Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_20

tripitaka_20

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_20

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 165 เนอื้ นาท่จี ะปลกู พชื ในโลก เรารแู ลว พราหมณเ หลา ใดสมบูรณดว ยชาตแิ ละมนต พราหมณเหลา น้นั คือเน้ือนาในทีน่ ้ี มศี ลี เปน ทรี่ กั ท้งั นน้ั ดงั นี.้แลว ส่งั วา พวกเจา จงโบยเจาคนถอยผูน ้ีดว ยไม ลากเขาที่คอใหออกไปขา งนอกใหพน ซุม ประตู ท้งั ๗ ซมุ . ครัง้ นั้น พระมหาบุรษุ จงึ กลา วกะมัณฑพยกมุ ารน้นั วา คริ ึ นเขน ขนสิ อโย ทนเฺ ตภิ ขาทสิ ชาตเวท ปทหสิ โย อิสึ ปรภิ าสสิ. เจาผใู ดบรภิ าษฤษี เจา ผูนน้ั ก็เหมือน ขดุ ขนุ เขาดว ยเลบ็ เคยี้ วเหล็กดว ยฟน กลืน ไฟลงไปในลําคอฉะน้ัน. ครั้นกลาวดังนัน้ แลว ดาํ ริวา ถากุมารนจี้ ะพึงใหเราจับทมี่ ือทีเ่ ทา ก็จะทําทกุ ขใ หเกดิ ข้ึน จะพงึ ประสบสง่ิ ที่มิใชบ ญุ เปนอันมาก แลวก็เหาะขึน้ สูเวหาส เพราะความเอ็นดสู ัตว ไปลงทรี่ ะหวางถนน. พระผูมพี ระภาคเจาทรงบรรลพุ ระสพั พัญุตญาณ เมือ่ จะทรงประกาศความขอน้ันจงึ ตรสั คาถานี้วา อิท วตฺวา มาตงโฺ ค อสิ ึ สจจฺ ปรกกฺ โม อนฺตลกิ ขฺ สมฺ ึ ปกฺกามิ พรฺ าหมฺ ณาน อทุ กิ ขฺ ต . มาตงั คฤษี ผมู สี จั จะเปนเบอ้ื งหนา ครนั้ กลา วคําน้ีแลว ก็หลกี ไปในอากาศ ตอหนา พราหมณผูมองดูอยู ดังนี้.

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 166 ทนั ใดนั้นนนั่ เอง ทาวเทวราชผูเปนหวั หนาแหง เหลาเทวดาผรู กั ษาพระนคร ก็บดิ คอมณั ฑพยกุมาร. หนา ของเขากห็ นั ไปอยูขางหลงั ตาก็กลบันา้ํ ลายไหลยดื ทางปากตวั ก็แข็ง ดงั ถูกหลาวเสียบฉะนน้ั เหลายกั ษที่เปน ขาจํานวน ๘๐,๐๐๐ คน กก็ ระทาํ แกพ ราหมณ ๘๐,๐๐๐ คนอยา งนัน้ เหมือนกันคนทงั้ หลาย ก็รบี ไปบอกแกพรหมปชาบดี นางรบี รดุ มาเหน็ อาการอันแปลกน้ันแลว กก็ ลาวอยา งนี้วา อาเวิต ปฏ โิ ต อุตฺตมงฺค พาห ปสาเรติ อกมมฺ เนยฺย เสตานิ อกฺขนี ิ ยถา มตสฺส โก เม อิม ปุตฺตมกาสิ เอว . หัวถูกบิดไปอยขู า งหลงั เหยยี ดแขน ไปทาํ อะไรกไ็ มได ลูกตาก็ขาวเหมือนคน ตาย ใครทาํ แกบุตรนี้ของเราอยา งน้ี. คนทง้ั หลายก็บอกแกนางวา อิธาคมา สมโณ ทุมฺมวาสี โอคลฺลโก ป สปุ ส าจโกว สงฺการโจล ปริมุจฺ กณเฺ  โส เต อมิ  ปุตตฺ มกาสิ เอว . สมณะนุงผาเกา เข็ญใจ รปู รา งดงั ปศาจ คลุกฝุน คลองผา ท่เี กบ็ มาแตกองขยะไวที่ คอ มาทน่ี ี้ สมณะน้ัน ทาํ แกบ ุตรของทา น อยา งน.ี้

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 167 นางไดฟง แลวกร็ ชู ดั วา เจานายผใู หย ศแกเ รารูวา บตุ รประมาท คงจกั มาเพอ่ื อนุเคราะหต อบุตรนนั้ จงึ ถามคนบาํ รงุ เล้ียงวา กตม ทสิ  อคมา ภรู ิปฺโ อกฺขาถ เม มาณวา เอตมตถฺ  คนตฺ วฺ าน ต ปฏกิ เรมุ อจจฺ ย อปเฺ ปว น ปุตฺต ลเภมุ ชวี ีต . ผมู ีปญ ญาดังแผนดนิ ไปทางทศิ ไหน มาณพทงั้ หลาย พวกเจา จงบอกความ นีแ้ กเรา เราจะไปขอขมาโทษทาน ทาํ ไฉน บตุ รของเราจะพึงไดชวี ิต. คนเหลา นัน้ กบ็ อกวา เวหาสย อคมา ภรู ปิ โฺ  ปถทธฺ ุโน ปณณฺ รเสว จนฺโท อถาป โส ปุริม ทิส อคฉฺ ิ สจจฺ ปปฺ ฏิโฺ  อสิ ิ สาธุรโู ป. ทานผูมีปญ ญาดังแผน ดิน เหาะไป ในเวหาส ไปไดต ลอด เหมอื นดวงจันทร วนั เพ็ญ ทัง้ ทานกไ็ ปทางทิศตะวนั ออก ทานเปน ฤษี ปฏญิ ญาในสัจจะ เปนคนด.ี แมพระมหาบุรุษก็อธิษฐานวา ต้งั แตส ถานท่ีลงระหวางถนน รอยเทาของเราอยา หายไปดว ยอาํ นาจของชางมา เปนตนเลย ทฏิ ฐมังคลิกาคนเดียวจงเห็นเรา คนอน่ื อยาเห็น แลวออกเท่ียวขออาหาร รับขา วสกุ คลกุ พอประทงั

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 168ชวี ติ น่งั บรโิ ภคทศี่ าลาพักคนเดนิ ทาง วางอาหารท่ีเหลอื บริโภคหนอ ยหนง่ึ ไวในภาชนะใสอ าหารน้ันแล. แมน างทิฏฐมงั คลิกา ลงจากปราสาทเดนิ ไปตามระหวางถนน พบรอยเทา ก็รูวา นรี้ อยเทาของเจานาย ท่ีใหย ศเรา ก็เดนิ ไปตามรอยเทา (พบแลว ) ไหวแลว กลา ววา ทานเจา ขา ขอทา นโปรดยกโทษผิด ทีท่ าสของเจา นายทําไวใ หขาดวยเถดิ กท็ า นชอ่ื วา ไมอยูในอาํ นาจของความโกรธ โปรดใหช ีวติ แกบ ุตรของขาดว ยเถดิ แลว ก็กลาวเปนคาถาวา อาเวติ  ปฏ ิโต อุตตฺ มงคฺ  พาห ปสาเรติ อกมมฺ เนยยฺ  เสตานิ อกขฺ ีนิ ยถา มตสฺส โก เม อมิ  ปตุ ตฺ มกาสิ เอว . หวั กถ็ ูกบดิ ไปอยขู า งหลงั เหยียดแขน ไปทําอะไรก็ไมไ ด ลกู ตาทั้งสองกข็ าว เหมอื นคนตาย ใครทาํ แกบุตรนขี้ องขา อยางน.้ี พระมหาบุรุษกลาววา เราไมทําอยางนน้ั ดอก แตเม่อื เหลา ภูตยกั ษและเทวดาผูเคารพในนกั บวช เหน็ ผูเบยี ดเบียนนักบวช จกั ทํากไ็ ดกระมัง.นางกลาววา ทา นเจาขา ทา นคงไมมีใจคดิ ประทุษรา ยสิน้ เชงิ คงเปน พวกเทวดาทาํ แน พวกเทวดาขอขมางายไหม ขาจะปฏิบัติอยางไรเลา ทา นเจา ขา.พระมหาบรุ ุษกลา ววา ถาอยา งน้นั เราจะบอกยาแกเ จา อาหารท่เี หลือเรากินยังมีอยใู นภาชนะใสอาหารของเรา เจาจงเทน้ําหนอ ยหน่งึ ลงในภาชนะนนั้แลว ถือเอาหนอยหน่ึงใสป ากบุตรของเจา สวนทเ่ี หลอื เอาลงคนในภาชนะนา้ํ แลวเอาใสป ากพวกพราหมณแปดหมืน่ คน. นางกร็ บั คําวา จะทําตาม ถอื อาหารไหว

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 169พระมหาบรุ ษุ แลว กไ็ ปทําตามทส่ี งั่ พออาหารถกู ใสลงในปาก ทา วเทวราชผเู ปนหัวหนา รูวา เม่ือเจา นายทํายาเสียเอง พวกเรากไ็ มอาจทําอะไรได แลวก็ปลอ ยกมุ าร กมุ ารนัน้ กลืนอาหารแลว กม็ ีอาการเปน ปกติเสมือนไมเคยทุกขอะไร ๆ เลย. คร้งั นั้น มารดากก็ ลา วกะกุมารนัน้ วา พอเอย เจาจงดูอาการอนั แปลกของพวกพราหมณประจาํ ตระกลู ของเจา ท่ปี ราศจากหริ โิ อตตปั ปะน่ีสิเปน สมณะไมน าจะเปนอยา งนเ้ี ลย เจาใหพ วกสมณะฉนั เสียสิ พอ. ตอนน้ั นางกใ็ หค นอาหารสว นทเ่ี หลือลงในภาชนะนํ้าใหใ สล งในปากพราหมณท งั้ หลายเหลายกั ษก็ปลอ ยทันที แลวหนไี ป พวกพราหมณก ลนื อาหารแลว ก็ลกุ ขึ้นถามวา เอาอะไรใสป ากพวกเรา. นางตอบวา อาหารเดนของมาตังคฤษี.พราหมณเหลาน้ัน ไมแสดงความเสมอภาควา พวกเราถกู บังคับใหก ินอาหารเดนของคนจณั ฑาล ไมเปนพราหมณแลว บัดนี้ พราหมณเหลา นี้ ไมใ ชพราหมณบริสทุ ธิ์ แตน น้ั จงึ พากันหนีออกจากทน่ี น้ั ไปยงั แควนเมชฌะราํ พงึ วา พวกเราชือ่ วา พราหมณผตู องหวาดสะดุง (หลังหวะ) ในนครของพระเจาเมชฌะ. ดังนแี้ ลว กบ็ รโิ ภคอยแู ตใ นกรงุ ราชคฤห. สมัยน้นั พระโพธิสัตว เทย่ี วกระทําการขมคนชั่ว ทรมานคนถอืมานะอย.ู ครั้งนัน้ ดาบสรูปหน่ึงชือ่ ชาตมิ ันตะ เขา ใจตนเองวา ไมม ีใครเสมอเรา ไมยอมแมแตจ ะเขา ใจคนอนื่ ๆ พระโพธิสัตวพบดาบสนน้ั อาศัยอยรู ิมฝง แมน าํ้ คงคา ก็เดินไปในทีน่ ัน้ ดวยหมายจะขม มานะของดาบสนน้ั .ชาตมิ นั ตดาบสจึงถามวา พอมหาจําเรญิ เปนชาตอิ ะไร. พระโพธสิ ัตวตอบวา ขา เปนชาติจณั ฑาล ทา นอาจารย. ดาบสกต็ ะเพิดวา ไป ไป เจาจณั ฑาลจงอยูเสยี ทางใตแมน ้ําคงคา อยา ทําน้าํ ทางเหนือแมน ้ําคงคาใหเปน เดนเลย.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 170พระโพธิสตั วกต็ อบรับวา ดลี ะ ทา นอาจารย ขา จักอยูในทท่ี านบอก แลวก็ไปอยูทางใตแมน้ําคงคา อธิษฐานวา นํา้ ของแมน า้ํ คงคาจงไหลทวนกระแส.เชา ตรู ชาติมันตดาบสกล็ งไปยังแมน้าํ คงคา บว นปากลางหนา ชาํ ระชฎา(ผมที่มวยไว) พระโพธิสัตวนั้นเค้ยี วไมสฟี น ถมเขฬะเปนกอ น ๆ ลงในแมน้ําไมส ีฟน และเขฬะท่ีถมก็ลอยไปทด่ี าบสน้ัน พระโพธิสตั วอธษิ ฐานวา ไมส ฟี นและเขฬะนนั้ อยาตดิ ในท่อี ่ืน ใหต ิดอยทู ่ชี ฎาของดาบสน้นั ผูเ ดยี ว ทั้งเขฬะท้ังไมส ฟี นกต็ ดิ อยทู ่ชี ฎาของดาบสนน้ั เทานนั้ . ดาบสกเ็ ดือดรอ นรําคาญใจวาการกระทําน่ี ตอ งเปน ของเจาจณั ฑาลแน จงึ เดินไปถามวา พอ มหาจําเรญิจณั ฑาล น้ําของแมน ํ้าคงคานี้ เจาทําใหมันไหลทวนกระแสหรือ. ขอรับทานอาจารย. ถาอยา งน้นั เจา อยาอยูทางใตแ มคงคาเลย จงอยเู สียทางเหนอืแมนาํ้ คงคาเถอะ. พระโพธสิ ัตวก ร็ ับคาํ วา ขอรบั ทา นอาจารย ขาจกั อยูในท่ีตามท่ีทา นบอก แลว ก็อยู ณ ทนี่ น้ั คลายฤทธิ์เสีย นา้ํ ก็ไหลตามปกติ ดาบสก็ประสบความยอยยบั นั้นอีก จงึ ไปถามพระโพธสิ ตั วว า พอ มหาจาํ เริญจัณฑาลนา้ํ ของแมคงคาน้ี เจา ทาํ ใหมนั ไหลทวนกระแส บางครง้ั กท็ ําใหม นั ไหลตามกระแสหรอื . ขอรบั ทานอาจารย. ดาบสจงึ สาปวา เจาไมใหนักบวชผอู ยูเปนปกตสิ ขุ อยโู ดยสะดวกเลย ศรี ษะของเจาจักแตกออก ๗ เสย่ี ง ในวันทคี่ รบ๗ นับแตวนั นไ้ี ป. ดีละ ทา นอาจารย สวนขาก็ไมใ หดวงอาทิตยขนึ้ . ครง้ั น้นัมหาสตั วค ดิ วา คาํ สาปแชง จกั ตกลงเบอ้ื งบนของดาบสน้นั เทานนั้ เราจําตอ งรกั ษาดาบสน้ันไว. วนั รงุ ข้นึ ก็ไมใ หด วงอาทติ ยข้นึ ดว ยฤทธิ์ เพราะเอ็นดสู ตั วธรรมดาอทิ ธวิ สิ ยั ของผูมีฤทธเิ์ ปน อจนิ ไตย (ไมค วรคิด) ตง้ั แตน นั้ มา ก็ไมปรากฏวา ดวงอาทติ ยขนึ้ ก็กําหนดกลางคนื กลางวันกันไมได ไมม ีผูประกอบการงาน เชน ทํานา คา ขายเปนตน คนทง้ั หลายก็ประสบอนั ตราย ดวยไม

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 171รวู า นย้ี กั ษบนั ดาล หรอื ภูตผี เทวดา นาค ครุฑ บันดาล คดิ กนั วา จะควรทําอยา งไรกันหนอ ปรกึ ษากนั วา ธรรมดาวา ราชสกลุ มปี ญ ญามาก จะไมอ าจคิดถึงประโยชนข องโลกหรอื มาพวกเราไปราชสกลุ กนั เถดิ แลว ก็พากนั ไปยังราชสกุลรองทุกข. พระราชา สดับแลว แมจ ะทรงกลัว ก็ทาํ เปนไมก ลัว ตรสั วา อยากลัวกันไปเลย พอเอย ดาบสชอ่ื ชาตมิ นั ตะอยูรมิ ฝง แมคงคา คงจักรเู หตอุ นัน้ัน เราจักไปถามทานใหห ายสงสัย พอ ๒ - ๓ วนั กเ็ สด็จพรอมดวยพวกคนผบู าํ เพ็ญประโยชนเ ขาไปหาดาบส ไดรับปฏิสันถารแลว กต็ รสั ถามเรือ่ งน้นั .ดาบสก็ทลู วา ถวายพระพร มหาบพิตร มีจณั ฑาลอยคู นหน่ึง เขาทาํ น้ําของแมนํ้าคงคานี้บางครั้งก็ใหไ หลตามกระแส บางครัง้ ก็ใหไ หลทวนกระแส คาํอะไร ๆ ทีอ่ าตมากลาวเพอื่ ประโยชนนน้ั ก็มอี ยู ขอไดโปรดตรสั ถามจณั ฑาลคนนน้ั เขาคงจะรู. พระราชาเสด็จไปยงั สํานกั ของมาตังคฤษี ตรสั ถามวาทา นผูเจริญ ทานไมใ หด วงอาทิตยข น้ึ หรือ. ถวายพระพร มหาบพติ ร.เพราะเหตุไรเลา เจา ขา. เพราะชาติมันตดาบสสาปแชง อาตมาภาพผไู มผดิอาตมาภาพจักใหด วงอาทิตยข ึน้ ก็ตอเมอื่ ชาติมันตดาบสน้นั มาไหวอาตมาภาพขอขมาแลว ถวายพระพร. พระราชาก็เสดจ็ ไปตรสั ชวนวา มาเถดิ ทา นอาจารยขอขมาดาบสเสยี . ทูลวา มหาบพิตร อาตมาไมไ หวจ ัณฑาลดอก. ตรัสวาอยา ทาํ อยา งนี้ซิ ทา นอาจารย โปรดเหน็ แกหนา ชาวแควนเถดิ . ชาติมนั ตดาบสน้นั กป็ ฏิเสธอยางนนั้ อีก. พระราชาก็เสดจ็ เขา ไปหาพระโพธสิ ตั วต รัสวา ทา นอาจารย ทานชาติมนั ตดาบสไมปรารถนาขอขมาน.ี่ พระโพธิสตั วทูลวา เม่อืชาตมิ ันตดาบสไมขอขมา อาตมาภาพกไ็ มป ลอ ยดวงอาทติ ย. พระราชาทรงดาํ ริวา ชาตมิ นั ตดาบสผนู ไี้ มย อมขอขมามาตังคฤษีนี้ เมื่อชาติมนั ตดาบสไม

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 172ขอขมาก็ไมยอมปลอยดวงอาทติ ย ประโยชนอะไรแกพวกเรา ดวยดาบสนนั้ เราจกั เห็นแกช าวโลก แลว ตรสั ส่งั คนท้งั หลายวา ทา นผูเ จรญิ พวกทานจงไปจับมอื เทา ชาตมิ ันตดาบสน้นั มายงั สํานักของดาบส (มาตงั คฤษ)ี ใหนาํ ชาต-ิมันตดาบสนน้ั มาแลว ใหหมอบแทบเทาของมาตังคฤษี ตรัสวา โปรดเอ็นดชู าวแวนแควนขอขมามาตงั คฤษีนนั้ เสีย. พระโพธสิ ัตวทูลวา อาตมาภาพงดโทษกะผูข อขมา ก็แตว า คําสาปของชาติมันตดาบสนัน้ ก็จักตกบนศีรษะของชาติ-มนั ตดาบสน้ันนั่นเอง เมอื่ อาตมาปลอยดวงอาทติ ยแลว แสงของดวงอาทิตยจกั ตกบนศีรษะของชาติมนั ตดาบสน้ัน เมอ่ื เปนเชนน้ัน ศรี ษะของดาบสนนั้จกั แตกออก ๗ เส่ียง ขอดาบสน้นั อยา ประสบความยอยยับนั้นเสยี มาเถดิ ทา นจักลงน้ําประมาณเพียงคอ จงวางกอ นดินเหนยี วขนาดใหญไวบนศรี ษะ เราจกัปลอยดวงอาทติ ย แสงของดวงอาทติ ยตกตอ งทกี่ อ นดนิ เหนยี ว จกั ทําลายกอ นดินเหนียวนน้ั แตกเปน ๗ เสี่ยง. เมื่อดาบสนั้นท้ิงกอนดนิ เหนียวเสีย แลวดํานาํ้ ไปโผลข ้นึ ทางทาอน่ื ทานท้ังหลายจงบอกดาบสน้นั ดังน้ี ดาบสนัน้ จกั มีความสวสั ดีปลอดภัย. คนทงั้ หลายกร็ บั คําวา จกั ทาํ อยางน้นั แลวก็ทําตามส่งั ทกุ ประการ.ความสวสั ดีกม็ ีแกดาบสนน้ั น่นั เอง เหมือนอยา งน้ัน. ต้ังแตนัน้ มา ชาตมิ ันต-ดาบสนัน้ ก็ไดค ิดวา ข้ึนชอื่ วา ชาตไิ มเ ปน เหตุ คุณภายใจของเหลา นักบวชตางหากเปน เหตุ ก็ละมานะความถอื ชาติและโคตร ไมม ัวเมาอีกเลย. ดงั นั้น เมือ่ชาตมิ นั ตดาบสถูกทรมานแลว มหาชนก็ไดร ูถ ึงเร่ืองราวของพระโพธิสัตว เกดิโกลาหลเอิกเกรกิ เปนการใหญ พระราชาตรัสวอนขอใหพ ระโพธสิ ตั วไ ปยังพระนครของพระองค. พระโพธสิ ตั วกถ็ วายปฏญิ ญารับคาํ ขอ ดําริวา จักทรมานพราหมณแปดหมื่นคนนน้ั และจักเปลื้องปฏญิ ญา แลวไปยังพระนครของพระเจา เมชฌะ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 173 พราหมณท ง้ั หลาย เห็นพระโพธสิ ตั วเ ทานั้น กป็ รกึ ษากนั วา ทานผเู จริญ น้ีมหาโจรผูนน้ั แหละมาแลว บดั นีจ้ ักทาํ พวกเราใหป รากฏ (เปด โปง)วา พวกเราท้งั หมดน้กี ินเดนไมเ ปนพราหมณแ ลว เมอื่ เปน เชน นี้ พวกเราก็จักอยแู มในท่ีนีไ้ มได จักฆา มันกอ นละ แลวพากันไปเฝา พระราชาทูลวา ขอถวายพระพร ขอมหาบพติ รโปรดอยา ทรงสาํ คัญนกั บวชจณั ฑาลผูน ี้วาเปน คนดีเลย นกั บวชจัณฑาลผนู รี้ ูม นตหนัก จบั แผน ดนิ ทําใหเปน อากาศกไ็ ด จับอากาศทาํ ใหเ ปน แผน ดินก็ได จับทไี่ กลทาํ ใหใ กลก็ได จับทใ่ี กลทําใหไกลกไ็ ดกลับแมคงคาทาํ ใหไ หลข้ึนกไ็ ด เม่ือปรารถนาอาจพลกิ แผนดินกไ็ ด ทําอันตรายพระชนมช ีพก็ได หรอื วาขนึ้ ชื่อวา จติ ของคนอน่ื ไมอ าจยึดไวไ ดท กุ เวลานกั บวชจณั ฑาลผนู ้ี เมอื่ ไดท ีพ่ ่งึ ในนครน้ี ก็จะพึงทาํ แมร าชสมบัตขิ องมหา-บพติ รใหพนิ าศกไ็ ด ทําอนั ตรายพระชนมชีพกไ็ ด ตดั ขาดพระราชวงศก็ไดขอมหาบพิตรโปรดเชื่อคาํ ของพวกอาตมาเถดิ จะฆาเขาเสียไดในวันน้กี ็ควรขอถวายพระพร. ขนึ้ ชือ่ วาพระราชาท้งั หลาย ยอมมปี รปก ษ ดงั นัน้ ทาวเธอจึงตกลงพระทัย ดวยอํานาจถอ ยคาํ ของพราหมณเ หลาน้นั . ฝา ยพระโพธิสตั วเทยี่ วขออาหารไปในพระนคร เดนิ ไปยงั พระราชอุทยาน ปราศจากความสงสยัเพราะเปน ผูไมม คี วามผิด น่ังบนแผน ศลิ าอันเปนมงคล. สตริ ะลกึ ไมไดเ ลยในเวลาเพยี งครเู ดียว เพราะญาณทีส่ ามารถระลึกได ๘๐ กัป คอื อดีต ๔๐ กัปอนาคต ๔๐ กัป ระลกึ ไมได. พระราชาไมใ หคนอ่นื ลวงรูเสดจ็ ไปดว ยพระองคเอง ทรงเอาพระแสงดาบฟน พระมหาบรุ ษุ ซึ่งนง่ั เผลอตวั เพราะระลึกไมไดขาด ๒ ทอน. ฝนคอื พืชโลหะท่ี ๘ ฝนคือโคลนตมที่ ๙ ก็ตกลงในแวน แควนของพระราชาพระองคน้ัน ฝน ๙ ชนิดตกลงในแวนแควน ของพระราชาแมพระองคนีด้ วยประการฉะน้ี. พระราชาพระองคน น้ั พรอมทั้งบริษัท ก็บังเกดิในมหานรก.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 174 ดวยเหตนุ ้นั สังกิจจบณั ฑิต จงึ กลา ววา อุปหจจฺ มน เมชฺโฌ มาตงคฺ สฺมึ ยสฺสสเิ น สปารสิ ชโฺ ช อจุ ฉฺ ินฺโน เมชฌฺ ารฺ ตทา อห.ุ พระเจาเมชฌะพรอ มทง้ั บรษิ ัททรงขาด คุณธรรม ทรงกระทบพระทัย ในเพราะ มาตังคะฤษีผมู ีเกียรตยิ ศ ปาชือ่ วา เมชณะ จงึ ไดม มี าแตคร้งั นั้น. พึงทราบวา ปาเมชฌะกลายเปนปา ไปดว ยประการฉะน้ี. แตปาเมชฌะน้ัน ทานเรียกวา ปามาตังคะ เพราะอาํ นาจของฤษชี ่อื มาตงั คะ. บทวา ปทฺ าปฏิภาณานิ คอื ปญ หาพยากรณ. บทวา ปจจฺ นกี าตพพฺ ความวา สําคัญวา ควรทําใหเ ปน ขาศึก คอื เปน เสมอื นวาถอื วาเปน ฝายตรงขาม.บทวา อนวุ จิ จฺ การ ทา นอธบิ ายวา จงกระทาํ ใหเ ปนขอท่ีพงึ พจิ ารณา คือใครค รวญแลว จึงทาํ . คําวา สาธุ โหติ แปลวา เปนการดี. พระผูม พี ระภาค-เจาทรงแสดงวา กเ็ มือ่ คนเชน ทานพบเรา ถงึ เราวาเปน สรณะ คร้ันพบนิครนถแลว กถ็ ึงนิครนถเ ปนสรณะ คําครหาก็ยอมจะเกิดขน้ึ ไดว า อุบาลีผูนี้ถึงทกุ คนที่ตนพบเห็นนั่นแลเปนสรณะหรอื เพราะฉะนน้ั การใครค รวญเสยี กอ นแลว ทําจงึ เปนการดีสําหรับคนเชน ทา น. คาํ วา ปฏาก ปรหิ เรยฺยุ ความวา เขาวาพวกนิครนถเหลา นนั้ ไดส าวกเห็นปานนนั้ แลว กย็ กธง (โออวด) เท่ยี วปาวประกาศวา พระราชา อาํ มาตยข องพระราชา หรือ เศรษฐีชือ่ โนน ๆ เปนสาวก ถึงเราเปน สรณะ. ถามวา เพราะเหตุไร.

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 175 ตอบวา เพราะวา ความทพ่ี วกเราเปนใหญ จักปรากฏชัดแจง ดว ยวิธีการอยา งนี้ และเพราะวา ถา เขาจะพึงเกดิ วปิ ปฏสิ ารเดือดรอ นสาํ คัญวา เราถึงสรณะดวยเหตุอะไร หรอื เขากจ็ ะบรรเทาความเดอื ดรอ นรําคาญแมอ นั น้นั วาคนเหลา นนั้ ทั้งหมดสวนมาก รถู ึงความท่ีตนมีการถงึ สรณะแลว มาบัดนี้ ไมกลบั เปน ทกุ ข ในการทีจ่ ะถอนคนกลบั ไป. เพราะเหตนุ ั้น พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสวา ปฏาก ปรหิ เรยยยฺ ุ ดงั นี้. คาํ วา โอปานภูต แปลวา ทงั้ อยูเหนอื บอ นํ้าทจ่ี ดั ไว. คําวา กุลคอื นิเวศนข องทาน. คาํ วา ทาตพพฺ  มเฺ ยยฺ าสิ ความวา พระผูม พี ระภาคเจาทรงโอวาทวา เหน็ คน ๑๐ คนบาง ๒๐ คนบาง ๖๐ คนบา ง ผมู าแลว อยา งพดูวาไมม ี ใหเ ถิด อยาตัดไทยธรรมสําหรับนิครนถเหลาน้ี ดวยเพียงเหตทุ ีถ่ ึงเราเปนสรณะ ณ บัดน้ี แทจรงิ ควรใหแ กพ วกเขาทม่ี าถงึ แลว โดยแท. คาํ วาสตุ เมต ภนเฺ ต ความวา อบุ าลีคฤหบดีทูลถามวา ทรงไดย นิ มาจากไหนพระเจาขา. ตรัสตอบวา จากสาํ นักของนิครนถท งั้ หลาย เขาวานิครนถเหลานน้ั ประกาศในเรือนของสกลุ ทงั้ หลายอยา งนี้วา พวกเรากลาววา ควรใหแ กคนใดคนหนง่ึ ทม่ี าถงึ แลว สวนพระสมณโคดมกลา ววา ควรใหทานแกเราเทาน้ัน ฯ ล ฯ ทานทใ่ี หแ กส าวกพวกอื่นไมม ีผลมากเลย พระผมู พี ระภาคเจาทรงหมายเอาคาํ นัน้ จึงตรสั วา อย คหปติ สตุ เมต ดังน.้ี คาํ วา อนุปุพฺพกถ คอื กถาท่ีกลา วตามลาํ ดับอยา งน้คี อื ศลี ลาํ ดบั จากทาน สวรรคลําดับจากศลี โทษของกามท้ังหลายลาํ ดับจากสวรรค.ในอนบุ พุ พกิ ถานนั้ คําวา ทานกถ คอื กถาทป่ี ระกอบดว ยคณุ คอื ทาน เปนตนอยา งน้วี าธรรมดาวา ชื่อวา ทานน้ี เปนเหตุแหง สขุ ทัง้ หลาย, เปน มลู รากของสมบตั ทิ ัง้ หลายเปนทต่ี งั้ แหง โภคสมบัตทิ ง้ั หลาย, เปน ทปี่ องกนั ที่เรน ทไี่ ป ทไ่ี ปเบ้อื งหนาของ

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 176คนทีเ่ ดนิ ทางไมเรยี บ ที่พึ่งพา ทต่ี ง้ั ทห่ี นว งเหนี่ยว ทีป่ องกัน ท่ีเรน ท่ไี ปท่ีไปเบ้ืองหนา เชนกับทาน ไมมใี นโลกน้ีและโลกอ่ืน. ดว ยวา ทานนเ้ี ปนเชน กบั สงิ หาสน (ที่นง่ั รูปสงิ ห) ทําดวยรตั นะ เพราะอรรถวา เปน ท่พี ึ่งพา.เปน เชนกบั แผน ดนิ ผนื ใหญ เพราะอรรถวา เปนทตี่ ้งั . เปน เชน เดียวกับเชอื กโยงเพราะอรรถวา เปนทีห่ นวงเหนย่ี ว. แทจ ริง ทานน้ี เปน ประดจุ นาวา เพราะอรรถวา ขามทุกขไ ด. เปน ประดจุ ผูอ งอาจในสงคราม เพราะอรรถวา โลงใจเปนประดจุ พระนครทีป่ รับปรงุ ดีแลว เพราะอรรถวา ปอ งกนั ภยั ได. เปนประดุจปทุม เพราะอรรถวา อนั มลทินคอื ความตะหนเี่ ปนตนไมซ ึมเขาไป. เปนประดุจอัคคี เพราะอรรถวา เผามลทินเหลา น้ัน. เปนประดจุ งูพิษ เพราะอรรถวา ตองนง่ั ไกล ๆ. เปน ประดุจราชสหี  เพราะอรรถวา ไมหวาดกลวั . เปนประดจุ ชา ง เพราะอรรถวา มีกาํ ลัง. เปน ประดุจพญาโคเผือก เพราะอรรถวาสมมติกันวาเปนมิ่งมงคลยง่ิ . เปนประดจุ พญามาทช่ี ื่อวลาหก เพราะอรรถวา .ใหไปถึงแผน ดนิ อันเกษม (ปลอดภยั ). ธรรมดาวา ทานนั้นเปน ทางท่ีเราดําเนนิ แลว เปนวงศของเราเทา นั้น เปนมหายัญของเวลามพราหมณ เปนมหายัญของมหาโควนิ ทศาสดา เปน มหายัญของพระเจามหาสทุ ัศนจอมจกั รพรรดิ เปนมหายญั ของพระเวสสนั ดร เปน มหายญั เปน อเนก ทเ่ี ราผบู ําเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศบําเพ็ญมาพร่ังพรอมแลว เปนทานทีเ่ รา สมัยที่เปน กระตาย ยอมทอดตัวลงในกองเพลงิ ท่ีลุกโชน ยดึ จิตใจของพวกยาจกทมี่ าถึงแลวได แทจริง ทานยอมใหสัคคสมบัตใิ นโลก ใหม ารสมบัติ ใหพรหมสมบตั ิ ใหจกั รพรรดิสมบัติใหส าวกบารมญี าณ ปจ เจกโพธิญาณ อภสิ ัมโพธิญาณ กบ็ ุคคลเมือ่ ใหท าน ยอมอาจสมาทานศีลได เพราะเหตุนัน้ พระผูมพี ระภาคเจา จึงตรสั ศลี กถาไวใ นลําดับจากทานนน้ั . คําวา สีลกถ คอื กถาท่ปี ระกอบดวยคณุ คอื ศลี เปน ตน อยาง

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 177นว้ี า ธรรมดาวา ศีลนี้ เปน ที่พงึ่ พา ท่ตี ั้ง ทีห่ นว งเหนีย่ ว ที่ปอ งกนั ทีเ่ รนท่ีไป ท่ีไปเบือ้ งหนา ธรรมดาวา ศีลนี้เปน วงศของเรา เราบําเพญ็ ศีลบริบรู ณในอัตภาพท้ังหลายไมม ที ส่ี ดุ คือ คร้ังเปนพญานาคชอ่ื สงั ขปาละ ครงั้ เปนพญานาคช่ือ ภูรทิ ตั ตะ ครง้ั เปน พญานาคช่อื จัมเปยยะ ครง้ั เปนพญานาคชอ่ื สีลวะ คร้งั เปนพญาชางผเู ล้ียงมารดา ครง้ั เปนพญาชางช่อื ฉัททันตะแทจ ริงท่ีพ่งึ อาศยั แหงสมบตั ทิ ั้งหลายในโลกนี้และโลกอ่ืน เชน กับศลี ทต่ี ง้ั ที่หนวงเหนี่ยว ทีป่ องกนั ที่เรน ท่ีไป ทไี่ ปเบอื้ งหนา เชนกบั ศีลไมมี เคร่อื งประดับเชนกบั เคร่อื งประดับคือศีลไมมี ดอกไมเชนกับดอกไมค อื ศลี ไมมี กล่ินเชนกับกล่ินคือศีลไมม ี โลกแมทัง้ เทวโลกมองดูผูป ระดบั ดวยเครอ่ื งประดับคือศีล ผูมดี อกไมค อื ศีลเปน เครื่องประดับ ผอู นั กลิ่นคอื ศีลซมึ ซาบแลว ยอ มไมรูสึกอ่ิม เพอื่ จะทรงแสดงวา ก็บุคคลอาศัยศีลน้ี ยอมไดส วรรคน ด้ี งั น้ี จึงตรัสสคั คกถาลาํ ดับจากศีลน้นั . คําวา สคคฺ กถ ไดแ ก กถาทป่ี ระกอบดว ยคุณคอื สวรรคเปน ตน อยา งนว้ี า ธรรมดาวา สวรรคน ้ี นาปรารถนา นา ใครนาพอใจ ในสวรรคน น้ั มีการเลนเปนนติ ย ไดสมบัตทิ ้งั หลายเปนนิตยเทวดาชั้นจาตุมหาราชเสวยทิพยสขุ ทพิ ยสมบัติ ๙ โกฏปิ  ชน้ั ดาวดงึ ส ๓ โกฏิปและ๖ โกฏปิ . พระโอษฐข องพระพุทธเจา ทั้งหลาย ผกู าํ ลงั ตรสั ถงึ สวรรคส มบัติกไ็ มมเี พยี งพอ สมจรงิ ดังคําทพ่ี ระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวเปน ตนวา ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย เราจะพงึ กลาวสคั คกถาดวยปริยายเปนอเนก ดงั น้ี. พระผูม -ีพระภาคเจา เม่ือทรงประเลา ประโลมดว ยสคั คกถาอยางน้แี ลว เปนประดุจทรงประดับชางแลว ตดั งวงของชางนน้ั เสยี อกี ทรงแสดงวา สวรรคแ มน ี้ ไมเที่ยงไมย ั่งยืน ไมค วรทาํ ความกําหนัดดว ยอาํ นาจความพอใจในสวรรคน้นั จึงตรสัโทษ ความเลวทราม ความเศรา หมอง ของกามท้ังหลายโดยนัยเปนตนวา

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 178กามทงั้ หลาย มีรสอรอยนอย มีทุกขมาก มคี วามคบั แคนมาก โทษในกามเหลา น้ันมีย่งิ ขนึ้ . ในคําเหลานน้ั คําวา อาทนี โว แปลวา โทษ. คาํ วาโอกาโร แปลวา ต่าํ ทราม. คําวา สงกฺ ิเลโส คือ ความเศราหมองในสังสารวัฏของสัตวทั้งหลาย เพราะกามเหลา นน้ั เหมือนทต่ี รัสวา ผเู จริญ สัตวทัง้ หลายยอมเศรา หมองหนอ. พระผมู พี ระภาคเจา ครัน้ ทรงขดู วยโทษของกามอยา งนี้แลว จงึ ทรงประกาศอานิสงสในเนกขมั มะ การหลกี ออกจากกาม. คําวากลลฺ จิตตฺ  คอื จติ ไมเ สยี . คําวา สามุกกฺ  สกิ า คือ ทท่ี รงยกขน้ึ เอง คือท่ีทรงยกขึน้ ถอื เอาดวยพระองคเ อง อธิบายวา ท่ที รงเหน็ ดวยพระสยัมภญู าณไมทั่วไปแกผูอ่ืน. ถามวา นั่นคืออะไร. ตอบวา คอื อริยสัจเทศนา. ดว ยเหตุน้นั ทา นจึงกลาววา ทกุ ข สมุทัย นโิ รธ มรรค. คําวา วริ ช วีตมลความวา ทีช่ ื่อวา ปราศจากธลุ ี เพราะไมม ธี ุลีคอื ราคะเปน ตน ที่ช่ือวาปราศ-จากมลทิน เพราะปราศจากมลทนิ คือราคะเปนตน . คําวา ธมมฺ จกฺขุ นเี้ ปน ชื่อของมรรค ๓ ในพรหมายสุ ตู ร ขา งหนา และอาสวักขยญาณในจุลลราหโุ ลวาทสูตร. สวนในที่นี้ ทรงประสงคเอาโสดาปตติมรรค. เพ่ือทรงแสดงอาการเกิดขนึ้ ของธรรมจักษนุ ั้น จงึ ตรัสวา ส่งิ ใดส่ิงหนงึ่ มคี วามเกดิ ขน้ึ เปนธรรมดาส่งิ นน้ั ทั้งหมดก็มคี วามดบั ไปเปนธรรมดา. ก็ธรรมจกั ษุนน้ั ทาํ นิโรธ ใหเ ปนอารมณแลว แทงตลอดสังขตธรรมทัง้ ปวง ดวยอาํ นาจกจิ น่นั แลเกดิ ข้ึน.อริยสจั ธรรมอันผนู น้ั เห็นแลว เหตนุ ัน้ ผูนั้นชือ่ วา มธี รรมอันเห็นแลว . แมในบทท่ีเหลอื กน็ ยั น้ีเหมอื นกัน. ความสงสัยอันผนู ้นั ขามเสียแลว เหตนุ ้ัน ผูนนั้ ชอ่ื วา มคี วามสงสัยอนั ขา มเสียแลว . คาํ กลาววา อยางไร ของผูน้ัน ไปปราศแลว เหตนุ ้นั ผนู นั้ ชื่อวามีคาํ กลาววาอยางไรไปปราศแลว . ผนู ั้นถงึ แลวซ่งึ ความแกลว กลา เหตุน้ันผูนั้นชอ่ื วา ถึงความแกลวกลา. ผูนั้นไมมีผอู ืน่ เปน

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 179ปจจัยในคําสอนของพระศาสดา คอื ไมเ ปนไปในคาํ สอนของพระศาสดานัน้ดว ยการเชื่อผอู ่นื เหตุน้นั ผนู ั้นชื่อวา ผไู มม ีผอู ื่นเปน ปจจัย. อุบาลีคฤหบดีรบั เอาดว ยจติ เพลิดเพลินแลว สรรเสรญิ ดวยวาจา บันเทงิ ใจแลว .คาํ วา อาวรามิ แปลวา ก้นั ปด. คาํ วา อนาวฏ ไดแ ก ไมหาม คอืเปดประตูแลว . คําวา อสฺโสสิ โข ฑีฆตปสสฺ ี ความวา ไดย นิ วา ฑฆี ตปสสีนิครนถน ้ัน ตง้ั แตอุบาลีคฤหบดีนน้ั ไปแลว กเ็ ทย่ี วเงี่ยหฟู งวา คฤหบดีผูบณั ฑิต กับพระสมณโคดมผถู งึ พรอมดว ยทัศนะมถี อ ยคํานําสตั วออกจากทกุ ขจกั เลอื่ มใส แมเ พราะเหตุอบุ าลบี ณั ฑติ นัน้ จักเลอื่ มใสเพราะธรรมกถา ครนั้เลอ่ื มใสไดแลว จักถึงสรณะเพราะเหตุนั้น หรอื ไมถึงสมณะเพราะเหตุนั้นกอนหนอ. เพราะฉะน้นั ฑฆี ตปสสนี คิ รนถไดฟง เปน ครง้ั แรกทีเดียว. คําวาเตนหิ สมฺม ความวา ฑีฆตปสสนี คิ รนถ ถูกความเศรา ใจอยา งแรงครอบงําแมไ ดยินคําวา จงหยดุ อยใู นทน่ี ้นั นั่นแล แตกําหนดใจความไมได จึงเจรจากับคนเฝา ประตูอยูนน่ั แหละ คําวา มชฌฺ ิมาย ทวฺ ารสาลาย ความวาเรือนหลังใดมี ๗ ซมุ ประตู ซมุ ประตูที่ ๔ ของเรอื นหลังน้ัน นบั แตซุม ประตูในท้ังหมด ช่ือวา ศาลาใกลป ระตกู ลาง เรือนหลงั ใดมี ๕ ซุมประตู ซุมประตทู ่ี ๓ ของเรอื นหลงั น้นั ชอื่ วาศาลาใกลประตูกลาง เรือนหลงั ใดมี ๓ ซุมประตู ซมุ ประตูท่ี ๒ ของเรอื นหลังนนั้ ชื่อวา ศาลาใกลป ระตูกลาง สวนเรือนทีม่ ซี ุมประตูเดียว ซมุ ทอ่ี าศัยเสามงคลทรงกลาง ชื่อวา ศาลาใกลป ระตูกลางแตเ รอื นของอบุ าลคี ฤหบดีนั้น มซี ุม ประตู ๗ ซุม . ทา นกลา ววา ๕ ซมุ กม็ ี.คาํ ทัง้ หมด มคี ําวา อคคฺ  เปนตน เปน ไวพจนของกนั และกัน.ในคาํ วา ย สทุ  น้ี คําวา ย หมายถึงนาฏบตุ รใด. คําวา สทุ  เปนเพยี ง

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 180นิบาต. คาํ วา ปริคคฺ เหตวฺ า ความวา เอาผา หม ผนื นั้นนน่ั แหละคลมุ ทอ งไว.คาํ วา นิสที าเปติ ความวา เชิญใหนัง่ วา คอ ย ๆ อาจารย คอย ๆ อาจารย.ประหนง่ึ วางหมอน้าํ มนั ขนาดใหญ ฉะนัน้ คําวา ทตโฺ ตสิ ความวาทานเกดิ โงไ ปแลวหรือ. คําวา ปฏิมุกโฺ ก ความวา ใสที่ศรี ษะไว(สวม). คําวา อณฺฑหารโก เปน ตน แมเ ปนคําหยาบ ฑีฆปส สีนิครนถก็กําหนดไมไ ดวา พดู คาํ นีห้ ยาบ ก็พูดออกไป เพราะเกิดความเศรา ใจอยางแรงเพราะเหตอุ บุ าลีกลายเปนอนื่ . คาํ วา ภทฺทกิ า ภนเฺ ต อาวฏฏ นี ความวานิครนถพูดหมายถงึ มายาน่นั แล อบุ าลบี รรลโุ สดาปต ติมรรค แทงตลอดดว ยตนเอง. คาํ วา เตนหิ นีเ้ ปนเพียงศัพทนบิ าต ความวา ทา นผูเ จรญิ ขาพเจาจักทําคําเปรยี บเทียบแกท าน. อีกอยา งหนึ่ง เปน คําบอกเหต.ุ ทา นอธบิ ายวาคาํ สั่งสอนของพวกทา น มิใชธรรมนาํ สัตวอ อกจากทกุ ข ดวยเหตอุ ันใดขา พเจาจักทําคําเปรียบเทยี บแกทาน ดวยเหตนุ ้ัน. คาํ วา อุปวิชฺา แปลวา ใกลเวลาคลอด. คาํ วา มกฺกฏจฺฉาปก แปลวา ลูกลงิ . คาํ วา วกิ ณิ ิตวฺ าอาเนหิ ความวา จงใหม ลู คา นาํ มา (ซื้อมา). แทจรงิ ในทองตลาด พอ คาแมคา ยอมขายของเลน สําหรบั ลิง ท้งั ท่ีมวี ิญญาณ ทัง้ ทไ่ี มมีวญิ ญาณ ภริยาสาวของพราหมณแ กนน้ั พดู หมายถงึ ของเลนนัน้ . คําวา รชิต ความวา เราตองการของนี้ทีเ่ ขาเอาสยี อ ม ยอ มไลด วยสีเหลอื งหนาๆ ให. คําวา อาโกฏฏติ -ปุจจาโกฏฏ ิต ความวา ท่ีเขาทบุ กลับไปกลบั มาบอย ๆ. คาํ วา อุภโต ภาค-วิมฏฐ  ความวา ทม่ี ีผิวอนั เขาขัดเกลี้ยงเกลาดีท้งั สองขางแลวดว ยไมไ ผ, มณีและหิน. คาํ วา รงฺคกฺขโม หิ โข ความวา ของเลน ทง้ั ทีม่ วี ญิ ญาณ ทงั้ ท่ไี มม ีวิญญาณ ยอมดดู สียอ ม เพราะฉะนัน้ จึงกลา วอยา งน้ี. คาํ วา โน อาโกฏฏ นกฺขโมความวา เมอ่ื ของเลน มีวิญญาณ เขาเอาวางลงทแ่ี ผนกระดานสาํ หรบั ทบุ ทบุ

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 181ท่ที องกอน ทอ งกแ็ ตก ข้กี ็ไหลออก ทบุ ทหี่ วั หัวก็แตก มันสมองกไ็ หลออก ของเลนท่ไี มม ีวญิ ญาณ กแ็ ตกเปน ช้ินเล็กช้นิ นอ ย เพราะฉะนน้ั จึงกลา วอยางน้.ี คาํ วา วิมชชฺ นกขฺ โม ความวา ของเลน ท่มี วี ิญญาณ ทเี่ ขาขดั ดวยมณแี ละหิน ก็ไรข นไรผ วิ ของเลนทไ่ี มม ีวิญญาณ กแ็ ตกละเอยี ดจงึ กลาวอยางน.ี้ คําวา รงคฺ กฺขโม หิ โข พาลาน ความวา ผูค วรแกการยอม ยอมใหเ กดิ เพยี งราคะ เปน ทรี่ ักของเหลา คนเขลา มคี วามรทู รามสว นวาทะของนิครนถก ด็ ี กถามรรคอ่ืน ๆ ท่ไี รป ระโยชนเชนเรือ่ งภารตยทุ ธและรามายนะเปนตนก็ดี ไมเปน ท่รี กั ของเหลาบัณฑติ เลย. คาํ วา โน อนโุ ย-คกฺขโม โน วมิ ชชฺ นกฺขโม ความวา ไมทนการประกอบตาม หรือการพจิ ารณายอ มวา งเปลา เหมอื นฝดแกลบหาขาวสาร และเหมือนหาแกน ไมใ นตน กลวย. คาํ วา รงฺคกขฺ โม เจว ปณฑฺ ติ าน ความวา แทจ รงิ กถาที่วาดว ยอรยิ สจั ๔ ยอมเปนท่ีรักของเหลาบณั ฑิต ฟงอยถู งึ รอยป ก็ไมรูสึกอมิ่ .เพราะฉะนน้ั จึงกลาวอยา งนี.้ กพ็ ทุ ธวจนะ ยอมลึกซงึ้ อยางเดียวเหมือนมหา-สมุทร โดยประการทีห่ ย่ังลงได เพราะเหตุนนั้ อุบาลคี ฤหบดีจงึ กลา ววาอนุโยคกฺขโม จ วมิ ชฺชนขฺ โม จ. คาํ วา สุณาหิ ความวา อบุ าลคี ฤหบดีเรมิ่ กลา วพระคุณของพระผมู พี ระภาคเจาวา ขา พเจาเปนสาวกของพระศาสดาพระองคใ ด โปรดจงฟงพระคุณท้งั หลาย ของพระศาสดาพระองคน ้ัน. บณั ฑิตเรยี กวา ธีระ ในบทวา ธรี สสฺ . พงึ ทราบความสมั พนั ธในบททั้งปวงอยา งน้ีวา ปญญา ความรอบรู ฯลฯ ความเหน็ ชอบอนั ใด ขา พเจาเปน สาวกของพระพทุ ธเจา ผทู รงประกอบดวยปญญาอันนั้น ผทู รงเปนบณั ฑติฉลาดในธาตุอายตนะ ปฏจิ จสมปุ บาท ฐานะและอฐานะ พระพุทธเจา พระองคนน้ั ทรงเปน พระศาสดาของขาพเจา. คาํ วา ปภนิ นฺ ขีลสฺส แปลวา ผมู ี

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 182กิเลสดจุ ตะปูตรงึ ใจอนั ทาํ ลายไดแลว . สภาวะเหลา ใด ชนะแลว ชนะอยู จักชนะซง่ึ ปุถุชนทั้งปวง เหตุนัน้ สภาวะเหลานัน้ ชอื่ วา ผูชนะ. ถามวา สภาวะเหลาน้ันคอื อะไร ตอบวา คอื มจั จุมาร กิเลสมาร และเทวปุตตมาร มารผูชนะเหลา นนั้ อันพระพทุ ธเจาพระองคนั้นทรงชนะแลว เพราะเหตุน้นั พระ-พทุ ธเจาพระองคนน้ั จึงชอื่ วา ผูมมี ารอันทรงชนะแลว คอื พระผมู พี ระภาคเจาผูม ีมารผชู นะอนั ทรงชนะแลว พระองคน น้ั . คําวา อนฆี สสฺ แปลวา ผไู มม ีทุกข ทง้ั ทกุ ขท ี่เกดิ จากกเิ ลส ท้ังทุกขท ่เี ปนวิบาก. คาํ วา สสุ มจิตตฺ สฺส คือผมู ีจติ สมํ่าเสมอดวยดีในพระเทวทัต ชางชือ่ ธนปาลกะ พระองคุลมิ าล และพระราหลุ เถระเปนตน. คําวา พุทฺธสีลสสฺ แปลวา ผมู อี าจาระ ความประพฤตอิ ันเจริญแลว . คําวา สาธุปฺ สสฺ แปลวา ผมู ปี ญ ญาด.ี คาํ วาวิสมนตฺ รสฺส แปลวา ผขู า มทีอ่ ันไมส ม่ําเสมอมีราคะเปนตน ยนื หยดั อยูแลว. คําวา วิมลสฺส แปลวา ผูมมี ลทิน มีราคะเปน ตน ไปปราศจากแลว. คําวา ตุสติ สสฺ แปลวา ผูมีจิตยนิ ดแี ลว . คําวา วนตฺ โลกามสิ สฺสคือผมู กี ามคุณอันคายเสียแลว. คําวา มุทติ สสฺ คอื ผูพลอยยนิ ดแี ลว ดวยอาํ นาจวหิ ารธรรม คือ มุทติ า. อกี อยางหนึง่ คาํ น้ี อบุ าลีคฤหบดี กลาวซํ้านนั่ เอง. เปนความจรงิ อบุ าลีคฤหบดีกลา วพระคณุ แมอยางเดยี วอยูบอ ย ๆโดยความเส่อื มใสน่นั แล. คาํ วา กตสมณสฺส แปลวา ผมู คี ุณเครอ่ื งเปนสมณะอันทรงกระทําแลว อธบิ ายวา ทรงบรรลทุ ส่ี ดุ ของสมณธรรม. คําวามนชฺ สสฺ แปลวา ผเู ปนสตั วผ ูห นึ่ง ดวยอาํ นาจโวหารโลก. อบุ าลีคฤหบดีกลา วซ้ําอีกวา ผเู ปน นระ (คน) เม่อื เขากลา วโดยประการอ่นื พระคณุ ๑๐ประการ กลา วดว ยคาถาหน่ึง ๆ ยอ มไมพ อ. คาํ วา เวนยกิ สฺส แปลวา ผูนาํ ของสตั วท ั้งหลาย. คาํ วา รุจิรธมมฺ สสฺ แปลวา ผมู ธี รรมสะอาด. คําวา

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 183ปภาสกสสฺ แปลวา ผูกระทําแสงสวา ง. คําวา วีรสฺส คือ ถงึ พรอมดวยความเพียร. คําวา นสิ ภสสฺ คือบรรดาโค ช้นั อสุ ภะ ชัน้ วสภะเปนโคชน้ันสิ ภะ ดวยอรรถวา ไมม ผี เู ทียบไดในทีท่ ง้ั ปวง. คําวา คมภฺ รี สฺส แปลวาทรงมพี ระคุณลกึ ซง้ึ หรอื ผทู รงลกึ ซง้ึ ดว ยพระคุณทงั้ หลาย. คาํ วา โมนปตฺตสฺสคือผบู รรลญุ าณ. ญาณ ความรู ชอ่ื วา เวท ในคาํ วา เวทสลฺ . ผูทรงเพยี บพรอมดว ยความรูท เ่ี รียกวา เวทน้นั . คาํ วา ธมฺมฏสสฺ แปลวา ผูต้งั อยใู นธรรม.คําวา ส วตุ ตสฺ ฺส ผูมีตนสาํ รวมแลว คอื ผูมตี นอันปดแลว . คาํ วา นาคสสฺแปลวา ผปู ระเสริฐ ดวยเหตุ ๔ ประการ. คําวา ปนตฺ เสนสสฺ แปลวาผูม ที นี่ อนและท่นี ่งั อนั สงดั . คําวา ปฏิมนตฺ กสสฺ แปลว ผูเ พยี บพรอมดว ยปญ ญา ตอบโตพระเวท. ความรเู รียกวา โมนะ ในคาํ วา โมนสฺส ทรงเพียบพรอ มดว ยความรูนั้น หรอื ผูมีกเิ ลสอนั ขจัดไดแลว . คาํ วา ทนตฺ สฺส คือผูหมดพยศ. คําวา อิสสิ ตฺตมสสฺ คือ ทรงเปน ฤษีองคท่ี ๗ นับตอ จากฤษี๖ พระองค มีวปิ ส สีฤษีเปน ตน. คาํ วา พรฺ หมฺ สตฺตสสฺ แปลวา ผเู ปน สัตวประเสริฐ. คาํ วา นหาตกสฺส แปลวา ผมู ีกเิ ลสอนั ลางแลว. คาํ วา ปทกรณสฺส๑คอื ผูฉ ลาดในการรวบรวมอกั ษรทง้ั หลายแลว เอามาทาํ บทคาถา (รอ ยกรอง).คาํ วา วิทิตเวทสสฺ แปลวา ผูม ีญาณอันรูแ จง. คําวา ปุรนิ ทฺ ทสฺส แปลวาผูประทานธรรมทานกอนผอู นื่ ทง้ั หมด. คําวา สกกฺ สสฺ แปลวา ผูสามารถ.คาํ วา ปตตฺ ิปตตฺ สฺส แปลวา ผบู รรลุคุณทค่ี วรบรรลุ. คําวา เวยฺยากรณสฺสแปลวา ผแู สดงเน้อื ความไดกวางขวาง. ความจรงิ บทวา พฺยากตนนฺ าเมตไมมี. ความของบทท้ังปวงพระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวแ ลว . คาํ วา วปิ สฺสสิ สฺแปลวา ผูทรงเหน็ แจง . คาํ วา อนกิณตสสฺ แปลวา มใิ ชผสู าธยายมนต. คําวา ๑. บาลี อุปาลวิ าทสตู ร เปน ปทกสฺส.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 184โน อปณตสฺส หมายถึงผูไมย ืนตาม ไมเดนิ ตาม คือมีจิตไมไปตามกเิ ลสท้ังหลาย. คาํ วา อสตตฺ สฺส คือไมของ. แผน ดินเรยี กวา ภูริ ในคําวาภรู ปิ ฺ สฺส อธบิ ายวา ผูเพยี บพรอมดวยปญ ญาอนั ไพบูลย ใหญ กวาง เสมอแผน ดินนน้ั . คําวา มหาปฺสฺส คอื เพยี บพรอมดวยปญญาอันใหญ. คําวาอนูปลติ ตฺ สฺส คอื ผอู นั เคร่ืองฉาบทา คือ ตณั หาและทิฏฐิ ไมฉ าบทาแลว .คําวา อาหุเนยยฺ สสฺ คอื ผูควรรบั ของบูชา. พระผูมีพระภาคเจา ทรงพระนามวา ยักขะ ในคําวา ยกขฺ สฺส กเ็ พราะอรรถวา ทรงแสดงอานุภาพไดหรือเพราะอรรถวา อนั ใคร ๆ มองไมเห็น (ไมปรากฏพระองค). เพราะเหตุนั้นอบุ าลีคฤหบดีจึงกลาววา ยกขฺ สฺส. คําวา มหโต แปลวา ใหญ คําวาตสสฺ สาวโกมฺหมสมฺ ิ ความวา ขาพเจา เปน สาวกของพระศาสดา ผมู ีพระคณุ มีประการดงั นัน้ พระองคน นั้ ปฏสิ มั ภิทา ปญ ญาแตกฉานของอบุ าสกมาถงึ ดว ยโสดาปตติมรรคน่นั แล. ดงั นน้ั อบุ าลีคฤหบดี ดํารงอยใู นวิสยั แหงปญ ญาแตกฉานแลว เมื่อจะกลาวพระคณุ ของพระทศพลในการละกเิ ลสรอ ยบท จึงวสิ ชั นาความของปญ หาที่วา ทา นคฤหบดี พวกเรา (พวกนคิ รนถนาฎบุตร) จะทรงจาํ ตัวทานวาเปนสาวกของใคร. คําวา กทา สฺุฬฺหา แปลวา รวบรวมไวเ มอ่ื ไร ไดยนิ วานคิ รนถนาฏบตุ รนั้น คิดอยา งนี้วา อุบาลีคฤหบดีนไ้ี ปสํานกั พระสมณโคดมมาเดี๋ยวนนี้ ี่เอง เขารวบรวมคุณเหลาน้ันไวต้งั แตเม่อื ไรกัน เพราะฉะน้นั นคิ รนถนาฏบุตรจึงกลา วอยางน.ี้ คาํ วา วจิ ิตฺตมาล คนฺเถยยฺ ความวา นายชางทําดอกไม หรอื ลกู มอื นายชา งทาํ ดอกไม พึงรอ ยระเบยี บดอกไมอ นั วจิ ติ ร ตางโดยเปนระเบียบดอกไม มขี ัว้ เดียวกนั เปนตน ดวยความเปน คนขยนั เองบา งดว ยความทีด่ อกไมท งั้ หลายมสี ตี า ง ๆ กันบาง. ในคําวา เอวเมว โย ภนฺเต

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 185นี้ พึงเหน็ การรวบรวมการพรรณนาพระคุณมปี ระการตา ง ๆ ของพระผูมีพระภาคเจา เทา ขุนเขาสิเนรุ เหมือนกองดอกไมก องใหญ ในบรรดาดอกไมทง้ั หลายนานาชนิด. อบุ าลคี ฤหบดีเปรยี บเหมอื นนายชา งทาํ ดอกไมผฉู ลาดการรอ ยกรองพระคุณอนั วจิ ติ รของพระตถาคตเจาของคฤหบดี เปรยี บเหมือนการรอ ยกรองระเบยี บดอกไมอ ันวิจิตรของนายชา งทาํ ดอกไม. คาํ วา อณุ หฺ  โลหิต มขุ โต อคุ คฺ ฉฺ ิ ความวา นิครนถน าฏบุตรนนั้ ทนดูสกั การะของพระผูมีพระภาคเจา ไมไ ด กค็ ิดมากกวา ต้งั แตพ รงุ น้ี เราก็พาคณะ ๕๐-๖๐ คน เขาไปบานเขา บรโิ ภคอาหารไมไ ด หมอ ขา วของเราแตกเสยี แลว. ครง้ั น้ัน นคิ รนถนาฏบุตรน้นั กเ็ กดิ ความโศกอยา งแรง เพราะการแปรเปลยี่ นของผูทํานบุ ํารุง. ความจรงิ สัตวเหลานี้ คดิ เพ่ือตนอยา งเดยี ว.เม่อื ความโศกนน้ั เกดิ แกน ิครนถน าฏบตุ รนัน้ แลว ความรอนภายในกม็ ี โลหติก็ละลาย. โลหิตนั้นถูกกองลมใหญพ ดั ดนั ขึน้ ก็พลุงออกจากปาก ประมาณบาตรหน่งึ เหมอื นนาํ้ ยอ มทใ่ี สลงในหมอ . กส็ ตั วจ าํ นวนนอย สาํ รอกโลหิตท่คี ั่งออกแลว ยังอาจมีชีวิตอยูไ ด. นิครนถค กุ เขา (เขา ออ น) ลมลงในที่นนั้ นั่นเอง.พนกั งานคานหาม กน็ ํานคิ รนถน าฏบตุ รน้ันออกนอกพระนครพาไปดว ยคันหาม๕ คน พลันมาถงึ นครปาวา. ตอ มาไมนานนกั นคิ รนถน าฏบุตรก็ทํากาละ(ตาย) ณ นครปาวา. พระธรรมเทศนาในพระสตู รน้ี กส็ าํ เร็จลงดวยอํานาจบคุ คลผเู ปน อคุ ฆฏติ ญั แู ล จบอรรถกถาอปุ าลวิ าทสูตรท่ี ๖

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 186 ๗. กกุ กโุ รวาทสตู ร วา ดวยปณุ ณโกลยิ บตุ รและเสนยิ อเจละ [๘๔] ขาพเจา ไดส ดับมาอยา งนี.้ สมยั หนึ่ง พระผมู ีพุระภาคเจา เสดจ็ ประทับอยูในโกลยิ ชนบท ทรงทํานิคมของชาวโกลยิ ะ ชอ่ื วาหลทิ ทวสนะใหเปนโคจรคาม ครง้ั นนั้ ปณุ ณโก-ลยิ บตุ รผูประพฤติวัตรดงั โค และเสนยิ อเจละ ผูประพฤติวัตรดังสนุ ัข เขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา ถึงทีป่ ระทับ แลวปณุ ณโกลยิ บตุ รผปู ระพฤตวิ ัตรดังโค ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลว น่งั ณ ทค่ี วรสวนขางหนง่ึ ฝา ยเสนยิ -อเจละผูพ ระพฤติวตั รดังสุนขั ไดป ราศรยั กับพระผูมพี ระภาคเจา ครั้นผา นการปราศรยั พอใหระลึกถงึ กนั ไปแลว กค็ ุยเข่ียดุจสุนขั แลว นงั่ ณ ท่ีควรสวนขางหนง่ึ ปณุ ณโกลยิ บตุ รผูประพฤตวิ ตั รดังโค ไดท ลู ถามพระผูมีพระภาคเจา วาขาแตพ ระองคผเู จริญ เสนิยอเจละนี้ ประพฤตวิ ัตรดังสนุ ขั ทาํ กรรมยากทผ่ี อู ืน่จะทาํ ได บรโิ ภคโภชนะทีว่ างไว ณ พ้ืนดิน เขาสมาทานกุกกุรวตั รนัน้ อยางบริบรู ณ ส้ินกาลนาน คติของเขาจะเปน อยา งไร ภพหนา ของเขาจะเปน อยางไร. พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั หา มวา อยา เลย ปณุ ณะ จงงดขอ น้เี สียเถดิอยา ถามเราถงึ ขอ นีเ้ ลย. ปณุ ณโกลยิ บุตรผูประพฤติวัตรดังโค ไดท ลู ถามพระผ-ูมพี ระภาคเจาเปนคร้ังที่ ๒ วา ขา แตพระองคผ ูเ จริญ เสนิยอเจละ ประพฤติวัตรดังสนุ ขั ทํากรรมยากที่ผอู ืน่ จะทาํ ได บริโภคโภชนะท่วี างไว ณ พ้ืนดนิเขาสมาทานกุกกุรวัตรนนั้ อยา งบริบูรณส น้ิ กาลนานคติของเขาจะเปน อยางไรภพหนาของเขาจะเปน อยางไร. พระผูมีพระภาคเจาตรสั หา มวา อยา เลย ปณุ ณะจงงดขอนเ้ี สียเถดิ อยา ถามเราถงึ ขอนีเ้ ลย. ปณุ ณโกลยิ บตุ ร ผูป ระพฤตวิ ัตร

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 187ดังโค ไดท ูลถามพระผมู ีพระภาคเจา เปนครั้งที่ ๓ วา ขา แตพ ระองคผ เู จริญเสนยิ อเจละ พระพฤตวิ ตั รดงั สุนขั ทํากรรมยากท่ผี ูอ นื่ จะทําได บรโิ ภคโภชนะที่วางไว ณ พนื้ ดิน เขาสมาทานกกุ กุรวตั รนนั้ อยา งบริบรู ณส ิ้นกาลนาน คติของเขาจกั เปนอยางไร ภพหนา ของเขาจกั เปนอยา งไร. [๘๕] พ. ดูกอ นปณุ ณะ เราไมไดจากทานเปน แนซ ่ึงคําน้วี า อยาเลยปณุ ณะ จงงดขอนั้นเสยี เถิด อยาถามเราถงึ ขอน้นั เลย ดงั น้ี แตเราจกัพยากรณแกท าน ดกู อนปณุ ณะ บคุ คลบางคนในโลกน้บี ําเพ็ญกุกกุรวัตรบาํ เพ็ญปกตขิ องสนุ ัข บาํ เพ็ญกิรยิ าอาการของสุนัขใหบ รบิ ูรณ ไมข าดสาย คร้ันแลวเม่อื ตายไป เขายอมเขาถงึ ความเปนสหายของสุนขั อนงึ่ ถา เขามคี วามเห็นอยา งน้ีวา เราจักเปนเทวดาหรอื เทพองคในองคห นึง่ ดวยศลี วตั ร ตบะหรอื พรหมจรรยน้ี ความเห็นของเขาน้นั เปนความเหน็ ผดิ ดกู อ นปุณณะ เรากลาวคติของผูเ หน็ ผิดวา มี ๒ อยา ง คือ นรกหรือกาํ เนดิ สตั วดิรจั ฉานอยางใดอยา งหนึง่ ดูกอนปณุ ณะ กุกกุรวตั รเมื่อถงึ พรอม ยอ มนาํ เขา ถึงความเปนสหายของสุนขั เมอื่ วบิ ตั ิยอ มนาํ เขา ถึงนรก ดว ยประการฉะนี้. เมอ่ื พระผมู ี-พระภาคเจาตรสั อยา งนี้แลว เสนิยอเจละผูประพฤติวตั รดงั สนุ ขั รองใหน ้ําตาไหล. คตขิ องผปู ระพฤตวิ ตั รดังโค [๘๖] ลําดับน้ัน พระผูม พี ระภาคเจาไดต รสั กะปณุ ณโกลยิ บตุ รผูประพฤตวิ ัตรดังโควา ดกู อ นปุณณะ เราไมไ ดคาํ นี้จากทานวา อยาเลยปณุ ณะจงงดขอนนั้ เสยี เถดิ อยาถามเราถึงขอ นนั้ เลย ดงั น้ี. เสนิยอเจละทูลวา ขา แตพระองคผเู จริญ ขา พเจา มไิ ดร อ งไหถึงการพยากรณนั้น ทพี่ ระผูม พี ระภาคเจา

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 188ตรัสกะขาพเจา แมข าพเจา ไดสมาทานกุกกุรวตั รน้ีอยางบรบิ รู ณมาชานานแลวขาแตพ ระองคผูเจริญ ปุณณโกลิยบุตร ประพฤตวิ ตั รดงั โค เขาสมาทานโค-วัตรน้ันอยา งบริบรู ณมาชา นาน คติของเขาจะเปนอยางไร ภพหนา ของเขาจะเปน อยา งไร. พ. อยา เลย เสนิยะ จงงดขอ นั้นเสียเถิด อยา ถามเราถึงขอน้นั เลย. เสนิยอเจละทูลถามพระผมู พี ระภาคเจาเปนครงั้ ที่ ๒. . . เปนครงั้ ที่ ๓วา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ปณุ ณโกลยิ บุตรนี้ ประพฤติวตั รดังโค เขาสมาทานโควตั รนัน้ อยางบริบรู ณม าชา นาน คตขิ องเขาจะเปนอยา งไร ภพหนา ของเขาจะเปน อยา งไร. พ. ดกู อ นเสนิยะ เราไมไดจากทา นเปนแนซ่งึ คาํ น้ีวา อยาเลยเสนยิ ะจงงดขอ น้ันเสียเถิด อยาถามเราถงึ ขอ นนั้ เลย ดงั นี้ แตเราจกั พยากรณแ กท านดูกอนเสนิยะ บุคคลบางคนในโลกนี้ บําเพญ็ โควตั ร บําเพ็ญปกตขิ องโคบาํ เพญ็ กริ ยิ าอาการของโคอยางบรบิ ูรณ ไมขาดสาย ครั้นแลว เมอื่ ตายไปยอมเขาถงึ ความเปนสหายของโค อน่ึง ถาเขามคี วามเหน็ อยา งนี้วา เราจักเปน เทวดาหรอื เทพองคโคองคหนง่ึ ดว ยศลี วตั ร ตบะ หรอื พรหมจรรยน้ี ความเห็นของเขาน้นั เปน ความเห็นผิด ดูกอ นเสนิยะ เรากลา วคติของผเู ห็นผดิ วา มี๒ อยาง คือ นรกหรอื กําเนิดสัตวด ิรัจฉานอยางใดอยางหนึ่ง ดกู อนเสนิยะโควตั รเมอ่ื ถงึ พรอ ม ยอ มนําเขาถึงความเปน สหายของโค เมอ่ื วบิ ัติยอมนาํ เขาถึงนรก ดวยประการฉะน้.ี เมอื่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสอยา งน้แี ลว ปณุ ณ-โกลิยบุตร ผูประพฤตวิ ตั รดังโค รองไหน ้ําตาไหล. [๘๗] ลําดบั น้นั พระผูมีพระภาคเจาไดต รสั กะเสนิยอเจละ ผปู ระพฤติวัตรดงั สุนขั วา ดกู อ นเสนิยะ เราไมไ ดคาํ นีจ้ ากทา นวา อยาเลยเสนิยะ จงงด

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 189ขอ น้ันเสียเถิด อยาถามเราถึงขอนน้ั เลย ดังนี้ ปณุ ณโกลิยบตุ รทูลวา ขาแตพระองคผ เู จริญ ขา พเจา ไดรอ งไหถงึ การพยากรณนั้น ที่พระผมู พี ระภาคเจาตรัสกะขา พเจา แมขา พเจาสมาทานโควัตรน้อี ยา งบริบูรณมาชา นาน ขาแตพระองคผูเจรญิ ขาพเจา เลื่อมใสในพระผมู ีพระภาคเจา อยา งนว้ี า พระผูม-ีพระภาคเจาทรงสามารถแสดงธรรมโดยประการที่ใหขา พเจาพงึ ละโควตั รนี้ไดและเสนิยอเจละผูประพฤติวัตรดังสุนัข พงึ ละกกุ กรุ วัตรนัน้ ได. ดูกอ นปณุ ณะ ถากระนน้ั ทานจงฟง จงมนสิการใหดี เราจักกลาวปณุ ณโกลยิ บตุ ร ผพู ระพฤติวตั รดังโค ทลู รบั พระผมู พี ระภาคเจาแลว . กรรมดาํ กรรมขาว ๔ [๘๘] พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรสั พระพทุ ธพจนน ้ีวา ดกู อ นปุณณะกรรม ๔ ประการนี้ เราทําใหแ จง ชดั ดวยปญญาอันยง่ิ เอง แลวสอนผอู ่นื ใหรูตาม ๔ ประการน้นั เปนไฉน ดูกอ นปุณณะ กรรมดาํ มีวิบากดาํ มอี ยู กรรมขาวมวี ิบากขาวมอี ยู กรรมท้ังดําทัง้ ขาว มีวบิ ากทั้งดาํ ท้ังขาวมีอยู กรรมไมดําไมข าว มีวบิ ากไมด ําไมขาว เปนไปเพ่อื ความส้นิ กรรมมอี ยู. ดกู อ นปณุ ณะ ก็กรรมดาํ มวี บิ ากดาํ เปน ไฉน ดกู อ นปณุ ณะบุคคลบางคนในโลกน้ี ประมวลกายสงั ขาร อนั มคี วามทุกข ประมวลวจีสงั ขารอันมีความทุกข ประมวลมโนสังขาร อนั มีความทุกข ครั้นแลว เขายอมเขาถึงโลกอนั มคี วามทุกข ยอมถกู ตอ งเขาผเู ขา ถงึ โลกอนั มีทกุ ข เขาอนั ผสั สะประกอบดวยทุกขถ ูกตอง ยอ มเสวยเวทนาอันประกอบดว ยทกุ ข อันเปนทกุ ขโดยสวนเดยี ว ดจุ สตั วนรก ฉะน้ัน ดูกอ นปณุ ณะ เพราะกรรมทมี่ ดี ังนี้แลความอปุ บัติของสัตวจ งึ มี สตั วทาํ กรรมใดไว ยอ มเขาถึงเพราะกรรมนนั้ ผสั สะ

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 190ยอ มถูกตองเขาผูเขา ถึงแลว ดูกอ นปณุ ณะ แมเ พราะอยา งน้ี เราจึงกลาววาสัตวม ีกรรมเปน ทายาท ขอ น้ี เรากลา ววา กรรมดาํ มีวบิ ากดาํ . ดกู อนปณุ ณะ กก็ รรมขาว มีวบิ ากขาว เปนไฉน ดูกอ นปุณณะบคุ คลบางคนในโลกนี้ ประมวลกายสงั ขาร อันไมมคี วามทกุ ข ประมวลวจี-สงั ขาร อันไมม ีความทกุ ข ประมวลมโนสงั ขาร อนั ไมมีความทุกข ครั้นแลวเขายอ มเขาถงึ โลกอนั ไมม ีความทุกข ผสั สะอนั ไมมคี วามทุกข ยอ มถูกตอ งเขาผเู ขา ถึงโลกอันไมมีความทุกข เขาอนั ผัสสะไมม ีความทุกขถ กู ตองแลว ยอมเสวยเวทนาอนั ไมม ีความทุกข เปนสขุ โดยสวนเดยี ว ดจุ เทพชั้นสภุ กิณหาฉะนั้นดูกอ นปณุ ณะ เพราะกรรมที่มดี งั นี้แล ความอุปบตั ขิ องสตั วจ งึ มี สัตวทํากรรมใดไว ยอ มเขาถึงเพราะกรรมนั้น ผสั สะยอมถกู ตองเขาผเู ขา ถึงแลว ดูกอนปณุ ณะ แมเ พราะอยา งน้ี เราจึงกลาววา สตั วมีกรรมเปน ทายาท ขอนี้ เรากลาววา กรรมขาวมีวิบากขาว. ดกู อ นปณุ ณะ ก็กรรมทง้ั ดาํ ทัง้ ขาว มีวิบากทั้งดาํ ทงั้ ขาว เปนไฉน ดูกอนปณุ ณะ บคุ คลบางคนในโลกน้ี ประมวลกายสงั ขาร อันมคี วามทุกขบ า ง ไมม คี วามทุกขบ าง ประมวลวจีสังขาร อนั มีความทกุ ขบาง ไมมีความทุกขบา ง ประมวลมโนสงั ขาร อนั มีความทุกขบาง ไมม คี วามทุกขบางครัน้ แลว เขายอมเขา ถงึ โลกอันมีความทกุ ขบ า ง ไมมคี วามทกุ ขบ าง ผสั สะอันมคี วามทุกขบา ง ไมมคี วามทุกขบา ง ยอมถกู ตอ งเขาผูเขา ถงึ โลก อันมีความทุกขบา ง ไมม คี วามทกุ ขบาง เขาอันผสั สะทีม่ คี วามทุกขบา ง ไมมีความทุกขบ างถูกตอ งแลว ยอ มเสวยเวทนาอันมคี วามทกุ ขบ า ง ไมมคี วามทกุ ขบา งมีทัง้ สขุ และทกุ ขระคนกัน ดจุ พวกมนุษย เทพบางเหลา และสัตวว ินบิ าตบางเหลา ฉะนั้น ดกู อ นปุณณะ เพราะกรรมทมี่ ดี ังน้ีแล ความอุปบตั ิของสตั วจ ึงมีสตั วท าํ กรรมใดไว ยอมเขา ถงึ เพราะกรรมน้นั ผัสสะยอมถกู ตองเขาผเู ขาถึง




















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook