Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_02

tripitaka_02

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:33

Description: tripitaka_02

Search

Read the Text Version

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 101บานนนั้ ชอื่ วาทีอ่ ยอู าศัยดุจเปน ทโ่ี คจอมเปนตน . บรรดาหมูตาง และหมูเกวยี นเปน ตน หมใู ดหมูหนง่ึ ช่ือวา สัตถะ. อนง่ึ ในสกิ ขาบทน้ี นิคมกด็ ีบา นกด็ ี พึงทราบวา ทานถือเอาดว ย คามศพั ทท ้งั นัน้ . [ อรรถาธบิ ายเขตอปุ จารบา นและเรอื นเปนตน ] คาํ วา อปุ จารบาน เปนตน พระองคตรัส เพ่ือแสดงการกําหนดปา. สองบทวา อนิ ทฺ ขีเล ิตสสฺ ความวา ไดแกบุรุษผยู นื อยทู เี่ สาเข่ือนรว มในแหง บา นที่มีเสาเขอ่ื น ๒ เสา ดุจอนรุ าธบุรี ฉะนัน้ . จรงิ อยูเสาเข่ือนภายนอก แหงอนรุ าธบุรนี ้นั โดยอภิธรรมนัย ยอมถึงการนับวาเปนปา. อนง่ึ ไดแ ก บรุ ุษผยู นื อยูทที่ ามกลางแหงบานทม่ี ีเสาเข่ือนเสาเดียวหรอื ผูยืนอยทู ่ีทา มกลางแหง บานประตบู าน. แทจรงิ ในบานใด ไมม เี สาเข่อื น,ตรงกลางแหง บานประตูบา น ในบานนน่ั แล เรียกวา เสาเข่ือน. เพราะเหตุนั้นขา พเจา จึงกลาวไววา ไดแ ก บุรุษผยู ืนอยูท ที่ า มกลาง แหงบานประตบู าน. บทวา มชฌฺ มิ สฺส ความวา ไดแ ก บรุ ุษมกี าํ ลงั ปานกลาง หาใชบุรษุ ขนาดกลางผมู ีกาํ ลงั พอประมาณไม คือ บุรุษผูม ีกําลงั นอ ยหามิไดเ ลย ทั้งไมใชบรุ ษุ มกี าํ ลงั มาก, มคี ําอธิบายวา ไดแ ก บุรษุ ผูม ีกาํ ลังกลางคน. บทวา เลฑฺฑปุ าโต ไดแก สถานทต่ี กแหง กอ นดินท่ีเขาไมไ ดขวา งไป เหมอื นอยา งมาตคุ าม จะใหพวกกาบินหนไี ป จึงยกมอื ขึ้นโยนกอ นดนิ ไปตรง ๆ เทาน้นั และเหมอื นอยา งพวกภกิ ษวุ ักนา้ํ สาดไปในโอกาสที่กาํ หนดเขตอุทกกุ เขป แตขวา งไปเหมือนคนหนมุ ๆ จะประลองกําลังของตนจงึ เหยยี ดแขนออกขวางกอนดินไป ฉะน้ัน. แตไมควรกาํ หนดเอาท่ซี ึ่งกอ นดินตกแลวกลง้ิ ไปถงึ .

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 102 ก็ในคาํ วา บรุ ษุ กลางคน ผูยนื อยูท ่ีอจุ ารเรือนแหง บา นทีไ่ มไดลอ มขวา งกอนดินไปตก๑ น้ี พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดงั น้ี :- บุรุษกลางคน ผยู นื อยูท่ีนํ้าตกแหงชายคา โยนกระดงหรือสากใหต กไป ชอื่ วา อปุ จารเรือน. ในอรรถกถากรุ นุ ทที านกลา วไววา บุรษุ กลางคนผยู ืนอยทู ี่อุปจารเรือนน้นั ขวางกอนดนิ ไปตก ช่ือวา อุปจารบาน. ถึงในอรรถกถามหาปจ จรี ทา นก็กลา วไวเชน นน้ั เหมอื นกัน. อนึง่ ในมหาอรรถกถา ทานตง้ั มาติกาไววา ชอื่ วาเรือนชอื่ วา อปุ จารเรือน ช่ือวาบา น ชื่อวา อปุ จารบา น แลวกลา ววา ภายในท่ีนํ้าตกแหงชายคา ชอ่ื วาเรอื น. สว นท่ตี กแหงนํา้ ลา งภาชนะ ซึ่งมาตุคาม ผูยนื อยูท่ีประตสู าดท้งิ ลงมา และทีต่ กแหงกระดง หรอื ไมกวาด ท่ีมาตุคามเหมือนกันซ่ึงยนื อยูภายในเรอื นโยนออกไปขา งนอกตามปกติ และเครอ่ื งลอมทเ่ี ขาตอทม่ี ุมสองดา นขางหนา เรือน ตัง้ ประตกู ลอนไมไ วตรงกลางทาํ ไวสาํ หรบั กันพวกโคเขา ไป แมท้งั หมดน้ี ชื่อวา อปุ จารเรอื น. ภายในเลฑฑุบาตของบุรษุ มกี าํ ลังปานกลาง ผูยนื อยูท ีอ่ ปุ จารเรือนน้ัน ชือ่ วา บา น. ภายในเลฑฑุบาตอ่ืนจากนั้น ช่ือวาอุปจารบาน. คําทีท่ านกลา วไวใ นมหาอรรถกถานี้ ยอ มเปน ประมาณในคํานว้ี า บุรษุ มกี ําลงั ปานกลางผยู ืนอยทู อ่ี ุปจารเรือนแหงบา นท่ีไมไดลอ มขวา งกอ นดินไปตก.๒ เหมือนอยา งวา คําท่ที า นกลา วไวใ นมหาอรรถกถาน้ียอ มเปน ประมาณในท่นี ี้ ฉนั ใด, อรรถกถาวาทะกด็ ี เถรวาทะกด็ ี ท่ีขาพเจาจะกลาวในภายหลงั กพ็ ึงเห็นโดยความเปนประมาณในทที่ ัง้ ปวง ฉนั นน้ั . ถามวา กค็ ําทีท่ านกลา วไวในมหาอรรถกถานี้ นนั้ ปรากฏเหมอื นขดัแยงพระบาลี เพราะในพระบาลี พระองคต รสั ไวเ พียงเทาน้วี า บุรษุ มกี ําลังปานกลาง ผยู ืนอยทู อ่ี ุปจารเรอื นขวางกอ นดินไปตก.๓ แตในมหาอรรถกถา๑. วิ. มหา. ๑/๘๕. ๒-๓ วิ. มหา. ๑/๘๕.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 103ทานทําเลฑฑบุ าตนั้นใหถ ึงการนบั วาบานแลวกลาวอุปจารบา น ถัดเลฑฑุบาตนน้ั ออกไป ? ขาพเจาจะกลาวเฉลยตอไป :- คําท้ังหมดน่นั แล ทานกลาวไวใ นพระบาลแี ลว. สวนความอธิบายในพระบาลีน้ี ผูศ กึ ษาควรทราบ. กแ็ ลความอธบิ ายนน้ั พระอรรถกถาจารยท ง้ั หลายเทานน้ั เขา ใจแจม แจง . เพราะเหตนุ ้นั ลักษณะแหงอปุ จารเรือน แมมไิ ดตรัสไวในพระบาลวี า ผูยนื อยทู ี่อปุ จารเรอื น ดังน้ี ทา นก็ถอื เอาดวยอํานาจแหงลักษณะทก่ี ลาวไวในอรรถกถาฉันใด, แมลกั ษณะแหงอปุ จารเรอื นทเ่ี หลอื กค็ วรถอื เอาฉนั นนั้ . ในศัพทวาคามปู จารนัน้ ก็ควรทราบนยั ดงั ตอไปนี้ :- ชอื่ วาบานในสกิ ขาบทน้ี มี ๒ ชนิดคอื บานทมี่ เี คร่ืองลอ ม ๑ บา นทีไ่ มม เี ครอ่ื งลอ ม ๑. ในบา น ๒ ชนิดนั้นเครื่องลอมน่ันเอง เปน เขตกาํ หนดของบา นที่มเี คร่อื งลอ ม. เพราะเหตุน้ัน ในพระบาลี พระองคจึงไมต รัสเขตกําหนดไวเ ปนแผนกหนึ่ง แตไดต รสั ไววาบรุ ุษผูมีกําลังปานกลาง ผูยนื อยทู เี่ สาเขอื่ นแหงบานทม่ี เี ครื่องลอม ขวางกอ น-ดนิ ไปตก ชอื่ วาอุปจารบา น๑ . สวนเขตกําหนดบาน แหง บานทไ่ี มไดล อ มกค็ วรกลา วไวดวย. เพราะฉะน้ัน เพ่ือแสดงเขตกาํ หนดบาน แหง บานทไี่ มไดลอมนั้น พระองคจ งึ ตรสั ไววา บรุ ษุ มกี ําลงั ปานกลาง ยนื อยูท ีอ่ ปุ จารเรอื นแหง บานทไ่ี มไดลอม ขวางกอนดนิ ไปตก ( ชื่อวาอุปจารบา น๒ ) เม่อื แสดงเขตกาํ หนดของบานไวแลวน่ันแล ลักษณะแหงอปุ จารบา น ใคร ๆ ก็อาจทราบได โดยนยั ดังท่กี ลา วไวแ ลวในกอ นทีเดียว ; เพราะฉะนั้น พระองคจงึไมต รสั ซํา้ อีกวา บุรษุ มกี าํ ลงั ปานกลางยนื อยูท่ีอุปจารเรอื นนน้ั ขวา งกอ นดนิไปตก. ฝายอาจารยใด กลาวเลฑฑบุ าตของบรุ ุษมกี ําลงั ปานกลาง ยืนอยูท ่ี๑-๒. วิ. มหา. ๑/๘๕.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 104อปุ จารเรือนน่นั เอง เปนอุปจารบา น ดังน้ี, อุปจารเรอื นของอาจารยน น้ัยอมพอ งกับคาํ วา บา น. เพราะเหตุน้นั วิภาคนี้ คอื เรือน อปุ จารเรอื น บานอปุ จารบา น ยอ มไมป ะปนกัน. สว นขอวนิ ิจฉยั ในเรอื น อปุ จารเรือน บานและอุปจารบานนี้ ผูศกึ ษาควรทราบโดยความไมปะปนกัน (ดังที่ทา นกลาวไว)ในวิกาเลคามปั ปเวสนสกิ ขาบทเปนตน. เพราะฉะนนั้ บา นและอปุ จารบานในอทินนาทานสกิ ขาบทน้ี ผศู กึ ษาควรเทียบเคียงบาลแี ละอรรถกถาแลว ทราบตามนยั ทีก่ ลา วไวแลวนนั่ แหละ. อนง่ึ แมบ านใด แตก อนเปน หมูบานใหญภายหลัง เม่ือสกลุ ทั้งหลายสาบสูญไป กลายเปนหมบู านเลก็ นอ ย, บา นนั้นควรกาํ หนดดว ยเลฑฑุบาตแตอ ุปจารเรอื นเหมือนกัน. สว นกาํ หนดเขตเดมิของบานนน้ั ทง้ั ทมี่ ีเครอ่ื งลอ มทั้งท่ีไมมีเคร่ืองลอ ม จะถือเปนประมาณไมไดเลย ฉะนแี้ ล. [ อรรถาธบิ ายกาํ หนดเขตปา ] ปา ที่เหลอื ในอทนิ นาทานสิกขาบทน้ี เวน บานและอุปจารบา น ซง่ึ มีลกั ษณะตามทที่ า นกลา วไวด งั น้วี า ที่ช่อื วาปา คอื เวน บานและอปุ จารบา นเสยีพึงทราบวา ช่ือวาปา. แตในคมั ภีรอ ภิธรรม พระผูมีพระภาคเจาตรัสไววาคําวา ปา น้นั ไดแก ท่ภี ายนอกจากเสาเข่อื นออกไป น้ันท้งั หมด ช่อื วา ปา๑.พระองคต รัสไวใ นอรัญญสิขาบทวา เสนาสนะทส่ี ุดไกลประมาณ ๕๐๐ ช่วั ธนูช่อื วา เสนาสนะปา๒. พงึ ทราบวา เสนาสนะปานน้ั นบั แตเสาเขอื่ นออกไปมรี ะยะไกลประมาณ ๕๐๐ ชว่ั ธนู โดยธนขู องอาจารยที่ทา นยกขน้ึ ไว. พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือจะทรงจาํ แนกเนือ้ ความแหงคํานี้วา จากบานก็ดี จากปา กด็ ี โดยนยั ดงั ท่ีกลาวไวแ ลว ในพระบาลีอยางน้ัน จึงทรงแสดงสวนท้งั ๕ ไว เพือ่ ปอ งกนั ความอา งเลศและโอกาสของเหลา บาปภิกษุวา เรือน๑. อภ.ิ ว.ิ ๓๕/๓๓๘ ข.ุ ปฏิ. ๓๑/๒๖๔. ๒. ว.ิ มหา. ๒/๑๔๖.

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 105อปุ จารเรือน บา น อุปจารบาน ( และ ) ปา. เพราะฉะนัน้ พงึ ทราบวา เม่ือภิกษุลกั ส่งิ ของทีม่ ีเจาของตงั้ แตม รี าคาบาทหนึง่ ข้ึนไปในเรือนก็ดี อุปจารเรอื นก็ดี บา นก็ดี อปุ จารบานก็ดี ปา ก็ดี เปน ปาราชิกเหมือนกัน. [ อรรถาธิบายสิง่ ของที่เจาของมกี รรมสิทธอ์ิ ยู ] บัดนี้ เพอื่ แสดงเนอื้ ความแหงคําเปนตนวา พงึ ถอื เอาทรัพยอ นั เจาของไมไดใ ห ดว ยสวนแหงความเปนขโมย ดังน้ี พระองคจ ึงตรัสวา อทนิ นฺ  นามเปน ตน . ในคาํ วา อทนิ ฺน นาม เปน ตนนั้น มวี ินิจฉยั ดังนี้ :- ในทนั ต-โปณสกิ ขาบท แมสิง่ ของ ๆ ตนทย่ี ังไมร ับประเคน ซ่งึ เปน กปั ปย ะ แตเ ปนของท่ไี มควรกลนื กนิ เรยี กวา ของทเี่ ขายงั ไมไดใ ห. แตในสิกขาบทนี้ สง่ิ ของอยางใดอยา งหนง่ึ ที่ผูอน่ื หวงแหน ซง่ึ เจา ของ เรียกวา ส่งิ ของอนั เจา ของไมไดใ ห. ส่งิ ของนนี้ ้ัน อันเจาของเหลา น้นั ไมไดให ดว ยกายหรือวาจาเพราะเหตนุ ้ัน จึงช่ือวา สง่ิ ของอันเจาของไมไ ดให. ชื่อวา อันเขายงั ไมไ ดล ะวางเพราะวาเจา ของยงั ไมไดส ละพน จากมือของตน หรือจากท่ี ๆ ตั้งอยูเดิม. ชื่อวาอนั เจา ของยงั ไมไ ดส ละทิ้ง เพราะวา แมท รพั ยตั้งอยูในทีเ่ ดิมแลว แตเจาของกย็ ังไมไ ดสละทิ้ง เพราะยังไมหมดความเสียดาย. ช่อื วา อนั เจา ของรักษาอยูเพราะเปนของทเี่ จา ของยังรกั ษาไว โดยจดั แจงการอารกั ขาอย.ู ชอ่ื วาอนั เขายังคมุ ครองอยู เพราะเปนของท่เี จา ของใสไ วใ นท่ที ง้ั หลายมตี เู ปน ตนแลวปกครองไว. ช่ือวา อันเขายังถือวา เปนของเรา เพราะเปน ของที่เจา ของยงั ถือกรรมสทิ ธ์ิวา เปน ของเรา โดยความถือวา ของเราดว ยอํานาจตณั หาวา ทรัพยน้ีของเรา. ชอ่ื วา ผอู ่ืนหวงแหน เพราะวา เปน ของอันชนเหลาอ่นื ผเู ปน เจา ของทรพั ยเ หลานน้ั ยงั หวงแหนไว ดว ยกิจมอี ันยังไมทิง้ ยงั รักษา และปกครองอยเู ปน ตนเหลา นน้ั . ทรพั ยนั่นชอ่ื วา อนั เจา ของไมไดใ ห.

พระวนิ ัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 106 [ อรรถาธิบายสงั ขาตศพั ทลงในอรรถตติยาวิภัตติ ] ในบทวา เถยฺยสงขฺ าต น้ี มวี นิ จิ ฉยั ดงั นี้ :- โจร ช่อื วา ขโมย.ความเปน แหงขโมย ชอ่ื วา เถยยฺ . บทวา เถยยฺ  นี้ เปนช่ือแหงจิตคดิ จะลกั .สองบทวา สงฺขา สงขฺ าต น้นั โดยเนอื้ ความก็เปนอนั เดยี วกนั . บทวาสงฺขาต น้นั เปน ช่ือแหง สวน เหมือนสงั ขาตศัพทใ นอุทาหรณท ้งั หลายวาก็สว นแหงธรรมเครื่องเน่ินชา ทัง้ หลาย มีสญั ญาเปน เหตุ ดังนเี้ ปนตน. สวนนัน้ ดว ยความเปน ขโมยดว ย เพราะฉะนัน้ จงึ ชอ่ื วา เถยยฺ สงฺขาต. อธิบายวาสวนแหง จิตดวงหนึง่ ซ่ึงเปนสวนแหง จิตเปนขโมย. กค็ ําวา เถยฺยสงฺขาต น้ีเปนปฐมาวภิ ตั ติ ลงในอรรถแหงตตยิ าวภิ ัตติ ; เพราะฉะนนั้ บณั ฑติ พงึ เห็นโดยเนือ้ ความวา เถยฺยสงขฺ าเตน แปลวา ดว ยสวนแหง ความเปน ขโมย ดังน้.ี ก็ภกิ ษใุ ด ยอมถือเอา (ทรพั ยทเี่ จาของไมไดใ ห) ดวยสวนแหงความเปน ขโมย, ภกิ ษุนน้ั ยอมเปนผมู จี ิตแหง ความเปนขโมย ; เพราะฉะนั้น เพ่ือไมคํานึงถงึ พยัญชนะแสดงเฉพาะแตใจความเทา นนั้ พงึ ทราบวา พระผูมีพระภาคเจา ตรัสบทภาชนะแหง บทวา เถยฺยสงขฺ าต นน้ั ไวอยา งนีว้ า ผูมีจติแหง ความเปน ขโมย คือ ผมู จี ติ คิดลัก ดังนี้. [ อรรถาธิบายบทมาติกา ๖ บท ] ก็ในคําวา อาทิเยยยฺ ฯ เป ฯ สงเฺ กต วีตินาเมยฺย นี้ บณั ฑิตพงึ ทราบวา บทแรกพระผมู ีพระภาคเจาตรสั ดวยอํานาจการตูเอา, บทท่ี ๒ตรสั ดวยอํานาจแหงภกิ ษุผูนาํ เอาทรัพยข องบุคคลเหลาอ่นื ไป, บทที่ ๓ ตรัสดว ยอํานาจแหง ทรัพยท ่เี ขาฝงไว, บทท่ี ๔ ตรัสดวยอาํ นาจแหงทรัพยท ม่ี ีวิญญาณ, บทท่ี ๕ ตรสั ดวยอํานาจแหง ทรพั ยทีเ่ ขาเกบ็ ไวบนบกเปนตน, บทท่ี๖ ตรัสดวยอํานาจแหง ความกาํ หนดหมาย หรือดวยอาํ นาจแหงดานภาษ.ี

พระวินัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 107 อน่งึ ในคาํ วา อาทเิ ยยยฺ เปนตนน้ี การประกอบความยอมมี ดวยอํานาจสิ่งของส่งิ เดียวบาง ดวยอาํ นาจสงิ่ ของตาง ๆ บาง. ก็แล ความประกอบดว ยอํานาจส่งิ ของส่งิ เดยี ว ยอมใชไดดว ยทรพั ยทม่ี ีวิญญาณเทา นนั้ . ความประกอบดว ยอาํ นาจส่ิงตาง ๆ ยอ มใชไ ดด วยทรพั ยท ป่ี นกันท้ังทมี่ ีวิญญาณทง้ั ท่ีไมมวี ญิ ญาณ. บรรดาความประกอบดว ยอํานาจสิง่ ของสิ่งเดยี วและสิ่งของตางๆนนั้ ความประกอบดวยอํานาจสง่ิ ของตาง ๆ บัณฑติ ควรทราบโดยนัยอยา งนก้ี อ น. [ อรรถาธบิ ายกิริยาแหง การลัก ๖ อยาง ] บทวา อาทิเยยฺย ความวา ภิกษุตเู อาทส่ี วน ตองอาบตั ทิ กุ กฎ.ยังความสงสัยใหเกดิ ขนึ้ แกเ จา ของ ตอ งอาบัตถิ ุลลจั จยั . เจาของทอดธรุ ะวาสวนน้จี ักไมเ ปน ของเราละ ตอ งอาบัตปิ าราชิก. บทวา หเรยยฺ ความวา ภกิ ษมุ ีไถยจติ นําทรัพยข องผูอื่นไปลูบคลาํภาระบนศีรษะ ตองอาบัติทกุ กฎ. ทําใหไ หว ตอ งอาบตั ิถุลลัจจยั . ลดลงมาสคู อตองอาบตั ิปาราชิก. บทวา อวหเรยยฺ ความวา ภกิ ษุรบั ของที่เขาฝากไว เมือ่ เจาของทวงขอคนื วา ทรพั ยทข่ี าพเจาฝากไวม ีอย,ู ทานจงคืนทรพั ยใหแ กข าพเจากลา วปฏเิ สธวา ฉันไมไ ดร ับไว ตองอาบัตทิ กุ กฏ. ยังความสงสยั ใหเกิดขึ้นแกเจาของ ตองอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั . เจา ของทอดธุระวา ภิกษุรูปนี้ จกั ไมค นื ใหแ กเ ราตอ งอาบตั ิปาราชิก. สองบทวา อิริยาปถ วโิ กเปยฺย ความวา ภกิ ษุคิดวา เราจักนาํไปทง้ั ของท้งั คนขน ใหย างเทาที่หน่ึงกาวไป ตอ งอาบตั ถิ ลุ ลัจจัย ใหยางเทาทีส่ องกาวไป ตองอาบัตปิ าราชกิ .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 108 สองบทวา านา จาเวยยฺ ความวา ภกิ ษมุ ีไถยจิต ลูบคลําของที่ตัง้ อยูบ นบก ตองอาบตั ทิ ุกกฏ. ทาํ ใหไ หว ตอ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จัย. ใหเคลอ่ื นจากท่ี ตองอาบัตปิ าราชกิ . สองบทวา สงเฺ กต วีตินาเมยยฺ ความวา ภกิ ษยุ งั เทาทีห่ นึง่ ใหกาวลว งเลยทีก่ ําหนดไวไป ตองอาบัตถิ ุลลัจจยั . ใหเ ทา ที่สองกา วลว งไป ตองอาบัติปาราชกิ . อกี อยา งหน่งึ ยงั เทา ทหี่ นง่ึ ใหก าวลวงดานภาษไี ป ตอ งอาบัติถุลลจั จยั . ยังเทาท่สี องใหกา วลว งไป ตอ งอาบตั ปิ าราชกิ ฉะนนั้ แล. นีเ้ ปนความประกอบดวยอาํ นาจนานาภัณฑะ ในบทวา อาทเิ ยยฺย เปนตน นี.้ สว นความประกอบอาํ นาจเอกภณั ฑะ พงึ ทราบดงั น้ี :- ทาสกด็ ีสัตวด ริ จั ฉานกด็ ี ซ่งึ มีเจาของ ภกิ ษุตูเอาก็ดี ลักไปก็ดี ฉอไปก็ดี ใหอ ิริยาบถกําเรบิ ก็ดี ใหเ คลอ่ื นจากฐานกด็ ี ใหกา วลว งเลยทก่ี ําหนดไปกด็ ี โดยนยั มีตเู อาเปนตน ตามท่กี ลาวแลว. นเ้ี ปน ความประกอบดวยอํานาจเอกภัณฑะ ในบทวาอาทเิ ยยฺย เปน ตน น.ี้ อกี อยางหนง่ึ เมือ่ บัณฑติ บรรยายบททงั้ หลาย ๖ เหลาน้ี พงึ ประมวลปญ จกะ ๕ หมวดมาแลว แสดงอวหาร ๒๕ อยาง. เพราะเมื่อบรรยายอยางนี้ยอมเปนอันบรรยายอทนิ นาทานปาราชกิ นแ้ี ลวดวยด.ี แตในท่นี ี้ อรรถกถาทง้ั ปวง ยุงยากฟน เฝอ มีวินจิ ฉัยเขา ใจยาก. ความจรงิ เปน ดังนน้ั ในบรรดาอรรถกถาทั้งปวง ทานพระอรรถกถาจารย รวมองคแหง อวหารทง้ั หลาย แมที่พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวแลว ในพระบาลีโดยนัยวา ภิกษุถือเอาสิ่งของที่เขาไมไดให ดว ยอาการ ๕ ตอ งอาบตั ปิ าราชิก ท้งั สิ่งของนน้ั เปนสง่ิ ของทผี่ ูอ่ืนหวงแหน ดงั น้ีเปนตน ในทบ่ี างแหง แสดงไวในปญ จกะเดยี ว. ในทบ่ี างแหงแสดงไวสองปญจกะควบเขากบั องคแ หงอวหารทงั้ หลายทีม่ าแลว วา ฉหากาเรหิ

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 109ดว ยอาการ ๖ ดงั น้ี. แตปญจกะเหลา น้ี ยอมหาเปนปญจกะไม. เพราะในหมวดซึ่งอวหารยอมสําเร็จไดด วยบทหนง่ึ ๆ นัน้ ทา นเรียกวา ปญจกะ. กใ็ นคําวา ปจฺ หากาเรหิ น้ี อวหารอยางเดยี วเทาน้ัน ยอมสําเรจ็ ไวด ว ยบทแมท ้งั หมด. ก็ปญ จกะท้งั หมดเหลาใด ทที่ า นมงุ หมายใน ๖ บทนนั้ ขา พเจาแสดงไวแ ลว , แตข า พเจา มิไดประกาศอรรถแหง ปญจกะแมเ หลา นั้นทัง้ หมดไว.ในท่นี ี้ อรรถกถาทงั้ ปวงยุง ยากฟน เฝอ มีวนิ ิจฉัยเขา ใจยาก ดว ยประการฉะน้.ีเพราะฉะนนั้ พึงกําหนดอวหาร ๒๕ ประการเหลา นี้ ทีข่ า พเจาประมวลปญจกะ๕ หมวด มาแลวแสดงไวใหด ี. [ ปญ จกะ ๕ หมวด ๆ ละ ๕ ๆ รวมเปน อวหาร ๒๕ ] ทีช่ อื่ วา ปญจกะ ๕ คอื หมวดแหง อวหาร ๕ ท่กี าํ หนดดว ยภัณฑะตางกนั เปน ขอ ตน ๑ หมวดแหงอวหาร ๕ ท่ีกาํ หนดดวยภัณฑะชนิดเดยี วเปนขอ ตาง ๑ หมวดแหงอวหาร ๕ ท่กี ําหนดดว ยอวหารที่เกดิ แลว ดว ยมือของตนเปน ขอ ตน ๑ หมวดแหงอวหาร ๕ ทก่ี าํ หนดดว ยบพุ ประโยคเปนขอตน ๑หมวดแหง อวหาร ๕ ที่กาํ หนดดวยการลักดวยอาการขโมยเปนขอตน ๑. บรรดาปญ จกะท้งั ๕ นนั้ นานาภณั ฑปญ จกะ และเอกภณั ฑปญจกะ ยอมไดด วยอํานาจแหงบทเหลา น้ี คือ อาทิเยยยฺ พงึ ตเู อา ๑ หเรยยฺ พึงลกั ไป ๑อวหเรยฺย พงึ ฉอ เอา ๑ อริ ิยาปถ วิโกเปยฺย พงึ ยังอริ ยิ าบถใหกําเรบิ ๑านา จาเวยฺย พงึ ใหเ คลื่อนจากฐาน ๑. ปญ จกะทัง้ สองนั้น ผศู ึกษาพงึทราบโดยนัยดงั ท่ีขา พเจา ประกอบแสดงไวแลว ในเบอื้ งตน น่นั แล. สว นบทท่ี ๖วา สงเกต วตี ินาเมยยฺ ( พึงใหลว งเลยเขตกําหนดหมาย ) น้นั เปน ของท่วั ไปแกปริกัปปาวหาร และนิสสคั คิยาวหาร. เพราะฉะน้ัน พึงประกอบบทที่ ๖ น้นั เขาดว ยอํานาจบททไ่ี ดอ ยใู นปญจกะที่ ๓ และท่ี ๕. นานาภัณฑ-ปญจกะ และเอกภัณฑปญ จกะ ขาพเจา ไดก ลา วไวแลว.

พระวินยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 110 [ สาหตั ถกิ ปญจกะ มีอวหาร ๖ อยา ง ] สาหัตถกิ ปญ จกะ เปนไฉน ? คอื สาหัสถิกปญ จกะ มอี วหาร ๕ อยา งดังนี้ คอื สาหตั ถิกะ ถอื เอาดว ยมอื ของตนเอง ๑ อาณัตติกะสัง่ บงั คับ ๑นิสสคั คิยะ ซัดขวา งสง่ิ ของไป ๑ อตั ถสาธกะ ยังอรรถใหส ําเร็จ ๑ ธรุ นกิ เขปะเจา ของทอดธุระ ๑. บรรดาอวหาร ๕ อยางน้ัน ท่ชี ่ือวา สาหัตถกิ ะ ไดแก ภกิ ษุลกั ส่ิงของของผูอืน่ ดวยมือของตนเอง. ทชี่ ่อื วา อาณัตติกะ ไดแ ก ภกิ ษุสง่ั บงั คับผอู ่ืนวา จงลกั สิง่ ของของคนช่ือโนน. ชื่อวา นิสสัคคยิ ะ ยอ มไดการประกอบบทนี้วาพึงใหล วงเลยเขตกําหนดหมาย รวมกับคาํ น้ีวา ภิกษุยนื อยภู ายในดา นภาษีโยนทรพั ยใ หตกนอกดานภาษี ตอ งอาบัตปิ าราชิก* ดงั นี้. ทช่ี อ่ื วา อตั ถสาธกะไดแก ภกิ ษุสัง่ บงั คับวา ทา นอาจลกั สง่ิ ของชอ่ื โนนมาได ในเวลาใด, จงลักมาในเวลานั้น. บรรดาภิกษุผูสัง่ บังคบั และภกิ ษุผลู กั ถา ภกิ ษุผูรบั สง่ั ไมมีอันตรายในระหวา ง ลกั ของนั้นมาได, ภิกษุผูสั่งบงั คบั ยอ มเปน ปาราชกิ ในขณะทส่ี ง่ั นนั่ เอง สวนภิกษผุ ูล ัก เปนปาราชิกในเวลาลกั ไดแ ลว น้ีช่อื วาอตั ถสาธกะ. สว นธรุ นกิ เขปะ พงึ ทราบดวยอาํ นาจทรัพยทีเ่ ขาฝากไว ฉะนนั้ แล.คาํ อธิบายมานี้ ชอื่ วา สาหตั ถิกปญจกะ. [ บุพประโยคปญจกะ มอี วหาร ๕ อยาง ] บพุ ประโยคปญ จกะ เปนไฉน ? คอื บพุ ประโยคปญ จกะ มอี วหารแมอ ่นื อีก ๕ อยา ง ดงั นี้ คือ บพุ ประโยค ประกอบในเบือ้ งตน ๑ สหประโยคประกอบพรอ มกนั ๑ สังวิธาวหาร การชกั ชวนไปลัก ๑ สงั เกตกรรม การนดั หมายกัน ๑ นมิ ิตตกรรม การทาํ นมิ ิต ๑. บรรดาอวหารทั้ง ๕ เหลา นัน้* วิ. มหา. ๑/๙๖.

พระวินัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 111บุพประโยค พึงทราบดวยอํานาจสงั่ บงั คบั . สหประโยค พึงทราบดวยอาํ นาจการใหเ คล่อื นจากฐาน. สวนอวหารทงั้ ๓ นอกน้ี พึงทราบโดยนัยท่ีมาแลวในพระบาลีนั่นแล. คาํ อธิบายมาน้ี ชอื่ วา บพุ ประโยคปญ จกะ. [ เถยยาวหารปญ จกะ มอี วหาร ๕ อยา ง ] เถยยาวหารปญ จกะ เปนไฉน ? คอื เถยยาวหารปญ จกะ มอี วหารแมอ น่ื อกี ๕ อยา ง ดงั นี้ คือ เถยยาวหาร ลักดวยความเปน ขโมย ๑ ปสยั หา-วหาร ลกั ดวยความกดขี่ ๑ ปริกปั ปาวหาร ลักตามความกาํ หนดไว ๑ ปฏิจ-ฉนั นาวหาร ลักดวยอริ ิยาปกปด ๑ กสุ าวหาร ลักดว ยการสบั เปล่ียนสลาก ๑.อวหารทั้ง ๕ เหลา นนั้ ขา พเจา จกั พรรณนาในเร่ืองการสบั เปลย่ี นสลาก เร่ืองหน่งึ (ขา งหนา) วา ภกิ ษุรูปใดรูปหน่งึ เมอื่ จีวรของสงฆ อันภกิ ษุจีวรภาชกะแจกอยู มไี ถยจิตสบั เปล่ยี นสลาก แลว รบั เอาจวี รไป* ดังนี.้ คําทอ่ี ธิบายมานี้ช่อื วา เถยยาวหารปญจกะ. พึงประมวลปญ จกะทั้งหลายเหลา น้ี แลว ทราบอวหาร ๒๕ ประการเหลานี้ ดว ยประการฉะนี้. กแ็ ล พระวินัยธรผูฉลาดในปญ จกะ ๕ เหลา น้ี ไมพ งึ ดวนวนิ ิจฉัยอธกิ รณที่เกดิ ขึ้นแลว พึงตรวจดูฐานะ ๕ ประการ ซง่ึ พระโบราณาจารยทง้ั หลายมงุ หมายกลา วไวว า พระวินัยธรผฉู ลาด พงึ สอบสวนฐานะ ๕ ประการ คือ วตั ถุ กาละ เทสะ ราคา และการใชส อยเปน ท่ี ๕ แลวพึงทรงอรรถ- คดไี ว ดังน้.ี* ว.ิ มหา. ๑/๑๐๙

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 112 [ อรรถาธิบายฐานะ ๕ ประการ ] บรรดาฐานะทงั้ ๕ น้ัน ฐานะวา วัตถุ ไดแ ก ภณั ฑะ. กเ็ มื่อภิกษุผลู กั แมรับเปนสตั ยว า ภณั ฑะช่ือน้ี ผมลกั ไปจรงิ พระวินยั ธร อยาพึงยกอาบตั ขิ ้ึนปรับทันท,ี พึงพจิ ารณาวา ภณั ฑะนนั้ มเี จา ของหรือหาเจาของมิได.แมในภณั ฑะทีม่ เี จา ของ ก็พิจารณาวา เจา ของยังมอี าลัยอยู หรือไมม ีอาลยัแลว . ถา ภิกษลุ กั ในเวลาทเ่ี จา ของเหลานน้ั ยงั มีอาลยั พระวนิ ัยธร พงึ ตรี าคาปรับอาบัต.ิ ถา ลกั ในเวลาทีเ่ จา ของหาอาลยั มไิ ด ไมพ งึ ปรบั อาบัติปาราชกิ .แตเ มือ่ เจาของภณั ฑะใหนําภณั ฑะมาคนื พึงใหภณั ฑะคืน. อนั นีเ้ ปนความชอบในเร่อื งนี้. [ เรื่องภกิ ษลุ กั จวี รพระวินัยธรตัดสินวาไมเปน อาบัติ ] ก็เพอื่ แสดงเนือ้ ความนี้ ควรนาํ เรอื่ งมาสาธกดงั ตอไปน้ี :- ไดยนิ วาในรชั กาลแหง พระเจา ภาติยราช มภี ิกษุรปู หน่งึ พาดผา กาสาวะสีเหลืองยาว๗ ศอก ไวท่ีจะงอยบา แลวเขาไปยงั ลานพระเจดียจ ากทศิ ทกั ษณิ เพ่อื บชู าพระมหาเจดยี . ขณะนัน้ เอง แมพระราชากเ็ สดจ็ มาเพือ่ ถวายบงั คมพระเจดีย.เวลาน้นั เม่อื กําลงั ไลต อนหมูช นไป ความอลเวงแหงมหาชน ก็ไดมขี นึ้ แลว .คราวนน้ั แล ภกิ ษุรปู นน้ั ถูกความอลเวงแหง มหาชนรบกวนแลว ไมท นั ไดเหน็ ผากาสาวะ ซึ่งพลดั ตกไปจากจะงอยบาเลย กไ็ ดเดินออกไป. กแ็ ล ครัน้เดินออกไปแลว เมื่อไมเ ห็นผากาสาวะ ก็ทอดธรุ ะวา ใคร จะหาผา กาสาวะไดในเมื่อฝูงชนอลเวงอยเู ชน น,้ี บดั น้ี ผา กาสาวะน้ัน ไมใ ชข องเรา ดังนี้แลวก็เดนิ ออกไป. คราวนั้น มีภิกษรุ ปู อื่นเดนิ มาภายหลัง ไดเ ห็นผา กาสาวะน้นั แลวกถ็ ือเอาดวยไถยจิต แตกลบั มคี วามเดอื ดรอ นขน้ึ , เมอ่ื เกดิ ความคิดขน้ึ วาบดั นี้ เราไมเ ปนสมณะ, เราจักสึก แลวจงึ คดิ วา จักถามพระวินัยธรทง้ั หลายดู

พระวนิ ยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 113จึงจักรูได. กโ็ ดยสมัยน้ัน มีภิกษุผทู รงพระปรยิ ัติทัง้ ปวง ชือ่ จูฬสมุ นเถระเปน ปาโมกขาจารยทางพระวินยั พักอยูใ นมหาวิหาร. ภิกษรุ ูปนน้ั เขา ไปหาพระเถระแลวไหว ขอโอกาสแลว จงึ ไดเ รยี นถามขอสงสยั ของตน. พระเถระทราบความทผ่ี ากาสาวะอนั ภิกษผุ ูมาภายหลงั รูปนนั้ ถอื เอาในเมอื่ ฝูงชนแยกกันไปแลว คิดวา คราวน้ี ก็มโี อกาสในการไดผ า กาสาวะนี้ จงึ ไดกลา ววา ถาคณุ พงึ นําภิกษุผเู ปนเจาของผา กาสาวะมาไดไ ซร ; ขา พเจาอาจทาํ ที่พึ่งใหแ กคณุได. ภิกษรุ ูปนั้นเรยี นวา กระผมจกั เหน็ ทานรูปนนั้ ไดอ ยา งไร? ขอรับ!.พระเถระส่งั วา คุณจงไปคนดใู นทน่ี ั้น ๆ เถิด. เธอรปู น้ัน คน ดูมหาวหิ ารทั้ง๕ แหง กม็ ไิ ดพ บเหน็ เลย. ทนี ้นั พระเถระถามเธอรูปนัน้ วา พวกภิกษุพา กันมาจากทิศไหนมาก ?. เธอรูปนัน้ เรยี นวา จากทศิ ทกั ษิณ ขอรบั !. พระเถระส่งั วา ถา เชนน้ัน เธอจงวดั ผากาสาวะท้งั โดยสว นยาวและโดยสวนกวา งแลวเก็บไว ครั้นเกบ็ แลวจงคน หาดตู ามลําดับวหิ ารทางดานทศิ ทกั ษณิ แลว นาํภกิ ษุรปู น้ันมา. เธอรปู นน้ั ทําตามคาํ สง่ั นั้นแลว กไ็ ดพบภิกษรุ ปู นน้ั แลวไดน ํามายังสาํ นักพระเถระ. พระเถระถามวา นี้ผา กาสาวะของเธอหรอื ? ภิกษุเจา ของผา เรยี นวา ใชข อรับ !. พระเถระถามวา เธอทําใหตก ณ ที่ไหน.เธอรูปนนั้ ก็เรียนบอกเร่อื งทัง้ หมดแลว . พระเถระไดฟง การทอดธรุ ะทเ่ี ธอนน้ัทําแลว จึงถามรปู ท่ีถอื เอาผา นอกน้วี า เธอไดเ หน็ ผา ผืนนท้ี ี่ไหน จึงไดถ อื เอา ?แมเ ธอนัน้ กเ็ รียนบอกเร่ืองทง้ั หมด. ตอจากน้นั พระเถระจงึ กลา วกะภิกษุรูปทถี่ อื เอาผานน้ั วา ถาเธอจกั ไดถือเอาดวยจิตบริสุทธ์แิ ลวไซร, เธอก็ไมพ งึเปนอาบัตเิ ลย, แตเ พราะถอื เอาดวยไถยจิต เธอจงึ ตองอาบัตทิ กุ กฎ, ครนั้เธอแสดงอาบตั ทิ ุกกฎนน้ั แลว จักเปนผูไ มม อี าบัติ. อนึง่ เธอจงทําผากาสาวะผืนนใี้ หเ ปน ของตน แลว ถวายคนื แกภกิ ษรุ ปู นั้นนนั่ เถดิ . ภิกษุรปู นน้ั ไดประสบ

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 114ความเบาใจเปน อยา งยิ่ง เหมอื นกับไดร ดดว ยนาํ้ อมฤต ฉะนนั้ . พระวินยั ธรพึงสอดสองถึงวัตถุอยา งน.้ี ฐานะวา กาล คือ กาลท่ีลัก. ดว ยวา ภัณฑะนั้น ๆ บางคราวมีราคาพอสมควร บางคราวมีราคาแพง. เพราะฉะน้นั ภณั ฑะนนั้ พระวินัยธรพึงปรับอาบตั ิตามราคาของในกาลท่ภี กิ ษลุ ัก. พึงสอดสอ งถงึ กาลอยา งนี.้ ฐานะวา ประเทศ คือ ประเทศท่ีลกั . ก็ภัณฑะน่ัน ภิกษุลักในประเทศได, พระวนิ ัยธรพึงปรับอาบตั ติ ามราคาของในประเทศนนั้ นัน่ แหละ.ดว ยวาในประเทศท่เี กดิ ของภณั ฑะ ภัณฑะยอ มมรี าคาพอสมควร ในประเทศอ่ืน ยอมมีราคาแพง. ก็เพื่อแสดงเนือ้ ความแมน ี้ ควรสาธกเร่ืองดังตอ ไปนี้ :- ไดยนิ วาในประเทศคาบฝงสมทุ ร มภี กิ ษรุ ปู หน่งึ ไดม ะพราวมีสัณฐานดี จงึ ใหกลงึทาํ เปน กระบวยนํา้ ท่นี าพอใจ เชนกับเปลือกสังข แลว วางไวทป่ี ระเทศนั้นนนั่ เอง จึงไดไ ปยังเจติยคีรีวหิ าร. คราวน้นั มภี ิกษุรปู อ่นื ไดไปยงั ประเทศคาบฝง สมุทร พกั อยทู วี่ ิหารนน้ั พอเหน็ กระบวยนน้ั จงึ ไดถือเอาดว ยไถยจิตแลวกม็ ายงั เจตยิ คีรีวหิ ารนน่ั เอง. เม่อื เธอรูปนนั้ ดม่ื ขาวยาคูอยูทีเ่ จตยิ ครี วี หิ ารน้นั ภกิ ษเุ จาของกระบวย ไดเหน็ กระบวยนน้ั เขา จงึ กลา ววา คุณไดก ระบวยนมี้ าจากไหน ? ภกิ ษุรูปที่ถือมานัน้ ตอบวา ผมนํามาจากประเทศคาบฝง สมุทร.ภกิ ษุเจา ของกระบวยนั้น กลาววา กระบวยนี้ ไมใชข องคณุ ; คณุ ถือเอาดว ยความเปนขโมย ดงั นี้แลว จึงไดฉุดคราไปยังทา มกลางสงฆ. ในเจตยิ ครี วี ิหารน้นั ภิกษุทัง้ หลายก็ไมไ ดร บั ความชข้ี าด จึงไดพากนั กลับมายังมหาวหิ าร.เธอท้งั หลายใหต ีกลองประกาศในมหาวหิ าร แลวทาํ การประชมุ ใกลมหาเจดียเรมิ่ วินจิ ฉยั กนั . พระเถระผทู รงพระวนิ ัยท้ังหลาย กไ็ ดบญั ญัติอวหารไวแลว .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 115กแ็ ล ภิกษุผูฉ ลาดในพระวินยั ชอื่ อาภิธรรมิกโคทัตตเถระ กม็ อี ยใู นสนั นบิ าตนั้นดวย. พระเถระนน้ั กลาวอยา งนวี้ า ภิกษุรปู น้ลี ักกระบวยน้ีในทไ่ี หน ?ภกิ ษุทง้ั หลายเรยี นวา เธอลักท่ีประเทศคาบฝง สมทุ ร. พระเถระถามวา ท่ีประเทศนน้ั กระบวยน้ี มคี า เทาไร ? ภกิ ษทุ งั้ หลายเรยี นวา ไมมีคา อะไร ๆ.พระเถระกลา ววา ความจรงิ ท่ปี ระเทศน้นั พวกประชาชนปอกมะพราวเคีย้ วกินเยื่อขา งใน แลวก็ทงิ้ กระลาไว, ก็กระลานัน้ กระจายอยเู พื่อเปนฟน ( เทานนั้ ). พระเถระถามตอไปวา หัตถกรรมในกระบวยน้ี ของภกิ ษรุ ปู น้ี มคี าเทาไร ? ภิกษทุ งั้ หลายเรยี นวา มีคาหน่งึ มาสก หรอื หยอนกวาหน่ึงมาสก.พระเถระถามวา ก็มใี นที่ไหนบาง ซ่ึงพระสัมมาสมั พุทธเจา ทรงบญั ญตั ิปาราชกิ ไว เพราะหนงึ่ มาสก หรอื หยอนกวาหนึง่ มาสก ? เมื่อพระเถระกลา วอยางนีแ้ ลว ก็ไดมีสาธกุ ารเปนอันเดียวกนั วา ดลี ะ ๆ พระคณุ ทา นกลา วชอบแลว วินิจฉัยถกู ตอ งดแี ลว. กค็ ราวนน้ั แมพระเจาภาติยราช ก็เสด็จออกจากพระนครเพือ่ ถวายบังคมพระเจดยี  ไดส ดบั เสียงนัน้ จงึ ตรสั ถามวา น้เี รื่องอะไรกัน คร้นั ไดสดับเร่อื งทง้ั หมดตามลําดับแลว จึงทรงรับสงั่ ใหเ ทยี่ วตีกลองประกาศในพระนครวา เม่อื เรายงั มีชีวติ อยู อธิกรณข องพวกภกิ ษุบา ง พวกภิกษณุ ีบาง พวกคฤหสั ถบ าง ทพี่ ระอาภธิ รรมกิ โคทตั ตเถระตดั สนิ แลว เปนอนั ตัดสินถกู ตองดี เราจะลงราชอาญาคนผไู มต้ังอยูใ นคําตัดสนิ ของทาน. พงึสอดสองถึงประเทศอยางน.ี้ [ พระวินัยธรควรสอดสอ งราคาและการใชสอย ] ฐานะวา ราคา คอื ราคาของ. ดวยวา ภัณฑะใหม ยอมมีราคาภายหลงั ราคายอ มลดลงได. เหมือนบาตรท่ีระบมใหม ยอ มมีราคาถงึ ๘ หรอื๑๐ กหาปณะ, ภายหลัง บาตรนนั้ มชี องทะลุ หรอื ถกู หมดุ และปมทาํ ลาย

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 116ยอมมรี าคานอ ย ฉะนน้ั . เพราะฉะน้ัน พระวินยั ธรไมพึงตีราคาของดว ยราคาตามปกติเสมอไป ทีเดียวแล. พึงสอดสอ งถึงราคาอยา งน้ี. ฐานะวา การใชสอย คอื การใชสอยภัณฑะ. ดวยวา ราคาของภัณ-ฑะมีมดี เปน ตน ยอ มลดราคาลง แมเ พราะการใชส อย. เพราะฉะนัน้ พระวนิ ยั ธรควรพจิ ารณาอยางนี้ ; คือ ถาภกิ ษุบางรปู ลกั มีดของใคร ๆ มา ซ่ึงมีราคาไดบาทหนึง่ , บรรดาเจาของและผูมิใชเจาของมีดเหลา น้ัน พระวินัยธรพึงถามเจาของมีดวา ทานซอื้ มีดนีม้ าดว ยราคาเทา ไร ? เจา ของมดี เรียนวาบาทหนึ่งขอรบั !. พระวินยั ธร ถามวา ก็ทา นซือ้ มาแลวเกบ็ ไว หรือใชม ีดบา ง.ถาเจาของมดี เรียนวา ผมใชต ดั ไมส ฟี น บา ง สะเก็ดน้าํ ยอ มบาง ฟน ระบมบาตรบาง ดังนี้ไซร คราวน้ัน พระวินยั ธรพึงทราบวา มดี นน้ั เปน ของเกา มรี าคาตกไป มีดยอมมรี าคาตกไป ฉนั ใด, ยาหยอดตากด็ ี ไมปายตาหยอดตาก็ดีกญุ แจกด็ ี ยอมมีราคาตกไป ฉันน้นั แมเพราะเหตเุ พียงถูขดั ทําใหส ะอาดดวยใบไม แกลบ หรอื ดวยผงอฐิ เพียงครัง้ เดยี ว. กอนดบี ุกยอ มมรี าคาตกไปเพราะการตัดดวยฟน มงั กรบา ง เพราะเพยี งการขัดถบู า ง, ผาอาบนํ้า ยอมมีราคาตกไป เพราะการนงุ หม เพยี งครงั้ เดียวบา ง เพราะเพียงพาดไวบนจะงอยบา บาง หรอื บนศรี ษะ โดยมุงถงึ การใชส อยบาง, วตั ถทุ ้งั หลายมีขาวสารเปนตนยอมมรี าคาตกไป เพราะการฝดบาง เพราะการคัดออกทลี ะเมด็ หรอื สองเม็ดจากขา วสารเปนตนนั้นบาง โดยท่ีสดุ เพราะการเกบ็ กอ นหนิ และกอนกรวดท้ิงทีละกอนบา ง, วตั ถุทง้ั หลายมเี นยใสและน้ํามนั เปน ตน ยอมมรี าคาตกไปเพราะการเปล่ยี นภาชนะอน่ื บาง โดยทส่ี ดุ เพราะเพียงเก็บแมลงวนั หรอื มดแดงออกทงิ้ จากเนยใสเปนตนน้ันบา ง, งบนํา้ ออย ยอมมีราคาตกไป แมเ พราะเพียงเอาเล็บเจาะดู เพ่อื รูความมรี สหวาน แลวถือเอาโดยอนมุ าน. เพราะ

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 117ฉะน้ัน สงิ่ ของชนดิ ใดชนดิ หน่ึง ท่มี ีราคาถงึ บาท ซ่ึงเจาของทาํ ใหม ีราคาหยอ นไป เพราะการใชสอย โดยนัยดงั ทก่ี ลา วแลว นัน่ แหละ พระวินัยธร ไมควรปรบั ภกิ ษุผลู กั ภัณฑะน้นั ถงึ ปาราชกิ . พึงสอดสองถงึ การใชส อยอยา งนี้. พระวินัยธรผฉู ลาด พงึ สอบสวนฐานะ ๕ เหลานี้ อยางนแี้ ลว พงึทรงไวซ่ึงอรรถคดี คือ พึงตง้ั ไวซ ึ่งอาบัติ ครุกาบตั ิหรือลหกุ าบัติ ในสถานท่คี วรแล. วนิ จิ ฉัยบทเหลาน้ี คอื ตู ลกั ฉอ ใหอ ริ ยิ าบถกาํ เรบิ ใหเ คล่อื นจากฐาน ใหล วงเลยเขตกาํ หนดหมาย จบแลว . [ อรรถาธบิ ายทรัพยท ค่ี วรแกทุตยิ ปาราชิก ] บดั นี้ พระผมู พี ระภาคเจา เมือ่ จะทรงจําแนกบทมีวา ยถารูเป อทิน-ฺนาทาเน เปนตน จึงตรัสคําวา ยถารปู นฺนาม เปนตน น้.ี จะวินจิ ฉัยในคาํ วา ยถารปู  เปนตน น้ัน :- ทรัพยม ตี ามกําเนิด ช่ือวา ทรพั ยเ ห็นปานใด. ก็ทรพั ยมีตามกําเนิดน้นั ยอ มมตี ้งั แตบ าทหน่งึ ขึน้ ไป; เพราะเหตุน้นัพระผูม ีพระภาคเจา จึงตรสั วา บาทหน่งึ ก็ดี ควรแกบ าทหน่ึงกด็ ี เกินกวา บาทหนงึ่ ก็ดี. ในศพั ทวา ปาทเปนตน น้นั พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงเฉพาะอกัปปย ภณั ฑ เทาสวนที่ 4 แหงกหาปณะ ดวยปาทศพั ท ทรงแสดงกัปปย -ภณั ฑ ไดราคาบาทหน่งึ ดวยปาทารหศัพท ทรงแสดงกปั ปยภัณฑแ ละอกปั -ปยภณั ฑแมท ัง้ สองอยา ง ดวยอตเิ รกปาทศพั ท. วตั ถพุ อแกทุตยิ ปาราชิกเปนอนั ทรงแสดงแลว โดยอาการท้ังปวง ดวยศัพทเพยี งเทา น้.ี พระราชาแหงปฐพีท้ังสนิ้ คือ เปนจักรพรรดิในทวปี เชน พระเจาอโศก ช่ือพระราชาทัว่ท้ังแผน ดิน, กห็ รือวา ผใู ดแมอ ่ืน ซงึ่ เปนพระราชาในทวีปอนั หนง่ึ เชนพระราชาสิงหล ผนู ั้น กช็ ื่อพระราชาทั่วทง้ั แผนดนิ .

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 118 พระราชาผเู ปน ใหญเฉพาะประเทศแหง ทวีปอนั หน่ึง ดงั พระเจา พมิ พ-ิสารและพระเจาปเสนทเิ ปนตน ชอื่ พระราชาเฉพาะประเทศ. ชนเหลา ใด ปก-ครองมณฑลอนั หนึง่ ๆ แมใ นประเทศแหง ทวีปชนเหลา น้นั ชอ่ื ผคู รองมณฑล. เจา ของแหงบานตําบลนอ ย ๆ ในระหวางแหง พระราชาสองพระองคช่ือผคู รองระหวางแดน. อํามาตยผูว ินจิ ฉัยคดี ชือ่ ผูพิพากษา. ผพู พิ ากษาเหลานั้น น่ังในศาลาธรรมสภา พิพากษาโทษมีตัดมือและเทา ของพวกโจรเปน ตน ตามสมควรแกความผดิ . สว นชนเหลาใดมฐี านันดรเปน อํามาตยหรอืราชบุตร เปน ผูทําความผิด, ผพู พิ ากษายอมเสนอชนเหลา น้นั แดพ ระราชาหาไดว ินิจฉัยคดที ่หี นกั เองไม. อํามาตยผ ใู หญซ ึ่งไดฐ านนั ดร ชือ่ วา มหาอํา-มาตย. แมมหาอาํ มาตยเหลาน้นั ยอมนั่งทาํ ราชกิจ ในคามหรือในนิคมนัน้ ๆ. ดวยบทวา เย วา ปน (น้ี) พระผูมพี ระภาคเจา ทรงแสดงวาชนเหลา ใดแมอนื่ เปนผูอาศยั ราชสกุล หรืออาศยั ความเปน ใหญของตนเองยอมสั่งบงั คบั การตัดการทาํ ลายได, ชนเหลา นนั้ ทั้งหมด จัดเปนพระราชาในอรรถน้ี ( ดวย ). บทวา หเนยฺยุ ไดแก พงึ โบยและพงึ ตดั . บทวา ปพฺพาเชยยฺ ุ ไดแ ก พึงเนรเทศเสยี . และพึงกลา วปรภิ าษอยา งนี้วา เจา เปนโจร ดงั นีเ้ ปนตน. เพราะเหตุนัน้ แล พระผูมพี ระภาคเจาจงึ ตรสั วา น่นั เปนการดา . สองบทวา ปรุ มิ  อุปาทาย มคี วามวา เล็งถึงบคุ คลผูเ สพเมถุน-ธรรม ตองอาบตั ปิ าราชิก. คําท่ีเหลือนับวาแจมแจง แลวทงั้ นั้น เพราะมนี ัยดังกลาวแลวในเบือ้ งตน และเพราะมีเน้ือความเฉพาะบทต้ืน ๆ ฉะนี้แล.

พระวินัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 119 พระผมู พี ระภาคเจา คร้ันทรงจาํ แนกสิกขาบทท่ีทรงอุเทศแลว ตามลําดับบทอยางน้ันแลว บดั นี้ จงึ ทรงต้งั มาตกิ า โดยนยั เปนตน วา ภุมมฺ ฏ ถลฏ  แลวตรสั วิภงั คแ หงบทภาชนยี นั้น โดยนยั มคี าํ วา ภุมมฺ ฏ  นามภณฑฺ  ภูมิย นกิ ขฺ ิตฺต โหติ เปน ตน เพื่อแสดงภณั ฑะทจี่ ะพงึ ถือเอาซง่ึ พระองคทรงแสดงการถอื เอา โดยสงั เขป ดว ยหกบทมบี ทวา อาทิเยยฺยเปน ตนแลว ทรงแสดงโดยสังเขปเหมอื นกันวา บาทหนง่ึ กด็ ี ควรแกบาทหน่งึ ก็ดี เกินกวาบาทหนึ่ง ก็ดี โดยพสิ ดาร โดยอาการทีภ่ ัณฑะน้ันตั้งอยูในทใี่ ด ๆ จึงถึงความถอื เอาได เพือ่ ปด โอกาสแหงเลศของปาปภิกษทุ งั้ หลายในอนาคต. วนิ จิ ฉยั กถา พรอ มดวยวรรณนาบทท่ไี มตน้ื ในคาํ วา นิกฺขิตตฺ เปนตนนัน้ พึงทราบดงั นี้ :- บทวา นิกขฺ ติ ฺต ไดแ ก ที่ฝง เก็บไวใ นแผนดิน. บทวา ปฏิจฺฉนฺน ไดแก ที่เขาปกปด ไว ดว ยวตั ถุมีดินและอฐิเปนตน. ขอ วา ภุมมฺ ฏ ภณฺฑ ฯปฯ คจฺฉติ วา อาปตฺติ ทกุ กฺ ฏสฺสมคี วามวา ภิกษใุ ดรูดวยอบุ ายบางอยางนัน่ เทยี ว ซง่ึ ภัณฑะนั้นทชี่ อ่ื วา ต้งั อยูในแผน ดนิ เพราะเปนของทีเ่ ขาฝง หรอื ปกปด ตัง้ ไวอ ยา งนั้น เปนผมู ีไถยจติ วาเราจกั ลัก แลวลุกขนึ้ ไปในราตรีภาค. ภกิ ษุนน้ั แมไ ปไมถ ึงทแ่ี หงภณั ฑะยอมตองทกุ กฏ เพราะกายวิการ และวจวี กิ ารทั้งปวง. [ อรรถาธิบายอาบัติท่เี ปน บุพประโยคแหง ปาราชกิ ] ถามวา ตองอยา งไร ? แกวา ตองอยางน้ี คอื :- จริงอยู ภกิ ษนุ ั้นเม่อื ลกุ ข้นึ เพอ่ื ตอ งการจะลักทรพั ยนน้ั ใหอ วัยวะนอ ยใหญใด ๆ เคลอ่ื นไหว ยอมตองทุกกฏใน

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 120เพราะอวยั วะเคลื่อนไหวทกุ คร้งั ไป จัดผา นุงและผา หม กต็ องทุกกฏทุก ๆครงั้ ทม่ี อื เคลือ่ นไหว. เธอรปู เดยี วไมอ าจนาํ ทรัพยท ี่ฝง ไวซึง่ มจี ํานวนมากออกไปได จงึ คิดวา เราจักแสวงหาเพ่ือน ดงั นี้ แลวเดนิ ไปยงั สาํ นักของสหายบางรูป จงึ เปด ประตู ก็ตอ งทกุ กฎทุก ๆ ยา งเทา และทุก ๆ ครง้ั ท่มี ือเคลอ่ื นไหวแตไมเปนอาบตั เิ พราะปด ประตู หรือเพราะกายกรรมและวจกี รรมอยางอ่นืซึง่ ไมเ ปน การอุดหนนุ แกการไป. เธอเดินไปยังโอกาสท่ภี ิกษุรูปนั้นนอน แลวเรยี กภิกษุนั้นวา ทา นผมู ีชอ่ื นี้ แจงความประสงคนัน้ ใหท ราบ จงึ กลาวชกั ชวนวา ทา นมาไปกนั เถดิ , ยอมตอ งทกุ กฎทุก ๆ คําพดู . ภิกษรุ ปู น้นั ลุกข้ึนตามคาํ ชกั ชวนของเธอ, แมเธอรปู นัน้ ก็เปน ทุกกฏ. ครั้นเธอลุกขน้ึ แลว ประสงคจะเดินไปยงั สํานกั ของภิกษรุ ปู (ตน คิด) น้ัน จดั ผานงุ และผา หม ปด ประตูแลวเดนิ ไปใกลภ กิ ษุรปู (ตน คิด) น้ัน กต็ องทกุ กฎ เพราะขยับมอื และยางเทาทกุ ๆ ครงั้ ไป. เธอรูปนน้ั ถามภกิ ษผุ ตู น คิดนั้นวา ภกิ ษุช่ือโนนและโนนอยูท่ไี หน ? ทา นจงเรยี กภกิ ษุชื่อโนนและชอื่ โนน มาเถดิ ดังน้ี ตอ งทุกกฏทกุ ๆคําพดู . ครน้ั เห็นทกุ ๆ รปู มาพรอมกันแลว ก็กลา วชักชวนวา ผมพบขุมทรพั ยเหน็ ปานน้ี อยใู นสถานทช่ี ื่อโนน, พวกเราจงมาไปเอาทรัพยน น้ั แลว จักบําเพญ็ บุญ และจักเปนอยอู ยา งสบาย ดงั น้,ี ก็ตองทกุ กฏทุก ๆ คําพูดทีเดยี ว.เธอไดสหายอยางนัน้ แลว จึงแสวงหาจอบ กถ็ าเธอรูปน้นั มีจอบสาํ หรับตนอยไู ซร, จงึ กลา ววา เราจกั นาํ จอบนนั้ มา ขณะเดนิ ไปถอื เอาและนํามายอมตองทุกกฏ เพราะขยบั มอื และยางเทา ทุก ๆ คร้ังไป. ถา จอบไมมี กไ็ ปขอภิกษุหรอื คฤหัสถคนอื่น และเม่ือขอ จะพูดเทจ็ ขอวา จงใหจอบแกขา พเจา ,ขาพเจา ตอ งการจอบ, ขา พเจามกี ิจอะไร ๆ ที่จะตองทาํ , ทาํ กิจนน้ั เสร็จแลวจักนาํ มาคืนให ดงั นี้ ตอ งทุกกฏทุก ๆ คําพดู . ถามีลาํ รางที่จะตองชําระให

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 121สะอาดอยไู ซร, เธอจะพดู แมค าํ เทจ็ วา งานดินในวัดทจ่ี ะตอ งทํามีอย,ู คาํ พูดใด ๆ ท่ีเปนคาํ เท็จ. ยอมเปนปาจติ ตีย เพราะคําพูดนน้ั ๆ. แตใ นมหาอรรถกถา ทา นปรบั ทุกกฏทง้ั น้ัน ทัง้ คําจรงิ ทัง้ คําเหลาะแหละ. คําที่กลา วไวในมหาอรรถกถาน้ันพงึ ทราบวา เขยี นไวด วยความพล้ังเผลอ. ขนึ้ ชอ่ื วาทุกกฏในฐานแหง ปาจติ ตยี  ซึ่งเปนบพุ ประโยคแหงอทินนาทาน ไมมเี ลย. กถ็ าจอบไมมดี าม, ภกิ ษุพดู วา จกั ทําดา ม แลว ลบั มดี หรอื ขวานออกเดนิ ไปเพ่ือตองการไมดา มจอบนน้ั , คร้นั ไปแลว ก็ตดั ไมแ หง ถาก ตอก ยอมตองทกุ กฏเพราะขยับมือ และยางเทา ทกุ ๆ ครงั้ ไป. เธอตดั ไมที่ยังสด ตอ งปาจติ ตีย.ถัดจากน้ันไปกต็ อ งทกุ กฎ ในทุก ๆ ประโยค. แตในสังเขปอรรถกถา และมหาปจ จรี ทานปรบั ทุกกฎไวแมแกพวกภิกษุผูแสวงหามอื และขวาน เพอ่ืตอ งการตดั ไมแ ละเถาวลั ยซ ง่ึ เกิดอยใู นทีน่ ัน้ . ทา นกลาวไวใ นมหาปจจรวี า กถ็ าภกิ ษเุ หลา นน้ั มคี วามคิดอยางนว้ี า พวกเราเมือ่ ขอมดี ขวานและจอบอยจู กั ไมมีความสงสัย* พวกเราคน ใหพ บแรเหลก็ แลว จึงทํา ดังนี้แลว ภายหลังน้นั จงึเดนิ ไปยงั บอแรเหลก็ แลวขดุ แผน ดนิ เพื่อตอ งการแรเ หลก็ . เมอื่ พวกเธอขุดแผนดนิ ทเี่ ปนอกัปปย ะ ก็ตองปาจิตตยี พรอมทัง้ ทกุ กฏหลายกระทง เหมือนอยา งวา ในบาลปี ระเทศนี้ ปาจิตตยี พ รอ มทัง้ ทุกกฏหลายกระทง ยอมมไี ดฉันใด ในบาลีประเทศทกุ แหง ก็ฉันนัน้ ในฐานะแหงปาจิตตีย ยอ มไมพนไปจากทกุ กฏ. เม่ือพวกเธอขดุ แผนดินทเ่ี ปนกัปปย ะอยู ก็เปน ทกุ กฏหลายกระทงทเี ดยี ว. กค็ รน้ั ถอื เอาแรแ ลว ตอ จากนั้น ก็ตองทุกกฏทกุ ๆ ประโยค เพราะกริ ิยาท่ีทาํ ทุกอยาง. ถึงแมในการแสวงหาตะกรา กต็ องทุกกฏเพราะขยับมือและยางเทา ตามนยั ดงั ทกี่ ลา วมาแลว นนั้ เอง.ตองปาจติ ตยี เ พราะพดู เทจ็ . เพราะ* นาจะเปนวา จักถกู สงสัย.

พระวินัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 122มีความประสงคจะทาํ ตะกรา ตองปาจิตตีย ในเพราะตดั เถาวลั ย คาํ ทง้ั หมดดังพรรณนามาฉะนี้ พึงทราบโดยนยั กอ นนั่นแล. หลายบทวา คจฉฺ ติ วา อาปตฺติ ทกุ ฺกฏสสฺ มีความวา ภิกษุผูแสวงหาสหาย จอบ และตะกราไดแ ลว อยางน้ัน เดนิ ไปยงั ที่ขุมทรัพยย อ มตองทุกกฏทุก ๆ ยา งเทา . ก็ถาวา เมอ่ื เธอเดินไป เกิดกศุ ลจิตขึน้ วา เราไดข มุ ทรพั ยนแี้ ลว จักทําพุทธบชู า ธรรมบชู า หรือสังฆภัต ดงั น้ีแลว ไมเ ปน อาบัติเพราะเดนิ ไปดว ยกุศลจิต. ถามวา เพราะเหตไุ ร จึงไมเ ปน อาบตั ิ. แกว า เพราะพระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวแ ลว วา ภกิ ษุมไี ถยจิต เท่ยี วแสวงหาเพอ่ื นก็ตาม แสวงหาจอบหรอื ตะกราก็ตาม เดนิ ไปกต็ ามตองอาบัติทุกกฏ ดงั นี้ จงึ ไมเ ปนอาบัติแกภ ิกษุผูไมมีไถยจติ ในทท่ี ัง้ ปวง เหมอื นในการเดินไปยงั ท่ขี ุมทรพั ยนี้ ฉะนั้น. ภิกษุแวะออกจากทาง แลวทําทางไวเพือ่ตองการเดินไปยงั ขมุ ทรพั ย ตัดภูตคามตองปาจิตตีย ตัดไมแหงตองทุกกฏ. สองบทวา ตตถฺ ชาตก คอื ทเ่ี กิดอยบู นหมอ ซงึ่ ต้ังไวนานแลว . สองบทวา กฏ วา ลต วา ความวา หาใชต ัดเฉพาะไมและเถาวลั ยอยางเดยี วเทานนั้ ไม เมือ่ ภกิ ษุตดั รุกขชาติ มหี ญา ตนไมและเถาวัลยเปน ตน ชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่ยังสดกต็ าม แหง ก็ตาม เปนทุกกฏเหมือนกันเพราะมคี วามพยายาม. [ อาบตั ิทกุ กฏ ๘ อยาง ] จริงอยู พระเถระทงั้ หลายประมวลชอื่ ทุกกฏ ๘ อยา งนน้ั มาแสดงไวในทีน่ แี้ ลว คอื บพุ ปโยคทกุ กฏ ๑ สหปโยคทกุ กฏ ๑ อนามาสทกุ กฏ ๑ทรุ ุปจณิ ณทกุ กฏ ๑ วินัยทกุ กฏ ๑ ญาตทกุ กฏ ๑ ญัตติทุกกฏ ๑ ปฏสิ สวทุกกฏ ๑

พระวินัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 123บรรดาทกุ กฏ ๘ อยางนั้น ทกุ กฏที่พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวดังน้ีวา ภิกษมุ ีไถยจิตเท่ียวแสวงหาเพ่ือนจอบหรือตะกรากต็ าม เดินไปก็ตาม ตองอาบตั ทิ กุ กฏน้ี ช่ือบุพปโยคทกุ กฏ. จริงอยู ในพระดาํ รัสทตี่ รัสไวนี้ ในฐานะแหง ทกุ กฏก็เปน ทุกกฏ ในฐานะแหง ปาจติ ตีย กเ็ ปนปาจติ ตียโ ดยแท. ทกุ กฏทพี่ ระองคต รัสไวด งั น้ีวา ภกิ ษตุ ัดไมห รอื เถาวลั ยทเ่ี กิดอยูบ นพนื้ ดนิ นั้น ตองอาบตั ทิ กุ กฏ น้ี ชอ่ื วา สหปโยคทกุ กฏ. ในพระดํารัสท่ีตรสัไวน้ี วตั ถุแหง ปาจิตตยี และวัตถแุ หง ทกุ กฏ ก็ตัง้ อยใู นฐานะแหงทกุ กฏเหมอื นกัน. เพราะเหตไุ ร ? เพราะการลกั เปน ไปพรอมกับความพยายาม. อน่ึง ทกุ กฏ ทีพ่ ระองคปรบั ไวแ กภกิ ษผุ จู บั ตองรตั นะ ๑๐ ๑ อยางขาวเปลอื ก ๗ ๒ อยา ง และเครอ่ื งศสั ตราวธุ เปนตนทั้งหมด น้ี ชอ่ื อนามาสทกุ กฏ. ทุกกฏ ท่พี ระองคป รับไวแกภกิ ษผุ ูจับตอ งบรรดาผลไมท งั้ หลายมีกลวยและมะพรา วเปน ตน ผลทเี่ กดิ ในทน่ี ั้น นี้ ชือ่ ทุรุปจณิ ณทกุ กฏ. อนึ่ง ทกุ กฏท่ีพระองคป รบั ไวแกภ ิกษุผทู ี่เที่ยวบณิ ฑบาต ไมรับประเคนหรือไมลางบาตรในเมื่อมผี งธลุ ตี กลงไปในบาตร ก็รบั ภกิ ษาในบาตรนนั้ น้ีช่อื วนิ ัยทุกกฏ. ทุกกฏทว่ี า พวกภกิ ษไุ ดฟ ง ( เรื่องตะเกียกตะกายเพอ่ื ทาํ ลายสงฆ )แลว ไมพดู ตองอาบัตทิ กุ กฏ นี้ ช่ือญาตทกุ กฏ.๑. รตั นะ ๑๐ อยาง คอื แกวมกุ ดา ๑ แกวมณี ๑ เวฬุริยะ ไพฑรู ย ๑ สังข หอยสังข ๑ศลิ า ๑ ปวาฬะ แกว ประพาฬ ๑ รัชตะ เงนิ ๑ ชาตรปู ะ ทองคํา ๑ โลหิตังคะ ทับทิม ๑มสาคลั ละ แกว ลาย ๑.๒. ขาวเปลือก ๗ อยา ง คอื สาลิ ขา วสาลี ๑ วีหิ ขาวเปลือก ๑ ยวะ ขา วเหนียว ๑ กังคุขาวฟา ง ๑ กุทรสู กะ หญา กับแก ๑ วรกะ ลูกเดือย ๑ โคธมุ ะ ขา วละมาน ๑. นยั สารตั ถ-ทปี น.ี ๒/๒๐๕ - ๖.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 124 ทกุ กฏท่ีตรสั ไวว า เปนทุกกฏเพราะญตั ติ ในบรรดาสมนุภาสน๑๑ อยา ง น้ี ชื่อญตั ติทกุ กฏ. ทุกกฏทตี่ รสั ไววา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ! วนั จําพรรษาตน ของภกิ ษุนั้นไมปรากฏ และเธอยอมตองอาบัติทุกกฏ เพราะรบั คํา* นี้ชื่อปฏสิ สวทุกกฏ. สว นสหปโยคทกุ กฏ (คอื ตอ งทุกกฏพรอมดว ยความพยายาม) ดงั ตอไปน้ี :- เพราะฉะนั้น ขา พเจาจึงกลา ววา เม่ือภกิ ษุตัดรกุ ขชาติมีหญา ตนไมและเถาวัลยเ ปนตนชนิดใดชนิดหนงึ่ ทีย่ งั สดกต็ าม แหง ก็ตาม เปนทุกกฏเหมือนกัน เพราะมีความพยายาม. กถ็ าแมเ ม่อื ภิกษนุ ัน้ ตดั รกุ ขชาติมหี ญาตน ไม และเถาวัลยเปน ตน ซ่งึ เกิดข้นึ ในท่นี ัน้ ลชั ชธี รรม ยอ มหยัง่ ลงความสังวรเกิดขึ้น เธอแสดงทุกกฏ เพราะการตดั เปนปจจัยแลว ยอ มพน ได.ถาเธอไมท อดธรุ ะ ยังมีความขะมักเขมน ขุดดินอยูทีเดียว ทุกกฏเพราะการตดัยอมระงบั ไป เธอยอ มต้งั อยูในทุกกฏเพราะการขดุ . ดว ยวา ภิกษุแมเ มอื่ ขุดแผน ดนิ เปน อกัปปย ะ ยอมตองทกุ กฏน่ันแล ในอธกิ ารวาดวยการขุดดินน้ีเพราะมคี วามพยายาม. ก็ถาเธอขดุ ในทุกทศิ เสร็จสรรพแลว แมจนถึงท่ตี งั้หมอทรพั ย ลชั ชีธรรมหยงั่ ลง เธอแสดงทุกกฏเพราะการขุดเปนปจ จยั เสียแลวยอมพน ( จากอาบตั ิ ) ได. บทวา วยิ ูหติ วา มีความวา กถ็ า ภิกษุยงั มีความขะมักเขมนอยูอยา งเดมิ คุยดินรวน ทาํ เปน กองไวใ นสว นขา งหนงึ่ ทุกกฏเพราะการขดุ ยอ มระงบั ไป เธอยอ มต้ังอยูใ นทุกกฏเพราะการคุย. ก็เมอ่ื เธอทําดินรว นนน้ั ใหเปนกองไวในที่นนั้ ๆ ยอ มตอ งทกุ กฏทุก ๆ ประโยค. แตถาเธอทําเปนกองไวแ ลวทอดธุระเสยี ถึงลัชชธี รรม แสดงทกุ กฏ เพราะการคุยเสียแลว ยอ มพน( จากอาบัติ ) ได.* ว.ิ มหาวรรค. ๔/๓๐๒.

พระวินัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 125 บทวา อทุ ธฺ รติ วา มคี วามวา กถ็ าภิกษยุ งั มีความขะมักเขมนอยูโกยดินรวนขึ้นใหต กไปในภายนอก ทกุ กฏเพราะการคุย ยอ มระงับไป เธอยอ มตัง้ อยใู นทกุ กฏเพราะการโกยขน้ึ . กเ็ ม่อื เธอใชจ อบกต็ าม มอื ท้งั สองกต็ ามบุง ก๋กี ต็ าม สาดดนิ รวนใหต กไปในท่นี ้ัน ๆ ยอมตอ งทกุ กฏทกุ ๆ ประโยค.แตถา เธอนาํ ดนิ รวนทัง้ หมดออกไปเสียแลว จนถงึ ทําหมอทรพั ยใ หตั้งอยบู นบกประจวบกับลชั ชธี รรม ครั้นแสดงทกุ กฏเพราะการโกยขนึ้ เสียแลว ยอ มพน(จากอาบัต)ิ ได. แตถ า เธอยงั ความขะมกั เขมนอยูนั่นแหละ จับตอ งหมอทรพั ยทกุ กฎเพราะการโกยขึน้ ยอมระงับไปเธอยอมต้ังอยูใ นทุกกฏเพราะการจบั ตอ ง.กแ็ ลครั้นจบั ตอ งแลว ประจวบกบั ลชั ชธี รรม แสดงทกุ กฏเพราะการจับตองเสยี แลว ยอ มพน ( จากอาบตั ิ ) ได. ถาเธอยังมคี วามขะมักเขมน อยตู อไปทําหมอทรพั ยใ หไ หว ทุกกฏเพราะการจบั ตอง ยอ มระงับไป เธอยอ มตงั้ อยูในถลุ ลัจจัย ดังท่ีพระองคต รสั ไวว า ทําใหไหว ตองอาบัตถิ ลุ ลจั จยั ดงั นี.้ [ อรรถาธิบายคําวาทกุ กฏและถุลลัจจัย ] ทุกกฏและถุลลจั จัยแมท้งั สอง ทต่ี รสั ไวในพระบาลนี ัน้ มีเนื้อความเฉพาะคําดังตอ ไปนี้ บรรดาทกุ กฏและถลุ ลจั จัยทัง้ สองนี้ ถงึ ทราบทุกกฏที่หน่ึงกอ น ความทาํ ชัว่ คือ ความทําใหผดิ จากกจิ ที่พระศาสดาตรัส เพราะฉะน้ันจึงชอ่ื วา ทุกกฏ. อีกอยา งหนงึ่ ที่ชอ่ื วาทุกกฏ เพราะอรรถวเิ คราะหแมอ ยางน้ีบา งวา ความทาํ ช่ัว คือ กิรยิ านัน้ ผดิ รปู ยอ มไมงามในทา มกลางแหงกริ ยิ าของภิกษุ. จรงิ อยู แมพระผมู ีพระภาคเจา กไ็ ดต รัสคําน้ไี วว า กโ็ ทษใดทเ่ี รากลา ววา ทุกกฏ ทา น จงฟงโทษนั้น ตามที่กลาว, กรรมใดเปน

พระวินัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 126 ความผิดดว ย เปนความเสียดว ย เปนความ พลาดดวย เปน ความช่วั ดวย และมนษุ ย ทง้ั หลายพงึ ทํากรรมลามกใด ในท่แี จง หรือ วาในท่ีลับ บัณฑติ ทงั้ หลาย ยอ มประกาศ โทษนัน้ วา ทกุ กฏ เพราะเหตนุ ้นั ; โทษนนั้ เราจงึ กลาวอยา งนั้น๑. สว นวตี กิ กมะนอกน้ี ช่อื วาถลุ ลัจจยั เพราะเปน กรรมหยาบ และเพราะความเปนโทษ. ก็ความประกอบกันในคาํ วา ถุลลัจจยั น้ี ผศู ึกษาควรทราบเหมอื นในคาํ วา ทคุ ติในสมั ปรายภพ และกรรมนนั้ เปนของมีผลเผ็ดรอ นเปน ตน. จริงอยู บรรดาโทษท่ีจะพงึ แสดงในสาํ นกั ของภกิ ษรุ ปู เดียว โทษที่หยาบเสมอดว ยถุลลจั จยั นัน้ ยอ มไมมี ; เพราะเหตนุ ั้น ขา พเจา จึงกลา วาทช่ี อื่ วาถลุ ลจั จัย เพราะเปนกรรมหยาบ และเพราะความเปนโทษ. จริงอยูคํานี้ พระผูมพี ระภาคเจา ไดต รัสแลววา โทษใด ท่ีเรากลา ววา ถลุ ลัจจยั ทา นจงฟงโทษนั้นตามท่ีกลา ว, ภกิ ษใุ ดยอ ม แสดงโทษน้นั ในสํานกั ของภิกษรุ ปู เดียว และภิกษุใดยอ มรับโทษนั้น, โทษทีเ่ สมอ ดว ยโทษน้ัน ของภกิ ษุนน้ั ยอ มไมมี ; เพราะ เหตนุ ้นั โทษนั้น เราจงึ กลาวอยา งนั้น๒. ก็เมอื่ ภกิ ษทุ ําใหไหวอยู เปนถลุ ลจั จยั ทกุ ๆ ประโยค. แตว า เธอแมใ หไหวแลว หยั่งลงสลู ชั ชีธรรม แสดงถุลลจั จัยเสยี แลว ยอมพนได. ก็อาบตั ิที่๑. ว.ิ ปรวิ าร. ๘/๓๗๐. ๒. ว.ิ ปรวิ าร. ๘/๓๗๘ - ๙.

พระวินยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 127เกิดกอนๆ ในเพราะใหห วนั่ ไหวน้ี ยอมระงบั ไปจําเดิมแตส หประโยคไปทเี ดียว.ในอรรถกถาชอ่ื กรุ ุนทีกลา ววา กแ็ ล ทุกกฏและปาจิตตยี เ หลาใด ในบุพ-ประโยค เธอแสดงสหประโยคแลว หยั่งลงสูลชั ชีธรรมแลวตอ งไว, ทกุ กฎและปาจิตตียเ หลา นั้นทงั้ หมด ควรแสดง. สวนทกุ กฏแมม จี ํานวนมาก ในเพราะตดั หญา ตน ไม และเถาวัลยเปนตนที่เกดิ ขึน้ แลวในท่ีน้ัน ซงึ่ เปนสหประโยคยอ มระงบั ไป เพราะถึงการขดุ ดิน. อาบัติทกุ กฏเพราะเหตขุ ุดดนิ ตวั เดียวเทาน้นั คงมอี ยู ทุกกฏแมม ากในเพราะการขดุ ยอ มระงับไป ในเพราะถงึ การคยุ , อาบตั ทิ ุกกฏแมมาก ในเพราะการคุย ยอ มระงับไป เพราะถึงการโกยข้นึ ,อาบตั ทิ ุกกฏแมม าก ในเพราะการโกยขึ้น ยอ มระงบั ไป เพราะถงึ การจับตอง,อาบัติทุกกฏแมมาก ในเพราะการจับตอ ง ยอมระงับไป เพราะถงึ การใหหวัน่ ไหว. กแ็ ล ครนั้ เม่ือลัชชีธรรมเกิดข้นึ ในขณะขุดดินเปน ตน อาบัตแิ มจะมมี าก ก็ตามที เธอแสดงเพยี งตัวเดียวเทานั้น ยอมพน ได. จรงิ อยู ข้ึนชื่อวา ความระงบั แหง อาบตั ิท่ีเกิดขึ้นกอ นนี้ มาแลวในสตู ร ในอนุสาวนาทั้งหลายนัน่ แล อยา งนว้ี า ทุกกฏ เพราะญตั ติ ถุลลัจจยั เพราะกรรมวาจาสองคร้ัง ยอ มระงับไป. แตค วามระงบั แหงอาบัตทิ เี่ กิดขึ้นกอ นในทุติยปาราชกิน้ี ผูศกึ ษาควรถือเอาโดยประมาณแหง พระอรรถกถาจารย ฉะน้ีแล. [ กิริยาทภี่ ิกษลุ กั ทรัพยใหเ คลอื่ นจากฐาน ๖ อยา ง ] หลายบทวา านา จาเวติ อาปตตฺ ิ ปาราชิกสฺส มคี วามวากภ็ ิกษใุ ดแมใ หห วั่นไหวแลว ก็ไมห ยั่งลงสูลชั ชสีธรรมเลย ยังหมอทรัพยนนั้ใหเคลือ่ นจากฐานแหง หมอ โดยทส่ี ุด แมเ พยี งเสน ผมเดียว, ภกิ ษุนน้ั ตองปาราชกิ ทีเดียว. ก็การยังทรพั ยใหเ คลือ่ นจากฐาน ในคาํ วา านา จาเวติ น้ีพึงทราบโดยอาการ ๖. อะไรบาง ?

พระวนิ ัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 128 ๑. ภกิ ษุจับปากหมอ รง้ั มาตรงหนาของตน ยงั ท่ีสดุ ขางโนน ใหเลยโอกาสท่สี ุดขางนี้ถูกตอ งแลว แมเพยี งปลายเสนผม ตองปาราชกิ . ๒. ภิกษุจบั อยา งน้ันแลว ไสไปขางหนา ยังท่สี ุดขา งน้ี ใหเ ลยท่ีสุดขา งโนน ถกู ตอ งแลวแมเ พยี งปลายเสน ผม ตองปาราชกิ . ๓. ภกิ ษผุ ลักไปขา งซายก็ดี ขางขวากด็ ี ยงั ท่ีสดุ ขางขวา ใหเลยโอกาสท่สี ดุ ขางซายถูกตองแลว แมเ พยี งปลายเสน ผม ตอ งปาราชกิ . ๔. ภกิ ษุใหท่สี ุดขางซา ยเลยโอกาสทสี่ ุดขา งขวาถูกตองแลว แมเพียงปลายเสน ผม ตอ งปาราชกิ . ๕. ภกิ ษุยกข้นึ ขา งบน ใหพ น จากพน้ื แมเ พยี งปลายเสนผม ตอ งปาราชิก. ๖. ภกิ ษุขดุ ดิน กดลงขางลาง ยงั ขอบปากหมอใหเ ลยโอกาสท่สี ุดกนหมอ ถูกตอ งแลว แมเพียงปลายเสน ผม ตองปาราชิก. การใหเ คลือ่ นจากฐาน สาํ หรบั หมอ อันตั้งอยูในฐานเดยี ว พึงทราบโดยอาการ ๖ อยา งน้ีดว ยประการฉะน้.ี ก็ถาเขาทําบว งทีข่ อบปากหมอ แลว ตอกหลกัโลหะ หรือหลกั ไมแ กน มีตะเคยี นเปนตน ลงในแผน ดนิ แลวเอาโซลามทีห่ ลักนน้ัตัง้ ไว. หมอ ทล่ี า มดว ยโซเสน ๑ ในทิศหน่งึ ยอมไดฐ าน ๒. มลี า มดว ยโซห ลายเสน ใน ๒ - ๓ - ๔ ทิศ ยอมไดฐาน ๓ -๔ - ๕. บรรดาหมอทลี่ า มไวทหี่ ลักเดียวเปนตนนั้น ภิกษยุ กหลักแรกแหงหมอท่ีลา มไวท่ีหลักเดยี วขึน้ กด็ ี ตัดโซก็ดี ตอ งถุลลจั จัย. ภายหลังใหหมอเคล่ือนจากฐาน แมเพยี งปลายเสน ผม โดยนยั ตามท่ีกลา วแลวนัน่ แล ตอ งปาราชิก. ถา ยกหมอขึ้นทแี รก ตองถุลลจั จยั . ภายหลงัใหห ลกั เคลอื่ นจากฐาน แมเ พยี งปลายเสนผมกด็ ี ตดั โซก็ดี ตองปาราชกิ .ในการยงั ท่ีสดุ แมแหง หมอ ท่ลี ามไวท่ีหลัก ๒ - ๓ - ๔ หลัก ใหเคล่อื นจากฐาน

พระวินัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 129ก็ตอ งปาราชกิ โดยอุบายนั่น. ในหลักท่เี หลือทั้งหลาย พงึ ทราบวาเปนถุลลัจจยั .ถา ไมม หี ลกั เขาทําวลยั ไวที่ปลายโซ แลว จึงสอดเขา ไป ท่ีรากไมซ่ึงเกิดอยูในท่นี ้นั . ภกิ ษุยกหมอข้นึ กอ น ภายหลงั จงึ ตัดรากไม แลว นาํ วลยั ออก ตองปาราชิก. ถาไมตดั รากไม แตใ หว ลัยเลอื่ นไปขา งโนน และขางนี้ ยงั รกั ษาอย.ูแตถา แมย ังไมน ําออกจากรากไม เปนแตเอามือจับทําใหเชดิ ไปบนอากาศ ก็ตอ งปาราชิก. ความแปลกกนั ในอธกิ ารวาดวยหมอทเี่ ขาสอดเขา ไวท ่ีรากไมน ี้มีเทา น.ี้ คําทีเ่ หลอื มีนยั ดงั ทกี่ ลาวแลวนนั้ แล. กช็ นบางพวกปลูกตน ไทรเปน ตนไวเบือ้ งบนหมอ เพอ่ื ตอ งการเปน เคร่ืองหมาย. รากไมเกย่ี วรดั หมอตง้ั อย.ูภิกษุคิดวา จกั ตัดรากไมลักหมอไป กําลังตดั ตอ งทกุ กฏทุก ๆ ประโยค. ตัดแลวทาํ โอกาสใหห มอเคล่อื นจากฐาน แมเพยี งปลายเสนผม ตอ งปาราชิก. เมือ่กาํ ลงั ตดั รากไมอยูแล หมอพลัดกลงิ้ ไปสทู ลี่ ุม ยังรักษาอยกู อ น, ยกข้นึ จากฐานที่หมอ กลง้ิ ไป ตองปาราชิก. ถา เมื่อตดั รากไมทง้ั หลายแลว หมอ ยังตั้งอยูไดโ ดยเพยี งรากเดยี ว และภกิ ษุน้ันคิดวา เมอื่ ตดั รากไมน้แี ลวหมอ จักตกไปจึงตัดรากไมนัน้ พอตัดเสรจ็ ตองปาราชิก. กถ็ าหมอตง้ั อยโู ดยรากเดยี วเทา นนั้เหมือนสุกรถูกผกู ไวท่บี ว ง ฉะนั้น ทเ่ี ก่ียวอะไร ๆ อยางอน่ื ไมม ี , แมเม่อื รากนนั้ พอตัดขาดแลว กต็ อ งปาราชิก. ถาเขาวางกอ นหินแผน ใหญท บั ไวบนหมอ,ภิกษมุ ีความประสงคจ ะเอาทอนไมง ัดกอ นหนิ น้ันออก จึงตัดตน ไมท ่ีเกดิ อยบู นหมอทิง้ ตอ งทกุ กฎ. เธอตดั ตนไมเปนตนทเี่ กิดอยูใกลหมอ น้นั แลว นําออกเสยี ขณะตดั ตนไมเปนตน นนั้ ยังไมต องปาจิตตยี  เพราะตนไมเปนของเกิดอยูบนหมอ นน้ั . สองบทวา อตฺตโน ภาชนคต มคี วามวา ก็ถา ภกิ ษไุ มสามารถจะยกเอาหมอ ขึ้นได จงึ สอดภาชนะของตนเขาไป เพ่อื รบั เอาทรพั ยท อ่ี ยูในหมอ

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 130มไี ถยจติ จบั ตอ งทรพั ยภ ายในหมอ ควรแกค า ๕ มาสกก็ตาม เกินกวา ๕ มาสกกต็ าม ตองอาบตั ิทกุ กฏ. กก็ ารกาํ หนด ทที่ า นกลาวไวแลวในพระบาลีนี้ เพ่อืกาํ หนดอาบัติปาราชกิ . เมอ่ื ภกิ ษุจบั ตองทรัพยแมหยอนกวา ๕ มาสก ดว ยไถยจติ กต็ อ งทุกกฏเหมือนกนั . ในคาํ วา ผนทฺ าเปติ น้ี ความวา ภกิ ษุรวมทรัพยใ หเ นื่องเปนอนัเดยี วกนั แลวสอดภาชนะของตนเขา ไป อยเู พยี งใด. ภกิ ษุนน้ั ทานเรยี กวา ทําใหหวน่ั ไหว เพียงนนั้ . อีกอยางหน่งึ แมเ มอื่ คยุ เขี่ยไปทางโนนและทางนี้ช่ือวาทําใหหวน่ั ไหวเหมือนกนั . ภกิ ษุนัน้ ยอมตอ งถลุ ลจั จัย. ในกาลใด ภกิ ษุตัดความทีท่ รพั ยเ น่ืองเปนอันเดยี วกันขาดแลว ทรัพยท ่ีอยูในหมอ ก็มีอยใู นหมอน่ันเอง แมท่อี ยูใ นภาชนะ กม็ ีอยใู นภาชนะเทานนั้ ในกาลนน้ั ทรพั ยชื่อวามอี ยูในภาชนะของตนแลว . ครนั้ เธอทาํ อยางน้ันแลว แมเมอ่ื ไมไ ดนาํภาชนะออกจากหมอ กต็ าม ตองปาราชิก. ในคําวา มฏุ   วา ฉินฺทติ น้ี ความวา กหาปณะท่ลี อดออกทางชอ งนว้ิ มือแลว จะไมก ระทบกหาปณะที่อยใู นหมอโดยวิธใี ด ภิกษทุ าํ การกําเอาโดยวิธนี ้ัน ชื่อวาตัดขาดกําเอา. แมภิกษุนั้น ก็ตอ งปาราชิก. บทวา สตุ ฺตารุฬหฺ  ไดแ ก ทรพั ยท่ีรอ ยไวในดาย. คาํ วา สุตตฺ ารุฬหฺ นนั่ เปน ชือ่ ของเคร่อื งประดบั ที่รอ ยไวในดายบาง ท่ีสําเรจ็ ดว ยดายบา ง.เครอ่ื งประดับทง้ั หลายมีสังวาลเปน ตน ท่ีสําเร็จดวยทองบางกม็ ี ที่สาํ เรจ็ ดวยรูปยะบางก็มี ทส่ี ําเรจ็ ดวยดา ยบา งก็ม,ี ถึงแมส รอ ยไขมกุ เปนตน ก็ถึงการสงเคราะหเ ขาในสังวาลเปน ตนนี้ น่ันแล. ผา สําหรับโพกศีรษะทา นเรียกวาเวนะ. ภกิ ษมุ ีไถยจิตจบั ตอ งบรรดาทรัพยท่ีรอ ยไวในดา ยเปน ตน เหลานน้ัอยา งใดอยา งหนึง่ ตองทกุ กฏ. ทาํ ใหหว่ันไหว ตอ งถลุ ลัจจยั . จบั ท่ีสดุ สงั วาลแลว ไมไดทาํ ใหล อยอยูในอากาศ เพียงแตยกข้ึน ( เทานั้น) ตอ งถลุ ลัจจยั .

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 131 กใ็ นบทวา ฆสนฺโต นีหรติ น้ี มีวินจิ ฉยั ดังนี้ :- ในสังเขปอรรถกถาและมหาปจ จรีเปนตน ทา นกลาวไวว า เม่ือภกิ ษุลากหมอ ท่มี ีขอบปากเสมอ ซ่ึงเขาวางซอนบนหมอท่ีเต็มออกจากกนั ก็ดี หรือลากสังวาลเปน ตนไปก็ดี เปนถุลลจั จัย. เมอื่ ไหพ น จากปากหมอ เปน ปาราชกิ . สว นภณั ฑะใดที่เขาใสไ วในหมอ ซีกเดียว หรอื ในหมอเปลา เฉพาะโอกาสทตี่ น (คือภณั ฑะ)ถูกตอง เปนฐานของภัณฑะนั้น, หมอ ทัง้ หมดหาไดเปน ฐานไม ; เพราะเหตุน้นั เม่ือภกิ ษุกม ลากภัณฑะน้นั ออกไป คร้นั ประมาณเสน ผมหนง่ึ พน ไปจากโอกาสทีภ่ ณั ฑะนั้นตง้ั อยู เปน ปาราชิกทันที. แตเมื่อภิกษุยกขน้ึ ตรง ๆ จากหมอท่ีเต็มหรอื พรอง เม่ือภัณฑะนัน้ พอพนจากโอกาสท่สี ว นเบอ้ื งลา งจด เปนปาราชิก. ภัณฑะอยา งใดอยา งหนึ่ง ทีพ่ อจะเปนปาราชกิ ซ่งึ เขาวางไวภายในหมอเมอ่ื ภิกษใุ หไหวอยใู นหมอ ทัง้ สิ้น และเมอ่ื ลากเครือ่ งประดับมสี งั วาลเปนตนออกไป ยังไมเ ลยขอบปากเพยี งใด, คงเปน ถุลลจั จัยเพยี งนน้ั นั่นแล. เพราะวา หมอแมท ัง้ หมด เปน ฐานของภณั ฑะน้ัน. สวนในมหาอรรถกถา ทา นกลา วไววา ที่ซึ่งเขาต้งั ไวเ ทานัน้ เปนฐาน,หมอทัง้ หมดหาไดเ ปน ฐานไม ; เพราะเหตนุ ้ัน เมื่อภิกษใุ หพนไปจากฐานที่ซงึ่ เขาตัง้ ไวเ ดมิ แมเพียงปลายเสน ผม ก็ตอ งปาราชกิ ทเี ดียวแล. คําแหงมหาอรรถกถาน้ัน เปน ประมาณ. สวนคําอรรถกถานอกนี้ ทานกลา วตามนยัแหง การมวนจีวรท่ีพาดอยบู นราวจีวรของภิกษุที่ไมไดท าํ ใหไ ปในอากาศ. คาํ ที่กลาวไวในสังเขปอรรถกถา เปนตน นน้ั ไมค วรถอื เอา. เพราะภกิ ษุควรตงั้อยูในฐานะที่หนกั แนน อันมาแลว ในวินัยวนิ ิจฉัย. ขอนี้ เปนธรรมดาในวนิ ยั .

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 132อีกอยางหนง่ึ เหมอื นอยา งวา หมอท้งั หมด ไมเ ปน ฐานแหง ภณั ฑะทต่ี ้ังอยูภายในหมอฉันใด, คําแหงสงั เขปอรรถกถาเปนตนนัน้ บัณฑติ พงึ ทราบฉนั นนั้เพราะบาลวี า ภกิ ษุทําใหท รพั ยเ ขาไปในภาชนะของตนก็ดี ตดั กําเอาก็ดี ดงันี้แล. [ อรรถาธิบายภกิ ษุลกั ดดู เอาเนยใสเปน ตน เปน ปาราชกิ ] ในมหาอรรถกถา ทา นกลาวไวว า เมื่อภกิ ษุด่มื ของที่เปน นํา้ อยา งใดอยางหน่ึงมีเนยใสเปนตนเมอื่ เนยใสเปนตนนนั้ มาตรวา เธอดม่ื แลวดว ยประโยคอันเดยี วกเ็ ปนปาราชกิ . แตใ นอรรถกถาทง้ั หลาย มีมหาปจจรีเปนตน ทา นแสดงวภิ าคนไ้ี ววา เมอื่ ภกิ ษุดืม่ ไมชกั ปากออก และเนยใสเปนตน ที่เขาไปในลําคอ ยังไมไดบาท รวมกบั ทอ่ี ยูในปาก จงึ ไดบาท, ยงั รกั ษาอยกู อน. แตในเวลาทเ่ี นยใสเปนตน ขาดตอนเพียงคอนน่ั เอง ยอ มเปน ปาราชกิ . ถา แมภกิ ษกุ าํ หนดตดั ดว ยริมฝปากทง้ั สองขา งหบุ ปาก กต็ อ งปาราชกิ เหมอื นกัน.แมเมื่อดม่ื ดว ยกานอบุ ลหลอดไมไผแ ละหลอดออ เปนตน และถา ท่ีอยูในลาํ คอน่นั แลไดร าคาบาทหนึง่ เปนปาราชกิ . ถา รวมกับทอี่ ยใู นปาก จึงไดบาทหนึง่ ,เมื่อเนยใสเปน ตน น้ัน สกั วา ภกิ ษุกาํ หนดตดั ดวยรมิ ฝป ากทงั้ สองขา ง ใหค วามเนอื่ งเปนอันเดียวกันกบั ทีอ่ ยูในกา นอุบลเปน ตน ขาดตอนกัน เปนปาราชกิ .ถา รวมกบั ท่อี ยใู นกา นอุบลเปน ตน จงึ ไดราคาบาทหนง่ึ เปนปาราชกิ ในเม่ือมาตรวา ภกิ ษเุ อานว้ิ มืออุดกน แหง กานอบุ ลเปนตนเสยี . แตเม่ือเนยใสเปน ตนซ่ึงมีราคาไดบ าทหนึง่ ยงั ไมไ หลเขาไปในลาํ คอ ท้งั ในกานอุบลเปน ตน ทงั้ในปาก แมม ีคาเกินกวา บาทหนงึ่ แตเ ปน ของเน่ืองเปนอันเดยี วกันต้ังอย,ู ยังรกั ษาอยูกอ นแล. คาํ แมท ้งั หมด ทก่ี ลาวในมหาปจ จรเี ปนตน นน้ั ยอมสมนยั น้ีวา ภกิ ษทุ ําใหทรัพยเ ขาไปในภาชนะของตนกด็ ี ตัดกําเอากด็ ี ดังน;ี้ เพราะเหตุ

พระวินยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 133นั้น (คําทีท่ า นกลาวไวในอรรถกถามีมหาปจ จรีเปนตนนั้น) เปน อันทา นแสดงไวช อบแลว แล. ในภณั ฑะที่ติดเนื่องเปน อันเดียวกนั ไดมนี ยั เทา น้กี อน. กถ็ าภิกษเุ อามือก็ดี บาตรก็ดี ภาชนะอยา งใดอยางหนงึ่ มีถาดเปน ตนกด็ ี ตกั ดม่ื , เนยใสเปน ตนจะครบราคาบาทหนง่ึ ในประโยคใด, เมอ่ื ทําประ-โยคน้ันแลว ตอ งปาราชิก. ถา เนยใสเปน ตน เปน ของมีราคามาก ท้ังเปนของทอ่ี าจถือเอาไดราคาบาทหนง่ึ ดวยเพยี งประโยคเดียวแล แมด ว ยชอนในเมอ่ื ยกข้ึนครงั้ เดียวเทา น้นั เปนปาราชกิ . อนง่ึ เม่อื ภิกษุกดภาชนะใหจมลงแลว ตกั เอา, เนยใสเปนตนน้นั ยังเน่ืองเปนอันเดยี วกันเพียงใด, ยงั รกั ษาอยเู พียงนน้ั เปน ปาราชกิ ดว ยการขาดเดด็ แหง ขอบปาก หรือดว ยการยกข้นึ . กเ็ นยใสหรอื นาํ้ มัน หรือนาํ้ ผ้ึงและน้าํ ออ ยท่ใี ส เชนกับน้ําน่ันแล ภกิ ษเุ อียงหมอ ใหไหลเขาภาชนะของตนเมื่อใด, เมือ่ นั้น ความเนอ่ื งเปน อนั เดียวกันยอ มไมม ี เพราะเหตุท่สี ่งิ เหลา น้ันเปนของใส ; เพราะฉะนั้น เมือ่ เนยใสเปน ตนซง่ึ ไดร าคาบาทหน่ึง สกั วาไหลออกจากขอบปาก เปนปาราชกิ . สว นน้ําผ้ึงและน้าํ ออยทเี่ ขาเค่ยี วตงั้ ไว เหนยี วคลายยาง เปน ของควรชกั ไปมาได, เมอ่ื ความรังเกยี จเกดิ ข้นึ ภิกษอุ าจนาํ กลบัคืนมาได เพราะเปน ของตดิ กนั เปน อันเดียวนัน่ เอง. นํา้ ผง้ึ และนาํ้ ออยชนดิ น้ันแมอ อกจากขอบปากเขาไปในภาชนะแลว กช็ อ่ื วา ยงั รักษาอยู เพราะเปนของตดิ เนื่องเปนอันเดียวกนั กบั สวนขางนอก แตพอเมื่อสกั วาขาดจากขอบปากแลวจึงเปน ปาราชิก. แมภ ิกษุใด ใสผ า เน้ือหนาอยางใดอยา งหน่งึ ซึง่ จะด่มื เนยใสหรือนา้ํ มนั ไดราคาบาทหน่งึ อยางแนน อน ลงในหมอของผอู ื่นดว ยไถยจิต พอหลดุ จากมือ ภกิ ษนุ นั้ กต็ อ งปาราชิก.

พระวินัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 134 ในมหาอรรถกถา ทานกลาวไวว า ภิกษุรวู า บัดน้ี เขาจักใสนํา้ มันมีไถยจติ ใสภัณฑะอยา งใดอยางหน่งึ ลงในหมอ เปลา, ถาภณั ฑะน้นั จะดืม่ ไดร าคา๕ มาสก ในเมอ่ื นํ้ามันเขาใสหมอนน้ั แลว เม่อื ภัณฑะนัน้ สักวา ด่มื นาํ้ มนั น้ันแลว เปนปาราชิก. แตค ําน้ันยอมแยง กับคําวนิ ิจฉัยวา ดว ยการทาํ รางแหงใหตรงในบงึ ท่ีแหง ในมหาอรรถกถานน้ั นัน่ เอง, จริงอยู ลักษณะแหง อวหารในคาํ น้ี ไมปรากฏ; เพราะเหตุนัน้ จงึ ไมค วรเช่ือถอื . สว นในอรรถกถามหา-ปจจรีเปน ตน ทานปรบั เปน ปาราชกิ ในเม่ือยกภัณฑะนั้นขนึ้ . คาํ นนั้ ใชไ ด.ภิกษุวางภณั ฑะมหี นงั เปน ตน ในหมอเปลาของผูอืน่ เพอ่ื ตอ งการจะเก็บซอ นไว เม่อื เขาใสนํ้ามันลงในหมอ นัน้ แลว (เธอ) กลัววา ถา ผนู จ้ี ักทราบ เขาจักจบั เรา จงึ ยกภัณฑะทด่ี ม่ื นํา้ มันไวแลวไดราคาบาทหน่ึงขนึ้ ดวยไถยจิตตอ งปาราชกิ ยกข้นึ ดว ยจติ บริสุทธ์ิ เมื่อผูอ่นื เอาไปเสยี เปน ภณั ฑไทย.อธบิ ายวา ส่งิ ของใดของผูอ น่ื หายไป, ตอ งใชราคาส่งิ ของน้ัน หรือใชส งิ่ ของน้ันน่นั เอง; ชื่อวาภัณฑไทย. ถาไมใ ชใหต อ งปาราชิกในเมอื่ เจา ของทอดธรุ ะ.แตถาผอู ืน่ ใสเนยใสหรอื น้ํามนั ลงในหมอของภิกษุนั้น, ภิกษุผูเจาของหมอ น้ีก็ใสภ ณั ฑะทีจ่ ะดม่ื นา้ํ มนั ไดลงแมใ นหมอน้ัน ดวยไถยจติ เปน ปาราชกิ ตามนยั ที่กลาวแลวน่ันแล. ภกิ ษุรูวาเนยใสหรือนา้ํ มันท่ผี ูอืน่ ใสไวใ นหมอเปลา ของตน จึงใสภัณฑะลงไปดว ยไถยจติ เปน ปาราชกิ ขณะที่ยกข้ึน ตามนยั กอ นเหมือนกนั . มีจิตบรสิ ุทธ์ิใสลงไป ภายหลงั จึงยกข้ึนดว ยไถยจิต เปน ปาราชิกเหมือนกัน. มจี ติ บรสิ ทุ ธิแ์ ท ยกขึ้นไมเ ปนอวหาร ไมเ ปน สินใช. แตในมหา-ปจ จรี กลาวไวแ ตเพยี งอาบตั เิ ทา นน้ั . ในกรุ นุ ที ทานกลาวไวว า ภิกษุเคอื งขดั ใจวา ทา นใสน้าํ มันลงในหมอ ของเราทําไม ดงั น้ีแลว ยกภัณฑะข้นึเททง้ิ เสยี ไมเปน ภณั ฑไทย. ภกิ ษใุ ครจะใหนาํ้ มันไหล จึงจบั ทขี่ อบปากเอียง

พระวินยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 135หมอ ดว ยไถยจิต เมอ่ื นา้ํ มันไหลไปไดร าคาถึงบาทตองปาราชกิ . ภิกษุมีไถยจิต-จติ แท ทาํ หมอ ไหร าวดวยคดิ วา นํ้ามนั จะไหลไปเสยี เมือ่ นา้ํ มนั ไหลไปไดราคาถึงบาท ตอ งปาราชิก. ภิกษมุ ีไถยจิตน้นั แล กระทําหมอ ไหเ ปนชอ งทะลุคว่ําหลายหรือตะแคง. กแ็ ลคาํ น้ีเปนฐานแหง ความฉงน, เพราะฉะนนั้ ควรสงั เกตใหด ี. ก็ในคําวา ควา่ํ เปนตนนี้ มวี นิ ิจฉัยดังตอ ไปนี:้ ชองปากลงขางลางชื่อวา ควํา่ . ชองปากขน้ึ ขา งบน ช่อื วา หงาย. ชองปากไปตรง ๆ เหมือนกระบวยชอื่ วา ตะแคง. บรรดาการทาํ ควํา่ เปน ตน น้ัน เม่อื น้ํามนั ไดราคาถึงบาทไหลออกจากภายในชอ งทีอ่ ยขู างลาง ซงึ่ ตนทําไวจําเดมิ แตภ ายนอก ถึงจะไมไหลออกไปภายนอก ก็เปน ปาราชิก. เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุวา นํ้ามันพอไหลออกไปจากภายในนน้ั เทานัน้ ก็ช่ือวาไหลออกไปภายนอก จะนับวา อยูภายในหมอ ไมได คือไมตัง้ อยูในหมอ . เมื่อนํ้ามนั ไดราคาถึงบาท ไหลออกไปจากภายนอกชอง ทตี่ นทําไวจ าํ เดิมแตภายใน เปนปาราชกิ . เมื่อนํ้ามันไดราคาถึงบาทไหลออกไปจากภายนอกชองขางบน ทต่ี นทาํ ไวโดยอาการใด ๆ ก็ตาม เปน ปาราชกิ . ในอรรถกถาท้งั หลาย ทา นกลา วไวว า แทจ รงิ นาํ้ มนันน้ั ยังไมไหลจากภายในไปภายนอกเพียงใด, กช็ ื่อวา ยงั อยภู ายในหมอ เพียงนน้ั นนั่ แล. พระวินัยธร พงึ ปรบั (อาบตั ิปาราชิก) ดวยอํานาจนํ้ามนั ทีไ่ หลออกจากตรงกลางกระเบอ้ื ง แหงชองท่ีอยูตรงกลาง. ก็คําทก่ี ลา วไวใ นอรรถกถาทงั้ หลายน้ัน ยอมสมกบั การทําลายคนั คขู องสระ ในเมือ่ ภกิ ษกุ ระทาํ ชองตั้งแตภายในและภายนอก เวน ตรงกลางไว. แตเ มื่อภิกษกุ ระทาํ ชอ งจําเดมิ แตภ ายในแลว พระวนิ ัยธรควรปรับอาบตั ดิ วยชอ งภายนอก, เม่ือทําชองจาํ เดิมแตภ ายนอกแลว ควรปรับดวยชอ งภายใน ; คําที่ทา นกลา วไวใ นชอ งทีก่ ําหนดดวยตรงกลางน้ี ดงั พรรณนามานี้ ใชไ ด.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 136 ก็ภกิ ษใุ ด นาํ ออกซง่ึ เชงิ รองหรอื กอ นเสา แหง หมอ ดว ยไถยจติ วาหมอ จกั กลงิ้ ไป เมอื่ หมอ กล้งิ ไป เปน ปาราชกิ . อน่งึ เมอื่ ภกิ ษรุ ูความทีเ่ ขาจะรนิ นาํ้ มนั ใส ทาํ ความราวหรือชองแหงหมอเปลา ไวเปนภัณฑไทย โดยประมาณแหง นา้ํ มนั ทรี่ ั่วออกในภายหลัง. แตใ นอรรถกถาทั้งหลาย บางแหงทา นเขยี นไวว า เปน ปาราชกิ ดงั นี้ก็มี. น่นั เขียนไวดวยความพลั้งพลาด. ภิกษุทาํ ไมหรือหินใหเปน อนั ตนผูกไวไ มดี หรือต้ังไมห รอื หินใหเปน ของอันตนต้ังไวไ มดีในเบือ้ งบนแหง หมอ เต็ม ดวยไถยจติ วา มันจกั ตกไปทําลาย นํ้ามันจกั ไหลออกจากหมอนั้น. ไมหรอื หนิ นนั้ จะตอ งตกอยา งแนน อน เมือ่ ภกิ ษทุ าํ อยางนัน้เปนปาราชิกในขณะทําเสร็จ. ทําอยา งน้นั ในเบือ้ งบนแหง หมอเปลา ไมหรอืหนิ นน้ั ตกไปทําลายในกาลทห่ี มอ นนั้ เต็มในภายหลังเปนภัณฑไทย. จรงิ อยู ในฐานะเชนนย้ี งั ไมเ ปนปาราชกิ ในเบื้องตนทีเดียว เพราะประโยคอันภกิ ษุทาํ แลวในกาลท่ขี องไมม .ี แตเ ปน ภณั ฑไทย เพราะทําของใหเสยี . เมื่อเขาใหน าํ มาให ไมใหเ ขาเปนปาราชิก เพราะการทอดธุระแหงเจา ของท้ังหลาย. ภกิ ษุทําเหมอื งใหตรงดวยไถยจติ วา หมอจกั กลิง้ ไป หรอื น้ําจกั ยังนํ้ามันใหล นข้นึหมอกล้งิ ไปกต็ าม นํ้ามันลน ข้นึ กต็ าม เปน ปาราชิกในเวลาท่ีทําใหต รง. จรงิ อยูประโยคเชนน้ี ๆ ถงึ ความสงเคราะหไ ดใ นบพุ ประโยคาวหาร. เมือ่ เหมืองแหงอันภิกษุทาํ ใหต รงไวแลว นาํ้ ไหลมาทหี ลงั หมอกลิ้งไปก็ตาม น้าํ มนั ลนขน้ึกต็ าม, เปนภัณฑไทย. เพราะเหตุไร ? เพราะไมม ปี ระโยค คอื การใหเคลอื่ นจากฐาน. ลกั ษณะแหงประโยค คือ การใหเคล่อื นจากฐานน้ัน จักมแี จงในของทต่ี ้งั อยูใ นเรอื . [ อรรถาธบิ าย คําวา ภินฺทติ วฺ า เปนตน ] พงึ ทราบวินิจฉัยในบททัง้ หลายมบี ทวา ตตฺเถว ภินฺทติ วา เปน ตนทา นกลาวไวในอรรถกถาดังนี้กอน.

พระวินัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 137 บทวา ทําลายก็ดี นน้ั โดยอรรถวา ทบุ ทําลายดว ยไมค อน. บทวา เทกด็ ี นนั้ โดยอรรถวาเทน้ําหรอื ทรายลงในนํ้ามันลนขนึ้ . บทวา ยงั ไฟใหไ หมกด็ ี น้ัน โดยอรรถวา นาํ ฟนมาแลวยงั ไฟใหไ หม. บทวา ใหเ ปนของบริโภคไมได น้นั โดยอรรถวา ทําใหเปนของพงึ เคี้ยวไมได หรือพงึ ด่ืมไมไ ด คอื ยังอุจจาระหรอื ปสสาวะ หรอื ยาพิษหรอื ของเดน หรือซากศพใหต กลงไป. บทวา ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ น้นั โดยอรรถวา เปน ทกุ กฏเพราะไมมีการใหเ คลอ่ื นจากฐาน. ญาณพเิ ศษน้ี ช่อื วา พุทธวิสัย. แมจ ะเปน ทกุ กฏ กจ็ ริงแตเม่อื เจาของใหน าํ มาให เปนภัณฑไทย. ใน ๔ บทน้นั สองบทเบอื้ งตนไมส ม. เพราะสองบทนน้ั เปน ลักษณะอนั เดียวกันกบั การทาํ ความราวของหมอและการทาํ เหมอื งใหต รง. สวนสองบทเบ้อื งหลงั แมย ังวัตถุใหเคลือ่ นจากฐานก็อาจทาํ ได. เพราะฉะนัน้ อาจารยพวกหนง่ึ จงึ กลา ววินจิ ฉยั ในคํานีไ้ วอยา งน้.ี ไดย นิ วา ในอรรถกถา คําวา เปนทกุ กฏ เพราะไมม กี ารใหเคลอ่ื นจากฐาน นี้ ทา นกลาวหมายเอาสองบทเบอื้ งหลัง. จริงอยู ภิกษไุ มทาํ การใหเคล่ือนจาก ฐานเลย พงึ เผาเสียกด็ ี พึงทําไหเปนของใชสอยไมไดกด็ ี ดว ยไถยจติ หรอื เพราะตองการใหก ารเสียหาย, แตใ นสองบทเบอื้ งตน เม่ือภกิ ษุทาํ ลายหรือเทโดยนัยทกี่ ลาวแลว การใหเคลอื่ นจากฐาน ยอมมไี ด ; เพราะฉะนัน้ เมื่อทาํ อยางนัน้ เปน ภณั ฑไทย เพราะใครน ะใหเสียหาย เปน ปาราชิกดว ยไถยจติ ดงั นีแ้ ล. หากมผี ูแ ยง วา คํานัน้ ไมช อบ เพราะทานกลา วไวใ นพระบาลีวาเปนทุกกฏ.

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 138 พงึ เฉลยวา จะเปน คําไมชอบหามิได เพราะมีอรรถทจี่ ะพึงถอื เอาโดยประการอน่ื . จรงิ อยู ในฝกฝายแหงไถยจิตในพระบาลี อาจารยพ วกหนง่ึ กลาวอยา งนว้ี า บทวา ทาํ ลายก็ดี นน้ั โดยอรรถวา เจือดวยน้ํา บทวา เท กด็ ีน้ัน โดยอรรถวา เท ทราย หรอื อุจจาระ หรอื ปสสาวะลงใสเภสัชมนี ํ้ามนัเปนตน นัน้ ดังน.้ี สว นสาระในคาํ น้ี ดงั ตอไปน้ี :- ภิกษไุ มประสงคจะใหเ คลอ่ื นจากฐานเลย ทําลายอยางเดียว ดจุ ภกิ ษเุ ผาหญา ในวนิ ตี วัตถ.ุ แตเ ภสชั มนี ํา้ มนัเปนตน ยอ มไหลออกได เพราะหมอ ทาํ ลายแลว. กห็ รอื วา ในเภสชั เหลาน้นัเภสัชใดเปน ของแหง เภสชั น้นั ยงั ยึดกันตั้งอยไู ดเทียว. อนง่ึ ภิกษไุ มป ระสงคจะเทนํ้ามันเลย เทน้ํา หรือทราย เปน ตน ลงในหมอ น้ันอยา งเดียว. แตน้ํามนั ก็เปนอนั ภิกษนุ นั้ เท เพราะไดเ ทน้าํ หรือทรายเปนตนนั้นลงไป. เพราะฉะน้นั ดวยอาํ นาจโวหาร ทา นจงึ เรยี กวา ทําลายก็ดี เทกด็ ี. ผศู ึกษาพงึ ถอืเอาใจความแหงบทเหลา นี้ ดงั กลา วมาฉะน.ี้ สว นในฝายแหง ความเปน ผูใครจะใหฉิบหาย เปน ทุกกฏ ถูกตองแมโดยประการนอกน.้ี จริงอยู เมอ่ื ทานกลาวอธิบายความอยูอ ยา งน้ี บาลีและอรรถกถา ยอ มเปนอันทานสอบสวน กลา วดีแลวโดยเบอื้ งตน และเบ้ืองปลาย.แตไมควรทําความพอใจแมดวยทําอธิบายเพียงเทานี้ พึงเขาไปน่งั ใกลอาจารยท้ังหลายแลวทราบขอวนิ ิจฉยั แล. จบกถาวา ดวยทรพั ยท ่ีต้งั อยูใ นแผนดนิ

พระวินยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 139 กถาวาดวยทรพั ยท ีอ่ ยูบนบก พงึ ทราบวินจิ ฉัยในทรัพยที่ตง้ั อยบู นบก. สองบทวา ถเล นกิ ฺขิตฺตความวา ไดแ ก ทรพั ยท ี่เขาวางไวบนพ้นื ดินก็ดี บนพนื้ ปราสาทและบนภเู ขาเปนตน แหง ใดแหงหน่งึ ซึ่งปกปดหรอื ไมป กปดกด็ ี พงึ ทราบวา ทรัพยทตี่ ัง้อยูบนบก. ทรพั ยน ัน้ ถา เขาทาํ เปนกองไว พงึ ตดั สินตามคําวินจิ ฉยั ท่กี ลาวไวในการทาํ ทรพั ยใหอยูในภาชนะและการตดั กําเอาในภายในหมอ . ถาทรพั ยน น้ัตดิ เนื่องเปน อนั เดียวกนั มียางรกั และยางสนเปน ตน พงึ ตดั สินตามคําวนิ จิ ฉยัทกี่ ลาวไวในนํา้ ผง้ึ และนาํ้ ออ ยทเี่ คีย่ วสกุ แลว. ถาทรัพยเปนของหนัก จะเปนแทงโลหะก็ตาม งบนํ้าออยก็ตาม วัตถุมนี ํ้ามันน้ําผงึ้ และเปรียงเปน ตนก็ตามซงึ่ เนื่องดว ยภาระ พึงตดั สนิ ตามคาํ วินจิ ฉัยท่ีกลา วไวใ นการยังหมอ ใหเคลื่อนจากฐาน และพงึ กําหนดความตา งของฐานแหง สงิ่ ของเขาผกู ไวดว ยโซ. สว นภกิ ษุถือเอาวัตถุมีผาปาวารผา ลาดพน้ื และผา สาฎกเปน ตนทเี่ ขาปลู าดไว ฉดุ มาตรงๆ เมอื่ ชายผา ขางโนน ลวงเลยโอกาสท่ชี ายผา ขา งน้ถี ูกตอ งไป เปน ปาราชกิ .ในทกุ ๆ ทศิ กค็ วรกําหนดดว ยอาการอยางนี้. ภกิ ษุหอ แลว ยกขึน้ เมือ่ ทาํ ใหลอยไปในอากาศ เพยี งปลายเสนผม เปนปาราชกิ . ทาํ ท่เี หลอื มีนัยดงั กลา วแลวนน่ั เอง ฉะน้แี ล. จบกถาวาดว ยทรัพยท ่อี ยบู นบก

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 140 กถาวา ดว ยทรพั ยท ี่อยูใ นอากาศ พึงทราบวนิ ิจฉัยในของท่ีอยใู นอากาศ. สาํ หรบั นกยงู พึงทราบการกําหนดฐานโดยอาการ ๖ อยา ง คอื ขางหนากาํ หนดดวยจะงอยปาก ขางหลงักาํ หนดดว ยปลายลาํ แพนหาง ขา งท้งั ๒ กาํ หนดดวยปลายปก เบือ้ งตา่ํ กําหนดดว ยปลายเล็บเทา เบอื้ งบนกําหนดดวยปลายหงอน. ภิกษคุ ดิ วา จกั จบั นกยูงซ่งึ มเี จาของ อนั (บนิ ) อยูใ นอากาศ ยืนอยูขา งหนา หรือเหยียดมือออก.นกยูงกางปกอยใู นอากาศนน่ั แหละ กระพือปกแลว หยดุ บนิ ยนื อยู เปนทกุ กฏแกภกิ ษนุ ัน้ , ไมใหน กยูงนั้นไหว เอามอื ลูบคลํา เปน ทกุ กฎเหมอื นกนั ,ไมใหเ คล่อื นจากฐาน ใหไ หวอยู เปนถลุ ลัจจยั . สว นจะเอามือจบั หรอื ไมจบัก็ตาม ใหป ลายลาํ แพนหางลวงเลยโอกาสท่ีจะงอยปากถกู หรือใหจ ะงอยปากลว งเลยโอกาสที่ปลายลําแพนหางถูก, ถานกยงู น้นั ไดร าคาบาทหน่งึ ไซร,เปนปาราชกิ . อนึง่ ใหป ลายปก ขางขวา ลวงเลยโอกาสที่ปลายปก ขางซายถกูหรือใหปลายปกขางซา ย ลว งเลยโอกาสท่ปี ลายปกขา งขวาถกู กเ็ ปนปาราชกิ .อนงึ่ ใหปลายหงอน ลว งเลยโอกาสที่ปลายเลบ็ เทา ถูก หรอื ใหปลายเลบ็ เทาลว งเลยโอกาสทีป่ ลายหงอนถูก ก็เปนปาราชกิ . นกยงู บนิ ไปทางอากาศ จับท่ีบรรดาอวัยวะมีศีรษะเปน ตน อันใด, อวัยวะอันนนั้ เปน ฐานของนกยูงนัน้ .เพราะเหตนุ ัน้ ภิกษนุ ัน้ แมเมื่อทาํ นกยงู ตวั นนั้ ซ่ึงเกาะอยทู มี่ ือใหสา ยไปขางโนนและขางนี้ ชื่อวา ทําใหไ หวแท. และถา เธอเอามืออีกขางหนง่ึ จบั ใหเคลอื่ นจากฐาน เปนปาราชกิ . ภิกษยุ ่ืนมอื อกี ขา งหนึง่ เขา ไปใกล, นกยงู โดดไปเกาะท่ีมอื นั้นเสียเอง ไมเปน อาบัต.ิ ภกิ ษมุ ไี ถยจติ รูวานกยูงจับทีอ่ วยั วะ ยา งเทากาวแรก เปน ถลุ ลัจจยั , กาวทส่ี อง เปนปาราชกิ . นกยงู จบั อยบู นพื้นดนิ

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 141ยอมไดฐ าน ๓ ดวยอํานาจเทาท้ังสอง และลําแพนหาง. เม่ือภกิ ษยุ กนกยงู นน้ัข้นึ เปนถลุ ลัจจัย ตลอดเวลาทฐ่ี านแมเพยี งฐานเดียวยงั ถูกแผน ดนิ . เม่อื นกยูงนัน้ สักวา อนั ภกิ ษุใหพน จากแผน ดนิ แมเพียงปลายเสน ผมก็เปนปาราชกิ . ภิกษุยกนกยงู ซ่งึ อยใู นกรงขึน้ พรอมท้ังกรง ตอ งปาราชกิ . แตถ า นกยงู ตัวนน้ั ไมไ ดราคาถงึ บาทไซร, พงึ ปรบั ตามราคาทุก ๆ แหง. ภิกษมุ ไี ถยจิต ทาํ นกยูงตัวซงึ่ เทย่ี วอยภู ายในสวนใหตกใจ ไลม นั เดินออกไปนอกสวนดวยเทา เทยี ว ใหลวงเลยเขตทีก่ ําหนดแหง ประตู ตองปาราชิก. จริงอยู ภายในสวน เปน ฐานของนกยูงนน้ั เหมอื นคอกเปน ฐานของโคที่อยูในคอก ฉะนั้น. แตเม่อื ภกิ ษุเอามอื จบั ทาํ ใหมันบนิ ไปในอากาศ แมภายในสวน กต็ อ งปาราชกิ เหมอื นกนั .เม่อื ภกิ ษุยังนกยูงแมเทีย่ วอยูภ ายในบานใหล วงเลยเครอ่ื งลอมแหงบา นไป ตองปาราชิก. นกยูงตัวท่อี อกไปเท่ียวอยูในอุปจารบานหรืออุปจารสวนเองทเี ดียวและภกิ ษุมีไถยจติ ยงั มันใหต กใจดว ยไมหรอื ดว ยกระเบ้ือง ทําใหม นั บา ยหนาเขาดง. นกยงู บนิ ไปเกาะอยภู ายในบา น หรือภายในสวน หรอื บนหลงั คา,ยงั รกั ษาอย.ู แตถา มนั บายหนา เขา ดงบนิ ไปก็ดี เดินไปกด็ ,ี เมอื่ ไมม ีความหมายใจวา เราใหม นั เขา ดงไปแลว จกั จับเอา ตองปาราชิก ในเมอื่ สกั วา มันบินขึน้ พนแผนดินแมเพียงปลายเสน ผม หรือในยา งเทา ทีส่ อง. เพราะเหตุไร ?เพราะเหตุวา ที่ซงึ่ ยืนเทานนั้ เปนฐานของมันซ่ึงออกจากบา นแลว . แมในนกทง้ั หลายมนี กคับแคเปน ตน ก็พงึ ทราบวินจิ ฉัย ดงั น้แี ล. บทวา สาฏก วา มคี วามวา ภกิ ษุเอามือจบั ผาสาฎกทแี่ ข็งดวยแปง ซงึ่ ปลิวไปในอากาศ ลอยมาตรงหนา ทีช่ ายผาขางหน่งึ เหมือนผาทเ่ี ขาขงึ ลาดไวบ นพน้ื แผน ดินถูกลมกระพือพัด ฉะนัน้ , เมอ่ื ไมไ ดท ําฐานใหไ หวไปขางโนน และขา งนเี้ ลย ตอ งทกุ กฏ เพราะงดการเดิน, เมอ่ื ไมทาํ ใหเคล่อื นจากฐานรักษาอย,ู เปน ถุลลัจจยั เพราะทําใหไ หว, ใหเ คลื่อนจากฐาน ตอง

พระวนิ ัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 142ปาราชกิ . ก็การกําหนดฐานแหงผาสาฎกนั้น พงึ ทราบดว ยอาการ ๖ อยา งเหมอื นการกาํ หนดฐานแหง นกยูง ฉะนน้ั . สว นผาสาฎกที่ไมแขง็ พอภิกษุจบัท่ีชายผาขางหน่ึงเทา น้นั กต็ กลงไปกองอยบู นพืน้ ดนิ ท้ังชายท่ีสอง, ผาสาฎกน้นั มีฐาน ๒ คอื มอื ๑ พื้นดนิ ๑. ภิกษทุ ําผา สาฎกน้นั ตามท่ีจับเอาแลว นัน่แล ใหเ คล่อื นไปจากประเทศแหงโอกาสทตี่ นจบั เอาคร้ังแรก ตอ งถุลลจั จัยภายหลงั เอามอื ท่สี อง หรือเทา ยกขน้ึ จากพน้ื ดิน ตอ งปาราชกิ . อนึ่ง คร้ังแรกยกขึ้นจากพน้ื ดิน ตองถุลลจั จัย, ภายหลงั ใหเคลอ่ื นจากประเทศแหงโอกาสที่ตนจบั เอา ตองปาราชกิ . อกี อยา งหน่งึ ภิกษเุ ม่ือไมปลอ ยการจบั ยืน่ มือลงไปตรง ๆ ปอ งผาใหอยูทพ่ี ้ืนดนิ จึงเอามอื นน้ั นัน่ เองยกผาข้ึน ตอ งปาราชกิ .แมในผา โพก กพ็ ึงทราบวนิ ิจฉยั ดังนแ้ี หละ. หลายบทวา หิรฺ วา สุวณฺณ วา ฉชิ ฺชมาน มีความวาเคร่อื งประดบั มีสรอยคอเปน ตน ของพวกมนุษยผตู กแตง อยกู ด็ ี แทง ทองของพวกชางทองผตู ดั ซที่ องอยกู ด็ ี ขาดตกไป. ถา ภกิ ษมุ ไี ถยจติ เอามอื จับเอาเครื่องประดบั หรอื แทงทองที่ขาดตกลอยมาทางอากาศน้ัน, การจบั เอานนั่ แหละเปนฐาน, เอามือออกจากประเทศท่ตี นจับเอาตอ งปาราชกิ . เอามือยกเครือ่ งประดับมสี รอยคอเปนตน ที่ตกลงไปในจวี รขึ้น ตอ งปาราชกิ , ไมไ ดย กข้นึ เลยแตเ ดนิ ไป ตอ งปาราชกิ ในยางเทาท่ีสอง. ถึงในเคร่อื งประดบั มสี รอ ยคอเปน ตนทต่ี กลงไปในบาตร กม็ นี ัยอยา งน้แี ล. เอามือจบั เคร่อื งประดบั มีสรอยคอเปนตน ที่ตกลงทีศ่ รี ษะ ทีห่ นา หรือทเี่ ทา ตองปาราชกิ , ไมไ ดจบั เอาเลยแตเ ดินไป ตอ งปาราชิกในยา งเทาท่ีสอง. อน่งึ เคร่อื งประดบั มสี รอ ยคอเปนตน นั้นตกไปในที่ใด ๆ, เฉพาะโอกาสทเี่ ครอ่ื งประดบั เปนตนตงั้ อยใู นที่นั้น ๆ เปนฐานของเครื่องประดับเปน ตนนน้ั , องั คาพยพทง้ั หมดกด็ ี บาตรและจวี รกด็ ี หาไดเปน ฐานไม ฉะน้แี ล. จบกถาวา ดว ยทรัพยทอี่ ยูในอากาศ

พระวินยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 143 กถาวา ดวยทรัพยท อ่ี ยูในกลางแจง พึงทราบวินิจฉยั ในภณั ฑะท่ีตั้งอยูในกลางแจง . ภัณฑะทีเ่ ขาวางไวบนเตียงและต่ังเปน ตน จะเปนของควรจับตองหรอื ไมค วรจับตองก็ตาม เม่อื ภิกษุจบั ตองดว ยไถยจติ เปน ทกุ กฎ. กแ็ ลในภณั ฑะทเ่ี ขาวางไวบ นเตยี งและต่ังนี้ควรทราบวินิจฉัยตามนยั ที่กลาวไวในภัณฑะทต่ี ้งั อยูบนบก. สว นความแปลกกนัพงึ ทราบดังนี้ :- ถาผาสาฎกท่ีแข็งดวยแปง ซ่ึงเขาขึงไวทีเ่ ตียงหรอื ตัง่ ตรงกลางไมถ กูพนื้ เตยี ง ถูกแตเทาเตยี งเทาน้นั , พงึ ทราบฐานดว ยอํานาจแหงเทา ทัง้ ๔ ของเตียงนัน้ . จริงอยู เมื่อผา สาฎกนั้น สักวา อันภกิ ษุใหล วงเลยโอกาสทถ่ี ูกเบ้อื งบน แหง เทา เตียงเทา นัน้ ยอมเปนปาราชิก ในเพราะเหตใุ หกา วลว งน้นั .แตเ ม่อื ภกิ ษลุ ักไปพรอมท้งั เตยี งและต่ัง พึงทราบฐาน ดวยอาํ นาจโอกาสที่เทา เตียงและตงั่ ตัง้ จดอยู. บทวา จีวรวเส วา มคี วามวา บนราวหรอื บนขอไมท ่เี ขาผูกตัง้ ไวเพ่ือประโยชนแกก ารพาดจวี ร. เฉพาะโอกาสที่ถกู กบั โอกาสที่ตง้ั อยู เปน ฐานของจีวรทพ่ี าดไวบ นราวนัน้ ซึง่ เอาชายไวข า งนอก เอาขนดไวข า งใน, ราวจวี รทงั้ หมด หาไดเปนฐานไม. เพราะเหตุน้ัน เมอื่ ภิกษุจับจวี รนั้นทขี่ นดดึงมาดวยไถยจติ ใหโอกาสทตี่ ั้งอยูบนราวดานนอก ลวงเลยประเทศทรี่ าวจวี รถูกดา นในไป เปนปาราชกิ ดวยการดึงมาเพยี งน้วิ เดยี วหรือสองน้วิ เทานนั้ .นัยแมแ หง ภิกษผุ ูจบั ท่ีชายดึงมา ก็เหมือนกันน.ี้ แตเ มือ่ ภกิ ษุรูดลงขา งซายหรือขางขวาบนราวจวี รน้ันน่นั เอง คร้ันเมื่อจวี รนนั้ สกั วา ลว งเลยฐานแหง ชายขางขวาดว ยชายขางซา ย หรอื สกั วา ลว งเลยฐานแหง ชายขา งซา ยดวยชายขางขวา














Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook