พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 501นัก ขา แตทา นพระโคดม ภาษิตของพระองคแจม แจงนกั เปรียบเหมือนบคุ คลหงายของที่คว่ํา เปด ของท่ปี ด บอกทางใหแ กคนหลงทาง หรอื ตามประทปีในท่ีมดื ดวยหวังวา ผมู ีจักษุจักเหน็ รูป ดงั นี้ ฉนั ใด ทานพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนน้ั เหมือนกนั ขา พระองคนีข้ อถึงทานพระโคดม พระธรรมและพระภกิ ษุสงฆวา เปนสรณะ ขา พระองคพงึ ไดบรรพชาอุปสมบท ในสํานกั ทา นพระโคดม. ดูกอ นมาคัณฑยิ ะ ผใู ดเคยเปน อัญญเดยี รถีย หวงั บรรพชา หวงัอปุ สมบทในธรรมวินยั นี้ ผนู นั้ จะตอ งอยปู ริวาสสีเ่ ดอื น เมอ่ื ลวงส่ีเดือน ภิกษุทัง้ หลายเต็มใจแลว จงึ ใหบรรพชา ใหอ ุปสมบท เพอื่ ความเปนภิกษไุ ด ก็แตวา เรารูค วามตา งแหง บุคคลในขอ น้ี. ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ถาชนทัง้ หลายผเู คยเปน อัญญเดยี รถยี หวังบรรพชา หวังอปุ สมบทในธรรมวินยั นี้ จะตอ งอยูปริวาสสี่เดือน เมือ่ ลว งส่ีเดอื นภกิ ษทุ ัง้ หลายเตม็ ใจแลว จงึ ใหบรรพชาอุปสมบทไดไ ซร ขาพระองคจกั อยูปริวาสสีป่ ตอ เม่ือลวงสปี่ ภกิ ษทุ ้ังหลายเต็มใจแลว จงึ ใหบ รรพชาใหอ ุปสมบทเพื่อความเปนภิกษุเถดิ . มาคณั ฑยิ ปรพิ าชกไดบรรพชา ไดอ ุปสนบทในสาํ นกั ของพระผูม ีพระ-ภาคเจา แลว กเ็ มื่อทา นมาคณั ฑิยะอปุ สมบทแลวไมนาน หลกี ออกไปอยูแตผูเดยี ว เปนผไู มป ระมาท มีความเพยี ร มตี นสง ไปแลว ไมชา นานเทาไร ก็ทําใหแจง ซึ่งทส่ี ุดพรหมจรรย ไมมธี รรมอ่นื ยง่ิ กวา ทีก่ ุลบุตรท้งั หลายผอู อกจากเรือนบวชเปนบรรพชิต โดยชอบ ตองการ ดวยปญ ญาอนั ยิง่ ดว ยตนเองในปจ จบุ ันเขาถงึ อยู รชู ัดวา ชาตสิ ้ินแลว พรหมจรรยอ ยูจ บแลว กิจท่ีควรทาํทําเสร็จแลว กจิ อ่ืนเพ่อื ความเปนอยา งนีม้ ไิ ดม ี ทานมาคณั ฑิยะไดเ ปนพระ-อรหันตรูปหน่งึ ในบรรดาพระอรหนั ตทงั้ หลาย ดังนี้แล. จบมาคัณฑิยสูตรท่ี ๕
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 502 ๕. อรรถกถามาคณั ฑยิ สตู ร มาคัณฑิยสตู ร มีบทเริม่ ตน วา เอวมเฺ ม สตุ ขาพเจา ไดส ดับมาอยา งน้ี. ในบรรดาบทเหลานนั้ บทวา อคยฺ าคาเร คือ ในโรงบูชาไฟ. บทวาตณิ สนถฺ รเก คอื บนเคร่ืองลาดอนั ทําดว ยหญา. มาคณั ฑิยปรพิ าชก ๒ คนลุงและหลาน. ใน ๒ คนนนั้ ลุงบวชไดบรรลพุ ระอรหตั . แมหลานก็มีอุปนิสยับวชไมน านนกั จักบรรลุอรหตั . คร้งั นน้ั พระผูม พี ระภาคเจา ทรงเหน็ อปุ นสิ ยัของมาคณั ฑยิ ปริพาชกนน้ั ทรงละพระคันธกฎุ ี เชน กบั เทวสถาน ทรงใหปูเครอ่ื งลาดอันทาํ ดวยหญา ท่ีโรงบชู าไฟน้นั สกปรกไปดว ยเถา หญา และหยากเยอื่เสดจ็ ประทบั อยู ๒-๓ วนั เพอ่ื ทรงทาํ การสงเคราะหผอู ่ืน. ทา นกลา วบทวาเตนปุ สงกฺ มิ เสดจ็ เขาไป หมายถึงโรงบชู าไฟน้ัน. แตเพราะโรงบูชาไฟนัน้มิไดอ ยใู กลบ านอยา งเดียว ตอนกลางวนั เทา น้นั พวกเด็กชายและเดก็ หญิงพากันลงไปเลนไมม คี วามสงบ. ฉะนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา จึงทรงใหต อนกลางวนัผานพน ไปในไพรสณฑต ลอดกาลเปนนิตย. ในตอนเยน็ จึงเสด็จเขาไปในโรงบูชาไฟนั้นเพอื่ ประทับอยู. บทวา อททฺ สา โข ตณิ สนฺถรก ปฺ ตฺต มา-คัณฑิยปรพิ าชกไดเ ห็นเครื่องลาดอันทําดว ยหญาปไู ว คอื พระผมู พี ระภาคเจาทรงปรบั ปรงุ เครื่องลาดทําดว ยหญาในวนั อ่นื แลว ทรงทําเครอื่ งหมายตง้ั ไวเสดจ็กลับไป. ในวันนน้ั นัน่ เองไดท รงใหป แู ลวเสดจ็ ไป. เพราะเหตไุ ร. เพราะในกาลนั้นตอนใกลร ุงพระองคท รงตรวจดูโลกไดทรงเหน็ แลววา วนั น้ีมาคณั ฑิยะจะมาในทีน่ ้ี คร้ันเห็นเครือ่ งลาดทาํ ดว ยหญา นแ้ี ลวจกั สนทนาปรารภเคร่อื งลาดทําดวยหญากับภารทวาชพราหมณ. แตน ั้นเราจักมาแสดงธรรม. มาคณั ฑยิ พราหมณฟง
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 503ธรรมแลวจกั บวชในสํานกั ของเราแลวบรรลอุ รหัต. จริงอยู เราบาํ เพ็ญบารมมี าก็เพื่อทําการสงเคราะหผ ูอ่นื จึงทรงใหป ูเครือ่ งลาดอนั ทําดว ยหญา แลว เสดจ็ ไป. บทวา สมณเสยฺยานรุ ูป มฺเ เหน็ จะเปน ทน่ี อนสมควรแกสมณะคอื สําคญั เครอื่ งลาดน้ีวา เปน ท่นี อนสมควรแกสมณะ. อนงึ่ เครื่องลาดนี้มใิ ชทอ่ี ยขู องสมณะผไู มสาํ รวมแลว. เปนความจรงิ อยางนั้นท่เี ครอ่ื งลาดนี้ มไิ ดปรากฏทถี่ กู เขย่ี ดวยมือ ที่ถูกกระทบดว ยศีรษะ หรือทถ่ี กู เขย่ี ดว ยเทา . เครอ่ื งลาดนีไ้ มเลอเทอะไมถกู เสยี ดสีไมถูกทาํ ลายดุจชา งระบายสผี ูฉ ลาดเอาดินสอพองระบายปูไวคงเปน ท่ีอยขู องสมณะผสู าํ รวมแลว. มาคัณฑยิ พราหมณจึงถามวาทา นผเู จรญิ ทีอ่ ยูของใคร. บทวา ภูนหนสสฺ ผกู ําจัดความเจรญิ คือ ผสู รา งมารยาท. เพราะเหตุไรมาคัณฑิยะถงึ กลาวอยา งนั้น. เพราะเขามลี ทั ธิ คอื ทําใหความเจริญปรากฏในทวาร ๖. นี้เปน ลทั ธขิ องเขา คือ ควรใหจ กั ษุงอกงามเจรญิ . ควรเหน็ รปู ทไ่ี มเ คยเห็น. รปู ทเ่ี ห็นแลว ควรผานไป. ควรใหโ สตะงอกงามเจริญ ควรฟงเสยี งท่ีไมเ คยฟง . เสยี งทฟี่ งแลว ควรผานไป. ควรใหฆานะงอกงามเจริญ ควรดมกล่ินทไี่ มเคยดม. กลน่ิ ท่ีดมแลว ควรผา นไป. ควรใหช ิวหางอกงาม เจรญิ ควรลม้ิ รสท่ีไมเคยล้ิม. รสท่ีลมแลว ควรผานไป. ควรใหกายงอกงามเจริญ ควรสมั ผสั โผฏฐัพพะที่ยังไมเคยสมั ผสั . โผฏฐพั พะทสี่ มั ผัสแลวควรผานไป. ควรใหมนะงอกงามเจรญิ ควรรธู รรมทยี่ ังไมเคยรู ธรรมท่รี ูแลวควรผา นไป. มาคณั ฑยิ ะบญั ญตั ิความเจริญในทวาร ๖ ไวด ว ยประการฉะน้ี. แตพระผมู พี ระภาคเจา ทรงบัญญตั คิ วามสํารวมในทวาร ๖ ไววา ความสาํ รวม จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย วาจา ใจ เปน ความด.ี ความสํารวม ในทวารทงั้ ปวงเปนความดี. ภิกษุสาํ รวม ในทวารทัง้ ปวง ยอมพนจากทุกขท ง้ั ปวง.
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 504 เพราะฉะน้นั มาคัณฑยิ พราหมณส ําคญั วา พระสมณโคดมนั้นเปนผูกาํ จดั ความเจรญิ เปน ผูสรา งมารยาท จงึ กลา ววา ภูนหโน เปน ผูกําจัดความเจรญิ . บทวา อริเย าเย ธมฺเม กุสเล คอื ในเหตุในธรรมบริสทุ ธิไ์ มมโี ทษ.ดว ยบทน้ที รงแสดงไวอ ยางไร. อันผจู ะกลาววาจาแกผูม ยี ศมีความสงู สง เปน ท่ีรจู กั กนั ท่วั เห็นปานนี้ ควรพจิ ารณาไตรต รอง ไมค วรพูดโดยไมร ะวังปาก.เพราะฉะนน้ั พระผูมพี ระภาคเจา จงึ ทรงแสดงวา ทา นอยาพูดพราํ่ ทา นจงระวังปาก. บทวา เอว หิ โน สุตฺเต โอจรติ เพราะวา คาํ เชนนล้ี งกันในสูตรของพวกเรา ความวาเพราะวา คาํ เชน นม้ี าในสตู รของพวกเรา. พวกเราจะไมพดูเพยี งปรารถนาจะใหง อกงามทางปากเทา น้นั . อนงึ่ พวกเราเม่อื พูดคาํ อนั มาแลวในสตู รจะพึงพดู แกใคร. ฉะน้ันเราจะพดู ตอหนา พระสมณโคดมนน้ั . บทวาอปฺโปสฺสกุ โฺ ก เปน ผมู คี วามขวนขวายนอ ย ความวา ไมข วนขวาย คอื ไมกงั วลเพื่อจะรกั ษาเรา. บทวา วตุ โฺ ต จ น วเทยยฺ เราไดว าไวแ ลว ก็พงึกลา วกะพระสมณโคดมน้นั เถดิ ความวา ทานภารทวาชะผูเจรญิ เราไดก ลาวไวแลว แมไ มถ ามกต็ ั้งคําพูดได ถือเอามะมว งและหวาเปน ตน แลวยงั ไมค รบ ก็พงึ กลา วกะพระสมณโคดม โดยทํานองทเี่ รากลาวแลว เถิด. บทวา อสฺโสสิโข ความวา พระศาสดาทรงเจริญอาโลกกสณิ ไดทรงเห็นมาคณั ฑิยพราหมณซ่ึงมา ณ ท่นี นั้ ดว ยทิพยจักษุ ไดท รงสดับแมเสยี งของชนทั้งสองสนทนากันดว ยทพิ โสต. บทวา ปฏสิ ลฺลานา วฏุ โิ ต พระผูม พี ระภาคเจา เสดจ็ ออกจากที่เรน คอื เสดจ็ ออกจากผลสมาบัติ. บทวา ส วคฺโค คอื ภารทวาชพราหมณตกใจ หวั่นไหว ดว ยกาํ ลงั แหง ปต ิ. นัยวา ภารทวาชพราหมณน้นั ไดมคี วามดําริวา มาคัณฑิยะและเรากม็ ิไดพ ูดกับพระสมณโคดม คนอื่นนอกจากเรา สอง
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 505คนในทนี่ ีไ้ มมีคนที่ ๓. บรุ ษุ ผูม ีโสตไวจกั ไดย ินเสียงของเราทง้ั สองเปนแน.ลําดับนน้ั ภารทวาชพราหมณบ งั เกดิ ปต ภิ ายในขุมขนเกา หม่นื ไดชชู นั . ดว ยเหตุนัน้ ทา นจงึ กลา ววา ส วิคฺโค โลมหฏ ชาโต ภารทวาชพราหมณต กใจโลมชาติชชู ัน. ลําดบั นน้ั มาคัณฑิยปรพิ าชกทั้ง ๆ ท่มี ญี าณแกก ลา ดจุ เมลด็ พืชที่มีปากอา แลว ไมส ามารถนงั่ สงบอยูไดเ ดินไปมา มาเฝา พระศาสดาอีก แลวนงั่ ณทค่ี วรสว นขา งหนึง่ . เพ่อื แสดงถึงมาคัณฑยิ ะนัน้ จึงกลาวบทมอี าทวิ า อถ โขมาคณฺฑิโย ครงั้ นั้นมาคณั ฑยิ ะ ดงั น้.ี ไดย นิ วา พระศาสดามไิ ดต รสั อยางนว้ี า ดกู อนมาคัณฑิยะ ทา นไดกลาวกะเราแลว ดงั น้ที รงปรารภพระธรรมเทศนาแกป ริพาชกวา จกฺขุ โขมาคณฺฑิย ดังน.้ี ในบทนี้มีอธิบายดังตอ ไปน้ี ช่ือวา จกขฺ ุ รปู าราม เพราะรูปเปน ทีม่ ายินดีแหง จักษุดว ยอรรถวาเปนท่อี าศยั . ชอ่ื วา รูปรต เพราะจกั ษุยินดใี นรูป. ชือ่ วา รปู สมมฺ ุทติ เพราะจกั ษอุ ันรปู ใหบนั เทิงแลว . บทวา ทนตฺ ทรมานแลว คอื ใหหมดพยศแลว . บทวา คุตตฺ คือคมุ ครองแลว. บทวารกขฺ ิต รักษาแลว คอื ตงั้ การอารกั ขาไวแ ลว. บทวา ส วตุ สาํ รวมแลวคอื ปด แลว . บทวา ส วราย เพือ่ สาํ รวม คอื เพื่อตองการปด. บทวาปริจาริตปุพฺโพ เคยไดร ับบาํ เรอ คือ เคยพดู จาปราศรัย. บทวา รปู ปรฬิ าหเดอื ดรอ นเพราะรปู คือความเดอื ดรอ นเกิดข้นึ เพราะปรารภรูป. บทวา อมิ สฺสปน เต มาคณฺฑิย กมิ สสฺ วจนีย ดกู อนมาคัณฑิยะ กท็ า นจะพงึ วาอะไรแกท านผูนีเ้ ลา คือทานจะพงึ กลาวคาํ อะไรแกพระขีณาสพนผี้ ูกาํ หนดรปู แลวบรรลุพระอรหตั เลา . ถามวา ควรจะกลา ววา พระสมณโคดมเปนผกู าํ จัดความเจรญิ เปน ผสู รา งมารยาทดังนีห้ รือไมค วรกลา ว. บทวา น กิ จฺ ิ โภ โคตม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 506คือ ขาแตพ ระโคดมผูเจริญ ไมควรกลา วคาํ ไร ๆ เลย. แมใ นทวารท่ีเหลือก็มีนัยน้เี หมอื นกนั . บดั นเ้ี พราะพระผมู ีพระภาคเจา เพ่ือทรงแสดงวาไมมคี าํ ไร ๆ ท่ที านควรจะกลา วแกพระขีณาสพผกู าํ หนดขนั ธ ๕ แลวบรรลพุ ระอรหัต และเราก็กาํ หนดขันธ ๕ แลวบรรลพุ ระสัพพัญ.ู ฉะนัน้ มาคัณฑยิ ะน้นั จะควรกลาวอะไรกะเรา ดงั น้ี จึงตรสั วา อห โข ปน ดงั น.้ี บทวา ตสสฺ มย ห มาคณฺฑยิดูกอนมาคัณฑยิ ะ ปราสาทของเราน้นั คอื พระผมู พี ระภาคเจา เมอ่ื จะทรงแสดงสมบตั ิของพระองค เมอื่ ครงั้ เปน คฤหสั ถจ งึ ตรัส. พึงทราบความในบทมีอาทวิ า วสสฺ โิ ก นั้นดังตอไปนี้. ความสขุ ยอมมใี นท่ีอยูในฤดฝู นนี้ คือปราสาททอ่ี ยใู นฤดูฝน. แมใ นบทนอกนัน้ กม็ นี ยั นเี้ หมือนกนั . แตใ นบทนี้มอี ธ-ิบายคําดังตอไปนี้. ชอ่ื วา วสสฺ ิโก เพราะควรอยตู ลอดฤดูฝน. แมใ นบทนอกนี้ก็มีนยั นเี้ หมือนกนั . ในบทนัน้ ปราสาทเปน ทอ่ี ยใู นฤดูฝน ไมส ูงเกินไป ไมต ํ่าเกนิ ไป. แมประตแู ละหนาตา งของปราสาทนั้น กไ็ มนอยเกนิ ไป ไมมากเกินไปเคร่อื งลาดฟน ของเคีย้ วของบรโิ ภคในปราสาทนมี้ ีเหลือเฟอ. ในปราสาทเปนท่ีอยใู นฤดูหนาว เสากด็ ี ฝากด็ ี อยตู ่าํ . ประตูและหนาตางมนี อยมชี อ งเล็ก. เอาชอ งฝาออกเพอื่ ตองการใหค วามอุน เขา ไป. อน่งึ ในปราสาทน้ี เครอื่ งลาดพน้ืเคร่ืองปู เครอื่ งนงุ หม ควรเปนผากัมพลเปน ตน ท่ีชว ยใหอ บอนุ ได. ของเคยี้ วของบรโิ ภค ละเอยี ดออ นและมีรสเขม ข้นึ . ในปราสาทอนั เปนทอ่ี ยใู นฤดรู อนเสาก็ดี ฝากด็ ี อยสู ูง. ประตูและหนา ตา งในปราสาทนี้มีมากมีแสงสวา งไปทั่ว.เครื่องลาดพืน้ เปน ตน ควรเปน ผา เนอ้ื ด.ี ของเคี้ยวของบริโภคมีรสหวานทาํ ใหไดร ับความเย็น. อน่งึ ในทีใ่ กลห นา ตา งในปราสาทนีต้ งั้ ตุมนาํ้ ไว ๙ ตุม เต็มดวยนาํ้ ปลกู บัวเขียวเปนตนไว. ในที่น้ันทาํ นํ้าพไุ ว สายน้ําจะพุง ดจุ เม่ือฝนตก.
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 507แตของพระโพธสิ ตั วเขาปลูกกอบวั เขียวไวใ นหมอทองคาํ และหมอ เงินอยา งละ๑๐๘ หมอ เตม็ ไปดว ยน้ําหอม ตงั้ ลอ มหอ งนอน. เขาใสเ ปอ กตมหอมใหเต็มในกระถางโลหะใหญ ปลกู บัวเขยี ว บวั แดง บวั ขาวเปนตนต้งั ไวใ นที่น้นั ๆ เพือ่ถอื เอาอุต.ุ ดอกไมท ง้ั หลายยอมบานดว ยรศั มขี องดวงอาทติ ย. หมภู มรนานาชนดิบนิ เขาไปยงั ปราสาทเทยี่ วสดู รสในดอกไมท ั้งหลาย. ปราสาทมีกลน่ิ หอมชวนดมยิ่งนกั . ในระหวา งฝาคไู ดตง้ั ทะนานโลหะแลวตามไฟออ นๆ ไวท ่สี ุดมณฑปแกวบนเนนิ อากาศเบอื้ งบนปราสาทเกา ชน้ั . ลาดหนงั กระบือแหง ไวในทแ่ี หง หนึ่ง.ในเวลาพระโพธิสตั วเลนน้ําเขาทอดลกู หนิ ไปท่หี นงั กระบอื . เครอ่ื งยนตห มุนไปขางลาง ดจุ เสียงเมฆคาํ ราม. นํ้าพุง ขนึ้ แลว ตกไปท่เี ปลวไฟ. เปน ดจุ น้าํ ฝนตก. ครั้งน้นั พระโพธิสัตวทรงนงุ ผา เขยี วหม ผาเขยี วทรงประดับเครอ่ื งประดับสเี ขียว. แมพวกบรวิ ารของพระโพธิสตั วมีนกั ฟอนราํ ส่ีหม่ืน ประดับดว ยสเี ขยี วแตง ตัวสเี ขียวแวดลอ มพระมหาบุรษุ ไปสูมณฑปแกว. พระโพธิสัตวท รงเลนกฬี าในนาํ้ ตลอดวนั เสวยความสขุ ในฤดูแหงความเย็นฉาํ่ . ในทิศ ๔ ของปราสาทมีสระอยู ๔ สระ. ในตอนกลางวนั ฝูงนกนานาชนิด ออกจากสระดา นทิศตะวันออกรองเสยี งระงมบนิ ไปสูสระดา นตะวนั ตกทางยอดของปราสาท.ออกจากสระดานทิศตะวนั ตกบนิ ไปสสู ระดา นทศิ ตะวนั ออก. ออกจากสระดานทิศเหนอื บินไปสสู ระดานทศิ ใต. ออกจากสระดานทิศใต บินไปสูสระดานทศิ เหนือ. เปนดจุ สมัยในระหวางฤดูฝน. แตปราสาทเปนทอี่ ยูใ นฤดูหนาวมี๕ ชัน้ . ปราสาทเปนท่อี ยูในฤดฝู นมี ๗ ชน้ั . บทวา นิปฺปรุ ิเสหิ ไมม บี รุ ุษคือเวน จากบุรุษ. อนง่ึ มใิ ชด นตรีเทา น้นัท่ไี มมีบรุ ุษเจอื ปน. แมท่ีทุกแหง กไ็ มม ีบุรษุ เหมอื นกนั . แมคนเฝา ประตูก็เปนผหู ญงิ . แมผ ูทาํ บรกิ ารมีอาบนํา้ ใหเปนตนกเ็ ปน ผูหญงิ . นยั วา พระราชทรง
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 508ตง้ั พวกผหู ญงิ ไวในกิจทกุ อยา งดว ยทรงพระดํารวิ า เม่ือพระโพธสิ ัตวเ สวยอสิ รยิ -สมบตั ิและสขุ สมบัติเห็นปานนัน้ จะเกิดความของใจในบรุ ษุ เพราะเห็นบุรษุ .ความขอ งใจนน้ั อยา ไดมีแกโ อรสของเราเลย. บทวา ตาย รติยา รมมาโนยินดีดวยความยนิ ดนี ั้น นี้ทานกลาวหมายถึงความยนิ ดีผลสมาบัติอนั ประกอบดว ยฌานท่ี ๔. พึงทราบความในบทนี้วา คหปติ วา คหปติปตุ โฺ ต วา ดังตอไปน.้ีเพราะกษัตรยิ ทั้งหลายยอมมีความปรารถนาในเศวตฉัตรทง้ั น้นั . ความปรารถนาใหญเปน ความเน่ินชาของกษตั รยิ เ หลานนั้ . พราหมณท ง้ั หลายไมอม่ิ ดวยมนตจงึ เทย่ี วแสวงหามนต. สว นคหบดที ง้ั หลายยอ มเสวยสมบัตทิ งั้ แตก าลเรยี นเพยี งคํานวณช้นั สูง. ฉะน้นั พระผมู พี ระภาคเจาไมทรงถอื เอากษัตรยิ แ ละพราหมณจงึ ตรัสวา คหปติ วา คหปติปุตโฺ ต วา ดงั น้ี. บทวา อาวฏเฏยยฺ พงึ เวยี นมา ความวา พึงเวียนมาเพราะเหตุแหงกามอนั เปนของมนุษย. บทวา อภกิ ฺกนฺ-ตตรา นา ใครย่งิ กวา คอื ประเสรฐิ กวา . บทวา ปณตี ตรา ประณตี กวา คือไมนอ ยกวา. สมดงั ทีท่ านกลาวถงึ ขอ นไ้ี วว า กามอนั เปนของมนษุ ย เมอ่ื เทยี บกบั สํา- นักของกามอนั เปน ทิพย กเ็ หมอื นกบั เอาน้ํา ทปี่ ลายหญาคาสลัดลงในสมุทร ฉะน้นั . บทวา สมธคิ ฺคยฺห ติฏติ ถอื เอาสุขอันเปน ทิพยต้งั อยู คอื ถอื เอาสุขท่ีเปนทิพยป ระเสริฐกวานนั้ ตง้ั อยู. อนง่ึ พึงทราบขอเปรียบเทยี บในขอ นี้ดงั ตอ ไปน้.ี กาลแหง ความยนิ ดีในทา มกลางหญิง ๔ หม่นื ในปราสาท ๓ หลงั ของพระโพธิสัตว ดุจกาลแหงความเพียบพรอ มดว ยกามคุณ ๕ ของคหบดีฉะน้ัน. กาลทีพ่ ระโพธิสัตวทรง๑. ขุ ชา. ๒๘/ขอ ๓๒๗.
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 509ผนวชแลวแทงตลอดพระสพั พัญตุ ญาณ ณ โพธบิ ลั ลังก ดุจกาลทค่ี หบดนี ั้นบาํ เพ็ญสุจรติ แลวบังเกิดในสวรรคฉะน้ัน. กาลที่พระตถาคตยงั เวลาใหล วงไปดว ยความยินดีในผลสมาบัติอันเปนไปในฌานท่ี ๔ ดจุ กาลทค่ี หบดีนัน้ เสวยสมบัติในนันทวันฉะนั้น. กาลท่ีพระตถาคตยงั เวลาใหล วงไปดวยความยนิ ดใี นผลสมาบตั ิอันเปน ไปในฌานท่ี ๔ ไมท รงปรารถนาความสขุ ของชนเลวอันเปนของมนษุ ย ดุจกาลทคี่ หบดนี ้ัน ไมปรารถนากามคุณ ๕ อนั เปนของมนุษยฉะนนั้ . บทวา สขุ ี มคี วามสุขคอื ไดรบั ทุกขกอน ภายหลงั พึงมีความสขุ .บทวา เสรี มเี สรีภาพ คอื มแี พทยเ ปน เพ่อื นกอ น ภายหลังพึงมีเสรภี าพคือพึงเปนคนเดียว. บทวา สย วสี มีอํานาจในตนเอง คอื อยใู นอาํ นาจของแพทยก อน เมอ่ื แพทยบ อกวา จงน่ังกน็ ่งั บอกวาจงนอนก็นอน บอกวา จงบริโภคก็บรโิ ภค บอกวา จงดื่มก็ดื่ม ภายหลังจงึ มีอํานาจในตนเอง. บทวาเยน กามงฺคโม จะไปไหนไดตามความพอใจ คอื ไมไดไปยงั ทตี่ นตอ งการจะไปกอ น ภายหลงั เมื่อโรคหายดีแลว จงึ ไปไหนไดตามความพอใจแมในการชมปา ชมถาํ้ และชมภูเขาเปนตน พงึ ไปไดใ นที่ที่ปรารถนาจะไป. ในบทนีม้ ขี อเปรยี บเทียบดงั ตอไปน้.ี กาลที่พระโพธิสตั วประทบั อยู ณทา มกลางปราสาท ดุจกาลทีบ่ ุรษุ เปนโรคเร้อื นฉะน้นั , กามวัตถอุ ยางหนงึ่ ดุจกระเบอื้ งใสถานไฟฉะนน้ั . กามวตั ถุ ๒ อยางดุจกระเบ้อื ง ๒ แผน. นกั ฟอ น๓ โกฏิครงึ่ ดจุ กระเบือ้ งใสถ า นไฟ ๓ โกฏิคร่ึงของทาวสักกเทวราชฉะน้ัน. การเสพวัตถกุ าม ดจุ เอาเล็บเกาปากแผลแลว เอาไปลนบนกระเบอ้ื งใสถา นไฟฉะนนั้ .กาลที่พระโพธสิ ัตวเห็นโทษในกามเห็นอานสิ งสในเนกขัมมะแลว เสดจ็ ออกบวชไดเ ปนพระพทุ ธเจา. และกาลท่ีพระตถาคตยงั เวลาใหล วงไปดวยความยนิ ดีในผลสมาบัติอันเปนไปในฌานท่ี ๔ ดจุ กาลทบี่ ุรุษโรคเรอื้ นอาศยั ยาแลวหายโรคฉะนั้น.กาลทพ่ี ระตถาตยงั เวลาใหล ว งไปดวยความยนิ ดีนั้นไมทรงปรารถนาดว ยความ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 510ยนิ ดใี นชนเลว ดจุ กาลเหน็ บุรุษเปน โรคเรื้อนอ่ืนแลวไมป รารถนาจะเหน็ อีกฉะนน้ั . บทวา อุปหตนิ ทฺ รโิ ย มีอนิ ทรยี อ ันโรคกําจัดเสียแลว คือมีกายประ-สาทอันโรคเรื้อนกาํ จัดแลว . บทวา อุปหตนิ ฺทรฺ ยิ า มอี นิ ทรยี อนั โทษกาํ จัดแลว คือมีปญ ญินทรยี อ ันโทษกาํ จัดแลว. สตั วทั้งหลายเหลา น้นั เพราะปญ ญินทรยี ถ ูกกําจดั กลับไดความสําคัญผิดในกามทั้งหลายอนั มสี มั ผสั เปนทกุ ขวาเปนสขุ เหมอื นอยา งบรุ ุษโรคเรอื้ นน้ันมกี ายินทรียถกู โรคกําจัดกลบั ไดค วามสําคัญผิดในไฟอนั สัมผัสเปน ทกุ ขวา เปน สขุ ฉะนัน้ . พงึ ทราบความในบทวา อสุจิตรานิ เจว ไมสะอาดยิ่งข้นึ เปนตนดงัตอ ไปน้.ี ตามปกติปากแผลเหลา นไี้ มสะอาด มกี ลิน่ เหมน็ และเนา แตบดั น้ียิ่งไมสะอาด ยง่ิ มกี ลิ่นเหม็นและยงิ่ เนา ขึน้ อกี . บทวา กาจิ คอื หนอนทง้ั หลายยอ มเขาไปภายในแผลที่รนไฟและท่ีเกา เลอื ดและหนองที่นา เกลยี ดกไ็ หลออกแผลอยา งนน้ี ้นั จะมีความนา พอใจสักหนอ ยหนึ่งจะกระไรอยู. พึงทราบวินจิ ฉัยในคาถาวา อาโรคยฺ า๑ ปรมา ลาภา ความมีไมโรคเปน ลาภอยางย่ิงดงั ตอไปนี้ . การไดทรพั ยก็ดี การไดยศก็ดี การไดบุตรก็ดีอยางใดอยา งหนง่ึ ความไมม โี รคเปน ลาภอนั สูงสดุ กวา ลาภเหลา นั้น. ลาภยง่ิกวาความไมมโี รคน้ันไมมี เพราะเหตนุ ัน้ ความไมม ีโรคจึงเปนลาภอยางยงิ .สุขเกดิ แตฌานกด็ ี สขุ เถิดแตมรรคก็ดี สุขเกิดแตผ ลก็ดี อยางใดอยางหนง่ึ มอี ยูบรรดาสุขเหลา นั้น นิพพานเปนสขุ อยางย่ิง. สขุ ย่ิงกวานิพพานนนั้ ไมม ีเพราะเหตนุ ้นั นิพพานจงึ เปนสขุ อยา งยง่ิ . บทวา อฏงฺคโิ ก จ มคฺคานบรรดาทางทั้งหลายอันใหถงึ อมตธรรมดวยการไปอนั เปนสว นเบ้อื งตน สมู รรคอันเปนสว นเบ้อื งจงึ ทัง้ หลาย มรรคมีองค ๘ เปน ทางอนั เกษม. ทางอื่นเกษม๑. บาลวี า อนินุคฺปรมา วราภา ม. มชั . ๑๓ ขอ ๒๘๖
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 511ยง่ิ กวา มรรคมอี งค ๘ น้ันไมม .ี อกี อยางหน่ึง บทวา เขม ก็ดี บทวา อมตก็ดใี นบทวา เขม อมต น้ี เปนช่อื ของนพิ พานน่ันเอง. ในบทนี้มคี วามวา สมณพราหมณผูกลาวคดั คา นเปนอันมาก ถือเอาดวยลัทธิวาทางอนั เปนทางเกษม และทางอนั ใหถ ึงอมตธรรม มรรคมอี งค ๘เปน ทางอยา งยง่ิ คือสงู สดุ กวามรรคทง้ั หลายอันเปน ทางเกษมและเปน ทางอมตะเหลา นน้ั ทัง้ หมด. บทวา อาจรยิ ปาจริยาน แหง อาจารยและปาจารยค ือแหงอาจารยและแหงอาจารยข องอาจารยท้งั หลาย. บทวา สเมติ ยอมสมกันคอื เชนเดียวกันไมตา งกัน ดุจดวงดวยทะนานเดยี วกัน ดุจชัง่ ดว ยตาชงั่ เดียวกัน. บทวาอโนมชฺชติ ลูบตัว คือมาคณั ฑยิ ปรพิ าชก ลดฝามอื ลงขา งลา งลูบตวั . บทวาอทิ นตฺ โภ โคตม อาโรคยฺ อทนฺต นิพฺพาน ขา แตพ ระโคดมผเู จรญิ น้คี อืความไมมีโรคน้ีคือความสขุ คอื มาคณั ฑิยปริพาชกลบู ศรี ษะตามเวลา ลบู ทอ งตามเวลาจึงกลา วอยางนี.้ บทวา เฉก คอื ผองใส. บทวา พาหุลจิ ีวเรนผาเทียมคอื ผา เนือ้ หยาบทําดว ยขนแกะดาํ . อาจารยทง้ั หลายกลาววา สงกฺ าร-โจฬเกน บา ง แปลวาผาที่เขาตัง้ ไวใ นหยากเย่อื . บทวา วาจ นิจฺฉเรยฺย เปลงวาจา ความวา เปลง วาจาลบู คลําท่ชี าย ท่ีปลาย ทที่ า มกลางตามเวลา. บทวาปุพพฺ เกเหสา ตัดบทเปน ปพุ พฺ เกหิ เอสา ความวา พระผูมีพระ-ภาคเจา พระนามวา วปิ สสีบาง ฯลฯ พระนามวา กัสสปะบาง ประทบั นัง่ ทามกลางบรษิ ัท ๔ ไดต รัสพระคาถานี้. คาถาอาศัยประโยชนเพราะเหตุน้ันมหาชนจงึ ไดเรยี น. ครั้นเม่ือพระศาสดาเสด็จปรนิ พิ พานแลว ภายหลงั คาถาท้งั หลายจงึพากนั เขา ไปสูระหวางพวกปริพาชก. ปรพิ าชกเหลา นั้นจดไวใ นใบลานรกั ษาไว๒ บทเทานั้น. เพราะฉะน้นั ทานจงึ กลาววา คาถานั้นบดั นี้เปน คาถาของปถุ ชุ นตามลาํ ดับ. ชอ่ื วา โรคภูโต เพราะเปน รังโรค. แมใ นบททเ่ี หลือกม็ นี ัยนีเ้ หมอื นกัน. บทวา อรย จกฺขุ จักษปุ ระเสริฐ คอื วปิ สสนาญาณและมรรคญาณ
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 512บริสทุ ธิ์ . บทวา ปโหติ เพยี งพอคอื สามารถ. บทวา เภสชฺช กเรยฺย พงึผสมยา คอื พึงผสมยาถอนใหอ าเจยี น ยาถาย ยาหยอดตา ยาตมเปน ตน . บทวาน จกขฺ นู ิ อปุ ฺปาเทยฺย มองไมเ หน็ ความวา จกั ษปุ ระสาทของผใู ดถูกความอดึ อัดมีดแี ละเสมหะเปน ตนกําจดั แลวในระหวาง. ผนู นั้ อาศัยแพทยผ ฉู ลาดรบัประทานยาอนั สบาย จึงมองเหน็ ได. แตน ยั นตาของคนตาบอดแตกาํ เนิด บอดตัง้ แตอ ยใู นครรภม ารดา. เพราะฉะนนั้ เขาจะเห็นไมไ ดเลย. ดวยเหตุน้ันพระผูมีพระภาคเจา จงึ ตรสั วา น จกฺขูนิ อุปปฺ าเทยยฺ มองไมเหน็ ดังน.ี้ พึงทราบวาวนิ จิ ฉยั ในวาระท่ี ๒ ดงั ตอไปนี้. บทวา ชจจฺ นฺโธ บอดแตกําเนดิ คอื บอดดวยความอึดอดั มีดีเปน ตนต้งั แตเ วลาเกดิ . เม่อื กอนทานกลาววา อมสุ ฺมึ คือในครัง้ โนน . บทวาอมิตฺตโต ทเหยฺย เขาพงึ ตั้งบรุ ุษนั้นไวโดยความเปนศตั รคู อื พึงตั้งไวโ ดยความเปนศัตรูอยางน้ีวา บรุ ษุ นเี้ ปนศตั รูของเราดงั นี้. แมใ นบทที่ ๒ ก็มีนัยน้ีเหมือนกัน บทวา อิมนิ า จิตเฺ ตน ดวยจิตดวงนี้คือ ดวยจิตอันตามไปในวัฏฏะ. บทวา ตสสฺ เม อปุ าทานปจฺจยา เพราะอุปาทานเปนปจจัย ภพจึงมีแกเรา คอื ทา นกลา วถึงปจจยาการอนั มีสนธิ ๑ และสังเขป ๒, ประกาศวฏั ฏะใหแจง. บทวา ธมมฺ านุธมฺม ธรรมสมควรแกธ รรม คือปฏปิ ทาอันสมควรแกธรรม. บทวา อิเม โรคา คณฑฺ า สลลฺ า โรค ฝ ลูกศร คอื อนั น้ีพระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงถึงขนั ธ ๕. พระผมู ีพระภาคเจา เมือ่ จะทรงแสดงถงึววิ ฏั ฏะ จึงตรัสวา อุปาทานนโิ รธา เพราะอุปาทานดบั ดังน.้ี บทที่เหลือในทีท่ ั้งปวงงายทง้ั นน้ั ดว ยประการฉะน้ี. จบอรรถกถามาคณั ฑยิ สูตรที่ ๕
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 513 ๖. สนั ทกสตู ร เร่อื งสนั ทกปรพิ าชก [๒๙๓] ขาพเจา ไดสดับมาอยา งนี้. สมยั หน่งึ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ โฆสิตาราม เขตเมืองโกสัมพี สมัยน้ัน สนั ทกปรพิ าชกพรอ มดว ยปริพาชกบริษัทหมใู หญป ระมาณหารอ ย อาศยั อยู ณ ถา้ํ ปล กั ขคูหา. ครั้งน้ันเวลาเยน็ ทานพระอานนทอ อกจากท่เี รน แลวเรยี กภิกษุท้ังหลายมาวา ดูกอ นผูม อี ายทุ ้ังหลาย เราท้งั หลายจะเขาไปยังบอ นา้ํ ทน่ี า้ํ ฝนเซาะเพอ่ื จะดูถา้ํ ภกิ ษเุ หลา นั้นรับคําทานพระอานนทวาอยา งนน้ั ทา นผมู ีอาย.ุ ลําดบั นัน้ ทานพระอานนทพรอ มดว ยภิกษเุ ปนอันมากเขา ไปยงั บอน้ําท่ีนํ้าฝนเซาะ. สมยั นนั้ สันทกปรพิ าชกนั่งอยกู ับปรพิ าชกบริษทัหมูใหญ ซงึ่ กําลงั พดู ตริ จั ฉานกถาเปน อนั มาก ดวยเสียงสูง เสียงใหญอ งึ คนึงคือพูดเร่ืองพระราชา เรอื่ งโจร เรอื่ งมหาอาํ มาตย เรอ่ื งกองทัพ เร่ืองภยัเรื่องรบ เรื่องขา ว เรอื่ งนาํ้ เร่อื งทีน่ อน เร่อื งดอกไม เร่ืองของหอม เร่อื งญาติ เรื่องยาน เรื่องบาน เรอ่ื งนคิ ม เรอื่ งนคร เรอ่ื งชนบท เร่ืองสตรีเรอ่ื งคนกลาหาญ เรอ่ื งตรอก เรอ่ื งทาน้ํา เรอ่ื งนางกมุ ภทาสี เรอ่ื งคนท่ีลว งลับไปแลว เร่อื งเบ็ดเตลด็ เรอื่ งโลก เร่ืองทะเล เรอื่ งความเจรญิ และความเสอ่ื มดวยประการนนั้ ๆ. สันทกปริพาชกไดเ ห็นทา นพระอานนทกําลังมาแตไกล จงึ หา มบรษิ ทัของตนใหส งบเสียงวา ทา นผเู จริญท้งั หลายจงเบาเสียงเถิด ทา นผเู จริญท้งั หลายอยาทาํ เสียงดังตอไปเลย นส่ี าวกของพระสมณโคดม เปน สมณะชือ่ อานนทกาํ ลังมาอยู สมณะชื่ออานนทนี้ เปนสาวกองคห นึ่ง ในบรรดาสาวกของพระ-
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 514โคดมทอ่ี าศยั อยู ณ เมืองโกสมั พี ก็ทานผมู ีอายเุ หลานนั้ เปน ผใู ครใ นความเปน ผูม เี สียงเบา แนะนาํ ในความมเี สยี งเบา กลาวสรรเสริญเสียงเบา ถากระไรสมณะชอ่ื อานนทน้นั ทราบวา บริษทั มเี สียงเบาแลว พงึ สําคญั ทจ่ี ะเขามาใกล.ลําดบั นนั้ ปริพาชกเหลานั้นไดนง่ิ อยู ทานพระอานนทไดเ ขาไปหาปริพาชกถงึทใ่ี กล สันทกปริพาชกไดก ลาวกะทา นพระอานนทวา เชิญมาเถดิ ทา นพระ-อานนท ทา นพระอานนทมาดีแลว ตอ นาน ๆ ทานพระอานนทจ ึงจะไดท ําเหตุเพ่ือจะมาในทีน่ ้ี เชญิ นั่งเถิดทา นพระอานนท น้อี าสนะปไู วแ ลว ทา นพระ-อานนทน่ังบนอาสนะท่ีปูไวแ ลว แมสันทกปริพาชกถือเอาอาสนะอันต่ําแหงหนงึ่แลวนงั่ ณ ทค่ี วรสว นขางหนึ่ง. ธรรมกิ กถา [๒๙๔] ทา นพระอานนทไ ดกลา วกะสันทกปรพิ าชกวา ดกู อ นสนั ทกะเมื่อกน้ี ี้ ทา นทัง้ หลายประชมุ สนทนากันดวยเรอื่ งอะไร และเรื่องอะไรทที่ านทั้งหลายหยุดคา งไวใ นระหวาง ส. ทานพระอานนท เร่ืองท่ีขา พเจาทง้ั หลายประชุมสนทนาเมือ่ ก้ีน้ันขอยกไวเ สียเถิด เรื่องนั้นทานพระอานนทจักไดฟ ง แมในภายหลังโดยไมย าก ดีละหนอ ขอเรื่องทเี่ ปนธรรมในลทั ธิแหง อาจารยของตนจงแจง แกทานพระอานนทเ ถิด. อา. ดูกอ นสันทกะ ถาเชนนนั้ ทานจงฟง จงมนสกิ ารใหด ี เราจักกลาว สนั ทกปริพาชกรับคาํ ทานพระอานนทแ ลว ทานพระอานนทไดกลา ววาดูกอนสันทกะ ลัทธิสมยั อันไมเ ปน โอกาสท่จี ะอยปู ระพฤตพิ รหมจรรย ๔ประการน้แี ละพรหมจรรยอ นั เวน ความยินดี ๔ ประการ ทวี่ ิญูชนไมฟง อยู
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 515ประพฤตพิ รหมจรรยเ ลย ถึงเมือ่ อยกู พ็ งึ ยังกุศลธรรมเคร่ืองออกไปจากทกุ ขใ หสาํ เรจ็ ไมได อันพระผมู พี ระภาคเจาพระองคน ัน้ ผรู ู ผูเ ห็น เปน พระอรหันตตรสั รดู ว ยพระองคเองโดยชอบ ตรัสไวแลว . ขาแตท า นพระอานนท ก็ลัทธิสมัยอนั ไมเ ปน โอกาสทจี่ ะอยูป ระพฤติพรหมจรรย ๔ ประการ ทีว่ ญิ ชู นไมพ ึงอยปู ระพฤตพิ รหมจรรยเลย ถงึ เมื่ออยกู พ็ งึ ยงั กศุ ลธรรมเคร่อื งออกไปจากทุกขใหสําเรจ็ ไมได อันพระผมู ีพระภาค-เจา พระองคน ั้น ผรู ู ผูเหน็ เปน พระอรหันต ตรัสรูด วยพระองคเ องโดยชอบตรัสไวแลว นน้ั เปนไฉน. [๒๙๕] ดกู อ นสนั ทกะ ศาสดาบางคนในโลกนี้ มปี กติกลา วอยา งน้ีมคี วามเห็นอยางน้ีวา ทานไมมผี ล การบูชาไมมผี ล การเซน สรวงไมมีผลผลวบิ ากแหงกรรมทีท่ าํ ดที าํ ชวั่ ไมม ี โลกนี้ไมมี โลกหนา ไมมี มารดาบิดาไมม ีสตั วผ ูผดุ เกดิ ข้ึนไมมี สมณพราหมณผดู ําเนนิ ชอบ ปฏบิ ตั ิชอบ ซ่งึ กระทําโลกน้ีและโลกหนาใหแ จง ดวยปญญาอนั ย่งิ เอง และสอนผูอ นื่ ใหร ูแจง ไมม ีในโลกคนเรานี้เปนแตประชุมมหาภูตทง้ั สี่ เมื่อทํากาลกริ ยิ า ธาตดุ นิ ไปตามธาตุดินธาตุนํ้าไปตามธาตนุ าํ้ ธาตุไฟไปตามธาตุไฟ ธาตลุ มไปตามธาตลุ ม อนิ ทรยี ทง้ั หลายยอมเลือ่ นลอยไปสอู ากาศ คนท้ังหลายมีเตียงเปน ท่ี ๕ จะหามเขาไปเมอื่ ตายแลว รางกายปรากฏอยแู คป าชา กลายเปนกระดกู มสี ีดจุ นกพิลาป การเซน สรวงมเี ถา เปน ที่สดุ ทานน้คี นเขลาบญั ญัติไว คาํ ของคนบางพวกพดู วา มีผล ๆ ลว นเปนคาํ เปลา คาํ เทจ็ คําเพอ เพราะกายสลาย ทง้ั พาลทัง้ บัณฑติยอ มขาดสูญพนิ าศส้ิน เบ้ืองหนา แตตายไป ยอมไมม ี ดังนี.้ วาดว ยอพรหมจรยิ วาส [๒๙๖] ดูกอนสนั ทกะ ในลทั ธขิ องศาสดาน้ัน วิญูชนยอมตระหนักดงั นีว้ า ทานศาสดาผมู ีปกตกลา วอยางน้ี มีความเห็นอยา งนี้วา การบูชาไมมี
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 516ผล การเซน สรวงไมม ผี ล ผลวิบากแหงกรรมท่ีทําดที าํ ช่ัวไมมี โลกน้ีไมมี โลกหนา ไมม ี มารดาบดิ าไมม ี สตั วทเี่ กดิ ผุดขนึ้ ไมม ี สมณพราหมณผดู ําเนินชอบปฏบิ ตั ิชอบ ซึ่งทาํ โลกนี้และโลกหนา ใหแ จง ดว ยปญญาอันยิง่ เองแลว สอนผูอ ื่นใหร ูแจงไมม ใี นโลก คนเรานเ้ี ปนแตประชมุ มหาภูตท้งั ส่ี เมือ่ ทาํ กาลกริ ิยาธาตุดนิ ไปตามธาตดุ ิน ธาตุนํา้ ไปตามธาตนุ ํ้า ธาตุไฟไปตามธาตุไฟ ธาตุลมไปตามธาตลุ ม อินทรียท ง้ั หลายยอ มเลื่อนลอยไปสอู ากาศ คนทั้งหลายมเี ตียงเปนท่ี ๕ จะหารเขาไปเม่อื ตายแลว รา งกายปรากฏอยูแคป า ชา กลายเปน กระดกู มีสดี จุ นกพิลาป การเซน สรวงมเี ถาเปน ทสี่ ุด ทานนีค้ นเขลาบัญญัติไว คาํ ของคนบางพวกพูดวามีผล ๆ ลวนเปนคําเปลา คําเทจ็ คําเพอ เพราะกายสลายทั้งพาล ทัง้ บณั ฑติ ยอ มขาดสูญพินาศสน้ิ เบือ้ งหนา แตตายไปยอ มไมมดี ังน้ีถาคาํ ของศาสดาผูนีเ้ ปน คาํ จริง กรรมในลทั ธนิ ี้ ท่เี ราไมไ ดท าํ เลยเปนอันทาํ แลวพรหมจรรยใ นลทั ธินท้ี ีเ่ ราไมไดอ ยเู ลยเปน อันอยูแลว แมเราทั้งสองคือเราผไู มไดก ลาววา เพราะกายสลาย แมเ ราทงั้ สองจกั ขาดสูญพนิ าศสิ้น เบื้องหนาแตตายไปจกั ไมม ดี งั น้ี กช็ ่ือวาเปนผเู สมอ ๆ กัน ถึงความเปน ผูเสมอ ๆ กนั ในลทั ธนิ ้ี ท่ียิง่ กวา กันกค็ อื ความท่ีทา นศาสดาน้ีเปน ผูพระพฤติเปลือยกาย เปนคนศรี ษะโลน ทําความเพยี รในการเดนิ กระโหยง ถอนผมและหนวด เมอ่ื เราอยคู รองเรือนนอนเบียดกับบุตร ประพรมแกนจนั ทนเ มืองกาสี ทรงดอกไมของหอมและเครื่องลูบไล ยินดีทองและเงินอยู กจ็ กั เปนผูม คี ติเสมอ ๆ กนั กับทานศาสดาน้ีในภพหนา ได เรานัน้ รูอะไร เห็นอะไรอยู จึงจกั ประพฤติพรหมจรรยใ นศาสดาน้ี วญิ ูชนนน้ั ครั้นรูวาลัทธินี้ไมเปนโอกาสท่ีจะอยูประ-พฤตพิ รหมจรรยได ดังนแี้ ลว ยอ มเบ่ือหนา ยหลกี ไปจากพรหมจรรยนน้ั ดกู อนสันทกะ ลทั ธิอนั ไมเ ปนโอกาสทจี่ ะอยูประพฤติพรหมจรรยได ท่วี ญิ ูชนไม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
Pages: