Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_20

tripitaka_20

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_20

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 1 พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลมที่ ๒ ภาคที่ ๑ขอนอบนอมแดพ ระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระองคนั้น ๑ คหปตวิ รรค ๑. กนั ทรกสูตร สตปิ ฏฐาน ๔ เปนธรรมสาํ หรบั ผยู งั ตอ งศกึ ษา [๑] ขา พเจาไดสดับมาอยางนี้. สมัยหน่ึง พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ ฝง สระโบกขรณี ชื่อคคั ครา เขตนครจมั ปา พรอ มดวยภกิ ษสุ งฆห มูใหญ ครัง้ น้นั บตุ รนายหตั ถา-จารยช อื่ เปสสะและปรพิ าชกชอื่ กนั ทรกะ เขาไปเฝา พระผูม ีพระภาคเจา ถึงทีป่ ระทับ คร้นั แลว นายเปสสหัตถาโรหบตุ ร ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจาแลวนั่ง ณ ท่คี วรสว นขา งหน่ึง สว นกนั ทรกปรพิ าชกไดป ราศรัยกับพระผมู ีพระภาคเจา ครั้นผา นการปราศรยั พอใหร ะลกึ ถงึ กันไปแลว ไดย นื อยู ณ ท่ีควรสว นขางหนึ่ง แลว เหลยี วดูภิกษุสงฆผูนิง่ เงียบอยู แลวไดก ราบทลู พระผูมีพระภาคเจา วา นาอศั จรรย ทานพระโคดม ไมเคยมี ทา นพระโคดม เพียงเทา น้ี ทา นพระโคดมชื่อวา ทรงใหภิกษสุ งฆป ฏิบตั ชิ อบแลว ทา นพระโคดมพระอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจาเหลาใดไดม แี ลว ในอดตี กาล แมพระผมู ีพระภาค-

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 2เจา เหลา นนั้ กท็ รงใหภกิ ษุสงฆปฏบิ ตั ชิ อบเปนอยางยิ่งเพยี งเทาน้ี เหมอื นทานพระโคดมทรงใหภกิ ษสุ งฆป ฏิบตั ิชอบในบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจาเหลา ใด จักมใี นอนาคตกาล แมพ ระผูมพี ระภาคเจา เหลาน้ัน ก็จักทรงใหภิกษุสงฆปฏิบตั ิชอบเปนอยา งยงิ่ เพยี งเทา น้ี เหมือนทานพระโคดมทรงใหภิกษสุ งฆปฏิบัตชิ อบในบัดน้.ี [๒] พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั วา ดูกอ นกันทรกะ ขอนีเ้ ปน อยางน้ันดูกอ นกันทรกะ ขอ นี้เปน อยางนนั้ พระอรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจาเหลาใด ไดม ีแลว ในอดีตกาล แมพ ระผมู พี ระภาคเจาเหลานัน้ กท็ รงใหภกิ ษุสงฆป ฏิบตั ชิ อบเปนอยางย่งิ เพยี งเทา น้ี เหมอื นเราใหภ ิกษุสงฆปฏิบตั ชิ อบในบดั น.ี้ ดกู อ นกนั ทรกะ พระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา เหลาใด จักมีในอนาคต-กาล แมพ ระผมู ีพระภาคเจา เหลาน้นั กจ็ กั ทรงใหภกิ ษสุ งฆป ฏบิ ัติชอบเปน อยางยิง่ เพยี งเทานี้ เหมือนเราใหภ ิกษสุ งฆปฏบิ ัติชอบในบดั นี้. ดูกอ นกันทรกะ ก็ในภกิ ษุสงฆน้ี ภกิ ษุทง้ั หลายผอู รหนั ตขีณาสพอยูจบพรหมจรรยแ ลว มีกจิ ทค่ี วรทํา ทาํ เสรจ็ แลว ปลงภาระเสยี แลว มปี ระโยชนตนถงึ แลว มสี ังโยชนในภพสน้ิ รอบแลว หลดุ พนแลว เพราะรูโดยชอบ มีอยู ดูกอนกนั ทรกะ อนึง่ ในภกิ ษสุ งฆนี้ ภิกษุทงั้ หลายผูย งั ตองศึกษา มปี รกติสงบ มคี วามประพฤตสิ งบ มีปญ ญา เลย้ี งชีพดว ยปญ ญามีอยู เธอเหลาน้ันมีจิตต้งั ม่นั ดแี ลว ในสตปิ ฏฐาน ๔. สตปิ ฏฐาน ๔ เปนไฉน. ดกู อนกันทรกะภกิ ษุในธรรมวนิ ัยนี้ พจิ ารณาเหน็ ภายในกายอยู มีความเพียร มสี ติ มีสัม-ปชญั ญะ กําจัดอภิชฌา ละโทมนัสในโลกเสียได พจิ ารณาเหน็ เวทนา ในเวทนาอยู มคี วามเพียร มีสติ มีสมั ปชัญญะ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี ได พจิ ารณาเห็นจติ ในจติ อยู มีความเพียร มีสติ มสี ัมปชัญญะ กําจัด

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 3อภชิ ฌาและโสมนสั ในโลกเสียได พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพียรมีสติ มีสัมปชญั ญะ กาํ จัดอภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ได. [๓] เมอื่ พระผูมีพระภาคเจา ตรัสอยางนแี้ ลว นายเปสสหตั ถาโรหบุตรไดก ราบทลู พระผูม พี ระภาคเจาวา นา อัศจรรย พระพุทธเจาขา ไมเคยมี พระพทุ ธเจาขา สตปิ ฏ ฐาน ๔ นี้ พระองคทรงบัญญัติไวดแี ลว เพื่อความบรสิ ทุ ธ์ิของสัตวทัง้ หลายเพอ่ื กาวลวงความโศกและความร่ําไร เพือ่ ความดบั แหงทกุ ขและโทมนสั เพอื่ บรรลญุ ายธรรม เพอื่ ทาํ ใหแจงซึ่งพระนพิ พาน ทจ่ี รงิ แมพวกขา พระพทุ ธเจาเปนคฤหัสถน งุ ผาขาว ก็ยงั มีจิตต้ังม่นั ดีแลวในสติปฏฐาน ๔ เหลานอี้ ยูตามกาลทสี่ มควร ขอประทานพระวโรกาส พวกขาพระพุทธเจา พจิ ารณาเหน็ ภายในกายอยู มคี วามเพียร มสี ติ มีสมั ปชัญญะกาํ จดั อภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสียได พจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู มีความเพียร มีสติ มสี มั ปชัญญะ กําจัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ไดพจิ ารณาเห็นจิตในจติ อยู มคี วามเพยี ร มีสติ มีสมั ปชัญญะ กําจดั อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ได พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพยี ร มสี ติ มสี ัม-ปชญั ญะ กําจัดอภิชฌา และโทมนสั ในโลกเสียได นาอัศจรรย พระพทุ ธเจา ขาไมเคยมี พระพทุ ธเจา ขา เพยี งเทา นี้ พระพุทธเจา ขา พระผูมพี ระภาคเจาชอ่ื วายอ มทรงทราบประโยชนและมิใชประโยชนข องสัตวท ั้งหลาย ในเมอ่ื มนุษยรกชฏัเปนไปอยา งนี้ ในเม่ือมนุษยเ ดนกาก เปนไปอยอู ยา งนี้ ในเมื่อมนษุ ยโออวดเปนไปอยูอยา งน้ี ก็สง่ิ ที่รกชฏั คือมนษุ ย สงิ่ ท่ีต้ืนคือสตั ว พระพทุ ธเจาขาดวยวาขา พระพทุ ธเจาสามารถจะใหชางทพ่ี อฝกแลวแลน ไปได ชา งน้นัจักทํานครจมั ปา ใหเ ปนทไ่ี ปมาโดยระหวา ง ๆ จกั ทําความโออ วด ความโกง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 4ความคด ความงอนัน้ ทง้ั หมดใหป รากฏดว ย สว นมนุษย คือทาส คนใชหรือกรรมกรของขา พระพทุ ธเจา ยอมพระพฤตดิ ว ยกายเปนอยางหนง่ึ ดวยวาจาเปนอยางหนึง่ และจติ ของเขาเปนอยา งหน่งึ นา อศั จรรย พระพุทธเจาขา ไมเคยมี พระพทุ ธเจาขา เพยี งเทา น้ี พระพุทธเจาขา พระผูมพี ระภาคเจาชือ่ วายอ มทรงทราบประโยชนแ ละมใิ ชป ระโยชนของสตั วท้งั หลายในเมื่อมนุษยร กชัฏเปน ไปอยูอยางนี้ ในเมอ่ื มนุษยเ ดนกาก เปนไปอยูอยางน้ี ในเมือ่ มนษุ ยโออ วด เปนไปอยอู ยางน้ี ก็สิง่ ที่รกชัฏคอื มนษุ ย สิง่ ท่ีต้ืนคือสัตว. บคุ คล ๔ จาํ พวก [๘] พ. ดกู อนเปสสะ ขอนเี้ ปนอยางนน้ั ดูกอ นเปสสะ ขอ นเ้ี ปนอยา งน้ัน ก็สิ่งท่ีรกชฏั คือมนุษย สิ่งทีต่ ืน้ คอื สตั ว ดูกอ นเปสสะ บคุ คล ๔จาํ พวกน้ีมีอยู หาไดอยูใ นโลก ๔ จําพวกนั้นเปน ไฉน. ๑. ดูกอ นเปสสะ บคุ คลบางคนในโลกนี้ ทาํ ตนใหเ ดือดรอนประกอบการขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดือดรอ น. ๒. สว นบุคคลบางคนในโลกนี้ ทาํ ผูอื่นใหเดอื ดรอนและประ-กอบความขวนขวายในการทําผอู ื่นใหเดือดรอน. ๓. บุคคลบางคนในโลกน้ี ทําตนใหเดือดรอน และประกอบความขวนขวายในการทําตนใหเ ดือดรอน ทาํ ผูอนื่ ใหเดือดรอน และประกอบความขวนขวายในการทาํ ผูอืน่ ใหเ ดอื ดรอ น. ๔. สวนบุคคลบางคนในโลกนี้ ไมทําตนใหเ ดอื ดรอ น ไมป ระ-กอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดือดรอ น ไมท ําผอู ื่นใหเดอื ดรอน ไมประกอบความขวนขวายในการทาํ ผอู น่ื ใหเดอื ดรอ น.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 5 บคุ คลผไู มท าํ ตนใหเ ดอื ดรอน ไมท ําผอู ืน่ ใหเดือดรอนนัน้ ไมมีความหิว ดบั สนิท เปนผเู ย็น เสวยแตค วามสุข มตี นเปนดังพรหมอยใู นปจ จบุ นัดูกอ นเปสสะ บรรดาบคุ คล ๔ จาํ พวกน้ี จาํ พวกไหนจะยงั จติ ของทา นใหยนิ ด.ี [๕] เป. พระพุทธเจา ขา บุคคลผูทาํ ตนใหเ ดอื ดรอ น ประกอบความขวนขวายในการทําตนใหเ ดอื ดรอนน้ี ไมย งั จิตของขา พระพุทธเจา ใหยินดีไดแมบคุ คลผูทาํ ผอู ื่นใหเ ดอื ดรอ น ประกอบความขวนขวายในการทําผูอื่นใหเดือดรอ น กไ็ มยงั จติ ของขาพระพทุ ธเจาใหยนิ ดไี ด แมบ ุคคลทาํ ตนใหเดือดรอ น และประกอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเดือดรอ น ทําผูอ ื่นใหเดือดรอน และประกอบความขวนขวายในการทําผอู ื่นใหเดือดรอน กไ็ มยังจติ ของขา พระพุทธเจา ใหย ินดไี ด สวนบคุ คลใดไมทาํ ตนใหเ ดอื ดรอ น ไมประกอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเดอื ดรอน ไมทําผูอ่นื ใหเ ดือดรอ น ไมประกอบความขวนขวายในการทาํ ผูอ นื่ ใหเ ดอื ดรอ น บุคคลนนั้ ไมทาํ ตนใหเ ดือดรอน ไมท ําผอู ่นื ใหเดือดรอน ไมมคี วามหิว ดบั สนทิ เปนผเู ยน็ เสวยแตความสุข มตี นเปนดงั พรหมอยใู นปจ จุบัน บุคคลน้ยี อมยังจิตของขาพระพุทธเจาใหย นิ ด.ี พ. ดูกอ นเปสสะ ก็เพราะเหตุไรเลา บคุ คล ๓ จาํ พวกน้ี จงึ ยงั จิตของทานใหย นิ ดีไมได. [๖] เป. พระพุทธเจา ขา บคุ คลผทู ําตนใหเ ดอื ดรอน ประกอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดอื ดรอนน้ี เขายอ มทาํ ตนซ่ึงรกั สขุ เกลียดทุกข ใหเดอื ดรอน เรา รอ น ดวยเหตนุ ี้ บุคคลน้จี ึงไมยังจิตของขา พระพทุ ธเจาใหยินดีไดแมบ คุ คลผทู าํ ผอู ืน่ ใหเดือดรอ น ประกอบความขวนขวายในการทาํ ผอู น่ื ใหเ ดอื ดรอน เขากย็ อ มทาํ ผอู ื่นซ่งึ รกั สขุ เกลียดทกุ ข ใหเ ดอื ดรอน เรา รอ น ดวยเหตุน้ี บคุ คลน้จี ึงไมยงั จิตของขาพระพทุ ธเจาใหยินดีได แมบ คุ คลผทู ําตนใหเดอื ดรอ น และประกอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดือดรอ น ทําผอู น่ื ใหเ ดือด

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 6รอน และประกอบความขวนขวายในการทําผอู ื่นใหเ ดอื ดรอ น เขาก็ยอ มทาํ ตนและผูอ ื่นซ่งึ รักสุขเกลยี ดทุกขใ หเ ดอื ดรอ น เรารอน ดวยเหตุนี้ บคุ คลน้ีจึงไมยงั จิตของขา พระพุทธเจาใหยนิ ดีได ก็แลบุคคลผไู มทําตนใหเดือดรอน ไมประกอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดอื ดรอ น เขาไมท าํ ผอู นื่ ใหเดอื ดรอนไมป ระกอบความขวนขวายในการทาํ ผอู น่ื ใหเ ดือดรอ น เขาไมท าํ ตนใหเดอื ดรอ นไมท าํ ผอู ่ืนใหเดือดรอน ไมม ีความหิว ดบั สนิท เปน ผูเย็น เสวยแตความสขุ มีตนเปนดังพรหมอยูในปจจบุ นั นี้ ดวยเหตนุ ี้ บุคคลน้ี ยอมยังจิตของขาพระพุทธเจาใหย นิ ดีได พระพทุ ธเจาขา ขาพระพทุ ธเจา จะขอลาไปณ บดั นี้ ขา พระพทุ ธเจา มกี จิ มาก มีธุระทต่ี อ งทํามาก. พ. ดกู อนเปสสะ บดั นี้ ทานจงทราบกาลอันควรเถดิ . ลาํ ดับนนั้ นายเปสสหตั ถาโรหบุตรชน่ื ชมอนโุ มทนาภาษติ พระผูมี-พระภาคเจา แลว ลกุ จากอาสนะ ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา กระทําประทกั ษณิ แลว หลกี ไป. [๗] คร้ังนนั้ เมอ่ื นายเปสสหัตถาโรหบุตรหลกี ไปไมน าน พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษุท้งั หลายมาวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย นายเปสสหัตถา-โรหบตุ รเปน บณั ฑิต ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย นายเปสสหัตถาโรหบุตรมปี ญญามากถานายเปสสหตั ถาโรหบตุ รพึงนง่ั อยูครูหนงึ่ ชัว่ เวลาท่ีเราจําแนกบุคคล ๔จําพวกนโ้ี ดยพิสดารแกเขา เขาจักเปน ผปู ระกอบดว ยประโยชนใ หญ อน่งึ แมดวยการฟง โดยสงั เขปเพียงเทา น้ี นายเปสสหตั ถาโรหบตุ รยงั ประกอบดว ยประโยชนใ หญ พวกภกิ ษกุ ราบทูลวา ขาแตพระผูมีพระภาคเจา น้เี ปน กาลขาแตพ ระสคุ ต น้ีเปน กาลของการทพี่ ระผูม ีพระภาคเจา จะพงึ ทรงจําแนกบคุ คล ๔ จําพวก นโ้ี ดยพสิ ดาร ภิกษุทั้งหลายไดฟง ตอพระผมู พี ระภาคเจาโดยพสิ ดารแลว จักทรงจําไว.

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 7 พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ถาอยา งนั้น เธอทัง้ หลายจงฟง จงใสใ จใหจงดี เราจักกลา ว. ภิกษเุ หลา นนั้ ทูลรับพระผมู ีพระ-ภาคเจาแลว . [๘] พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็บุคคลผูทาํตนใหเ ดอื ดรอน ประกอบความขวนขวายในการทําตนใหเดือดรอน เปนไฉน. ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย บุคคลบางตนในโลกนี้ เปน คนเปลือย ทอดทิง้มารยาท เลยี มือ เขาเชิญใหมารับภิกษา ก็ไมม า เขาเชญิ ใหหยุด กไ็ มหยุด ไมยินดรี บั ภิกษาทเ่ี ขานํามาให ไมยนิ ดรี ับภกิ ษาที่เขาทําเฉพาะ ไมยินดรี บั ภิกษาท่เี ขานมิ นต ไมรับภิกษาปากหมอ ไมรับภกิ ษาจากปากกระเชา ไมร ับภิกษาครอ มธรณปี ระตู ไมรบั ภิกษาครอ มทอ นไม ไมร บั ภกิ ษาครอ มสาก ไมร ับภกิ ษาของคน ๒ คนทกี่ ําลงั บรโิ ภคอยู ไมร ับภิกษาของหญิงมคี รรภ ไมรับภกิ ษาของหญงิ ผกู ําลังใหลกู ดูดนม ไมร บั ภิกษาของหญิงผูคลอเคลยี บรุ ษุ ไมรับภิกษาทนี่ ัดแนะกันทาํ ไว ไมร ับภกิ ษาในทที่ ีเ่ ขาเลี้ยงสนุ ัข ไมรับภิกษาในที่มีแมลงวันไตตอมเปน กลุม ไมรับปลา ไมรับเน้ือ ไมด ม่ื สรุ า ไมด มื่ เมรยั ไมด ม่ื นํา้หมกั ดอง เขารบั ภิกษาท่ีเรือนหลังเดียวเยยี วยาอัตภาพดวยขาวคําเดียวบา ง รับภิกษาทเี่ รือน ๒ หลัง เยียวยาอัตภาพดว ยขา ว ๒ คําบา ง รับภกิ ขาทเ่ี รอื น ๓หลงั เยยี วยาอัตภาพดวยขา ว ๓ คําบา ง รบั ภิกษาท่เี รอื น ๔ หลัง เยียวยาอัตภาพดวยขา ว ๔ คําบาง รบั ภิกษาท่เี รอื น ๕ หลงั เยียวยาอตั ภาพดวยขาว ๕ คําบาง รับภิกษาท่เี รือน ๖ หลัง เยียวยาอตั ภาพดว ยขา ว ๖ คาํ บาง รบั ภิกษาที่เรือน ๗ หลัง เยยี วยาอัตภาพดว ยขา ว ๗ คําบาง เยียวยาอตั ภาพดว ยภกิ ษาในถาดนอยใบเดยี วบา ง ๒ ใบบา ง ๓ ใบบาง ๔ ใบบา ง ๕ ใบบา ง ๖ ใบบาง๗ ใบบา ง กนิ อาหารที่เกบ็ คางไววนั หน่งึ บาง ๒ วนั บา ง ๓ วนั บาง ๔ วนั บาง

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 8๕ วนั บาง ๖ วนั บาง ๗ วนั บาง เปนผปู ระกอบความขวนขวายในการบริโภคภตั ที่เวียนมากงึ่ เดือนบา ง แมเชน น้ดี ว ยประการฉะนอ้ี ยู เขาเปน ผมู ผี กั ดองเปนภักษาบา งมขี า วฟางเปนภกั ษาบา ง มลี กู เดือยเปน ภักษาบา ง มกี ากขาวเปน ภกั ษาบา ง มสี าหรา ยเปนภักษาบา ง มีราํ เปนภกั ษาบา ง มีขา วตงั เปนภกั ษาบา งมีขา วไหมเปน ภกั ษาบาง มีหญา เปน ภักษาบา ง มโี คมยั เปนภักษาบา ง มีเหงามนั และผลไมในปา เปนอาหาร บรโิ ภคผลไมทห่ี ลนเองเยียวยาอัตภาพ. เขาทรงผา ปา นบาง ผา แกมกันบา ง ผา หอศพบาง ผา บงั สกุลบา งผาเปลอื กไมบ าง หนังเสือบา ง หนังเสือทง้ั เลบ็ บาง ผา คากรองบา ง ผาเปลือกปอกรองบาง ผา ผลไมกรองบา ง ผา กัมพลทําดวยผมคนบาง ผา กัมพลทําดวยขนสัตวบา ง ทาํ ดว ยขนปกนกเคาบา ง เปนผูถอนผมและหนวด คือประ-กอบความขวนขวายในการถอนผมและหนวดบา ง เปนผยู ืน คอื หามอาสนะบา ง เปนผูกระหยง คอื ประกอบความเพยี รในการกระหยง [คือเดินกระ-หยง เหยียบพนื้ ไมเ ต็มเทา] บา ง เปน ผนู อนบนหนาม คือสําเร็จการนอนบนหนามบา ง เปนผอู าบนา้ํ วันละ ๓ คร้ัง ประกอบความขวนขวายในการลงน้าํบาง เปนผูป ระกอบความขวนขวายในการทํากายใหเดือดรอ นเรารอนหลายอยางเหน็ ปานน้ีอยู ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย บุคคลนี้เรากลาววา เปน ผูทําตนใหเดอื ดรอน ประกอบความขวนขวายในการทาํ ตนใหเ ดอื ดรอน. [๙] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย กบ็ คุ คลผทู ําผูอื่นใหเดือดรอน ประกอบความขวนขวายในการทําผูอ่นื ใหเ ดอื ดรอ น เปน ไฉน. ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย บคุ คลบางคนในโลกน้ี ฆาแพะเลี้ยงชวี ติ ฆาสกุ รเลีย้ งชวี ติ ฆานกเล้ยี งชีวติ ฆาเน้อื เลี้ยงชวี ิต เปน คนเหี้ยมโหด เปน คนฆา ปลา เปน โจร เปน คนฆาโจร เปน คนปกครองเรือนจํา หรอื บคุ คลเหลา อ่นื

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 9บางพวกเปนผทู าํ การงานอนั ทารณุ ดกู อนภิกษุท้ังหลาย บคุ คลน้ี เรากลาววาเปน ผทู ําผูอนื่ ใหเดอื ดรอ น ประกอบความขวนขวายในการทําผูอืน่ ใหเ ดือดรอ น. [๑๐] ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ก็บุคคลผูท าํ ตนใหเดือดรอ น และประ-กอบความขวนขวายในการทําตนใหเ ดอื ดรอ น ทาํ ผูอ่ืนใหเดอื นรอน และะประกอบความขวนขวายในการทําผอู น่ื ใหเ ดอื ดรอ น เปนไฉน. ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย บคุ คลบางคนในโลกน้ี เปน พระราชามหากษตั ริยผไู ดม รุ ธาภเิ ษกแลวก็ดี เปน พราหมณม หาศาลกด็ ี พระราชาหรือพราหมณนั้นโปรดใหทําโรงทบ่ี ูชายัญขึน้ ใหมท างดานบูรพาแหงนคร แลวทรงจาํ เรญิ พระ-เกศาและพระมสั สุ ทรงนงุ หนงั เสอื ทง้ั เลบ็ ทรงทาพระกายดว ยเนยใสและนํ้ามันงา ทรงเกาพระปฤษฎางคดว ยเขามฤค เขา ไปยงั โรงท่ีบูชายญั ใหม พรอมดวยพระมเหสีและพราหมณปุโรหติ บรรทมบนพืน้ ดิน อนั มไิ ดล าดดวยเครอื่ งลาด เขาทาดว ยโคมยั สด น้ํานมในเทา ท่หี นึ่งแหงโคแมลกู ออนตวั เดยี วมเี ทา ใดพระราชาทรงเยียวยาอัตภาพดวยน้าํ นมเทา นัน้ นํา้ นมในเตาที่ ๒ มีเทา ใดพระมเหสีทรงเยียวยาอตั ภาพดว ยน้ํานมเทา นัน้ น้าํ นมในเตาที่ ๓ มีเทาใดพราหมณป ุโรหติ ยอมเยียวยาอัตภาพดวยนํ้านมเทา น้ัน นาํ้ นมในเทา ท่ี ๔ มีเทาใด กบ็ ูชาไฟดว ยน้ํานมเทา นน้ั ลูกโคเยยี วยาอตั ภาพดวยนาํ้ นมท่ีเหลอืพระราชาหรือพราหมณนน้ั ตรัสอยา งนวี้ า เพอื่ ตองการบชู ายัญ จงฆา โคผปู ระ-มาณเทา น้ี ลกู โคผปู ระมาณเทาน้ี ลูกโคเมียประมาณเทา นี้ แพะประมาณเทาน้ีมา ประมาณเทา น้ี จงตัดตน ไมป ระมาณเทา น้ี เพอื่ ตองการทําเปน เสายญั จงเกีย่ วหญา ประมาณเทานี้ เพ่อื ตองการลาดพนื้ ชนเหลาท่ีเปนทาสก็ดี เปนคนใชก ็ดี เปน กรรมกรก็ดี ของพระราชาหรือพราหมณน นั้ ชนเหลา น้นั ถูก

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 10อาชญาคุกคาม ถูกภยั คกุ คาม มีน้าํ ตานองหนา รองไห ทาํ การงานตามกาํ หนดดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย บุคคลน้ี เรากลา ววา ผทู ําคนใหเ ดอื ดรอน ประกอบความขวนขวายในการทําตนใหเ ดอื ดรอ น และทําผูอืน่ ใหเ ดือดรอ น ประ-กอบความขวนขวายในการทาํ ผูอ่นื ใหเดือดรอ น. กถาวา ดวยพระพทุ ธคณุ [๑๑] ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย กบ็ ุคคลผูไมทาํ ตนใหเ ดอื ดรอน ไมประกอบความขวนขวายในการทําตนใหเ ดือดรอน ไมทําผอู ื่นใหเดอื ดรอ นไมป ระกอบความขวนขวายในการทําผอู ื่นใหเดือดรอน เขาไมทาํ ตนใหเ ดือด-รอน ไมทาํ ผอู ่นื ใหเ ดอื ดรอ น ไมมีความหิว ดบั สนทิ เปน ผเู ยน็ เสวยแตความสุข มีตนเปนดงั พรหมอยใู นปจ จบุ ัน เปน ไฉน. ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย พระตถาคตเสด็จอุบตั โิ นโลกน้ี เปน พระอรหนั ตตรสั รูเองโดยชอบ ถึงพรอมดว ยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแลว ทรงรแู จงโลก เปนสารถฝี กบรุ ุษทคี่ วรฝก ไมมีผอู ื่นยิง่ กวา เปนศาสดาของเทวดาและมนษุ ยท ง้ั หลาย เปนผูเ บิกบานแลว เปน ผูจ ําแนกพระธรรม พระตถาคตพระ-องคน้ัน ทรงทําโลกน้พี รอมทง้ั เทวโลก มารโลก พรหมโลก ไดแ จง ชดั ดว ยปญญาอนั ยงิ่ ของพระองคเองแลว ทรงสอนหมสู ัตวพรอมทั้งสมณะ พราหมณเทวดาและมนษุ ยใ หร ูตาม ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องตน งามในทา มกลาง งามในทสี่ ดุ ทรงประกาศพรหมจรรยพ รอ มทง้ั อรรถ ทั้งพยญั ชนะ บรสิ ทุ ธิ์ บริ-บูรณสน้ิ เชงิ คฤหบดี บตุ รคฤหบดี หรอื ผเู กดิ เฉพาะในตระกลู ใดตระกูลหนึ่งยอ มฟง ธรรมน้ัน คร้นั ฟง แลว ไดศ รัทธาในพระตถาคต เมื่อไดศ รัทธาแลวยอ มเหน็ ตระหนักวา ฆราวาสดับแคบเปนทางมาแหงธุลี บรรพชาเปนทาง

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 11ปลอดโปรง การที่บคุ คลผูครองเรอื น จะประพฤตพิ รหมจรรยใหบริบูรณใหบ รสิ ทุ ธโิ์ ดยสว นเดยี วดจุ สังขขัด ไมใชท ําไดง าย ถา กระไร เราพงึ ปลงผมและหนวด นงุ หม ผากาสาวพัสตร ออกจากเรอื นบวชเปน บรรพชติ สมยั ตอ มาเขาละกองโภคสมบัตินอยใหญ ละเครือญาตนิ อ ยใหญ ปลงผมและหนวดนุง หม ผากาสาวพสั ตร ออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชติ . ความถึงพรอ มดวยสิกขาและสาชพี [๑๒] เขาบวชอยางนแี้ ลว ถงึ พรอ มดวยสกิ ขาและอาชีพ เสมอดว ยภกิ ษุทั้งหลาย. ๑. ละการฆาสัตว เวนขาดจากการฆา สตั ว วางทัณฑะ วางศสั ตรามีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชนแกสัตวท้ังปวงอยู. ๒. ละการลักทรพั ย เวนขาดจากการลักทรพั ย รับแตของทีเ่ ขาให ตอ งการแตของที่เขาให ไมป ระพฤตติ นเปนขโมย เปนผสู ะอาดอย.ู ๓. ละกรรมเปน ขา ศกึ แกพ รหมจรรย ประพฤติพรหมจรรยประพฤติหา งไกล เวนจากเมถนุ อนั เปนกจิ ของชาวบา น. ๔. ละการพดู เทจ็ เวน ขาดจากการพูดเทจ็ พูดแตค าํ จรงิดํารงคําสตั ยมถี อยคาํ เปน หลกั ฐาน ควรเช่อื ได ไมพดู ลวงโลก. ๕. ละคําสอเสียด เวน ขาดจากคาํ สอ เสียด ฟงจากขา งนแี้ ลว ไมไปบอกขางโนน เพอ่ื ใหคนหมูนี้แตกราวกนั หรอื ฟงจากขา งโนนแลวไมมาบอกขางนี้เพ่อื ใหคนหมูโนนแตกราวกนั สมานคนท่แี ตกราวกันแลวบา ง สง เสรมิคนทพ่ี รอ มเพรยี งกนั แลว บาง ชอบคนผพู รอ มเพรยี งกนั ยินดใี นคนผพู รอ มเพรียงกนั เพลดิ เพลินในคนผูพ รอ มเพรียงกัน กลา วแตคาํ ที่ทําใหคนพรอ มเพรียงกนั .

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 12 ๖. ละคําหยาบ เวนขาดจากคําหยาบ กลา วแตค ําทไี่ มม ีโทษ เพราะหู ชวนใหรัก จบั ใจ เปน ของชาวเมือง คนสว นมากรักใคร พอใจ. ๗. ละคําเพอเจอ เวนขาดจากคําเพอ เจอ พดู ถูกกาล พดู แตค ําท่ีเปนจรงิ พดู อิงอรรถ พูดองิ ธรรม พดู อิงวินยั พดู แตค าํ ทม่ี หี ลักฐาน มีที่อางมีทีก่ ําหนด ประกอบดวยประโยชนโดยกาลอนั ควร. ๘. เวน ขาดจากการพรากพชื คามและภูตคาม. ๙. ฉนั หนเดยี ว เวนการฉันในราตรี งดการฉนั ในเวลาวกิ าล. ๑๐. เวน ขาดจากการฟอนราํ ขบั รอง ประโคมดนตรี และการเลนอนั เปน ขา ศกึ แกกุศล. ๑๑. เวน ขาดจากการทดั ทรง ประดับและตกแตงรางกายดวยดอกไมของหอม และเครอ่ื งประเทอื งผวิ อนั เปนฐานแหง การแตงตวั . ๑๒. เวนขาดจากการนง่ั นอนบนทนี่ ง่ั ท่นี อนอันสงู ใหญ. ๑๓. เวน ขาดจากการรบั ทองและเงิน. ๑๔. เวน ขาดจากการรบั ธญั ญาหารดบิ . ๑๕. เวน ขาดจากการรบั เน้อื ดิบ ๑๖. เวน ขาดจากการรบั สตรแี ละกมุ ารี. ๑๗. เวนขาดจากการรบั ทาสีและทาส. ๑๘. เวนขาดจากการรบั แพะและแกะ. ๑๙. เวน ขาดจากการรับไกและสุกร. ๒๐. เวน ขาดจากการรับชาง โค มา และลา . ๒๑. เวนขาดจากการรับไรนาและที่ดิน.

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 13 ๒๒. เวน ขาดจากการประกอบทตู กรรมและการรบั ใช. ๒๓. เวนขาดจากการซื้อการขาย. ๒๔. เวน ขาดจากการฉอโกงดวยตาชงั่ การโกงดวยของปลอม และการโกงดว ยเคร่อื งตวงวัด. ๒๕. เวน ขาดจากการรับสินบน การลอ ลวง และการตลบตะแลง. ๒๖. เวนขาดจากการตัด การฆา การจองจํา การตชี งิ การปลนและกรรโชก. เธอเปนผสู ันโดษดวยจีวรเปนเครื่องบรหิ ารกาย ดวยบณิ ฑบาตเปนเคร่อื งบรหิ ารทอ ง เธอจะไปทางทิศาภาคใด ๆ กถ็ ือไปไดเ อง นกมีปก จะบนิไปทางทิศาภาคใด ๆ ก็มปี กของตัวเปนภาระบนิ ไปฉนั ใด ภกิ ษุก็ฉันนน้ั แลเปน ผสู ันโดษดวยจวี รเปน เคร่อื งบริหารกาย ดวยบิณฑบาตเปน เครื่องบริหารทอง เธอจะไปทางทศิ าภาคใด ๆ ก็ถือไปไดเอง. ภิกษุน้ันประกอบดวยศีลขันธอ ันเปนอรยิ ะนี้ ยอ มไดเ สวยสุขอนั ปราศ-จากโทษในภายใน เธอเหน็ รปู ดวยจกั ษุแลว ไมถอื นิมติ ไมถอื อนพุ ยัญชนะเธอยอ มปฏบิ ัติเพอ่ื สํารวมจักขุนทรยี  ท่เี มอ่ื ไมสาํ รวมแลว จะเปน เหตใุ หอกศุ ลธรรมอันลามก คอื อภิชฌาและโทมนัสครอบงําน้นั ช่ือวารักษาจักขนุ ทรีย ชื่อวาถงึ ความสาํ รวมในจักขนุ ทรีย เธอฟงเสยี งดวยโสตะ. . . ดมกลน่ิ ดวยฆานะ. . .ล้มิ รสดวยชวิ หา . . . ถกู ตองโผฏฐพั พะดวยกาย . . . รแู จงธรรมารมณดว ยใจแลว ไมถอื นิมิต ไมถ อื อนุพยญั ชนะ เธอยอ มปฏบิ ัติเพอ่ื สํารวมมนินทรยี  ทเ่ี ม่อืไมสํารวมเเลว จะเปน เหตใุ หอ กุศลธรรมอันลามก คอื อภิชฌาและโทมนัสครอบงาํ น้นั ช่อื วารักษามนินทรยี  ช่ือวาสํารวมในมนนิ ทรยี  ภิกษุประกอบดวยอนิ ทรียสงั วรอันเปน อริยะเชน นี้ ยอมไดเ สวยสุขอนั ไมร ะคนดว ยกิเลสภายใน.

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 14 ภิกษุนน้ั ยอมทาํ ความรสู กึ ตวั ในการกาวไป ในการถอยกลบั ในการแล ในการเหลยี ว ในการคเู ขา ในการเหยียดออก ในการทรงสงั ฆาฏิบาตรและจีวร ในการฉัน การด่ืม การเค้ียว การลิม้ ในการถายอจุ จาระปส สาวะ ยอ มทาํ ความรูสึกตัว ในการเดนิ การยนื การนงั่ การหลบั การตื่นการพูด การนิง่ . การละนิวรณ [๑๓] ภิกษุนน้ั ประกอบดว ยศลี ขนั ธ อนิ ทรยี ส ังวร สติและสัมปชญั ญะอันเปนอรยิ ะเชน น้ีแลว ยอ มเสพเสนาสนะอันสงัด คอื ปา โคนไม ภูเขาซอกเขา ถ้ํา ปา ชา ปา ชฎั ทแี่ จง ลอมฟาง ในกาลภายหลังภตั เธอกลบัจากบิณฑบาตแลว นัง่ คบู ลั ลงั ก ตั้งกายตรง ดาํ รงสตไิ วเ ฉพาะหนา เธอละความเพงเล็งในโลก มีใจปราศจากความเพงเล็งอยู ยอ มชาํ ระจติ ใหบริสุทธิ์จากความเพง เลง็ ละความประทษุ รา ยคอื พยาบาท ไมค ดิ พยาบาท มคี วามกรณุ า หวงัประโยชนแ กสตั วท ง้ั ปวงอยู ยอ มชาํ ระจิตใหบริสทุ ธ์จิ ากความประทษุ รา ยคือพยาบาทได ละถนี มิทธะแลว เปนผปู ราศจากถนี มิทธะ มคี วามกําหนดหมายอยทู แ่ี สงสวา ง มีสติ มีสมั ปชญั ญะอยู ยอมชาํ ระจิตใหบริสทุ ธ์ิจากถนี -มิทธะ ละอุทธจั จกุกกจุ จะแลว เปนผไู มฟ ุง ซา น มจี ติ สงบ ณ ภายในอยู ยอมชาํ ระจติ ใหบ ริสุทธจ์ิ ากอทุ ธัจจกกุ กจุ จะได ละวิจิกจิ ฉาแลว เปน ผขู า มวจิ ิกิจฉาไมมีความเคลอื บแคลงในกศุ ลธรรมท้งั หลายอยู ยอมชําระจติ ใหบรสิ ทุ ธิ์จากวิจิกิจฉาได. ฌาน ๔ [๑๔] ภิกษนุ น้ั ละนิวรณ ๕ เหลานี้ อนั เปน เครือ่ งเศราหมองแหง ใจอันทาํ ปญ ญาใหทรุ พลไดแ ลว สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรม บรรลุปฐม

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 15ฌานมีวิตก มีวิจาร มีปต แิ ละสุขเกิดแตวิเวกอยู บรรลทุ ุติยฌานมคี วามผอ งใสแหงจิตในภายใน เปนธรรมเอกผุดขึ้น ไมมีวิตก ไมมีวจิ าร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปต ิและสขุ เกดิ แตสมาธิอยู มีอเุ บกขา มีสตสิ มั ปชัญญะและเสวยสุขดว ยนามกาย เพราะปตสิ ิน้ ไป บรรลตุ ตยิ ฌาน ทีพ่ ระอรยิ ะทงั้ หลายสรรเสริญวาผูไดฌ านน้ี เปน ผูมีอเุ บกขา มสี ติอยเู ปน สขุ บรรลุจตตุ ถฌานไมม ีทุกขไ มม ีสขุ เพราะละสุข ละทุกข และดบั โสมนสั โทมนสั กอน ๆ ไดมีอุเบกขาเปนเหตุใหส ติบริสุทธอ์ิ ยู. บุพเพนวิ าสานุสสตญิ าณ [๑๕] ภกิ ษนุ ั้นเม่ือจิตเปน สมาธิ บริสทุ ธ์ผิ อ งแผว ไมมกี ิเลส ปราศจากอุปกิเลส ออ น ควรแกการงาน ตั้งมนั่ ไมห ว่ันไหวอยางนี้ ยอ มโนมนอมจิตไปเพ่อื บพุ เพนวิ าสานสุ สติญาณ เธอยอ มระลึกชาติกอนไดเ ปน อนั มาก คอืระลกึ ไดชาตหิ นง่ึ บา ง สองชาติบา ง สามชาตบิ า ง สช่ี าติบาง หา ชาตบิ าง สิบชาติบา ง ย่ีสิบชาติบา ง สามสิบชาตบิ า ง สส่ี บิ ชาติบาง หา สิบชาตบิ าง รอยชาติบา ง พันชาตบิ าง แสนชาตบิ า ง ตลอดสงั วฏั กปั เปนอนั มากบาง ตลอดววิ ฏั กัปเปนอนั มากบา ง ตลอดสงั วฏั วิวฏั กปั เปนอันมากบาง ในภพโนน เรามชี ื่ออยา งนั้นมโี คตรอยา งน้นั มผี วิ พรรณอยางน้นั มีอาหารอยา งนั้น เสวยสขุ เสวยทกุ ขอยา งนัน้ ๆ มีกาํ หนดอายุเพยี งเราน้นั คร้นั จตุ ิจากภพนั้นแลว ไดไปเกิดในภพโนนแมใ นภพนัน้ เรากม็ ีช่อื อยา งนัน้ มีโคตรอยา งน้นั มผี ิวพรรณอยา งน้นั มีอาหารอยา งนน้ั เสวยสขุ เสวยทุกขอยางน้นั ๆ มกี ําหนดอายเุ พียงเทา นัน้ ครัน้ จุติจากภพน้ันแลว ไดม าเกดิ ในภพนี้ เธอยอ มระลกึ ถึงชาติกอ นไดเ ปน อนั มากพรอมทง้ั อาการพรอมทัง้ อเุ ทศ ดว ยประการฉะน้ี.

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 16 จตุ ปู ปาตญาณ [๑๖] ภิกษนุ ้ัน เมื่อจติ เปน สมาธิ บรสิ ุทธ์ผิ องแผว ไมมีกิเลสปราศจากอุปกิเลส ออ น ควรแกการงาน ตัง้ มัน่ ไมห ว่ันไหวอยา งน้ี ยอมโนม นอมจิตไปเพอื่ รจู ตุ แิ ละอุปบัติของสตั วทง้ั หลาย เธอเหน็ หมสู ตั วทกี่ าํ ลงั จุติกาํ ลงั อปุ บตั ิ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทพิ ยจกั ษอุ ันบรสิ ุทธ์ิ ลว งจักษขุ องมนุษย ยอมรูชดั ซึ่งหมสู ัตวผูเปน ไปตามกรรมวา สตั วเ หลานปี้ ระกอบดวยกายทุจรติ วจีทจุ รติ มโนทจุ รติ ติเตียนพระอริยเจา เปน มจิ ฉาทิฏฐิ ยึดถอื การกระทาํ ดว ยอาํ นาจมจิ ฉาทิฏฐิ เบอ้ื งหนาแตตายเพราะกายแตก เขาเขา ถงึ อบาย ทคุ ติ วินิบาต นรก สวนสตั วเ หลา นี้ประกอบดวยกายสจุ รติ วจีสุจริต มโนสุจริต ไมต เิ ตียนพระอริยเจา เปน สัม-มาทิฏฐิ ยึดถอื การกระทาํ ดว ยอํานาจสมั มาทฏิ ฐิ เบ้อื งหนาแตต ายเพราะกายแตกเขาเขา ถงึ สุคติ โลกสวรรค ดังนี้ เธอยอ มเห็นหมูสัตวก าํ ลงั จตุ ิ กาํ ลังอุปบัติ เลวประณีต มีผิวพรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดดี ตกยาก ดวยทิพยจกั ษุอนับริสุทธ์ิ ลวงจักษุของมนุษย ยอ มรูช ัดซึง่ หมสู ตั วผ เู ปน ไปตามกรรม ดว ยประการฉะนี้. อาสวักขยญาณ [๑๗] ภกิ ษนุ ้นั เมอ่ื จติ เปนสมาธิ บรสิ ทุ ธิ์ ผองแผว ไมมีกเิ ลสปราศจากอปุ กิเลส ออน ควรแกก ารงาน ต้ังมัน่ ไมหวนั่ ไหวอยางนี้ ยอ มโนม นอ มจิตไปเพอ่ื อาสวักขยญาณ เธอยอ มรชู ัดตามความเปนจริงวา นี้ทุกขนท้ี กุ ขสมทุ ัย นี้ทกุ ขนิโรธ น้ที ุกขนิโรธคามินปี ฏิปทา เหลาน้อี าสวะ นอ้ี าสว-สมุทัย น้ีอาสวนิโรธ นอี้ าสวนิโรธคามินีปฏิปทา เม่อื เธอรเู ห็นอยางน้ี จิต

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 17ยอ มหลุดพน แมจ ากกามาสวะ แมจ ากภวาสวะ แมจากอวชิ ชาสวะ เม่อื จิตหลดุ พน แลว กม็ ญี าณรูวา หลุดพนแลว รชู ัดวา ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยอยจู บแลว กจิ ท่คี วรทาํ ทาํ เสร็จแลว กจิ อ่นื เพอื่ ความเปนอยา งนมี้ ิไดม ี. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย บคุ คลน้ีเรากลาววา ไมท าํ ตนใหเ ดือดรอน ไมประกอบความขวนขวายในการทําตนใหเดือดรอน ไมทาํ ผูอ ื่นใหเดือดรอน ไมประกอบความขวนขวายในการทําผอู ่นื ใหเดือดรอน เขาไมท าํ ตนใหเ ดือดรอนไมท ําผูอ น่ื ใหเดือดรอน ไมม ีความหวิ ดับสนทิ เปน ผเู ย็น เสวยแตความสุขมตี นเปน ดังพรหมอยูใ นปจ จุบัน. พระผมู พี ระภาคเจาไดต รัสคาํ เปนไวยากรณน ี้แลว ภกิ ษเุ หลานนั้ ชื่นชมยนิ ดภี าษติ ของพระผมู ีพระภาคเจาแลว ดังนี้แล. จบกันทรกสตู รที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 18 ปปญ จสูทนี อรรถกถามัชฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก อรรถกถาคหปติวรรค ๑. อรรถกถากันทรกสูตร กนั ทรกสูตร มบี ทเร่ิมตนวา เอวมฺเม สุต ขาพเจา ไดส ดับมาอยา งน.้ี ในบทเหลาน้นั บทวา จมฺปาย คือในนครมชี ่อื อยา งนนั้ . เพราะนคร .นั้นไดม ตี น จําปาขน้ึ หนาแนนในทน่ี น้ั ๆ มีสวนและสระโบกขรณเี ปน ตน . ฉะนน้ัจึงไดชอื่ วา นครจมั ปา. บทวา คฺคคราย โปกขฺ รณยิ า ตเี ร ณ ฝง สระโบก-ขรณี ชือ่ วา คัคครา คอื ณ ท่ีไมไกลนครจมั ปานน้ั มีสระโบกขรณี ชอ่ื วาคัคครา เพราะพระราชมเหสีพระนามวา คัคครา ทรงขุดไว. ณ ฝงสระโบก-ขรณนี ัน้ มสี วนจาํ ปาขนาดใหญประดบั ดวยดอกมี ๕ สีมีสีเขยี วเปน ตนโดยรอบ. พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยู ณ สวนจําปาอนั มกี ล่ินดอกไมห อมนน้ั .พระอานนทเถระหมายถงึ สวนจาํ ปาน้ันจึงกลา ววา คคคฺ ราย โปกขฺ รณิยาตเี ร ดงั น.้ี บทวา มหตา ภกิ ขฺ ุสงฺเฆน สทธฺ ึ พรอ มดว ยภิกษุสงฆห มูใ หญ คือพรอมดว ยภิกษสุ งฆหมใู หญมิไดก าํ หนดจาํ นวนไว. บทวา เปสฺโส เปน ชอ่ืของบตุ รนายหัตถาจารยน นั้ . บทวา หตฺถาโรหปตุ ฺ โต คือบุตรของนายหตั ถา-จารย (ควาญชา ง). บทวา กนทฺ รโก ปริพฺพาชโก คอื ปรพิ าชกผูน งุ ผา จงึมีช่อื อยา งนว้ี า กันทรกะ.

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 19 บทวา อภิวาเทตวฺ า คอื เปนผเู สมอื นเขาไปในระหวา งพระพุทธ-รศั มหี นาทึบประกอบดว ยวรรณะ ๖ ประการ แลวดําลงในนาํ้ ครั่งใสสะอาดหรือเสมือนคล่ผี าซึ่งมสี ีดงั สีทองคลุมลงบนศีรษะ หรอื สวมศรี ษะดว ยเครอ่ื งประดบั ทาํ ดวยดอกจําปาซ่งึ ถึงพรอ มดวยสีและกลน่ิ หรอื วา เสมือนพระจันทรวันเพ็ญซึ่งโคจรเขา ไปยงั เชงิ ภูเขาสิเนรุ ฉะน้ัน แลวถวายบังคมพระบาทของพระผมู พี ระภาคเจา อนั ประกอบดว ยพระสิริ ดังดอกจําปาสสี ดกําลงั บาน อันประดบั ดว ยจกั รลักษณะ. บทวา เอกมนฺต นสิ ีทิ คอื นง่ั ในโอกาสหนง่ึ อนัเวนโทษของการนัง่ ๖ ประการ. บทวา ตุณหฺ ภี ูต ตณุ หฺ ึภูต คือเหลยี วดภู กิ ษุสงฆน ัง่ นง่ิ เงียบ. เพราะณ ที่นั้นภกิ ษุแมรูปหนึง่ ก็มิไดมีความรําคาญดวยมือและเทา. ภิกษทุ กุ รูปมไิ ดคุยกัน ดวยความเคารพแดพระผูมพี ระภาคเจา และเพราะตนไดร ับการศกึ ษาแลวเปนอยาง ดี โดยทสี่ ุดไมท าํ แมเสยี งไอ แมก ายก็ไมไหว แมใจกไ็ มฟงุ ซา น ดุจเสาเข่ือนที่ฝงไวอ ยา งดี ดจุ นํ้าในมหาสมทุ รสงบเงยี บในทท่ี ่ไี มมีลม นงั่ ลอ มพระผมู พี ระภาคเจา ดุจรตั ตวลาหกลอมยอดภเู ขาสเิ นรุฉะนนั้ . ปติและโสมนัสอนั ยงิ่ ใหญไดเ กิดแกป ริพาชกเพราะเหน็ บริษทั สงบเงียบอยา งน้ัน.กแ็ ลปริพาชกไมอาจสงบปตโิ สมนสั อันเกิดแลว ในภายในหทัยใหเ งยี บอยูไ ดจ ึงเปลง วาจาอนั นารัก กลาวคาํ มีอาทวิ า อจฺฉริย โภ โคตม นาอัศจรรยพ ระ-โคดมผูเจริญ. ช่ือวา อจั ฉริยะ นา อศั จรรยเพราะยอ มไมมเี ปนนจิ ดุจคนตาบอดขนึ้ ภูเขาไดฉะนนั้ พึงทราบวา นีเ้ ปน ตนั ตนิ ยั (แบบแผน, ประเพณี) ไวกอ น. สว นอรรถกถานัยพงึ ทราบดงั ตอ ไปนี.้ ชอ่ื วา อจฺฉรยิ  เพราะประกอบแกน้วิ มอื . อธิบายวา ควรประกอบการดดี นว้ิ มอื . ชอ่ื วา อพภฺ ูติ เพราะไมเ คยมีมากอ น. แมท ัง้ สองบทก็อยา งเดยี วกนั . บทวา อพฺภตู ิ น้ีเปน ชอื่ ของการนํามาซง่ึ ความพศิ วง. สวนบทวา อจฺฉรยิ  นนี้ ัน้ มี ๒ อยา งคอื ครหอจั ฉริยะ(อัศจรรยในการติเตยี น) ๑ ปสงั สาอัจฉรยิ ะ (อศั จรรยใ นการสรรเสริญ) ๑.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 20 ในอจั ฉรยิ ะทัง้ สองน้ัน พระพุทธดาํ รสั วา ดูกอนโมคคลั ลานะ นาอัศ-จรรย ดูกอ นโมคคัลลานะ ไมเคยมี โมฆบรุ ษุ นน้ั จกั มาหา กต็ อเมื่อจบั แขนมานชี้ อ่ื วา ครหอจั ฉรยิ ะ. พระพทุ ธดาํ รสั วา ดกู อ นนันทมารดา นา อศั จรรยดกู อนนนั ทมารดา ไมเ คยมี แมจิตตุปบาท ก็ชาํ ระใหบ ริสุทธิ์ได นชี้ อื่ วา ปสงั -สาอจั ฉรยิ ะ. ในที่น้ีทานประสงคเอาปสงั สาอจั ฉริยะ นี้แหละ. เพราะปร-ิพาชกนีเ้ มื่อสรรเสริญจงึ กลาวอยางน.้ี บทวา อิท ในบทวา ยาวฺจทิ  น้ี เปนเพยี งนิบาต. บทวา ยาว กาํ หนดประมาณคอื ทรงใหภ ิกษสุ งฆป ฏบิ ตั ิชอบเปนอยา งยิ่ง. ทานอธบิ ายวา ไมสามารถจะพรรณนาถึงประมาณทใ่ี หภกิ ษสุ งฆปฏบิ ตั ิชอบ นจี้ งึ นา อศั จรรย นจี้ งึ ไมเ คยมี โดยแทแล. บทวา เอตปรม เยว ชื่อวา เอตปรโม เพราะใหภ กิ ษสุ งฆน นั้ปฏิบตั ชิ อบอยางนั้น เปนอยางย่ิงของภกิ ษุแมน ั้น. ชื่อวา ปฏิบัติชอบเปนอยา งยิง่ เพยี งเทา นี้ อธบิ ายวาพระสมั มาสมั พทุ ธเจาทง้ั หลายเคยใหภกิ ษุสงฆป ฏิบัติฉันใด กท็ าํ ใหภกิ ษุสงฆน ป้ี ฏบิ ัติเหมอื นกันฉนั น้ันไมย ง่ิ ไปกวาน้.ี ในนัยที่ ๒ พงึประกอบวา พระสัมมาสัมพุทธเจาจกั ใหภกิ ษุสงฆปฏบิ ตั อิ ยา งนไ้ี มใหย งิ่ ไปกวานี.้ ในบทเหลา นนั้ บทวา ปฏปิ าทโิ ต ใหภกิ ษสุ งฆป ฏิบตั ิคอื ใหป ระกอบในขอปฏบิ ัติอนั ไมเ ปน ขา ศึกโดยชอบ เพราะทาํ อภิสมาจารกิ วัตรใหเปน เบ้ือง-ตน. ถามวา เมอ่ื เปนเชน นนั้ เพราะเหตไุ ร ปรพิ าชกนจ้ี งึ อางถงึ พระพุทธเจาทง้ั หลายในอดีตและอนาคตเลา . ปริพาชกนนั้ มีญาณกําหนดรกู าลทงั้ ๓ หรือ.ตอบวา ไมมแี มใ นการถอื เอานยั . บทวา นปิ กา มปี ญ ญาเฉลยี วฉลาด คือ ภิกษุทง้ั หลายมปี ญญาประ-กอบดว ยความเฉลยี วฉลาด มปี ญ ญา เล้ยี งชพี ดว ยปญ ญา สาํ เร็จการเลีย้ งชวี ติเพราะตัง้ อยูใ นปญญา เหมอื นอยางภิกษุบางรปู แมบวชในศาสนา เท่ยี วไปใน

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 21อโคจร ๖ เพราะเหตุแหง ชีวติ เทยี่ วไปหาหญงิ แพศยา เที่ยวไปหาหญิงหมายหญิงสาวเทือ้ บณั เฑาะก โรงสรุ าและภิกษณุ ี คลกุ คลีกบั พระราชา มหาอาํ มาตยของพระราชา เดยี รถยี  สาวกของเดียรถยี  คลุกคลกี ับคฤหัสถอนั ไมสมควรสาํ เรจ็ การเล้ยี งชวี ิตดว ยการแสวงหาอันไมส มควร ๒๑ อยา งคือ ทําเวชกรรมทําทูตกรรม ทําการสงขา ว ฝาฝ ใหยาพอกฝ ใหย าระบายอยางแรง ใหย าระ-บายอยางออ น หงุ นํ้ามนั สําหรบั นตั ถุ หุงน้ํามนั สําหรบั ดื่ม ใหไมไ ผ ใหใบไมดอกไม ผลไม นํา้ อาบ ไมส ฟี น น้ําบวนปาก ใหด นิ ผงขดั ตวั พูดใหเ ขารักพดู ท่ีเลน ทจี ริง ชวยเลี้ยงดูเด็ก ชวยสง ขา วสาร ชือ่ วา ไมเ ลี้ยงชพี ดว ยปญ ญาเฉลยี วฉลาด คอื สาํ เร็จการเลย้ี งชวี ิตเพราะไมตง้ั อยดู ว ยปญ ญา. จากนั้นคร้ันทํากาลกิริยาแลวก็จะเปนสมณยักษ เสวยทกุ ขใ หญโ ดยนัยดังทีท่ า นกลา วไววา แมส ังฆาฏิของภกิ ษุนั้นกร็ ุม รอนเรารุม ภิกษไุ มเปนอยา งนีไ้ มล วงสกิ ขาบทแมเ พราะเหตุแหง ชีวติ ดํารงอยใู นจตปุ ารสิ ุทธศิ ลี เลาเรียนพระพทุ ธพจนตามกําลัง บําเพ็ญอริยปฏปิ ทาเหลาน้ี คอื รถวินีตปฏปิ ทามหาโคสิงคปฏิปทา มหาสุญญทาปฏปิ ทา อนงั คณปฏปิ ทา ธรรมทายาทปฏปิ ทานาลกปฏปิ ทา ตวุ ัฏฏกปฏปิ ทา จนั โทปมปฏิปทา เปน กายสักขี ในอริยวงั ส-ปฏปิ ทาคือมคี วามสนั โดษดวยปจจัย ๔ และมีความยนิ ดตี ามความมีอยขู องตนเปนผอู ยโู ดดเดี่ยวในการเท่ียวไปเปนตน ดจุ ชางพน จากขา ศกึ ดจุ สีหะสละจากฝูง และดจุ มหานาวา ไมมเี รอื ตดิ ตามไปขา งหลัง เรม่ิ บาํ เพ็ญวปิ สสนาตงั้ ความอุตสาหะอยวู า เราจักบรรลุพระอรหตั ในวนั นี้ใหจงได. บทวา สุปตฏิ ิตจิตฺตา มจี ติ ตัง้ ม่ันดแี ลว คอื เปน ผูมจี ิตต้งั มั่นดว ยดใี นสตปิ ฏ ฐาน ๔. สตปิ ฏฐานกถาที่เหลือกลา วไวพ สิ ดารแลว ในหนหลงั สวนในทีน่ ีท้ า นกลา วถึงสติปฏ ฐานเจือกนั ท้ังโลกิยะและโลกุตตระ. ดว ยเหตุเพียงเทานี้ เปนอนั ทานกลาวถึงเหตุทภ่ี กิ ษุสงฆเขาไปสงบแลว.

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 22 บทวา ยาว สปุ ฺตตฺ า คอื สตปิ ฏฐาน ๔ พระองคทรงตง้ั ไวด ว ยดีแลว คือ ทรงแสดงดีแลว . ดวยบทวา มย ป หิ ภนฺเต น้ี เปสสะบุตรควาญชางนัน้ แสดงถึงความท่ีตนเปน ผูทาํ การงาน และยกภกิ ษสุ งฆข ้นึ . ในขอ นมี้ ีอธิ-บายดงั ตอไปน.้ี ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ที่จรงิ แมพ วกขาพระองคเปน คฤหสั ถนงุผาขาว ฯ ล ฯ เปน ผูมีจิตตัง้ ม่ันดแี ลวอย.ู การไถ พชื แอก คันไถและผาลไถนานี้มไิ ดมีแกภกิ ษสุ งฆ เพราะฉะน้ันภกิ ษุสงฆจ งึ มงุ ตอสติปฏฐานตลอดกาล.สวนพวกขาพระองคไดโอกาสตามกาลสมควรแลว จึงทํามนสิการนี.้ แมพวกขา พระองคจ ะเปน ผูทาํ การงาน ก็ไมสละกรรมฐานดวยประการทั้งปวง. บทวา มนสุ ฺสคหเน มนษุ ยรกชัฏ คือ เพราะถอื เอาความรกชัฏของอธั ยาศัยแหง มนษุ ยท ง้ั หลาย. พงึ ทราบวาความทีถ่ ือเอาแมอ ธั ยาศัยของมนษุ ยเ หลานั้นดวยความรกชัฏดวยกเิ ลส. แมในอัธยาศยั เดนกากและอัธยาศัยโออวดก็มีนัยนเ้ี หมอื นกัน. ในอธั ยาศัยเหลา นัน้ พงึ ทราบความทอ่ี ธั ยาศยั ชือ่ วาเดนกาก เพราะอรรถวาไมบริสุทธ์.ิ อธั ยาศัยชือ่ วา โออ วด เพราะอรรถวาหลอกลวง. บทวา สตฺตาน หติ าหิต ชานาติ พระผมู ีพระภาคเจา ยอ มทรงรูประโยชนแ ละมใิ ชป ระโยชนข องสัตวทงั้ หลายคอื พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบประโยชนแ ละมใิ ชประโยชนข องมนุษยท งั้ หลายดวยดี เหมือนอยา งทรงทราบรกชฏั เดนกากและความหลอกลวงของมนษุ ยฉ ะนน้ั . ในบทวา ยททิ  ปสโวนที้ า นประสงคเ อาสตั ว ๒ เทา แมท ้งั หมด. บทวา ปโหมิ คอื สามารถ. บทวา ยาวตตฺ เกน อนฺตเรน โดยระหวางประมาณเทา ใด คอื โดยขณะเทาไร. บทวา จมฺป คตาคต กริสฺสติ จักทาํ นครจมั ปาใหเปน ที่ไปมาคือจกั ทําการไปและการมาตงั้ แตโรงมาจนถึง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 23ประตนู ครเมืองจัมปา. บทวา สาเยยฺ านิ คือความเปน ผโู ออวด. บทวากูเฏยยฺ านิ คอื ความเปนผโู กง. บทวา วงฺเกยยฺ านิ คอื ความเปน ผูค ด. บทวาชิมเฺ หยฺยานิ คอื ความเปน ผงู อ. บทวา ปาตกุ ริสสฺ ติ จักทําใหป รากฏคอื จกัประกาศ จกั แสดง. เพราะไมสามารถเพอื่ จะแสดงความโออวดเปนตนเหลานน้ัโดยระหวา งประมาณเทา นี้ได. พึงทราบวนิ ิจฉัยในความโออวดเปนตนดงั ตอไปน้ี เม่อื ภกิ ษุสงฆจ ะยืนอยใู นทีไ่ หน ๆ ท้ัง ๆ เปนทไี่ มมีภัยเฉพาะหนาของมนษุ ย คดิ วา เราจักไปขางหนา แลวยืนลวง จึงไปยืนทาํ เปน ไมเคล่ือนไหวเหมือนเสาทฝ่ี ง ไวในท่ีที่ประ-สงคจะตั้งไว ภกิ ษุนช้ี ่ือวา โออวด. เมอ่ื ภิกษปุ ระสงคจ ะกน้ั ในทไ่ี หน ๆ แลวกม ลําตัวขวางไวท ั้ง ๆ ทเ่ี ปนท่ไี มมีภยั เฉพาะหนา ของมนษุ ยท ้งั หลายคิดวา เราจกั ไปขางหนา แลวกม ลวง จงึ กมตวั ลวงในที่นนั้ ภิกษุนชี้ ือ่ วาโกง. เมอ่ื ภกิ ษุประสงคจะหลกี จากทางในที่ไหน ๆ แลว กลบั เดินสวนทางทั้ง ๆ เปน ท่ีไมมภี ัยเฉพาะหนาของมนุษยท ้ังหลายคดิ วา เราจกั ไปขางหนาแลวลวงทาํ อยา งนี้ จึงหลีกจากทางในท่นี ้นั แลว กลบั เดินสวนทาง ภกิ ษนุ ช้ี อื่ วา คด. เม่ือภิกษุประสงคจ ะไปตามทางตรงตามเวลา จากซา ยตามเวลา จากขวาตามเวลา ทงั้ ๆ เปน ที่ไมม ีภัยเฉพาะหนาของมนษุ ยทง้ั หลาย คดิ วา เราจักไปขางหนาแลวลวงทาํ อยางน้ีจึงไปทางตรงตามเวลาจากซา ยตามเวลาจากขวาตามเวลาในท่ีนน้ั . อนึ่งท่นี ี้เขากวาดไวเตยี น จอแจดวยมนุษย นารื่นรมยไมควรทาํ กรรมเห็นปานนีใ้ นทนี่ ้ียอมไมม แี กภ ิกษผุ ปู ระสงคจ ะถายอุจจาระหรอื ปส สาวะดว ยคดิ วา เราจักไปขา งหนา แลวทาํ ในที่ทป่ี กปด จงึ ทาํ ในทนี่ ั้น ภกิ ษนุ ้ชี ือ่ วา งอ. ทา นกลา วไวดังนี้หมายถึงกริ ิยาแม ๔ อยา งนี้ ดวยประการฉะนี้.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 24 ชา งน้ันจกั ทํา ความโออวด ความโกง ความคด ความงอ เหลา นนั้ท้ังหมดใหป รากฏได. สัณฐานเปน ตนเหลา น้นั แมทําอยอู ยา งนี้ กช็ ่อื วา ยอ มทําความโออวดเปน ตน เหลา นนั้ ใหปรากฏ. ครงั้ นายเปสสะบตุ รครวญชา งแสดงความทส่ี ัตวท้ังหลายเปนส่งิ ทตี่ ืน้บดั น้เี มือ่ จะแสดงความทีม่ นุษยท งั้ หลายเปน สิง่ ท่รี กชัฏจงึ กราบทูลบทมีอาทวิ าอมหฺ าก ปน ภนฺเต. ในบทเหลาน้ัน บทวา ทาสา ไดแก ทาสเกิดภายใน ทาสไถมาดว ยทรพั ย ทาสเปน เชลยหรือถงึ ความเปน ทาสรบั ใช. บทวา เปสฺสา คอื คนรับใช. บทวา กมมฺ กรา คือคนเลย้ี งชีวติ ดว ยอาหารและคาจา ง. บทวา อฺ ตาจ กาเยน ดว ยกายเปนอยา งหนึ่ง ทา นแสดงวา ทาสเปนตน ยอ มประพฤติดวยกายโดยอาการอยา งหนงึ่ ดวยวาจาโดยอาการอยา งหนง่ึ และจติ ของทาสเปน ตนเหลา นนั้ ยอมต้งั อยโู ดยอาการอยา งหนึ่ง. ในทาสเหลานั้นทาสใดเห็นนายเฉพาะหนาแลวลกุ ขึ้นตอ นรบั รบั ของจากมือ ปลอ ยสิ่งนถ้ี ือเอาส่งิ นี้ ทาํกิจทง้ั หมดแมท เ่ี หลอื มปี ูท่นี ่งั พัด และลา งเทาเปน ตน แตพ อลับหลัง แมนาํ้ มันไหลกไ็ มเหลียวแล การงานแมข าดทุนตั้งรอยต้งั พนั เสยี หายไป ก็ไมปรารถนาจะกลบั มาเหลยี วแล ทาสเหลา น้ชี ื่อวาประพฤติดวยกายอยางอนื่ . อน่ึงทาสเหลาใดตอหนาพูดสรรเสรญิ เปนตนวา เขาเปนเจานายของฉนั พอลบั หลังคาํ ทพี่ ูดไมไดไมม เี ลย ยอมพูดคาํ ท่ีตองการพดู ทาสเหลา น้ชี อ่ื วา พระพฤตดิ วยวาจาอยา งหนึง่ . บทวา จตฺตาโรเม เปสฺส ปคุ คฺ ลา ดูกอนเปสสะ บุคคล ๔ จําพวกเหลานี้มีอยู แมบ คุ คลน้กี ็เปนการสืบตอเฉพาะตวั . เปสสะนก้ี ราบทลู วา พระพุทธเจา ขา พระผมู พี ระภาคเจา ยอมทรงทราบประโยชนและมใิ ชประโยชนข องสัตวท ัง้ หลาย ในเมอ่ื มนุษยร กชัฏเปน

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 25ไปอยอู ยา งนใ้ี นเมือ่ มนุษยเดนกากเปนไปอยอู ยางนี้ ในเมอ่ื มนุษยโออวดเปนไปอยอู ยางน.ี้ บคุ คล ๓ จาํ พวกกอ นเปน ผปู ฏิบตั ิปฏปิ ทาไมเปนประโยชน บุคคลจํา-พวกที่ ๔ เปน ผปู ฏบิ ัตเิ ปน ประโยชน พระผมู พี ระภาคเจาเพอื่ ทรงแสดงวา เรารูประโยชนแ ละมิใชประโยชนของสัตวทัง้ หลายอยางนี้ จึงทรงปรารภเทศนาน.้ีแมก ารประกอบกับถอ ยคําของกนั ทรกปริพาชกในหนหลงั กค็ วร. ดว ยเหตนุ ี้กันทรกปรพิ าชกจึงกลาววา ทา นพระโคดมผูเจรญิ เพยี งเทา น้ี ทา นพระโคดมชือ่ วา ทรงใหภ กิ ษุสงฆป ฏบิ ตั ิชอบแลว ดงั นี้. ลาํ ดับนั้น พระผมู ีพระภาคเจา แมเ มอื่ ทรงแสดงแกน ายเปสสะนั้นวาเราเวนบคุ คล ๓ จําพวกกอ น แลว ใหบ คุ คลจาํ พวกท่ี ๔ เบื้องบนปฏบิ ตั ใิ นปฏิปทาเปนประโยชนนั่นแหละจงึ ทรงปรารภเทศนาน้ี. บทวา สนโฺ ต นเี้ ปนไวพจนข องบทวา ส วชิ ชฺ มานา มีอยู. จรงิอยู ความดับสนทิ ในบทนวี้ า สนฺตา โหนตฺ ิ สมติ า วปู สนฺตา ทา นกลาววา สนฺตา สงบแลว. ทานกลาววา นพิ ฺพตุ า ดบั แลว ในบทนว้ี า สนตฺ าเอเต วิหารา อรยิ สฺส วนิ เย วุจฺจนฺติ ทา นกลาววหิ ารเหลาน้ีสงบในวนิ ยัของพระอริยะ. ทานกลาววา บัณฑติ ในบทนีว้ า สนฺโต หเว สพภฺ ิปเวทยนตฺ ิ สัตบรุ ษุ ทั้งหลายยอมประกาศดวยความเปนสัตบรุ ุษ. บัณฑิตทัง้ หลายมอี ยใู นโลกนี้. อธบิ ายวา พอหาได. พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในบทมีอาทิวา ทาํ ตนใหเดอื ดรอนช่ือวา อตตฺ นตฺ โปเพราะทาํ ตนใหเ ดอื นรอ น ใหถึงทุกข. ประกอบการขวนขวายในการทําตนใหเดอื ดรอน ชอื่ วา อตตฺ ปรติ าปนานโุ ยค . ชอื่ วา ปรนฺตโป เพราะทําผูอ่นืใหเ ดอื ดรอ น ใหถ ึงทกุ ข. ประกอบการขวนขวายในการทาํ ผูอนื่ ใหเ ดือดรอน

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 26ชอื่ วา ปรปรติ าปนานุโยค . บทวา ทิฏเ ว ธมเฺ ม คอื ในอตั ภาพนีแ้ หละ.บทวา นิจฉฺ าโต ไมมคี วามหวิ ตณั หาทานเรยี กวา ฉาต. ชอื่ วา นิจฉฺ าโตเพราะไมม ีความอยาก. ชื่อวา นพิ ฺพโุ ต เพราะดับกิเลสไดท้งั หมด. ช่อื วาสีติภูโต เพราะเปนผูเ ย็นเพราะไมม กี ิเลสอันทําใหเดอื ดรอ นในภายใน. ช่อื วาสขุ ปฏิส เวที เพราะเสวยสขุ เกดิ แตฌ านมรรคผลและนพิ พาน. บทวา พฺรหมฺ -ภเู ตน อตตฺ นา มีตนเปนดังพรหมคือมตี นประเสรฐิ . บทวา จิตตฺ  อาราเธติ ยังจิตใหย ินดี คอื ยงั จติ ใหถงึ พรอม ใหบริบรู ณ. อธิบายวา ใหเลอ่ื มใส. บทวา ทุกขฺ ปฏิกฺกลู  เกลยี ดทุกข คือทุกขเปนสิ่งนา เกลียดตง้ั อยูในความเปน ขา ศกึ . อธิบายวา ไมปรารถนาทกุ ข. ในบทวา ปณฑฺ ิโต นี้ ไมควรกลาววาเปนบณั ฑติ ดว ยเหตุ ๔ ประ-การ. แตควรกลาววา เปน บัณฑติ เพราะทํากรรมใน สติปฏ ฐาน แมบ ทน้วี ามหาปโฺ  กไ็ มค วรกลา วดว ยลักษณะของมหาปญญาดวยบทมอี าทิวามหนฺเต อตเฺ ถ ปรคิ ณฺหติ ถือเอาประโยชนใ หญ. แตควรกลา ววา เปนผูมีปญ ญามากเพราะประกอบดวยปญ ญากาํ หนดถอื เอา สตปิ ฏ ฐาน. บทวา มหตาอตเฺ ถน ส ยตุ ฺโต อภวิสสฺ เขาจักเปน ผปู ระกอบดว ยประโยชนใหญ คอื พึงเปนผูประกอบ เปน ผถู งึ ดวยประโยชนใ หญ ความวา พงึ บรรลุโสดาปตติผล. ถามวา กแ็ มเม่อื ตั้งอยเู ฉพาะพระพักตรพ ระพุทธเจา ทัง้ หลาย จะมีอันตรายแกมรรคผลหรือ. ตอบวา มีซิ. แตม ไิ ดมเี พราะอาศัยพระพุทธเจาทั้งหลาย. โดยที่แทย อ มมไี ดเ พราะความเสอ่ื มของกิริยาหรอื เพราะปาปมิตร. ในอันตรายทั้งสองนน้ั ช่ือวายอ มมีเพราะความเส่ือมของกิรยิ าดังตอไปน.้ี หากวาพระธรรมเสนาบดรี ูอ ธั ยาศยั ของธนญั ชานิยพราหมณแ ลว ไดแ สดงธรรมพราหมณนัน้ จักไดเ ปนพระโสดาบัน. อยา งนช้ี ่อื วา ยอมมีเพราะความเส่ือมแหง

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 27กริ ยิ า. ชอื่ วา ยอ มมเี พราะปาปมิตรมีอธิบายดงั น.้ี หากวา พระเจาอชาตศัตรเู ชื่อคําของเทวทัตแลวไมทําปต ฆุ าต. พระเจาอชาตศตั รจู กั ไดเ ปนโสดาบันในวนั ที่พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสสามญั ญผลสตู รน่นั เอง. แตเพราะพระเจาอชาตศัตรูเช่ือคาํ ของเทวทัตนนั้ แลว ทําปตุฆาต จึงไมไดเปน โสดาบนั . อยางนี้ชือ่ วาอนั ตรายยอ มมเี พราะปาปมิตร. ความเสอ่ื มแหง กริ ิยาเกิดแกอ ุบาสกแมน้ี เมื่อเทศนายังไมจบพราหมณลุกหลีกไปเสีย. บทวา อปจ ภิกขฺ เว เอตฺตาวตาป เปสโฺ ส หตฺถาโรหปุตโฺ ตมหตา อตเฺ ถน ส ยตุ โฺ ต อนงึ่ ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย แมด ว ยการฟงโดยสงั เขปเพยี งเทา นี้ นายเปสสะควาญชางยงั ประกอบดวยประโยชนใ หญ. ถามวาดว ยประโยชนใ หญเปนไฉน. ตอบวา คอื ดว ยอานสิ งส ๒ ประการ. นัยวาอบุ าสกเล่อื มใสในพระสงฆ และนัยใหมย ิ่งเกิดแกอ บุ าสกน้ันเพอื่ กาํ หนดถอื เอาสติปฏ -ฐาน ดว ยเหตนุ ้ันพระผมู ีพระภาคเจาจึงตรสั วา มหตา อตฺเถน ส ยุตโฺ ตเปนผปู ระกอบดวยประโยชนใหญ. กนั ทรกปริพาชกไดความเลื่อมใสในพระสงฆเทา นัน้ . บทวา เอตสสฺ ภควา กาโล ขาแตพระผูมพี ระภาคเจา นีเ้ ปน กาลแหง การแสดงธรรมนั้น ความวา น้เี ปน กาลแหง การกลาวธรรมหรือวา แหง การจาํ แนกบคุ คล ๔ จําพวก. พึงทราบความในบทมีอาทิ โอรพฺภิโก ฆา แพะเล้ยี งชีวิตดังตอไปนี้แพะทานเรียกวา อุรพภฺ ะ ชือ่ วา โอรพภฺ โิ ก เพราะฆา แพะ. แมใ นบทมีอาทวิ า สูกริโก ฆาสุกรเลย้ี งชวี ติ ก็มีนัยน้เี หมอื นกนั . บทวา ลทุ โฺ ท คอืเหยี้ มโหดหยาบคาย. บทวา มจฉฺ ฆาฏโก คือพรานเบด็ ผูผูกปลา. บทวาพนฺธนาคาริโก คือคนปกครองเรือนจํา. บทวา กรุ รู กมมฺ นฺตา คือทําการงานทารุณ. บทวา มุทธฺ าวสติ โฺ ต คอื พระราชาไดร บั มรุ ธาภิเษกดวยการอภิเษกเปน กษตั รยิ . บทวา ปุรตถฺ เิ มน นครสสฺ คือทางทศิ บูรพาจาก














































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook