Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_02

tripitaka_02

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:33

Description: tripitaka_02

Search

Read the Text Version

พระวินัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 51 ภ. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ไมเปนอาบัติแกภกิ ษุผมู ีความสําคญั วาเปนของบังสุกุล. ๓. ก็โดยสมยั น้นั แล พวกขโมยลกั ขนนุ สาํ มะลอ ทําขนนุ สํามะลอใหหลนแลวหอถือไป พวกเจา ของติดตามพวกขโมยเหลา นนั้ พวกขโมยเหน็พวกเจา ของแลว ทิ้งหอขนุนสาํ มะลอหนไี ป ภกิ ษทุ ้ังหลายมีความสาํ คญั วา เปนของบงั สกุ ุล จงึ พากันเก็บขนนุ สํามะลอหอนนั้ ไปฉัน พวกเจาของโจทภกิ ษุเหลา น้นั วา พวกทานไมเปน สมณะ ภิกษเุ หลา นั้นมคี วามรังเกยี จ จึงกราบทลูเรื่องนั้นแดพ ระผูมีพระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย พวกเธอคดิ อยา งไร. ภิ. พวกขาพระพุทธเจา มีความสําคญั วา เปนของบงั สกุ ลุ พระพทุ ธ-เจา ขา. ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ไมเ ปน อาบตั แิ กภกิ ษุผูมคี วามสําคัญวาเปนของบงั สกุ ลุ . ๔. ก็โดยสมยั นั้นแล พวกขโมยลกั ขนนุ ทําขนนุ ใหหลน แลว หอ ถอืไป พวกเจาของติดตามพวกขโมยเหลา นั้น พวกขโมยเห็นพวกเจาของแลวท้งิหอขนนุ หนีไป ภกิ ษุท้งั หลายมีความสําคัญวาเปนของบังสกุ ลุ จึงพากนั เก็บขนนุ หอ น้นั ไปฉัน พวกเจา ของโจทภิกษุเหลาน้นั วา พวกทานไมเปน สมณะภกิ ษเุ หลานัน้ มคี วามรังเกยี จ จงึ กราบทูลเรอ่ื งนน้ั แดพระผมู ีพระภาคเจาๆ ตรัสถามวา ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย พวกเธอคดิ อยา งไร. ภิ. พวกขา พระพุทธเจามคี วามสําคัญวา เปน ของบังสกุ ลุ พระพทุ ธ-เจาขา. ภ. ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ไมเปน อาบัติแกภิกษุผมู คี วามสําคญั วาเปนของบังสุกลุ .

พระวนิ ัยปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 52 ๕. กโ็ ดยสมยั นั้นแล พวกขโมยลักผลตาลสกุ ทําผลตาลสุกใหห ลนแลว หอ ถือไป พวกเจา ของติดตามพวกขโมยเหลานั้น พวกขโมยเห็นพวกเจาของแลวทิ้งหอ ผลตาลสุกหนีไป ภิกษทุ งั้ หลายมคี วามสําคัญวาเปน ของบัง-สกุ ุล จงึ พากันเกบ็ ผลตาลสกุ หอนนั้ ไปฉนั พวกเจา ของโจทภิกษเุ หลา นัน้ วาพวกทานไมเ ปนสมณะ ภกิ ษเุ หลานน้ั มีความรงั เกียจ จึงกราบทลู เร่ืองนัน้ แดพระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย พวกเธอคดิ อยางไร. ภ.ิ พวกขา พระพุทธเจา มคี วามสาํ คัญวาเปนของบงั สุกุล พระพทุ ธ-เจาขา. ภ. ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ไมเปนอาบัติแกภกิ ษผุ มู ีความสําคัญวาเปนของบงั สุกลุ . ๖. กโ็ ดยสมัยนัน้ แล พวกขโมยลักออย ตัดออ ยแลวหอ ถือไป พวกเจาของติดตามพวกขโมยเหลา น้ัน พวกขโมยเห็นพวกเจา ของ แลวทง้ิ หอ ออ ยหนไี ป ภกิ ษทุ ั้งหลายมีความสําคญั วา เปนของบังสกุ ลุ จงึ พากันเก็บออยหอนั้นไปฉนั พวกเจา ของโจทภิกษุเหลาน้ันวา พวกทา นไมเ ปน สมณะ ภิกษเุ หลา น้ันมคี วามรังเกียจ จงึ กราบทลู เรอ่ื งนน้ั แดพระผูม พี ระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย พวกเธอคิดอยา งไร. ภิ. พวกขา พระพุทธเจามีความสําคัญวา เปนของบังสุกุล พระพุทธ-เจาขา . ภ. ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ไมเ ปน อาบัตแิ กภ กิ ษุผูม ีความสําคญั วาเปนของบงั สกุ ุล. ๗. กโ็ ดยสมยั นั้นแล พวกขโมยลกั มะพลับ เลอื กเก็บมะพลบั แลวหอถอื ไป พวกเจา ของตดิ ตามพวกขโมยเหลานนั้ พวกขโมยเห็นพวกเจา ของ

พระวินยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 53แลว ทงิ้ หอ มะพลับหนไี ป ภิกษุท้ังหลายมคี วามสาํ คัญวา เปน ของบังสุกลุ จงึ พากนั เก็บมะพลับหอ นัน้ ไปฉนั พวกเจา ของโจทภกิ ษเุ หลา นัน้ วา พวกทา นไมเปนสมณะ ภิกษเุ หลาน้นั มคี วามรงั เกยี จ จงึ กราบทูลเรือ่ งนั้นแดพระผูมีพระภาค-เจาๆ ตรัสถามวา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย พวกเธอคดิ อยางไร. ภ.ิ พวกขาพระพุทธเจามีความสาํ คญั วาเปน ของบังสุกุล พระพทุ ธ-เจาขา . ภ. ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ไมเปนอาบตั แิ กภิกษุผูมคี วามสาํ คัญวาเปนของบงั สุกุล. เรอื่ งลกั ๗ เร่ือง [๑๔๘] ๑. ก็โดยสมัยน้นั แล พวกขโมยลกั มะมวง ทาํ มะมวงใหหลน แลวหอ ถอื ไป พวกเจาของติดตามพวกขโมย ๆ เห็นพวกเจา ของ ไดท้ิงหอมะมวงหนีไป ภกิ ษุทั้งหลายคดิ วา พวกเจาของจะเห็น แลวมีไถยจิตฉนัเสียกอน พวกเจา ของโจทภิกษุเหลา นั้นวา พวกทา นไมเปน สมณะ ภกิ ษุเหลา น้นั มีความรังเกยี จวา พวกเราตอ งอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จงึกราบทูลเรื่องนน้ั แดพ ระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย พวกเธอตองอาบัตปิ าราชิกแลว . ๒. ก็โดยสมยั น้ันแล พวกขโมยลกั ชมพู ทําชมพใู หหลน แลวหอ ถอืไป พวกเจา ของติดตามพวกขโมย ๆ เหน็ พวกเจา ของ ไดท้งิ หอ ชมพหู นไี ปภิกษุทงั้ หลายคดิ วา พวกเจา ของจะเหน็ แลวมีไถยจิตฉนั เสียกอน พวกเจาของโจทภิกษเุ หลา น้ันวา พวกทา นไมเ ปน สมณะ ภกิ ษุเหลา นั้นมีความรังเกียจวา พวกเราตอ งอาบัติปาราชิกแลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เรอ่ื งน้นั แดพระ-ผูมีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย พวกเธอตอ งอาบัติปาราชกิ แลว.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 54 ๓. ก็โดยสมัยนั้นแล พวกขโมยลกั ขนนุ สาํ มะลอ ทําขนุนสาํ มะลอใหหลน แลวหอถือไป พวกเจาของตดิ ตามพวกขโมย ๆ เหน็ พวกเจาของ ไดทิ้งหอขนุนสาํ มะลอหนไี ปภิกษุทงั้ หลายคิดวาพวกเจาของจะเห็น แลว มไี ถยจิตฉนั เสียกอ น พวกเจาของโจทภกิ ษุเหลานัน้ วา พวกทา นไมเ ปนสมณะ ภิกษุเหลานนั้ มคี วามรังเกยี จวา พวกเราตอ งอาบัตปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทูลเร่ืองน้ันแดพ ระผมู ีพระภาคเจาๆ ตรัสวา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย พวกเธอตองอาบตั ิปาราชกิ แลว . ๔. กโ็ ดยสมัยน้ันแล พวกขโมยลกั ขนุน ทําขนุนใหหลน แลวหอถือไป พวกเจาของตดิ ตามพวกขโมย ๆ เหน็ พวกเจาของ ไดทงิ้ หอ ขนุนหนีไปภกิ ษทุ งั้ หลายคิดวา พวกเจา ของจะเหน็ แลวมไี ถยจิตฉันเสียกอน พวกเจา ของโจทภกิ ษุเหลานนั้ วา พวกทานไมเ ปนสมณะ ภกิ ษเุ หลา นั้นมคี วามรงั เกียจวาพวกเราตองอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทูลเร่อื งนน้ั แดพ ระผมู -ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย พวกเธอตอ งอาบตั ปิ าราชิกแลว. ๕. กโ็ ดยสมยั น้นั แล พวกขโมยลกั ผลตาลสุก ทําผลตาลสกุ ใหหลนแลว หอถือไป พวกเจา ของตดิ ตามพวกขโมย ๆ เห็นพวกเจาของ ไดท ง้ิ หอ ผลตาลสกุ หนีไป ภิกษุทัง้ หลายคิดวา พวกเจา ของจะเหน็ แลว มไี ถยจติ ฉันเสียกอน พวกเจาของโจทภกิ ษุเหลา น้ันวา พวกทา นไมเ ปน สมณะ ภกิ ษุเหลา นัน้มคี วามรังเกียจวา พวกเราตอ งอาบัติปาราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทูลเรื่องนนั้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย พวกเธอตอ งอาบตั ปิ าราชกิ แลว. ๖. ก็โดยสมยั นัน้ แล พวกขโมยลักออย ตดั ออยแลวหอ ถือไป พวกเจาของติดตามพวกขโมย ๆ เหน็ พวกเจาของไดท ิ้งหอออ ยหนไี ป ภิกษุทง้ั หลาย

พระวินัยปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 55คดิ วา พวกเจา ของจะเหน็ แลว มีไถยจติ ฉันเสยี กอน พวกเจา ของโจทภกิ ษุเหลา นน้ั วา พวกทานไมเ ปนสมณะ ภกิ ษุเหลาน้นั มีความรังเกียจวา พวกเราตอ งอาบัตปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรอื่ งนั้นแดพ ระผมู ีพระภาค-เจา ๆ ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย พวกเธอตอ งอาบตั ปิ าราชกิ แลว . ๗. กโ็ ดยสมยั น้นั แล พวกขโมยลกั มะพลบั เลอื กเก็บมะพลบั แลวหอ ถอื ไป พวกเจา ของติดตามพวกขโมย ๆ เหน็ พวกเจา ของ ไดทิ้งหอ มะพลับหนไี ป ภิกษทุ ง้ั หลายคดิ วา พวกเจา ของจะเห็น แลวมีไถยจติ ฉันเสยี กอ นพวกเจา ของโจทภิกษเุ หลานน้ั วา พวกทานไมเ ปนสมณะ ภิกษเุ หลา นั้นมีความรังเกียจวา พวกเราตอ งอาบตั ปิ าราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เร่ืองน้ันแดพระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย พวกเธอตองอาบตั ิปาราชกิ แลว. เร่อื งลกั ของสงฆ ๗ เรื่อง [๑๔๙] ๑. กโ็ ดยสมยั นน้ั แล ภิกษุรูปหนง่ึ มีไถยจติ ลกั มะมว งของสงฆ แลว ไดมคี วามรังเกยี จวา เราตองอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมังหนอ จงึกราบทูลเรอ่ื งนนั้ แดพ ระผูมีพระภาคเจาๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตอ งอาบัติปาราชิกแลว . ๒. ก็โดยสมยั นนั้ แล ภกิ ษุรปู หน่งึ มีไถยจิตลักชมพขู องสงฆ แลวไดม คี วามรงั เกยี จวา เราตองอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จงึ กราบทูลเร่อื งนั้นแดพ ระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อ นภิกษุ เธอตอ งอาบตั ปิ าราชิกแลว. ๓. ก็โดยสมยั นน้ั แล ภกิ ษรุ ปู หนึ่ง มไี ถยจติ ลกั ขนุนสํามะลอของสงฆ แลว ไดม คี วามรงั เกียจวา เราตองอาบัติปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จึง

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 56กราบทลู เรือ่ งนนั้ แดพ ระผูมีพระภาคเจาๆ ตรสั วา ดูกอนภิกษุ เธอตอ งอาบัติปาราชิกแลว. ๔. ก็โดยสมยั นั้นแล ภกิ ษรุ ูปหน่งึ มไี ถยจติ ลกั ขนุนของสงฆ แลวไดมีความรงั เกยี จวา เราตองอาบตั ิปาราชิกแลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เรื่องนัน้ แดพระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อนภกิ ษุ เธอตอ งอาบัติปาราชิกแลว. ๕. กโ็ ดยสมยั นั้นแล ภกิ ษรุ ูปหนงึ่ มไี ถยจติ ลักผลตาลสกุ ของสงฆแลวไดม คี วามรงั เกยี จวา เราตองอาบตั ปิ าราชกิ แลว กระมงั หนอ จงึ กราบทูลเรือ่ งนน้ั แดพระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดกู อ นภิกษุ เธอตองอาบตั ิปาราชิกแลว. ๖. กโ็ ดยสมัยนั้นแล ภิกษรุ ูปหนงึ่ มไี ถยจติ ลักออ ยของสงฆ แลวไดมคี วามรงั เกียจวา เราตอ งอาบัติปาราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เร่ืองนนั้ แดพ ระผูม พี ระภาคเจาๆ ตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุ เธอตองอาบตั ปิ าราชิกแลว . ๗. กโ็ ดยสมยั นัน้ แล ภิกษุรปู หนึง่ มีไถยจิตลักมะพลับของสงฆแลวไดมคี วามรงั เกยี จวา เราตองอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จึงกราบทูลเรือ่ งนั้นแดพ ระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตองอาบตั ิปาราชกิแลว. เร่ืองลกั ดอกไม ๒ เร่อื ง [๑๕๐] ๑. ก็โดยสมยั นนั้ แล ภิกษุรปู หนึง่ ไปสสู วนดอกไม มีไถยจิตลักดอกไมท ีเ่ ขาเกบ็ ไว ไดร าคา ๕ มาสก แลวไดม คี วามรังเกยี จวา เราตองอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จงึ กราบทูลเรือ่ งนั้นแดพ ระผูมพี ระภาค-เจา ๆ ตรัสวา ดกู อ นภิกษุ เธอตองอาบัติปาราชิกแลว.

พระวินัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 57 ๒. ก็โดยสมยั นนั้ แล ภกิ ษรุ ูปหนึง่ ไปสสู วนดอกไม มีไถยจติ ลักเก็บดอกไม ไดราคา ๕ มาสก แลว ไดมีความรงั เกยี จวา เราตอ งอาบัตปิ าราชกิแลว กระมังหนอ จงึ กราบทูลเร่อื งนัน้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตอ งอาบัตปิ าราชิกแลว . เร่อื งพดู ตามคําบอก ๓ เรอื่ ง [๑๕๑] ๑. กโ็ ดยสมัยน้ันแล ภิกษรุ ูปหนง่ึ เมือ่ จะไปสหู มบู านไดกลา วกะภิกษอุ กี รปู หน่ึงวา ทา น ผมจะบอกสกุลอปุ ฏ ฐากของทานตามท่ที านบอก ภกิ ษนุ ้นั ไปถงึ จึงใหเ ขานาํ ผา สาฎกมาผนื หนึง่ แลว ใชเ สียเอง ภกิ ษผุ บู อกรเู ขา จงึ โจทภิกษนุ ้ันวา ทานไมเ ปนสมณะ เธอไดมคี วามรงั เกียจวา เราตอ งอาบัตปิ าราชกิ แลว กระมงั หนอ จงั กราบทลู เรือ่ งนัน้ แดพระผูมีพระภาคเจา ๆตรสั วา ดูกอนภกิ ษุ เธอไมตอ งอาบัติปาราชิก แตภ ิกษุทงั้ หลายไมพ ึงกลาววาผมบอกตามท่ที า นบอก รปู ใดกลา ว ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. ๒. กโ็ ดยสมัยนั้นแล ภกิ ษุรปู หนง่ึ เมอ่ื จะไปสหู มบู า น ภิกษุอีกรปูหนงึ่ ไดก ลา วกะภกิ ษุนน้ั วา ทา น ทา นจงบอกสกุลอปุ ฏฐากของผมตามที่ผมบอก ภกิ ษนุ นั้ ไปถงึ จึงใหเ ขานาํ ผา สาฎกมาคหู น่ึง แลวใชเ สยี เอง ๑ ผืน ใหภกิ ษุผูบ อก ๑ ผืน ภกิ ษผุ บู อกรเู ขา จงึ โจทภกิ ษุน้ันวา ทา นไมเ ปน สมณะ เธอไดมีความรังเกียจวา เราตอ งอาบัตปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จงึ กราบทูลเร่ืองนน้ัแดพระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอนภิกษุ เธอไมตอ งอาบัตปิ าราชกิ แตภิกษไุ มพ งึ กลา ววา ทา นจงบอกตามทผ่ี มบอก รปู ใดกลาว ตองอาบตั ิทุกกฏ. ๓. กโ็ ดยสมยั นนั้ แล ภกิ ษรุ ปู หนงึ่ เม่อื จะไปสูหมูบา น ไดกลา วกะภกิ ษอุ ีกรูปหน่งึ วา ทาน ผมจะบอกสกุลอุปฏ ฐากของทา นตามที่ทา นบอก แม

พระวนิ ยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 58ภิกษนุ นั้ กก็ ลา วอยางนว้ี า ทานจงบอกตามท่ีผมบอกเถิด ภิกษนุ น้ั ไปถงึ จงึ ใหเขานําเนยใส ๑ อาฬหก๑ น้ําออ ยงบ ๑ ดลุ ๒ ขาวสาร ๑ โทณะ๓ มาแลว ฉนัเสียเอง ภิกษผุ บู อกรเู ขา จึงโจทภิกษุนัน้ วา ทานไมเ ปนสมณะ เธอไดมคี วามรังเกยี จวา เราตอ งอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เร่ืองน้นั แดพระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อ นภิกษุ เธอไมต องอาบัติปาราชกิ แตภกิ ษุไมพ งึ กลาววา ผมบอกตามท่ีทา นบอก รปู ใดกลาว ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. เรอื่ งนาํ แกว มณีลว งดานภาษี ๓ เรอื่ ง [๑๕๒] ๑. ก็โดยสมัยนนั้ แล บุรษุ ผหู น่งึ นาํ แกวมณีซึ่งมีราคามากเดนิ ทางไกลไปกบั ภกิ ษรุ ูปหนงึ่ คร้นั บุรษุ นนั้ เหน็ ดา นภาษี จงึ หยอนแกวมณีลงในถุงยา มของภิกษนุ ั้นผูไมร ตู วั เดินพน ดานภาษีไปแลว จึงถือนาํ ไปเองภิกษุน้ันไดมคี วามรงั เกยี จวา เราตอ งอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทูลเรื่องนนั้ แดพระผูมีพระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษุ เธอคิดอยางไร. ภิ. ขาพระพุทธเจา ไมรูต วั พระพุทธเจา ขา. ภ. ดูกอ นภกิ ษุ ภกิ ษผุ ไู มร ูตวั ไมต อ งอาบัต.ิ ๒. ก็โดยสมัยนน้ั แล บรุ ุษผหู น่งึ นาํ แกวมณีซึ่งมีราคามาก เดนิ ทางไกลไปกับภิกษุรปู หน่ึง คร้นั บรุ ษุ นั้นเหน็ ดา นภาษี จงึ ทาํ ลวงวา เปน ไข แลวไดใ หห อ ของของตนแกภิกษนุ นั้ ครั้นเดินทางพนดา นภาษไี ปแลว บรุ ุษน้นัจึงไดกลาวกะภกิ ษุนัน้ วา ทานผูเจรญิ ขอทานจงนาํ หอ ของของผมมา ผมหาไดเปนไขไ ม ภกิ ษนุ ้นั ถามวา ทา น ทานไดท าํ ทที า เชน นนั้ เพอื่ ประสงคอะไรบรุ ุษนนั้ ไดแจง ความแกภ ิกษนุ นั้ แลว เธอไดม คี วามรังเกียจวา เราตองอาบัติปาราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เรือ่ งน้ันแดพ ระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรสัถามวา ดูกอ นภิกษุ เธอคดิ อยา งไร.๑. ๔ ปต ถะเปน ๑ อาฬหก ๒. รอยปละเปน ๑ ดล ๓. สอี่ าฬหกเปน ๑ โทณะ.

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 59 ภิ. ขาพระพุทธเจาไมร ู พระพทุ ธเจา ขา ภ. ดูกอ นภกิ ษุ ภกิ ษผุ ูไ มรู ไมตอ งอาบตั .ิ ๓. กโ็ ดยสมยั นน้ั แล ภกิ ษุรปู หนึง่ เดนิ ทางไกลไปกบั พวกเกวียนบุรุษคนหนง่ึ เกลีย้ กลอ มภกิ ษุนัน้ ดวยอามสิ แลว เห็นดา นภาษี จงึ สง แกวมณีซ่งึ มรี าคามากใหแ กภ กิ ษนุ ้นั ดว ยขอรอ งวา ทานผูเ จริญ ขอทา นจงชว ยนําแกวมณนี ีผ้ านดา นภาษีดวย จงึ ภิกษนุ น้ั นาํ แกวมณีนนั้ ใหผ านดา นภาษไี ปแลวไดม คี วามรังเกยี จวา เราตอ งอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เร่อื งน้นั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อ นภกิ ษุ เธอตอ งอาบตั ิปาราชกิ แลว. เรื่องปลอยหมู ๒ เร่ือง [๑๕๓] ๑. ก็โดยสมัยนน้ั แล ภกิ ษุรูปหนง่ึ มคี วามสงสาร ไดป ลอ ยหมูทีต่ ิดบวงไปแลว มีความรังเกยี จวา เราตอ งอาบตั ิปาราชิกแลว กระมังหนอจงึ กราบทูลเรื่องนน้ั แดพระผูมีพระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดูกอ นภกิ ษุ เธอคิดอยา งไร. ภ.ิ ขา พระพุทธเจามีความประสงคจ ะชวยเหลอื พระพุทธเจา ขา. ภ. ดูกอ นภกิ ษุ ภิกษุผมู ีความประสงคจะชวยเหลือ ไมตองอาบตั .ิ ๒. กโ็ ดยสมัยนั้นแล ภิกษุรปู หนง่ึ มไี ถยจติ ไดป ลอยหมทู ต่ี ิดบว งไปเสยี กอ นดวยคดิ วา พวกเจาของจะเหน็ แลว มคี วามรังเกียจวา เราตอ งอาบตั ปิ าราชกิ แลว กระมังหนอ จึงกราบทูลเรือ่ งนน้ั แดพ ระผูมีพระภาคเจา ๆตรัสถามวา ดกู อ นภกิ ษุ เธอคิดอยางไร. ภ.ิ ขา พระพุทธเจา มีไถยจิต พระพุทธเจา ขา. ภ. ดูกอ นภิกษุ เธอตองอาบัตปิ าราชกิ แลว .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 60 เรื่องปลอยเน้อื ๒ เร่ือง ๑. กโ็ ดยสมัยนัน้ แล ภกิ ษรุ ูปหน่งึ มีความสงสาร ไดป ลอยเนอื้ ทตี่ ดิบว งไปแลว มีความรงั เกียจวา เราตอ งอาบัติปาราชกิ แลว กระมังหนอ จึงกราบทลู เร่อื งน้นั แดพระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดูกอนภกิ ษุ เธอคิดอยางไร. ภ.ิ ขาพระพทุ ธเจามคี วามประสงคจะชว ยเหลือ พระพทุ ธเจา ขา. ภ. ดูกอ นภกิ ษุ ภิกษผุ ูม ีความประสงคจ ะชว ยเหลือ ไมตอ งอาบัต.ิ ๒. ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษรุ ปู หนึ่งมีไถยจติ ไดปลอยเนอ้ื ที่ตดิ บว งเสียกอ นดวยคิดวา พวกเจา ของจะเห็น แลว มคี วามรงั เกียจวา เราตองอาบัติปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรอื่ งนั้นแดพ ระผูม พี ระภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดกู อ นภกิ ษุ เธอคิดอยา งไร. ภ.ิ ขาพระพุทธเจา มีไถยจติ พระพทุ ธเจา ขา. ภ. ดกู อนภิกษุ เธอตอ งอาบตั ิปาราชกิ แลว. เรื่องปลอ ยปลา ๒ เร่อื ง ๑. ก็โดยสมัยนน้ั แล ภิกษรุ ปู หนึง่ มีความสงสาร ไดป ลอ ยปลาทต่ี ดิลอบไป แลว มีความรงั เกียจวา เราตอ งอาบตั ปิ าราชกิ แลว กระมังหนอ จงึกราบทลู เร่อื งนัน้ แดพ ระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษุ เธอคดิอยา งไร. ภิ. ขาพระพุทธเจามีความประสงคจ ะชว ยเหลอื พระพุทธเจา ขา. ภ. ดกู อนภกิ ษุ ภิกษุผมู คี วามประสงคจะชว ยเหลอื ไมตอ งอาบัต.ิ

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 61 ๒. ก็โดยสมยั นัน้ แล ภิกษุรปู หน่ึงมีไถยจติ ไดป ลอยปลาท่ตี ดิ ลอบไปเสยี กอ น ดว ยคิดวา พวกเจาของจะเหน็ แลวมีความรงั เกียจวา เราตอ งอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เร่อื งนนั้ แดพ ระผูมพี ระภาคเจา ๆตรัสถามวา ดกู อนภกิ ษุ เธอคิดอยางไร. ภิ. ขาพระพทุ ธเจา มไี ถยจติ พระพทุ ธเจา ขา . ภ. ดูกอนภกิ ษุ เธอตองอาบตั ปิ าราชกิ แลว . เรื่องกลง้ิ ทรพั ยในยาน [๑๕๔] กโ็ ดยสมัยน้ันแล ภกิ ษรุ ปู หนึง่ เหน็ ทรัพยใ นยานแลว คิดวาเราถือเอาไปจากยานนจ้ี ักเปนปาราชกิ จึงเขีย่ ใหกล้งิ ถอื เอาไป แลว มคี วามรงั เกียจวา เราตอ งอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จงึ กราบทลู เรอื่ งนั้นแดพระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อนภกิ ษุ เธอตอ งอาบัตปิ าราชกิ แลว . เรอื่ งชิ้นเนื้อ ๒ เรอ่ื ง [๑๕๕] ๑. กโ็ ดยสมัยนัน้ แล ภิกษุรูปหนงึ่ ไดถ ือเอาชิน้ เนอ้ื ทีเ่ หยีย่ วเฉ่ยี วไป ดว ยต้ังใจวา จกั ใหแกพวกเจาของ ๆ โจทภิกษนุ ้ันวา ทา นไมเปนสมณะ เธอมีความรังเกยี จวา เราตอ งอาบัติปาราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทูลเรอื่ งนนั้ แดพระผูม ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุ ภกิ ษุผหู าไถยจติ มิได ไมต อ งอาบัติ. ๒. กโ็ ดยสมัยนนั้ แล ภกิ ษรุ ูปหน่งึ มไี ถยจติ ถอื เอาชิ้นเนือ้ ที่เหยี่ยวเฉ่ยี วไปเสียกอน ดว ยคิดวา พวกเจา ของจะเห็น พวกเจาของโจทภกิ ษนุ นั้ วาทานไมเ ปนสมณะ เธอมคี วามรังเกียจวา เราตอ งอาบัตปิ าราชิกแลวกระมงั หนอจึงกราบทูลเรือ่ งน้ันแดพ ระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตองอาบตั ปิ าราชกิ แลว.

พระวินยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 62 เร่อื งไม ๒ เรอ่ื ง [๑๕๖] ๑. กโ็ ดยสมยั นั้นแล คนทง้ั หลายผกู ไมแ พแลวใหลอยไปตามกระแสในแมน ้าํ อจิรวดี เม่ือเคร่ืองผกู ขาด ไมไดลอยกระจายไป ภกิ ษทุ ้ังหลาย มีความสาํ คัญวาเปนของบังสกุ ุล จึงชวยกนั ขนขึ้น พวกเจา ของโจทภิกษเุ หลา น้ันวา พวกทานไมเปนสมณะ ภกิ ษุเหลานน้ั มคี วามรงั เกยี จวาพวกเราตองอาบัติปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรือ่ งนัน้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ภกิ ษผุ มู คี วามสําคัญวาเปน ของบงั สุกลุ ไมตอ งอาบตั ิ. ๒. ก็โดยสมัยนนั้ แล คนทั้งหลายผูกไมแ พแลว ใหล อยไปตามกระแสในแมน ํา้ อจริ วดี เม่ือเครือ่ งผกู ขาด ไมไ ดลอยกระจายไป ภกิ ษุทง้ั หลายมีไถยจติ ชว ยกนั ขนขน้ึ เสยี กอนดว ยคดิ วา พวกเจา ของจะเหน็ พวกเจาของโจทภกิ ษุเหลา นั้นวา พวกทานไมเปน สมณะ ภกิ ษเุ หลาน้ันมีความรังเกยี จวาพวกเราตองอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรือ่ งนน้ั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย พวกเธอตองอาบตั ิปาราชิกแลว . เรือ่ งผา บังสุกุล [๑๕๗] กโ็ ดยสมัยนน้ั แล คนเลย้ี งโคคนหนึ่งพาดผา สาฎกไวทีต่ นไม แลวไปถา ยอุจจาระ ภกิ ษุรูปหนง่ึ มีความสําคัญวาเปน ผาบังสุกลุ จึงถือเอาไปคนเลยี้ งโคนนั้ โจทภิกษนุ ั้นวา ทา นไมเ ปน สมณะ เธอไดม ีความรังเกียจวา เราตอ งอาบตั ิปาราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรือ่ งนัน้ แดพ ระผูมพี ระ-ภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอนภิกษุ ภิกษุผมู คี วามสําคัญวาเปน ของบงั สุกลุ ไมตองอาบัติ.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 63 เรือ่ งขา มนํา้ ๒ เรือ่ ง [๑๕๘] ๑. ก็โดยสมยั นนั้ แล ภิกษรุ ูปหนึง่ กําลังขา มนํ้า ผาสาฎกที่หลดุ จากมือของพวกชา งยอม ไปคลองอยูที่เทา ภิกษุ ๆ นั้นเกบ็ ไว ดวยตั้งใจวาจกั ใหแ กพวกเจา ของ ๆ โจทภิกษนุ ้นั วา ทานไมเ ปน สมณะ ภิกษุนั้นมคี วามรังเกยี จวา เราตองอาบัตปิ าราชกิ แลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรือ่ งนั้นแดพระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดกู อ นภิกษุ ภกิ ษุผูหาไถยจติ มไิ ด ไมต อ งอาบัต.ิ ๒. ก็โดยสมยั นน้ั แล ภกิ ษุรูปหน่ึงกําลงั ขา มนาํ้ ผาสาฎกท่ีหลดุ จากมอืของพวกชา งยอม ไดไ ปคลองอยทู ี่เทาภิกษุ ๆ น้ันมีไถยจิตยึดเอาไวเสยี กอนดว ยคดิ วา พวกเจา ของจักเห็น พวกเจา ของโจทภกิ ษนุ ัน้ วา ทานไมเ ปน สมณะภิกษนุ ้ันมคี วามรังเกียจวา เราตอ งอาบัตปิ าราชกิ แลว กระมังหนอ จึงกราบทูลเรอื่ งนั้นแดพระผูมีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตองอาบัตปิ าราชกิแลว. เรือ่ งฉนั ทลี ะนอ ย [๑๕๙] ก็โดยสมยั นน้ั แล ภิกษรุ ปู หนงึ่ เหน็ หมอเนยใสแลว ฉันเขาไปทลี ะนอย ๆ แลวมีความรังเกยี จวา เราตองอาบตั ปิ าราชกิ แลวกระมังหนอ จงึกราบทลู เรอื่ งนั้นแดพระผูม พี ระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อนภิกษุ เธอไมตองอาบัตปิ าราชกิ แตตองอาบตั ทิ ุกกฏ. เร่ืองชวนกนั ลกั ทรัพย ๒ เรื่อง [๑๖๐] ๑. ก็โดยสมยั นน้ั แล ภกิ ษหุ ลายรปู ชักชวนกันไป ดว ยตัง้ ใจวาจักลกั ทรพั ย ภิกษรุ ูปหน่ึงลักทรพั ยม าได ภิกษุเหลา นน้ั กลาวอยางนว้ี าพวกเราไมเปน ปาราชกิ รูปใดลัก รูปนัน้ เปนปาราชกิ แลวกราบทูลเรอ่ื งน้นั









































พระวินยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 84 ในคาํ วา อถโข อายสมฺ า ธนโิ ย เปน ตน มคี วามสงั เขปดังตอไปน้ี:- พระธนิยะ น่ังพักกลางวันอยทู ข่ี าง ๆ หนงึ่ จงึ ไดมาเพราะเสียงนัน้แลวถามภิกษุเหลานน้ั วา อาวุโส! พวกทา นทําลายกุฎขี องผม เพือ่ อะไร?แลวไดฟ ง วา พระผมู ีพระภาคเจา รับสงั่ ใหพ วกกระผมทําลาย จงึ ไดยอมรบัเพราะเปน ผวู างาย. ถามวา กเ็ พราะเหตไุ ร พระผมู ีพระภาคเจา จงึ รับสัง่ ใหทาํ ลายกุฎีที่พระเถระนี้ทาํ ดว ยความอุตสาหะอยางใหญย ่งิ เพื่อเปนท่อี ยูข องตน, แมก ารงาน( คอื สิ่งของเชนบานประตเู ปนตน ) ท่ียงั ใชก ารได ในกฎุ นี ีข้ องพระเถระนนั้มอี ยมู ใิ ชหรือ ? แกวา มีอยู แมกจ็ ริง ถงึ กระนน้ั พระผูม พี ระภาคเจาทรงเขา พระทยัวา กุฎีท่พี ระธนยิ ะทาํ นี้ เปน ของไมสมควร จงึ รบั ส่งั ใหทําลายกุฎีนั้นเสีย คือที่รับส่งั ใหท าํ ลายเสีย เพราะวา เปนธงของเดียรถยี . ในอธกิ ารวา ดว ยการทําลายกุฎนี ้ี มวี นิ จิ ฉัยเทาน.ี้ สว นในอรรถกถาพระอาจารยท้งั หลายกลา วเหตุหลายอยา งแมอ ืน่ มีอาทวิ า เพ่ือความเอ็นดูสัตวเพอื่ ตองการรักษาบาตรและจีวร เพื่อปองกันความเปนผูมีเสนาสนะมาก.เพราะฉะนน้ั แมใ นบัดนี้ ภิกษุรูปใดเปนพหสู ตู รูพระวนิ ัย พบเห็นภกิ ษุรปูอืน่ ผถู ือบรขิ ารท่ีเปน อกปั ปย ะเที่ยวไปอยู ควรใหเ ธอตดั หรอื ทาํ ลายบริขารที่ไมควรน้นั เสยี , ภิกษรุ ูปน้ันอันใคร ๆ จะยกโทษขน้ึ วากลาวไมได คือจะพึงทกั ทว งไมไ ด จะพึงใหเ ธอใหการไมไ ด ทง้ั ใคร ๆ ไมไดเพือ่ จะวากลาวเธอวาทานทําใหบ รขิ ารของผมฉิบหายแลว , จงใหบ รขิ ารนน้ั แกก ระผม.

พระวนิ ัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 85 [ ขอ แนะนําเร่ืองการใชรม และจีวร ] ในอธิการวา ดว ยทตุ ยิ ปาราชิกน้ัน มวี นิ ิจฉัยบริขารที่เปนกัปปย ะ และอกปั ปยะนอกจากบาลีดังตอ ไปนี้ :- ชนบางพวก เอาดายเบญจพรรณเยบ็ รมใบตาลติดกนั ท้ังภายในภายนอก แลว ทาํ ใหมสี เี กลย้ี งเกลา, รม เชนนน้ั ไมค วร. แตจะเอาดา ยอยางใดอยา งหนงึ่ จะเขียวหรอื เหลอื งซ่ึงมสี อี ยา งเดียวกนั เย็บติดกนั ท้งั ภายในและภายนอก หรือจะมดั ซกี่ รงตรึงยดึ คนั รมไว ควรอย.ู ก็แล การเย็บและการมดั รวมกนั ไวนน้ั เพอื่ ทําใหทนทานจงึ ควร เพอ่ื จะทาํ ใหม ีสีเกลีย้ งเกลา ไมค วร,ในใบรม จะสลกั รูปฟน มงั กร หรือรปู พระจันทรครง่ึ ซีกติดไว ไมค วร. ที่คันรม จะมีรปู หมอน้าํ หรือรูปสตั วรา ย เหมอื นทเ่ี ขาทําไวใ นเสาเรอื น ไมควร. แมห ากวาทค่ี นั รม ท้งั หมด เขาเอาเหล็กจารเขียนสลักลวดลายไวไซร,แมลวดลายน้ัน ก็ไมควร. รูปหมอน้ําก็ดี รปู สัตวร า ยกด็ ี ควรทําลายเสยี กอ นจงึ ใช ควรขูดลวดลายแมน ้นั ออก หรือเอาดายพนั ดามเสยี . แตทโ่ี คนดา มจะมสี ณั ฐานเหมือนเหด็ หวั งู ควรอยู. พวกชา งทํารม เอาเชือกมัดวงกลมของรม ผกู มดั ไวท ่ีคนั เพอ่ื กันไมใหโยกเยก เพราะถูกลมพดั . ในท่ี ๆ ผกู มดั ไวนน้ัเขายกตงั้ วางลวดลายไว เหมอื นวลยั , ลวดลายนั้น ควรอยู. พวกภกิ ษเุ อาดา ยสตี าง ๆ เยบ็ เปนรปู เชน กบั รูปตะขาบ เพอ่ื ตองการประดับจีวร ตดิ ผา ดามก็ดี ทํารปู แปลกประหลาดท่เี ยบ็ ดว ยเขม็ อยา งใดอยา งหนงึ่ แมอน่ื ไวก ็ดี รปู ชอ งผมหรือรปู โซไวท ีร่ ิมตะเข็บ หรือทช่ี ายผา ( อนวุ าตจวี ร ) กด็ ี วิธที ่กี ลา วมาแลว น้ันเปนตนท้ังหมด ยอ มไมควร. การเยบ็ ดวยเข็มตามปกติน่ันแหละ จึงควร. เขาทําผา ลูกดมุ และผาหว งลกู ดมุ ไว ๘ มมุ บาง ๑๖ มุมบาง, ทล่ี กู ดมุ

พระวินยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 86และรงั ดมุ นนั้ กแ็ สดงรูปตาง ๆ มีรูปคลา ยเจดยี ช ื่ออัคฆิยะ รปู คทาและรปู ไมพลองเปนตนไว, เยบ็ ยกเปนรปู ตาปไู ว ; วิธีทาํ ท้งั หมดไมควร จะทําผา ลูกดุมและหวงลกู ดมุ ไวเพยี ง ๔ มมุ เทา นัน้ จงึ ควร. [ วิธีซักและยอมจวี ร ] ดา ยมุมและปมเทียว เปนของท่ีรูไดยากในเมอ่ื ยอ มจวี รแลวสมควรอยู.จะใสจีวรลงในน้ําตางๆ มนี ้ําสม ผะอมู แปง และน้ําขาวเปน ตน ไมควร. แตในเวลาทาํ จวี ร จะใสลงเพ่อื ซักเหงอ่ื มือและสนิมเข็มเปนตน และในเวลาท่ีจวี รสกปรกจะใสล งเพ่ือซกั ใหส ะอาด ก็ควร จะใสข องหอม ครงั่ หรอื นาํ้ มนั ลงในนํ้ายอ มไมควร. อันภกิ ษุยอ มจีวรไมค วรเอาสังขห รอื แกวมณีหรอื วัตถุอยางใดอยา งหนง่ึ ทบุ จวี ร ไมควรคุกเขา ทัง้ สองลงท่ีพนื้ ดนิ แลวเอามอื ท้ังสองจบั จวี รขัดถแู มท ่รี างยอ ม แตจะวารจีวรไวท ีร่ างยอมหรอื บนแผนกระดาน แลว ใหจบัชายทั้งสองรวมกันไว เอามือทบุ สมควรอย.ู แมการทุบนัน้ ก็ไมควรเอากําปน ทบุ . แตพระเถระในปางกอนทั้งหลายไมไ ดว า'จวี รไว แมท ีร่ างยอ มเลยคือรปู หน่ึงเอามอื จบั จีวรยนื อีกรปู หน่งึ วางจีวรไวบ นมือ แลว จงึ เอามอืทบุ ไมควรทบุ เสน ดา ยท่ีหจู วี ร. ในเวลายอมเสรจ็ แลว ควรตดั ทิง้ เสยี .สวนดายท่ีพระผูมพี ระภาคเจา ทรงอนญุ าตไวอยางนีว้ า ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย !เราอนญุ าตเสน ดา ยท่หี ูจีวร ดังนี้นั้น ควรทําใหเ ปนบว งผกู ไวท่ีอนุวาต เพื่อคลองจวี รไวใ นเวลายอม. แมท ี่ลกู ดุมจะมลี วดลายหรอื ขอดปนไว เพื่อทาํ ใหสวยงาม ไมค วร ตองทาํ ลายเสียกอนจงึ ควรใชส อย. [ บรขิ ารท่ีควรใชแ ละไมค วรใช ] ทบี่ าตรหรอื ถลกบาตร จะเอาเหล็กจารเขยี นลวดลาย หรือจะเขียนไวท้ังภายในภายนอกกต็ าม, ลวดลายน้ัน ไมค วร จะยกบาตรข้นึ กลึงใหเ กลย้ี ง

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 87เกลา แลวจงึ ระบม ดวยคิดวา จักทาํ ใหมสี ีดุจแกวมณี ไมค วร. สว นบาตรท่มี ีสีเหมือนนํ้ามัน ควรอยู. จะวาในบังเวียนรองบาตร บงั เวยี นรองบาตรที่มีรปู ภาพบุรษุ ผูภักด*ี ไมควร แตทีเ่ ปน รูปฟน มงั กร ควรอย.ู สาํ หรับธมกรกและรม จะมลี วดลายไวขา งบนหรือขา งลาง หรือภายในกระพงุ ธมกนกกต็ าม ไมควร. แตรม นั้น จะมลี วดลายไวที่ขอบปากรมควรอย.ู เพอื่ จะใหประคดเอวงดงาม จะทุบดายใหพ องขน้ึ เปนสองเทา ในท่ีน้นั ๆ คอื ทําใหนนู ข้ึนเปนลวดลายตาปู ขอ นั้น ไมควร. แตท่ีสดุ ท้ังสองขางจะทบุ ใหพองขึน้ เปนสองเทา เพอื่ ความทนทานแหง ปากชายผา ควรอย.ู สว นทปี่ ากชายผา จะทาํ รปู แปลกปลาดอยา งใดอยางหนึง่ ไวจ ะเปน รูปหมอ นํา้ กต็ ามรปู หนา มงั กรก็ตาม รปู ศรี ษะงนู ้าํ ก็ตาม ไมค วร. แมประคดเอวท่เี ขาแสดงรปู ตาชา งไว หรือ ท่เี ขาทบุ ทาํ เปน รูปลวดลายดอกไมเ ปน ตนไวใ นทนี่ ัน้ ๆไมค วร. แตจะทบุ ทําเปน เงย่ี งปลากระเบนกต็ าม เปน ในแปงกต็ าม เปนแผนผา ท่ีเกล้ยี งเกลาก็ตามไวต รง ๆ เทานนั้ จงึ ควร. ประคดเอวมชี ายเดียว สมควร,มี ๒-๓ แมถ งึ ๔ ชายก็สมควร เกนิ กวา นั้นไป ไมค วร. ประคดเอวท่ีทาํดว ยเชือกเสน เดียวเทา นัน้ จึงควร. สว นทม่ี สี ัณฐานดจุ สายสงั วาล แมเสนเดียวก็ไมค วร. แตชายแมจ ะมสี ัณฐานดจุ สงั วาล กค็ วร. ประคดเอวทเี่ ขาเอาเชอื กมากเสนรวมกนั เขา แลว เอาเชือกอกี เสนหน่งึ พันรอบไวท กุ ๆ ระหวางไมค วรเรียกวา เปน ประคดเอวท่ีมีเชอื กมากเสน. การผูกประคดเอวทมี่ เี ชอื กมากเสนนน้ั ควรอยู.* ศัพทวา ภต?ติกม?ม นี้ ไดแ ปลไวต ามอรรถโยชนา ๑/๒๘๔. แตท ี่มาเดมิ ของเร่ืองน้ี ตามฉบับ ม. ย.ุ เปน ภตกิ มมฺ กตานิ แปลวา บงั เวยี นของบาตรท่จี า งเขาทํา (ใหมีลวดลายเปนรูปภาพ) มาใน วิ. จุลลวรรค. ๗/๑๗-๑๘.

พระวินยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 88 ทล่ี ูกถวินของประคดเอว จะมีรปู แปลก ๆ อยางใดอยา งหน่งึ มรี ปูมงคล* ๘ เปน ตน ไมค วร จะมีเพียงรอบพอเปนเครอื่ งกําหนด ควรอยู. ในชายทัง้ สองของลูกถวนิ เขาทาํ แมเปน รูปหมอ น้ําไว เพอื่ ทําใหท นทาน, รูปหมอน้ี ก็ควร. [ กลองยาตาทค่ี วรใชและไมค วรใช ] ท่ีกลอ งยาตา จะมีรูปสตรี บรุ ษุ สตั ว ๔ เทา และรูปนกกต็ าม จะมีรูปแปลก ๆ ตางประเภทเปนตนวา ลายดอกไม ลายเถาวัลย ฟน มงั กร มูตรโคและรปู พระจันทรครึ่งซกี ก็ตาม ไมควร. รูปท่กี ลองยาตา ควรขดู หรือตดัออกเสยี หรอื เอาดายพนั ปดไว โดยอาการทร่ี ูปจะปรากฏไมไ ด พงึ ใชสอยเถิด.สวนกลองยาตา ๔ เหลี่ยม ๘ เหลีย่ ม หรือ ๑๖ เหล่ยี มตรง ๆ เทาน้นั จงึ ควร.แมข า งลา งกลอ งยาตานนั้ จะมลี วดลายกลม ๆ ไวเ พียง ๒ หรือ ๓ แหง ก็ควร.ถึงแมท ี่คอกลองยาตานัน้ จะมลี วดลายกลม ๆ ไวเพยี ง ๑ แหง เพื่อผกู ฝาปดก็ควร. แมท ไ่ี มป า ยยาตา จะมลี วดลายท่ีมสี เี กลี้ยงเกลา ไมค วร. ถึงแมถ งุกลอ งยาตาจะมีลวดลายท่ีมสี เี กล้ียงเกลา ดวยดา ยมีสตี าง ๆ ชนิดใดชนดิ หนึ่งไมควร. [ ฝกกญุ แจและบรขิ ารเบ็ดเตล็ดที่ควรใชและไมค วรใช ] แมฝก กุญแจ กม็ นี ัยอยา งนเ้ี หมือนกัน. ท่ตี วั กญุ แจ จะมีลวดลายท่ีมสี ีเกลย้ี งเกลาไมควร. ทฝ่ี ก มดี โกนกเ็ หมอื นกัน. อนง่ึ ทฝ่ี กมีดโกนน้ี จะเปนชนดิ ไร ๆ กต็ าม ท่เี ยบ็ ดว ยดา ยสีเดยี วอยา งใดอยา งหนึง่ ควรอยู.* รูปมงคล ๘ คอื สงั ข ๑ จักร ๑ หมอ นํา้ ที่เตม็ ๑ แมนาํ้ คยา ๑ ลกู โคมสี ิริ ๑ ขอ ๑ ธง ๑ผา อยา งดี ๑ สารัถทปี นี ๒/๑๘๘.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 89 แมท ีเ่ หล็กหมาด* จะมีปุมแกวกลม ๆ หรอื วตั ถุอยางอื่นทม่ี ีสีเกลี้ยงเกลากต็ าม ไมควร. สว นท่คี อ จะมลี วดลายพอเปนเคร่ืองกาํ หนด ( คอื เปนทีส่ ังเกต ) ควรอย.ู แมทก่ี รรไกร จะวางปมุ แกว หรือปุม ชนดิ ใดชนิดหน่ึงไวก ต็ าม ไมค วร.สว นทด่ี า มจะมีลวดลายพอเปน เครอ่ื งกําหนด ควร. มีดตดั เล็บท่ีเขาทาํ ใหมีรอยขีดไวเทา นัน้ ; เพราะฉะนัน้ การทาํ ใหมรี อยขีดไวนน้ั ยอมควร. ท่ีไมส ไี ฟตวั ผูกด็ ี ท่ีไมส ีไฟตัวเมยี กด็ ี ที่ลูกธนูกด็ ี ที่บนคนั ลุง(ไมส ีไฟน้นั ) ก็ดี จะมลี วดลายอยางใดอยางหนึง่ เชนลวดลายดอกไมเปนตนทีม่ ีสีเกลีย้ งเกลา ไมควร. สวนตรงกลางคันลงุ มวี งกลม, ท่ตี ัววงกลมนนั้จะมเี พียงลวดลายพอเปนเครอื่ งกาํ หนด กค็ วร. พวกชนสรางแหนบสาํ หรับเปนเครอื่ งกดั ถูเข็มไว. ที่แหนบสําหรับกัดถเู ขม็ นัน้ จะมลี วดลายอยางใดอยางหนึ่ง เชน กับปากมังกรเปน ตน ทีม่ สี เี กล้ียงเกลา ไมควร. แตเ พอ่ื จะใหกดั เข็ม จะมีเพียงปากไวกไ็ ด, ปากมงั กรน้นั ยอมควร. แมที่มดี สาํ หรบั ตัดไมส ีฟน จะมีลวดลายอยางใดอยางหน่งึ ที่มีสีเกล้ียงเกลา ไมค วร ทขี่ างท้ังสอง หรอื ขา ง ๆ หน่งึ ( ของมีดนนั้ ) จะเอาโลหะที่เปนกปั ปยะผกู ไวเปน ๔ เหล่ยี ม หรอื ๘ เหลยี่ มตรง ๆ นน่ั แหละ จงึ ควร. แมท ีไ่ มเทา จะมลี วดลายอยา งใดอยา งหน่งึ ทีม่ สี เี กลยี้ งเกลาไมควร.ขา งใต ( ไมเทา ) จะมีลวดลายกลม ๆ ไวหนง่ึ แหง หรือสองแหง และขางบนจะมเี พยี งรูปเหด็ หัวงตู มู ไว ก็ควร. บรรดาภาชนะนํ้ามนั รปู ทีเ่ หลือแมทัง้ หมด ที่มลี วดลายเกล้ียงเกลา( ซึ่งมีอยู ) ท่ีภาชนะเขาก็ดี ทะนานก็ดี กระโหลกนา้ํ เตากด็ ี ขันจอกทรงมะขามปอมก็ดี เวนรปู ภาพสตรีและบรุ ษุ เสยี ยอมควร.* เหล็กหมาดน้ี ทา นอธิบายไวในสารตั ถทีปนี ภาค ๒/๑๘๘ไดแ ก มีดหรอื ศัสตราท่ีมปี กยาว มีไวเ พ่อื ซอมแซมคัมภีร.

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 90 ในบรรดาเครอ่ื งใชต า ง ๆ เหลา นี้ คือ เตียง ตัง่ ฟกู หมอนเคร่ืองลาดพืน้ แปรงเชด็ เทา ฟกู รองท่ีจงกรม ไมกวาด กระเชา เทหยากเยอ่ืรางยอ มผา กระบวยนํา้ ดื่ม หมอ นํา้ ด่มื กระเบอ้ื งเชด็ เทา ตง่ั กระดาน เชงิ วลยัเชิงรองไมส ะดงึ ฝาบาตร ขวั้ ใบตาลแลพัดวชี นจี ะมีลวดลายท่ีมีสีเกลีย้ งเกลามีลายดอกไมเปน ตน ทัง้ หมด กค็ วร. สว นในเสนาสนะ ที่บานประตูและบานหนาตางเปน ตน จะมลี วดลายทม่ี สี ีเกลีย้ งเกลาแมท ่สี ําเรจ็ ดว ยแกวทั้งหมด ก็ควร. ในเสนาสนะไมม ีลวดลายอะไร ๆ ทค่ี วรหา มไว เวนแตเ สนาสนะที่ผดิ . [ เสนาสนะทผี่ ิดควรทําลายเสีย ] เสนาสนะทพี่ วกภกิ ษุผเู ปน ราชพลั ลภ สรางไวใ นเขตของเจาของเขตเหลา อน่ื เรยี กช่ือวา เสนาสนะท่ีผดิ . เพราะฉะนั้น พวกภิกษุผูส รางเสนาสนะเชนนัน้ อันภกิ ษผุ ูเปนเจา ของเขตพึงตักเตือนวา พวกทา นอยาสรา งเสนาสนะไวในเขตของพวกขาพเจา ( ถา ) ไมเ ช่อื ฟง ยงั ขนื สรา งอยนู น่ั เอง พึงตกั เตือนซํ้าอกี วา พวกทา นอยา ไดท ําอยางน,้ี อยาไดทําอันตรายแกอ ุโบสถและปวารณาของขาพเจา, อยาไดท าํ ลายความสามัคคี เสนาสนะแมท ่ีพวกทา นสรา งไวแลว จักไมต้งั อยูในสถานที่ ๆ พวกทา นสรา งไวแ ลว ถา ยังขนื สรา งอยูโ ดยพลการนนั่ เอง, เวลาใด เจาของเขตเหลานนั้ มลี ชั ชบี รษิ ัทหนาแนน ข้ึน ท้งัอาจไดคาํ วนิ จิ ฉัยทชี่ อบธรรม, เวลานัน้ ควรสงขาวแกภ กิ ษนุ ้ันวา จงขนเอาทีอ่ ยขู องพวกทา นไปเถดิ ถาเมอ่ื สง ขา วไปถงึ ๓ ครง้ั แลว เธอเหลานั้นรอื้ ถอนไป ขอ นัน้ เปนการดี, ถายงั ไมร ้ือถอนไปไซร, เสนาสนะทเ่ี หลอื ควรทําลายเสยี ยกไวแตตนโพธิ และเจดยี , และอยาทําลายใหเปนของทใี่ ชก ารไมได. อนง่ึ ควรนาํ วตั ถุตา ง ๆ มเี ครอ่ื งมงุ หลังคา กลอนเรือนและอฐิ เปน ตน

พระวินยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 91ออกไปตามลาํ ดบั แลว ควรสงขา วแกเธอเหลานน้ั วา จงขนทพั สมั ภาระของพวกทา นไปเถิด. ถา ร้อื ขนไปไซร, ขอ น้ันเปนการด,ี ถา ยังไมร้ือขนไปไซร,หากวา เม่ือสัมภาระเหลานั้นผพุ งั ไป เพราะหมิ ะ ฝนและแดดเผาเปนตนกด็ ีพวกโจรลกั เอาไปกด็ ี ถกู ไฟไหมก ็ดี พวกภกิ ษุผเู ปนเจาของเขต ใคร ๆ จะกลาวโทษไมได ท้ังไมไ ดเพื่อจะทกั ทวงวา พวกทานทาํ ใหท ัพสัมภาระของพวกขาพเจาฉบิ หายแลว หรือวา ตอ งปรับสินไหมพวกทาน ดังน.้ี กก็ ิจใดที่ภกิ ษุผเู ปน เจาของเขตทําแลว กิจนัน้ เปนอนั พวกเธอทาํ ชอบแลวทีเดียวฉะน้นั แล. จบบาลีมตุ ตกวนิ จิ ฉัย

พระวินัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 92 พระธนยิ ะเร่มิ สรางกฎุ ีไม กเ็ พอ่ื แสดงถงึ ความรําพงึ และความอุตสาหะ เพ่อื สรา งกุฎอี กี น่ันแลของพระธนิยะ ในเม่ือกุฎถี ูกทําลายแลวอยา งน้นั พระธรรมสงั คาหกาจารยจงึ ไดกลาวคาํ วา อถโข อายสมฺ โต เปนตน. ในคาํ วา อายสฺมโต เปนตนนน้ั มีวนิ จิ ฉยั ดงั น้ี :- บทวา ทารุคเหคณโก ไดแ ก เจา พนักงานผรู กั ษาไมในเรอื นคลังไมของหลวง. บทวา คหณทารนู *ิ ไดแ ก ไมท่ีนายหลวงทรงจบั จองไว อธบิ ายวาไมท่ีพระราชาทรงสงวนไว. บทวา นครปฏิสงขฺ าริกานิ ไดแก ไมเปน เครอื่ งอุปกรณ การปฏสิ ังขรณ พระนคร. สองบทวา อาปทตถฺ าย นกิ ฺขติ ฺตานิ มีคาํ อธิบายวา ไดแกไ มท ่ีเก็บไวเพ่ือปองกันความวบิ ตั แิ หงวตั ถุทงั้ หลายมซี มุ ประตู ปอ มพระราชวังหลวงและโรงชา งเปนตน เพราะถกู ไฟไหม เพราะความเกา แก หรือเพราะการรกุ รานของพระราชาผูเปนขาศกึ เปน ตน ที่ทานเรียกวาอันตราย. สองบทวา ขณฑฺ าขณฑฺ กิ  เฉทาเปตวฺ า ความวา พระธนิยะกําหนดประมาณกฎุ ขี องตนแลว สั่งใหท าํ การตัดไมบางตน ที่ปลาย บางตนท่ีตรงกลาง บางตนทีโ่ คน ใหเปน ทอนนอ ยทอนใหญ ( บรรทุกเกวียนไปสรางกุฎไี มแลว ).* บาลเี ดมิ เปน เทวคหณทารูน.ิ

พระวนิ ัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 93 [ วัสสการพราหมณล งโทษเจา พนกั งานผูรักษาไม ] คาํ วา วัสสการ เปนช่ือของพราหมณนั้น. บทวา มคธมหามตโฺ ต ไดแก มหาอาํ มาตย คือ ผูประกอบดวยชั้นอสิ ริยยศอยางใหญ ในมคธรัฐ หรือมหาอาํ มาตยข องพระเจาแผน ดนิ มคธมอี ธิบายวา อํามาตยผ ูใ หญ. บทวา อนสุ ฺายมาโน ความวา วัสสการพราหมณ ไปตรวจดูในที่น้นั ๆ. คาํ วา ภเณ เปน คําของอิสรชนเรยี กคนผูด ํารงอยใู นฐานะตาํ่ . สองบทวา พนธฺ  อาณาเปสิ ความวา พราหมณ แมโดยปกติกเ็ ปน ผูม ีความริษยาในเจา พนกั งานผรู ักษาไมน นั้ อยูเทียว, พอเขาไดฟง พระ-ราชดาํ รัสวา จงใหคนเอาตัวมา ดังน้ี, แตเ พราะพระราชามไิ ดท รงรบั ส่งั วาจงใหเ รียกมนั มา ฉะนน้ั จึงทาํ การจองจําเจา พนกั งานผรู ักษาไมนน้ั ทมี่ อืและเทาทัง้ สอง แลว คดิ วา จักใหลงโทษ จึงใหจองจาํ ไว. ในคําวา อทฺทสา โข อายสฺมา ธนโิ ย น้นั ถามวา ทา นพระธนยิ ะไดเหน็ เจา พนกั งานผรู ักษาไม ถกู เจาหนา ท่ีจองจาํ นําไป ดวยอาการอยางไร ? แกวา ไดย นิ วา ทานพระธนยิ ะนนั้ ทราบวาเปนเพราะไมท ี่เจาพนักงานนําไปถวายดว ยเลศของตน คิดวา เจา พนกั งานคนน้จี กั ถูกฆา หรอืจองจาํ จากราชตระกลู เพราะเหตุแหง ไมทั้งหลาย โดยไมต อ งสงสยั จึงคิดข้ึนไดในเวลานนั้ วา เราคนเดียวเทานนั้ จักปลดเปลื้องเจาพนักงานคนนั้น แลวเทีย่ วคอยฟง วา ขา วของเขาอยูเปนนติ ยกาลน่ันแล เพราะฉะนนั้ ทา นพระธนิยะจงึ ไดไ ปเห็นเจาพนักงานคนนน้ั ในขณะน้นั นั่นแล เพราะเหตุน้ัน พระธรรม-สงั คาหกาจารย จึงกลาวไวว า อททฺ สา โข อายสฺมา ธนโิ ย ดังน้ีเปนตน .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 94 สองบทวา ทารนู  กจิ จฺ า ความวา เพราะเหตุแหง ไมท้ังหลาย. สองบทวา ปรุ ห หฺามิ ความวา กระผมจะถกู กําจดั จากบรุ .ีอธิบายวา พระคณุ ทา น ควรไปตลอดเวลาท่ีกระผมยังมไิ ดถ ูกกําจดั . ศพั ทวาอิงฺฆ ในคาํ วา อิงฺฆ ภนฺเต สราเปหิ น้เี ปน นิบาต ลงในอรรถวาทักทวง. บทวา ปมาภสิ ิตฺโต ความวา ครง้ั พระองคเ สดจ็ เถลงิ ถวลั ราชยความแรก. หลายบทวา เอวรูป วาจ ภาสติ า มคี วามวา ครัง้ พระองคเสด็จเถลิงถวลั ยราชยคราวแรกนัน่ เอง ไดทรงเปลง พระวาจาเชน นว้ี า หญาไมและนา้ํขา พเจา ถวายแกสมณพราหมณทัง้ หลายแลวแล, ขอสมณะพราหมณทง้ั หลายโปรดใชส อยเถิด มีคําอธบิ ายวา ขอถวายพระพร ! พระองคไ ดตรัสพระวาจาใดไว พระวาจานนั้ พระองคตรัสเองทีเดยี ว บัดน้ี ยงั ทรงระลึกไดห รอื ไม ? ไดย ินวา พระราชาท้งั หลาย พอสกั วา เสดจ็ เถลงิ ถวัลยราชยสมบัติเทา น้นั กท็ รงรบั สัง่ ใหเ ท่ียวตกี ลองธรรมเภรปี ระกาศวา หญาไมแ ละน้ําขา พเจาถวายแกส มณะพราหมณท ั้งหลายแลว แล, ขอสมณะและพราหมณทง้ั หลาย โปรดใชสอยเถิด ดังน,้ี พระธนยิ ะเถระนกี้ ลา วหมายเอาพระราชดํารัสนน้ั . หลายบทวา เตส มยา สนฺธาย ภาสิต มีอธบิ ายวา โยมไดกลา วคําอยา งนนั้ หมายถงึ การนําหญาไมแ ละน้ําไปของสมณะพราหมณเ หลานนั้ผมู ีความรงั เกียจแมในเหตุเลก็ นอย ซงึ่ เปน ผูสงบและลอยบาปแลว หาไดหมายถงึ การนําไปของบุคคลผูเชนพระคณุ เจาไม. หลายบทวา ตจฺ โข อรฺเ อปริคคฺ หิต มคี วามวา พระเจาพิมพิสาร ทรงแสดงพระประสงควา อันนัน่ โยมกลาวหมายเอาหญา ไมและน้ําอนั ใคร ๆ มไิ ดหวงแหน ซึง่ มีอยูในปา ตางหาก.

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 95 ในคาํ วา โลเมน ตวฺ  มุตฺโตสิ นี้ มีวินจิ ฉัยดังนี้ :- ขนเหมอื นขน, ก็ขนนน้ั คอื อะไร ? คือ บรรพชาเพศ. พระเจา -พมิ พสิ าร ตรัสอธบิ ายไวอ ยางไร ? ตรสั อธิบายไวอยา งนคี้ อื :- เปรยี บเหมอื นพวกนกั เลงปรึกษากนั วา พวกเราจกั เค้ียวกินเน้ือแลว จึงจับแพะตวัมีขนซึ่งมรี าคามากไว, บุรษุ ผูรูด ีคนหน่ึง พบเหน็ แพะตวั ท่ีถูกจบั ไวนั้นนี้จงึ คดิ วา เนอื้ แพะตัวน้ี มีราคาเพยี งกหาปณะเดยี ว, แตข นของมนั ทุก ๆ เสนขนมรี าคาต้ังหลายกหาปณะ จงึ ไดใหแพะเขาไป ๒ ตวั ซ่ึงไมม ีขน แลวพงึรับเอาแพะตัวทีม่ ีขนนั้นไป, ดว ยอาการอยา งน้ี แพะตวั นนั้ พงึ รอดพนดวยขนเพราะอาศัยบรุ ุษผรู ดู ี ขอนีช้ ือ่ ฉันใด, ตวั พระคุณเจา ก็เปนฉันนน้ั เหมือนกันเปนผคู วรถกู ฆา และจองจํา เพราะทํากรรมน้ี, แตเ พราะพระคณุ เจา มธี งชัยพระอรหันต มีสภาวะอันสตั บุรุษไมพึงดูหมนิ่ ได และเพราะพระคุณเจาบวชในพระศาสนา ทรงไวซึ่งธงชัยแหงพระอรหนั ต เปนบรรพชาเพศ ; เหตนุ ั้นพระคุณเจาจึงรอดตัวดว ยขนคือบรรพชาเพศนี้ เหมอื นแพะรอดพนดว ยขนเพราะอาศยั บุรุษผรู ูดี ฉะนน้ั . [ ประชาชนเพงโทษตเิ ตียนเหลา สมณศากยบตุ ร ] สองบทวา มนุสฺสา อชุ ฺฌายนฺติ ความวา เม่อื พระราชาทรงรบั สง่ัอยใู นบริษทั มนุษยท ัง้ หลายในสถานท่ีนัน้ ๆ ครนั้ ไดฟง พระราชดาํ รัส ท้งั ตอพระพักตรแ ละลับพระพักตรแลว ยอมเพงโทษ คอื ดหู มน่ิ ไดแก เมอื่ ดูหมิน่ก็เพง จอ งดูพระเถระนั้น, อน่งึ หมายความวา ยอมคิดไปทางความลามก. บทวา ขยี นตฺ ิ ความวา ยอมพดู คือ ประจานโทษของพระเถระนั้น. บทวา วปิ าเจนตฺ ิ ความวา แตงเร่ืองใหก วา งขวางออกไป คอืกระจายขา วใหแ พรสะพดั ไปในสถานทที่ กุ แหง . กแ็ ล ผศู กึ ษาควรทราบเน้ือความน้ี ตามแนวคมั ภรี ศ ัพทศาสตร

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 96 อนง่ึ ในคําวา อชุ ฺฌายนตฺ ิ เปน ตนนี้ มีโยชนาดงั น้ี คอื มนษุ ยทัง้ หลาย เมื่อคิดถึงเรอื่ งราวเปน ตนวา พระสมณศากยบตุ รเหลา นี้ เปนผูไมม คี วามละอาย ดงั น้ี ชื่อวา ยอ มเพงโทษ, เมื่อกลาวคําเปน ตนวา พระ-สมณศากยบตุ รเหลาน้ี ไมม คี ณุ เครอ่ื งเปน สมณะ ดังน้ี ชือ่ วายอมตเิ ตียน,เมือ่ กระจายขาวกวางขวางออกไปในสถานท่นี ้ัน ๆ เปนตนวา พระสมณะศากยบุตรเหลานปี้ ราศจากความเปน สมณะแลว ดังน้ี ชื่อวา ยอมโพนทะนาขาวแมต อ จากน้ีไป ก็ควรทราบโยชนาแหง บทเหลา นี้ ตามควรแกบททีม่ าแลว ในท่นี ้ัน ๆ โดยนยั น.้ี บรรดาบทเหลา น้นั บทวา พรฺ หมฺ จาริโน คอื ผูประพฤติประเสรฐิความเปนสมณะ ช่ือสามญั ญะ. ความเปนผูป ระเสรฐิ ชือ่ พรหมมญั ญะ. คําที่เหลอื มีใจความต้ืนแลว ท้งั น้นั . ในคาํ วา รโฺ  ทารูนิ เปน ตน มีวนิ จิ ฉยั ดังน้ี :- ใจความนว้ี าไดถือเอาไมข องหลวง ทีม่ ิไดพระราชทาน ดงั นี้ มีความเพงโทษเปนอรรถ.อน่ึง เพือ่ แสดงถึงไมท ีม่ ไิ ดพ ระราชทาน ซึ่งพระธนิยะไดถ ือเอาแลว นั้น ทานจึงกลาววา ไมของหลวง เปน ตน . อันผูศกึ ษาทง้ั หลาย เม่ือไมห ลงลมื ความตางแหงวจนะ ก็ควรทราบใจความดังอธิบายมาฉะนีแ้ ล. [ ประชมุ สงฆทรงบญั ญัตสิ กิ ขาบท ] สองบทวา ปรุ าณโวหาริโก มหามตโฺ ต มีความวา มหาอํามาตยผถู ึงความนับวา ผพู ิพากษา เพราะถกู แตงตงั้ ไวในโวหารคอื การตัดสินความในกาลกอนแตความเปนภิกษุ คือ ในเวลาเปน คฤหัสถ. หลายบทวา อถโข ภควา ต ภิกขฺ ุ เอตทโวจ อธิบายความวาพระผูมีพระภาคเจา ยอ มทรงทราบแมซึง่ บญั ญัตแิ หงโลกอยดู วยพระองคเ อง

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 97ยอ ม ทรงทราบแมซ ่งึ พระบญั ญัตแิ หงพระพทุ ธเจาในอดตี ทง้ั หลายวา พระ-พุทธเจาทง้ั หลายแมในปางกอ น ยอ มทรงบัญญัติปาราชกิ ดว ยทรพั ยเ ทา นี้ถุลลัจจัยดวยทรพั ยเ ทา น้ี ทุกกฎดว ยทรัพยเทา นี้ แมเมือ่ เปนเชน นัน้ ถาพระองคไ มทรงเทียบเคียงกบั คนทรี่ บู ญั ญตั แิ หงโลกเหลา อืน่ แลว พึงทรงบญั ญตั ิปาราชิกดว ยทรพั ยเ พยี งบาทหนึง่ กจ็ ะพึงมีผกู ลาวตําหนพิ ระองคเ พราะเหตุเทาน้ันวา ชือ่ วาศีลสงั วรแมของภกิ ษุรูปหนึ่ง กป็ ระมาณไมไ ด นับไมไ ดกวา งขวางยง่ิ นัก ดจุ มหาปฐพี สมุทร และอากาศ, พระผมู ีพระภาคเจา มายังศลี สังวรนน้ั ใหพินาศเสยี ดว ยทรพั ยเพยี งบาทหนึง่ , แตน้นั ภิกษุท้งั หลายผูไมร กู าํ ลังพระญาณของพระตถาคต พงึ ยังสกิ ขาบทใหก ําเรบิ สิกขาบทแมท่ีทรงบัญญตั ไิ วแลว กไ็ มพงึ ตั้งอยูใ นท่ีอันควร, แตเ ม่อื ทรงเทียบเคียงกบั คนที่รูบญั ญัติของโลกแลว จึงทรงบัญญัตสิ กิ ขาบท การตาํ หนติ ิเตยี นนนั้ ยอ มไมมี,ยอ มมแี ตผ กู ลา วอยา งนโ้ี ดยแทวา แมค นครองเรอื นเหลา นี้ กย็ งั ฆาโจรเสียบางจองจาํ ไวบาง เนรเทศเสยี บาง เพราะทรัพยเพียงบาทหนง่ึ , เหตุไฉนเลาพระผมู พี ระภาคเจา จกั ไมท รงยงั บรรพชติ ใหฉ ิบหายเสีย เพราะบรรพชติ ไมควรลักทรัพยข องผูอ่นื แมเ ปนเพียงหญาเสน หนง่ึ ภกิ ษุท้ังหลายก็จักรกู ําลังพระญาณของพระตถาคต และสกิ ขาบทแมทีท่ รงบญั ญัติไวแ ลว ก็จกั ไมกําเริบจักตง้ั อยูในท่ีอนั ควร. เพราะฉะนน้ั ทรงพระประสงคจ ะเทียงเคยี งกับคนผรู ูบัญญตั ขิ องโลกแลว จึงทรงบัญญตั ิ ทรงชําเลืองดบู ริษทั ทุกหมูเหลา ครัง้ น้ันแลพระผมู ีพระภาคเจา ทรงทอดพระเนตรเหน็ ภกิ ษนุ น้ั ผูน ั่งอยใู นทไ่ี มไกลไดต รสัคําน้ีกะภกิ ษนุ ้ัน ( คอื ไดตรัสคาํ น้ี ) วา ดกู อนภิกษุ ! พระราชาผูเปน ใหญแหงมคธรัฐ เพยี บพรอมดว ยเสนา ทรงพระนามวา พมิ พสิ าร จบั โจรไดแ ลวทรงฆาเสียบาง จองจาํ ไวบ าง เนรเทศเสียบา ง เพราะทรัพยป ระมาณเทาไรหนอ ดังน.ี้

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 98 บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา มาคโธ ไดแ ก เปน ใหญแ หง ชาวแควนมคธ. บทวา เสนิโย ไดแก ผถู ึงพรองดว ยเสนา. คาํ วา พิมพฺ สิ าโร เปนพระนามาภิไธย ของพระราชาพระองคน้ัน. บทวา ปพพฺ าเชติ วา มีความวา ทรงใหอ อกไปเสยี จากแวน แควน.บทท่เี หลอื ในคําน้ี มเี นือ้ ความตืน้ ทัง้ นั้น. สองบทวา ปฺจมาสโก ปาโท ความวา ครง้ั นั้น ในกรงุ ราชคฤห๒๐ มาสก เปนหน่ึงกหาปณะ ; เพราะฉะนน้ั หามาสกจึงเปนหน่งึ บาท. ดวยลักษณะนน้ั สว นท่สี ่ขี องกหาปณะพึงทราบวา เปนบาทหน่ึง ในชนบททงั้ ปวง.กบ็ าทน้นั แล พึงทราบดวยอํานาจแหงนลี กหาปณะของโบราณ ไมพงึ ทราบดวยอํานาจแหง กหาปณะ นอกนี้ มรี ทุ ระทามกะกหาปณะเปน ตน. [ พระพุทธเจา ทุกองคป รับโทษถงึ ท่สี ุดเพียงบาทเดียว ] แมพระพุทธเจาทง้ั หลายที่ลวงไปแลว กท็ รงบญั ญตั ิปาราชิกดวยบาทนั้น ถึงพระพทุ ธเจาทงั้ หลายที่จะมใี นอนาคต ก็จักทรงบญั ญัตปิ าราชกิ ดวยบาทน้นั . จรงิ อยู ความเปนตางกนั ในวัตถุปาราชกิ หรอื ในปาราชิก ของพระพทุ ธเจาทุกพระองคยอ มไมม.ี วตั ถุแหงปาราชกิ ๔ กเ็ หมอื นกนั น้ีแหละปาราชกิ ๔ ก็เหมอื นกันน้ีแหละ ไมมหี ยอ นหรอื ยิ่งกวาน.ี้ เพราะเหตุนนั้ แมพระผมู พี ระภาคเจา ครนั้ ทรงติเตียนพระธนยิ ะแลว เมอ่ื จะทรงบญั ญตั ิทตุ ิยปา-ราชิกดวยบาทนั่นเทียว จงึ ตรสั คําวา โย ปน ภกิ ขฺ ุ อทนิ นฺ  เถยยฺ สงฺขาตเปน ตน. เมือ่ ทตุ ยิ ปาราชกิ อันพระผมู ีพระภาคเจา ทรงบญั ญตั ิทาํ ใหม ่นั คงดว ยอาํ -นาจแหง ความขาดมูลอยางนัน้ แลว เรอ่ื งรชกภณั ฑิกะ แมอ่ืนอีกก็ไดเ กิดขึ้น เพื่อ

พระวินัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 99ประโยชนแ กอ นบุ ญั ญัติ. เพอื่ แสดงความเกิดขนึ้ แหงเรือ่ งนน้ั พระธรรม-สงั คาหกาจารย จงึ ไดกลาวคาํ นีไ้ ววา กแ็ ล สิกขาบทน้ี ยอ มเปนอนั พระผูม ีพระภาคเจา ทรงบัญญัติแลว แกภกิ ษุทั้งหลาย ดวยประการฉะนี้. ใจความแหงเรือ่ งน้ัน และความสัมพนั ธก ันแหงอนบุ ัญญัติ พงึ ทราบโดยนยั ทก่ี ลาวไวแ ลว ในปฐมปาราชกิ วรรณนานั่นแหละ. ทกุ ๆ สกิ ขาบท ถดัจากสกิ ขาบทนไ้ี ป กพ็ ึงทราบเหมอื นอยา งในสิกขาบทน้.ี จริงอยู คาํ ใด ๆ ที่ขาพเจาไดกลาวไวแ ลวในเบื้องตน ขา พเจา จักละเวนคํานัน้ ๆ ทั้งหมดแลวพรรณนาเฉพาะคาํ ทีย่ งั ไมเ คยมี ในหนหลังท่ีสงู ๆ ขึน้ ไปเทาน้ัน. ก็ถา วาขา พเจาจักพรรณนาคําซ่ึงมีนัยดังทกี่ ลา วแลว นน้ั ๆ ซํา้ อีก, เม่ือไร ขาพเจา จักถงึ การจบลงแหง การพรรณนาไดเลา ? เพราะฉะนั้น ผศู ึกษาทงั้ หลาย ควรกาํ หนดคําทีก่ ลา วไวแลว ในกอนน้นั ๆ ทง้ั หมดใหดี แลวทราบใจความและโยชนาในคาํ นัน้ ๆ. อน่ึง คําอยางใดอยางหน่งึ ซึง่ ยังไมเ คยมี ทงั้ มเี นือ้ ความยงั ไมก ระจาง ขา พเจาเองจกั พรรณนาคาํ นัน้ ทง้ั หมด. จบปฐมบญั ญัติทตุ ยิ ปาราชิก

พระวินยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 100 เรอ่ื งอนบุ ญั ญัตทิ ุติยปาราชกิ สองบทวา รชกตฺถรณ คนฺตวฺ า ความวา ไปสทู า ทต่ี ากผา ของชางยอม. จรงิ อยู ทา น้ัน เรียกวา ลานตากผาของชางยอม เพราะทที่ า น้ันเปนท่ีพวกชางยอมลาดผา ตากไว. บทวา รชกภณฺฑกิ  ไดแ ก หอส่งิ ของ ๆ พวกชางยอ ม. เวลาเยน็พวกชางยอ ม เมื่อจะกลับเขาไปยังเมอื ง ผูกผา มากผืนรวมกันเปนหอๆ ไว, พวกภกิ ษุฉัพพคั คยี  เมื่อชางยอมเหลา นน้ั ไมเ ห็น เพราะความเลินเลอ ก็ไดลักอธิบายวา ขโมยเอาหอ หน่ึงจากหอ น้ันไป. [ อรรถาธิบายบานท่มี กี ระทอมหลังเดียวเปนตน ] คํามอี าทอิ ยา งน้วี า คาโม นาม พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั แลว เพ่อืแสดงประเภทแหงบานและปา ท่ีพระองคตรัสไวแ ลวในคาํ นีว้ า จากบานกด็ ีจากปาก็ดี. ในคาํ วา บานแมมีกระทอมหลงั เดียว เปน ตน นั้น มวี ินิจฉยั ดังน้ี : - ในหมูบานใดมกี ระทอ มหลงั เดยี วเทา นนั้ ชือ่ วามเี รือนหลงั เดยี วเหมอื นในมลัยชนบท บานน้ี ชอ่ื วา บานมกี ระทอ มหลงั เดียว. บา นเหลา อ่นืกค็ วรทราบโดยนัยน้นั . บา นใดเปนถิน่ ทยี่ กั ษหวงแหน เพราะไมม พี วกมนษุ ยโดยประการท้ังปวง หรือพวกมนษุ ยอ ยากจะกลบั มาแมอ กี ดว ยเหตุบางอยา งทีเดียว กห็ ลกี ไปเสียจากบานใด, บา นนนั้ ชอื่ วาไมม มี นษุ ย. บานใด ที่เขาทํากําแพงกอดว ยอฐิ เปน ตนไว โดยทส่ี ดุ แมล อ มไวด ว ยหนามและก่งิ ไม,บา นนัน้ ชอ่ื วามีเคร่ืองลอ ม. บานใดท่พี วกมนษุ ยไมไ ดต ง้ั อาศยั อยู ดวยอาํ นาจเปนสถานท่ีพกั อยรู วมกัน ซ่งึ ใกลถนนเปน ตน แตสรางเรือนไว ๒-๓ ตวั หลงัแลว เขาอาศยั อยใู นทน่ี น้ั ๆ ดจุ โคนอนเจาอยูในท่ีนนั้ ๆ ๒-๓ ตัว ฉะนั้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook