๓๙๒ หนวยการเรียนรทู ่ี ๔ สรรคาํ นาํ มาใช แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๖ เรื่อง การพดู อภปิ ราย เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ขอบเขตเนือ้ หา การพดู อภิปราย กิจกรรมการเรยี นรู แหลงเรียนรู จุดประสงคก ารเรยี นรู ๑. หองสมุด ดานความรู ขน้ั นาํ ๒. อินเทอรเ นต็ ๑. บอกความหมายของการพูดอภปิ ราย แสดงทรรศนะ ครูถามนักเรียนวา “ใครรูสึกวาตนเองเปนคนที่พูดไมคอย ๒. บอกรปู แบบของการพดู อภิปราย แสดงทรรศนะ เกงบางและปญหาของการท่ีทําใหตนเองพูดไมเกงคืออะไร” ดานทักษะและกระบวนการ ใหนักเรียนกันรวมกันอภิปราย จากนั้นครูสุมนักเรียนที่ตอบ สอ่ื ๑. เขยี นบทพดู อภิปรายไดถ ูกตอง วาตนเองพูดไมเกง แลวใหเลาใหเพื่อนฟงวาเหตุผลท่ีตนพูด ๑. บตั รบนั ทกึ พดู ดีมีเสนห ๒. พูดอภปิ รายไดถูกตอง ผฟู งคลอ ยตาม ไมเ กงคอื อะไร ๒. วีดีทศั นเรื่อง การพดู อภิปรายพาเพลินภายใตโ ครงการ ดา นคุณลกั ษณะ ขั้นสอน ๑. ใฝเรียนรู ๑. นักเรียนจับคูกันแลวระดมความคิดวา “การพูดที่ดีควรมี การเตรียมความพรอมสูอาเซยี น ๒. มุงมน่ั ในการทาํ งาน ลักษณะอยางไร” จากน้ันสรุปการพูดที่ดีลงในบัตรบันทึก ๓. ใบความรู เรอื่ งการพดู แสดงทรรศนะและรูปแบบ ๓. มมี ารยาทในการพดู การพูดอภปิ ราย พูดดมี เี สนห ดานหนา ภาระงาน/ชนิ้ งาน ๒. เปดวีดีทัศนเร่ือง “ประกวดการพูดอภิปรายสรางภายใต โครงการเตรียมความพรอมสูอาเซียน บนแนวทางเศรษฐกิจ พอเพยี ง” จากน้นั แตละคูสงั เกตการพดู ดังกลาววามลี ักษณะ อยางไร จากนัน้ บันทึกลงในบัตรบันทึกพดู ดีมเี สนห หนา หลัง ๓. นักเรียนจับกลุม กลุมละ ๖-๗ คน คิดชื่อกลุมโดยใหมี คําวา “พดู ” อยูช่ือกลุมของตนเองดวย ๔. แจกใบความรู เรื่องการพดู แสดงทรรศนะและการพดู อภปิ ราย ใหส มาชิกในกลุมรวมศกึ ษาแลวตอบคาํ ถามดงั ตอไปน้ี คาํ ถามที่ ๑ การพดู แสดงทรรศนะคืออะไร มีรปู แบบใดบาง คาํ ถามท่ี ๒ การพูดอภปิ รายคืออะไร มกี ระบวนการพดู อยา งไร
กลุม สาระการเรยี นรูภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๓๙๓ เวลา ๑ ช่วั โมง หนว ยการเรียนรูที่ ๔ สรรคํานาํ มาใช แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๖ เรอ่ื ง การพูดอภิปราย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี ๓ กลุมสาระการเรยี นรูภาษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย คาํ ถามท่ี ๓ ในการพูดแตละคร้ังผูพูดควรมีมารยาทในการพูด อยา งไร คําถามท่ี ๔ จากการศึกษาใบงานเรื่องการพดู แสดงทรรศนะ และการพดู อภิปราย นักเรียนมีความรูอะไรเพ่ิม ข้นึ มาบา ง คาํ ถามที่ ๕ ความรูทีเ่ พิม่ ขึ้นมาสงผลใหการพดู ดีขึ้นไดอยางไร ขนั้ สรุป ๑. สมุ นักเรยี น ๕ คน โดยใหนักเรียนเลอื กตอบคําถามคนละ ๑ ขอ เพอ่ื ตอบคําถามในขอ ทตี่ นเองเลอื กใหเ พ่ือนฟง ๒. ครูเพ่ิมเติมคําตอบที่นักเรียนตอบ แลวพูดเสริมแรง เพื่อใหนักเรียนเกิดความภาคภูมิใจและเพ่ือกระตุนใหนักเรียน คนอน่ื ๆ อยากตอบ
๓๙๔ การวัดและประเมนิ ผล สง่ิ ท่ตี องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เคร่อื งมือทใี่ ช เกณฑ คําถาม ผานเกณฑการประเมิน ดา นความรู การถามคาํ ถาม รอ ยละ ๘๐ ๑. บอกความหมายของ การพูดอภปิ ราย แสดงทรรศนะ ๒. บอกรูปแบบของการพดู อภปิ ราย แสดงทรรศนะ ดานทกั ษะและกระบวนการ แบบประเมนิ ผลงาน ผานเกณฑการประเมิน ๑. เขียนบทพดู อภิปรายได ประเมินผลงาน รอ ยละ ๘๐ ถูกตอง ๒. พูดอภปิ รายไดถกู ตอง ผูฟง คลอ ยตาม ดา นคุณลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ผานเกณฑคณุ ภาพ ๑. ใฝเรยี นรู ระดบั ๒ ๒. มุงมน่ั ในการทํางาน ๓. มีมารยาทในการพูด
กลุมสาระการเรยี นรูภ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๓๙๕ บนั ทึกผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ....................................................................................................................................................... ปญหาและอุปสรรค ....................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไข ....................................................................................................................................................... ลงช่ือ ..................................................ผสู อน (...........................................................) วนั ที่ .......เดือน.....................พ.ศ. ....... ความคดิ เห็น / ขอ เสนอแนะของผูบริหารหรือผทู ่ีไดร บั มอบหมาย ....................................................................................................................................................... ลงช่อื ..................................................ผบู ริหาร (...........................................................) วันท่ี .......เดอื น.....................พ.ศ. .......
๓๙๖ ใบความรูเรอื่ ง การพดู แสดงทรรศนะและรูปแบบการพูดอภิปราย หนว ยการเรยี นรทู ี่ ๔ เรื่อง สรรคาํ นํามาใช แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๖ เรื่อง การพดู อภิปราย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี ๓ การพดู แสดงทรรศนะ ความหมายของคาํ วา ทรรศนะ ทรรศนะ คือ ความคิดเห็นท่ีประกอบดวยเหตุผล ทรรศนะ เขยี นไดส องแบบ คือ ทรรศนะ หรอื ทศั นะ โครงสรางของการแสดงทรรศนะ การแสดงทรรศนะ ประกอบดว ยสวนสาํ คัญ ๓ สว น ดังนี้ ๑. ท่ีมา คือสวนท่ีเปนเร่ืองราวตาง ๆ อันทําใหเกิดการแสดงทรรศนะหรือส่ิงท่ีจะชี้ใหเห็นถึงความจําเปนที่ จะตอ งแสดงทรรศนะนัน้ ที่มาจะชวยใหผ ูรบสารเกิดความเขาใจและพรอมทจี่ ะรบั ฟง ทรรศนะนัน้ ๒. ขอสนบั สนุน คอื ขอ เท็จจริง หลกั การ รวมถึงทรรศนะหรอื มติของผูอ ื่นท่แี สดงทรรศนะนาํ มาใชประกอบกัน เพื่อใหเ ปนเหตุผลสนบั สนุนขอ สรปุ ของตน ๓. ขอสรุป คือสาระที่สําคัญที่สุดของทรรศนะ อาจเปนขอเสนอแนะ ขอวิจัย ขอสันนิษฐาน หรือ การประเมนิ คา ซ่ึงเจา ของทรรศนะนาํ เสนอเพ่อื ใหผูอื่นพจิ ารณายอมรบั หรือนาํ ไปปฏิบตั ิ ความแตกตา งระหวางทรรศนะของบคุ คล ความแตกตางระหวางทรรศนะของบุคคล ข้นึ อยกู บั อทิ ธพิ ลสาํ คัญ ๒ ประการ คอื ๓.๑ คุณสมบัติตามธรรมชาติของมนุษย หมายถึง คุณสมบัติท่ีมีติดตัวมาตั้งแตเกิด เชน ความมีไหวพริบ เชาวนปฏิภาณ ความถนดั หรอื พรสวรรค ๓.๒ สงิ่ แวดลอ ม หมายถงึ ทกุ สงิ่ ทุกอยางทงั้ ทเ่ี ปนธรรมชาติและสิ่งท่ีมนุษยส รา งหรือกระทําขึน้ ซง่ึ ส่ิงแวดลอม รอบตัวมนุษยแตล ะคน ประเภทของทรรศนะ ทรรศนะทม่ี นษุ ยแ สดงกนั อยเู ปนปกตใิ นสังคม ออกไดเปน ๓ ประเภท คอื ๑. ทรรศนะเชงิ ขอ เท็จจริง สวนใหญจะเปนทรรศนะที่กลาวถึงเร่ืองที่เกิดข้ึนแลว แตยังเปนเรื่องที่คนในสังคมถกเถียงกันอยูวา ขอเท็จจริงท่ีถูกตองเปนอยางไรกันแน การแสดงทรรศนะเชิงขอเท็จจริงจึงเปนเพียงการสันนิษฐานเทาน้ัน จะนา เช่ือถอื มากนอยเพยี งใด แลว แตเ หตุผลท่ผี แู สดงทรรศนะนํามาสนับสนุนเปน สาํ คญั ๒. ทรรศนะเชงิ คุณคา ทรรศนะประเภทน้ี เปนทรรศนะที่ประเมินวา สิ่งใดดี ส่ิงใดดอย ส่ิงใดเปนประโยชนหรือเปนโทษ สิ่งใด เหมาะสมหรอื ไมเ หมาะสม สิ่งเหลา น้ันอาจเปนวัตถุ บคุ คล กจิ กรรม โครงการ วธิ ีการ นโยบาย หรอื แมแตทรรศนะก็ได
กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๓๙๗ ผูแสดงทรรศนะอาจประเมินคาส่ิงน้ันโดยลําพังตัวของมันเอง หรือประเมินโดยเปรียบเทียบกับสิ่งท่ีอยูในประเภท เดียวกนั หรอื มลี ักษณะเปนไปในทํานองเดยี วกันตามเกณฑที่กาํ หนดขน้ึ ๓. ทรรศนะเชิงนโยบาย ทรรศนะเชิงนโยบายเปนทรรศนะที่บงช้ีวาควรทําอะไร อยางไรตอไปในอนาคต หรือควรจะปรับปรุง แกไขส่งิ ใดไปในทางใด อยา งไร นโยบายมีหลายระดับ ตงั้ แตบุคคล องคก าร สถาบัน ตลอดไปจนถึงระดบั ประเทศชาติ ทรรศนะเชิงนโยบายมักจะตองบงช้ีใหแจมชัดดวยวา สิ่งที่จะเสนอใหทําน้ัน มีขั้นตอนอยางไร มีเปาหมายอะไร เปน ประโยชนอยางไร และหากมอี ุปสรรคจะแกไขอยางไร อาจรวมไปถึงวิธปี ฏบิ ัตวิ านาจะกระทาํ อยางไรดวย ลกั ษณะของภาษาท่ใี ชแสดงทรรศนะ มีดงั น้ี ๑. การใชคําหรือกลุมคําเพื่อบงชวี้ า เปนการแสดงทรรศนะ เชน คง ควร คงจะ นาจะ ควรจะ เห็นวา คิดวา เชื่อวา ฯลฯ เชน คง, คงจะ : เขาคงไมประพฤตเิ ชน นน้ั วนั นี้เพอื่ นผมคงจะหายปว ย ควร, ควรจะ : เราควรยกยองในคณุ งามความดขี องเขา เราควรจะยกโทษใหเ ขา นา , นา จะ : เธอพดู จาสภุ าพและนิสยั นายกยอง นาจะเอาตวั อยา งทีด่ ีจากเขามาปฏิบตั ิ เหน็ วา : ผมเหน็ วาคําพดู ของนกั การเมอื งบางคนไมน าเชื่อถือ คดิ วา : ขาพเจา คดิ วา ผูท ีจ่ ะมาเปนผูน าํ จะตองมีความซือ่ สตั ยส ุจริต เชือ่ วา : ดิฉนั เช่อื วาคนทมี่ ีความมงุ ม่ันอยา งเธอจะทาํ ส่ิงใดก็ตอ งประสบความสาํ เร็จอยา งแนน อน ๒. เปนขอความทม่ี ที ัง้ ขอสรปุ และขอ สนับสนนุ เชน - ผมเหน็ วา การออกกาํ ลงั กายเปนประจาํ จะชว ยใหมีสุขภาพดี เราจึงควรออกกาํ ลังกายทุกวนั - ดิฉันคิดวารายการตาง ๆ ในโทรทัศนมีอิทธิพลมากตอความคิดของเยาวชน ดังนั้น ผูผลิตรายการท่ี สรางสรรคเพ่อื เยาวชนทง้ั หลายควรไดรบั การสนบั สนนุ จากรฐั บาลและเอกชนใหม ากขึน้ ปจจัยท่ีสงเสริมการแสดงทรรศนะ เม่ือบุคคลมีโอกาสแสดงทรรศนะแลว ยังมีปจจัยอื่นอีกหลายขอท่ีชวยสงเสริมการแสดงทรรศนะน้ัน ๆ อาจ สรุปปจจัยเหลานีไ้ ดเปน ๒ ประการ คอื ปจ จัยภายนอกและปจจัยภายใน ปจ จัยภายนอก มอี าทิ สือ่ ผูรับสาร บรรยากาศแวดลอ ม เวลา สถานท่ี บคุ คลอนื่ ปจจัยภายใน มีอาทิ ความสามารถในการใชภาษาท้ังวัจนภาษา และอวัจนภาษา ความเช่ือมั่นในตนเอง ความรูแ ละประสบการณ ทศั นคติ สตปิ ญ ญาและความพรอมทางกาย การประเมนิ คา ทรรศนะ แนวทางในการประเมินคา ทรรศนะควรเปน ดังน้ี ๑. ประโยชนและลักษณะสรา งสรรค ๒. ความนา เชอื่ ถือและความสมเหตสุ มผล ๓. ความเหมาะสมกับผรู บั สารและกาลเทศะ
๓๙๘ ความมงุ หมายของการอภิปราย ๑. เพือ่ เสนอปญหาหรอื เร่อื งบางอยาง ๒. ใหคนกลุมหน่ึงมารวมแสดงความคิดเห็น แลกเปล่ียนทรรศนะอยางมีหลักเกณฑและมีเหตุผลตามหลัก ประชาธิปไตย ๓. ผูรว มอภปิ รายเสนอขอเท็จจรงิ ขอ เสนอแนะ และแสวงหาขอแกไขทดี่ ีท่สี ุด อาจมีความเห็นสอดคลองกัน หรอื โตแ ยง กันก็ได ๔. หาขอยตุ ิของปญ หาหรือเรอ่ื งดังกลา ว ๕. ใหข อคดิ และเสนอแนะแนวทางในการแกปญหาตอไป ประเภทของการอภปิ ราย ๑. การอภิปรายกลุม หมายถึง การอภิปรายที่บุคคลมารวมปรึกษาหารือกัน อาจมีจํานวน ๕-๑๐ คน หรือมากกวานี้ก็ได ทุกคนมีสวนในการพูด ผลัดกันพูด ผลัดกันฟง การอภิปรายแบบนี้จะไมมีผูฟง เพราะทุกคนเปน ทัง้ ผพู ูดและผฟู งนน่ั เอง ๒. การอภิปรายในที่ประชุม หมายถึง การอภิปรายที่กําหนดวัตถุประสงคไวแนนอนวาทุกคนจะมารวม ประชุม เพื่อแสดงความคิดเห็นสําหรับหัวขอยุติในเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง การอภิปรายแบบน้ีมีประธานในการอภิปราย ทําหนา ทีค่ วบคมุ การดําเนินการอภปิ รายใหเ ปนไปตามระเบียบวาระ และหลังจากทีส่ มาชิกมารว มประชมุ อภปิ รายกัน เสรจ็ สน้ิ จนไดขอยุติ กอนเสนอขอยตุ ิน้ัน สมาชกิ จะตองลงคะแนนเสียงกันกอนเพื่อใหแนใ จวาเปนมติของท่ีประชุมจริง บางคร้ังอาจมีการคัดเลือกผูท่ีมีความรู ความเขาใจในเร่ืองน้ัน ๆ ประมาณ ๓-๕ คน รวมอภิปรายเปนคณะ สวนคน ทเ่ี หลือกเ็ ปน ผูฟ ง และหลังจากไดอ ภิปรายแลวจะเปด โอกาสใหผ ูฟงซักถามขอสงสยั เมื่อทุกคนเขาใจกระจา งดแี ลวจึง สรุปขอ ยตุ ทิ ีท่ ุกคนเห็นพองตองกนั ถือเปน มตขิ องท่ปี ระชุม จากนัน้ ประธานก็กลาวปดอภิปรายได หนาท่ีของผูดาํ เนนิ การอภปิ ราย การอภิปรายจะประสบผลสําเร็จมากนอยเพียงใด ขึ้นอยูกับผูดําเนินการอภิปราย ซึ่งหนาที่ของผูดําเนิน การอภปิ ราย ไดแก ๑. กลาวแนะนาํ ผูร ว มอภิปรายใหผูฟงรจู กั อยา งยอ ๆ ๒. กลาวช่ือเร่อื งที่จะอภิปรายและกําหนดเวลาการอภิปราย ๓. เชญิ ผอู ภปิ รายพดู ใหทั่วถงึ กนั คอยรกั ษาเวลาการพูดใหอยใู นกําหนด ๔. เขาใจเรอ่ื งทจี่ ะอภิปรายอยา งดี ประชุมปรกึ ษาหารือวางแผนการพดู ไวลว งหนา ๕. ชวยสรปุ การพูดอภปิ รายของแตละคนและเชื่อมโยงไปยงั ผูอ ภปิ รายแตล ะคนได ๖. คอยเพิ่มเตมิ หรือสรุปเรอื่ งอภปิ รายใหผูฟ ง เขา ใจดยี ิง่ ขนึ้ ๗. คอยแจกคําถามของผฟู งใหผ ูอ ภิปราย หนาที่ของผอู ภปิ ราย ๑. เขา ใจเนื้อเร่ืองทีจ่ ะพูดเปนอยางดี เตรยี มตวั มาอยา งดี ๒. ประชุมปรกึ ษาหารอื กบั คณะผอู ภปิ ราย แบง หัวขอตามความถนัดของตน ๓. รกั ษาเวลาในการพดู ใหเครงครัดเสมอและตรงตอการนดั หมาย ๔. ใชภาษาพูดทีก่ ะทัดรัด ชดั เจน ๕. รกั ษามรรยาทท่ดี ใี นการพูด เชน กริ ยิ าทาทาง สหี นา และการควบคุมอารมณ
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๓๙๙ ๖. ผูอภิปรายควรเปด โอกาสใหผ อู ื่นพูดบาง ไมพ ดู มากเสียคนเดยี ว ๗. เพม่ิ เตมิ เนือ้ เรื่องบางตอนหากเหน็ วาผอู ภิปรายยงั พูดไมสมบูรณ ปญ หาหรอื หัวขอเรอ่ื งทจี่ ะนํามาอภิปราย ๑. ไมค วรเนน ปญ หาทกี่ วางเกินไปจนสรปุ ผลไมไ ด หรอื ตองใชเ วลายาวนาน ๒. ควรเปนปญหาท่ีมสี าระและเปน ประโยชนแ กส วนรวม ๓. ควรเปน ปญ หาทค่ี นสว นใหญไดประสบและเปนปญ หาทีพ่ บไดบอย ๆ ๔. ควรเปน ปญหาท่ีสงั คมสว นใหญเขาใจยากหรือเขาใจไมถ ูกตอ ง
๔๐๐ บตั รบันทึกพูดดีมีเสนห เรื่อง.................................. หนว ยการเรยี นรทู ่ี ๔ เรอ่ื ง สรรคํานาํ มาใช แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๖ เรือ่ ง การพดู อภิปราย รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ ๓ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... ชอื่ ..............................นามสกลุ ...................................หอ ง......../...........เลขท.่ี ......................
กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๔๐๑ หนว ยการเรยี นรูที่ ๔ สรรคํานํามาใช แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๗ เรือ่ ง การพูดอภปิ รายพาเพลิน เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ ๓ ขอบเขตเน้อื หา การพูดอภปิ ราย กิจกรรมการเรยี นรู แหลงเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรยี นรู ๑. หองสมดุ ดานความรู ข้นั นาํ จาก ยูทูป แลวถาม ๒. อนิ เทอรเน็ต ๑. บอกความหมายของการพูดอภิปราย แสดงทรรศนะ ๑. เปดวิดิทัศนรายการเด่ียวไมโครไฟน ๒. บอกรูปแบบของการพดู อภิปราย แสดงทรรศนะ นกั เรยี นวา “การพดู ของโนต อุดมมีความนา สนใจหรือไม เพราะ ๓. ประโยชนของการพูดอภปิ ราย เหตใุ ด ครสู มุ นักเรยี น ๒-๓ คน เพ่ือพูดแสดงความคดิ เห็น” สือ่ ดา นทกั ษะและกระบวนการ ๒. ครูกลาวชื่นชมในคําตอบของนักเรียนและเพิ่มเติมความรู ๑. วิดทิ ศั นเ รื่อง รายการเดย่ี วไมโครไฟน ๑. เขียนบทพูดอภปิ รายไดถ ูกตอง ในสวนของการพูดแสดงความคิดเหน็ ๒. จิ๊กซอวก ารเขยี นบทพูด ๒. พดู อภปิ รายไดถูกตอง ผฟู งคลอยตาม ขั้นสอน ๓. ใบงานเรือ่ งการเขยี นบทพูด ดา นคณุ ลกั ษณะ ๑. นักเรียนเขากลุม โดยใชก ลุมเดิมเม่ือคาบที่แลว ๔. ใบงานเร่อื งการพดู อภปิ รายพาเพลนิ ๑. ใฝเรียนรู ๒. มงุ มั่นในการทาํ งาน ๒. นกั เรียนในกลุมรว มกันทบทวนรปู แบบการพูดอภปิ ราย ภาระงาน/ชนิ้ งาน ๓. มมี ารยาทในการพดู ๓. นักเรียนแตละกลุมแบงสมาชิกออกเปน ๒ ทีม ทีมละ ๓ คน การเขียนโครงเรื่องและการเขียนบทพูดอภิปรายพาเพลิน หากมีสมาชิกเหลือใหสมาชกิ ทีเ่ หลอื เปน พธิ ีกรประจํากลุม การแขงขนั การพูดอภปิ รายพาเพลนิ ๔. ครูจัดฐานการเรียนรูในรูปแบบการสอนแบบจิ๊กซอว หัวขอ เรือ่ ง การเขยี นโครงเรือ่ งและการเขียนบทพูดอภิปรายพาเพลิน แบบจ๊กิ ซอว การเขยี นโครงเรอ่ื งและการเขียนบทพูดอภิปรายพาเพลิน ผูเชย่ี วชาญที่ ๑ ดานบทบาทหวั หนาทมี ผูเชย่ี วชาญที่ ๒ ศกึ ษาบทบาท สมาชกิ คนท่ี ๑-๓ ผเู ช่ยี วชาญที่ ๓ ศกึ ษาการเขยี นโครงเรื่องและบทพูด ๕. นักเรียนกลับไปยังกลุมบานของตนเองแลวผลัดกันเลาเรื่อง ท่ีตนไดศึกษาเรียนรูมาจากจิ๊กซอว การเขียนโครงเร่ือง และ การเขยี นบทพดู อภิปรายพาเพลนิ
๔๐๒ แผนการจัดการเรียนรูท ่ี ๗ เรอื่ ง การพดู อภปิ รายพาเพลิน เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว ยการเรียนรทู ี่ ๔ สรรคํานํามาใช ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ ๓ กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ๖. นักเรียนทําใบงานตอบคําถามจากจ๊ิกซอวการเขียนโครงเรื่อง และการเขยี นบทพดู อภิปรายพาเพลนิ ใบงาน เรื่องเขียนโครงเรือ่ งและการเขยี นบทพดู อภปิ รายพาเพลิน คําถามที่ ๑ ภายในเวลา ๑๕ นาที นักเรียนทํางานเสร็จหรือไม เพราะอะไร คาํ ถามที่ ๒ การศึกษาเรียนรูมีปญหาใดหรือไม หากมีนักเรียน แกปญ หาอยา งไร คาํ ถามท่ี ๓ ศึกษาฐานเรยี นรูแลว ไดอ ะไรเพ่ิม ๗. หัวหนาทมี นาํ เสนอ ใบงาน แลวนาํ ใบงานสง ครู ขน้ั สรุป ๑. ครูกลา วชนื่ ชมในความมงุ มั่นในการทํางานของนกั เรียน และ ปลูกฝงใหนักเรียนใชวิธีการของพูดอภิปรายพาเพลินในการหา ความรตู า ง ๆ เพือ่ ใหนักเรียนมีภมู คิ ุมกนั ที่ดีในการใชชวี ิต ๒. ครูมอบหมายการบานใหนักเรียนทําใบงานโครงเรื่องและ การเขียนบทพูด ตามหนาที่ท่ีตนไดรับมอบหมายจากทีม แลว สงครู เพ่อื ใหค รแู นะนําเพ่ิมเติมนอกเหนือเวลาเรียนและให นักเรียนเตรียมทีมแขงขันในการพูดอภิปรายนอกเหนือเวลา เรยี น
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๔๐๓ การวดั และประเมนิ ผล สิง่ ท่ตี องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครือ่ งมอื ที่ใช เกณฑ ดา นความรู ผานเกณฑการประเมิน การพดู อภปิ ราย สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม รอ ยละ ๘๐ ในการเรียน ในการเรียน ผานเกณฑการประเมนิ ดานทกั ษะและกระบวนการ รอ ยละ ๘๐ เขยี นโครงเรอ่ื งและการเขยี น ๑. นาํ เสนอผลงาน ๑. แบบประเมิน บทพดู อภิปรายพาเพลิน การเขียนบทพดู การนาํ เสนอผลงาน แขงขันการพูดอภปิ ราย ๒. ตรวจการพูดอภิปราย การเขยี นบทพดู พาเพลิน พาเพลิน ๒. แบบประเมินการพูด อภิปรายพาเพลิน ดา นคุณลักษณะ สังเกตพฤติกรรม แบบประเมินคุณลักษณะ ผานเกณฑคณุ ภาพ ใฝเรยี นรู อันพึงประสงค ระดับ ๒ มุง มน่ั ในการทํางาน มมี ารยาทในการพูด
๔๐๔ บันทึกผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู ....................................................................................................................................................... ปญ หาและอปุ สรรค ....................................................................................................................................................... ขอเสนอแนะและแนวทางการแกไข ....................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ..................................................ผสู อน (...........................................................) วนั ที่ .......เดือน.....................พ.ศ. ....... ความคิดเหน็ / ขอ เสนอแนะของผูบริหารหรือผทู ไ่ี ดรับมอบหมาย ....................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ..................................................ผบู รหิ าร (...........................................................) วนั ที่ .......เดอื น.....................พ.ศ. ......
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๔๐๕ ใบงานเร่ือง การเขยี นบทพูดอภปิ ราย หนวยการเรียนรูท่ี ๔ เร่ือง สรรคาํ นํามาใช แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๗ เรอ่ื ง การพูดอภปิ รายพาเพลนิ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี ๓ เร่อื ง...................................................... บทพดู .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. กลมุ ท.่ี .............................ช่ือกลุม...................................หอ ง......../...........เลขท่.ี ...........................
๔๐๖ ใบงานเรือ่ ง การพดู อภปิ รายพาเพลนิ หนวยการเรยี นรทู ี่ ๔ เรื่อง สรรคํานาํ มาใช แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๗ เรือ่ ง การพูดอภปิ ราย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ใหน ักเรยี นสรุปความรูและสงิ่ ที่ไดร ับจากการฟง จากการพูดอภปิ รายพาเพลิน .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ช่ือ..............................นามสกุล...................................หอ ง......../...........เลขท่ี.......................
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๔๐๗ แบบประเมินผลการนาํ เสนอผลงาน รายการประเมิน สรปุ ผล ผลงาน ความ ทาํ งาน ความคดิ ผาน ไม ถูกตอง สะอาด ตาม สรางสรรค คะแนน ระดบั ผา น เลขที่ ชื่อ-นามสกุล ตาม สวยงาม ขน้ั ตอน รวม คุณภาพ สาระ (๑๒) ๑ (๓) (๓) (๓) (๓) ๒ ๓ ๔ ๕ ระดบั คณุ ภาพ หมายถงึ ลงชอ่ื ........................................ผูประเมนิ ๑ – ๕ คะแนน หมายถึง ......../................/............ ๖ – ๘ คะแนน หมายถึง ๙ – ๑๐ คะแนน หมายถึง ๑ (ปรบั ปรุง) ๑๑ – ๑๒ คะแนน ๒ (พอใช) ๓ (ด)ี ๔ (ดีมาก) หมายเหตุ ระดบั คุณภาพ ๑ ถอื วา ไมผา น
๔๐๘ แบบประเมนิ การพูดอภิปราย ลาํ ดับ ช่ือ – สกลุ พูดไดถูกตอ ง การใชถ อ ยคาํ การใหความรู มารยาท รวม ที่ ตามหลกั การ สํานวนภาษา แกผูฟง ในการพูด ๑๖ พูดอภิปราย คะแนน ๔๓๒๑๔ ๓ ๒๑๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ลงช่อื ...................................................ผูประเมิน ............../.................../................ ระดับคณุ ภาพ ๑๔ - ๑๖ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๑๑ - ๑๓ หมายถึง ดี คะแนน ๘ - ๑๐ หมายถงึ พอใช คะแนน ตาํ่ กวา ๗ หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน
กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๔๐๙ เกณฑก ารใหคะแนนการประเมินการนาํ เสนอผลงาน เกณฑการใหคะแนน รายการประเมิน ๓๒๑ ๑. ผลงานถูกตอง ผลงานถูกตองตามหลัก ผลงานถกู ตองตามหลัก ผลงานไมถูกตอ งตาม ตามสาระ วชิ า วิชาแตบกพรองในบาง หลกั วชิ า จดุ ๒. ความสะอาดสวยงาม มีความสะอาด สวยงาม มีความสะอาด สวยงาม มคี วามสะอาด สวยงาม เรยี บรอย เรียบรอ ยเปนสวนใหญ เรยี บรอยเปนสวนนอย ๓. ทาํ งานตามขนั้ ตอน การทาํ งานมีครบทุก การทาํ งานไมครบทุก การทํางานไมมีขัน้ ตอน ขนั้ ตอน ขั้นตอนและผดิ พลาด มีความผดิ พลาดตอ ง บา ง แกไข ๔. ความคดิ สรางสรรค ผลงานแสดงออกถึง ผลงานแสดงออกถึง ผลงานไมแสดงออกถึง ความคดิ ริเร่ิมสรา งสรรค ความคดิ ริเร่ิมสรา งสรรค ความคดิ ริเริ่มสรา งสรรค แปลกใหม เกดิ จากการเลียนแบบ เกณฑการตดั สนิ คณุ ภาพ หมายถึง ๑ ปรับปรุง ๑ – ๕ คะแนน หมายถงึ ๒ พอใช ๖ – ๘ คะแนน หมายถึง ๓ ดี ๙ – ๑๐ คะแนน หมายถงึ ๔ ดมี าก ๑๑ – ๑๒ คะแนน หมายเหตุ ระดบั คุณภาพ ๑ ไมผ า น
๔๑๐ รายการประเมิน แบบประเมนิ การพูดอภปิ ราย ๑. พดู ไดถ กู ตอ ง คําอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดบั คะแนน ตามหลกั การพูด ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช (๒) ปรับปรุง (๑) อภปิ ราย มกี ารวางแผน มีการวางแผน มีการวางแผน มกี ารวางแผน ในการพูดแสดง ในการพูดแสดง ในการพูดแสดง ในการพูดแสดง ๒. การใชถ อยคาํ ความคิดเห็น ความคิดเหน็ ความคิดเห็น ความคดิ เหน็ สาํ นวนภาษา แลกเปล่ียน แลกเปลี่ยน แลกเปลย่ี น แลกเปลีย่ น ๓. การใหค วามรู ทรรศนะ มเี หตุผล ทรรศนะ มเี หตผุ ล ทรรศนะ มีเหตุผล ทรรศนะ มีเหตผุ ล แกผูฟ ง ตามหลกั และ ตามหลักและ ตามหลกั และ ตามหลักและ ๔. มารยาทใน รูปแบบการพูด รปู แบบการพดู รูปแบบการพดู รูปแบบการพูด การพูด อภปิ ราย ซ่งึ มุง อภิปราย ซึง่ มงุ อภปิ ราย ซึง่ มุง อภิปราย ซ่ึงมุง เสนอขอ เทจ็ จรงิ เสนอขอ เท็จจริง เสนอขอ เทจ็ จรงิ เสนอขอเทจ็ จรงิ ขอเสนอแนะและ ขอเสนอแนะและ ขอ เสนอแนะและ ขอเสนอแนะและ แสวงหาขอแกไขท่ี แสวงหาขอแกไข แสวงหาขอแกไ ข แสวงหาขอ แกไข ดที ่ีสุดใหแกผ ูฟง เปนสว นใหญ เปนบางสวน เพยี งเลก็ นอย ใชภาษาทีเ่ ขาใจ ใชภาษาทเ่ี ขา ใจ ใชภ าษาทเ่ี ขา ใจ ใชภ าษาทเี่ ขา ใจ งาย สละสลวย งาย สละสลวย งา ย สละสลวย งาย สละสลวย สอดคลองกบั สอดคลอ งกบั สอดคลอ งกบั สอดคลองกบั เนอ้ื เรื่องถกู ตอง เนื้อเรอ่ื งถูกตอง เนอื้ เรื่องถูกตอง เนื้อเร่อื งถกู ตอง ตามอักขรวิธี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวธิ ี เปน สว นใหญ เปน บางสว น เพียงเล็กนอย ไดความรทู ี่ ไดความรทู ี่ ไดความรทู ี่ ไดความรูท่ี หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย ตรงตามหัวขอ ตรงตามหวั ขอ ตรงตามหวั ขอ ตรงตามหัวขอ ไดขอคิดและ ไดขอคดิ และ ไดขอคดิ และ ไดขอคิดและ แนวทางใน แนวทางใน แนวทางใน แนวทางใน การแกป ญหา การแกปญหา การแกป ญหา การแกป ญหา เปนสวนใหญ เปนบางสว น เพียงเลก็ นอย มมี ารยาทใน มขี อ บกพรอง มขี อ บกพรอง มขี อ บกพรอง การพูดการพูด เกี่ยวกับมารยาทใน เก่ยี วกับมารยาทใน เกย่ี วกบั มารยาทใน อภปิ รายครบถว น การพดู อภิปราย การพดู อภิปราย การพูดอภิปราย ดังนี้ ๑ ขอ ๒ ขอ ๓ ขอ ๑. ไมพูดเชงิ ดหู ม่นิ ผฟู ง ๒. ไมโ ออ วดตนเอง ๓. ไมขัดจังหวะ หรือทวงติงผูก ําลงั อภปิ ราย
กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๔๑๑ ระดบั คุณภาพ เกณฑการตดั สินคณุ ภาพ ชว งคะแนน ๑๔ - ๑๖ ดมี าก ๑๑ - ๑๓ ดี ๘ - ๑๐ ตํ่ากวา ๘ พอใช ปรับปรงุ
๔๑๒ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๔ สรรคาํ นาํ มาใช แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๘ เรื่อง คําทับศพั ทและศพั ทบัญญัติ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ ๓ ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู แหลง เรยี นรู คาํ ทับศัพทแ ละศัพทบ ัญญัติ ๑. หอ งสมดุ จุดประสงคก ารเรยี นรู ช่วั โมงที่ ๑ ๒. อินเทอรเ น็ต ดานความรู ขน้ั นาํ สอื่ อธบิ ายคําทับศัพทแ ละศพั ทบัญญัติ ๑. ครูใหนักเรียนเลนเกมปริศนาอะไรเอย (เกมนี้จะเปน ๑. เกมปรศิ นาอะไรเอย ดานทกั ษะและกระบวนการ เกมท่นี ําคาํ ทับศพั ทแ ละศัพทบ ัญญัติ มาใชใ นการเลน เกม) ๒. ใบความรเู ร่อื ง คาํ ทับศัพทและศัพทบญั ญตั ิ ๑. วิเคราะหและจําแนกคําทับศพั ทและศัพทบัญญัติได ๒. ครูสนทนาแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ เก่ยี วกับคาํ ทับศัพท ๓. ใบงานเรื่อง คาํ ทับศัพทแ ละศัพทบ ญั ญัติ ๒. ใชคาํ ทับศัพทและศัพทบ ัญญตั ิได และศัพทบญั ญัตทิ พี่ บในเกมดังกลา ว ภาระงาน/ชิน้ งาน ดานคณุ ลกั ษณะ ข้ันสอน ๑. ใฝเ รยี นรู ๑. นักเรียนศึกษาใบความรู เรื่อง คําทับศัพทและศัพท ๒. มงุ ม่ันในการทาํ งาน บัญญตั ิ ๒. นกั เรยี นทําใบงาน เรื่อง คําทับศพั ทแ ละศพั ทบ ญั ญตั ิ ข้ันสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุป เร่ืองคําทับศัพทและศัพท บัญญัติ
กลุมสาระการเรยี นรูภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๔๑๓ การวดั และประเมนิ ผล ส่งิ ที่ตองการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือทใี่ ช เกณฑ ดา นความรู แบบประเมินการตอบ ผา นเกณฑการประเมนิ อธิบายคําทบั ศพั ทและศัพท ถามคําถาม คําถาม รอ ยละ ๘๐ บัญญัติ แบบทดสอบ ผา นเกณฑการประเมิน ดานทกั ษะและกระบวนการ รอยละ ๘๐ ๑. วิเคราะหและจําแนกคาํ ทับ ทดสอบ ศพั ทและศัพทบัญญัติ ๒. ใชค ําทบั ศัพทและศัพท บัญญัติได ดา นคณุ ลักษณะ ๑. ใฝเรียนรู สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผานเกณฑคุณภาพ ๒. มุง ม่นั ในการทาํ งาน อันพงึ ประสงค ระดบั ๒
๔๑๔ บันทึกผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู ....................................................................................................................................................... ปญ หาและอปุ สรรค ....................................................................................................................................................... ขอเสนอแนะและแนวทางการแกไข ....................................................................................................................................................... ลงช่ือ ..................................................ผสู อน (...........................................................) วนั ที่ .......เดอื น.....................พ.ศ. ....... ความคิดเหน็ / ขอ เสนอแนะของผูบริหารหรือผทู ี่ไดรับมอบหมาย ....................................................................................................................................................... ลงชอื่ ..................................................ผบู ริหาร (...........................................................) วนั ท่ี .......เดอื น.....................พ.ศ. ......
กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๑๕ เกมปรศิ นาอะไรเอย ๑. อะไรเอย ขนมอบของฝรัง่ ชนิดหนง่ึ ทาํ ดวยแปง สาลีผสมไข เนย น้าํ ตาล เคก ๒. อะไรเอย เนยแขง็ มีชื่อเรยี กอกี อยา งหน่ึง คอื ชสี ๓. อะไรเอย ปลาชนิดหนง่ึ เนอื้ มสี ีชมพูหรือแดงเขม นิยมเอามาทาํ เปนปลากระปอง ทนู า ๔. อะไรเอย ชื่อยําของชาวตะวนั ตกที่ใชผกั สดหลายชนิด สลัด ๕. อะไรเอย ผลิตผลท่ีไดม าจากเมล็ดของตนโกโก ชอ็ กโกแลต ๖. อะไรเอย กีฬาอยางหน่งึ ทีผ่ ูเลน ตอ งยนื บนแผน สกีแลวไถตัวเองใหล่นื ไถลตามเนนิ เขา ทม่ี ีหมิ ะปกคลุม สกี ๗. อะไรเอย ที่สวมเทา ทาํ ดวยโลหะมีลอเล็ก ๆ สเกต ๘. อะไรเอย เครือ่ งดนตรชี นิดหน่งึ เปนพวกเคร่อื งสาย กีตาร ๙. อะไรเอย กฬี าประเภทหนงึ่ ซ่ึงผเู ลน ใชไมห ลายชนดิ ตลี กู บอลใหล งหลุม กอลฟ ๑๐. อะไรเอย เครอื่ งคํานวณอเิ ล็กทรอนิกสโดยใชว ิธที างคณติ ศาสตรป ระกอบดวยฮารด แวร คอมพิวเตอร ๑๑. อะไรเอย ไขมนั ที่สกัดไดจากนม ครีม ๑๒. อะไรเอย เงินพเิ ศษทจ่ี ายใหเ ปนบําเหน็จรางวัลแกพนักงาน นอกเหนือจากเงินเดอื นปกติ โบนัส ๑๓. อะไรเอย สมยั นิยม, รูปแบบ หรือความนยิ มของคนสว นใหญท เี่ กดิ ขึน้ เพียงชวงเวลาหนึ่ง แฟชนั่ ๑๔. อะไรเอย ศิลปะสาขาหน่งึ เกยี่ วกบั การเขยี นภาพวาดภาพ, ภาพวาด หรือภาพเขยี น จติ รกรรม ๑๕. อะไรเอย นํา้ คา งทแ่ี ข็งตัวอยูต ามตนไมใ บหญาใกลพ ้ืนดนิ เม่อื ผวิ หนา ของพ้ืนดนิ มีอุณหภูมิ ตํา่ กวา ๐ องศาเซลเซยี ส. น้าํ คา งแขง็
๔๑๖ ใบความรเู รอื่ ง คาํ ทบั ศัพทและศพั ทบัญญัติ หนวยการเรียนรทู ่ี ๔ เรอ่ื ง สรรคํานํามาใช แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๘ เรื่อง คาํ ทบั ศพั ทและศพั ทบ ัญญัติ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ ๓ คําทับศัพท คือ คือ การถอดอักษร หรือแปลงขอความจากระบบการเขียนหรือภาษาหนึ่งไปสูอีก ระบบหนึ่งอยางมีหลักการ เพื่อใหสามารถเขียนคําในภาษาตางประเทศดวยภาษาและอักษรในภาษานั้น ๆ ได สะดวก เชน การทับศัพทภาษาอังกฤษซึ่งเขียนดวยอักษรโรมัน มาเปนอักษรไทยเพ่ือใชในภาษาไทย หรือ การทับศัพทภาษาไทย ไปเปนอักษรโรมันเพื่อใชในภาษาอังกฤษ เปนตน สวนมากใชกับวิสามานยนาม อาทิ ชอื่ บุคคล สถานที่ หรอื ช่ือเฉพาะท่ไี มสามารถแปลความหมายเปน ภาษาอ่นื ไดโ ดยสะดวก หลักเกณฑการทับศัพท ๑. การทับศัพทใหถอดอักษรในภาษาเดิมพอควรแกการแสดงท่ีมาของรูปศัพท และใหเขียนในรูปท่ี อานไดส ะดวกในภาษาไทย ๒. การวางหลักเกณฑไ ดแ ยกกําหนดหลักเกณฑการทับศัพทภาษาตาง ๆ แตละภาษาไป ๓. คําทับศัพทท่ีใชกันมานานจนถือเปนภาษาไทย และปรากฏในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แลว ใหใชต อ ไปตามเดิม เชน ชอ็ กโกเลต, ช็อกโกแลต, เช้ิต, กาซ, แกส ๔. คําวสิ ามานยนามทีใ่ ชก นั มานานแลว อาจใชต อ ไปตามเดมิ เชน Victoria = วกิ ตอเรีย Louis = หลยุ ส Cologne = โคโลญ คําศัพทบัญญัติ หมายถึง คําศัพทภาษาไทยที่คิดข้ึนใชแทนศัพทภาษาอังกฤษดวยการผูกหรือ ประกอบข้ึนจากคําศัพทใ นภาษาบาลีและสนั สกฤต แลว ผานการพิจารณาจากผเู ช่ียวชาญทางภาษา จากนั้นจึง ประกาศใช หากศัพทใ ดมผี ยู อมรับกม็ กี ารใชศัพทเ หลาน้ันตอมา วิธีการบัญญตั ิศพั ท มีหลัก ๓ ประการ ดงั น้ี ๑. คิดหาคําไทยมาประกอบเปน คําศัพททม่ี คี วามหมายตรงกับความหมายเดิมของคําภาษาองั กฤษ คา ผา นทาง (toll) น้ําคา งแข็ง (frost) นํา้ คางแขง็ (dry ice) ทะเลหลวง (open sea) ๒. หากหาคําในภาษาไทยที่เหมาะสมไมไดใหพยายามสรางคําดวยภาษาบาลี สันสกฤต โดยมี หลกั เกณฑวา ตอ งเปนคําท่ีมีใชอยูแลว ในภาษาไทยและสามารถออกเสยี งไดงา ย กิจกรรม (activity) สดมภ (colum) มลพษิ (pollution) ปรัชญา (philosophy) ๓. ถา ไมสามารถบญั ญัติศัพทโดยวิธกี ารสองขอดังกลาวได ใหใชค ําภาษาตา งประเทศนน้ั ทับศัพทไปกอน เชิ้ต (shirt) ครมี (cream) ฟล ม (flim) โซฟา (sofa)
กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๔๑๗ ใบงานเรอื่ ง คาํ ทบั ศัพทแ ละศัพทบ ญั ญัติ หนวยการเรียนรทู ี่ ๔ เร่อื ง สรรคาํ นาํ มาใช แผนการจดั การเรยี นรูท ี่ ๘ เรื่อง คําทบั ศัพทแ ละศพั ทบ ัญญตั ิ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ ๓ ตอนท่ี ๑ ใหน ักเรยี นเขียนคําทบั ศัพทตอไปนด้ี ว ยอกั ษรไทย พรอ มทั้งบอกความหมายของคาํ ๑. gysum ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. tent ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. phosphorus ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. pyramid ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนท่ี ๒ ใหน ักเรียนเขยี นคําที่เปน ศัพทบัญญัตขิ องคําภาษาองั กฤษทก่ี ําหนดใหต อไปนี้ ๑. Network ....................................................................................................................... ๒. Electricity ....................................................................................................................... ๓. Theory ....................................................................................................................... ๔. Culture ....................................................................................................................... ๕. Demand ....................................................................................................................... ๖. Melody ....................................................................................................................... ๗. Television ....................................................................................................................... ๘. Pollution ....................................................................................................................... ๙. University ....................................................................................................................... ๑๐. Cereal ....................................................................................................................... ตอนท่ี ๓ ใหนักเรยี นนําศัพทบญั ญตั จิ ากตอนที่ ๒ สรางประโยค จาํ นวน ๕ ประโยค ตวั อยา ง คุณยายของฉันชอบรบั ประทานเครื่องดมื่ ธญั พืช ๑.................................................................................................................................................................... ๒.................................................................................................................................................................... ๓.................................................................................................................................................................... ๔.................................................................................................................................................................... ๕....................................................................................................................................................................
๔๑๘ เฉลยใบงานเรือ่ ง คาํ ทับศพั ทแ ละศัพทบ ัญญัติ หนวยการเรียนรูท่ี ๔ เรอ่ื ง สรรคํานาํ มาใช แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๘ เร่อื ง คําทับศัพทแ ละศัพทบัญญัติ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ ๓ ตอนที่ ๑ ๑. gysum ยิปซัม หมายถึง แรชนิดหน่ึง ชื่อไฮเดรเตดแคลเซียมซัลเฟต เมื่อนํามาเผาใหรอนดวย อุณหภูมิ ๑๒๐ – ๑๓๐ องศาเซลเซียส จะไดผ งสขี าว เรียกวา ปูนปลาสเตอร หินฟองเตาหู ๒. tent เต็นท หมายถึง ที่พักหรือท่ีอาศัย ทําดวยผาใบขึงขังกับเสาหรือหลัก สามารถเคล่ือนยาย ไปมาได ๓. phosphorus ฟอสฟอรัส หมายถึง สารละลายซ่ึงมีแกสฟอรมัลดีไฮดละลายอยูรอยละ ๔๐ ใชประโยชนเปน ยาลา งเช้ือโรคและดองซากศพ ๔. pyramid พีระมิด หมายถึง ส่ิงกอสรางท่ีมีฐานเปนรูปเหล่ียมตาง ๆ ดานขางทั้ง ๔ ขาง เปนรูป สามเหลยี่ ม มีปลายสดุ ไปบรรจบกันที่ยอด ตอนท่ี ๒ ..................เครอื ขา ย.............................................................................................. ๑. Network ..................ไฟฟา .................................................................................................... ๒. Electricity ..................ทฤษฎ.ี .................................................................................................. ๓. Theory ..................วัฒนธรรม............................................................................................. ๔. Culture ..................อปุ สงค.................................................................................................. ๕. Demand ..................ทํานอง.................................................................................................. ๖. Melody ..................โทรทัศน............................................................................................... ๗. Television ..................มลพิษ................................................................................................... ๘. Pollution ..................มหาวทิ ยาลยั ........................................................................................ ๙. University ..................ธญั พชื .................................................................................................. ๑๐.Cereal ตอนท่ี ๓ ................................................................อยูในดุลยพินิจของผูส อน....................................................................
กลุมสาระการเรยี นรูภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๔๑๙ แบบทดสอบ เรอ่ื ง คําทับศพั ท ศัพทบ ัญญตั ิ คําชี้แจง จงตอบคําถามตอไปน้ีใหถ ูกตอ ง ๑. ขอ ใดกลา วถึงคําทับศพั ท ไดถูกตองทส่ี ดุ ก. การทับศัพทเปน การบญั ญัตศิ พั ทขึ้นใชใหมเพ่ือใหส อ่ื ความหมายไดตรงกัน ข. การทบั ศัพทเ ปนการถา ยเสียงภาษาเดิมออกเปนภาษาไทย ตามท่อี อกเสียงกัน ค. การทับศัพทเ ปน การสรา งคาํ ใหม ๆ ใหสอดคลอ งกับเทคโนโลยตี างประเทศ ง. การทับศัพทเปนการปรับปรุงคาํ ใหใ ชส อื่ ความหมายในเฉพาะกลมุ วงการตาง ๆ ๒. ขอใดใชค ําภาษาตา งประเทศโดยไมจ ําเปน ก. เมือ่ ไฟดบั ควรตรวจดวู าเปน เพราะฟว สข าดหรือปลั๊กหลุด ข. เดก็ ๆ ชอบรับประทานไอศกรีมชอ็ กโกแลตมากกวา ไอศกรมี กะทสิ ด ค. กอ นเขา แบงก ผูขบั ขร่ี ถจักรยานยนต ตอ งถอดหมวกกันนอ็ กและแวน ตาดําออก ง. นักกอลฟหลายคน อยากเปลยี่ นวงสวิงใหค ลา ยกับไทเกอรว ูดส เพอื่ ใหตลี ูกไดแ มน และไกล ๓. ขอใดใชค าํ ภาษาตางประเทศโดยไมจ าํ เปน ก. เวลาไปเที่ยวปาฉันชอบสวมกางเกงยีนสแ ละหมวกแกป ข. ขณะนีน้ ํ้ามันเบนซนิ ราคาแพงมาก อีกทงั้ แกส กาํ ลังขึน้ ราคา ค. พอถึงสนามหลวง คนขบั รถเมลเหยยี บเบรกกะทนั หันจนเราหัวคะมํา ง. ทีท่ าํ งานของฉนั กําลังซอมลิฟต ทห่ี องทาํ งานก็ตองสวิตชไ ฟดว ย ๔. ขอ ใดเปนศัพทบ ญั ญัตทิ กุ คํา ก. ภมู ิแพ วดี ิโอ วัคซนี ข. บลอ็ ก โนมถวง สังคมมติ ิ ค. ธนาคาร เครอ่ื งพมิ พ ภมู ิหลัง ง. เซรมุ เทนนิส เทคโนโลยี ๕. ขอ ใดไมมีคาํ ภาษาไทยใชแทนคําภาษาตางประเทศ ก. วัยรุนสว นใหญชอบรองเพลงฮติ ติดอนั ดับ ข. รฐั บาลมีโปรเจก็ ตพฒั นาชนบทมากมาย ค. พอคารบั ออรเดอรส ัง่ สินคาจากอเมรกิ า ง. ปจจบุ นั อินเทอรเน็ตมคี วามจาํ เปน อยา งย่ิง ๖. การนําคําทับศัพทภาษาอังกฤษมาใชในขอใดทีท่ าํ ใหภาษาไทยมีวงศัพทเพิม่ มากข้ึน ก. มาเรยี นอยูในกรงุ เทพยนู ิเวอรซ ติ ี้ที่ทันสมัย ข. ซมั เมอรแมเ รยี กตัวกลับมาชว ยทาํ ไรทํานาท่ีบา นหนองใหญ ค. ชาวบานก็ดอ ยการศึกษากินแตป ลาราทไี่ มพลาสเจอรไรซ ง. ใหม าเปนฟารเ มอรด าววา มันไมใช
๔๒๐ ๗. ขอ ใดจาํ เปน ตองใชค าํ ภาษาตางประเทศ ก. ราคานา้ํ มนั ดีเซลและเบนซินขนึ้ ๆ ลง ๆ ตามกลไกการตลาด ข. รฐั บาลประกาศกําจดั คอรร ัปชนั ใหห มดไปจากประเทศไทย ค. ยกั ษใหญม ือถือทุมโปรโมชนั ใหม ๆ เฉือนกนั ดุเดือด ง. เวลาขับรถตองคาดเซฟตีเบลตท กุ ครัง้ ๘. ขอ ใดจาํ เปน ตองใชค ําทับศพั ท ก. สรางภาพวาอินโนเซน ตบ ้ือเหมอื นเปน คุณยาย ข. ใหกินกันแบบฟรี ฟรี ช่อื เสียงข้ึนชือ่ ลือชา ค. เปน ของกาํ นัลใหน างไวใช มซี มี า กับคาลามายด ง. ทเ่ี ธอเขา มาชมเหมอื นสะสมแสตมปเ ซเวน ๙. ขอ ใดเปน ศัพทบัญญัติทางคณติ ศาสตร ก. รหสั แทง ทวเิ สถียร ข. อนุกรม การแปลงผัน ค. สมั ปทาน คาผานทาง ง. การแฝงนยั การผูกขาด ๑๐. ขอใดเปน ศพั ทบ ัญญัติทางภาษาศาสตร ก. รัฐกนั ชน ข. การเสยี ดสี ค. เสยี งเสยี ดแทรก ง. ความสงู คล่นื เสียง
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๔๒๑ เฉลยแบบทดสอบ เรื่อง คาํ ทบั ศพั ท ศัพทบัญญัติ ๑. ข ๒. ค ๓. ค ๔. ค ๕. ง ๖. ค ๗. ก ๘. ค ๙. ข ๑๐. ค
๔๒๒ หนวยการเรยี นรทู ี่ ๔ สรรคาํ นํามาใช แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๙ เรื่อง ศัพททางวิชาการและวิชาชีพ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปที่ ๓ ขอบเขตเนื้อหา ศัพททางวชิ าการและวชิ าชพี กิจกรรมการเรยี นรู แหลงเรยี นรู จดุ ประสงคการเรยี นรู ชัว่ โมงท่ี ๑ ๑. หอ งสมดุ ดานความรู ขั้นนํา ๒. อินเทอรเนต็ อธิบายความหมายของคาํ ศัพททางวชิ าการและ ๑. ครูใหนักเรียนเลนเกม ปริศนาอักษรไขว (เกมน้ีจะ วชิ าชพี เปนเกมที่นําศัพททางวิชาการและวิชาชีพ มาใชใน สื่อ ดา นทักษะและกระบวนการ การเลน เกม) ๑. เกม ปรศิ นาอักษรไขว วเิ คราะหแ ละจําแนกคําศัพททางวชิ าการและ ๒. ครสู นทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักเรียนเกี่ยวกับ ๒. ใบความรเู รอ่ื ง ศัพทท างวชิ าการและวชิ าชพี วชิ าชพี ได คําศพั ทท่ปี รากฏในเกม ๓. ใบงานเรือ่ ง ศัพทท างวชิ าการและวิชาชีพ ดา นคุณลักษณะ ขนั้ สอน ๑. ใฝเ รยี นรู ๑. นักเรียนศึกษาใบความรูเร่ือง ศัพททางวิชาการและ ภาระงาน/ช้ินงาน ๒. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน วิชาชีพ และครูใหความรูเ พม่ิ เติมประกอบ - ๒. นกั เรียนทําใบงานเร่อื ง ศัพททางวิชาการและวิชาชพี ๓. นักเรียนรวมกันเฉลยเรื่อง ศัพททางวิชาการและ วชิ าชีพ ๔. นักเรียนทําแบบทดสอบเรื่อง ศัพททางวิชาการและ วชิ าชพี ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุป เร่ือง ศัพททางวิชาการและ วชิ าชพี
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๒๓ การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมือท่ีใช เกณฑ ส่ิงท่ีตองการวัด/ประเมิน การตอบคําถาม แบบประเมนิ การตอบ ผา นเกณฑรอยละ ๘๐ ดานความรู ทดสอบ คาํ ถาม อธิบายความหมายของ สังเกตพฤตกิ รรม คําศัพททางวชิ าการและ แบบทดสอบ ผานเกณฑร อยละ ๘๐ วิชาชีพ ดา นทกั ษะและกระบวนการ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผา นเกณฑคุณภาพ วิเคราะหและจําแนกคําศัพท อันพงึ ประสงค ระดับ ๒ ทางวชิ าการและวชิ าชพี ได ดา นคณุ ลกั ษณะ ใฝเรียนรู มงุ มั่นในการทาํ งาน
๔๒๔ บนั ทกึ ผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ....................................................................................................................................................... ปญ หาและอปุ สรรค ....................................................................................................................................................... ขอเสนอแนะและแนวทางการแกไข ....................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ..................................................ผสู อน (...........................................................) วันที่ .......เดอื น.....................พ.ศ. ....... ความคิดเห็น / ขอเสนอแนะของผูบรหิ ารหรือผทู ไ่ี ดรบั มอบหมาย ....................................................................................................................................................... ลงชื่อ ..................................................ผูบริหาร (...........................................................) วันท่ี .......เดือน.....................พ.ศ. .......
กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๒๕ เกมปรศิ นาอกั ษรไขว ศพั ทวชิ าการและวิชาชพี คาํ ชีแ้ จง ใหน กั เรียนหาคาํ ศัพทว ิชาการ และศพั ทว ิชาชีพ ท่ีปรากฏอยูใ นตารางทีก่ ําหนดให อุ ง สา ร เส พ ติ ด อ เท ป จ กา ร ผู ก ขา ด น ค ส ข ก ภ ท ม ส ว น โน ง ก ด ร น สี ส ว ว โล ค ห ก เร ม จา ย บ ง ยี ฟ ก รา ฟ ก ข ยา เข ข บ ดกดตจสหตฏล จ จ ฐ ฒ ฆ ค ห เมื น ก ริ ภ ฏ ฬ ส ริ ก อ ว ล ย ณ ด เด ส ป ก ง ช ไ ศา ญ ฝ ฒ ม ต บ ล ล ก ส ก จ อ สั ม ผั ส บ รา ต ด ก ด ท ม ฝ ง ล คา ร ห ด แก ร น ย บ ง ง ฟ ผ ผ ค น คา ต ช จ ง อุ ป นั ย ต นิ ต ข ระ ง พ ร น ย บ ย ล ช นา ง ฮฉกขชมง วบบ ฮ บ ร น บ ข ถ ว แก ง ก ด ร นยบลพนล ก ลุ ม ชา ติ พั น ธุ ร น
๔๒๖ เฉลย เกมปริศนาอักษรไขว ศพั ทว ิชาการและวชิ าชีพ อุ ง สา ร เส พ ติ ด อ เท ป จ กา ร ผู ก ขา ด น ค ส ข ก ภ ท ม ส ว น โน ง ก ด ร น สี ส ว ว โล ค ห ก เร ม จา ย บ ง ยี ฟ ก รา ฟ ก ข ยา เข ข บ ดกดตจสหตฏล จ จ ฐ ฒ ฆ ค ห เมื น ก ริ ภ ฏ ฬ ส ริ ก อ ว ล ย ณ ด เด ส ป ก ง ช ไ ศา ญ ฝ ฒ ม ต บ ล ล ก ส ก จ อ สั ม ผั ส บ รา ต ด ก ด ท ม ฝ ง ล คา ร ห ด แก ร น ย บ ง ง ฟ ผ ผ ค น คา ต ช จ ง อุ ป นั ย ต นิ ต ข ระ ง พ ร น ย บ ย ล ช นา ง ฮ ฉ กขชม ง วบบ ฮ บ ร น บ ข ถ ว แก ง ก ด ร นยบลพนล ก ลุ ม ชา ติ พั น ธุ ร น
กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๔๒๗ ใบความรูเรอ่ื ง ศพั ททางวิชาการและวิชาชพี หนวยการเรยี นรทู ี่ ๔ เร่ือง สรรคาํ นํามาใช แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๙ เรื่อง ศัพทท างวิชาการและวิชาชพี รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี ๓ คําศัพททางวิชาการ หมายถึง คําศัพทท่ีกลาวถึงหรืออธิบายเร่ืองราวที่เปนความรูทางวิชาการแขนง ตางๆ ศัพทวิชาการเปนคําท่ีผูศึกษาวิชาการน้ัน ๆ จะเขาใจรวมกันไดดี สวนมากเปนคําท่ีรับมาจากภาษา ตา งประเทศ คําศัพททางวิชาการ จึงมักเปนคําท่ีไมใชกันโดยท่ัวไป เชน ศัพทวิทยาศาสตร ศัพททางธุรกิจสาขา ตาง ๆ ศพั ทท างกฎหมาย เปนตน เม่ือคําศัพททางวิชาการสวนมากเปนคําที่รับเขามาจากภาษาตางประเทศ นักวิชาการในสาขานั้น ๆ จึงตองมีการแปล การสรางคําข้ึนเปนศัพทบัญญัติ และกําหนดใหมีความหมายตรงกับคําในภาษาตางประเทศ เหลา น้ัน ลักษณะคําศพั ททางวิชาการ ๑. คําทใี่ ชใ นวาทกรรมทางวชิ าการ ทงั้ ในการพดู และการเขยี น โดยเฉพาะอยางยง่ิ ในตาํ ราทางวิชาการ ๒. คําจาํ กัดความของคาํ ศัพททางวิชาการอาจแตกตางกัน ซง่ึ ขน้ึ อยกู ับแหลง ทม่ี าและบริบทคาํ เหลานั้น ถูกนํามาใช ๓. ศัพททางวิชาการสวนใหญจะปรากฏในคําสําคัญ (key words) และคําที่แสดงแนวคิดหรือมโนทัศน (cocept words) ความสาํ คัญของคาํ ศพั ททางวชิ าการ การเขาใจความหมายของคําศัพทเหลานี้จะทําใหเรารแู ละเขาใจวทิ ยาการและสิ่งที่เกิดข้ึนไดเปนอยา งดี ทุกวันน้ีเราอยูใ นโลกของวิทยาการ ความรูใหม ๆ เกิดข้ึนอยางรวดเรว็ และจํานวนมาก ความรูและส่งิ ตาง ๆ ที่ เกดิ ขนึ้ จะเปน ทีร่ จู ักผานภาษาหรือคาํ ศพั ทต าง ๆ คําศัพททางวิชาการมีมากมายหลายหมวด เพื่อใหเขาใจลักษณของศัพททางวิชาการมากข้ึน จึงจะ นําเสนอตัวอยางของคําศพั ทท างวิชาการและความหมาย แตละหมวดหรอื แตละสาขาพอสังเขป คําศัพททางวชิ าการ ตวั อยา งหมวดคําศพั ททางวชิ าการ ทีจ่ ะใชใ นการอธิบาย ๑. ศพั ทการศกึ ษา ๒. ศพั ทค ณิตศาสตร ๓. ศพั ทว ิทยาศาสตร ๔. ศพั ทภาษาไทย ๕. ศัพทสังคมศกึ ษาฯ ๖. ศัพทสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ๗. ศัพทศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป ๘. ศัพทก ารงานอาชีพฯ
๔๒๘ ๑. ศพั ทก ารศกึ ษา ศัพทการศึกษา เปนวงศศัพทท่ีใชในการศึกษาหรืออธิบายเกี่ยวกับการเรียนการสอน เจาหนาที่ใน หนวยงานทเี่ กยี่ วของกบั การศึกษา นักวชิ าการในสาขาตาง ๆ ทเ่ี กี่ยวกับการศกึ ษา และปรากฏในตํารา เอกสาร ที่เกี่ยวของกับดา นการศกึ ษา ตัวอยางคาํ ศัพทการศึกษา * ความถนัด (Aptitude) - ความสนั ทดั , ทักษะเฉพาะดาน * เจตคติ (Attitude) - ความรูสึกนกึ คดิ , ทาทาง * นิทรรศการ (Exhibition) - การแสดงส่งิ ของตา ง ๆ * ประสบการณ (Experience) - ความจดั เจน ๒. คาํ ศัพทคณติ ศาสตร คําศัพทคณิตศาสตร เปนคําศัพทท่ีใชเฉพาะในกลุมคนที่ศึกษาเก่ียวกับตัวเลข การใหเหตุผล การคํานวณ ฯลฯ ท่ตี อ งใหศ พั ทท ่แี ปลมาจากตางประเทศ เพราะคณติ ศาสตร เปน ศาสตรท ีร่ บั เขามาจากตา งประเทศ เพ่ือ ศกึ ษา เรยี นรู เขา ใจและนาํ ไปใช ตัวอยางคําศพั ทค ณติ ศาสตร * ตวั ประกอบ (Factor) - สวนทค่ี ณู กนั ข้ึนเปน จาํ นวน * แผนภูมิ (Chart) - แผนท่สี งั เขป * มัธยฐาน (Median) - ปานกลาง ๓. คาํ ศพั ทว ทิ ยาศาสตร คําศัพทวิทยาศาสตร เปนศัพทที่ใชในการศึกษาเกี่ยวกับดานเน้ือหา ความรูทางวิชาการ ท่ีมาจาก ตา งประเทศ ท่มี ีหลากหลายสาขา เชน ฟส ิกส เคมี ชวี ะ เปนตน คาํ ศพั ทว ทิ ยาศาสตร จงึ เกีย่ วของกับนักวจิ ยั ครผู ูสอน นกั วิทยาศาสตร ผูเ ก่ยี วของในดา นวทิ ยาศาสตร ฯลฯ ตัวอยา งคาํ ศัพทว ิทยาศาสตร * เซลล (cell) - โครงสรา งและหนว ยทํางานทเ่ี ลก็ ท่ีสดุ ของสิ่งมีชวี ติ * พลาสมา (plasma) - สว นประกอบของเลอื ดทแ่ี ยกเอาเมด็ เลือดออกมา * เอทานอล (ethanol) - หมายถึง สารของเหลวระเหยงาย มกี ล่ิน มรี สแรง ๔. คําศัพทภาษาไทย คําศัพทภาษาไทย เปนคําศัพทที่ผูใชเกี่ยวของกับการใชภาษาไทย เชน หลักภาษาไทย วรรณคดีไทย การอา น การเขียน ผูใชคาํ ศัพทนี้จึงเปน ครู อาจารย นักวจิ ยั นกั วิชาการ นกั ภาษา ฯลฯ ตวั อยางคาํ ศพั ทภ าษาไทย * อปุ ลักษณ (metaphor) - การเปรียบเทียบของส่งิ หนงึ่ วา เปน อีกส่ิงหนง่ึ * จินตภาพ (image) – ภาพทเี่ กิดจากความนึกคิดหรอื ท่ีคดิ วา ควรจะเปน * วลี (phrase) - ถอยคํา กลมุ คํา * วรรณกรรม (literature) - งานหนังสือ งานประพนั ธ บทประพนั ธ
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๒๙ * จาํ อวด (comedian) - การแสดงโดยใชถอยคํา ทา ทาง ชวนใหตลกขบขนั ๕. คาํ ศัพทส งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม คาํ ศพั ทส ังคมศึกษาฯ เปนศัพทท เ่ี กย่ี วของกับศาสนา สังคม การปฏิบัตติ น วัฒนธรรม คานยิ ม เปน ตน ผูที่ใชคําศัพทจึงมีความเก่ียวของกับดานน้ี เชน พระภิกษุ ครู อาจารย นักการเมือง รัฐบาล ฯลฯ นอกจากน้ี ยังอาจรวมไปถึงศพั ทท เ่ี กย่ี วกับประวตั ิศาสตร เศรษฐกจิ ภมู ิศาสตร ไดอีกดว ย ตัวอยา งคาํ ศัพทสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม * ชาติพันธุ (ethnos) - กลุมที่มีพันธะเก่ียวของกันทางเชื้อชาติและสัญชาติ แสดงเอกลักษณออกมา ลักษณะคลา ยกนั * วัฒนธรรม (cultural) - สงิ่ ท่ที ําความเจรญิ งอกงามใหแ กห มูค ณะ * ศาสนา (religion) - ลทั ธิความเชอื่ ถือของมนุษยท ีม่ หี ลักและพิธกี รรม * พลเมอื ง (population) – ประชากร ชาวเมอื ง ๖. คาํ ศัพทสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา คําศัพทใ นหมวดนี้ เก่ยี วขอ งกับรา งกาย การดแู ลสุขภาพ การกีฬา การออกกําลังกาย ผทู ่เี ก่ยี วขอ งจึง เปน นักกฬี า ผฝู กสอน ครู อาจารย เจา หนาท่ี นกั วิชาการ ฯลฯ ตวั อยา งคาํ ศัพทสุขศกึ ษาและพลศึกษา * สขุ สมรรถนะ(health related fitness) - ความสัมพันธแ ละเก่ียวของกันของสขุ ภาพและสมรรถภาพ ทางกาย * กิจกรรมเขา จังหวะ (Rhythmic Activities) - การแสดงออกของรางกาย โดยการเคลอ่ื นไหวสวน ตา ง ๆ ของรา งกายใหเ ขา กับจังหวะท่กี าํ หนด * กิจกรรมนันทนาการ (Recreation Activities) - กิจกรรมที่บุคคลไดเลือกทําหรือเขารวมดวย ความสมัครใจในเวลาวาง ภาวะผนู าํ ๗. คําศพั ทศ ิลปะ ดนตรี นาฏศิลป คําศัพทใ นหมวดนี้ จะเก่ียวขอ งกับทฤษฎีของงานศิลป ดนตรี ทา ราํ การแสดง เครอ่ื งดนตรี การแตง เพลง เปน ตน ผูทีเ่ กยี่ วของจึงอาจเปน จติ รกร นกั ดนตรี ครเู พลง นกั แสดง นักออกแบบ ฯลฯ ตวั อยา งคําศัพทศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป * กระบวนเพลง (movement) หมายถงึ บทตา ง ๆ ของเพลงหนึ่ง ๆ แตละบท แตล ะกระบวนนั้นจะ จบในตวั เอง * คอนแชรโต (concerto) หมายถึง บทประพันธเพลงที่กําหนดใหมีเครื่องดนตรีเดี่ยวมีบทบาทเดน เลน ประชนั นา้ํ เสยี งและลีลาไปกับดรุ ิยางค * โขน การแสดงคลา ยละครราํ ผูแสดงสวมหัวจาํ ลองตา ง ๆ * ประติมากรรม สถาปตยกรรม จิตรกรรม หุนราง ภาพปะติด การแรเงา ทศั นศลิ ป การประเทา ลายไทย การลงรกั การปด ทอง การแกะสลัก
๔๓๐ ๘. คาํ ศัพทก ารงานอาชีพและเทคโนโลยี คําศัพทในหมวดน้ีเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพ ธุรกิจ เทคโนโลยี ส่ือ สารสนเทศ ซึ่งผูที่เกี่ยวของ อาจเปน ครู อาจารย นักธรุ กจิ ผเู ชย่ี วชาญทางดานเทคโนโลยี เปน ตน ตวั อยา งคําศัพทการงานอาชีพและเทคโนโลยี * หนวยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หมายถึง สวนที่ทําหนาที่ปฏิบัติตาม คําส่งั จากหนวยรับขอ มลู และควบคุมการปฏิบัติงานของเครื่องคอมพิวเตอร * หนว ยความจําหลัก (main memory) หมายถึง อปุ กรณเ กบ็ ขอ มลู หลกั ในคอมพิวเตอร * โสตทัศนอุปกรณ (audiovisual aids) - อปุ กรณสําหรับการฟง และดู * ดาวนโ หลด ไฟล เวบ็ เพจ
กลุม สาระการเรยี นรูภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๓๑ ใบงานเร่อื ง ศัพททางวิชาการและวชิ าชีพ หนวยการเรียนรทู ี่ ๔ เรอื่ ง สรรคํานาํ มาใช แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๙ เรอื่ ง ศัพทท างวิชาการและวิชาชพี รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี ๓ คาํ ช้ีแจง ใหนักเรยี นคน หาคําศัพททางวิชาการชีพหรือคาํ ศพั ทวชิ าการในหมวดตามท่กี ําหนด หมวด คําศัพท คณิตศาสตร ทนั ตแพทย ประกันภัย ปรชั ญา คอมพิวเตอร สังคมวิทยา รฐั ศาสตร นักปกครอง
๔๓๒ เฉลยใบงานเรื่อง ศัพททางวิชาการและวิชาชีพ หนวยการเรยี นรูที่ ๔ เร่ือง สรรคาํ นาํ มาใช แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๙ เร่อื ง ศพั ทท างวิชาการและวิชาชีพ รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ หมวด คาํ ศัพท คณิตศาสตร อนกุ รม คะแนนมาตรฐาน ภาวะเทากัน ระนาบแกน ทนั ตแพทย สารขัด สะพานฟน จุดแยกสองราก เหงือกรน ประกันภัย คาบาํ เหน็จ เบยี้ ประกันแทจ รงิ การเปน ตวั แทน อตั ตานยิ ม อุปนัย เจตจํานงเสรี จริยศาสตร ปรัชญา การประชุมทางโทรศัพท การประมวลผลออนไลน คอมพิวเตอร จอสมั ผสั ชอ งรบั สงผา นสญั ญาณ บรรทัดฐาน คา นยิ ม กลมุ ชาติพนั ธ การครอบงําทางชนชั้น สังคมวิทยา กจิ กรรมบอนทําลาย ความเปน เอกฉันท ศาลแหงอาณาเขต รัฐศาสตร การผกู ขาด เขตเมือง นิรโทษกรรม สมัยประชุมวสิ ามัญ นกั ปกครอง
กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๔๓๓ แบบทดสอบเร่อื ง ศพั ททางวิชาการและวิชาชพี หนวยการเรียนรทู ี่ ๔ เรอื่ ง สรรคาํ นาํ มาใช แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๙ เรือ่ ง ศัพทท างวิชาการและวิชาชีพ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ ๓ ตอนที่ ๑ ใหนกั เรยี นนําสาขาวชิ าการตอไปน้ีไปตอทายศัพททางวชิ าการใหถูกตองสมั พันธกัน วทิ ยาศาสตร เทคโนโลยี คณติ ศาสตร ภาษาและวรรณคดี ศลิ ปกรรม แพทยศาสตร สงั คมศาสตร นาฏศลิ ป ๑. คา เฉล่ยี ............................................. ๒. อุปมาโวหาร................................ ๓. แรงโนมถวง....................................... ๔. รอยโรค...................................... ๕. ฐานนิยม............................................ ๖. คานยิ ม...................................... ๗. จนิ ตภาพ........................................... ๘. มวลชน...................................... ๙. ระบํา............................................... ๑๐. ลายกนก........................................ ๑๑. เครอื ขายไรสาย................................ ๑๒. สสาร............................................ ๑๓. เสยี งนาสิก....................................... ๑๔. อัลไซเมอร. ...................................... ๑๕. ภาพนูนตาํ่ .......................................... ๑๖. เคเบิล............................................. ๑๗. โสตทัศนูปกรณ. ............................... ๑๘. ชีวภาพ............................................ ๑๙. ชนชายขอบ...................................... ๒๐. จีบงาย............................................. ตอนที่ ๒ ใหนกั เรียนเลอื กศัพททางวิชาการจากตารางขางตน จํานวน ๕ คาํ แตง ประโยคใหถ ูกตอง ตัวอยาง - พยัญชนะ “น,ง” เปนเสียงนาสกิ ๑........................................................................................................................................................................... ๒........................................................................................................................................................................... ๓........................................................................................................................................................................... ๔........................................................................................................................................................................... ๕..........................................................................................................................................................................
๔๓๔ เฉลยแบบทดสอบเรื่อง ศัพททางวชิ าการและวิชาชพี หนว ยการเรียนรทู ี่ ๔ เรื่อง สรรคํานาํ มาใช แผนการจัดการเรียนรูท ่ี ๙ เรือ่ ง ศัพทท างวิชาการและวิชาชีพ รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ตอนที่ ๑ ๒. อปุ มาโวหาร.....ภาษาและวรรณคดี......... ๑. คาเฉล่ยี ...........คณิตศาสตร........... ๔. รอยโรค....แพทยศาสตร............. ๓. แรงโนม ถวง.........วทิ ยาศาสตร. ........... ๖. คานิยม......สังคมศาสตร.............. ๕. ฐานนยิ ม.........คณติ ศาสตร................ ๘. มวลชน.......สังคมศาสตร.............. ๗. จินตภาพ.........ภาษาและวรรณคดี......... ๑๐. ลายกนก.......ศิลปกรรม...................... ๙. ระบํา........นาฏศลิ ป. .................. ๑๒. สสาร.......วิทยาศาสตร. ...................... ๑๑. เครือขายไรสาย......เทคโนโลย.ี .......... ๑๔. อลั ไซเมอร......แพทยศาสตร. ................. ๑๓. เสยี งนาสิก......ภาษาและวรรณคดี....... ๑๖. เคเบลิ ........เทคโนโลยี..................... ๑๕. ภาพนูนตา่ํ ...........ศิลปกรรม................... ๑๘. ชวี ภาพ.......วิทยาศาสตร.................... ๑๗. โสตทัศนูปกรณ. ........เทคโนโลยี........ ๒๐. จีบงา ย..........นาฏศลิ ป................ ๑๙. ชนชายขอบ.......สังคมศาสตร........ คําตอบ ตอนท่ี ๒ อยใู นดุลยพนิ จิ ของครผู ูสอน
กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๔๓๕ หนว ยการเรยี นรูท่ี ๔ สรรคํานํามาใช แผนการจดั การเรียนรูท ี่ ๑๐ เรื่อง การเขยี นคําอวยพร เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี ๓ ขอบเขตเนอื้ หา กจิ กรรมการเรียนรู แหลงเรยี นรู การเขยี นขอความโดยใชถอยคาํ ไดถูกตองตามระดับภาษา ช่ัวโมงท่ี ๑ ๑. หอ งสมดุ จดุ ประสงคก ารเรียนรู ขน้ั นํา ๒. อนิ เทอรเนต็ ดา นความรู ๑. ครูนําตัวอยางการเขียนคําอวยพรในรูปแบบตาง ๆ มาให สอ่ื หลกั การเขยี นคําอวยพร นกั เรยี นจําแนกวาเปน การอวยพรที่ใชในงานใดบา ง ๑. ตวั อยางการเขียนคําอวยพร ดา นทกั ษะและกระบวนการ ๒. ครูสนทนาแลกเปล่ียนประสบการณการเขียนคําอวยพรของ ๒. ใบความรเู รอื่ ง การเขียนคําอวยพร เขยี นคาํ อวยพรได นักเรียนในช้ันเรียน วาเคยเขียนมาบางหรือไม และเราควรใช ๓. ใบงานเร่อื ง การเขียนคาํ อวยพร ดานคุณลักษณะ ภาษาแบบใดจึงจะเหมาะสมกับงานเขยี นคําอวยพรดงั กลาว ภาระงาน/ช้ินงาน ๑. ใฝเรียนรู ขนั้ สอน ๒. มุงมน่ั ในการทํางาน ๑. นักเรียนศกึ ษาใบความรู เรอื่ ง การเขยี นคําอวยพร บัตรอวยพร ๒. นักเรยี นทําใบงาน เรอ่ื ง การเขยี นคาํ อวยพร ๓. ใหนักเรียนแบงกลุมออกแบบบัตรอวยพรในโอกาสตาง ๆ โดยจะตองมีคําอวยพรท่ีเหมาะสมกับรูปแบบของการอวยพร ในแตละประเภทและมคี วามคิดสรางสรรคประกอบบัตรนัน้ ขนั้ สรปุ ๑. นักเรียนรวมกันสรุป การเขียนอวยพรและนําผลงานคัดสรร ตดิ ปา ยนเิ ทศในหอ งเรยี น ๒. ทดสอบภาคปฏบิ ตั ิทําบัตรอวยพรรายบคุ คล
๔๓๖ การวัดและประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมือทีใ่ ช เกณฑ การตอบคาํ ถาม ส่ิงท่ีตองการวดั /ประเมิน แบบประเมนิ การตอบ ผา นเกณฑการประเมิน ดานความรู คาํ ถาม รอยละ ๘๐ หลักการเขยี นคําอวยพร ดา นทักษะและกระบวนการ ทดสอบภาคปฏบิ ัติ แบบทดสอบ เขียนคาํ อวยพรได แบบประเมนิ ผา นเกณฑการประเมิน คณุ ลกั ษณะ รอยละ ๘๐ ดานคณุ ลักษณะ สังเกตพฤติกรรม อนั พึงประสงค ผา นเกณฑคุณภาพ ๑. ใฝเรียนรู ระดับ ๒ ๒. มุงม่ันในการทํางาน
กลุมสาระการเรยี นรูภ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๔๓๗ บนั ทึกผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ....................................................................................................................................................... ปญหาและอุปสรรค ....................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไข ....................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ..................................................ผสู อน (...........................................................) วนั ที่ .......เดือน.....................พ.ศ. ....... ความคดิ เห็น / ขอ เสนอแนะของผูบรหิ ารหรือผทู ่ีไดร บั มอบหมาย ....................................................................................................................................................... ลงช่อื ..................................................ผูบรหิ าร (...........................................................) วันท่ี .......เดอื น.....................พ.ศ. .......
๔๓๘ ใบความรูเร่อื ง การเขียนคาํ อวยพร หนว ยการเรยี นรทู ี่ ๔ เร่ือง สรรคํานํามาใช แผนการจัดการเรยี นรูท ี่ ๑๐ เรื่อง การเขยี นคําอวยพร รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ คําอวยพร หมายถึง ขอความแสดงความยินดีหรือความปรารถนาดีตอผูอ่ืนในโอกาสตาง ๆ เชน การถวายพระพร ขึ้นปใหม วันเกิด วันแหงความรัก สําเร็จการศึกษา เปดกิจการ เลื่อนตําแหนง วันแตงงาน ขึ้นบา นใหม เกษยี ณอายุ การอวยพรใหหายเจ็บปว ย วันสาํ คัญทางศาสนาเดนิ ทางไกล เปน ตน หลักการเขยี นคําอวยพร ๑. เขียนใหส อดคลอ งสมั พนั ธกนั ระหวา งผอู วยพร ผูรบั พร โอกาส และส่ือที่ใชอ วยพร ๒. การกลาวถงึ โอกาสที่อวยพร ๓. การอวยพรผอู าวโุ สควรกลาวอา งถึงส่ิงศกั ด์ิสิทธทิ์ ่เี ปนสากลหรือสง่ิ ที่ผูรับพรเคารพนับถือ ๔. ใหพรที่เหมาะสมกับผูรับพรและเปนพรที่สรางสรรคในดานตาง ๆ เชน ความสุข หนาที่การงาน การเงิน ความสาํ เรจ็ ความสมหวัง สขุ ภาพ อายุยืนยาว เปน ตน ๕. ใชภาษาเขยี นที่ถกู ตองเหมาะสมโดยพยายามสรรคาํ ทไ่ี พเราะและมีความหมายดี ตัวอยางคาํ ถวายพระพร ขออํานาจคุณพระศรีพระรัตนตรัยและพระสยามเทวาธิราช โปรดปกปองอภิบาลพระองคใหทรงมี พระพลานามัยสมบูรณ พระชนมายุย่ิงยนื นาน พระบารมแี ผไพศาล เปนมิง่ ขวญั ของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนาน ตัวอยา งคําอวยพรวนั ขนึ้ ปใ หม ในศุภวารดิถีขึ้นปใหมน้ี ขออาราธนาพระรัตนตรัยและส่ิงศักด์ิสิทธิ์ท้ังหลายในสากลโลกโปรดดล บันดาลใหคุณตาและคณุ ยายมสี ขุ ภาพแขง็ แรง อายยุ นื ยาวอยเู ปน รม โพธร์ิ ม ไทรของลูกหลานทุกคนตลอดไป ตัวอยา งคําอวยพรวันเกิด ขออํานาจส่ิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงอํานวยพรวันเกิดใหอาจารยประสบแตความสุขและสัมฤทธ์ิผลในส่ิง อันพึงปรารถนาทกุ ประการ ตัวอยา งคําอวยพรเลือ่ นตําแหนง ความสําเร็จในวันน้ีเกิดจากความสามารถท่ียอดเยี่ยมของคุณ จึงเปนความสงางามที่นาภาคภูมิใจย่ิง ขออวยพรใหมีความสุขกับการทํางาน มีพลังกาย พลังใจและพลังปญญาอันรุงโรจนเพ่ือการกาวยางสู ความสําเรจ็ ยิง่ ๆ ขน้ึ ไปในอนาคต
กลุมสาระการเรยี นรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๓๙ ใบงานเร่ือง การเขียนคําอวยพร หนวยการเรยี นรูท ่ี ๔ เร่ือง สรรคํานํามาใช แผนการจดั การเรยี นรูท ่ี ๑๐ เรอ่ื ง การเขียนคําอวยพร รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๓ คาํ ช้แี จง ใหน กั เรยี นเขียนเรียบเรียงคาํ อวยพร ดว ยถอ ยคําสํานวนภาษาของตนเอง ๑. คําอวยพรเน่ืองในวันปใหม ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ๒. คาํ อวยพรเนอ่ื งในวนั รับตําแหนงใหม .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. คาํ อวยพรเน่อื งในวันคลายวนั เกดิ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. คาํ อวยพรในโอกาสสาํ เร็จการศึกษา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. คําอวยพรงานมงคลสมรส .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. คาํ อวยพรเนือ่ งในการเกษียณอายรุ าชการ .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๔๔๐ แบบทดสอบภาคปฏิบตั ิเรอ่ื ง การเขียนคาํ อวยพร หนวยการเรียนรูท ่ี ๔ เรอื่ ง สรรคาํ นํามาใช แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๑๐ เรอ่ื ง การเขยี นคาํ อวยพร รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ ๓ คําชแ้ี จง ใหน กั เรยี นเลือกหัวขอ การเขยี นบัตรอวยพรตามความสนใจของนักเรยี นพรอ มประดิษฐบ ตั รอวยพร ใหสวยงามเหมาะสม เปนชิ้นงานสง ครู
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๔๔๑ แบบประเมนิ การเขยี นอวยพร ลาํ ดับ ช่อื – สกุล การเขยี น การใชภ าษา การเขยี น รวม ท่ี เนือ้ เรอื่ ง สะกดคํา ๑๒ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ลงชื่อ...................................................ผูประเมิน ............../.................../................ ระดับคณุ ภาพ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๑๐ – ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๗ – ๙ หมายถึง พอใช คะแนน ๔ – ๖ หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน ๑ – ๓
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 615
Pages: