จง ดว ยปญญาอันยงิ่ เอง แลวสอนผูอน่ืใหร ูแจง อันเปน เหตใุ หคนทง้ั หลายกลาวชมตถาคตตามความเปนจริงโดยชอบ. อมราวิกเขปกทฏิ ฐิ ๔ (๓๙) ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่ง มีความเหน็ ดิ้นไดไมต ายตวั เมอ่ื ถูกถามปญหาในเร่ืองนนั้ ๆ ยอ มกลาววาจาดิน้ไดไมตายตัว ดว ยวัตถุ ๔. ก็สมณพราหมณผเู จริญพวกนน้ั อาศัยอะไร จึงมีความเหน็ ดิ้นไดไมตายตวั เม่อื ถกู ถามปญ หาในเรอื่ งน้นั ๆยอ มกลาววาจาด้ินไดไ มตายตัว ดวยวตั ถ.ุ ๑๓.๑ ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย สมณะหรือพราหมณบางพวกในโลกน้ี ไมร ชู ดั ตามความเปนจริงวา นเ้ี ปน กุศล นเี้ ปนอกุศล. เขามีความคดิ อยางน้ีวา เราไมรชู ัดตามความเปนจรงิ วา น้ีเปนกศุ ล น้ีเปน อกศุ ลก็ถาเราไมรชู ัดตามความเปน จริงวา น้เี ปนกศุ ล นี้เปนอกุศล จะพงึพยากรณวา น้ีเปนกศุ ล หรือนเี้ ปนอกศุ ล คําพยากรณข องเรานน้ั พงึเปนคาํ เท็จ คําเทจ็ ของเรานน้ั พงึ เปนความเดือนรอนแกเ รา ความเดือนรอนน้นั พึงเปนอันตรายแกเรา. ดว ยเหตุนี้ เขาจงึ ไมพยากรณว า นเ้ี ปนกศุ ล น้ีเปน อกศุ ล เพราะกลัวการกลาวเทจ็ เพราะเกลียดการกลา วเท็จเม่อื ถกู ถามปญหาในเรอ่ื งน้ัน ๆ จึงกลา ววาจาดิ้นไดไมต ายตัววา ความเหน็ของเราวา อยางนกี้ ม็ ใิ ช อยา งนั้นก็มใิ ช อยา งอ่ืนกม็ ใิ ช ไมใชก ม็ ิใชมิใชไมใ ชกม็ ใิ ช. ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย นเ้ี ปนฐานะที่ ๑ ที่สมณพราหมณ
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 34พวกหน่งึ อาศยั แลว ปรารภแลว มคี วามเหน็ ด้ินไดไ มตายตวั เมือ่ ถูกถามปญหาในเรอ่ื งนนั้ ๆ จึงกลา ววาจาดิ้นไดไมตายตัว. (๔๐) ๑๔.๒ อนึง่ ในฐานะท่ี ๒ สมณพราหมณผูเจรญิ อาศัยอะไร ปรารภอะไร จงึ มคี วามเห็นดน้ิ ไดไมตายตัว เมือ่ ถูกถามปญ หาในเรอ่ื งนน้ั ๆ ยอมกลาววาจาดนิ้ ไดไมตายตัว. ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย สมณะหรือพราหมณบางพวกในโลกนี้ ไมร ูชดั ตามความเปน จริงวา นเี้ ปน กศุ ล น้เี ปน อกศุ ล. เขามีความคิดอยา งน้ีวา เราไมร ูชดั ตามความเปน จรงิ วา น้เี ปนกุศล นเ้ี ปน อกศุ ล กถ็ า เราไมรูชดั ตามความเปน จรงิ วา นี้เปน กศุ ล นเ้ี ปนอกุศล จะพึงพยากรณว านเ้ี ปนกุศล หรือนเ้ี ปน อกุศล ความพอใจ ความตดิ ใจ ความเคอื งใจหรือความขดั ใจในขอนั้นพึงมีแกเ รา ขอท่ีมคี วามพอใจ ความตดิ ใจความเคอื งใจ หรอื ความขดั ใจน้นั จะพงึ เปนอุปาทานของเรา อุปาทานของเราน้ันจะพงึ เปนความเดือนรอ นแกเรา ความเดือนรอ นของเราน้ันจะพึงเปน อันตรายแกเ รา. ดว ยเหตุฉะนี้ เขาจึงไมพยากรณวา นีเ้ ปนกุศลน้ีเปนอกศุ ล เพราะกลัวอุปาทาน เพราะเกลียดอุปาทาน เมือ่ ถกู ถามปญ หาในเรือ่ งนนั้ ๆ จงึ กลา ววาจาดน้ิ ไดไ มตายตวั วา ความเห็นของเราวา อยางนี้กม็ ใิ ช อยา งน้ันก็มใิ ช อยางอ่นื ก็มิใช ไมใชก็มิใช มิใชไ มใ ชกม็ ิใช.ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย นเี้ ปนฐานะที่ ๒ ทีส่ มณพราหมณพวกหนึ่ง อาศัยแลวปรารภแลว มีความเห็นดิ้นไดไมตายตวั เมอื่ ถกู ถามปญหาในเร่ืองนั้น ๆจึงกลาววาจาดิ้นไดไมตายตวั . (๔๑) ๑๕.๓ อน่งึ ในฐานะที่ ๓ สมณพราหมณผ ูเจริญ อาศยัอะไร มีความเหน็ ดนิ้ ไดไมต ายตวั เมื่อถกู ถามปญ หาในเรอื่ งนนั้ ๆ ยอ ม
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 35กลาววาจาดนิ้ ไดไมต ายตัว. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย สมณะหรอื พราหมณบางพวกในโลกน้ี ไมร ูชัดตามความเปนจรงิ วา น้ีเปนกศุ ล นี้เปน อกศุ ล. เขามคี วามคดิ อยา งนี้วา เราไมรชู ดั ตามความเปน จรงิ วา นเ้ี ปนกุศล นีเ้ ปนอกุศล ก็ถาเราไมร ูชัดตามความเปนจริงวา นีเ้ ปน กศุ ล น้เี ปนอกุศล จะพึงพยากรณวานี้เปนกศุ ล หรอื นี้เปนอกศุ ล ก็สมณพราหมณผเู ปน บัณฑิต มปี ญ ญาละเอยี ด ชํานาญการโตวาทะ เปนดจุ คนแมน ธนู มอี ยูแล สมณพราหมณเหลานั้น เหมอื นจะเท่ียวทําลายวาทะดว ยปญญา เขาจะพงึ ซกั ไซ ไลเลียงสอบสวนเราในขอ นนั้ เราไมอาจโตต อบเขาได การทเ่ี ราโตต อบเขาไมไดน้ัน จะเปนความเดือนรอนแกเ รา ความเดือดรอ นของเรานัน้ จะพงึ เปนอนั ตรายแกเรา. ดว ยเหตฉุ ะน้ี เขาจงึ ไมพยากรณวา น้ีเปน กศุ ล นี้เปนอกศุ ล เพราะกลวั อุปาทาน เพราะเกลียดอุปาทาน เมอื่ ถูกถามปญหาในเรอื่ งน้ัน ๆ จงึ กลาววาจาดิน้ ไดไ มต ายตวั วา ความเห็นของเราวา อยา งนี้กม็ ิใช อยา งน้ันก็มิใช อยา งอน่ื กม็ ใิ ช ไมใ ชก็มิใช มใิ ชไมใชก ็มิใช. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย นี้เปน ฐานะท่ี ๓ ท่ีสมณพราหมณพ วกหน่ึงอาศัยแลว ปรารภแลว มคี วามเหน็ ด้นิ ไดไ มต ายตัว เม่อื ถูกถามปญหาในเรื่องนัน้ . จึงกลา ววาจาดิ้นไดไ มตายตัว. (๔๒) ๑๖.๔ อนึง่ ในฐานะที่ ๔ สมณพราหมณผูเจรญิ อาศัยอะไร ปรารภอะไร มีความเหน็ ดิ้นไดไ มตายตวั เม่อื ถกู ถามปญ หาในเร่ืองนนั้ ๆ ยอ มกลาววาจาด้นิ ไดไมตายตวั . ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย สมณะหรอื พราหมณบ างพวกในโลกนี้ เปนคนเขลา งมงาย. เพราะเปน คนเขลา เพราะเปน คนงมงาย เมอ่ื ถูกถาม
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 36ปญ หาในเรอื่ งนนั้ ๆ ยอ มกลา ววาจาดน้ิ ไดไ มต ายตวั ถา ทานถามเราอยางน้วี า โลกอน่ื มีหรอื ถาเรามคี วามเหน็ วา โลกอนื่ มี เราก็จะพงึพยากรณวา โลกอนื่ มี แตค วามเหน็ ของเราวา อยา งนกี้ ม็ ิใช อยางนน้ั ก็มิใช อยางอ่นื ก็มิใช ไมใชก ็มิใช มิใชไมใ ชก็มิใช ถาทา นถามเราวา โลกอ่นื ไมม หี รอื เราก็จะพึงพยากรณว า โลกอนื่ มีดว ย ไมมดี ว ย ถาเรามคี วามเหน็ วา ไมม ี เราก็จะพงึ พยากรณว า ไมม ี ถาทา นถามเราวา โลกอืน่ มดี วยไมม ดี ว ยหรอื ถา เรามคี วามเห็นวา มีดวย ไมม ีดว ย เราก็จะพึงพยากรณวา มดี ว ย ไมม ีดว ย . . . . ถา ทา นถามเราวา โลกหนา มกี ็มิใช ไมม ีก็มใิ ชหรอื ถาเรามีความเห็นวา มีกม็ ใิ ช ไมมีกม็ ิใช เราก็จะพงึ พยากรณวา มกี ม็ ิใชไมม กี ม็ ใิ ช ถา ทานถามเราวา สัตวเกดิ ผดุ ขนึ้ มีหรือ ถาเรามีความเห็นวามี เราก็จะพงึ พยากรณวา มี . . . . ถา ทา นถามเราวา สัตวเกิดผดุ ข้นึไมมีหรอื ถาเรามีความเห็นวา ไมมี เรากจ็ ะพงึ พยากรณวา ไมม ี . . . . .ถาทา นถามเราวา สัตวเ กดิ ผุดขนึ้ มีดวย ไมมดี วยหรือ ถาเรามคี วามเห็นวา มดี วยไมมีดว ย เราก็จะพงึ พยากรณวา มีดวย ไมมดี วย . . ถาทา นถามเราวา สัตวเ กิดผดุ ขึน้ มกี ็มิใช ไมมีกม็ ิใชหรอื ถา เรามคี วามเห็นวา มกี ็มิใช ไมมกี ม็ ิใช เราก็จะพงึ พยากรณว า มีก็มิใช ไมมกี ็มใิ ช . .ถาทานถามเราวา ผลวิบากแหง กรรมทที่ ําดที าํ ชั่ว มหี รือ ถาเรามีความเห็นวา มี เรากจ็ ะพงึ พยากรณว า มี . . . . ถาทานถามเราวา ผลวิบากแหงกรรมท่ีทาํ ดีทาํ ช่ัวไมม หี รอื ถา เรามคี วามเหน็ วา ไมม ี เราก็จะพึงพยากรณวา ไมม ี . . . . ถา ทา นถามเราวา ผลวบิ ากแหง กรรมท่ีทาํ ดีทาํ ชว่ั มีดวยไมม ีดว ยหรือ ถาเรามคี วามเหน็ วา มีดวย ไมมีดวย เราก็จะพงึ พยากรณวา มดี ว ย ไมม ดี ว ย . . . . ถา ทานถามเราวา ผลวบิ ากแหง กรรมทที่ าํ ดี
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 37ทําช่วั มีก็มใิ ช ไมม กี ม็ ิใชห รอื ถาเรามีความเหน็ วา มีกม็ ิใช ไมมีก็มิใชเรากจ็ ะพึงพยากรณว า มีกม็ ใิ ช ไมม กี ็มใิ ช . . . . . ถา ทา นถามเราวาเบ้ืองหนาแตค วามตาย สัตวมอี ยหู รอื ถาเรามคี วามเห็นวา มีอยู เรากจ็ ะพงึพยากรณว า มอี ยู . . . . . ถา ทา นถามเราวา เบื้องหนาแตความตาย สัตวไมม อี ยูหรอื ถา เรามคี วามเห็นวา ไมมีอยู เราก็จะพึงพยากรณวา ไมมีอยู . . .ถา ทานถามเราวา เบอ้ื งหนา แตความตาย สตั วม ีอยูด วย ไมมีอยูด ว ยหรือถาเรามคี วามเหน็ วา มอี ยูด วย ไมมอี ยดู ว ย เรากจ็ ะพึงพยากรณวา มีอยูดว ย ไมมีอยดู วย. . . . ถา ทา นถามเราวา เบอ้ื งหนาแตค วามตาย สตั วม ีอยูกม็ ิใช ไมม ีอยูกม็ ใิ ชห รอื ถา เรามคี วามเหน็ วา มอี ยูก็มิใช ไมม ีอยกู ็มใิ ชเรากจ็ ะพงึ พยากรณว า มีอยกู ็มใิ ช ไมม ีอยูก็มใิ ช แตค วามเหน็ ของเราวาอยางนีก้ ็มใิ ช อยา งนั้นก็มใิ ช อยา งอื่นกม็ ิใช ไมใชก็มิใช มิใชไมใ ชกม็ ิใช ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย นี้เปนฐานะที่ ๔ ทส่ี มณพราหมณพวกหนง่ึ อาศัยแลว ปรารภแลว มีความเห็นด้นิ ไดไมต ายตวั เม่อื ถกูถามปญหาในเรื่องนั้น ๆ ยอมกลาววาจาดน้ิ ไดไมต ายตวั . ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย สมณพราหมณเ หลา นัน้ มคี วามเหน็ ด้ินไดไมตายตัว เมื่อถกู ถามปญหาในเร่อื งน้ัน ๆ ยอมกลา ววาจาดน้ิ ไดไ มต ายตวัดวยวตั ถุ ๔ น้ีแล. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย สมณะหรอื พราหมณเหลาใดเหลา หนงึ่ มีความเห็นดิน้ ไดไมต ายตวั เมือ่ ถกู ถามปญหาในเร่ืองนนั้ ๆ ยอ มกลา ววาจาดน้ิ ไดไมตายตวั สมณะหรอื พราหมณเ หลานนั้ ทัง้ หมดยอมกลาววาจาดนิ้ไดไ มต ายตวั ดวยเหตุ ๔ ประการนเ้ี ทา น้ัน หรอื ดวยอยา งใดอยางหน่ึงใน ๔ อยา งน้ี นอกจากนไ้ี มมี.
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 38 ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เร่อื งน้ีตถาคตรูชดั วา ฐานะเปนท่ีตั้งแหงวาทะเหลา นี้ ทบ่ี ุคคลถอื ไวอยางน้ันแลว ยึดไวอยา งนน้ั แลว ยอ มมีคติอยางนัน้ มีภพเบื้องหนา อยา งน้นั . อน่งึ ตถาคตยอมรเู หตุนั้นชัด และรชู ัดยิ่งขึน้ ไปกวา นั้น ท้ังไมย ดึ มัน่ ความรชู ัดน้นั ดว ย. และเมือ่ ไมย ดึ มนั่ ตถาคตก็รูค วามดบั สนิท เฉพาะตนเอง รคู วามเกิดความดับ คุณ โทษ แหงเวทนาทัง้ หลาย กับอบุ ายเปน เครอ่ื งออกไปจากเวทนาเหลานน้ั ตามความเปน จรงิ . เพราะไมยึดม่ัน ตถาคตจึงหลดุ พน . ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ธรรมเหลาน้ีแล ทลี่ กึ ซึ้ง เห็นไดยาก รูตามไดยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมไ ด ละเอยี ด รไู ดเฉพาะบัณฑติ ท่ตี ถาคตทํารแู จงดวยปญญารยู ิ่งเอง แลวสอนผอู ืน่ใหรูแ จง อันเปนเหตใุ หค นทั้งหลายกลา วชมตถาคตตามความเปนจริงโดยชอบ. อธิจจสมปุ ปนนิกทฏิ ฐิ ๒ (๔๓) ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย มีสมณพราหมณพวกหน่ึง มคี วามเหน็ วา อตั ตาและโลกเกิดขึ้นลอย ๆ ยอ มบัญญัติอตั ตาและโลกวา เกดิ ขึน้ลอย ๆ ดวยวัตถุ ๒. กส็ มณพราหมณผ ูเ จรญิ พวกนัน้ อาศยั อะไรปรารภอะไร จึงมีความเหน็ วา อัตตาและโลกเกดิ ขึน้ ลอย ๆ ยอ มบญั ญตั ิอัตตาและโลก วาเกดิ ขึ้นลอย ๆ ดว ยวตั ถุ ๒. ๑๗.๑ ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย มีเทวดาชื่ออสญั ญสี ัตว ก็และเทวดาเหลานน้ั ยอ มจุตจิ ากหมนู ั้นเพราะความเกดิ ขึ้นแหงสญั ญา.ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ก็เปน ฐานะท่จี ะมีได ทสี่ ัตวผ ูใดผูห น่ึงจตุ ิจากหมนู ้นัแลว มาเปนอยา งนี้ เมอื่ มาเปนอยา งนีแ้ ลว กอ็ อกจากเรือนบวชเปน
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 39บรรพชิต เม่ือออกจากเรอื นบวชเปน บรรพชติ อาศัยความเพยี รเปน เคร่อื งเผากเิ ลส อาศยั ความเพียรท่ีตงั้ มั่น อาศัยการประกอบเนอื ง ๆ อาศยั ความไมป ระมาท อาศยั มนสิการโดยชอบ แลวสมั ผสั เจโตสมาธิอนั เปน เคร่อื งใหจ ิตตัง้ ม่นั ยอมระลกึ ถึงความเกิดข้ึนแหงสัญญาได เกินกวานนั้ ไประลึกไมไ ด. เขากลา วอยางนวี้ า อตั ตาและโลกเกิดขึ้นลอย ๆ. ขอนน้ั เพราะเหตไุ ร. เพราะเมอื่ กอนขา พเจา ไมไ ดม ีแลว เด๋ียวนข้ี าพเจานน้ั กไ็ มม ีจงึ นอมไปเพ่ือความเปนผูสงบ. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย น้เี ปน ฐานะที่ ๑ ท่ีสมณพราหมณพวกหน่ึง อาศยั แลว ปรารภแลว มคี วามเหน็ วา อตั ตาและโลกเกดิ ขน้ึ ลอย ๆ ยอมบญั ญัตอิ ตั ตาและโลก วา เกดิ ข้ึนลอย ๆ. (๔๔) ๑๘.๒ อนง่ึ ในฐานะท่ี ๒ สมณพราหมณผ ูเจริญ อาศัยอะไร ปรารภอะไร จึงมีความเหน็ วา อตั ตาและโลกเกิดข้นึ ลอย ๆ บัญญัติอัตตาและโลก วา เกิดขึ้นลอย ๆ. ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย สมณะหรอืพราหมณพวกหนง่ึ ในโลกนีเ้ ปน นักตรึก เปน นกั ตรอง. เขากลา วแสดงปฏภิ าณเอาเองตามท่ตี รกึ ได ตามทตี่ รองไดอ ยา งนีว้ า อัตตาและโลกเกดิขึน้ ลอย ๆ. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย น้ีเปนฐานะท่ี ๒ ท่ีสมณพราหมณพวกหนึง่ มคี วามเหน็ วา อตั ตาและโลกเกิดข้นึ ลอย ๆ ยอ มบญั ญัตอิ ตั ตาและโลก วา เกดิ ข้ึนลอย ๆ. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย สมณพราหมณมคี วามเหน็ วา อัตตาและโลกเกดิ ขน้ึ ลอย ๆ ยอ มบญั ญตั ิอัตตาและโลก วา เกดิ ขึน้ ลอย ๆ ดว ยวัตถุ ๒นแ้ี ล. ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ก็สมณะหรอื พราหมณเหลา ใดเหลาหนึ่ง มีความเห็นวา อัตตาและโลกเกิดขน้ึ ลอย ๆ ยอ มบญั ญัตอิ ตั ตาและโลก วา เกิดขึน้ ลอย ๆ สมณะหรือพราหมณเหลานั้นท้งั หมด ยอ มบญั ญัติดวยวตั ถุ ๒
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 40นี้เทา น้ัน หรือดวยอยางใดอยา งหนึ่งใน ๒ อยา งนี้ นอกจากนไี้ มม.ี ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย เรือ่ งนีต้ ถาคตรูช ัดวา ฐานะเปนท่ตี งั้ แหงวาทะเหลา น้ี ทีบ่ ุคคลถือไวอ ยา งนั้นแลว ยดึ ไวอ ยางน้นั แลวยอมมคี ติอยา งนน้ั มีภพเบ้อื งหนาอยา งนั้น. อนง่ึ ตถาคตยอ มรูเหตุนัน้ ชัด และรูชดั ยิ่งขนึ้ ไปกวา นนั้ ทงั้ ไมย ดึ มน่ั ความรูช ัดนัน้ ดว ย. และเมื่อไมยึดมนั่ ตถาคตก็รูความดับสนทิ เฉพาะตน รคู วามเกิด ความดับ คณุ โทษ แหง เวทนาทัง้ หลาย กับอุบายเปน เครือ่ งออกไปจากเวทนาเหลานน้ั ตามความเปน จริง. เพราะไมย ดึ ม่นั ตถาคตจงึหลุดพน . ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ธรรมเหลา นี้แล ทลี่ ึกซ้งึ เหน็ ไดยาก รูตามไดย าก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมไ ด ละเอยี ด รไู ดเ ฉพาะบณั ฑติ ทตี่ ถาคตทําใหแจง ดวยปญ ญารยู ง่ิ เอง แลวสอนผูอืน่ ใหร แู จงอนั เปนเหตุใหคนทั้งหลายกลาวชมตถาคตตามความเปนจรงิ โดยชอบ. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย สมณพราหมณเหลาน้ัน กาํ หนดขนั ธส วนอดีต มีความเห็นไปตามขันธส วนอดตี ปรารภขนั ธส ว นอดีต กลาวคําแสดงวาทะหลายชนิดดว ยวตั ถุ ๑๘ น้แี ล. ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็สมณะหรือพราหมณเหลา ใดเหลา หนง่ึ กาํ หนดขันธสว นอดีต มีความเห็นไปตามขันธส ว นอดตี ปรารภขันธสวนอดีต กลา วคําแสดงวาทะหลายชนดิสมณะหรือพราหมณเหลานน้ั ท้งั หมด ยอ มกลาวดวยเหตุ ๑๘ นเี้ ทา นน้ัหรือดวยเหตอุ ยา งใดอยา งหนึ่ง ใน ๑๘ อยางน้ี นอกจากน้ีไมม .ี ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เร่ืองน้ีตถาคตรชู ดั วา ฐานะเปนท่ตี งั้ แหงวาทะเหลา นี้ ทบี่ ุคคลถือไวอยา งน้นั แลว ยดึ ไวอยางน้ันแลว ยอมมี
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 41คติอยางน้ัน มีภพเบ้ืองหนา อยา งนั้น. อนงึ่ ตถาคตยอมรเู หตนุ ัน้ ชัดและรชู ดั ยิง่ ขนั้ ไปกวา น้นั ทง้ั ไมยดึ มั่นความรูชัดนัน้ ดวย. และเมอื่ ไมยึดมน่ั ตถาคตก็รูความดบั สนทิ เฉพาะตน รคู วามเกิด ความดับ คณุโทษแหง เวทนาท้ังหลาย กบั อบุ ายเปนเครอื่ งออกไปจากเวทนาเหลา นนั้ตามความเปนจรงิ . ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เพราะไมยดึ มั่น ตถาคตจงึหลุดพน. ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย ธรรมเหลานี้แล ทีล่ ึกซง้ึ เห็นไดยากรูตามไดย าก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมได ละเอยี ด รไู ดเฉพาะบณั ฑติ ทีต่ ถาคตทาํ ใหแจงดว ยปญญารูย่ิงเอง แลวสอนผูอื่นใหร แู จง อันเปนเหตุใหคนทั้งหลายกลา วชมตถาคตตามความเปนจรงิ โดยชอบ. อปรนั ตกปั ปกทฏิ ฐิ ๔๔ (๔๕) ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย มีสมณพราหมณพวกหนง่ึ กาํ หนดขันธส ว นอนาคต มคี วามเห็นตามขนั ธส วนอนาคต ปรารภขันธสวนอนาคต กลา วคาํ แสดงวาทะหลายชนิด ดวยวัตถุ ๔๔. กส็ มณพราหมณผูเจริญเหลานนั้ อาศัยอะไร ปรารภอะไร จงึ กาํ หนดขนั ธสวนอนาคตนค้ี วามเห็นตามขันธส วนอนาคต ปรารภขันธส วนอนาคต กลาวคําแสดงทิฏฐหิ ลายชนดิ ดวยวัตถุ ๔๔.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 42 สญั ญที ิฏฐิ ๑๖ (๔๖) ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย มีสมณพราหมณพวกหนง่ึ มีวาทะวา หลังแตความตาย อตั ตามสี ญั ญา ยอมบญั ญตั วิ า หลังแตความตายอัตตามีสญั ญา ดว ยวัตถุ ๑๖. กส็ มณพราหมณผเู จริญเหลา นั้น อาศยัอะไร ปรารภอะไร จึงมวี าทะวา หลงั แตค วามตาย อัตตามสี ัญญายอ มบัญญัตวิ า หลังแตความตาย อัตตามสี ัญญา ดวยวัตถุ ๑๖.สมณพราหมณเ หลานัน้ ยอ มบญั ญัตอิ ัตตานนั้ วา เบ้อื งหนาแตค วามตาย ๑๙.๑ อัตตาท่มี รี ปู ย่งั ยนื มีสัญญา. ๒๐.๒ อัตตาทไ่ี มม รี ูป ยง่ั ยืน มสี ัญญา. ๒๑.๓ อัตตาทง้ั ทม่ี รี ปู ทง้ั ทไ่ี มม รี ปู ยั่งยนื มีสัญญา. ๒๒.๔ อัตตา ทงั้ ทมี่ ีรูปกม็ ิใช ทง้ั ทไ่ี มม รี ูปก็มใิ ช ยั่งยืนมีสญั ญา. ๒๓.๕ อัตตาทม่ี ีที่สุด ย่ังยืน มีสญั ญา. ๒๔.๖ อัตตาทไ่ี มม ที ี่สดุ ย่งั ยนื มีสัญญา. ๒๕.๗ อัตตาทงั้ ที่มที สี่ ุด ท้งั ทไ่ี มมที สี่ ุด ยั่งยืน มสี ญั ญา. ๒๖.๘ อตั ตาทัง้ ท่ีมที ่สี ดุ กม็ ใิ ช ทั้งทีไ่ มมีที่สุดกม็ ิใชย่งั ยนื มีสัญญา. ๒๗.๙ อัตตาท่ีมสี ญั ญาอยางเดียวกนั ยงั่ ยืน มีสัญญา. ๒๘.๑๐ อตั ตาทีม่ สี ญั ญาตางกัน ยัง่ ยืน มสี ัญญา. ๒๙.๑๑ อัตตาที่มสี ญั ญานอย ยงั่ ยืน มสี ัญญา. ๓๐.๑๒ อัตตาทมี่ สี ัญญาหาประมาณมิได ย่งั ยนื มสี ญั ญา.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 43 ๓๑.๑๓ อัตตาทมี่ ีสขุ อยางเดยี ว ยั่งยืน มสี ัญญา. ๓๒.๑๔ อัตตาทีม่ ที กุ ขอ ยางเดยี ว ยงั่ ยนื มสี ญั ญา. ๓๓.๑๕ อตั ตาท่มี ที ้งั สขุ ทั้งทกุ ข ยัง่ ยนื มีสญั ญา. ๓๔.๑๖ อตั ตาที่มที ุกขก็มิใช สุขกม็ ใิ ช ยั่งยืน มีสญั ญา. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย สมณพราหมณเ หลานนั้ มีวาทะวา เบอ้ื งหนาแตความตาย อตั ตามสี ญั ญา ยอ มบัญญตั วิ า เบอื้ งหนา แตค วามตายอัตตามสี ญั ญา ดว ยวัตถุ ๑๖ นีแ้ ล. ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย กส็ มณะหรอื พราหมณเ หลา ใดเหลาหน่ึง มีวาทะวา เบื้องหนา แตค วามตาย อัตตามสี ัญญา ยอมบญั ญตั ิวา เบ้อื งหนาแตค วามตาย อัตตามสี ัญญา สมณะหรอื พราหมณเ หลาน้นั ทง้ั หมดยอมบญั ญัตดิ วยวัตถุ ๑๖ นีเ้ ทา นนั้ หรือดว ยอยา งใดอยางหนึง่ ใน ๑๖ อยา งน้ี นอกจากนไี้ มม.ี ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เรือ่ งน้ีตถาคตรชู ัดวา ฐานะเปนทีต่ งั้ แหงวาทะเหลานี้ ที่บคุ คลถอื ไวอ ยางนนั้ แลว ยึดไวอ ยา งนนั้ แลว ยอมมีคติอยา งน้ัน มภี พเบอื้ งหนาอยา งน้ัน. อนึ่ง ตถาคตยอ มรเู หตนุ นั้ ชัดและรูชดั ยงิ่ ขึ้นไปกวาน้นั ทง้ั ไมยดึ ม่ันความรูชัดนน้ั ดวย. และเมื่อไมย ดึ ม่ัน ตถาคตก็รูความดบั สนทิ เฉพาะตน รคู วามเกดิ ความดับคุณ โทษ แหงเวทนาเหลา นน้ั ตามความเปนจริง. เพราะไมยึดมน่ัตถาคตจึงหลดุ พน. ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ธรรมเหลานแ้ี ล ท่ลี กึ ซ้ึง เห็นไดยากรูตามไดยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมได ละเอยี ด รไู ด
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 44เฉพาะบณั ฑิต ที่ตถาคตทาํ ใหแ จงดว ยปญ ญารูยิ่งเอง แลวสอนผอู ่ืนใหรแู จง อนั เปนเหตใุ หคนท้งั หลายกลา วชมตถาคตตามความเปนจรงิ โดยชอบ. อสญั ญีทิฏฐิ ๘ (๔๗) ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย มีสมณพราหมณพวกหนึ่งมวี าทะวาหลงั แตความตาย อตั ตาไมมสี ัญญา ยอ มบญั ญตั ิวา หลงั แตค วามตายอตั ตาไมม ีสญั ญา ดวยวัตถุ ๘. ก็สมณพราหมณผูเ จริญเหลา นน้ั อาศยั อะไรปรารภอะไร จงึ มวี าทะวา หลงั แตความตาย อตั ตาไมม สี ัญญา ยอ มบญั ญัติวา หลังแตความตาย อตั ตาไมมีสญั ญา ดวยวัตถุ ๘. สมณ-พราหมณเหลา นั้น ยอ มบญั ญัติอตั ตานัน้ วา หลังแตความตาย ๓๕.๑ อตั ตาท่มี ีรูป ยั่งยนื ไมมีสัญญา. ๓๖.๒ อัตตาทีไ่ มม รี ูป ย่ังยืน ไมม สี ญั ญา. ๓๗.๓ อัตตาทั้งท่ีมรี ูป ท้ังทไ่ี มม รี ูป ย่ังยืน ไมมีสญั ญา. ๓๘.๔ อตั ตาทงั้ ทีม่ รี ปู ก็มใิ ช ทง้ั ที่ไมมรี ปู ก็มใิ ช ยั่งยืนไมม ีสัญญา. ๓๙.๕ อตั ตาทีม่ ีท่ีสุด ยงั่ ยนื ไมมสี ัญญา. ๔๐.๖ อัตตาท่ไี มม ที ส่ี ดุ ยง่ั ยนื ไมม สี ัญญา. ๔๑.๗ อัตตาทงั้ ท่มี ที ่สี ดุ ทั้งทไ่ี มม ที ีส่ ุด ย่ังยืน ไมม ีสญั ญา.
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 45 ๔๒.๘ อัตตาท้งั ทม่ี ที ส่ี ุดก็มิใช ทงั้ ท่ไี มมที ่สี ดุ ก็มิใชย่งั ยืน ไมมีสัญญา. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย สมณพราหมณเหลา นัน้ มวี าทะวา หลงั แตความตาย อัตตาไมม สี ัญญา ยอ มบญั ญัติวา หลงั แตค วามตาย อตั ตาไมมีสัญญา ดวยวัตถุ ๘ เหลานแ้ี ล. ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ก็สมณะหรือพราหมณเหลา ใดเหลา หน่ึง มีวาทะวา หลงั แตความตาย อัตตาไมมสี ัญญา ยอมบัญญัติวา หลงั แตความตาย อตั ตาไมม ีสัญญา สมณะหรอื พราหมณเ หลานั้นทงั้ หมด ยอ มบัญญตั ดิ ว ยวัตถุ ๘ นีเ้ ทานน้ั หรอื ดว ยอยางใดอยางหนึง่ ใน ๘ อยางน้ีนอกจากน้ีไมม ี. ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เร่ืองน้ตี ถาคตรูชัดวา ฐานะเปน ที่ต้งั แหงวาทะเหลาน้ี บคุ คลถืออยางนนั้ แลว ยึดอยางน้นั แลว ยอ มมคี ตอิ ยา งนน้ั มีภพเบือ้ งหนาอยางน้ัน. อน่งึ ตถาคตยอ มรูเหตุนน้ั ชัด และรชู ัดยิง่ ขน้ึ ไปกวา นัน้ ท้ังไมยดึ ม่นั ความรูช ัดนนั้ ดวย. และเมอ่ื ไมยึดม่ัน ตถาคตก็รูความดบั สนิทเฉพาะตน รูความเกิด ความดับ คุณโทษ แหงเวทนาท้ังหลาย กบั อบุ ายเปน เครื่องออกไปจากเวทนาเหลา นัน้ ตามความเปน จริง. เพราะไมยึดม่ัน ตถาคตจึงหลดุ พน . ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ธรรมเหลาน้แี ล ทลี่ กึ ซ้ึง เหน็ ไดย ากรตู ามไดย าก สงบ ประณตี จะคาดคะเนเอาไมไ ด ละเอียด รูไ ดเฉพาะบณั ฑิต ทตี่ ถาคตทาํ ใหแจงดว ยปญญารูยิ่งเอง แลว สอนผูอ ่ืนใหรูแจง อนั เปน เหตใุ หคนทัง้ หลายกลา วชมตถาคตตามความเปนจริงโดยชอบ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 46 เนวสญั ญีนาสัญญที ฏิ ฐิ ๘ (๔๘) ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย มสี มณพราหมณพ วกหนึง่ มีวาทะวา หลังแตค วามตาย อัตตามสี ัญญากม็ ใิ ช ไมม ีสญั ญาก็มใิ ช ยอ มบัญญัติวา หลงั แตความตาย อัตตามีสญั ญาก็มิใช ไมมีสญั ญาก็มิใช ดว ยวตั ถุ๘. กส็ มณพราหมณผ เู จริญเหลา นน้ั อาศยั อะไร ปรารภอะไร จงึ มีวาทะวา หลงั แตค วามตาย อตั ตามีสัญญาก็มใิ ช ไมม ีสญั ญากม็ ใิ ช ยอมบญั ญตั วิ า หลงั แตค วามตาย อตั ตามสี ญั ญาก็มิใช ไมม ีสญั ญาก็มใิ ช ดว ยวตั ถุ ๘. สมณพราหมณเหลา นนั้ ยอมบัญญัติอตั ตาน้นั วา หลงั แตความตาย ๔๓ . ๑ อตั ตาท่มี รี ปู ยัง่ ยนื มสี ัญญากม็ ิใช ไมมสี ญั ญากม็ ใิ ช. ๔๔ . ๒ อตั ตาทีไ่ มม รี ปู ยง่ั ยืน มีสัญญากม็ ใิ ช ไมม ีสญั ญาก็มใิ ช. ๔๕ . ๓ อัตตาทงั้ ท่มี ีรูป ทง้ั ที่ไมมรี ูป ยงั ยืน มีสญั ญาก็มิใช ไมมสี ัญญากม็ ิใช. ๔๖ . ๔ อัตตาทัง้ ท่ีมรี ปู กม็ ิใช ท้งั ทไ่ี มมีรปู ก็มใิ ช ยัง่ ยืนมสี ญั ญาก็มใิ ช ไมมสี ัญญากม็ ใิ ช. ๔๗ . ๕ อัตตาท่มี ีท่ีสดุ ยงั่ ยืน มสี ญั ญาก็มิใช ไมมีสัญญาก็มิใช. ๔๘ . ๖ อตั ตาท่ีไมมที ี่สดุ ยงั่ ยืน มสี ัญญาก็มิใช ไมม ีสัญญากม็ ใิ ช. ๔๙ . ๗ อตั ตาทง้ั ทีม่ ีท่สี ุด ทัง้ ทีไ่ มมที ี่สุด ยัง่ ยืน มสี ญั ญา
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 47กม็ ิใช ไมมสี ัญญากม็ ิใช. ๕๐. ๘ อัตตาทงั้ ทมี่ ีที่สดุ ก็มใิ ช ทงั้ ทไ่ี มมีท่สี ุดก็มใิ ชย่งั ยืน มีสัญญาก็มิใช ไมมสี ญั ญากม็ ิใช. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย สมณพราหมณเหลาน้นั มีวาทะวา หลังแตความตาย อตั ตามสี ญั ญาก็มิใช ไมมสี ัญญาก็มิใช ยอมบญั ญตั วิ า หลังแตค วามตาย อตั ตามสี ัญญาก็มิใช ไมม ีสัญญาก็มใิ ช ดว ยวตั ถุ ๘ นแ้ี ล. ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สมณะหรือพราหมณเ หลาใดเหลาหนง่ึ มีวาทะวา หลังแตค วามตาย อตั ตามสี ัญญากม็ ใิ ช ไมม สี ัญญากม็ ิใช สมณะหรอื พราหมณเ หลานน้ั ทัง้ หมด ยอ มบญั ญตั ิดว ยวตั ถุ ๘ น้ีเทา นนั้ หรอืดว ยอยา งใดอยางหนึง่ ใน ๘ อยางนี้ นอกจากนี้ไมม ี. ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย เร่อื งนีต้ ถาคตรูช ดั วา ฐานะเปน ที่ตง้ั แหงวาทะเหลา น้ี ทีบ่ คุ คลถอื ไวอ ยา งน้นั แลว ยึดไวอยา งนนั้ แลว ยอ มมีคตอิ ยา งนั้น มีภพเบื้องหนาอยางน้ัน. อน่งึ ตถาคตยอมรูเหตุนนั้ชดั และรูชดั ยิง่ ข้นึ ไปกวา นัน้ ท้งั ไมยึดมั่นความรชู ัดน้ันดว ย. และเมื่อไมยึดมั่น ตถาคตกร็ คู วามดบั สนทิ เฉพาะตน รคู วามเกดิ ความดบั คณุ โทษ แหง เวทนาท้ังหลาย กับอุบายเปน เครื่องออกไปจากเวทนาเหลานน้ั ตามความเปนจรงิ . เพราะไมย ดึ ม่นั ตถาคตจึงหลดุ พน. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรมเหลา นแ้ี ล ท่ลี ึกซ้งึ เหน็ ไดยากรตู ามไดย าก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไมได ละเอียด รเู ฉพาะบัณฑิต ท่ตี ถาคตทําใหแจงดว ยปญญารูยงิ่ เอง แลว สอนผอู ่ืนใหรแู จงอนั เปน เหตุใหคนท้งั หลายกลา วชมตถาคตตามความเปนจรงิ โดยชอบ.
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 48 อุจเฉททิฏฐิ ๗ (๔๙) ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย มีสมณพราหมณพวกหนง่ึ มวี าทะวาขาดสญู ยอ มบัญญตั ิความขาดสูญ ความพนิ าศ ความไมม ขี องสตั วที่ปรากฏอยู ดวยวัตถุ ๗. ก็สมณพราหมณผูเ จรญิ เหลา นั้น อาศัยอะไรปรารภอะไร จงึ มวี าทะวา ขาดสูญ บญั ญตั ิความขาดสญู ความพินาศความไมม ขี องสัตวท ่ปี รากฏอยู ดว ยวตั ถุ ๗. ๕๑.๑ ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย สมณะหรือพราหมณบางคนในโลกน้ี มีวาทะอยางน้ี มีทิฏฐิอยางน้ีวา ทา นผูเจริญ เพราะอัตตาน้ีมรี ปู สาํ เรจ็ ดวยมหาภตู รูป ๔ มีมารดาบิดาเปนแดงเกิด เพราะกายแตกยอ มขาดสูญ ยอมพินาศ ยอ มไมม ี ฉะนน้ั หลังแตค วามตาย อตั ตานี้จึงเปนอันขาดสญู อยางเดด็ ขาด. สมณพราหมณพ วกหนงึ่ ยอ มบญั ญตั ิความขาดสญู ความพินาศ ความไมมขี องสัตวท่ีปรากฏอยดู ว ยประการฉะน.้ี ๕๒.๒ สมณะหรือพราหมณพ วกหน่ึง กลา วกะสมณะหรือพราหมณพ วกนน้ั อยางนี้วา ทานผเู จริญ อตั ตาที่ทานกลา วถึงนั้น มอี ยูจรงิขาพเจามิไดกลาววา ไมมี ทา นผูเ จริญ แตอ ตั ตานีม้ ิไดขาดสญู อยา งเด็ดขาดดวยเหตเุ พียงเทา นี้ ทานผูเ จริญ ยงั มอี ัตตาอยา งอ่ืนท่ีเปน ทิพย มีรูปเปน กามาพจร บรโิ ภคกวฬิงการาหาร ซง่ึ ทานยังไมร ูไมเ หน็ ขา พเจารูขา พเจา เห็นอัตตานนั้ ทา นผูเ จริญ เพราะกายแตก อัตตานั้นแล ยอมขาดสญู ยอ มพินาศ ยอมไมม ี ฉะน้นั หลังแตความตาย ทานผเู จริญอัตตานจี้ ึงเปนอนั ขาดสญู อยางเด็ดขาด สมณพราหมณพวกหนึง่ ยอ มบัญญตั ิความขาดสูญ ความพินาศ ความไมมขี องสัตวท่ีปรากฏอยู ดวย
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 49ประการฉะนี.้ ๕๓. ๓ สมณะหรอื พราหมณพวกหนึง่ กลาวกะสมณะหรือพราหมณพ วกน้นั อยา งนี้วา ทา นผูเจรญิ อตั ตาท่ีทา นกลาวถงึ น้ันมอี ยูจรงิขา พเจามิไดกลาววา ไมม ี ทานผูเจริญ แตอัตตานม้ี ิไดข าดสูญอยา งเด็ดขาดดว ยเหตเุ พียงเทานี้ ทา นผูเจริญ ยง่ิ มีอัตตาอยา งอ่นื ที่เปนทพิ ย มรี ปูสาํ เรจ็ ดวยใจ มอี วยั วะใหญนอ ยครบถว น มีอนิ ทรยี ไ มบ กพรอ ง ซงึ่ ทานยงั ไมรูยงั ไมเห็น ขาพเจา รู ขาพเจา เห็นอัตตานัน้ ทา นผูเจรญิ เพราะกายแตกอตั ตานั้นแลยอมขาดสูญ ยอ มพนิ าศ ยอมไมม ี ฉะนนั้ หลังแตความตายทานผูเจรญิ อัตตาน้ีจึงเปนอนั ขาดสูญอยางเดด็ ขาด. สมณพราหมณพวกหนึง่ ยอมบญั ญตั ิความขาดสูญ ความพินาศ ความไมมีของสตั วท่มี ีอยูดว ยประการฉะน.ี้ ๕๔. ๔ สมณะหรอื พราหมณพ วกหน่ึง กลา วกะสมณะหรอืพราหมณพวกน้ันอยา งนีว้ า ทา นผูเจริญ อตั ตาท่ที า นกลา วถงึ น้ัน มอี ยูจริงขาพเจา มไิ ดก ลา ววาไมม ี ทานผูเจรญิ แตอัตตานี้มไิ ดขาดสญู อยา งเด็ดขาดดวยเหตเุ พยี งเทา นี้ ทา นผเู จริญ ยงั มอี ตั ตาอยา งอื่นท่ีเขาถงึ ชั้นอากาสา-นัญจายตนะ มีอารมณว า อากาศหาทส่ี ดุ มไิ ด เพราะลว งรูปสัญญา เพราะดับปฏฆิ สญั ญา เพราะไมใ สใจนานัตตสัญญาโดยประการท้งั ปวง ซง่ึ ทานยังไมรยู ังไมเห็น ขาพเจารู ขาพเจา เห็นอัตตานน้ั ทา นผูเ จริญ เพราะกายแตกอตั ตาน้ันแล ยอ มขาดสูญ ยอมพนิ าศ ยอ มไมม ี ฉะน้นั หลังแตค วามตายทานผูเจรญิ อัตตานจ้ี งึ เปน อันขาดสูญอยา งเดด็ ขาด. สมณพราหมณพวกหนึง่ ยอ มบัญญัตคิ วามขาดสูญ ความพินาศ ความไมม ีของสตั วท ม่ี อี ยูดวยประการฉะน้ี.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 585
Pages: