กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๔๕ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๑ วิวธิ พนิ ิจภาษา แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๔ เรือ่ ง การอานจบั ใจความสําคญั (สารคดี) เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู แหลงเรยี นรู การอานจบั ใจความสาํ คัญ ความคดิ สําคญั หลกั ของ ๑. หองสมดุ โรงเรยี น ขอความ ศกึ ษาหลักการจบั ใจความสําคญั วธิ ีจับ ข้ันนาํ ๒. อนิ เทอรเ นต็ ใจความสาํ คัญ การพจิ ารณาตําแหนง ใจความสาํ คัญ นักเรียนดูสารคดีจากคลิปใน youtube แลวสนทนาเก่ียวกับ จุดประสงคการเรยี นรู สาระสาํ คญั และประเดน็ ตา ง ๆ ทปี่ รากฏในคลปิ วดิ โี อ ดานความรู ขั้นสอน สื่อ ๑. อธิบายหลกั การจับใจความสาํ คญั ๑. คลิปสารคดี จาก youtube ๒. อธบิ ายวธิ ีจบั ใจความสําคญั ๑. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔ – ๕ คน แลวสงตัวแทนรับ https://www.youtube.com/watch?v=5XN- ๓. พจิ ารณาตาํ แหนง ใจความสําคญั ใบงานท่ีครู 4Z1ixlY ดานทกั ษะและกระบวนการ ๒. ใบงานเร่อื ง การอานจับใจความสําคญั (สารคด)ี ระบใุ จความสาํ คัญของเร่อื งท่อี านไดถูกตอง ๒. นกั เรียนระดมความคดิ ทําใบงานเร่ือง การอา นจับใจความ ดานคุณลักษณะ สาํ คญั (สารคดี) ใหเ สรจ็ ๑. มีมารยาทในการอา น ๓. ครูสมุ นกั เรียนออกมานําเสนอการทําใบงานเร่ือง การอาน ๒. ใฝเรยี นรู จบั ใจความสําคญั (สารคด)ี ระบใุ จความ จากน้ันครูและนักเรียน ภาระงาน/ชิ้นงาน ๓. มุงมัน่ ในการทํางาน รว มกันแสดงความคดิ เห็น - ๔. ครูตรวจใบงานเร่ือง การอานจับใจความสําคัญ (สารคดี) และแกไขใหถ ูกตอ ง ข้ันสรุป นกั เรยี นและครูรว มกนั สรุปเกย่ี วกับหลักการอานจบั ใจความ สาํ คัญ เพอื่ นาํ ไปประยุกตใชใ นชวี ิตประจําวัน
๔๖ การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมอื ทใ่ี ช เกณฑ ส่ิงทต่ี องการวัด/ประเมนิ การถาม - ตอบ คาํ ถาม ผานเกณฑ สังเกตพฤตกิ รรม สงั เกตพฤตกิ รรม การประเมนิ รอ ยละ ดานความรู รายบุคคล รายบุคคล ๘๐ ๑. หลกั การจบั ใจความสําคญั ๒. วิธจี ับใจความสําคญั ทาํ แบบทดสอบ แบบทดสอบ ผานเกณฑ ๓. การพิจารณาตาํ แหนง การประเมนิ รอ ยละ ใจความสาํ คญั ๘๐ ดา นทกั ษะและกระบวนการ ระบุใจความสําคัญของเร่ือง ท่อี า นไดถ ูกตอ ง ดานคณุ ลักษณะ ประเมินคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คณ ผานเกณฑคณุ ภาพ ๑. มีมารยาทในการอา น อันพงึ ประสงค ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ระดบั ๒ ๒. ใฝเรยี นรู ๓. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๔๗ บันทึกผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ......................................ผสู อน (..............................................................) วันที.่ .....เดือน.............พ.ศ........... ความคดิ เหน็ /ขอเสนอแนะของผูบริหารหรือผูทไ่ี ดรบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผูตรวจ (..............................................................) วันท.่ี .....เดือน.............พ.ศ...........
๔๘ ใบงาน เร่ือง การอานจบั ใจความสาํ คญั (สารคดี) หนว ยท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๔ เรอ่ื ง การอานจบั ใจความสําคญั รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ คาํ ชีแ้ จง นกั เรียนอา นบทสารคดี แลว ตอบคําถาม ยามเชาของวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ชาวบานท่สี ัญจรผา นทางหลวงหมายเลข ๓๐๔ ชวงกบินทรบ รุ ี- ปกธงชยั พบซากหมีควายตายริมถนน เมื่อแจง ไปยงั เขตการจัดการอุทยานแหง ชาติเขาใหญท ่ี ๒ เจาหนา ทห่ี นวย พทิ ักษ ขญ.๔ (คลองปลากัง้ ), ขญ.๕ (กม.๘๐), กํานนั ตาํ บลวังนํ้าเขียว, เจาหนาท่เี ขตหามลาฯ เขาแผงมา และ ตาํ รวจกเ็ ดนิ ทางมายงั สถานท่ีเกิดเหตุ จุดพบซากหมีควายอยูบ ริเวณหลักกโิ ลเมตรที่ ๒๒๐ บนทางหลวงสาย หมายเลข ๓๐๔ อําเภอนาดี จังหวดั ปราจนี บรุ ี ซง่ึ เวลานกี้ ําลังมกี ารขยายชองจราจรจาก ๒ เลนเปน ๔ เลน ตรวจสอบเบอ้ื งตน พบวา เปนหมีควายเพศผู อายุ ๑๑-๑๒ ป น้ําหนกั ประมาณ ๑๕๐ กิโลกรมั คาดวาเปน หมคี วายท่ีอาศัยอยูในปา แถบนี้ ขา มถนนเพื่อไปกนิ ขนนุ ที่กาํ ลังสกุ คาตนของชาวบา น กอ นถูกรถยนตท่ีขับมา ดวยความเร็วพุง ชน นาจะเปนรถคันใหญ เน่ืองจากหลงั จากชนหมคี วายตัวโตเต็มวยั จนตายแลวยังสามารถขับ ตอไปได ใจความสําคัญของบทความนี้ คอื อะไร ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๔๙ แบบทดสอบเรอื่ ง การอานจบั ใจความสําคัญ (สารคด)ี หนว ยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๔ เรอ่ื ง การอา นจับใจความสําคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๓ พพิ ธิ ภัณฑชางเอราวัณ สมุทรปราการ จากสถานีรถไฟฟาบางจาก ถึงสถานีแบร่ิง จากนั้นตอแท็กซี่จุดหมายแรกคือพิพิธภัณฑ ชางเอราวัณ จังหวัดสมุทรปราการ ทริปน้ีสบาย ๆ แบบวันเดียวเท่ียวท่ัวไทยฉบับเรงรัด ปลายทางเมืองโบราณ บางปู พิพิธภัณฑ ชางเอราวัณ ตั้งเดนเปนสงาอยูริมถนนสุขุมวิท ตรงจุดตัดเสนทางรถไฟฟาบีทีเอสซ่ึงกําลังจะเปด ใหบริการในระยะเวลาอันใกลนี้ กับทางยกระดับถนนวงแหวนรอบนอกขามแมนํ้าเจาพระยาไปฝงธนบุรี การเผชญิ หนา คร้ังสําคัญทางภูมิสถาปตย ระหวางศลิ ปกรรมศาสตรกับสิ่งที่เรียกวาความเจริญอยา งประนปี ระนอม พิพิธภัณฑชางเอราวัณ จากความคิดและจินตนาการของคุณเล็ก วิริยะพันธุ ผูสรางเมืองโบราณ จังหวัด สมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา โดยมีวัตถุประสงคใหเปนพิพิธภัณฑศิลปะเก็บรักษา โบราณวัตถุของตระกูลวิริยะพันธุ ภายในแบงการจัดแสดงเปน ๓ สวน ตามลักษณะไตรภูมิ ทางลงดานลาง ตรงสวนฐานอาคารจัดเปนพิพิธภัณฑของเกา จําพวกขาวของเครื่องใชสมัยโบราณ เปดใหเขาไปช่ืนชมตามวัน เวลาท่ีกาํ หนดไวเ ปน รอบ ๆ มปี ระกาศแสดงไวดานหนาพรอมระเบียบการที่ควรทราบ หา มบันทึกภาพถา ยและ วีดิทัศน อันนี้รูสึกขัดใจเล็กนอยถึงปานกลาง คาบัตรเขาชมราคา ๑๕๐ บาท ไดรวมคาอุปกรณ รวมถึงชุด ดอกไม ธูป เทียน ฯลฯ และกิจกรรมน้ีไวเรียบรอยแลว สวนจะเขารวมหรือไม ถือเปนความเช่ือสวนบุคคล ทางเขา สฐู านตัวอาคาร มชี ัน้ ไวฝากรองเทา แบบบริการตัวเอง กาวพน ประตทู างเขามาไดก ็พบกบั ภาพ อันตนื่ ตา ต่นื ใจ ทดี่ เู หมือนจะวาดึงดดู ใจไดเ หนือกวาส่ิงอ่ืนใด กค็ อื ฝาเพดานดานบน โดดเดนสะดดุ ตา ใหไ ดแหงนคอตั้งบา ลวดลายปูนปน อันงามวิจิตรและบรรจง ผสมผสานความเชื่อ แตงแตมสีสันประดับประดา กระเบ้ืองเบญจรงค ราวเนรมติ (สะพายเป แบกกลอง ทองโลก โดย : จอมยทุ ธ แหงบา นจอมยุทธ) ใหนักเรียนระบใุ จความสําคัญน้ี คืออะไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๕๐ คนต่ืนตูม เมอื่ กระตายพายเตา ประชาคมโลกปน ปวน นกั สรรี ะศาสตร เอาหัวโหมง โลกตาย นกั รฐั ศาสตร โจมตีวาเปนการฉกฉวยโอกาส นกั สังคมศาสตร กลาวหาวา เปนการละเมิดกฎธรรมชาติ นกั สทิ ธิมนุษยชน ประทวงวา เปน การปลน ความจริง นกั ศลิ ปศาสตร ประนามวา เปน การลมมวยอยางแนน อน นักพยากรณ ทาํ นายวาโลกาจะวินาศ (บทกวี ฝา เทา เยย พภิ พ ปรัชญาเถอ่ื น โดย : สารถี แหง ลมุ แมน า้ํ เพชร) ใหน กั เรียนระบุใจความสาํ คัญน้ี คอื อะไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (แนวคาํ ตอบ อยใู นดุลยพินจิ ของครผู สู อน)
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๕๑ หนวยการเรยี นรูที่ ๑ ววิ ธิ พินจิ ภาษา แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๕ เรอื่ ง ตคี วามและประเมนิ คณุ คา เวลา ๑ ชัว่ โมง กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู แหลงเรียนรู การอา นตีความและประเมินคณุ คาและแนวคดิ ท่ีไดจาก ข้นั นาํ ๑. หองสมุดโรงเรยี น งานเขยี นทห่ี ลากหลาย ครูนําผลงานการเขียน ของนักเรียนมาใหนักเรียนอานจากน้ัน ๒. งานเขยี นจากอินเทอรเ น็ต จดุ ประสงคก ารเรียนรู ครูและนักเรยี นวิพากยง านเขยี นและสรุปความรูรว มกัน ๓. งานเขียนจากนติ ยสาร วารสาร ดานความรู ข้ันสอน บทความ ฯลฯ ๑. อธบิ ายความหมายของการอานตีความและประเมิน ๑. ครแู บง กลุม นักเรียนออกเปน ๔ กลมุ จากนน้ั แจกใบความรู สื่อ คุณคา เรื่องการอา นตีความและประเมินคุณคาใหนักเรียนทุกกลมุ ๑. ใบความรูเร่อื งการอา นตีความและประเมนิ ๒. ตคี วามและประเมินคุณคา จากงานเขยี นอยา งหลากหลาย ๒. นักเรียนศึกษาใบความรูจากน้ันใหนักเรียนสงผูแทน คณุ คา ได ออกมารายงาน พรอมรว มกันวิพากษห นาชั้นเรียน ๒. ใบงานเรอื่ งการอา นและประเมินคุณคา ๓. บอกความรแู ละประโยชนทไี่ ดร บั จากงานเขยี นได ๓. ครูแจกใบงาน เร่ืองการอานตีความและประเมินคุณคาให ภาระงาน/ชิ้นงาน ดา นทกั ษะและกระบวนการ นักเรียนทํา แลวสงตวั แทนออกมารายงาน/วิพากษห นาชนั้ เรยี น ครมู อบหมายใหน กั เรียนอานผลงาน ตีความและประเมนิ คุณคา จากงานเขียนได ๔. ครอู ภิปรายนกั เรยี นซกั ถาม ครตู อบคาํ ถามนกั เรยี นบันทึก การเขียน/ผลงานนักเรยี นที่ไดรับรางวัล ดานคณุ ลกั ษณะ ลงในสมดุ ๑. ซื่อสตั ยส จุ ริต ข้นั สรปุ ๒. มวี ินยั ๑. ครแู ละนักเรียนสรุปความรูและประโยชนท ร่ี ับจากการอาน ๓. ใฝเ รยี นรู ตคี วามและประเมินคุณคาจากงานเขียนอยางหลากหลาย ๔. มีมารยาทในการอาน การเขียน ๒. ครูใหนักเรียนเขียนตีความและประเมินคุณคาคนละ ๑ เรอ่ื ง สงในช่ัวโมงตอไป
๕๒ การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือทีใ่ ช เกณฑ สง่ิ ทตี่ องการวดั /ประเมนิ ดา นความรู ๑. บอกความหมายของ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา นเกณฑการประเมิน การอา นตีตวามและประเมิน รายบุคคล รายบคุ คล รอยละ ๘๐ บอกความรูและประโยชนท่ี ไดร บั จากงานเขียน ๒. ตคี วามและประเมนิ คุณคาจากงานเขยี นอยาง หลากหลาย ๓. บอกความรแู ละ ประโยชนท ไี่ ดร บั จากงาน เขยี น ดา นทักษะและกระบวนการ ตีความและประเมินคุณคา เขียนตีความและ แบบประเมินผลงาน ผา นเกณฑการประเมิน จากงานเขียนอยาง ประเมนิ คุณคา การเขยี น รอ ยละ ๘๐ หลากหลาย ดา นคณุ ลักษณะ ๑. ซ่ือสตั ยสุจริต ประเมินคุณลกั ษณะ แบบประเมิน ผานเกณฑคณุ ภาพ ๒. มวี นิ ยั อนั พงึ ประสงค คุณลกั ษณะอันพงึ ระดับ ๒ ๓. ใฝเ รยี นรู ประสงค ๔. มีมารยาทในการอา น การเขยี น
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๕๓ บันทึกผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ......................................ผสู อน (..............................................................) วันที.่ .....เดือน.............พ.ศ........... ความคดิ เหน็ /ขอเสนอแนะของผูบริหารหรือผูทไ่ี ดรบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผูตรวจ (..............................................................) วันท.่ี .....เดือน.............พ.ศ...........
๕๔ ใบความรู เรอ่ื ง การตคี วามและประเมินคุณคา หนว ยที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๕ เรอื่ งการอา นตคี วามและประเมนิ คณุ คา รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ การอานเปนการสื่อสารท่ีมีคุณคาเปนแนวทางท่ีจะนําไปสูการเปนนักปราชญ เพราะหนังสือคือ สื่อการเรียนรู ความรูสึกนึกคิดที่ชวยแกปญหาในการดําเนินชีวิต นอกจากนี้ยังทําใหผูอานรูสึกเพลิดเพลิน เพื่อใหสามารถตีความและประเมินคุณคาแนวคิดเพ่ือนําไปสูการแกปญหาตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน แนวทางการอานตีความและการประเมินคุณคา มีดังนี้ ๑. การอานงานเขียนควรอานขอความทั้งหมดกอน เพ่ือทําความเขาใจความหมายโดยรวมของเร่ือง ท่อี า น ๒. ไตรตรองและพิจารณาวาผูเขียนตองการใหผูอานเกิดปฏิกิริยาในเร่ืองใดบาง และผูเขียนตองการ แสดงขอเทจ็ จริง ขอ คดิ เหน็ หรอื แสดงอารมณ ความรสู ึกใดที่เดน ท่ีสุด ๓. สรุปรวบยอดใจความสําคัญของสารวาคืออะไร จากนั้นเขาสูการตีความโดยเริ่มจากการตีความ คําศัพท สํานวน ประโยคจากเร่ืองท่ีอานวามีความหมายโดยตรง ความหมายโดยนัยอะไรบาง และตีความ แนวคดิ หลักท่ีผเู ขียนตองการนําเสนอ ๔. เม่ือตีความเร่ืองที่อานไดแลวจากน้ันเขาสูการประเมินคุณคางานเขียนดวยการอธิบายลักษณะดี ลกั ษณะที่บกพรองของงานเขียนในแงม ุมตา ง ๆ อาทิ ดา นเนื้อเรือ่ ง ดา นความคดิ เห็น ดา นทํานองแตง การประเมิน คุณคางานเขียนเปนการนําไปสูการวิพากษ วิจารณ และตัดสินวางานเขียนที่อานน้ันมีประโยชน หรือเปน แบบอยา งทีด่ ีตอสงั คมหรอื ไม
กลุม สาระการเรียนรูภาษาไทย ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๕๕ ใบงานเรือ่ ง การตคี วามและประเมนิ คณุ คา หนวยที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๕ เร่อื ง การตคี วามและประเมนิ คณุ คา รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี ๓ อานเพมิ่ พลัง “ผูหญิงคนน้ีทําไดหลายอยาง เปนนักดํานํ้า ปนจักรยานได ขับรถได ขับเคร่ืองบินได และยังเปน นกั เทควนั โดสายดํา ไมน าแปลกหากเธอมีอวัยวะครบสามสิบสอง” นําเรื่องของวินทร เลียววาริณ “เรื่อง ไรแขนแตมีปก” ใน allmagasin online ฉบับ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ ทําใหส ะดุดตาตองอา นจนจบ เจสซกิ า ค็อกซ (Jessica Cox) คอื ช่อื ของผหู ญงิ คนนั้นเธอไรแขนแตพลังใจเต็มรอยเธอเกงกวาคนปกติ ทําทุกอยางดวยตนเองโดยใชเทาแทนมือ ขับรถเติมนํ้ามันเอง สวมคอนแทคเลนส หวีผม โทรศัพท พิมพดีด ๒๕ คําตอ นาที สวมเส้อื ผา เอง เตนรํา เปน นักเทควันโดสายดําไรแขนคนแรกของสมาคมเทควันโดสหรัฐ เรียนจบ มหาวิทยาลยั สาขาจิตวิทยา ขับเคร่อื งบนิ ไดด ว ยเทา ทงั้ สองและแตง งานมีครอบครวั อยางมีความสุข “คนบางคนรางกายครบสามสิบสองแตไมใช รอคอยความชวยเหลือจากคนอื่น กายสมบูรณใจพิการ” คมมาก เจสซิกา ค็อกซ (Jessica Cox) ไรแขนแตมีปกบินขามอุปสรรคไปสูความฝนไดและยังทําใหคนอ่ืนรูสึก วา ยังมคี วามหวงั “แลวเราละ ทาํ อะไรไดบา งหรือยัง” *คดิ เมอ่ื อา นไรแขนแตมปี ก ของ วนิ ทร เลียววาริณ จาก allmagazineonlinme ฉบับ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ ******************************* ใหน กั เรียนเลือกคาํ ตอบท่ีถกู ตอ งที่สดุ ขอละ ๑ คําตอบ ขอละ ๒ คะแนน ๑. “ไรแขนแตม ีปก ” คืออะไร ........................................................................................................................................................................... ๒. วนิ ทร เลียววาริณ ตองการส่ือสารอะไรถงึ ผูอา น ............................................................................................................................................................................ ๓. เจสซกิ า คอ็ กซ (Jessica Cox) เปน คนอยา งไร ............................................................................................................................................................................ ๔. ผอู า นไดขอ คดิ อะไรจากเร่ืองที่อา น ............................................................................................................................................................................ ๕. สง่ิ ที่ผอู านสามารถนําไปใชประโยชนไ ดคืออะไร ............................................................................................................................................................................ (แนวคาํ ตอบ ใหอยูในดุลยพินิจของครูผสู อน)
๕๖ แบบประเมนิ ผลงานการเขยี น ลําดบั คุณคา มารยาท รวม ๒๐ ที่ ชอ่ื – สกลุ ดา นเนอื้ หา การใชภ าษา ของงานเขยี น ในการเขยี น คะแนน ๑๒๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ลงช่ือ ........................................................... ผูประเมิน เกณฑการประเมิน ดีมาก ระดับคุณภาพ ๔ หมายถึง ดี ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดีมาก ๓ หมายถึง พอใช ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๒ หมายถึง ปรับปรุง ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ หมายถงึ ๑ – ๗ คะแนน = ปรบั ปรุง ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติม : .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๕๗ เกณฑการประเมนิ ผลงานการเขียน ประเด็น ๔ เกณฑก ารใหคะแนน การประเมิน ๑. มีการตคี วามตรง ๓๒๑ ๑. ดาน ตามแนวคิดของ ๑. มีการตีความ ๑. มกี ารตีความ ๑. ตีความไมต รง เนือ้ หา เร่ือง/ผูเขยี น ตรงตามแนวคดิ ตรงตามแนวคดิ ตามแนวคดิ ของ ๒. จบั ประเด็นสําคัญ ของเร่ือง/ผเู ขียน ของเร่ือง/ผเู ขยี น เรอ่ื ง/ผูเขียน ๒. การใช ของเร่ืองไดถ ูกตอ ง ๒. จบั ประเด็น ๒. จบั ประเด็น ๒. จบั ประเด็น ภาษา ๓. ลาํ ดับเรอื่ งได สําคัญของเรอ่ื งได สาํ คัญของเรอ่ื งได สําคญั ของเรอื่ งได ๓. คณุ คา ตอเนอ่ื งท้งั หมด ไมครบถวน ไมครบถวน ไมค รบถวน ของงาน ๔. เปรยี บเทียบ ๓. ลาํ ดับเรอื่ งได ๓. ลาํ ดบั เรอื่ งไดไม ๓. ลาํ ดับเร่อื งไดไ ม เขียน ยกตวั อยา งไดดี ตอเน่อื งทัง้ หมด ตอเนือ่ ง ตอ เน่ือง ๔. มารยาท ๑. ใชภาษาเหมาะสม ๔. เปรยี บเทียบ ๔. ไมมี ๔. ไมม ี ในการเขียน ๒. ใชภ าษาเขาใจงาย ยกตวั อยา งไดด ี การเปรยี บเทยี บ การเปรียบเทยี บ ๓. เขียนถกู ตอ งตาม หรือยกตวั อยา ง หรอื ยกตวั อยา ง อักขรวิธี ๑. ใชภ าษาหมาะ ๑. ใชภ าษา ๑. ใชภาษาไม ๔. เขียนตรงประเด็น สม เหมาะสม เหมาะเขา ใจยาก งานเขยี นมปี ระโยชน ๒. ใชภาษาเขาใจ ๒. เขียนผดิ ๓ แหง ๒. เขียนผิด ตอ ตนเอง ตอสงั คม งาย ๓ เขียนตรง มากกวา ๓ แหง และตอประเทศชาติ ๓. เขียนผดิ ๒ แหง ประเดน็ ๓. เขยี นไมตรง มีการยกตวั อยา ง ๔. เขยี นตรง ประเด็น อธบิ ายเหตผุ ล ประเด็น ประกอบ อยา ง งานเขียนมี งานเขียนมี งานเขยี นมี ถกู ตองชัดเจน และ ประโยชนตอ ตนเอง ประโยชนตอ ตนเอง ประโยชนตอตนเอง สรางสรรค ตอสงั คม และตอ ตอ สงั คม และตอ ตอ สงั คม และตอ ๑. ลายมอื เปน ประเทศชาติ มี ประเทศชาติ ประเทศชาติ ระเบยี บ การยกตวั อยาง มกี ารยกตวั อยาง ๒. สะอาดเรียบรอ ย อธิบายเหตผุ ล ๓. เขยี นถกู ตอ งตาม ประกอบ อกั ขรวธิ ี อยางถูกตอง ๔. สงทนั เวลาที่ ๑. ลายมอื เปน ๑. ลายมือไมเปน ๑. ลายมือไมเ ปน กาํ หนด ระเบียบ ระเบยี บ ระเบยี บ ๒. สะอาดเรยี บรอ ย ๒. สะอาดเรียบรอย ๒. เขียนไมถ กู ตอ ง ๓. เขยี นถกู ตอ ง ๓. เขียนถูกตอง ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวธิ ี
๕๘ หนว ยการเรียนรทู ่ี ๑ ววิ ิธพนิ ิจภาษา แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๖ เร่อื ง การเลอื กดแู ละฟงสิ่งที่เปนประโยชนจ ากโฆษณา เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรยี นรู แหลง เรยี นรู หลกั การวิเคราะหวจิ ารณเรอ่ื งท่ีฟง และดู ๑. หอ งสมุดโรงเรยี น ขนั้ นาํ ๒. อินเทอรเ น็ต จดุ ประสงคการเรยี นรู นักเรยี นดคู ลปิ รายการโฆษณาจาก youtube ครูถามนักเรียนวา ดา นความรู ส่งิ ใดเปน สิ่งจงู ใจใหเราซ้ือสนิ คา และบริการ ครอู ธิบายโยงเขาสูบทเรียน ข้นั สอน ส่ือ อธบิ ายหลกั การวเิ คราะหวิจารณเร่อื งทฟ่ี ง ๑. คลปิ รายการโฆษณาจาก youtube และดูได ๑. นักเรยี นอา นเร่อื งเรียนรเู รื่องโฆษณา หนา ๑๗ - ๒๑ จากหนังสือ https://www.youtube.com/watch?v=2oqMYj ดา นทักษะและกระบวนการ วิวิธภาษาใหนักเรียนศึกษาเพิม่ เตมิ SyNJQ&list=PL4RviW4P70J3_0eGhJp4KM1S1f Lipon4y วเิ คราะห วิจารณจ ากการฟง ดโู ฆษณาได ๒. ครูอธิบายสวนประกอบของโฆษณาประโยชนและโทษของ ๒. หนงั สอื เรียนวิวธิ ภาษา ชน้ั ม. ๓ ดา นคณุ ลกั ษณะ โฆษณาและอิทธิพลของโฆษณาโดยใชโปรแกรมนําเสนอ เรอื่ ง โฆษณา ๓. ใบความรูเ รือ่ งการวิเคราะหว ิจารณเรื่องที่ฟง ๑. มีมารยาทในการฟง การดู และการพดู และใหนักเรียนยกตวั อยา งประกอบ ๒. มีวินัย และดู ๓. ใฝเ รียนรู ๓. นักเรียนศึกษาหลักการวิเคราะห วิจารณจากน้ันเปดโอกาสให ๔. ใบงานเร่ืองการวเิ คราะหจารณเรอ่ื งทฟี่ งและดู นกั เรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ภาระงาน/ชน้ิ งาน - ๔. นักเรียนทําใบงานเร่ืองการวิเคราะหวิจารณเรื่องที่ฟงและดู สง ครูในชั่วโมง ข้นั สรปุ นักเรียนและครูรวมกันสรุป หลักการวิเคราะหวิจารณ นักเรียน จดบนั ทกึ ความรูท ไี่ ดล งในสมุด
กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๕๙ การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครอ่ื งมือท่ีใช เกณฑ สงิ่ ทตี่ องการวัด/ประเมนิ ถาม - ตอบ คาํ ถาม ผานเกณฑการประเมนิ ดานความรู สงั เกตประเมิน แบบสังเกตพฤติกรรม รอ ยละ ๘๐ หลักการวิเคราะหว จิ ารณได พฤติกรรมรายบคุ คล รายบุคคล ทําใบงานเรื่อง ใบงานเรอ่ื ง ผา นเกณฑการประเมนิ ดานทักษะและกระบวนการ การวเิ คราะหว จิ ารณ การวเิ คราะหว ิจารณ รอ ยละ ๘๐ วิเคราะห วิจารณจากการฟง เร่ืองที่ฟง และดู เรือ่ งที่ฟงและดู ดูโฆษณาได ประเมนิ คุณลักษณะ แบบประเมิน ผา นเกณฑคณุ ภาพ ดานคณุ ลักษณะ อนั พึงประสงค คุณลกั ษณะอนั พงึ ระดับ ๒ ๑. ซ่อื สตั ยส จุ รติ ประสงค ๒. มีวินัย ๓. ใฝเรียนรู
๖๐ บนั ทึกผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................... ขอเสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู อน (..............................................................) วันที.่ .....เดือน.............พ.ศ........... ความคดิ เห็น/ขอ เสนอแนะของผูบริหารหรือผูทไี่ ดรับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผตู รวจ (..............................................................) วนั ที.่ .....เดอื น.............พ.ศ...........
กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๖๑ สอื่ PPT เรอื่ ง โฆษณา หนวยที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๖ เรอ่ื ง การเลือกดสู ิ่งท่เี ปนประโยชนจากโฆษณา รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ ๓
๖๒
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๖๓ ใบความรูเ รอ่ื ง การวเิ คราะห วจิ ารณเ รื่องทีฟ่ งและดู หนวยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๖ เรื่อง การเลือกดูส่ิงทเ่ี ปนประโยชนจากโฆษณา รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ หลักการวิเคราะหวิจารณเรือ่ งทีฟ่ ง และดู การวิเคราะห หมายถึงการแยกแยะประเภท ลักษณะ สาระสําคัญและการนําเสนอพรอมท้ังเจตนา ของผูพดู หรอื ผูเสนอ การวิจารณ หมายถึง การพิจารณาอยางมีหลักเกณฑในเรื่องที่ฟงและดู วามีอะไรนาคิด นาสนใจ นา ติดตาม นา ชมเชย นาชน่ื ชมและมีอะไรบกพรองบา ง การวิจารณสารหรือเรื่องที่ไดฟงและดู เมื่อไดวิเคราะหและวินิจและใชวิจารณญาณในการฟงและดู เร่ืองหรือสารที่ไดรับแลวก็นําผลมารายงานบอกกลาวแสดงความคิดเห็นตอส่ิงนั้น อยางมีเหตุผล มีหลักฐาน ประกอบ และเปนสิง่ สรางสรรค สังคมปจจุบันชองทางการนําเสนอขอมูลใหดูและฟงจะมีมากมาย ดังน้ันผูเรียนควรรูจักเลือกท่ีจะดู และฟง เมื่อไดร บั รูข อมลู แลว การรจู กั วเิ คราะห วิจารณ เพอื่ นําไปใชใ นทางสรางสรรค เปน สง่ิ จําเปนเพราะผล ที่ตามมาจากการดูและฟงจะเปนผลบวกหรือลบแกสังคมก็ข้ึนอยูกับการนําไปใช นั่นคือผลดีจะเกิดแกสังคม ก็เมื่อผดู ูและฟงนําผลท่ไี ดน ้ันไปใชอยา งสรา งสรรค หรอื ในปจจุบนั จะมสี ํานวนทใี่ ชกันอยางแพรห ลายวาคิดบวก นนั่ เองเม่ือรูจักหลักในการดูและฟงแลว ควรจะรูจักประเภทเพ่ือแยกแยะในการนําไปใชประโยชน ซ่ึงอาจสรุป ประเภทได ดงั น้ี ๑. ส่ือโฆษณา ส่ือประเภทนี้ผูฟงตองรูจุดมุงหมายเพราะสวนใหญจะเปนการส่อื ใหคลอ ยตาม อาจไม สมเหตุสมผล ผูฟ งตองพิจารณาไตรต รองกอนซื้อหรอื กอ นตัดสินใจ ๒. สื่อเพ่ือความบันเทิง เชน เพลง เร่ืองเลา ซ่ึงอาจมีการแสดงประกอบดวย เชน นิทาน นิยาย หรือส่ือ ประเภทละคร ส่ือเหลา นี้ผูร ับสารตองระมัดระวัง ใชวิจารณญาณประกอบการตดั สนิ ใจกอนท่ีจะซื้อหรือทําตาม ปจจุบันรายการโทรทัศนจะมีการแนะนําวาแตละรายการเหมาะกับกลุมเปา หมายใด เพราะเช่ือกันวาถาผูใดขาด ความคิดในเชิงสรางสรรคแลว ส่ือบันเทิงอาจสงผลรายตอสังคมได เชน ผูดูเอาตัวอยางการจ้ี ปลน การขมขืน กระทําชาํ เรา และแมแ ตการฆา ตัวตาย โดยเอาอยา งจากละครท่ดี กู เ็ คยมีมาแลว ๓. ขาวสาร ส่ือประเภทน้ีผูรับสารตองมีความพรอมพอสมควร เพราะควรตองรูจักแหลงขาว ผูนาํ เสนอขา ว การจับประเดน็ ความมเี หตมุ ผี ล รจู กั เปรียบเทยี บเน้ือหาจากทมี่ าของขาวหลาย ๆ แหง เปนตน ๔. ปาฐกถา เนื้อหาประเภทนี้ผูรับสารตองฟงอยางมีสมาธิเพ่ือจับประเด็นสําคัญใหได และกอน ตดั สนิ ใจเชือ่ หรอื นําขอมูลสว นใดไปใชป ระโยชนต อ งมคี วามรูพืน้ ฐานในเร่ืองนน้ั ๆ อยบู า ง ๕. สุนทรพจน สื่อประเภทนี้สวนใหญจะไมยาว และมีใจความที่เขาใจงาย ชัดเจน แตผูฟงจะตองรูจัก กล่ันกรองสิง่ ทดี่ ีไปเปน แนวทางในการปฏบิ ัติ สรปุ การฟงอยา งสรางสรรค ดังน้ี ๑. รจู ดุ มงุ หมายของสารที่ดูและฟง น้ัน ๒. รับฟงและดอู ยา งตั้งใจและทําความเขา ใจ ๓. รูจักสรุปและเลอื กนาํ ไปใชประโยชน
๖๔ ใบงานเรอื่ ง การวิเคราะห วิจารณเรอ่ื งท่ฟี งและดู หนวยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๖ เรือ่ ง การเลือกดูส่ิงท่เี ปนประโยชนจ ากโฆษณา รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ขอ ๑. นักเรยี นดภู าพโฆษณาแลว ตอบคาํ ถามตอไปนี้ ๑.๑ โฆษณานี้มีจดุ มุงหมายเพ่ือ .......................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. ๑.๒ ลกั ษณะการใชภาษา ................................................................................................................................... ๑.๓ โฆษณานมี้ ขี อดี ขอ เสียอยา งไร ยกเหตผุ ลประกอบเปนขอ ๆ .................................................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๖๕ ๒. นักเรยี นดภู าพโฆษณาแลวตอบคําถามตอไปนี้ ๒.๑ โฆษณานม้ี จี ดุ มงุ หมายเพ่ือ .......................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. ๒.๒ ลักษณะการใชภ าษา ................................................................................................................................... ๓.๓ โฆษณานม้ี ขี อ ดี ขอเสยี อยางไร ยกเหตผุ ลประกอบเปนขอ ๆ .................................................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................
๖๖ แนวเฉลยใบงานเรือ่ ง การวเิ คราะห วจิ ารณเร่ืองที่ฟงและดู หนวยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรูท ี่ ๖ เรอ่ื ง การเลอื กดสู ่ิงท่ีเปน ประโยชนจากโฆษณา รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๓ ขอ ๑ ๑.๑ โฆษณานม้ี ีจุดมงุ หมายเพ่ือ ตอ งการเชญิ ชวนใหผดู ูทําประกันชีวติ ในลักษณะการฝากเงนิ กบั ธนาคาร ๑.๒ ลกั ษณะการใชภ าษา เปนการโนมนาวใจ จากขอความทีว่ า “ฝากหนึง่ คมุ ครองสอง” ๑.๓ โฆษณานม้ี ขี อ ดี ขอเสียอยางไร ยกเหตุผลประกอบเปนขอ ๆ ขอ ดี บอกรายละเอยี ดสิทธปิ ระโยชนท ่ผี ูทําจะไดรบั อยางชัดเจน เขา ใจงา ย ขอ เสีย ขาดรายละเอียดของผูดู (ผทู ีต่ อ งการทาํ ประกันชีวติ ) ตอ งดาํ เนินการอยางไรบาง เชน ฝากเงนิ ขนั้ ตาํ่ ขอ ๒ ๒.๑ โฆษณานี้มีจดุ มงุ หมายเพื่อ เชญิ ชวนใหผูดซู ้ือสน้ิ คา ๒.๒ ลกั ษณะการใชภาษา เปนการโนม นาวใจซ่งึ ใชภาษาเกนิ จริง จากขอความทีว่ า “ทาคร้งั เดียว” ๓.๓ โฆษณานม้ี ขี อดี ขอ เสียอยา งไร ยกเหตผุ ลประกอบเปนขอ ๆ ขอดี บอกคณุ สมบัตขิ องตัวยาไวอยางชดั เจน รปู ภาพสื่อความเขาใจงาย ขอ เสีย รายละเอยี ดของคุณสมบตั แิ ละวธิ ีใชมีขนาดเล็กมาก (อยใู นดลุ พนิ จิ ของครูผูสอน)
กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๖๗ หนวยการเรยี นรูที่ ๑ วิวธิ พนิ ิจภาษา แผนการจดั การเรียนรูที่ ๗ เร่ือง การเขียนโฆษณา เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นรู แหลง เรยี นรู ๑. การเขียนขอ ความโดยใชถ อยคําไดถูกตองตามระดบั ๑. หอ งสมดุ โรงเรียน ภาษา ข้นั นํา ๒. อนิ เทอรเ น็ต ครยู กตัวอยางคาํ โฆษณาสินคา มาหลากหลายตัวอยา ง และ ๒. การเขียนโฆษณา ชวนนักเรียนสนทนารวมกนั ครูอภปิ รายเพ่ิมเติม จดุ ประสงคก ารเรียนรู ขั้นสอน สื่อ ดา นความรู ๑. หนงั สือววิ ธิ ภาษา ม.๓ ๑. นักเรียนศกึ ษาใบความรูเรื่อง หลกั การเขยี นคาํ โฆษณา ๒. ใบความรูเร่ืองหลักการเขยี นโฆษณา ๑. ความหมายและความสําคญั ของการเขียนโฆษณา ๒. นักเรยี นแบง กลมุ กลุมละ ๔-๕ คน แลวเขยี นคาํ โฆษณา ความสําคัญของการอาน ๒. หลกั การเขียนโฆษณา สินคา กลุมละ ๑ คาํ โฆษณา ดา นทักษะและกระบวนการ ๓. นักเรียนสงตัวแทนกลุมนําเสนอคําโฆษณาหนาช้ันเรียน เขยี นคําโฆษณาได ครแู ละนักเรยี นรวมกนั อภปิ ราย ดานคุณลักษณะ ขัน้ สรุป ภาระงาน/ชนิ้ งาน ๑. มีวนิ ัย เขยี นคําโฆษณาสนิ คา ๒. ใฝเ รียนรู ครแู ละนักเรียนรวมกนั สรปุ ประโยชนข องการเขยี นคาํ ๓. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน โฆษณาพรอมทงั้ แสดงความคิดเหน็ ถึงโทษของโฆษณาทปี่ รากฏ ๔. มีมารยาทในการเขยี น ในส่ือตาง ๆ
๖๘ การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื ทีใ่ ช ส่งิ ท่ตี องการวดั /ประเมนิ แบบประเมิน เกณฑ ดา นความรู การนําเสนอผลงาน ผา นเกณฑการประเมนิ ๑. ความหมายและ การนาํ เสนอผลงาน รอ ยละ ๘๐ ความสาํ คัญของการเขยี น โฆษณา ๒. หลกั การเขียนโฆษณา ดา นทกั ษะและกระบวนการ เขยี นคําโฆษณาสินคา เขียนโฆษณา แบบประเมินการเขยี น ผานเกณฑการประเมนิ โฆษณา รอยละ ๘๐ ดานคุณลักษณะ ๑. มีวนิ ัย ประเมนิ คุณลักษณะ แบบประเมิน ผา นเกณฑคณุ ภาพ ๒. ใฝเ รยี นรู อนั พึงประสงค คุณลักษณะ ระดับ ๒ ๓. มุง มนั่ ในการทํางาน อนั พึงประสงค ๔. มมี ารยาทในการเขียน บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู ........................................................................................................................................................................... ปญ หาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................................... ขอเสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผูสอน (..............................................................) วนั ที.่ .....เดอื น.............พ.ศ........... ความคดิ เห็น/ขอเสนอแนะของผบู ริหารหรอื ผูที่ไดรับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................ผูต รวจ (..............................................................) วันท.ี่ .....เดือน.............พ.ศ...........
กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๖๙ ใบความรเู ร่อื ง การเขียนคาํ โฆษณา หนวยท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรูท ี่ ๗ การเขียนคาํ โฆษณา รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี ๓ หลกั การเขียนโฆษณา การเขียนคําโฆษณาตองใชความคิดสรางสรรคและภาษาที่โนมนาวใจผูบริโภคไดเปนอยางดี เพื่อนํา ไปสูผ ลลพั ธอ ันยอดเยย่ี ม ควรคาํ นึงถงึ หลักการ ดังน้ี ๑. ตองมีประโยชน คําโฆษณาหรือขอความตองมีประโยชน ขณะเดียวกันตองกระตุนใหผูอานหรือ ผูใชบรกิ ารมสี ว นรว ม มขี อเสนอตา ง ๆ ซึ่งผอู านชืน่ ชอบ ๒. ตองมีระยะเวลา ควรมีวันเริ่มตน สิ้นสุด เพราะทําใหผูอานรูสึกต่ืนตัว เรงรีบ และพรอมท่ีจะไดรับ สทิ ธปิ ระโยชน ๓. การใชภาษา สั้น กระชับ เชิญชวนและสุภาพ คําหรือขอความตองส้ัน กระชับดึงดูด ไมใชถอยคําท่ี เยิ่นเยอ ๔. ตองมีขอ ความสําหรบั กระตุนใหผ ูอา นหรอื ผูใชบริการ แสดงปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองในทนั ทีทันใด ๕. หลกี เลี่ยงการใชคาํ โฆษณาเกนิ จริง ไมค วรใชค าํ ทีเ่ กินจรงิ เชน “มหัศจรรย” หรือ “วเิ ศษสุด” การใช คาํ เชน นี้อาจทําใหผูอ า นเกิดความรูสึกไมแนใจวาคณุ ภาพของสินคา นน้ั จะมีคุณภาพจรงิ ๆ ๖. ทกุ ขอ ความของคาํ โฆษณาควรมตี ราสินคาซง่ึ เปนสญั ลกั ษณ
๗๐ แบบประเมินผลงานการเขียนโฆษณา ลาํ ดบั มารยาท การตรงตอ รวม ท่ี ชอ่ื – สกลุ ดานเนอื้ หา การใชภ าษา ในการเขยี น เวลา ๑๖ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ คะแนน ลงชือ่ ........................................................... ผูป ระเมิน เกณฑการประเมิน ดีมาก ระดับคณุ ภาพ ๔ หมายถงึ ดี ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดมี าก ๓ หมายถงึ พอใช ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๒ หมายถงึ ปรับปรุง ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ หมายถงึ ๑ – ๗ คะแนน = ปรับปรุง ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติม : .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๗๑ เกณฑการประเมนิ ผลงานการเขยี นโฆษณา ประเด็น เกณฑก ารใหค ะแนน การประเมิน ๔ ๓๒ ๑ ๑. ดาน เน้อื หาตรงประเด็น เน้ือหาตรงประเด็น เน้ือหาตรงประเด็น เน้อื หาไมตรง เนื้อหา มคี วามถูกตอง และมีความถูกตอง มีความถูกตอ ง ประเด็น มีความสอดคลอ งกัน มคี วามสอดคลอ งกัน มีความสอดคลอ ง ไมค วาม มแี นวคดิ ทตี่ องการ มีแนวคดิ ทตี่ องการ กนั มีแนวคดิ ท่ี สอดคลองกนั นาํ เสนอชดั เจน นาํ เสนอไมชัดเจนมี ตองการนําเสนอไม มแี นวคิดท่ี นาสนใจ การโนมนาวใหผอู าน ชดั เจน ตอ งการนําเสนอ มีการโนม นา วใหผ ูอา น ไมช ดั เจน ๒. การใช ใชภาษาถกู ตอง ใชภ าษาถูกตอง ใชภาษาถูกตอง ใชภาษาไมถูกตอง ภาษา เหมาะสมกับระดับ เหมาะสมกบั ระดับ เหมาะสม เหมาะสม ของภาษาและ ของภาษาและ ใชค าํ และสํานวน ใชคําและสาํ นวน กาลเทศะ กาลเทศะ ทสี่ ละสลวยส่ือ ท่สี ละสลวยสือ่ ใชค ําและสํานวน ใชค ําและสํานวน ความหมายที่ ความหมายที่ ท่ีสละสลวยส่ือ ที่สละสลวยสอื่ ตองการไดไม ตองการไดไม ความหมายที่ตองการ ความหมายทต่ี องการ ชดั เจน ชัดเจน ไดช ัดเจนมีความ ไดไ มช ัดเจนแตม ี นาเชื่อถอื และนา ความนาเชื่อถือและ ลายมือไมเ ปน ปฏิบัติตาม นาปฏบิ ตั ติ าม ระเบยี บ ไมร อย ๓. มารยาท ลายมือเปนระเบียบ ลายมือเปนระเบยี บ ลายมอื ไมเ ปน ลบขูด ขดี ฆา ในการเขียน อา นงาย อานยาก ระเบียบ ไมร อยลบ มีเขียนผดิ สะอาดเรียบรอย สะอาดเรยี บรอย ขูด ขดี ฆา งานเสรจ็ ไม เขียนถูกตองตาม เขียนถูกตองตาม เขยี นถกู ตองตาม ทนั เวลาท่กี ําหนด อกั ขรวิธี อักขรวธิ ี อกั ขรวิธี และงานไมมี ๔. การตรง งานเสรจ็ ตาม งานเสรจ็ ตาม งานเสรจ็ ทนั เวลาท่ี คณุ ภาพ ตอ เวลา กาํ หนดเวลาและงานมี กําหนดเวลาแตงานมี กาํ หนดและงานไม คุณภาพดี คณุ ภาพนอย มคี ุณภาพ เกณฑการตัดสิน ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดมี าก ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ – ๗ คะแนน = ปรบั ปรุง
๗๒ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๘ เรอื่ ง การเขียนอธบิ าย เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ หนวยการเรียนรูที่ ๑ ววิ ธิ พนิ ิจภาษา กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย กจิ กรรมการเรยี นรู แหลงเรียนรู ขอบเขตเน้อื หา ๑. หองสมดุ โรงเรียน ข้นั นํา ๒. อนิ เทอรเ นต็ หลักการเขียนอธบิ าย ครูขออาสาสมัครนักเรียน ๒ คน ออกมาอธิบายเสนทาง จุดประสงคการเรียนรู การเดินทางมาโรงเรียนของนักเรียนใหเพื่อนในหองและครูฟง ดา นความรู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแนะนําเสนทาง เพื่อโยงเขาสู สอ่ื ๑. อธิบายความหมายอธบิ ายไดถ ูกตอ ง เนอ้ื หา ๑. แผนที่จงั หวดั ของนักเรยี น ๒. อธบิ ายกลวิธกี ารเขยี นอธบิ ายได ขัน้ สอน ๒. หนังสือวิวธิ ภาษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ดา นทักษะและกระบวนการ ๓. ใบความรูเ ร่อื ง การเขียนอธบิ าย เขียนอธิบาย ชีแ้ จงรายละเอียดได ๑. นกั เรยี นดูแผนที่ในจังหวัดของนกั เรยี น ๔. ใบงานเรอื่ ง การเขยี นอธิบาย ดานคุณลกั ษณะ ๒. นักเรียนและครูรวมกันสนทนาถึงการใชแผนที่และ ๑. มีวินยั การบอกทิศทางในแผนท่ี โดยครูซักถามนักเรียนถึงการอาน ๒. ใฝเ รยี นรู แผนท่ี วา มหี ลักการและวิธกี ารอา นอยางไร ภาระงาน/ชน้ิ งาน ๓. มงุ ม่ันในการทํางาน - ๔. มารยาทในการเขียน ๓. นักเรียนศึกษาเน้ือเร่ืองในวิวิธภาษา เรื่อง กรุงเทพฯ เม่ือ รอยกวาป นกั เรยี นรวมกันสนทนาเกยี่ วกับเรื่องท่อี า น ๔. ครูแบงนักเรียนออกเปน ๔ กลุม ครูแจกใบความรูเร่ือง การเขียนอธิบายใหน กั เรียนศึกษา ๕. นักเรียนสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอการเขียนอธิบาย หนาชนั้ เรียน ๖. นักเรียนและครูรวมกันแสดงความคิดเห็นการนําเสนอ ผลงานของแตล ะกลมุ ๗. นกั เรียนทาํ ใบงาน เรื่อง การเขยี นอธบิ าย
กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๗๓ เวลา ๑ ชั่วโมง หนวยการเรยี นรทู ี่ ๑ ววิ ธิ พินจิ ภาษา แผนการจัดการเรียนรูที่ ๘ เรอ่ื ง การเขียนอธบิ าย ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ ๓ กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ข้นั สรปุ นักเรยี นและครูรวมกันสรปุ หลักการเขียนอธบิ ายและ การนําไปประยกุ ตใ ชในงานเขียนรูปแบบตาง ๆ
๗๔ การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือที่ใช เกณฑ สง่ิ ทีต่ องการวัด/ประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรม ดานความรู การทํางานกลุมของ แบบสังเกตพฤติกรรม ผานเกณฑการประเมนิ ๑. หลกั การเขียนอธบิ าย นกั เรียน การทาํ งานกลมุ ของ รอยละ ๘๐ ๒. กลวิธีการเขียนอธบิ าย เขยี นอธบิ าย นักเรียน ดานทกั ษะและกระบวนการ เขียนอธบิ ายช้ีแจง แบบประเมนิ ผา นเกณฑการประเมิน รายละเอียดได การเขียนอธิบาย รอ ยละ ๘๐ ดานคุณลกั ษณะ ประเมินคุณลกั ษณะ แบบประเมิน ผานเกณฑเ กณฑ ๑. มวี นิ ัย อนั พึงประสงค คณุ ลกั ษณะ คุณภาพระดับ ๒ ๒. ใฝเ รยี นรู อันพงึ ประสงค ๓. มุงม่นั ในการทํางาน ๔. มมี ารยาทในการเขียน
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๗๕ บันทึกผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ......................................ผสู อน (..............................................................) วันที.่ .....เดือน.............พ.ศ........... ความคดิ เหน็ /ขอเสนอแนะของผูบริหารหรือผูทไ่ี ดรบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผตู รวจ (..............................................................) วันท.่ี .....เดือน.............พ.ศ...........
๗๖ ใบความรู เรอ่ื ง การเขียนอธิบาย หนวยท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๘ เรือ่ ง การเขียนอธบิ าย รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ความหมายการเขยี นอธิบาย การเขียนอธิบาย เปนการเขียนเพื่อการส่ือสารใหเกิดความกระจางแจงเก่ียวกับเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง อยางละเอยี ดและถกู ตอ ง ดวยกลวิธที ่ีหลากหลายและเหมาะสมกับเนือ้ หา กลวิธีการเขียนอธิบาย ๑. การอธิบายตามลําดับขั้น คือ การเขียนอธิบายที่แสดงข้ันตอนไปตามลําดับการเขียนอธิบายวิธีน้ี มักใชกับการอธิบายกระบวนการ กิจกรรม หรือการเปล่ียนแปลงท่ีมีข้ันตอน เชน วิธีทําอาหาร การทดลอง วิทยาศาสตร การออกกายบริหาร และการเจริญเติบโตของพืช เปนตน ๒. การอธิบายดวยการใหคําจํากัดความ (นิยาม) คือ การเขียนอธิบายความหมายของส่ิงใดสิ่งหนึ่ง เพอื่ ใหเ กดิ ความเขาใจตรงกนั การใหค ําจาํ กดั ความประกอบดวยขอความทต่ี องการคาํ อธบิ าย เชน คําวา “คาราโอเกะ” เปนภาษาญี่ปนุ เกิดขนึ้ ใหม โดยนําคําวา “คารา” (Kara) ซึง่ แปลวา “วา งเปลา” มาผสมกับคาํ ยมื จากภาษาอังกฤษวา “โอเกะ” (จากคําวา Orchestra) รวมความแลว มีความหมายถงึ เพลงที่มี แตเสียงดนตรี ไมมีเสียงนักรอง แตมีเน้ือรองปรากฏเลื่อนไปตามสวนลางของจอ เพ่ือใหคนท่ีชอบรองเพลงได รอ งไปตามทาํ นองและไดด ภู าพสวย ๆ ทีอ่ าจจะเกีย่ วของหรือไมเ ก่ียวของกับเพลงนนั้ ๆ ก็ได (ทีม่ า : นติ ยา กาญจนะวรรณ) ๓. การอธิบายดวยการใหร ายละเอียด คือ การเขียนอธิบายท่ีจะแสดงรายละเอียดหรือใหขอมูลตาง ๆ เกีย่ วกบั เร่อื งนั้น ๆ เปน ตนวา การอธิบายลกั ษณะทางกายภาพ เชน ชางเผือก ชางสําคัญ หรือชางสีประหลาดนั้น ตามตําราทานกําหนดไว ๗ ประการ คือ มีตาขาว มีเพดานขาว มีเล็บขาว มีพ้ืนหลังเปนสีขาว หรือสีหมอใหม มีขนขาว มีขนหางขาว และมีอัณฑโกศขาว หรือสหี มอ ใหม ๔. การอธิบายดวยการยกตัวอยาง คือ การเขียนอธิบายที่มีการยกตัวอยางประกอบเร่ือง เพื่อชวยให ผอู านเขาใจเร่ืองไดง า ยและชัดเจนยิ่งขึ้น มกั มคี าํ วา เชน ไดแก อาทิ ตวั อยางเชน ผักสดที่คุณแมบานจะเลือกมาทําสลัดนั้น หาไดไมยากเลยท้ังจากตลาดสดใกลบานหรือแมกระท่ัง ในซูเปอรมารเก็ตก็มีผักมากมายใหคุณแมบานไดเลือกสรรตามชอบใจ ไมวาจะเปนผักไทย ๆ อยางแตงกวา มะเขือเทศ หอมหัวใหญ กะหลํ่าปลี และผักกาดหอม หรือผักของฝรั่ง อยางแครอท แชลาร่ี ผักกาดแกว กะหลํ่าปลีสีมวง แรดิช และบีทรทู เปนตน ๕. การอธิบายดวยการเปรียบเทียบ คือ การเขียนอธิบายท่ีช้ีใหเห็นถึงความเหมือนและความแตกตาง ของสง่ิ ท่ผี เู ขยี นนาํ มาเปรยี บเทยี บกัน เชน ...การจะดแู ลตนสม ท่รี ักสกั ตน ใหผ ลิดอกออกผลไดด ่งั ใจไมต างอะไรกับการอุมชูดแู ลเด็กออน ใชเ พียง เพราะตนสมใชเวลาตั้งทอง นับแตวันท่ีผลิดอกจนถึงวันท่ีเก็บผลไดกินเวลาราวเกาเดือนเหมือนกับคน แตสม ยังมคี วามละเอยี ดออนกับนาํ้ ดิน อากาศ รวมไปถงึ แมลง จึงตองทะนุถนอมดุจเดียวกับทารก... ๖. การอธิบายดวยการแสดงเหตุและผล คือ การเขียนอธิบายท่ชี ้ีใหเห็นถึงความสัมพนั ธวา สาเหตุน้ัน ๆ จะกอใหเ กดิ ผลอะไรตามมา หรือผลลัพธน น้ั ๆ เกดิ จากสาเหตุอะไร เชน
กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๗๗ ความเครียดในชีวิตประจําวันไมวาจะเปนเครียดเรื่องงาน เร่ืองเงิน หรือเร่ืองสวนตัวและการ รับประทานอาหารไมตรงเวลา อีกทั้งยังรับประทานอาหารท่ีมีรสเปร้ียวจัด และเผ็ดจัด ลวนเปนสาเหตุท่ีทําให เกิดโรคกระเพาะอาหารได อาการเบื้องตน คือ ปวดทองทั้งกอนและหลังรับประทานอาหาร บางรายก็คลื่นไส และอาเจียน หากไมไ ดรบั การรกั ษาทีถ่ ูกตองอาจทาํ ใหปวดทองขั้นรุนแรงจนถึงกระเพาะอาหารทะลุได (ที่มา : ธรี ภาพ โลหิตกุล)
๗๘ ใบงานเรือ่ ง การเขยี นอธิบาย หนวยที่ ๑ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๘ เร่อื ง การเขยี นอธบิ าย รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ คําช้แี จง ใหนักเรียนเขยี นแผนท่ีการเดนิ ทางของนกั เรยี นจากบา นมายงั โรงเรียนพรอ มทั้งเขยี นอธิบาย ชี้แจง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ๗๙ แบบประเมนิ ผลงานการเขยี น ลาํ ดับ มารยาท การตรงตอ รวม ที่ ช่ือ – สกุล ดานเนอื้ หา การใชภาษา ในการเขยี น เวลา ๑๖ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ คะแนน ลงชือ่ ........................................................... ผูป ระเมิน เกณฑก ารประเมนิ ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ ๔ หมายถึง ดี ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดมี าก ๓ หมายถงึ พอใช ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๒ หมายถึง ปรับปรงุ ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ หมายถงึ ๑ – ๗ คะแนน = ปรบั ปรงุ ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติม : .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๘๐ เกณฑการประเมนิ ผลงานการเขียน ประเด็น ๔ เกณฑก ารใหค ะแนน การประเมิน เขียนเร่ืองไดสมบรู ณ ๓๒ ๑ ๑. ดา น เนื้อหาสอดคลอ งตรง เขยี นเร่อื งไดสมบรู ณ เขยี นเร่อื งไดไม เขยี นเร่อื งไดไ ม เนื้อหา ตามขอมูล มี เนอ้ื หาสอดคลอ งตรง สมบรู ณเ นอื้ หา สมบูรณเนอ้ื หาไม ๒. การใช การเรียงลาํ ดบั ตามขอมลู มี สอดคลอ งตรงตาม ตรงตามขอมลู ภาษา เน้ือเร่ืองไดอยา ง การเรยี งลําดับ ขอ มลู มี ๓. มารยาท ตอเนื่องเหมาะสม เน้อื เรอ่ื งไมต อเนื่อง การเรยี งลําดบั ใชถ อ ยคําสํานวน ในการเขียน ไมว กวน เนอ้ื เร่อื งวกวน สอื่ ความหมายไม ๔. การตรง ใชถอ ยคาํ สาํ นวน ชดั เจน การใช ตอ เวลา ถูกตองเหมาะสม ใชถ อ ยคําสํานวน ใชถ อ ยคําสํานวน ภาษาแบบงา ยๆมี เขยี นสอ่ื ความหมาย ถกู ตองเขยี นส่ือ ถูกตองเหมาะสม ขอผิดมาก ไดชัดเจน ใชภาษา ความหมายได เขยี นสือ่ ลายมือไมเปน ถกู ตองตามอักขรวิธี ชัดเจน ใชภาษา ความหมายยงั ไม ระเบยี บ ไมร อยลบ เขียนแสดงความคดิ ถูกตองตาม ชดั เจน ใชภาษา ขูด ขีด ฆา เช่อื มโยงขอ มูลได อกั ขรวธิ ี แบบงา ยๆมีขอผดิ มเี ขียนผิด ลายมอื เปน ระเบียบ บา งเล็กนอย งานเสรจ็ ไมท ันเวลา อานงา ย ลายมือเปน ระเบียบ ลายมือไมเ ปน ท่ีกําหนดและงาน สะอาดเรยี บรอย อา นยาก ระเบียบ ไมร อยลบ ไมม ีคณุ ภาพ เขียนถกู ตองตาม สะอาดเรียบรอย ขดู ขดี ฆา อกั ขรวธิ ี เขียนถกู ตองตาม เขยี นถูกตองตาม งานเสร็จตาม อักขรวธิ ี อักขรวธิ ี กาํ หนดเวลาและงาน งานเสรจ็ ตาม งานเสรจ็ ทันเวลาท่ี มคี ณุ ภาพดี กําหนดเวลาแตงาน กาํ หนดและงานไม มคี ุณภาพนอ ย มคี ณุ ภาพ เกณฑก ารตัดสิน ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดีมาก ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ – ๗ คะแนน = ปรับปรุง
กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๘๑ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๑ วิวิธพินิจภาษา แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๙ เร่ือง การพดู รายงานภมู ปิ ญญาทองถ่นิ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี ๓ ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู แหลงเรียนรู การพูดรายงานเรื่องหรอื ประเด็นท่ีศึกษาคน ควา ๑. หองสมดุ โรงเรียน เก่ยี วกับภูมิปญ ญาทองถนิ่ ข้นั นํา ๒. อนิ เทอรเ นต็ จดุ ประสงคการเรียนรู ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับชุมชน/หมูบานของ ดานความรู นักเรียนและขออาสาสมัครออกมาเลาเร่ืองในชุมชนของ ๑. อธบิ ายหลกั การพูดรายงาน ตนเอง ๑ คน สอ่ื ๒. บอกความหมายเร่ืองภมู ิปญ ญาทองถนิ่ ข้ันสอน ใบความรเู ร่ือง การพดู รายงาน ดา นทกั ษะและกระบวนการ พูดรายงานเร่อื งท่ศี ึกษาคนควา ได ๑. ครแู บงนักเรยี นออกเปน กลุม ๔ กลมุ แลว ใหน กั เรียน ภาระงาน/ชิ้นงาน ดา นคณุ ลักษณะ ศึกษาใบความรูเรื่องการพูดรายงาน จากน้ันใหนักเรียน เขยี นรายงานการศกึ ษาภมู ิปญญาทองถ่นิ ๑. มีวินยั แตละคนฝก การออกมาพูดแนะนําตัวหนา ช้ันเรียนครั้งละ ๒. ใฝเ รียนรู ๑ คน ครูใหคําแนะนําเรื่องวิธีการพูด และบุคลิกภาพ ๓. รักความเปน ไทย ในการพดู ๔. มมี ารยาทในการฟง การดู และการพดู ๒. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาคนควาภูมิปญญา ทอ งถิน่ ในชุมชน หมบู านตนเอง เชน การละเลนพ้ืนบาน ประเพณี ความเช่ือ พิธีกรรม หัตถกรรม การแพทย ภาษาและวรรณกรรม ศิลปกรรม หรือปราชญชาวบาน และใหแ ตละกลมุ เลอื กเรอ่ื งทศี่ กึ ษากลุมละ ๑ เร่อื ง ๓. ครูใหตัวแทนกลุมเสนอหัวขอเร่ืองเพื่อศึกษาคนควา ภูมิปญญาทองถ่ิน และเขียนรายงานการศึกษาคนควา ความยาว ๑ - ๒ หนา เพือ่ วางแผนการพูดรายงาน
๘๒ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๙ เรอ่ื ง การพดู รายงานภมู ิปญ ญาทองถิน่ เวลา ๑ ช่ัวโมง หนวยการเรียนรูท่ี ๑ ววิ ิธพนิ ิจภาษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนตรวจสอบหัวขอเรื่องการศึกษาคนควา ของนักเรียน แลวอภิปรายรวมกัน ครูสรุปรูปแบบ การศึกษาคนควาจากการศึกษาคนควาแหลงเรียนรูใน ชุมชนรวมถึงการอนุรักษภูมปิ ญ ญาทองถนิ่ ใหคงอยตู อไป
กลุมสาระการเรยี นรูภ าษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๘๓ การวัดและประเมินผล สิง่ ท่ตี องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครื่องมอื ท่ใี ช เกณฑ ดานความรู หลกั การพูดรายงาน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผานเกณฑการประเมิน รายบุคคล รายบคุ คล รอยละ ๘๐ ดานทกั ษะและกระบวนการ พดู รายงาน ฝกพูดรายงาน แบบประเมนิ การพูด ผานเกณฑการประเมิน รายงาน รอยละ ๘๐ ดานคณุ ลกั ษณะ ๑. มวี นิ ยั ประเมนิ คุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ ผานเกณฑคณุ ภาพ ๒. ใฝเรียนรู อนั พงึ ประสงค อันพงึ ประสงค ระดบั ๒ ๓. รักความเปนไทย ๔. มมี ารยาทในการฟง การดู และการพูด บันทึกผลหลงั การสอน ผลการเรยี นรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู อน (..............................................................) วนั ที.่ .....เดอื น.............พ.ศ........... ความคดิ เห็น/ขอ เสนอแนะของผูบริหารหรือผูท่ไี ดรับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผูตรวจ (..............................................................) วันท.ี่ .....เดอื น.............พ.ศ...........
๘๔ ใบความรูเรอื่ ง การพูดรายงาน หนว ยท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๙ เร่ือง การพดู รายงาน รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ การพูดรายงาน การพูดรายงาน เปนการบอกเลา ชี้แจง แสดงผลการศึกษาคนควาของนักเรียน การพูดรายงานมี ความสําคัญในฐานะท่ีเปนการเผยแพรค วามรคู วามคิด เพือ่ สรา งความเจริญงอกงามทางสตปิ ญ ญา การพดู รายงานมีหลักการพดู ดงั นี้ ๑. เตรยี มเอกสารประกอบการรายงานใหพ รอม ๒. กลา วทกั ทายผฟู ง แนะนําตนเองและเร่ืองท่ีรายงาน ๓. พูดรายงานตามลาํ ดบั ใชน ํ้าเสยี งและลลี า หลกั การพดู รายงาน ๑. พูดขอมูลท่ีคนความาจากการทํารายงานไปตามลําดับใหตอเนื่องกัน ถาเปนเร่ืองยาวตองแบงเปน หัวขอ พูด แตละหัวขอ ใหสัมพันธก ัน ๒. ใชภาษาพูดที่กระชับ เขาใจงาย สุภาพ ดวยเสียงท่ีดังพอควร หนักแนน แสดงความมั่นใจ อาจอาน ขอความสําคัญบางตอน ถามีเอกสารแจกควรแนะนําใหดูโดยบอกหนาและบรรทัดท่ีเทาไร ใหผูฟงพบขอความ นนั้ ๆ จงึ พูด ๓. เสนอขอมูลตรงประเด็นและยกหลักฐาน เหตุผลมาประกอบการพูดอยางพอเพียง ไมมากหรือนอย เกินไป ๔. ไมใชภาษาตางประเทศถามคี ําภาษาไทยใชอ ยูแลว และเปน ที่รูจักนอกจากเปนคําใหมหรือเปนศัพท เฉพาะวงการนน้ั ๆ ๕. พูดคําควบกลํ้าใหชัดเจนมิฉะนั้นจะผิดความหมาย รวมทั้งการพูดเวนวรรคตอน ออกเสียงวรรณยุกต ใหถูกตอ งตามหลกั ภาษาไทย ๖. ไมควรพูดเรอ่ื งสวนตัวของตนเอง และไมน ําเรือ่ งสวนตวั ของผอู ื่นมาพดู ................................................................
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๘๕ แบบประเมินการพูดรายงาน ลาํ ดบั รวม ที่ ชอื่ – สกุล รูปแบบของ การใชภ าษา การแตง กาย มารยาท ๑๖ การพดู ในการพูด คะแนน รายงาน ๑๒๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ เกณฑการประเมนิ ดีมาก ลงช่อื ........................................................... ๔ หมายถงึ ดี ผูประเมนิ ๓ หมายถึง พอใช ๒ หมายถงึ ปรับปรงุ ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดมี าก ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ – ๗ คะแนน = ปรับปรุง ขอเสนอแนะเพ่ิมเติม : .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๘๖ เกณฑการประเมินการพูดรายงานการศกึ ษาคนควา ประเดน็ การ เกณฑการใหค ะแนน ๑ = ปรับปรงุ ประเมนิ ๔ = ดมี าก ๓ = ดี ๒ = พอใช พูดทักทายผูชมใน พดู ทักทายผชู มใน พูดทักทายผชู มใน ไมพ ูดทกั ทายผชู มใน ๑. รปู แบบ ชัน้ เรียน มีการกลา ว ชน้ั เรยี น มีการกลาว ชน้ั เรียน มีการกลาวแนะนํา ชั้นเรียน แตม ี ของการพดู แนะนําตนเอง คณะ แนะนาํ ตนเอง คณะ ตนเอง คณะผรู ว มงาน การกลาวแนะนํา รายงาน ผูร ว มงานทุกคน ผูร ว มงานทุกคน และมีสื่อ ทกุ คน และมสี ื่อประกอบ ตนเอง คณะผรู วมงาน บอกชื่อเร่ืองทีร่ ายงาน ประกอบการนําเสนอ การนําเสนอ ทุกคน และมีสอ่ื ๒. การใช บอกที่มา วิธีการ แตไ มไดบ อกชอ่ื เร่ืองท่ี แตไมไดบอกชื่อเร่ืองที่ ประกอบการนําเสนอ ภาษา ดําเนินการศึกษาคน ควา รายงาน ท่ีมา วธิ ีการ รายงาน ทมี่ า วิธกี าร อีกท้ังไมไดบ อกช่ือ ๓. การ บอกชอ่ื บุคคลหรือสถานท่ี ดาํ เนินการศึกษาคน ควา ดําเนินการศึกษาคนควา เรือ่ งทีร่ ายงาน ท่มี า แตงกาย ท่ีใหขอมูล บอกเน้อื หาที่ ชื่อบุคคลหรือสถาน ชือ่ บุคคลหรอื สถาน วิธกี ารดําเนินการ ๔. มารยาท ศึกษาคน ควาโดย ท่ที ใี่ หข อมลู เน้ือหา ท่ีทใ่ี หข อมูล ศึกษาคน ควา ในการพูด เรียงลําดบั ความสําคญั ที่ศกึ ษาคน ควาโดย เนื้อหาท่ีศึกษาคนควาไม ช่อื บุคคลหรอื สถาน และมสี ่อื ประกอบ เรยี งลาํ ดับความสาํ คัญ เรียงลําดบั ความสาํ คญั และ ทที่ ่ใี หข อมูล เน้ือหา การนาํ เสนอ ตลอดจน และการสรุปผลการศกึ ษา การสรปุ ผลการศึกษา ท่ศี กึ ษาคนควา ไม มีการสรุปผลการศึกษา คน ควา คนควา เรยี งลําดับความสําคัญ คนควา จํานวน ๒ องคป ระกอบ ขาดการสรุปผล การศึกษาคนควา ใชภาษาทางการ ใชภ าษาทางการ ใชท ัง้ ภาษาทางการและ ใชภ าษาพูด เขา ใจงา ย ไมพ ูดวกวน แตพูดวกวน ทาํ ใหผ ูฟง ภาษาพูด ทําใหผ ูฟง และพดู วกวน ทาํ ใหผฟู ง เกิดความสบั สน เกดิ ความสับสน เกดิ ความสบั สน ทาํ ใหผ ฟู ง เกิดความ สบั สน สมาชิกในกลุมแตงกาย สมาชกิ ในกลุม แตงกาย สมาชิกในกลุม แตง กาย สมาชิกในกลมุ แตงกาย สภุ าพเรยี บรอยทุกคน ไมสภุ าพเรยี บรอย ไมส ภุ าพเรียบรอย ไมส ภุ าพเรยี บรอย จาํ นวน ๑ คน จาํ นวน ๒ คน ต้งั แต ๓ คน พดู ดวยใบหนา ยมิ้ แยม พูดดว ยใบหนายิ้มแยม พูดดว ยใบหนา ย้ิมแยม ใบหนา ไมยิ้มแยม แจม ใส มีความมัน่ ใจใน แจม ใส มีความมั่นใจใน แจมใส ยนื ตวั ตรง แต แจม ใส ขาดความ ตนเอง และยืนตัวตรง ตนเอง แตเอามือ ขาดความม่นั ใจในตนเอง ม่นั ใจในตนเอง และ ลว งกระเปากระโปรง เอามือลวงกระเปา หรือกางเกง กระโปรงหรอื กางเกง เกณฑการประเมิน คะแนน คณุ ภาพ ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ๘ – ๑๐ ดี ๐–๗ พอใช ปรบั ปรุง
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๘๗ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๑ วิวธิ พินจิ ภาษา แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๑๐ เรื่อง การพูดรายงานภูมิปญ ญาทอ งถ่ิน เวลา ๑ ชั่วโมง กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู แหลง เรยี นรู การพูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นท่ีศกึ ษาคน ควาเกย่ี วกับ ๑. หอ งสมุดโรงเรียน ขัน้ นาํ ๒. อินเทอรเน็ต ภมู ิปญ ญาทองถิ่น นักเรียนยกตัวอยางหลักการพูดรายงานการเตรียมความพรอม จดุ ประสงคการเรยี นรู มารยาทในการพูดคนละ ๑ ตวั อยาง ครูอธบิ ายโยงเขา สูบทเรยี น ดานความรู ขนั้ สอน ส่อื แบบประเมนิ การพูดรายงานสําหรับนกั เรียน อธิบายหลกั การพูดรายงาน ๑. ครูใหน ักเรียนศกึ ษาใบความรเู รอ่ื งการพดู รายงาน ประเมนิ ดานทกั ษะและกระบวนการ ๒. ครูแจกแบบประเมินการใหคะแนนการประเมินการพูด รายงานใหกับนักเรียน ครอู ธิบายแนวทางการประเมินใหน ักเรียน พดู รายงานไดถกู ตอง ทราบ ภาระงาน/ชิ้นงาน ดา นคุณลักษณะ - ๓. นักเรียนแตละกลุมพูดรายงานหนาช้ันเรียนโดยเรียง ๑. มวี นิ ยั ตามลาํ ดบั การจบั สลาก ๒. ใฝเ รียนรู ๔. นักเรยี นรว มกนั ประเมินการพูดรายงานของเพื่อนแตล ะกลุม ๓. รกั ความเปน ไทย พรอมทั้งใหนักเรยี นใหขอเสนอแนะ แนะนาํ วิธกี ารพดู ของเพ่ือน ๔. มีมารยาทในการฟง การดู และการพูด ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปการพูดรายงาน วิธีการและหลักการ นาํ ไปปรบั ประยุกตใ ชรายงานกบั วชิ าตาง ๆ และรว มสรา งความ ตระหนักใหนักเรียนเห็นคุณคาของภูมิปญญาในทองถิ่นของ ตนเองและชว ยกนั สืบสานใหคงอยสู ืบไป
๘๘ การวัดและประเมนิ ผล เกณฑ สิง่ ทตี่ องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เครอื่ งมอื ทใี่ ช ดานความรู หลักการพดู รายงาน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผานเกณฑการประเมนิ รายบุคคล รายบคุ คล รอ ยละ ๘๐ ดา นทักษะและกระบวนการ พูดรายงาน ฝกพูดรายงาน แบบประเมินการพดู ผานเกณฑการประเมิน รายงาน รอยละ ๘๐ ดา นคณุ ลกั ษณะ ๑. มีวินยั ประเมนิ คุณลักษณะ ประเมินคุณลกั ษณะ ผา นเกณฑคณุ ภาพ ๒. ใฝเรียนรู อนั พึงประสงค อนั พึงประสงค ระดบั ๒ ๓. รักความเปน ไทย ๔. มมี ารยาทในการฟง การดู และการพูด บันทกึ ผลหลังการสอน ผลการเรียนรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ......................................ผสู อน (..............................................................) วันที่......เดอื น.............พ.ศ........... ความคิดเหน็ /ขอเสนอแนะของผูบ ริหารหรอื ผูที่ไดร ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ......................................ผูตรวจ (..............................................................) วนั ที.่ .....เดอื น.............พ.ศ...........
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ๘๙ แบบประเมนิ การพูดรายงาน ลําดับ มารยาท รวม ที่ ช่ือ – สกุล รูปแบบ การใชภ าษา การแตงกาย ในการพูด ๑๖ คะแนน ๑๒๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑ ๒ ๓ ๔ เกณฑก ารประเมิน ดมี าก ลงชือ่ ........................................................... ๔ หมายถึง ดี ผปู ระเมิน ๓ หมายถงึ ระดับคุณภาพ ๑๔ – ๑๖ คะแนน = ดมี าก ๑๑ – ๑๓ คะแนน = ดี ๒ หมายถึง พอใช ๘ – ๑๐ คะแนน = พอใช ๑ หมายถงึ ปรบั ปรุง ๑ – ๗ คะแนน = ปรับปรุง ขอเสนอแนะเพม่ิ เติม : ....................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................................
๙๐ เกณฑก ารประเมนิ การพดู รายงานการศึกษาคน ควา เกณฑการใหคะแนน ประเด็นการ ๔ = ดมี าก ๓ = ดี ๒ = พอใช ๑ = ปรับปรงุ ประเมิน ๑. รูปแบบ พูดทักทายผูชมใน พูดทักทายผูช มใน พูดทักทายผูช มใน ไมพูดทักทายผูชมใน ของการพูด ช้ันเรียน มีการกลา ว ชนั้ เรยี น มีการกลาว ชั้นเรียน มกี ารกลา วแนะนาํ ชั้นเรียน แตม ี รายงาน แนะนําตนเอง คณะ แนะนาํ ตนเอง คณะ ตนเอง คณะผูรวมงานทกุ การกลา วแนะนํา ผรู ว มงานทุกคน ผูรว มงานทกุ คน และมสี ่ือ คน และมีสื่อประกอบ ตนเอง คณะผูรวมงาน บอกช่อื เร่ืองทีร่ ายงาน ประกอบการนาํ เสนอ การนําเสนอ ทุกคน และมีสือ่ บอกที่มา วิธกี าร แตไมไดบ อกช่ือเร่ืองที่ แตไ มไดบอกชอ่ื เร่ืองท่ี ประกอบการนาํ เสนอ ดําเนินการศึกษาคน ควา รายงาน ท่ีมา วธิ กี าร รายงาน ทีม่ า วิธกี าร อกี ทั้งไมไดบอกชื่อ บอกช่อื บุคคลหรือสถานที่ ดําเนนิ การศึกษาคนควา ดาํ เนินการศึกษาคน ควา เรอื่ งทรี่ ายงาน ที่มา ที่ใหขอมลู บอกเนอื้ หาที่ ชื่อบคุ คลหรือสถาน ชอ่ื บุคคลหรอื สถาน วธิ ีการดาํ เนินการ ศกึ ษาคนควาโดย ทที่ ่ใี หขอมูล เนอ้ื หา ทีท่ ่ใี หขอมูล ศึกษาคนควา เรียงลําดับความสาํ คญั ทศ่ี ึกษาคน ควา โดย เนือ้ หาที่ศึกษาคน ควา ไม ชอ่ื บคุ คลหรอื สถานที่ และมีส่ือประกอบ เรยี งลาํ ดับความสําคญั เรียงลาํ ดับความสําคัญ และ ทใี่ หขอมลู เนอ้ื หา การนําเสนอ ตลอดจน และการสรปุ ผลการศึกษา การสรปุ ผลการศกึ ษา ทศี่ กึ ษาคนควา ไม มกี ารสรุปผลการศึกษา คน ควา คน ควา เรียงลําดบั ความสําคญั คนควา จํานวน ๒ องคป ระกอบ ขาดการสรปุ ผล การศึกษาคน ควา ๒. การใช ใชภ าษาทางการ ใชภาษาทางการ ใชท ้งั ภาษาทางการและ ใชภ าษาพดู และพูด ภาษา เขาใจงาย ไมพูดวกวน แตพูดวกวน ทําใหผูฟง ภาษาพูด ทาํ ใหผูฟง วกวน ทําใหผ ูฟงเกิด ทาํ ใหผ ฟู งเกดิ ความสบั สน เกดิ ความสับสน เกดิ ความสับสน ความสับสน ๓. การ สมาชิกในกลมุ แตง กาย สมาชิกในกลมุ แตงกาย สมาชกิ ในกลมุ แตง กาย สมาชิกในกลมุ แตง กาย แตง กาย สุภาพเรียบรอ ยทุกคน ไมสุภาพเรยี บรอย ไมสุภาพเรียบรอย ไมส ภุ าพเรยี บรอย จาํ นวน ๑ คน จํานวน ๒ คน ตง้ั แต ๓ คน ๔. มารยาท พดู ดว ยใบหนา ยมิ้ แยม พดู ดว ยใบหนา ยิ้มแยม พูดดว ยใบหนายม้ิ แยม ใบหนา ไมย้ิมแยม ในการพดู แจมใส มีความมน่ั ใจใน แจม ใส มคี วามมั่นใจใน แจม ใส ยืนตัวตรง แต แจม ใส ขาดความ ตนเอง แตเ อามือลว ง ขาดความมั่นใจในตนเอง มัน่ ใจในตนเอง และ ตนเอง และยนื ตวั ตรง กระเปา กระโปรงหรือ เอามือลว งกระเปา กางเกง กระโปรงหรือกางเกง คะแนน เกณฑการประเมนิ คุณภาพ ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช ๐ – ๗ ปรบั ปรุง
กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ๙๑ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๑ ววิ ธิ พนิ ิจภาษา แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑๑ เรอ่ื ง การเขยี นคาํ คม เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู แหลงเรียนรู การเขยี นขอความโดยใชถอยคําไดถกู ตองตามระดบั ภาษา ๑. หองสมดุ โรงเรยี น หลกั การเขียนคาํ คม ขัน้ นํา ๒. อินเทอรเนต็ ครใู หนกั เรียนดูแถบขอ ความ ดังนี้ จดุ ประสงคก ารเรยี นรู เวลาท่ีไมต องการจะนานทสี่ ุด (คําคม) ดานความรู เรยี นเดน เลนดี มวี นิ ยั ใฝคณุ ธรรม (คําขวญั ) สอ่ื ๑. อธิบายลักษณะของคําคมได แลว รวมกนั สนทนาวาขอความดงั กลา วเปน ขอความประเภทใด ๑. แถบขอความ ๒. อธบิ ายแนวทางการเขียนคําคมได ขั้นสอน ๒. ใบความรูเร่อื ง การเขยี นคําคม ดานทกั ษะและกระบวนการ ๑. ครูแบงนักเรียนออกเปน ๔ กลุม แลวแจกใบความรเู รื่อง ๓. ใบงานเร่ือง การเขียนคําคม เขยี นคําคมไดถูกตอง คาํ คม ภาระงาน/ชน้ิ งาน ดานคณุ ลกั ษณะ ๒. นักเรยี นศึกษาใบความรูเร่ือง คําคม แลว รว มระดมความคิด เขียนคําคมทําท่คี ัน่ หนงั สือ ๑. มวี ินัย ๒. ใฝเรยี นรู เขียนคําคม ตามลักษณะของคําคมที่ครูกําหนดให เชน คําคม ๓. ความพอเพียง การเรียน คาํ คมความรกั คาํ คมสอนตนเอง ฯลฯ ๔. มจี ิตสาธารณะ ๓. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอลักษณะ การเขียนคําคมพรอ มยกตัวอยางคําคม ๔. ครูเขียนตัวอยางคําคมของแตละกลุมบนกระดานดํา นักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเห็นและประเมนิ ใหคะแนนคําคม ที่ดที ส่ี ดุ ของแตละกลมุ บนกระดานดํา ๕. นักเรยี นทาํ ใบงานเร่ือง การเขียนคาํ คม
๙๒ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๑๑ เร่ือง การเขียนคําคม เวลา ๑ ช่ัวโมง หนวยการเรยี นรทู ี่ ๑ วิวธิ พนิ จิ ภาษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ ๓ กลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ๖. นกั เรียนเลือกคําคมที่ดีที่สุดของนักเรียนจากการทําใบงาน เรื่อง การเขียนคําคม จัดทําท่ีคั่นหนังสือโดยวาดภาพและ ระบายสีตกแตงใหส วยงาม ไวเปน คติเตือนใจ ขน้ั สรปุ นักเรียนและครูรวมกันสรุปหลักการเขียนคําคมและแนะนํา การนาํ คาํ คมไปประยุกตใชใ นการดําเนนิ ชวี ติ
กลุม สาระการเรยี นรูภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ๙๓ การวดั และประเมินผล วิธกี าร เกณฑ สงิ่ ทตี่ องการวัด/ประเมนิ เครือ่ งมือทใ่ี ช ผา นเกณฑการประเมิน ดา นความรู แบบประเมนิ รอยละ ๘๐ ๑. ลกั ษณะของคาํ คม การนาํ เสนอผลงาน การนําเสนอผลงาน ผานเกณฑการประเมิน ๒. หลักการเขยี นคาํ คม แบบประเมนิ ชิน้ งาน รอยละ ๘๐ ดานทักษะและกระบวนการ การเขยี นคําคม ผา นเกณฑคณุ ภาพ เขียนคาํ คมได ประเมนิ ช้ินงาน แบบประเมิน ระดบั ๒ การเขียนคําคม คุณลกั ษณะอนั พงึ ดานคณุ ลกั ษณะ ประสงค ๑. มีวินัย ประเมนิ คุณลกั ษณะ ๒. ใฝเรยี นรู อนั พงึ ประสงค ๓. ความพอเพยี ง ๔. มจี ติ สาธารณะ บนั ทึกผลหลงั การสอน ผลการเรียนรู ........................................................................................................................................................................... ปญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................... ขอเสนอแนะและแนวทางการแกไ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ......................................ผูสอน (..............................................................) วนั ท่.ี .....เดือน.............พ.ศ........... ความคดิ เหน็ /ขอ เสนอแนะของผบู ริหารหรือผูที่ไดรับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผูตรวจ (..............................................................) วนั ท่ี......เดอื น.............พ.ศ...........
๙๔ ใบความรูเร่อื ง การเขียนคําคม หนวยท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๑๑ เรอ่ื ง การเขียนคําคม รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ ๓ ความหมาย คําคม คือ ถอยคําท่ีหลักแหลมชวนใหคิด หรือถอยคําหรือขอความท่ีมีความหมายอยูในตัวดวย การกลาวซํ้าคําบางคําในขอความนนั้ ๆ ใหม คี วามหมายเก่ียวพนั กับเน้ือความเดิม คําคมที่ดตี อ งแสดงถงึ การใช ความคดิ หรอื แสดงใหเ กดิ ความรูส ึกอยา งใดอยางหนง่ึ อยางชดั เจนเพ่ือใหผ อู านเกดิ ความลกึ ซึง้ เมื่อไดอาน หลกั การเขยี นคาํ คม ๑. ใชถ อ ยคาํ สมั ผสั คลอ งจอง สละสลวย ๒. ใชคําที่มีความหมายคมคาย ๓. มงุ ใหเ กิดความคดิ ที่ดแี ละอยากปฏบิ ัตติ าม ๔. มีความลกึ ซ้ึงกินใจ ลกั ษณะของคําคม คําคม มหี ลายลักษณะ ดงั นี้ ๑. คาํ คมทีเ่ ปนคําพดู ธรรมดา ไมมีสัมผัส โดยมากใชคํางา ย ๆ ไมต องแปล อานแลวเขา ใจทันที เชน “ความรักทําใหคนตาบอด” “ลมื ท่ีอนั ตรายคือลมื ตวั ” “ไมม ใี ครรกั เราเทา พอ แม” “อดีตคอื สงิ่ ที่ผา น อนาคตคือส่งิ ทีฝ่ น ปจ จุบันเทา นัน้ คอื ความจรงิ ” ๒. คาํ คมท่เี ปน คาํ สัมผสั คลอ งจองกนั สน้ั ๆ สว นมากมี ๒ วรรค เพื่อจดจาํ ไดงา ย เชน “ซ่อื กินไมห มด คดกินไมนาน” “โกรธคอื นรก งกคือเปรต” “ความงามไมค งท่ี ความดีซิคงทน” “ความสาํ เรจ็ ของลกู คือความสขุ ของพอแม” “อันนารไี มใชเลขคณิต อยา ไปคดิ ใหห นักสมอง” ๓. คําคมที่แตง ดวยคําประพนั ธ เชน ใครลมื ใครใจรู ใครอยใู ครไปใจเหน็ ใครสุขใครเศราเชา เยน็ ใจเปนท่แี จง แหง เรา ใครชอบใครชงั ชา งเถดิ ใครเชิดใครชูชางเขา ใครเบือ่ ใครบนทนเอา ใจเรารมเยน็ เปนพอ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 615
Pages: