Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร21001

เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร21001

Published by กศน.จังหวัดขอนแก่น, 2021-06-19 11:31:06

Description: เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร21001 หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

Mana : Please tell her, I miss her. I’ve to go to now. Goodbye. Suda : See you later สาำ นวน See you later.ใช้ในกรณีท่ีไม่ไดร้ ะบเุ วลาในกรณีที่ผสู้ นทนาต้องการกลา่ วลาโดยการระบเุ วลาที่จะ พบกันอกี คร้งั หน่งึ แน่นอนให้ใช้สำานวนดงั นี้ See you tomorrow. แลว้ พบกันวนั พรงุ่ นี้ See you next year. ไว้พบกนั ปหี น้า การบอกลาในกรณีท่มี ธี รุ ะสำาคัญท่จี ะต้องขอลากลับก่อนใชส้ ำานวนดังนี้ I’d better be on my way. จาำ เป็นจะต้องไปแล้ว I’ll be back. เด๋ยี วฉนั จะกลับมา เรื่องท่ี 2 การแนะนาำ ตนเองและผู้อ่ืน (Introducing Yourself and Others) 1. การแนะนำาตนเอง (Introducing Yourself) ในการแนะนำาตนเองให้ผ้อู ่ืนรูจ้ กั จะเร่ิมตน้ ด้วยการกลา่ ว ทกั ทายและแนะนาำ ตนเองดว้ ยสำานวนต่าง ๆ ดังน้ี Hello. My name is (ชอื่ ของผพู้ ดู ) . (สำาหรับผทู้ ี่อยูใ่ นสถานะเดยี วกันเช่นเป็นนกั ศกึ ษาดว้ ยกันเปน็ ตน้ ) Good morning. My name is (ช่ือของผพู้ ดู ). สวสั ดฉี นั /ผม/ดิฉันช่อื ____ Good morning. I’m (ชอ่ื ของผู้พดู ). (สำาหรบั การพดู คุยอยา่ งเป็นทางการ) หากตอ้ งการบอกชือ่ เล่นให้ทราบด้วยก็อาจพูดว่า Hello. My name is (ชอ่ื ของผพู้ ูด) and my nickname is (ชื่อเลน่ ของผพู้ ดู ). เม่อื กลา่ วแนะนาำ ตัวแล้วคสู่ นทนาจะตอบว่า It’s nice to meet you. Nice to meet you. ยนิ ดที ไ่ี ด้รจู้ ักคณุ I’m glad to meet you. ยินดีท่ีไดร้ จู้ กั คณุ 2. การแนะนำาผ้อู นื่ (Introducing Others) การแนะนำาบคุ คลอ่นื ใหร้ ้จู กั กันจงึ เปน็ เร่ืองปกติทีเ่ กิดข้ึนอยเู่ สมอ ในสังคมชาวตะวันตกถือเป็นธรรมเนียมปฏบิ ัติวา่ หากจะพูดคุยระหวา่ งบุคคลท่ีไมร่ ู้จักจะต้องได้รบั การแนะนาำ ใหร้ ู้จัก กนั เสียก่อน นอกจากน้ียังมสี ำานวนทีส่ ามารถใช้กล่าวแนะนาำ ใหบ้ ุคคลรจู้ กั อกี เช่น Suwat, I’d like to introduce you Miss Malee. (สวุ ัฒน์ผมขอแนะนาำ ให้คณุ รจู้ กั คณุ มาล)ี Suwat, let me introduce Miss Malee to you. (สวุ ฒั นผ์ มขออนุญาตแนะนาำ ให้คุณรูจ้ ักกบั คณุ มาล)ี Suwat, this is my friend, Miss Malee. (สุวฒั นน์ ค่ี อื เพอ่ื นของผมคณุ มาล)ี เม่ือมีการแนะนำาให้บคุ คลหน่งึ ร้จู กั กับอกี บคุ คลหนึง่ ผทู้ ี่ไดร้ ับการแนะนาำ จะทกั ทายกลบั วา่ How do you do? Nice to meet you. ยินดที ไี่ ด้รู้จกั Nice to meet you, too. และคู่สนทนาก็จะกล่าววา่ How do you do? Glad to meet you. ยนิ ดีที่ได้รู้จักเช่นกัน Glad to meet you. Situation 1 Suda: Suwat, I’d like to introduce you my friend, Miss Malee. Suwat : How do you do, Miss Malee? Malee : How do you do, Mr.Suwat? เร่ืองที่ 3 การให้และสอบถามขอ้ มลู ส่วนตวั (Sharing Personal Data) 1. การถามช่อื A : What’s your name? คุณช่ืออะไร B : My name is (ชอ่ื ผู้ตอบคาำ ถาม). หรือ I’m (ช่อื ผตู้ อบคำาถาม) 2.การถามวนั /เดอื น/ปเี กิด A : When were you born? คณุ เกดิ เมื่อไร B : I was born on Oct 24, 1987.(กรณบี อกเฉพาะเดือนเกิดให้ใช ้ Preposi- tion on) 2 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิิตประจำำาวิัน (พต21001) ระดับั มัธั ยมัศึกึ ษาตอันต้น

I was born in June, 1987. (กรณบี อกเฉพาะเดือนเกดิ ใหใ้ ช้ Preposition in) 3. การถามสญั ชาติ A : What is your nationality? คณุ มสี ัญชาตอิ ะไร B : I’m Thai. ฉนั สญั ชาติไทย,หรือ I’m Canadian.ฉันสัญชาตแิ คนาดา 4. การสอบถามสถานท่ีทำางาน A : Where do you work? คณุ ทำางานทไ่ี หน B : I work in ABC Company. ฉันทำางานท่บี รษิ ัท ABC A : What company do you work for?คุณทำางานที่บรษิ ทั ไหน B : I work for ABC Company. ฉันทำางานทบ่ี ริษทั ABC 5. การถามอาชีพทาำ งาน A : What do you do? (คุณทาำ อะไร) B : I’m a teacher. (ฉนั เปน็ คร)ู เรือ่ งท่ี 4 การใช้ภาษาทางกาย (Body Language) ภาษาท่าทางทใ่ี ชใ้ นโอกาสต่าง ๆ ดงั นี้ 1. ท่าทางทีส่ อ่ื ความหมายทางภาษา เช่น กวักมือ = Come here. โบกมือ = Bye-bye. ชู 2 นวิ้ = Victory 2. ทา่ ทางการปฏิบัตติ ามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาเช่น - Waving good-bye. - Hand Shaking. 3. คาำ ศพั ท์สำานวนประโยคและท่าทางทีใ่ ชส้ ่อื สารในโอกาสตา่ ง ๆ เช่น - Merry Christmas. - Happy New Year. - Happy Valentine’s. - Happy Birthday. - Congratulations on your graduation - Thanks. - Thank you very much. - The same to you. - Many happy returns. etc. เร่ืองที่ 5 เร่ืองการพดู โทรศัพท์ (Telephone Conversation) คาำ ศพั ท์ทคี่ วรรเู้ กีย่ วกับการใชโ้ ทรศัพท์ Word Study สำานวนทม่ี กั จะใช้ในการพูดโทรศพั ท์มีดงั น้ี - Sorry, I can’t hear. ขอโทษนะคะ/ครบั ดิฉนั /ผม ไม่ไดย้ นิ เลยคะ่ /ครบั - Louder, please. กรุณาพดู ดังกว่านคี้ ่ะ/ครบั - Pardon? ขอโทษว่าอะไรนะคะ/ครับ - He’s not here now. ขณะน้เี ขาไมอ่ ยคู่ ่ะ/ครับ - My phone number is…… โทรศพั ทข์ องฉันหมายเลข........................... - Sorry, you’ve got a wrong number ขอโทษคะ่ /ครับ คุณโทรผิดหมายเลขแล้วค่ะ/ครับ - A phone line is busy. สายโทรศัพทไ์ ม่วา่ ง - Just a moment, please. กรณุ ารอสักครู่ - Just a minutes, please. หมายเหตุ ให้นกั ศึกษา ได้ศกึ ษาเพ่มิ เตมิ จากหนงั สือแบบเรียน รายวชิ าภาษาอังกฤษในชีวิตประจำาวัน พต21001 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชวี ิิตประจำำาวินั (พต 21001) 3 ระดัับมัธั ยมัศึกึ ษาตอันตน้

แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน คาำ ชีแ้ จง จงเลอื กคำาตอบท่ถี กู ต้องทีส่ ดุ เพยี งข้อเดียว 1. Pom : Hi, Jun. How’s life? Jun : ________________. a. I’m fine, thank you. b. Very well, thanks, and you? c. Fine, thanks. d. Nothing to complain 2. Nooch : ____________________. Lak : I’m O.K. a. Good morning, Madam. How are you keeping? b. Good morning, Miss Lak. How are you today? c. Hello, lady. How are everything? d. Hello, Lak. How are you doing? 3. Ton : What’s wrong with you, Sommai? Sommai : _______________________ a. I’m not so well. I catch a cold. b. I’m O.K. I’ll go to see the doctor. c. Nothing to complain. I have a toothache. d. So, so. My leg is broken. 4. Tui : My mother is waiting for me at the bus stop. I have to go now, bye! Kaew : __________ a. See you. b. Take care. c. Have a good time. d. Please come again. 5. Mr.Ya : I’m sorry. I have to leave for Chiangmai now. Goodbye! Miss Pattana : _____ a. See you later. b. Please come again. c. Have a nice trip. d. Take good care of yourself. จงเติมคำาในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง (ขอ้ ที่ 6 – 10) Jaew : Hi, Toy. Toy : _____ (6) ____. How have you been? Jaew : _______ (7) _______.And you? Toy : Good, thanks. _______ (8) _______. Jaew : I’ve changed my work. Now I’m with Jook. Toy : ______ (9) _____. I hope you enjoy it. Jaew : I think so. I’m afraid I have to go now. I’ve a meeting this afternoon. _______ (10)____________. 4 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำำาวิัน (พต21001) ระดัับมััธยมัศึึกษาตอันตน้

Toy : See you later. b. Hi. Jaew. 6. a. Hi. d. Good morning, Jaew c. Good morning. b. Very well, thank. d. Very well, Toy. 7. a. Very well. c. Very well, thanks. 8. a. How does your work? b. How about your work? c. How do you do your work? d. How are you doing your work? 9. a. How nice! b. How good! c. How’s that! d. How about 10. a. Bye. b. See you. c. Good luck. d. I’ll be back. รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชีวิติ ประจำำาวินั (พต 21001) 5 ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

บทท่ี 2 คณุ ร้สู กึ อยา่ งไร (How do you feel?) สรปุ เนอื้ หา เรือ่ งที่ 1 ภาพยนตร์เรื่องนเ้ี ปน อยา่ งไร (How about the movie?) ในการสนทนาโดยทวั่ ไป เมอื่ มีการพดู คุยสอบถามเรอื่ งต่าง ๆ แล้ว การแสดงความชอบ ความไมช่ อบ หรอื ความพงึ พอใจ ความไม่พึงพอใจ เป็นเรือ่ งธรรมดาและสามารถพบเห็นได ้ โดยท่ัวไป คำาศพั ท์ทใ่ี ชแ้ สดงอากัปกริ ยิ า ดงั กลา่ วขา้ งต้น จะประกอบดว้ ยคาำ ตอ่ ไปน้ี Like = ชอบ Dislike = ไมช่ อบ Pleasant พึงพอใจ Pleased Unpleasant = ไมพ่ ึงพอใจ กรณีทเี่ ราชอบจะใชใ้ นรปู ประโยคบอกเลา่ I like to walk to school. ฉันชอบเดนิ ไปโรงเรยี น I like dogs. ฉนั ชอบสุนัข ในกรณที เี่ ราไมช่ อบ สามารถเขียนรูปประโยค เปน็ ประโยคปฏิเสธ โดยใช้ Verb to do มา วางไวห้ ลังประธาน ตามด้วย not นาำ หน้ากรยิ าแท ้ ตวั อย่างเชน่ I don’t like seafood. ฉันไม่ชอบอาหารทะเล I don’t like to walk to school. ฉันไม่ชอบเดนิ ไปโรงเรียน I don’t like dogs. ฉนั ไมช่ อบสุนขั และสามารถใช้คำาวา่ dis ซึ่งเป็นอปุ สรรค (prefix) เติมหนา้ คำากรยิ าแท ้ เพอ่ื ทำาเปน็ ประโยคปฏิเสธได้ ตวั อยา่ งเชน่ I dislike hot food. (ฉนั ไม่ชอบทานอาหารร้อน ๆ) I dislike dogs. (ฉันไม่ชอบสนุ ัข) นอกจากนั้น ยังมีสาำ นวนท่ีมกั ใช้ในการแสดงความร้สู กึ พอใจและไม่พอใจอกี หลายสำานวน เช่น That’s great. (ยอดเย่ยี มจรงิ ) That’s bad. (แยจ่ ริง ๆ ) How wonderful! (วเิ ศษมาก) How awful! (แยม่ าก) Awesome! (เยยี่ มมาก) Brilliant! (เย่ยี มยอด) I am so pleased to hear that.ฉนั ดใี จท่ีไดท้ ราบเรือ่ งนี้ I am afraid I don’t like it.ฉนั คดิ ว่าฉนั ไม่ชอบ ยกตัวอย่าง เช่น ในสถานการณต์ ่อไปน้ี Situation Suda : What do you think about the movie? Malee : I don’t like it, it make me unpleasant. And you? Suda : Wow! For me, I think it’s wonderful. I’m so pleased with this movie. เรือ่ งที่ 2 คุณสนใจอะไร (What are you interested in?) โดยทัว่ ไปบุคคลมักมีความสนใจและไม่สนใจแตกตา่ งกันไปคำาศัพท์ทใ่ี ช้บอกความสนใจคือคาำ ว่า interested ตามด้วยบพุ บท in ซึง่ ประกอบด้วยโครงสร้างประโยคดังน้ี Subject + Verb to be + interested in + noun (คำานามท่ีแสดงถงึ ส่งิ ที่เราสนใจ) ยกตวั อยา่ งเช่น I am interested in dancing. ฉันสนใจเรียนเต้นร�ำา She is interested in writing เธอสนใจในการเป็นนกั เขยี น We are interested in playing sports. พวกเราสนใจในการเลน่ กีฬา ซ่ึงประโยคทย่ี กตวั อย่างข้างตน้ อยใู่ นรปู ประโยคบอกเลา่ 6 รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำาำ วิัน (พต21001) ระดับั มัธั ยมัศึึกษาตอันต้น

ในกรณที จ่ี ะทาำ รูปประโยคบอกเลา่ เปน็ ประโยคปฏิเสธ ใหใ้ ช้คำาว่า not วางหลงั Verb to be ซงึ่ ความหมาย จะเปลี่ยนเปน็ ส่ิงตรงกนั ข้ามทนั ที ยกตวั อยา่ งเช่น She is not interested in writing. เธอไมส่ นใจในการเขยี น We are not interested in playing sports. พวกเราไมส่ นใจในการเลน่ กฬี า หากจะแสดงความไม่สนใจอาจจะใชส้ าำ นวนอื่นๆได้อีกเช่น I don’t care (about/that)............... ฉนั ไม่ใส่ใจในเรื่อง........................ I have no idea. ฉันไมม่ คี วามคิด/ฉันไม่รเู้ รอื่ งเลย เรื่องท่ี 3 เสยี ใจดว้ ยนะ (Sorry to hear that) คาำ พดู และสาำ นวนทม่ี กั นยิ มใช ้ ไดแ้ ก่ คำาว่า Sorry. I’m so sorry. ยกตัวอยา่ ง มาลเี ปน็ เพ่ือนรกั กบั สุดา วันหน่งึ มาลไี ด้รบั ข่าวจากวนิดาว่า คุณพอ่ ของสุดาเสียชวี ิต มาลจี ึงได้โทรศพั ทถ์ ึง สดุ า เพอ่ื แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียคณุ พ่อ การสนทนาจะประกอบดว้ ยถอ้ ยคำาดงั ตอ่ ไปน้ี Malee : Hello, Suda. Wanida had just told me that your father passed away yesterday morn- ing. I’m so sorry about that. Suda : May I apologize for not telling you about that yesterday. I’m so confused with it. Malee : Don’t worry. Be calm and do the best thing for him. Suda : Thank you very much. I will. นอกจากนี้ยงั สามารถใช้สาำ นวนคำาวา่ sympathy แสดงความเศรา้ โศกเสยี ใจได้ด้วย เช่น It’s my sympathy to hear that your father passed away. I deeply regret. นอกจากแสดงความเสยี ใจ ยังสามารถแสดงความเหน็ อกเหน็ ใจ ปลอบใจและใหก้ าำ ลงั ใจในโอกาส ตา่ ง ๆ ซ่ึงสำานวนท่มี ักจะใช้ ไดแ้ ก่ - Don’t worry. ไมต่ อ้ งกงั วล - Cheer up. สู้ ๆ - Take it easy. ใจเย็น ๆ ไว้ - You will be fine. เดยี๋ วกด็ ีเอง - Well done. ทาำ ไดด้ ีมาก - You did a good job. ทาำ ไดด้ ีมาก เรอื่ งท่ี 4 ยินดดี ้วย (Congratulation!) สาำ นวนทใ่ี ชใ้ นการแสดงความยินดี ได้แก ่ คาำ วา่ Congratulation! หรอื คาำ วา่ Congratulation on your……………..! เปน็ ต้น Situation 1 สดุ าทำางานทบ่ี ริษัท ABC และได้รับแตง่ ตัง้ ใหด้ ำารงตาำ แหนง่ ที่สูงข้ึน มาลซี ่งึ เป็นเพือ่ นสนิทของสดุ า ต้องการแสดงความยินด ี การสนทนาจะประกอบดว้ ยถ้อยคาำ ตอ่ ไปนี้ Malee : Hi. Suda. I have heard a good news about you. Suda : Hi. Malee. What’s about? Malee : Have you been promoted to be a General Manager of the company recently? Suda : Yes, I have. รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชีวิติ ประจำำาวิัน (พต 21001) 7 ระดับั มัธั ยมัศึึกษาตอันต้น

Malee : Congratulations on your promotion! Suda : Thank you. การแสดงความยินดี นอกจากจะใช้ในการไดร้ บั เลอื่ นตาำ แหน่งใหส้ ูงขน้ึ แลว้ ยังใช้ในโอกาสท่ีบคุ คลประสบ ความสำาเร็จในการทำาธุรกิจหรือการชนะเลิศในการแข่งขันต่าง ๆ ได้ เชน่ กัน ยกตัวอย่างเชน่ Congratulations on your prosperous business! ขอแสดงความยินดที ก่ี ิจการประสบความสาำ เรจ็ Congratulation on your success to pass the exam! ขอแสดงความยนิ ดที สี่ อบผ่าน นอกจากการแสดงความยินดีแล้ว ยงั มกี ารแสดงความยนิ ดใี นโอกาสตา่ ง ๆ อกี ซึ่งมกั ใช้สาำ นวนตา่ ง ๆ ดงั น้ี I’m glad that you can come. ฉันดีใจที่คณุ มาได้ I’m so pleased to see you. ฉันดีใจมากท่ไี ดพ้ บคุณ I’m glad to hear from you. ฉันดีใจทีไ่ ดท้ ราบข่าวคราวจากคณุ That’s great. ยอดมาก How wonderful! วิเศษมาก Marvelous! วเิ ศษจริง ๆ You did a good job. คณุ ทาำ ไดด้ มี าก หมายเหตุ ใหผ้ ูเ้ รยี นไดศ้ ึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สือเรียน วชิ าภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำาวนั รหสั พต21001 แบบทดสอบท้ายบทเรยี น คาำ ชแ้ี จง จงเติมคำาในชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง (Like,Likes) 1. I………………………a cat. 2. I………………………a mango. 3. I………………………to dance. 4. I…………..………..…music. 5. I……………………… to listen to the radio. “pleased” or “unpleasant”. 6. I am……………………….. to meet you today. 7. I am……………………….. to hear that. 8. I am……………………….. to see you. 9. The present you gave me makes me …………………………. 10. The movie is so bored, it makes me…………………………… 8 รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชีวิิตประจำำาวินั (พต21001) ระดัับมัธั ยมัศึกึ ษาตอันต้น

บทท่ี 3 คุณคิดอย่างไร (What do you think?) สรปุ เนือ้ หา เรอ่ื งท่ี 1 ฉนั ควรใสช่ ดุ ไหนดสี าำ หรบั งานเลย้ี งตอ้ นรบั (Which dress should I wear to the welcome party?) สาำ นวนท่ใี ช้สอบถามเก่ียวกบั ความคิดเห็นได้แก่ What do you think about...................? (คณุ คิดอยา่ งไรเกี่ยวกับ ................... ) Do you agree that…………………..? (คุณเหน็ ดว้ ยกับ........................หรือไม)่ สาำ นวนที่ใช้ตอบไดแ้ ก่ In my opinion,……………. ในความคิดเห็นของฉัน {In my point of view,………. I think so. ฉนั เห็นด้วย I agree with you. {I don’t think so. ฉันไม่เหน็ ดว้ ย I disagree. {I have no idea. ฉนั ไมม่ ีความเห็น สดุ าไดร้ ับเชญิ ไปงานเลย้ี งตอ้ นรบั ของบริษทั ในบทสนทนาสุดาได้ปรึกษากบั มาลีเพอ่ื นรกั เพือ่ ขอความเห็นวา่ ควรจะสวมใส่ชดุ ไหนไปงานดังกล่าวดี Situation 1 Suda: I have nothing to wear to the welcome party. Malee : Oh Dear, that’s not true. You have a lot of dresses. How about your black dress? Suda : That long black dress? It’s too elegant. I want to wear something casual. What do you think about the pretty yellow dress? Malee : That’s a good idea. It’s nice. Suda : So, you think I should wear the yellow dress? Malee : I think so. You will look very attractive. เรอื่ งที่ 2 เร่อื งเดนิ ซื้อของ (Shopping) สถานที่ท่คี นนิยมไปจับจ่ายซ้ือของ ไดแ้ ก่ ร้านคา้ สะดวกซ้ือ (a convenience store) และหา้ งสรรพสินค้า (a department store) เมือ่ มลี ูกค้าเข้าไปในรา้ น พนกั งานจะสอบถามความต้องการของลูกค้าเพือ่ อาำ นวยความ สะดวกในการจบั จ่ายซื้อของไดเ้ ร็วข้นึ สาำ นวนทใี่ ช้ถามเม่ือให้บริการเชน่ What can I do for you? ฉนั จะชว่ ยอะไรคณุ ได้บ้าง What are you looking for? คณุ กาำ ลังมองหาอะไรอยู่ Can I help you? ฉนั จะช่วยคุณไดไ้ หม May I help you? Do you need some help? คุณต้องการความชว่ ยเหลอื รึเปลา่ If you need anything, please tell me. ถ้าต้องการอะไรโปรดบอก If you need anything, please let me know. นะครับ/คะ่ ในกรณีที่พดู ให้สุภาพจะใชก้ ริยารูป would หรือ could รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชวี ิิตประจำาำ วินั (พต 21001) 9 ระดัับมัธั ยมัศึึกษาตอันต้น

สำานวนทใี่ ช้ตอบ เช่น I’m looking for ..................... ฉนั กาำ ลังหา............................อยู่ I want.................. ฉนั ต้องการ................................ Certainly. I want............... แน่นอนฉันต้องการ.................. Yes, of course. I’m looking for ................ แนน่ อนฉนั กำาลังมองหา........... Situation 1 At the Department Store Salesgirl : Hello. What can I do for you? Malee : Hello. I’m looking for a jacket. Salesgirl : How about this one? Malee : What size is it? Salesgirl : It’s a large size. Malee : Can I try? Salesgirl : Sure. Malee : It’s a little bit large. Salesgirl : This is a medium size. Malee : Medium size will do. I will take the black one. How much is it? Salesgirl : Twenty-five dollars Malee : Here’s the money. Salesgirl : Please wait for a moment. ……….. Here’s your jacket and change. Malee : Thank you. Salesgirl : You’re welcome. เรือ่ งท่ี 3 การให้บริการดา้ นตา่ ง ๆ (Various Services) สถานีตำารวจเป็นสถานทที่ จ่ี ะให้บริการในดา้ นความปลอดภยั ในชวี ิตและทรัพย์สนิ ของประชาชน เช่น ปญ หา เกี่ยวกับการประสบอบุ ัติเหตุ การถกู เอารัดเอาเปรยี บเรอ่ื งค่าจา้ ง ของหาย เป็นตน้ สถานทูตเป็นสถานทส่ี ำาหรับ ต ดิ ต่อแลกะาใหรใบ้ ชร้ภกิ าาษราแใกน่ผกู้ทา่ีเรดนนิ ำาทเสานงไอปใหใน้บปรรกิ ะาเรทแศลนะ้ันก าๆร ตอบรบั จะมภี าษาและสำานวนทีม่ ักใชด้ ังน้ี 1. ผใู้ ห้บริการมักจะเสนอให้บริการโดยใชส้ ำานวนดังนี้ May I help you? Can I help you? What can I do for you? 2. ผรู้ ับบรกิ ารโดยใช้สาำ นวนดังน้ี Yes, please. Yes, of course. Sure. Of course. Certainly. I need …………. . I want …………. 3. การกลา่ วขอบคณุ โดยใช้สาำ นวนดงั น้ี Thank you. Thank you for your help. 4. การตอบรับการขอบคุณสำาหรบั คนทค่ี นุ้ เคยกนั โดยใชส้ ำานวนดงั นี้ It’s my pleasure. Don’t mention it. It doesn’t matter Don’t worry 5. การขอความชว่ ยเหลอื ตอ้ งกล่าวพูดแทรกอยา่ งสุภาพ โดยใชส้ ำานวนดงั น้ี Excuse me. 10 รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชีวิติ ประจำำาวินั (พต21001) ระดัับมััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

เร่อื งที่ 4 ขอโทษ (Excuse me) เวลาทีเ่ ราตอ้ งการสอบถามหรือพูดแทรกระหว่างท่ีคนอื่นกำาลงั พดู อยู่ ตามมารยาทแลว้ เราต้องกล่าวว่า Excuse me. (ขอโทษที) ก่อน ลองศึกษาสถานการณ์ต่อไปนแ้ี ละทำาความเข้าใจวธิ กี ารสอบถามหรือพูดแทรกการ ขอบคณุ การขอโทษการขออนญุ าตเพื่อทจ่ี ะสามารถใชไ้ ด้อยา่ งถกู ต้อง ขอใหส้ ังเกตวา่ มารยาทในการพดู ภาษาองั กฤษนน้ั ถ้าจะถามหรือขออนุญาตทำาอะไร จะข้นึ ต้นดว้ ย Excuse me. (ขอโทษ) แลว้ ตอ่ ดว้ ยสงิ่ ท่ตี ้องทำาดังตัวอยา่ ง Excuse me. Is this seat occupied? ขอโทษท่นี ั่งตรงน้วี ่างรเึ ปล่าคะ Excuse me. May I come in, please? ขอโทษครับขออนญุ าตเข้าหอ้ งครบั การใชส้ าำ นวน Excuse me. เปน็ การแสดงถงึ ความสภุ าพ ถา้ จะตอบรับจะใชส้ าำ นวน Yes, of course. Certainly. Sure. ไดเ้ ลย With pleasure. ด้วยความยนิ ดี ถ้าจะตอบปฏิเสธจะใช้สาำ นวน I’m sorry. ขอโทษ I’m afraid _______________. ฉันเกรงวา่ __________________ Situation 3 Suda : Excuse me, could you pass me some pepper, please? Malee : Sure. Here you are. Suda : Thank you. Malee : With pleasure. นอกจากวธิ กี ารถามการขออนญุ าตและการตอบรบั และปฏเิ สธแลว้ ขอใหส้ งั เกตวา่ ถา้ ใครทาำ อะไรใหเ้ ราหรอื ชว่ ย เหลือเรา เราต้องกล่าวขอบคณุ (Thanking) ซงึ่ มีวิธพี ูดได้หลายอยา่ ง คอื Thanks. ขอบคณุ Thank you. Thank you very much. Thanks a lot. ขอบคณุ มาก Many thanks. Thanks for kindness. ขอบคณุ ในความกรณุ าของคุณ Thanks you for your trouble. ขอบคณุ ทค่ี ุณตอ้ งมาลำาบากดว้ ย {เมื่อมีผู้ขอบคุณแล้วผู้ฟง อยู่จะต้องตอบรบั การขอบคณุ นัน้ ซง่ึ มีสาำ นวนตา่ งๆท่ใี ช้ดงั นี้ You’re welcome. ด้วยความยินดี Your welcome. Don’t mention it. ไมต่ ้องกลา่ วถงึ มนั Not at all. ไม่เปน็ ไร That’s nothing. ไมเ่ ปน็ อะไร With pleasure. ดว้ ยความยนิ ดี หากเราทาำ อะไรผดิ ก็ต้องกล่าวขอโทษ (Apologies) ซึง่ การกล่าวขอโทษสามารถใช้สาำ นวนไดห้ ลายสาำ นวน เช่น { Sorry. I’m sorry. ขอโทษ ขอโทษท่ี ___________ I’m sorry (that) ___________. I apologies for ___________. เมอ่ื ผหู้ นึ่งกล่าวขอโทษแลว้ ผู้ฟง ตอ้ งตอบรับเพอ่ื ยกโทษใหซ้ ึ่งมีสาำ นวนให้ใชห้ ลายสำานวนได้แก่ Don’t mention it. ไม่ต้องพูดถงึ มนั Don’t worry about it. ไม่ต้องกังวล รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชีวิิตประจำาำ วินั (พต 21001) 11 ระดัับมัธั ยมัศึึกษาตอันตน้

That’s all right. That’s O.K. It’s doesn’t matter. ไม่เปน็ ไร { Not at all. Never mind. หมายเหตุ ใหผ้ เู้ รียนได้ศกึ ษาเพม่ิ เติมจากหนงั สือเรยี น วิชาภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำาวนั รหัส พต21001 แบบทดสอบท้ายบทเรยี น คาำ ชี้แจง จงเลือกคำาตอบทถี่ ูกตอ้ งท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว 1. ____________. Is this seat unoccupied? a. Sorry. b. Pardon. c. Thanks. d. Excuse me. 2. A : Could you please tell me the way to the library? B :__________________________ a. Certainly. b. I’m O.K. c. What’s a pity! d. Never mind. 3. A : Thanks for your kindness. B : __________________________ a. I’m all right. b. Certainly. c. You’re welcome. d. Yes, of course. 4. Pimchai : ___________ What are you doing here? Amara : I’m going to withdraw some money. a. Good morning. b. Excuse me. c. Thanks. d. Hi. 12 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชวี ิิตประจำาำ วินั (พต21001) ระดับั มััธยมัศึึกษาตอันต้น

5. Pimchai : That’s a very kind of you. Thanks a lot. Amara : ________________________ a. You’re welcome. b. Don’t mention it. c. See you soon. d. Thanks. 6. Miss Kaewta : Why are you so late? Anus : ___________ I had an accident. a. All right. b. Good morning. c. Excuse me. d. I’m sorry. 7. Anus : Would you mind if I close the window? Amara : ______________________ a. I wish I could but I can’t. b. I’m afraid I can’t. c. I’m afraid you can’t. d. I’m sorry. 8. A : Could you buy a cup of coffee for me? B : ______________________________ a. Thank you. b. Not at all. c. That’s O.K. d. With pleasure. 9. Wittaya : ________________ I forget to tell you about that. Pong : Don’t worry. a. Excuse me. b. I’m sorry. c. Alright. d. Certainly. 10. Miss Babara : I apologize for not informing you about that case. Boss : ________________________ a. Certainly. b. Of course. c. With pleasure. d. Don’t worry about it รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำาำ วิัน (พต 21001) 13 ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

บทท่ี 4 รปู แบบประโยคในภาษาองั กฤษ (Types of English Sentence) สรปุ เนอ้ื หาสำาคญั เรอ่ื งท่ี 1 ชนดิ ของประโยคภาษาอังกฤษท่ีใชใ้ นการสือ่ สาร (Types of English Sentence for Communication) 1. ประโยคบอกเลา่ (Affirmative Statement or Dedication Sentence) ประธาน + กริยา + กรรม (Subject) (Verb) (Object) ตวั อย่าง Subject = S Verb = V Object = O Complement I sing She cries He writes a letter. They walk every Sunday. ในประโยคบอกเลา่ การกระจายกรยิ าตอ้ งเป็นไปตามประธาน (Subject) และกาล(Tense) ท่ีบอกเลา่ เรอ่ื งนน้ั 2. ประโยคคำาถาม (Question sentence) เป็นประโยคทใี่ ช้ถามเพ่ือต้องการคาำ ตอบจาก ผู้ที่เราสนทนาด้วย ประโยคคำาถามมี 4 ชนดิ คอื (1) ประโยคคาำ ถามที่ข้ึนตน้ ดว้ ยกริยาชว่ ย (Yes - no question) เป็นประโยคทต่ี อ้ งการ คำาตอบว่า Yes (ใช่) หรือ No (ไม่ใช)่ เท่านนั้ ประโยคคาำ ถามประเภทนต้ี อ้ งขน้ึ ตน้ ประโยคด้วยกรยิ าชว่ ย การทำาประโยคคาำ ถามแบบ Yes-no question นี้ทำาจากประโยคบอกเลา่ ธรรมดา (Affirmative sentence) โดยเอากริยาช่วย (Helping Verb) มาไว้ข้างหน้า ได้แก่ Verb to be, will, have ถ้าประโยคใดไมม่ กี รยิ าชว่ ยใหใ้ ช้ Verb to do โดยกระจายรูปกริยาช่วยให้ถูกตอ้ งตามประธาน และ ทาำ กริยาแท้ให้อยู่ในรปู เดิมท่ไี ม่ตอ้ งเตมิ s หรือ es แลว้ ลงท้ายประโยคดว้ ยเครือ่ งหมายคาำ ถาม (Question mark) ประโยค บอกเล่า ประโยคคำาถาม She is your teacher. (เธอเปน็ ครูของคณุ ) Is she your teacher? (เธอเปน็ ครขู องคณุ ใช่ไหม) He likes you. (เขาชอบคุณ) Does he like you? (เขาชอบคุณหรอื เปล่า) (2) ประโยคท่ีขน้ึ ตน้ ด้วยคาำ ท่เี ป็นคาำ ถาม (Question word question) คือ ประโยคท่ี ขึ้นตน้ ดว้ ยคำาที่เปน็ คำาถาม ไดแ้ ก่ what (อะไร), when (เมือ่ ไหร)่ , where (ทไ่ี หน), who (ใคร), whom (ถึง,แกใ่ คร), whose (ของใคร), which (อนั ไหน/สง่ิ ไหน), why (ทาำ ไม), how (อยา่ งไร) ในการต้ังคำาถามดว้ ยคำาเหลา่ น้ี สว่ นใหญจ่ ะตอ้ งตามดว้ ยกรยิ าช่วย ยกเว้น who ตามดว้ ยกรยิ าแท้และ whose ตามด้วยคาำ นาม ส่วน which ตามดว้ ยคาำ นามท่ีเป็นกรรมหรือกริยาช่วย ขอให้ศึกษารายละเอียดการใช้คาำ ที่เป็ นคำาถาม (Question word question) แต่ละตัว 1. What อ่านวา่ วอท แปลว่า อะไร ใชถ้ ามเกยี่ วกับคน สตั ว์ส่งิ ของ เช่น ประโยค ตอบแบบส้ัน ตอบแบบยาว What is in the cage? A bird. A bird is in the cage. อะไรอยใู่ นกรง นกหนึ่งตวั 14 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชวี ิติ ประจำาำ วินั (พต21001) ระดับั มััธยมัศึึกษาตอันต้น

2. Where อ่านวา่ แวร์ แปลว่า ที่ไหน ใช้ถามสถานที่ เชน่ ประโยค ตอบแบบสั้น ตอบแบบยาว Where do you live? In Phuket. I live in Phuket. คุณอาศยั อยู่ท่ใี ด ในจงั หวัดภเู ก็ต 3. When อา่ นวา่ เวน แปลว่า เมื่อไรใชถ้ ามเกย่ี วกับเวลา เช่น ประโยค ตอบแบบสั้น ตอบแบบยาว I will go home at four When will you go home? At four o’clock. o’clock. คุณจะกลบั บ้านเมื่อไร สี่โมง 4. Who อา่ นวา่ ฮู แปลวา่ ใครใชถ้ ามบุคคล เช่น ประโยค ตอบแบบส้นั ตอบแบบยาว Who is that man? George Smith. That man is George Smith. ผูช้ ายคนนัน้ เขาเป็นใคร (จอร์จ สมิธ) 5. Why อ่านว่า วาย แปลว่า ทาำ ไม ใช้ถามเมื่อตอ้ งการถามถงึ เหตผุ ล เชน่ ประโยค ตอบแบบสนั้ ตอบแบบยาว Why are you late? Because the traffic is heavy. I am late Because the traffic ทาำ ไมคุณมาสาย? is heavy. เพราะรถติด 6. Which อา่ นวา่ วชิ แปลวา่ ตวั ไหน อนั ไหน หรอื เปน็ การไถ่ถามให้เลือกอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เช่น ประโยค ตอบแบบสน้ั ตอบแบบยาว Which school do you go? Satri Phuket School. I go to Satri Phuket school. คณุ จะไปโรงเรียนไหน โรงเรียนสตรีภูเกต็ (3) ประโยคคาำ ถามท่ลี งท้ายด้วยวลีบอกเล่าหรือปฏเิ สธท่เี ปน็ คำาถาม (Question Tags) เป็นประโยคคาำ ถาม ที่มักจะใชใ้ นภาษาพดู หรอื บทสนทนา ซงึ่ ผูถ้ ามทราบคำาตอบอยู่แลว้ แตต่ อ้ งการยนื ยัน โดยจะพดู เป็นประโยค บอกเล่ากอ่ นและลงทา้ ยดว้ ยกรยิ าชว่ ยและประธาน ถ้าประโยคหน้าเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดา จะลงท้าย ดว้ ยวลปี ฏเิ สธ แตถ่ า้ ประโยคหน้าเปน็ ประโยคปฏเิ สธ จะลงท้ายด้วย วลีบอกเล่า ตัวอยา่ ง You are interested in English, aren’t you? (คณุ สนใจภาษาองั กฤษใชไ่ หม) She doesn’t like to walk to school, does she? (เธอไม่ชอบเดินไปโรงเรียนใช่ไหม) วลปี ฏเิ สธทีน่ าำ มาลงท้ายประโยคเพ่ือเปน็ คาำ ถามจะใช้ในรูปตัวอยา่ งเช่น do not you don’t you will not you won’t you shall not we shan’t we am I not aren’t I (4) ประโยคคำาถามแบบลดรูป (Reduced question) คือ คำา วล ี หรอื ประโยคทไี่ มส่ มบรู ณ์ ซึ่งลดรูปมาจาก ประโยคคำาถามทข่ี น้ึ ต้นด้วยกรยิ าชว่ ย (Yes-no question) สว่ นมากจะใชใ้ นการสนทนาของผ้ทู ีม่ คี วามสนทิ สนมคนุ้ เคยกนั เป็นพเิ ศษ รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชีวิิตประจำำาวิัน (พต 21001) 15 ระดัับมัธั ยมัศึึกษาตอันต้น

ตวั อย่าง O.K.? Are you O.K.? เห็นด้วยไหม, สบายดีไหม 3. ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) คอื ประโยคบอกเล่าที่มคี ำาหรอื วลที ม่ี คี วามหมายในเชงิ ปฏเิ สธอยู่ ในประโยค ซ่งึ จะเป็นคำากรยิ าวิเศษณ์(Adverb) เชน่ not, never, hardly, scarcely, rarely เปน็ ตน้ หรือคำาสรรพนามแสดงการปฏเิ สธ เช่น no one, nobody, none, no, nothing เป็นตน้ ตัวอยา่ ง Nobody told me to go there on Sunday. (ไม่มใี ครบอกให้ฉันไปท่นี นั่ ในวนั อาทิตย์) วิธีการทาำ ประโยคบอกเล่าใหเ้ ปน็ ประโยคปฏิเสธ คือ เตมิ คำาวา่ not ไปขา้ งหลังกริยาชว่ ย (Helping or Auxiliary Verb) ในประโยค บอกเล่า (Affirmative Sen- tence) I will not go to school tomorrow. (พร่งุ นีฉ้ นั จะไมไ่ ปโรงเรียน) สงั เกตวธิ กี ารทำาประโยคบอกเล่าใหเ้ ปน็ ประโยคปฏิเสธ จะใช้หลักเดยี วกันกบั วิธที าำ ประโยค บอกเล่าใหเ้ ปน็ ประโยคคำาถาม คือถา้ ประโยคใดมีกริยาชว่ ยอยใู่ ห้เติมคำาว่า “not” (ไม)่ เข้าไปหลงั กรยิ าชว่ ย แต่ถา้ ประโยคใดไมม่ ีกริยาช่วยใหเ้ ตมิ “Verb to do” ไปหน้ากรยิ าแท้หรอื กริยาหลกั โดยกระจายให้ ถูกบุรุษ เพศ พจน์และกาล รปู ย่อ คอื Do not Have not Does not Is not Cannot Will not don’t haven’t doesn’t itn’t can’t won’t กริยาช่วย “can” (สามารถ) เม่ือเติมคาำ ว่า “not” เขา้ ไปจะเขยี นติดกนั เปน็ cannot คาำ กริยาชว่ ยตวั ใดทำาหนา้ ท่ีเป็นกรยิ าแท ้ เช่น have (กนิ ,มี) do (ทาำ ) เวลาทำาเป็นประโยค ปฏเิ สธ ตอ้ งใชก้ รยิ า ช่วย Verb to do เชน่ เดียวกัน 4. ประโยคคำาสงั่ (Imperative or Order sentence) เป็นประโยคทบ่ี อกให้ทาำ หรือขอรอ้ งใหท้ ำาตามท่ผี นู้ ้นั บอก ซ่ึงผูท้ ่ีรบั คำาส่งั คอื ผู้ทีค่ นส่งั พูดด้วยซ่งึ คนที่จะสง่ั จะเป็นบรุ ุษ ท่1ี คือ ผู้พดู (I หรือ We) ส่วนคนทถ่ี กู สงั่ จะเปน็ บรุ ุษที2่ (You) เมอ่ื เปน็ ประโยคคำาสัง่ จะตัด ประธาน (You) ออก ประโยคคาำ สง่ั ต้องขน้ึ ตน้ ด้วยคำากริยา ชอ่ งท1่ี เสมอ ซงึ่ อาจจะเป็นรูปบอกเล่าหรือปฏเิ สธก็ได้ ตัวอย่าง Don’t walk on the lawn!หา้ มเดนิ ในสนาม,Enter your personal code.ใส่รหัสสว่ นตวั วิธีการทำา ประโยคคำาส่ัง Verb + Object + Complement (กรยิ า) (กรรม) (ส่วนขยาย) ประโยคคำาสัง่ จะเป็นประโยคทสี่ รรพนามบรุ ุษท่ ี 2 (You) เป็นประธานและอยู่ในรูปปจ จบุ ันกาลธรรมดา (Present Simple Tense) เสมอ เพราะการทีจ่ ะสง่ั หรือขอร้องใหใ้ ครทาำ อะไรจะพดู หรอื บอกใหท้ ำาหรอื ไม่ทาำ ในขณะที่พูดนัน้ การทำาประโยคคาำ ส่ังจะมาจากประโยคบอกเล่า(Affirmative Sentence) โดยตดั ประธานออก ประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence) ประโยคคำาส่งั (Imperative or Order sentence) You follow me. (คุณตามฉันมา) Follo Sit down here. (นงั่ ลงตรงน้)ี You sit down here. (คณุ น่งั ลงตรงนี)้ sit down me (ตามฉันมา) 5. ประโยคอุทาน (Exclamatory sentence) คอื ประโยคทีใ่ ช้แสดงความรู้สึกและอารมณ ์ เชน่ เสยี ใจ ดีใจ เป็นตน้ ใช้ได้ทัง้ ประโยคเตม็ รปู และลดรปู 16 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิิตประจำำาวิัน (พต21001) ระดัับมััธยมัศึึกษาตอันตน้

(1) ประโยคอทุ านเตม็ รปู จะขน้ึ ตน้ ด้วยคาำ ทเ่ี ป็นคาำ ถาม (Question word) how (อย่างไร) และ what (อะไร) ถ้าข้นึ ต้นด้วย How จะตามดว้ ยคำาคุณศัพท (์ Adjective) หรอื คำากรยิ า ววิเิเศศษษณณ ์(Adverb) แล้ว ตามดว้ ยประธาน (Subject) และกรยิ า (Verb) ซึง่ อาจจะมสี ่วนขยาย (Complement) ดว้ ยก็ไดส้ ่วนประโยคที่ ขึ้นตน้ ด้วย What จะตามด้วยนามวล(ี Noun phrase) แล้ว ตาม ด้วยประธาน (Subject) และกริยา (Verb) How + Adjective + Subject + Verb + Complement (คาำ คุณศัพท์) (ประธาน) (กรยิ า) (ส่วนขยาย) Adverb (คาำ กริยาวิเศษณ)์ What + Noun phrase + Subject + Verb (นามวลี) (ประธาน) (กรยิ า) เช่น How beautiful she is! เธอชา่ งสวยอะไรเช่นน้ี How fluently he can speak English! เขาชา่ งพดู ภาษาอังกฤษคลอ่ งอะไรเชน่ นี้ (2) ประโยคอุทานลดรูป เปน็ ประโยคทีต่ ัดประธาน (Subject) และกริยา (Verb) รวมทงั้ ส่วนขยาย (Complement) เช่น How beautiful! สวยจริง ๆ How fluently! พูดคล่องจรงิ ๆ What a healthy man! ชา่ งเป็นคนท่แี ขง็ แรงจรงิ ๆ เรอื่ งท่ี 2 ประโยคความรวม (Compound Sentence) ประโยคความเดยี วหรอื เอกตั ถประโยค (Simple Sentence) หมายถงึ ประโยคทแี่ สดงขอ้ ความทีพ่ ูดซ่งึ มคี วาม เดยี วไม่กำากวมสามารถเขา้ ใจได้ง่ายยกตัวอยา่ งเช่น He is a boy. Suda walks to school. ประโยคความเดยี ว (Simple Sentence) จะมีประธานและกริยาเพียงตัวเดียวประกอบดว้ ยภาคประธาน (Subject) คอื ส่วนท่ีเปน็ ประธานของประโยคและภาคแสดง (Predicate) คือส่วนท่เี ป็นกริยาและสว่ นขยายอ่นื ๆ ภาคประธาน ภาคกรยิ า (Subject) (Predicate) The birds sing. The mob move down the street. It rained heavily in Bangkok. He sent her a bouquet of flowers. สำาหรบั ประโยคความรวมหรอื เอกัตถประโยค (Compound Sentence) หมายถงึ ประโยคที่มีข้อความ 2 ขอ้ ความมารวมกนั แล้วเชอ่ื มด้วยคาำ สนั ธาน (Conjunction หรือตัวเชื่อมประสาน) ไดแ้ ก่ and (และ), or (หรอื ), but (แต่), so (ดังนั้น), still (ยังคง), yet (แลว้ ) etc. และ Conjunctive Adverb (คาำ กรยิ า วเิ ศษณเ์ ชื่อม) ได้แก่ however (อย่างไรก็ตาม), meanwhile (ในขณะท่ี), therefore (ดงั นนั้ ), otherwise (มฉิ ะนั้น), thus (ดงั นนั้ ) etc. Compound Sentence ประโยคท่เี ชอื่ มดว้ ยบุพบท (Conjunction หรือตวั เช่ือมประสาน) ไดแ้ ก ่ and, or, but, so, still, yet etc. ยกตัวอย่างเชน่ รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิิตประจำำาวิัน (พต 21001) 17 ระดัับมัธั ยมัศึกึ ษาตอันตน้

{Suda can speak English. Suda can speak English and French. สุดาพูดภาษาอังกฤษและภาษาฝรัง่ เศสได้ สดุ าพูดภาษาอังกฤษได้ Suda can speak French. สดุ าพดู ฝรง่ั เศสได้ คาำ สันธานท่ีใช้เชื่อมประโยคความรวม (Compound Sentence) ทส่ี ำาคญั ไดแ้ ก ่ and แปลว่า และ, กบั ใช้เชื่อม ประโยคท่ีมีใจความคล้อยตามกัน This table is new and shiny โตะ๊ ตัวน้ีใหม่และเป็นเงางาม Pom talks and walks to school. ป้อมคยุ ไปและเดนิ ไปโรงเรียน but แปลว่า แต่ใชเ้ ช่อื มประโยคท่มี ใี จความขัดแย้งกัน That house is old but strong. บ้านหลงั น้เี ก่าแต่ยงั แขง็ แรง or แปลวา่ หรอื ใช้เชอ่ื มประโยคท่มี ีใจความใหเ้ ลือกอยา่ งใดอย่างหน่งึ What would you like, coffee or tea? คุณต้องการอะไรกาแฟหรือชา both…and แปลว่า ท้งั …และ Both boys and girls learn English. ท้ังเด็กผชู้ ายและเดก็ ผูห้ ญงิ เรยี นภาษาองั กฤษ Idd is both pretty and clever. อ้ดิ ทง้ั นา่ รักและฉลาด either…or แปลว่า ไม่อย่างหน่ึงก็อกี อยา่ งหนงึ่ (ให้เลอื กเอาอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ) Either me or you should telephone to the director. ไมฉ่ ันก็คณุ จะต้องโทรศพั ท์ไปหาทา่ นผู้อำานวยการ You have to sell either the house or the car. คณุ จะต้องขายไม่บา้ นก็รถยนต์neither…nor แปลวา่ ไม่ทั้งสองอยา่ ง This man is neither rich nor clever. ผ้ชู ายคนนี้ทัง้ ไมร่ วยและไมฉ่ ลาด ถ้าใช้ neither วางไว้หนา้ ประโยคจะต้องตามดว้ ยกรยิ าชว่ ยประธานและกริยาแทเ้ ชน่ Neither did he listen his teacher, nor did he read the book. เขาทงั้ ไมฟ่ งครูและไม่อ่านหนงั สอื not only…but also แปลว่าไม่เพียง.......แต.่ ......ดว้ ย ตวั อย่าง Not only man, but also woman could be the prime minister. ไมใ่ ช่เฉพาะแต่ผู้ชายเทา่ นน้ั ผ้หู ญิงก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ Not only you, but also he has not read the book yet. ไม่เพยี งแต่คุณเทา่ นัน้ เขากย็ ังไมไ่ ดอ้ ่านหนังสอื เชน่ เดียวกัน สำาหรับประโยคความรวม (Compound Sentence) บางประโยคจะเช่ือมด้วยคำากริยาวิเศษณ์ (Conjunc- tive Adverb) ได้แก่ however (อย่างไรก็ตาม), meanwhile (ในขณะท)ี่ , therefore (ดังน้ัน, เพราะฉะน้นั ), other- wise (มิฉะนน้ั ), thus (ดงั น้นั ), hence (ด้วยเหตนุ ้)ี , nevertheless (แมก้ ระนน้ั ), etc. หมายเหตุ ให้ผู้เรียนไดศ้ กึ ษาเพิ่มเติมจากหนังสือเรยี น วชิ าภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำาวนั รหสั พต21001 18 รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชีวิติ ประจำำาวิัน (พต21001) ระดัับมััธยมัศึกึ ษาตอันตน้

แบบทดสอบท้ายบทเรยี น คำาชแ้ี จง จงเลอื กคาำ ตอบท่ีถูกต้องทีส่ ุดเพียงขอ้ เดยี ว 1. If you want to ask about your friend’s 6. Suda has got grade A in English. What will you health. You say “_____________” say? cdab.... DCIH howoenwise’h trc swly.e oovurer ryl u yacobku.o uatr eit! . dacb.... WWHHoohhwwaetr eadd bodoo o yuy ootyu ouy uodd uoloi??v? e ? 7N .e Ww hYeenbadca ..r..w .OO”OOi lnnnnl yNyCCooehhuuwrr iirsss ttaYbmmeyir,ataa h“rss’dM sda aendayrdya.r .yy N. Cehwr isYtemara’ss adnady .a Happy 2fo . oYto. uY oaacdbuc.... c IbHITi’tdmlho’aesawm nnns toekcoa rl tlyuryl yyomom. uusys.try sef eapolu ffo l tm“n._ e_s!o_ m__e_o_n_e__’s_ _” 8. What is the population of this town? n 3 .o Steubdoao cabdw..k.. .oWMWW Tuahhhhlyadeae t trI l esaihwkh reaeeoorl uppetyolk odyye uboo ey uuupdoy ?eoug roai n l isingcka oegyh?m et “orp_e u_d?_t oe_?r_ _” The answer will be about, “_____________” . t 4 o. MSthuaedle ape abcd:o .. ..: C sYYYY“toeeee _oussss_,,fl,, _ fdIIiII _ c scdwy_ehaoo_?oon _.uu u._ llsd_dh_.. o _w__ m” e how to get a. the number of people 5ti.m Ae taonudri ssth ies vwisaitnintsg tBoa gnog ktook tfhoer Gthraen fdir st b. famous men and women c. history and geography d. masses of buildings 9. The apartment has been vacant for over a week. What will you do? a. Make a notice for the apartment to rent. b. Tell all of my friends. c. Have it repaired. d. Leave it like that. Palace. 10. The robber climbed up and went into She asks a policeman, “_____________” a. I want to go to the Grand Palace. the opened window and stole his money. Please take me there. What should he do? b. Could you tell me where I go to He should “_____________” . the Grand Palace? a. do nothing c. Could you tell me how to get to b. tell his friend the Grand Palace? d. Give me the map of the Grand c. inform the police Palace. d. blame his neighbor รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชวี ิิตประจำาำ วินั (พต 21001) 19 ระดัับมััธยมัศึกึ ษาตอันตน้

อดีตกาลบ(ทPทa่ี 5st Tense) สรุปเน้ือหา เร่อื งที่ 1 ทบทวนการใช้ Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Future Simple Tense 1. Present Simple Tense คอื ประโยคทีแ่ สดงเหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ ข้นึ ในปจ จุบันมีโครงสร้าง ประโยค ดังนี้ Subject(ประธาน)+ Verb ชอ่ งที ่ 1 (คำากิรยิ าช่องท ่ี 1) + Object (กรรม)+Complement (สว่ นขยาย) โครงสรา้ งของประโยคดงั กลา่ วอาจจะมกี รรม (Object) และสว่ นขยาย (Complement) หรือไมม่ กี ไ็ ดใ้ ห้ สงั เกตวา่ การใช้ประโยคปจ จบุ นั กาลน้นั จะมวี ิธกี ารกระจายคำากรยิ า (Verb) ตามประธาน (Subject) ของประโยค ดงั ตาราง Subject (ประธาน) Verb 1 (ช่องที ่ 1) Object (กรรม) Complement (ส่ Meaning (หมายเหตุ) วนขยาย) I sing a song loudly. ฉนั ร้องเพลงเสยี งดัง We sing a song happily. ฉันร้องเพลงอย่างมคี วามสุข You laugh - funny. คุณหัวเราะตลก ๆ He, She, It laughs - Ugly เธอหวั เราะน่าเกลยี ด They laugh - lovely พวกเขาหัวเราะน่ารกั จากตาราง เราจะเหน็ วา่ การกระจายกรยิ าในประโยคปจจบุ นั กาล (Present Simple Tense) นน้ั ถา้ ประธานเปน็ เอกพจนบ์ รุ ษุ ท3่ี (He, She, It) คาำ กริยาต้องเตมิ “s” หรือคาำ กริยา บางตัวตอ้ งเติม “es” 1. คำากริยาทีเ่ ตมิ “S” ข้างหลงั ไดเ้ ลย เชน่ The wind blows. He eats a mango. 2. คาำ กรยิ าทลี่ งท้ายดว้ ย s, ss, sh, ch, o และx ให้เตมิ “es” หลังคาำ กริยาตวั น้ัน เชน่ My sister watches television. She washes her clothes every day. 3. คำากรยิ าทล่ี งทา้ ยดว้ ย “y” ใหเ้ ปลี่ยน “y” เป็น “i” แล้วจงึ เตมิ “es” หลัง คาำ กรยิ า ตัวนัน้ เชน่ He carries a big box. (carries มาจากcarry) My mother fries bean with egg. (fries มาจากfry) 4. คาำ กรยิ าท่ลี งทา้ ยด้วย“y” แต่หนา้ “y” เป็นสระให้เติม “s” ไปข้างท้าย เชน่ He stays with his mother. (stay หนา้ y คอื a ซ่งึ เป็นสระ) Malee pays for a dress. (pay หนา้ y คอื a ซง่ึ เป็นสระ) วธิ ีการใช ้ Present Simple Tense มีดงั นี้ (1) เพ่อื แสดงถึงการกระทำาทเ่ี ป็นนิสัยการกระทาำ ซซ้ำ�ำ�า้ ๆ ที่ทำาอยเู่ ป็นประจาำ โดยปกติมักมคี าำ วเิ ศษณ ์ บง่ ชี้ อยดู่ ้วย เช่น every day, every year, every month, every hour, often, usually, always, daily, weekly, yearly, annually, sometimes และregularly เปน็ ตน้ (2) เพื่อกลา่ วถึงความจริงโดยทว่ั ๆ ไป ซึ่งเป็นความจรงิ อยเู่ สมอ (To state a general truth) (3) เพ่อื แสดงถงึ การกระทำาทจ่ี ะเกิดข้ึนในอนาคตอยา่ งแน่นอน (To show future action) (4) เพือ่ เลา่ หรอื เขยี นเรือ่ งราวที่เป็นอดตี เพื่อให้ผู้ฟง หรอื ผูอ้ ่านต่นื เตน้ เรา้ ใจเห็นคลอ้ ยตาม นยิ มใช้ในบทละคร หรือเรอื่ งราวบางตอนทเี่ หมาะสม การเลา่ หรือเขียนแบบน้เี รยี กวา่ Historic Present (To show historic present) (5) เพื่อบอกถึงคำาพดู คาำ ประพนั ธ์หรือสิ่งหนงึ่ ส่ิงใดท่ผี ู้ประพันธ์ไดก้ ลา่ วหรอื เขียนไว้ (6) เพอ่ื บอกเหตผุ ลที่จะเกดิ ข้นึ ในประโยคทีน่ าำ ดว้ ย If - clause เป็นการแสดงถงึ เงือ่ นไขบางประการของ ความน่าจะเป็นจรงิ ในอนาคต (conditions of future possibility) 20 รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชวี ิติ ประจำำาวินั (พต21001) ระดัับมัธั ยมัศึกึ ษาตอันต้น

(7) ใช้ใน If - clause เพ่อื แสดงถึงเงือ่ นไขบางประการท่เี ป็นไปได้ (8) ใชใ้ น Passive form เพื่อแสดงถึงการถกู กระทำา Passive form : It is made into a paste. มนั ถูก ทาำ ใหเ้ ป็นแปง้ เปียก (9) ใช้ Present Simple Tense หลัง Here และ There 2. Present Continuous tense หรอื Present Progressive Tense คือประโยคทีใ่ ช้แสดง เหตกุ ารณท์ ่ี กำาลงั ทาำ อยใู่ นขณะทีพ่ ูด มีโครงสรา้ งประโยค ดังน้ี Subject (ประธาน) + Verb to be (is, am, are) + V1+ ing Object I am walking - He, She, Suda is reading a book. You, We, They, are eating rice. The boys กฎการเตมิ ing ท่คี าำ กรยิ า กรยิ าบางคาำ เมอื่ จะเตมิ ing ต้องเปลี่ยนแปลง ดงั น้ี 1. คาำ พยางค์เดียว มสี ระตัวเดยี ว และมตี วั สะกดตัวเดียว ตอ้ งเพิม่ ตวั สะกดอกี หนง่ึ ตัว กอ่ นเตมิ ing เช่น cut cutting get getting 2. คำาสองพยางค์ซึง่ ลงท้ายด้วยตัว“l” ตัวเดียวใหเ้ พิม่ “l” อกี หนงึ่ ตวั กอ่ นเตมิ ing เช่น Travel Travelling control controlling 3. คำาที่ลงทา้ ยด้วย“e” ใหต้ ัดตวั “e” ออกก่อนเติม ing เช่น lose losing come coming 4. คำาที่ลงทา้ ยดว้ ย“ie” ใหเ้ ปลี่ยน “ie” เป็น “y” กอ่ นเติม ing เชน่ die dying lie lying เมือ่ ตอ้ งการเปลยี่ นประโยคบอกเลา่ ของ Present Continuous Tense เปน็ ประโยคคำาถาม ให้วางคำากริยา is, am หรือare ไปไวห้ น้าประโยค ดังนี้ (is / am / are) + subject + V. ing ตวั อย่าง Is she drawing a flower? Are you reading a comic book? ประโยคคำาถามทีข่ ้นึ ต้นดว้ ย Verb to be (is, am, are) จะต้องตอบด้วย yes หรอื no ตวั อยา่ ง Is she drawing a flower? Yes, she is drawing a flower. หรือ Yes, she is. หรอื No, she is not drawing a flower. หรอื No, she isn’t. วิธกี ารใช ้ Present Continuous Tense มดี ังน้ี (1) เพือ่ แสดงถงึ การกระทำาท่ีกาำ ลงั เกิดขึ้นในขณะทีพ่ ดู (To show action happening now) ตวั อย่าง Surin is driving out of house now. สรุ นิ ทร์กาำ ลงั ขบั รถออกมาจากบ้านของเขาตอนนี้ (2) เพื่อแสดงถึงการกระทำาที่เกดิ ขึน้ ในอนาคตอนั ใกล้นี้ (To show action in the near future) แตย่ ังไมแ่ น่ นอนมากเทา่ กบั Present Simple Tense ตวั อย่าง Supol is coming here next week. สุพลจะมาท่ีนสี่ ปั ดาหห์ นา้ (3) เพ่อื แสดงถึงการกระทำาที่ทำาอย่จู นเกือบจะเปน็ นิสยั ซง่ึ มักจะถูกกระทำาซซ้ำ้า�ำ� ๆ อยู่บ่อย ๆ หรือบ่อยครง้ั ทสี่ ุด (To express habitual action that is often repeated.) ตวั อย่าง She is always asking silly questions. เธอมกั จะถามคำาถามโง่ๆ อยเู่ สมอ (4) ใชก้ ับการกระทำาทัง้ สองอย่างทีก่ ำาลังดาำ เนนิ การอยพู่ ร้อม ๆ กนั ตวั อย่าง She is reading a book and (is) singing a song. เธอกาำ ลังอา่ นหนังสือ และกาำ ลงั รอ้ งเพลง (5) ใช้กับการกระทาำ อยา่ งหน่งึ ทกี่ ำาลงั ดำาเนนิ อยู่และมีผู้กระทำาการอีกอย่างหนงึ่ ข้ึนมา โดยไม่คาดฝน มาก่อน ตัวอย่าง She enters the room while I am reading a book. (6) ใชใ้ นรูป Passive voice เม่ือเราต้องการจะแสดงให้เหน็ ว่าการกระทำาน้นั ๆ มสี ิง่ หนงึ่ หรือบุคคลหนงึ่ กระทำาต่อประธานของประโยค รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชวี ิติ ประจำำาวินั (พต 21001) 21 ระดัับมัธั ยมัศึึกษาตอันตน้

Active Voice : Someone is cutting tree down. ใครคนหนงึ่ กำาลงั ตดั ต้นไม้ลง Passive Voice : The tree is being cut down. ต้นไมก้ ำาลงั ถกู ตดั 3. Future Simple tense คอื ประโยคท่ีใชก้ บั เหตุการณท์ ่ีจะเกิดขนึ้ ในอนาคต โดยวางโครงการหรือวางแผน ไวล้ ว่ งหนา้ โครงสร้างประโยค Future Simple Tense Subject + shall, will + V1+ (สว่ นขยาย) ตวั อยา่ ง We shall ask him. รปู ยอ่ ของ shall และ will รูปปกติ (Affirmative) รปู ย่อ คาำ ถาม (Question) I shall, (will) I’ll (Negative) We shall (will) We’ll I shan’t (I won’t) Shan’t I, Shall I Won’t, Will I You will You’ll We shan’t (We won’t) Shan’t we, Shall we Won’t we, Will we You won’t Will you Won’t you วิธกี ารใช Future Simple Tense มีดงั น้ี (1) เพือ่ แสดงการกระทำาอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดทตี่ ้ังใจวา่ จะทาำ หรอื คาดวา่ จะทาำ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอนาคต โดยปกตมิ ัก จะมีคาำ ทแี่ สดงเวลาในอนาคตอยู่ด้วย เช่น tomorrow, next, week, soon, later เปน็ ตน้ ตัวอย่าง I shall return in half an hour. ผมจะกลบั มาภายในเวลาครง่ึ ช่ัวโมง (2) will/shall ไมส่ ามารถใช้กบั กรยิ าในรูป Continuous form ได้ มกี ล่าวไวใ้ นข้อควรจาำ ของPresent Continuous Tense) (3) ใช้ในรปู ของ Passive Voice เพอื่ แสดงถึงการทป่ี ระธานของประโยคเปน็ ผู้กระทาำ ตัวอยา่ ง You will be punished for disobeying the law. คณุ จะถูกลงโทษฐานทไี่ มป่ ฏบิ ตั ิตามกฎหมาย หลกั การใช“้ To be going to” ใน Future Simple Tense (1) ใช้ใน to be going to เพ่อื แสดงถงึ การกระทำาทไ่ี ด้ถกู วางแผนไวแ้ ลว้ และการกระทำา น้นั จะเกิดขนึ้ ใน อนาคตอันใกล้ (2) ใชt้ o be going to เพอ่ื แสดงถึงความรู้สกึ ทแ่ี นน่ อนเกี่ยวกับการกระทำาของผ้พู ูด (3) “to be going to” ไมน่ ิยมใชก้ ับกริยา go และ come และไมน่ ยิ มใช้กบั to be going to ซซ้ำำ��า้ กกััน ตัวอยา่ ง ถกู : He is going to Populand soon. เขาจะไปป้อปปูแลนดใ์ นไมช่ า้ นี้ ผิด : He is going to go Populand soon. เรือ่ งที่ 2 Past Simple Tense Past Simple Tense คอื ประโยคทีแ่ สดงเหตุการณ์ท่ีเกดิ ขึ้น และสน้ิ สดุ แลว้ ในอดีต มโี ครงสร้างประโยค ดังน ้ี Subject + V2 + Object + (adv. of place) + (adv. of time) รูปกรยิ าทีใ่ ช้ในประโยค Past Simple Tense ประโยค Past Simple Tense ใช้กับกริยาช่องท่ ี 2 เสมอ ซ่งึ รูปกริยาช่องที่ 2 แบ่งเปน็ 3 ประเภท ดังนี้ 1. กริยาช่องที ่ 1 เมื่อเปลี่ยนเปน็ ชอ่ งท ี่ 2 ใหเ้ ติม d หรอื ed ยกตวั อยา่ ง เช่น 22 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชวี ิติ ประจำำาวิัน (พต21001) ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

กริยา ช่องท ี่ 1 กรยิ า ชอ่ งท ่ี 2 work Worked wait waited arrive arrived กฎการเติม ed ทที่ ้ายกรยิ าชอ่ งท่ี 1 การเตมิ ed ท้ายคาำ กรยิ าในช่องที่1 ใหเ้ ป็นกรยิ าในช่องท ี่ 2 หรอื รูปอดีต มกี ฎดงั น้ี 1.1กริยาทล่ี งทา้ ยด้วยe อยู่แล้วให้เติม d ได้เลย 1.2 กริยาท่ลี งท้ายด้วย y ให้เปล่ยี น y เปน็ i แลว้ จงึ เตมิ ed ยกเว้นในกรณที หี่ นา้ y เปน็ สระ (a, e, i, o, u) ให้เติม ed ไดโ้ ดยไม่ต้องเปลีย่ นแปลง 1.3 กรยิ ามีพยางคเ์ ดยี ว มสี ระตวั เดียว ตัวสะกดตัวเดียว ต้องเพ่มิ สะกดอกี หนึง่ ตัว แล้วจงึ เตมิ ed 1.4 เตมิ ed ไดเ้ ลยสำาหรับกริยาอืน่ ๆ ท่ีไม่อยู่ในขอ้ กำาหนดตามกฎ ขอ้ 1, 2 และ 3 และไม่เปน็ กรยิ า ในกลุ่มปกติ(Irregular verbs) วิธีใชP้ ast Simple Tense มดี งั นี ้ (1) เพอื่ แสดงถึงการกระทำาอยา่ งหน่ึงอย่างใดท่ีไดท้ ำาเสรจ็ ส้นิ สมบูรณไ์ ปแล้วในอดตี ปกติ มักจะมีคำาทแี่ สดง เวลาในอดีตบ่งช้อี ย่เู ช่น ago, last week (month, year), yesterday เปน็ ตน้ ตวั อย่าง Two weeks ago, Kate had an accident. สองสปั ดาหท์ ผ่ี ่านมา เคทได้ประสบอุบัติเหตุ (2) ใชก้ ับเหตุการณ์ทดี่ าำ เนินอยใู่ นชว่ งเวลาหน่งึ ๆ ในอดตี อาจจะมีคาำ วเิ ศษณป์ รากฏอยดู่ ้วย เชน่ always, never, frequently, usually เป็นต้น ตัวอย่าง Jim always kept light on in the hall. จิมมักจะเปดไฟในหอ้ งโถงทิง้ ไว้เสมอ(นสิ ัยในอดีต) (3) ใชบ้ อกถงึ เง่อื นไขทเ่ี ปน็ ไปไม่ได้ใน If-clause (Unlikely type) ตัวอยา่ ง lf I saw him, I would tell him the news. ถา้ หากผมพบเขาผมคงเลา่ ข่าวนี้ให้เขาฟง (4) ใชใ้ น Past Simple Tense แทนที่ Present Simple Tense เม่อื เปล่ียนประโยคจาก Direct Speech มาเป็น Indirect Speech ตัอยา่ ง Direct Speech : She said, “I understand what he means.” เธอพดู วา่ “ฉนั เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร” เรื่องท่ี 3 Past Continuous Tense หรืออกี อย่างหนงึ่ เรียกวา่ Past Progressive Tense เปน็ Tense ที่ใช้แสดงเหตุการณ ์ ทก่ี ำาลงั เกดิ ข้ึน ณ ชว่ งเวลาหนึ่งในอดตี หรือ มีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ ์ กาำ ลัง เกิดขนึ้ พรอ้ มกัน ณ ช่วงเวลาหนงึ่ ในอดตี โครงสร้างประโยค Past Continuous Tense Subject + V.to be (Was ,Were) + V. – ing ตัวอย่าง We were playing in the garden. เรากาำ ลงั เลน่ อยู่ในสวน He was singing a song. เขากำาลังรอ้ งเพลง หมายเหต ุ ใหผ้ เู้ รียนไดศ้ กึ ษาเพ่มิ เตมิ จากหนังสือเรียน วิชาภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำาวัน รหัส พต21001 รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชีวิติ ประจำาำ วินั (พต 21001) 23 ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน คาำ ชแ้ี จง จงเตมิ คำาในชอ่ งว่างให้ถกู ต้อง 1. The play (begin)____________ at 7 p.m. 6. She (come)____________here yesterday. 2. Malee (visit)____________ Suda at home 7. They (forget) _____________ to bring us yesterday. a book. 3. Suda (write)_______________ a letter to her 8. We (cut) ______________ meat with knife. mother. 9. May (go) _____________ there five years ago. 4. Somebody (ring)____________ the bell just a 10. The wind (blow) __________ strongly last moment. night. 5. A robber (break)_____________ into her house last night. 24 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิติ ประจำาำ วินั (พต21001) ระดัับมััธยมัศึึกษาตอันต้น

บทที่ 6 อาชีพพนกั งานขบั รถรบั จ้าง สรุปเน้อื หา เรื่องท่ี 1 การพูดภาษาอังกฤษตามมารยาทสงั คม และเหมาะสมกบั สถานการณ์ เมอ่ื มผี ู้โดยสารมาเรยี กใชบ้ รกิ ารจากพนักงานขับรถรบั จา้ งน้ัน สงิ่ แรกท่คี วรทำาคือทักทาย โดยทกั ทายตาม เวลา คอื Good morning. สวสั ดีครับ เม่อื พบผู้โดยสารตอนเช้า Good afternoon. สวัสดีครบั เมอ่ื พบผู้โดยสารตอนบ่าย Good evening. สวัสดีครับ เมื่อพบผโู้ ดยสารตอนคค่ำา่�ำ � บางครัง้ อาจทักทายอย่างเป็นกันเอง คือ Hello! หากผู้โดยสานตา่ งชาติเป็นวัยร่นุ ทา่ ทางสนุกสนานรา่ เรงิ อาจ ทกั ทายแบบเป็นกนั เองวา่ Hello! หรอื Hi! ก็ได้ เม่ือทกั ทายผู้โดยสารแลว้ พนักงานขบั รถรบั จ้างสามารถถามตอ่ ไปว่า Where are you going? คณุ จะไปทไี่ หนครับ หรืออาจถามด้วยข้อความส้ัน ๆ ท่สี ภุ าพ และเขา้ ใจไดว้ า่ Where to, Sir? ไปทไ่ี หนครบั คุณผชู้ าย Where to, Madam? (Miss)ไปทไี่ หนครบั คุณผ้หู ญิง ชาวต่างชาตจิ ะตอบได้หลากหลาย โดยอาจพูดเฉพาะชอ่ื สถานที ่ ดังน ้ี Suvarnabhumi airport. สนามบินสวุ รรณภมู ิ / KhaoSarn Road. ถนนข้าวสาร The weekend market. ตลาดนดั สดุ สปั ดาห์หรือตลาดนดั จตจุ ักร Chatuchak market. ตลาดนัดสวนจตุจกั ร ผโู้ ดยสารบางรายบอกพนักงานขบั รถรบั จ้างดว้ ยประโยคเตม็ รูปวา่ Please drop me off at the National Museum. ชว่ ยสง่ ผมท่พี ิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติครับ หรือ Please take me to Maboonkrong. ช่วยสง่ ดิฉันที่มาบญุ ครองค่ะ ผโู้ ดยสารบางรายอาจพดู เพียงขอ้ ความส้นั ๆ ว่า To Silom road, please. ไปถนนสีลมค่ะ จากนั้นพนักงานขับรถรับจา้ งจะบอกผูโ้ ดยสารว่า Please get in. หรอื Get in, please. กรณุ าข้นึ รถเลยครบั การพดู เชญิ ชวนดว้ ยความสภุ าพ หรืออาจเรียกได้วา่ เป็นการขอรอ้ งดว้ ยความสภุ าพ จะใชค้ าำ ว่า please อยใู่ นข้อความ ด้วยเสมอ โดยวางไว้หนา้ ข้อความหรือทา้ ยข้อความก็ได้ เช่น ตัวอย่างตอ่ ไปน ้ี พนักงานขบั รถรับจา้ งขอใหผ้ ู้โดยสารตรวจดูสมั ภาระหรอื ข้าวของกอ่ นลงจากรถด้วยความสภุ าพว่า Please check your belongings. หรอื Check your belongings, please. กรุณาตรวจดูส่ิงของของคุณด้วยนะครบั เวลาพูดขอ้ ความเช่นน้ ี ถา้ ลมื ใช้คำาวา่ please ในขอ้ ความ การพดู ขอร้องก็จะกลายเป็นการสัง่ ทนั ท ี ซ่งึ ทาำ ใหฟ้ ง แลว้ ไม่ สภุ าพ คือ Check your belongings. ตรวจส่งิ ของของคุณ พนกั งานขบั รถรับจ้างอาจใชข้ ้อความลกั ษณะอน่ื ได้ดังน้ ี Don’t forget your luggage. อย่าลมื สัมภาระของคุณนะครับ รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำำาวิัน (พต 21001) 25 ระดับั มัธั ยมัศึกึ ษาตอันต้น

พนักงานขับรถรับจ้างบางรายไมม่ รี ถเป็นของตนเอง แต่ขับรถเช่า ดงั น้นั เมอ่ื ผโู้ ดยสารเรยี กรถ ซ่ึงใกล้เวลาทจี่ ะส่ง รถแล้ว จงึ จำาเปน็ ตอ้ งปฏเิ สธ สมมติผโู้ ดยสารพดู ว่า The general post-office on New Road. ไปรษณียก์ ลางที่ถนนเจรญิ กรงุ ครับ พนักงานขบั รถรบั จา้ งจงึ ปฏเิ สธด้วยความสุภาพ พร้อมบอกเหตุผลวา่ Sorry, I cannot go. I must return the car. ขอโทษนะครับ ผมไปไม่ได ้ ผมต้องส่งรถครับ พนกั งานขบั รถรบั จา้ ง อยา่ ลมื ขอบคณุ และอวยพรขณะผู้โดยสารลงจากรถ โดยพูดวา่ Thank you very much. Have a nice day! ขอบคณุ มากครบั ขอใหม้ ีความสขุ นะครับ การท่ีใครก็ตามอวยพรใหผ้ ทู้ ี่พดู ดว้ ยมคี วามสุข ผ้ทู ีไ่ ดร้ ับคำาอวยพรกค็ วรตอบรบั โดยพดู วา่ You, too. คณุ กเ็ ช่นกันครับ เรือ่ งที่ 2 การพดู แสดงความรสู้ ึกและแสดงความคิดเห็น The traffic is bad. รถตดิ The traffic is too bad. รถติดจงั เลย It takes about twenty minutes to get there. ใชเ้ วลาประมาณ 20 นาทีทจ่ี ะไปทน่ี น่ั พนกั งานขับรถรบั จ้างบางรายอาจมีนามบัตรทรี่ ะบหุ มายเลขโทรศพั ท์ เมอ่ื ส่งนามบัตรใหผ้ ้โู ดยสาร ตา่ งชาต ิ อาจพูดวา่ This is my phone number. Please call me if you want a taxi. I can pick you up in front of the hotel. นีห่ มายเลขโทรศัพท์ของผมครบั กรณุ าโทรศัพท์เรยี กผมไดถ้ ้าคณุ ต้องการใช้บรกิ ารแท็กซ ่ี ผมไปรบั คุณไดท้ ีห่ นา้ โรงแรม ครับ เมอื่ ผ้โู ดยสารต่างชาติสอบถามขอ้ มลู การทอ่ งเทีย่ ว ซึ่งพนักงานขับรถรบั จา้ งไม่สามารถใหข้ ้อมลู ทถ่ี ูกตอ้ งได ้ กอ็ าจ แสดงความคิดเหน็ ว่า I’ll stop and ask the police for you. ผมจะจอดแลว้ ถามตำารวจให้คณุ ครบั ถ้ารับผ้โู ดยสารต่างชาติมาจากสนามบิน พนักงานขบั รถรับจา้ งอาจพูดคยุ กบั ชาวต่างชาติเกี่ยวกบั การเดนิ ทางมาเมือง ไทยของเขาได ้ แต่ตอ้ งเป็นคำาถามกลาง ๆ ท่ไี มเ่ สียมารยาท เช่น Is this your first time in Thailand? น่เี ป็นครัง้ แรกท่คี ณุ มาเมอื งไทยใช่ไหมครบั How long are you staying in Bangkok? คณุ จะอยูท่ ก่ี รุงเทพฯ นานแค่ไหนครบั เร่อื งที่ 3 การพูดแสดงความชว่ ยเหลือ เม่ือพนักงานขับรถรับจา้ งมารับผโู้ ดยสารตา่ งชาติท่ีหนา้ โรงแรมแหง่ หนึง่ ผโู้ ดยสารใหไ้ ปสง่ ทีส่ ถานีขนส่งสาย ตะวันออก เขาจงึ มีกระเปาเดนิ ทางใบใหญ่ พนักงานขับรถรบั จ้างรบี เปดฝากระโปรงรถดา้ นทา้ ย แล้วไปรบั กระเปาเดิน ทางจากผูโ้ ดยสารตา่ งชาต ิ พรอ้ มกับพดู ว่า - Let me help you. ใหผ้ มชว่ ยคณุ นะครับ ผู้โดยสารพดู ขอบคณุ Thank you. พนักงานขับรถรับจา้ งตอบรบั คำาขอบคณุ ว่า My pleasure. หรือ You’re welcome. ดว้ ยความยนิ ดคี รับ บางครง้ั ผโู้ ดยสารรบี มาก เขาบอกพนกั งานขบั รถรบั จ้างวา่ Can you speed up? I’m in a hurry. คณุ ช่วยขับเร็วอีกหน่อยไดไ้ หม ผมรีบครับ พนักงานขบั รถรบั จา้ งเสนอผูโ้ ดยสารต่างชาติวา่ I can take the express way. So we will reach the airport within 20 minutes. ผมสามารถใชท้ างดว่ น เพราะฉะน้ันเราจะไปถงึ สนามบินได้ภายใน 20 นาที 26 รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำำาวิัน (พต21001) ระดัับมััธยมัศึึกษาตอันต้น

ผโู้ ดยสารอาจตอ้ งเชา่ รถไวใ้ ช้ทง้ั วัน พนักงานขับรถรบั จา้ งจงึ เสนอว่า You can hire me all day, sir. I’ll give you a fair price. ท่านเชา่ รถผมทงั้ วันก็ไดค้ รับ ผมจะให้ราคายตุ ธิ รรม เร่อื งที่ 4 การขออนญุ าต พนกั งานขับรถรบั จา้ งควรนกึ อยู่เสมอวา่ ขณะทำาหนา้ ทเ่ี ปน็ พนกั งานขบั รถอยนู่ นั้ ตอ้ งคิดถึง ความตอ้ งการและจิตใจของผูโ้ ดยสารเป็นหลัก ความพึงพอใจทเี่ กดิ ขนึ้ จะชว่ ยสร้างภาพพจนท์ ดี่ ีให ้ คนไทย ถ้าผ้โู ดยสารกำาลังรบี เดนิ ทางไปสนามบนิ เพราะเกรงว่าจะไม่ทนั เครือ่ งบนิ พนักงานขับรถรบั จ้างจะใชท้ าง ด่วน แตก่ จ็ าำ เปน็ ต้องพดู ขออนญุ าตกอ่ น ดังน้ี Can I take an express way, sir? ให้ผมใชท้ างดว่ นไดไ้ หมครบั ผู้โดยสารรีบบอกพนกั งานขบั รถรบั จา้ งทนั ทีวา่ Oh, sure. I will pay you extra. ออ ได้เลยครับ ผมจะใหพ้ เิ ศษ เรือ่ งท่ี 5 การพูดแทรกอย่างสุภาพ ชว่ งเวลาท่พี นักงานขบั รถรบั จา้ งใหบ้ ริการผู้โดยสารอยนู่ ้ัน ย่อมมเี วลาท่ีจะพูดคุยกนั บ้าง ถ้าผโู้ ดยสารกำาลงั พู ดอยู่ หรือพดู ยงั ไมจ่ บ พนกั งานขับรถรับจ้างต้องไม่พดู แทรก แต่เมือ่ ใดท่ีตอ้ งการพดู ควร เอย่ ด้วยความสุภาพวา่ Excuse me ขอโทษนะครบั จากนัน้ จึงเอย่ ถงึ เรอื่ งท่ีต้องการจะพดู หรอื อาจเร่ิมดว้ ยการเรยี กผู้โดยสารที่อยู่บนรถ คอื sir ทา่ นครับ (เปน็ การเรยี กผู้โดยสารท่ีเป็นผชู้ าย) madam คุณผู้หญิงครับ (ใช้เรียกผโู้ ดยสารท่ีเปน็ หญิงสงู วัย) ma’am คณุ ผหู้ ญงิ ครบั (เรยี กผู้โดยสารทเ่ี ปน็ หญิงสงู วยั ) miss คณุ ผู้หญิงครบั (เรียกผโู้ ดยสารทเ่ี ปน็ หญิงสาว) หมายเหตุ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้ศึกษาเพ่มิ เตมิ จากหนังสอื เรยี น วชิ าภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำาวัน รหสั พต21001 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชวี ิิตประจำำาวินั (พต 21001) 27 ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

แบบทดสอบท้ายบทเรยี น คาำ ช้ีแจง จงเขยี นประโยคให้มีความถกู ตอ้ งทสี่ ดุ พนักงานขับรถรบั จ้าง จะทักทายผู้โดยสารทีม่ าใชบ้ ริการอยา่ งไร 1. ผู้โดยสารหญงิ สงู วัยเรยี กใชบ้ ริการหลังอาหารกลางวัน __________________________________________________________________________ 2. ผู้โดยสารชายเรียกใช้บริการหลังจากชมภาพยนตร์รอบคค่ำ่าำ��จบ __________________________________________________________________________ 3. ผู้โดยสารหญงิ อายุ 20 ปี ใช้บรกิ ารเพ่ือจะเดนิ ทางไปทาำ งาน __________________________________________________________________________ 4. ผโู้ ดยสารชายวยั ทำางาน ดภู มู ิฐาน ใชบ้ ริการหลงั รับประทานอาหารเชา้ เรยี บร้อยแล้ว __________________________________________________________________________ 5. ผูโ้ ดยสารหญงิ กลางคนเรยี กใชบ้ รกิ ารหลังทาำ งานลว่ งเวลาตอนเย็นแลว้ __________________________________________________________________________ วางคำาวา่ please อีกแบบหนึ่ง 6. Please get in. __________________________________________________________________________ 7. Please don’t forget your luggage. ___________________________________________ 8. Say again, please. ________________________________________________________ 9. Drop me here, please. ____________________________________________________ 10. Please drive, slowly. _____________________________________________________ 28 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิิตประจำาำ วินั (พต21001) ระดัับมััธยมัศึกึ ษาตอันตน้

บทท่ี 7 ภาษาองั กฤษสำาหรบั พนักงานบรกิ ารในสถานที่ต่าง ๆ สรปุ เนือ้ หา เร่ืองที่ 1 การใหบ้ ริการ ณ สถานบริการประเภทต่าง ๆ (Various Services) การใชภ้ าษาในการนำาเสนอให้บรกิ าร และการตอบรับ ควรใชภ้ าษาและสำานวนทส่ี ภุ าพ 1. พนักงานบรกิ ารนาำ เสนอบริการ โดยใชส้ ำานวน ดงั น้ี 1.1 กลา่ วทักทาย 1.4 การกล่าวขอบคุณ Good morning, Sir/ Madam. - Thank you. Good afternoon, Sir/ Madam. - Thank you for your help. Good evening, Sir/ Madam. - Thank you very much for your kindness. 1.2 เสนอใหบ้ ริการ 1.5 การตอบรับการขอบคณุ ของลูกค้า - May I help you? - It’s my pleasure. - Can I help you? - It doesn’t matter. - What can I do for you? - Don’t worry. - If you need anything, please tell me. - Don’t mention it. 1.3 ผู้รบั บริการตอบ โดยใช้สำานวน ดงั น้ี - Yes, please. 1.6 การขอความชว่ ยเหลอื - Yes, of course. - Excuse me ______________________. - I need __________. - I want __________. ตวั อย่าง การนาำ เสนอการให้บรกิ ารและการตอบรับ ณ สถานท่ีตา่ ง ๆ At the post-office (ท่ีทาำ การไปรษณยี )์ Clerk : Good morning, sir. May I help you? Customer : Yes, I would like to send this present to my friend in Chiangmai. What should I do? Clerk : You should buy a parcel-box, we’ll wrap it for you. Customer : That’s great. How much does it cost? Clerk : Let me weigh your parcel. It weighs 2 gm. It takes 100 baht. Customer : Here’s 500 baht. Clerk : Thank you. Here is your change. Customer : Thank you. Good bye. Clerk : You’re welcome. รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิติ ประจำำาวินั (พต 21001) 29 ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

Word Study (คำาศพั ท)์ Pronunciation (คาำ อา่ น) Meaning (ความหมาย) Vocabularies (คำาศพั ท)์ present เพรซ´ เซินทฺ (n) ของขวญั parcel-box พาร์เซลิ -บอคซ ฺ (n) กล่องพัสดุ parcel พาร์เซลิ (n) พสั ดุ weigh เว (v) ชชั่�งั ่ งน้นำำ��้ำาหหนันักัก change เชนจ ฺ (n) เงินทอน send เซนดฺ (v) ส่ง At the train station. Clerk : Good afternoon, sir. What can I do for you? Passenger : I would like to buy a ticket to Hat Yai? Clerk : We have different classes such as express train : first class with air-conditioning. Second class with air-conditioning, upper or lower bed. rapid train : second class with air-conditioning, upper or lower bed. second class with fan, upper or lower bed. Passenger : How many hours does it take for express train or rapid train? Clerk : It takes 12 hours for express train and 16 hours for rapid train. Passenger : I prefer express train, second class with air-conditioning. Clerk : How many tickets do you need? Passenger : Two please, one upper bed and one lower bed. Clerk : What do you prefer one-way ticket or round-trip ticket? Passenger : Round-trip ticket for two. How much do I have to pay? Clerk : Express train with air-conditioning, upper bed, one way ticket is 1,280 baht. Round trip is 2,560 baht, but the lower one is cheaper. It costs only 1,080 baht, but round trip is 2,160 baht. Total is 4,720 baht. Passenger : Here is 5,000 baht. Clerk : Thank you sir. Here is 280 baht your change. Passenger : Thank you. Good bye. Clerk : You’re welcome. Have a nice trip. 30 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชีวิติ ประจำาำ วิัน (พต21001) ระดับั มััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

Word Study (คำาศพั ท์) Pronunciation (คำาอ่าน) Meaning (ความหมาย) Vocabularies (คำาศพั ท์) อคิ สเฺ พรส (adj.) ด่วน express อคิ สเฺ พรส´ เทรน (n) รถไฟด่วน วนั -เว ทคิ ´คิท (n) ตว๋ั เที่ยวเดยี ว express train เรานด-ฺ ทรปิ ทคิ ´คิท (v) ตว๋ั ไป – กลบั one-way ticket round-trip ticket หมายเหต ุ ให้ผู้เรยี นได้ศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากหนงั สือเรียน วชิ าภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาำ วนั รหสั พต21001 แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน คาำ ช้แี จง จงเลือกคาำ ตอบท่ีถกู ตอ้ งท่สี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว 1. Where can we send the parcel? a. At the post-office b. At the police station c. At the bank d. At school 2. We put the present in a _______ for sending by mail. a. parcel b. parcel-box c. wrap d. weigh 3. How much does the parcel cost? a. 30 baht b. 50 baht c. 100 baht d. 150 baht 4. How does the clerk greet the customer? a. May I help you? b. May I have this? c. Good day. d. Good bye. 5. How does the clerk say when the customer said “thank you” ? a. Thank you. b. O.K. c. Bye. d. You’re welcome. รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชวี ิติ ประจำำาวินั (พต 21001) 31 ระดับั มัธั ยมัศึึกษาตอันตน้

จงเตมิ ประโยคใหม้ ีความถกู ตอ้ ง 6. Where does the passenger want to go? _________________________________________________ 7. Which class of train does the passenger ________________________________________________ 8. How many hours does it take from Bangkok to Hat Yai by express train? _____________________ _____________________________________________________________________________________ 9. What kind of ticket does the passenger prefer? __________________________________________ _____________________________________________________________________________________ 10. How does the clerk bless the passenger when the conversation is ended? _________________ __________________________________________________________________________________ แบบทดสอบหลังเรียน คำาชีแ้ จง จงเลอื กคาำ ตอบที่ถูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. Anus : Would you mind if I close the window? Amara : ______________________ a. I wish I could but I can’t. b. I’m afraid I can’t. c. I’m afraid you can’t. d. I’m sorry. 2. Nooch : ____________________. Lak : I’m O.K. a. Good morning, Madam. How are you keeping? b. Good morning, Miss Lak. How are you today? c. Hello, lady. How are everything? d. Hello, Lak. How are you doing? 3. Tui : My mother is waiting for me at the bus stop. I have to go now, bye! Kaew : __________ a. See you. b. Take care. c. Have a good time. d. Please come again. 4. ____________. Is this seat unoccupied? a. Sorry. b. Pardon. c. Thanks. d. Excuse me. 5. Wittaya : ________________ I forget to tell you about that. Pong : Don’t worry. 32 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชีวิิตประจำำาวิัน (พต21001) ระดัับมััธยมัศึึกษาตอันตน้

a. Excuse me. b. I’m sorry. c. Alright. d. Certainly. 6. A : Could you please tell me the way to the library? B :__________________________ a. Certainly. b. I’m O.K. c. What’s a pity! d. Never mind. 7. Pimchai : That’s a very kind of you. Thanks a lot. Amara : _______________________ a. You’re welcome. b. Don’t mention it. c. See you soon. d. Thanks. 8. Miss Kaewta : Why are you so late? Anus : ___________ I had an accident. a. All right. b. Good morning. c. Excuse me. d. I’m sorry. 9. A tourist is visiting Bangkok for the first time and she wants to go to the Grand Palace. She asks a policeman, “_____________” a. I want to go to the Grand Palace. Please take me there. b. Could you tell me where I go to the Grand Palace? c. Could you tell me how to get to the Grand Palace? d. Give me the map of the Grand Palace. 10. Ton : What’s wrong with you, Sommai? Sommai : _______________________ a. I’m not so well. I catch a cold. b. I’m O.K. I’ll go to see the doctor. c. Nothing to complain. I have a toothache. d. So, so. My leg is broken. 11.Pom : Hi, Jun. How’s life? Jun : ________________. a. I’m fine, thank you. b. Very well, thanks, and you? c. Fine, thanks. d. Nothing to complain. 12. Suda : Could you show me how to get to the post office? Malee : “_____________” a. Yes, I can. b. Yes, I do. c. Yes, I should. d. Yes, I would. 13. Miss Babara : I apologize for not informing you about that case. Boss : ________________________ a. Certainly. b. Of course. c. With pleasure. d. Don’t worry about it. รายวิิชาภาษาอัังกฤษในชีวิิตประจำาำ วิัน (พต 21001) 33 ระดัับมััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

14. Suda would like to buy a computer notebook. The shopkeeper say “________” a. May I help you? b. Where are you going? c. What are you doing here? d. What would you like to do? 15. Pimchai : ___________ What are you doing here? Amara : I’m going to withdraw some money. a. Good morning. b. Excuse me. c. Thanks. d. Hi. 16. You accidentally step on someone’s foot. You blame yourself “____________” a. How clumsy of me! b. It’s not my fault. c. I’m sorry. d. Thank you. 17. A : Thanks for your kindness. B : __________________________ a. I’m all right. b. Certainly. c. You’re welcome. d. Yes, of course. 18. A : Could you buy a cup of coffee for me? B : ____________________________ a. Thank you. b. Not at all. c. That’s O.K. d. With pleasure. 19. Mr.Ya : I’m sorry. I have to leave for Chiangmai now. Goodbye! Miss Pattana : _____ a. See you later. b. Please come again. c. Have a nice trip. d. Take good care of yourself. 20. If you want to ask about your friend’s health. You say “_____________” a. Where do you live? b. How do you do? c. What do you do? d. How about you? 34 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิิตประจำำาวิัน (พต21001) ระดับั มัธั ยมัศึกึ ษาตอันตน้

เฉลยแบบทดสอบ เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทที่ 1 1.d 2.d 3.a 4.a 5.c 6.d 7.a 8.c 9.d 10.b11.d 12.c 13.d 14.b 15.d 16.d 1. D 2. D 3.a 4.a 5.c 6.b 7.c 8.b 17.c 18.a 19.a 20.c 9.a 10.a เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรียน บทที่ 2 เฉลยแบบทดสอบทา้ ยบทเรียน บทท ่ี 3 1.like 2.like 3.like 4.like 5.like 1.d 2.a 3.c 4.d 5.b 6.d 7.c 6.pleased 7.pleased 8.pleased 8.d 9. b 10.d 9. Pleasant 10.unpleasant เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรียน บทท่ี 4 เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทท่ี 5 1. began 2.visited 3.wrote 1.d 2.c 3.a 4.a 5.c 6.d 7.d 4. Rang 5.broke 6. Came 8.a 9.a 10.c 7.forgot 8.cut 9.went 10.blew เฉลยแบบทดสอบทา้ ยบทเรียน บทท ่ี 7 เฉลยแบบทดสอบทา้ ยบทเรียน บทท่ี 6 1. a 2. b 3. c 4. a 5. D 1. Good afternoon, madam. หรอื Good 6.The passenger wants to go to Hat Yai. afternoon, ma’am. 7. The passenger prefers second class with 2. Good evening, sir. air-conditioning. 3. Good morning, miss. 8. It takes 12 hours by express train. 4. Good morning, sir. 9. The passenger prefers round-trip ticket. 5. Good evening, madam. หรอื Good eve- 10. “Have a nice trip.” ning, ma’am. 6. Get in please. 7. Don’t forget your luggage, please 8. Please say again. 9. Please drop me here. 10. Drive slowly, please. เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 1.c 2.d 3.a 4.d 5.b 6.a 7.b 8.d 9.c 10.a 11.d 12.a 13.d 14.a 15.d 16.c 17.a 18.d 19.c 20.d รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำาำ วินั (พต 21001) 35 ระดับั มัธั ยมัศึกึ ษาตอันตน้

แบบบนั ทึกการพัฒนาทักษะวชิ าการเพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธิ์ผู้เรียนรายบคุ คล แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ รายวชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำาวนั พต21001 *********************** ชอ่ื - สกลุ .......................................................................... รหัสนกั ศึกษา.............................................. กศน.ตาำ บล............................................ กศน.อาำ เภอ........................................... จงั หวดั ขอนแก่น จากการท่ีผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้จากแบบเรียน และสรุปเน้ือหาจากบทเรียน ตามเอกสารเล่มน้ีแล้ว ผู้เรียน สามารถทราบไดว้ า่ ทำาแบบทดสอบในบทเรียนต่าง ๆ ถูกต้องจาำ นวนกข่ี อ้ โดยการบันทกึ ในแบบบนั ทกึ การพัฒนาทักษะ วชิ าการผ้เู รยี นรายบคุ คล ดงั น้ี ท่ี แบบประเมิน คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ ผลการประเมนิ 1 แบบทดสอบก่อนเรียน 20 2 แบบทดสอบหลงั เรียน 20 เกณฑ์การประเมนิ ผลการพัฒนา แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน เมอ่ื ทาำ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และแบบทดสอบหลังเรยี น ซง่ึ มแี บบทดสอบ 20 ขอ้ ผ้เู รียนสามารถทราบได้ว่า มีความรู้อย่ใู นระดบั ใด ดังน้ี จำานวนข้อสอบที่ผเู้ รยี นทาำ ถกู ตอ้ ง อยใู่ นระดบั หมายเหตุ 18 - 20 ข้อ 16 - 17 ข้อ ดีมาก 14 - 15 ข้อ ดี 10 - 13 ข้อ ตต่ำา่ำ��กวว่า่ 10 ขอ้ ปานกลาง พอใช้ ควรปรบั ปรุง หมายเหตุ : ผลจากการประเมนิ ผ้เู รียนสามารถนาำ ไปปรบั ปรุงตนเองเพื่อให้เกดิ การพฒั นาต่อไป 36 รายวิชิ าภาษาอังั กฤษในชีวิติ ประจำาำ วิัน (พต21001) ระดัับมััธยมัศึึกษาตอันต้น

แบบบนั ทึกการพฒั นาทักษะวิชาการเพอื่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิผเู้ รยี นรายบุคคล แบบทดสอบท้ายบทเรียน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ รายวิชา ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาำ วนั พต21001 *********************** ช่อื - สกุล................................................................... รหสั นักศึกษา............................................. กศน.ตำาบล................................................ กศน.อาำ เภอ..................................... จังหวัดขอนแก่น จากการท่ีผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้จากแบบเรียน และสรุปเน้ือหาจากบทเรียน ตามเอกสารเล่มนี้แล้ว ผู้เรียน สามารถทราบได้วา่ ทำาแบบทดสอบในบทเรยี นตา่ ง ๆ ถกู ตอ้ งจำานวนกีข่ อ้ โดยการบนั ทกึ ในแบบบนั ทึกการพัฒนาทกั ษะ วิชาการผ้เู รยี นรายบุคคล ดังนี้ ท่ี วชิ า คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ หมายเหตุ 1 บทท ี่ 1 การใชภ้ าษาในการสอ่ื สารความหมายในชีวิต 10 ประจาำ วัน (Language in Daily Life) 10 2 บทที่ 2 คณุ รสู้ กึ อย่างไร (How do you feel?) 10 10 3 บทที่ 3 คุณคิดอย่างไร (What do you think?) 10 4 บทที่ 4 รูปแบบประโยคในภาษาองั กฤษ (Types of 10 English Sentence) 10 5 บทท ่ี 5 อดีตกาล (Past Tense) 6 บทที่ 6 อาชพี พนักงานขับรถรบั จ้าง 7 บทที่ 7 ภาษาอังกฤษสำาหรับพนักงานบรกิ ารในสถาน ทตี่ า่ ง ๆ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล ****************** เมื่อทาำ แบบทดสอบทา้ ยบทเรียนในแตล่ ะบทเรียน ซ่ึงมแี บบทดสอบบทละ 10 ขอ้ ผ้เู รียนสามารถทราบไดว้ ่ามี ความรู้อยใู่ นระดับใด ดงั น้ี จาำ นวนขอ้ สอบท่ีผู้เรียนทำาถกู ตอ้ ง อยใู่ นระดับ หมายเหตุ 9 - 10 ข้อ ดมี าก 8 ขอ้ ดี 7 ขอ้ ปานกลาง 6 ข้อ พอใช้ รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำำาวินั (พต 21001) 37 ระดัับมััธยมัศึกึ ษาตอันต้น

บรรณานุกรม สาำ นักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย หนังสอื เรยี นสาระความร ู้ พ้นื ฐานรายวชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำาวัน ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น พต21001 หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551,2554 หนังสือเรยี นสาระความรพู้ ้ืนฐาน รายวิชาภาษาองั กฤษในชวี ิตประจาำ วนั (พต21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ (ฉบับปรับปรุง 2554). สืบค้นเมือ่ วันที ่ 19 มกราคม2564 38 รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชวี ิิตประจำาำ วิัน (พต21001) ระดับั มัธั ยมัศึกึ ษาตอันตน้

ที่ปรกึ ษา คณะผู้จดั ทำา 1. นายถาวร พลดี ี ผอู้ ำานวยการสาำ นกั งาน กศน.จงั หวัดขอนแก่น 2. พ.อ.อ.กฤชพล พรมลี รองผู้อาำ นวยการสาำ นกั งาน กศน.จังหวดั ขอนแก่น 3. ผอู้ ำานวยการ กศน.อาำ เภอ สงั กดั สำานกั งาน กศน.จงั หวัดขอนแก่น คณะทำางาน ผู้อาำ นวยการ กศน.อาำ เภอบา้ นแฮด 1. นางสาววภิ า ทาโบราณ ผอู้ าำ นวยการ กศน.อำาเภอซำาสงู 2. นางปาริชาติ เพช็ รแก่น ครชู ำานาญการพเิ ศษ กศน.อาำ เภอเมืองขอนแกน่ 3. นางวิไลพร บูรณ์เจรญิ ครูชำานาญการ กศน.อาำ เภอบ้านฝาง 4. นางสาวทพิ วรรณ แสงตะวัน ครูชาำ นาญการ กศน.อาำ เภอบา้ นไผ่ 5. นางสาวอมรรตั น ์ ราชจันด ี ครผู ชู้ ่วย กศน.อาำ เภอแวงน้อย 6. นายคมกฤษฏ ิ์ ไชยเตม็ ครผู ู้ชว่ ย กศน.อาำ เภอภูเวยี ง 7. นางสาวฐิภาภรณ ์ แสนจันแดง ครผู ู้ช่วย กศน.อาำ เภอชุมแพ 8. นางอนงค์พร ชาโสรส ครูผชู้ ว่ ย กศน.อำาเภอพล 9. นางสาวประภัสสร ฤทธริ ณ ครผู ู้ชว่ ย กศน.อำาเภอสชี มพู 10. นางสาวสวิ าลยั พลขอนแก่น ครผู ชู้ ว่ ย กศน.อำาเภอบ้านไผ่ 11. นางจันทิมา สาลาด ครูผชู้ ว่ ย กศน.อาำ เภอหนองเรอื 12. นายถาวร เกือ้ หนุน ครผู ู้ชว่ ย กศน.อาำ เภอโนนศลิ า 13. นางสาวกญั ญาณัฐ บรรจง ครูผ้ชู ่วย กศน.อาำ เภอเวียงเกา่ 14. นายธรี ะวฒั น์ เหมิ สารจอด ครูผชู้ ่วย กศน.ออำ�ำาเภอนน้ำ�ำ�า้ พอง 15. นางสาวศิรนิ นั ท์ อินกกผึ้ง ครผู ู้ช่วย กศน.อาำ เภอแวงนอ้ ย 16. นางสาวสดุ คนึง จดแตง ครผู ู้ชว่ ย กศน.อาำ เภอซำาสงู 17. นางสาวกนกวรรณ สเุ พ็งคำา ครผู ้ชู ่วย กศน.อาำ เภอชนบท 18. นางสมพร เพียจนั ทร์ รองผู้อาำ นวยการสำานักงาน กศน.จงั หวัดขอนแกน่ บรรณา1ธ.กิ าพร.อ.อ.กฤชพล พรมล ี ผ้อู ำานวยการ กศน.อำาเภอบ้านแฮด 2. นางสาววภิ า ทาโบราณ ผ้อู าำ นวยการ กศน.อาำ เภอซาำ สงู 3. นางปารชิ าติ เพ็ชรแก่น ครชู ำานาญการพิเศษ กศน.อำาเภอเมอื งขอนแกน่ 4. นางวิไลพร บรู ณ์เจรญิ ครชู าำ นาญการ กศน.อาำ เภอบ้านฝาง ครูชาำ นาญการ กศน.อำาเภอบ้านไผ่ 5. นางสาวทพิ วรรณ แสงตะวนั นกั จัดการงานทั่วไป พ ิมพ/์ รปู6.เ ล น่มางสาวอมรรตั น ์ ราชจันดี นักวชิ าการศึกษา 1. นายธนกฤษ โคตรภกั ด ี นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน นกั วิชาการศึกษา 2. นางวนั เพญ็ ผานาค 3. นางสาวยลดา พุทธสอน 4. นายธรี วฒั น์ ถมหนวด รายวิิชาภาษาอังั กฤษในชวี ิติ ประจำำาวินั (พต 21001) 39 ระดัับมัธั ยมัศึึกษาตอันต้น

40 รายวิชิ าภาษาอัังกฤษในชีวิิตประจำาำ วินั (พต21001) ระดัับมัธั ยมัศึึกษาตอันต้น

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ผิ ูเ้ รียนรายบคุ คล ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชา ภาษาไทย พท21001 หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สำานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวดั ขอนแก่น สำานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สาำ นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ



คาำ นำา เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพ่ือยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคคล เล่มนี้ เป็นเอกสารที่จัดทำาขึ้น โดยมี วัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง ให้เกิดการพัฒนาทักษะทางวิชาการ และยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นในการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เปน็ การพฒั นา ต่อเนือ่ งจากเอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการรายบคุ คล มรี ายละเอียดสรปุ เนอ้ื หาตามรายวชิ า ภาษาไทย พท21001 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น แบบทดสอบหลงั เรียนและแบบบนั ทึกการพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล เพ่ือให้ผูเ้ รียนได้ ประเมนิ และพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ งใหม้ พี นื้ ฐานความรเู้ พยี งพอกบั การศกึ ษาตามระดบั และมคี วามรเู้ พมิ่ เตมิ ในการนาำ ไปพฒั นาทักษะทางวชิ าการให้มผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นทส่ี งู ข้นึ คณะผจู้ ดั ทาำ หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ เอกสารเลม่ นจี้ ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ นกั ศกึ ษา ในการศกึ ษาเรยี นรตู้ ามหลกั สตู ร การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นทม่ี สี ว่ นรว่ มในการทาำ เอกสาร เล่มน้ีให้สำาเรจ็ ลุล่วงด้วยดี สำานักงาน กศน.จังหวัดขอนแกน่

สารบัญ หนา้ คำานำา สารบญั คำาช้แี จงการใชเ้ อกสารพัฒนาทักษะวชิ าการเพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธิผ์ ้เู รียนรายบุคคล โครงสร้างการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ขอบข่ายเนื้อหา แบบทดสอบก่อนเรยี น บทท่ี 1 การฟง การดู 1 สรปุ เนอ้ื หา 1 แบบทดสอบท้ายบทเรยี น 3 บทที่ 2 การพดู 5 สรปุ เน้อื หา 5 แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน 7 บทท่ี 3 การอ่าน 9 สรปุ เนื้อหาสำาคัญจากบทเรียน 9 แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน 12 บทที่ 4 การเขยี น 14 สรปุ เนื้อหา 14 แบบทดสอบท้ายบทเรียน 17 บทที่ 5 หลักการใช้ภาษา 19 สรุปเนอื้ หา 19 แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น 22 บทท่ี 6 วรรณคดแี ละวรรรณกรรม 23 สรปุ เนอ้ื หา 23 แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น 25

(สารบญั ตอ่ ) บทที่ 7 ภาษาไทยกับชอ่ งทางการประกอบอาชพี หน้า 27 สรุปเนือ้ หา 27 แบบทดสอบท้ายบทเรียน 28 แบบทดสอบหลังเรยี น 30 เฉลยแบบทดสอบ 33 แบบบันทกึ การพฒั นาทักษะวิชาการเพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธผ์ิ ูเ้ รยี นรายบคุ คล แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 34 เกณฑ์การประเมินผลการพัฒนาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 34 แบบบันทกึ การพัฒนาทกั ษะวชิ าการเพื่อยกระดับผลสมั ฤทธิ์ผ้เู รยี นรายบคุ คล แบบทดสอบท้ายบทเรียน 36 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการพัฒนา แบบทดสอบท้ายบทเรียน 36 บรรณานุกรม คณะผจู้ ัดทาำ 38

คาำ ชี้แจงการใชเ้ อกสารพฒั นาทักษะวิชาการเพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธ์ิผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น รายวชิ าภาษาไทย พท21001 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการเพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธผ์ิ เู้รยี นรายบคุ คล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชาภาษาไทย พท21001 เลม่ น ้ี จัดทำาข้ึนเพ่อื พัฒนาผู้เรยี น ใหม้ ีความร้คู วามสามารถทางดา้ นวิชาการในรายวชิ าบงั คบั ตามหลกั สตู ร การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ในการศึกษาเอกสารเลม่ นี้ผูเ้ รียนควรปฏบิ ัต ิ ดังน้ี 1. ผ้เู รียนสาำ รวจรายวชิ าที่ตนเองลงทะเบยี นเรยี นในปกี ารศึกษา 2563 2. ผเู้ รยี นศกึ ษาเนอ้ื หารายวชิ าทต่ี นเองลงทะเบยี นเรยี น หรอื รายวชิ าอน่ื ๆ ทต่ี อ้ งการเรยี นรู้ 3. หลังจากศึกษาในรายวชิ านน้ั ๆ แล้วผู้เรียนต้องทำาแบบทดสอบ แลว้ นาำ มาเฉลยแบบทดสอบ 4. ผู้เรียนบนั ทกึ คะแนนผลการทดสอบรายวชิ าในแบบบันทกึ การพัฒนาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี นรายบคุ คล (อย่ทู า้ ยเล่ม) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองอยา่ งตอ่ เนื่อง 5. ให้ผู้เรียนศึกษาเพ่ิมเติมในรายวิชาต่าง ๆ ได้จากแบบเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ แหล่งเรยี นรู้ และสื่อออนไลน์อ่นื ๆ

โครงสร้างการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง สาระสำาคัญ 1. การอ่านเปน็ ทักษะทางภาษาทสี่ ำาคญั เพราะชว่ ยใหส้ ามารถรับรขู้ า่ วสารและเหตุการณ์ตา่ ง ของสังคม ทาำ ให้ ปรับตวั ไดก้ บั ความเจริญกา้ วหน้าทางวิทยาการต่าง ๆ สามารถวิเคราะห ์ วิจารณแ์ ละนำาความรูไ้ ปใช้ในชีวิตประจำาวนั ได้ 2. การเขียนเป็นการสื่อสารท่ีจัดระบบความคิด การเลือกประเด็น การเลือกสรรถ้อยคำาเพ่ือถ่ายทอดเป็น ตัวอักษรในการสื่อความรู้ ความคดิ ประสบการณ ์ อารมณ ์ ความรู้สึก จากผ้เู ขียนไปยงั ผูอ้ า่ น 3. การฟัง การด ู และการพูด เป็นทักษะทสี่ าำ คญั ของการสอ่ื สารในการดำาเนนิ ชีวติ ประจำาวันจงึ จาำ เปน็ ต้องเขา้ ใจ หลักการเบือ้ งต้น และตอ้ งคำานงึ ถึงมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูดดว้ ย 4. การใชภ้ าษาไทยใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ภาษา ทาำ ใหเ้ กดิ ความภาคภมู ใิ จในภมู ปิ ญั ญาของคนไทยจงึ ตอ้ งตระหนกั ถงึ ความสำาคัญของภาษาและต้องอนุรกั ษ์ภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติสบื ตอ่ ไป 5. การใช้ทักษะทางภาษาไทยในการแสวงหาความรู้ การเขา้ ใจระดับของภาษาสามารถใชค้ าำ พูดและเขียนไดด้ ี ทาำ ให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและส่วนรวม 6. วรรณคดีไทยเป็นมรดกของภาษาและวัฒนธรรมที่มีคุณค่า เป็นมรดกทางปัญญาของคนไทยแสดงถึงความ รุ่งเรอื งของวฒั นธรรมทางภาษา เปน็ การเชิดชูความเปน็ อารยะของชาตผิ ลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวัง ขอบขา่ ยเนื้อหา บทท ี่ 1 การฟัง การดู บทที่ 2 การพดู บทที ่ 3 การอา่ น บทท ี่ 4 การเขยี น บทที่ 5 หลักการใชภ้ าษา บทท ่ี 6 วรรณคดี และวรรณกรรม บทท่ี 7 ภาษาไทยกับการประกอบอาชีพ

แบบทดสอบก่อนเรยี น คาำ ช้ีแจง จงเลอื กคำาตอบทีถ่ ูกต้องท่ีสดุ เพียงข้อเดียว 1. การฟงั อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การฟงั ขอ้ ใด ก. การจดบันทึกไดท้ ัน ข. ปราศจากอคติ ค. จับสาระสาำ คัญได้ ง. มสี มาธใิ นการฟงั 2. ข้อใดคอื การฟังทท่ี าำ ใหผ้ ู้ฟงั เกดิ สติปัญญา ก. ฟงั ดว้ ยความตงั้ ใจ ข. ฟงั ดว้ ยความอยากรู้ ค. ฟงั แล้ววเิ คราะห์สาร ง. ฟงั เพือ่ จับใจความสำาคญั 3. บุคคลข้อใด ขาดมารยาทในการฟงั มากทีส่ ุด ก. ฟงั ไปทานอาหารไปในขณะท่ีผู้พูดพูด ข. ไปถึงสถานทฟ่ี งั หลังจากทีผ่ ูพ้ ดู เริม่ พูดไปแลว้ ค. จดบนั ทึกขณะฟังโดยไมส่ นใจผูพ้ ดู ง. คยุ กบั เพื่อนขณะที่ฟงั ผอู้ น่ื พูด 4. ความสามารถในการฟงั ข้อใดสาำ คัญทส่ี ดุ สาำ หรบั ผเู้ รียน ก. จับสาระสาำ คัญของเร่ืองได ้ ข. จดส่ิงทฟี่ ังได้ครบถ้วน ค. จบั จดุ หมายของผพู้ ูดได ้ ง. ประเมนิ ค่าเรอื่ งที่ฟงั ได้ 5. ขอ้ ใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบสำาคญั ของการพูด ก. ผู้พูด ข. ผูฟ้ ัง ค. สาระทีพ่ ดู ง. อุปกรณ์ประกอบการพูด 6. การพดู เพอื่ หาเสยี งเลอื กตงั้ เปน็ การพูดที่มจี ดุ หมายอย่างไร ก. โนม้ น้าวชักจูงใจ ข. ใหข้ ้อมูลความรู้ ค. สร้างจินตนาการ ง. ให้ความเพลดิ เพลนิ 7. ข้อใดคือ การพดู แบบเป็นทางการ ก. พดู บรรยายให้ความร ู้ ข. พดู กับพก่ี ับนอ้ ง ค. พูดในงานสังสรรค ์ ง. พดู กบั เพอื่ นรว่ มงาน 8. การพดู แสดงความคดิ เห็นคอื การพดู ในลกั ษณะใด ก. การพูดอวยพร ข. การพูดแนะนำาตัว ค. การพูดอภิปราย ง. พดู ทา้ ทาย

9. การอ่านในใจ หมายถึง ก. อา่ นเพ่ือไมใ่ ห้คนอนื่ ได้ ข. อ่านเพ่อื ให้เกิดความรู้ความเข้าใจและคิดอยา่ งกวา้ งขวางลกึ ซ้ึง ค. อา่ นเพ่ือความสนกุ สนานไมต่ ้องการสาระ ง. อ่านตามทีผ่ ้อู า่ นตอ้ งการ 10. การอา่ นรอ้ ยกรองออกเสยี งผอู้ ่านจะตอ้ งอา่ นอย่างไร ก. อ่านให้คล้องจองรน่ื ห ู ออกเสยี งให้ชดั เจนโดยเฉพาะ ตัว ร, ล ข. อ่านออกเสยี งดัง ๆ ใหช้ ัดถ้อยชัดคาำ ค. อ่านเหมอื นกบั อ่านหนงั สอื ทว่ั ไป ง. อ่านอย่างสนุกสนานไปตามเนื้อหาไมต่ อ้ งห่วงท่วงทาำ นอง 11. การอา่ นออกเสยี ง ได้แก่ ก. ผอู้ ่าน อา่ นดังๆ เพ่ือใหค้ นอ่ืนไดย้ นิ ข. ผู้อ่าน อ่านตามสบายไม่ต้องมวี รรคตอน ค. อา่ นออกเสยี งใหถ้ กู ต้อง ชัดเจน มจี ังหวะ ง. อา่ นให้เหมอื นเสยี งพูด 12. ข้อใดกล่าวถึงโครงสร้างพน้ื ฐานของการเรียนความได้ถูกตอ้ ง ก. คำานำา เนอ้ื เรื่อง สรปุ ข. ช่อื เร่อื ง คำานาำ เนือ้ เรือ่ ง ค. ช่อื เรอื่ ง คำานาำ เน้ือเรอื่ ง สรปุ ง. ช่ือเร่ือง เน้ือเรอ่ื ง สรปุ 13. ขอ้ ใดกล่าวถึงองคป์ ระกอบของการเรยี งความไดถ้ ูกตอ้ ง ก. เรยี งความเร่ืองหนงึ่ ควรมยี ่อหน้าเพียงยอ่ หนา้ เดียวเพอื่ ความเปน็ เอกภาพของเน้ือความ ข. ในการเขียนคำานำา ควรมีความยาวของเนื้อหาไมเ่ กิน ๑๐ บรรทดั ค. ในการสรุปเน้ือความไม่จำาเป็นตอ้ งขึน้ ยอ่ หน้าใหม่ ง. เรยี งความเรอ่ื งหนึง่ ควรมีใจความสาำ คญั เร่ืองเดยี ว ใจความเดียว 14. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง ก. ย่อหน้า หนา้ หนึ่ง ควรมีเนื้อหาสาระเป็นเรื่องเดียว ข. ย่อหน้าแตล่ ะยอ่ หนา้ มีเนือ้ หาเป็นอสิ ระจากกนั ค. ในการเขยี นเรียงความ สามารถใชภ้ าษาได้อยา่ งอสิ ระไมจ่ ำาเป็นต้องคำานงึ ถงึ หลกั การใช้ภาษา ง. การข้นึ ตน้ คาำ นาำ ให้นา่ สนใจทาำ ไดโ้ ดยยกบทรอ้ ยกรองมาประกอบ 15. กอ่ นเขียนเรียงความควรวา่ งโครงเร่อื งก่อนหรอื ไม่ ก. ควรเป็นหลกั การทต่ี อ้ งทำา ข. ควรเพราะเป็นการสร้างกรอบความคิดท่ีทำาให้เขียนเร่อื ง ได้สมั พนั ธ์เป็นแนวทางเดยี วกัน ค. ไมค่ วร เพราะจะได้ไมม่ อี ะไรมาครอบงำาความคดิ ง. ไมค่ วร เพราะการเขียนเรียงความควรเปน็ เร่ืองที่ยดื หยุ่นได้

16. ข้อใดคอื ความหมายของสภุ าษติ “ฝนทง่ั ให้เป็นเข็ม” ก. การใชก้ ำาลงั น้อยๆ ในการทำางาน ข. ไม่ทอ้ ตอ่ การทำางานทุกชนิด ค. การทำางานท่เี กดิ อนั ตราย ง. ใช้ความพยายามเต็มกำาลังไมท่ ้อถอย 17. ผูเ้ ลือก “ฝนทง่ั ให้เปน็ เข็ม” ควรมีอาชีพใด ก. ชา่ งวาดเขียน ข. ตำารวจ ค. รบั ราชการ ง. พ่อคา้ 18. ความหมายของ “พายเรรือื ทวนนน้ำ้า�ำ� ” คือขอ้ ใด ก. ทำางานด้วยความยากลำาบาก ข. ทำางานคนละครง้ั ไมร่ ว่ มมอื กัน ค. ทาำ งานทเี่ ตม็ กาำ ลังความสามารถ ง. ทำางานที่เสี่ยงอันตราย 19. เพลงพน้ื บา้ นท่ปี ระกอบการทำางาน คอื เพลงอะไร ก. เพลงเตน้ กำารำาเคียว ข. หมอลาำ ค. เพลงฉอ่ ย ง. เพลงเรอื 20. เพลงกลอ่ มเดก็ มีจุดมุ่งหมายเพ่อื อะไร ก. อบรมส่ังสอน ข. แสดงความในใจของแมท่ ม่ี ีตอ่ ลูก ค. ต้องการให้ลูกนอนหลับ ง. ถูกทุกข้อ

บทที่ 1 การฟง การดู สรุปเนื้อหา เรื่อง สรปุ ความจับประเดน็ สำาคัญของเรอื่ งทฟี่ งและดู ความหมายของการฟงั และการดู การฟงั และการดู หมายถงึ การรบั รูเ้ ร่ืองราวต่าง ๆ จากแหล่งของเสยี งหรือ ภาพ หรือ เหตกุ ารณ ์ ซ่ึงเป็นการฟงั จากผู้พดู โดยตรง หรอื ฟังและดูผา่ นอปุ กรณ์ หรือส่ิงต่าง ๆแลว้ เกดิ การรบั รูแ้ ละนาำ ไปใชป้ ระโยชน ์ โดยต้องศกึ ษาจนเกดิ ความถกู ต้อง วอ่ งไว ไดป้ ระสิทธิภาพ หลกั การฟังและการดูท่ดี ี 1. ต้องร้จู ดุ ม่งุ หมายของการฟังและการด ู และต้องจดบนั ทึกเพือ่ เตอื นความจำา 2. ตอ้ งฟงั และดโู ดยปราศจากอคต ิ เพ่อื การวเิ คราะหว์ จิ ารณท์ ี่ตรงประเด็น 3. ให้ความรว่ มมอื ในการฟังและการด ู ด้วยการรว่ มกิจกรรม เรื่อง หลกั การจบั ใจความสำาคญั ของเรือ่ งท่ีฟงและดู การฟงั เพอื่ จบั ใจความสาำ คญั เปน็ การฟงั เพื่อความรู้ ผฟู้ งั ต้องต้ังใจฟังและพยายามสรุป เน้ือหาโดยมีหลกั การ สาำ คัญ ดังน้ี 1. มสี มาธดิ ี ต้ังใจฟงั ติดตามเร่ือง 2. ฟงั ใหเ้ ขา้ ใจและลำาดบั เหตกุ ารณ์ใหด้ ีวา่ เรอื่ งท่ีฟังเปน็ เรื่องของอะไร ใครทาำ อะไร ท่ีไหนอยา่ งไร 3. แยกให้ออกวา่ ตอนใดเป็นใจความสาำ คัญ ตอนใดเป็นส่วนขยาย 4. บันทึกข้อความสาำ คัญจากเรอื่ งทีฟ่ งั การประเมนิ คา่ เปน็ ทกั ษะทต่ี อ่ เนอื่ งมาจากการวเิ คราะหก์ ารตคี วาม การประเมนิ คา่ สง่ิ ใด ๆจะตอ้ งพจิ ารณาให้ รอบดา้ น เชน่ จดุ ประสงค ์ รปู แบบ ประเภทของสาร เชน่ ถา้ จะประเมนิ คณุ คา่ ของวรรณคดตี อ้ งดใู นเรอ่ื งคณุ คา่ วรรณศลิ ป ์ ด้านสังคม เนอ้ื หาและนาำ ไปใช้ในชวี ติ ประจำาวัน การตัดสนิ ใจ คอื การวนิ ิจฉัยเพ่อื ประเมินคา่ อนั นาำ ไปสูก่ ารตดั สนิ ใจทถี่ กู ตอ้ งวา่ สิง่ ใดควรเชื่อไม่ควรเชื่อ ซ่งึ การ ตัดสินใจที่ถกู ต้องเปน็ เร่ืองสาำ คัญมากในชวี ติ ประจำาวนั การนำาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำาวัน ทักษะนี้จะต้องใช้ศิลปะและประสบการณ์ของแต่ละคนมาช่วยด้วย ซ่ึง การฟังมาก ดูมากกจ็ ะชว่ ยใหต้ ดั สินใจไมผ่ ดิ พลาด เร่อื ง การวิเคราะห์ วจิ ารณข์ อ้ คิดเหน็ และสรปุ ความ จะตอ้ งมีความเขา้ ใจและสามารถปฏบิ ตั ไิ ดด้ ังนี้ 1. การวเิ คราะห์ คอื ความสามารถในการแยกขอ้ เทจ็ จรงิ ออกจากขอ้ คดิ เห็นรวู้ ่าอะไรเปน็ อะไร อะไรเป็นเหตุ อะไรเปน็ ผล รายวิชิ าภาษาไทย (พท21001) 1 ระดับั มัธั ยมัศึกึ ษาตอนตน้