Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_20

tripitaka_20

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_20

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 101เครอ่ื งถอนตน บรโิ ภคอยู ดูกอนชีวก ทานจะสาํ คญั ความขอ นนั้ เปน ไฉนวาในสมัยนั้น ภกิ ษนุ นั้ ยอ มติดเพอ่ื เบยี ดเบยี นตน เพอื่ เบยี ดเบียนผูอน่ื หรือเพ่ือเบยี ดเบยี นทัง้ สองฝา ย บา งหรอื . ไมเ ปน เชนนนั้ พระพทุ ธเจา ขา. ดูกอนชีวก สมัยนัน้ ภกิ ษุนน้ั ชอ่ื วา ฉันอาหารอนั ไมมโี ทษมิใชหรอื . อยางนั้น พระพุทธเจา ขา ขา แตพระองคผ เู จริญ ขา พระพุทธเจาไดสดบั มาวา พรหมมีปรกติอยดู ว ยเมตตา คาํ นน้ั เปน แตขา พระพุทธเจา ไดสดับมา คาํ น้ีพระผมู ีพระภาคเจา เปนองคพ ยานปรากฏแลว ดว ยวา พระผมู ีพระ-ภาคเจา ทรงมีปรกตอิ ยูด วยเมตตา. ดกู อ นชวี ก บุคคลพงึ มคี วามพยาบาท เพราะราคะ โทสะ โมหะใดราคะ โทสะ โมหะนน้ั ตถาคตละแลว มมี ลู อนั ขาดแลว เปน ดจุ ตาลยอดดว น ถงึ ความไมมี มอี ันไมเ กดิ ตอไปเปน ธรรมดา ดกู อ นชีวก ถา แลทานกลาวหมายเอาการละราคะ โทสะ โมหะ เปน ตน นี้ เราอนญุ าตการกลา วเชนนั้นแกท าน. ขา แตพระองคผเู จรญิ ขาพระพทุ ธเจากลาวหมายเอาการละราคะโทสะและโมหะ เปนตนน.้ี การแผกรณุ า มุทติ า อเุ บกขา [๕๙] ดกู อนชวี ก ภิกษุในธรรมวนิ ัยน้ี อาศัยบานหรอื นิคมแหงใดแหง หนึง่ อยู เธอมีใจประกอบดว ยกรุณา. . .มีใจประกอบดว ยมทุ ติ า. . . มีใจประกอบดว ยอเุ บกขา แผไ ปตลอดทิศหน่ึงอยู ทศิ ที่ ๒ ทศิ ที่ ๓ ทิศท่ี ๔ ก็เหมอื นกนั ตามวนิ ัยนี้ ทง้ั เบือ้ งบน เบอ้ื งลาง เบื้องขวาง แผไ ปตลอดโลก

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 102ทั่วสัตวทกุ เหลา โดยความมตี นท่ัวไปในท่ีทกุ สถาน ดวยใจประกอบดว ยอเุ บกขาอันไพบูลย ถึงความเปนใหญ หาประมาณมิได ไมม ีเวร ไมมีความเบยี ด-เบยี น คฤหบดีหรือบตุ รคฤหบดีเขา ไปหาเธอ แลว นิมนตด ว ยภตั เพ่ือใหฉ นั ในวนั รงุ ขึ้น ดูกอ นชวี ก เม่อื ภกิ ษหุ วังอยู ยอมรบั นมิ นต. พอลวงราตรนี น้ั ไปเวลาเชา ภิกษุน้นั นงุ แลว ถอื บาตรและจีวรเขา ไปยังนเิ วศนข องคฤหบดหี รือบุตรคฤหบดี แลว น่งั ลงบนอาสนะทีเ่ ขาปลู าดไว. คฤหบดีหรอื บตุ รคฤหบดนี ัน้ อังคาสเธอดวยบณิ ฑบาตอนั ประณตีความดําริวา ดหี นอ คฤหบดหี รือบุตรคฤหบดผี ูนี้ องั คาสเราอยดู วยบิณฑบาตอนั ประณตี ดงั นี้ ยอ มไมมแี กเ ธอ แมความดําริวา โอหนอ คฤหบดหี รอื บุตรคฤหบดีผูนี้พึงองั คาสเราดวยบิณฑบาตอันประณตี นี้ แมต อไป ดงั น้ี ก็ไมม ีแกเธอ เธอไมกาํ หนด ไมส ยบ ไมรบี กลนื บณิ ฑบาตนนั้ มปี รกติเหน็ โทษ มีปญ ญาเครื่องถอนตน บริโภคอยู ดกู อ นชีวก ทา นจะสาํ คัญความขอน้นั เปนไฉนวา ในสมัยนน้ั ภิกษยุ อมคิดเพ่อื เบยี ดเบียนตน เพอื่ เบยี ดเบยี นผูอ่นื หรือเพอ่ื เบยี ดเบยี นท้งั สองฝา ย บางหรือ. ไมเ ปน เชนนนั้ พระพุทธเจา ขา. ดกู อนชีวก สมยั น้ัน ภิกษุนั้นชอ่ื วา ฉนั อาหารอันไมม โี ทษมใิ ชหรือ. อยางนั้น พระพทุ ธเจา ขา ขา แตพระองคผูเ จรญิ ขาพระพทุ ธเจาไดสดบั มาวา พรหมมีปรกติอยดู ว ยอเุ บกขา คาํ นนั้ เปน แตขาพระพทุ ธเจา ไดส ดบัมา คําน้ีพระผมู ีพระภาคเจา เปนองคพยานปรากฏแลว ดว ยวา พระผูมพี ระ-ภาคเจา ทรงมีปรกติอยดู ว ยอเุ บกขา. ดกู อ นชวี ก บุคคลพึงมีความเบยี ดเบียน มคี วามไมย ินดี มคี วามกระทบกระท่งั เพราะราคะ โทสะ โมหะใด ราคะ โทสะ โมหะน้นั ตถาคตละ

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 103แลว มมี ูลอนั ขาดแลว เปน ดจุ ตาลยอดดวน ถึงความไมม ี มอี นั ไมเกดิ ตอ ไปเปน ธรรมดา ดูกอนชวี ก ถาแลทา นกลาวหมายเอาการละราคะ โทสะ โมหะเปน ตนนี้ เราอนุญาตการกลาวเชนนนั้ แกท า น. ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ ขา พระพทุ ธเจา กลา วหมายเอาการละราคะ โทสะโมหะ เปน ตน น้.ี ฆาสตั วท ําบญุ ไดบ าปดว ยเหตุ ๕ ประการ [๖๐] ดกู อ นชีวก ผใู ดฆา สตั วเ จาะจงตถาคต หรอื สาวกตถาคต ผูนนั้ ยอมประสบบาปมิใชบุญเปน อันมาก ดวยเหตุ ๕ ประการ คอื ผนู นั้ กลาวอยางนว้ี า ทา นทั้งหลายจงไปนาํ สัตวชอ่ื โนนมา ดงั นชี้ ื่อวา ยอมประสบบาปมใิ ชบญุ เปนอันมาก ดว ยเหตปุ ระการที่ ๑ น้.ี สัตวน ัน้ เมื่อถกู เขาผูกคอนาํ มา ไดเสวยทกุ ขโ ทมนสั ชือ่ วา ยอมประสบบาปมิใชบ ุญเปนอนั มาก ดว ยเหตปุ ระการท่ี ๒ นี้. ผนู ั้นพูดอยางนี้วา ทานทงั้ หลายจงไปฆา สัตวน้ี ชื่อวายอมประสบบาปมใิ ชบุญเปน อันมาก ดว ยเหตุประการท่ี ๓ น.ี้ สัตวนน้ั เม่อื เขากาํ ลังฆายอมเสวยทกุ ขโทมนัส ชอ่ื วายอมประสบบาปมิใชบุญเปนอันมาก ดวยเหตุประการท่ี ๔ นี.้ ผูน้นั ยอ มยังตถาคตและสาวกตถาคต ใหย ินดดี ว ยเนื้อเปนอกปั ปย ะ ชื่อวา ยอ มประสบบาปมิใชบญุ เปนอันมาก ดวยเหตปุ ระการท่ี ๕นี.้ ดกู อ นชีวก ผูใดฆาสัตวเจาะจงตถาคตหรือสาวกตถาคต ผนู ้ันยอ มประสบบาปมิใชบ ญุ เปนอนั มากดวยเหตุ ๕ ประการน้.ี [๖๑] เมื่อพระผูมีพระภาคเจาตรสั อยา งนแ้ี ลว หมอชีวกโกมารภัจจไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจาวา ขา แตพ ระองคผ ูเจริญ นาอศั จรรย ขา แตพระองคผ เู จรญิ ไมเ คยมี ขา แตพระองคผเู จรญิ ภกิ ษทุ ั้งหลายยอ มฉนั อาหารอัน

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 104ไมมีโทษหนอ ขาแตพระองคผเู จรญิ ภาษติ ของพระองคแ จมแจงนัก ขา แตพระองคผ ูเจริญ ภาษิตของพระองคแจม แจงนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของท่คี ว่าํ เปดของทปี่ ด บอกทางแกคนหลงทาง หรือสอ งประทบี ในท่มี ืด ดว ยคดิวา ผมู ีจักษุ จกั เห็นรูปฉันใด พระผมู พี ระภาคเจาทรงประกาศธรรมโดยอเนก-ปริยายฉันนน้ั เหมือนกนั ขาแตพระองคผ ูเจรญิ ขา พระองคน ี้ ขอถงึ พระผูมี-พระภาคเจา พระธรรม และภกิ ษุสงฆวา เปนสรณะ ขอพระผมู ีพระภาคเจาจงทรงจําขาพระองควา เปนอบุ าสก ผถู งึ สรณะตลอดชีวติ ตัง้ แตบดั น้ีเปน ตนไป ดงั นแ้ี ล. จบชีวกสูตรที่ ๕ ๕. อรรถกถาชีวกสูตร ชวี กสูตร มบี ทเร่มิ ตนวา เอวมฺเม สตุ  ขาพเจาไดฟ ง มาแลวอยา งน้ี. บรรดาบทเหลา นั้น พระบาลนี ้ีวา ตสฺส ชวี กสสฺ โกมารภจจฺ สสฺอมฺพวเน ทช่ี ่อื วา ชวี ก เพราะยังเปน อยู (มชี วี ติ อย)ู . ทช่ี ื่อวา โกมารภจั จเพราะอนั พระราชกุมารชุบเลี้ยงไว ดังทท่ี านกลาวไววา พระกุมาร (หมายถึงอภัยราชกุมาร) ตรัสถามวา นน่ั อะไร พนาย ฝูงกาจงึ เกล่ือนกลาด.พวกราชบรุ ษุ ทูลวา ทารก พระเจาคะ . ตรัสถามวา ยังเปนอยูหรอื พนาย.ทูลตอบวา ยังเปน อยูพระเจาคะ . จึงตรสั สง่ั ใหนาํ ทารกเขาวัง มอบใหแมนมเลย้ี งดู. คนทงั้ หลายจงึ ตง้ั ชอ่ื ทารกน้ันวา ชวี ก เพราะยังเปน อยูและตงั้ สรอย

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 105ชื่อวา โกมารภัจจ เพราะพระราชกมุ ารใหชุบเลีย้ งไว ในพระสตู รนีม้ ีความสงั -เขปดังกลาวมานี้ สวนเร่ืองโดยพสิ ดารมาในชีวกวตั ถขุ นั ธกวินยั แมค าํ วินิจฉัยเร่ืองหมอชีวกโกมารภจั จน ้ันทานก็กลาวไวแลว ในอรรถกถาพระวินัย ช่ือสมันต-ปาสาทกิ า. หรือชวี กโกมารภจั จผนู ี้ ถวายพระโอสถระบายออนๆ ระบายพระ-กายทมี่ ากไปดวยโทษของพระผมู พี ระภาคเจา แลวตงั้ อยใู นโสดาปตตผิ ล เวลาจบอนโุ มทนา ถวายผา คูท่ีไดมาจากแควน สพี .ี ดํารวิ า เราตองไปเฝาอุปฏฐากพระพทุ ธองค วนั ละ ๒- ๓ ครัง้ พระเวฬวุ นั น้ี ก็อยใู กลเกนิ ไป สวนมะมวงของเรายังใกลกวา อยาเลย เราจะสรางวหิ ารถวายพระผูมีพระภาคเจา ในสวนมะมว งของเรานีแ้ หละ ดงั น้นั จึงใหสรางทีเ่ รน กฎุ ี และมณฑปเปน ตน สาํ -หรบั พักกลางคนื และพักกลางวนั สรางพระคนั ธกฎุ ี ทเ่ี หมาะแกที่พระผูมพี ระ-ภาคเจา ในสวนอัมพวันน้ัน สรา งกาํ แพงสใี บไมแ ดงสูง ๑๘ ศอก ลอมสวนอมั พวนั ไว องั คาสเล้ยี งภิกษสุ งฆ มพี ระพทุ ธเจา เปน ประมขุ ดว ยภัตตาหารพรอมจวี รแลว หลั่งทกั ษิโณทก มอบถวายวหิ าร ทา นหมายเอาสวนอัมพวนั น้ันจึงกลาววา ชวี กสสฺ โกมารภจจฺ สสฺ อมพฺ วเน ดงั น.้ี คาํ วา อารภนตฺ ิ แปลวา ฆา. คําวา อทุ ทฺ สิ สฺ กต แปลวา กระทาํเจาะจง. คําวา ปฏจิ จฺ กมฺม แปลวา กระทาํ เจาะจงตน. อกี อยา งหนึง่ คาํ วาปฏจิ ฺจ กมมฺ  น้ีเปน ชอ่ื ของนมิ ติ ตกรรม. กรรมทีอ่ าศยั ตนเปน เหตุกระทํามีอยูใ นเนอ้ื น้นั เพราะเหตุนัน้ ทา นจึงอธิบายวา กรรมมอี ยเู พราะอาศยั เน้ือ. ลัทธิ(ความเช่ือถอื ) ของคนเหลา นั้นมีอยวู า ผูใดบริโภคเนอื้ เชนน้ัน (อทุ ศิ มงั สะ)ผูนน้ั กต็ อ งเปน ผูร บั ผลของกรรมนน้ั ดว ย ปาณฆาตกรรม จงึ มแี มแกค นน้นัเหมอื นกับฆาเอง. คําวา ธมฺมสสฺ จ อนธุ มฺม พยฺ ากโรนตฺ ิ ความวายอมกลา วเหตตุ ามเหตทุ พี่ ระผูม ีพระภาคเจาตรสั ไวใ นคํานน้ั การบรโิ ภคเนอ้ื

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 106โดยสว น ๓ ชอ่ื วา เหตุ การพยากรณอ ยางนนั้ ของมหาชนช่อื วา ตามเหต.ุ แตพระผมู พี ระภาคเจา ไมเ สวยเน้อื ท่เี ขาทาํ เจาะจง (อทุ ิศมงั สะ) เพราะฉะน้ันขอน้ันไมชอื่ วา เหต.ุ การกระทําอยา งน้นั ของพวกเดียรถยี ก็ไมช ่ือวา ตามเหต.ุคําวา สหธมมฺ โิ ก วาทานวุ าโท ความวา การกลา วหรอื การกลาวตามของพวกทา นมีเหตุ โดยเหตทุ ค่ี นอน่ื ๆ กลา วแลว เปน เหตทุ ผี่ ูรูทง้ั หลายพึงตเิ ตยี นวาทะอะไร ๆ เลก็ นอ ย จะมาถงึ หรอื หนอ ทา นอธบิ ายวา เหตทุ ่ีจะพงึติเตยี นในวาทะของพวกทานยอ มไมมโี ดยอาการทัง้ หมดหรือ. คําวา อพภฺ า-จกิ ขฺ นตฺ ิ แปลวา กลาวขม (ตู) . คาํ วา าเนหิ คือ โดยเหตุทั้งหลาย. บรรดาสวนทัง้ ๓ มสี วนทีเ่ หน็ แลว เปน ตน เห็นเขาฆาเนอ้ื และปลาแลว เอามา (ทําอาหาร) ถวายภิกษุทง้ั หลาย ชอ่ื วา สวนทเี่ หน็ แลว . ไดยนิมาวา ชื่อวา สวนทส่ี งสยั มี ๓ อยา ง คอื สว นทีส่ งสัยวา ไดเ หน็ มา สว นที่สงสัยวา ไดย นิ มา สว นทีส่ งสัยอนั นอกไปจากทั้งสองอยางน้นั . ในสวนทสี่ งสัยทัง้ ๓ น้นั มวี ินิจฉัยรวบรดั ดังนี.้ ภกิ ษุทงั้ หลายในพระศาสนาน้ี เห็นคนทั้งหลายถอื ตาขาย และเหเปนตน กําลังออกไปจากบา นหรอื กาํ ลงั เท่ยี วอยใู นปา แตว ันรงุ ขนึ้ เมอื่ ภิกษุเหลานัน้ เขา ไปบิณฑบาตยงั บา นน้นั คนเหลา นนั้ กน็ าํ บิณฑบาต (อาหาร) ทม่ี ีเนื้อปลาถวาย ภิกษุเหลา น้นั ก็สงสยั โดยการเห็นน้ันวา เนอ้ื ปลาเขาทํามาเพ่อื ประโยชนแ กภ กิ ษทุ ้งั หลายหรอื หนอ. นช้ี อ่ื วาสงสัยโดยเหน็ รับอาหารที่สงสยั โดยการเห็นน้ัน ไมค วร. อาหารใด ภกิ ษุไมไดส งสัยอยา งนน้ั รบั อาหารนั้นก็ควร. กถ็ า คนเหลา นั้นถามวา ทา นเจา ขา เหตไุ รพระคณุ เจา จึงไมรับฟงคาํ ตอบของพวกภกิ ษแุ ลว ก็กลาววา อาหารน้ี พวกเรา มไิ ดทาํ เพื่อประโยชนแ กภิกษุทั้งหลายดอก แตพ วกเราทาํ เพอื่ ประโยชนของตนเองหรือเพอ่ื ประโยชนแ กข า ราชการเปน ตน ตางหาก รับอาหารน้นั ก็ควร.

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 107 ภิกษทุ ง้ั หลายไมเห็นอยา งนัน้ เลย แตไ ดยินมาวา เขาวาคนท้ังหลายถือตาขายและแหเปน ตน ออกจากบา นไป หรอื เที่ยวไปในปา รุงข้นึ เม่อื ภิกษุเหลานน้ั เขา ไปบณิ ฑบาตยังบานน้นั คนเหลานัน้ ก็นําบิณฑบาตท่มี ีเนื้อปลามาถวายภกิ ษุเหลา น้ัน ก็สงสยั โดยการไดยินน้นั วา เขาทําเพ่อื ประโยชน แกภกิ ษทุ ง้ั หลายหรือหนอ. นีช้ ื่อวา สงสัยโดยไดย นิ มา. รับอาหารนั้น ไมค วร.อาหารใด มไิ ดสงสยั อยางนน้ั รบั อาหารนน้ั กค็ วร. แตถาคนเหลา น้ันถามวาทา นเจา ขา เหตุไร พระคุณเจา จึงไมรับ ฟง คาํ ตอบของภกิ ษุเหลา น้นั แลวก็กลาววา ทา นเจาขา อาหารนี้ พวกเรามไิ ดทําเพื่อประโยชนแ กภกิ ษุทงั้ หลายดอก แตพวกเราทาํ เพ่ือประโยชนแ กตนเอง หรอื เพอ่ื ประโยชนแ กพ วกขา ราชการเปน ตนตางหาก รบั อาหารนนั้ กค็ วร. อนงึ่ ภกิ ษุไมเห็น ไมไดย ินมา เม่อื ภกิ ษุเหลา นัน้ เขาไปบณิ ฑบาตยงับา นนน้ั คนท้ังหลายรบั บาตรเอาไปตกแตง บิณฑบาตทม่ี ีเนอ้ื ปลา นาํ ไปถวายภกิ ษเุ หลานน้ั ก็สงสัยวา เขาทาํ เพื่อประโยชนแกภกิ ษุทงั้ หลายหรือ นีช้ ือ่ วาสงสัยนอกไปจากทง้ั สองอยางน้ัน. รับอาหารแมน้นั ก็ไมควร อาหารใดมไิ ดสงสัยอยา งน้นั รบั อาหารนน้ั ก็ควร. แลวถา คนเหลา นั้น ถามวา ทา นเจาขา เหตุไรพระคุณเจาจึงไมรับ ฟง คาํ ตอบของพวกภกิ ษุแลว กก็ ลาววา ทา นเจา ขา อาหารนี้ พวกเรามไิ ดท าํ ประโยชนแ กภ กิ ษุท้งั หลายดอก เราทาํ เพือ่ ประโยชนแกตนเอง หรอื เพือ่ ประโยชนแ กข า ราชการเปน ตนตางหาก หรอื วา พวกเราไดปวัตตมังสะ (เนือ้ ทเี่ ขามอี ยูแลว) เปน ของกปั ปยะ (ควร) ทงั้ นน้ั จึงตกแตงเพื่อประโยชนแกภกิ ษทุ ้ังหลาย รบั อาหารนั้นก็ควร. ในอาหารทีเ่ ขาทาํ เพื่อประโยชนเ ปนเปตกจิ (อุทิศ) สาํ หรบั คนทีต่ ายไปแลว หรอื เพอ่ื ประโยชนแ กการมงคลเปน ตน ก็นัยนเ้ี หมือนกัน. แทจรงิ อาหารใด ๆ เขามิไดก ระทาํ เพอื่

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 108ประโยชนแ กภกิ ษทุ ้ังหลาย และภกิ ษุทง้ั หลายก็มิไดเ คลือบแคลง สงสยั ในอาหารอนั ใด รบั อาหารน้นั ทกุ อยางก็ควร. แตถา อาหารเขาทําอทุ ศิ ภิกษทุ ัง้ หลายในวดั หนง่ึ ภิกษุเหลา นนั้ ไมร วู า เขาทาํ เพือ่ ประโยชนแ กต น ภกิ ษเุ หลาอ่นื รูภิกษุเหลา ใดรู อาหารนนั้ ก็ไมควรแกภ ิกษเุ หลานั้น ควรแกภกิ ษุนอกจากน้ีภกิ ษุเหลา อื่นไมรู ภกิ ษุเหลา นน้ั เทา น้ันที่รู อาหารนัน้ ก็ไมควรแกภ ิกษุเหลาน้ัน ควรแกภ กิ ษุเหลา อืน่ แมภ กิ ษเุ หลาน้นั รวู า เขาทําเพื่อประโยชนแ กพ วกเรา แมภกิ ษเุ หลาอน่ื กร็ ูวา เขาทําเพอื่ ประโยชนแ กภ กิ ษเุ หลานัน้ อาหารน้นั ก็ไมควรแกภ ิกษทุ ง้ั หมด ภิกษทุ ง้ั หมดไมรู กค็ วรแกภ ิกษุทัง้ หมดน่ันแหละ. บรรดาสหธรรมิก ๕ รูป อาหารที่เขาทําอุทศิ แกภกิ ษรุ ปู ใดรปู หน่ึงยอมไมส มควรแกส หธรรมิกหมดทกุ รูป ก็ถา บางคนฆาสตั วเ จาะจงภิกษรุ ปู หนึ่งแลวบรรจบุ าตรเตม็ ดว ยเนื้อสัตวนัน้ ถวาย แมภิกษุนัน้ กร็ อู ยวู า เขาทําเพ่ือประ-โยชนแกตน ครั้นรับแลว ก็ถวายแกภ ิกษรุ ูปอนื่ ภิกษนุ ัน้ ก็ฉนั ดวยความเชื่อถือภิกษุนั้น. ถามวา ใครเปน อาบัต.ิ ตอบวา ไมเ ปน อาบตั ิทงั้ สองรูป เพราะวา อาหารใด เขาทาํ เจาะจงแกเธอ เธอกไ็ มเ ปนอาบัติเพราะเธอไมฉันอาหารน้นั อกี รปู หน่ึง (ฉัน ) กไ็ มเ ปน อาบัตเิ พราะไมรู ในการรบั กปั ปย มังสะ (เนือ้ท่สี มควรแกส มณะ) ไมเ ปนอาบตั .ิ ภกิ ษไุ มร วู า เปนอุทิศมงั สะ มารูภายหลังท่ีฉันแลว กไ็ มมีกจิ คอื การแสดงอาบตั .ิ สว นภิกษุไมรูวา เปน อกัปปยมังสะมารูภายหลังฉันแลว ตองแสดงอาบตั ิ ภิกษรุ ูวา เปนอุทศิ มงั สะแลวฉนั เปนอาบตั ิ แมภกิ ษุไมรวู า เปนอกัปปยมงั สะ แลวฉนั กเ็ ปน อาบตั ิทง้ั นัน้ เพราะฉะนั้นภิกษผุ กู ลวั อาบตั ิ แมกําหนดรูปเปนอารมณอยู ถามแลว คอ ยรับมังสะหรือเธอรับดว ยคิดวาจกั ถามแลวฉนั ในเวลาฉันถามแลว คอยฉัน. ถามวาเพราะอะไร. ตอบวา เพราะเปน ของทีไ่ ดยาก จริงอยู เนอ้ื หมกี เ็ หมือนๆ กับเน้ือ




















































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook