พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 251สบิ ชาติบาง ยีส่ ิบชาตบิ าง สามสิบชาติบา ง สี่สบิ ชาติบาง หา สบิ ชาตบิ างรอยชาติบาง พนั ชาตบิ าง แสนชาตบิ า ง ตลอดสังวัฏกัปเปน อันมากบา งตลอดวิวฏั กปั เปนอนั มากบา ง ตลอดสังวัฏววิ ัฏกัปเปน อนั มากบา งวา ในภพโนน เรามีชอ่ื อยางนน้ั มีโคตรอยา งนนั้ มผี ิวพรรณอยา งนั้น มอี าหารอยางนน้ั เสวยสขุ เสวยทกุ ขอ ยา งน้ัน ๆ มีกาํ หนดอายุเพียงเทานนั้ ครั้นจะตจิ ากภพนนั้ แลว ไดไปเกดิ ในภพโนน แมใ นภพนั้นเราก็มชี ่อื อยางนน้ั มีโคตรอยางนน้ั มีผิวพรรณอยางนัน้ มีอาหารอยา งน้ัน เสวยสขุ เสวยทุกขอยางน้ัน ๆมกี าํ หนดอายุเพียงนน้ั คร้นั จตุ ิจากภพนนั้ แลว ไมม าเกิดในภพนี้ เธอยอ มระลึกถึงชาตกิ อนไดเปน อันมาก พรอ มท้งั อาการ พรอ มทัง้ อเุ ทศ ดวยประการฉะนี้. ภกิ ษุน้นั เมื่อจิตเปนสมาธิ บริสุทธ์ผิ อ งแผว ไมม กี เิ ลส ปราศจากอุปกเิ ลส ออน ควรแกก ารงาน ตง้ั มั่น ไมหวนั่ ไหวอยา งน้ี ยอ มโนม นอ มจติ ไปเพอ่ื รจู ุติและอปุ บัติของสตั วท ง้ั หลาย เธอเห็นหมูส ัตวท ี่กําลังจตุ ิ กาํ ลังอุปบัติ เลว ประณีต ผวิ พรรณดี มผี ิวพรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทพิ ยจกั ษุอนั บริสทุ ธล์ิ ว งจักษขุ องมนุษย ยอ มรูชัดซงึ่ หมสู ตั วผ เู ปน ไปตามกรรมวา สตั วเ หลานป้ี ระกอบดว ยกายทจุ ริต วจีทจุ รติ มโนทจุ ริต ตเิ ตียนพระอริยเจาเปนมิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทําดวยอาํ นาจมิจฉาทฏิ ฐิ เบ้อื งหนา แตตายเพราะกายแตก เขาเขาถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก สว นสตั วเหลา นปี้ ระกอบดวยกายสุจรติ วจีสจุ ริต มโนสุจรติ ไมต เิ ตียนพระอริยเจา เปน สมั มาทฏิ ฐิยึดถอื การกระทาํ ดวยอํานาจสัมมาทฏิ ฐิ เบอ้ื งหนาแตตายเพราะกายแตก เขาเขาถึงสคุ ติโลกสวรรคดงั น้ี เธอยอมเห็นหมูสัตวผูกาํ ลงั จุติ กาํ ลังอุปบตั ิ เลวประณีต มีผวิ พรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทพิ ยจกั ษุอนั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 252บรสิ ุทธ์ิลวงจกั ษขุ องมนษุ ย ยอ มรชู ดั ซงึ่ หมสู ตั วผเู ปนไปตามกรรม ดว ยประการฉะนี้. ภกิ ษุนัน้ เมือ่ จติ เปนสมาธิ บรสิ ุทธิ์ ผองแผว ไมมีกิเลส ปราศ-จากอุปกิเลส ออ น ควรแกก ารงาน ตงั้ มนั่ ไมหวน่ั ไหวอยา งนี้ ยอมโนมนอ มจติ ไปเพื่ออาสวกั ขยญาณ ยอ มรูชดั ตามความเปนจริงวา นที้ กุ ข น้ที ุกข-สมทุ ยั นี้ทุกขนิโรธ นท้ี ุกขนิโรธคามินีปฏิปทา น้ีอาสวะ นีอ้ าสวสมทุ ยันอ้ี าสวนโิ รธ นอี้ าสวนิโรธคามินีปฏปิ ทา เมอื่ เธอรเู ห็นอยา งนี้ จิตยอ มหลุดพน แมจากกามาสวะ แมจ ากภวาสวะ แมจากอวิชชาสวะ เมอื่ จติ หลดุ พนแลว กม็ ีญาณหยั่งรวู า หลุดพน แลว รูช ดั วา ชาติส้นิ แลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจที่ควรทํา ทําเสร็จแลว กิจอ่ืนเพอ่ื ความเปน อยา งน้ี มไิ ดม .ี ดกู อนพราหมณและคฤหบดีท้งั หลาย บุคคลน้เี รากลา ววา เปน ผไู มทําตนใหเ ดือดรอน ไมประกอบการขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดอื ดรอน ไมท ําผอู ่นื ใหเ ดือดรอน ไมป ระกอบการขวนขวายในการทําผูอ นื่ ใหเ ดอื ดรอ น เขาไมท าํ ตนใหเดือดรอ น ไมท าํ ผอู ื่นใหเดือดรอน ไมมีความหิว ดบั สนทิเปน ผเู ยน็ เสวยแตความสุข มตี นเปนดงั พรหมอยูในปจจบุ ันเทยี ว. พราหมณและคฤหบดแี สดงตนเปน อบุ าสก [๑๒๘] เมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจาตรสั อยางน้ีแลว พราหมณแ ละคฤห-บดที ั้งหลายชาวบานศาลาไดกราบทลู วา ขา แตพ ระโคดมผูเจริญ ภาษติ ของพระองคแ จมแจงนกั ขา แตพระโคดมผเู จรญิ ภาษติ ของพระองคแจม แจงนักเปรียบเหมือนบคุ คลหงายของท่ีควา่ํ เปด ของท่ปี ด บอกทางแกคนหลงทาง หรือตามประทีปในท่ีมดื ดว ยหวังวา ผูม ีจกั ษุจักเหน็ รปู ดังนี้ ฉันใด พระโคดม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 253ผูเจริญทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันน้นั เหมอื นกัน ขาพระพุทธเจาท้งั หลายนี้ ขอถึงทา นพระโคดม พระธรรมและพระภกิ ษุสงฆวา เปนสรณะขอทานพระโคดมจงทรงจําขาพระพทุ ธเจาท้ังหลายวา เปน อุบาสก ผถู ึงสรณะตลอดชวี ติ ตั้งแตวนั น้เี ปน ตนไป ดงั น้แี ล. จบอปณ ณกสูตรท่ี ๑๐ จบคหปติวรรคท่ี ๑ ๑๐. อรรถกถาอปณณกสูตร อปณณกสตู ร มีบทเร่ิมตน วา เอวมเฺ ม สตุ ขา พเจาไดฟ งมาแลวอยา งนี.้ ในบรรดาบทเหลา นนั้ บทวา จารกิ คือ จาริกไป ไมร ีบดวน.เหตุไรทานจึงกลา ววา อตถฺ ิ ปน โว คหปตโย. ดังไดส ดับมา บานน้ันตัง้อยใู กลปากดง เหลาสมณพราหมณป ระเภทตาง ๆ เดนิ ทางมาตลอดวนั ยอ มเขาไปหมบู านนนั้ เพื่อพกั อาศยั ในเวลาเย็นบาง เชาบาง ชาวบา นท้ังหลายก็ลาดเตยี ง ตง่ั ถวายสมณพราหมณเหลานนั้ ลางเทา ทาเทา ถวายน้ําด่ืมอนัสมควร. วันรุงขึน้ ก็นมิ นตถ วายทาน. สมณพราหมณเ หลานนั้ ก็มีจิตผองใสสนทนากบั ชาวบานเหลา น้นั พูดอยา งนี้วา ดกู อนคฤหบดีทั้งหลาย ทรรศนะไร ๆ ที่ทานทงั้ หลายยดึ ถือไว มีอยูหรือ ? ชาวบา นกต็ อบวา ไมมีหรอกทานเจา ขา . สมณพราหมณก พ็ ดู วา ทานคฤหบดีทง้ั หลาย เวนทรรศนะเสยี โลกก็ดาํ เนนิ ไปไมได พวกทา นชอบใจทรรศนะอยางหน่ึง เห็นสมควรรบั ไว ก็ควร. พวกทานจงถือทรรศนะอยา งหนึ่งวา โลกเท่ียง ดังน้ีก็พากนั หลีกไป.
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 254วันตอ ๆ มา สมณพราหมณเหลาอืน่ ก็มา แลว กถ็ ามเหมือนอยางนัน้ น่นั แล.ชาวบา นเหลา นั้น ก็ตอบสมณพราหมณน้ันวา ขอรับ เจา ขา แลวกบ็ อกวาวันกอ น ๆ เหลาสมณพราหมณเ ชนเดยี วกบั พวกทาน มาบอกใหพ วกเราถอืทรรศนะวา โลกเทยี่ ง ดังน้ีก็ไป. สมณพราหมณเ หลานน้ั กว็ า พวกนัน้ มันโง จะรูอะไร โลกน้ีขาดสูญตางหาก พวกทา นจงถอื ทรรศนะวา ขาดสูญ ใหชาวบานแมเ หลา น้นั ถือทรรศนะวา ขาดสูญ อยางน้ี แลว ก็หลกี ไป. โดยทาํ นองน้ี สมณพราหมณท้ังหลายก็ใหถ ือทฏิ ฐิ ๖๒ อยางน้ี คอื พวกหนึ่งใหถือทฏิ ฐิวา โลกเที่ยงบางอยา ง พวกหนึ่งใหถือทิฏฐิวา โลกมีท่ีสดุ โลกไมมีทสี่ ุด พวกหนงึ่ ใหถ ือทฏิ ฐิดนิ้ ได ไมต ายตัว. แตวา ชาวบานเหลาน้นั ไมอาจต้งั อยูใ นทิฏฐิแมสกั อยา งเดียวได. พระผมู ีพระภาคเจาไดเสด็จไปภายหลังสมณพราหมณท งั้ หมด. ตรัสถาม เพ่ือประโยชนข องชาวบานเหลาน้นั จงึตรสั วา อตฺถิ ปน โข คหปตโย เปน ตน . บรรดาบทเหลา น้นั บทวาอาการวตี แปลวา มกี ารณ มีเหต.ุ บทวา อปณฺณโก แปลวา ไมผิดไมถ งึ ทางสองแพรง ยดึ ถือไดโ ดยสวนเดยี ว. มิจฉาทิฏฐิ ความเหน็ ผดิ อนั มวี ตั ถุ ๑๐ มวี า นตฺถิ ทนิ นฺ คือ ทานที่ใหแ ลว ไมมีผลดังนเี้ ปน ตน ทานกลาวไวพ ิศดารแลว ในสาเลยยกสูตร ในหนหลัง สัมมาทฏิ ฐิ ความเหน็ ชอบทเี่ ปนขาศึกตอความเห็นผิดนั้น ก็เหมือนกัน.บทวา เนกขฺ มฺเม อานิส ส ความวา อานสิ งสอ นั ใด ในความทค่ี นเหลา น้ันออกจากอกุศล และฝา ยธรรมขาว ฝา ยธรรมบรสิ ุทธ์ิอันใด คนเหลานน้ั ยอมไมเหน็ อานสิ งสและธรรมฝายขาวอันนั้น. บทวา อสทธฺ มมฺ ปฺ๑ ตฺติ แปลวาการบัญญัตธิ รรมอันไมจรงิ . บทวา อตตฺ าน อุกกฺ เสติ ความวา ยกตนวาเวนเราเสยี คนอนื่ ใครเลา ยังจะสามารถนาํ ใหค นอ่ืน ๆ ยดึ ถอื ทรรศนะของ๑ บาลีขอ ๑๐๖. วา อสทธฺ มมฺ สฺ ตตฺ ิ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 255ตนได. บทวา ปร วมฺเภติ ความวา เข่ยี คนอนื่ ไวเ บอ้ื งหลังอยา งนว้ี า ในชนทั้งหลายจาํ นวนถึงเทา น้ี แมส กั คนหน่ึง กไ็ มส ามารถทาํ คนอื่น ๆ ใหย ดึ ถือทรรศนะของตนได. คําวา ปพุ เฺ พว โข ปน ความวา เม่ือคนยดึ ถอื ความเห็นมากอ นนน่ั แล กเ็ ปนอันละความเปน ผมู ีศลี อนั ดีเสีย ปรากฏชัดแตค วามเปนผูทศุ ลี . คาํ วา เอวมสสฺ เม๑ ความวา ธรรม ๗ อยาง มีมจิ ฉาทฏิ ฐิเปน ตนเหลานี้ ยอมมแี กเขาอยา งน.้ี แตธ รรมฝายบาปอกศุ ลเปนอเนก ท่ีมีมิจฉาทิฏฐเิ ปนปจ จยั เหลานน้ั น่ันแล ชอ่ื วาเกิดข้ึนดว ยอาํ นาจการเกดิ ขน้ึ แลว ๆเลา ๆ. บทวา ตตฺร แปลวา นัน้ คอื ในลทั ธิท้ังหลายของสมณพราหมณเหลา น้ัน. บทวา กลิคฺคาโห แปลวา ถอื เอาความพา ยแพ. บทวา ทสุ สฺ มตุ โฺ ตทุสฺสมาทินฺโน แปลวา ถือเอาช่วั ถือเอาผดิ . บทวา เอก ส ผรติ ฺวาตฏิ ติ ความวา แผขยายวาทะของตนนัน่ แลไปขางหนง่ึ สว นหนงึ่ ตงั้ อยู.ถา เม่ือถอื อยา งนว้ี า โลกอ่นื ไมมี ก็จะนํามาซง่ึ สวสั ดิภาพ. บทวา ริ ฉฺ ต๒ิแปลวา ยอมละ. สทธฺ มฺมปฺตฺติ ความวา บญั ญตั ธิ รรมท่เี ปน จริง.กฏคคฺ าโห ความวา ความมชี ัย. บทวา สสุ มตโฺ ต สมุ าทินโฺ น แปลวาถอื เอาดี จบั ตองดี. บทวา อภุ ย ส ผริตวฺ า ตฏิ ติ ความวา แผข ยายวาทะของตนและวาทะของผูอน่ื ไปสองขาง สองสว นตัง้ อยู. ถาเมอื่ ถืออยอู ยา งน้วี า โลกอน่ื ไมม ี กจ็ ะนาํ มาซ่งึ สวสั ดิภาพเทยี ว พึงทราบความในปญ หาสว นเดียวและสองสวน แมข องฝายอนื่ กโ็ ดยนยั นี้ . บทวา กโรโต คอื กระทําดวยมือของตน.ะ บทวา การยโต คือใชใ หคนอ่ืนกระทํา. บทวา ฉินฺทโต คือตดั มือเปนตนของคนอนื่ ๆ. บทวา ปจโต คอื เบยี ดเบียนหรือคกุ คามเขาดว ยของรอน (ไฟ) บทวา โสจยโต คือกระทาํ เองกด็ ใี ชใหผอู ืน่ กระทาํ กด็ ี ซงึ่ ความ ๑. บาลวี า สจจฺ วชเฺ ชน. ๒. บางแหง เปน ริ ฺจติ
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 256โศกเศรา แกค นอนื่ ดวยการลักทรัพยเปน ตน . บทวา กลิ มยโต คือลาํ บากเองก็ดี ทาํ ใหค นอ่นื ลําบากก็ดี ดว ยการตัดอาหาร และกักขังในเรอื นจําเปนตน.บทวา ผนฺทโต ผนทฺ าปยโต คือดน้ิ รนเองก็ดี ทําผูอื่นใหด ิน้ รนก็ดี ในเวลามดั คนอนื่ ซึ่งกําลงั ดน้ิ รน. บทวา ปาณมตปิ าตยโต คอื ฆา เองก็ดีใชผอู ่นื ฆาก็ดี ซ่ึงสัตวมชี ีวิต. พึงทราบความในที่ทุกแหง โดยการทําเองและใชใหคนอนื่ ทาํ โดยนยั ทีก่ ลาวมานี.้ บทวา สนธฺ ึ คือ ตดั ชอ ง (ยอ งเบา).นลิ โลป คือ ปลน สดมภ. บทวา เอภาคาริก คือ ลอ มเรอื นหลงั เดียวเทา นั้น ปลน . บทวา ปรปิ นฺเถ ตฏิ โต คอื ยนื ดกั ทห่ี นทางเพ่ือชิงทรัพยของคนเดินทาง. บทวา กโรโต น กรยิ ติ ปาป ความวา บาปของคนที่แมกระทําดว ยเขาใจวา เราทําบาปอยางใดอยา งหน่ึง ช่ือวา ไมกระทําบาปไมม ี กส็ ตั วทง้ั หลายยอมเขา ใจอยางน้วี า เรากระทํา. บทวา ขุรปริยนฺเตนคอื ปลายคม. บทวา เอก ม สขล คือ กองเน้ือกองหนึง่ . บทวา ปฺุชเปนไวพจนข องคาํ วา เอก ม สขล น้ันแล. บทวา ตโตนทิ าน แปลวามเี หตจุ ากการกระทาํ ใหเ ปน กองเนือ้ กองหนงึ่ นัน้ . เหลา คนทางฝง ใตเ ปนพวกกกั ขละ ทารุณ ทา นหมายเอาคนเหลาน้ัน จงึ กลา ววา หนนโฺ ต เปน ตน.เหลา คนทางฝงเหนือ มีศรัทธา เล่อื มใสนบั ถอื พระพทุ ธเจา วาเปน ของเราพระธรรมวาเปนของเรา พระสงฆว าเปน ของเรา ทานหมายเอาคนเหลา นน้ัจงึ กลา ววา ททนฺโต เปนตน . บรรดาบทเหลา นั้น บทวา ยชนโฺ ต คือกระทําการบชู าใหญ. บทวาทเมน คอื ดวยการฝกอนิ ทรยี คือ อุโบสถกรรม. บทวา ส ยเมน คือ ดว ยการสํารวมในศีล. บทวา สจจฺ วาเจน คือดวยกลา วคาํ สัตย. การมา อธบิ ายวา ความเปนไปชอ่ื วา อาคม. สมณพราหมณบางพวกปฏิเสธการทาํ บาปและ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 257บญุ ทั้งหลาย แมโ ดยประการทงั้ ปวง. แมในฝา ยธรรมขาว (ฝา ยด)ี ก็พงึ ทราบความโดยนัยท่กี ลาวแลว . คําทีเ่ หลือในฝา ยดีน้นั ก็เหมอื นคําทกี่ ลา วมาแลวในวาระกอน. ในคําวา นตถฺ ิ เหตุ นตถฺ ี ปจฺจโย นี้ ปจ จยั เปนคาํ ไวพจนของเหต.ุ สมณพราหมณบางพวกยอ มปฏิเสธปจจยั แหง ความเศรา หมอง มีกายทุจริตเปนตน ปจจัยแหงความหมดจดมกี ายสจุ ริตเปนตน ที่มีอยู แมด วยเหตุและปจ จยั ทง้ั สอง บทวา นตถฺ ิ พล นตถฺ ิ วิรยิ นตถฺ ิ ปุรสิ ตถฺ าโม นตถฺ ิปรุ ิสปรกฺถโม ความวา กําลงั กด็ ี ความเพยี รก็ดี เร่ยี วแรงของบรุ ษุ กด็ ี ความบากบนั่ ของบรุ ษุ กด็ ี ชอื่ วา อันบรุ ุษพึงทํา เพอ่ื ความเศรา หมองหรือเพอื่ ความหมดจดของสัตวท ง้ั หลาย ไมม.ี สมณพราหมณบางพวกแสดงถงึ สตั วทง้ั หลายมีอูฐ โค และแพะเปน ตนไมใหเ หลือ ดว ยคาํ วา สพเฺ พ สตฺตา. กลาวโดยอาํ นาจคําเปนตน วา สัตวม ีชวี ติ อินทรียเดยี ว สตั วม ีชวี ิตสองอนิ ทรยี ดวยคาํ วา สพเฺ พปาณา กลา วหมายถงึ สตั วม ีปาณะท้งั ส้ิน. สมณพราหมณบ างพวก กลา วหมายถึงสัตวผ แู สวงหาภพเกิด ในฟองไขแ ละในมดลกู ดว ยคาํ วา สพฺเพ ภูตา.กลาวหมายถงึ ธญั ชาติมีขา วสาลี ขา วเหนียว ขาวละมานเปน ตน ดว ยคําวาสพฺเพ ชีวา. ดว ยวา สมณพราหมณเหลา น้นั มีความเขา ใจวา ในธัญชาติเหลานัน้ มชี วี ะ เพราะงอกได. คําวา อวสา อพลา อวริ ิยา ความวาเหลา นนั้ ไมมอี าํ นาจ กาํ ลงั หรอื ความเพยี รเปน ของตน. ในคําวา นิยตสิ งคฺ -ตภิ าวปรณิ ตา น้ี การประสพเคราะหกรรม ช่ือวา นิยติ ความไปในที่นั้น ๆ แหงอภชิ าตทิ ง้ั ๖ ช่ือวา สงคฺ ติ ความชมุ นมุ กนั . สภาพน้ันชื่อวาภาว สมณพราหมณบ างพวกแสดงวา สัตวทัง้ ปวง แปรปรวนไป คือ ถงึ ความเปน ประการตาง ๆ กเ็ พราะการประสพเคราะหกรรม เพราะความชมุ นุมกันและเพราะสภาวะดวยประการฉะน้ี สมณพราหมณบ างพวก ยอ มแสดงวา สภาวะใด
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 258พงึ อยางใด สภาวะนัน้ กย็ อมมีอยางนนั้ . สภาวะใดไมม ี สภาวะนั้น กไ็ มมีดวย. คําวา ฉเสวฺ วาภิชาตีสุ ความวา สมณพราหมณบ างพวกแสดงวา สตั วทง้ั ปวงต้ังอยใู นอภชิ าติ ๖ เทานน้ั จงึ เสวยสขุ และทกุ ขได ภมู แิ หง สขุ และทกุ ขอน่ื ไมม.ี ในคําวา ฉเสวฺ วาภชิ าตีสุ นน้ั ช่ือวา อภชิ าติ ๖ คือ กัณหาภิชาติ(อภิชาติดํา) นีลาภชิ าติ (อภิชาตเิ ขยี ว) โลหติ าภิชาติ (อภชิ าติแดง) หลทิ ทา-ภิชาติ (อภิชาตเิ หลอื ง) สุกกาภิชาติ (อภชิ าติขาว) ปรมสกุ กาภชิ าติ (อภิชาติขาวอยางย่ิง). บรรดาอภิชาติ ๖ นน้ั คนฆานก คนฆาหมู พราน คนฆาปลาโจร คนฆาโจร ก็หรือวา คนทีม่ ีงานหยาบชาบางพวกแมเ หลา อน่ื นีช้ อ่ื วากัณหาภชิ าติ. สมณพราหมณบ างพวกกลาววา พวกภกิ ษชุ ือ่ วา นีลาภิชาติ.สมณพราหมณเ หลานนั้ มลี ทั ธอิ ยา งนว้ี า เขาวา ภกิ ษุเหลา น้ันใสหนามลงในปจจยั๔ กนิ ภกิ ษุจึงชื่อวา ประพฤตกิ ณั ฏกวัตร. อีกนัยหน่ึง สมณพราหมณ บางพวกกลา ววา บรรพชติ พวกหนึ่งช่อื วา ประพฤตกิ ณั ฏกวตั รนั่นเทียว. จรงิ อยูแมคาํ วา สมณะ ผูประพฤตกิ ัณฏกวตั ร กเ็ ปน ลัทธขิ องสมณพราหมณเหลานั้น. สมณพราหมณบางพวกกลา ววา พวกนิครนถผ ชู อบเพอ ลัทธขิ องตนฝา ยเดียวชอื่ วา โลหิตาภชิ าต. เขาวา นิครนถเ หลานั้นยงั ขาวกวา สองพวกกอ น. สมณพราหมณบ างพวกกลาววา คฤหัสถสาวกของชีเปลือย ชอื่ วาหลิททาภชิ าต ดงั นั้น สาวกของชเี ปลือยจึงต้ังคนทใี่ หป จจัยแกต นเปนใหญแมกวา นคิ รนถท ้ังหลาย. สมณพราหมณบางพวกกลาววา นันทะ วัจฉะ สังกจิ จะน้ีช่อื วา สุกกากชาต.ิ เขาวา คนเหลา นัน้ ยงั ขาวกวาส่พี วกกอน. สมณพราหมณบางพวกกลาววา สวนอาชีวก ชือ่ วา ปรมสกุ กาภิชาต.ิ เขาวา อาชวี กเหลาน้ัน ขาวกวา ทุกพวก. สมณพราหมณเหลานนั้ มลี ทั ธอิ ยา งนีว้ า บรรดาอภชิ าติ๖ นัน้ สตั วท ้งั ปวง มคี นฆานกเปนตนกอน. พวกสมณศากยบตุ รยงั บริสทุ ธ์ิ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 259กวา คนฆา นกเปนตน นนั้ พวกนคิ รนถย ังบรสิ ทุ ธ์กิ วา พวกสมณศากยบตุ รนั้น.สาวกของอาชีวกยงั บรสิ ุทธิ์กวา พวกนิครนถนน้ั . นันทะเปนตน ยังบริสทุ ธิ์กวาพวกสาวกของอาชวี ก อาชีวกยงั บรสิ ทุ ธิก์ วานันทะเปนตน นนั้ . พึงทราบฝา ยขาว โดยนยั ตรงกนั ขามกบั ท่ีกลาวมาแลว . คาํ ท่ีเหลา แมในทนี่ กี้ เ็ ชนเดยี วกบั ที่กลา วไวแ ลวในวาระกอน. ก็บรรดาทฏิ ฐทิ ง้ั ๓ น้ี นัตถิกทิฏฐิ หา มวบิ าก อกริ ิยทิฏฐิ หา มกรรมอเหตกุ ทฏิ ฐิ หามแมท ง้ั สอง (คอื ทัง้ กรรมและวิบาก) ในกรรมและบากทงั้ สองน้ัน วาทะที่แมหา มกรรม กเ็ ปนอนั หา มวบิ ากดวย วาทะทแี่ มห ามวิบาก กเ็ ปนอนั หา มกรรมดว ย ดังนั้น โดยอรรถ วาทะเหลานัน้ แมท ้ังหมด ไมว า จะเปนอเหตุกวาทะ อกริ ิยวาทะและนตั ถิวาทะ ยอ มหา มกรรมและวบิ ากทง้ั สอง. กค็ นเหลาใดถือลทั ธขิ องสมณพราหมณเหลา นน้ั นง่ั ทอ งพิจารณาในทีพ่ ักกลางคืนและกลางวัน มิจฉาสตขิ องคนเหลานัน้ ยอ มตัง้ มัน่ ในอารมณน น้ั วา ทานท่ีใหแลว ไมม ผี ล ยัญที่บูชาแลว ไมมีผล บาปของคนทท่ี ําแลว ไมเปนอันทํา เหตุไมมีปจจยั ไมม ี จิตก็มีอารมณอนั เดียว ชวนะท้ังหลายก็แลน ไป. ในชวนะที่หน่งึ ยังพอแกไขได. ในชวนะทีส่ องเปน ตนกเ็ หมือนกนั . ในชวนะท่ีเจ็ด แมพ ระ-พุทธเจาท้งั หลายกแ็ กไ ขไมได เปนผูไมห วนกลบั เชนเดียวกบั อริฏฐะและกณั ฏกภกิ ษุ ในชวนะเหลา นัน้ บางคนก็หยงั่ ลงทรรศนะเดยี วบา ง บางคนสองทรรศนะบา ง บางคนสามทรรศนะบาง เมอ่ื เขาหย่งั ลงทรรศนะหน่งึสองสามทรรศนะก็เปนอนั หย่ังลงแลว เขาก็เปน มิจฉาทฏิ ฐิ ชนิดดงิ่ ทเี ดียว หา มทางสวรรค ทางพระนิพพาน ไมค วรไปสวรรค ในอันดบั แหง อตั ภาพนัน้จะปวยกลาวไปไยถงึ พระนพิ พาน. สัตวน ้เี ปนผเู ฝา แผนดิน ชอ่ื วา เปนตอแหง วฏั ฏะ.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 260 ถามวา กม็ ิจฉาทิฏฐิสัตวนี้ ดงิ่ อยใู นอัตภาพเดยี วเทานั้น หรือในอัตภาพอื่นดว ย. ตอบวา ดง่ิ อยูในอตั ภาพเดยี วเทานน้ั . แตถาเขายงั ชอบใจทฏิ ฐินน้ั ๆ อยใู นระหวา งภพดวยอํานาจการเสพบอ ย ๆ คนเชน นัน้ โดยมากกอ็ อกไปจากภพไมไ ด. ตสฺมา อกลฺยาณชน อาสวี สิ มโวรค อารกา ปรวิ ชฺเชยฺย ภตู กิ าโม วจิ กขฺ โณ เพราะฉะนัน้ ผูมีปญ ญาเหน็ ประจกั ษ ตอ งการความเจริญ พึงงดเวนคนไมด ี ท่ี เปนดงั งูพษิ เสียใหหา งไกล. บทวา นตถฺ ิ สพพฺ โส อารปุ ปฺ า ความวา ชอ่ื วา ฝายอรปู พรหมโลกยอมไมมีโดยอาการท้ังปวง. บทวา มโนมยา คอื สําเร็จดวยจติ อนั ประกอบดว ยฌาน. บทวา สฺามยา คือ สําเร็จดว ยสัญญาโดยสญั ญาในอรปู ฌาน.บทวา รปู าน เยว นพิ ฺพทิ าย วิราคาย นโิ รธาย ปฏิปนฺโน โหติ ความวา ผูนเี้ ปน ผไู ดก็มี เปน ผูตรึกก็ม.ี ผไู ดร ปู าวจรฌาน ช่ือวา ผไู ด. ผูไดรูปาวจรฌานนน้ั ไมม ีความสงสยั ในรปู าวจรฌาน ยงั มคี วามสงสัยในโลกฝา ยอรปู าวจรอยู.ผูไดฌานน้ัน ยอ มปฏบิ ัตอิ ยา งน้ัน ดวยเขาใจวา เราฟงผกู ลา ววา อรูปพรหมทง้ั หลายมอี ยูก ็มี ผกู ลาววา ไมมกี ม็ ี แตเ ราไมร วู า มี หรือ ไมมี เราจกั ทําจตตุ ถฌานใหเปนปทัฏฐานแลว ทาํ อรูปาวจรฌานใหเ กิด ถา อรูปพรหมทง้ั หลายมอี ยู เราจกั บงั เกดิ ในอรปู พรหมนน้ั ถา ไมมี เราก็จักบังเกิดในโลกฝายรปู าวจร-พรหม ธรรมอันไมผ ิดของเรา จกั เปนธรรมไมผดิ ไมพ ลาด ดว ยการปฏบิ ตั ิอยางนี้. สว นผตู รึกผไู มไ ดฌ าน แมเ ขาจะไมม คี วามสงสยั ในรูปฌาน แตกย็ ังมีความสงสยั ในโลกฝา ยอรปู พรหม. ผตู รึกนั้น ยอ มปฏิบตั ิอยา งนั้น ดวยเขาใจวา
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 261เราฟง ผูกลาวอรปู พรหมท้งั หลายวาไมม ีกม็ ี ผูกลาววา มกี ็มี แตเราไมร ูวา มีหรือไมมี เราจักทําบรกิ รรมในกสิณ ยงั จตตุ ถฌานใหเ กดิ แลว ทาํ จตตุ ถฌานน้ันใหเ ปน ปทัฏฐาน จักยังอรูปาวจรฌานใหเกิด ถาอรูปพรหมท้งั หลายมีอยูเราก็จักบงั เกิดในอรปู พรหมน้นั ถา ไมมี เราก็จกั บังเกดิ ในโลกฝายรปู าวจรพรหม ธรรมอนั ไมผิด จกั เปนธรรมไมผ ิด ไมพลาดดว ยการปฏบิ ตั อิ ยา งน้ีนแ่ี หละ. บทวา ภวนโิ รโธ คือพระนพิ พาน. บทวา สราคาย สนตฺ ิเกคือใกลค วามยนิ ดีในวัฏฏะ ดว ยอํานาจความกาํ หนดั . บทวา ส โยคาย คือใกลค วามประกอบตนไว ดว ยตัณหาความทะยานอยาก. บทวา อภินนฺทนายคือใกลความเพลดิ เพลินดวยอํานาจตณั หาและทฏิ ฐิ. บทวา ปฏปิ นฺโนโหติ ความวา แมผ นู ้ี เปนผไู ดก ม็ ี เปนผูต รึกก็ม.ี ผไู ดสมาบัติ ๘ ชือ่ วาผูได. ผูไ ดส มาบัติ ๘ นัน้ ไมม ีความสงสัยในอรปู พรหม ยงั มคี วามสงสัยในพระนพิ พาน. เขาปฏบิ ัติอยา งนี้ดวยเขา ใจวา เราฟง เขาพูดวา นิโรธมีก็มี ไมม ีกม็ ี เราไมร เู อง เราจกั ทาํ สมาบตั ิใหเปน บาทแลวเจริญวิปสสนา ถา นิโรธจกั มีไซร เราก็จกั บรรลุพระอรหตั ปรินพิ พาน ถาไมม ี เรากจ็ กั บงั เกิดในอรูปพรหมสว นผูต รกึ ไมไดแมแ คสมาบัตสิ ักอยา งหนง่ึ . แตเขาก็ไมมคี วามสงสัยในอรปูพรหม ยงั มคี วามสงสัยในภวนิโรธ (พระนิพพาน) อยู. เขาปฏิบตั ิอยางน้ี ดวยเขาใจวา เราฟงเขาพูดวา นโิ รธมีก็มี ไมมีก็มี เราไมร เู อง เราจักกระทาํบรกิ รรมในกสณิ แลว ทําสมาบตั ิ ๘ ใหเ กดิ เจริญวปิ สสนา มีสมาบัติเปนปทฏั ฐาน ถา นโิ รธจกั มไี ซร เราจักบรรลุพระอรหตั ปรินพิ พาน ถา ไมม ี เราก็จักบงั เกดิ ในอรปู พรหม. ถามวา พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวใ นพระสตู รน้ัน คาํ วา ทานท่ีใหแลว มผี ล ดงั น้เี ปน ตนเปน คําไมผดิ กแ็ ลวไปเถิด สวนคาํ วา ทานที่ให
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 262แลวไมม ผี ล ดังน้ีเปนตน ไมผดิ ดวยอยางไรเลา. ตอบวา ดว ยอาํ นาจความยดึ ถือกนั . จริงอยู คําเหลา น้ัน ท่ีเกดิ เชือ่ วา ไมผ ดิ กเ็ พราะเขายดึ ถือไวอยา งน้ีวา . ไมผ ดิ ไมผ ดิ . ศพั ทวา จตตฺ าโรเม นี้ แยกกนั คนละสว น แตขอความเชอ่ื มโยงกนั . บุคคล ๕ จาํ พวกเหลานี้คือ นตั ถกิ วาทะ อกริ ยิ วาทะอเหตกุ วาทะและ ๒ จาํ พวกทม่ี ีวาทะอยางนี้วา อรปู พรหมไมมี นโิ รธไมมีบคุ คล ๓ จาํ พวกหลงั เทาน้นั มีอยู บุคคล ๕ จาํ พวกมีอัตถิกวาทะเปนตน บุคคลจาํ พวกท่ี ๔ จําพวกเดียวเทา นนั้ . เพอื่ จะทรงแสดงความขอ น้ัน พระผูมีพระ-ภาคเจาจึงทรงเรม่ิ เทศนานี้. โดยอรรถ คาํ ทัง้ หมด ในวาทะนั้นตืน้ ท้งั นั้นแล. จบอรรถกถาอปณ ณกสูตรที่ ๑๐ จบคหปตวิ รรคที่ ๑รามพระสตู รทม่ี ใี นวรรคนี้ คือ๑. กันทรกสูตร ๒. อฏั ฐกนาครสูตร๓. เสขปฏปิ ทาสตู ร ๔. โปตลยิ สตู ร๕. ชวี กสูตร ๖. อุปาลวิ าทสตู ร๗. กกุ กุโรวาทสตู ร ๘. อภยราชกุมารสูตร๙. พหุเวทนยิ สูตร ๑๐. อปณ ณกสตู ร
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 263 ๒. ภิกขวุ รรค ๑. จูฬราหุโลวาทสตู ร ทรงโอวาทพระราหุล [๑๒๕] ขา พเจา ไดสดบั มาอยา งน้.ี สมยั หนึง่ พระผูมีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวหิ ารเวฬุวันกลัน-ทกนวิ าปสถาน เขตพระนครราชคฤห ก็สมยั นัน้ แล ทา นพระราหุลอยู ณปราสาทชอ่ื วา อมั พลัฏฐกิ า ครงั้ นัน้ เวลาเยน็ พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ออกจากที่เรน อยูแลว เสดจ็ เขา ไปยังอมั พลัฏฐิกา ปราสาททีท่ า นพระราหลุ อยูทานพระราหุลไดเหน็ พระผูมีพระภาคเจาเสดจ็ มาแตไกล จึงปลู าดอาสนะและต้ังน้ําสําหรับลางพระบาทไว พระผูมีพระภาคเจาประทบั นั่งบนอาสนะทีป่ ลู าดไว แลว ทรงลา งพระบาท ทา นพระราหุลถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลวน่ัง ณ ทคี่ วรสว นขา งหนงึ่ . [๑๒๖] ลําดับนนั้ พระผมู พี ระภาคเจาเหลอื นาํ้ ไวใ นภาชนะนา้ํ หนอยหนง่ึ แลวตรสั กะทา นพระราหลุ วา ดกู อนราหุล เธอเห็นน้ําเหลอื หนอ ยหนึ่งอยูในภาชนะนํ้าน้หี รอื . ทานพระราหลุ กราบทูลวา เห็นพระเจา ขา . ดกู อ นราหุล สมณธรรมของบคุ คลผูไ มมคี วามละอายในการกลา วมสุ าทัง้ รูอยูก็มนี อ ยเหมอื นกนั ฉะนน้ั . ลําดบั น้นั พระผูมีพระภาคเจาทรงเทนา ทีเ่ หลอื หนอยหนึง่ นัน้ เสีย แลวตรัสกะทา นพระราหลุ วา ดกู อนราหุล เธอเห็นน้าํ หนอ ยหนึ่งท่เี ราเทเสียแลวหรือ.
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 264 รา. เห็น พระเจา ขา. พ. ดกู อนราหลุ สมณธรรมของบุคคลผไู มม ีความละอายในการกลา วมสุ าท้งั รอู ยู กเ็ ปน ของที่เขาทิ้งเสียแลว เหมือนกนั ฉะน้ัน. ลาํ ดบั นน้ั พระผมู ีพระภาคเจา ทรงคว่าํ ภาชนะนา้ํ นน้ั แลว ตรสั กะทานพระราหุลวา ดกู อ นราหุล เธอเหน็ ภาชนะนํ้าท่คี วํ่านีห้ รือ. รา. เห็น พระเจา ขา. พ . ดูกอนราหุล สมณธรรมของบุคคลผไู มม คี วามละอายในการกลาวมสุ าท้ังรูอยู กเ็ ปนของท่ีเขาคว่าํ เสียแลว เหมือนกนั ฉะนัน้ . ลําดบั นั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงหงายภาชนะนาํ้ น้นั ข้ึน แลวตรัสกะทา นพระราหลุ วา ดูกอนราหลุ เธอเหน็ ภาชนะนํา้ อันวา งเปลานีห้ รอื . รา. เหน็ พระเจาขา. พ. ดูกอนราหลุ สมณธรรมของบุคคลผไู มม คี วามละอายในการกลา วมุสาทัง้ รอู ยู ก็เปนของวางเปลาเหมือนกนั ฉะนน้ั . [๑๒๗] พ. ดูกอนราหุล เปรียบเหมือนชางตน มีงางอนงาม เปนพาหนะที่เจริญยิ่งนัก มกี าํ เนิดดี เคยเขา สงคราม ชางน้ันเขาสงครามแลวยอมทาํ กรรมดว ยเทา หนาทงั้ สองบา ง ดวยเทา หลงั ท้งั สองบาง ดวยกายเบื้องหนาบาง ดวยกายเบอื้ งหลังบาง ดว ยศรี ษะบา ง ดวยหูท้ังสองบาง ดว ยงาทัง้ สองบาง ดว ยหางบาง ยอมรักษาไวแตง วงเทา นน้ั เพราะการที่ชางรักษาแตงวงน้นั ควาญชา งจงึ มีความดาํ ริอยางน้ีวา ชางตนนแี้ ลมงี าอนั งอนงามเปน พาหนะท่เี จรญิ ย่ิงนกั มีกําเนิดดเี คยเขาสงคราม เขาสงครามแลว ยอมทํากรรมดวยเทาหนา ทง้ั สองบาง ดว ยเทา หลงั ท้งั สองบาง ดว ยกายเบอื้ งหนาบางดวยการเบอื้ งหนาบาง ดวยศรี ษะบาง ดว ยหทู ้ังสองบา ง ดวยงาทัง้ สองบาง
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 265ดว ยหางบา ง ยอมรักษาไวแ ตงวงเทานน้ั ชวี ิตชื่อวา อันชา งตนยงั ไมยอมสละแล ดูกอนราหุล เมื่อใดแลชางตนมงี าอันงอนงามเปน พาหนะทเี่ จรญิ ยงิ่ นัก มีกาํ เนิดดี เคยเขาสงครามแลว ยอมทาํ กรรมดวยเทา หนา ทง้ั สองบาง ดวยเทาหลงั ทั้งสองบาง ดว ยกายเบ้อื งหนา บาง ดวยกายเบอ้ื งหลงั บา ง ดว ยศรี ษะบางดว ยหทู ง้ั สองบาง ดว ยงาทงั้ สองบาง ดว ยหางบาง ดวยงวงบาง เพราะการท่ีชางทํากรรมดวยงวงนั้น ควาญชางจึงมคี วามดาํ ริอยา งนี้วา กช็ า งตน นีแ้ ลมีงาอนั งอนงาม เปน พาหนะทเ่ี จริญยงิ่ นกั มีกําเนิดดีเคยเขาสงคราม เขาสงครามแลว ยอ มทาํ กรรมดวยเทา หนาท้งั สองบา ง ดว ยเทา หลังท้ังสองบา ง ดวยกายเบือ้ งหนา บาง ดวยกายเบ้อื งหลังบา ง ดว ยศีรษะบาง ดวยหทู งั้ สองบา ง ดวยงาทง้ั สองบาง ดวยหางบาง ดว ยงวงบา ง ชีวิตชือ่ วาอนั ชา งตนยอมสละแลวบัดน้ีไมมีอะไรท่ชี า งตน จะพงึ ทาํ ไมได ฉันใด ดกู อ นราหลุ เรากลา ววาบุคคลผไู มม คี วามละอายในการกลา วมุสาท้งั ทร่ี อู ยู ทจ่ี ะไมท ําบาปกรรมแมน อ ยหน่งึไมมี ฉนั นนั้ เหมือนกนั เพราะเหตุนน้ั แหละ ราหลุ เธอพึงศกึ ษาวา เราจักไมกลาวมุสา แมเพราะหวั เราะกันเลน ดกู อ นราหุล เธอพงึ ศึกษาอยางนีแ้ ล. [๑๒๘] ดูกอนราหลุ เธอจะสําคัญความขอน้นั เปน ไฉน แวนมีประโยชนอ ยา งไร. มปี ระโยชนส าํ หรบั สอ งดู พระเจาขา . ฉนั นั้นเหมือนกันแล ราหลุ บคุ คลควรพิจารณาเสยี กอน แลวจึงทํากรรมดวยกาย ดวยวาจา ดวยใจ. กรรม ๓ [๑๒๙] ดกู อ นราหลุ เธอปรารถนาจะทาํ กรรมใดดว ยกาย กายกรรมนนั้ เธอพงึ พจิ ารณาเสียกอ นวา เราปรารถนาจะทาํ กรรมน้ใี ดดว ยกาย กายกรรม
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 266ของเราน้ีพึงเปน ไปเพอื่ เบยี ดเบยี นตนบา ง เพ่ือเบียดเบยี นผอู น่ื บา ง เพือ่ เบียดเบียนทง้ั ตนทั้งผอู ่ืนบาง กายกรรมนเ้ี ปนอกศุ ล มที กุ ขเ ปนกาํ ไร มีทุกขเ ปนวิบากกระมังหนอ ดูกอนราหลุ ถา เมอื่ เธอพิจารณาอยู พงึ รูอ ยา งน้วี า เราปรารถนาจะทาํ กรรมใดดว ยกาย กายกรรมของเราน้ี พึงเปนไปเพื่อเบียดเบียนตน เพื่อเบียดเบียนผูอน่ื เพ่ือเบยี ดเบยี นทง้ั คนทงั้ ผอู ืน่ กายกรรมน้เี ปนอกศุ ล มีทุกขเ ปนกําไร มีทกุ ขเ ปน วิบากดงั นไี้ ซร กรรมเห็นปานนี้ เธอไมพงึ ทําดวยกายโดยสว นเดยี ว แตถา เมอื่ เธอพิจารณาอยูพงึ รอู ยา งนวี้ า เราปรารถนาจะทาํ กรรมใดดวยกาย กายกรรมของเรานไ้ี มพ งึ เปนไปเพ่ือเบียดเบยี นตน เพอื่ เบียดเบียนผูอน่ื เพือ่ เบียดเบยี นทั้งตนทั้งผอู ื่น กายกรรมนเี้ ปนกุศลมสี ุขเปนกําไร มีสขุ เปนวิบากดงั นไ้ี ซร กายกรรมเห็นปานนั้น เธอพึงทาํ ดว ยกาย แมเมอ่ื เธอกําลงั ทาํ กรรมดว ยกาย เธอกพ็ งึ พิจารณากายกรรมน้นั แหละวาเรากําลังทาํ กรรมใดดว ยกาย กายกรรมของเรานยี้ อ มเปนไปเพือ่ เบยี ดเบียนตนบา ง เพือ่ เบยี ดเบียนผอู ื่นบาง และเพ่ือเบียดเบียนทั้งตนและผอู ื่นบา ง กาย-กรรมนี้เปน อกุศล มีทุกขเ ปนกาํ ไร มที กุ ขเปน วบิ ากกระมังหนอ ถา เมื่อเธอพจิ ารณาอยู พงึ รอู ยา งน้วี า เราทาํ กรรมใดดวยกาย กายกรรมของเราน้ี ยอ มเปน ไปเพ่อื เบียดเบยี นตนบาง เพ่อื เบียดเบยี นผอู นื่ บาง และเพ่อื เบียดเบยี นท้ังตนและผอู ่นื บาง กายกรรมน้ีเปน อกุศล มีทกุ ขเปนกําไร มที กุ ขเ ปนวิบากดังนไี้ ซร เธอพงึ เลิกกายกรรมเหน็ ปานน้ันเสีย แตถ าเธอพจิ ารณาอยู พงึ รูอยา งนี้วา เราทาํ กรรมใดดว ยกาย กายกรรมของเราน้ี ยอ มไมเ ปนไปเพือ่เบียดเบียนตนบาง เพอ่ื เบยี ดเบยี นผอู นื่ บา ง และเพอ่ื เบียดเบยี นท้งั ตนและผูอื่นบาง กายกรรมนเี้ ปนกุศล มีสขุ เปนกาํ ไร มสี ขุ เปน วบิ ากดงั น้ไี ซร เธอพงึเพม่ิ กายกรรมเห็นปานนัน้ ดกู อ นราหุล แมเ ธอทาํ กรรมดวยกายแลว เธอก็
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 267พึงพิจารณากายกรรมนัน้ แหละวา เราไดทําแลว ซงึ่ กรรมใดดวยกาย กายกรรมของเรานยี้ อมเปนไปเพ่อื เบยี ดเบยี นตนบา ง เพอ่ื เบียดเบยี นผูอน่ื บาง และเพ่อืเบยี ดเบียนทั้งตนเละผอู นื่ บา ง กายกรรมนีเ้ ปนอกศุ ล มีทุกขเปนกาํ ไร มที ุกขเปน วิบากกระมังหนอ ถาเธอพจิ ารณาอยู พงึ รอู ยา งนี้วา เราไดท าํ แลวซง่ึกายกรรมใด กายกรรมของเรานี้ยอมเปน ไปเพือ่ เบียดเบยี นตนบาง เพือ่ เบียดเบียนผอู ่นื บาง และเพอื่ เบียดเบียนท้งั ตนและผูอน่ื บา ง กายกรรมน้เี ปน อกุศลมีทกุ ขเปนกาํ ไร มีทกุ ขเ ปน วิบากดงั นไี้ ซร กายกรรมเหน็ ปานนั้น เธอพึงแสดง เปด เผย ทําใหตนื้ ในพระศาสนาหรือในเพือ่ นพรหมจรรยท ้ังหลายผูวิญู แลว พงึ สํารวมตอไป แตถ าเธอพจิ ารณาอยพู งึ รูอยา งนวี้ า เราไดท ําแลว ซง่ึ กรรมใดดว ยกาย กายกรรมของเรานี้ ยอ มไมเปน ไปเพ่อื เบยี ดเบียนตนบา ง เพ่ือเบยี ดเบยี นผูอื่นบาง และเพอื่ เบียดเบียนทง้ั ตนและผูอื่นบา ง กายกรรมน้ีเปน กศุ ล มีสุขเปน กาํ ไร มสี ุขเปนวิบากดังนีไ้ ซร เธอพงึ มีปติและปราโมทยศึกษาในกุศลธรรมทง้ั กลางวันและกลางคนื อยูด วยกายกรรมน้นั แหละ. [๑๓๐] ดูกอ นราหลุ เธอปรารถนาจะทาํ กรรมใดดว ยวาจา เธอพงึพิจารณาวจีกรรมน้ันเสยี กอ นวา เราปรารถนาจะทํากรรมใดดวยวาจา วจกี รรมขอเรานีพ้ งึ เปนไปเพอ่ื เบยี ดเบียนตนบา ง เพ่อื เบยี ดเบยี นผอู ่ืนบาง และเพ่ือเบยี ดเบียนทงั้ ตนและผูอ่นื บา ง วจีกรรมน้ีเปนอกุศล มีทุกขเ ปน กาํ ไร มที กุ ขเปน วิบากกระมงั หนอ ถา เธอพจิ ารณาอยู พงึ รูอยา งนี้วา เราปรารถนาจะทาํกรรมใดดว ยวาจา วจกี รรมของเราน้ี พึงเปนไปเพือ่ เบียดเบยี นตนบาง เพ่อืเบียดเบยี นผอู ่นื บา ง และเพ่อื เบียดเบยี นทงั้ ตนและผูอ ่ืนบา ง วจีกรรมนเี้ ปนอกุศล มีทุกขเ ปน กําไร มีทกุ ขเ ปนวิบากดังน้ีไซร วจีกรรมเห็นปานนั้นเธอไมค วรทําโดยสว นเดยี ว แตถ าเธอพจิ ารณาอยู พงึ รูอยา งนว้ี า เราปรารถนา
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 268จะทํากรรมใดดว ยวาจา วจีกรรมของเรานี้ไมพ งึ เปน ไปเพอื่ เบยี ดเบยี นคนบา งเพื่อเบยี ดเบียนผอู ่นื บาง และเพอ่ื เบยี ดเบียนทัง้ คนและผูอน่ื บา ง วจีกรรมน้ีเปนกุศล มสี ขุ เปนกาํ ไร มีสุขเปน ผลดงั น้ไี ซร วจกี รรมเห็นปานน้นั เธอควรทํา ดูกอ นราหุล แมเม่ือเธอกําลังทาํ กรรมดวยวาจา เธอกพ็ ึงพจิ ารณาวจีกรรมนน้ั แหละวา เราทําอยูซึ่งกรรมใดดวยวาจา วจีกรรมของเราน้ี ยอ มเปนไปเพื่อเบียดเบยี นตนบา ง เพอื่ เบียดเบียนผูอนื่ บาง และเพอ่ื เบียดเบยี นทงั้ ตนและผูอ่ืนบาง วจีกรรมนเ้ี ปนอกุศล มที ุกขเ ปน กาํ ไร มที กุ ขเ ปนวิบากกระมงั หนอ ถา เธอพิจารณาอยู พึงรอู ยา งนวี้ า เราทาํ อยูซงึ่ กรรมใดดว ยวาจาวจกี รรมของเรานี้ ยอ มเปน ไปเพือ่ เบยี ดเบียนตน เพอ่ื เบยี ดเบียนผูอื่น และเพ่ือเบียดเบยี นทัง้ ตนและผอู ่ืน วจีกรรมน้เี ปน อกุศล มีทุกขเปน กาํ ไร มที กุ ขเปนวิบากดังนี้ไซร เธอพงึ เลกิ วจกี รรมเห็นปานน้นั เสยี แตถา เธอพิจารณาอยูพงึ รูอยา งนี้วา เราทาํ อยซู ึง่ กรรมใดดวยวาจา วจกี รรมของเรานี้ ยอมไมเ ปนไปเพอ่ื เบียดเบียนตนบาง เพอื่ เบยี ดเบียนผอู น่ื บา ง และเพอื่ เบียดเบยี นท้งั ตนและผอู ื่นบา ง วจีกรรมนีเ้ ปนกุศล มีสขุ เปน กาํ ไร มสี ุขเปนวบิ ากดังนี้ไซรเธอพึงเพ่ิมวจกี รรมเหน็ ปานนน้ั ดูกอ นราหุล แมเธอทํากรรมดวยวาจาแลวเธอกพ็ ึงพจิ ารณาวจกี รรมน้นั แหละวา เราไดทาํ แลว ซึ่งกรรมใดดว ยวาจา วจี-กรรมของเราน้ี ยอ มเปนไปเพือ่ เบยี ดเบียนตนบา ง เพอื่ เบียดเบียนผูอน่ื บางเพอ่ื เบียดเบียนท้งั ตนและผอู ่ืนบา ง วจกี รรมน้ีเปนอกุศล มที กุ ขเปน กาํ ไร มีทุกขเ ปน วิบากกระมงั หนอ ถา เธอพิจารณาอยู พงึ รอู ยางนว้ี า เราไดท ําแลวซ่งึ กรรมใดดว ยวาจา วจีกรรมของเราน้ียอ มเปนไปเพอ่ื เบียดเบียนตนบาง เพอ่ืเบียดเบยี นผูอ่ืนบาง เพือ่ เบยี ดเบยี นทัง้ ตนและผูอืน่ บา ง วจกี รรมนเ้ี ปน อกุศลมที ุกขเปนกําไร มที ุกขเปน วบิ ากดังนีไ้ ซร วจีกรรมเห็นปานน้นั เธอพึงแสดง
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 269เปด เผย ทําใหต น้ื ในพระศาสนา หรือในเพ่อื นพรหมจรรยทั้งหลายผูวญิ ูครน้ั แลว พึงสํารวมตอไป แตถ า เธอพิจารณาอยู พึงรอู ยางน้ีวา เราไดทาํ แลวซ่ึงกรรมใดดวยวาจา วจีกรรมของเรานี้ ยอมไมเปน ไปเพ่ือเบยี ดเบยี นตนบา งเพือ่ เบยี ดเบยี นผูอ นื่ บา ง เพ่อื เบียดเบียนทัง้ ตนและผอู ื่นบา ง วจกี รรมนีเ้ ปนกุศล มีสุขเปน กาํ ไร มสี ุขเปน วิบากดังนไ้ี ซร เธอพึงมีปตแิ ละปราโมทยศกึ ษาในกศุ ลธรรมทั้งกลางวันและกลางคนื อยดู ว ยวจีกรรมนัน้ แหละ. [๑๓๑] ดูกอนราหุล เธอปรารถนาจะทาํ กรรมใดดว ยใจ เธอพงึพิจารณามโนกรรมนัน้ เสียกอนวา เราปรารถนาจะทํากรรมใดดวยใจ มโนกรรมของเราน้ี พงึ เปนไปเพ่อื เบยี ดเบยี นตนบา ง เพ่ือเบียดเบียนผอู นื่ บา ง เพอ่ืเบยี ดเบยี นท้งั ตนและผูอืน่ บาง มโนกรรมนเ้ี ปน อกศุ ล มที กุ ขเ ปนกําไร มีทกุ ขเปน วิบากกระมังหนอ ถา เธอพจิ ารณาอยู พึงรอู ยา งนี้วา เราปรารถนาจะทํากรรมใดดว ยใจ มโนกรรมของเราน้ี พึงเปน ไปเพื่อเบยี ดเบยี นตนบา งเพือ่ เบยี ดเบียนผอู ่ืนบา ง เพื่อเบยี ดเบียนทั้งตนและผอู ื่นบาง มโนกรรมน้เี ปนอกศุ ล มที กุ ขเ ปนกาํ ไร มที กุ ขเปน วิบากดงั นีไ้ ซร มโนกรรรมเหน็ ปานนี้เธอไมควรทาํ โดยสวยเดยี ว แตถ าเธอพจิ ารณาอยู พึงรอู ยางนว้ี า เราปรารถนาจะทํากรรมใดดว ยใจ มโนกรรมเองเรานี้ ไมพงึ เปนไปเพื่อเบยี ดเบียนตนบา งเพอื่ เบยี ดเบียนผอู นื่ บาง เพ่ือเบียดเบยี นทงั้ ตนและผูอ น่ื บาง มโนกรรมนเ้ี ปนกุศล มสี ุขเปน กาํ ไร มสี ขุ เปนวิบากดังน้ไี ซร มโนกรรมเหน็ ปานนน้ั เธอควรทํา ดูกอนราหุล แมเ มือ่ เธอกาํ ลงั ทาํ กรรมใดดวยใจ เธอก็พึงพจิ ารณามโนกรรมน้นั แหละวา เราทาํ อยซู งึ่ กรรมใดดว ยใจ มโนกรรมของเราน้ี ยอ มเปน ไปเพื่อเบียดเบยี นตนบา ง เพ่อื เบียดเบียดผอู ื่นบาง เพื่อเบียดเบยี นทั้งตนและผอู ื่นบาง มโนกรรมนี้เปน อกุศล มที กุ ขเปน กาํ ไร มที กุ ขเปน วิบาก
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 270กระมังหนอ ถา เธอพจิ ารณาอยู พึงรูอยางน้วี า เราทาํ อยซู ึง่ กรรมใดดวยใจมโนกรรมของเรานี้ ยอมเปนไปเพ่ือเบียดเบยี นตนบาง เพอื่ เบียดเบียนผูอืน่บาง เพือ่ เบยี ดเบยี นทง้ั ตนและผูอ ่นื บา ง มโนกรรมนีเ้ ปนอกุศล มที ุกขเปนกําไร มที กุ ขเปนวบิ ากดงั นี้ไซร เธอพงึ เลิกมโนกรรมเห็นปานนนั้ เสยี แตถาเธอพิจารณาอยู พงึ รอู ยา งน้ีวา เราทาํ อยซู ง่ึ กรรมใดดวยใจ มโนกรรมของเรานี้ ยอมไมเ ปน ไปเพื่อเบียดเบียนตนบา ง เพอ่ื เบยี ดเบยี นผูอ ่นื บา ง เพื่อเบยี ดเบียนทง้ั ตนและผูอ นื่ บาง มโนกรรมนีเ้ ปน กศุ ล มีสุขเปน กําไร มสี ุขเปนวิบากดังนีไ้ ซร เธอพึงเพ่ิมมโนกรรมเหน็ ปานนั้น ดูกอ นราหลุ แมเ ธอทาํ กรรมใดดวยใจแลว เธอก็พงึ พิจารณากรรมนั้นแหละวา เราไดท าํ กรรมใดดว ยใจแลว มโนกรรมของเราน้ี ยอ มเปนไปเพื่อเบยี ดเบยี นตนบาง เพื่อเบียดเบยี นผอู ืน่ บาง เพือ่ เบยี ดเบียนทั้งตนและผอู ื่นบาง มโนกรรมนีเ้ ปน อกศุ ลมีทุกขเปนกําไร มีทกุ ขเ ปนวบิ ากกระมงั หนอ ถาเธอพิจารณาอยู พึงรอู ยางน้ีวา เราทาํ ไดแลว ซง่ึ กรรมใดดวยใจ มโนกรรมของเรานี้ ยอมเปน ไปเพ่อืเบียดเบยี นตนบา ง เพอ่ื เบียดเบยี นผอู ื่นบาง เพือ่ เบียดเบยี นท้งั ตนและผอู ืน่ บางมโนกรรมน้เี ปน อกศุ ล มที ุกขเ ปน กําไร มที กุ ขเ ปน วิบากดังน้ีไซร เธอพึงกระดาก ละอาย เกลียดในมโนกรรมเห็นปานน้ัน ครัน้ แลวพงึ สํารวมตอ ไปแตถ า เธอพจิ ารณาอยู พึงรูอยางน้วี า เราไดทําแลวซงึ่ กรรมใดดวยใจ มโน-กรรมของเรานีย้ อ มไมเ ปนไปเพ่ือเบียดเบยี นตนบา ง เพอ่ื เบยี ดเบยี นผอู นื่ บา งเพอื่ เบยี ดเบยี นทัง้ ตนและผอู ืน่ บาง มโนกรรมนีเ้ ปนกศุ ล มีสุขเปน กาํ ไร มีสขุ เปน วิบากดังน้ีไซร เธอพงึ มปี ติและปราโมทย ศึกษาในกุศลธรรมทง้ั หลายทั้งกลางวนั และกลางคืน อยดู วยมโนกรรมนั้นแหละ.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 271 [๑๓๒] ดูกอ นราหลุ สมณะหรือพราหมณเหลาใดเหลาหน่งึ ในอดีต-กาล ไดช ําระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมแลว สมณะหรอื พราหมณท งั้หมดนัน้ พิจารณา ๆ อยางนนี้ ั่นเอง แลวจึงชําระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมแมส มณะหรือพราหมณเ หลา ใดเหลา หนง่ึ ในอนาคตกาล จักชําระกายกรรมวจกี รรม มโนกรรม สมณะหรอื พราหมณท ัง้ หมดนั้น กจ็ กั พิจารณา ๆ อยางนนี้ ั่นเอง แลว จงึ ชาํ ระกายกรรม วจกี รรม มโนกรรม ถงึ สมณะหรือพราหมณเหลา ใดเหลา หนึง่ ในปจจบุ นั กาํ ลงั ชําระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมอยูสมณะหรอื พราหมณทั้งหมดน้ัน กพ็ จิ ารณา ๆ อยา งน้นี ่ันเอง แลว จึงชําระกายกรรม วจกี รรม มโนกรรม เพราะเหตนุ น้ั แหละ ราหุล เธอพึงศกึ ษาวาเราจักพจิ ารณา ๆ แลว จึงชาํ ระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ดกู อนราหุลเธอพึงศกึ ษาอยา งนแี้ หละ. พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรสั พระสตู รนี้แลว ทา นพระราหลุ มีใจยินดีชน่ื ชมพระภาษิตของพระผมู ีพระภาคเจา ดงั น้ีแล. จบจูฬราหโุ ลวาทสูตรท่ี ๑ อรรถกถาภิกขวุ รรค ๑. อรรถกถาอมั พลฏั ฐกิ ราหโุ ลวาทสูตร๑ อมั พลฏั ิกราหุโลวาทสตู ร มีบทเริม่ ตน วา เอวมฺเม สตุ ขา พเจาไดสดบั มาแลวอยา งนี้. ในบทเหลา นนั้ บทวา อมฺพลฏ ิกาย วหิ รติ ทานพระราหลุ อยู ณปราสาทช่ือวา อมั พลัฏกิ า คือ เม่อื เขาสรา งยอ สว นของเรือนตงั้ ไวทา ย ๑. บาลีเปน จฬู ราหุโลวาทสูตร
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 272พระเวฬวุ ันวหิ าร เพ่อื เปนทอี่ ยขู องผูตองการความสงดั พระราหลุ เจรญิ ปรเิ วกอยู ณ ปราสาทอนั มชี อื่ อยางนีว้ า อัมพลฏั ฐกิ า. ชื่อวา หนามยอ มแหลมตั้งแตเ กดิ . แมทา นพระราหุลนีก้ เ็ หมือนอยางน้ัน เจริญปวเิ วกอยู ณ ที่นน้ัครั้งเปน สามเณรมีพระชนม ๗ พรรษา. บทวา ปฏสิ ลฺลานา วฏุ โิ ตพระผมู พี ระภาคเจาเสด็จออกจากท่ีเรน คือ เสดจ็ ออกจากผลสมาบตั ิ. บทวาอาสน คอื ณ ทนี่ ี้ก็มีอาสนะที่ปูลาดไวเปน ปรกติอยูแ ลว พระราหลุ ก็ยงั ปดอาสนะนัน้ ต้ังไว. บทวา อทุ กาทาเน คอื ภาชนะใสน า้ํ . ปาฐะวา อุทกาธานบาง. บทวา อายสฺมนตฺ ราหลุ อามนฺเตสิ พระผูมีพระภาคเจาตรัสเรยี กทา นพระราหลุ คอื ตรสั เรียกเพื่อประทานโอวาท. จรงิ อยู พระผูม-ีพระภาคเจาทรงแสดงพระธรรมเทศนาไวมากแกพ ระราหลุ เถระ. พระองคตรัสสามเณรปญหาแกพระเถระไวเ ชน กัน. อนึง่ พระองคต รสั ราหุลสงั ยตุ มหา-ราหโุ ลวาทสูตร จลุ ลราหโุ ลวาทสูตร รวมท้ังอมั พลัฏฐกิ ราหโุ ลวาทสูตรน้ีเขาดว ยกนั . จริงอยู ทา นพระราหลุ น้ี เมือ่ พระชนม ๗ พรรษา ทรงจบั ชายจวี รทลู ขอมรดกกะพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพระสมณะ ขอไดท รงประทานมรดกแกขา พระองคเ ถดิ . พระผูมพี ระภาคเจา ทรงมอบใหแกพ ระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระบวชให. ลําดับนนั้ พระผูมพี ระภาคเจา ทรงดาํ รวิ า ชือ่ วา เด็กหนมุ ยอมพูดถอยคาํ ท่ีควรและไมค วร เราจะใหโอวาทแกราหลุ ดงั น้แี ลวตรสั เรยี กพระราหุลเถระ มพี ระพุทธดํารสั วา ดกู อนราหุล ช่อื วา สามเณรไมควรกลา วตริ ัจฉานกถา. เธอเม่อื จะกลาว ควรกลาวกถาเหน็ ปานนี้ คอื คําถาม ๑๐ ขอ การแก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 273๕๕ ขอ ปญหา ๑ อเุ ทศ ๑ ไวยากรณ ๑ ปญหา ๒ ฯ ล ฯ ปญหา ๑๐อเุ ทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐ อนั พระพทุ ธเจา ทั้งปวงไมท รงละแลว. พระผูมี-พระภาคเจาตรัสสามเณรปญหาน้ีวา เอกนนฺ าม กึ อะไรช่อื วา ๑ สพเฺ พสตตฺ า อาหารฏ ิติกา สัตวทัง้ หลายทง้ั ปวงต้ังอยไู ดดว ยอาหาร ฯลฯทส นาม กึ อะไรชอ่ื วา ๑๐ ทสหงเฺ คหิ สมนฺนาคโต อรหาติ วจุ จฺ ติผปู ระกอบดว ยองค ๑๐ เรากลา ววาเปน อรหนั ต. พระพทุ ธองคทรงดํารติ อไปวา ชือ่ วา เด็กหนมุ ยอ มกลา วเท็จดวยคาํ นา รัก ยอมกลาวสิ่งทไ่ี มเหน็ วา เราไดเหน็ แลว กลา วสง่ิ ทเี่ หน็ วา เราไมเห็น เราจะใหโ อวาทแกราหุลน้นั แมแลดูดวยตากเ็ พอ่ื ใหเขาใจไดง า ย จึงทรงแสดงอปุ มาดวยภาชนะใสน้าํ ๔ กอนจากนัน้ ทรงแสดงอุปมาดว ยชา ง ๒ จากน้ันทรงแสดงอปุ มาดว ยแวน ๑ แลวจงึ ตรสั พระสตู รนี.้ ทรงแสดงการเวน ตณั หาในปจ จัย ๔ การละฉันทราคะในกามคุณ ๕ และความทีอ่ ุปนิสยั แหงกลั ยาณมิตรเปนคุณย่ิงใหญ แลว จึงตรสัราหุลสตู ร. เพื่อทรงแสดงวา ไมควรทาํ ฉนั ทราคะในภพทัง้ หลาย ในท่ีทีม่ าแลว ๆจงึ ตรัสราหลุ สังยุต. เพื่อทรงแสดงวา ไมค วรทําฉันทราคะอนั อาศยั เรอื น อาศยั อตั ภาพวา เรางาม วรรณะของเราผองใส. แลว จึงตรัสมหาราหุโลวาทสูตร. ในมหาราหุโลวาทสตู รนน้ั ไมควรกลา ววา ราหลุ สตู รทา นกลาวไวแ ลวในกาลน.ี้ เพราะราหลุ สูตรนน้ั ทานกลาวดว ยโอวาทเนอื ง ๆ.ทา นตรสั ราหลุ สังยุต ตง้ั แตพ ระราหลุ มพี ระชนมไ ด ๗ พรรษาจนถึงเปนภิกษุยงั ไมม พี รรษา. ทานตรัสมหาราหโุ ลวาทสูตรในเมือ่ พระราหุลเปน สามเณรมีพระชนม ๑๘ พรรษา ทา นตรัสจุลลราหุโลวาทสูตรในเมอ่ื พระราหลุ เปนภิกษไุ ดค รงึ่ พรรษา. ทานตรัสกมุ ารกปญหา และอัมพลฏั ฐกิ ราหโุ ลวาทสูตรนี้ในเมือ่ พระราหุลเปนสามเณรมพี ระชนม ๗ พรรษา.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
Pages: