Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_02

tripitaka_02

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:33

Description: tripitaka_02

Search

Read the Text Version

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 201ไถยจิต ทัง้ อวหารก็ไมมเี ลย เพราะอาํ นาจแหง การเดนิ ทาง และเมอ่ื มพี วกโจรดักอยูในระหวางทาง แมเ มื่อภิกษุกลา ววา เฮย ! พวกโจรซมุ ดักแลว,แกจงรบี หนีไป จงรีบมาไป ดังน้ี พระอาจารยทง้ั หลาย กไ็ มปรบั เปนอวหารเพราะเธอกลาวเพ่ือตอ งการใหพ นจากอันตรายแตโจร ดว ย ประการฉะนี้. จบกถาวาดว ยสตั วม ชี ีวติ กถาวา ดวยสัตวไมมีเทา บรรดาสตั วไมมเี ทาทงั้ หลาย ทชี่ ือ่ วา งู มเี จา ของ คอื งูท่พี วกหมองูเปนตน จบั ไว เมื่อใหเ ลน ยอมไดค า ดูกึ่งบาทบาง บาทหน่งึ บาง กหาปณะหนึ่งบาง, แมเ ม่อื จะปลอ ยออก ก็รบั เอาเงินและทองแลว แลจึงปลอยออก. เจาของงูเหลานน้ั ไปยงั โอกาสท่ภี กิ ษุบางรูปนั่งแลว วางกลอ งงูไว นอนหลบั ไป หรอืไปในท่ไี หน ๆ เสยี . ถาภิกษุนั้นจับกลอ งนน้ั ในสถานทนี่ ัน้ ดว ยไถยจิต ตองทกุ กฏ. ทําใหไหวตองถลุ ลจั จัย, ใหเ คล่อื นจากฐาน ตองปาราชกิ . แตถ าเธอเปด กลอ งออกแลวจับงูท่ีคอ ตองทุกกฏ, ยกงขู นึ้ ตอ งถลุ ลัจจัย, เมื่อเธอยกขึ้นใหต รง ๆ พอเมือ่ หางงูพนจากพืน้ กลองเพียงปลายเสนผม กต็ องปาราชกิ . เม่อืเธอดงึ ครูดออกไป พอหางงพู น จากขอบปาก (กลอ ง) ไป ตอ งปาราชิก.

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 202เธอเปด ปากกลอ งออกนดิ หนอยแลว ตี หรือรอ งเรียกออกชือ่ วา เฮย ! จงเล้ือยออกมา แลว ใหเ ลอื้ ยออก ตอ งปาราชกิ . เธอเปด ออกเหมือนอยา งนน้ั แลวจงึ ทาํ เสียงกบรอ ง หรือเสียงหนูรอ ง หรอื โปรยขาวตอกลงตาม แลว รอ งเรียกออกซึง่ หรือดีดน้ิวมือก็ตาม แมเม่ืองูเล้ือยออกไป ดวยกิรยิ าท่ีทาํ เสยี งเปนตนอยา งน้นั ก็ตองปาราชิก. เมอ่ื เธอไมไ ดเ ปด ปากออก แตไดทาํ กิรยิ าอยางน้ันงหู ิวจดั จงึ ชศู รี ษะขน้ึ ดันฝากลอง ทําชองแลว กเ็ ลอ้ื ยหนีไป เปน ปาราชิกเหมอื นกัน. แตเ มื่อเธอเปด ปากออกแลว งเู ลอ้ื ยออกหนไี ปเสยี เอง ยอมเปนภณั ฑไทย. แมถา เธอเปดปากออกกต็ าม ไมไดเปดออกก็ตาม แตไ ดท ําเปนเสียงกบและเสยี งหนรู อง หรอื โปรยขา วตอกลงเทานั้นอยา งเดียว ไมไ ดร องเรียกระบชุ ่ือ หรอื ไมไ ดดดี นว้ิ มือ, เพราะหวิ จัด งคู ดิ วา จกั กนิ กบเปนตนจงึ เลอื้ ยออกหนีไป เปนภัณฑไทยเหมอื นกัน. ในอธิการน้ี ปลาอยา งเดียวมาแลวดว ย อปท ศพั ท. ก็คําที่จะพึงกลา วในปลานี้ ขา พเจาไดก ลา วไวแลวในภณั ฑะตง้ั อยูใ นน้าํ น่นั เทยี ว ฉะนแี้ ล. จบกถาวา ดวยสัตวไมมีเทา

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 203 กถาวา ดวยสตั ว ๒ เทา บรรดาสตั วส องเทาทง้ั หลาย พระผมู พี ระภาคเจา เมอื่ จะทรงแสดงจําพวกสัตว ๒ เทา ซึ่งใคร ๆ อาจลกั เอาไปได จึงตรสั คาํ วา มนสุ ฺสาปกขฺ ชาตา เปนตน . สวนพวกเทวดา ใคร ๆ ไมอาจลกั เอาไปได. ทช่ี ื่อวานก เพราะอรรถวา สัตวเหลา น้นั มปี ก เกดิ แลว . สตั วมปี กเหลานน้ั มี ๓จําพวก คือ มีขนเปน ปกจาํ พวกหน่งึ มหี นงั เปน ปกจาํ พวกหน่งึ มีกระดูกเปน ปกจําพวกหนึ่ง, บรรดาสตั วเ หลา นน้ั นกยูงและไกเ ปนตน พงึ ทราบวามีขนเปน ปก , คางคาวเปนตน พึงทราบวา มหี นังเปนปก , แมลงภูเปน ตนพึงทราบวา มกี ระดกู เปน ปก. ในอธกิ ารน้ี มนษุ ยและนกเหลานั้นท้ังหมดมาแลวดว ยทวิปทศพั ทลว น ๆ. สว นคาํ ท่จี ะพึงกลาวในสตั ว ๒ เทาน้ี ขาพเจาไดก ลา วไวแ ลว ในภัณฑะทอ่ี ยใู นอากาศ และสตั วม ชี วี ติ น่นั เทียว ฉะน้แี ล. จบกถาวา ดวยสตั ว ๒ เทา

พระวินัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 204 กถาวา ดว ยสัตว ๔ เทา พึงทราบวนิ จิ ฉัย ในสตั ว ๔ เทาตอ ไป :- ชนิดแหง สัตว ๔ เทาท้ังหมด ที่เหลอื จากท่ีมาในพระบาลี พงึ ทราบวา ปศุสัตว สตั วเลย้ี ง. สตั วท้ังหลายมีชา งเปน ตน ปรากฏชัดแลวแล. บรรดาสตั วม ีชา งเปน ตน เหลา น้ันเม่อื ภกิ ษุลูบคลาํ ชา งดว ยไถยจติ เปน ทกุ กฏ. ทําใหไหว เปน ถุลลัจจัย. สวนภิกษุรูปใด มกี ําลงั มาก ใชศรี ษะทูนเอาลกู ชางตวั ยงั ออ น ที่ตน สะดอื ขึน้เพราะความเมากําลงั ใหเทา ท้งั ๔ และงวงพน จากดนิ แมเพยี งปลายเสน ผม,ภกิ ษรุ ปู นน้ั ตอ งปาราชกิ . แตชา งบางเชอื กเขาผกู ขังไวโ นโรงชาง, บางเชอื กยืนอยู ไมไ ดผกู เลย บางเชือกยนื อยภู ายในทอ่ี ยู, บางเชือกยืนอยทู พี่ ระลานหลวง. บรรดาชา งเหลา น้นั ชา งเชอื กทีผ่ ูกคอชางไวในโรงชา ง มีฐาน ๕ คือเครื่องผูกที่คอ และเทาทงั้ ๔. สาํ หรับชา งเชอื กทเ่ี ขาเอาโซเหล็กผูกไวท คี่ อและทีเ่ ทาขางหนงึ่ มฐี าน ๖. ชา งเชือกทเ่ี ขาผกู ไวท คี่ อและทเ่ี ทา ท้งั ๒ มฐี าน ๗.พงึ ทราบการทาํ ใหไ หว และใหเคล่อื นจากฐาน ดวยอํานาจแหง ฐานเหลา น้ัน.โรงชา งท้ังสน้ิ เปน ฐานของชางเชอื กทีเ่ ขาไมไดผูกไว, เปน ปาราชิก ในเม่ือใหกาวลว งจากโรงชางน้ันไป. พน้ื ทีภ่ ายในท่ีอยูท้งั สน้ิ น่ันแล เปนฐานของชางเชอื กยืนอยภู ายในท่อี ย,ู เปนปาราชกิ ในเม่ือใหล ว งเลยประตูท่ีอยูของชา งนน้ั ไป. พระนครทงั้ ส้นิ เปนฐานของชา งเชือกทย่ี ืนอยูท พี่ ระลานหลวง, เปนปาราชิก ในเมือ่ ใหชา งน้นั ลวงเลยประตพู ระนครไป. สถานทีย่ นื อยนู ่ันเองเปนฐานของชา งเชอื กท่ียนื อยูภ ายนอกพระนคร. ภิกษุเม่ือลกั ชา งนัน้ ไป พงึ

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 205ปรับดวยอยา งเทา. สําหรับชา งที่นอนอยู มีฐานเดียวเทานั้น. เมือ่ ภกิ ษุไลใหชา งลกุ ขึ้น ดว ยไถยจิต พอชา งลกุ ข้ึนแลว เปนปาราชกิ , ถงึ ในมา ก็มีวนิ ิจฉัยเหมือนกนั น้แี ล. แมถ ามานัน้ ถูกเขาลา มไวท ่เี ทา ทั้ง ๔ เทยี ว พงึ ทราบวา มฐี าน ๘. ถงึ ในอฐู ก็มนี ยั เชน นี้. แมโคบางตัวเปน สตั วที่เขาผกู ขังไวใ กลเรือน. บางตวั ยนื อยไู มไ ดผกู ไวเลย, แตบ างตวั เขาผูกไวในคอก, บางตวักย็ ืนอยไู มไดผูกไวเลย. บรรดาโคเหลาน้ัน โคท่ีเขาผกู ขงั ไวใกลเรอื น มฐี าน ๕ คือ เทาทั้ง ๔และเคร่อื งผูก. เรอื นทงั้ ส้ิน เปนฐานของโคที่ไมไดผกู . โคท่เี ขาผูกไวในคอกก็มีฐาน ๕. คอกท้ังสน้ิ เปน ฐานของโคทไ่ี มไ ดผกู . ภกิ ษุใหโ คนน้ั ลวงเลยประตูคอกไป ตอ งปาราชกิ . เมื่อเธอทาํ ลายคอกลกั ไปใหลวงเลยประตคู อกไปเปนปาราชกิ เธอเปด ประตูออก หรือทําลายคอกแลว ยืนอยูขางนอก แลวรอ งเรียกออกชือ่ บงั คบั ใหโ คออกมา ตองปาราชิก. แมส าํ หรับภกิ ษผุ ูแ สดงก่งิ ไมท ีห่ ักได ใหโ คเหน็ แลว เรยี กมา กม็ นี ัยเหมือนกนั นัน่ แหละ. เธอไมไดเปดประตู คอกก็ไมไดทาํ ลาย เปน แตส ่ันกงิ่ ไมท ่ีหักไดแลว เรยี กโคมา. โคกระโดดออกมาเพราะความหิวจดั เปน ปาราชกิ เหมอื นกนั . แตถ า เมื่อเธอเปดประตอู อก หรือทําลายคอกแลว โคกอ็ อกมาเสยี เอง เปน ภัณฑไทย. เธอเปดประตู หรอื ไมไ ดเ ปดกต็ าม ทาํ ลายคอก หรอื ไมไ ดทําลายก็ตาม เปนแตส ่ันกงิ่ ไมท ่ีหักไดอ ยางเดียว ไมไดเ รยี กโค. โคเดินออกมาหรือกระโดดออกมา เพราะความหิวจดั เปน ภัณฑไทยเหมอื นกัน. โคท่เี ขาลามไวกลางบา นยืนอยูตวั หนง่ึ นอนอยตู ัวหนึ่ง. โคตัวทย่ี นื อยูมีฐาน ๕. ตัวท่นี อนอยมู ฐี าน ๒.พึงทราบการทําใหไหว และใหเคลอ่ื นจากฐาน ดวยอาํ นาจแหงฐานเหลา น้ัน.

พระวนิ ัยปฎก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 206กภ็ ิกษรุ ูปใดไมไ ดไลใ หโ คที่นอนอยลู กุ ขน้ึ แตใ หฆ า เสยี ในที่นัน้ น่ันเอง เปนภณั ฑไทยแกภิกษุรปู นัน้ . กบ็ า นทง้ั ส้นิ เปน ฐานของโคตวั ยืนอยใู นบา นที่ไดประกอบประตลู อ มไวเ ปนอยางดี สําหรบั โคตวั ทย่ี ืนอยู หรือทเี่ ท่ยี วไปในบานซึง่ ไมไ ดล อม สถานท่ี ๆ เทา ท้ัง ๔ ย่าํ ไปย่ํามานนั้ เอง เปน ฐาน. แมในสตั วทัง้ หลาย มลี า และปศุสัตวเปน ตน กม็ ีวินจิ ฉยั เหมือนกันนน้ี ่นั แล. จบกถาวาดว ยสัตว ๔ เทา กถาวา ดวยสัตวม ีเทา มาก พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในสัตวม ีเทามากตอ ไป :- ถาวตั ถุปาราชิกเต็มดว ยตะขาบตวั เดียว เมอ่ื ภกิ ษลุ กั ตะขาบตัวน้ันไปดว ยเทา เปน ถลุ ลัจจัย ๙๙ ตัว,เปน ปาราชิกตวั เดียว. คําท่ีเหลือ มนี ยั ดงั ท่ีกลาวแลว นนั่ แล. จบกถาวาดวยสัตวม เี ทา มาก

พระวินัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 207 กถาวาดวยภิกษผุ สู ่งั ทช่ี ือ่ วาภิกษผุ ูสง่ั เพราะอรรถวา ประพฤติเลวทราม. ทา นกลาวอธบิ ายวา ยอมตามเขา ไปขางใน ในสถานทน่ี น้ั ๆ. บทวา โอจริตฺวา ความวา คอยกําหนด คือ คอยตรวจด.ู บทวา อาจิกขฺ ติ ความวา ภิกษุแกลงบอกทรัพยทเ่ี กบ็ ไวไ มดี ในตระกลู ของชนอืน่ หรือวิหารเปนตน ซึง่ มไิ ดจ ดั การอารักขาไวแ กภ ิกษรุ ปู อืน่ผูส ามารถจะทาํ โจรกรรมได. หลายบทวา อาปตตฺ ิ อภุ นิ นฺ  ปาราชิกสฺส ความวา เธอทั้งสองรูป ตองอาบัตปิ าราชกิ อยางน้ี คือ ในทรพั ยทจ่ี ะตองลกั ไดแ นน อน ภกิ ษุผสู ่งั เปน ในขณะสั่ง ภกิ ษุผูร บั สงั่ นอกน้ี เปนในขณะทาํ ใหเ คล่อื นจากฐานสว นภกิ ษรุ ูปใด ทาํ ปริยายโดยนัยเปน ตนวา ในเรือนไมม ผี ูชาย เขาเก็บทรัพยชือ่ โนน ไวใ นสวนหน่งึ ไมไ ดจ ดั การอารกั ขาไว ทั้งประตูก็ไมไ ดป ด, อาจจะลักเอาไปไดตามทางทไี่ ปแลว นั่นแหละ ชื่อวา บคุ คลผใู ดผหู นง่ึ ทจ่ี ะพงึ ไปลักเอาทรัพยน้ัน มาเลีย้ งชีวติ อยางลกู ผูชายไมม.ี และภิกษรุ ปู อื่นไดฟ ง คําน้ันแลวคดิ วา บดั นเี้ ราจักลกั เอา (ทรัพยน น้ั ) จงึ เดินไปลัก, เปนปาราชิกแกภ กิ ษรุ ปูนน้ั ในขณะทที่ าํ ใหเ คลื่อนจากฐาน. สวนภกิ ษุรูปนี้ไมเ ปนอาบัต.ิ จริงอยูภกิ ษผุ ูทําปริยายนัน้ ยอ มพน จากอทนิ นาทานโดยปรยิ าย ฉะนนั้ แล. จบกถาวาดวยภกิ ษุผูส ่ัง

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 208 กถาวาดว ยผรู ับของฝาก ท่ชี อื่ วา ภกิ ษุผรู บั ของฝาก เพราะอรรถวา รักษาทรพั ยท ่ีเขานาํ มาฝากไว. ภิกษุรปู ใด อนั ชนอ่ืน กลา ววา ทา นผเู จริญ ! ชวยดูแลทรัพยน้ีสักครู จนกวา กระผมจะทํากจิ ชือ่ นี้ แลวกลับมา ไดร กั ษาทรัพยท ่ีเขานาํ มาในสถานที่อยขู องตนไว, คาํ วา โอณิรกโฺ ข นน่ั เปน ช่อื ของภกิ ษผุ ูร ับของฝากนน้ั . เพราะเหตนุ น้ั นนั่ แล พระผูม ีพระภาคเจา จึงตรสั วา ที่ช่อื วาภิกษผุ ูร บั ของฝาก ไดแ ก ภิกษผุ ูรกั ษาทรัพยทเ่ี ขานํามาฝากไว ดงั น้.ี ในเรอื นนน้ั ภกิ ษุผรู บั ของฝาก ไมไดแกหอ ส่งิ ของทเี่ จา ของเขาผูกมดั ตราสินออกเลย โดยสว นมาก ตัดแตกระสอบหรอื หอ ขางลา งออกแลวถอื เอาแตเพียงเล็กนอ ย ทําการเยบ็ เปน ตน ใหเปนปกตเิ ดิมอกี สาํ หรับภิกษุผูคิดวา เราจกั ถอื เอาดว ยอาการอยางนั้น แลว ทาํ การจับตอ งเปนตน พึงทราบวาเปนอาบัติตามสมควร ฉะนแี้ ล. จบกถาวา ดวยภิกษผุ รู บั ของฝาก

พระวินยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 209 กถาวา ดว ยการชักชวนกนั ลกั การชักชวนกันลัก ชอ่ื วา สังวิธาวหาร. มคี ําอธิบายวา การลกั ทท่ี ําดวยความสมรูรว มคดิ กะกนั และกัน. บทวา สวทิ หติ วฺ า มีความวา ปรึกษาหารอื กนั ดว ยความเปนผูรว มฉนั ทะกัน คือ ดว ยความเปน ผรู ว มอัธยาศัยกนั . [ ภิกษหุ ลายรปู ชวนกนั ไปลกั ทรพั ย ตอ งอาบตั หิ มดทุกรปู ] วนิ จิ ฉัยในสังวธิ าวหารนัน้ ดงั น้ี ภิกษุหลายรปู ดว ยกัน ชกั ชวนกันวาพวกเราจกั ไปเรอื น ชื่อโนน จกั ทาํ ลายหลังคา หรอื ฝา หรือจกั ตดั ท่ีตอลกัของ. ในภิกษเุ หลานนั้ รูปหนง่ึ ลกั ของได, เปน ปาราชกิ แกภกิ ษุทง้ั หมด ในขณะยกภัณฑะนัน้ ขน้ึ . จรงิ อยู แมในคมั ภรี ป ริวาร พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรสั คํานีว้ า ๔ คน ไดช วนกนั ลกั ครภุ ณั ฑ ๓ คน เปนปาราชิก คนหนงึ่ ไมเ ปนปาราชิก ปญหาน้ีทานผฉู ลาดทง้ั หลายคดิ กันแลว *. เน้อื ความแหง คาํ นน้ั พึงทราบดังนี้ ๔ คน คอื อาจารยก ับอนั เตวาสกิเปนผใู ครจ ะลักครภุ ณั ฑ ราคา ๖ มาสก. ใน ๔ คนนั้นอาจารยส่งั วา คณุ จงลกั ๑ มาสก คณุ จงลัก ๑ มาสก คุณจงลัก ๑ มาสก ฉันจักลัก ๓ มาสก.ฝายบรรดาอันเตวาสิกท้งั หลาย อนั เตวาสกิ รปู หน่ึง กลา ววา ใตเทา จงลัก ๓มาสก นะขอรบั ! คณุ จงลัก ๑ มาสก คุณจงลกั ๑ มาสก ผมจักลกั ๑ มาสกแมอันเตวาสิก ๒ รปู นอกจากน้ี กไ็ ดกลาวอยา งน้ันเหมอื นกัน. บรรดาชน* วิ. ปรวิ าร. ๘/๕๓๐.

พระวินัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 210๔ คนนั้น มาสกหนึง่ ของอันเตวาสิกคนหน่ึง ๆ ในพวกอนั เตวาสกิ เปน สาหัต-ถกิ อวหาร, เปน อาบตั ิทุกกฏแกอ ันเตวาสิกทง้ั ๓ คนนัน้ ดวยมาสกหน่ึงน้นั .๕ มาสกเปน อาณตั ตกิ อวหาร, เปน ปาราชกิ แกอนั เตวาสกิ ท้ัง ๓ คนดว ย ๕มาสกน้นั . สว น ๓ มาสก ของอาจารย เปนสาหตั ถิกะ, เปน ถลุ ลจั จัยแกอาจารยน ้นั ดว ย ๓ มาสกน้นั . ๓ มาสกเปนอาณตั ติกะ. แมดวย ๓ มาสกน้ันกเ็ ปนถลุ ลจั จยั เหมือนกนั . จรงิ อยู ในอทนิ นาทานสิกขาบทน้ี สาหตั ถกิ ะไมเปน องคของอาณตั ติยะ หรอื อาณัตตยิ ะไมเ ปนองคของสาหัตถิกะ. แตสาหัตถิยะพงึ ปรบั รวมกบั สาหตั ถยิ ะดว ยกันได. อาณัตติยะพึงปรับรวมกบั อาณัตตยิ ะดว ยกนั ได. เพราะเหตนุ ัน้ แล ทานจึงกลาววา ๔ คน ไดชวนกนั ลกั ครุภณั ฑ ๓ คน เปน ปาราชกิ คนหนง่ึ ไมเปน ปาราชกิ ปญ หา นีท้ า นผูฉลาดทั้งหลายคดิ กนั แลว.* อกี อยางหน่ึง เพือ่ ไมฉงนในสังวิธาวหาร พึงกาํ หนดจตกุ กะแมน้ีโดยใจความ คือ ของส่ิงเดยี ว มฐี านเดยี ว ของสิง่ เดยี ว มีหลายฐาน ของหลายสงิ่ มฐี านเดียว ของหลายสง่ิ มีหลายฐาน. ในจตกุ กะน้นั ขอ วาของส่งิ เดยี ว มฐี านเดียว น้นั คอื ภิกษุหลายรูป เห็นของมีราคา ๕ มาสกซึง่ เขาวางไวไมม ิดชดิ ทกี่ ระดานรา นตลาด ของสกุลหน่ึง จึงบงั คบั ภกิ ษุรูปหนง่ึ วา คุณจงไปลกั ของสิ่งน้ัน เปนปาราชกิ แกภ กิ ษทุ ง้ั หมด ในขณะท่ียกภณั ฑะขึน้ นน้ั . ขอ วา ของสิ่งเดยี ว มีหลายฐาน น้ัน คอื ภกิ ษหุ ลายรปู เหน็ มาสกซง่ึ เขาวางไวไมม ิดชิด บนกระดานรานตลาดหาแผน ๆ ละมาสก ของสกลุ หนง่ึ* วิ. ปริวาร. ๘/๕๓๐.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 211จงึ สง่ั บังคับภกิ ษรุ ูปหนึ่งวา คณุ จงไปลกั มาสกเหลานนั้ เปนปาราชิกแกท ุกรูปในขณะท่ียกมาสกท่ี ๕ ขนึ้ . อางวา ของหลายสง่ิ มฐี านเดยี ว น้นั คอื ภกิ ษหุ ลายรูปเหน็ ของมีราคา ๕ มาสก หรือเกนิ กวา ๕ มาสก เปน ของ ๆ คนหลายคน ซึ่งวางไวลอแหลมในทีเ่ ดียวกัน จงึ สัง่ บงั คับภกิ ษรุ ปู หนึง่ วา คุณจงไปลกั ของนัน้ เปนปาราชกิ แกทุกรปู ในขณะยกภณั ฑะนั้นขน้ึ . ขอวา ของหลายสิ่ง มีหลายฐาน นนั้ คือ ภกิ ษุหลายรูปเห็นมาสกของหาสกุล ๆ ละหนง่ึ มาสกซงึ่ วางไวล อ แหลม บนกระดานรานตลาดหาแผน ๆละหนึ่งมาสก จึงสั่งบังคบั ภิกษุรูปหน่ึงวา คุณจงไปลกั มาสกเหลา นน้ั . เปนปาราชิกแกทุกรปู ในขณะทยี่ กมาสกท่ี ๕ ขนึ้ ดวยประการฉะนี.้ จบกถาวาดว ยการชักชวนกนั ลัก

พระวนิ ัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 212 กถาวาดว ยการนัดหมาย กรรมเปน ทหี่ มายรกู ัน ชื่อวา สงั เกตกรรม. อธิบายวา การทําความหมายรูกัน ดว ยอํานาจกําหนดเวลา. ก็ในสังเกตกรรมน้ี เมอื่ ภิกษผุ ูใชส่ังวา คุณจงลกั ในเวลากอนอาหาร ภิกษผุ ูร ับใชจะลักในเวลากอ นอาหารวนั นี้หรือพรุงนี้ หรือในปห นากต็ ามท,ี ความผดิ สังเกตยอมไมม ี, เปน ปาราชิกแมแกเธอทัง้ ๒ รปู ตามนัยทกี่ ลา วแลว ในภิกษผุ ูคอยกาํ หนดสั่งนนั่ แล. แตเมอื่ ภิกษุผใู ชส ั่งวา คุณจงลกั ในเวลากอ นอาหารวันนี้ ภกิ ษุผูรับใช ลกั ในวันพรงุ น้,ี สง่ิ ของนนั้ ยอมเปนอนั ภิกษุผรู ับใชลักมาภายหลัง ลวงเลยกาํ หนดหมายน้ัน ที่ผูใ ชก ําหนดไวว า วันนี,้ ถาเมื่อภิกษุผใู ชส ัง่ วา จงลกั ในเวลากอ นอาหารพรุง น้ี ภิกษุผูร ับใชล กั ในเวลากอ นอาหารวันนี้, สิ่งของน้ันยอมเปน อันผูรบั ใชลกั มาเสยี กอ น ยังไมทนั ถงึ กําหนดหมายนนั้ ทผ่ี ใู ชกําหนดวาพรงุ น้ี, เปน ปาราชิก เฉพาะภกิ ษุผลู กั ซ่งึ ลักดวยอวหารอยางนั้นเทา นั้น,ไมเปน อาบตั ิแกผูใชซ ่งึ เปน ตนเหตุ ในเมอ่ื ผูใชสั่งวา จงลกั ในเวลากอนอาหารพรงุ น้.ี ฝายภกิ ษผุ ูรบั ใช ลักในวนั น้นั นั่นเอง หรือในเวลาหลังอาหารพรงุ น้ีพงึ ทราบวา ลกั มาเสียกอ นและภายหลงั การนดั หมายน้ัน. แมในเวลาหลงัอาหารกลางคืนและกลางวัน ก็มนี ยั เหมอื นกันน.้ี กใ็ นสังเกตกรรมน้ัน พึงทราบความถกู นัดหมาย และความผดิ การนัดหมาย แมด วยอํานาจแหงเวลามปี ุรมิ ยาม มัชฌิมยาม ปจ ฉิมยาม กาลปกข ชุณหปก ข เดอื น ฤดู และปเปนตน .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 213 ถามวา เม่อื ภิกษผุ ูใ ชส ่งั วา จงลกั ในเวลากอ นอาหาร ภกิ ษผุ รู บั ใชพยายามอยู ดว ยอันคดิ วา จักลักในเวลากอ นอาหารนน่ั เอง และสง่ิ ของน้ันยอ มเปนอันเธอลกั มาได ในเวลาหลังอาหาร; ในอวหารขอน้ี เปน อยางไร ? แกวา พระมหาสุมเถระ กลาวไวกอ นวา น่ันเปนประโยคในเวลากอนอาหารแท; เพราะเหตุน้ัน ภกิ ษุผสู ั่งซงึ่ เปน ตนเหตุ ยอ มไมพน . สว นพระมหาปทมุ เถระ กลา ววา ชื่อวาผดิ การนดั หมาย เพราะลวงเลยกาํ หนดกาลไป; เพราะเหตนุ ้นั ภกิ ษผุ ูส่งั ซึง่ เปนตน เหตจุ งึ รอดตวั ไป. จบกถาวาดวยการนดั หมาย กถาวา ดว ยการทํานมิ ติ การทาํ นมิ ติ บางอยาง เพ่อื ใหเ กิดความหมายรู ชอ่ื วา นมิ ติ กรรม.นมิ ิตกรรมนั้น พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไว ๓ อยาง โคuนัยเปนตน วาเราจกั ขยิบตา ก็ด.ี กก็ ารทาํ นมิ ติ แมอ ยา งอื่น มเี ปน อเนกประการเปน ตน วาแกวงไกวมือ ปรบมือ ดีดนิ้วมอื เอยี งคอลงไอ และกระแอม พงึ สงเคราะหเขาในนิมิตกรรมนี้ สว นคาํ ทเ่ี หลือในนิมติ กรรมน้ี มนี ัยดังกลา วแลวในสังเกต-กรรมนน้ั ทีเดยี วแล. จบกถาวา ดวยการทาํ นมิ ิต

พระวนิ ยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 214 กถาวา ดวยการสั่ง บัดนี้ เพ่ือความไมฉงนในสังเกตกรรม และนมิ ติ กรรมเหลา นน้ี ่นั เองพระผูมีพระภาคเจา จึงตรัสวา ภิกขฺ ุ อาณาเปติ ดังนีเ้ ปนตน. บรรดาบทเหลา นั้น หลายบทวา โส ต มฺมาโน ความวาภกิ ษุผูลกุ นั้น เขา ใจทรัพยที่ภิกษผุ ูสัง่ บอกทํานิมติ เครื่องหมายไวว า เปนทรัพยน้ัน จึงลักทรพั ยนนั้ นั่นแล. เปน ปาราซิกทั้ง ๒ รูป. หลายบทวา โส ต มฺ มาโน อฺ ความวา ภิกษผุ ูลกั น้ันเขาใจทรพั ยที่ภิกษุผูสงั่ ๆ ใหล กั วา เปนทรพั ยนน่ั แตล ักทรพั ยอ ่ืนที่เขาเก็บไวในทีน่ ั้นน่ันแล. ภิกษผุ สู งั่ ซง่ึ เปนตนเหตุ ไมเปนอาบตั .ิ หลายบทวา อฺ  มฺมาโน ต ความวา ภกิ ษุผูลักเขา ใจทรพั ยอ นื่ ทภี่ ิกษุผสู ่งั ทํานิมิตเคร่อื งหมายบอกไวอยางนี้วา ทรพั ยน้ีมรี าคานอ ย,แตท รพั ยอยา งอื่น ทเี่ ขาเก็บไวในที่ใกลทรัพยนั้นนน่ั เอง เปนทรัพยที่มีคณุ คาดังน้ี จงึ ลักทรัพยน้นั นั่นเอง เปนปาราชกิ ทงั้ ๒ รูป หลายบทวา อฺ  มฺ มาโน อฺ ความวา ภกิ ษผุ ลู ักนั้นยอมเขา ใจโดยนยั กอนนนั่ แลวา ทรพั ยอยางอน่ื น.้ี ทีเ่ ขาเกบ็ ไวใ นท่ใี กลทรพั ยนน้ั น่ันเอง เปนทรัพยท่มี ีคณุ คา ดังน,้ี ถาทรัพยทล่ี กั มาน้ันเปนทรพั ยอ ยา งอ่นืนนั่ แล, เปนปาราชิกแกเธอผูลกั เทานน้ั . ในคําวา อติ ถฺ นาฺ มสสฺ ปาวท เปน ตน มวี นิ ิจฉัยดงั นี้ :- พงึ เห็นอาจารยรปู หน่ึง อันเตวาสกิ ๓ รปู มชี อ่ื วา พทุ ธรกั ขิต ธรรมรักขติ และสังฆรกั ขิต.

พระวินยั ปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 215 บรรดาบทเหลาน้ัน หลายบทวา ภิกขุ ภิกขุ อาณาเปติ ความวาอาจารยก าํ หนดทรัพยบางอยา ง ในสถานท่บี างแหง แลวสั่งพระพทุ ธรกั ขติเพือ่ ตองการลักทรพั ยนั้น. สองบทวา อติ ถฺ นฺนามสสฺ ปาวท ความวา (อาจารยส ั่งวา ) ดกู อ นพทุ ธรกั ขิต ! คณุ จงไปบอกเน้อื ความนนั่ แกพระธรรมรักขิต. หลายบทวา อิตฺถนนฺ าโม อิตถฺ นฺนามสฺส ปาวทตุ ความวาแมพ ระธรรมรกั ขิต จงบอกแกพ ระสงั ฆรักขติ . พระธรรมรักขิตถกู ทา นสั่งอยา งนีว้ า ภิกษชุ ่ือน้ี จงลักสิง่ ของชื่อนี้แลวส่งั พระสงั ฆรักขิตวา จงลกั สง่ิ ของชื่อน้ี ; แทจริงบรรดาเราทั้งสอง ทานสังฆรักขิต เปน คนมีชาตกิ ลา หาญสามารถในกรรมน.ี้ สองบทวา อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส ความวา เปน ทุกกฏ แกอ าจารยผสู ง่ั อยางนี้กอน. แตถ า คําส่ังนั้น ดาํ เนนิ ไปตามความประสงค ถุลลัจจยั ทา นปรบไวขา งหนานนั่ แล ยอ มมีในขณะสง่ั , ถา สิง่ ของนั้นจะตอ งลักมาไดแนนอน,ปาราชกิ ท่ตี รัสไวข า งหนาวา ทกุ รูปตอ งปาราชกิ ดงั น้ี ยอมมแี กอาจารยนี้ในขณะน้นั น่นั เอง เพราะดํารสั ที่ตรัสไวน น้ั , ความยุกตนิ ี้ บัณฑิตพึงทราบในท่ีท้ังปวง ดว ยประการอยางน้.ี หลายบทวา โส อติ รสสฺ อาโรเจติ ความวา ภกิ ษุผูร ับส่ังบอกวาพระพุทธรกั ขติ บอกพระธรรมรักขติ และพระธรรมรกั ขติ บอกพระสงั ฆ-รกั ขติ วา อาจารยข องพวกเรา กลา วอยางนวี้ า ไดยินวา คณุ จงลกั ทรพั ยช อ่ื นี้ไดยินวา บรรดาเราทง้ั ๒ ตัวทา นเปนบุรุษผูกลา หาญ ดงั น,ี้ เปน ทุกกฏแมแ กเธอเหลานน้ั เพราะมีการบอกตอ กันไป ดวยอาการอยา งนั้นเปนปจ จัย. สองบทวา อวหารโก ปฏิคฺคณหฺ าติ ความวา พระสังฆรกั ขติรบั วา ดีละ ผมจกั ลัก.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 216 หลายบทวา มลู ฏสสฺ อาปตฺติ ถุลลฺ จจฺ ยสสฺ ความวา พอพระสังฆรักขิตรบั คําส่ัง เปน ถลุ ลจั จยั แกอ าจารย, เพราะคนหลายคนถูกอาจารยน้ันชักชวนแลว ในบาปแล. หลายบทวา โส ต ภณฑฺ  ความวา ถาภิกษนุ ั้น คือ พระสังฆรักขิตลกั สงิ่ ของนั้นมาไดไซร, เปน ปาราชิกทั้งหมด คือ ทั้ง ๔ คน, และหาเปนปาราชิกแก ๔ คน อยางเดยี วไม, สมณะตัง้ รอ ย หรอื สมณะตง้ั พนั ก็ตามทส่ี ง่ั โดยสบื ตอกนั ไป ไมท ําใหผ ดิ การนดั หมาย โดยอบุ ายยอยางนนั้ เปนปาราชิกดวยกันทงั้ หมดทเี ดยี ว. ในทุติยวาร พงึ ทราบวินิจฉัยดังน้ี :- หลายบทวา โส อฺ อาณาเปติ ความวา ภกิ ษนุ ั้น คือพระพทุ ธรักขิต อนั อาจารยส ั่งไวแลว แตไ มพ บพระธรรมรักขิต หรอื เปนผูไมอ ยากจะบอก จงึ เขาไปหาพระสังฆรกั ขติ ทเี ดียว แลว สั่งวา อาจารยข องพวกเราส่ังไวอ ยางนว้ี า ไดย ินวา คณุ จงลกั สิ่งของชอื่ น้ีมา. สองบทวา อาปตฺดิ ทุกกฺ ฏสฺส ความวา พระพุทธรกั ขติ ชื่อวาเปน ทกุ กฏ เพราะส่งั กอ น. หลายบทวา ปฏิคฺคณฺหาติ อาปตฺติ ทกุ กฺ ฏสฺส ความวา พงึทราบวา เปน ทุกกฏ แกภกิ ษุผสู งั่ ซึง่ เปน ตนเตมิ ทเี ดยี ว ในเม่อื พระสังฆรักขติรับแลว. กถ็ า พระสงั ฆรักขติ นั้น ลกั ทรัพยนัน้ มาได, เปน ปาราชกิ แมท้งัสองรูป คือ พระพทุ ธรกั ขิตผูส่งั ๑ พระสังฆรกั ขิตผูลัก ๑. แตส าํ หรบั อาจารยผสู ่งั ซงึ่ เปนตน เดิม ไมเ ปน อาบัตปิ าราชกิ เพราะผิดสังเกต. ไมเปน อาบตั ิทุกอยา ง แกพ ระธรรมรกั ขิตเพราะไมร ู. สวนพระพุทธรกั ขิตทาํ ความสวสั ดีแกทานทั้งสองรปู แลว ตนเองพนิ าศ.

พระวินยั ปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 217 บรรดาอาณัตวิ าร ทงั้ ๔ บท ถดั จากทุตยิ วารนีไ้ ป พงึ ทราบวินจิ ฉัยในอาณัติวารขอแรกกอ น. หลายบทวา โส คนฺตวา ปุน ปจฺจาคจฺฉติ ความวา ภกิ ษผุ ูรับสัง่น้ัน ไปยังทรัพยตง้ั อยแู ลว เหน็ มกี ารอารกั ขาไว ทงั้ ภายในและภายนอกไมอาจลกั เอาได จึงกลบั มา. หลายบทวา ยทา สกโฺ กสิ ตทา ความวา ภิกษผุ ูส่ังน้นั ส่งั ใหมวาทรัพยทที่ านลักมาแลวในวนั นี้เทานน้ั หรอื จงึ เปน อนั ลัก, ไปเถดิ ทา น ทา นอาจจะลักมาได เมื่อใด, ก็จงลักทรัพยนน้ั มา เม่ือนัน้ . สองบทวา อาปตตฺ ิ ทกุ กฺ ฏสสฺ ความวา แมเ พราะสง่ั อกี อยางนัน้ก็เปน ทกุ กฏเทา นน้ั . แตถา ทรพั ยน ั้น ยอ มเปน ของทีจ่ ะลักมาไดแนน อน. ชอื่ วาเจตนาทใี่ หส ําเร็จประโยชน ก็เปนเชนกับผลท่เี กิดในลําดบั แหงมรรค; เพราะฉะน้นั ภิกษผุ ูสั่งนี้ เปนปาราชกิ ในขณะสั่งทเี ดยี ว. แมถ า ภกิ ษผุ ลู ัก จะลกัทรัพยน น้ั มาได โดยลว งไป ๖๐ ป และภิกษผุ สู ั่ง จะทาํ กาลกิริยา หรือสึกไปเสียในระหวางนน่ั เอง จักเปน ผไู มใชสมณะเลย ทํากาลกิริยา หรือจักสกึ ไป,แตส าํ หรับภิกษผุ ูลัก ยอมเปนปาราชกิ ในขณะท่ีลกั นัน่ เอง. ในทุตยิ วาร เพราะภกิ ษผุ ูส่ังซง่ึ เปน ตน เหตุพดู คาํ นนั้ เบา ๆ ไมไ ดประกาศใหไ ดยนิ หรอื ไมไ ดประกาศใหไ ดยินคําส่ังน้ีวา เธออยา ลกั เพราะเธอผูเปนตนเหตุนั้น เปนคนหหู นวก; ฉะน้ัน ภิกษผุ ูส่งั ซึ่งเปน ตน เหตุ จงึไมพน . สวนในตตยิ วารชือ่ พน เพราะทานประกาศใหไดย นิ . ในจตุตถวารแมทง้ั สองรปู พนได เพราะภกิ ษุผูสง่ั ซงึ่ เปน ตนเหตุนั้น ประกาศใหไ ดย นิ และเพราะภกิ ษผุ ูรับสัง่ นอกน้ี รบั คาํ วา ดีละ แลว กง็ ดเวน เสีย ดวยประการฉะน.ี้ จบกถาวาดว ยการสัง่

พระวินัยปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 218 การพรรณนาบทภาชนีย บัดน้ี พระผูมพี ระภาคเจา เม่อื จะทรงแสดงองคแหงอทินนาทานท่ีตรสั ไว ดว ยอํานาจแหงกิริยาท่ใี หเคลอ่ื นจากฐาน ในทรพั ยทตี่ ้งั อยูใ นพืน้ ดนิเปนตนนั้น ๆ และความตางแหง อาบัติ กับความตางกันแหง วัตถุ จงึ ตรัสคาํเปน ตน วา ปจฺ หากาหิ ดังน.ี้ บรรดาบทเหลานนั้ บทวา ปจฺ หากาเรหิ ไดแ ก ดวยเหตุ ๕ อยา งมีคําอธบิ ายวา ดว ยองค ๕. ในคาํ วา ปจฺ หากาเรหิ เปนตน นัน้ มเี นือ้ -ความยอ ดังตอ ไปน้:ี - คอื ปาราชิก ยอ มมีแกภิกษผุ ูถ ือเอาทรัพยท่เี จา ของไมไดใ ห ดวยอาการ ๕ อยางทต่ี รสั ไวโ ดยนยั เปน ตน วา ทรพั ยอนั ผูอ่ืนหวงแหน ๑; เพราะไมครบองค ๕ นั้น จงึ ไมเปนปาราชิก. ในคาํ นั้น มีอาการ ๕ อยางเหลา นี้ คือ ทรพั ยอ นั ผอู นื่ หวงแหน ๑ เขาใจวา ทรพั ยอันผูอื่นหวงแหน ๑ ความท่บี ริขารเปน ครุภณั ฑ ๑ มไี ถยจิต ๑ การทําใหเคลอื่ นจากฐาน ๑. สวนในบรขิ าร ท่ีเปนลหภุ ณั ฑ ทา นแสดงถุลลจั จัยและทกุ กฏไวโดยความตางกนั แหง วัตถุ ดวยวาระท้ัง ๒ อื่นจากอาการ ๕ อยางนั้น. [ อาการ ๖ อยางท่ีใหภ ิกษุตอ งอาบัตปิ าราชิก ] แมในวาระทัง้ ๓ ท่ีทา นตรสั ไว โดยนัยเปน ตนวา ฉหากาเรหิกค็ วรทราบอาการ ๖ อยา งนั้น คอื มิใชม ีความสําคญั วาเปนของตน ๑ มิใชถือเอาดว ยวิสาสะ ๑ มใิ ชข อยืม ๑ ความทบ่ี รขิ ารเปน ครภุ ัณฑ ๑ มไี ถยจติ ๑การทําใหเคล่อื นจากฐาน ๑. กบ็ รรดาวารทั้ง ๓ แมนีใ้ นปฐมวาร ทา นปรับเปนปาราชกิ ทตุ ิยวาร และตติยวารทานปรบั เปน ถลุ ลจั จัย และทกุ กฏ โดยความตา งกนั แหงวตั ถ.ุ สวนในความตางกนั แหง วตั ถุ แมท่ีมีอยูใ นวารทงั้ ๓

พระวนิ ัยปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 219อน่ื จาก ๓ วารน้ัน ทา นปรับเปนทกุ กฏอยางเดียว เพราะเปนวตั ถุอันชนเหลาอน่ื ไมไ ดห วงแหน. วัตถุทที่ า นกลา วใน ๓ วารนัน้ วา มใิ ชของอันผอู นื่หวงแหน จะเปนวตั ถทุ ี่ยังมไิ ดค รอบครองก็ตาม จะเปน ของทเ่ี ขาท้งิ แลว หมดราคา หาเจา ของมิได หรอื จะเปนของ ๆ ตนก็ตาม, วตั ถแุ มท ้งั ๒ ยอมถึงความนบั วา มใิ ชข องอันผอู ่นื หวงแหน. ก็ในทรัพย ๒ อยา งน้ี มีความสาํ คญัวา ทรัพยอ ันผอู ่ืนหวงแหนไว ๑ ถอื เอาดวยไถยจิต ๑; เพราะเหตุน้นัทา นจึงไมก ลา วอนาบตั ิไว ฉะนั้นแล. [ อรรถาธบิ ายในอนาปตติวาร ] พระผมู พี ระภาคเจา ครั้นทรงแสดงความตา งแหง อาบัติ ดว ยอาํ นาจแหง วัตถแุ ละดว ยอาํ นาจแหงจิต อยางนี้แลว บัดนี้ เม่อื จะทรงแสดงอนาบตั ิจงึ ตรสั ดําวา อนาปตตฺ ิ สกสฺ ิสสฺ ดังนี้เปน ตน. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สกสฺิสฺส ไดแก ภิกษุผมู ีความสําคัญวา เปน ของตน คือ ผมู คี วามสําคัญอยางน้ีวา ภัณฑะนเ้ี ปน ของเรา เมื่อถือเอาแมซ ึ่งภณั ฑะของผอู น่ื ไมเปน อาบัติ เพราะการถือเอา, ควรใหทรัพยทตี่ นถือเอาแลวนน้ั คนื ถาถกู พวกเจา ของทวงวา จงให. เธอไมยอมคนื ใหเปนปาราชิก ในเมอ่ื เจา ของทรพั ยเ หลานนั้ ทอดธรุ ะ. บทวา วสิ สฺ าสคคฺ าเห ไดแ ก ไมเปนอาบัติ เพราะการถือเอาดวยวิสาสะ. แตค วรรลู ักษณะแหงการถือเอาดว ยความวิสาสะ โดยสตู ร*นวี้ าดกู อนภิกษุทงั้ หลาย ! เอาอนุญาตใหถือวิสาสะ แกบคุ คลผูประกอบดว ยองค๕ คอื เคยเหน็ กนั มา ๑ เคยคบกนั มา ๑ เคยบอกอนญุ าตกนั ไว ๑ ยงั มีชีวติ อยู ๑ รวู า เราถอื เอาแลว เขาจักพอใจ ๑.* วิ. มหา ๕/๒๑๘.

พระวินัยปฎ ก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 220 บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา สนทฺ ฏิ โ ไดแก เพ่อื นเพียงเคยเห็นกนั . บทวา สมฺภตโฺ ต ไดแ ก เพือ่ นสนทิ . บทวา อาลปโ ต ไดแก ผอู นั เพ่อื นส่งั ไวว า ทา นตอ งการสงิ่ ใดซ่งึเปน ของผม ทานพงึ ถือเอาสง่ิ นั้นเถิด, ไมมเี หตใุ นการท่ีทานจะขออนุญาตกอ นจงึ ถือเอา. แมเพือ่ นผูนอน ดว ยการนอนท่ีไมลุกขึ้น ยงั ไมถ งึ ความขาดเด็ดแหงชีวิตินทรียเ พยี งใด ชือ่ วา ยงั มีชีวิตอยูเพียงน้ัน. หลายบทวา คหิเต จ อตตฺ มโน ความวา เมื่อเราถอื เอาแลว เขาจะพอใจ. การทีภ่ ิกษเุ มื่อรูวา ครัน้ เราถอื เอาสิง่ ของ ๆ ผูอน่ื เห็นปานน้ีแลวเขาจกั พอใจ จงึ ถอื เอา ยอมสมควร. ก็พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสองค ๕เหลาน้ันไว ดวยอํานาจแหง การรวบรวมไวโดยไมมสี วนเหลอื .* แตการถอื เอาดวยวสิ าสะ ยอ มขนึ้ ดว ยองค ๓ คือ เคยเห็นกนั มายงั มชี วี ิตอยู รวู าเม่ือเราถอื เอาแลว เขาจักพอใจ ๑ เคยคบกนั มา ยงั มีชีวิตอยู รูว าเมอื่ เราถือเอาแลวเขาจกั พอใจ ๑ เคยบอกอนญุ าตกันไว ยงั มีชวี ติ อยู รูวา เมอ่ื เราถือเราแลวเขาจักพอใจ ๑. สวนเพื่อนคนใด ยังมีชวี ิตอยู แตเ ม่อื ถอื เอาแลวเขาไมพอใจ.ส่งิ ของ ๆ เพื่อนคนน้นั แมภ ิกษถุ อื เอาแลวดว ยการถือวิสาสะ ก็ควรคนื ใหแกเ จา ของเดิม, และเม่ือจะคนื ให ทรพั ยมรดก ควรคนื ใหแ กเหลาชนผเู ปนใหญใ นทรพั ยข องผนู น้ั กอน จะเปน คฤหัสถห รือบรรพชิตกต็ าม, ทรพั ยของเพือ่ นผูไมพอใจ ก็ควรคืนใหผนู น้ั นั่นเอง. สว นภกิ ษุใด พลอยยนิ ดตี ง้ั แรกทีเดยี ว ดว ยการเปลงวาจาวา ทานเมอ่ื ถอื เอาของ ๆ ผมชอื่ วาทําชอบแลว หรือเพียงจติ ตปุ บาทเทา น้นั ภายหลังโกรธดว ยเหตบุ างอยา ง, ภิกษุนั้นยอมไมไ ดเพ่อื จะใหนาํ มาคืน. แมเธอรูปใด* ศัพทน ี้นา จะถกู ตามอรรถโยชนาวา อเสส. . . จึงไดแปลไวอ ยา งนน้ั .

พระวินัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 221ไมป ระสงคจ ะให แตรับคาํ ไวด วยจิต ไมพดู อะไร ๆ แมเ ธอรูปนน้ั กย็ อมไมไ ดเพื่อจะใหนาํ มาคนื . สวนภิกษุใด เมอื่ เพอ่ื นภิกษพุ ูดวา สงิ่ ของ ๆ ทานผมถอื เอาแลว หรอื ผมใชส อยแลว จงึ พดู วา สงิ่ ของนัน้ ทานจะถือเอาหรือใชส อยแลวก็ตาม, แตว าสิง่ ของนนั้ ผมเก็บไวดวยกรณีบางอยางจริง ๆ ทานควรทาํ ส่ิงของนัน้ ใหเ ปน ปกตเิ ดมิ ดังนี้ ภิกษุนี้ ยอมไดเ พอ่ื ใหน ํามาคนื . บทวา ตาวกาลเิ ก ความวา สาํ หรบั ภิกษุผถู ือเอาดว ยคิดอยา งน้วี าเราจกั ใหคืน จกั ทําคืน ไมเปนอาบตั ิ เพราะการถอื เอาแมเ ปน ของยืม. แตส่งิ ของทภี่ กิ ษถุ ือเอาแลว ถาบคุ คลหรอื คณะผูเปน เจา ของ ๆ สงิ่ ของ อนญุ าตใหวา ของส่งิ นั่นจงเปนของทา นเหมอื นกนั ขอนเี้ ปน การดี ถา ไมอนญุ าตไซร,เมื่อใหนํามาคนื ควรคืนให. สวนของ ๆ สงฆ ควรใหค นื ทเ่ี ดียว. กบ็ คุ คลผูเกิดในเปรตวิสยั กด็ ี เปรตผทู ีท่ าํ กาละแลว เกดิ ในอตั ภาพน้ันน่นั เองก็ดี เทวดาทง้ั หลาย มีเทวดาชนั้ จาตมุ มหาราชกิ เปนตน ก็ด,ี ทั้งหมดถึงความนบั วา เปรต เหมือนกนั ในคาํ วา เปตปรคิ คฺ เห นี้ ไมเ ปนอาบตั ิในทรัพยอนั เปรตเหลาน้ันหวงแหน. จริงอยู ถาแมทา วสกั กเทวราชออกรานตลาดประทับนงั่ อยู, และภิกษุผไู ดท พิ ยจกั ษุ รูวาเปนทา วสกั กะ แมเมื่อทาวสกั กะนน้ั รอ งหา มอยวู า อยา ถือเอา ๆ ก็ถือเอาผา สาฎกแมม ีราคาตงั้ แสน เพ่อืประโยชนแ กจ ีวรของตนไป, การถอื เอานน้ั ยอ มควร. สว นในผาสาฎกท่ีเหลาชนผทู ําพลกี รรมอุทิศพวกเทวดา คลอ งไวที่ตน ไมเปน ตน ไมม คี าํ ที่ควรจะกลา วเลย. บทวา ตริ จฺฉานคตปริคคฺ เห ไดแก ไมเปนอาบัติ เพราะทรพั ยแมพ วกสตั วดริ ัจฉานหวงแหน. จริงอยู แมพ วกพญานาค หรอื สบุ รรณมาณพแปลงรปู เปน มนุษย ออกรานตลาดอย,ู และมภี กิ ษบุ างรปู มาถือเอาสง่ิ ของ ๆ

พระวินัยปฎก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 222พญานาคหรอื ของสบุ รรณมาณพนัน้ จากรา นตลาดน้ันไป โดยนยั กอ นนนั่ เอง,การถอื เอาน้ัน ยอมควร. ราชสีห หรือ เสอื โครง ฆา สตั วม เี น้ือและกระบือเปน ตน แลว แตยังไมเค้ียวกิน ถูกความหิวเบียดเบยี น ไมพ ึงหา มในตอนตนทีเดยี ว, เพราะวา มันจะพงึ ทําแมค วามฉบิ หายให. แตถ า เม่ือราชสหี เปนตนเคี้ยวกนิ เน้ือเปน อาทไิ ปหนอยหน่ึงแลว สามารถหามได จะหามแลว ถือเอาก็ควร. แมจ าํ พวกนกมีเหยี่ยวเปน ตน คาบเอาเหยือ่ บินไปอยู จะไลใหม นั ท้งิเหยอื่ ใหต กไป แลว ถอื เอากค็ วร. บทวา ปสกุ ูลสฺิสฺส ความวา แมส ําหรับภกิ ษุผมู คี วามสําคญัอยา งนั้นวา ส่งิ ของนี้ ไมมีเจาของ เกลอื กกลั้วไปดว ยฝุน ไมเปน อาบตั ิเพราะการถือเอา. แตถาสง่ิ ของนั้นมีเจาของไซร, เมอ่ื เขาใหนํามาคืน ก็ควรคนื ให. บทวา อมุ มฺ ตตฺ กสสฺ ความวา ไมเ ปนอาบตั แิ มแ กภ กิ ษผุ เู ปน บาซ่ึงมีประการดังกลาวแลวในเบอื้ งตน. บทวา อาทกิ มมฺ ิกสสฺ ความวา ไมเ ปน อาบัตแิ กพระธนิยะผเู ปนอาทิกัมมิกะ (ผเู ปน ตน ตน บัญญตั ิ) ในสกิ ขาบทน้ี. แตส ําหรับภกิ ษุฉพั พคั คยี เปน ตน ผูเปนโจรลกั หอ ผาของชางยอมเปนอาทิที่เหลอื เปนอาบตั ิทเี ดยี วฉะนั้นแล. จบการพรรณนาบทภาชนีย

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 223 กถาวาดว ยการสบั เปลีย่ นสลาก [ ปกณิ กะมสี มุฏฐานเปนตน ] กใ็ นปกิณกะน้ี คือ สมุฏฐาน ๑ กริ ยิ า สญั ญา ๑ สจิตตกะ ๑ โลกวชั ชะ ๑ กรรมและกศุ ล พรอมดว ยเวทนา ๑ บัณฑติ พึงทราบคําทั้งหมด โดยนัยดงั ท่กี ลาวไวแลวในปฐมสกิ ขาบทนน่ั เอง วา สกิ ขาบทนี้ มีสมฏุ ฐาน ๓ คือ เปน สาหตั ถิกะเกดิ ทางกายและทางจิต, เปน อาณตั ติกะ เกิดทางวาจาและทางจติ , เปน สาหตั ถกิ ะและอาณตั ตกิ ะเกดิ ทางกาย ทางวาจาและทางจติ ; และเกิดเพราะทํา; จรงิ อยู เมื่อทาํ เทา น้ันจึงตอ งอาบตั นิ ั้น; เมือ่ ไมทํากไ็ มตอ ง เปนสญั ญาวโิ มกข เพราะพน ดว ยไมม ีสาํ คัญวา เราจะถือเอาส่งิ ของทเี่ จา ของเขาไมไ ดให, เปนสจิตตกะ เปนโลกวชั ชะ เปนกายกรรม เปนวจกี รรม เปนอกศุ ลจิต, ภิกษยุ ินดี หรือกลัวหรือวางตนเปนกลาง จึงตอ งอาบัตินน้ั ; เพราะเหตุนน้ั สกิ ขาบทนี้ จึงช่อื วามีเวทนา ๓. [ อรรถาธบิ ายอทุ านคาถาในวินีตวัตถุ ] ในคาถาแหง วนิ ีตวัตถุ พึงทราบวนิ ิจฉยั ดังตอไปน:้ี - เรอ่ื งภิกษุฉัพพคั คยี  ขาพเจาไดกลาวไวแลว ในอนุบัญญัตนิ นั่ แล. ในเรื่องท่ี ๒ มวี นิ ิจฉัยดงั นี้ ข้ึนชื่อวา จิตของพวกปุถุชน ละปกติไปดว ยอาํ นาจกิเลสมีราคะเปน ตน ยอ มว่งิ ไป คอื พลานไป ไดแ ก เรร อ นไป. ถา พระผูมพี ระภาคเจา

พระวนิ ยั ปฎก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 224แมเ วนความทําลายทางกายทวารและวจที วารเสีย จะพงึ ทรงบัญญตั อิ าบัตดิ วยเหตเุ พยี งจติ ตปุ บาท (เพียงเกิดความคดิ ) ใครจะพงึ สามารถทําตนไมใ หเ ปนอาบตั ิไดเลา ? เพราะเหตุนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรสั ไวว า ดกู อนภกิ ษุ !เธอไมตอ งอาบตั ิ เพราะเพยี งแตเ กิดความคดิ ข้ึน๑ แตภ กิ ษกุ ็ไมค วรเปน ไปในอํานาจแหงจิต, ควรหามจติ ไวด ว ยกาํ ลังแหง การพจิ ารณาทเี ดยี วแล. เร่อื งการจบั ตองผา ทาํ ใหผ าไหวและทาํ ใหผา เคลื่อนจากฐาน มเี นอื้ ความตื้นแลวท้ังนน้ั .สว นเร่อื งทั้งหลายซง่ึ ถัดจากเร่อื งทีท่ ําผา ใหเคลื่อนจากฐานนนั้ ไป มเี รอื่ งวาภกิ ษุมไี ถยจิต หยิบทรัพยน น้ั ขน้ึ จากพนื้ ดิน๒ เปน ที่สดุ มีเนื้อความตนื้ แลวทั้งนน้ั . ในเรื่องตอบคําถามนํา มีวนิ จิ ฉยั ดงั นี้ :- บทวา อาทยิ ิ ความวา ภกิ ษเุ จาของจวี ร จบั แลว คอื ยดึ ไววาทา นเปน โจร. สวนภิกษุผลู กั จวี รนอกนี้ เม่ือถกู ภิกษเุ จา ของจีวร ถามวา จวี รของผม ใครลกั ไป ? จงึ ไดใหคําปฏญิ ญา โดยเสมอกับคําถามวา ผมลักไป.จริงอยู ถา ภกิ ษุเจาของจีวรนอกน้ีจกั กลาววา จีวรของผม ใครถือเอา ใครนาํ ไป ใครเก็บไว ?, แมภ กิ ษนุ ้ี กจ็ ะพึงตอบวา ผมถอื เอา หรือวา ผมนาํ ไปหรือวา ผมเก็บไว แนนอน. ธรรมดาวาปาก อนั ธรรมดาแตง ไว เพอ่ื ประโยชนแกการบริโภค และเพอ่ื ประโยชนแกก ารพูด แตเ วน ไถยจติ เสีย ก็ไมเปน อว-หาร เพราะเหตุนัน้ พระผูมพี ระภาคเจา จงึ ตรสั ไววา ดูกอ นภิกษุ ! เธอไมเ ปนอาบตั ิ เพราะตอบตามคาํ ถามนาํ ดงั นี.้ อธิบายวา ไมเ ปน อาบตั ิเพราะเพียงแตก ลาวโดยสาํ นวนโวหาร. เร่อื งท่ีถดั จากเรอื่ งตอบตามคาํ ถามนํา๓นนั้ ไป ซง่ึ มเี รื่องผาโพกเปนทสี่ ดุ ท้ังหมดมีเน้อื ความตน้ื แลว ท้งั น้ัน.๑. ว.ิ มหา. ๑/๑๐๕ ๒. ว.ิ มหา. ๑/๑๐๗ ๓. ว.ิ มหา. ๑/๑๐๗.

พระวินัยปฎ ก มหาวภิ ังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 225 ในเรือ่ งศพที่ยงั สด มวี ินิจฉัยดงั น้ี :- บทวา อธวิ ตโฺ ถ ความวา เปรตเกดิ ขน้ึ ในศพนัน้ นั่นเอง เพราะความอยากในผาสาฎก. บทวา อนาทิยนโฺ ต ความวา ภกิ ษไุ มเ ชื่อคาํ ของเปรตนั้น หรอืไมทําความเออื้ เฟอ . หลายบทวา ต สรรี  อุฏหิตวฺ า ความวา เปรตบงั คับใหศ พน้ันลุกขึน้ ดว ยอานุภาพของตน. เพราะเหตุนั้น พระอุบาลีเถระจึงกลา วไวว าศพน้นั ลกุ ขึน้ (เดินตามหลงั ภิกษนุ น้ั ไป*). สองบทวา ทฺวาร ณกสิ ความวา วิหารของภกิ ษมุ อี ยใู นท่ใี กลปาชา นน้ั เอง เพราะเหตุนนั้ ภิกษเุ ปนผกู ลวั อยูโดยปกติ จงึ รบี เขาไปในวิหารน้นั นั่นเอง แลว ปด ประต.ู สองบทวา ตตเฺ ถว ปริปติ ความวา เมื่อภกิ ษุปดประตูแลว เปรตเปนผูหมดความอาลัยในผาสาฎก จึงละทิ้งศพน้ันไว แลวไปตามยถากรรม.เพราะเหตุนนั้ รางศพนั้นก็ลม ลง. มีคาํ อธิบายวา ตกไปในทนี่ ัน้ น่นั แล. สองบทวา อภินฺเน สรเี ร ความวา อนั ผาบังสกุ ลุ ทีศ่ พสดซง่ึ ยังอนุ อยู ภกิ ษไุ มค วรถอื เอา. เม่อื ภิกษุถือเอา อปุ ทวะเหน็ ปานนีย้ อมมี และภิกษุยอ มตองทกุ กฏ แตจะถือเอาทศี่ พแตกแลว ควรอยู. ถามวา ก็ศพจะจดั วา แตกแลว ดวยเหตเุ พียงไร ? แกว า แมด ว ยเหตุเพียงถูกจะงอยปากหรอื เขี้ยว อนั สตั วท ง้ั หลาย มีกา พังพอน สุนัข และสนุ ัขจง้ิ จอกเปนตน กัดแลวนิดหนอ ย. สว นอวัยวะของศพใดท่ีลมลง เพยี งผิวหนังถลอกไปดว ยการครูดสี. หนังยังไมขาดออก,ศพน้นั นับวา ยังสดทีเดียว, แตเ มอ่ื หนังขาดออกแลวจดั วาแตกแลว. แมศพใด* ว.ิ มหา. ๑/๑๐๙

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวิภังค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 226ในเวลายงั มชี วี ิตนนั่ เอง มฝี โ รคเร้ือนและตอม หรือแผลแตกพรุนท่ัวไป, แมศพนี้ชอ่ื วา แตกแลว. ตัง้ แตวนั ที่ ๓ ไป แมสรีระท่ถี งึ ความเปน ซากศพ โดยเปนศพท่ีข้นึ พองเปน ตน จดั วา เปนศพทแ่ี ตกแลว โดยแท. อนึง่ แมใ นศพทยี่ ังไมแ ตกโดยประการท้ังปวง แตคนผดู แู ลปา ชาหรอื มนุษยเหลาอน่ื ใหถือเอา ควรอยู ถา ไมไ ดมนษุ ยอ ื่น, ควรจะเอาศสั ตราหรอื วัตถอุ ะไรทําใหเ ปน แผลแลว จงึ ถือเอา. แตใ นศพเพศตรงกันขา ม ภกิ ษุควรตัง้ สติไว ประคองสมณสญั ญาใหเกดิ ข้ึน ทําใหเปนแผลทีศ่ รี ษะ หรอื ที่หลังมอื และหลงั เทาแลว ถือเอาสมควรอย.ู ในเรื่องอนั เปน ลาํ ดับแหงสรีระยังไมแ ตกน้นั มวี ินจิ ฉยั ดงั น:้ี - หลายบทวา กุส สงฺกาเมตฺวา จีวร อคฺคเหสิ มคี วามวา ภกิ ษุลกั ดว ยกสุ าวหาร ในบรรดาเถยยาวหาร ปสยั หาวหาร ปรกิ ปั ปาวหาร ปฏจิ -ฉันนาวหารและกุสาวหาร ซงึ่ ไดแ สดงไวแลวแตเพียงชื่อ ในการพรรณนาเนอ้ืความแหงบทนว้ี า อาทิเยยฺย ในเบ้อื งตน. และพงึ ทราบความตางกนั แหงอวหารเหลานี้ ดงั จะกลาวตอไปน:้ี - [ อรรถาธบิ ายอวหาร ๕ อยาง ] จรงิ อยู ภกิ ษุรปู ใดรูปหน่ึง แอบทาํ โจรกรรมมกี ารตัดท่ตี อเปน ตนลกั ทรัพยซ งึ่ มเี จาของ ในเวลากลางคนื หรือกลางวัน หรือหลอกลวงฉอเอาดว ยเครอ่ื งตวงโกง และกหาปณะปลอมเปนตน , อวหารของภิกษุรูปน้ันน่นั แลผถู ือเอาทรัพยน ้นั พึงทราบวา เปน เถยยาวหาร, ฝายภิกษุใด ขม เหงผอู นื่คอื กดขีเ่ อาดวยกาํ ลงั , กห็ รอื ขูก รรโซก คือ แสดงภยั ถอื เอาทรัพยเปน ของชนเหลาน้นั เหมือนพวกโจรผูฆ า เชลย ทําประทษุ กรรม มีฆาคนเดนิ ทางและฆาชาวบานเปน ตน (และ) เหมือนอิสรชน มีพระราชาและมหาอํามาตย

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวภิ งั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 227ของพระราชาเปนตน ซ่งึ ทาํ การรบิ เอาเรอื นของผอู ่ืน ดว ยอํานาจความโกรธและใชพลการเกบ็ พลี เกินกวาพลีที่ถึงแกตน, อวหารของภิกษุนนั้ ผถู ือเอาอยา งนั้น พงึ ทราบวา เปนปสยั หาวหาร สวนอวหารของภิกษผุ ูกําหนดหมายไวแลวถือเอา ทา นเรยี กวา ปรกิ ปั ปาวหาร. ปริกัปปาวหารนน้ั มี ๒ อยางเนื่องดว ยกาํ หนดหมายส่งิ ของ และกําหนดหมายโอกาส. [ อรรถาธิบายภณั ฑปริกปั ] ใน ๒ อยางน้ัน ภัณฑปรกิ ปั พึงทราบอยางน้ี:- ภกิ ษุบางรปู ในศาสนาน้ี มคี วามตอ งการดว ยผา สาฎก จึงเขา ไปยงั หอ ง หมายใจไวว า ถาจักเปน ผาสาฎก, เราจักถอื เอา, ถา จกั เปน ดาย, เราจักไมถอื เอา แลวถือเอากระสอบไปในเวลากลางคืน. ถาในกระสอบนั้น มผี า สาฎก, เปน ปาราชิกในขณะทีย่ กขนึ้ นนั่ เอง ถามดี า ย ยงั รกั ษาอยู. เธอนําออกไปขา งนอก แกอ อกรูวา เปนดา ย นํามาวางไวย ังทีเ่ ตมิ อีก, ยงั รกั ษาอยเู หมอื นกัน, แมร วู า เปนดา ย แลว เดินไปดว ยคิดวา ไดส ง่ิ ใด ก็ตอ งถือเอาสง่ิ นน้ั พึงปรบั อาบัติดวยยางเทา วางไวบ นภาคพ้นื แลว ถอื เอา, ตองปาราชกิ ในขณะท่ยี กขึน้ . เธอถกู พวกเจาของเขารองเอะอะขนึ้ วา ขโมย ขโมย แลว ท้งั หนีไป ยังรักษาอย.ูพวกเจาของพบแลวถอื เอาไป อยา งนน้ั นั่นเปน การดี ถา คนอื่นบางคนถอื เอาเปน ภณั ฑไทยแกเ ธอ. ภายหลงั เมอื่ พวกเจาของกลบั ไปแลว เธอเหน็ ของนั้นเขา เองจงึ ถือเอา ดวยคดิ วา ของน้ี เรานําออกมากอ น บดั น้ี เปนของ ๆเราละดงั น้ี ยงั รกั ษาอยู แตเปนภณั ฑไทย. แมเ มื่อภกิ ษุกําหนดหมายไวแลวถือเอา โดยนัยเปน ตนวา ถาจักเปน ดาย เราจักถือเอา ถาจักเปน ผาสาฎกเราจกั ไมถ อื เอา ถา จกั เปน เนยใส เราจกั ถือเอา ถา จกั เปนนํ้ามัน เราจกั ไมถือเอา ดังนี้ มนี ัยเหมือนกันนั่นแล.













































พระวินยั ปฎก มหาวิภงั ค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 250เสนาสนะ ท่ชี ่อื วาเปน ของสงฆ บางคราวก็ไมอยคู รอบครอง. แมเ มอ่ื ภิกษุลักเอาบรขิ ารบางอยา ง ในสถานทท่ี งั้ หลาย มวี ดั ท่ถี กู ทอดท้ิงแลวเปนตน ในเมอื่ ชาวชนบทอพยพหนีไป เพราะโจรภยั ในชายแดน ก็มนี ัยน่นั เหมอื นกัน.สวนภิกษเุ หลา ใดนาํ ทัพสมั ภาระไปใชชั่วคราว จากวดั ทีเ่ ขาทอดทง้ิ แลว น้นัและในเมอ่ื วดั มีภิกษกุ ลบั มาอยู ภกิ ษทุ ั้งหลาย สงั่ ภกิ ษุเหลานน้ั ใหนาํ มาคนืควรใหคืน. แมถ าเธอท้ังหลาย นาํ สัมภาระไมเ ปน ตน จากวัดที่เขาทอดทิง้แลว นน้ั มาสรางเปน เสนาสนะ, ส่งิ ของที่พวกเธอนาํ มานัน้ หรือเสนาสนะที่มรี าคาเทากับสิ่งของน้ัน ควรใหค ืนเหมือนกัน. เมอื่ ชาวชนบท ยังไมตัดความอาลัย อพยพไป ดว ยคิดวา พวกเราจักกลับมาอยู ครอบครองอกี , เสนา-สนะทเ่ี ปน ของคณะหรือเปน ของบุคคล เปน อนั เขายังถอื กรรมสทิ ธ์ิอยู. ถาเขาเหลานัน้ อนญุ าตให, ไมม กี จิ ดวยการทาํ คืน. สวนทัพสัมภาระของสงฆ จัดเปน กรุภณั ฑ เพราะฉะนนั้ ควรจัดการใหคนื เหมือนกัน เรอ่ื งเคร่อื งใชส อยในวิหารมเี นอ้ื ความกระจา งทง้ั นัน้ ในพระพุทธานญุ าตน้ีวา ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย เราอนุญาตใหน ําไปใชไ ดช ั่วคราว ดังน้ี มีวนิ จิ ฉัยดงั นี้ ภิกษใุ ดยืมเตยี งหรือตง่ั ของสงฆไปใชส อยโดยการใชสอยอยา งของสงฆ หนึง่ เดอื นบาง สองเดือนบาง ในสถานท่ีผาสกุ ของตน เม่อื ภกิ ษุทัง้ หลายผแู กกวา มาแลวก็ถวาย, ไมนาํ กลับคืน. เมอื่เตียงและตง่ั นัน้ หายไปบา ง ชํารดุ ไปบาง คนอน่ื ลักไปโดยความเปนขโมยบา ง ยอ มไมเปน สนิ ใชแกภ ิกษรุ ูปนน้ั . แตเมือ่ เธออยูแ ลว จะไป ควรจะเก็บไวในทเ่ี ติม. สวนภิกษุใดใชส อย โดยการใชส อยเปนของบุคคล ไมไดถ วายแกภกิ ษทุ ั้งหลายผแู กกวา ซึง่ มาแลว ๆ (เมื่อเตยี งและตัง่ นั้นเสยี หายไปบางชํารุดไปบา ง คนอ่นื ลักไปเคยความเปนขโมยบา ง) ยอมเปน สนิ ใชแ กภ ิกษุรูป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook