Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_20

tripitaka_20

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_20

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 329พระอริยเจา เปน มิจฉาทฏิ ฐิ ยดึ ถอื การกระทําดวยอํานาจมจิ ฉาทฏิ ฐิ เบ้ืองหนาแตตายเพราะกายแตก เขายอ มเขา ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก สว นสตั วเ หลาน้ปี ระกอบดวยกายสจุ รติ วจีสจุ ริต มโนสุจรติ ไมต ิเตยี นพระอรยิ -เจาเปน สัมมาทิฏฐ.ิ ยดึ ถือการกระทาํ ดวยอาํ นาจสมั มาทฏิ ฐ.ิ เบ้ืองหนา แตตายเพราะกายแตก เขายอ มเขาถงึ สคุ ติโลกสวรรคด งั นี้ เธอยอมเห็นหมสู ตั วก าํ ลงัจตุ ิ กาํ ลังอุปบตั ิ เลว ประณีต มผี วิ พรรณดี มีผวิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดวยทิพยจกั ษุอันบรสิ ุทธิ์ ลวงจกั ษุของมนุษย ยอ มรูชัดซึง่ หมูส ตั วผเู ปนไปตามกรรมดวยประการฉะนี้ ขอ นน้ั เพราะเหตุไร ดูกอนภทั ทาลิ ขอ น้นั เปนเพราะภิกษุทาํ ใหบรบิ ูรณใ นสกิ ขาในพระศาสนาของพระศาสดา. ภกิ ษุนน้ั เมื่อจิตเปน สมาธิ บริสทุ ธผ์ิ อ งแผว ไมมีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส ออ น ควรแกก ารงาน ตง้ั มั่น ไมห วน่ั ไหวอยางนี้ ยอ มโนม นอ มจติไปเพอ่ื อาสวกั ขยญาณ ยอ มรชู ดั ตามความเปนจริงวา น้ีทุกข นที้ กุ ขสมุทัยนท้ี ุกขนิโรธ น้ีทุกขนโิ รธคามินีปฏิปทา นี้อาสวะ นี้อาสวสมุทยั น้อี าสวนโิ รธนอ้ี าสวนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา เมอ่ื เธอรเู ห็นอยา งน้ี จติ ยอ มหลุดพน ครนั้ เม่ือจิตหลดุ พนแลว ก็มีญาณรูว าหลดุ พน แลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจท่คี วรทําทาํเสรจ็ แลว กจิ อ่ืนเพ่อื ความเปน อยา งนีม้ ิไดมี ขอน้นั เพราะเหตุไร ดกู อนภัททาลิ ขอ นัน้ เปน เพราะภกิ ษทุ าํ ใหบริบูรณในสกิ ขาในศาสนาของพระศาสดา. เมือ่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสอยางนแ้ี ลว ทา นพระภัททาลไิ ดกราบทลูวา ขาแตพระองคผ ูเจรญิ อะไรหนอเปน เหตุ เปนปจจยั สาํ หรบั ภิกษทุ ้งั หลายจะขมแลว ขมเลาซึ่งภิกษุบางรูปในพระธรรมวนิ ัยน้ีแลวทาํ เปน เหตุ กอ็ ะไรเปนเหตุ เปนปจจัย สาํ หรบั ภกิ ษุทั้งหลายจะไมข ม แลว ขม เลาซ่ึงภกิ ษุบางรปู ในพระธรรมวนิ ัยนแ้ี ลวทําเปนเหต.ุ

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 330 การระงบั อธิกรณ [๑๖๙] ดกู อ นภัททาลิ ภกิ ษบุ างรูปในธรรมวินยั นี้ เปนผูตอ งอาบตั ิเนอื ง ๆ เปน ผมู ากดว ยอาบัติ เธออนั ภกิ ษุท้งั หลายวากลาวอยู กย็ ังฝา ฝนประ-พฤตอิ ยางอื่นดว ยอาการอื่น นําเอาถอ ยคาํ ในภายนอกมากลบเกล่อื น ทําความโกรธ ความขัดเคือง และความไมอ อ นนอม ใหปรากฏ ไมป ระพฤติโดยชอบไมทาํ ขนใหตก ไมป ระพฤติถอนตนออก ไมกลาววา ขา พเจาจะทาํ ตามความพอใจของสงฆ ดูกอ นภัททาลิ ในเหตทุ ่ีภิกษุเปน ผวู า ยากน้นั ภิกษุท้งั หลายจึงมีวาจาอยางนว้ี า ดูกอ นทา นผูมอี ายุทัง้ หลาย ภกิ ษนุ เี้ ปน ผูต อ งอาบตั เิ นอื ง ๆเปน ผูมากดว ยอาบัติ เธออนั ภกิ ษุท้ังหลายวากลาวอยู กย็ ังฝา ฝนพระพฤติอยา งอ่ืนดวยอาการอื่น นําเอาถอยคําในภายนอกมากลบเกล่ือน ทาํ ความโกรธความขดั เคอื ง และความไมอ อ นนอ มใหปรากฏ ไมประพฤตโิ ดยชอบ ไมท ําขนใหต ก ไมป ระพฤตถิ อนตนออก ไมกลา ววา ขาพเจาจะทาํ ตามความพอใจของสงฆ ดีละหนอ ขอทานผมู ีอายทุ ัง้ หลายจงพิจารณาโทษของภิกษนุ ี้ โดยประการที่อธิกรณน ้ไี มพ ึงระงบั โดยเรว็ ฉะน้นั เถิด ดว ยประการอยา งนี้ ภกิ ษุท้ังหลายจึงพิจารณาโทษของภิกษุนน้ั โดยประการทอี่ ธิกรณนี้จะไมร ะงับโดยเรว็ฉะนัน้ . ดูกอนภทั ทาลิ สว นภิกษุบางรปู ไมธ รรมวินยั นี้ เปนผตู อ งอาบัติเนอื ง ๆ เปนผมู ากดวยอาบตั ิ เธออันภกิ ษุทัง้ หลายวากลาวอยู ยอมไมฝ า ฝนพระพฤติอยางอื่นดว ยอาการอ่นื ไมนาํ ถอยคําในภายนอกมากลบเกลอ่ื น ไมทําความโกรธความขัดเคอื ง และความออนนอม ใหป รากฏ ประพฤตชิ อบ ทาํขนใหตก ประพฤตถิ อนตนออก กลาววา ขา พเจาจะทําตามความพอใจของสงฆ ดูกอนภัททาลิ ในเหตทุ ภ่ี กิ ษุเปนผวู างา ยนั้น ภิกษทุ ้ังหลายจงึ มีวาจาอยาง

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 331นว้ี า ดูกอนทานผมู ีอายทุ งั้ หลาย ภิกษุนเี้ ปนผตู อ งอาบัตเิ นือง ๆ เปนผูมากดวยอาบัติ เธออนั ภกิ ษุทง้ั หลายวากลา วอยู ยอ มไมพระพฤตฝิ า ฝนอยา งอ่ืนดวยอาการอื่น ไมน าํ ถอ ยคาํ ในภายนอกมากลบเกลื่อน ไมท ําความโกรธ ความขัดเคือง และความไมอ อ นนอม ใหป รากฏ ประพฤติชอบ ทําขนใหตกประพฤติถอนตนออก กลา ววาขา พเจาจะทําตามความพอใจของสงฆ ดีละหนอขอทา นผูมีอายทุ ง้ั หลาย จงพจิ ารณาโทษของภิกษนุ ี้ โดยประการทอ่ี ธกิ รณน ี้จะพงึ ระงบั โดยเรว็ ฉะนนั้ เถิด ดว ยประการอยางน้ี ภิกษุท้งั หลายยอมพจิ ารณาโทษของภิกษุนัน้ โดยประการท่ีอธกิ รณน ้ีจะระงบั ไดโ ดยเร็วฉะนั้น. [๑๗๐] ดกู อ นภัททาลิ ภกิ ษบุ างรูปในธรรมวินัยน้ี เปน ผตู องอาบัติเปน บางครั้ง ไมม ากดวยอาบัติ เธออนั ภกิ ษทุ ้ังหลายวากลา วอยู ก็ยงั ฝา ฝนประพฤติอยา งอน่ื ดวยอาการอ่นื นาํ เอาถอ ยคําในภายนอกมากลบเกลอ่ื น ทาํความโกรธ ความขัดเคอื งและความไมออ นนอ ม ใหป รากฏ ไมป ระพฤติชอบ ไมทําขนใหต ก ไมป ระพฤติถอนตนออก ไมก ลา ววา ขา พเจาจะทาํตามความพอใจของสงฆ ในเหตทุ ่ีภิกษุเปน ผูวา ยากนั้น ภกิ ษทุ งั้ หลายจงึ มวี าจาอยางน้ีวา ดูกอนทา นผูมีอายุทง้ั หลาย ภกิ ษุนต้ี องอาบัติเปนบางคร้ัง ไมมากดวยอาบตั ิ เธออันภกิ ษทุ ้ังหลายวา กลาวอยู ก็ยงั ฝาฝน ประพฤติอยา งอน่ื ดว ยอาการอนื่ นาํ เอาถอยคาํ ในภายนอกมากลบเกลื่อน ทําความโกรธ ความขดั -เคอื ง และความไมอ อ นนอ ม ใหป รากฏ ไมป ระพฤตโิ ดยชอบ ไมท ําขนใหตก ไมประพฤตถิ อนตนออก ไมกลาววา ขา พเจาจะทําตามความพอใจของสงฆ ดีละหนอ ขอทา นผูมีอายุทั้งหลาย จงพิจารณาโทษของภกิ ษนุ ี้ โดยประการทอ่ี ธิกรณจ ะไมพงึ ระงับโดยเรว็ ฉะนัน้ เถิด ดว ยประการอยางน้ี ภกิ ษุทัง้ หลายจงึ พิจารณาโทษของภกิ ษนุ ั้น โดยประการที่อธกิ รณน้จี ะไมร ะงบั โดยเร็วฉะนนั้ .

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 332 ดกู อ นภัททาลิ สว นภกิ ษุบางรูปในธรรมวนิ ัยน้ี เปน ผูตอ งอาบัติเปนบางครง้ั ไมม ากดวยอาบัติ เธออนั ภิกษทุ ัง้ หลายวากลา วอยู ยอมไมฝ า ฝนประพฤตอิ ยา งอื่นดวยอาการอยางอ่ืน ไมนาํ ถอ ยคาํ ในภายนอกมากลบเกลื่อนไมทําความโกรธ ความขดั เคอื ง และความไมออนนอ ม ใหป รากฏ ประพฤติชอบ ทาํ ขนใหตก ประพฤตถิ อนตนออก กลา ววา ขาพเจา จะทําตามความพอใจของสงฆ ดูกอ นภทั ทาลิ ในเหตทุ ่ีภิกษุเปนผูว า งายนัน้ ภิกษุท้ังหลายจึงมีวาจาอยา งนี้วา ดูกอนทานผมู อี ายทุ ง้ั หลาย ภกิ ษนุ ้ีตองอาบัติเปนบางคร้ังไมม ากดว ยอาบตั ิ เธออนั ภกิ ษทุ ้ังหลายวากลาวอยู ยอ มไมพ ระพฤตฝิ า ฝนอยา งอน่ื ดวยอาการอนื่ ไมนําถอยคาํ ในภายนอกมากลบเกลอ่ื น ไมท าํ ความโกรธความขดั เคอื ง และความไมอ อ นนอ ม ใหปรากฏ ประพฤติชอบ ทาํ ขนใหตก ประพฤตถิ อนตนออก กลาววา ขา พเจา จะทําตามความพอใจของสงฆดลี ะหนอ ขอทานผูมอี ายทุ ้ังหลายจงพิจารณาโทษของภิกษุน้ี โดยประการที่อธิกรณนพ้ี ึงระงบั ไดโดยเรว็ ฉะนัน้ เถดิ ดว ยประการอยา งนี้ ภิกษุทง้ั หลายจึงพจิ ารณาโทษของภกิ ษุนั้น โดยประการที่อธิกรณน้จี ะระงบั ไดโดยเร็วฉะนัน้ . [๑๗๑] ดูกอ นภทั ทาลิ ภิกษุบางรูปในธรรมวนิ ยั น้ี นําชวี ติ ไปดวยศรัทธาพอประมาณ ดว ยความรักพอประมาณ ดูกอนภทั ทาลิ ในเหตุท่ีภิกษุเปนผนู าํ ชีวิตไปดวยศรัทธาพอประมาณ ดว ยความรักพอประมาณนัน้ ภิกษุท้ังหลายจึงมีวาจาอยา งน้วี า ดกู อนทานผูมีอายุท้งั หลาย ภิกษุน้นี าํ ชีวิตไปดว ยศรัทธาพอประมาณ ดว ยความรักพอประมาณ ถาเราทง้ั หลายจักขมแลวขมเลาซง่ึ ภิกษนุ แ้ี ลวใหท ําเหตุ ดว ยความตง้ั ใจวา ศรทั ธาพอประมาณ ความรักพอประมาณ ของเธอนน้ั อยา เสือ่ มไปจากเธอเลย ดูกอนภัททาลิ เปรียบเหมอื นชนผเู ปนมิตรอาํ มาตยญาติสายโลหติ ของบรุ ษุ ผูม นี ัยนต าขา งเดยี ว พึงรักษา

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 333นัยนต าขางเดยี วน้ันไว ดวยความตงั้ ใจวา นยั นต าขางเดยี วของเขานั้น อยาไดเ สื่อมไปจากเขาเลย ฉันใด ดกู อนภัททาลิ ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยน้ี ก็ฉนั นั้น นาํ ชีวิตไปดวยความศรัทธาพอประมาณ ดว ยความรักพอประมาณในเหตทุ ภี่ ิกษุเปน ผูน ําชีวติ ไปดว ยศรทั ธาพอประมาณ ดว ยความรกั พอประมาณน้นั ภกิ ษุทง้ั หลายจงึ เจวาจาอยา งน้ีวา ดกู อนทานผมู ีอายทุ ัง้ หลาย ภกิ ษนุ น้ี ําชวี ติ ไปดว ยศรัทธาพอประมาณ ดว ยความรกั พอประมาณ ถา เราทงั้ หลายจักขมแลว ขมเลา ซงึ่ ภกิ ษนุ ้ีแลวใหทําเหตุ ดว ยความตั้งใจวา ศรัทธาพอประมาณความรกั พอประมาณ ของเธออยา ไดเสื่อมไปจากเธอเลย ดกู อ นภทั ทาลิ น้ีแลเปนเหตุเปนปจ จยั สําหรบั ภิกษทุ ้งั หลายทีจ่ ะขมแลวขม เลาซึ่งภกิ ษุบางรปู ในธรรมวินยั น้ีแลวใหทําเหตุ อนึ่ง น้เี ปนเหตุเปนปจ จัย สาํ หรบั ภิกษุท้ังหลายทจี่ ะขมแลวขมเลาซึง่ ภกิ ษุบางรปู ในธรรมวนิ ยั นีแ้ ลวใหทาํ เหต.ุ ขาแตพระองคผเู จริญ อะไรหนอ เปน เหตุเปน ปจ จัย ทเี่ มอ่ื กอนไดม สี ิกขาบทนอยนกั เทียว แตภิกษดุ าํ รงอยใู นอรหตั ผลเปน อนั มาก และอะไรเปนเหตเุ ปนปจจยั ทีเ่ ดย๋ี วน้ี ไดมีสิกขาบทเปน อันมาก แตภ กิ ษดุ าํ รงอยใู นอรหตั ผลนอยนัก. อาสวัฏฐานิยธรรม [๑๗๒] ดกู อ นภทั ทาลิ ขอนเี้ ปน จริงอยางนน้ั เมือ่ สัตวท้ังหลายกําลงั เสอ่ื ม พระสทั ธรรมกาํ ลงั อนั ตรธาน สิกขาบทมอี ยมู ากมาย แตภิกษุดํารงอยใู นอรหัตผลนอ ยนกั พระศาสดายังไมท รงบัญญัติสกิ ขาบทแกสาวกท้ังหลาย ตราบเทา ทอ่ี าสวัฏฐานิยธรรมบางเหลา ยังไมป รากฏในสงฆ ในธรรมวินยั น้ี ตอ เม่อื ใด อาสวัฏฐานยิ ธรรมบางเหลา ปรากฏขึ้นในสงฆ ในธรรมวนิ ยันี้ เม่ือนน้ั พระศาสดาจงึ ทรงบญั ญตั สิ กิ ขาบทแกสาวกทัง้ หลาย เพอื่ กาํ จัด

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 334อาสวฏั ฐานยิ ธรรมเหลาน้ัน อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหลายงั ไมป รากฏในสงฆในธรรมวนิ ัยน้ี ตราบเทาท่ีสงฆยงั ไมถ งึ ความเปนหมูใ หญ ตอเมื่อใด สงฆถงึ ความเปน หมใู หญ เมือ่ น้นั อาสวัฏฐานยิ ธรรมบางเหลา จงึ จะปรากฏในสงฆในธรรมวินยั นี้ คร้งั น้ัน พระศาสดาจงึ ทรงบญั ญตั สิ ิกขาบทแกสาวกทัง้ หลายเพื่อกาํ จัดอาสวัฏฐานยิ ธรรมเหลานนั้ อาสวฏั ฐานิยธรรมบางเหลา ยงั ไมป รากฏในสงฆ ในธรรมวนิ ยั น้ี ตราบเทา ท่สี งฆย งั ไมถงึ ความเปนผูเลิศดวยลาภ . . . .ยังไมถ งึ ความเปนผเู ลศิ ดวยยศ . . . ยังไมถงึ ความเปน พหูสูต . . . ยังไมถ ึงความเปนรตั ตัญู ตอเมอื่ ใด สงฆถงึ ความเปนรัตตญั ู เม่ือนั้น อาสวัฏฐานิย-ธรรมบางเหลา จึงปรากฏในสงฆ ในธรรมวนิ ยั น้ี ครัง้ น้นั พระศาสดาจงึ ทรงบัญญตั ิสกิ ขาบทแกสาวกทง้ั หลาย เพอ่ื กําจดั อาสวฏั ฐานยิ ธรรมเหลา นนั้ . [๑๗๓] ดูกอ นภัททาลิ ณ สมัยทเ่ี ราแสดงธรรมปรยิ ายเปรยี บดว ยอาชาไนยหนมุ แกเธอทง้ั หลาย ณ สมัยนั้น เธอทั้งหลายไดมอี ยนู อ ย เธอยงัระลึกถงึ ธรรมปรยิ ายนั้นไดอยหู รือ. ขา พระองคร ะลกึ ถึงธรรมปริยายขอนนั้ ไมได พระเจา ขา. ดูกอนภทั ทาลิ ในการระลกึ ไมไดนน้ั เธออาศัยอะไรเปน เหตุเลา. ขา แตพ ระองคผ เู จริญ เพราะขา พระองคน้ันมไิ ดทาํ ใหบ รสิ ทุ ธิ์ในสกิ ขาในศาสนาของพระศาสดา เปนเวลานานเปน แน พระเจาขา. ดูกอ นภทั ทาลิ ความเปนผไู มทาํ ใหบรบิ ูรณใ นสิกขาน้ี จะเปนเหตุเปนปจจยั หามไิ ด แตเรากาํ หนดใจดวยใจ รูเธอมานานแลว วา โมฆบรุ ษุน้ี เมอื่ เราแสดงธรรมอยู ไมตอ งการ ไมใ สใจ ไมร วบรวมดว ยใจทง้ั ปวงไมเ งยี่ โสตลงฟงธรรม แตกเ็ ราจักแสดงธรรมปรยิ ายเปรียบดวยมา อาชาไนยหนุม แกเ ธอ เธอจงฟง ธรรมนน้ั จงใสใ จใหด ี เราจักกลาว. ทานพระภัททาลิทลู รบั พระดํารสั พระผูมพี ระภาคเจา วา อยางนั้น พระเจา ขา .

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 335 ธรรม ๑๐ ประการ [๑๗๔] พระผมู พี ระภาคเจา ไดต รสั วา ดกู อ นภทั ทาลิ เปรียบเหมือนนายสารถีฝกมา คนขยัน ไดม าอาชาไนยตัวงามมาแลว ครง้ั แรกทีเดียว ฝก ใหรูเ หตุในการใสบังเหยี น เม่อื นายสารถฝี ก ใหม ันรูเ หตุในการใสบ งั เหียน ความประพฤติเปน ขาศึก การพยศ การดิน้ รนบางอยางบางประการยงั มอี ยูท เี ดียวเหมอื นของมา ที่นายสารถฝี ก ใหรูเหตทุ ย่ี ังไมเคยฝก ฉะนั้น มันจะสงบลงไดใ นการพยศน้นั เพราะนายสารถีฝกใหร ูเนอื ง ๆ เพราะนายสารถีฝกใหร ูโดยลําดับในการท่มี าอาชาไนยตวั งามสงบลงไดในการพยศนัน้ เพราะนายสารถฝี ก ใหร ูเนือง ๆ เพราะนายสารถฝี กใหร โู ดยลําดบั นายสารถฝี ก มา จึงฝกใหมันรเู หตุย่ิงข้นึ ไป ในการเทียมแอก เมือ่ นายสารถีฝกใหม นั รูเ หตใุ นการเทยี มเอกความพระพฤติเปนขาศึก การพยศ การดิน้ รนบางอยา งบางประการยงั มอี ยูท ีเดียว เหมือนของมา ทนี่ ายสารถฝี ก ใหร ูใ หรเู หตทุ ่ียังไมเ คยฝก ฉะน้นั มนั จะสงบลงได ในการพยศน้นั เพราะนายสารถฝี กใหรเู นอื ง ๆ เพราะนายสารถฝี กใหรโู ดยลําดับ ในการท่มี าอาชาไนยตวั งามสงบลงได ในการพยศน้ัน เพราะนายสารถฝี กใหรเู นอื ง ๆ เพราะนายสารถีฝก ใหรโู ดยลําดบั นายสารถผี ฝู กมาจงึ ฝก ใหม ันรูเหตยุ ง่ิ ข้นึ ไป ในการกาวยาง๑ ในการวิ่งเปน วงกลม๒ ในการจรดกีบ๓ ในการว่ิง ในประโยชนต อเสียงรอง ในการฝก ไมใ หต ื่นตกใจเพราะเสียงกกึ กอ งตาง ๆ ในการเปน มามคี ุณท่ีพระราชาพึงรู ในวงศพญามาในความวอ งไวชนั้ เยีย่ ม ในการเปนมาช้ันเยยี่ ม ในการเปน มา ควรแกคําออนหวานชนั้ เยี่ยม เมื่อนายสารถีฝก ใหม นั รูเหตุ ในการวองไวชัน้ เยย่ี ม ในการเปนมาชนั้ เยี่ยม ในการเปนมา ควรแกคาํ ออ นหวานชั้นเยี่ยม ความประพฤติ ๑. ในการยกและวางเทา ท้งั ๔ คร้งั เดยี วกัน ๒. ในการสามารถใหค นนงั่ บนหลงั เกบ็ อาวธุ ที่ตกภาคพ้ืนได ๓. ในการประสงคจ ะใหเ ดนิ เบา ไมใหขาศกึ ไดยินเสยี งฝเ ทา .

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 336เปนขา ศึก การพยศ การดิ้นรนบางอยางบางประการ ยงั มอี ยทู เี ดียว เหมอื นของมา ทน่ี ายสารถีฝกใหรูเหตทุ ี่ยงั ไมเคยฝก ฉะนนั้ มันยอมสงบลงไดในการพยศนั้น. เพราะนายสารถฝี ก ใหรูเนือง ๆ เพราะนายสารถีฝก ใหรโู ดยลําดับในการทมี่ า อาชาไนยตัวงามสงบลงไดในการพยศนัน้ เพราะนายสารถีฝกใหรูเนอื ง ๆ เพราะนายสารถฝี กใหรโู ดยลาํ ดับ สารถีผฝู ก มา ยอมเพิ่มใหซ งึ่ เหตุเปนที่ตั้งแหงคุณและเหตุเปนทต่ี ง้ั แหงพละยิง่ ข้ึนไป ดูกอ นภทั ทาลิ มาอาชาไนยตัวงาม ประกอบดวยองค ๑๐ ประการนแี้ ล ยอ มเปน พาหนะควรแกพระราชาเปน พาหนะสาํ หรบั ใชส อยของพระราชา นับไดวาเปน องคข องพระราชา ฉนั ใดดกู อนภัททาลิ ภิกษุผูประกอบดวยธรรม ๑๐ ประการ กฉ็ ันน้ัน ยอมเปน ผูควรของคํานับ เปนผูควรของตอนรับ เปน ผคู วรแกทักษิณา เปนผูควรอัญชลกี รรม เปนนาบุญของโลก ไมม นี าบญุ ย่ิงกวา ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน ดูกอ นภัททาลิ ภิกษุในธรรมวนิ ัยน้ี เปน ผปู ระกอบดวยสมั มาทฏิ ฐิสมั มาสงั กัปปะ สมั มาวาจา สัมมากมั มนั ตะ สมั มาอาชวี ะ สัมมาวายามะสัมมาสติ สัมมาสมาธิ สมั มาญาณะ สมั มาวมิ ตุ ติ อนั เปนของพระอเสขะดูกอนภทั ทาลิ ภกิ ษุผูป ระกอบดวยธรรม ๑๐ ประการนแี้ ล ยอ มเปนผคู วรของคาํ นบั เปนผูควรของตอนรบั เปน ผูควรแกทักษณิ า เปนผูควรแกอัญชลีกรรม เปน นาบุญของโลก ไมมนี าบุญอน่ื ยงิ่ ไปกวา ดังน.ี้ พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรสั พระสูตรน้แี ลว ทา นพระภทั ทาลิชืน่ ชมยนิ ดีพระภาษติ ของพระผูมพี ระภาคเจา ดังนแ้ี ล. จบภัททาลิสตู รที่ ๕

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 337 ๕. อรรถกถาภัททาลิสูตร ภัททาลิสตู ร มีบทเรม่ิ ตนวา เอวมฺเม สุต ขาพเจา ไดส ดบั มาอยาง ในบทเหลา นัน้ บทวา เอกาสนโภชน ไดแก ฉันอาหารในเวลากอ นภตั หนเดียว ความวา อาหารที่ควรฉัน. บทมีอาทิวา อปฺปาพาธต ความเปนผมู อี าพาธนอ ยกลา วไวพ ิสดารแลว ในกกโจปมสตู ร. บทวา น อสุ สฺ หามิ คอืไมส ามารถ. บทวา สยิ า กกุ ฺกุจจฺ  สิยา วิปปฺ ฏิสาโร พงึ มีความรําคาญ พึงมคี วามเดือดรอ น ความวา เมือ่ ฉนั อยา งน้ีจะพึงมีความเดอื ดรอนราํ คาญแกเ ราวา เราจกั สามารถพระพฤตพิ รหมจรรยไดต ลอดชวี ิตหรอื ไมห นอ. บทวาเอกเทส ภุฺชติ ฺวา พึงฉนั สว นหนงึ่ ความวา ไดย ินวาพระเถระแตกอนเมอื่ทายกใสอ าหารลงในบาตรแลวถวายเนยใส ฉนั เนยใสรอนหนอ ยหนึ่งแลวลางมอื นําสวนท่ีเหลอื ไปภายนอก น่งั ฉนั ในทมี่ ีรมไมและน้าํ สบาย. พระศาสดาตรสั หมายถงึ อยางนั้น. แตทา นพระภทั ทาลิคิดวา หากภกิ ษุฉันอาหารที่ทายกถวายเต็มบาตรคราวเดียวแลว ลางบาตรนําอาหารท่ไี ดเ ต็มดว ยขาวสกุ ไปในภายนอกแลวพงึ ฉนั ในท่ีมรี มไมและนํ้าสบาย. พงึ ควรอยางน้ี. นอกไปจากน้ใี ครเลาจะสามารถ. เพราะฉะนนั้ ทา นพระภัททาลิจงึ ทูลวา ขา แตพระองคผเู จรญิขา พระองคไ มส ามารถฉนั อาหารแมอยางนี้ได. ไดยนิ วา ในอดีตทานพระภทั ทาลนิ เี้ กดิ ในกําเนิดกา ในชาติเปนลําดบัมา. ธรรมดา กาท้ังหลายเปนสัตวทีห่ วิ บอ ย. เพราะฉะน้นั พระเถระจงึ ชอ่ื วาเปน ผหู วิ . ก็เมื่อพระเถระน้ันโอดครวญอยพู ระผูมพี ระภาคเจาจงึ ทรงขมทับถมพระเถระนนั้ แลว ทรงบญั ญัติสกิ ขาบทวา ภกิ ษุใดพงึ เค้ียวกด็ ี พึงบริโภคกด็ ี ซึง่

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 338ของเค้ยี วของบริโภค ในเวลาวกิ าล ตอ งอาบตั ิปาจติ ตีย. ดวยเหตนุ ัน้ ทา นจึงกลาววา คร้งั นน้ั แล ทา นพระภทั ทาลปิ ระกาศความไมอ ุตสาหะขน้ึ แลว ในเมอื่พระผูมีพระภาคเจา กาํ ลังทรงบญั ญัตสิ ิกขาบท ในเมอ่ื ภิกษสุ งฆส มาทานาอยซู ึ่งสกิ ขา. บทวา ยถาต ความวา ทานพระภัททาลิไมไดใหเ หมือนภกิ ษุอน่ื ผไู มทาํ ความบริบูรณใ นสกิ ขา แมอ ยูในวัดเดียวกันก็ไมพึงใหต นประสบพระพกั ตรพระศาสดา. ไมไ ปอปุ ฏฐากพระผมู พี ระภาคเจา . ไมไ ปยังท่ีแสดงธรรม. ไมไปโรงตรึก ไมป ฏบิ ตั ิเพียงภิกขาจารคร้งั เดียว. ไมย ืนแมท ีป่ ระตขู องตระกูลท่ีพระผมู ีพระภาคเจาประทับน่งิ . หากพระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ ไปยงั ทอี่ ยูของพระภัททาลิน้นั . พระภัททาลริ กู อนกไ็ ปเสยี ในท่ีอน่ื . นัยวา ทานพระภทั ทาลิน้นั เปน กุลบุตรบวชดวยศรทั ธามศี ลี บริสทุ ธิ์. ดว ยเหตุนน้ั วติ กอยา งอน่ื มิไดมีแกท านพระภทั ทาลินั้น. ไดม ีวติ กนเี้ ทานัน้ วา เราคดั คานการบญั ญตั สิ ิกขาบทของพระผมู ีพระภาคเจา เพราะเหตแุ หง ทอง. เราทาํ กรรมไมส มควร. เพราะฉะนนั้ ทานพระภัททาลิแมอยูใ นวัดเดยี วกนั ก็ไมไดใหตนประสบพระพักตรพระศาสดา. บทวา จวี รกมฺม กโรนตฺ ิ ภิกษุทัง้ หลายทาํ จวี รกรรม ความวาพวกมนุษยไดถ วายผาสาฎกทําจวี รแตพระผมู พี ระภาคเจา. ภิกษุทั้งหลายจึงถอื เอาจวี รสาฎกน้ันทําจวี ร. บทวา เอต เทส ความผดิ นี้ ความวาทานจงมนสิการโอกาสน้ี ความผิดน้ีคอื เหตุทีท่ า นคัดคานการบัญญตั ิสิกขาบทของพระศาสดาใหดี. บทวา ทกุ กฺ รตร การทําท่ียากกวา ความวา พวกภิกษุถามภิกษุทงั้ หลายผูอยูจําพรรษาแลว หลีกออกไปตามทิศวา ทา นทั้งหลายอยู ณ ท่ีไหน. เมอื่ ภิกษุท้ังหลายบอกวาอยู ณ พระเชตวนั . ภิกษุเหลานัน้ ก็จะเปนผูถ ามวา อาวโุ สทัง้ หลายในภายในพรรษานี้ พระผูมพี ระภาคเจาตรสั ชาดกอะไร. ตรสั พระสูตรอะไร.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 339ทรงบัญญัตสิ กิ ขาบทอะไร. ภิกษทุ ั้งหลายจักบอกวา พระผูม ีพระภาคเจา ทรงบัญญตั ิวิกาลโภชนสกิ ขาบท. แตพ ระเถระรปู หน่ึงชอ่ื วา ภทั ทาลิไดคดั คาน. ภกิ ษุทัง้ หลายไดฟงดังนั้นจงึ พากันกลา ววา ธรรมดาแมเ มอื่ พระผูมพี ระภาคเจาทรงบัญญตั ิสิกขาบทมใิ ชเ หตุอนั ไมควรคดั คาน. ภิกษุทง้ั หลายสาํ คญั วา ความผดิ ของทานน้ีปรากฏในระหวา งมหาชนอยางนี้ จักถงึ ความเปนผูท ําคืนไดย ากจึงกลาวอยางนี้. อีกอยางหนง่ึ ภกิ ษแุ มเหลาอืน่ ครั้นออกพรรษาแลว จกั พากันไปเฝาพระศาสดา. เม่ือเปนเชนน้นั ทานจักประชุมสงฆด ว ยกลาววา อาวโุ สท้ังหลายเม่ือผมยงั พระศาสดาใหท รงยกโทษในความผิดนีข้ อพวกทานจงเปน เพ่อื นผมดวยเถิด. อาคันตกุ ภกิ ษทุ ั้งหลาย ณ ที่น้นั จกั ถามวา อาวโุ ส ภกิ ษุน้ีทําอะไรเลา .คร้ันพวกอาคนั ตกุ ภิกษฟุ งความน้ันแลว จักกลา ววา ภกิ ษทุ าํ กรรมหนกั . กรรมนไ้ี มส มควรเลยทภ่ี กิ ษจุ ักคัดคานพระทศพล. ภิกษุทงั้ หลายแมสําคญั อยวู า ความผิดของทานนป้ี รากฏในระหวางมหาชนแมอ ยา งน้ี จักถงึ ความเปน ผูทาํ คนื ไดย ากจงึ กลา วอยา งน้.ี ลาํ ดับนั้นแล พระผมู พี ระภาคเจา ครนั้ ออกพรรษาแลว จักทรงหลีกไปจารกิ . เม่อื เปน เชน นัน้ ทานจักประชมุ สงฆเพ่อื ขอใหพระผมู พี ระภาคเจา ทรงยกโทษในท่ีท่ีเสดจ็ ไปแลว. ภกิ ษุทั้งหลายผูอ ยูใ นทศิ ณ ท่นี ้ันจักถามวา อาวโุ สทงั้ หลายภิกษนุ ้ที ํากรรมอะไรไว ฯ ล ฯ แมส าํ คัญอยวู า ความผิดนี้จกั ถึงความเปนผูทําคืนไดย ากจึงกลาวอยางนี้. บทวา เอตทโวจ ทา นพระภทั ทาลิไดก ลาวคาํนน้ั ความวา ทานพระภัททาลแิ มสาํ คัญวา พระผูม ีพระภาคเจาจกั ยกโทษแกเราไดกลา วคํานมี้ อี าทวิ า อจฺจโย ม ภนเฺ ต ขา แตพระองคผเู จรญิ โทษไดค รอบงาํ ขาพระองคดังน.้ี

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 340 ในบทเหลา นัน้ บทวา อจฺจโย คอื โทษ. บทวา ม อจฺจคมา ไดครอบงาํ ขาพระองคคอื โทษไดล ว งลํ้าครอบงําขาพระองคเ ปนไปแลว. บทวาปฏคิ คฺ ณฺหาตุ คือขอจงทรงยกโทษ. บทวา อายตึ ส วราย เพ่อื ความสาํ รวมตอไป คอื เพือ่ ตองการความสาํ รวมในอนาคต เพื่อไมทาํ ความผดิ ความพลัง้ -พลาดเหน็ ปานนอี้ กี . บทวา ตคฺฆ คอื โดยแนน อน. บทวา ยถาธมมฺ  ปฏกิ โรสิเธอทาํ คืนตามชอบธรรม คือ เธอดาํ รงอยู ในธรรมอยา งใดจงทาํ อยา งน้ัน.อธิบายวา ใหย กโทษ. บทวา ตนเฺ ต มย ปฏคิ ฺคณฺหาม คอื เรายกโทษของทานน้ัน. บทวา วฑุ ฺฒิ เหสา ภทฺทาลิ อริยสฺส วนิ เย ความวา ดกู อนภทั ทาลิ นี้ชื่อวา เปนความเจรญิ ในวนิ ัยของพระอริยเจา คอื ในศาสนาของพระ-ผูมพี ระภาคพทุ ธเจา . การเหน็ โทษโดยความเปนโทษแลวทําคนื ตามสมควรแกธรรมแลวถึงความสาํ รวมตอไปเปน อยางไร. พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ภิกษุใดทําเทศนาใหเปน บคุ ลาธษิ ฐาน เห็นโทษโดยความเปน โทษ แลวทาํ คืนตามสมควรแกธ รรม ภิกษนุ ้นั ชอ่ื วา ยอมถึงความสาํ รวมตอไป. บทวา สมโยป โข เต ภททฺ าลิ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงวาดกู อนภัททาลิ แมเหตุหน่ึงอันควรท่เี ธอพึงแทงตลอดมอี ยู. เธอกม็ ไิ ดแ ทงตลอด มไิ ดก ําหนดไว. พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในบทมอี าทวิ า อุภโตภาควมิ ุตฺโต พระอริยบุคคลช่อื วา อุภโตภาควิมตุ เปนตน ดงั ตอไปนี.้ บุคคลทัง้ หลายผมู ีความพรอ มเพรียงดวยมรรคในขณะจิตหน่งึ ๒ จําพวกคอื พระอริยบุคคลชือ่ ธรรมานสุ ารี ๑พระอรยิ บคุ คลชื่อสทั ธานุสารี ๑. การทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจา จะทรงใหพ ระอริย-บคุ คล ๗ จําพวกเหลาน้ที าํ ตามคําส่ังก็ไมค วร. เพราะเมอื่ พระผมู ีพระภาคเจาทรงออกคาํ ส่ังแลว พระอริยบคุ คลเหลา นนั้ กไ็ มควรเพอื่ ทาํ อยา งนนั้ . อน่ึงเพื่อ

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 341แสดงความท่ีพระอรยิ บุคคลทัง้ หลายเปนผูวางา ยดวยการกาํ หนดมิใชฐ านะและเพ่อื แสดงความทีพ่ ระภทั ทาลเิ ถระเปน ผวู ายาก พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสบทน.้ี เพราะเหตไุ ร พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ทรงปรารภเทศนาวา อป นุ ตวตสมฺ ึ สมเย อกุ โตภาควิมตุ ฺโต ในสมยั นน้ั เธอเปน พระอรยิ บคุ คลช่ือวาอภุ โตภาควมิ ตุ บา งหรือหนอ. เพอ่ื ขมพระภัททาลิ. ในบทนีม้ อี ธิบายดังตอไปนว้ี า ดูกอนภทั ทาลิ พระอรยิ บคุ คล ๗ จําพวกเหลานี้เปนทักขิไณยบุคคลในโลกเปนเจาของในศาสนาของเรา เมอื่ เราบัญญัตสิ ิกขาบท เมื่อมเี หตุอนั ควรที่พระอริยบคุ คลจะพงึ คัดคา น การคดั คานของพระอริยบคุ คลเหลานนั้ จงึ ควร. แตเธอเปนคนภายนอกจากศาสนาของเรา เมือ่ เราบญั ญตั สิ กิ ขาบท เธอไมควรคัดคาน. บทวา วติ ฺโต ตุจโฺ ฉ เธอเปนคนวา งคนเปลา คอื พระภทั ทาลเิ ปนคนวา งคนเปลา เพราะไมมอี ริยคณุ ในภายใน ไมมีอะไรๆ ในคาํ พดู เปนอสิ ระ. บทวา สตฺถาป อปุ วทติ แมพ ระศาสดาก็ทรงตเิ ตยี นได ความวาภิกษุผูอ ยูว ัดโนนเปน สทั ธวิ หิ ารกิ ของพระเถระรูปโนน ภกิ ษุชอื่ นเี้ ปน อันเตวาสกิของพระเถระรปู โนน เขาไปสูป า เพ่อื ยงั โลกตุ ตรธรรมใหเ กดิ แลว ทรงติเตยี นอยางนี้วา เพราะเหตไุ รภิกษไุ มทําใหบ ริบรู ณในสิกขาในศาสนาของเรา ดว ยการอยูป า ของภิกษุน้นั . แมในบทท่เี หลอื กม็ นี ัยนเ้ี หมือนกนั . โดยทแ่ี ทเทวดาไมต-ิเตยี นอยา งเดยี ว ยังแสดงอารมณน ากลัวแลว ทาํ ใหหนไี ปอีกดวย. บทวา อตฺตาปอตฺตาน แมต นก็ติเตยี นตน ความวา เม่ือภิกษุนึกถงึ ศลี ฐานะอนั เศรา หมองยอ มปรากฏ. จิตยอมแลนไป กรรมฐานยอมไมติด. ภกิ ษุนั้นมคี วามราํ คาญวา ประโยชนอะไรดวยการอยปู าของภิกษุเชนเรา ลุกหลกี ไป. บทวา อตตฺ าปอตตฺ าน อุปวทิโต แมต นเองกต็ เิ ตยี นตนได คอื ตนเองติเตียนแมด ว ยตน.ปาฐะเปน อยา งนี้แหละ พงึ ทราบธรรมฝา ยขาวโดยนัยตรงกนั ขา มกับทีก่ ลา วแลว.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 342 พระผูม พี ระภาคเจาตรสั บทมีอาทวิ า โส วิวิจเฺ จว กาเมหิ ภิกษนุ ัน้สงัดจากกาม เพ่อื แสดงบทวา เอว สจฺฉิกโรติ ภิกษยุ อมทําใหแจง อยา งน้ี.บทวา ปวยฺห ปวยหฺ การณ กาเรนติ ภกิ ษทุ งั้ หลายขม แลว ขม เลา แลวทําใหเปน เหตุ คือ ขมโทษแมมปี ระมาณนอยแลวทาํ บอย ๆ. บทวา โน ตถา ไมขมอยา งนั้น คอื ไมขมความผิดแมใ หญเหมือนภกิ ษนุ อกน้แี ลว ทาํ เปนเหต.ุ ไดย ินวา ภิกษนุ ้ันกลาววา ดกู อ นภทั ทาลิผูมีอายุ ทานอยา คดิ ไปเลยช่อื วากรรมเหน็ ปานนยี้ อมมี ทา นจงมาขอใหพระศาสดาทรงยกโทษเถดิ แลวสงภกิ ษุรูปหน่งึ จากหมูภิกษใุ หเ รยี กพระภัททาลิมาหาตน หวงั การอนุเคราะหจากสาํ นักของพระศาสดาอยางนี้วา ดกู อนภทั ทาลิ เธออยาคิดไปเลย กรรมเห็นปานนย้ี อ มมี. จากนั้น ทานพระภัททาลคิ ดิ วา แมภ ิกษสุ งฆ แมพ ระศาสดากม็ ไิ ดปลอบเราเลยแลว จึงกลาวอยา งน.้ี ลําดับน้นั พระผมู ีพระภาคเจาเพ่ือทรงแสดงวา แมภ ิกษุสงฆ แมพ ระ-ศาสดากย็ อมทส่ี งั่ สอนและสอนผูท ีค่ วรสัง่ สอน มไิ ดทรงสัง่ สอนและสอนนอกไปจากนี้จงึ ตรัสบทมอี าทวิ า อธิ ภททฺ าลิ เอกจฺโจ ดูกอ นภทั ทาลิ ภิกษบุ างรูปในธรรมวนิ ัยนี.้ ในบทเหลาน้ันบทมีอาทิวา อฺเนฺ อยา งอ่นื ดวยอาการอยา งอื่น ทานกลาวพิสดารแลวในอนมุ านสตู ร. บทวา น สมมฺ า วตตฺ ติ ไมประพฤตโิ ดยชอบ คือไมประพฤติในวัตรโดยชอบ. บทวา น โลม วตเฺ ตติไมท าํ ขนใหตก ไดแ กไมป ระพฤตใิ นอนโุ ลมวัตรคอื ถอื เอายอ นขน. บทวา นนติ ถฺ าร วตตฺ ติ ไมประพฤตถิ อนตนออก คือไมประพฤตใิ นวตั รคอื การถอนตนออก ไมพ อใจรีบดวนเพ่อื ออกจากอาบัต.ิ บทวา ตตรฺ คือในเหตุแหงการวา ยากน้นั . บทวา อภณิ หฺ าปตฺติโก คือเปนผตู องอาบตั ิเนือ่ ง ๆ. บทวาอาปตฺติพหุโล เปนผูม ากดว ยอาบัต.ิ คือเวลาตองอาบัติมมี าก เวลาบริสุทธิ์

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 343ไมตอ งอาบัตมิ นี อ ย. บทวา น ขปิ ฺปเมว วปู สมติ คอื อธิกรณไ มร ะงับเรว็ เปนผูนอนหลบั นาน. พระวนิ ยั ธรทั้งหลายกลาวกะภิกษุผูมาในเวลาลางเทาวา อาวุโส จงไปไดเวลาปฏิบัติแลว . กลาวกะภกิ ษุผรู เู วลามาแลว อกี มีอาทิวา อาวโุ ส จงไปไดเวลากวาดวดั แลว ไดเวลาสอนสามเณรเปน ตนแลว . ไดเวลาอาบนาํ้ ของเราแลว . ไดเวลาอปุ ฏฐากพระเถระแลว. ไดเวลาลา งหนา แลว. แลวสงภิกษุผมู าในตอนกลางวันบาง ในตอนกลางคืนบา งไป. เมือ่ ภิกษกุ ลา ววา ทานขอรบัจักมโี อกาสในเวลาไหนอีก, จงึ กลาวคํามีอาทวิ า อาวุโส จงไปเถิด. ทานยอ มรูถ งึ ฐานะนี้. พระเถระผเู ปนวินยั ธร รปู โนนจะด่ืมนํา้ มัน. รูปโนน จะใหท าํการสวน. (สวนทวาร) เพราะเหตไุ รทานจึงรีบรอนนักเลา. แลว นอนหลับนานตอไป. บทวา ขปิ ปฺ เมว วูปสมติ อธกิ รณย อมระงับเรว็ . คอื ระงบัเรว็ ไมน อนหลบั นาน. ภิกษุทง้ั หลายผมู คี วามขวนขวายกลา ววา อาวุโสทั้งหลาย ภิกษรุ ูปน้ีเปน ผวู า งาย. ช่อื วา ภิกษุผูอยูในชนบท ยอมไมมคี วามผาสุก มกี ารอยู การยืนและการน่งั เปน ตน ในเสนาสนะทายบา น. แมภิกขาจารกล็ าํ บาก. อธิกรณของภิกษรุ ูปนัน้ ระงับไดเ ร็ว แลวประชมุ กันใหภ กิ ษนุ ้ันออกจากอาบตั ิ ใหต ั้งอยูในความบริสุทธ์ิ. บทวา อาธิจจฺ าปตฺติโก คอื ภิกษุเปน ผูตองอาบตั เิ ปนบางคร้ัง.ภิกษุนนั้ แมเปนผูมคี วามละอาย เรยี บรอ ยกจ็ รงิ . แตเพราะภิกษนุ ้ันเปนผวู ายากภกิ ษทุ ั้งหลายจงึ ตองปฏิบตั ิอยา งนัน้ . บทวา สทธฺ ามตฺตเกน วหติ เปมมตตฺ เกน ภิกษบุ างรูปนําชีวติไปดว ยศรัทธาพอประมาณ ดวยความรกั พอประมาณ ความวา ภกิ ษบุ างรูป

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 344ยงั ชีวิตใหเปน ไปในอาจารยแ ละอุปชฌายทั้งหลาย ดว ยศรทั ธาเก่ยี วกบั ครอบ-ครวั มีประมาณนอย ดวยความรกั เกี่ยวกับครอบครัวมปี ระมาณนอย. ชื่อวาบรรพชา นี้เชนกบั ถือเอาปฏสิ นธิ. ภกิ ษุบวชใหมยงั ไมรูคุณของบรรพชา ยงัชีวติ ใหเปนไปดวยความรกั พอประมาณในอาจารยและอปุ ชฌาย. เพราะฉะน้ันควรสงเคราะห ควรอนเุ คราะห ภิกษเุ ห็นปานนี.้ เพราะภิกษทุ ั้งหลายครน้ั ไดสงเคราะห แมมปี ระมาณนอ ย แลวตัง้ อยใู นบรรพชา จกั เปน มหาสมณะสําเร็จอภญิ ญา. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงความขอ น้ไี ววา พระศาสดายอ มทรงสงั่ สอนผูท ่ีควรส่ังสอน ดวยกถามรรคประมาณเทา น.้ี นอกนีไ้ มท รงสัง่ สอน.บทวา อฺ าย สณฺ หสึ ุ คอื ภิกษดุ าํ รงอยใู นอรหตั ผล. บทวา สตเฺ ตสุ หายมาเนสุ เมือ่ สัตวท ง้ั หลายกาํ ลังเสอ่ื ม คือ เม่ือการปฏิบตั เิ ส่อื ม สตั วก็ช่ือวา เส่ือม. บทวา สทฺธมฺเม อนฺตรธายมาเนเมอื่ พระสัทธรรมกาํ ลงั อนั ตรธาน คือ เม่ือปฏบิ ตั ิสทั ธรรม กําลงั อันตรธาน.จริงอยู เม่ือไมม ีสัตวผ ูบ าํ เพ็ญการปฏิบัติ แมป ฏิบัตสิ ัทธรรม กช็ ่อื วาอนั ตรธาน.บทวา อาสวฏ านยี า คือ ธรรมเปนที่ตงั้ แหง อาสวะท้งั หลาย. อธิบายวาอาสวะท้งั หลายมกี ารตเิ ตียนผูอ ่นื ความเดอื ดรอน การฆา และการจองจําเปน ตน และเปนความพิเศษแหง ทกุ ขใ นอบาย ยอมตั้งอยูในธรรมเหลาใด.เพราะฉะน้นั เหตุนนั้ ยอมมแี กธ รรมเหลา น้นั . ในบทนีโ้ ยชนาแกไววาวีติกกมธรรม (ธรรมคือความกา วลว ง) อนั เปนทตี่ ง้ั แหง อาสวะเหลาน้ัน ยงัไมป รากฏในสงฆเพียงใด. พระศาสดายงั ไมท รงบัญญตั สิ ิกขาบทแกส าวกทงั้ หลายเพียงนนั้ . บทวา ยโต จ โข ภททฺ าลิ พระผมู พี ระภาคเจา ครน้ั ทรงแสดงอกาละอยางน้แี ลว จึงทรงแสดงถงึ กาละตอ ไป ตรัสคํามอี าทิวา ยโต จ โขภททฺ าลิ ในบทเหลานั้นบทวา ยโต คือ ในกาลใด. บทท่เี หลอื พึงทราบ

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 345โดยทา นองเดยี วกนั ดังไดกลา วแลวนั่นแหละ. อกี อยางหนง่ึ ความสงั เขปในบทน้มี ีดงั นี.้ ในกาลใดวตี กิ กมโทษอนั นับวา ธรรมเปน ท่ตี ง้ั แหงอาสวะปรากฏในสงฆ. ในกาลนนั้ พระศาสดาจงึ ทรงบัญญัตแิ กส าวกทง้ั หลาย. เพราะเหตไุ ร.เพราะเพ่ือกําจัดวีตกิ กมโทษ อนั ไดแกธรรมเปน ทีต่ งั้ แหง อาสวะเหลา นน้ั น่นัแหละ. พระผมู พี ระภาคเจาครน้ั ตรสั ถึงอกาละแหงกาลบญั ญัตสิ กิ ขาบท อนั ยังไมเกดิ ธรรมเปน ที่ตงั้ แหงอาสวะอยา งนี้ และกาละอนั เกดิ ข้นึ แหง ธรรมอนั เปนท่ีตง้ั แหง อาสวะ แลว บดั น้ี เพือ่ ทรงแสดงถงึ กาละอันยงั ไมเกดิ ธรรมเหลาน้นัและกาละอนั เกดิ ธรรมเหลา นัน้ จงึ ตรสั คาํ มอี าทวิ า น ตาว ภททฺ าลิ อิเธกจเฺ จคอื ธรรมเปนทที่ ง้ั แหงอาสวะบางเหลา ยังไมป รากฏในสงฆในธรรมวนิ ัยน้.ี ในบทเหลา น้ันบทวา มหตตฺ  คือ ความเปน ใหญ. จริงอยู สงฆเปน ผูถึงความเปนใหญด ว ยอาํ นาจแหงพระนวกะ พระมัชฌิมะ และพระเถระทง้ั หลาย เพียงใด. เสนาสนะยอมมธี รรมอนั เปน ท่ตี ้ังแหงอาสวะบางเหลายังไมเกิดขึน้ ในศาสนา เพยี งน้ัน. แตเมอ่ื สงฆถึงความเปน ใหญ ธรรมเหลานั้นจงึ เกิดขึ้น. เมอ่ื เปน ดังน้ันพระศาสดายอมทรงบัญญตั สิ ิกขาบท. เม่ือสงฆถงึ ความเปนใหญ พึงทราบสกิ ขาบทท่ที รงบญั ญัตไิ วโดยนัยนวี้ า ภิกษนุ อนรว มกบั อนปุ สมั บันเกิน ๒-๓ ราตรีขน้ึ ไป ตอ งปาจิตตยี . ภกิ ษณุ ยี ังภิกษุผยู ิ่งไมมีพรรษาใหลกุ ออกไป เปนปาจติ ตีย. ภกิ ษุณยี งั ภกิ ษหุ นง่ึ พรรษา สองพรรษาใหลกุ ไป เปนปาจิตตยี . บทวา ลาภคคฺ  คอื ความเปน ผเู ลศิ ดว ยลาภ. จริงอยู สงฆยงั ไมถงึ ความเปน ผูเลิศดว ยลาภ เพยี งใด. ธรรมเปน ทีด่ ังแหง อาสวะยงั ไมเ กิดขนึ้เพราะอาศยั ลาภเพียงนน้ั . แตเ มอื่ สงฆถงึ แลว ธรรมเหลา นนั้ จึงเกิด. เมอ่ื เปนเชนน้นั พระศาสดาจงึ ทรงบญั ญัตสิ กิ ขาบทวา ภกิ ษใุ หข องเค้ยี วของฉันแกอ เจลก

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 346ก็ดี แกป ริพาชกก็ดี แกป ริพาชกิ าก็ดี ดว ยมือตนเองตอ งปาจติ ตยี . เพราะเมื่อสงฆถ ึงความเปนผูเ ลศิ ดวยลาภ พระผูมีพระภาคเจาจึงทรงบัญญตั ิสิกขาบทนี้. บทวา ยสคคฺ  คอื ความเปนผเู ลศิ ดวยยศ. จริงอยู สงฆยงั ไมถ งึ ความเปน ผเู ลศิ ดว ยยศเพยี งใด. ธรรมเปน ท่ีตงั้ แหงอาสวะยงั ไมเ กดิ ขึ้นเพราะอาศยัยศเพยี งนนั้ . แตเม่อื สงฆถึงแลวธรรมเหลาน้นั จึงเกดิ ข้นึ . เมื่อเปน เชน นนั้พระศาสดาจึงทรงบัญญตั สิ ิกขาบทวา ภกิ ษดุ ม่ื นา้ํ เมาทอ งปาจิตตีย. เพราะเมอื่สงฆถงึ ความเปนผเู ลศิ ดวยยศ พระศาสดาจงึ ทรงบัญญตั สิ ิกขาบทนี้. บทวาพาหุสจจฺ  คอื ความเปน พหูสตู . จรงิ อยู สงฆย ังไมถงึ ความเปน พหสู ตูเพยี งใด. ธรรมเปน ทต่ี งั้ แหงอาสวะจงึ ยงั ไมเ กดิ เพียงนน้ั . แตเม่อื สงฆถงึ ความเปนพหูสูต บคุ คลท้งั หลายเลา เรียนนกิ าย ๑ บาง ๒ นกิ ายบา ง ๕ นิกายบางเกลาโดยไมแยบคาย เทียบเคยี งรสดวยรส แลวแสดงคําสอนของพระศาสดานอกธรรมนอกวินยั . เมื่อเปนเชน นนั้ พระศาสดาจงึ ทรงบัญญตั สิ กิ ขาบทโดยนยัมีอาทิวา ภกิ ษพุ งึ กลา วอยา งนี้วา เรารูธรรมท่พี ระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว อยา งนนั้ ฯ ล ฯ แมส มณเุ ทศก็พึงกลา วอยางนั้น. พงึ ทราบความในบทนีว้ า รตตฺ ฺตุ ปปตฺโต ถงึ ความเปนผูรรู าตร.ีช่ือวา รตตฺ ฺู เพราะอรรถวา รูราตร.ี คือ รูราตรีมากตั้งแตว นั ทีต่ นบวช. อธบิ ายวา บวชนาน. ความเปนแหง ผูรูราตรี ช่อื วา รตฺตฺ ตุ ในบทนั้นพงึ ทราบวา เม่ือสงฆถ งึ ความเปน ผรู รู าตรี พระศาสดาจึงทรงบญั ญัติสิกขาบทปรารภทานอุปเสนวงั คนั ตบุตร เพราะทานอปุ เสนวังคันตบตุ รน้ันเหน็ภิกษทุ งั้ หลาย มีพรรษาหยอ น ๑๐ ใหอ ุปสมบท ตนมีพรรษาเดยี วใหสทั ธิ-วหิ าริกบวช. เม่อื เปน เชนน้นั พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ทรงบญั ญตั สิ กิ ขาบทวาดกู อนภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษมุ ีพรรษาหยอน ๑๐ ไมควรใหกุลบตุ รบวช. ภิกษุ

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 347ใหกุลบตุ รบวชตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ. เมอื่ พระผมู พี ระภาคเจา พระบญั ญัตสิ กิ ขาบทอยางน้ี ภกิ ษเุ ขลาไมฉลาด ใหก ุลบตุ รบวชอกี ดว ยคดิ วาเรามีพรรษา ๑๐ แลวเรามพี รรษา ๑๐ แลว. เม่อื เปนเชน นนั้ พระผูมีพระภาคเจาจงึ ทรงบัญญตั ิสกิ ขาบทแมอืน่ อีกวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษเุ ขลา ไมฉ ลาด ไมค วรใหกุลบุตรบวช ภกิ ษุใหก ลุ บตุ รบวช ตอ งอาบัติทกุ กฏ. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุผูฉ ลาด ผสู ามารถมพี รรษา ๑๐ หรอื มีพรรษาหยอ นกวา ๑๐ เราอนญุ าตใหบวชกุลบตุ รได. พระผูมพี ระภาคเจาทรงบัญญัตสิ ิกขาบท ๒ ขอ ในเวลาท่สี งฆถ ึงความเปนผูร ูราตรี ดวยประการฉะน้ี. บทวา อาชานยี สุสูปม ธมมฺ ปริยาย เทเสสึ คือ เราแสดงธรรมปรยิ ายเปรยี บดว ยอาชาไนยหนมุ . บทวา ตตถฺ คือ ในการระลึกไมไดน ัน้ . บทวา น โข ภทฺทาลิ เอเสว เหตุ คือ ความเปน ผไู มทําใหบริบูรณใ นสิกขานี้ จะเปนเหตหุ ามไิ ด. บทวา มขุ าธาเน การณ กาเรติ ฝก ใหร ูเหตใุ นการใสบ ังเหยี นคือ ฝก ใหร เู หตุ เพ่ือยกคอใหด ใี นการใสบ ังเหียนเปน ตน ท่ปี าก. ดวยบทมีอาทวิ า วิสกู ายกิ านิ ประพฤตเิ ปน ขาศึก พระผูมพี ระภาคเจาตรสั ถึงความประพฤติพยศ. บทนที้ ัง้ หมดเปนไวพจนของกันและกนั . บทวา ตสฺมึ าเนในฐานะน้นั คือ ในการประพฤตพิ ยศนนั้ . บทวา ปรินพิ ฺพายติ สงบ คือหมดพยศ. อธิบายวา ละความพยศนนั้ ได. บทวา ยุคาธาเน ในการเทยี มแอก คือ ในการวางแอกเพ่ือประคองแอกใหดี. บทวา อนกุ กฺ เม ในการกา วยาง คอื ในการยกและการวางเทาท้ัง ๔ ครั้งเดยี วกนั . ยอมยืนในหลุมถอื ดาบตัดเทามา ของขา ศกึ ที่กําลังเดินมาอยู ในสมยั น้ัน มา นนั้ จักยกเทา แมท ้ัง ๔ครงั้ เดียวกัน เพราะเหตนุ น้ั คนฝกมา จงึ ฝกใหร เู หตุนัน้ ดวยวธิ ีผกู เชอื ก. บทวา

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 348มณฺฑเล ในการว่งิ เปน วงกลม คอื ฝก ใหร เู หตใุ นการวิง่ เปนวงกลม เพือ่ ทาํโดยอาการทีผ่ นู ัง่ บนหลงั สามารถเกบ็ อาวธุ ทีต่ กบนแผนดนิ ได. บทวา ขรุ กาเสในการจรดกบี คอื ในการเอาปลายกีบจรดแผน ดนิ . เพราะในเวลาว่งิ ไปในกลางคนื เพอ่ื มิใหข าศกึ ไดยินเสยี งเทา จงึ ใหสญั ญาในท่ีแหง หนงึ่ แลวใหศ กึ ษาการเดินดว ยปลายกีบ. ทานกลา วบทนหี้ มายถงึ ไมใหข า ศกึ ไดยนิ เสียงเทา นั้น.บทวา ธาเร ในการวงิ่ คอื ในการเปน พาหนะเร็วไว. บาลีวา ธาเว ก็มฝี ก ใหรูเหตนุ ้นั เพ่อื หนใี นเมื่อตนแพ และเพอ่ื ติดตามจบั ขาศึกทีห่ นี. บทวา รวตเฺ ถในประโยชนต อเสยี งรอง คือ เพือ่ ประโยชนแ กก ารรอ ง. เพราะในการรบ เม่อืชางแผดเสียงรอ ง มา คะนอง รถบุกทาํ ลาย หรอื ทหารโหร อ งยนิ ดี เพ่ือมิใหกลัวเสียงรอ งนนั้ แลว ใหเ ขา ไปหาขา ศกึ จึงฝก ใหร ูเหตนุ น้ั . บทวา ราชคุเณ ในการเปนมา มีคุณท่พี ระราชาพึงรู. ไดย ินวา พระราชากฏู กณั ฐะไดม มี า ช่อื วาตฬุ วณะ. พระราชาเสด็จออกทางประตูดานทศิ ปราจนี เสดจ็ ถึงฝงกทมั พนทีดว ยทรงพระดาํ รวิ า เราจักไปเจดียบรรพต. มายนื ใกลฝง ไมปรารถนาจะขา มนาํ้ ไป. พระราชาตรสั เรยี กคนฝกมา มาแลว ตรัสวา โอ มาท่เี จา ฝก ไมปรารถนาจะขา มนํา้ . คนฝกมา กราบทลู วา ขา แตพ ระองค นา อศั จรรย มานข้ี าพระองคฝก ดแี ลว . มาอาจคดิ วา หากเราจกั ขามน้าํ หางก็จกั เปย ก เมื่อหางเปยกน้ําจะพงึ เปย กทพี่ ระวรกายของพระราชา เพราะเหตุนน้ั มา จงึ ไมขา มเพราะเกรงวา นํ้าจะเปย กทีพ่ ระวรกายของพระองค ดวยอาการอยา งน.้ี ขอพระองคโปรดใหจ บั ทางมา ไวเ ถดิ พระเจาขา . พระราชาไดท รงใหทําอยางนั้น. มารบี ขา มไปถึงฝง . คนฝกมาฝกใหร ูเหตนุ ้ีเพอื่ ตองการอยางน้นั . บทวา ราชว เส ในวงศพญามา จรงิ อยู วงศข องพญามานนั้ มอี ธิบายวา แมร า งกายจะถูกแทงทาํ ลายไป ดวยการประหารเหน็ ปานนัน้ กไ็ มทําใหคนขม่ี า ตกไปในหมูขา ศึก

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 349ยอมนาํ ออกไปภายนอกได. ฝกใหรูเ หตุเพ่ือประโยชนน ั้น. บทวา อตุ ฺตเมชเว ในความวอ งไวช้นั เย่ยี ม คือ ในการถงึ พรอมดว ยกําลัง อธิบายวาฝกใหร เู หตโุ ดยอาการทมี่ กี ําลงั ชั้นเยยี่ ม. บทวา อตุ ฺตเม หเย ในความเปนมา ช้นั เยยี่ ม อธบิ ายวา ฝกใหร ูเหตโุ ดยอาการท่เี ปน มาชน้ั เยีย่ ม. ในบทนัน้ตามปรกตมิ าช้ันเย่ยี มยอ มควรแกเ หตแุ หง ความเปนมาช้นั เยยี่ ม. มาอน่ื ไมค วร.มา ยอมปฏบิ ัติ ความมีกาํ ลงั ช้นั เยยี่ มอยางน้ดี ว ยเหตเุ ปน มาชน้ั เยีย่ ม. มาอน่ื ยอมไมป ฏบิ ัติ ความมกี าํ ลงั ชั้นเย่ียม. ในมา ชั้นเยยี่ มน้นั มเี รื่องเลาดงั ตอ ไปน.ี้ ไดยนิ วาพระราชาองคหนึ่งไดล กู มาสินธพไวต วั หนงึ่ แตไมทรงทราบวา เปน มา สินธพ จึงไดทรงใหคนฝกมา เอามา นีไ้ ปฝก. แมค นฝกมาก็ไมรูวา มา นัน้ เปน มา สนิ ธพ จึงนําถ่ัวเหลืองไปใหล ูกมากิน. ลูกมา ก็ไมกินเพราะไมส มควรแกตน. คนฝก มาไมสามารถฝกมานัน้ ไดจึงทูลพระราชาวา ขา แตพระมหาราช มานีเ้ ปน มา โกง พระเจาขา แลวปลอยไป. วันหนึ่งภิกษุหนมุ รปู หนงึ่ เคยเปน คนฝกมา ผถู ือสิง่ ของของอุปชฌายไปเห็นมานัน้ เท่ยี วไปบนหลงั คู จึงเรียนอปุ ช ฌายวา ทานขอรับ ลูกมาสนิ ธพหาคา มไิ ด หากพระราชาทรงทราบพงึ ทาํ ลกู มานน้ั ไหเ ปนมามงคล. พระเถระกลา ววา นค่ี ณุ พระราชาเปนมิจฉาทิฏฐิ ถา กระไร พึงทรงเล่อื มใสในพระพุทธศาสนาเธอจงไปทลู พระราชาเถิด. ภิกษหุ นุม ไปทูลพระราชาวา มหาบพติ ร มลี ูกมาสนิ ธพหาคา มไิ ดอยูต วั หนึง่ . พระราชาตรัสถามวาพระคณุ เจาเห็นหรือ, ภิกษุหนุมถวายพระพรวา เหน็ มหาบพติ ร. ตรสั ถามวา ไดอ ะไรจึงจะควร. ถวายพระพรวา ควรไดพระกระยาหารทีม่ หาบพติ รเสวยในภาชนะทองท่ใี สเ คร่ืองเสวยของมหาบพิตร รสเครอื่ งด่ืมของมหาบพิตร กลิ่นหอมดอกไมของมหาบพติ ร ถวายพระพร. พระราชารับส่งั ใหใ หทกุ อยาง. ภิกษุหนมุ ไดใหค นถือนาํ ไป. มาสดู กลิน่ คิดวา ผูฝก มา รคู ณุ ของเราเหน็ จะพอมีจึงยกศรี ษะยืนแลดอู ย.ู

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 350ภกิ ษหุ นมุ เดนิ ไปดดี น้วิ มอื กลาววา กินอาหารเถิด. มา เดินตรงมากนิ อาหารในถาดทอง. ดม่ื นํา้ มรี ส. ลําดับน้ันภกิ ษุหนุมเอากลนิ่ หอมลูบไลม า แลวประดับเครอื่ งประดับของพระราชา ดดี นว้ิ กลา ววา จงไปขางหนาเถดิ . มา เดินไปขางหนาภกิ ษหุ นมุไดยนื ในที่ของมามงคล. ภิกษหุ นมุ ถวายพระพรวา ขอถวายพระพร ลูกมานห้ี าคามไิ ด. ขอมหาบพิตรโปรดใหคนฝก มาประคบประหงมมาน้นั โดยทํานองนสี้ ัก๒-๓ วนั เถดิ แลวกอ็ อกไป. คร้นั ลวงไป ๒-๓ วัน ภิกษุหนุมมาทลู ถามวา ขอถวายพระพร มหาบพติ รจะทรงดู อานภุ าพของมา หรือ. ตรัสวา ดซี อิ าจารย. เรายืนท่ีไหนจึงจะเหน็เลา .ถวายพระพรวา ขอมหาบพติ รเสด็จไปยังพระอทุ ยานเถิด. พระราชารับส่ังใหจบั มาไป. ภกิ ษหุ นมุ ดดี นวิ้ มอื ใหส ญั ญาแกมาวา เจา จงวงิ่ ไปรอบตนไมตน หนึง่ .มา ว่ิงไปรอบตน ไมแลว กม็ า. พระราชามิไดท รงเห็นมา วงิ่ ไปว่ิงมา. ภกิ ษุหนุมทูลถามวา มหาบพิตรทรงเห็นหรอื . ตรัสวา ไมเห็นเลยพระคุณเจา . ภิกษหุ นมุทูลวา ขอมหาบพติ รวางไมทําเครอื่ งหมายพิงคนไมต น หนงึ่ ไวแ ลวดดี นว้ิ มอืกลา ววา เจา จงคาบไมเคร่ืองหมายน้ันมา. มาวง่ิ ไปคาบไมน ้นั มา ทูลถามวามหาบพิตรทรงเหน็ หรอื . ตรัสวา ไมเ ห็นเลยพระคุณเจา. ภิกษหุ นุม ดีดน้วิ มอือีกกลา ววา เจาจงว่ิงไปรอบ ๆ จนสดุ กําแพงพระอุทยานมาเถดิ . มา ไดท ําอยา งน้ัน. ทูลถามวา มหาบพติ รทรงเหน็ หรอื . ตรสั วา ไมเ ห็นเลยพระคุณเจา.ภิกษหุ นุม ใหน ําผา กัมพลสีแดงมาแลว ใหผ ูกท่ีเทามา ไดใหส ญั ญาเหมอื นอยางนนั้ . มา กระโดดวง่ิ ไปจนสุดกําแพง. ไดปรากฏ ณ สุดกาํ แพงพระอุทยานดุจเปลวลกู ไฟทบ่ี ุรุษมีกําลังแกวง. มาไปยืนอยู ณ ทใี่ กล. ทูลถามวา มหาบพติ รทรงเหน็ หรอื . ตรัสวา เห็นแลวพระคุณเจา. ภกิ ษไุ ดใหส ญั ญาวา เจา จงว่ิงไปรอบ ๆ จนสดุ กําแพงสระมงคลโบกขรณี. มาไดว ่งิ ไปรอบ ๆ จนสุดกาํ แพง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook