Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_02

tripitaka_02

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:33

Description: tripitaka_02

Search

Read the Text Version

พระวินยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 551๕ อาํ พรางความถูกใจ ๖ อาํ พรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจรงิ เมือ่คนอืน่ เขา ใจ ตอ งอาบตั ถิ ุลลัจจยั เมื่อเขาไมเขา ใจ ตองอาบัตทิ ุกกฏ. ภกิ ษรุ ูอ ยู กลา วเท็จวา ภิกษใุ ดใชส อยเสนาสนะของทา น ราคะ ภิกษุนั้นสละแลว คายแลว ปลอยแลว ละแลว สลัดแลว เพิกแลว ถอนแลว . . .โทสะ ภิกษุน้นั สละแลว ตายแลว ปลอ ยแลว ละแลว สลัดแลว เพิกแลวถอนแลว . . . โมหะ ภิกษนุ น้ั สละแลว คายแลว ปลอยแลว ละแลว สลัดแลวเพกิ แลว ถอนแลว ดวยอาการ ๓ อยา ง . . .๔ อยาง . . .๕ อยาง . . .๖ อยาง. . . ๗ อยาง คอื ๑ เบอ้ื งตนเธอรูวา จกั กลา วเทจ็ ๒ กาํ ลังกลา ว กร็ วู ากลาวเทจ็ ๓ ครั้นกลา วแลว ก็รวู ากลาวเท็จแลว อาํ พรางความเห็น ๕ อาํ พรางความถกู ใจ ๖ อําพรางความชอบใจ ๗ อาํ พรางความจรงิ เมอ่ื คนอ่ืนเขา ใจตอ งอาบัตถิ ุลลัจจยั เมอ่ื เขาไมเ ขา ใจ ตอ งอาบัติทกุ กฏ. ภิกษุรูอยู กลา วเทจ็ วา ภิกษใุ ดใชสอยเสนาสนะของทา นเ จติ ของภิกษนุ ้ันเปดจากราคะ . . . จติ ของภกิ ษนุ น้ั เปด จากโทสะ . . . จิตของภกิ ษนุ ้ันเปด จากโมหะ ดวยอาการ ๓ อยา ง . . . ๔ อยา ง . . . ๕ อยา ง . . . ๖ อยา ง. . . ๗ อยา ง คือ ๑ เบ้ืองตนเธอรวู า จักกลาวเท็จ ๒ กาํ ลังกลา ว ก็รูว า กลาวเท็จ ๓ ครนั้ กลาวแลว กร็ วู ากลา วเทจ็ แลว ๔ อําพรางความเหน็ ๕ อาํ พรางความถูกใจ ๖ อําพรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจริง เมอื่ คนอื่นเขา ใจตอ งอาบตั ถิ ุลลัจจยั เม่อื เขาไมเ ขาใจ ตองอาบตั ิทุกกฏ. ภิกษรุ อู ยู กลา วเทจ็ วา ภิกษุใดใชส อยเสนาสนะของทา น ภิกษุนน้ัเขาแลว เขาอยู เขา ไดแ ลว เปน ผไู ด เปน ผูชํานาญ ทาํ ใหแจง ซงึ่ ปฐมฌานในสญุ ญาคาร . . . ซ่งึ ทตุ ยิ ฌานในสญุ ญาคาร . . . ซ่ึงตติยฌานในสญุ ญาคาร. . .ซ่งึ จตตุ ถฌานในสุญญาคาร ดว ยอาการ ๓ อยาง . . . อยาง . . .๕ อยา ง . . .

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 552๖ อยาง . . .๗ อยา ง คือ ๑ เบือ้ งตนเธอรวู า จกั กลาวเทจ็ ๒ กาํ ลงั กลาวก็รวู ากลา วเทจ็ ๓ ครน้ั กลา วแลว ก็รูวากลาวเทจ็ แลว ๔ อาํ พรางความเหน็๕ อาํ พรางความถูกใจ ๖ อําพรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจรงิ เมื่อคนอืน่ เขา ใจ ตองอาบตั ิถุลลจั จัย เมื่อเขาไมเ ขา ใจ ตอ งอาบัติทกุ กฏ. ๕. ภิกษุรูอ ยู กลา วเท็จวา ภิกษุใดบรโิ ภคเครือ่ งยาอันเปน ปจจัยของภกิ ษไุ ขข องทา น ภกิ ษนุ ้ันเขา แลว เขา อยู เขา ไดแลว เปน ผูได เปนผชู าํ นาญทาํ ใหแ จง ซงึ่ ปฐมฌาน ดว ยอาการ ๓ อยาง . . . ๔ อยาง . . .๕ อยา ง . . .๖ อยาง . . .๗ อยา ง คอื ๑ เบอื้ งตน เธอรวู า จักกลาวเทจ็ ๒ กําลงั กลาวก็รวู า กลา วเท็จ ๓ ครน้ั กลาวแลว ก็รวู ากลา วเทจ็ แลว ๔ อําพรางความเหน็๕ อาํ พรางความถูกใจ ๖ อําพรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจริง เม่ือคนอนื่ เขาใจ ตอ งอาบตั ถิ ุลลัจจัย เมื่อเขาไมเ ขาใจ ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. ภกิ ษุรูอ ยู กลา วเท็จวา ภกิ ษุใดบรโิ ภคเครือ่ งยาอันเปนปจจยั ของภกิ ษุไขของทา น ภกิ ษุน้ันเขาแลว เขาอยู เขา ไดแ ลว เปนผูได เปนผูชํานาญทาํ ใหแจง ซ่ึงทุตยิ ฌาน . . . ตติยฌาน . . . จตตุ ถฌาน . . . สุญญตวโิ มกขอนิมิตตวโิ มกข . . . อัปปณิหิตวิโมกข . . . สุญญตสมาธิ . . . อนมิ ติ ตสมาธิ . . .อัปปณิหติ สมาธิ . . . สุญญตสมาบตั ิ . . . อนมิ ิตตสมาบัติ. . . อัปปณหิ ติ สมาบตั ิ. . . วิชชา ๓ . . . สตปิ ฏฐาน ๔ . . . สมั มัปปธาน ๔ . . . อทิ ธิบาท . . .อนิ ทรยี  ๕. . . พละ ๕ . . . โพชฌงค ๗. . . อรยิ มรรคมีองค ๘. . .โสดาปต ติผล. . .สกทาคามิผล อนาคามผิ ล . . . อรหัตผล ดวยอาการ ๓ อยา ง . . .๔ อยา ง. . .๕ อยา ง . . . ๖ อยาง. . . ๗ อยาง คือ ๑ เบือ้ งตน เธอรวู า จกั กลาวเทจ็ ๒ กาํ ลังกลาว ก็รวู า กลาวเทจ็ ๓ ครนั้ กลา วแลว ก็รูวา กลาวเทจ็ แลว ๔ อาํ พรางความเห็น ๕ อาํ พรางความถกู ใจ ๖ อําพรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจริง เมอ่ื คนอื่นเขาใจ ตอ งอาบตั ิถลุ ลัจจยั เมือ่ เขาไมเ ขาใจ ตองอาบัตทิ ุกกฏ.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 553 ภิกษรุ อู ยู กลา วเท็จวา ภกิ ษุใดบริโภคเคร่อื งยาอันเปน ปจ จยั ของภิกษุไขข องทาน ราคะ ภิกษุนั้นสละแลว คายแลว ปลอยแลว ละแลว สลดั แลวเพกิ แลว. ถอนแลว . . . โทสะ ภกิ ษนุ ้นั สละแลว คายแลว ปลอ ยแลว ละแลวสลัดแลว เพกิ แลว ถอนแลว . . . โมหะ ภกิ ษุนัน้ สละแลว คายแลว ปลอ ยแลวละแลว สลดั แลว เพกิ แลว ถอนแลว ดว ยอาการ ๓ อยาง . . . ๔ อยา ง . . .๕ อยา ง . . . ๖ อยา ง . . . ๗ อยาง คอื ๑ เบือ้ งตน เธอรวู า จักกลาวเท็จ๒ กําลงั กลาว ก็รวู ากลาวเท็จ ครั้นกลาวแลว กร็ ูวา กลา วเท็จแลว๔ อําพรางความเหน็ ๕ อาํ พรางความถูกใจ ๖ อาํ พรางความชอบใจ๗ อําพรางความจรงิ เม่อื คนอนื่ เขาใจ ตอ งอาบตั ถิ ุลลัจจัย เม่อื เขาไมเ ขาใจตองอาบตั ทิ กุ กฏ. ภกิ ษุรูอ ยู กลาวเทจ็ วา ภกิ ษุใดบริโภคเครื่องยาอันเปน ปจจยั ของภิกษุไขของทาน จติ ของภิกษนุ น้ั เปดจากราคะ . . .จติ องภิกษนุ ้นั เปดจากโทสะจิตของภกิ ษุนั้นเปดจากโมหะ ดวยอาการ ๓ อยา ง . . .๔ อยา ง . . .๕ อยาง. . . ๖ อยาง . . .๗ อยาง คอื ๑ เบ้ืองตน เธอรูว า จักกลาวเทจ็ ๒ กําลงั กลาวก็รูวากลาวเท็จ ๓ ครั้นกลา วแลว กร็ วู ากลา วเทจ็ แลว ๔ อําพรางความเหน็๕ อําพรางความถกู ใจ ๖ อําพรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจริง เมอ่ืคนอน่ื เขาใจ ตอ งอาบัติถลุ ลัจจัย เมือ่ เขาไมเขา ใจ ตอ งอาบตั ิทุกกฏ. ภกิ ษุรอู ยู กลาวเทจ็ วา ภกิ ษุใดบรโิ ภคเครอื่ งยาอันเปนปจจยั ของภกิ ษุไขข องทาน ภกิ ษุนนั้ เขาแลว เขาอยู เขา ไดแ ลว เปน ผูได เปนผูช าํ นาญทาํ ใหแจงซ่ึงปฐมฌานในสญุ ญาคาร. . . ซึ่งทุตยิ ฌานในสุญญาคาร. . .ซึ่งตติย-ฌานในสุญญาคาร . . . ซง่ึ จตตุ ถฌานในสญุ ญาคาร ดวยอาการ ๓ อยาง . . .๔ อยา ง . . . ๕ อยา ง . . . ๖ อยาง . . .๗ อยาง คอื ๑ เบ้ืองตนเธอรูวา จักกลา ว

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 554เท็จ ๒ กําลงั กลาว ก็รวู า กลาวเท็จ ๓ ครนั้ กลาวแลว กร็ ูวากลาวเทจ็ แลว๔ อาํ พรางความเห็น ๕ อาํ พรางความถกู ใจ ๖ อําพรางความชอบใจ๗ อาํ พรางความจริง เมือ่ คนอื่นเขาใจ ตอ งอาบัตถิ ลุ ลัจจัย เมือ่ เขาไมเขาใจตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. ปจจัตตวจนวาร จบ กรณวจนวาร ๕ หมวด ๑. ภกิ ษรุ ูอยู กลาวเทจ็ วา วิหารของทานอนั ภกิ ษุใดอาศัยแลว ภกิ ษุน้ันเขา แลว เขา อยู เขาไดแลว เปน ผูไ ด เปน ผูช าํ นาญ ทําใหแ จงซงึ่ ปฐม-ฌาน ดวยอาการ ๓ อยาง . . .๔ อยาง . . . ๕ อยา ง . . .๖ อยา ง . . . ๗ อยางคือ ๑ เบอ้ื งตน เธอรูวา จักกลาวเทจ็ ๒ กําลังกลา ว กร็ ูวา กลา วเท็จ ๓ คร้ันกลา วแลว กร็ วู า กลาวเทจ็ แลว ๔ อําพรางความเหน็ ๕ อําพรางความถกู ใจ๖ อาํ พรางความชอบใจ ๗ อําพรางความจรงิ เมอ่ื คนอ่ืนเขาใจ ตองอาบัติถุลลัจจัย เมอ่ื เขาไมเขาใจ ตองอาบัติทกุ กฏ. ภกิ ษรุ ูอยู กลา วเท็จวา วหิ ารของทา นอนั ภกิ ษใุ ดอาศัยแลว ภกิ ษนุ ัน้เขาแลว เขา อยู เขา ไดแ ลว เปนผูได เปน ผูชาํ นาญ ทําใหแจง ซึ่งทุตยิ ฌาน. . . ตติยฌาน . . . จตตุ ถฌาน. . .สุญญตวโิ มกข. . .อนมิ ติ ตวโิ มกข. . .อัปปณิหติ -วโิ มกข . . . สุญญสมาธิ . . .อนิมิตตสมาธิ . . . อปั ปณหิ ติ สมาธิ . . . สุญญต-สมาบตั .ิ . . อนิมติ ตสมาบตั ิ . . . อัปปณหิ คิ สมาบัติ . . . วิชชา ๓ . . . สติปฏ -ฐาน ๔ . . . สัมมปั ปธาน ๔ . . . อิทธบิ าท ๔ . . . อินทรยี  ๕ . . . พละ ๕โพชฌงค ๗ . . . อริยมรรคมอี งค ๘ . . . โสดาปตติผล . . . สกทาคามิผล . . .อนาคามผิ ล . . . อรหัตผล ดว ยอาการ ๓ อยา ง . . .๔ อยา ง . . .๕ อยา ง























































พระวนิ ัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 582ปาราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เร่ืองนน้ั แดพระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษุ เธอคิดอยางไร. ภ.ิ ขา พระพทุ ธเจา มไิ ดมคี วามประสงคจ ะพดู อวด พระพทุ ธเจา ขา. ภ. ดูกอ นภกิ ษุ ภิกษุผูไมม คี วามประสงคจ ะพูดอวด ไมต อ งอาบตั .ิ เรื่องความเสยี หาย ก็โดยสมัยนน้ั แล ภกิ ษรุ ปู หนง่ึ อาพาธ ภิกษทุ ง้ั หลายไดพดู กบั ภกิ ษุนัน้ วา ดูกอนอาวุโส ทา นอยา ไดกลัวเลย. ภิกษนุ ้นั ตอบวา ดกู อนอาวุโสทง้ั หลาย สําหรับทา นผมู ีความกนิ แหนงแคลงใจตอ งกลวั แน แลวมีความรงั เกยี จวา เฉพาะทานทเ่ี ปน สาวกของพระผูมีพระภาคเจาเทานัน้ จึงควรพูดอยางนั้น สว นเราสิหาไดเปน สาวกของพระองคไม เราตอ งอาบัตปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทลู เรอื่ งน้นั แดพระผูมีพระภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดูกอนภิกษุ เธอคดิ อยา งไร. ภ.ิ ขา พระพุทธเจา มไิ ดมคี วามประสงคจะพดู อวด พระพุทธเจาขา . ภ. ดกู อ นภกิ ษุ ภกิ ษุผูไ มมคี วามประสงคจ ะพูดอวด ไมไ มตอ ง. เรอื่ งประกอบชอบ ก็โดยสมัยนัน้ แล ภิกษรุ ปู หนงึ่ อาพาธ ภกิ ษทุ ั้งหลายไดพ ากนั ถามภกิ ษุน้นั วา อุตรมิ นุสธรรมของคุณมีหรอื . ภกิ ษุนน้ั ตอบวา ดูกอนอาวโุ สทั้งหลาย อันทานผปู ระกอบโดยชอบพึงยังธรรมใหสมั ฤทธิผลได แลวมคี วามรังเกียจวา เฉพาะทา นท่ีเปน สาวกของพระผูมพี ระภาคเจาเทานนั้ จงึ ควรพูดอยา งนน้ั สวนเราสิหาไดเ ปน สาวกของ

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 583พระองคไม เราตอ งอาบตั ปิ าราชิกแลว กระมังหนอ จงึ กราบทูลเรอื่ งนน้ั แดพระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดูกอนภิกษุ เธอคิดอยา งไร. ภิ. ขาพระพุทธเจา มไิ ดมคี วามประสงคจ ะพดู อวด พระพทุ ธเจา ขา . ภ. ดูกอนภิกษุ ภกิ ษุผูไ มค วามประสงคจ ะพดู อวด ไมตองอาบัติ. เรือ่ งปรารภความเพยี ร กโ็ ดยสมัยนั้นแล ภกิ ษุรปู หนึ่งอาพาธ ภกิ ษทุ ั้งหลายไดพ ากันถามภกิ ษุน้นั วา อุตริมนุสธรรมของคณุ มีหรอื . ภิกษนุ ั้นตอบวา ดูกอ นอาวุโสทัง้ หลาย ทานผูมคี วามเพยี รอันปรารภแลว พึงยงั ธรรมใหส มั ฤทธิผลได แลว มีความรังเกยี จวา เฉพาะทา นทเ่ี ปนสาวกของพระผูมพี ระภาคเจา เทาน้ัน จงึ ควรพูดอยางนนั้ สว นเราสิ หาไดเปนสาวกของพระองคไ ม เราตอ งอาบตั ิปาราชกิ แลว กระมงั หนอ จงึ กราบทลูเร่ืองนน้ั แดพ ระผูม ีพระภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดูกอนภกิ ษุ เธอคดิ อยางไร. ภ.ิ ขา พระพุทธเจา มิไดมีความประสงคจะพูดอวด พระพทุ ธเจา ขา. ภ. ดูกอนภกิ ษุ ภิกษผุ ูไมม ีความประสงคจ ะพูดอวด ไมต องอาบตั .ิ เรื่องประกอบความเพยี ร กโ็ ดยสมัยน้ันแล ภิกษุรูปหนงึ่ อาพาธ ภกิ ษทุ ้ังหลายไดพ ากันถามภกิ ษุนั้นวา อุตริมนุสธรรมของคณุ มีหรอื . ภิกษุนัน้ ตอบวา ดกู อนอาวุโสทง้ั หลาย ทานผูมีความเพยี รอนั ประกอบแลว พงึ ยงั ธรรมใหส ัมฤทธิผลได แลวมีความรงั เกียจวา เฉพาะทา นทเี่ ปนสาวกของพระผูมีพระภาคเจา เทา นั้น จงึ ควรพูดอยางนัน้ สว นเราสิ หาไดเ ปนสาวก

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 584ของพระองคไม เราตอ งอาบัติปาราชกิ แลว กระมังหนอ จึงกราบทลู เรือ่ งน้ันแดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดูกอ นภิกษุ เธอคิดอยา งไร. ภิ. ขา พระพุทธเจามิไดม ีความประสงคจะพดู อวด พระพุทธเจาขา . ภ. ดูกอ นภิกษุ ภิกษผุ ไู มมีความประสงคจะพดู อวด ไมตองอาบัต.ิ เรื่องอดกล้นั เวทนา ๒ เร่ือง ๑. กโ็ ดยสมยั นัน้ แล ภกิ ษุรูปหนง่ึ อาพาธ ภกิ ษทุ ัง้ หลายไดพ ากนั ถามภิกษุน้ันวา ดกู อ นอาวุโส คุณยงั พออดทนตอทกุ ขเวทนาไดหรอื ยงั พอประทงั ชีวติ ไปไดห รอื . ภกิ ษนุ ั้นตอบวา ดกู อ นอาวุโสทง้ั หลาย อันคนพอดีพอรา ยไมสามารถจะอดกลนั้ ได แลว มคี วามรงั เกยี จวา เฉพาะทา นทีเ่ ปน สาวกของพระผูม ีพระภาคเจา เทานน้ั จงึ ควรพดู อยางน้นั สวนเราสิ หาไดเ ปนสาวกของพระองคไม เราตอ งอาบัตปิ าราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทูลเรอ่ื งน้ัน แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั ถามวา ดูกอนภิกษุ เธอคิดอยา งไร. ภิ. ขาพระพุทธเจา มิไดม คี วามประสงคจะพูดอวด พระพุทธเจาขา. ภ. ดกู อ นภิกษุ ภกิ ษุผไู มมีความประสงคจะพดู อวด ไมตอ งอาบัติ. ๒. ก็โดยสมยั น้นั แล ภกิ ษุรปู หนึง่ อาพาธ ภกิ ษทุ ั้งหลายไดพากันถามภิกษนุ ้ันวา ดูกอ นอาวุโส ทา นยังพออดทนตอ ทกุ ขเวทนาไดห รือ ยังพอประทังชวี ติ ไปไดห รอื . ภกิ ษนุ ้นั ตอบวา ดกู อ นอาวโุ สท้ังหลาย อนั ปถุ ชุ นไมส ามารถจะอดกล้ันได แลว มคี วามรังเกยี จวา เฉพาะทานท่เี ปนสาวกของพระผูมีพระภาคเจา เทานั้น จึงควรพดู อยางนน้ั สวนเราสิ หาไดเ ปน สาวกของพระองคไม เราตอ ง

พระวินยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 585อาบตั ปิ าราชกิ แลว กระมังหนอ จึงกราบทลู เรอ่ื งนัน้ แดพระผมู ีพระภาคเจา ๆตรัสถามวา ดูกอนภิกษุ เธอคิดอยา งไร. ภ.ิ ขา พระพทุ ธเจา มคี วามประสงคจ ะพดู อวด พระพทุ ธเจาขา. ภ. ดกู อ นภกิ ษุ เธอไมตองอาบัติปาราชิก แตตอ งอาบัตถิ ุลลัจจัย. เรื่องพราหมณ ๕ เรือ่ ง [๒๙๑] ๑. กโ็ ดยสมัยนน้ั แล พราหมณผ หู นง่ึ นมิ นตภ ิกษุทั้งหลายมาแลว ไดก ลาววา นิมนตพ ระอรหนั ตท งั้ หลาย จงมาเถิดเจาขา ภกิ ษเุ หลาน้ันมคี วามรงั เกยี จวา พวกเราหาไดเปน พระอรหันตไ ม กพ็ ราหมณน ม้ี ารอ งเรยี กพวกเราดวยวาทะวาอรหนั ต พวกเราจะพงึ ปฏิบตั ิอยา งไรหนอ แลว กราบทลูเรื่องนั้นแดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย ไมเปนอาบัติเพราะเขากลา วดว ยความเลอ่ื มใส. ๒. กโ็ ดยสมัยนน้ั แล พราหมณผหู นง่ึ นิมนตภ ิกษทุ ง้ั หลายมาแลวไดกลา ววา นิมนตพ ระอรหนั ตทั้งหลาย จงนั่งเถดิ เจาขา ภิกษุเหลานัน้ มคี วามรงั เกยี จวา พวกเราหาไดเ ปนพระอรหันตไ ม กพ็ ราหมณนมี้ ารองเรียกพวกเราดวยวาทะวา อรหนั ต พวกเราจะพงึ ปฏิบตั อิ ยา งไรหนอ แลว กราบทลู เร่ืองน้ันแดพ ระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ไมเ ปนอาบัติ เพราะเขากลาวดวยความเลือ่ มใส. ๓. กโ็ ดยสมัยน้นั แล พราหมณผหู นึ่ง นมิ นตภกิ ษุทง้ั หลายมาแลวไดก ลา ววา นิมนตพ ระอรหนั ตทง้ั หลาย จงบริโภคเถดิ เจา ขา ภิกษเุ หลา นน้ั มีความรงั เกยี จวา พวกเราหาไดเปน พระอรหนั ตไ ม กพ็ ราหมณน้ีมารอ งเรียกพวกเราดวยวาทะวาอรหนั ต พวกเราจะพงึ ปฏิบตั ิอยางไรหนอ แลว กราบทลู

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 586เรอ่ื งน้ันแดพ ระผูมีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ไมเ ปนอาบัติเพราะเขากลาวดว ยความเลือ่ มใส. ๔. กโ็ ดยสมัยนั้นแล พราหมณผหู นงึ่ นมิ นตภ กิ ษุทง้ั หลายมาแลวไดก ลาววา นิมนตพระอรหนั ตท้งั หลาย จงฉนั ใหอ ่มิ เถดิ เจา ขา ภิกษุเหลานน้ัมีความรังเกยี จวา พวกเราหาไดเปนพระอรหันตไม ก็พราหมณน ม้ี ารอ งเรยี กพวกเรา ดว ยวาทะวา อรหันต พวกเราจะพึงปฏบิ ัติอยา งไรหนอ แลวกราบทลูเรื่องนั้นแดพ ระผูม ีพระภาคเจา ๆ ตรสั วา ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ไมเ ปน อาบัติเพราะเขากลาวดว ยความเลือ่ มใส. ๕. กโ็ ดยสมัยนนั้ แล พราหมณผ ูหนงึ่ นิมนตภ กิ ษทุ ง้ั หลายมาแลวไดก ลา ววา นมิ นตพ ระอรหันตทง้ั หลาย จงกลับไปเถดิ เจา ขา ภิกษุเหลานั้นมีความรังเกียจวา พวกเราหาไดเ ปน พระอรหนั ตไ ม ก็พราหมณน มี้ ารอ งเรยี กพวกเราดว ยวาทะวา อรหันต พวกเราจะพึงปฏิบัติอยางไรหนอ แลว กราบทูลเรอ่ื งนัน้ แดพระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ไมเ ปนอาบัติเพราะเขากลา วดว ยความเลอื่ มใส. เร่ืองพยากรณมรรคผล ๓ เรือ่ ง [๒๙๒] ๑. กโ็ ดยสมัยนน้ั แล ภกิ ษุรูปหนง่ึ พดู อวดอตุ ริมนสุ ธรรมแกภ ิกษุอีกรปู หน่ึง แมภกิ ษรุ ปู นัน้ ก็ไดกลา วอยางน้ีวา อาวโุ ส แมผมก็ละอาสวะไดแลว มคี วามรังเกยี จ จึงกราบทูลเรอื่ งนั้นแดพระผมู ีพระภาคเจา ๆตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตองอาบัติปาราชิกแลว. ๒. กโ็ ดยสมยั น้นั แล ภิกษุรูปหน่งึ พูดอวดอตุ รมิ นสุ ธรรมแกภกิ ษอุ ีกรูปหนง่ึ แมภกิ ษรุ ปู นนั้ ก็ไดกลา วอยางนีว้ า อาวโุ ส ธรรมเหลานนั้

พระวินยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 587ยอมมแี มแ กผ ม แลวมคี วามรงั เกยี จ จึงกราบทูลเร่ืองนน้ั แดพระผูม ีพระภาคเจาๆตรัสวา ดูกอนภิกษุ เธอตองอาบตั ปิ าราชกิ แลว . ๓. กโ็ ดยสมัยนน้ั แล ภิกษรุ ปู หนง่ึ อวดอตุ รมิ นุสธรรมแกภ กิ ษุอีกรูปหน่ึง แมภิกษุรปู น้ันกไ็ ดกลา วอยา งน้วี า อาวุโส แมผ มก็ปรากฏในธรรมเหลานี้ แลว มคี วามรงั เกยี จ จงึ กราบทลู เรอ่ื งน้นั แดพระผมู พี ระภาคเจา ๆ ตรัสวา ดกู อนภกิ ษุ เธอตอ งอาบัตปิ าราชกิ แลว. เรื่องครองเรอื น [๒๙๓] กโ็ ดยสมยั นน้ั แล พวกญาติไดก ลา วกะภิกษรุ ูปหนง่ึ วา นมิ นตทา นมาอยคู รองเรอื นเถิด ขอรับ. ภิกษรุ ปู นัน้ ตอบวา ทานทงั้ หลาย คนอยางฉนั ไมค วรแททจ่ี ะอยคู รองเรือน แลว มีความรงั เกยี จ จึงกราบทลู เรือ่ งนน้ั แดพระผูมพี ระภาคเจา ๆ ตรสัถามวา ดูกอนภกิ ษุ เธอคิดอยา งไร. ภิ. ขาพระพทุ ธเจา มไิ ดม คี วามประสงคจะพดู อวด พระพุทธเจา ขา. ภ. ดูกอ นภกิ ษุ ภกิ ษุไมมคี วามประสงคจ ะพดู อวด ไมตองอาบัต.ิ เรอื่ งหามกาม ก็โดยสมยั นัน้ แล พวกญาติไดกลาวกะภิกษุรปู หนงึ่ วา นมิ นตท า นมาบริโภคกามเถดิ ขอรบั . ภกิ ษุรูปนน้ั ตอบวา ทา นทง้ั หลาย กามท้งั หลาย เราหา มแลว แลวมีความรังเกียจ จงึ กราบทลู เรือ่ งน้ันแดพ ระผูม พี ระภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดกู อ นภิกษุ เธอคดิ อยา งไร.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 588 ภ.ิ ขาพระพุทธเจา มไิ ดม คี วามประสงคจ ะพูดอวด พระพุทธเจาขา. ภิ. ดูกอนภิกษุ ภกิ ษไุ มมคี วามประสงคจะพูดอวด ไมต องอาบัต.ิ เรื่องยนิ ดี กโ็ ดยสมัยนัน้ แล พวกญาตไิ ดกลา วกะภกิ ษุรูปหนึ่งวา ทา นยงั ยนิ ดยี ิง่อยูห รือ ภิกษรุ ูปนัน้ ตอบวา อาวโุ สทัง้ หลาย เรายงั ยินดีย่งิ อยู ดว ยความยนิ ดีเปนอยางย่ิง แลวมีความรงั เกยี จวา เฉพาะทานทีเ่ ปนสาวกของพระผมู ีพระ-ภาคเจา เทาน้ัน จึงควรพดู อยางนน้ั สว นเราสิ หาไดเ ปนสาวกของพระองคไ มเราตองอาบตั ิปาราชิกแลว กระมงั หนอ จึงกราบทูลเรอ่ื งนั้นแดพ ระผูมีพระ-ภาคเจา ๆ ตรัสถามวา ดูกอ นภกิ ษุ เธอคดิ อยา งไร. ภิ. ขา พระพทุ ธเจา มิไดมคี วามประสงคจ ะพดู อวด พระพทุ ธเจาขา. ภ. ดูกอนภิกษุ ภิกษุไมม ีความประสงคจ ะพูดอวด ไมตอ งอาบตั ิ. เรอ่ื งหลกี ไป [๒๙๔] กโ็ ดยสมัยนน้ั แล ภกิ ษุเปน อันมาก จําพรรษาอยใู นอาวาสแหงหนึง่ ตง้ั กตกิ ากันไวว า ภกิ ษใุ ดหลีกไปจากอาวาสน้กี อน พวกเราจกั เขา ใจภิกษุน้ันวา เปนพระอรหนั ต ภกิ ษุรูปหนึ่งหลกี ไปจากอาวาสนัน้ กอน ดวยตง้ั ใจวา ภิกษุท้งั หลายจงเขา ใจเราวา เปนพระอรหนั ต แลวมคี วามรังเกียจวา เราตอ งอาบัตปิ าราชกิ แลว กระมังหนอ จงึ กราบทลู เรือ่ งนนั้ แดพ ระผูม พี ระภาค-เจา ๆ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ เธอตองอาบตั ิปาราชกิ แลว.

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 589 เร่ืองอัฏฐิสงั ขลิกเปรต [๒๙๕] โดยสมัยน้ัน พระผมู ีพระภาคพุทธเจาประทบั อยู ณ พระ-เวฬุวนั วหิ าร อนั เปนสถานท่ีพระราชทานเหย่ือแกกระแต เขตพระนครราชคฤห คร้ังนนั้ ทานพระลกั ขณะกับทา นพระมหาโมคคลั ลานะอยู ณ คชิ ฌกูฏบรรพต คร้นั เวลาเชา ทานพระมหาโมคคลั ลานะครองอันตราวาสกแลว ถอืบาตรจวี รเขาไปหาทา นพระลกั ขณะจนถึงทีอ่ ยู ครัน้ แลวไดก ลาวคาํ น้ีกะทา นพระลกั ขณะวา อาวโุ ส ลักขณะมาเถดิ เราจะเขา ไปบณิ ฑบาตยังกรงุ ราชคฤหดว ยกนั ทานพระลักขณะรับ คาํ ทา นพระมหาโมคคัลลานะวา ได อาวุโส. ขณะท่ที านพระมหาโมคคัลลานะ กําลงั ลงจากคิชฌกฏู บรรพตน้นั ไดยม้ิ ใหป รากฏ ณ ประเทศแหงหนง่ึ จงึ ทา นพระลักขณะไดถามทานพระมหา-โมคคัลลานะ วา อาวโุ ส มหาโมคคัลลานะ อะไรหนอ เปนเหตุ อะไรหนอเปน ปจจยั ใหย ม้ิ . ม. อาวุโส ลกั ขณะ ยงั ไมสมควรทีจ่ ะพยากรณปญ หาน้ี ทา นจงถามปญ หานี้กะผม ในสํานกั พระผมู พี ระภาคเจา เถิด. ครัน้ ทานพระลกั ขณะกบั ทา นพระมหาโมคคลั ลานะ เทยี่ วบิณฑบาตในกรงุ ราชคฤห กลับจากบณิ ฑบาตในเวลาภายหลงั ภตั แลว จึงพากันเขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจา ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา น่งั ณ ทีค่ วรสวนขางหนึ่งแลว ทานพระลกั ขณะไดกลาวคําน้ีกะทานพระมหาโมคคัลลานะวา ทานพระมหาโมคคลั ลานะ เมื่อกาํ ลงั ลงจากคชิ ฌกฎู บรรพต เขตพระนครราชคฤหนี้ไดท ําการยม้ิ ใหป รากฏ ณ ประเทศแหงหนึ่ง อาวุโส โมคคลั ลานะ อะไรหนอเปนเหตุ อะไรหนอ เปน ปจจัยใหย ้มิ .

พระวนิ ยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 590 ทานพระมหาโมคคลั ลานะกลา ววา อาวุโส ผมลงจากคิชฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหน้ี ไดเ ห็นอัฏฐิสังขลิกเปรตมแี ตรา งกระดูก ลอยไปในเวหาส ฝงู แรง เหย่ียว และนกตะกรมุ พากนั โฉบอยขู วักไขว จิกสบั โดยแรงจิกทงิ้ ยือ้ แยง ตามชองซีโ่ ครง สะบัดซึง่ เปรตนนั้ อยูไปมา เปรตน้ันรอ งครวญคราง อาวุโส ผมน้ันไดค ิดเชนนี้วา นา อัศจรรยจริงหนอ นาประหลาดจรงิหนอ ท่สี ตั วแ มเห็นปานน้ี ยกั ษแมเ หน็ ปานนี้ เปรตแมเห็นปานน้ี การไดอัตภาพแมเหน็ ปานนี้ก็มีอย.ู ภกิ ษทุ ัง้ หลายพากนั เพง โทษตเิ ตยี นโพนทะนาวา ทานพระมหาโมคคัล-ลานะอวดอตุ รมิ นุสธรรม คร้ังนนั้ พระผมู พี ระภาคเจารบั สง่ั กะภกิ ษุท้งั หลายวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย สาวกทัง้ หลายยอมเปนผูมีจักษุอยู ยอ มเปนผูมีญาณอยู เพราะสาวกไดร ไู ดเ ห็น หรือไดท าํ สัตวเ ชนน้ี ใหเ ปนพยานแลว ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย เมือ่กาลกอนเรากไ็ ดเ ห็นสตั วน ั้น แตเ ราไมไ ดพยากรณ ถา เราพยากรณส ัตวน ้นัและคนอ่ืนไมเ ช่ือเรา ขอน้นั ก็จะพงึ เปน ไปเพื่อไมเ ปน ประโยชนเก้ือกูล เพอื่ทกุ ข แกเ ขาเหลาน้นั ส้ินกาลนาน ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย สัตวนั้นเคยเปนคนฆาโคอยูในพระนครราชคฤหนเ้ี อง ดวยวิบากแหง กรรมน้ีนน้ั เขาหมกไหมอยูในนรกหลายป หลายรอยป หลายพนั ป หลายแสนป แลว ไดประสบอัตภาพเชนนี้ ดวยวบิ ากแหง กรรม น้ันแหละ ทีย่ งั เปนสวนเหลืออยู ดูกอ นภิกษุทัง้ หลายโมคคัลลานะ พูดจรงิ โมคคลั ลานะ ไมต อ งอาบัต.ิ เรือ่ งมงั สเปสิเปรต โดยสมยั น้นั พระผมู ีพระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ นั วิหารอันเปน สถานท่พี ระราชทานเหยอื่ แกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครัง้ นนั้ทา นพระลักขณะกบั ทา นพระมหาโมคคัลลานะ. . .

พระวินยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 591 ทานพระมหาโมคคลั ลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน้ี ไดเ หน็ มังสเปสเิ ปรต มแี ตช ้นิ เนอื้ ลอยไปในเวหาสฝงู แรง เหย่ียว และนกตะกรุม พากนั โฉบอยูขวักไขว จิกสับโดยแรง จิกทงั้ยือ้ แยง สะบดั ซง่ึ เปรตนน้ั อยไู ปมา เปรตนั้น รองครวญคราง . . . ครง้ั น้ัน พระผูมพี ระภาคเจารบั สัง่ กะภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย. . .สัตวน ั้น เคยเปนคนฆา โค อยใู นพระนคร ราชคฤหนี้เอง . . .อนั เปน สถานทพ่ี ระราชทานเหยอ่ื แกกระแต เขตพระนครราชคฤห คร้งั นั้นทา นพระลกั ขณะ กบั ทานมหาโมคคัลลานะ. . . ทา นพระมหาโมคคัลลานะ กลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน้ี ไดเ ห็นมงั สปณ ฑเปรต มแี ตกอ นเน้ือ ลอย ไปในเวหาสฝงู แรง เหย่ยี ว และนกตะกรุม พากันโฉบอยขู วักไขว จกิ สบั โดยแรง จกิ ท้งิยือ้ แยง สะบัดซ่ึงเปรตน้นั อยูไปมา เปรตน้นั รองครวญคราง. . . ครั้งนนั้ พระผูม พี ระภาคเจารบั ส่ังกะภกิ ษทุ ้ังหลายวา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย . . .สัตวน ั้น เคยเปนพรานนกอยใู นพระนครราชคฤหนีเ้ อง. . . เร่อื งนิจฉวเิ ปรต โดยสมัยน้นั พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระเวฬวุ ันวิหารอนั เปน สถานท่ีพระราชทานเหยอ่ื แกก ระแต เขตพระนครราชคฤห คร้งั นนั้ทา นพระลักขณะกบั ทา นพระมหาโมคคัลลานะ

พระวินัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 592 ทานพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเหน็ นิจฉวิเปรตชาย ไมม ผี วิ หนงั ลอยไปในเวหาสฝูงแรง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากนั โฉบอยขู วกั ไขว จกิ สับโดยแรง จกิ ทิง้ยือ้ แยง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยูไปมา เปรตนน้ั รอ งครวญคราง . . . คร้งั นัน้ พระผมู ีพระภาคเจารบั สั่งกะภกิ ษุทง้ั หลายวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย . . . สัตวน ้ันเคยเปนคนฆาแกะอยูในพระนครราชคฤห นี้เอง. . . เรอ่ื งอสิโลมเปรต โดยสมัยน้ัน พระผูมีพระภาคพทุ ธเจา ประทับอยู ณ พระเวฬวุ ันวหิ ารอันเปนสถานท่ีพระราชทานเหยอ่ื แกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครงั้ นั้นทานพระลักขณะ กับ ทานพระมหาโมคคลั ลานะ ทา นพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวุโส ผมลงจากคชิ ฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหน ้ี ไดเห็นอสโิ ลมเปรตชาย มีขนเปนดาบ ลอยไปในเวหาส ดาบเหลานน้ั ของมนั หลุดลอยขึน้ ไปแลวตกลงที่กายของมันเอง เปรตนัน้ รอ งครวญคราง . . . คร้ังนนั้ พระผมู พี ระภาคเจา รบั สัง่ กะภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อนภิกษุทั้งหลาย. . . สัตวน นั้ เคยเปนคนฆาสุกรอยูใ นพระนครราชคฤหน ีเ้ อง. . . เรอ่ื ง สัตติโลมเปรต โดยสมัยนน้ั พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ ันวิหารอันเปนสถานที่ พระราชทานเหยือ่ แกกระแต เขตพระนครราชคฤห คร้งั นั้นทา นพระลกั ขณะ กับทานพระมหาโมคคัลลานะ . .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 593 ทา นพระมหาโมคคลั ลานะ กลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน้ี ไดเ ห็นสัตตโิ ลมเปรตชาย มีขนเปนหอก ลอยไปในเวหาส หอกเหลาน้นั ของมันหลดุ ลอยข้นึ ไปแลว ตกลงทกี่ ายของมนั เอง เปรตนน้ั รองครวญคราง . . . ครั้งน้นั พระผมู พี ระภาคเจา รบั สั่งกะภิกษทุ ้ังหลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย . . . สัตวน ั้นเคยเปนพราน เน้ืออยใู นพระนครราชคฤหน เ้ี อง. . . เร่ือง อสุ โุ ลมเปรต โดยสมยั นนั้ พระผูม ีพระภาคพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ นั วิหารอัน เปนสถานท่ีพระราชทานเหยื่อแกก ระแต เขตพระนครราชคฤห ครง้ั นัน้ทาน พระลักขณะ กับทา นพระมหาโมคคลั ลานะ. . . ทานพระมหาโมคคัลลานะ กลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเหน็ อสุ ุ โลมเปรตชาย มีขนเปน ลูกศร ลอยไปในเวหาส ลูกศรเหลานัน้ ของมนั หลดุ ลอยขน้ึ ไปแลว ตกลงทีก่ ายของมันเองเปรตนั้นรอ งครวญคราง . . . ครัง้ น้ัน พระผมู พี ระภาคเจารบั ส่ังกะภกิ ษุทั้งหลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย. . . สัตวน ้ันเคยเปนเพชฌฆาตอยูในพระนครราชคฤหน เี้ อง. . . เรื่องสูจโิ ลมเปรต โดยสมัยนนั้ พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาประทับ ณ พระเวฬวุ นั วิหารอันเปน สถานทีพ่ ระราชทานเหย่อื แกก ระแต เขตพระนครราชคฤห คร้ังนนั้ทา นพระลักขณะ กบั ทานพระมหาโมคคลั ลานะ . . .

พระวนิ ัยปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 594 ทานพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคชิ ฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหน ี้ ไดเห็นสจู ิโลมเปรตชาย มขี นเปนเข็มลอยไปในเวหาสเข็มเหลาน้ันของมัน หลุดลอยขึ้นไปแลว ตกลงทีก่ ายของมันเอง เปรตนน้ัรอ งครวญคราง . . . ครัง้ นั้น พระผูมีพระภาคเจา รับส่ังกะภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย . . .สัตวน น้ั เคยเปน นายสารถี อยใู นพระนครราชคฤหนี้เอง . . . เรื่องสจู กเปรต โดยสมัยน้ัน พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ นั วหิ ารอนั เปนสถานท่พี ระราชทานเหยือ่ แกกระแต เขตพระนครราชคฤห คร้งั นัน้ทา นพระลักขณะ กบั ทา นพระมหาโมคคัลลานะ . . . ทา นพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงมาจากคชิ ฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเ หน็ สูจกโลมเปรตชาย มขี นเปน เข็มลอยไปในเวหาส เขม็ เหลา น้นั ของมนั ทิ่มเขาไปในศีรษะ แลวออกทางปาก ทีมเขาไปในปาก แลว ออกทางอก ทิม่ เขา ไปในอก แลว ออกทางทอง ทิ่มเขาไปในทองแลวออกทางขาทงั้ สอง ทมิ่ เขา ไปไนขาทง้ั สอง แลวออกทางแขงท้งั สอง ทม่ิ .เขาไปในแขง ทงั้ สอง แลวออกทางเทาท้งั สอง เปรตนั้นรองครวญคราง . . . ครัง้ น้ัน พระผมู พี ระภาคเจา รับสง่ั กะภิกษุท้งั หลายวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย. . . สัตวนั้นเคยเปน คนสอเสยี ดอยใู น พระนครราชคฤหน้ีเอง. . . เรือ่ งกุมภณั ฑเปรต โดยสมัยนัน้ พระผูม พี ระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ พระเวฬวุ นั วหิ ารอันเปน สถานท่พี ระราชทานเหยอ่ื แกก ระแต เขตพระนครราชคฤห ครั้งน้ันทา นพระลักขณะ กบั ทานพระมหาโมคคัลลานะ . . .

พระวินยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 595 ทา นพระมหาโมคคัลลานะกลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคชิ ฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเห็นกุมภัณฑเปรตชาย มอี ณั ฑะโตเทาหมอ ลอยไปในเวหาส เปรตนั้นแมเมอื่ เดินไป ยอมยกอัณฑะเหลานน้ั แหละข้ึนพาดบาเดนิ ไป แมเมื่อนั่ง ก็ยอมนั่งบนอัณฑะเหลา น้นั แหละ ฝูงแรง เหย่ยี ว และนกตะกรุมพากนั โฉบ อยูขวักไขว จกิ สับโดยแรง จิกท้ิงยอื้ แยง สะบดั ซง่ึ เปรตนั้น อยูไ ปมา เปรตนนั้ รอ งครวญคราง . . . คร้งั น้นั พระผมู ีพระภาคเจารบั สั่งกะภิกษุทงั้ หลายวา ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย . . สตั วน ั้นเคยเปน ผพู ิพากษาโกงชาวบา น อยูในพระนครราชคฤหนเี้ อง . . . เรื่องคถู นมิ ุคคเปรต โดยสมยั น้นั พระผมู พี ระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระเวฬุวนั วหิ ารอนั เปน สถานที่พระราชทานเหย่อื แกก ระแต เขตพระนครราชคฤห ครัง้ นน้ัทานพระลกั ขณะ กับทานพระมหาโมคคัลลานะ . . . ทา นพระมหาโมคคลั ลานะกลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคชิ ฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหน้ี ไดเ หน็ คถู นิมุคคเปรตชาย ผจู มอยใู นหลมุ คถู ทวมศรี ษะ... ครัง้ นั้น พระผูม พี ระภาคเจารับส่งั กะภิกษุทง้ั หลายวา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย . . . สัตวน้นั เคยเปนชูก ับภรรยาของชายอน่ื อยใู นพระนครราชคฤหน้เี อง . . .

พระวินยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 596 เรือ่ งคูถขาทิเปรต โดยสมัยน้ัน พระผูมพี ระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ พระเวฬุวนั วหิ ารอนั เปนสถานทีพ่ ระราชทานเหย่ือแกกระแต เขตพระนครราชคฤห คร้งั นน้ัทา นพระลักขณะ กบั ทาน พระโมคคลั ลานะ. . . ทา นพระมหาโมคคลั ลานะ กลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน ี้ ไดเห็นคูถขาทิเปรตชาย ผจู มอยูในหลุมคูถทว มศรี ษะกําลงั เอามือทง้ั สองกอบคถู กนิ อยู . . . คร้งั น้นั พระผมู ีพระภาคเจา รบั สง่ั กะภกิ ษทุ ้ังหลายวา ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย. . . สัตวนน้ั เคยเปน พราหมณผ ูช ั่วชา อยูใ นพระนครราชคฤห นี้เองครัง้ ศาสนาพระกัสสปสัมมาสมั พุทธเจา พราหมณนน้ั นิมนตพ ระภกิ ษสุ งฆด ว ยภตั ตาหารแลว เทคูถลงในรางจนเต็ม สัง่ คนใหไปบอกภตั กาล แลวไดกลาวคําน้วี า ขอทานผเู จริญทงั้ หลาย จงฉนั อาหารและนาํ ไปไหพ อแกค วามตอ งการจากสถานทีน่ ้ี ดวยวบิ ากแหง กรรมนั้น เขาหมกไหมในนรก หลายป หลายรอยป หลายพันป หลายแสนป แลว ไดประสบอัตภาพเชนนี้ ดว ยวิบากแหงกรรมน้นั แหละ ซึ่งยังเปนสวนเหลอื อยู ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย โมคคัลลานะพดู จริง โมคคัลลานะไมต องอาบตั ิ. เร่ืองนจิ ฉวติ ถีเปรต โดยสมัยนั้น พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ พระเวฬวุ ัน วหิ ารอันเปนสถานทพ่ี ระราชทานเหยื่อแกกระแต เขตพระนคร ราชคฤห ครัง้ น้ันทานพระลกั ขณะ กบั ทานพระมหาโมคคลั ลานะ. . .

พระวนิ ัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 597 ทานมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคชิ ฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเห็นนิจฉวิตถเี ปรตหญิง ไมม ีผิวหนัง ลอยไปในเวหาส ฝงู แรง เหยย่ี ว และนกตะกรุม พากนั โฉบอยขู วกั ไขว จกิ สับโดยแรงจิกท้ิงยื้อแยง สะบดั ซง่ึ เปรตหญิงนั้นอยูไปมา เปรตหญิงนั้น รองครวญคราง . . . คร้งั นั้น พระผมู ีพระภาคเจารบั สัง่ กะภกิ ษทุ ้งั หลายวา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย. . . เปรตหญิงนั้น. . . เคยเปน หญิงประพฤตินอกใจสามี อยูในพระนครราชคฤหน้เี อง . . . ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย โมคคลั ลานะพดู จริง โมคคัลลานะไมตอ งอาบตั ิ. เรอ่ื งมังคุลิตถีเปรต โดยสมยั นั้น พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ ันวหิ ารอนั เปน สถานท่พี ระราชทานเหยื่อแกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครง้ั น้นัทานพระลักขณะกับทา นพระมหาโมคคลั ลานะ. . . ทา นพระมหาโมคคลั ลานะกลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเ ห็นมังคลุ ติ ถเี ปรตหญงิ มรี ปู รา งนา เกลียด มีกลิ่นเหมน็ ลอยไปในเวหาส ฝงู แรง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากนั โฉบอยูขวกั ไขว จกิ สบั โดยแรง จิกท้ิงยื้อแยง สะบดั ซึ่งเปรตหญงิ นัน้ อยไู ปมาเปรตหญงิ นั้นรอ งครวญคราง. . . คร้งั นั้น พระผูม พี ระภาคเจารับส่งั กะภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย . . . เปรตหญิงนั้นเคยเปน แมม ดอยูในพระนครราชคฤห นเ้ี อง. . .

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 598 เรอ่ื งโอกลิ นิ ีเปรต โดยสมยั นนั้ พระผูมพี ระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระเวฬุวันวิหารอนั เปน สถานที่พระราชทานเหยือ่ แกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครง้ั น้ันทานพระลักขณะกับทา นพระมหาโมคคลั ลานะ. . . ทา นพระมหาโมคคลั ลานะกลาววา อาวุโส ผมลงจากคชิ ฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเห็นโอกลิ ินีเปรตหญงิ มีรา งกายถูกไฟลวก มีหยาดเหง่อื ไหลหยด มถี า นเพลงิ โปรยลง ลอยไปในเวหาส เปรตหญิงน้นัรองครวญคราง . . . ครง้ั นนั้ พระผมู พี ระภาคเจา รับส่ังกะภิกษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย . . . เปรตหญิงนัน้ เคยเปน อคั รมเหสีของพระเจา กาลงิ คะ นางเปนคนขี้หงึ ไดเ อากระทะเต็มดว ยถานเพลิงคลอกสตรรี วมพระราชสามี. . . เรอ่ื งอสสี กพันธเปรต โดยสมัยน้นั พระผมู พี ระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระเวฬุวนั วหิ ารอันเปน สถานท่ีพระราชทานเหยอ่ื แกก ระแต เขตพระนครราชคฤห ครง้ั นัน้ทา นพระลักขณะ กบั ทา นพระมหาโมคคลั ลานะ . . . ทานพระมหาโมคคลั ลานะกลาววา อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน้ี ไดเ หน็ อสสี กพนั ธเปรตมีศรี ษะขาดลอยไปในเวหาสตาและปากของมนั อยทู ี่อก ฝงู แรง เหย่ยี ว และนกตะกรุม พากันโฉบอยูขวกั ไขว จิกสบั โดยแรง จิกทิ้งย้ือแยง สะบดั ซึ่งเปรตนนั้ อยูไปมา เปรตนัน้รอ งครวญคราง . . .

พระวินยั ปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 599 คร้งั นั้น พระผมู พี ระภาคเจา รับส่ังกะภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย. . .สตั วน้ันเคยเปนเพชฌฆาตผูฆา โจร ชือ่ ทามรกิ ะ อยใู นพระนครราชคฤห นีเ้ อง . . . เรือ่ งภกิ ษเุ ปรต โดยสมยั นัน้ พระผูมีพระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ พระเวฬุวัน วหิ ารอนั เปนสถานทพ่ี ระราชทานเหยื่อแกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครง้ั นน้ัทา นพระลกั ขณะ กับทา นพระมหาโมคคลั ลานะ ทานพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวุโส ผมลงจากคชิ ฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน ้ี ไดเ ห็นภกิ ษเุ ปรตลอยไปใน เวหาส สังฆาฏิ บาตรประคดเอว และ รางกายของมัน ถกู ไฟตดิ ลกุ โชน เปรตนัน้ รอ งครวญคราง . . . ครง้ั นั้น พระผมู พี ระภาคเจา รับสั่งกะภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย. . . ภกิ ษุเปรตน้นั เคยเปนภิกษผุ ูลามก ในศาสนาของพระกสั สปสัมมาสมั พทุ ธเจา . เร่ืองภิกษณุ เี ปรต โดยสมยั นัน้ พระผมู พี ระภาคพุทธเจา ประทบั อยู ณ พระเวฬุวันวิหารอันเปนสถานที่พระราชทานเหยื่อแกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครงั้ นน้ัทานพระลักขณะกับทานพระมหาโมคคลั ลานะ.. ทา นพระมหาโมคคัลลานะกลา ววา อาวโุ ส ผมลงจากคชิ ฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหนี้ ไดเ หน็ ภกิ ษณุ ีเปรตลอยไปในเวหาส สังฆาฏิ บาตรประคดเอว และรางกายของมนั ถกู ไฟตดิ ลุกโชน เปรตน้ันรอ งครวญคราง . . .

พระวินัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 600 ครั้งนั้น พระผูม พี ระภาคเจารบั สง่ั กะภกิ ษุท้ังหลายวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย . . . ภกิ ษุณเี ปรตนน้ั เคยเปน ภิกษุณผี ลู ามก ในศาสนาของพระกสั สปสมั มาสมั พทุ ธเจา . . . เรื่องสิกขมานาเปรต โดยสมยั นั้น พระผูม ีพระภาคพุทธเจา ประทบั อยู ณ พระเวฬุวันวิหารอันเปนสถานทพี่ ระราชทานเหยื่อแกกระแต เขตพระนครราชคฤห ครั้งนัน้ทานพระลกั ขณะกับทา นพระมหาโมคคลั ลานะ . . . ทา นพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคิชฌกฏู บรรพตเขตพระนครราชคฤหน ้ี ไดเ ห็นสิกขมานาเปรต ลอยไปในเวหาส สงั ฆาฏิบาตร ประคดเอว และรางกายของมนั ถกู ไฟติดลุกโชน เปรตนนั้ รองครวญคราง . . . คร้งั นัน้ พระผมู ีพระภาคเจา รับสง่ั กะภิกษุทง้ั หลายวา ดกู อนภิกษุทง้ัหลาย. . . สิกขมานาเปรตน้นั เคยเปนสกิ ขมานาผูลามก ในศาสนาของ พระกสั สป-สมั มาสมั พทุ ธเจา . . . เรือ่ งสามเณรเปรต โดยสมยั น้นั พระผูมีพระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ ันวหิ าร อันเปน สถานท่ีพระราชทานเหยือ่ แกก ระแต เขตพระนครราชคฤหครง้ั นั้น ทานพระลักขณะกับทานพระมหาโมคคลั ลานะ. . . . ทา นพระมหาโมคคัลลานะกลาววา อาวโุ ส ผมลงจากคชิ ฌกูฏบรรพตเขตพระนครราชคฤหน ี้ ไดเหน็ สามเณรเปรตลอยไปในเวหาส สงั ฆาฏิ บาตรประคดเอว และรางกายของมัน ถกู ไฟติคลุกโชน เปรตนัน้ รองครวญคราง . . .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook