แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น บทที่ 1 619จ78341ทคหจก2ค34ส67ขำู.0.....ะ......ะอรรวำ�นูกแุััปุะ.ตเาสขอกชจกสองับักใีมจุลล้มสเคงกขคขงขกคกงขงคกคขงกคขขนา้อ้อมรุปมรปุผั�้แเขฉรกวกััก.....ก้ิพาะสะ.................ั้นงใลมมกจกกิญิก้ากกำตด.ษษุ่ดปคกผมรทบบป�ำัแพรกอปชเหชผชทเี่�มตแตุรงตุรวัรัราีาัวัหปคถืเิกัเาเวเณณักรลมาาำธอวนองวัญะ้ณ็ณลลลสดืชขอืฐิฐิตระรปรคหึิ่า้ิรจรร็น้า็ิกซ่์รอกบิานนืบบวบื็จ�าิดตอาะวารจน�สนบะะบิ่ััใหน็อหอืนม์ต์ต่้งสททรกัยาึช�ชนอนวกากย่กะีจดวขง�คัอนนอ่เูใอโ้งเไ่ลาอ่พอ่า�่งะงั้ริทฟ่ายูทคกงขกคขงบ่�อดสผ้ะาตานลทเาทดมอฉ้นบชงิสสิก่กยคำงคกขัเีกัอจดไื4เไ่..ยง่ัไี..รร..ิ..อไรบา่“มงคท�ำกคกขงกคขงกกขขคคงงอรม�่ีอืฉบกงดา.่าปงปัยัยแติน..ไว.ดรรืษ่าีสกทัวทาซ..ก..“ศใคกวสกสกผมิอ..้..มต....รก..ง..งกอืีถ่สดกเถายัันัึขขลานทญินนวตกสกอกห้นก้ยิสัาีาณปีมักสมกคันวกึว้าาาาราาาง้ารอกรเหช้ทเทชมรตินือพ่ัปจมคกู้าา้ิองอว้ีัรังั้ง้ขีามข�าอร่แ�วปาคิอแ้มงงิิทซรำมทิรมอเรีมฟึาขวหีเับษกัลท้้ธาออิฐสะวละดปัทเเสปำ�ดติสะร้รงงตคม้าว้อวป้อมกากึตตมตรงรกน็ากัักปบายาูิอ้มยรก่ียิบิาอโาา่าับบาเขนนาตอตรัสบมังาจูิบล็ิทัง้ิทรัญ้งัแรื่อแหใใแมวจดรัญร้ังรง้ัวัับสฟรตทมานตเานตา็นคงรกวขาอหดขดปดจั้งคออักถกัื่อนพขาู่อปปิสยชวโลถถยงรบสพายมศศ์วังรหทใ์ป่อยูลับิฐอ่ียลแิสทสีหจวตง้อดเทเฉอนบ้ววบ์ตชงัญจัีนิญำ์กมอคหอะาแันเาน็ัญอฟอิดทบิผ่ปาปาู่ยาไาไสาอำ�ลกมุลมรมกร่มีาิทิทบีดธั่ง็อ่สหูศศคแ�ิอตทบกมวธดปสสงมธ่าีคหนลใกยเงวอาใกีน็งิ็นวหมกมะมาเม์ตมอืิบเย่ยยตอมนัีหตาลาาบิวหดนรวข์้ปตหก้ตอตถ�่กยทส่วีมตา.มกาิยาัืืกอมา้รผาตู่ติพแุสรสมไ่าาาาุา้อื่บิบงกา้ววัททมอา�้ผาวิฐรศาินอกูญัรตออ่กุเ่าร์ข่ปับแาปุุปตลัศศยิฐิฐลตปตเสนปสิทย่อมมจ์โ้า์จสาทง่ักึกน้งงาทตุกรใกคปอ้รลโหำาตาิฐตปกกาาระ้รมัขงนจูปรำ��นสะแแะกล์มลแสั่กอดดา้อ้าดมนะน้่็นาสสข่อ์ข์ขหรขาราหญั้อ้นพขัเเผ่ลาญัา้งลกตมร้รรอยง�ลงนกลปปูลทณตตแณกจวั้นน�ก้อรใยวเนน์ณงะะเะนัารตหรททกือ์่าอทหนัทาจลีรรลลฏอืสี่าตหซต์า่รขี่เส์็์์สถอกันธิฐรแัง่ขาส�่ง่วั์แง์ขิง์ข้รฉำรา็จะ้ยี่่�่ีดไงงวทกัออุนิ้า้ำา้�ำาดเใข์ตาตำ่คทบ.ยมิญไเดุลอ้้อสดกจพน่าีห�ำ�ืวฟไนหนหหจ่ดนิา้ดนทอั้ง่าือกุบ่่ถะใปใเยัราเสเเเม่�มรท้สิใลใรรอางจพแ้หดดดงนปติปขงิรคป้าัไกดดัีวญิ้ิๆบับัข็ก่ขมอารกมึดททังลอข้อิบยี้็นน็ริรีายททงน�ญิ้อผ่นหหมงีเว้อัาาอ้ัง�่ที่ใงาร่ไโ้ททวตท้จี่คจ�่ลเดเท�นำตยตดดาาิตคยกเทกัืำ�ำาทททิ้ฤบิัฤำะผะตือ้ปปกแ่ิฐหแ้ผ�งัวา่ฏำ�ใใิแดัจ็า่ยษษนนโิบขหหสาางงจรทรงตักรำบ้กลตีก้ิจาืาำชฎ�ำ่ห่ฎรน้อซิมอมิโัม่้งง้ือก�่อาีัอขบศนัรตไไท2ดัาาใกัีไงไีลาาดชไรรบปปงิงอาดกดดีนนตมตตเดฟาะณดั้ีั่กจสสสเงาเู้้เัวปปยิ่่รรลดเอมม�ผนินีตืู่กรก์ตฉ่มีขัมรรอี�ยกือ่อักทีรปาาด่าอนะะมุงว้ใ์วใรรงดำลสสงท��ำดดิทสๆลสาบบี่ไรยอาดภคุปารง้จวาศผายาลา 1ส ว 9ภ 8ทกีมิใ่สทิแ.0.มา�่ไนกสดต.ยลขใยมขขขคคค้าส้าำนุจ้รข้อใะาตุรังกงกกเภ้นิ์กราศก�นใงท..ิฐ.........าดก็จสร.าาตากเดพกตคกสสกอสัะปกเภสรส้ันอาปสาาัง�งราาาอแบศาต็ลาารจนีเปรมรมอรอน็รกว่รมึกกวพั�่ตะ์ตลตัตใบาาญับดั้ัทแยน้้์าษตัง�ดแตรรง�รง�นลคสบัก้ดรปหกใวาปทสสวถถ้อลัี้อหถัมษสบ่ตาดุญัาจมมอแัญง่�ถอมมุมมรอใณืก่อลทสมมกธือ่ห้หำหทธิเ้เ่บุตาไอ้อิบิ�ำดป้ตตหวะาบิมป่าาิิัริฐสอมบ่่าายีขฐิิฐญัตแงทา่าุมเยยเสาาวอวกุย่ปลดนหปดิ่ามนน็ีกมปทิงาัุะี็นไลงาัสตุยันญัมรยมกิญัไวทคอมีิฐณรตา่่สกาห�ว่สิ์งหาัมศิฐรานั์แใาางนาตตาาหมัไมลสิ้ตไนสัดิฐ�งมา่ะมกัย้่า่สต้า่้หร่ปไ้า่สรงนมถดล์วๆรา้์ถทมส้อาหี้าม่้าตยอ�่ไยกดนาิี่หด้แิฐดา่ฏ้รา้ ้แาางงถคทก่กจชห่นสล่ัาาผม่ัดลอ้อรงลชเาวณดงัจิกดั์ยทิกคนมต์าลย่ับุ่า้รมุาสอ้งทศๆมงดากมัลสบั ุตอติฐรง์า์ น ง.ถููกทั้้ง� ข้้อ ก.และข้อ้ ข. 2 รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดัับมััธยมัศึกษาตอนตน้
บทท่ี 2 โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สรุปเนือ้ หา เรอื่ งที่ 1 ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานวิทยาศาสตร์เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเป็นกิจกรรมท่ีต้องใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการศึกษาค้นควา้ โดยผู้เรียนจะเป็นผ้ดู าำ เนินการด้วยตนเองทง้ั หมดตง้ั แตเ่ ร่ิมวางแผนในการศึกษาคน้ คว้าและ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สรปุ ผลและเสนอศกึ ษา โดยมผี ชู้ ำานาญการเปน็ ผใู้ หค้ ำาปรกึ ษาลกั ษณะและประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จาำ แนกไดเ้ ปน็ 4 ประเภท ดังนี้ เรื่องที่ 2 ขนั้ ตอนการทำาโครงงานวิทยาศาสตร์ ขั้นตอนของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีขั้นตอนอยา่ งเปน็ ระบบ มี 5 ขั้นตอน คือ 2.1 ขน้ั ระบุปัญหา ขัน้ ตอนนเี้ กดิ จากการสงั เกตพบเหน็ ปญั หารอบ ๆ ตัว 2.2 ขน้ั ตง้ั สมมตฐิ าน คือการคาดคะเนคำาตอบ 2.3 ขนั้ รวบรวมขอ้ มูล เป็นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยการสงั เกต 2.4 ขนั้ การวเิ คราะหข์ ้อมลู เป็นการนำาขอ้ มลู ผลท่ไี ดจ้ ากการสังเกต ทดลองมาแปลความหมาย เพอื่ จะนำาไปสู่การสรุปผล 1.3.5 ข้ันสรปุ ผล เป็นการสรุปผลการทดลอง เร่ืองท่ี 3 การนำาเสนอโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การแสดงผลงานทำาได้ในรูปแบบต่าง ๆ ควรจัดใหค้ รอบคลมุ ประเด็นสำาคญั ดังตอ่ ไปนี้ 3.1 ชื่อโครงงาน 3.2 ชอ่ื ผู้ทาำ โครงงาน 3.3 ชื่อท่ปี รกึ ษา 3.4 คำาอธบิ ายถงึ เหตจุ งู ใจในการทาำ โครงงานและความสาำ คญั ของโครงงานวธิ กี ารดาำ เนนิ การโดยเลอื กเฉพาะ ข้นั ตอนทีส่ าำ คญั 5.3 การสาธิตหรือแสดงความคิดไดจ้ ากการทดลองการสงั เกตแุ ละข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการทาำ โครงงาน หมายเหตุ : ใหน้ กั ศึกษา ไดศ้ ึกษาเพิม่ เติมจากหนังสอื แบบเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 3 ระดับั มััธยมัศกึ ษาตอนตน้
แบบทดสอบท้ายบทเรียน บทท่ี 2 จงเลอื กคำาตอบท่ีถูกตอ้ งทีส่ ดุ เพียงคำาตอบเดียว 1. โครงงานวิทยาศาสตร์คืออะไร ก. แบบร่างทักษะในวิชาวิทยาศาสตร์ ข. การวิจัยเลก็ ๆ เรอ่ื งใดเรอ่ื งหนึ่งในวิชาวทิ ยาศาสตร์ ค. ธรรมชาตขิ องวิชาวทิ ยาศาสตร์ ง. ทฤษฎี 2. โครงงานวิทยาศาสตร์มกี ป่ี ระเภท ก. 4 ประเภท ข. 5 ประเภท ค. 6 ประเภท ง. 7 ประเภท 3. โครงงานวทิ ยาศาสตรแ์ บบใดทเ่ี หมาะสมที่สดุ กับนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ก. โครงงานสำารวจ ข. โครงงานทฤษฎี ค. โครงงานทดลอง ง. โครงงานเท่ียว 4. ข้ันตอนใดไมจ่ าำ เปน็ ต้องมีในโครงงานประเภทสาำ รวจ ก. ตั้งปญั หา ข. สรปุ ผล ค. สมมติฐาน ง. รวบรวมขอ้ มูล 5. กาำ หนดใหส้ ่งิ ตอ่ ไปนีค้ วรจะต้ังปัญหาอย่างไร นำา้ บริสุทธ์ิ น้าำ หวาน นา้ำ เกลือ ชนิดละ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตะเกียงแอลกอฮุอล์ เทอร์โมมิเตอร์ บิก่ เกอร์ หลอดทดลองขนาดกลาง หลอดฉดี ยา ก. น้ำาทงั้ สามชนิดมีนำา้ หนกั เท่ากนั ข. น้ำาท้งั สามชนิดมีรสชาติตา่ งกนั ค. นา้ำ ทงั้ สามชนดิ มจี ดุ เดอื ดท่แี ตกตา่ งกนั ง.ไม่มขี อ้ ถกู 6. จากคาำ ถามขอ้ 5 อะไรคอื ตัวแปรต้น ก. ความรอ้ นจากตะเกียงแอลกอฮุอล์ ข. ความบริสุทธ์ิของนาำ้ ทั้งสามชนิด ค. ขนาดของหลอดทดลอง ง. ถกู ทุกข้อ 7. ผลการทดลองทางวทิ ยาศาสตรท์ ่ีนา่ เชอ่ื ถือได้ต้องเปน็ อยา่ งไร ก. สรุปผลไดช้ ัดเจนด้วยตนเอง ข. ทาำ ซา้ำ หลาย ๆ ครั้ง และผลเหมอื นเดิมทกุ ครัง้ ค. ครทู ป่ี รึกษารับประกนั ผลงาน ง. ทดลองคร้ังเดยี ว 8. สิ่งใดบง่ บอกว่าโครงงานวิทยาศาสตร์ท่จี ดั ทาำ นั้นมีคณุ คา่ คอื ขอ้ ใด ก. ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั ข. ขอ้ เสนอแนะ ค. ขน้ั ตอนการทาำ งาน ง. ขนั้ ตอนการสาำ รวจ 9. การจดั ทาำ โครงงานวิทยาศาสตรค์ วรเริ่มตน้ อย่างไร ก. เรื่องทเ่ี ป็นท่ีนิยมทาำ กนั ในปัจจบุ ัน ข. เรือ่ งท่แี ปลก ๆ ใหม่ๆ ยงั ไมม่ ีใครทำา ค. เร่ืองทเี่ ป็นประโยชน์ใกล้ ๆ ตัว ง. เรอื่ งไกลตัว 10. โครงงานวิทยาศาสตร์ท่ีถูกต้องสมบรู ณ์ต้องเป็นอย่างไร ก. ใชท้ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข. ใช้วิธคี ้นคว้าจากห้องสมดุ ค. ใชว้ ธิ หี าคาำ ตอบจากการซักถามผรู้ ู้ ง. ใชว้ ิธีอะไรก็ได้ 4 รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มัธั ยมัศึกษาตอนต้น
บทที่ 3 เซลล์ สรุปเนือ้ หา เรื่องท่ี 1 ลักษณะรปู รา่ งของเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั ว์ เซลล์ (Cell) คอื หนว่ ยทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ ของสงิ่ มชี วี ติ เปน็ หนว่ ยเรมิ่ ตน้ หรอื หนว่ ยพนื้ ฐานของทกุ ชวี ติ ทฤษฎเี ซลลใ์ นปจั จบุ นั ครอบคลมุ ถงึ ใจความสาำ คัญ 3 ประการ คอื 1. สง่ิ มชี วี ติ ทง้ั หลายอาจมเี พยี งเซลลเ์ ดยี ว หรอื หลายเซลล์ ซงึ่ ภายในมสี ารพนั ธกุ รรม และมกี ระบวนการเมแทบอลิซมึ ทาำ ใหส้ ง่ิ มีชวี ติ ดำารงชวี ิตอยู่ได้ 2. เซลลเ์ ปน็ หน่วยพื้นฐานทเี่ ลก็ ทส่ี ดุ ของส่ิงมีชวี ติ ที่มกี ารจดั ระบบการทาำ งานภายในโครงสรา้ ง 3. เซลล์มกี าำ เนดิ มาจากเซลล์แรกเริ่ม เซลล์เกดิ จากการแบง่ ตวั ของเซลล์เดมิ เรอื่ งท่ี 2 องคป์ ระกอบโครงสร้างและหนา้ ที่ของเซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ โครงสร้างพ้ืนฐานของเซลลแ์ บง่ ออกได้เปน็ 3 ส่วนใหญ่ ๆ คอื สว่ นทหี่ ่อหมุ้ เซลล์ นิวเคลียสและ ไซโทพลาซมึ 1. สว่ นท่ีห่อหุ้มเซลล์ ทาำ หน้าทีห่ ่อหุ้มองค์ประกอบภายในเซลล์ใหค้ งรูปอยไู่ ด้ ดงั น้ี 1.1 เยอื่ หม้ เซลล์ (Cell Membrane) 1.2 ผนังเซลล์ (Cell Wall) 2. นวิ เคลียส (Nucleus) มคี วามสำาคญั ต่อกระบวนการแบง่ เซลลแ์ ละการสืบพนั ธ์ขุ องเซลลเ์ ปน็ อยา่ งมาก ในเซลล์ ของสง่ิ มชี วี ติ ทว่ั ไปจะมีเพียงหนงึ่ นวิ เคลยี ส 3. ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) คอื สิ่งที่อยู่ภายในเย่อื หุ้มเซลล์ทง้ั หมดยกเวน้ นวิ เคลยี ส เรียกว่า ไซโทพลาซมึ ซง่ึ เปน็ ของเหลวทมี่ โี ครงสรา้ งเลก็ ๆ คอื ออรแ์ กเนลล์ (Organelle) กระจายอยทู่ ่ัวไป โดยออรแ์ กเนลล์ สว่ นใหญ่จะมีเยอ่ื หมุ้ เร่ืองท่ี 3 กระบวนการที่สารผ่านเซลล์ กระบวนการออสโมซิส (Osmosis) เป็นการแพร่ของของเหลวผา่ นเย่อื บาง ๆ ซง่ึ ตามปกตจิ ะหมายถึง การแพร่ของนำา้ ผา่ นเยื่อห้มุ เซลล์ หมายเหตุ : ใหน้ กั ศึกษา ได้ศกึ ษาเพิม่ เติมจากหนงั สือแบบเรียนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิิชา วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 5 ระดับั มััธยมัศึกษาตอนตน้
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทที่ 3 จงเลอื กคำาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่สี ุดเพียงคำาตอบเดยี ว 1. นกั วทิ ยาศาสตร์ท่านใดเรยี กเซลลเ์ ป็นคนแรก ก. นิวตัน ข. อริสโตเติล ค. โรเบริ ์ต ฮุุค ง. กาลิเลโอ 2. นกั วิทยาศาสตรท์ ี่ร่วมกันก่อตงั้ ทฤษฏีเซลลค์ อื ก. ชไลเดน และชารล์ ดาร์วนิ ข. เมนเดล และชารล์ ดาร์วนิ ค. ชวัน และชไลเดน ง. ชวันน์ และเมนเดล 3. เซลล์พืชและเซลลส์ ตั วม์ ีลกั ษณะแตกตา่ งกันอย่างไร ก. เเซซลลลลพ์พ์ ืชชื มมลีลี กัักษษณณะะเกปลน็ มสรีเ่ี หสลว่ นยี่ มเซลสลว่ น์สัตเซวลม์ ลีล์สักตั ษวณ์เปะน็ เปท็นรงเหกลลีย่มม ข. ค. เซลล์พชื และเซลล์สัตว์มีลักษณะเหมือนกนั มาก ง. เซลลพ์ ชื และเซลล์สตั ว์มลี กั ษณะรปู ร่างนวิ เคลยี สทีแ่ ตกต่างกนั 4. โครงสร้างของเซลล์ใดทาำ หน้าท่คี วบคุมการผา่ นเขา้ ออกของสาร ก. ผนังเซลล์ ข. เยอื่ ห้มุ เซลล์ ค. เซลล์คุม ง. ไลโซโซม 5. โครงสรา้ งของเซลลท์ ่ีทำาหนา้ ที่สงั เคราะหโ์ ปรตีนคือ ก. กอลจิคอมเพลก็ ซ์ ข. ไรโบโซม ค. ไลโซโซม ง. แวควิ โอล 6. โครงสรกา้ ง.ใผดนขงัอเงซเลซลล์ลท์ ี่ทำาให้เซลขล.พ์ เชืยคือ่ งหรุม้ ปู เรซา่ลงลอ์ ยู่ไดแ้ มว้ า่ เซลลน์ น้ั จะไดร้ บั นำา้ มากเกินไป ค. นวิ เคลยี ส ง. ไซโทรพลาซมึ 7 . โครงสร้างทีท่ าำ หนา้ ที่เปรยี บได้กบั สมองของเซลลไ์ ดแ้ กข่ อ้ ใด ก. นวิ เคลยี ส ข. คลอโรพลาสต์ ค. เซนทริโอล ง. ไรโบโซม 8. โครงสรกา้ ง.ใผดนขงัอเงซเลซลล์ล์มเี ฉพาะในขเซ.ลเยล่ือข์ หองมุ้ พเซืชลเทล์่าน้ัน ค. นวิ เคลียส ง. ไซโทรพลาซึม 9. เพราะเหตใุ ดเมือ่ นาำ เซลล์พืชไปแช่ในสารละลายทม่ี คี วามเขม้ ขน้ น้อยกว่าภายในเซลล์ เซลล์พชื จงึ ไม่แตก ก. เซลลพ์ ืชมคี วามสามารถยืดหยนุ่ ได้ดี ข. เซลล์พืชมเี ยือ่ หมุ้ เซลล์ ส่งผ่านสารทไ่ี ม่ตอ้ งการออกนอกเซลล์ ค. เซลล์พชื มผี นังเซลลเ์ สริมสรา้ งความแข็งแรง 10. เมอื่ นำางเ.ซถลกูลทส์ ตักุ ขว์ไอ้ ปใส่ในสารละลายชนิดใด จะทาำ ให้เซลล์เหียว ก. สารละลายเขม้ ขน้ ท่มี ีความเข้มขน้ มากกว่าภายในเซลล์สัตว์ ข. สารละลายเข้มขน้ ทีม่ ีความเขม้ ขน้ น้อยกวา่ ภายในเซลล์สัตว์ ค. สารละลายเขม้ ขน้ ที่มีความเข้มขน้ เท่ากับเซลล์สตั ว์ ง. น้าำ กล่ัน 6 รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศึกษาตอนต้น
บทที่ 4 กระบวนการดำารงชีวิตของพืชและสัตว์ สรุปเนือ้ หา เร่ืองท่ี 1 การดำารงชีวิตของพืช ระบบลำาเลียงของพืชมหี ลักการทำางานอยู่ 2 ประการ คือ 1. ลาำ เลยี งนาำ้ และแรธ่ าตุ ผ่านทางทอ่ ลำาเลียงนำาและแร่ธาตุ (xylem) โดยลำาเลียงจากรากขน้ึ ไปสู่ใบ เพื่อนำานำา้ และ แร่ธาตไุ ปใช้ในกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 2. ลาำ เลยี งอาหาร (น้ำาตาลกลูโคส) ผา่ นทางทอ่ ลำาเลียงอาหาร (phloem) โดยลาำ เลียงจากใบไปสสู่ ่วนต่าง ๆ ของพชื เพอ่ื ใชใ้ นการสร้างพลังงานของพชื การลำาเลยี งสารของพืชมคี วามเกีย่ วข้องกบั กระบวนการต่าง ๆ อีกหลายกระบวนการ ซง่ึ ตอ้ งทาำ งานประสานกนั เพ่อื ให้การลาำ เลียงสารของพชื เรื่องที่ 2 การดำารงชวี ติ ของสตั ว์ 2.1 โครงสร้างและการทำางานของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ 2.1.1. ระบบหายใจในสตั ว์ สตั วต์ า่ ง ๆ จะแลกเปลย่ี นกา๊ ซกับสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการ แพร่ (Diffusion) โดยสัตว์แต่ละชนิดจะมีโครงสร้างท่ีใช้ในการแลกเปล่ียนก๊าซท่ีเหมาะสมกับการดำารงชีวิตและ สิ่งแวดลอ้ มต่างกัน 2.1.2. ระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารในสตั ว์มีกระดกู สันหลัง สตั วม์ ีกระดูกสันหลังทุก ชนดิ เชน่ ปลา กบ ก้งิ กา่ แมว จะมรี ะบบทางเดนิ อาหารสมบรู ณซ์ งึ่ ทางเดนิ อาหารของสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ประกอบ ดว้ ย ปาก ไปที่ หลอดอาหาร ไปท่ี กระเพาะอาหาร ไปท่ี ลาำ ไสเ้ ล็ก และไปที่ ทวารหนัก ระบบสืบพันธ์ใุ นสัตว์ หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ได้ศึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สอื แบบเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 7 ระดัับมััธยมัศึกษาตอนต้น
แบบทดสอบท้ายบทเรียน บทที่ 4 จงเลือกคาำ ตอบท่ถี กู ต้องท่สี ุดเพียงคาำ ตอบเดยี ว 1. เซลลพ์ ืชกับเซลลส์ ตั ว์ มีความแตกต่างกันอยา่ งไร ก. เซลลพ์ ชื มผี นังเซลล์ เซลลส์ ัตว์ไม่มผี นังเซลล์ ข. เซลล์พืชไมม่ ผี นงั เซลล์ เซลลส์ ัตวม์ ีผนงั เซลล์ ค. เซลล์พชื มีเยอื หมุ้ เซลล์ เซลล์สตั วไ์ มม่ ีเยอื หุ้มเซลล์ ง. เซลล์พชื ไม่มเี ยอื หุ้มเซลล์ เซลลส์ ตั ว์มีเยอื หมุ้ เซลล์ 2. เปรียบผนงั เซลลเ์ ป็นสว่ นใดของร่างกาย ก. ผิวหนัง ข. ชั้นไขมนั ค. เสน้ เลือด ง. หวั ใจ 3. เซลลท์ ่มี ี ไรโบโซมมากทส่ี ุด คอื ก. เซลลต์ บั ข. เซลล์ที่บริเวณหลอดของหน่วยเนฟรอน ค. เซลล์เมด็ เลือดขาว ง. เซลล์ของตอ่ มไร้ท่อ 4. ในการคายนำาของพืช นาำ จะออกจากพืชมากท่สี ุดทางใด ก. หนา้ ใบ ข. ปลายใบ ค. หลังใบ ง. ขอบใบ 5. ดา้ นบนของใบมะม่วงมสี เี ขม้ มากกวา่ ดา้ นลา่ งเป็นเพราะเหตุใด ก. ไดร้ บั แสงมากกวา่ ข. แพลิเซดเซลลเ์ รยี งตวั หนาแนน่ กว่าสปองจเี ซลล์ ค. แพลเซดเซลล์มคี ลอโรพลาสต์มากกวา่ สปองจเี ซลล์ ง. สปองจเี ซลลม์ คี ลอโรพลาสตม์ ากกวา่ แพลเิ ซดเซลล6 6. การเคลอ่ื นท่ขี องแรธ่ าตใุ นดินเขา้ สู่รากพืชต้องอาศยั กระบวนการใดโดยตรงท่สี ุด ก. การหายใจ ข.การสังเคระหแ์ สง ค. การคายนำ้า ง. กัตเตชนั 7. เพราะเหตุใดเวลายา้ ยต้นไมไ้ ปปลูกจึงนยิ มตดั ใบออกเสยี บา้ ง ก. สะดวกในการเคลื่อนยา้ ย ข. ลดการคายนาำ้ ของพชื ค. สะดวกในการบังแดด ง. ลดนำ้าหนกั พชื ส่วนทเ่ี หนอื ดนิ 8. การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นขบวนการทพ่ี ชื สร้างอะไร ก. แปง้ และ คาร์บอนไดออกไซด์ ข. น้าำ ตาล และ คารบ์ อนไดออกไซด์ ค. แปง้ และ ออกซเิ จน ง. คารโ์ บไฮุเดรต และ ออกซิเจน 9. คำากล่าวในข้อใดไมเ่ กี่ยวข้องกับขบวนการสงั เคราะหแ์ สง ก. สงั เคราะห์อนิ ทรยี สารได้มากทีส่ ุดในโลก ข. ตน้ ไมเ้ พอ่ื นชวี ติ เจ้าดูดอากาศพิษแทนข้า ค. ช่วยรกั ษาระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ในบรรยากาศใหอ้ ย่ใู นภาวะสมดลุ ง. ก๊าซคารบ์ อนมอนอกไซดใ์ นอากาศ พชื ดดู ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 10. อะไรจะเกดิ ขน้ึ ถ้าแสงที่สง่ มายงั โลกมีเฉพาะสีเขียว ก. ปริมาณ ออกซเิ จนในอากาศจะสูงขนึ้ ข. ปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ ในอากาศจะลดลง ค. ปริมาณอาหารสะสมในพืชจะสูงขึน้ ง. ปริมาณอาหารทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ สัตว์ 8 รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศกึ ษาตอนตน้
บทท่ี 5 ระบบนเิ วศ สรุปเนือ้ หา เรอื่ งท่ี 1 ความสัมพนั ธข์ องส่งิ มีชวี ติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ ระบบนิเวศ หมายถึง หน่วยของความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในแหล่งท่ีอยู่แหล่งใดแหล่งหน่ึง ซ่ึงความความ สมั พนั ธน์ มี้ ี 2 ลกั ษณะคอื ความเกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มชี วี ติ กบั สงิ่ ไมม่ ชี วี ติ ทแ่ี วดลอ้ มอยขู่ ณะเดยี วกนั กจ็ ะมคี วามสมั พนั ธ์ อีกลักษณะหนงึ่ คอื ความเกี่ยวโยงพึง่ พาหรอื ส่งผลตอ่ กันระหว่างสิ่งมชี ีวิตกับสงิ่ มชี ีวติ เอง เรอ่ื งท่ี 2 การถา่ ยทอดพลงั งาน การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ มีความสำาคัญมาก การถ่ายทอดพลังงานในหว่ งโซ่อาหาร มีความยาวจำากดั โดยปกตจิ ะสนิ้ สุดท่ีผู้บรโิ ภค ซ่ึงมีรายละเอียดดังนี้ เรือ่ งที่ 3 สายใยอาหาร (Food web) ห่วงโซอ่ าหาร (food chain) พืชและสตั ว์จำาเปน็ ตอ้ งได้รับพลงั งานเพอื่ ใช้ในการดาำ รงชวี ติ โดยพืชจะไดร้ ับ พลงั งานจากแสงของดวงอาทติ ย์ โดยใชร้ งควตั ถสุ เี ขยี วท่ีเรยี กวา่ คลอโรฟลิ ล์ (chlorophyll) เปน็ ตวั ดดู กลนื พลงั งานแสงเพ่ือนำ านำม�ำ ามใาชใ้ชใ้้นใกนากราสรรส้าร้งา้ องาอหาาหราร เรอ่ื งท่ี 4 วัฏจกั รของนำ้า ววฎััฏั จจกัักั รขขอองงนน้ำ�ำ�้ำา (Water cycle) หรอื ชอื่ ในทางวทิ ยาศาสตรว์ า่ “วฏั จกั รของอทุ กวทิ ยา”(Hydrologic cycle) หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงสถานะของนำ้าระหวา่ งของเหลว ของแขง็ และกา๊ ซ วฏั จกั รของน้าำ จะมกี ารเปลย่ี นแปลงสถานะไปมา จากสถานะหนง่ึ ไปยงั อกี สถานะหนง่ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ งไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ ภายในอาณาจกั รของน้ำา (Hydrosphere) เชน่ การเปลยี่ นแปลง ระหว่าง ช้ันบรรยากาศ น้าำ ผิวดนิ น้ำาใตด้ นิ และพืช เรื่องที่ 5 วฏั จักรของคาร์บอน (Carbon Cycle) คาร์บอนเปน็ ธาตพุ บในสารประกอบของสารอินทรยี เ์ คมที ุกชนดิ ดังนน้ั วฏั จกั รของคาร์บอน จึงเป็นหัวใจของส่ิงมีชีวิตทุกชนิด คาร์บอนจะสัมพันธ์กับวัฏจักรของธาตุอื่น ๆ ในระบบนิเวศในรูป ของแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซดใ์ นอากาศ และ ในรูปของไบคารบ์ อเนตใน หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ได้ศกึ ษาเพิม่ เตมิ จากหนงั สอื แบบเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 9 ระดัับมััธยมัศึกษาตอนต้น
แบบทดสอบท้ายบทเรียน บทท่ี 5 จงเลอื กคาำ ตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพยี งคำาตอบเดียว 1.ระบบนิเวศหมายถงึ อะไร ก. ความสมั พันธ์ของสิ่งมชี วี ติ ตา่ ง ๆ กบั สง่ิ แวดลอ้ มของส่ิงมีชีวติ และมีการถ่ายทอดไปตามลำาดบั ข. การกินกันเปน็ ทอดๆ เรม่ิ ตงั้ แตผ่ ผู้ ลิต ผบู้ รโิ ภคพืช ผบู้ รโิ ภคสัตวต์ ามลาำ ดบั ค. ลกั ษณะการกนิ กนั ซบั ซอ้ นประกอบดว้ ยหว่ งโซ่อาหารมากมาย ง. พลังงานจากแสงอาทติ ย์ 2. โครงสร้างของระบบนิเวศ มีก่ีหน่วย ก. 2 หน่วย คือ ส่ิงไม่มีชวี ิต ผูย้ ่อยสลาย ข. 2 หน่วย คือ สิ่งไมม่ ชี ีวติ สง่ิ มชี วี ติ ค. 3 หนว่ ย คือ สงิ่ ไม่มีชีวิต สงิ่ มชี ีวติ และผบู้ รโิ ภค ง. 3 หนว่ ย คือ ส่ิงไม่มีชวี ิต ผผู้ ลิต และผบู้ รโิ ภค 3. ส่ิงมีชวี ิตกลุ่มใดที่สามารถเปลย่ี นอนินทรียส์ ารเปน็ อนิ ทรยี สารได้ ก. พืชสีเขียว ข. สตั วก์ นิ พชื ค. สตั วก์ ินเนื้อ ง. ผ้ยู ่อยสลาย 4. ขอ้ ใดจัดเป็นห่วงโซ่อาหาร ก. เหยี่ยว---พชื ---ผเี สอ้ื ---นก ข. เหยยี่ ว---นก---ผีเสือ้ ---พชื ค. นก---เหยยี่ ว---นก---ผีเสือ้ ง. ผเี ส้ือ---พชื ---นก---เหยย่ี ว 5. กลว้ ยไมท้ อ่ี าศยั เกาะบนตน้ ไมใ้ หญ่ จัดเป็นความสมั พันธแ์ บบใด ก. ภาวการณ์อยรู่ ่วมกัน ข. ภาวะลา่ เหย่ือ ค. ภาวะปรสติ ง. ภาวะพึง่ พา 6. หมดั กดั สุนัข และ ยงุ กดั คน จดั เป็นความสมั พันธ์แบบใด ก. ภาวะอยูร่ ว่ มกนั ข. ภาวะลา่ เหย่ือ ค. ภาวะปรสิต ง. ภาวะพึง่ พา 8. การสังเคราะห์ดว้ ยแสงเป็นขบวนการที่พืชสร้างอะไร ก. แปง้ และ คาร์บอนไดออกไซด์ ข. น้ำาตาล และ คารบ์ อนไดออกไซด์ ค. แป้ง และ ออกซเิ จน ง. คาร์โบไฮุเดรต และ ออกซเิ จน 9. คำากลา่ วในข้อใดไมเ่ ก่ียวขอ้ งกับขบวนการสังเคราะหแ์ สง ก. สงั เคราะห์อนิ ทรยี สารได้มากท่ีสุดในโลก ข. ต้นไมเ้ พื่อนชีวติ เจา้ ดดู อากาศพิษแทนขา้ ค. ช่วยรกั ษาระดับคารบ์ อนไดออกไซด์ ในบรรยากาศให้อยูใ่ นภาวะสมดุล ง. กา๊ ซคารบ์ อนมอนอกไซดใ์ นอากาศ พชื ดูดไปใชป้ ระโยชน์ได้ 10. อะไรจะเกดิ ขึ้นถ้าแสงทีส่ ่งมายังโลกมเี ฉพาะสเี ขยี ว ก. ปรมิ าณ ออกซิเจนในอากาศจะสูงขึ้น ข. ปริมาณ คารบ์ อนไดออกไซด์ ในอากาศจะลดลง ค. ปรมิ าณอาหารสะสมในพืชจะสงู ข้ึน ง. ปริมาณอาหารทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อสตั ว์ 10 รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดัับมัธั ยมัศกึ ษาตอนตน้
บทที่ 6 โลก บรรยากาศ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สิง่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ สรุปเนือ้ หา เรื่องท่ี 1 โลก โลกเรม่ิ จากปรากฏการณท์ ฝ่ี ุ่น�ุ และกา๊ ซกระจายอยใู่ นจกั รวาลมารวมตวั กนั เปน็ วงกา๊ ซทอี่ ณุ หภมู ริ อ้ นจดั และ มีความหนาแน่นมหาศาล อุณหภูมิสูงมากประมาณการจนทำาให้กลมุ่ ฝุ่�ุนและก๊าซนเ้ี กิดการระเบิดขนึ้ มาเรยี กว่า บิกแบง โลก หมนุ รอบดวงอาทติ ย์เป็นวงโคจรซงึ่ ใช้เวลา 365.25 วัน เพอื่ ให้ครบ 1 รอบ ปฏทิ ินแตล่ ะปมี ี 365 วนั ซงึ่ หมายความว่าจะมี 1/4 ของวันที่เหลอื ในแต่ละปี ซงึ่ ทกุ ปี จะมีวนั พิเศษ คือจะมี 366 วัน กล่าวคือเดอื นกมุ ภาพันธจ์ ะมี 29 วนั แทนท่ีจะมี 28 วันเหมือนปกติ เร่ืองท่ี 2 บรรยากาศ บรรยากาศ คือ อากาศท่ีห่อหุ้มโลกเราอยู่โดยรอบ โดยมีขอบเขตนับจากระดับน้ำาทะเลขึ้นไปบริเวณใกล้ พนื้ ดนิ อากาศจะมคี วามหนาแนน่ มากและจะลดลงเมื่ออยสู่ งู ขนึ้ ไปจากระดบั พน้ื ดนิ บรเิ วณใกลพ้ น้ื ดนิ โลกมอี ณุ หภมู ิ 15 องศา เซลเซียส โดยเฉลย่ี บรรยากาศหรอื อากาศ จัดเป็นของผสมประกอบด้วยแก๊สตา่ ง ๆ เช่น แก๊สไนโตนเจน (N) แก๊ส ออกซิเจน (O) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) แกส๊ อารก์ อน (Ar) ฝุ่�ุนละออง และแก๊สอืน่ ๆ เรื่องที่ 3 ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ ลม (Wind) คือ มวลของอากาศทเ่ี คลอื่ นทไี่ ปตามแนวราบ กระแสอากาศทเี่ คลอ่ื นท่ีในแนวนอน ส่วนกระแส อากาศ ลมทะเล (Sea Breeze) เกิดในฤดูร้อนตามชายฝุ่ังทะเล ในเวลากลางวันเม่ือพื้นดินได้รับความร้อนจาก ดวงอาทิตย์จะมอี ุณหภูมิสูงกว่าพน้ื นาำ้ เกิดลมจากทะเลพดั เข้าหาฝุ่ั�ง เร่ืองที่ 4 ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติ แบ่งตามลักษณะทีน่ าำ มาใชไ้ ดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. ทรพั ยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วไมห่ มดสน้ิ 2. ทรัพยากรธรรมชาติประเภทใชแ้ ล้วหมดส้ินไป ได้แก่ หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ได้ศึกษาเพิม่ เติมจากหนังสอื แบบเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 11 ระดัับมัธั ยมัศึกษาตอนต้น
แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น บทท่ี 6 จงเลอื กคำาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสุดเพียงขอ้ เดยี ว 1.โครงสรา้ งของโลกแบง่ เปน็ กชี่ ั้น ก. 2 ชั้น ข. 3 ชั้น ค. 4 ชัน้ ง. 5 ชัน้ 2. ส่วนใดท่ีอยชู่ ้ันนอกสดุ ของโลก ก. เปลอื กโลก ข. แกน่ โลก ค. แมนเทลิ ง. ขว้ั โลก 3. ปรากฏการณ์ทแ่ี ผ่นเปลอื กโลกเกดิ การสัน่ สะเทอื น เนอ่ื งมาจากการเลอื นตวั ของแผน่ เปลือกโลก คือปรากฏการณใ์ ด ก. ปฏกิ ิริยาเรือนกระจก ข. ภเู ขาไฟระเบิด ค. แผน่ ดินไหว ง. ดนิ ถลม่ 4. สาเหตุสำาคัญที่ทำาให้เกิดสภาพมลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานครคอื อะไร ก. การจราจรทตี่ ิดขดั มาก ข. โรงงานอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ค. อาคารบ้านเรอื น และตกึ สูง ๆ ง. การใชโ้ ฟมและถุงพลาสตกิ ใส่อาหาร 5. เครือ่ งมอื ที่ใช้วดั ความกดอากาศคอื เครือ่ งมืออะไร ก. เทอร์มอมิเตอร์ ข. ไฮุโกรมเิ ตอร์ ค. บารอมิเตอร์ ง. ศรลม 6. เครือ่ งมือท่ใี ช้ตรวจสอบความเรว็ ของกระแสลม คอื เครือ่ งมืออะไร ก. บารอมิเตอร์ ข. ไฮุโกรมิเตอร์ ค. เทอร์โมมเิ ตอร์ ง. แอนนิมอมเิ ตอร์ 7. เหตกุ ารณ์ใดทำาให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้อง ฟา้ แลบ และฟ้ ผ่า ก. ฝุ่นตก ข. น้าำ ทว่ ม ค. แผ่นดินไหว ง. ปรากฏการณเ์ รือนกระจก 8. ปรากฏการณ์ใดที่จาำ เปน็ ต่อการดำารงชวี ิตของมนุษยม์ าก ก. ฝุ่น ข. ฟ้าผ่า ค. ฟา้ ร้อง ง. ฟ้าแแลลบบ 9. เราจะช่วยรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาตไิ ด้อย่างไร ก. ไม่ฆ่า่ สัตวใ์ นวนั พระ ข. ไมใ่ ช้นำา้ ในแมน่ า้ำ ลาำ คลอง ค. ไม่เลี้ยงสัตว์ในบรเิ วณบ้าน ง. ไม่ทง้ิ ขยะลงในแม่น้ำาลำาคลอง 10. ข้อใดหมายถึงกระบวนการรไี ซเคิล ก. วสั ดใุ ช้แลว้ --> ขาย ข. วัสดใุ ช้แล้ว --> เผาทาำ ลาย ค. วสั ดุใช้แล้ว --> ทาำ ความสะอาด --> ใช้ใหม่ ง. วัสดใุ ชแ้ ลว้ --> กระบวนการผลิต --> วัสดุใหม่ 12 รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศึกษาตอนต้น
บทที่ 7 สารและการจำาแนกสาร สรุปเนือ้ หา เรอ่ื งท่ี 1 สมบตั ิของสาร และเกณฑ์ใ์ นการจาำ แนกสาร สมบัติของสาร หมายถงึ ลักษณะเฉพาะตวั ของสาร เชน่ เนอ้ื สาร สี กล่ิน รส การนำาไฟฟ้า การละลายนำ้า จดุ เดือด จุดหลอมเหลว ความเปน็ กรด - เบส เป็นนตต้น้น สารแตล่ ะชนดิ มสี มบัตเิ ฉพาะตวั ท่แี ตกตา่ งกนั แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ 1. สมบัติทางกายภาพของสาร เปน็ สมบตั ขิ องสารที่สามารถสังเกตได้ 2. สมบัตทิ างเคมี หมายถึง สมบัตเิ ฉพาะตัวของสารที่เกี่ยวขอ้ งกับการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี 1. ใชส้ ถานะเป็นเกณฑ์์ จะแบ่งสารออกได้เป็นน33กกลลุ่มมุ่ คคอื ือ 1.1 ของแข็ง (solid ) หมายถึง สารทม่ี ีลกั ษณะรปู ร่างไมเ่ ปลีย่ นแปลง และมรี ปู รา่ งเฉพาะตัว 1.2 ของเหลว ( liquid ) หมายถึง สารที่มีลกั ษณะไหลได้ มรี ูปรา่ งตามภาชนะทบี่ รรจุ พืช 1.3 แก๊ส (gas) หมายถงึ สารทีล่ ักษณะฟงุ้ กระจายเต็มภาชนะทบ่ี รรจุ 2. ใชค้ วามเป็นโลหะเปน็ เกณฑ์์ แบ่งไดเ้ ป็ น 3 กลมุ่ คอื โลหะ (meta) อโลหะ (non - metal) ก่ึงโลหะ(metaliod) เรอ่ื งที่ 2 สมบัติของธาตุ สารประกอบ สารละลาย สารผสม ธาตุ (Element) หมายถงึ สารบรสิ ุทธทิ ่ีมีองคป์ ระกอบอย่างเดยี ว สารประกอบ (compound) หมายถึง “สารบริสทุ ธเิ ์นือ้ เดียวทเี่ กดิ จากธาตุตังแตส่ องชนดิ ข้นึ ไป เป็นองค์ประกอบ” สารละลาย (solution) หมายถงึ สารเนอ้ื เดียวทีไ่ ม่บริสทุ ธ์ิ เกดิ จากสารตงั้ แต่ 2 ชนิดขึน้ ไปมา สารผสม หมายถึง สารท่มี ีองคป์ ระกอบภายในแตกตา่ งกนั หมายเหตุ : ใหน้ กั ศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิม่ เตมิ จากหนังสือแบบเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 13 ระดับั มัธั ยมัศึกษาตอนต้น
แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน บทที่ 7 จงเลอื กคำาตอบที่ถกู ตอ้ งท่สี ุดเพียงคำาตอบเดยี ว 1. ข้อใดไมใ่ ช่สสาร ก. เกลอื แกงใสล่ งในอาหาร ข. เสยี งของสนุ ขั หอน ค. น้าำ แกงกำาลงั เดือด ง. สายไฟท่ีทำาจากพลาสตกิ 2. ทองเหลืองจัดเปน็ สารประเภทใด ก. ธาตุ ข. สารประกอบ ค. สารละลาย ง. สารเน้ือผสม 3. ขอ้ ใดต่อไปน้เี ปน็ ความหมายของสารประกอบ ก. โมเลกุลของสารประกอบดว้ ยธาตุ 2 อะตอมขน้ึ ไป ข. สารที่ธาตุเปน็ ชนิดเดยี วกนั ค. สารที่เกิดจากธาตุ 2 ชนดิ ขึน้ ไปมารวมกัน ง. ผลิตภัณฑ์ท์ ี่ได้จากการทาำ ปฏกิ ิรยิ ากนั ของสาร 2 ชนิด4 . ข้อความตอ่ ไปนี้ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ก. สารละลายทกุ ชนดิ เป็นสารบริสุทธ์ิ ข. สารบรสิ ุทธ์ิบางชนิดเปน็ สารเนอ้ื เดียว ค. สารประกอบทุกชนดิ เป็นสารเนอื้ เดยี ว ง. ธาตุบางชนิดเปน็ สารเนอื้ เดียวANSWER 5. ถา้ จัดเหล็ก นำ้าเช่อื ม และสารละลายกรดซลั ฟิวริก ใหอ้ ยู่ในกล่มุ เดียวกัน จะต้องใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์์ในการจัด ก. การนาำ ไฟฟ้า ข. การละลาย ค. การเป็นสารเนอ้ื เดยี วกัน ง. สมบตั เิ ป็นกรด - เบส 6. วิธกี ารกลั่นน้าำ ใหบ้ ริสุทธิแ์ บบธรรมดาจะไมเ่ หมาะสม เมอ่ื นำามาใชก้ ับอะไร ก. นำ้าทะเล ข. นา้ำ คลอง ค. นำา้ ผสมแอลกอฮุอล์ ง. สารละลายโพแทสเซียมคลอไรด์ ANSWER 7. การแยกน้าำ มันดิบส่วนใหญอ่ าศยั วิธกี ารแบบใด ก. การสันดาป ข. การกลนั่ ลำาดบั สว่ น ค. การตกตะกอนลาำ ดบั สว่ น ง. การสลายตัวด้วยความรอ้ น 8. กรดในข้อใดเปน็ กรดอินทรีย์ทั้งหมด ก. นำา้ มะขาม กรดไฮุโดรคลอริก ข. นา้ำ มะนาว กรดไนตริก ค. กรดแอซิติก นา้ำ มะนาว ง. นาำ้ มะขาม กรดซัลฟวิ ริก 9. สารใดตอ่ ไปน้มี ีสภาพเปน็ เบส ทง้ั หมด ก. นา้ำ มะนาว นำ้าอัดลม ข. นำ้ามะขาม นำา้ เกลือ ค. สารละลายผงซักฟอก นำ้าขี้เถา้ ง. สารละลายยาสฟี ัน นำา้ ยาล้างจานSHOW AN 10. สบ่เู กดิ จากปฏิกิริยาเคมีระหวา่ งส่ิงใด ก. แชมพกู ับน้าำ มันพชื ข. กรดกับไขมนั สัตว์ ค. ไขมนั สตั วก์ ับนำ้าขเี้ ถ้า ง. ไม่มีขอ้ ใดถกู 14 รายวิิชา วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มัธั ยมัศกึ ษาตอนต้น
บทท่ี 8 ธาตุและสารประกอบ สรปุ เนือ้ หา เร่ืองท่ี 1 ความหมายและสมบัตขิ องธาตุกัมมนั ตรังสี กมั มนั ตภาพรงั สี (Ionizing Radioactivity) 1. กมั มันตภาพรงั สี (Radioactivity) หมายถึง รังสที ี่แผอ่ อกมาได้เองจากธาตุบางชนิด 2. ธาตกุ มั มันตรังสี หมายถึง ธาตุท่มี ีในธรรมชาติที่แผ่รังสอี อกมาได้เอง 3. เฮุนรี เบคเคอเรล นกั ฟิ สกิ สช์ าวฝุ่รง่ั เศส เปน็ ผคู้ น้ พบกมั มนั ตภาพรงั สี โดยบงั เอญิ ในขณะทที่ าำ การวเิ คราะห์ เกี่ยวกับรังสีเอกซ์ กัมมันตภาพรังสีมีสมบัติแตกต่างจากรังสีเอกซ์ คือ มีความเข้มน้อยกว่ารังสีเอกซ์ การแผ่รังสีเกิดข้ึน อย่างต่อเน่อื งตลอดเวลา 4. รังสี เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ บางชนิดเป็นคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า เชน่ รังสีเอกซ์ รังสีอลุ ตราไวโอเลต รังสี อนิ ฟราเรด เร่ืองที่ 2 สมบัตขิ องโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ ธาตุโลหะ (metal) จะเป็นธาตทุ ีม่ สี ถานะเปน็ ของแข็ง (ยกเว้นปรอท ท่ีเป็นของเหลว ธาตอุ โลหะ มีได้ทงั้ สามสถานะ สมบัตสิ ว่ นใหญ่จะตรงข้ามกบั โลหะ เช่น ผิวไม่มนั วาว เร่ืองท่ี 3 ธาตกุ มั มนั ตรงั สี ชนิดของกมั มันตภาพรังสี กมั มันตภาพรงั สมี ี 3 ชนิด คอื 1. รังสแี อลฟา (alpha, a) คอื นิวเคลยี สของอะตอมธาตฮุ ุีเลยี ม He มีประจไุ ฟฟ้ า +2 มี 2. รงั สเี บตา้ (Beta, b) มี 2 ชนิด คือ อิเลคตรอน 0e-1 (ประจุลบ) และ โฟซิตรอน 0e+1 3. รงั สีแกมมา (gamma, g) คอื รังสที ่ีไม่มปี ระจไุ ฟฟ้า หมายถึง โฟตอนหรอื ควอนตมั ของแสง เร่ืองที่ 4 สารประกอบ สารประกอบ (compound) หมายถึง “สารบริสุทธิเนือ้ เดียวที่เกิดจากธาตุตังแต่สองชนิดข้ึนไปเป็นองค์ ประกอบ” สารประกอบเกดิ จากการรวมตวั ของธาตโุ ดยวธิ กี ารทางเคมี สามารถแยกสลายใหเ้ กดิ เปน็ สารใหมห่ รอื กลบั คนื เปน็ ธาตุเดิม หมายเหตุ : ใหน้ ักศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิม่ เติมจากหนังสอื แบบเรยี นรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 15 ระดับั มัธั ยมัศกึ ษาตอนต้น
บททดสอบทา้ ยบทเรียน บทที่ 8 จงเลอื กคำาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสดุ เพยี งคาำ ตอบเดยี ว 1. อนภุ าคทเ่ี ล็กที่สดุ ของสสารเรียกว่าอะไร ก. ธาตุ ข. อะตอม ค.โมเลกุล ง.สารประกอบ 2. ข้อใดถูกตอ้ ง ก. ในภาวะปกติ ธาตุมไี ด้ทง้ั 3 สถานะ ข. ธาตุสามารถแยกเป็นองคป์ ระกอบยอ่ ยได้อีก ค. ธาตอุ าจเปน็ สารเนอื้ เดยี วกัน หรอื เนือ้ ผสมกไ็ ด้ ง. ธาตุสองชนดิ ขนึ้ ไปมาผสมกนั ต้องได้สารประกอบ 3. . ข้อใดเปน็ ธาตุทั้งหมด ก. เหลก็ อากาศ ทองคำา ข. ไฮุโดรเจน คารบ์ อน นิเกลิ ค. กำามะถนั ด่างทับทิม ปรอท ง. พลวง ปรอท แอลกอฮุอล์ 4. ข้อใดต่อไปน้ี จัดเป็นธาตุท้ังหมด ก. CKOM22gNNBOOe22COOO2 2H2H2 ข. HM22gOO2NHNH22eeBNNr22aaOOCC2l2l22 ค. ง. 5.ขอ้ ใดเปน็ สัญลักษณข์ องธาตุทองคำา ก. Au ข. Ag ค. Cu ง. Ga 6. ธาตุในข้อใดเป็นโลหะทงั้ หมด ก. Li Al P ข. Al B Zi ค. Zn Ag Na ง. Na Mg C จงพจิ ารณาขอ้ มูลตอ่ ไปน้แี ล้วตอบคำาถามข้อ 7 - 8 ธาตุ A มีสมบตั ินาำ ไฟฟ้าได,้ ผิวเป็นนมมนั ันววาาวว ธาตุ B มสี มบัตินาำ ไฟฟา้ ไมไ่ ด้, เปราะ ธาตุ C มีสมบตั นิ ำาไฟฟา้ ได้, เปราะ ธาตุ D มสี มบตั ินำาไฟฟา้ ไม่ได้, มสี ถานะกา๊ ซ 7. ธาตุใดเป็นโลหะ ก. A ข. B ค. C ง. D 8. ธาตใุ ดเปน็ กง่ึ โลหะ ก. A ข. B ค. C ง. D 9. โมเลกลุ ของ Hอะ33PตOอ4ม4 กับ C22H66OOข.ม2จี าำอนะวตนออมะตอมแตกตา่ งกนั กอี่ ะตอม ก. 1 ค. 3 อะตอม ง. 4 อะตอม 10. อนุภาคมูลฐานของธาตุ คือข้อใด ก. โปรตอน และอเิ ล็กตรอน ข. โปรตอน และนิวตรอน ค. นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน ง. โปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน 16 รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศึกษาตอนต้น
บทที่ 9 สารละลาย สรุปเนือ้ หา เร่ืองท่ี 1 สารละลาย 1.1 สมบัติของสารละลาย และองค์ประกอบของสารละลายสมบัติของสารละลาย เม่ือเติมตัวถูกละลายลงในตัว ทาำ ละลายจะไดส้ ารละลายเกิดขนึ้ ในนม้ี ีผลทาำ ให้สมบตั ิทางกายภาพของ ตัวทำาละลายบรสิ ุทธิเปล่ยี นแปลงไป ความแตกตา่ ง ทางกายภาพของสารละลายกบั ตัวทาำ ละลายบรสิ ทุ ธิ์ เรียกว่า สมบตั คิ อลลิเกตฟี 1.2 ความสามารถในการละลายของสาร ความสามารถในการละลายของสารชนดิ หนงึ่ ในสารอกี ชนดิ หนงึ่ นน้ั สามารถหาไดจ้ ากอตั ราสว่ นระหวา่ งตวั ถกู ละลาย กบั ตวั ทาำ ละลาย หรอื อตั ราสว่ นระหวา่ งตวั ถกู ละลาย กบั สารละลายในสภาวะทส่ี ารละลายนน้ั เปน็ สารละลายอมิ่ ตวั ซง่ึ สามารถ บอกเป็นความหนาแน่นสูงสุดของสารละลายนั้นได้อีกด้วยซ่ึงข้ึนอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น แรงระหว่างโมเลกุลของตัว ทาำ ละลายกบั ตัวถกู ละลายอณุ หภูมิ เครื่องมือท่ีใชใ้ นการเตรียมสารละลาย 1. เครือ่ งช่งั สารนยิ มใช้ชงั่ นำา้ หนกั ของสารท่ีเปน็ ของแข็ง และมีความละเอียดถึงทศนยิ มตำาแหน่งที่ 4 2. อปุ กรณ์วดั ปรมิ าตรได้แก่ กระบอกตวง ปิเปต บิวเรต ขวดรูปชมพู่ และขวดวัดปรมิ าตร เรื่องที่ 2 กรด – เบส ความหมายและสมบตั ิของกรด - เบส กรด (Acid)คอื สารประกอบทม่ี ธี าตุไฮุโดรเจน(H 2 ) เปน็ องคป์ ระกอบ และอะตอมของ H 2 อะตอมใหโ้ ลหะ หรอื หมธู่ าตทุ ีเ่ ที่ยบเทา่ โลหะทไ่ี ด้ และเม่ือกรดละลายนา้ำ จะแตกตัวใหไ้ ฮุโดรเจนอิออน เบส (Base) คอื สารละลายนาำ แลว้ แตกตัวใหไ้ ฮุดรอกไซด์ไอออน (OH-) ออกมา เม่ือทำาปฏกิ ิรยิ ากบั กรดจะได้เกลือ กับน้าำ หรอื ไดเ้ กลืออยา่ งเดยี ว หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิม่ เตมิ จากหนงั สอื แบบเรียนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 17 ระดับั มััธยมัศึกษาตอนตน้
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทท่ี 9 จงเลือกคาำ ตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสดุ เพยี งคาำ ตอบเดยี ว 1. ข้อใดกลา่ วถึงสารละลายได้ถกู ต้อง ก. สารทม่ี ีเนอื้ สารเหมือนกนั ตลอดทกุ ส่วน ข. สารท่มี เี น้ือสารมองดูใสไมม่ ีสีกล่ินและรส ค. สารที่ไมบ่ ริสุทธิเกิดจากสารบริสุทธิตง้ั แต่ 2 ชนดิ ผสมกนั ง. สารทมี่ จี ุดหลอมเหลวต่ำากว่า 100 องศาเซลเซยี ส2 . ข้อใดผิดเก่ียวกับตวั ทำาละลาย ก. สารทม่ี ีปริมาณมากกวา่ ข. สารที่มสี ถานะเดยี วกบั สารละลาย ค. สารทมี่ ีสถานะเปน็ ของเหลวเทา่ นัน้ ง. สารทม่ี สี ถานะเป็นของแขง็ ของเหลว และกา๊ ซ 3. ตวั ถูกละลายคอื อะไร ก. สารทมี่ ปี รมิ าณนอ้ ยกวา่ ข. สารท่ีมีสถานะเดยี วกับสารละลาย ค. สารทม่ี ีสถานะเปน็ ของเหลวเทา่ นนั้ ง. สารทม่ี คี วามหนาแนน่ นอ้ ยกวา่ สารละลาย 4.สาร A สามารถละลายในน้าำ ได้ 15 กรมั แตเ่ มอ่ื นาำ ไปต้ม สาร A ละลายได้เพม่ิ ขึน้ เป็น 25 กรัม และกไ็ มส่ ามารถละลายได้ อกี เราเรียกสารอะไร ก. สารละลายอ่มิ ตัว ข. สารละลายเขม้ ขน้ ค. สารละลายเจอื จาง ง. สารละลายไมอ่ ิม่ ตวั 5.กระบวนการใดเรยี กวา่ การตกผลกึ ก. การแยกตัวของตวั ถูกละลายออกจากสารอิม่ ตวั ข. การแยกตัวของตวั ถูกละลายออกจากสารเขม้ ข้น ค. การแยกตัวของตัวทาำ ละลายออกจากสารอมิ่ ตวั ง. การแยกตวั ของตวั ทำาละลายออกจากสารเข้มขน้ 6. ความแตกต่างของสารกบั สารบรสิ ุทธคิ อื ข้อใด ก. สารละลายมีปรมิ าตรมากกว่าสารบริสทุ ธิ ข. สารละลายมีจุดเดอื ดไมค่ งที่ สารบริสทุ ธมิ จี ดุ เดือดคงที่ ค. สารละลายมจี ุดเดือดคงท่ี สารบริสุทธมิ ีจุดเดือดไมค่ งท่ี ง. สารละลายมจี ดุ เยอื กแขง็ คงท่ี สารบรสิ ทุ ธิมจี ดุ เยือกแขง็ ไมค่ งที่ 7. ขอ้ ใดตอ้ งใชต้ วั ทาำ ละลายต่างจากพวก ก. นำ้าตาล ข. เชลแล็ก ค. เกลือแกง ง. สผี สมอาหาร 8. ข้อใดไมส่ ่งผลต่อความสามารถในการละลายของสาร ก. ความดัน ข. อณุ หภมู ิ ค. ความหนาแน่น ง. ชนดิ ของตัวทำาละลายและตวั ถูกละลาย 9. แอลกอฮุอล์ 80% โดยปรมิ าตร มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด ก.สารละลาย100cm3 มเี อทลิ แอลกอฮุอล์ 80 cm3 ข.สารละลาย100g มีเอทิลแอลกอฮุอล์ 80 g ค.สารละลาย 100 cm3 มีเอทิลแอลกอฮุอล์ 80 g ง. สารละลาย 100 g มีเอทิลแอลกอฮุอล์ 80 cm3 10.ขอ้ ใดจัดเป็นการพิสจู นว์ า่ สาร x กบั สาร y มีความสามารถในการละลายในของเหลว z ได้ดีกวา่ กัน ก. ใชข้ องเหลว Z ปรมิ าณเทา่ กันทอ่ี ุณหภมู เิ ดียวกนั ข. ใช้ของเหลว Z ปริมาณเท่ากันทอ่ี ณุ หภมู ติ ่างกนั ค. ใชส้ าร x และ y ปรมิ าณเทา่ กนั ทอี่ ุณหภูมิ ง. ใชส้ าร x และ y ปรมิ าณเทา่ กันที่อณุ หภูมเิ ดียวกนั 18 รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศึกษาตอนตน้
บทที่ 10 สารและผลติ ภััณฑ์ใ์ นชวี ิต สรุปเนือ้ หา เรื่องท่ี 1 สารและคุณสมบตั ขิ องสาร สาร หมายถึง สิ่งทีม่ ตี ัวตน มมี วลหรอื นา้ำ หนกั ต้องการทอ่ี ยแู่ ละสามารถสัมผสั ได้ เชน่ ดิน หิน อากาศ พืช และสัตว์ ทกุ สง่ิ ทุกอยา่ งทีอ่ ยู่รอบ ๆ ตัว เรื่องที่ 2 สารสังเคราะห์ สารสังเคราะห์ คอื สารท่ีมนษุ ย์ศกึ ษาคน้ ควา้ วิจัยจากธรรมชาติจนคิดวา่ รู้ และเข้าใจในสงิ่ นั้น อยา่ งถอ่ งแท้ สามารถสังเคราะหส์ ร้างสารนนั้ ขนึ้ มาทดแทน เร่ืองท่ี 3 สารและผลติ ภณั ฑ์ใ์ นชวี ิต สารเคมใี นชีวิตประจาำ วัน ใเนราชจวี ะิตตป้อระงจเกาำ ี่วยันวขเ้อรางจกะับตส้อางรเกห่ียลวาขย้อชงนกิดับสซาึ่งรมหีลลักายษชณนะิดแตซึ่งกมตีล่าักงษกณันะแตกตา่ งกัน สารทีใ่ ช้ในชีวติ ประจาำ วนั จะมีสารเคมีเปน็ องคป์ ระกอบ ซึ่งสามารถจาำ แนกเป็นสารสังเคราะหแ์ ละสารธรรมชาติ เรื่องที่ 4 การเลอื กใชส้ ารและผลติ ภัณฑ์์ในชวี ติ ทกุ ครวั เรอื นจาำ เปน็ ตอ้ งใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ต์ า่ ง ๆ ทม่ี สี ารเคมเี ปน็ สว่ นประกอบ ซง่ึ ไดแ้ ก่ ผลติ ภณั ฑ์ท์ าำ ความสะอาด หอ้ งน้าำ ผลิตภณั ฑ์ท์ ใ่ี ช้ในหอ้ งครัว ผลติ ภณั ฑ์ท์ ีใ่ ช้สว่ นบุคคล เร่ืองท่ี 5 ผลกระทบทเ่ี กิดจากการใช้สารและผลติ ภัณฑ์ต์ อ่ ชีวิตและสง่ิ แวดล้อม สิ่งแวดล้อมตา่ ง ๆ เชน่ นาำ้ อากาศ ดนิ เปน็ ตน้ มีความจาำ เป็นตอ่ การดาำ รงชวี ิตของมนษุ ย์ มนุษย์ จาำ เป็นตอ้ งใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติเหลา่ น้ี หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ไดศ้ ึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สือแบบเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 19 ระดับั มัธั ยมัศกึ ษาตอนต้น
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทท่ี 10 จงเลอื กคำาตอบท่ถี ูกตอ้ งทีส่ ุดเพียงคาำ ตอบเดียว 1. ในถ้วยกระเบอื้ งใบหนงึ่ มีของผสมคลุกเคลา้ กนั ประกอบด้วย เกลอื และผงถา่ น วิธกี ารในข้อใดเปน็ ข้ันตอนในการแยกสาร เพอ่ื ให้ไดส้ ารแต่ละชนิดทีบ่ รสิ ุทธ์ิ ก. การละลาย การกรอง การระเหยแห้ง ข. การหยบิ ออก การระเหดิ การละลาย ค. การร่อน การตกตะกอน การละลาย ง. การกรอง การละลาย การกลนั่ 2. การเกดิ ภาวะโลกร้อนทำาใหน้ ้ำาแขง็ บริเวณขวั้ โลกเกดิ การหลอมเหลว เป็นการเปลย่ี นแปลงของสารในขอ้ ใด ก. ตกตะกอน ข. เกิดสารใหม่ ค. เปล่ียนสถานะ ง. เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 3. วิธีการใดเหมาะสมทจ่ี ะใช้แยกของผสมระหวา่ งเศษอฐิ ก้อนเล็ก ๆ กับทรายออกจากกนั ก. การร่อน ข. การกรอง ค. การระเหิด ง. การระเหยแหง้ 4. ถ้าใชค้ วามเป็นกรด - เบสของสารเป็นเกณฑ์์ในการจดั กลมุ่ สารชดุ ใดต่อไปน้สี ามารถจัดใหอ้ ย่ใู นกลมุ่ เดียวกันได้ ก. แชมพูผงซกั ฟอก นำ้ายาล้างจาน ข. นำ้ามะนาว ผงซกั ฟอก นำ้าเชอื่ ม ค. นำา้ เชือ่ ม นำ้ายาลา้ งจาน นา้ำ มะนาว ง. ผงซักฟอก น้าำ เช่อื ม น้าำ ยาลา้ งจาน 5. ข้อใดเปน็ การปฏิบัติตนทไี่ ม่ถกู ต้องในการฉดี พน่ สารเคมกี าำ จัดศัตรพู ชื ก. ฉดี พน่ สารเคมีทวนลม ข. ไมค่ วรใช้มอื เปลา่ ขณะผสมสารเคมี ค. แต่งกายใหม้ ิดชิดขณะฉีดพ่นสารเคมี ง. ไม่กินอาหาร นำ้า หรอื สบู บุหรข่ี ณะผสมสารเคมี 6. ขอ้ ใดให้ความหมายของสารปรุงแตง่ ไดถ้ กู ตอ้ ง ก. สารพษิ ท่ีปนมากับอาหาร ข. สารเคมตี า่ งท่ใี ช้ปรงุ อาหาร ค. สีผสมอาหาร ง. สารปรงุ รสและวตั ถุเจือปนในอาหารทนี่ ำามาใช้ปรงุ แตง่ สี กลน่ิ รส 7.การแยกนา้ำ ทะเลโดยวธิ รี ะเหยแหง้ สุดท้ายได้ส่งิ ไใด ก. น้าำ ตาล ข. แป้ง ค. เกลือ ง. ทราย 8. สิ่งแรกทค่ี วรทำาก่อนใช้ผลติ ภัณฑ์ท์ ีม่ ีสารพษิ คือข้อใด ก. อ่านฉลากข้างผลติ ภัณฑ์์ ข. เขย่าขวดก่อนใช้ ค. ทดลองดมกลนิ่ ง. นำาไปผสมนำา้ 9. สารข้อใดไม่ใช่สารทาำ ความสะอาดรา่ งกาย ก. ยาสีฟนั ข. สบู่ ค. ผงซกั ฟอก ง. แชมพู 10.เราอาจตรวจพบสารใดตกค้างอยตู่ ามพชื ผกั ก. สารทำาความสะอาด ข. สารปรงุ แต่งอาหาร ค. สารกำาจัดแมลงในบ้าน ง. สารปราบศตั รพู ชื 20 รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มัธั ยมัศึกษาตอนตน้
บทท่ี 11 แรงและการใชป้ ระโยชน์ สรปุ เนือ้ หา 1 แรง คือ บทที่ 11 แรง เรื่องที่ แรง (Force) อำานาจอยา่ งแหรนง่ึงแท่ีกลระะกทาาำ รหใรชือป้ พรยะาโยยาชมกนร์ ะทาำ ตอ่ วตั ถใุ ห้เปล่ยี นสภาวะ เปน็ ปรมิ าณเวกเตอรแ์ ละมหี นว่ ยเปน็ นวิ ตนั ผลของแรงทาำ ใหว้ ตั ถเุ ปลยี่ นแปลง ไดแ้ ก่ เปลย่ี นรปู ทรงและเปลยี่ นสภาพ สกราุปรเเคนลือ้ อื่หนาเ1ปรท.รื่อ่ี ปมิเงชทารน่ ณิม่ี 1แากใรณนแางทรรเว(เงาFคกงoลเวตr่ือทิcอนeยรท)า์ ศ(เ่ีคVราอืว็eสขcอตtึ้นำารoนม์rกาปีาqจรรuอเิมaคยาnล่าณtือ่งiดtแหนy้วรนท)ยง่ึงี่ชเกแทปา้ นั ลก่ีลน็ งรปะดะบกรกังทิมนทาาาำารี้รทหณหใ่ีรชยท1อื ดุ้ป่มี1พนรีทยง่ิะ้งัาขโหยยนารชมอืาดเกนปแร์ ลละ่ยีทะนทาำ ทติศ่อิศทวทาัตงาถงเชุใหน่ ้เปนลำ้าย่ีหนนสกั ภแารวงะคแวรางมเรว็ สกคกคราา่าา่ รปุรขขเเเออคคนงงลลือ้โโอื่อื่มมหนนเเา21เปเมม21ปเเ221ทเทรปทรปร..น..รน...รื่อศิ่ือี่ื่อน็ี่น็ปปิมเปปมิตปโเโตงทงชงชปมปมารรทา์รรท์รทน่า่นหรณหเมิมิเรณมิิมมิี่ี่งมมี่มิ1มิแา2าาาโ2าาโขกาใกในนมาไมรณณไานณณนณอาแดาดโณตโงตณเเทรมมทงรสเมรม้จสเ้จส์ตท์ววเเโ(เเงาเนเเานาวเคFาเวกคมามกกวมกงกงกกกตoกตลมเลเนนวเลนวลลตมผเตผ์เr์่อืเือ่ทิ(ตลเทิ(ตตลตขcลอMลนขMลอนนอยา์eอยาม็์ารคม็คตรทoรoทราร)รรา์น์ณูนณู์์แศ(์์m่ีเ์แศ(m์่เีคม(Vาร(V(ราSลาขSลาขSือฬีว็eว็eeฬecสะ2ิcสอะcอิขcขกิncnaกิตมaอaตมงงtึ้นtนึ้ทาtltlาแรหloีำาแรหoีa)a)คaิศม์รน์มรrกนrหrกนหrคrางทงีปาปีาวq่ามqวqน่มาqทqทจารรยรรยuนาuาuu่ีมuงี่มเอิมเมิเAยเยaคaaคaปaาปายาAคาถnถnลnnลกnกนB็ณ่าน็ณงือึงึtt่ือttือ่รtงรBนiนiiiดผitมtผดนะtหtะนtวyิyวyิyล้วyจีมลท้วททนทต))ต))ย)ขยดุขจีำาำาี่ช่ึงนั่ีชเนเัเเกอเกอหกุดปกทปปป้าปา้ นังผันงับผหมบัลน็น็ก่ีล็นน็็นแแลลรงนุมรปรงปปดปรดปรขะขะะนุทงรกรงังรกรังรอยอยทททิมนมิที่ิมนามิมิางะFงะาำก่ีารก่ี้ีาาี่ร้ีาแาแททหFณหณรณหรณมรณร่วีะว่ีระยงยงแีททมททัดทัดทอืทททดุรุดี่มแีี่ม่ีมจม่ีพจ่มีาำาำาำงนาำนรทีีแาีทตาแีใตมีแใยิ่งง่ิงหกหกตั้งอ่ต้ังอ่ตาามขจว้หขจข่ว้หวกยข่วข่าตันุดตัุดตนันรตัรานรนกถฟอืาถะถฟมอืาถาาราดเุดทเเุดหุลักหเุดัละดปปปปแแอคาำรมทอคมอลลลลลทะลยรนุยรนาำุยยี่ย่ีย่ี่ียะทมัะ่า่ปีมัท่าไา่ไนนนทนงปทปมาำงมงลป่ีแเแทเตทิศเรศิารดาาดลปดปอิศ่อตทอยิศตทียยีายีลลบทวบงัคทาังวยา้ววงงฉัตฉงจาาจงาคเไาเถาไงดนุเดุงชเาชดชเดกกชุใชคคน่นน่แ้่นหแ้Aกก่น่นงงกกับเ้ทับอทBออปจ่น่นเแุณ่ีแเ่ีุณณุะซปลซปจา้ำำ้านนเง่ึหี่ยงึ่หลหะหลหกวเวเนย่ีเภรนยี่รภนิดภแแกยีนยีสนูมกัรูมโกัรมูิดกมกภรงริงิิโเแวปูเแวเปูเามววดวมดาร่า่รทวลทเลลังจงนังจงมะรารสาสาดุดุตนคงคงูตแูตฟอฟแอ์ตอแวตวรรรตัลลััตาลัลาตัาท์งรมะคมMรคะมMรวาเาเมัเาเมัเนปขรปเรเเร==รรว็(็มเลว็(ลFข็วFว็ว็ นยี่ยี่FuFม็uมนมานมllนxcxวฬcสววสิาrลrลภลSกิภuSuฬิาาmาmกิ พพา)) คา่ ของโมเมเท12รหน..ศิื่อมตโโทงมมา์ทาหเเยี่งมมา2เโขนหนมไอดโตเตตมมง้จต์ุท์ โเน:ามมาวกตมเนนใผม์หเ(เตขMลนข้น์็มค็มตoกั นณูน์mศมาาขึกฬีeฬ2ิอษิnิกิกงาทtาแา)คิศไรหดคางทมนศ้าทาานึก่ีมงAยษาAคถกาBงึือเรBพผมะลิม่ทีจมขเดุีจำาตอกหดุ ิมงบัหมจแรุนมราะนุทงกยททห่ี ะFก่ี ี่นทFรมงั ่ีวะสแีมัดทือรีแจาำงแราตมบงกอ่ามบจวกาุดเตัรรกฟถะียรทหุัลนะคมาำทรทรานุาำ มัยป่ีทไปวมลป่ี ชิราาลอาตยาวบงัคยทิฉจาคยาดุนากาคนศกAงาับทBจสแ่ี ซะตจนเงึ่ระกวเ์รเิดแ(กยีพรโิดกมงวโวเ2มดมา่ 1เังจนม0สดุตน0ูตฟต์1ตรลัา)์ทมคMวมัเนข=(ม็เFขนFuม็ าlนxcฬิาrSกิuฬิาmิกา) ท1ห.ิศมโทมาาเยงมเขนหอตตง์ตุ โ:มามเใมหเขน้น็มตักน์ ศมาึกฬี 2ิษกิ าทาคศิไดาทนศ้ ากึงAษคBาอื เพมมิ่จี ุดเตหมิ มจนุ าทก่ีหFนมังสีแือรงแมบาบกเรระยี ทนาำรทายปี่ วลิชาายวคทิ ายนาศAาจสะตเรก์ ิด(พโมวเ2ม1น0ต0ต์1า)มเข็มนาฬิิกา 2. โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิิกา คาน A B มจี ุดหมนุ ที่ F มแี รงมากระทาำ ทีป่ ลายคาน B จะเกิดโมเมนตท์ วนเขม็ นาฬิกิ า หมายเหตุ : ให้นักศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิม่ เตมิ จากหนังสือแบบเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 21 ระดับั มัธั ยมัศึกษาตอนต้น
แบบทดสอบท้ายบทเรียน บทท่ี 11 จงเลอื กคาำ ตอบทีถ่ ูกต้องท่สี ุดเพียงคาำ ตอบเดยี ว 1. ขอ้ ใดเป็นการตา้ นแรงดงึ ดดู ของโลก ก. ปนื ขนึ้ เขา ข. เดินลงบนั ได ค. กอ้ นหินค่อย ๆ จมลงในนำา้ ง. ลูกบอลกลิง้ ลงเนนิ 2. เหตุการณ์ใดไม่เกย่ี วข้องกับแรงโนม้ ถ่วง ก. ขั้นลอยนา้ำ ข. น้ำาไหลลงคลอง ค. ชงิ ช้าแกว่งไปมา ง. มะม่วงหลน่ จากตน้ 3. การกระทาำ ในขอ้ ใดที่ช่วยประหยัดพลงั งานไฟฟ้า ก. นดิ ใช้รีโมทปดิ -เปดิ โทรทศั น์ ข. หนอ่ ยเปดิ พัดลมระดบั แรงสดุ ค. หนุ่ยปดิ สวิตชไ์ ฟเม่อื ออกจากหอ้ ง ง. โหน่งเปิดวทิ ยุเบา ๆ เป็นเพอ่ื นแกเ้ หงาขณะอา่ นหนังสือ 4. สถานการณใ์ ดเกดิ จากการหักเหของแสง ก. ปาลม์ มองเห็นหนา้ เพ่ือนในกระจกเงา ข. ฝุ่า้ ย มองเห็นหน้าเพือ่ นกลบั ด้านในกระจกนูน ค. ติ�ม มองเห็นภาพเพือ่ นยืนกลับหัวในกระจกเว้า ง. สม้ มองเหน็ เพอื่ นทอ่ี ยูใ่ นสระว่ายน้ำามีลาำ ตวั สั้นกวา่ ความเปน็ จริง 5. ขอ้ ใดคอื พลังงานทดแทนทม่ี ีปรมิ าณมากและไมท่ ำาให้เกดิ มลภาวะ ก. พลงั งานนาำ้ ข. พลงั งานลม ค. พลังงานนวิ เคลียร์ ง. พลงั งานแสงอาทิตย์ 6.วัสดทุ ี่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นเรียกวา่ อะไร ก. ฉนวนไฟฟ้า ข. ตัวนาำ ไฟฟ้า ค. ตัวช่วยไฟฟ้า ง. ตวั ละลายไฟฟา้ 7. ถ้าใชว้ ัสดุในขอ้ ใดต่อเชื่อมกบั วงจรไฟฟา้ จะทาำ ใหห้ ลอดไฟสว่าง ก. เชือก ข. ดินสอ ค. หนงั ยาง ง. ช้อนโลหะ 8. ข้อใดเป็นส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย ก. เซลล์ไฟฟา้ สายไฟ หลอดไฟ ข. ออดไฟฟา้ มอเตอร์ หลอดไฟฟา้ ค. สายไฟ สวติ ซ์ไฟฟ้า เซลล์ไฟฟา้ ง. มอเตอร์ แบตเตอร่ี เซลล์ไฟฟ้า 9. อะไรเป็นสาเหตทุ ี่ทำาใหไ้ ฟฟ้าลัดวงจร ก. สายไฟมีฉนวนหุ้มวางใกล้กัน ข. สายไฟมฉี นวนหุม้ วางพาดกัน ค. สายไฟไม่มีฉนวนหุ้มวางใกล้กนั ง. สายไฟไม่มีฉนวนหมุ้ วางพาดกัน 10. เพราะเหตใุ ดสายไฟในบ้านจึงตอ้ งมีฉนวนหมุ้ ก. ทำาให้สายไฟทนทาน ข. ป้องกนั ไฟฟา้ ลดั วงจร ค. ทาำ ใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลไดม้ าก ง. ทำาใหส้ น้ิ เปลอื งกระแสไฟฟา้ น้อย 22 รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดัับมััธยมัศกึ ษาตอนตน้
บทท่ี 12 งานและพลังงาน สรุปเนือ้ หา เร่ืองท่ี 1 ความหมายของงานและพลงั งาน 1. งาน (work) คำาวา่ “งาน” อาจมีความหมายท่ีแตกตา่ งกันไป เชน่ คุณทาำ งานหรือยงั งานหนักไหมทำางานบ้านกันเถอะ เหล่าน้ี เป็นต้น แตก่ ารทำางานเหล่าน้ีในทางวทิ ยาศาสตรไ์ มถ่ อื ว่าเปน็ งาน การทาำ งาน ในทางวทิ ยาศาสตร์เปน็ งานทไี่ ดจ้ ากการ ออกแรงเพือ่ ทำาใหว้ ัตถเุ คลอื่ นที่ในทิศทางของแรงท่ีกระทำากบั วตั ถุนน้ั 2. พลงั งาน (Energy) ในชีวติ ประจาำ วันของเรามักไดย้ ินคำาวา่ พลังงานอยู่บอ่ ยๆ เช่น เราไดพ้ ลงั งานจากอาหาร เรื่องที่ 2 รูปของพลงั งานประเภทตา่ ง ๆ รูปแบบของพลงั งานจดั เปน็ 2 กลุ่ม คือ พลังงานทีท่ าำ งานได้ และพลังงานทีเ่ ก็บสะสมไว้ - พลังงานทเี่ ก็บสะสมไว้ เช่น พลังงานเคมี พลงั งานศกั ย์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ - พลงั งานที่ทาำ งานได้ คือ พลังงานทีไ่ ดจ้ ากกิจกรรมตา่ งๆ เชน่ พลังงานความรอ้ น เรื่องที่ 3 ไฟฟา้ พลงั งานไฟฟา้ เกดิ จากการเคลอ่ื นทขี่ องอเิ ลก็ ตรอนจากจดุ หนงึ่ ไปยงั อกี จดุ หนงึ่ ภายในตวั นาำ ไฟฟา้ การเคลอ่ื นที่ ของอิเล็กตรอน เรยี กวา่ กระแสไฟฟ้า เรื่องที่ 4 แสง แสงส่วนใหญ่ท่ีเราได้รับมาจากดวงอาทิตย์ เป็นแหล่งกำาเนิดแสงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่วนแสงจาก ดวงจันทร์ทเี่ ราเหน็ ในเวลาค่ำาคนื เป็นแสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบผิวดวงจันทร์ ฃ เร่ืองท่ี 5 พลังงานความรอ้ นและแหล่งกาำ เนิด แสงเป็นพลังงานรูปหนึ่งซึ่งไม่ต้องการท่ีอยู่ไม่มีน้าำ หนัก แต่สามารถทำางานได้ ในแสงอาทิตย์มีคลื่นรังสี หลายชนิดตามทไี่ ด้กล่าวมาแล้วในตอนต้น ประโยชน์ที่เราได้รับจากแสงอาทิตย์ มีอยู่ 2 สว่ น คอื ความรอ้ น และแสงสว่าง ในชีวิตประจำาวนั หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ไดศ้ กึ ษาเพิม่ เติมจากหนังสือแบบเรยี นรายวชิ าวิทยาศาสตร์ (พว21001) รายวิิชา วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 23 ระดับั มััธยมัศกึ ษาตอนต้น
แบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทท่ี 12 คำาช้ีแจง จงเลือกคาำ ตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพยี งคำาตอบเดยี ว 1. พลังงานในข้อใด จัดเปน็ พลงั งานสะอาด ก. พลงั งานจากถ่านหิน ข. พลงั งานแสงอาทิตย์ ค. พลังงานจากนำ้ามนั เชื้อเพลงิ ง. พลังงานชีวภาพ 2. ขอ้ ใด คือ องค์ประกอบของแสงอาทติ ย์ ก. ความร้อน ข. แสง ค. ฝุ่น�ุ ละออง ง. ขอ้ ก. และข้อ ข. ถกู 3. เซลลส์ ุรยิ ะ ทำาหน้าที่อยา่ งไร ก. เปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลังงานกล ข. เปลย่ี นพลังงานแสงอาทติ ย์ เปน็ พลงั งานกล ค. เปลีย่ นพลงั งานแสงอาทติ ย์ เป็นพลังงานไฟฟ้า ง. เปลี่ยนพลังงานกล เปน็ พลงั งานไฟฟา้ 4. อาชพี ใด ใช้ประโยชนจ์ ากแสงโดยตรง ก. ทำานาเกลือ ข. คา้ ขาย ค. ทาำ ประมง ง. เลี้ยงสัตว์ 5. ถ้าห้องเรียนมืด นักเรยี นควรทาำ ส่ิงใดเปน็ อันดบั แรก ก. เปดิ ไฟฟ้า ข. เปิดประตู หนา้ ต่าง ค. ก่อไฟ ง. ออกไปเรยี นนอกหอ้ ง 6.การแสดงในข้อใด เกยี่ วข้องกับแสงมากทส่ี ดุ ก. ลำาตัด ข. ฟ้อนรำา ค. เพลงบอก ง. หนังตะลุง 7. พชื ใช้แสงแดดปรงุ อาหาร -> สตั ว์กินพชื -> มนษุ ยก์ นิ สตั ว์ ข้อความนีแ้ สดงถงึ เรอื่ งใด ก. กฎธรรมชาติ ข. การแกแ้ คน้ ค. ความสมดลุ ง. การถา่ ยทอดพลังงาน 8. ข้อใด ไม่ ควรปฏิบัติ ก. เอานิ้วชีรุ้งกนิ นำา้ ข. เล่นเงาจากตะเกยี ง หรอื หลอดไฟ ค. จอ้ งมองดวงอาทติ ย์นาน ๆ ง. ทาครมี กนั แดด เมอ่ื ไปเที่ยวชายทะเล 9. พลังงานแสง สามารถเปลย่ี นเป็นพลงั งานรูปใดได้ ก. พลงั งานกล ข. พลังงานไฟฟ้า ค. พลังงานเสยี ง ง. พลังงานลม 10. ข้อใด กลา่ วถกู ตอ้ ง ก. พลังงานแสงอาทิตย์ ไม่สรา้ งมลภาวะ ข. ดวงอาทติ ยส์ ่งแสงเฉพาะกลางวนั เทา่ นนั้ ค. โลกเปน็ ดาวดวงเดียว ทแี่ สงอาทิตย์สอ่ งมาถึง ง. แสงอาทิตยฆ์ ่า่ เชอื้ โรคไม่ได้ 24 รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มัธั ยมัศึกษาตอนตน้
บทที่ 13 ดวงดาวกบั ชวี ิต สรปุ เนือ้ หา เรอ่ื งที่ 1 กลมุ่ ดาวจักรราศี ดาวฤกษ์ (Star) หมายถงึ ดาวซง่ึ มีแสงสว่างในตัวเอง ผลิตพลังงานได้เอง เรือ่ งที่ 2 การสังเกตตาำ แหน่งของดาวฤกษ์ แนวทท่ี อ้ งฟา้ สมั ผสั กบั พนื้ โลกรอบตวั เราวา่ “เสน้ ขอบฟา้ (Horizon)” ซง่ึ เปน็ เสมอื นเสน้ รอบวงบนพนื้ ราบ ท่ีมตี วั เราเป็นจุดศูนยก์ ลาง เร่ืองที่ 3 วธิ ีการหาดาวเหนือ “กลมุ่ ดาวหมใี หญ”่ (Ursa major) หรอื ทคี่ นไทย เราเรยี กวา่ “กลมุ่ ดาวจระเข”้ ดาวสองดวงแรกของกระบวย ตักนำา้ จะช้ไี ปยังดาวเหนอื เสมอ ไม่ว่าทรงกลมทอ้ งฟา้ จะหมุนไปอยา่ งไรก็ตามดาวเหนอื จะอยู่หา่ งออกไป 5 เท่าของระยะทาง ระหวา่ งดาวสองดวงแรกเสมอ เรอื่ งที่ 4 แผนทดี่ าว การอา่ นแผนทดี่ าวเปน็ จะทำาใหเ้ ราดูดาวหรอื กลุ่มดาวทปี่ รากฏบนท้องฟ้า ณ วัน – เวลาใด ได้อย่างถกู ต้อง กอ่ นอ่านแผนทด่ี าวเพือ่ เปรยี บเทย่ี บกบั ดาวทป่ี รากฏบนท้องฟา้ เรอ่ื งท่ี 5 การใช้ประโยชน์จากกลุ่มดาวฤกษ์ การศึกษาค้นคว้าทางด้านดาราศาสตร์สามารถให้ความรู้ ความเข้าใจธรรมชาติแก่เรามากขึ้นเสมอ ยิ่งมคี วามรมู้ ากขึ้นกย็ ่ิงมคี วามสงสัยมากขนึ้ หมายเหตุ : ใหน้ กั ศึกษา ได้ศึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สอื แบบเรยี นรายวชิ าวิทยาศาสตร์ (พว21001) รายวิชิ า วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) 25 ระดับั มััธยมัศกึ ษาตอนต้น
แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น บทท่ี 13 คาำ ชี้แจง จงเลอื กคำาตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สดุ เพยี งคำาตอบเดียว 1. กลุ่มดาวจกั รราศี แต่ละกลมุ่ มีความยาวของเสน้ ทางทีด่ วงอาทิตย์ผ่านบนท้องฟ้าประมาณ กอี่ งศา ก. 10 องศา ข. 20 องศา ค. 30 องศา ง. 40 องศา 2. เพระเหตุใดเราจึงเห็นดวงอาทติ ยเ์ คลือ่ นท่ผี า่ นกลมุ่ ดาวจักรราศี ก. ดวงอาทิตยโ์ คจรรอบโลก ข. โลกโจจรรอบดวงอาทติ ย์ ค. โลกหมุนรอบตวั เอง ง. กลุ่มดาวจักรราศีโคจรผ่านดวงอาทติ ย์ 3. กลุ่มดาวจักรราศที ่มี แี นวข้ึนและตกค่อนไปทางทศิ ใต้มากท่ีสดุ คอื กล่มุ ดาวใด ก. กลุ่มดาวคนยิงธนู ข. กลมุ่ ดาวปลา ค. กลุ่มดาวผหู้ ญงิ สาว ง. กลุ่มดาวคนคู่ 4. กลุ่มดาวจักรราศีท่มี ีแนวขึน้ และตกค่อนไปทางทิศเหนือมากท่สี ดุ คอื กลุ่มดาวใด ก. กลุ่มดาวคนยิงธนู ข. กลมุ่ ดาวปลา ค. กลมุ่ ดาวผู้หญงิ สาว ง. กลุ่มดาวคนคู่ 5. กลุ่มดาวจักรราศที ่ีปรากฏขึน้ และตก ณ ทศิ ตะวนั ออกและทศิ ตะวันตกคอื กลมุ่ ใด ก. กลุ่มดาวปลาและกลุม่ ดาวผู้หญงิ สาว ข. กลุม่ ดาวคนคูแ่ ละกลมุ่ ดาวคนยิงธนู ค. กลุ่มดาวปูและกลมุ่ ดาวมกร ง. กล่มุ ดาวสิงโตและกลมุ่ ดาวคนแบกหมอ้ น้าำ 6. ดวงอาทิตยจ์ ะเปลยี่ นตาำ แหนง่ บนทอ้ งฟ้าเทียบกับดาวฤกษ์วันละกอี่ งศา ก. 1 องศา ข. 10 องศา ค. 20 องศา ง. 30 องศา 7. เพราะเหตใุ ดเราจึงเหน็ ดาวขน้ึ และตก ก. ดวงอาทิตยโ์ คจรรอบโลก ข. โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ค. โลกหมนุ รอบตวั เอง ง. ดาวโคจรรอบโลก 8. เวลา 21.00 น. ของวันที่ 3 กนั ยายน เราจะเห็นกล่มุ ดาวจกั รราศีใดทางขอบฟ้าดา้ นตะวนั ออก ก. กลุ่มดาวคนยิงธนู ข. กลมุ่ ดาวมกร ค. กลุ่มดาวคนแบกหมอ้ น้าำ ง. กลุ่มดาวปลา 9.กลมุ่ ดาวใดต่อไปนี้ที่เราจะเห็นตลอดทง้ั คืนในฤดูร้อน ก. กลุ่มดาวนายพราน ข. กลมุ่ ดาวสนุ ัขใหญ่ ค. กลุม่ ดาวสุนขั เลก็ ง. กลุ่มดาวหงส์ 10. กล่มุ ดาวใดต่อไปนี้ทไี่ มใ่ ช่สมาชกิ ของสามเหลยี่ มฤดูหนาว ก. กลุ่มดาวนายพราน ข. กลมุ่ ดาวสุนขั ใหญ่ ค. กล่มุ ดาวสนุ ัขเล็ก ง. กลุ่มดาวหงส์ 26 รายวิิชา วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศึกษาตอนตน้
บทท่ี 14 กกเเสสหตหตกกไไนนเสเสชชสสฟฟววรรับับาาลลาารรืือ่่อรรฟฟรรุุปปา่่าญญออืืออแแมิิมมมอองงเเไไ้า้าดดหหเเใใมมนนเเมมา่่าฉฉขขหหเเลลเเาานนววืืออ้้่่พพรรา้า้้ด้ด่่งงกกลลหหรราากกาากกไูไูแแาาาาใใาาบัับะะมมำาำาชชททยยตตเเเเเเเเเเเเหเเววเเเเเเเเททเเเ่เ่รรรรรรรรรรรรรรรรรรเเรรรรตต้้ลลสััสรรีี่ทท่่ก่กนนสสม่ือ่อืืื่่ออืื่ออ่่ือ่ือออออืื่ื่ื่่อื่อ่ื่่ืื่ืื่อืื่อออออ่่ือ่ือาาวััวยยีีะะดดินิน้นน้ิิดดาาำำางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงยยบบเเงงออุุยไไไไททททททททททททททททททททททลลออ่อ่อมมาาฟฟฟฟรรุุปปเวว่ี่ี่ี่ีี่ี่่่ีีี่่ีี่ี่ี่่ี่ีีี่่่่ีีี่ี่ี่ียยีนนหแแีีคค้ออ้6677881199114421525133นนฟฟดดกก33กกไไ33212122ชชรโรรรโอรรอ1วว1ป21123ป3ก2121ก22กกดดททตววยยวว0011ฟฟ้ออ้ตตะะะะะะา้้า..รรงงาา))))))................าา่่าาาาาารรกกกกคคกกกกกวปวกปววขข112232311221ก2ก1าาลลนนุตตจจรรณณดดดดดดยยกกฟฟงงรรรรชชััววะะกกกกสสััสัสั:โโคคาาาาาาาาฎฎออววมมกกรรมมาาตตตตกกแแไไรรเเตตคคนนบับบัับัับบัสสออ่่ีีพพไไคไไฟคฟไไมมเเรรรรรรรร้้าาดดดดาาาาาาะะำาาำ์ท์ทงงดดรรฟฟาาคคขขลีีลแแออ่่ภภขข์์รรไไฟฟฟฟแแใ่อ่อรราาเเใใบบตตนนแแาำาำรรรรมมมีมีททททททววดีีดศศชชุุออเเอุุอตตวิวิรร((ฟฟนิินหออีใี่ใ่ิดิดแแักกัลลงงดดชชฟฟคคททตตภภงงVVยยททตตฟฟฟฟววััสสสสชช่่ออตตปปลลสสรรพััพ่่าาุปปุปปุุี่ี่่ีี่ี่ี่อ่่อดดบบงงรรษษสสะะฟฟงง้้เเ้นนินิววมมเเoo่งง่า้า้งง331221ไไขขทท่อ่อหิหิาาดดำำ้ใ้ใงงวว้้้้าาาางงคคงง่่ออ์์ลลโโปปววาานนััททเิเิกกกกบบฟฟมมาางงหหจจททักนนสสณณเเ้้าาีดีดllสสรรงงไไออออมมกกสสสสงงขขุุออาารรววนนงงปปออttสชใชสใยยนน็็รรรรไไออทท์์ฟฟออีีรรเเาาิิมมาาออ้้ศจจุุ่กกกกททววหหงงถถรรออืื))าารรจจหหออืื่่อองงปุปุฟฟะะปปเเณณณณววดดว่่วาาไไนน็็นนไไนนออยยาาาาไไฟฟรรงง่่าากึสสปปคคะะยยจจาาจจิติตรรปปใี่ี่ใงงฟฟม์์มงงฟฟขขหหบบ้้ทิทิมมกกยย็็ฟฟนนภภฟฟยยกกุุงงใใออไไชชปุปุไไงงกกรร์์เเท์ท์แแรรษดััดดดไไใใรรนนไไ้้น็น็าาออฏฏหหฟฟฟฟแแนนรรคคฟฟแแไไาารรยยรรชชททุุเเฟฟยัยัา้า้ฟฟปปฟฟุปปุเเ้ก้กบบัั้า้าไไกกสสกกนิิน่่ีีใใฟฟาจจสสออปปณณงงรริิกกมมบบบบิิตตกก้ด้ดรรฟฟาาดด่วว่ฟฟไไ้้ฟฟชช้า้าแแงง่ี่ีใใับบัเเฟฟฏฏกกฟฟ้าา้รรออาารระะใใถถ้้นนฟฟปปุุฟฟเเชช่ื่ืออาาศศปป็น็นยยสสแแ้ปป้ิิดดูสสูเเตตไบบัั้้ววใ้้ใลลฟฟ์ข์ขา้้าณณปป้าา้หหรรรรกกูปูปปุปุิบิบ้้าา้้าาปปตตใใรรดนนงง้้ททแแงงกกาาฟฟววยยรรบบ้าา้็็นนววไไตตงงิิออญััญออะะนนออแแณณหหน็็นแแ้้าาต้้ตาาททแแาา้้ออกกัตัตมมฟฟ็น็น์ทท์สส้ศรรดดัับบาาววรรยยาาัั้้งง้้าาออบบยยออยยแแลลรรงงี้ี้จจววบบนนบ้้บ่่ออหหVVบบงงรริิงงคคนนเเี่่ีทท์์ืออืตตณณงงึกไไงงีีใ่่ใแแฟฟจจงงออง่่งบบ่า่าปปบบุุงง่่าาาากกบบตตะะะะเเชชาาฟฟปปณณบบจจ,,ยยรรเเาาาา์์บบชชไไรรกกรรษ่ทีีท่ำำาาจจขขงงยยงงชชาา้้คครรส์์สกกมมนนิิฏฏสสนนัตัตา่่าบบดด้ใใ้กกิิใใรรมมEEาาลล์ส์สอองงฟฟนนงงรร่่าางงบบััววา้า้ททไไ์์่า่าาาำาำีีพพิิษษนนหหงงาำำาลลาารรออเิเิคคไไบบิิชชววดด้้เเาาขขทท่าา่่าา่ฟฟงงยยาาูู่่ออนนใใงงงงเหหววา้า้หหออปปฟฟ่เเ่ีีหหหหรร้้าากกทัทัสส้แแ้ืื่่ออนนรรจจงงพยยไไยย่าา่ววนนััยยๆๆนนจจตตััมีีมกกงงาาาาททนนฟฟกกุุบบนนปปุุงงตตฟฟเเ็น็นแแรรรราาฟฟำำาางงกกคคนนาาผผา่่าาากกททรรชชอีอีมิ่งิงิไไ็บบ็าาหหผผรรี่่เเีหห้้าาไไุุจจออืืรรัับบรรา้้าคคกกมมมมกกยยฟฟฟฟนน่ผ่ผำำาาาาหหกกูู้้ผผ้าา้ททนนปุุปพีีพเาามมฟฟออ็็ลลนน22ใใบบททกิกิลลาามมรรััญญตจจีี่ผ่ผนนสสคคู้รรู้กกลลิดิด้้าาฟฟนนงงลลกก่่ีีขขEEยยงงกกฟฟสสาาณณออีบบีป่ีี่ปขีขีำาำาบบััมิรูรู้้ง่่งดดาาไไลลแแววติติจจรรเเาาจจขขาาMMออ้า้าู่่ภภูรรออาาฟฟปปกกพพดดา้้าับบัดด้ออ้อ้้อณณจ่า่าบบ้้าาบบกักัยยไไ์์าานนไไำำาาณณงงยยตตาาาาดัดัฟฟFFแแดดไไ็็นนนนหหดดฟฟลลบบางงกกเเษษรรปปททบบ์์ไไเเยยชชไไฟฟดััดปปๆๆกกะะรรคคกออนนฟฟอ้อ้ชชีททีงังัฟฟกก““ววกกกิิกรร้้าาฟฟณณรรคคี่ี่ใใพีีพงงฟฟปปงง็็นัันนนหววยยงังัน่น่สสดดกิกิฟฟออดดาาาาาาี่คคี่าานนาามม้้ะะววววดดาาชชะะาารริิดด้้าารรรรไไ่าา่กกวว่่ออาานังังกกินนิ้้าา่่าาชชจจงงวว้้ววแแรรนนใในนััมมมมหหาา่่ตตเเงงไไนนเเรรนนสสบัับบใใจจาาหหเเังนน””ััตตุุรรไไชชดดมมททหหไไพีพีชชมมงงไหไหใ่่ใททลล่่ออฟฟจจส้ี้ีววใใรรมู้มู้สสฟฟกกออ่ืื่ตต้้ถถฟฟสสดดหหงัังไไตต้้ท่่าา้้จจลลหหีีปปนนออแแวัว่่ัติติททอืฟฟชชฟฟดีดีมมนนัังง่่ออรรุุาา้วว้ททฟฟอ้อ้้้กกฟฟ่่าาขขไไญญรรทซซดดบบืออืชชคคแำำาาววตตยยงัังฟฟยยนน้ี้ี้้าาปปา่า่ยยงงรร่ีี่จจา้า้ออะะ้า้าึง่่งึใใฟฟจจไ์์ไนนจจบบบมมออ่่ไไเ่่เี่คคใใะะเเจจถถ้าา้ำำาางงหหหหขขฟฟสสเเงงปปฟฟหหาาสส1หหกกกกููออ้ีี้เเบขขกกววแแเเาากููกออไไออทิทิททรร้ด้ดกกหหน็น็ปปมมันนัฟฟเเ้้าารรออนน4าาิดดิกกเสสฟฟกกเเิิือือววงงูไูไรธธกกคครรรรออืืกกมมออลลมม็็นนเเา้้าจจททาาไไมมคคลลววแแียรรภิภิอืือเเาาโโฟฟัับบววฟฟจจ็็กกีีดดเเนนแแาาคคา่่าหหีี่่าำำาเ่เ่าารรสสนนนสสตตรรตตาาดดััรรแแาาตตกกพพฟฟลลแแเเศศหหงงาา้้ลลเเตตนนโโาาพพมม็็รยีียปปัดัดกกหหดดซซรรกกดดะะบบลลบบัััพัพา้้ารร่ืื่ออมมดิดิา่ึ่งงึใใบบนนไไลล็็นนวว้้ออนนาาเเนันัไไยยอือืจจบบยไไนนททฟฟาาตตหห่่งงยยหหรรรรนนนนัั้้หหววปปตตีีททใใคครรวฝฝกกททั้งั้ง์ท์ทฟฟอ้อ้เเเเุุมมงงนนลลจจจจรร์์่่ยยถถชิคคววสสี่ี่ททาาำำงัังจจหห่ี่ีจจยยีี่ใใ่้าา้าาซซออืืผผททาาึึงงเเงัังาาแแใใาชชรรยยีีาำาำรรนนแแะะะะลลตตกกนน่่ออ่่ออาาคคมมวุุกกออืื่บบ้ใ้ใดดไไใใไไเเิดดิสสลลนนออ่อ่อแแนนมมกกีีมมหหทิผผัตตัพพฟฟยยงงกก่ง่งสสไไมมวว้้ดดปปหหเเมมททนนแแเเ่่สสททออ้้เเยุุคคฟฟิิดดยยฟฟขขขีีขตตกกกกคคซซออืืลลลลววออัังงาี่ีห่หตตาาททาาฟฟขข้า้าออ้้าาออดิิดัับบออยยมมศววาางง่่งงยยกกอ้้อมมนนึ้ึ้นนทท้้าาุุกกงงสสรรมมชชกกยยดดัักกมมงงาออาาไไววงงาางงึ่่ึสสไไ่่ีีาาแแ์์จจาากกีีา่่าดดำำาาสออไไมมาาแแตตปปุุตัตัใใดดมมมมมมยยาามมฟฟชชงงเเรราา้้ดดตีกีกพพอออ่อ่ถถ้้จจาากกนนกกาาไไััยยกกใ้้ใรรใใฟฟังังรขขกกยยสสฟฟุุะะคคออรรชชรรหหนนิดดิเเออนน22์า้า้าา้้่่าาเเคคณณาาถถตตปปุุทท้้งงฟฟ(ผผาากกุุปปกกงงวว้้ีีพงงยยาาลลตต้้ออกกชชกก์์ูู้้มมาาา้้า์์เเินนิมมาา่่กกนนออเเขขวื่ื่ออรรรรงงนนชชรรีีออปปใใไไาารรณณ2ปุปุววมม้า้าแแนนปปนนเเ่่าาิดิดปปาากกณณน็น็พพกกจจ1ลลีีแแกกงงห์ห์สสททออชชตต0สสับับออื่ื่เเ์แ์แะะหหรราานนกกีีพพขข่ี่ีดด้นน้0ออใใณณใใออตตยยลลงงึ่่ึฉฉออนนิิหหชช1บบไไุุปป่่ลลไไ่่งงนนชชน์์นงงปป้้หหสสกก้้ฟฟ)แแกกะะกกออ่่าาวว้นน้ััาายยาาลลหหชชลลำำาารริเเิงงนนยยังังรรลลออลลเเรรนนะะณณไไออสสไไนนงงฟฟดด็็กกออืืซซตตฟฟิิดดปปุุ่งง่ััดด์ไ์ไิิดดตตไไออฟฟอ่่อััดดฟฟใใกกววไไินนิฟฟพพนนรรปปุุมมมมัสสั้้าารรฟฟกกฟฟออลลณณกก่เ่เกกดดแแรร้้าา่่ออนนตต้้าาัังงาาซซรรุอุอ์ออ์ียียนนงงชชรรภภ้้ออณณมม่ืื่นนุปปุบบาาเเนนททงงาาไไชชกกนนนน์์ตตมมๆๆดดยยิิดดาาำำ่ื่ืออรรนนั้ั้ไไรรีีงงคคง้ง้ใใททฟฟมมโโณณงงนนาามมา่า่ดดวว่่ีีใใตตฟฟนนยยตตไไีีชช์์าายยยยฟฟอ่่อแแแแ้้าามมตตััวว้้แแงิิง่ กกตตฟฟลลลลนนจจรรชชสสันันงง่่ออะะะะะะาาำำาาำำ้้าางง หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ได้ศึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สอื แบบเรียนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (รพายวว2ิชิ 1า0วิิท0ย1า)ศาสตร์ (พวิ21001) 27 27 รายวิิชา วริทิะดยับัาศมัาัธสยตมัรศ์ ึก(พษวาิ2ต1อ0น0ต1้น) ระดัับมััธยมัศกึ ษาตอนต้น
แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น บทท่ี 14 จงเลือกคำาตอบท่ีถููกต้องท่สี ดุ เพยี งคาำ ตอบเดยี ว 1. หน่วยความตา้ นทางทางไฟฟ้าคอื ข้อใด ก. โวลต์ ข. โอห์ม ค. เฮุริ ์ตซ์ ง. แอมแปร 2. ข้อใดคอื หน่วยการวดั อัตราการไหลของไฟฟ้าทีผ่ ่านตัวนำา ก. โวลต์ ข. โอห์ม ค. เฮุริ ต์ ซ์ ง. แอมแปร 3. หากไมม่ สี ัญลักษณ์ จะเกดิ อะไรข้ึนในวงจรไฟฟา้ ก. กระแสไฟฟา้ ร่ัว ข. ไมม่ อี ะไรเกดิ ขึ้น ค. กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ง. กระแสไฟฟ้าไหลอยู่ในวงจรตลอดเวลา 4. การเดนิ สายไฟฟ้าภายในอาคารควรเลอื กใช้การเดินสายไฟฟา้ แบบใดทจ่ี ะประหยัดและงา่ ยต่อการดูแลรกั ษามากท่สี ดุ ก. การเดนิ สายไฟฟา้ แบบบนผนัง ข. การเดนิ สายไฟฟ้าแบบทอ่ สอด ค. การเดินสายไฟฟา้ แบบฝุ่ังในผนัง ง. การเดินสายไฟฟา้ แบบท่อฝุ่ังในผนงั 5. อปุ กรณไ์ ฟฟ้าชนิดใดทาำ หน้าทเี่ พ่ิมความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ก. ฟิวส์ ข. บลั ลาสต์ ค. สตาร์เตอร์ ง. มเิ ตอรไ์ ฟฟา้ 6. แอมมิเตอร์ (Ammeter) หมายถงึ อะไร ก. เครื่องวดั ทางไฟฟ้าชนิดหนง่ึ ใชว้ ดั ค่ากระแสไฟฟา้ ข. ใชว้ ัดค่าแรงดันไฟฟ้า ค. แรงดันไฟฟา้ ง. พลังงานไฟฟ้า 7. จากภาพเปน็ การต่อวงจรไฟฟา้ แบบใด ก. วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ข. วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม ค. วงจรไฟฟ้าแบบผสม ง. วงจรไฟฟา้ แบบลดั 8. อปุ กรณท์ ีท่ ำาหน้าท่ีป้องกนั ไมใ่ ห้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเขา้ มามากเกนิ ไป ถ้ามกี ระแสผา่ นมามากฟิวสจ์ ตดั วงจรไฟฟ้าโดยอตั โนมตั ิ ก. ฟิวส์ ข. สายไฟ ค. ถา่ น ง. แบตเตอร่ี 9.จากภาพเปน็ การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบใด ก. วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ข. วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม ค. วงจรไฟฟา้ แบบผสม ง. วงจรไฟฟ้าแบบลัด 10. พลังงานไฟฟ้าท่ใี ชไ้ ปในเวลา 1 วินาที มีหนว่ ยเป็นวตั ต์ (W) หรอื จูลตอ่ วนิ าที คอื ขอ้ ใด ก. กาำ ลงั ไฟฟ้า ข. โวลต์ ค. พลงั งานไฟฟ้า ง. ฟิวส์ 28 รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดัับมัธั ยมัศึกษาตอนต้น
แบบทดสอบหลังเรยี น คาำ ชี้แจง จงเลอื กคาำ ตอบท่ีถกู ต้องที่สุดเพยี งคำาตอบเดยี ว 1.แมวตัวหน่ึงกนิ นมกับปลาย่างและข้าวสวย ตัวที่ 2 กนิ ปลาทูกับขา้ วสวย 4 สปั ดาห์ต่อมาปรากฏวา่ แมวทงั้ สองตวั มนี ำ้าหนกั เพม่ิ ขึ้นเท่ากัน ปญั หาการทดลองคอื ขอ้ ใด ก. ปลาอะไรที่แมวชอบกิน ข. แมวชอบกนิ ปลาทหู รือปลายา่ ง ค. ชนิดของอาหารมผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตหรอื ไม่ ง. ปลาทูทำาให้แมวสองตวั น้ำาหนักเพมิ่ ขึ้นเทา่ กัน 2. จากปัญหา “ผงซักฟอกมีผลตอ่ การเจริญเติบโตของผกั กระเฉดหรือไม่”“สมมติฐาน ก่อนการทดลองคือข้อใด ก. ถา้ ใชผ้ งซักฟอก ฟอกเทลงในน้ำา ดงั นนั้ ผักกระเฉดจะเจริญเตบิ โตดี ข. พืชจะเจริญเติบโตดเี ม่อื ใสผ่ งซกั ฟอก ค. ผงซกั ฟอกมีสารทำาใหผ้ ักกระเฉดเจรญิ เตบิ โตดี ง. ผักกระเฉดจะเจรญิ เติบโตหรือไมถ่ ้าขาดผงซักฟอก 3. โครงงานวิทยาศาสตร์คืออะไร ก. แบบร่างทักษะในวิชาวทิ ยาศาสตร์ ข. การวิจยั เลก็ ๆ เรื่องใดเร่ืองหน่ึงในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ค. ธรรมชาติของวชิ าวิทยาศาสตร์ ง. ทฤษฎี 4. โครงงานวิทยาศาสตร์มีก่ีประเภท ก. 4 ประเภท ข. 5 ประเภท ค. 6 ประเภท ง. 7 ประเภท 5. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเรยี กเซลลเ์ ป็นคนแรก ก. นิวตัน ข. อรสิ โตเติล ค. โรเบริ ์ต ฮุุค ง. กาลิเลโอ 6. เซลล์พชื กับเซลล์สตั ว์ มีความแตกต่างกันอยา่ งไร ก. เซลล์พชื มีผนงั เซลล์ เซลล์สตั วไ์ ม่มผี นังเซลล์ ข. เซลล์พชื ไม่มผี นงั เซลล์ เซลลส์ ัตว์มีผนงั เซลล์ ค. เซลลพ์ ชื มีเยอื้ หมุ้ เซลล์ เซลลส์ ัตว์ไม่มเี ยอื้ หุ้มเซลล์ ง. เซลล์พชื ไมม่ ีเยอื้ หุ้มเซลล์ เซลลส์ ตั วม์ เี ยือ้ หุ้มเซลล์ 7. เปรยี บผนังเซลล์เปน็ สว่ นใดของร่างกาย ก. ผิวหนัง ข. ชั้นไขมัน ค. เส้นเลือด ง. หวั ใจ 8. ระบบนเิ วศหมายถึงอะไร ก. ความสมั พนั ธข์ องส่งิ มชี ีวติ ต่าง ๆ กับส่ิงแวดล้อมของส่งิ มชี ีวติ และมีการถา่ ยทอดไปตามลำาดับ ข. การกนิ กนั เปน็ ทอดๆ เร่มิ ตงั้ แตผ่ ผู้ ลิต ผบู้ รโิ ภคพืช ผบู้ รโิ ภคสัตว์ตามลาำ ดบั ค. ลกั ษณะการกินกันซบั ซอ้ นประกอบดว้ ยหว่ งโซอ่ าหารมากมาย ง. พลังงานจากแสงอาทิตย์ 9.โครงสร้างของโลกแบง่ เปน็ กช่ี นั้ ก. 2 ช้ัน ข. 3 ชน้ั ค. 4 ชัน้ ง. 5 ชัน้ 10. สว่ นใดทอ่ี ยชู่ ้ันนอกสดุ ของโลก ก. เปลอื กโลก ข. แกน่ โลก ค. แมนเทิล ง. ข้ัวโลก รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 29 ระดัับมััธยมัศึกษาตอนตน้
11. หนว่ ย1ค1ว.าหมนตว่า้ ยนคทวาางมทตาา้งนไฟทฟาน้างคทือางขไอ้ ฟใฟดา้ คอื ข้อใด ก. โวลต์ ก. โวลต์ ข. โอห์ม ข. โอหม์ ค. เฮุิร์ตซ์ค. เฮุิร์ตซ์ ง. แอมแปงร. แอมแปร 12. ทองเห1ล2อื. งทจอัดงเปหน็ลสือางรจปดั รเปะน็เภสทาใรดประเภทใด ก. ธาตุ ก. ธาตุ ข. สารปรขะก. สอาบรประกอบ ค. สารละคล.ายสารละลายง. สารเนอ้ื งผ. สสมารเนื้อผสม 13. อนุภา1ค3ท.ี่เอลน็กภุทาส่ี คดุ ทขเ่ีอลงก็ สทสสี่าดุรเขรอยี งกสวส่าาอระเไรรียกว่าอะไร ก. ธาตุ ก. ธาตุ ข. อะตอมข. อะตอม ค.โมเลกุลค.โมเลกลุ ง.สารประงก.สอาบรประกอบ 14. ข้อใดถ14ูก.ตขอ้ อ้งใดถกู ตอ้ ง ก. ในภาวะกป. ใกนตภิ ธาาวตะมุปีไกดตท้ ิ ้งัธา3ตมุสีไถดาท้นง้ัะ3 สถานะ ข. ธาตุสามข.ารธถาแตยสุ กามเปาน็รถอแงคยป์กเรปะน็กองบคยป์ อ่ รยะไกดอ้ บีกย่อยไดอ้ ีก ค. ธาตอุ าคจเ.ปธน็ าตสาุอราเจนเื้อปเน็ ดสียาวรกเันอื้ หเดรือียสวการันเนห้ือรผือสสมากรเไ็ นด้ือผสงม. กธาไ็ ดตุ้สองช. นธาิดตขุสนึ้ อไงปชมนาดิผขสน้ึมไกปนั มตาผอ้ สงไมดก้สนั ารตปอ้ รงะไดก้สอาบรเสปมระอกอบเสมอ 15. ขอ้ ใดก15ล.่าวขถ้องึใสดากรลล่าะวลถางึ ยสไาดรถ้ลูกะตลอ้ายงได้ถกู ต้อง ก. สารท่ีมกีเน. ือ้สสาราทรเมี่ หเี มนือ้ นสการันเตหลมอือดนทกุกันสต่วลนอดทุกส่วน ข. สารที่มขเี น. ือ้สสาราทรม่ี อีเนงดือ้ ใูสสาไรมมม่ อสี งกีดลูใสิน่ ไแมล่มะสี รีกสล่ินและรส ค. สารทีไ่ มคบ่. สรสิารุททธ่ีไิเกมิดบ่ จราสิ กุทสธาเิ กรบิดจริสากุทสธาิตร้ังบแรตสิ่ 2ุทธชิตนั้งดิ แผตส่ 2มกชันนิดผงส. มสากรันท่มี งจี .ุดสหาลรอทมม่ี เีจหดุ ลหวลตอำา่ กมวเห่าล1ว0ต0ำ่ากอวง่าศา1เซ00ลเซอียงศสาเซลเซยี ส 16. ในถ้วย1ก6.ระในเบถอ้ื ้วงยใกบรหะนเบึง่ อื้ มงขีใบอหงผนสึง่ มมคขี ลอกุ งเผคสลม้ากคันลุกปเคระลก้ากอันบดป้วรยะกเกอลบอื ดแว้ ลยะผเกงลถือา่ นแลวะธิ ผกี งาถร่าในขวอ้ ิธใีกดาเรปใน็ ขัน้อตใดอเนป็นขนั้ ตอน ในการแยกในสการาเรพแื่อยใกหส้ไาดรส้ เพาร่ือแใตห่ล้ไดะส้ชานริดแทตี่บ่ลระิสชุทนธดิ ์ิ ทบ่ี รสิ ุทธ์ิ ก. การละกล.ายกากราลระกลราอยงกกาารรกรระอเหงยกแาหรง้ระเหยแห้ง ข. การหยขบิ .อกอากรหกยาริบรอะอเหกิดกากรารระลเะหลิดายการละลาย ค. การร่อนค.กกาารรตรก่อตนะกาอรนตกตาระลกะอลนายการละลาย ง. การกรองง. กกาารรกลระอลงายกากราลระกลลาน่ั ย การกลนั่ 17. การเก1ดิ 7ภ. ากวาะรโเลกกดิ รภ้อานวทะโำาลใหกร้นอ้ ำ้านแขทง็ำาบใหรเิน้ วำา้ณแขว้ั็งบโลรกเิ วเกณดิ ขก้ัวาโรลหกลเกอิดมกเหารลหวลเอปมน็ เกหาลรวเปเลปย่ีน็ นกแาปรเลปงลขย่ี อนงแสปารลใงนขขออ้ งใสดารในข้อใด ก. ตกตะกกอ.นตกตะกอน ข. เกดิ สารขใ.หเมก่ดิ สารใหม่ ค. เปลี่ยนคส.ถเาปนละ่ียนสถานงะ. เกดิ ปฏิกง.ริ เิยกาดิ เคปมฏี ิกิรยิ าเคมี 18. ขอ้ ใดเ1ป8น็ . กขา้อรใตด้าเปนน็แรกงาดรงึตดา้ ูดนขแอรงดโลงึ กดดู ของโลก ก. ปืนขึน้ เกข.าปืนขึน้ เขา ข. เดนิ ลงบขนั. เไดนิ ลงบนั ได ค. กอ้ นหินคค. ่อกย้อนๆหจินมคล่องยในๆนจำา้ มลงงใ.นลนูกา้ำ บอลงก.ลลงิ้ กู ลบงเอนลินกล้ิงลงเนนิ 19. พลังง1าน9.ในพขล้องั ใงดานจใดั นเขปอ้ ็นใพดลจงั ดังาเปนน็สพะอลาังดงานสะอาด ก. พลงั งานก.จพากลถงั ่างนานหจินากถา่ นหิน ข. พลงั งานข.แพสงลอังางทานิตแยส์ งอาทติ ย์ ค. พลงั งานค.จพากลนังงำ้าามนนั จเชาื้อกเนพ้ำาลมงิ ันเชอื้ง.เพลงิั งานง.ชพวี ภลาังพงานชวี ภาพ 20. เพระเ2ห0ต.ุใเดพเราะจเหึงเตหุใน็ดเดรวางจอึงาเหทน็ิตดยวเ์ คงลอื่อาทนติทย่ผี ์เา่ คนลกอ่ื ลนุ่มทดผี่ าา่วนจกั ลรุม่ราดศาีวจักรราศี ก. ดวงอาทก.ิตดยว์โคงอจราทรอติ บยโ์ ลคกจรรอบขโล.โกโลลกกโโคจจขร.รอโลบกดโวจงจอรารทอติบยด์วงอาทิตย์ ค. โลกหมคนุ .รโอลบกตหวั มเอนุ งรอบตวั เอง ง. กลุ่มดางว.จกั ลรุ่มราดศาีโวคจจักรรผร่าานศดีโควจงอรผาทา่ นิตดยว์ งอาทติ ย์ 30 ราย3วิ0ิชา วิิทยารศาายสวิติชรา์ (วิพทิ วยิ2า1ศ0า0ส1ต)ร์ (พวิ21001) ระดับั มััธยมัศึกรษะดาัตบั อมันัธยตม้นัศกึ ษาตอนตน้
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. ข 2. ข 3. ค 4. ข 5. ข 6. ก 7. ก 8. ก 9.ข 10. ก 11. ข 12. ค 13. ข 14. ก 15. ก 16. ค 17. ก 18. ก 19. ข 20. ค เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 1 1. ข 2. ข 3. ง 4. ค 5. ค 6. ก 7. ข 8. ค 9. ก 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 2 1. ค 2 . ข 3 . ง 4. ข 5. ข 6. ง 7. ก 8. จ 9. ง 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 3 1. ข 2. ก 3. ค 4. ค 5. ค 6. ข 7. ข 8. ก 9. ค 10. ก เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 4 1. ก 2. ก 3. ค 4. ค 5. ข 6. ค 7. ข 8. ง 9. ง 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 5 1. ก 2. ข 3. ก 4 . ข 5. ค 6. ค 7. ก 8. ก 9. ง 10. ก เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 6 1.ข 2. ก 3. ค 4. ก 5. ค 6. ง 7. ก ค. ก 9. ง 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 7 1. ข 2. ค 3. ค 4. ค 5. ก 6. ง 7. ข 8.ก 9.ค 10.ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 8 1. ข 2. ก 3. ข 4. ค 5. ค 6. ค 7. ก 8. ค 9. ก 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 9 1. ก 2. ค 3. ก 4. ก 5. ค 6. ข 7. ข 8. ก 9. ก 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 10 1. ก 2. ข 3. ค 4. ง 5. ค 6. ข 7. ง 8. ค 9. ก 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 11 1. ก 2. ค 3. ค 4. ง 5. ง 6.ข 7.ง 8.ก 9.ง 10.ข เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 12 1. ข 2. ข 3. ค 4. ก 5. ข 6. ง 7. ง 8. ค 9. ข 10. ก เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 13 1. ค 2. ข. 3. ก 4. ง 5. ก 6. ก 7. ค 8. ง 9. ง 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทท่ี 14 1. ข 2. ง 3. ง 4. ก 5. ข 6.ก 7.ก 8.ก 9.ข 10.ก เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 1. ข 2. ข 3. ค 4. ข 5. ข 6. ก 7. ก 8. ก 9.ข 10. ก 11. ข 12. ค 13. ข 14. ก 15. ก 16. ค 17. ก 18. ก 19. ข 20. ค รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 31 ระดับั มััธยมัศกึ ษาตอนต้น
แบบบนั ทึกการพฒั นาทักษะวิชาการเพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธิ์ผเู้ รยี นรายบุคคล การทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน ระดับมธั ยมศกึ ษา ตอนต้น รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ พว21001 *********************** ชือ่ - สกลุ .......................................................................... รหสั นกั ศึกษา.............................................. กศน.ตาำ บล............................................ กศน.อำาเภอ........................................... จงั หวัดขอนแกน่ จากการท่ผี เู้ รียนไดศ้ กึ ษาเรียนรจู้ ากแบบเรยี น และสรปุ เนอ้ื หาจากบทเรยี น ตามเอกสารเล่มนีแ้ ล้ว ผู้เรียนสามารถ ทราบได้วา่ ทำาแบบทดสอบในบทเรยี นตา่ ง ๆ ถกู ตอ้ งจำานวนกี่ขอ้ โดยการบันทึกในแบบบนั ทึกการพฒั นาทักษะวชิ าการผเู้ รียน รายบคุ คล ดังน้ี ท่ีที่ แบบประเแมบินบประคเะมแนิ น นเต็ม คคะะแแนนนทเไี่ ตดม็้ ผลกคาะรแปนรนะทเีม่ไินด ้ ผลการประเมนิ 11 แบบแทบดบสทอดบสกออ่บนกเ่อรนียนเรียน2 0 20 22 แบบแทบดบสทอดบสหอลบงัหเรลียังนเรียน2 0 20 เเมกณ่อื ทฑ์าำ ก์ แาบรบปทระดเสมอินบผกล่อกนาเรรพียัฒนนแาลแะบแบบแทบบเกดทบณทสดฑดอสสก์ บออารกบบปกอ่หร่อนะลนเเมงัเรรเินียยีรผนยีนลแนแกลาละรหซะพลึ่งหัฒังมเลนรแี าียงั บนเรบยี ทนดสอบ 20 ขอ้ ผู้เรยี นสามารถทราบไดว้ า่ มี ความรู้อเมยื่อูใ่ทนำ�แรบะบดทับดสใอดบกดอ่ นังเนรีี้ ยน และแบบทดสอบหลังเรียน ซง่ึ มแี บบทดสอบ 20 ขอ้ ผู้เรียนสามารถทราบได้ว่ามีความรอู้ ยู่ในระดบั ใด ดงั นี้ จาำ จน�ำวนวขน้อขสอ้ บสทอบผี่ เู้ทรี่ผยี นเู้ รทยี ำานถทูกำ�ตถอ้ กู งตออ้ ยงู่ใ น ระดบั อยหู่ในมราะยดเหบั ต ุ หมายเหตุ 18 - 20 ข1อ้ 8 ด-มี 2า0ก ข้อ ดมี าก 16 - 17 ขอ้ 16 -ด1ี 7 ขอ้ ดี 14 - 15 ข้อ14 -ป1า5นกลขา้อง ปานกลาง 10 - 13 ข้อ10 -พ1อ3ใช้ ข้อ ตำา่ กวา่ 10ต่ำำ��กขว้อ่่าคว1ร0ปรบัข้อ้ป รุง พอใช ้ ควรปรัับปรุุง หมายเหตุ : ผลจากการประเมิน ผเู้ รยี นสามารถนาำ ไปปรบั ปรุงตนเองเพอื่ ใหเ้ กิดการพฒั นาต่อไป 32 รายวิิชา วิทิ ยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดัับมัธั ยมัศกึ ษาตอนต้น
แบบบนั ทึกการพัฒนาทักษะวิชาการเพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธ์ิผเู้ รียนรายบคุ คล แบบบนั ทกึ การพัฒนาทักษแะบวบิชทาดกสาอรเบพทอื่ า้ ยยกบรทะเดรับียผนลสมั ฤทธผิ์ เู้ รียนรายบคุ คล รแะบดบั ทมดัธสยมอบศกึทษ้ายาบตทอเนรียตน้ รายวระชิ ดาับวมทิ ธั ยยามศศากึ สษตาร์ ตพอวน2ต1้น001 รายว*ชิ**า**ว*ิท**ย*า*ศ**า*ส*ต**ร*์ พ**ว**2**1001 *********************** ชือ่ - สกลุ .......................................................................... รหสั นักศกึ ษา.............................................. กชศื่อน-.ตสำากบุลล................................................ก..ศ..น....อ..าำ..เ..ภ..อ............ร..ห..สั...น..ัก...ศ..ึก...ษ..า................จ..ัง..ห...ว..ัด..ข...อ..น...แ..ก..่น......... กศน.ตำาบล............................................ กศน.อาำ เภอ........................................... จงั หวดั ขอนแก่น จากการทผี่ ู้เรยี นไดศ้ กึ ษาเรยี นรจู้ ากแบบเรียน และสรปุ เนอื้ หาจากบทเรียน ตามเอกสารเลม่ นี้แล้ว ผู้เรยี นสามารถ ทราบไดว้ า่ จทาาำ กแกบาบรทดผ่ี ส้เู รอยี บนใไนดบ้ศทกึ เษราียเนรียตน่างรู้จๆาถกกูแตบอ้ บงเจรียาำ นวแนลกะีข่ สอ้ รโุปดเยนกอื้ าหราบจันากทบกึ ทในเรแียบนบบตานั มทเกึอกาสราพรเัฒลน่มานทแี้ ักลษ้วะผวชิู้เรายี กนาสราผมเู้ ราียรนถ รทารยาบคุไดค้วล่าทดำางั แนบ้ี บทดสอบในบทเรยี นต่าง ๆ ถกู ตอ้ งจาำ นวนกีข่ อ้ โดยการบันทึกในแบบบันทึกการพฒั นาทกั ษะวชิ าการผเู้ รียน รายบคุ คลททด่ี ี่งั น้ี แบบแทบดบสทอดบสทอ้าบยบททา้ ยเรบยี ทนเรคียะนแนนเต็มคะแนคนะเตแ็มน นทีไ่คด้ ะแนนผทลีกไ่ าดร ้ ประเมผนิ ลการประเมิน 8971เ6511114321ท7435181296ก111119876314205432142130ี่ ณ43210 ฑ์ก์ บบบบบบบบบบบบบบแบาบททททททททททททททรทปบทททททททททททททททรท่่ี่ี่ี่ีีี่ี่่ี่่ี่่ี่ี่ีีี่ี 17628341159111ะ3614957182ด01324เ02143มส111111111111111อนิ 000000000000000บผบบบบบบบบบบบบบบลทททททททททททททททก้าททททททททททททททยาีีีีีีีีีีีีีีรบ่่่่่่่่่่่่่่ 11111987654321พท43210 ัฒเ รนียานแคบะบแทนดนสเตอ็มบทา้ ย1111111111111บ1ค00000000000000ท ะ เ ร แยีนนนทไี่ ด้ ผลการประเมิน เกณฑ์ก์ าเมรือ่ปทระำาเแมบนิ บผทเลกดกณสาอฑรพบก์ ทัฒาา้รนยปาบรแทะบเเมรบยีินทนผดใลนสกอแาบตรล่ทพะา้ ัฒบยบนททเารเียแรนียบนบซทึ่งมดแี สบอบบททดา้ สยอบบทบเรทยี ลนะ 10 ขอ้ ผเู้ รยี นสามารถทราบได้ ว่ามีความรเมู้ออ่ืยทู่ใน�ำ รแะบเดมบับือ่ ททใดดำาสแอดบบงับนทที้า้ ดยสบอทบเทรีา้ ยยนบในทแเรตยี่ลนะใบนทแเตรี่ลยะนบซทง่ึ เมรแียบนบซทง่ึ ดมสีแอบบบททดลสะอบ1บ0ทขลอ้ ะ 1ผ0ู้เรขียอ้ นสผามเู้ รายี รนถสทารมาาบรไถดทว้ ร่าาบได้ วา่มมีคีคววาามมรรู้อจู้อยำายู่ในนใู่ วนรนระขะด้อดับสบั ใอดใดบทดดผ่ีงั งันู้เีรน้ ยี ้ี นทำาถูกตอ้ ง อยูใ่ นระดบั หมายเหตุ 9จาำ น- ว1น0ขอ้ ขส้ออจบำ�นทดว่ผี ีมน้เู ราขยีก้อนสทอาำ บถูกที่ตผ้อ้เู รงียอนยทู่ใน�ำ ถระกู ดตบั้อง หมอายยใู่เหนตรุะดบั หมายเหตุ 687ตห9876ตห่าำา่ำมมกกขขข า-ขาววย้ออ้้อยอ้1่า่าเเ0หหดปพดปพ ต6ต6ีีาอาอขุุนนใใ::้อชชขขกก ผผ้้อ้อลลลลตาาจจงคงดคาา่วมีวกกรรากกำปปก9าารรร�ำ �ับบั768ปกป-ปปวรร1่ะา่ขขขระร0งุเงุเ้ออ้อ้ มม6 ินขนิ ้อขผ ผ ้อ้เู้เู้ รร ียียนน สสาามม าารรถถนนาำำาไไปปปปครรวปบัับราปปดปพนรีมรรดอกังุุงาบั ีใตตล กชปนนา ้ รงเเุองุ อ งงเเพพอื่อ่ื ใใหห้เเ้ กกดิดิ กกาารรพพฒัฒั นนาาตตอ่่อไไปป หมายเหตุ : ผลจากการประเมนิ ผูเ้ รียนสามารถน�ำ ไปปรบั ปรงุ ตนเองเพ่ือให้เกริดากยวาิิชราพวิทิฒั ยานศาาสตตอ่ รไ์ (ปพวิ21001) 33 รายวิิชา วริทิะดยับัามศัธัาสยตมัรศ์กึ(พษาวิต21อ0น0ต1น้ ) 33 ระดัับมััธยมัศึกษาตอนตน้
บรรณานุกรม - จรรยา จริ ชีวะ. (2561). หนงั สอื เรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์ (พว21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ . กรุงเทพฯ : บริษทั เจ.ด.ี แอสโซซิเอท จำากดั . - หนงั สอื เรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาตร์ (พว21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://203.159.251.144/ pattana/download/g.6/15.%20sarup%2051/11..pdf สืบค้นวนั ท่ี 25 มกราคม 2564. - หนงั สอื เรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาตร์ (พว21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://203.159.251.144/ pattana/download/g.6/g6.1%20%20book%2042/11.%20sc%2021001.pdfสืบค้นวนั ที่ 25 มกราคม 2564. - แน่งนอ้ ย คุม้ ทรพั ย.์ (2561). หนงั สอื เรยี นสาระความรู้พน้ื ฐาน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น. กรุงเทพฯ : บริษัท เจ.ดี.แอสโซซิเอท จาำ กดั . 34 รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดัับมัธั ยมัศกึ ษาตอนตน้
ทปี่ รกึ ษา คณะผู้จัดทาำ 1. นายถาวร พลีดี 2. พ.อ.อ. กฤชพล พรมลี ผูอ้ ำานวยการสาำ นักงาน กศน.จังหวดั ขอนแก่น 3. ผูอ้ ำานวยการ กศน.อำาเภอ รองผอู้ าำ นวยการสาำ นกั งาน กศน.จงั หวัดขอนแกน่ สงั กัดสำานักงาน กศน.จังหวดั ขอนแกน่ คณะทาำ งาน ผู้อาำ นวยการ กศน.อาำ เภอบา้ นแฮุด 1. นางสาววภิ า ทาโบราณ ผอู้ ำานวยการ กศน.อาำ เภอซำาสูง 2. นางปารชิ าติ เพช็ รแก่น ครูชาำ นาญการพเิ ศษ 3. นางวไิ ลพร บรู ณ์เจรญิ ครูชาำ นาญการ 4. นางทพิ วรรณ แสงตะวัน ครูชำานาญการ 5. นางสาวอมรรัตน์ ราชจันดี ครผู ูช้ ว่ ย 6. นายถาวร เก้ือหนุน ครผู ชู้ ว่ ย 7. นางจันทิมา สาลาด ครผู ูช้ ่วย 8. นางสาวกัญญาณัฐ บรรจง ครูผูช้ ว่ ย 9. นางอนงคพ์ ร ชาโรสรส ครผู ู้ช่วย 10. นางสาวสวิ าลยั พลขอนแกน่ ครูผชู้ ่วย 11. นายคมกฤษฎ์ิ ไชยเต็ม ครผู ชู้ ่วย 12. นางสาวประภสั สร ฤทธริ ณ ครูผูช้ ว่ ย 13. นายธีระวฒั น์ เหิมสารจอด ครผู ชู้ ่วย 14. นางสาวศิรินนั ท์ อนิ กกผึ้ง ครูผชู้ ่วย 15. นางสุดคะนงึ จดแตง ครผู ู้ชว่ ย 16. นางสาวกนกวรรณ สุเพ็งคาำ ครูผู้ช่วย 17. นายสมพร เพยี จันทร์ ครผู ชู้ ่วย 18. นางสาวฐภิ าภรณ์ แสนจันแดง รองผอู้ าำ นวยการสาำ นกั งาน กศน.จังหวัดขอนแก่น ผู้อาำ นวยการ กศน.อาำ เภอบ้านแฮุด บรรณาธิการ ผูอ้ าำ นวยการ กศน.อาำ เภอบา้ นฝุ่าง 1. พ.อ.อ. กฤชพล พรมลี ผ้อู ำานวยการ กศน.อำาเภอซาำ สูง 2. นางสาววิภา ทาโบราณ นกั จดั การงานทว่ั ไป 3. นางสาวนรุ ตั วรกฎ นักวิชาการศกึ ษา 4. นางปาริชาติ เพ็ชรแกน่ นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผน นกั วชิ าการศกึ ษา คาำ พมิ พ์/รปู เล่ม 1. นายธนกฤต โคตรภักดี 2. นางวนั เพญ็ ผานาค 3. นางสาวยลดา พุทธสอน 4. นายธีรวัฒน์ ถมหนวด รายวิิชา วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) 35 ระดับั มัธั ยมัศกึ ษาตอนต้น
36 รายวิชิ า วิิทยาศาสตร์ (พวิ21001) ระดับั มัธั ยมัศึกษาตอนต้น
เอกสารพััฒนาทัักษะวิชิ าการ เพัอ่� ยกระดัับผลสัมฤทัธิ์ิผ� เ้� รยี นรายบคุ คล ระดับั มธั ิ์ยมศึึกษาตอนตน� รายวิชิ า วิิชาสงั คมศึกึ ษา สค21001 หลกั ส้ตรการศึึกษานอกระบบระดัับการศึกึ ษาขั้ัน� พั่น� ฐาน พัทุ ัธิ์ศึกั ราช 2551 สาำ นกั งานสง่ เสรมิ การศึกึ ษานอกระบบและการศึึกษาตามอธั ิ์ยาศึยั จังั หวิดั ัขั้อนแกน่ สาำ นกั งานส่งเสรมิ การศึึกษานอกระบบและการศึึกษาตามอธั ิ์ยาศึัย สาำ นักงานปลัดักระทัรวิงศึึกษาธิ์ิการ กระทัรวิงศึกึ ษาธิ์กิ าร
คาำ นำา เอกสารพัฒั นาทักั ษะวิิชาการเพั่�อยกระดัับผลสมั ฤทัธิ์�ิผ้เ� รียนรายบคุ คล เลม่ น �ี เป็็นเอกสารทัจ�ี ััดัทัาำ ขึ้น�้ โดัยมี วิตั ถุปุ ็ระสงคเ์ พัอ�่ ให้ผ� เ�้ รยี นไดัศ� ึก้ ษาเรยี นรด�้ ัว� ิยตนเอง ให้เ� กดิ ัการพัฒั นาทักั ษะทัางวิชิ าการและยกระดับั ผลสมั ฤทัธิ์ทิ� ัางการเรยี น ในการเรยี นรต�้ ามห้ลกั สต้ รการศึก้ ษานอกระบบระดับั การศึก้ ษาขึ้น�ั พัน�่ ฐาน พัทุ ัธิ์ศึกั ราช 2551เป็น็ การพัฒั นาตอ่ เนอ�่ งจัากเอกสาร พััฒนาทัักษะวิิชาการรายบุคคล มีรายละเอียดัสรุป็เน�่อห้าตามรายวิิชา สังคมศึ้กษา สค21001 ระดัับมัธิ์ยมศึ้กษาตอนต�น แบบทัดัสอบห้ลังเรียนและแบบบันทัก้ การพััฒนาทัักษะวิชิ าการผ้เ� รยี นรายบุคคล เพั่อ� ให้�ผ้เ� รียนไดัป� ็ระเมินและพัฒั นาตนเอง อยา่ งตอ่ เนอ่� งให้ม� พี ัน�่ ฐานควิามรเ้� พัยี งพัอกบั การศึก้ ษาตามระดับั และมคี วิามรเ�้ พัมิ� เตมิ ในการนำาไป็พัฒั นาทักั ษะทัางวิชิ าการให้� มผี ลสัมฤทัธิ์�ิทัางการเรยี นทัีส� ้งขึ้�้น คณะผจ้� ัดั ัทัำา ห้วิงั เป็น็ อยา่ งยงิ� วิา่ เอกสารเลม่ นจี� ัะเป็น็ ป็ระโยชนต์ อ่ นกั ศึก้ ษา ในการศึก้ ษาเรยี นรต้� ามห้ลกั สต้ ร การศึ้กษานอกระบบระดัับการศึ้กษาขึ้ั�นพั่�นฐาน พัุทัธิ์ศึักราช 2551 และขึ้อขึ้อบคุณทัุกทั่านทัี�มีส่วินร่วิมในการทัำาเอกสาร เล่มนใ�ี ห้ส� ำาเร็จั ลุล่วิงดั�วิยดัี สาำ นกั งาน กศึน.จังั ห้วิัดัขึ้อนแกน่
สารบัญ คาำ นำา หนา� สารบัญ คาำ ชีแ� จังการใชเ� อกสารพััฒนาทักั ษะวิชิ าการเพัอ่� ยกระดัับผลสัมฤทัธิ์ผ�ิ ้เ� รียนรายบคุ คลบคุ คล 1 โครงสรา� งการเรียนร้ด� ัว� ิยตนเอง 1 ขั้อบขั้่ายเน่�อหา 9 แบบทัดัสอบกอ่ นเรยี น 11 บทัทั�ี 1 ภู้มศิ ึาสตร์กายภูาพัทัวิปี เอเชีย 11 สรุป็เน่�อห้า 16 แบบทัดัสอบทัา� ยบทัเรียน 17 บทัทั�ี 2 ประวิตั ิศึาสตร์ทัวิีปเอเชยี 17 สรุป็เน่�อห้า 22 แบบทัดัสอบทัา� ยบทัเรียน 23 บทัทั�ี 3 เศึรษฐศึาสตร์ 23 สรุป็เนอ่� ห้า 27 แบบทัดัสอบทั�ายบทัเรียน 29 บทัทั�ี 4 การเม่องการปกครอง 31 สรุป็เนอ่� ห้า 32 แบบทัดัสอบทั�ายบทัเรยี น 33 แบบทัดัสอบหลังเรียน 35 เฉลยแบบทัดัสอบ แบบบันทักึ การพััฒนาทักั ษะวิิชาการเพั�อ่ ยกระดับั ผลสัมฤทัธิ์�ิผ�เ้ รียนรายบุคคล แบบทัดัสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น เกณฑ์ก์ ารประเมนิ ผลการพััฒนา การทัดัสอบก่อนเรียนและหลังเรียน แบบบันทัึกการพัฒั นาทัักษะวิชิ าการเพัอ�่ ยกระดับั ผลสัมฤทัธิ์�ิผเ�้ รยี นรายบคุ คล แบบทัดัสอบทั�ายบทัเรียน บรรณานุกรม คณะผ�จ้ ััดั
คาำ ชี�แจังการใชเ� อกสารพััฒนาทัักษะวิชิ าการเพั่อ� ยกระดัับผลสมั ฤทัธิ์�ผิ �เ้ รียนรายบุคคล ระดัับมธั ิ์ยมศึึกษาตอนตน� รายวิิชา สงั คมศึกึ ษา สค21001 เอกสารพััฒนาทักั ษะวิชิ าการเพัอ่� ยกระดัับผลสมั ฤทัธิ์ผ�ิ ้เ� รยี นรายบุคคล ระดับั มัธิ์ยมศึก้ ษาตอนต�น รายวิชิ า สงั คมศึก้ ษา สค21001 เล่มน ี� จัดั ัทัำาขึ้�้นเพั่อ� พัฒั นาผ�เ้ รยี น ให้ม� คี วิามร้ค� วิามสามารถุทัางดัา� นวิชิ าการในรายวิิชาบงั คบั ตาม ห้ลักส้ตรการศึก้ ษานอกระบบระดัับการศึก้ ษาขึ้ั�นพั�่นฐาน พัทุ ัธิ์ศึักราช 2551 ในการศึ้กษาเอกสารเล่มนผ�ี ้เ� รยี นควิรป็ฏิบิ ตั ิ ดัังน�ี 1. ผ้เ� รียนสาำ รวิจัรายวิชิ าทัีต� นเองลงทัะเบยี นเรียนในรายวิิชา สงั คมศึ้กษา รห้ัส สค21001 2. ผเ้� รยี นศึก้ ษารายละเอียดัวิา่ ตอ� งเรยี นรเ�้ น่อ� ห้าในเร�่องใดับ�างในรายวิชิ าน�ี 3. ทัำาแบบทัดัสอบก่อนเรียน เพั�่อทัราบพัน�่ ฐานควิามร้เ� ดัมิ ขึ้องผ�้เรยี น โดัยตรวิจัสอบคำาตอบจัากเฉลย แบบทัดัสอบกอ่ นเรียนทั�ายเล่ม 4. ศึก้ ษาเนอ�่ ห้าสาระในแตล่ ะบทัเรยี นให้เ� ขึ้า� ใจั และทัำาแบบทัดัสอบทัา� ยบทัเรยี น ผเ�้ รยี นสามารถุตรวิจั สอบคำาตอบไดัจ� ัากเฉลยทั�ายเลม่ 5. เมอ�่ ศึก้ ษาเนอ่� ห้าสาระครบทักุ บทัเรยี นแลว� ิ ให้ผ� เ�้ รยี นทัำาแบบทัดัสอบห้ลงั เรยี นและตรวิจัคาำ ตอบจัาก เฉลยทั�ายเล่ม ผ�เ้ รยี นควิรทัาำ แบบทัดัสอบห้ลังเรียนให้�ไดั�คะแนนมากกวิ่าแบบทัดัสอบกอ่ นเรยี น 6. ให้�ผ�เ้ รียนบันทัก้ คะแนนผลการทัดัสอบรายวิิชาสังคมศึ้กษา สค21001 ในแบบบันทั้กการพััฒนา ทัักษะวิิชาการผ้�เรยี นรายบุคคล (อยท่้ ัา� ยเลม่ ) เพัอ่� เป็็นแนวิทัางในการพัฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เน�่อง 7. ให้ผ� �เ้ รียนศึก้ ษาเพัิม� เติมไดั�จัากแบบเรียนรายวิิชา สังคมศึ้กษา สค21001 ระดัับมัธิ์ยมศึก้ ษาตอนต�น ตามห้ลกั สต้ รการศึก้ ษานอกระบบระดัับการศึก้ ษาขึ้ั�นพัน�่ ฐาน พัทุ ัธิ์ศึกั ราช 2551 และส่อ� ออนไลน์อ่�น ๆ
โครงสร�างรายวิิชาสังคมศึกึ ษา สค21001 ระดับั มัธิ์ยมศึึกษาตอนตน� สาระสาำ คญั การศึก้ ษาเรยี นรเ�้ กยี� วิกบั ควิามเป็ลย�ี นแป็ลงขึ้องสง�ิ แวิดัลอ� มทัางกายภาพัทัง�ั ขึ้องป็ระเทัศึไทัย และทัวิปี ็เอเชยี วิวิ ิฒั นา การควิามสัมพัันธิ์์ขึ้องมนุษย์กับส�ิงแวิดัล�อม การจััดัการทัรัพัยากรทั�ีมีอย้่อย่าง จัำากัดั เพั�่อให้�ใช�อย่างเพัียงพัอในการผลิตและ บรโิ ภค การใชข� ึ้�อมล้ ทัางป็ระวิตั ิศึาสตร์เพั�อ่ วิเิ คราะห้์ เห้ตุการณ์ในอนาคต การเรยี นร้�เร่�องการเมอ่ งการป็กครอง สามารถุนำา ไป็ใชป� ็ระโยชน์ในการดัำาเนนิ ชวี ิิตป็ระจัำาวินั ไดั ผลการเรียนรท้� ั�คี าดัห้วิัง 1. อธิ์บิ ายขึ้อ� ม้ลเกี�ยวิกบั ภม้ ิศึาสตร ์ ป็ระวิตั ิศึาสตร ์ เศึรษฐศึาสตร์ การเมอ่ งการป็กครองทั� ี เก�ยี วิขึ้�องกบั ป็ระเทัศึใน ทัวิปี ็เอเชีย 2. นาำ เสนอผลการเป็รียบเทัียบสภาพัภม้ ศิ ึาสตร ์ ป็ระวิตั ศิ ึาสตร ์ เศึรษฐศึาสตร ์ การเมอ่ ง การป็กครองขึ้องป็ระเทัศึ ในทัวิีป็เอเชีย 3. ตระห้นักและวิเิ คราะห้์ถุง้ การเป็ลีย� นแป็ลงทัี�เกดิ ัขึ้้น� กบั ป็ระเทัศึในทัวิีป็เอเชียทัี�มีผลกระทับตอ่ ป็ระเทัศึไทัย ขั้อบขั้า่ ยเนอ�่ หา บทัทั ี� 1 ภม้ ิศึาสตร์กายภาพัทัวิปี ็เอเชีย 1. ลักษณะทัางภม้ ศิ ึาสตร์กายภาพัขึ้องป็ระเทัศึในทัวิปี ็เอเชีย 2. การเป็ลย�ี นแป็ลงสภาพัภ้มศิ ึาสตรก์ ายภาพั 3. วิธิ ิ์ใี ช�เคร�่องม่อทัางภ้มศิ ึาสตร ์ 4. สภาพัภม้ ศิ ึาสตร์กายภาพัขึ้องไทัยทัี�ส่งผลต่อทัรัพัยากรต่าง ๆ 5. ควิามสาำ คัญขึ้องการดัำารงชวี ิิตให้�สอดัคลอ� งกับทัรัพัยากรในป็ระเทัศึ บทัทั ี� 2 ป็ระวิตั ิศึาสตรท์ ัวิีป็เอเชีย 1. ป็ระวิัติศึาสตร์สังเขึ้ป็ขึ้องป็ระเทัศึในทัวิปี ็เอเชยี 2. เห้ตกุ ารณ์สาำ คญั ทัางป็ระวิัติศึาสตร์ทัี�เกดิ ัขึ้้�นในป็ระเทัศึไทัยและ ป็ระเทัศึในทัวิีป็เอเชยี 3. พัระราชกรณียกิจัขึ้องพัระบาทัสมเดั็จัพัระป็รมินทัรมห้าภ้มิพัลอดัุลยเดัช (รัชกาลทัี� 9) และสมเดั็จั พัระนาง เจั�าสิรกิ ติ �ิ พัระบรมราชนิ นี าถุ ทั�สี ง่ ผล ตอ่ การเป็ลย�ี นแป็ลงขึ้องป็ระเทัศึไทัย บทัทัี � 3 เศึรษฐศึาสตร ์ 1. ควิามห้มายควิามสำาคัญขึ้องเศึรษฐศึาสตร์มห้ภาคและจัุลภาค 2. ระบบเศึรษฐกิจัในป็ระเทัศึไทัย 3. คุณธิ์รรมในการผลิตและการบริโภค 4.กฎห้มายและขึ้�อมล้ การคม�ุ ครองผ้�บริโภค 5.ระบบเศึรษฐกิจัขึ้องป็ระเทัศึตา่ ง ๆ ในเอเชยี 6. ป็ระชาคมเศึรษฐกิจัอาเซียี น บทัทัี� 4 การเม่องการป็กครอง 1.การเมอ่ งการป็กครองทัีใ� ชอ� ย่ใ้ นป็จั ัจัุบนั ขึ้องป็ระเทัศึไทัย 2.รป้ ็แบบการเม่องการป็กครองระบอบป็ระชาธิ์ิป็ไตยและระบบอน�่
แบบทัดัสอบกอ่ นเรยี น รายวิิชาสังคมศึกึ ษา สค21001 ระดับั มธั ิ์ยมศึึกษาตอนตน� จังเล่อกคำาตอบทัีถ� ู้กต�องทั�ีสุดัเพัยี งคำาตอบเดัยี วิ 1. ขึ้�อใดัคอ่ ป็ัจัจััยทัางสงั คมทัี�มีผลตอ่ ลัทัธิ์จิ ักั รวิรรดันิ ยิ ม 7. การแบง่ กลมุ่ ป็ระเทัศึในยุคสงครามเยน็ ป็ระเทัศึไทัย มากทัีส� ุดั จัดั ัอย้ใ่ นกลมุ่ ป็ระเทัศึใดั ก. การเมอ่ ง ขึ้. การเผยแผ่ศึาสนา ก. ป็ระเทัศึมห้าอาำ นาจั ขึ้. ป็ระเทัศึพัฒั นาแลว� ิ ค. การขึ้ยายอำานาจั ค. ป็ระเทัศึอภิมห้าอาำ นาจั ง. การแสวิงห้าผลป็ระโยชน์ 2. ขึ้�อใดัคอ่ ป็จั ัจัยั ทัี�กระตุ�นให้�เกดิ ัลทั ัธิ์จิ ัักรวิรรดัินิยม ง. ป็ระเทัศึดัอ� ยพัฒั นา 8. กรณีพัิพัาทัป็ราสาทัพัระวิหิ ้ารเกดิ ัขึ้�น้ ระห้วิา่ งป็ระเทัศึใดั ก. ป็จั ัจัยั ทัางเศึรษฐกจิ ั ก. ป็ระเทัศึไทัยกบั ป็ระเทัศึเมียนมา ขึ้. ป็ัจัจััยทัางการเม่อง ค. ป็จั ัจััยทัางสงั คม ขึ้. ป็ระเทัศึไทัยกับป็ระเทัศึลาวิ ค. ป็ระเทัศึไทัยกบั ป็ระเทัศึกมั พัช้ า ง. ถุ้กทัุกขึ้�อ ง. ป็ระเทัศึไทัยกับป็ระเทัศึเวิียดันาม 3. ยุคลา่ อาณานิคมเป็น็ การขึ้ยายอำานาจัขึ้องป็ระเทัศึใดั 9. ขึ้�อใดักล่าวิไดั�ถุก้ ตอ� ง ก. ป็ระเทัศึญีป� ็ุน� ก. ป็ระเทัศึลาวิเคยตกเป็น็ เมอ่ งขึ้น้� ขึ้องป็ระเทัศึฝรง�ั เศึส ขึ้. ป็ระเทัศึตะวินั ออก ค. ป็ระเทัศึตะวินั ตก ขึ้. ป็ระเทัศึมาเลเซีียเคยตกเป็น็ เมอ่ งขึ้้น� ขึ้องป็ระเทัศึ องั กฤษ ง. ป็ระเทัศึสห้รัฐอเมรกิ า ค. ป็ระเทัศึเมยี นมาเคยตกเป็็นเมอ่ งขึ้�้นขึ้องป็ระเทัศึ 4. ไทัยไดั�เสยี ดันิ แดันรัฐไทัรบรุ ี กลนั ตนั ตรังกาน้ ป็ะลิส ฝรั�งเศึส ให้�กบั ป็ระเทัศึใดั ง. ป็ระเทัศึกมั พัช้ าเคยตกเป็น็ เมอ่ งขึ้�้นขึ้องป็ระเทัศึ ก. ป็ระเทัศึอังกฤษ ขึ้. ป็ระเทัศึฝรงั� เศึส องั กฤษ 10. การล่มสลายขึ้องสห้ภาพัโซีเวิยี ตเกดิ ัขึ้น�้ ในยุคสงครามตรง ค. ป็ระเทัศึโป็รตุเกส ตามขึ้อ� ใดั ง. ป็ระเทัศึสเป็น ก. สงครามเย็น 5. ขึ้�อใดัไม่ใชผ่ ลกระทับทัเ�ี กิดัขึ้้น� กับยุคล่าอาณานิคมทัมี� ี ขึ้. สงครามโลกครง�ั ทัี � 1 ผลตอ่ เอเชยี ค. สงครามโลกคร�งั ทั� ี 2 ก. เป็ลี�ยนแป็ลงวิัฒนธิ์รรมและค่านิยมชนพัน�่ เมอ่ ง ง. สงครามศึาสนา ขึ้. เป็ลีย� นแป็ลงระบบเศึรษฐกิจัเป็น็ แบบทันุ นิยม 11. ”ห้น้�งป็ระเทัศึ สองระบบ”(One Country Two ค. เป็ลี�ยนแป็ลงการคมนาคมทัี�ทันั สมยั Systems) ตรงกบั ขึ้�อใดัมากทัีส� ุดั ง. เกบ็ ภาษจี ัากป็ระชาชนเพัิ�มมากขึ้�้น 6. ขึ้�อใดักล่าวิไดัถ� ุ้กตอ� ง ก. ป็กครองระบอบคอมมวิ ินิสต์เศึรษฐกจิ ัแบบ สังคมนยิ ม ก. ป็ระวิตั ศิ ึาสตรเ์ ป็็นการศึ้กษาเห้ตกุ ารณท์ ัี�เกิดัขึ้้�น ขึ้. ป็กครองระบอบคอมมวิ ินสิ ตเ์ ศึรษฐกจิ ัแบบทันุ นยิ ม ในอดัตี ค. ป็กครองระบอบป็ระชาธิ์ิป็ไตยเศึรษฐกิจัแบบทัุนนิยม ขึ้. ยุคลา่ อาณานคิ มเกดิ ัจัากป็ระเทัศึตะวินั ออก ง. ป็กครองระบอบป็ระชาธิ์ปิ ็ไตยเศึรษฐกจิ ัแบบ ค. สงครามเยน็ เป็็นการใช�อาวิธุ ิ์ทัีท� ันั สมยั ขึ้องแตล่ ะ สงั คนยิ ม ป็ระเทัศึ ง. สงครามก่อให้เ� กิดัควิามเสมอภาคทัางสงั คม
12. ผน้� ำาการป็ระทัว� ิงชาวิอนิ เดัียทัตี� ่อตา� นป็ระเทัศึองั กฤษ 18. ผ�ใ้ ดัไดั�รบั การยกย่องเป็น็ รัฐบรุ ษุ แห้่งป็ระเทัศึอนิ โดันีเซีีย แบบ อห้ิงสา คอ่ ใคร ก. ซีก้ าร์โน ก. อินทัริ าคานทั ี ขึ้. นายพัลซีฮ้ ารโ์ ต ขึ้. อองซีานซี้จัี ค. เมกาวิาตี ซี้การ์โนป็้ตรี ค. มห้าตมา คานทัี ง. โจัโก วิโี ดัโดั ง. โจัชวั ิ ห้วิ่อง 19. เสน� ทัางการคา� โบราณขึ้องจันี ทัไ�ี ป็ขึ้ายสนิ คา� ทัางตะวินั ตก 13. ป็ระเทัศึใดัทัีไ� มม่ ีพั่น� ทัี�ตดิ ัทัะเล ขึ้�อใดัถุก้ ตอ� ง ก. ป็ระเทัศึเวิยี ดันาม ก. เส�นทัางวิัฒนธิ์รรม ขึ้. ป็ระเทัศึกัมพัช้ า ขึ้. เสน� ทัางสายไห้ม ค. ป็ระเทัศึเมียนมา ค. เส�นทัางมองโกล ง. ป็ระเทัศึลาวิ ง. เส�นทัางอารยธิ์รรม 14. ทัรพั ัยากรห้ลักขึ้องป็ระเทัศึมาเลเซียี ขึ้�อใดัไม่ถุ้กต�อง 20. ดันิ แดันอาทัติ ยอ์ ทุ ัยั คอ่ ป็ระเทัศึใดั ก. ขึ้�าวิ ก. ป็ระเทัศึอินโดันเี ซีีย ขึ้. ยางพัารา ขึ้. ป็ระเทัศึเกาห้ลีใต� ค. นำา� มนั ป็โิ ตรเลยี ม ค. ป็ระเทัศึญป�ี ็�นุ ง. ดัีบกุ ง. ป็ระเทัศึออสเตรเลีย 15. ผ�น้ ำาดั�านป็ระชาธิ์ปิ ็ไตยในป็ระเทัศึเมียนมาค่อใคร ก. นายพัลอองซีาน ขึ้. วินี� -มห้ยิน� ค. อองซีานซี้จัี ง. วิี�น-มอง 16. ป็ระชากรทัีน� บั ถุอ่ ศึาสนาอิสลามมากทั�สี ุดัตรงกับขึ้�อใดั ก. ป็ระเทัศึมาเลเซีีย ขึ้. ป็ระเทัศึอินโดันเี ซีีย ค. ป็ระเทัศึฟิลิ ปิ ็ป็ินส์ ง. ป็ระเทัศึเวิยี ดันาม 17. สินค�าใดัทัี�ป็ระเทัศึอังกฤษนำาเขึ้�ามาขึ้ายให้�กับจัีนเพั�่อ เป็น็ การตอ่ ตา� นการค�าจันี ก. กัญชา ขึ้. เฮโรอนี ค. มอรฟ์ ิีน ง. ฝิน�
บทัทัี� 1 ภู้มศิ ึาสตรก์ ายภูาพัทัวิีปเอเชีย สรปุ เนอ�่ หา เร�อ่ งทั�ี 1 ทัีต� �ังและอาณาเขั้ตขั้องทัวิีปเอเชีย ทัศิ ึเหน่อติดัต่อกับมหาสมทุ ัรอารก์ ตกิ ในทัะเลคารา ทัะเลลัฟิเตฟิ และทัะเลไซีบี ีเรีย ตะวินั ออก จัุดัเห้นอ่ สุดัค่อแห้ลมชิลย้สกนิ ป็ระเทัศึสห้พันั ธิ์รัฐรัสเซียี ทัศิ ึตะวิันออกติดั ต่อกบั มห้าสมุทัรแป็ซีฟิ ิิค ในเขึ้ตทัะเลเบริง ทัะเลโอคอต ทัะเลญป�ี ็ุ�น ทัะเลเห้ลอ่ ง ทัะเลจันี ตะวิันออก และ ทัะเลจัีนใต � โดัยมีคาบสมทุ ัรเบรองคาบสมทุ ัรคามชัตกา และคาบสมทุ ัรเกาห้ลีเป็น็ ส่วินขึ้องแผ่นดันิ ดัา� นนจ�ี ัดุ ัตะวินั ออกสดุ ัอย้ ทัีแ� ห้ลมเดัชเนฟิสห้พันั ธิ์รฐั รสั เซีีย ทัศิ ึใต � ติดัต่อกับมห้าสมทุ ัรอนิ เดัีย นา่ นน�าำ ทัางตอนใต� ไดัแ� ก ่ อา่ วิเบงกอล ทัะเลอาห้รบั อ่าวิเป็อร์เซีีย และอา่ วิเอเดัน จัดุ ัใต�สุดัขึ้องภาคพั่�นทัวิีป็อย่้ทั�แี ห้ลมป็ไิ อ ป็ระเทัศึมาเลเซีียเกาะ ให้ญ่ทัางทัศิ ึใตข� ึ้องทัวิปี ็เอเชีย ไดั�แก ่ เกาะลงั กา เกาะบอร์เนยี วิ เกาะสุมาตราเกาะชวิาซี�้งเป็็น เกาะทัอ�ี ยใ่้ ต�สุดั ทัศิ ึตะวิันตกตดิ ัต่อกับทัะเลแดัง คลองสุเอช ทัะเลเมดัิเตอร์เรเนียนทัะเลดัำา เทั่อกเขึ้าคอเคซีัส ทัะเล แคสเป็ียน และเทั่อกเขึ้าอ้ราล จัุดัตะวิันตกสุดัอย้่ทัี�แห้ลมบาบา ป็ระเทัศึ เร่�องทัี� 2 ลกั ษณะภู้มิประเทัศึ ลักษณะภูม้ ปิ ระเทัศึแบ่งออกเปน 6 เขั้ตค่อ 1. เขึ้ตทั�รี าบต�าำ ทัางเห้นอ่ คอ่ บริเวิณตอนบนขึ้องทัวิปี ็ซี้�งอย่ใ้ นเขึ้ตสห้ภาพัโซีเวิียต (เดัิม) ในเขึ้ต ไซีบีเรียสว่ ินให้ญ เป็็นเขึ้ตโครงสรา� งห้นิ เกา่ ทัี�เรียกวิา่ แองการาชลี ดัม์ ีลักษณะภ้มิป็ระเทัศึ เป็น็ ทัี�ราบขึ้นาดัให้ญ่ มีแม่นา�ำ อ็อบ แมน่ าำ� เยนิเซี และ แมน่ �ำาลนี าไห้ลผา่ นบรเิ วิณมอี าณาเขึ้ต กวิ�างขึ้วิางมากไม่ค่อยมีผ�้คนอาศึัยอยเ่้ พัราะอากาศึห้นาวิเย็นมาก 2. เขึ้ตทัร�ี าบลมุ่ แมน่ �าำ ไดัแ� กด่ ันิ แดันแถุบลมุ่ แมน่ �ำาตา่ งๆซีง�้ มลี กั ษณะภม้ ปิ ็ระเทัศึเป็็นทั �ี ราบและมกั มดี ันิ อดุ ัมสมบร้ ณ์ เห้มาะแก่การเพัาะป็ล้ก ไดัแ� ก ่ - ในเอเชยี ตะวินั ออกไดั�แก่ทั�ีราบลุ่มแมน่ ำา� ฮวิงโห้ทัีร� าบลุ่มแม่นำ�าแยงซีีเกียงใน ป็ระเทัศึจันี - ในเอเชียใต� ไดั�แก่ ทัี�ราบลุ่มแม่นา�ำ สินธิ์ุในป็ระเทัศึป็ากีสถุาน ทัี�ราบลุ่มแม่น�าำ คงคาใน ป็ระเทัศึอินเดัีย และทัี� ราบล่มุ แม่นำ�าพัรห้มบุตร ในบงั คลาเทัศึ - เอเชยี ตะวินั ตกเฉียงใต� ไดั�แกท่ ัี�ราบลมุ่ แมน่ ำา� ไทักรสี ทัร�ี าบลุ่มแมน่ �ำายเ้ ฟิรตีสใน 3. เขึ้ตเทั่อกเขึ้าส้ง เป็น็ เขึ้ตห้ินให้ม่ ตอนกลางป็ระกอบดัว� ิยทั�รี าบสง้ และเทั่อกเขึ้า มากมายส่วินให้ญเ่ ป็น็ เทั่อกเขึ้าทัี� แยกตวั ิไป็จัากจัุดัรวิมเทัอ่ กเขึ้าทัี�เรยี กวิา่ ป็ามีร์นอต จัุดัรวิม เทั่อกเขึ้าป็าร์มีนอต ซี�ง้ แยกไป็เป็น็ เทั่อกเขึ้ามากมาย เช่น เทั่อกเขึ้า ห้มิ าลยั เทั่อกเขึ้าอาระกันโยมา เทั่อกเขึ้าคุนลุน เทั่อกเขึ้านานชาน เทั่อกเขึ้าเทัยี นชาน เป็็นต�น 4. เขึ้ตทัร�ี าบสง้ ตอนกลางทัวิปี ็ เป็น็ ทั�ีราบสง้ ในเขึ้ตห้นิ ให้ม่ ไดั�แก่ ทัี�ราบสง้ ทัิเบตซี�้งม ี ขึ้นาดัให้ญ่และสง้ ทัส�ี ุดัในโลก ทัร�ี าบสง้ ยน้ าน ทัางใต�ขึ้องจัีน และทัร�ี าบสง้ ทัี�มีลกั ษณะเห้มอ่ นแอง่ คอ่ ทัรี� าบส้งตากลามานก ั ซีง้� อยร่้ ะห้วิา่ งเทัอ่ กเขึ้าเทัยี นชาน กับเทัอ่ กเขึ้าคุนลุนแตอ่ ยส่้ ง้ จัาก ระดับั นาำ� ทัะเลมาก และมีอากาศึแห้�งแลง� เป็น็ เขึ้ตทัะเลทัราย 5. เขึ้ตทัี�ราบส้งทัางตอนใต�และตะวิันตกเฉียงใต� ไดั�แก่ ทัี�ราบส้งขึ้นาดัให้ญ่ทัางตอนใต� ขึ้องทัวิีป็เอเชียมีควิามส้ง นอ� ยกวิ่าทัร�ี าบสง้ ทัางตอนกลางขึ้องทัวิปี ็ ไดัแ� ก ่ ทัรี� าบสง้ เดัคคานใน อนิ เดัยี ทัร�ี าบสง้ อหิ ้รา่ นในอหิ ้รา่ นและอฟั ิกานสิ ถุาน ทัีร� าบ สง้ อนาโตเลียในตรุ กี ทั�ีราบส้ง อาห้รบั ในซีาอุดัิอาระเบยี 6. เขึ้ตห้ม่เ้ กาะภ้เขึ้าไฟิเป็็นเขึ้ตห้นิ ให้ม ่ คอ่ บริเวิณห้ม้เ่ กาะอนั เป็น็ ทัีต� ง�ั ขึ้องภ้เขึ้าไฟิ ทั�งั ทั�ดี ับั แล�วิและทั�ยี ังคกุ รนุ่ อยใ่้ น เอเชยี ตะวินั ออกและเอเชียตะวิันออกเฉยี งใต้ เร�่องทั�ี 3 ลักษณะภู้มอิ ากาศึ รายวิิชา สัังคมศึกึ ษา (สัค21001) 1 ระดัับมัธยมศึกึ ษาตอนต้น
1. ภม้ อิ ากาศึแบบป็�าดัิบช�่นเขึ้ตภ้มิอากาศึแบบป็า� ดับิ ช�น่ ไดั�แก่ ภาคใตข� ึ้องป็ระเทัศึ ไทัย มาเลเซียี อนิ โดันเี ซีีย และ ฟิิลิป็ป็ินส์ มีควิามแตกต่างขึ้องอุณห้ภ้มิระห้วิ่างกลางวิันและ กลางค่นไม่มากนัก มีฝนตกตลอดัป็ี พั่ชพัรรณธิ์รรมชาติ เป็็น ป็�าดังดัิบซี้ง� ไม่มีฤดัท้ ัี�ผลัดัใบและมีตน� ไมห� ้นาแน่นสว่ ินบรเิ วิณ ป็ากแมน่ า� และชายฝัง� ทัะเลมีพั่ชพัรรณธิ์รรมชาติเป็็นป็�าชายเลน 2. ภม้ ิอากาศึแบบมรสมุ เขึ้ตร�อนห้ร่อร�อนช่น� แถุบมรสมุ มีฤดัแ้ ล�งและฤดัฝ้ นสลับกนั ไดั�แก่ บริเวิณคาบสมทุ ัรอนิ เดัยี และคาบสมุทัรอนิ โดัจันี พั่ชพัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ ป็า� มรสุม ห้รอ่ ป็�าไมผ� ลดั ัใบในเขึ้ตรอ� น พันั ธิ์ุ์ไม�สว่ ินให้ญ่เป็น็ ไม� ใบกวิ�าง และ เป็็นไม�เน�่อแขึ้็งทัี�มีค่าในทัางเศึรษฐกิจั ห้ร่อป็�าเบญจัพัรรณ เช่น ไม�สัก ไม�จัันทัน์ ไม�ป็ระดั้่ เป็็นต�น ป็�ามรสุม มีลักษณะเป็็น ป็�าโป็ร่ง มากกวิ่าป็�าไม�ในเขึ้ตร�อนช�่น บางแห้่งมีป็�าไม� ขึ้นาดัเล็กขึ้้�นป็กคลุมบริเวิณดัินชั�นล่าง และบางแห้่งเป็็นป็�าไผ่ ห้ร่อ ห้ญา� ป็ะป็นอย่้ 3. ภ้มิอากาศึแบบทัุ่งห้ญ�าเม่องร�อน มีลักษณะอากาศึคล�ายเขึ้ตมรสุม มีฤดั้แล�งกับฤดั้ ฝน แต่ป็ริมาณน�าฝนน�อย กวิา่ อุณห้ภม้ ิกลางคน่ เย็นกวิ่ากลางวิัน ไดั�แก ่ บรเิ วิณตอนกลางขึ้อง อินเดัีย พัม่า และคาบสมุทัรอนิ โดัจัีน พั่ชพัรรณธิ์รรมชาติ เป็น็ ป็�าโป็ร่งแบบเบญจัพัรรณ ถุัดัเขึ้า� ไป็ตอนในจัะเป็็นทังุ่ ห้ญ�าสง้ 4. ภ้มิอากาศึแบบมรสุมเขึ้ตอบอุ่น อย้่ในเขึ้ตอบอุ่นแต่ไดั�รับอิทัธิ์ิพัลขึ้องลมมรสุม มีฝนตกในฤดั้ร�อน ฤดั้ห้นาวิ ค่อนขึ้�างห้นาวิ ไดั�แก ่ บรเิ วิณภาคตะวิันตกขึ้องจันี ภาคใต�ขึ้องญปี� ็ุน� คาบสมทุ ัรเกาห้ลี ฮอ่ งกง ตอนเห้นอ่ ขึ้องอินเดัีย ในลาวิ และตอนเห้นอ่ ขึ้องเวิยี ดันาม พั่ชพัรรณธิ์รรมชาติ เป็น็ ไม�ผลดั ัใบห้ร่อ ไมผ� สม มีทั�ังไมใ� บให้ญ่ทัี�ผลัดัใบ และไม�สนทัีไ� ม ่ ผลัดัใบ ในเขึ้ตจัีน เกาห้ลีทัางใต�ขึ้องเขึ้ตน�ีเป็็นป็�าไม�ผลัดัใบ ส่วินทัางเห้น่อมีอากาศึห้นาวิกวิ่าป็�า ไม�ผสมและป็�าไม�ผลัดัใบ เช่น ต�นโอก๊ เมเป็ิล ถุา� ขึ้�้นไป็ทัางเห้นอ่ อากาศึห้นาวิเยน็ จัะเป็น็ ป็�าสนทั ี� มีใบเขึ้ียวิตลอดัป็ี 5. ภ้มิอากาศึแบบอบอุ่นภาคพั่�นทัวิีป็ ไดั�แก่ ทัางเห้น่อและตะวิันออกเฉียงเห้น่อขึ้อง ป็ระเทัศึจัีนเกาห้ลีเห้น่อ ภาคเห้น่อขึ้องญป�ี ็นุ� และตะวิันออกเฉยี งใต�ขึ้องไซีบเี รีย มฤี ดั้รอ� นทั�ี อากาศึร�อน กลางวิันยาวิ กวิ่ากลางคน่ เป็็นเขึ้ตป็ลก้ ขึ้�าวิ โพัดัไดัด� ั ี เพัราะมฝี นตกในฤดัร้ อ� น พัช่ พัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ ป็า� ผสมระห้วิา่ ง ไมผ� ลดั ัใบและป็า� สน ลก้ เขึ้า� ไป็เป็น็ ทังุ่ ห้ญา� สามารถุ เพัาะป็ลก้ ขึ้�าวิโพัดั ขึ้า� วิสาล ี และเล�ยี งสัตวิพ์ ัวิกโคนมไดั� สว่ ินแถุบชายทัะเลมีการทัาำ ป็า� ไมบ� �างเลก็ น�อย 6. ภม้ อิ ากาศึแบบทังุ่ ห้ญา� ก�ง้ ทัะเลทัรายแถุบอบอุ่น มีอุณห้ภม้ ิส้งมากในฤดั้รอ� น และ อุณห้ภม้ ติ ำา� มากในฤดั้ห้นาวิ มีฝนตกบ�างในฤดัใ้ บไม�ผลิและฤดัร้ �อน ไดั�แก่ ภาคตะวิันตกขึ้อง คาบสมุทัรอาห้รับ ตอนกลางขึ้องป็ระเทัศึตุรก ี ตอนเห้น่อขึ้อง ภาคกลางขึ้องอหิ ้รา่ น ในมองโกเลยี ทัางตะวิันตกเฉยี งเห้น่อขึ้องจัีน พัช่ พัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ ทัุ่งห้ญ�าสน�ั ทังุ่ ห้ญ�าดัังกล่าวิใช้ เพัาะป็ล้ก ขึ้�าวิสาลี ขึ้า� วิฟิ�าง ฝา้ ย และเล�ยี งสัตวิไ์ ดั�ดัี 7. ภ้มิอากาศึแบบทัะเลทัราย มีควิามแตกต่างระห้วิ่างอุณห้ภ้มิกลางวิันกับกลางค่น และฤดั้ร�อนกับฤดั้ห้นาวิมาก ไดั�แก ่ ดัินแดันทั�อี ย่ภ้ ายในทัวิีป็ทัี�มเี ทั่อกเขึ้าป็ิดัล�อม ทัำาให้�อิทัธิ์พิ ัล จัากมห้าสมุทัรเขึ้�าไป็ไม่ถุ้ง ป็ริมาณฝนตกน�อยกวิา่ ป็ลี ะ 250 มม.(10น�ิวิ) ไดั�แก่บริเวิณ คาบสมุทัรอาห้รับ ทัะเลทัรายโกบี ทัะเลทัรายธิ์าร์ และทัี�ราบส้งทัิเบต ทั�ีราบส้งอิห้ร่าน บริเวิณทั� ี มีนำ�าและต�นไม�ขึ้้�น เรยี กวิ่า โอเอซีสิ (Oasis) พัช่ พัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ อินทัผลมั ตะบองเพัชร และไมป� ็ระเภทัมีห้นามชายขึ้อบ 8. ภ้มิอากาศึแบบเมดัเิ ตอร์เรเนยี น อากาศึในฤดั้รอ� น ร�อนและแห้ง� แลง� ในเลบานอน ซีีเรียอิสราเอลและตอนเห้น่อ ขึ้องอิรกั พัช่ พัรรณธิ์รรมชาติเป็็นไม�ตน� เตย�ี ไม�พัุ่มมหี ้นาม ต�นไม�เป็ลอ่ กห้นาทั�ีทันตอ่ ควิามแห้ง� แล�งในฤดัร้ อ� นไดัด� ัี พัช่ ทั�เี พัาะ ป็ลก้ ไดั�แก ่ สม� องนุ่ และ มะกอก 9. ภม้ อิ ากาศึแบบไทักา (ก้ง� ขึ้�วั ิโลก) มีฤดั้ห้นาวิยาวินานและห้นาวิจัดั ั ฤดัร้ อ� นส�ัน มนี ำ�าคา� งแขึ้ง็ ไดั�ทัุกเวิลา และฝน ตกในรป้ ็ขึ้องห้มิ ะ ไดัแ� ก ่ ดันิ แดันทัางภาคเห้นอ่ ขึ้องทัวิปี ็บรเิ วิณ ไซีบเี รยี พัช่ พัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ ป็า� สน เป็น็ แนวิยาวิทัางเห้นอ่ ขึ้องทัวิีป็ ทัเ�ี รยี กวิา่ ป็�าสนขึ้องไซี บเี รีย แหลง่ 10. ภ้มิอากาศึแบบทัุนดัรา (ขึ้�ัวิโลก) เขึ้ตน�ีมีฤดั้ห้นาวิยาวินานมาก อากาศึห้นาวิจััดั มีห้ิมะป็กคลุมตลอดัป็ี ไม่มี ฤดั้ร�อน พั่ชพัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ พัวิกตะไครน่ า�ำ และ มอสส์ 11. ภ้มอิ ากาศึแบบทัี�สง้ ในเขึ้ตทั�สี ง้ อณุ ห้ภ้มจิ ัะลดัลงตามระดับั ควิามส้งในอัตรา ควิามสง้ เฉลีย� ป็ระมาณ 1 องศึาเซีลเซียี ส ตอ่ 2 รายวิชิ า สัังคมศึกึ ษา (สัค21001) ระดัับมธั ยมศึึกษาตอนตน้
ควิามส้ง 10 เมตร จั้งป็รากฏิวิ่ายอดัเขึ้าสง้ บางแห้่ง แมจ� ัะอย่ใ้ นเขึ้ตรอ� นกม็ ีห้มิ ะป็กคลุมทั�ังป็หี ้รอ่ เกอ่ บตลอดัป็ี ไดัแ� ก่ ทัี�ราบส้ง ทัเิ บต เทั่อกเขึ้า ห้ิมาลัย เทั่อกเขึ้าคุนลุน และเทัอ่ กเขึ้าเทัยี นชาน ซีง้� มีควิามส้งป็ระมาณ 5,000-8,000 เมตร พั่ชพัรรณธิ์รรมชาต ิ เป็น็ พัวิกตะไครน่ าำ� และ มอส การเปลี�ยนแปลงสภูาพัภูม้ ศิ ึาสตรก์ ายภูาพั การเปลีย� นแปลงสภูาพัภูม้ ิศึาสตรก์ ายภูาพั ห้มายถุ้ง ลักษณะการเป็ล�ยี นแป็ลงขึ้อง สิ�งแวิดัลอ� มทัางกายภาพัทัี�อย้ รอบตัวิมนษุ ย์ ทััง� สว่ ินทัี�เป็็นธิ์รณีภาค อทุ ักภาค บรรยากาศึภาค และชีวิภาค ตลอดัจันควิามสัมพัันธิ์์ทัางพัน�่ ทั�ขี ึ้องสิง� แวิดัลอ� ม ทัางกายภาพัต่าง ๆ ดัังกล่าวิขึ้า� งต�น การเป็ล�ียนแป็ลงทัางภ้มิศึาสตร์ ก่อให้�เกิดัควิามเป็ล�ียนแป็ลงทัางกายภาพั ทั�ังภ้มิ ป็ระเทัศึและภ้มิอากาศึใน ป็ระเทัศึไทัยและป็ระเทัศึในทัวิีป็เอเชยี ส่วินมากเกิดัจัากป็รากฏิการณ์ ตามธิ์รรมชาตแิ ละเกิดัผลกระทับต่อป็ระชาชนทัอ�ี าศึัย อย่ ้ รวิมทัั�งสิ�งก่อสร�าง ซีง�้ ป็รากฏิการณ์ทั� ี มักเกดิ ัขึ้้น� ไดัแ� ก ่ 1.การเกดิ ัแผ่นดัินไหวิ แผน่ ดันิ ไห้วิ เป็น็ ภัยพับิ ัตทิ ัางธิ์รรมชาติทัี�เกิดัจัากการส�นั สะเทัอ่ นขึ้องพั�่นดัิน อนั เน�อ่ งมาจัาก การป็ลดัป็ล่อยพัลังงานเพั่�อลดัควิามเครียดัทัี�สะสมไวิ�ภายในโลกออกมาเพั่�อป็รับ สมดัุลขึ้องเป็ล่อกโลกให้�คงทัี� ป็ัจัจัุบันนัก วิทิ ัยาศึาสตร์ยังไม่สามารถุทัำานายเวิลา สถุานทั �ี และ ควิามรนุ แรงขึ้องแผ่นดันิ ไห้วิทัี�จัะเกดิ ัขึ้น้� ในอนาคตไดั� ดังั น�นั จัง้ ควิรศึ้กษา เรียนร�้ เพั่�อให้เ� ขึ้า� ใจัถุง้ กระบวินการเกิดัขึ้องแผ่นดัินไห้วิทัี�แทัจ� ัริง เพัอ�่ เป็น็ แนวิทัางในการลดัควิามเสยี ห้ายทัี�เกิดัขึ้�้น สาเหตขุ ั้องการเกิดัแผ่นดัินไหวิ การเกิดัแผ่นดัินไห้วิมีสาเห้ตุมาจัาก 2 สาเห้ตุให้ญ่ สาเห้ตุแรกเกิดัจัากการกระทัำาขึ้อง มนุษย์ ไดั�แก่ การทัดัลอง ระเบิดัป็รมาณ้ การกักเก็บนาำ� ในเขึ้่�อน และแรงระเบิดัจัากการทัำา เห้ม่องแร่ ส่วินสาเห้ตุทัี�สอง เป็็นสาเห้ตุห้ลักขึ้องการเกิดั แผ่นดัินไห้วิ โดัยเป็็นการเกิดัตาม ธิ์รรมชาติอันเน่�องมาจัากการเคล�่อนทัี�ขึ้องแผ่น เป็ล่อกโลก ทัั�งน�ีทัฤษฎีกลไกการเกิดั แผ่นดัินไห้วิ ทัย�ี อมรบั กันในป็ัจัจัุบันมี 2 ทัฤษฎคี อ่ ทัฤษฎีวิ่าดั�วิยการขึ้ยายตัวิขึ้องเป็ล่อกโลก โดัยแผ่นดัินไห้วิเกิดัจัากการทั�ีเป็ล่อกโลกเกิดั การคดัโค�งโก่งตัวิอย่าง ฉับพัลนั และเม�อ่ วิัตถุขุ ึ้าดัออกจัากกนั จั้งป็ลดัป็ล่อยพัลังงานออกมาใน รป้ ็คล่น� แผ่นดัินไห้วิ ทัฤษฎวี ิา่ ดัว� ิยการคน่ ตวั ิขึ้องวิตั ถุ ุ โดัยแผน่ ดันิ ไห้วิมาจัากการเคลอ�่ นตวั ิขึ้องรอยเลอ�่ น กลา่ วิคอ่ เมอ่� รอยเลอ�่ นเกดิ ัการ เคลอ่� นตวั ิถุ้งจัุดัห้น้ง� วิตั ถุจุ ัะขึ้าดัออกจัากกันและเสยี ร้ป็อย่างมาก พัรอ� มทัั�งป็ลดัป็ล่อยพัลงั งานมห้าศึาลออกมาในร้ป็ขึ้องคลน�่ แผน่ ดัินไห้วิ และห้ลงั จัากนนั� วิตั ถุจุ ัะ ค่นตวั ิกลับสร้่ ป้ ็เดัมิ 2.การเกิดัพัายุ พัายุ ค่อ ลมทัี�เกิดัจัากการเคล่�อนทัี�ขึ้องอากาศึอย่างรวิดัเร็วิและรุนแรงอันเน่�องมาจัาก อากาศึ 2 บริเวิณ มีอุณห้ภ้มิแตกต่างกันอย่างมาก อากาศึร�อนจัะลอยตัวิส้งขึ้�้น อากาศึใน แนวิราบทัี�อุณห้ภ้มิต�าำ ากวิ่าจั้งเขึ้�ามาแทันทัี � ทัำาให้�เกิดัการห้มนุ ขึ้องอากาศึจันส่งผลให้�เกิดัเป็น็ พัาย ุ พัายุ แบ่งเป็น็ 3 ป็ระเภทั ไดั�ดังั นี� 2.1พัายฝุ นฟิ้าคะนองเป็็นพัายุทัีเ� กิดัขึ้น้� ไดัใ� นบรเิ วิณทัมี� ีอากาศึร�อน และมีควิามช�น่ มาก พัอสมควิร โดัยมากเกดิ ัใน เขึ้ตรอ� นแถุบเสน� ศึ้นยส์ ต้ ร เม่อ� อากาศึไดั�รับควิามร�อนและลอยตวั ิ สง้ ขึ้�้น และม ี ไอนา�ำ ในป็ริมาณมากพัอ ป็ระกอบกับการลดัลง ขึ้องอุณห้ภ้ม ิ จั้งเกดิ ัการกลั�นตัวิ ควิบแน่นขึ้องไอน�ำาเกิดัเป็น็ พัายุ ฝน ฟิ้าคะนอง มักจัะมที ัั�งลมแรง ฟิ้าแลบ ฟิ้ารอ� ง และมฝี นตก ห้นัก เกดิ ัขึ้�้นพัร�อมกัน 2.2 พัายุห้มนุ เขึ้ตร�อนเป็็นพัายหุ ้มนุ ทัเ�ี ริ�มก่อตัวิจัากห้ย่อมควิามกดัอากาศึตา�ำ ทัเ�ี กดิ ัขึ้้น� ในเขึ้ตร�อน บรเิ วิณเสน� ศึน้ ยส์ ต้ ร โดัยมากมักเกดิ ับรเิ วิณผวิ ิน�ำาทัะเลและมห้าสมุทัรทัม�ี ีอุณห้ภม้ ิ ขึ้องนาำ� ส้งกวิา่ 27 องศึาเซีลเซีียส มีลักษณะเป็็นพัายุห้มุนขึ้นาดัให้ญ่ ทัี�มีเส�นผ่านศึ้นย์กลาง ป็ระมาณ 100 กม. ขึ้�้นไป็ เกิดัขึ้�้นพัร�อมกับลมทัี�พััดัรุนแรงมาก ลมทั�พี ััดัเวิยี นเขึ้า� ห้าศึน้ ย์กลาง จัะมที ัศิ ึทัางการห้มุนทัวินเขึ้ม็ นาฬิกิ าห้ากเกิดัเห้น่อ เสน� ศึ้นย์ส้ตร และจัะห้มุนตามเขึ้็มนาฬิิกา ห้ากเกิดัใตเ� ส�นศึ้นย์สต้ ร ยง�ิ ใกลศ� ึ้นยก์ ลางลมจัะห้มุนเกอ่ บ เป็น็ วิงกลมและมีควิามเรว็ ิส้งทัส�ี ดุ ั อยท่้ ั�ีป็ระมาณ 120 – 200 กม. / ชม. ในการพัิจัารณาควิามรุนแรงขึ้องพัายุ จัะใช�เกณฑ์ ควิามเร็วิลมส้งสุดัทั�ีบริเวิณใกล�ศึ้นย์กลางพัายุ ไดั�แก่ 6 - พัายุดัีเป็รสชั�น รายวิชิ า สัังคมศึึกษา (สัค21001) 3 ระดับั มธั ยมศึึกษาตอนต้น
เกดิ ัขึ้น�้ จัากพัายโุ ซีนรอ� นทัมี� คี วิามเรว็ ิลดัลง โดัยมคี วิามเรว็ ิลมสง้ สดุ ั ใกลศ� ึน้ ยก์ ลางไมถ่ ุง้ 63 กม./ชม. กอ่ ให้เ� กดิ ัพัายฝุ นฟิา้ คะนอง ธิ์รรมดัาห้ร่อฝนตกห้นกั มลี มกรรโชกแรงเป็น็ ครงั� คราวิ แต่ถุา� มีฝนตกห้นักมากๆ อาจัจัะทัำาให้�เกิดัน�าำ ทั่วิมไดั� - พัายุโซีนร�อน เกิดัขึ้้�นเม่�อพัายุห้มุนเขึ้ตร�อนขึ้นาดัให้ญ่อ่อนกำาลังลงขึ้ณะเคล่�อนตัวิ ในทัะเล และควิามเร็วิทัี� จัุดัศึ้นย์กลางลดัลงเม�อ่ เคล่�อนเขึ้า� ห้าฝงั� มีควิามเร็วิลมส้งสดุ ัใกล� ศึน้ ยก์ ลาง 63 กม./ชม.ขึ้้�นไป็ แต่ไม่ถุง้ 118 กม./ชม. มีกำาลงั แรงพัอทัจี� ัะทัำาลายบ�านเรอ่ นทั�มี ี โครงสร�างไม่แขึ้็งแรงไดั� ทัำาให้�เกิดัน�าำ ทั่วิมนา�ำ ป็�าและแผน่ ดัินถุล่มไดั้ - พัายุไต�ฝน�ุ ห้รอ่ เฮอรเิ คน มคี วิามเร็วิลมสง้ สดุ ัใกลศ� ึ้นย์กลางต�งั แต ่ 118 กม./ชม. ขึ้น้� ไป็มีระดับั ควิามรนุ แรงมาก ทัส�ี ดุ ั สามารถุทัาำ ให้เ� กดิ ัควิามเสยี ห้ายแก่บ�านเรอ่ น อาจัทัำาให้�เสา ไฟิฟิา้ ห้กั โค่น เกิดัไฟิฟิา้ ชอ็ ตห้ร่อเพัลิงไห้มไ� ดั� ในทัะเลมีคล่น� ลมแรงจัดั ัมากเป็็นอันตรายตอ่ การ เดันิ เรอ่ โดัยเฉพัาะเรอ่ เล็ก และอาจัมีคล�่นให้ญ่ซีัดัชายฝัง� ทัาำ ให้ร� ะดับั นา�ำ ทัะเลสง้ ขึ้น้� มากจัน ทัว่ ิมอาคารบา� นเรอ่ นรมิ ทัะเลไดั � สาำ ห้รบั พัายหุ ้มนุ เขึ้ตรอ� นทัเี� คลอ�่ นเขึ้า� สป่้ ็ระเทัศึไทัยสว่ ินให้ญเ่ ป็น็ พัายดุ ัเี ป็รสชนั เนอ่� งจัากพัายุ ไดั�อ่อนกำาลังลงก่อนถุ้งป็ระเทัศึไทัย ส่วินพัายุทัี�มีกำาลังแรงขึ้นาดัพัายุโซีนร�อนห้ร่อ ไต�ฝุ�นมีโอกาสเคล�่อนเขึ้�าส้่ป็ระเทัศึไทัย น�อยมาก พัายุเรมิ� เคล่�อนเขึ้า� ส้่ป็ระเทัศึไทัยตั�งแตเ่ ดั่อนพัฤษภาคมเป็น็ ต�นไป็ และเดัอ่ นตลุ าคมเป็น็ เดัอ่ นทัี�พัายมุ โี อกาสเคลอ่� น เขึ้�าสป่้ ็ระเทัศึไทัยมาก ทัีส� ุดั รองลงไป็ค่อเดัอ่ นกันยายน พัายหุ ้มนุ เขึ้ตรอ� นระดับั โซีนรอ� น และไต�ฝุน� น�ันจัะมีช�อ่ เรียก ต่างกนั ตามบริเวิณทัี�เกิดัขึ้้�น เชน่ พัายุไตฝ� นุ� เป็็นชอ่� พัายุห้มุนทัีเ� กดิ ัทัางทัิศึตะวิันตกขึ้อง มห้าสมุทัรแป็ซีิฟิกิ เห้นอ่ เชน่ บริเวิณทัะเล จันี ใต � อา่ วิไทัย อา่ วิตงั เกยี� ป็ระเทัศึญป�ี ็น�ุ พัาย ุ ไซีโคลน เป็น็ ชอ�่ พัายหุ ้มนุ ทัเี� กดิ ัในมห้าสมทุ ัรอนิ เดัยี เห้นอ่ เชน่ บรเิ วิณอา่ วิเบงกอล ทัะเลอาห้รับ เป็็นต�น 2.3. พัายทุ ัอรน์ าโดั ห้ร่อ พัายงุ วิงชา� ง เป็น็ พัายทุ ัีเ� กดิ ัขึ้้�นจัากลมรอ� นและลมเย็นมาเจัอ กันและกอ่ ตัวิให้�เกดิ ัลมห้มุน เกดิ ัไดัท� ัง�ั บนบกและทัะเล สว่ ินให้ญเ่ กดิ ับนบกป็ระมาณรอ� ยละ 90 ทัอรน์ าโดัสามารถุเกดิ ัขึ้น้� ไดัใ� นทักุ ทัวิปี ็และในห้ลายป็ระเทัศึ แตท่ ัปี� ็ระเทัศึสห้รฐั อเมรกิ าพับบอ่ ย กวิา่ ทัอ�ี น่� เนอ่� งจัากสภาพัภม้ ปิ ็ระเทัศึทัสี� ามารถุกอ่ ให้เ� กดิ ัลมรอ� นและไอเยน็ ป็ะทัะกนั บรเิ วิณ ทัุง่ ราบ ทัอร์นาโดัสามารถุเกดิ ัขึ้น้� ไดัใ� นห้ลายลกั ษณะ โดัยลกั ษณะทั�พี ับไดั�บอ่ ยสดุ ัค่อลักษณะ ร้ป็ทัรงกรวิย นบั เป็็นพัายหุ ้มุน ทัม�ี คี วิามรุนแรงทัส�ี ดุ ัและอนั ตรายมาก 3.การเกิดัสน้ าม ิ สน้ าม ิ ห้ร่อ คลน�่ สน้ ามิเป็น็ ป็รากฏิการณ์ธิ์รรมชาติทั�ีมลี ักษณะเป็น็ ระลอกคล�น่ ทัเี� กดิ ัขึ้้น� จัากการทัี� น�าำ ในทัะเลจัาำ นวินมห้าศึาล เกดิ ัการเคลอ่� นย�ายถุา่ ยเทัจัากบรเิ วิณห้น้ง� สอ้่ ีกบรเิ วิณห้นง�้ อย่างรวิดัเรว็ ิ อนั เนอ่� งมาจัากการ เกิดัแผ่นดันิ ไห้วิ แผน่ ดัินเคล่อ� นตัวิ ภเ้ ขึ้าไฟิระเบดิ ัห้ร่อจัากวิตั ถุุ นอกโลก เช่น ดัาวิห้าง ห้รอ่ อกุ กาบาดัตกสพ้่ ั�น่ ทัะเล โดัยกอ่ นทัี� จัะเกดิ ัคลน่� สน้ ามนิ นั� มกั จัะมกี าร สง่ สญั ญาณเตอ่ นจัากธิ์รรมชาตมิ าสม่้ นษุ ยด์ ัว� ิยการเกดิ ัแผน่ ดันิ ไห้วิห้รอ่ จัากการเคลอ�่ นตวั ิขึ้อง ส้นามิกับผลกระทับต่อป็ระชาชน สำาห้รับคล�่นส้นามิในป็ระเทัศึไทัยเม่�อวิันทั�ี 26 ธิ์ันวิาคม พั.ศึ. 2547 เกิดัขึ้้�นเน�่องจัาก แผ่นดัินไห้วิทัี�บรเิ วิณร่องล้กซีนุ ดัรา เกิดัการยุบตัวิขึ้องเป็ลอ่ กโลกบรเิ วิณรอยตอ่ ขึ้องแผน่ ธิ์รณี อินเดัยี กบั แผ่นธิ์รณพี ัม่า ทัาำ ให้� เกิดัแรงสัน� สะเทัอ่ น 9.1 ริกเตอร ์ โดัยมีจัุดัเห้นอ่ ศึน้ ย์เกิดั แผน่ ดัินไห้วิอย้ท่ ัางทัศิ ึตะวิันตกเฉียงเห้นอ่ ขึ้องเกาะสุมาตรา ทัาำ ให้ค� น ตายมากกวิ่า 226,000 คน ตามชายฝัง� ขึ้องมห้าสมุทัรอินเดัีย ในจัำานวินนี�เป็น็ คนไทัยไมน่ �อยกวิา่ 5,300 คน ซีง�้ นับเป็็นสน้ ามิ ทัีร� นุ แรงเป็็นอันดับั สองขึ้องโลก และสน้ ามทิ ั�มี คี วิามรนุ แรงเป็น็ อันดัับห้น้ง� ขึ้อง โลกเพั�งิ เกดิ ัเมอ�่ วินั ทั� ี 11 มนี าคม 2554 ไดั�เกดิ ั แผ่นดัินไห้วิครั�งรุนแรงในป็ระเทัศึญี�ป็ุ�น วิัดัควิามส�ันสะเทั่อนไดั� 9 ริกเตอร์ ห้ลังเกิดัแผ่นดัินไห้วิทัำาให้�เกิดัคล�่นยักษ์ส้นามิซีัดั ถุลม่ เม่องชายฝัง� ขึ้องญี�ป็นุ� ทัำาให้�บา� นเรอ่ นพังั พันิ าศึ ป็ระชาชนไดั�รับบาดัเจั็บ ลม� ตาย และ สญ้ ห้ายกนั เป็น็ จัาำ นวินมาก แรงส�นั สะเทั่อนในคร�ังนี�ทัำาให้�โรงไฟิฟิ้านิวิเคลียร์มีป็ัญห้าในระบบห้ล่อเย็นและ เกิดัระเบิดั จันมีสารกัมมันตภาพัรังสีร�ัวิไห้ล ทัำาให้้ ทัางการขึ้องญป�ี ็�ุนตอ� งอพัยพัป็ระชาชนในพั่�นทั�ีโดัยดั่วิน นบั เป็็นภัยพัิบัตทิ ัีร� �ายแรงทั�สี ุดัครั�งห้น้�งขึ้องป็ระเทัศึญีป� ็ุ�น เคร�อ่ งม่อทัางภู้มิศึาสตร์ เคร่อ� งม่อทัางภูม้ ศิ ึาสตร คอ่ วิัสดั ุ อปุ ็กรณ ์ ในร้ป็แบบต่างๆ ทั�นี ำามาใชเ� ป็น็ ส�่อ เพั�่อการศึ้กษา การสาำ รวิจั การเกบ็ รวิบรวิม การบันทั้ก การวิิเคราะห้์ขึ้�อม้ล ตลอดัจันใช�เป็็นส่อ� ในการเผยแพัร่ขึ้�อมล้ ทัางภ้มิศึาสตร ์ เคร�อ่ งม่อทัางภ้มิศึาสตร์ทัี� สำาคัญ ไดั�แก่ แผนทัี� เขึ้็มทัิศึ ร้ป็ถุ่ายทัางอากาศึ ภาพัถุ่ายดัาวิเทัียมและเคร่�องม่อเทัคโนโลยีเพั�่อการศึ้กษาภ้มิศึาสตร์ เช่น กลอ� งสามมิติ เทัอรโ์ มมิเตอร์ ระบบพัิกัดัพั�น่ ผวิ ิโลก ห้รอ่ เรยี กวิ่าจัีพัีเอส ระบบสารสนเทัศึ ภ้มศิ ึาสตร ์ ห้รอ่ จัีไอเอส เป็็นตน� รายวิชิ า สังั คมศึกึ ษา (สัค21001) 4 ระดัับมัธยมศึกึ ษาตอนตน้
1. แผนทั�ีเป็็นสง�ิ มนษุ ย์สรา� งขึ้้�นเพั่�อแสดังลักษณะทัต�ี ั�งขึ้องสิ�งตา่ ง ๆ ทัป�ี ็รากฏิอยบ่้ น พัน�่ ผวิ ิโลก ทั�งั ทัเี� กิดัขึ้�น้ เองตาม ธิ์รรมชาติและส�งิ ทัีม� นุษย์สร�างขึ้้น� โยการย่อส่วินให้ม� ขี ึ้นาดัเล็กลง ตามทัี�ต�องการพัร�อมทััง� ใช�เคร�อ่ งห้มายห้ร่อสญั ลกั ษณแ์ สดัง ลักษณะแทันสง�ิ ต่าง ๆ ลงในวิัสดัพุ ัน�่ แบนราบ ช่วิยให้�ผ�้ใชส� ามารถุรส�้ �งิ ทัีป� ็รากฏิบนโลกไดั�อยา่ งกวิา� งไกลโดัยไม่ต�องเดัินทัางไป็ เห้น็ พั�่นทั�จี ัรงิ 2. เขึ้ม็ ทัิศึเป็น็ เครอ�่ งม่อสาำ ห้รับใชใ� นการห้าทัศิ ึทัางขึ้องจัดุ ัห้รอ่ วิตั ถุโุ ดัยมหี ้น่วิยเป็น็ องศึา เป็รียบเทัยี บกับจัุดัเริม� ตน� อาศึยั แรงดั้งดั้ดัระห้วิ่างสนามแม่เห้ล็กขึ้ว�ั ิโลกกับเขึ้็มแม่เห้ล็ก ซี้�งเป็น็ องค์ป็ระกอบทัี�สำาคญั ทัี�สดุ ั เขึ้็มแมเ่ ห้ลก็ จัะแกวิง่ ไกวิอสิ ระ ในแนวินอน เพัอ�่ ให้แ� นวิเขึ้ม็ ชี� 8 อย้่ในแนวิเห้นอ่ ใตไ� ป็ยงั ขึ้ั�วิแมเ่ ห้ล็กโลกตลอดัเวิลา เขึ้ม็ ทัิศึมปี ็ระโยชน์ในการเดัินทัาง ไดัแ� ก่ การเดันิ เร่อทัะเล เคร่�องบิน การใช�เขึ้ม็ ทัิศึจัะตอ� งมีแผนทัีป� ็ระกอบและต�องห้าทัศิ ึเห้น่อก่อน 3. ร้ป็ถุา่ ยทัางอากาศึและภาพัถุา่ ยจัากดัาวิเทัียม เป็็นร้ป็ห้ร่อขึ้�อม้ลตัวิเลขึ้ทั�ีไดั�จัากการ เก็บขึ้อ� ม้ลภาคพั�่นดัินจัาก กลอ� งทัต�ี ิดัอย้่กบั ยานพัาห้นะ เชน่ เคร่�องบนิ ห้ร่อ ดัาวิเทัยี ม ซี้�งร้ป็ ถุ่ายทัางอากาศึและภาพัถุ่ายจัากดัาวิเทัยี มให้�ขึ้อ� ม้ลพั่น� ผวิ ิโลกไดั�อย่างดัี ทัำาให้�เห้็นภาพัรวิมขึ้อง การใชพ� ั่น� ทั�ีและการเป็ลย�ี นแป็ลงตา่ ง ๆ ตามทั�ปี ็รากฏิบนพัน�่ โลกเห้มาะแกก่ ารศึก้ ษา ทัรัพัยากร ผวิ ิดัิน เชน่ ป็า� ไม � การใช�ป็ระโยชนจ์ ัากดันิ ห้นิ แร่ 4. เครอ�่ งมอ่ เทัคโนโลยเี พัอ่� การศึ้กษาภม้ ศิ ึาสตร ์ ทัี�สำาคญั ไดั�แก 4.1 ระบบสารสนเทัศึภ้มิศึาสตร(์ GIS) ห้มายถุ้ง การเกบ็ รวิบรวิมและบันทัก้ ขึ้�อมล้ ทัางภม้ ิศึาสตรด์ ั�วิยระบบคอม พัวิ ิเตอรโ์ ดัยขึ้อ� มล้ เห้ลา่ นส�ี ามารถุป็รบั ป็รงุ แกไ� ขึ้ถุก้ ตอ� งทันั สมยั และสามารถุแสดังผลห้รอ่ นาำ ผลออกมาเผยแพัรเ่ ป็น็ ตวั ิเลขึ้ สถุติ ิ รป้ ็ภาพั ตาราง แผนทั�แี ละ ขึ้�อควิามทัางห้นา� จัอคอมพัวิ ิเตอรอ์ อกมาเป็น็ เอกสารไดั� ทัำาให้ช� ่วิยป็ระห้ยัดัเวิลาและงบป็ระมาณ ชว่ ิยให้เ� ห้็นภาพัจัาำ ลองพั่น� ทั�ชี ดั ัเจันทัาำ ให้ก� ารตดั ัสินใจัวิางแผนจัดั ัการและพััฒนา พั�น่ ทัี�มีควิามสะดัวิกย�งิ ขึ้้�น 4.2 ระบบพักิ ดั ัพัน่� ผวิ ิโลก(GPS) เป็น็ เครอ่� งมอ่ รบั สญั ญาณพักิ ดั ัพัน่� ผวิ ิโลกอาศึยั ระยะทัางระห้วิา่ งเครอ�่ งรบั ดัาวิเทัยี ม GPS บนพัน่� ผวิ ิโลกกบั ดัาวิเทัยี มจัาำ นวินห้นง�้ ทัโี� คจัรอยใ่้ น อวิกาศึและระยะทัางระห้วิา่ งดัาวิเทัยี มแตล่ ะดัวิง ป็จั ัจับุ นั มดี ัาวิเทัยี ม ชนิดันี�อย่้ป็ระมาณ 24 ดัวิง เคร่�องม่อรบั สญั ญาณมีขึ้นาดัและร้ป็รา่ งคล�ายโทัรศึพั ัทั์ม่อถุ่อ เรอ�่ งทั�ี 4 ทัรพั ัยากรธิ์รรมชาตแิ ละสิ�งแวิดัลอ� ม สง�ิ แวิดัลอ� มมีทัง�ั สิง� ทั�ีมชี วี ิติ และไมม่ ีชวี ิิตเกดิ ัจัากการกระทัาำ ขึ้องมนุษย์ห้ร่อมีอย้่ตาม ธิ์รรมชาต ิ เช่น อากาศึ ดัิน ห้นิ แรธ่ ิ์าต ุ นา�ำ ห้ว� ิย ห้นอง คลอง บ้ง ทัะเลสาบ ทัะเล มห้าสมุทัร พั่ชพัรรณสัตวิต์ ่าง ๆ ภาชนะเครอ่� งใชต� ่าง ๆ ฯลฯ สิ�งแวิดัลอ� ม ดัังกล่าวิจัะมีการเป็ล�ียนแป็ลงอย้่ เสมอ โดัยเฉพัาะมนุษย์เป็็นตัวิการสำาคัญย�ิงทัี�ทัำาให้�สิ�งแวิดัล�อมเป็ลี�ยนแป็ลงทั�ังในทัางเสริม สรา� ง และทัาำ ลาย นกั ภ้มิศึาสตรไ์ ดัใ� ช�ห้ลักเกณฑ์ควิามแตกต่างทัางดัา� นกายภาพั เชน่ ภ้มิป็ระเทัศึ ภ้มอิ ากาศึทัอ� งถุิ�นมาใช�แบง่ ภาคภม้ ิ ศึาสตร์ จั้งทัาำ ให้ป� ็ระเทัศึไทัยมสี ภาพัภ้มศิ ึาสตร์ทัีแ� บง่ ไดัเ� ป็น็ 6 เขึ้ต ค่อ 1. เขึ้ตทั�ีราบลุ่มนำ�าภาคกลางส่วินให้ญ่เป็็นทั�ีราบทั�ีมีควิามอุดัมสมบ้รณ์มากทัี�สุดัเพัราะ เกิดัการทัับถุมขึ้องตะกอน เช่น ทัีร� าบลุ่มแมน่ าำ� เจั�าพัระยา เป็น็ แห้ล่งทัที� ัาำ นาทัใ�ี ห้ญ่ทัีส� ดุ ัขึ้อง ป็ระเทัศึ 9 2. เขึ้ตทัิวิเขึ้าและห้บุ เขึ้าภาคเห้น่อลักษณะภ้มปิ ็ระเทัศึโดัยทััว� ิไป็เป็น็ ภ้เขึ้าซี้ง� มี แนวิขึ้นานจัากเห้นอ่ ลงมาใต � ทัิวิเขึ้า ทัางภาคเห้นอ่ เป็็นต�นกำาเนดิ ัขึ้องแม่น�ำาป็ิง วิงั ยม น่าน แม่น�ำาเห้ลา่ น�ีไห้ลผ่านทั�ีราบแคบ ๆ ระห้วิา่ ง ภ้เขึ้า ทัำาให้�เกดิ ัแอง่ แผ่น ดันิ ทัรดุ ัต�าำ ห้รอ่ เป็น็ ทัร�ี าบ ระห้วิา่ งภเ้ ขึ้าดังั ทัก�ี ลา่ วิมาแลว� ิ ทัวิ ิเขึ้าทัางภาคเห้นอ่ เป็น็ ตน� กาำ เนดิ ัขึ้องแมน่ ำ�าสายสาำ คญั ๆ ห้ลายสาย จัากลกั ษณะโครงสรา� งและภ้มิป็ระเทัศึทัาำ ให้�ทัิวิเขึ้าผปี ็ันนำ�า แบ่งออกเป็็น 3 ทัาง ดัว� ิยกันคอ่ 1. ทัางดั�านเห้น่อ มีแม่นำ�ากกและแม่นำา� อิงไห้ลลงส้่แม่นาำ� โขึ้งทัางอำาเภอ เชียงแสน และอำาเภอเชียงขึ้องในจัังห้วิัดั เชยี งราย ตามลาำ ดัับ 2. ทัางดั�านใต� มีแม่น�าำ ป็ิง วิัง ยม น่านซี้�งถุ่อเป็็นแม่นา�ำ สำาคัญสาขึ้าขึ้อง แม่น�ำาเจั�าพัระยามีทัิศึทัางการไห้ลลงส่ ้ อ่าวิไทัย รายวิิชา สังั คมศึกึ ษา (สัค21001) ระดัับมัธยมศึกึ ษาตอนต้น 5
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 674
Pages: