พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 575อนั มาก คือระลึกไดชาตหิ น่ึงบา ง สองชาติบาง สามชาตบิ า ง สชี่ าติบาง หาชาติบาง สบิ ชาตบิ า ง ยส่ี ิบชาตบิ า ง สามสิบชาติบา ง ส่สี ิบชาตบิ าง หา สิบชาตบิ าง รอ ยชาตบิ า ง พันชาตบิ าง แสนชาตบิ าง ตลอดสงั วัฏกปั เปน อันมากบา ง ตลอดวิวัฏกปั เปน อนั มากบา ง ตลอดสงั วัฏววิ ฏั กัปเปน อันมากบา งวาในภพโนนเรามชี ่อื อยา งนน้ั มีโคตรอยางนน้ั มีผิวพรรณอยางนนั้ มอี าหารอยา งนนั้ เสวยสขุ เสวยทุกขอ ยา งนนั้ ๆ มกี าํ หนดอายุเพยี งเทา นน้ั ครน้ั จตุ ิจากภพนัน้ ไดไ ปเกิดในภพโนน แมในภพน้ัน เรากม็ ชี อ่ื อยา งนนั้ มีโคตรอยางน้นั มผี ิวพรรณอยา งนั้น มีอาหารอยา งนัน้ เสวยสขุ เสวยทกุ ขอยา งนั้น ๆ มีกําหนดอายเุ พยี งเทา นนั้ ครน้ั จุติจากภพนั้นแลว ไดมาเกิดในภพนี้ เธอยอ มระลึกถงึ ชาติกอ นไดเปนอันมากพรอมทั้งอาการ พรอ มท้ังอุเทศ ดว ยประการฉะน้ี ดกู อ นอทุ ายี เปรียบเหมือนบุรษุ จะพงึ จากบา นตนไปบานอ่ืน แลวจากบานแมนัน้ ไปยังบา นอ่ืนอีก จากบานน้นั กลบั มาสูบา นของตนตามเดมิ เขาจะพงึ ระลึกไดอยา งนีว้ า เราไดจากบานของเราไปบานโนน ในบานนน้ั เราไดยนือยางนน้ั ไดน ง่ั อยางนัน้ ไดพูดอยา งนน้ั ไดน ่ิงอยางน้ัน แลวเรากลบั จากบา นนน้ั มาสบู านของตนตามเดมิ ดังน้ี ฉนั ใด สาวกทง้ั หลายของเรา ก็ฉันนนั้ แล ปฏบิ ตั ติ ามปฏปิ ทาท่ีเราบอกแลว ระลึกชาตกิ อนไดเปน อนั มากคือ ระลกึ ไดช าติหน่งึ บาง สองชาติบาง ฯลฯ เธอยอ มระลกึ ชาตกิ อ นไดเปนอันมาก พรอมทั้งอาการ พรอ มท้ังอุเทศ ดว ยประการฉะน.ี้ ก็เพราะสาวกท้ังหลายของเราปฏบิ ัติตามปฏปิ ทาทีเ่ ราบอกแลวน้ันแลสาวกของเราเปน อนั มากจึงไดบรรลุบารมีอนั เปน ท่ีสุดแหงอภญิ ญาอย.ู [๓๕๓] ดูกอ นอทุ ายี อกี ประการหนงึ่ เราไดบ อกปฏปิ ทาแกส าวกทั้งหลายแลว สาวกทัง้ หลายของเราปฏบิ ตั ิตามแลว ยอมเหน็ หมสู ตั วท่ีกําลังจุติ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 576กาํ ลงั อุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดดี ตกยากดวยทพิ ยจักษุอันบริสทุ ธ์ิ ลว งจกั ษขุ องมนษุ ย ยอมรูชดั ซึ่งหมูสตั วผเู ปน ไปตามกรรมวา สัตวเ หลาน้ี ประกอบดว ยกายทจุ รติ วจีทุจรติ มโนทุจริตตเิ ตยี นพระอรยิ เจา เปนมิจฉาทฏิ ฐิ ยดึ ถือการกระทําดวยอํานาจมิจฉาทฏิ ฐิ เบ้อื งหนาแตต ายเพราะกายแตก เขาเขาถงึ อบาย ทุคติ วนิ ิบาต นรก สวนสตั วเหลา น้ี ประกอบดวยกายสุจรติ วจีสจุ รติ มโนสุจริต ไมตเิ ตยี นพระอรยิ เจาเปน สมั มาทฏิ ฐิ ยึดถอื การกระทาํ ดวยอํานาจสมั มาทิฏฐิ เบ้ืองหนา แตต ายเพราะกายแตก เขาเขาถึงสคุ ติโลกสวรรค ดังน้ี ดูกอนอทุ ายี เปรยี บเหมือนเรือนสองหลังทมี่ ีประตูรวมกัน บุรษุ ผูมจี กั ษุยนื อยูที่ตรงกลางเรอื นนน้ั จะพงึเหน็ หมชู นกาํ ลังเขา ไปบา ง กาํ ลงั เดินวนเวยี นอยูท่เี รอื นบา ง ฉนั ใด สาวกท้ังหลายของเรากฉ็ นั น้ันแล ปฏิบตั ติ ามปฏปิ ทาที่เราบอกแลว ยอมเหน็ หมสู ัตวกาํ ลังจตุ ิ กําลังอปุ บัติ เลว ประณีต มผี ิวพรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดดีตกยาก ดว ยทพิ ยจักษอุ ันบรสิ ทุ ธ์ิ ลวงจักษุของมนษุ ย ยอ มรูช ัดซ่งึ หมสู ตั วผเู ปน ไปตามกรรม ดวยประการฉะน.ี้ ก็เพราะสาวกท้ังหลายของเราปฏบิ ัติตามปฏปิ ทาที่เราบอกแลวน้ันแลสาวกของเราเปน อนั มากจึงไดบรรลุบารมีอนั เปนที่สดุ แหง อภิญญาอย.ู [๓๕๔] ดูกอ นอทุ ายี อกี ประการหนึง่ เราไดบอกปฏปิ ทาแกส าวกทั้งหลายแลว สาวกท้ังหลายของเราปฏบิ ัติตามแลว ยอ มทําใหแ จง ซึง่ เจโตวิมตุ ติปญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะส้ินไป ดวยปญญาอันยิง่ ของตนองในปจจบุ ันเขา ถงึ อยู ดูกอนอทุ ายี เปรยี บเหมือนสระน้ําบนยอดเขา ใสสะอาดไมขนุ มวั บรุ ษุ ผูม ีจกั ษยุ ืนอยูบนขอบสระนนั้ จะพึงเหน็ หอยโขงและหอยกาบตาง ๆ บา ง กอ นกรวดและกอ นหินบา ง ฝูงปลาบาง กําลงั วายอยูบาง หยดุ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 577อยบู าง ในสระน้ําน้นั เขาจะพงึ คิดเห็นอยางน้วี า สระนํา้ นใ้ี สสะอาดไมขนุ มวัหอยโขงและหอยกาบตาง ๆ บา ง กอ นหินบาง ฝูงปลาบา ง เหลา น้ี กําลังวายอยูบ าง หยดุ อยบู าง ในสระนน้ั ดงั น้ี ฉนั ใด สาวกทั้งหลายของเราก็ฉันน้ันแล ปฏบิ ตั ิตามปฏปิ ทาทีเ่ ราบอกแลว ยอ มทาํ ใหแจง ซง่ึ เจโตวมิ ตุ ติปญ ญาวิมุตติ อนั หาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะสิ้นไป ดวยปญ ญาอันย่ิงของตนเองในปจจบุ นั เขา ถึงอยู. ก็เพราะสาวกทัง้ หลายของเราปฏบิ ตั ติ ามปฏิปทาท่เี ราบอกแลวน้นั แลสาวกของเราเปนอนั มากจึงไดบรรลุบารมีอนั เปนทสี่ ดุ แหงอภิญญาอยู. [๓๕๕] ดูกอนอทุ ายี นแี้ ลธรรมขอที่หา อนั เปนเหตุใหสาวกทั้งหลายของเราสกั การะ เคารพ นับถอื บูชา แลว พ่งึ เราอยู. ดกู อ นอุทายี ธรรมหาประการน้แี ล เปนเหตุใหส าวกทัง้ หลายของเราสกั การะ เคารพ นบั ถือ บูชา แลว พ่ึงเราอยู ฉะนี้. พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรัสพระพุทธพจนน แ้ี ลว สกุลทุ ายีปรพิ าชกยนิ ดีชืน่ ชมพระภาษิตของพระผมู ีพระภาคเจา แลว ดงั นีแ้ ล. จบมหาสกุลุทายิสตู รที่ ๗ ๗. อรรถกถามหาสกุลุทายสิ ตู ร มหาสุกลุ ุทายสิ ตู ร มบี ทเรมิ่ ตน วา เอวมฺเม สุต ขา พเจาไดสดับมาอยางน้.ี ในบรรดาบทเหลาน้ันบทวา โมรนวิ าเป คอื ในทีน่ ั้นชนทง้ั หลายไดประกาศใหอ ภัยแกนกยูงท้งั หลายแลว ไดใ หอ าหาร. เพราะฉะนัน้ ท่นี นั้ จงึ ช่อื วา
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 578โมรนวิ าปะ เปน ทีใ่ หเ หย่ือแกนกยงู . บทวา อนนฺ ภาโร เปนชอื่ ของปรพิ าชกผหู น่ึง. เหมอื นวรตระก็เปนชื่อปริพาชกเหมอื นกัน. บทวา อฺเ จ ไมเ พียงปริพาชก ๓ คนน้ีเทาน้ัน แมปริพาชกอ่นื ๆ ทม่ี ีชือ่ เสยี งก็มอี ยมู าก. ในบทน้วี าอปฺปสพทฺ สสฺ วณณฺ วาที พระสมณโคดมทรงกลาวสรรเสริญคณุ ของเสียงเบา ทานไมกลา ววา อปฺปสททฺ วนิ โี ต แนะนําใหม ีเสยี งเบา จึงกลาวบทน้ี.เพราะเหตไุ ร. เพราะพระผูมีพระภาคเจามไิ ดทรงแนะนาํ ผูอ ื่น. บทวา ปรุ มิ านิวนั กอน ๆ คอื วันกอน ๆ หมายถึงเม่ือวานนี.้ หลังจากนัน้ เปนวนั กอนหลงัจากวานนี.้ ไมมศี าลาเฉพาะจึงชอ่ื วา กตุ ูหลสาลา (ศาลาแพรขาว). ศาลาที่พวกเดยี รถียตาง ๆ สมณพราหมณประชมุ สนทนากนั หลายอยางทา นเรียกวากตุ หู ลสาลา เพราะเปนทแี่ พรข าวของชนเปนอันมากวา คนน้พี ูดอะไร คนนีพ้ ูดอะไร. ปาฐะวา โกตหู ลสาลา บา ง. บทวา ลาภา ความวา นีเ้ ปน ลาภของชาวอังคะ มคธะ ท่ีจะไดเห็นสมณพราหมณ ถามปญ หา หรือฟง ธรรมกถาของสมณพราหมณเหลา น้ัน. พึงทราบความในบทมีอาทิวา สงฆฺ ิโน เจาหมู ดังตอ ไปน้.ี ชอ่ื วาสงฆฺ ิโน เพราะมหี มคู ือหมูบ รรพชิต. ชื่อวา คณิโน เจาคณะ เพราะมีคณะน้ันนัน่ แล. ช่อื วา คณาจริยา เพราะเปนอาจารยของคณะนนั้ ดว ยใหศ กึ ษาถงึ อาจาระ. บทวา ญาตา คอื มชี ือ่ เสียง เปน ผปู รากฏ. ชอ่ื วา ยสสฺสโิ นเพราะมียศสูงดว ยคณุ ตามทไี่ มจ ริงและดว ยคุณตามทเี่ ปนจริง. กบ็ รู ณกัสสปเปนตนมียศสูงโดยนัยมีอาทิวา เปน ผมู คี วามปรารถนานอย สนั โดษ แมผ าก็ไมน ุง เพราะเปน ผมู คี วามปรารถนานอย. ยศของพระตถาคตสงู ดว ยพระคณุ ตามทเี่ ปน จรงิ มีอาทิวา อิติป โส ภควา ดงั นี.้ บทวา ติตถฺ กรา คอื เจา ลัทธิ.บทวา สาธุสมมฺ ตา คอื ชนเปนอันมากสมมติกันอยา งน้ีวา ดี งาม เปนสัตบุรษุ .
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 579บทวา พหชุ นสสฺ ชนเปน อันมาก คือ คนอนั ธพาล และพาลปถุ ชุ นผูไ มมีการศกึ ษา และบณั ฑิตชนผูมีปญ ญา. ในชนเหลา นนั้ พวกเดยี รถียเขาสมมติวาเปนพาลชน. พระตถาคตเขาสมมติวาเปนบัณฑิตชน. โดยนยั นพ้ี ึงทราบความในบทมอี าทิวา ปูนโณ กสฺสโป สงฺฆี บรู ณกสั สปเปน เจาหม.ู ก็เพราะพระผมู พี ระภาคเจา ทรงจําแนกอารมณ ๓๘ ไดท รงกระทาํ ทา เปนท่ีหยั่งลงสูนิพพานไวม าก ฉะนน้ั ควรกลา ววา เปน ตติ ฺถกโร ผทู าํ ทา . ก็เพราะเหตไุ รเจาลัทธเิ หลานัน้ ทง้ั หมดจงึ มาประชุมในท่ีนนั้ . เพ่ือรกั ษาอุปฏ ฐากและเพือ่ ลาภสกั การะ. ไดยินวา เจา ลทั ธเิ หลานน้ั มคี วามวิตกวา อปุ ฏฐากของพวกเราพงึ พากันถึงพระสมณโคดมวา เปนทพี่ ่ึง. พวกเราจกั ดแู ลอปุ ฏฐากเหลา นั้น. แมอุปฏ-ฐากของพวกเราเห็นอปุ ฏฐากของพระสมณโคดมทําสกั การะ กจ็ กั ทําสักการะแกพวกเราบา ง. เพราะฉะน้นั เจา ลทั ธิเหลาน้ันทั้งหมดจงึ พากันไปประชมุ ในท่ีท่ีพระผูม ีพระภาคเจาประชมุ . บทวา วาท อาโรเปตวฺ า พากนั ยกโทษ คือ ยกโทษในวาทะ. บทวาอปกฺกนฺตา คอื พากนั หลกี ไป บางพวกพากนั หลีกไปสทู ศิ . บางพวกสึกบางพวกมาสูศาสนานี้. บทวา สหติ มฺเม ถอยคําของเราเปนประโยชน คือถอ ยคําของเรามีประโยชนสละสลวยประกอบดว ยอรรถ ประกอบดว ยเหต.ุ บทวาอสหติ คือถอ ยคาํ ของทานไมประกอบดวยประโยชน. บทวา อธิจิณฺณนเฺ ตวิปราวตตฺ ขอทที่ า นเคยชํา่ ชองมาผันแปรไปแลว ความวา ขอ ท่ที านเคยมีความคลองแคลวดว ยสะสมมาเปนเวลานานไดผนั แปรไปแลว ดวยคาํ พูดคาํ เดียวของเรา ไมเ กดิ อะไรข้นึ . บทวา อาโรปโ ต เต วาโท คือเราจับผดิ วาทะของทา นไดแ ลว. บทวา จร วาทปฺปโมกฺขาย ทา นจงถอนวาทะของทานเสีย ความวา จงพระพฤตเิ พ่อื ปลดเปลือ้ งความผิด คอื จงศกึ ษาเพ่ือไปในที่นนั้ ๆ. บทวา
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 580นิพพฺ ิเธหิ วา สเจ ปโหสิ หรอื จงแกไขเสียถาสามารถ คือ หากสามารถดวยตนเอง จงแกไขเสยี ในบัดน้ที ีเดียว. บทวา ธมมฺ กฺโกเสน ดวยคาํ ตเิ ตยี นโดยธรรมคอื ดว ยคําติเตียนทเ่ี ปนจรงิ . บทวา ตน โน โสสฺสาม คอื เราทั้งหลายจักฟงธรรมทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แกพวกเรา. บทวา ขทุ ทฺ มธุ คือรังผึ้งที่ตัวออ นทําไว. บทวา อเนลก ไมมีโทษ คอื รงั ผ้ึงที่ปราศจากตัวออ น. บทวาปเฬยฺย คือพึงให. บทวา ปจจุ าสึสมานรูโป หมมู หาชนคอยหวังอยู คือถอื ภาชนะตัง้ ความหวงั วา บรุ ษุ น้นั จักใหเราจนเต็มภาชนะไหมหนอ. บทวาสมปฺ โยเชตวฺ า บาดหมางกนั คอื เถียงกันเล็กนอย. บทวา อิตรตี เรน คือตามมีตามได. บทวา ปววิ ติ โฺ ต พระผมู ีพระภาคเจาเปน ผูสงัด ปรพิ าชกกลา วคํานหี้ มายถงึ เพยี งกายวเิ วก. แตพระผูม ีพระภาคเจา ทรงสงดั ดว ยวเิ วก ๓. บทวา โกสกาหารา คอื อาหารเพยี งเทาโกสกะ ในเรือนของทาน-บดีมถี วยเลก็ เพอ่ื ใสอาหารอยา งด.ี ทานบดที ้ังหลายใสอ าหารดไี วใ นถวยนน้ัแลว บรโิ ภค. เมื่อบรรพชิตมาถึง ก็ถวายอาหารแกบ รรพชติ น้ัน ถวยน้ันเรียกวาโกสกะ เพราะฉะนั้นบคุ คลใดยงั ชวี ิตใหเปนไปดวยอาหารถวยหนง่ึ บคุ คลนนั้ ช่อื วา โกสกาหารา มีอาหารเพยี งเทาโกสกะ. บทวา เวฬุวาหารา คอื มีอาหารเพยี งเทาภัตใสใ นผลมะตูม. บทวา สมตติ ฺติก เสมอขอบ คอื เสมอลวดลายขางลา งแหง ขอบปากบาตร. บทวา อิมินา ธมฺเมน คอื โดยธรรมเพราะความเปนผูมอี าหารนอ ยน.ี้ อนึ่งในบทนีไ้ มค วรกลา ววา พระผูมีพระภาคเจา ทรงมีอาหารนอยโดยอาการทง้ั ปวง. ทรงมีอาหารนอ ยตลอด ๖ ป ณ ทที่ รงบาํ เพญ็เพียร. ทรงยังพระชนมชีพใหเ ปนไปดว ยขาวแลงหนงึ่ ตลอด ๓ เดอื น ในเมืองเวรัญชา. ทรงยังพระชนมชพี ใหเปนไปดว ยเหงาบัวเทา นั้นตลอด ๓ เดือน ในปาริไลยกไพรสณฑ. แตใ นทนี่ ้ีพระองคท รงแสดงถงึ ความน้ีวา เราไดม อี าหาร
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 581นอ ยในกาลหนงึ่ แตสาวกทัง้ หลายของเราไมทําลายธดุ งคต ลอดชวี ิตตง้ั แตสมาทานธดุ งค. เพราะฉะน้ัน ผิวาสาวกทง้ั หลายเหลาน้นั พงึ สักการะเราโดยธรรมน.ี้ ดว ยวา สาวกเหลานนั้ เปน ผวู เิ ศษโดยเรา ยอมสกั การะเราดว ยธรรมอ่ืนที่มอี ยู. ทานแสดงไวด งั นี.้ โดยนยั น้พี งึ ทราบโยชนาในทุกวาระ. บทวา ป สกุ ลู กิ า ถือผาบงั สกุลเปน วัตร คอื สมาทานปง สุกลู ิกังคธดุ งค.บทวา ลูขจวี รธรา ทรงจีวรเศราหมองดว ยดา ย ๑๐๐ เสน . บทวา นนตฺ กานิผาเกา คือชน้ิ ผา ที่ไมมีชาย. จรงิ อยู ผวิ า ผาเหลา นั้นพงึ มชี าย ผา เหลา นั้นเรยี กวา ปโลตกา ผา ขีร้ ้ิว. บทวา อจุ จฺ ินิตวฺ า เลอื กเก็บ คือฉีกทิ้งสวนทใ่ี ชไมไ ดถือเอาสวนทย่ี งั ใชไดเทาน้ัน. บทวา อลาวโุ ลมสานิ คือเสนดา ยเชนกบั ขนนาํ้ เตา. ทา นแสดงวา ละเอียด. ก็ดว ยเหตุเพียงเทา น้ี ไมควรกลา ววา พระศาสดามไิ ดท รงสันโดษดวยจวี รสันโดษ. เพราะในวันทพี่ ระองคท รงรบั เอาผา บงั สกลุ ทําดว ยเปลอื กไม ทีน่ างปุณณทาสีนาํ มาจากปา ชา ผดี บิ ถวายมหาปถพไี ดไ หวจนกระท่งั ถงึ น้ําเปน ทีส่ ดุ พระองคทรงแสดงความในบทน้ไี ววาเรารับผาบงั สกลุ คร้งั เดยี วเทานน้ั . แตสาวกทงั้ หลายของเราไมท ําลายธดุ งคจนตลอดชวี ิต จําเดิมแตสมาทานธุดงค. บทวา ปณฑฺ ปาตกิ า ถือบิณฑบาตเปนวตั ร คอื ปฏิเสธอตเิ รกลาภสมาทานปณฑปาติกังคธุดงค. บทวา สปทานจาริโน คอื เที่ยวไปตามลาํ ดบัตรอกเปนวตั ร คือ ปฏิเสธโลลปุ ปจาร (การเท่ียวไปดว ยความโลภ) แลวสมาทานสปทานจารกิ วัตร. บทวา อจุ จฺ าปเก วตฺเต รตา ยนิ ดใี นวัตรช้ันสูงของตน ความวา ยนิ ดใี นวตั รตามปรกตขิ องภิกษทุ ้ังหลาย กลาวคือการเท่ยี วไปเพอ่ื อาหารเล้ียงชพี เปนผยู ืนท่ีประตเู รอื นทั้งสงู และตา่ํ สํารวมอาหารทป่ี นกนั เปน คําแลว ฉนั . บทวา อนตฺ รฆร ละแวกบา น คอื ละแวกเรอื นต้ังแต
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 582ธรณปี ระตู ดังไดก ลาวแลวในพรหมายุสูตร. ในที่น้ที า นประสงคตั้งแต เสาเขื่อน. ดวยเหตุเพยี งเทา นีไ้ มค วรกลา ววา พระศาสดาไมทรงสันโดษ ดว ยบณิ ฑบาตสนั โดษ. ท้งั หมดพงึ พสิ ดารโดยทํานองเดยี วกบั ทีก่ ลาวแลว เพราะความเปน ผูมอี าหารนอย. แมในท่นี ้ีพระองคกท็ รงแสดงความนไี้ วว า เราไมยนิ ดีรับนมิ นตใ นเวลาเดียวเทา นัน้ . แตสาวกทั้งหลายของเรา ไมทาํ ลายธดุ งคตลอดชีวติ ตง้ั แตส มาทานธดุ งค. บทวา รุกขฺ มลู กิ า ถือการอยูโคนไมเปนวตั ร คอื ปฏิเสธที่มงุ บงัสมาทานรุกขมลู กิ งั คธดุ งค. บทวา อพฺโภกาสกิ า ถืออยูก ลางแจง เปน วตั รคือ ปฏิเสธที่มุงบงั และโคนไมแ ลว สมาทานอพั โภกาสิกงั คธุดงค. บทวา อฏ -มาเส ตลอด ๘ เดือน คอื ตลอดเดือนในฤดเู หมันตแ ละคิมหันต. แตใ นภายในฤดฝู นเขา ไปสทู ี่มุงบงั เพื่อรกั ษาจีวร. ดว ยเหตุเพียงเทา นไี้ มค วรกลาววาพระ-ศาสดาไมทรงสันโดษดว ยเสนาสนสันโดษ. แตพ ึงแสดงเสนาสนสนั โดษของพระองค ดว ยมหาปธานตลอด ๖ ป และดว ยปารไิ ลยกไพรสนฑ แตในทีน่ ้ีพระองคทรงแสดงความนี้ไววา เราไมเขาไปสูทม่ี งุ บงั ในกาลหนงึ่ เทานน้ั . แตสาวกของเราไมทําลายธดุ งคต ลอดชีวติ ตง้ั แตส มาทานธุดงค. บทวา อารฺิกา ถอื การอยูปา เปนวตั ร คอื ปฏเิ สธเสนาสนะทา ยบา นแลวสมาทานอารญั ญิกังคธุงค. บทวา สงฆฺ มชฺเฌ โอสรนฺติ ยอ มประชุมในทามกลางสงฆ ทา นกลาวถงึ ใน อพทั ธสมี า (สมี าท่ยี งั มไิ ดผกู ).แต สาวกผูอ ยูใ นพทั ธสีมา ยอ มทําอุโบสถในทอ่ี ยูของตน. ดว ยเหตเุ พยี งเทานี้ ไมค วรกลาววา พระศาสดา ไมท รงสงัด เพราะความสงัดยอ มปรากฏแกพระองคอ ยา งนีว้ า ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เราปรารถนาเพ่ือหลีกเรน อยูต ลอด ๘เดือน. แตในท่นี ้พี ระองคทรงแสดงความนไ้ี ววา เราหลกี เรน อยใู นกาลเหน็
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 583ปานน้ัน ครง้ั หนึง่ ๆ. แตส าวกของเราไมทาํ ลายธดุ งค ตลอดชวี ิตตง้ั แตสมาทานธุดงค. บทวา มม สาวิกา คือ สาวกทั้งหลายของเรา. บทวาสนิทาน มีเหตุ คือ มีปจจัย. ก็พระศาสดาไมท รงแสดงถึงนพิ พานอนั ไมมีปจ จัยหรือ. ไมแสดงหามิได. แตทรงแสดงทําเทศนานั้นใหม เี หต.ุ บทวาโน อเหตกฺ มิใชแ สดงธรรมไมม เี หตุ. บทวา สปฺปาฏหิ าริย ทรงแสดงธรรมมีความอัศจรรยน เี้ ปนไวพจนข องบทกอน. อธบิ ายวา มเี หตุ. วต ในบทวา ต วต เปนเพยี งนิบาต. บทวา อนาคตวาทปถ คลองแหงวาทะในอนาคต คอื คลองแหงวาทะอนั ตง้ั อยูในวันน้แี ลว มาเบ้ืองบนแหง ปญหานั้น ๆ ในวนั พรงุ น้ี มะรนื น้ี ก่งึ เดือน หรือปห น่ึง. บทวา น ทกขฺ ติ ยอมไมเห็นคอื ไมเหน็ โดยอาการท่สี ัจจกนิครนถ ยงั เหตทุ ตี่ นมาเพอื่ จะขมขีใ่ หวิเศษ เมอื่จะกลา วจึงไดเ ห็น เพราะเหตนุ ั้น ขอนั้นมใิ ชฐ านะจะมไี ด. บทวา สหธมเฺ มนเปน ไปกับดว ยธรรม คือ มีเหต.ุ บทวา อนฺตรนฺตรา กถ โอปาเตยยฺ ุจะพงึ คัดคา น ๆ ใหตกไปในระหวาง ๆ ความวา ตัดการสนทนาของเราแลวสอดการสนทนาของตนเขา ไปในระหวาง ๆ. บทวา น โข ปนาห อทุ ายิความวา ดูกอนอุทายี เราไมห วงั คําสอนในสาวกทั้งหลายนวี้ า เมอื่ การสนทนาครั้งย่ิงใหญก บั อมั พัฏฐะ โสณทณั ฑะ กฎู ฑณั ฑะ และสัจจกนิครนถเปน ตน แมยงั ดาํ เนนิ อยู ถาการใชส าวกของเรารปู หนงึ่ ควรชกั อปุ มา หรอืเหตมุ ากลา ว. บทวา มมเยว คอื ในฐานะอยา งนี้ สาวกท้งั หลายก็มไิ ดหวงัโอวาทอนั เปนคําสอนของเรา. บทวา เตสาห จิตตฺ อาราเธมิ เรายังจิตของสาวกเหลา นัน้ ใหย ินดี คือ เราจะถอื เอาจติ ของสาวกเหลาน้ันใหถ งึ พรอ มใหบริบูรณด ว ยการพยากรณ ปญ หาของพระอรหนั ต. ถามอยา งหน่งึ พยากรณอยางหน่งึ เหมอื นถามมะมวง พยากรณ ขนนุ สํามะลอ. ถามขนุนสํามะลอ
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 584พยากรณม ะมวงฉะนั้น. อน่ึง ในบทนี้ ทา นกลา วถงึ ศีลของพระพุทธเจา ในที่ทกี่ ลาวไวแลว วา อธิสเี ล สมฺภาเวนตฺ ิ ใหส รรเสรญิ ในเพราะอธศิ ลี . ทานกลาวถงึ สพั พญั ุตญาณในทที่ ีก่ ลาวไวแลว วา อภกิ กฺ นฺเต าณทสสฺ เนสมฺภาเวนติ ใหส รรเสริญในเพราะญาณทศั นะอนั งาม. ทา นกลา วถึงปญ หาอนั ใหเ กิดฐานะในที่ทีท่ านกลาวไวว า อธิปฺ าย สมฺภาเวนตฺ ิ ใหสรรเสรญิ ในเพราะอธปิ ญ ญา. ทานกลา วถึงปญหาพยากรณสจั จะในทีท่ ่ีกลาวไววา เยน ทุกเฺ ขน ดว ยทุกขใด ปญหาทเ่ี หลอื เวนสพั พญั ตุ ญาณ และปญหาพยากรณส จั จะ ยอมเปนอธปิ ญ ญา. บัดน้ีพระผมู ีพระภาคเจา เม่อื จะทรงบอกปฏปิ ทา ของสาวกเหลา นน้ั ๆผบู รรลถุ ึง จงึ ตรัสวา ปนุ จ ปร อุทายิ ดกู อนอุทายี ขอ อนื่ ยังมอี ยูอกีเปนอาทิ. ในบทเหลานนั้ บทวา อภิฺ าโวสานปารมปิ ฺปตตฺ สาวกของเราเปน อนั มากไดบ รรลุบารมอี นั เปนทีส่ ดุ แหง อภิญญา คือ บรรลุอรหัตอันเปนทีส่ ดุ แหง อภญิ ญา และอันเปนบารมมี ีแหง อภญิ ญา. บทวา สมฺมปฺปธาเนสมั มัปปธาน ๔ คือ ความเพยี รอันเปน อุบาย. บทวา ฉนทฺ ชเนติ ยังความพอใจใหเกดิ คือ ยังความพอใจในกุศลอันเปน กตั ตกุ ามยตาฉันทะใหเกิด.บทวา วายมติ คอื ทาํ ความพยายาม. บทวา วีรยิ อารภติ คือ ปรารภความเพียร ไดแ ก ยงั ความเพยี รใหเปนไป. บทุ วา จิตตฺ ปคฺคณหฺ ติ ยอมประคองจิต คอื ยกจิตขึ้น. บทวา ปทหติ ยอ มตงั้ คือ ทาํ ความเพยี รดว ยอบุ าย. บทวา ภาวนาย ปาริปูริยา คือ เพือ่ ความเจรญิ เพือ่ ความสมบรู ณ. อีกอยางหน่ึงในบทน้ี พงึ ทราบวาความตัง้ มั่นใด นนั้ เปนความไมหลง ความไพบูลยใ ด นน้ั เปน ความเจรญิ และความสมบูรณ. บทกอ นเปนอธบิ ายของบทหลังดว ยประการฉะน้ันแล.
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 585 อน่ึง บุพภาคปฏปิ ทา ของพระสาวก ทานกลา วไว ดว ยปริยายแหงกสั สปสงั ยุตทีพ่ ระมหากสั สปเถระกลา วไวดวยเรอื่ งสันมัปปธาน ๔ เหลานแี้ ลวสมจรงิ ดงั คําท่ีทา นกลา วไวในกัสสปสงั ยตุ นน้ั วา ดกู อนอาวโุ ส สัมมปั ปธานของเรามี ๔ สัมมปั ปธาน ๔ เปน ไฉนดูกอ นอาวุโส ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ยั นี้ ทําความเพียรเครือ่ งเผากเิ ลส โดยคดิ วาอกศุ ลธรรมอันลามกท่ียงั ไมเกดิ ข้นึ แกเ รา เมอื่ เกิดข้นึ จะพงึ เปน ไปเพื่อความเสยี ประโยชน ทําความเพยี รเครอ่ื งเผากิเลส โดยคดิ วา อกศุ ลธรรมอันลามกที่เกดิ ขน้ึ แลวแกเ รา เมื่อเรายงั ละไมได จะพงึ เปน ไปเพ่อื ความเสียประโยชนทาํ ความเพียรเครือ่ งเผากิเลส โดยคดิ วา กศุ ลธรรมท่ยี งั ไมเกดิ ขึ้นแกเ รา เม่ือไมเกิดข้นึ จะพึงเปน ไปเพื่อความเสยี ประโยชน ทําความเพียรเคร่อื งเผากิเลสโดยคิดวา กุศลธรรมท่เี กิดข้ึนแลว แกเรา เม่อื ดับ จะพงึ เปน ไปเพ่อื ความเสียประโยชน.๑ อน่ึง ในบทนพ้ี งึ ทราบวา อกุศลอันลามกไดแ กโลภะเปนตน. บทวาอนปุ ฺปนฺนา กสุ ลา ธมฺมา กศุ ลธรรมที่ยงั ไมเกิด ไดแ ก สมถวปิ สสนาและมรรคเทาน้ัน. สมถวิปสสนาชือ่ วากศุ ลที่เกดิ ขึน้ แลว . สวนมรรคเกิดข้ึนครง้ั เดยี วแลว ดับไป ไมช ่อื วาเปนไปเพ่อื ความพนิ าศ. เพราะมรรคนั้น ใหป จจัยแกผ ลแลวจึงดับ. หรอื แมใ นบทกอนทา นกลา ววา พงึ ถอื เอาสมถะและวิปสสนา แตข อ นั้นไมถกู . สมถะและวิปส สนาเกิดขนึ้ แลว ในกุศลธรรมนัน้ เม่อื ดบั ไปยอ มเปนไปเพอ่ื ความพนิ าศ. เพื่อความแจม แจงของเน้ือความ จะนําเรื่องมาเลาดงั ตอ ไปนี้ . ไดยินวา พระเถระผูเปนขีณาสพรูปหนึ่ง คดิ วาเราจกั ไหวพระมหาเจดยี และพระมหาโพธิ จงึ มายงั มหาวหิ ารจากชนบทกบั สามเณรผถู ือภณั ฑะผูไ ดสมาบัติ แลวเขาไปยงั บรเิ วณวิหารในตอนเย็น เม่ือภกิ ษุสงฆหมใู หญไหวพระเจดียอย.ู ไมอ อกไปเพ่ือไหวพระเจดยี . เพราะเหตไุ ร. เพราะพระขีณาสพ๑. สงั . นิ. ๑๖/ขอ ๔๖๓.
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 586มีความเคารพอยางมากในพระรัตนตรยั . ฉะนน้ั เมอ่ื ภกิ ษุสงฆไหวก ลบั ไปแลวในเวลาที่พวกมนษุ ยบรโิ ภคอาหารในตอนเยน็ แมสามเณรกไ็ มใ หร ู คดิ วาเราจักไหวพระเจดยี จึงออกไปรปู เดียวเทานน้ั . สามเณรคดิ วา พระเถระไปรปู เดยี วในมใิ ชเ วลา เราจกั รู จึงออกตามรอยเทาพระอุปชฌายไ ป. พระเถระไมร วู า สามเณรมา เพราะไมไ ดน กึ ถึงจึงขึ้นสลู านพระเจดยี ท างประตทู ิศใต. สามเณรก็ขึน้ ตามรอยเทาไป. พระมหาเถระแลดูพระมหาเจดยี ยึดปต ใิ นพระพทุ ธเจาเปนอารมณสาํ รวมใจท้งั หมด ช่นื ชมยนิ ดไี หวพ ระเจดีย สามเณรเหน็ อาการไหวข องพระเถระจงึ คิดวา พระอุปชฌายข องเรามีจติ เลื่อมใสอยา งย่ิง ไหวพระเจดยี ไดด อกไมแลว พึงทาํ การบูชาหรอื หนอ. เม่ือพระเถระลุกข้ึนไหว ยกอญั ชลเี หนือศีรษะยนื แลดู พระมหาเจดยี . สามเณรกระแอมใหพระเถระรูว า ตนมา. พระเถระเหลียวดแู ลว ถามวา เธอมาเมอ่ื ไร. สามเณรตอบวา ทา นขอรับในเวลาทา นไหวพ ระเจดีย ทา นเลอ่ื มใสเหลือเกนิ จึงไหวพ ระเจดยี . ทานไดดอกไมแลว พงึบูชาหรอื . พระเถระตอบวาถูกแลว สามเณร ชอื่ วา การฝงพระธาตปุ ระมาณเทา น้ี นอกจากในพระเจดียน้แี ลว ยอ มไมม ี. ใครไดด อกไมแ ลวจะไมพ งึ บชู ามหาสถูปอันไมมีเหมอื นเชน นี้ไดเ ลา . สามเณรกลาววา ทา นขอรบั ถา เชน นั้นขอทา นจงรอกอ น ผมจักนาํ ดอกไมม า. ทนั ใดน้นั เอง สามเณรกเ็ ขา ฌานไปปาหิมพานตด ว ยฤทธ์ิ เก็บดอกไมสมบรู ณด วยสแี ละกล่ินใสในธมกรกจนเต็มเมื่อพระมหาเถระยังไมถ ึงมขุ หลัง จากมขุ ใต. สามเณรมาวางผาธมกรกหอดอกไมไ วท่ีมือแลวกลาววา ขอทา นจงบูชาเถิดขอรับ. พระเถระกลา ววา สามเณรดอกไมของเธอยังนอ ยนกั . สามเณรกลา ววา ทานขอรบั ขอทานจงไป ระลึกถึงคณุ ของพระผมู พี ระภาคเจา แลวบชู าเถดิ . พระเถระข้ึนบันไดอาศัยมขุ หลงัเร่ิมทาํ การบูชาดว ยดอกไม ณ ชนั้ แทนบชู า. ชัน้ แทนบูชาเตม็ ไปหมด. ดอกไมตกลงไปเตม็ ในชั้นท่ี ๒ โดยพน้ื ท่ีประมาณเขา. พระเถระลงจากช้ันท่ี ๒ ยงัแถวหลังเทา ใหเต็ม. แมแ ถวหลงั เทา น้นั ก็เตม็ . พระเถระรวู าเต็มจึงเกลี่ย ท่ี
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 587พ้นื ลา งกลับไป. ลานพระเจดยี มดี อกไมเ ตม็ ไปหมด. เมอื่ ลานพระเจดยี เ ตม็พระเถระกลา ววา สามเณร ดอกไมย งั ไมห มด. สามเณรตอบวา ทา นขอรับทานจงควา่ํ ธมกรกลงเถดิ . พระเถระควาํ่ ธมกรกแลวเขยา. ในกาลนั้นดอกไมก ห็ มด. พระเถระใหธ มกรกแกสามเณรแลว ทําประทักษิณพระเจดียมกี ําแพงสงู ๖๐ ศอก ๓ ครั้ง ไหวใ นท่ที ้ัง ๔ แหงแลว กลับไปยังบรเิ วณคิดวาสามเณรน้มี ีฤทธิม์ ากแท จกั สามารถรกั ษาอิทธานุภาพนี้ไวไ ดห รือหนอ. แตนน้ัพระเถระเหน็ วา จกั ไมสามารถรักษาไวได จึงกลา วกะสามเณรวา สามเณรบัดนีเ้ ธอมฤี ทธ์มิ าก ในภายหลงั ครั้นฤทธเิ์ ส่อื ม จักดืม่ นาํ้ ซาวขา วดว ยมอื ของหญงิ ทอหูกตาบอดชา งเดยี ว. นี้ชือ่ วาโทษของความเปนหนมุ สามเณรนัน้ หว่ันใจในถอยคาํ ของพระอุปชฌาย (แต) ไมขอรอ งวา ทา นขอรับ ขอทานจงบอกกรรมฐานแกผมเถดิ . สามเณรคิดวา พระอุปชฌาย ของพวกเราพูดอะไรทาํ เหมือนไมไ ดย ินคํานัน้ ไดไปแลว .พระเถระครัน้ ไหวพ ระมหาเจดีย และพระ-มหาโพธิ แลว จงึ ใหส ามเณรรับบาตรและจวี รไปยังกเุ ฏฬติ ิสสมหาวิหาร สามเณรเดินตามพระอปุ ช ฌายไ ป ไมไปบณิ ฑบาต. แตถ ามวา ทา นขอรบั ทา นจกั เขา ไปบานไหน ครั้นรวู า บดั นพี้ ระอุปชฌายของเราจักไปถึงประตูบาน จงึถอื บาตรและจีวรของตนและของพระอุปชฌาย แลว เหาะไป ถวายบาตรและจีวรแกพ ระเถระแลว จงึ เขา ไปบณิ ฑบาต. พระเถระสงั่ สอนตลอดเวลาวา สามเณร เธออยา ไดท ําอยา งน้นั ชื่อวา ฤทธขิ์ องปุถชุ น งอ นแงน ไมแนนอนครั้นไดอารมณม รี ูปเปน ตนไมเ ปน ที่สบายเพียงเลก็ นอยเทานัน้ ก็ทําลาย. เมอ่ื การเส่ือมจากสมาบตั มิ ีอยกู ารอยูประพฤติพรหมจรรย ก็ไมสามารถคา้ํ จุนไวได. สามเณรไมป รารถนาจะฟงวา พระ-อปุ ช ฌายของเรากลา วอะไร ยงั ทาํ เหมอื นเดมิ . พระเถระไหวพ ระเจดียไปโดยลาํ ดับแลวจึงไปยงั กมั พพินทวหิ าร. แมเมอ่ื พระเถระอยู ณ วหิ ารน้ัน สาม-เณรกย็ งั ทําอยอู ยางนนั้ .
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 588 อยมู าวนั หน่ึง ธดิ าของชา งทอหกู คนหน่ึงรปู งาม ยังอยใู นปฐมวยัออกจากบานกัมพพินทะ ลงไปยงั สระบวั รอ งเพลงเก็บดอกบวั . ในสมัยนน้ัสามเณรไปถึงทา ยสระติดใจเสยี งรอ งเพลงของหญิงนัน้ ดจุ คนขายปลาตาบอดตดิ ใจเสยี งของหญิงย่วั ยวนฉะนั้น. ทนั ใดนน้ั เอง ฤทธขิ์ องสามเณรนัน้ กเ็ สื่อม ไดเปนดุจกาปก หัก. แตด ว ยผลของสมาบตั ทิ ย่ี งั มอี ยู สามเณรไมต กไปท่หี ลังนํ้านนั้ตกลงเหมือนปุยดอกงว้ิ โดยลาํ ดบั ไดยนื อยแู ลว ใกลฝง สระปทมุ . สามเณรรีบไปถวายบาตรและจีวรแกพ ระอุปช ฌายแ ลวกลบั . พระมหาเถระคดิ วา เราเหน็ เหตุการณม ากอนแลว แมห า มสามเณรกค็ งไมกลับ จึงไมพ ูดอะไร ๆ เขา ไปบณิ ฑบาต. สามเณรไปยืนท่ฝี งสระบวั รอหญิงนน้ั ขนึ้ . แมห ญิงนั้นก็เหมอื นสามเณรท้งั ขณะเหาะและขณะมายืนอยรู วู า สามเณรนก้ี ระสนั เพราะอาศัยเราเปนแนจงึ กลา ววา หลีกไปเถิด สามเณร. สามเณรนนั้ จึงหลีกไป. หญิงนัน้ ขึ้นมานุงผา แลว เขาไปหาสามเณรถามวา สามเณร ตอ งการอะไรหรอื . สามเณรบอกความน้ัน. นางจึงแสดงถงึ โทษในการครองเรอื นดว ยเหตหุ ลายอยางและอานิสงสในการอยูประพฤตพิ รหมจรรย แมสอนอยูก็ไมสามารถบรรเทาความกระสนั ของสามเณรน้ันได คดิ วา สามเณรน้เี ส่อื มฤทธิ์เห็นปานนเ้ี พราะเราเปนเหตุ บัดนไ้ี มควรจะเสียสละจึงกลาววา สามเณร ทานจงรออยูที่น่เี ถดิ แลวไปเรอื น บอกเร่ืองน้นั แกม ารดาบิดา. แมมารดาบิดาก็มาแลว สอนหลายอยาง ไดกลาวกะสามเณรผไู มเ ช่อื ฟงวา ทานอยาเขา ใจพวกเราวามตี ระกูลสงู . พวกเราเปน เพยี งชา งทอหูกสามารถทําไดเ พยี งงานทอหกู เทานั้น. สามเณรกลา ววา อุบาสก ธรรมดาคนท่ีเปนคฤหสั ถควรทาํ งานทอหกู หรอื ควรทาํ งานสานกระจาดก็ได. ประโยชนอ ะไรดว ยเพียงผาสาฎกนี้ ทา นจงทํางานไปเถดิ . ชางหกู ใหผาสาฎกท่ีผูกทอ งแลว นําไปเรอื น
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 589ยกลกู สาวให. นายหนมุ ผนู ้ัน (สึกจากสามเณรแลว) เรยี นการงานของชา งหกูทําการงานทีโ่ รงกบั พวกชางหกู . บรรดาหญิงของชา งหกู เหลาอน่ื ไดเตรยี มอาหารนาํ มาแตเชาตรู. ภรรยาของนายหนมุ นั้นยงั ไมมา. นายหนมุ นนั้ เมื่อคนอื่นพักงานบริโภคอาหาร ยงั นงั่ กรอหลอดดายอย.ู ภรรยาไดไปภายหลงั . นายหนมุนน้ั จงึ พดู ตะคอกภรรยาวา เธอนี่มาชาเหลอื เกิน. ธรรมดามาตุคามรวู า แมพระเจาจักรพรรดิ ซ่งึ มจี ติ ผกู พันในตน ยงั นึกวา ตนเปน ดุจทาส. เพราะฉะน้ันนางจงึ กลา ววา ในเรือนของานอ่นื เขาสะสมฟนใบไมแ ละเกลือไว. แมคนทอ-หกู ทเี่ ปน ทาสนําออกจากภายนอกกย็ งั มี. แตฉ นั เปน หญงิ ตวั คนเดยี วเทาน้นั . แมทา นก็ยงั ไมรูวา ในเรือนของเรา สงิ่ นม้ี ี สงิ่ นี้ไมมี. หากทานตอ งการกจ็ งบริโภคเถิด. หากไมต อ งการก็อยาบริโภค. นายหนมุ นั้นพดู ตะคอกวา เธอไมเพยี งนาํ อาหารมาสายเทานนั้ ยังกระทบกระเทยี บเราดวยคาํ พดู อกี แลว โกรธ เมอื่ ไมเหน็ เครอ่ื งทํารา ยอน่ื จงึ ดงึ ไมก ระสวยทอผานัน้ เอาหลอดดา ยออกจากกระสวยแลวขวา งไป ภรรยาเหน็ ไมก ระสวยแลน มาจงึ หลบหนอ ยหน่งึ กป็ ลายไมกระสวยคม. เม่อื นางหลบ ปลายไมกระสวยจึงเขา ไปทหี่ างตาคาอยู. นางรีบเอามอื ทั้งสองกมุ นยั นตา. เลือดไหลออกทที่ ถี่ ูกเจาะ. นายหนุมน้นั ระลึกถึงคาํ ของพระอปุ ชฌายไดใ นเวลานั้นวา พระอุปช ฌายคงหมายถงึ เหตนุ ีจ้ ึงกลาวกะเราวาในอนาคตเธอจักตองดม่ื นํ้าขา วที่ขยาํ ดวยมือของหญิงทอหูกตาบอดขางเดยี ว.พระเถระคงจกั เห็นเหตุนี้เปนแน. จงึ เรม่ิ รองไหดวยเสยี งดังวา โอ พระคุณ-เจา ผเู หน็ กาลไกล. พวกชา งหกู อื่น ๆ ไดกลาวกะนายหนมุ นั้นวา พอทีเถดิพอ คุณ อยารอ งไหไ ปเลย. ธรรมดานัยนต าท่ีแตกแลวไมสามารถทําใหเ หมอื นเดมิ ได ดวยการรองไหด อก. นายหนุมนั้นกลาววา เรามิไดร อ งไหถงึ เร่ืองนนั้ดอก แตเรารองไหห มายถึงเหตนุ ้ี ดังน้ีแลวจึงบอกเร่ืองทั้งหมดตามลาํ ดับ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 590 สมถะและวิปส สนาเกิดข้ึนแลวอยา งนี้ เมื่อดับยอ มเปน ไปเพอ่ื ความเสียประโยชน. ยงั มีเร่อื งอนื่ อีก. ภิกษปุ ระมาณ ๓๐ รปู ไหวพระกลั ยาณิมหาเจดยี แลวหยงั่ ลงสูทางใหญตามทางดงไดเหน็ มนษุ ยค นหน่งึ ทํากรรมในเขตไฟไหมใ นระหวางทางเดินมา.รางกายของมนษุ ยผนู น้ั ไดเปนดุจเปอ นดวยเขมา. แลดผู าสาฎกผนื หน่ึงเปอ นดว ยเขมานงุ หนบี รักแร ปรากฏดจุ ตอไมถกู ไฟไหม. มนุษยผ นู ัน้ ทําการงานในตอนกลางวนั ขนกองไมท ่ถี กู ไฟไหมครึง่ หน่ึงออกมผี มรงุ รังท่ีหลงั มาผิดทางไดยืนอยูเฉพาะหนาภิกษทุ ัง้ หลาย. พวกสามเณรเหน็ จึงมองดูกนั และกันแลว หวั เราะกลาววา อาวุโส บิดาของทาน ลุงของทาน อาของทาน แลว จงึ ถามช่อื วา อุบาสกทานชอ่ื ไร. ชายผูน้ันถกู ถามถงึ ชือ่ ก่ีเดือดรอ น ทิ้งกองฟน จัดแจงนุงผา ไหวพระมหาเถระแลวจงึ กลาววา พระคุณเจา ท้งั หลาย โปรดหยดุ กอ นเถิด. พระมหาเถระท้ังหลายไดยืนอยู. พวกสามเณรมาแลว ทาํ การเยยหยนั แมต อ หนาพระมหาเถระท้งั หลาย.อบุ าสกกลาววา พระคุณเจาท้งั หลายเหน็ ผมแลว หัวเราะเยาะ พระคุณเจาอยาเขาใจวา พวกเราไดบรรลถุ ึงทสี่ ุดดว ยเหตเุ พียงเทานี้. แมผ มเม่ือกอนกเ็ ปนสมณะเชน เดียวกับพวกทา น แตพ วกทานมไิ ดมีแมเพยี งจิตมอี ารมณเดยี ว ผมไดเปน ผมู ีฤทธม์ิ ากมอี านุภาพมากในศาสนาน้ี. ผมถืออากาศแลว ทาํ ใหเปน แผนดนิ ได. ถอื แผนดินแลวทาํ ใหเปนอากาศได. ทําทีไ่ กลไหใ กลได. ทาํ ทใี่ กลใ หไกลได. ผมทะลุไปแสนจักรวาลไดโดยขณะเดยี ว. พวกทานจงดูมือของผมซิบดั นเี้ ชนกับมอื ลิง. ผมนั่ง ณ ทน่ี ลี้ บู คลําพระจนั ทรพระอาทติ ยดวยมือทง้ั สองเหลา นไี้ ด. ผมทาํ พระจันทรและพระอาทติ ยใ หเปนแทนรองนง่ั ลางเทาเหลานี้แล.ฤทธ์ขิ องผมเหน็ ปานน้ไี ดส ้นิ ไปเพราะความประมาท. พวกทา นอยา ไดป ระมาท
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 591เลย. เพราะชนทงั้ หลายถงึ ความพนิ าศเหน็ ปานน้ี ดว ยความประมาท. ผไู มประมาท ยอมทาํ ทสี่ ุดแหง ชาติชราและมรณะได. เพราะฉะนนั้ ทา นท้งั หลายทาํผมนแ้ี หละใหเปน อารมณ แลว พูดเตอื นวา พระคณุ เจา ทั้งหลาย จงอยา ประมาทเลยแลว ใหโอวาท เมอื่ ชายผนู ั้นกลาวอยนู ัน่ เอง ภิกษุ ๓๐ รปู เหลา น้นั ถงึความสลดใจนี้ เหน็ แจง อยู ไดบ รรลุพระอรหตั ณ ท่นี น้ั เองดวยประการฉะน้.ี สมถวิปส สนาทเ่ี กิดข้ึนแลวแมอ ยา งนี้ เมือ่ ดับไปพึงทราบวา ยอมเปนไปเพือ่ ความพินาศ. อนงึ่ ไมบ ทวา อนุปฺปนนฺ าน ปาปกาน ความลามกยังไมเ กดิ นี้พงึ ทราบโดยนัยดงั กลา วแลวในบทมอี าทวิ า อนุปปฺ นโฺ น วา กามาสโว นอุปฺปชชฺ ติ กามาสวะยังไมเ กดิ ยอมไมเกิด. อนึ่งในบทวา อปุ ปฺ นนฺ าน ปาปกาน ความลามกเกดิ ขนึ้ แลวนี้ มีความดงั ตอไปน.้ี ความลามกเกิดข้ึน ๔ อยา ง คอื เกิดขนึ้ ในปจจบุ นั ๑ เกดิขน้ึ เพราะเสวยผลแลว ปราศไป ๑ เกดิ ขึน้ เพราะทําโอกาส ๑ เกดิ ข้นึ เพราะไดภ มู ิ ๑. ใน ๔ อยา งน้ัน กิเลสเหลา ใดมีอยูพ รอมที่จะเกดิ เปน ตน นช้ี ื่อวาเกดิ ในปจ จุบัน. อนึ่ง เม่ือกรรมยงั แลนไปเสวยรสแหงอารมณแลวดบั ไปชอื่ วาเสวยผลแลว ปราศไป. กรรมเกดิ ข้นึ แลวดับ ชื่อวา เสวยผลแลวปราศไป.แมทั้งสองอยางนน้ั ก็ชื่อวา เกดิ ขนึ้ เพราะเสวยผลแลวปราศไป. กุศลกรรมและอกศุ กรรมหามวิบากของกรรมอืน่ แลว ทําโอกาสแหง วบิ ากของตน. เม่อื ทําโอกาสอยา งนี้ วิบากเมอ่ื เกิดขึ้น ยอ มชอ่ื วา เกิดขึน้ แลว ต้ังแตทาํ โอกาส. น้ีชื่อวา เกิดขึน้ เพราะทําโอกาส. อนึ่งขนั ธ ๕ ชื่อวา เปน ภูมิแหงวิปส สนา.ขนั ธ ๕ เหลานน้ั ยอมมปี ระเภทเปน อดตี เปนตน. กิเลสท่ีนอนเน่อื งอยูในขันธ ๕ เหลาน้ัน ไมค วรกลาววา เปนอดตี อนาคตหรือปจจบุ ัน. เพราะ
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 592แมกเิ ลสทน่ี อนเนอ่ื งอยใู นขันธที่เปนอดตี ก็ยงั เปนอันละไมไ ด. แมกิเลสทนี่ อนเนื่องในขนั ธเปนอนาคต ในขนั ธเ ปนปจจุบัน กเ็ ปนอนั ยังละไมไดแท. นชี้ ่อื วาเกดิ ข้ึนเพราะไดภูม.ิ ดวยเหตุน้นั ทา นโบราณาจารยจึงกลาววา กเิ ลสทีย่ ังถอนไมข ้นึ ในภูมเิ หลาน้ัน ๆ ยอ มชอื่ วา เกิดข้ึนเพราะไดภ ูม.ิ กรรมลามกเกิดข้นึ ๔ อยา ง อยา งอ่นื อกี คอื เกิดข้นึ เพราะความประพฤติ ๑ เกดิ ข้นึ เพราะยึดถอื อารมณ ๑ เกิดขนึ้ เพราะไมข ม ๑ เกดิ ข้นึเพราะไมถ อน ๑. ใน ๔ อยางนั้นกรรมท่ียงั เปน ไปอยไู มชอ่ื วา เกิดขึ้นเพราะความประพฤต.ิ เมอ่ื ลืมตาขึน้ คราวเดยี วแลว ยึดนิมติ เปน อารมณ กิเลสท้ังหลายในขณะทร่ี ะลึกถงึ ๆ ไมค วรกลา ววา จักไมเ กิดขึ้น. เพราะเหตุไร. เพราะยงั ยึดถืออารมณอ ย.ู เหมือนอะไร. เหมอื นนํา้ นมแหง ตนนํา้ นมที่ถูกขวานฟนแลวเขาไมค วรกลาววา นาํ้ นมจกั ไมออก ฉนั ใด. น้ีกฉ็ นั น้นั ชือ่ วาเกิดขน้ึ เพราะยดึ ถอื อารมณ. กิเลสทงั้ หลายท่ีมิไดขมไวด วยสมาบัติ ไมควรกลาววา จักไมเกิดในฐานะนี้. เพราะเหตไุ ร. เพราะยังขมไวไ มได. เหมือนอะไร เหมอื นหากวา ชนทั้งหลายพงึ นาํ ตมนาํ้ นมมาดวยขวาน ไมควรกลา ววา น้าํ นมไมพงึออกในท่นี ้ี ฉนั ใด. น้กี ฉ็ ันนน้ั ชื่อวา เกดิ ข้นึ เพราะไมขมไว. อนงึ่ กเิ ลสทง้ั หลายที่ยังถอนออกไมไดดวยมรรค ยอมเกดิ ขึน้ แมแ กผูเกดิ ในภวัคคพรหมพึงใหพิสดารโดยนยั ดังกลา วแลวดว ยประการฉะนีแ้ ล. นี้ชื่อวา เกดิ ขึ้นเพราะยงั ถอนไมไ ด. ในกรรมลามกทเ่ี กิดขึ้นเหลาน้ี กรรมเกดิ ขน้ึ ๔ อยา งคือ เกดิ ขน้ึ ในปจ จุบนั ๑ เกิดขน้ึ เพราะเสวยผลแลว ปราศไป ๑ เกดิ ข้ึนเพราะทาํ โอกาส ๑เกิดขึน้ เพราะความพระพฤติ ๑ ไมถ ูกทาํ ลายดว ยมรรค. กรรมลามก ๔ อยางคือ. กรรมเกดิ ข้ึนเพราะไดภูมิ ๑. เกิดขึน้ เพราะยดึ ถอื อารมณ ๑ เกดิ ขึน้ เพราะ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 593ขมไวไ มไ ด ๑ เกิดขน้ึ เพราะถอนไมได ๑ ถูกทาํ ลายดวยมรรค. เพราะมรรคเมือ่ เกิดยอมละกิเลสเหลานี้ได. มรรคนนั้ ยอ มละกิเลสเหลาใดได กิเลสเหลาน้ันไมควรกลาววา เปนอดีตอนาคตหรอื ปจ จุบนั . สมดงั ที่ทา นกลาวไวว า กถ็ า วามรรคยอมละกิเลสอนั เปนอดตี ไดไ ซร ถาเชนนั้นยอ มทาํ กิเลสที่สิน้ ไปแลวใหสิน้ ไปได ยอ มทํากิเลสท่ีดบั แลว ใหด บั ไป ที่ปราศไปแลว ใหปราศไป ทตี่ ั้งอยูไมไดใ หตงั้ อยูไ มได กเิ ลสเปน อดีตใดไมมี ยอ มละกเิ ลสทเ่ี ปน อดตี นั้นได.กถ็ าวามรรคนน้ั ยอ มละกเิ ลสในอนาคตไดไซร. ถาเชน น้ัน มรรคก็ยอมละกิเลสที่ยงั ไมเ กิดได ยอมละกิเลสท่ยี ังไมบ ังเกิดไมเ กิดคือไมป รากฏได, กเิ ลสทีเ่ ปนอนาคตใดไมมี ยอมละกเิ ลสนัน้ ได. กถ็ า วา มรรคนน้ั ยอมละกเิ ลสอนั เปนปจจุ-บนั ไดไซร ถา เชนนัน้ ผถู กู ยอ มดวยราคะ ยอ มละราคะได ถูกโทสะประทษุ -รา ย ยอ มละโทสะได ลมุ หลงดว ยโมหะยอ มละโมหะได กระดา งดวยมานะ ยอ มละมานะได ผถู กู ตอ งดว ยทฏิ ฐิ ยอมละทฏิ ฐิได ฟุงซานดวยอุทธัจจะ ยอมละอุทธัจจะได ถึงความไมตกลงใจดวยวิจิกิจฉา ยอ มละวจิ ิกจิ ฉาได ผูดําเนนิ ไปดว ยกาํ ลังอนุสยั ยอ มละอนุสัยได. ธรรมคําธรรมขาวยอมเปน ไปคูกนั มรรคภาวนายอ มเศรา หมอง ถา เชน นั้นมรรคภาวนายอมไมมี การทําใหแจง ผลก็ไมมี การละกิเลสก็ไมมี ธรรมาภสิ มยั กไ็ มมี กระนน้ั หรอื . มรรคภาวนามี ฯลฯ ธรรมาภสิ มยั มี. เหมอื นอยา งอะไร. เหมือนตนไมออ น ฯลฯ ส่งิ ทีไ่ มปรากฏ ยอ มไมปรากฏ. ตนไมยังไมเกิดผลมาแลว ในบาลี.แตพ ึงแสดงโดยตน ไมทีเ่ กดิ ผล. เหมือนตนมะมว งออ นมีผล. พวกมนุษยบรโิ ภคผลของตนมะมวงออ นนั้น. ทาํ ผลทเ่ี หลือใหหลนแลวใสตะกราจนเตม็คราวนน้ั บรุ ษุ อน่ื เอาขวานตดั ตนมะมวงนั้น. ผลของมะมว งนนั้ ในอดตี ยังไมส ญู ไป. ผลอนาคตปจ จุบนั กไ็ มส ญู เปน อนั ไมสญู ท้ังน้ัน. เพราะมนษุ ยทง้ั หลายบรโิ ภคผลในอดตี . ผลในอนาคตยงั ไมเ กิด จึงไมอาจทําใหส ญู เสียได.
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 594แตส มยั ใดตน มะมว งนั้นถกู ตัด ในตอนนัน้ ผลนนั่ แหละยอมไมม ี เพราะเหตุน้นัแมผ ลในปจจุบนั ก็ยังไมส ูญ. แตถา ตนไมไมพึงถูกตัดไซร ผลของตน ไมทอ่ี าศยัรสดินและรสนํ้า พึงเกิดยอมไมสญู . เพราะผลเหลา นนั้ ที่ยังไมเกิด กย็ อ มไมเกิด ท่ยี งั ไมง อก ก็ยอมไมงอก ท่ียังไมปรากฏ กย็ อ มไมป รากฏ ฉันใด มรรคกฉ็ นั นั้นเหมอื นกนั แมยงั ละกเิ ลสทั้งหลาย อันตา งดวยอดตี เปน ตนไมไ ด แมยงั ละไมไ ด กล็ ะไมได. เพราะเธอยังมิไดกําหนดรขู นั ธท้ังหลาย กเิ ลสเหลาใดพงึ เกิดข้นึ กิเลสเหลา นั้น ท่ยี ังไมเ กิด ยอ มไมเ กดิ ทย่ี ังไมบ งั เกดิ ยอ มไมบงั เกิด ทย่ี งั ไมป รากฏยอมไมป รากฏ เพราะยังมิไดกําหนดรูขันธท ง้ั หลายดว ยมรรค พงึ ใหความนแ้ี จมแจง วา ดว ยยาท่ดี ่มื เพอ่ื ไมใ หหญิงท่ีลูกยังออนคลอดอีกและเพอื่ ใหค นเจบ็ ปวยหายจากโรค. มรรคละกิเลสเหลา ใดไดอ ยางน้ีกิเลสเหลานัน้ ไมพงึ กลาววา เปน อดีต อนาคตหรอื ปจจบุ นั อนึ่ง ไมใ ชม รรคยอ มละกเิ ลสไมได. มรรคยอ มละกเิ ลสเหลา ใดได ทานกลาววา อปุ ฺปนนฺ านปาปกาน เปน อาทิหมายถงึ กเิ ลสเหลาน้ัน. มรรคมิใชจะละกิเลสไดอ ยางเดยี วเทา นนั้ แตเ พราะยังละกเิ ลสทั้งหลายไมได อุปาทนิ นกขันธพ งึ เกดิ ขึ้น ยอมละไดแมซึ่งอปุ าทนิ นกขันธน ัน้ . สมดังที่ทา นกลา วไววา นามและรูป พึงเกดิ ขึ้นในสังสารวฏั อันมีเบือ้ งตน และท่สี ดุ อันบุคคลรไู มไ ด เวน ในภพ ๗ เพราะการดบัแหงอภิสังขารและวญิ ญาณดว ยโสดาปตติมรรคญาณ นามและรปู เหลา นัน้ ยอ มดับไปในทีน่ ั้น. พงึ ทราบความพิสดารดงั ตอ ไปน้.ี มรรคยอ มออกจากอุปาทินนะและอนุปาทนิ นะคอื วิบากและกรรมดวยประการฉะน.้ี แตเ ม่ือวาโดยภพ โสดาปต ติ-มรรคยอมออกจากอบายภพ สกทาคามิมรรคยอ มออกจากสคุ ติภพสวนเดยี ว.อนาคามิมรรคยอมออกจากสคุ ตกิ ามภพ. อรหตั มรรคยอมออกจากรูปภพและอรปู ภพ. อาจารยบ างพวกกลา ววา อรหัตมรรคออกจากภพท้งั ปวง. เมอ่ื เปน
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 595เชนน้นั การเจรญิ เพ่อื เกดิ ขึน้ แหงกศุ ลธรรมอันยงั ไมเกดิ ขน้ึ ในขณะแหง มรรคเปนอยา งไร. หรือเพอื่ ความตัง้ มน่ั แหงกศุ ลธรรมทเ่ี กิดขึ้นแลวเปน อยา งไร.เพอ่ื ความเปน ไปแหงมรรคนัน่ เอง. เพราะมรรคเมือ่ เปนไปอยูท า นกลา ววา มรรคยงั ไมเ กดิ แลว เพราะยงั ไมเคยเกดิ มากอ น. เพราะผกู ลา วมาสฐู านะท่ไี มเคยมาหรอื เสวยอารมณทไี่ มเคยเสวยยอ มกลาววา เรามาสฐู านะอนั ไมเ คยมาแลว.หรือวาเราเสวยอารมณอ นั ไมเคยเสวยแลว ความเปนไปแหงมรรคนั้นแหละชอ่ื วา ฐิติ เพราะเหตุนน้ั ควรกลาววา ิติยา ภาเวติ ใหมรรคเจรญิ เพอื่ความต้ังม่นั . ความยอในอิทธิบาททานกลาวไวแลวในเจโตขลี สตู ร. ชื่อวา อปุ สม-คามี เพราะถึงความสงบระงบั หรือถึงเพอ่ื ความสงบกิเลส. ชอ่ื วา สมฺโพธคามีเพราะถงึ ความตรสั รหู รอื ถงึ เพื่อประโยชนแกก ารตรัสรูม รรค. บทมอี าทิวา วเิ วกนสิ สฺ ติ า อาศยั วเิ วกทา นกลาวไวแลว ในการสังวรในอาสวะทัง้ ปวง. น้เี ปนความสังเขปในบทน้.ี สว นโพธิปกขิยกถาน้ี ทา นกลาวไวในวสิ ทุ ธิมรรคโดยพิสดารแลว . พึงทราบวนิ ิจฉยั ในวโิ มกขกถาดังตอไปน้.ี บทวา วโิ มกเฺ ข ช่ือวาวโิ มกข เพราะอรรถวากระไร. เพราะอรรถวาหลุดพน ดี ก็วิโมกขน้ีคืออะไร.วโิ มกขม ีอรรถวา หลุดพนดว ยดีแมจ ากธรรมเปนขา ศกึ ชอื่ วา อธมิ จุ จฺ นฏโ มีอรรถวาหลุดพน ดี . มอี รรถวา พน ดวยดีแมจ ากอารมณท ้ังหลายดว ยสามารถความไมย ินดี. ทา นอธบิ ายไววา วโิ มกขเปน ไปในอารมณ เพราะหมดความหวัน่ ใจดว ยความไมถูกขม ดจุ ทารกปลอ ยอวยั วะนอนบนตักบดิ า. แตค วามนไ้ี มมใี นวโิ มกขสุดทาย. มใี นวิโมกขต น ๆ ทัง้ หมด. ในบทวา รูป รปู านิ ปสฺสติผไู ดร ปู ฌาน ยอมเหน็ รปู น้ีมีอธิบายดงั ตอไปนี้ . รูปฌานอนั ใหเ กดิ ดว ยอํานาจนลี กสณิ เปนตนในบรรดากสณิ มีผมในภายในเปนตน ชือ่ วา รปู . ชื่อวา รูป
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 596เพราะมีรูปฌานน้นั . บทวา พหทิ ธฺ า รูปานิ ปสสฺ ติ เหน็ รูปภายนอก คอืเหน็ รูปมีนีลกสณิ เปน ตน แมภายนอกดวยฌานจักษุ. ดวยบทนี้ ทา นแสดงถงึรูปาวจรฌาน ๔ ของบคุ คลผูมีฌานอันใหเกดิ แลว ในกสิณท้ังหลายท่มี วี ตั ถภุ ายในและภายนอก. บทวา อชฌฺ ตตฺ อรปู สฺ ี คือผไู มม ีรปู สัญญาในภายใน.อธิบายวา มรี ปู าวจรฌานอนั ยังไมเกิดในกสิณมผี มเปน ของตน. ดวยบทนี้ทา นแสดงถึงรูปาวจรฌานของผูม ีฌานซ่งึ ทาํ บริกรรมอยางดีในภายนอกแลวใหเกิดในภายนอก. ดวยบทวา สุภนฺเตว อธมิ ุตโฺ ต โหติ ผูนอ มใจเช่อื วา กสิณเปน ของงามอยา งเดยี วนี้ ทา นแสดงถึงฌานในวรรณกสณิ มีนลี กสณิ เปนตนอนั บรสิ ทุ ธ์ิ ในบทน้ันการผกู ใจวา งามไมม ใี นอปั ปนาภายในกจ็ รงิ แตถ ึงดงัน้ัน พระโยคาวจรใด ทําสภุ กสณิ ใหเ ปน อารมณหมดจดดว ยดอี ยู. เพราะพระ-โยคาวจรนน้ั ยอมถงึ ความเปน ผคู วรกลาววา เปน ผูนอ มใจเชอื่ วางาม. ฉะน้ันทา นจึงแสดงไวอ ยา งน้ี. แตใ นปฏสิ มั ภทิ ามรรคทา นกลา วไวว า ชอ่ื วา วิโมกขเพราะเปน ผูนอ มใจเชื่อวางามเปนอยางไร. ภิกษุในธรรมวนิ ัยนี้ มจี ติ สหรคตดว ยเมตตาแผไปยังทศิ หน่งึ อยู. เพราะเปนผเู จรญิ เมตตาสัตวท ้ังหลายจึงไมน าเกลยี ด. มีจิตสหรคตดวยกรุณามทุ ิตาและอุเบกขาแผไ ปยงั ทศิ หนึ่งอย.ู เพราะเปน ผเู จริญกรณุ ามุทติ าและอุเบกขา สัตวท ้งั หลายจงึ ไมนาเกลยี ด ชือ่ วา วโิ มกขเพราะเปน ผนู อมใจเช่ือวา งามอยา งนี้. ในบทวา สพฺพโส รูปสฺ าน เพราะลว งรูปสัญญาโดยประการทง้ั ปวงเปนอาทิ บททคี่ วรกลาวทั้งหมดทานกลาวไวแลวในวิสุทธิมรรค. บทวา อย อฏ โม วโิ มกโฺ ข นี้เปนวิโมกขขอท่ี ๘ คอืนชี้ ่อื วา วิโมกขอนั สูงสดุ ขอ ที่ ๘ เพราะสละขันธ ๔ หลุดพน แลว โดยประการท้งั ปวง. พึงทราบวินิจฉยั ในอภิภายคนกถาดงั ตอไปนี.้ บทวา อภิภายตนานิคือเหตเุ คร่ืองครอบงาํ . ครอบงําอะไร. ครอบงําธรรมอันเปนขา ศกึ บา ง
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 597อารมณบ า ง. เพราะอภภิ ายตนะเหลา นน้ั ยอมครอบงาํ ธรรมเปนขาศึก โดยความเปน ขาศกึ . ครอบงําอารมณเพราะความที่บุคคลเปนผูยิ่งดว ยญาณ. อนงึ่ ในบทมอี าทิวา อชฺฌตตฺ รูปสฺี ผมู คี วามสาํ คญั ในรูปภายในมีความดังตอ ไปน.ี้ ยอมช่ือวารูปสัญญี ผมู คี วามสําคญั ในรปู ภายใน ดว ยสามารถบรกิ รรมรูปภายใน. เพราะเม่ือทําบรกิ รรม นลี บริกรรม ในภายในยอ มทําทผ่ี ม. ท่ดี ี หรือที่ดวงตา. เมอื่ ทําปต บริกรรม ยอมทาํ ทม่ี นั ขน ท่ีผิวทฝี่ า มอื ท่ีฝา เทาหรอื ทค่ี วามเหลอื งของดวงตา. เมือ่ ทําโลหติ บริกรรม ยอ มกระทําเนื้อ ที่โลหติ ทล่ี ิน้ ทีม่ ีสแี ดงของดวงตา. เม่อื กระทาํ โอทาตบริกรรมยอมทาํ ทกี่ ระดกู ทฟ่ี น ทีเ่ ลบ็ หรอื ที่ความขาวของดวงตา. แตก สิณน้ัน ไมเขยี วดี ไมเหลอื งดี ไมแ ดงดี ไมขาวดี ยอ มเปน กสิณไมบริสทุ ธิ.์ บทวา เอโก พหทิ ฺธา รูปานิ ปสสฺ ติ ผหู น่ึงเหน็ รปู ภายนอกความวา นิมติ ภายนอกเกิดขนึ้ ภายในเพราะทําบรกิ รรมของผูใด ผูนั้น เราเรยี กวาเปน ผหู นง่ึ มีความสําคัญรปู ภายในเห็นรูปภายนอก ดว ยสามารถแหง บรกิ รรมภายใน และแหงอัปปนาภายนอกอยา งนี้. บทวา ปรติ ตฺ านิ รูปภายนอกเล็กคอืไมโต บทวา สวุ ณณฺ ทุพพฺ ณณฺ านิ คือมีผวิ พรรณดหี รือมผี วิ พรรณทราม.พึงทราบวา นท้ี านกลา ววา เปนอภภิ ายตนะ ดว ยสามารถรปู เลก็ น้ันเอง. บทวา ตานิ อภิภยุ ฺย ครอบงาํ รปู เหลา นัน้ ความวา เหมอื นคนมนี า้ํ ยอยอาหารดีไดอาหารเพยี งทพั พเี ดยี ว คดิ วามีอะไรทค่ี วรบริโภคในอาหารนี้ จึงหยิบเอามาปนเปนคาํ เดียวฉนั ใด. บุคคลผยู ิ่งดวยญาณมีญาณเฉียบแหลมคิดวา มีอะไรท่ีควรเขาถึงในอารมณเลก็ นอยนี้. น้ไี มใ ชภาระของเราจงึ ครอบงาํ รปู เหลา น้นัเขาถงึ สมาบตั ิ. อธิบายวา ยงั อปั ปนาใหถ งึ ในรปู นพี้ รอ มกับการเกิดแหงนมิ ติ .ทานกลาวถงึ ความผูกใจรูปนั้นดวยบทน้ีวา ชานามิ ปสสฺ ามิ เรารู เราเหน็ .ผนู ้ัน เมอ่ื ออกจากสมาบัตแิ ลว ไมเ ขา สมาบตั ิในภายใน.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 598 บทวา เอว สฺี โหติ มีความสาํ คัญอยางนี้ คือดวยอาโภคสญั ญาบา ง (ความสําคญั ดว ยความผกู ใจ) ดว ยฌานสัญญาบาง (ความสําคญั ดว ยฌาน)อภภิ วสัญญา (ความสาํ คญั ดวยความครอบงํา) ยอ มมีแกผูน ้ันแมใ นภายในสมาบตั .ิ สว นอาโภคสัญญา ยอมมีแกผ อู อกจากสมาบัต.ิ บทวา อปฺปมาณานิหาประมาณมไิ ด คอื มปี ระมาณเจริญไดแกมาก. พงึ ทราบความในบทวาอภิภุยยฺ ครอบงํา ดังตอไปน.้ี เหมือนบรุ ษุ ผูกินจุครนั้ ไดอ าหารมือ้ เดียว กค็ ดิวาอาหารแมอนื่ จงมี อาหารแมอ ืน่ จงมี อาหารมอ้ื เดียวจกั ทําอะไรแกเ ราได จึงไมเ ห็นอาหารน้นั มากพอฉนั ใด. บุคคลผูย่งิ ดว ยญาณผมู ญี าณเฉียบแหลมคิดวาจะพงึ เขาถงึ ญาณน้ีไดอ ยา งไร. นีไ้ มม ปี ระมาณหามิได ภาระในการทาํความเปน ผูมจี ิตมีอารมณเ ดียวมีอยูแ กเ รา จึงครอบงาํ รปู เหลา นนั้ แลว เขาสมาบตั ิ. อธบิ ายวา ยงั อปั ปนาใหถ ึงในจิตน้พี รอ มกับใหเกิดนมิ ติ . บทวาอุชฌฺ ตฺต อรปู สฺี มคี วามสาํ คัญในอรูปภายใน ความวา ไมมคี วามสําคญับรกิ รรมในรูปภายในเพราะไมไดห รอื เพราะไมม ปี ระโยชน. บทวา เอโกพหิทฺธา รูปานิ ปสสฺ ติ ผหู นงึ่ เหน็ รูปภายนอก ความวา บรกิ รรมก็ดีนมิ ติกด็ ขี องผูใดเกิดข้ึนในภายนอก. ผูนั้นมีความสาํ คัญในอรปู ภายในอันเกิดข้ึนดว ยสามารถบริกรรม และอัปปนาภายนอกอยา งนีท้ านกลา ววาผหู นึง่ เห็นรูปภายนอก.บทท่ีเหลอื ในบทนม้ี ีนัยดังกลาวแลวในอภิภายตนะท่ี ๔. ก็ในอภภิ ายตนะ ๔ นี้อภภิ ายตนะเล็กนอ ยมาแลว ดว ยสามารถวติ กจริต. อภภิ ายตนะหาประมาณมิไดมาแลว ดว ยสามารถโมหจรติ . รูปผวิ ทองมาแลว ดวยสามารถโทสจริต. ผิวทรามมาแลว ดวยสามารถราคจริต. รปู เหลา นีเ้ ปนทีส่ บายของคนเหลา นั้น. อนง่ึ ความท่ีรปู เปน ทสี่ บายของคนเหลา นนั้ ทานกลาวไวใ นจรติ นิเทศในวสิ ทุ ธิมรรค โดยพสิ ดารแลว.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 599 พึงทราบวนิ ิจฉัยในอภภิ ายตนะที่ ๕ เปน ตนดังตอ ไปน.้ี บทวา นลี านิเขยี ว ทานกลา วรวมสีทงั้ หมด. บทวา นลี วณฺณานิ มวี รรณเขียว คอื เขียวดวยสี. บทวา นีลทสฺสนานิ เขียวลว น ทานอธบิ ายวา วรรณะไมม ีปน ไมม ชี อ งปรากฏดวยการแสดงใหเ หน็ เปน สเี ขียวลวน. สวนบทวานีลนภิ าสานิ มรี ศั มีเขียวนที้ า นกลา วดวยสามารถแสง. อธิบายวา มีแสงเขยี วประกอบดว ยรัศมีเขยี ว. ดว ยบทนที้ า นแสดงถงึ ความทีร่ ูปเหลา นน้ั บริสุทธ์ิ. จริงอยูท านกลา วอภภิ ายตนะ ๔ เหลา น้ีดวยสามารถวรรณะบริสุทธิ.์ บทวา อุมฺมารปปุ ฺผ ดอกผกั ตบ เพราะดอกไมนแี้ มป รากฏวาออนสนทิ กเ็ ขียวลว น. แตดอกอญั ชนั เปน ตนปรากฏเปนดอกไมตระกลู ขาว. เพราะฉะนั้นทา นถอื เอาดอกผักตบนแ้ี หละ ไมถือเอาดอกอัญชนั เปน ตนเหลา น้ัน.พาราณเสยฺยก ผาทกี่ ําเนิดในเมอื งพาราณสี คอื ทําในกรุงพาราณสี. ไดยินวาในกรุงพาราณสีนน้ั แมฝ ายก็ออนนุม แมคนปนฝา ยกฉ็ ลาด แมนาํ้ กส็ ะอาดเย็นสนทิ เพราะฉะน้นั ผาจึงเกล้ยี งทั้งสองขาง. ในสองขางปรากฏเกลี้ยงนมุ สนทิ .ในบทมอี าทวิ า ปตานิ พึงทราบโดยนยั น้เี หมือนกัน. เม่ือกาํ หนดนีลกสิณยอมถือเอานมิ ติ ในสีเขียว. อนง่ึ ในกสิณนี้ การทํากสณิ การบรกิ รรมและแบบแหง อปั ปนามีอาทิคือในดอกไม ในผา หรอื ในวรรณธาตุท้งั หมดทา นกลา วไวพิสดารแลวในวิสุทธิมรรค. บทวา อภิฺ าโวสานปารมปิ ปฺ ตตฺ า บรรลบุ ารมอี ันเปนท่ีสดุ แหง อภญิ ญา คอื สาวกทง้ั หลายเจริญธรรมเหลานน้ั ในสติปฏฐานเปนตนในกอนจากน้ีแลวบรรลพุ ระอรหตั ชอื่ วาเปนผูบรรลุบารมีอนั เปน ทสี่ ดุ แหงอภญิ ญา. อน่งึ สาวกท้งั หลายกช็ ื่อวาเปนผูบ รรลุบารมอี นั เปนท่ีสุดแหงอภิญญาเพราะความเปนผมู ีความชาํ นาญอันสะสมมาแลว ในอภภิ ายตนะ ๘ เหลา นี้.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 600 พึงทราบวนิ จิ ฉัยในกสณิ กถาดงั ตอไปน.ี้ ชอ่ื วา กสณิ เพราะอรรถวาทั้งสิน้ . ชื่อวา อายตนะ เพราะอรรถวาเปนเขตหรือเปนท่ีต้งั มั่นแหง ธรรมทง้ั หลายมกี สิณนน้ั เปนอารมณ. บทวา อุทธฺ เบอ้ื งบน คอื มงุ หนาไปสทู อ งฟาเบือ้ งบ น บทวา อโธ เบือ้ งตํ่า คือมุงหนา ไปสูพ น้ื ดนิ เบ้อื งตํา่ . บทวาตริ ิย เบ้ืองขวางคือกาํ หนดโดยรอบดจุ บรเิ วณของพน้ื ที่. บางคนเจริญกสิณเบอื้ งบนเทานน้ั . บางคนเจริญกสณิ เบื้องต่ํา. บางคนเจรญิ กสิณโดยรอบ ๆ ดวยเหตุนน้ั แหละ ผูประสงคจ ะเหน็ รปู ดุจยังความสวางใหผ องใส. ดวยเหตุน้ันพระผมู พี ระภาคเจาจึงตรสั บทมีอาทวิ า ปวีกสิณเมโก สชฺ านาติ อทุ ฺธ -อโธตริ ยิ ผูหน่งึ ยอ มรูชัดซ่ึงปฐวกี สณิ ทง้ั เบื้องบน เบ้อื งตา่ํ เบื้องขวาง.บทวา อนวฺ ย คอื ในทศิ นอ ยใหญ. ก็บทน้ีทานกลา วเพอ่ื ไปถงึ ความไมม ีอน่ืของทิศหนง่ึ เหมือนผเู ขาไปสแู มน ํ้า นาํ้ เทา นัน้ ยอ มมีในทศิ ทงั้ หมด มใิ ชอยา งอนื่ ฉนั ใด. ปฐวีกสณิ กฉ็ ันน้ันเหมือนกัน ยอ มเปนปฐวีกสิณเทา น้นั .กสิณน้นั ไมม กี สณิ อืน่ ปะปน. ในกสิณทงั้ หมดกม็ นี ัยน.ี้ บทวา อปปฺ มาณ นี้ทานกลา วดวยสามารถกสิณน้ันแผไปไมม ปี ระมาณ. เพราะกสิณนนั้ แผไ ปดว ยใจยอมแผไ ปตลอดดวงกสณิ เทานน้ั . ยอมถือเอาประมาณวาน้ีเปนเบือ้ งตนของกสิณนนั้ น้เี ปน ทามกลาง. อนง่ึ ในบทวา วิ ฺ าณกสิณ นีม้ คี วามดังตอไปนี้ วิญญาณท่เี ปน ไปแลว ในอากาศทเี่ พกิ กสณิ แลว. ในบทวา วิ ฺาณกสิณ นนั้ พงึ ทราบความท่ีกสณิ นัน้ ท้งั เบื้องบน เบ้ืองตํา่ และเบื้องขวางในวญิ ญาณอนั เปนไปแลวนน้ัดว ยสามารถอากาศอนั เพิกกสิณแลว ในอากาศอนั เพกิ กสณิ ดวยอํานาจแหงกสิณ.นเ้ี ปน ความยอ ในบทน.้ี สว นปฐวีกสณิ เปน ตน เหลา น้ี ทา นกลาวไวแลว ในวสิ ุทธิมรรค โดยพสิ ดารตามนัยแหงการเจรญิ กรรมฐาน. แมในท่นี กี้ ็พงึ ทราบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
Pages: