Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคคล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม สค31003

เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคคล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม สค31003

Published by กศน.จังหวัดขอนแก่น, 2021-06-19 12:04:51

Description: เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคคล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม สค31003 หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการ เพอื่ ยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ผ้เู รยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

ค�ำช้แี จงการใชเ้ อกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการเพ่อื ยกระดับผลสมั ฤทธผ์ิ ้เู รยี นรายบุคคล ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ รหสั วิชา ทร31001 เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคคล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รายวิชา ทักษะ การเรยี นรู้ รหัสวชิ า ทร31001 เล่มนี้ จดั ท�ำข้นึ เพอ่ื พฒั นาผ้เู รียน ให้มีความรู้ความสามารถทางด้านวชิ าการในรายวชิ าบังคบั ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ในการศกึ ษาเอกสารเล่มน้ีผู้เรยี นควรปฏิบัติ ดังนี้ 1. ผ้เู รียนส�ำรวจรายวชิ าทต่ี นเองลงทะเบยี นเรยี นในรายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู้ รหสั วิชา ทร31001 2. ผู้เรยี นศึกษารายละเอยี ดว่าตอ้ งเรียนรู้เน้อื หาในเรือ่ งใดบา้ งในรายวิชานี้ 3. ท�ำแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือทราบพ้ืนฐานความรู้เดิมของผู้เรียน โดยตรวจสอบค�ำตอบจากเฉลยแบบทดสอบ ก่อนเรียนท้ายเลม่ 4. ศึกษาเนอื้ หาสาระในแต่ละบทเรียนให้เข้าใจ และทำ� แบบทดสอบท้ายบทเรยี น ผเู้ รียนสามารถตรวจสอบค�ำตอบ ไดจ้ ากเฉลยทา้ ยเล่ม 5. เมอื่ ศกึ ษาเนอ้ื หาสาระครบทกุ บทเรยี นแลว้ ใหผ้ เู้ รยี นทำ� แบบทดสอบหลงั เรยี นและตรวจคำ� ตอบจากเฉลยทา้ ยเลม่ ผเู้ รยี นควรท�ำแบบทดสอบหลงั เรียนให้ไดค้ ะแนนมากกวา่ แบบทดสอบก่อนเรียน 6. ให้ผูเ้ รยี นบันทึกคะแนนผลการทดสอบรายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ รหัสวิชา ทร31001 ในแบบบันทกึ การพัฒนา ทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล (อยู่ทา้ ยเลม่ ) เพื่อเป็นแนวทางในการพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 7. ให้ผู้เรียนศกึ ษาเพ่ิมเติมได้จากแบบเรียนรายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ รหัสวชิ า ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ตามหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และสอ่ื ออนไลนอ์ ื่น ๆ เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธผ์ิ ู้เรยี นรายบคุ คล รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

โครงสร้างการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง รายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สาระสำ� คญั รายวิชาทักษะการเรียนรู้ มีเนื้อหาเก่ียวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนในการเรียนด้วยตนเอง การใช้ แหลง่ เรยี นรู้ การจดั การความรู้ การคดิ เป็นและการวิจยั อย่างง่าย โดยมวี ตั ถุประสงค์เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถก�ำหนดเปา้ หมาย วางแผนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง เขา้ ถงึ และเลอื กใชแ้ หลง่ เรยี นรจู้ ดั การความรู้ กระบวนการแกป้ ญั หาและตดั สนิ ใจอยา่ งมเี หตผุ ล ทจี่ ะสามารถใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ชนี้ ำ� ตนเอง ในการเรยี นรแู้ ละการประกอบอาชพี ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั การพน้ื ฐาน และการพฒั นา 5 ศักยภาพหลักของพื้นท่ีใน 5 กลุ่มอาชีพใหม่ คือ กลุ่มอาชีพด้านการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิด สร้างสรรค์ การบริหารจดั การและการบริการ ตามยทุ ธศาสตร์ 2555 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ได้อยา่ งตอ่ เนือ่ งตลอดชีวิต ผลการเรยี นรูท้ ่ีคาดหวัง บทท่ี1 การเรียนรดู้ ้วยตนเอง 1. ประมวลความรู้ และสรุปเป็นสารสนเทศ 2. ท�ำงานบนฐานขอ้ มูลดว้ ยการแสวงหาความร้จู นเปน็ ลกั ษณะนสิ ยั 3. มคี วามชำ� นาญในทกั ษะการอา่ น ทกั ษะการฟงั ทกั ษะการสงั เกต และทกั ษะการจดบนั ทกึ อยา่ งคลอ่ งแคลว่ รวดเรว็ บทท่ี 2 การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ 1. ผ้เู รยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ เห็นความสำ� คญั ของแหลง่ เรียนรู้ 2. ผู้เรียนสามารถใช้แหลง่ เรยี นรู้ หอ้ งสมุดประชาชนได้ บทท่ี 3 การจดั การความรู้ 1. ออกแบบผลติ ภัณฑ์ สรา้ งสูตร สรปุ องคค์ วามร้ใู หม่ 2. ประพฤติตนเป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ 3. สร้างสรรค์สงั คมอุดมปัญญา บทที่ 4 การคิดเปน็ 1. อธิบายถึงความเช่ือพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ของคนคิดเป็น และการเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องการเกิดเป็น ปรัชญาคิดเป็น การเกิดแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ แบบคนคิดเป็นได้ 2. วิเคราะหจ์ �ำแนกลักษณะของข้อมูลการคิดเปน็ ทั้ง 3 ด้าน ท่นี ำ� มาใช้ประกอบการคิดและการตดั สนิ ใจ ทัง้ ข้อมูล ดา้ นวชิ าการ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สงั คมและสภาวะแวดลอ้ ม โดยเนน้ ทข่ี อ้ มลู ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กับบุคคลครอบครัว และชุมชน ทีเ่ ป็นจุดเนน้ สำ� คัญของคนคิดเป็นได้ 3. ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารคดิ การแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ การคดิ เปน็ ทง้ั จากกรณตี วั อยา่ งและหรอื สถานการณจ์ รงิ ในชมุ ชน โดยนำ� ขอ้ มลู คน้ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ซงึ่ เป็นสว่ นหนงึ่ ของข้อมลู ทางสังคมและสภาวะแวดล้อมมาประกอบการคดิ การพัฒนาได้ บทที่ 5 การวิจยั อยา่ งง่าย 1. อธบิ ายความหมายและความสำ� คญั ของการวิจยั ได้ 2. ระบุกระบวนการ ขั้นตอนของการทำ� วจิ ยั อยา่ งงา่ ยได้ 3. อธิบายสถติ งิ า่ ย ๆ และสมารถเลือกใชส้ ถติ ทิ ่ีเหมาะสมกบั การวิจัยในแต่ละเรอ่ื งของตนเองได้อย่างถกู ตอ้ ง 4. สร้างเครอื่ งมือการวิจยั ได้ เอกสารพฒั นาทกั ษะวิชาการ เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธผ์ิ ู้เรียนรายบุคคล รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

5. เขยี นโครงการวิจยั ได้ 6. เขยี นรายงานการวิจยั และเผยแพรง่ านวิจัยได้ บทที่ 6 ทักษะการเรียนรูแ้ ละศักยภาพหลักของพนื้ ที่ในการพัฒนาอาชีพ 1. อธิบายความหมาย ความส�ำคัญของทกั ษะการเรียนรู้ และศกั ยภาพหลกั ของพนื้ ทีท่ เี่ เตกต่างกัน 2. ยกตวั อยา่ งศักยภาพหลักของพืน้ ที่ท่ีแตกตา่ งกัน 3. สามารถบอกหรือยกตัวอย่างเกี่ยวกบั ศักยภาพหลักของพื้นที่ของตนเอง 4. ยกตวั อย่างอาชพี ทใี่ ช้หลกั การพืน้ ฐานของศักยภาพหลักในการประกอบอาชีพในกลมุ่ อาชพี ใหมไ่ ด้ ขอบข่ายเน้ือหา บทท่ี 1 การเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่องที่ 1 ความหมาย ความสำ� คัญ และกระบวนการของการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง เรอ่ื งท่ี 2 ทักษะพื้นฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทกั ษะการแกป้ ญั หา และเทคนิคในการเรียนรดู้ ้วยตนเอง เร่ืองที่ 3 การท�ำแผนผงั ความคิด เรื่องที่ 4 ทกั ษะทจ่ี ำ� เป็นในการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง บทที่ 2 การใช้แหล่งเรยี นรู้ เรอื่ งที่ 1 ความหมายความสำ� คญั ประเภทของแหลง่ เรียนรู้ เรอ่ื งท่ี 2 แหลง่ เรียนรปู้ ระเภทหอ้ งสมุด เรื่องท่ี 3 ทักษะการเขา้ ถงึ สารสนเทศของห้องสมุด เร่ืองที่ 4 การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ส�ำคญั ๆ ในประเทศ เรอ่ื งที่ 5 การใช้แหล่งเรยี นรู้ผา่ นเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต บทท่ี 3 การจดั การความรู้ เรอ่ื งท่ี 1 ความหมาย ความส�ำคญั หลักการ เรอ่ื งที่ 2 กระบวนการจดั การเรยี นรู้การรวมกลุ่มเพ่อื ตอ่ ยอดความรแู้ ละการจัดท�ำ สารสนเทศเพื่อเผยแพรค่ วามรู้ เร่ืองที่ 3 ทกั ษะกระบวนการจดั การความรู้ บทท่ี 4 การคิดเปน็ เรื่องท่ี 1 ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่กับกระบวนการคิดเป็น การเชื่อมโยงสู่ปรัชญาคิดเป็น และการคิด การตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบแบบคนคดิ เป็น เรื่องท่ี 2 ระบบข้อมูลการจ�ำแนกลักษณะของข้อมูลการเก็บข้อมูลการวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลท้ังด้านวิชาการ ด้านตนเองและสังคมสภาวะแวดล้อม โดยเน้นไปที่ข้อมูลด้านคุณธรรมจริยธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับบุคคลครอบครัวและชุมชน เพื่อนำ� มาใชป้ ระกอบการตดั สินใจแกป้ ญั หาตามแบบอย่างของคนคิดเป็น เรอื่ งที่ 3 กรณีตัวอย่างและสถานการณจ์ ริงในการฝึกปฏบิ ตั ิเพ่อื การคดิ การแกป้ ัญหาแบบคนคิดเป็นขอบขา่ ยเนือ้ หา บทที่ 5 การวิจยั อย่างง่าย เรอ่ื งท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั ของการวจิ ยั เรอ่ื งท่ี 2 กระบวนการและขน้ั ตอนการทำ� วิจัยอยา่ งงา่ ย เรื่องที่ 3 สถติ ิงา่ ย ๆ เพอ่ื การวจิ ัย เรื่องท่ี 4 การสร้างเครือ่ งมือวจิ ัย เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิผเู้ รียนรายบุคคล รายวิชา ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

เรอ่ื งที่ 5 การเขยี นโครงการวจิ ัย เรอ่ื งท่ี 6 การเขียนรายงานการวจิ ัยอย่างงา่ ยและการเผยแพร่ผลงานวิจัย บทท่ี 6 ทกั ษะการเรียนร้แู ละศักยภาพหลกั ของพ้ืนท่ใี นการพฒั นาอาชีพ เรื่องท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั ของศกั ยภาพหลกั ของพ้นื ที่ เรอื่ งท่ี 2 กลุ่มอาชีพใหม่ 5 ดา้ น และศกั ยภาพหลักของพืน้ ที่ 5 ประการ เร่ืองท่ี 3 ตัวอย่างการวเิ คราะห์ศกั ยภาพหลักของพ้นื ท่ี เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการ เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธิผ์ เู้ รยี นรายบุคคล รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

แบบทดสอบกอ่ นเรียน ค�ำชแ้ี จง จงเลอื กค�ำตอบที่ถูกตอ้ งที่สดุ เพียงขอ้ เดยี ว 5.บง่ ชข้ี อ้ ดแี ละข้อเสยี ของแหลง่ เรยี นรู้ 1. ความหมายความส�ำคัญของการเรียนรู้ด้วยตัวเองหมาย ก. พฒั นาคน, องค์กร ถงึ ขอ้ ใด ข. การพัฒนาองคก์ ร, งาน ก. เป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนริเร่ิม การเรียนรู้ ค. พัฒนาคน และพฒั นางาน ด้วยตนเอง ตามความสนใจ ความต้องการ และ ง. พฒั นาคน, งาน องคก์ ร, และชุมชน ความถนดั มีเป้าหมาย 6. ห้องสมดุ ประชาชน หมายถงึ อะไร ข. ก�ำหนด เปา้ หมาย วตั ถุประสงคใ์ หช้ ัดเจน ก. สถานทีจ่ ดั หา รวบรวมทรพั ยากรสารสนเทศ ค. ดำ� เนนิ ให้บรรลวุ ตั ถุประสงคซ์ ่งึ เป็นสิง่ ส�ำคญั ข. การผลิตหนงั สอื และสิง่ พิมพ์ ง. การวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการของตนเอง ค. การเขา้ ถึงสารสนเทศ 2. การเรียนรู้ด้วยตนเองมีลักษณะกี่ลักษณะมีความส�ำคัญ ง. การสบื ค้นดว้ ยต้บู ัตรรายการ ตอ่ การดำ� เนินชีวติ ตนเองอย่างไร 7. แหล่งเรียนรู้ประเภทสอ่ื ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ก. การเรยี นรูด้ ว้ ยตนองท�ำให้มนุษยอ์ ยรู่ อด ก. หู ตา จมกู ลิน้ กายและใจ ข. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองทำ� ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ ข. คอ ผม ค. บคุ คลทเี่ รียนรูด้ ว้ ยการริเริ่มของตนเองเรียนได้ ค. เอว คอ มากกว่า ง. ผม ฟัน หู ง. เป็นคุณลักษณะท่ีส�ำคัญต่อการด�ำเนินชีวิตทีมี 8. เหตผุ ลส�ำคัญต้องมกี ารจดั การความร้คู ือข้อใด ประสิทธิ์ภาพ ช่วยให้ผู้เรียนมีความต้ังใจและมี ก. โลกมีการเปลยี่ นแปลง แรงจงู ใจสงู ข. มนษุ ย์ตอ้ งมกี ารเรยี นรู้ตลอดชวี ิต 3. การมคี วามคิดริเร่มิ และเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง หมายถึงอะไร ค. องคก์ รไดร้ ับผลกระทบทางเศรษฐกจิ และการเมอื ง ก. ความสามารถติดตามปัญหายาก ๆ ได้อย่าง ง. ถกู ทกุ ขอ้ คลอ่ งแคลว่ ความปรารถนาตอ่ การเรยี นรู้อยเู่ สมอ 9. ข้อใดตอ่ ไปนี้ กลา่ วไมถ่ ูกต้อง ข. สร้างความคุ้นเคยให้ผ้เู รยี นไวว้ างใจ เข้าใจบทบาท ก. ความรู้ คือส่งิ ที่เมื่อน�ำไปใชจ้ ะไมห่ มดหรือสึกหรอ ครู บทบาทตนเอง ข. ความรู้ เมื่อใช้ไปแลว้ ก็หมดส้นิ ลงไปเร่อื ย ๆ ค. การมีความรบั ผดิ ชอบต่อการเรียนรขู้ องตนเอง ค. ความรู้ เปน็ สิง่ ที่เกิดขน้ึ จากประสบการณ์ ง. กำ� หนดโครงสร้างคร่าว ๆ ของหลกั สตู ร ง. ความรู้ เปน็ สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั บรบิ ทและกระตนุ้ ใหเ้ กดิ 4. แหล่งเรยี นรูม้ ีบทบาทสำ� คัญอยา่ งไร ขึ้นโดยความตอ้ งการ ก. เป็นสอ่ื การเรยี นรสู้ มยั ใหมท่ ่ีใหส้ าระความรกู้ ่อให้ 10. ทักษะพ้ืนฐานส�ำคัญต่อการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ เกิดทกั ษะ มอี ะไรบา้ ง ข. เป็นแหล่งทม่ี นษุ ย์สามารถเขา้ ไปปฏิสัมพนั ธใ์ หเ้ กดิ ก. ทกั ษะการฟงั ,ทักษะการถาม,ทกั ษะการอ่าน ประสบการณต์ รง ข. ทักษะการฟงั ,ทักษะการถาม,ทกั ษะการอ่าน, ค. เป็นแหลง่ ชว่ ยเสริมการเรียนรูข้ องการศกึ ษา ทักษะการคดิ ประเภทตา่ งๆ ค. ทักษะการฟงั ,ทักษะการถาม,ทักษะการอา่ น, ง. ถูกทกุ ขอ้ ทก่ี ล่าวมา ทักษะการคดิ ,ทักษะการเขยี น ง. ทกั ษะการฟงั ,ทกั ษะการถาม,ทกั ษะการอ่าน, ทักษะการคดิ ,ทกั ษะการเขยี น,ทักษะการปฏิบตั ิ เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการ เพ่ือยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ผิ ้เู รยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

11. การจดั การความรมู้ คี วามสำ� คญั ตอ่ การดำ� รงชวี ติ อยา่ งไร 16. จงบอกความหมายของการวจิ ยั ก. หน่วยงานมกี ารพฒั นาเปล่ยี นแปลง ก. การคน้ คว้าหาความจริงโดยวิธีการอย่างมรี ะบบที่ ข. ประเทศต้องการกระตุน้ เศรษฐกจิ เชือ่ ถือได้ หรือวธิ กี ารวิทยาศาสตรน์ นั่ เองนดิ ทำ� ค. มนุษย์ต้องมกี ารเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ น�ำ้ ส้มป่นั ตามที่ครแู นะนำ� ง. องค์กรตอ้ งการลดค่าใชจ้ า่ ย ข. การวิจัยทางสงั คมเป็นวิธีการศึกษาวเิ คราะหแ์ ละ 12. “คดิ เป็น” หมายถึง ข้อใด ก�ำหนดแนวความคดิ เก่ยี วกับชีวิตทางสังคม เพ่อื ที่ ก. คดิ ตามความคิดของตัวเองโดยมเี ปา้ หมายท่ีจะทำ� จะขยาย แก้ไข หรือพิสูจนค์ วามรู้ ไมว่ ่าความรูน้ ้นั ข. ติดตามหลกั ความคิดตามความเชื่อของตนเอง จะช่วยสร้างทฤษฏหี รอื ใช้ในการปฏิบตั ิ ค. เป็นกระบวนการคิดและตัดสินใจแกป้ ญั หาวิธีหนง่ึ ค. กระบวนการคดิ แล้วทำ� อยา่ งเป็นระบบเพ่อื คน้ หา ของคนท�ำงาน องคค์ วามรูใ้ หม่ หรอื พสิ จู น์ความรเู้ ดิม ง. เปน็ กระบวนการคดิ และตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาโดยอาศยั ง. ผทู้ ดี่ ำ� เนนิ การคน้ ควา้ หาความรู้ อยา่ งเปน็ ระบบ เพอ่ื ขอ้ มูลความเชอื่ ตอบประเด็นทีส่ งสัย โดยมีระเบยี บวิธี อนั เปน็ ที่ 13. หลักการ “คิดเป็น” ต้องยึดหลักการแสวงหาข้อมูล ยอมรับ ในแตล่ ะศาสตรท์ ่ีเกี่ยวขอ้ ง ดา้ นใดบา้ ง 17. สถติ ใชใ้ นการหาค่าใดในการทำ� วจิ ยั ก. ดา้ นความถกู ตอ้ ง ดา้ นความเชอื่ ดา้ นสงั คมและชมุ ชน ก. ส่วนเบ่ียงเบนคา่ เฉล่ีย ข. ด้านวิชาการ ด้านตนเอง ด้านสังคมและชุมชน ข. มัธยฐาน ค. ด้านตนเอง ดา้ นสิ่งแวดล้อม ด้านความเช่อื ค. ฐานนิยม ง. ดา้ นหลกั การและเหตผุ ล ดา้ นวชิ าการ ดา้ นความเชอ่ื ง. ค่าเฉลีย่ 14. กระบวนการคิดแก้ปัญหาของคนคิดเป็น ควรค�ำนึงถึง 18. จงบอกความสำ� คัญของเครือ่ งมอื ข้อใด ก. เปน็ การน�ำคา่ ของขอ้ มูล ก. ข้ันหาสาเหตุของปัญหา ข. เป็นแบบสอบถามปลายปิด ข. ข้ันท�ำความเขา้ ใจกับทุกข์และปญั หา ค. แบบสงั เกตทไี่ มม่ โี ครงสรา้ ง ค. ขนั้ การตัดสินใจ ง. การเก็บรวบรวมขอ้ มูลส่ิงที่ตอ้ งศึกษา ง. ขัน้ วิเคราะห์หาทางเลือกในการแกไ้ ขปญั หา 19. ข้อใดไม่ใชศ่ กั ยภาพหลกั ของพ้นื ท่ีในการพฒั นาอาชพี 15. ข้อใด ไมใ่ ช่ การดูแลรักษาสารสนเทศเพ่อื การใช้งาน ก. ศกั ยภาพของทรพั ยากรธรรมชาตใิ นแตล่ ะพื้นท่ี ก. การส�ำรวจข้อมลู ข. ศกั ยภาพของพ้นื ที่ตามหลักภมู ิอากาศ ข. การเก็บรวบรวมข้อมูล ค. ศกั ยภาพของทรัพยากรการเงนิ ค. การตรวจสอบขอ้ มลู ง. ศักยภาพของทรพั ยากรมนุษย์ในแต่ละพื้นท่ี ง. การประมวลขอ้ มลู 20. รายละเอียดท่ีควรพิจารณาในประเด็นศักยภาพด้าน ภมู ปิ ระเทศ และทำ� เลทตี่ ง้ั ของแตล่ ะพนื้ ที่ ในการพฒั นากลมุ่ อาชพี ทอผา้ พ้นื เมอื ง ก. มที รพั ยากรธรรมชาติทสี่ ามารถน�ำมาเป็นวัตถดุ บิ ข. มภี ูมปิ ัญญา และฝีมอื แรงงาน ค. มแี หล่งอตุ สาหกรรมทเี่ กย่ี วข้อง ทนุ ทางสงั คมและ วัฒนธรรม ง. เป็นศนู ยก์ ลางหตั ถอตุ สาหกรรม เอกสารพฒั นาทกั ษะวิชาการ เพอื่ ยกระดับผลสมั ฤทธ์ิผเู้ รยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

บทที่ 1 การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง สรุปเน้ือหา เร่ืองท่ี 1 ความหมาย ความส�ำคัญ และกระบวนการของการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง ความหมายของการเรียนรูด ว ยตนเอง การเรยี นรดู ว ยตนเอง หมายถงึ กระบวนการเรยี นรทู ผ่ี เู รยี นรเิ รม่ิ การเรยี นรดู ว ยตนเองตาม ความสนใจ ความตอ งการ และความถนดั มีเปาหมาย รูจ กั แสวงหาแหลง ทรัพยากรของการเรียนรู เลอื กวิธีการเรียนรู จนถงึ การประเมินความกา วหนา ของการเรียนรขู องตนเอง การเรยี นรูด วยตนเองมีอยู 2 ลกั ษณะ คือ 1. ลักษณะที่เปนการจัดการเรียนรูที่มีจุดเนนใหผูเรียนเปนศูนยกลางในการเรียนโดยเปน ผูรับผิดชอบและควบคุม การเรียนของตนเอง โดยการวางแผนปฏิบัตกิ ารเรยี นรแู ละประเมนิ การเรยี นรดู ว ยตนเอง 2. ในอกี ลักษณะหนงึ่ เปนลกั ษณะทางบคุ ลิกภาพท่มี อี ยใู นตวั ผทู ี่เรียนดวยตนเองทุกคน ซง่ึ มอี ยูในระดบั ท่ีไมเ ทา กัน ในแตละสถานการณก ารเรยี น เปนลกั ษณะท่ีสามารถพฒั นาใหสูงข้นึ ได และจะพฒั นาไดสูงสุดเม่ือมกี ารจดั สภาพการจัดการ เรียนรูท่เี อื้อกัน ความสาํ คญั ของการเรียนรดู ว ยตนเอง มีความสําคญั ดงั นี้ 1. บุคคลที่เรียนรดู ว ยการรเิ ร่ิมของตนเองจะเรยี นไดมากกวา ดีกวา มคี วามตัง้ ใจมีจุดมงุ หมายและมแี รงจูงใจสูงกวา สามารถนาํ ประโยชนจ ากการเรยี นรไู ปใชไดดกี วา และยาวนานกวา คนทเี่ รยี นโดยเปน เพียงผูร บั หรือรอการถา ยทอดจากครู 2. การเรียนรดู ว ยตนเองสอดคลอ งกับพฒั นาการทางจิตวิทยา และกระบวนการทางธรรมชาติ ทาํ ใหบุคคลมที ศิ ทาง ของการบรรลุวฒุ ภิ าวะ จากลักษณะหนึง่ ไปสอู ีกลักษณะหนง่ึ คือเม่อื ตอนเดก็ ๆ เปน ธรรมชาติทีจ่ ะตองพง่ึ พงิ ผอู น่ื ตอ งการ ผปู กครองปกปอ งเลย้ี งดแู ละตดั สนิ ใจแทนให เมอื่ เตบิ โตมพี ฒั นาการขน้ึ เรอ่ื ย ๆ พฒั นาตนเองไปสคู วามเปน อสิ ระไมต อ งพงึ่ พงิ ผปู กครอง ครู และผอู ืน่ การพัฒนาเปน ไปในสภาพท่เี พ่มิ ความเปนตวั ของตวั เอง 3. การเรียนรูดวยตนเองทําใหผูเรียนมีความรับผิดชอบ ซึ่งเปนลักษณะที่สอดคลองกับพัฒนา การใหม ๆ ทาง การศึกษา เชน หลักสูตรหองเรียนแบบเปด ศูนยบริการวิชาการการศึกษาอยางอิสระมหาวิทยาลัยเปด ลวนเนนใหผูเรียน รับผดิ ชอบการเรียนรูดวยตนเอง 4. การเรียนรดู ว ยตนเอง ทําใหม นษุ ยอยูร อด สามารถปรับตัวใหท ันตอ ความเปล่ียนแปลงใหมๆ ทเี่ กิดข้นึ เสมอ จงึ มี ความจําเปน ท่จี ะตองศกึ ษาเรยี นรู การเรยี นรดู ว ยตนเองจงึ เปนกระบวนการตอเนอื่ งตลอดชวี ิต กระบวนการในการเรียนรดู วยตนเอง เปน วธิ ีการทีผ่ เู รียนตองจดั กระบวนการเรยี นรูดวยตนเองโดยดําเนนิ การ ดงั น้ี 1. การวินจิ ฉัยความตองการในการเรียน 2. การกาํ หนดจดุ มงุ หมายในการเรียน 3. การออกแบบแผนการเรยี น โดยเขียนสญั ญาการเรยี น เขยี นโครงการเรียนรู 4. การดาํ เนินการเรียนรจู ากแหลงวทิ ยาการ 5. การประเมนิ ผล เร่อื งท่ี 2 ทักษะพ้นื ฐานทางการศึกษาหาความรู ทักษะการแกป ญหาและเทคนิคการเรยี นรูดว ยตนเอง ทกั ษะพ้นื ฐานทางการศกึ ษาหาความรู บคุ คลจะเรยี นรูไดดวยตนเองอยา งมปี ระสิทธภิ าพนน้ั ตอ งมลี กั ษณะความพรอ มของการเรียนรูดวยตนเองอยางนอ ย 8 ประการ คือ เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ผิ ูเ้ รยี นรายบุคคล 1 รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

1. การเปด โอกาสตอการเรยี นรู หมายถงึ เปนผทู ีส่ นใจใฝรู กลาทจี่ ะทดลอง ชอบลองผดิ ลองถูก ฟง และคิดแตเ รอ่ื ง ทเ่ี ปนประโยชนต อ ตนเอง และชมุ ชน สนใจในเร่ืองทตี่ นอยากรู อดทน คนควา เพอ่ื หาคําตอบมาใหได 2. มีมโนทัศนของตัวเองในดานการเรียนรูอยางมีประสิทธิภาพ เกิดความม่ันใจ แนใจและสามารถจัดการตัวเอง ในทุก ๆ ดา นไดอยา งเหมาะสม เชน ความมวี นิ ัยในตนเอง การจดั สรรเวลา และกลาทีจ่ ะลงทนุ เพือ่ ตนเอง เปนตน 3. ความคดิ รเิ รม่ิ และเรยี นรดู ว ยตนเอง ชอบทาํ เรอ่ื งยากใหเ ปน เรอื่ งงา ย มคี วามคดิ ทเี่ หน็ ความแตกตา งในความเหมอื น และความเหมือนในความแตกตาง รกั การอาน และวิพากษวิจารณ รวมทั้งการแลกเปลย่ี นเรยี นรูกบั ผอู ่ืน 4. มคี วามรับผดิ ชอบตอ การเรยี นรูของตนเอง มีความมุง มน่ั วา ตนเองสามารถกระทําได มีทัศนคตทิ ด่ี ีตอการศึกษา ทกุ ระดบั ชอบเรียนรสู ง่ิ แปลกใหม และไมอ ายที่จะขอความรจู ากผอู ื่น 5. รักการเรยี นรู เห็นเร่ืองราวรอบ ๆตวั เปนองคความรู คดิ และดัดแปลงประสบการณของผูอ่ืนมาเปน ประสบการณ ของตนเอง 6. ความคดิ สรา งสรรค คือ คดิ บวกตลอดเวลา กลา ตัดสินใจในเร่ืองทต่ี นเองเชื่อมน่ั วากระทาํ ไดดวยเทคนิคการเรียน รขู องตนเอง 7. การมองอนาคตในแงดี เขาใจและม่ันใจโอกาสการเรียนรูของตนเอง เชื่อวาการศึกษา จะชวยเปล่ียนชีวิตคน ในสงั คม รวมทงั้ เชื่อวามนุษยจําเปน อยางยิ่งที่จะตองเรยี นรตู ลอดชีวติ 8. ความสามารถในการใชทักษะการศกึ ษาหาความรู และทักษะการแกปญ หาสามารถใชท กั ษะพนื้ ฐาน คอื การฟง อา น และเขียน ทีจ่ ําเปนในการแกป ญ หาไดเ ปน อยา งดี และมองปญหา ในลกั ษณะปัญหาคอื การเรยี นรู ทกั ษะการแกปญหาและเทคนิคในการเรียนรดู ว ยตนเอง ทักษะการแกไ ขปญ หา ประกอบดว ย 7 ข้ันตอนสําคญั คือ 1. การทําความเขาใจกับสถานการณท เี่ กดิ ขึ้น 2. การกาํ หนดปญหาใหถ กู ตองและชดั เจน 3. การวิเคราะหส าเหตุของปญ หา 4. การหาวิธแี กไขปญ หาทีเ่ ปนไปได 5. การเลือกวธิ กี ารแกปญหาทดี่ ที ส่ี ดุ 6. การวางแผนการปฏิบัตแิ ละลงมือดาํ เนนิ การ 7. การตดิ ตามและประเมินผล เทคนิคในการเรียนรดู วยตนเอง เชน 1. การบันทึกการเรียนรู คือ บันทึกท่ีผูเรียนจัดทําขึ้น เพื่อใชบันทึกขอมูล ความคิดเรื่องราวตาง ๆ ท่ีไดเรียนรู เพ่ือเปน แนวทางในการศึกษาเพมิ่ เติมใหกวางไกลออกไป หรอื การนําไปประยกุ ตใชใ นชีวิตประจาํ วนั 2. การทํารายงาน เปนการนําขอมูลความรูที่ไดไปศึกษาคนความาวิเคราะหสังเคราะหใหถูกตอ ง และเรียบเรียง อยา งมีแบบแผน ความยาวของรายงานข้นึ อยกู บั ขอบเขตของหวั ขอ รายงาน 3. ทําสัญญาการเรียนรู เปนการทําขอตกลงท่ีผูเรียนไดทําไวกับครู วาเขาตองปฏิบัติอยางไรบางในการเรียนรู ของตนเอง เพอ่ื ใหบ รรลุเปา หมายการเรยี นรทู ่ีกําหนดไว สาํ หรับครูสญั ญาการเรยี นรมู ไี วเพ่อื ติดตาม ตรวจสอบความกา วหนา การเรียนของผูเรียน 4. สรางหองสมุดของตนเอง เปนการรวบรวมรายช่ือ ขอมูลแหลงความรูตาง ๆ ที่คิดวาจะเปน ประโยชนตรงกับ ความสนใจ เพ่อื ใชศึกษาคน ควาตอ ไป 5. หาแหลงความรูในชุมชน ไวเปนแหลงคนควาหาความรูที่ตองการ แหลงความรูในชุมชน มีหลายประเภท อาจเปน ผรู ู ผูชาํ นาญในอาชพี ตาง ๆ หอ งสมุดประชาชน หองสมดุ โรงเรียน ศนู ยก ารเรยี นชุมชน เปนตน 6. หาเพื่อนรวมเรียน หรือคูหูเรียนรู ซ่ึงควรเปนผูที่มีความสนใจ ท่ีจะเรียนรูในเร่ืองเดียวกันหรือคลายกัน และ 2 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ผูเ้ รียนรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ตองสามารถติดตอแลกเปลยี่ นเรียนรรู ว มกัน ประสานงานกันไดดว ยวธิ กี ารตาง ๆ ได อยา งสะดวก รวดเร็ว 7. เรียนรจู ากการฝก ฝนและปฏิบัตจิ รงิ ซึง่ จะกอ ใหเกดิ ความรูแ ละประสบการณทักษะ ความชํานาญที่เปนประโยชน โดยเฉพาะในรายวิชา หรือเรือ่ งที่ผเู รยี นมีจดุ มงุ หมายใหตนเองทําได ปฏิบตั ไิ ด เรื่องท่ี 3 การทําแผนผงั ความคดิ การทาํ แผนผังความคิด (Mind Mapping) คือการเอาความรมู าสรุปรวมเปนหมวดหมู เพิ่มการใชส ี และใชรปู ภาพ มาประกอบ เพือ่ ชว ยใหเรามองเห็นภาพรวมไดช ดั เจนขน้ึ ซ่ึงแผนผังความคดิ จะมสี วนชวยใหค วามคดิ และความจําของผเู รียน รดู วยตนเองมีประสทิ ธภิ าพมากยิง่ ขึ้น ท้งั น้ีเพราะแผนผงั ความคิด คือ การถายทอดความคิด หรือขอมลู ตา ง ๆ ท่มี อี ยูในสมอง ลงกระดาษ โดยการใชภาพ สี เสน และการโยงใย ใชแสดงการเชอ่ื มโยงขอ มูลเก่ยี วกับเร่ืองใดเรื่องหนงึ่ ระหวางความคิดหลกั ความคิดรอง และความคิดยอ ย ที่เกย่ี วของสัมพนั ธก นั กฎการทาํ แผนผังความคดิ (Mind Mapping) 1. เรมิ่ ดวยภาพสีตรงกึง่ กลางหนากระดาษ 2. ใชภาพใหม ากท่ีสุดในแผนผงั ความคดิ ตรงไหนทใ่ี ชภาพไดใ หใ ชก อนคําหรือรหัส 3. ควรเขยี นคําบรรจงตัวใหญ ๆ ถาเปน คาํ ภาษาองั กฤษใหใชต ัวพมิ พใหญ 4. เขยี นคําเหนือเสน แตล ะเสนตอ งเชอ่ื มตอ กบั เสนอ่ืน ๆ 5. คําควรมลี ักษณะเปน “หนวย” เชน คําละเสน เพราะจะชว ยใหแตล ะคําเช่อื มโยงกบั คาํ อนื่ ๆ ไดอยา งอิสระ 6. ใชส ใี หท ่ัวแผนผังความคดิ เพราะสีจะชวยยกระดบั ความจํา เพลนิ ตา กระตนุ สมองซกี ขวา 7. เพ่อื ใหเกิดความคดิ สรางสรรคใหม ควรปลอ ยใหส มองคิดอยา งอสิ ระ อยามวั แตคิดวา จะเขยี นลงตรงไหนดี หรือวา จะใสหรือไมใ สอะไรลงไป เรอ่ื งที่ 4 ทักษะทจ่ี �ำเปน็ ในการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ทักษะการฟง การฟง เปน การรบั รคู วามหมายจากเสยี งทไ่ี ดย นิ การไดย นิ เปน การเรม่ิ ตน ของการฟง การฟง เปน กระบวนการทาํ งาน ของสมองอีกหลายข้ันตอนตอเน่ืองจากการไดยิน เปนความสามารถที่จะไดรับรูสิ่งที่ไดยิน ตีความและจับความส่ิงที่รับรูนั้น เขาใจและจดจําไว้ซ ่ึงเปนความสามารถทางสตปิ ญญา ทกั ษะการพูด การพูด เปน พฤติกรรมการสอื่ สารทีใ่ ชกนั อยา งแพรหลายท่วั ไป ผพู ูดสามารถใชทัง้ วจนภาษาและอวจนภาษา ในการ สง สารตดิ ตอไปยงั ผูฟ งไดชัดเจนและรวดเรว็ การพูด หมายถงึ การส่ือความหมายของมนษุ ยโ ดยการใชเ สียงและกริ ิยาทา ทาง เปน เครื่องถายทอดความรู ความคดิ และความรสู กึ ไปสูผูฟง ทกั ษะการอาน การอาน คือ กระบวนการรับรูขาวสาร ซึ่งเปนความรู ความคิด ความรูสึก และความคิดเห็นท่ีผูเขียนถายทอด ออกมาเปน ลายลกั ษณอ กั ษร ปจ จบุ นั การอา นเปน ทกั ษะทมี่ คี วามสาํ คญั และจาํ เปน อยา งยง่ิ ตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ เนอ่ื งจากการอา น จะชวยสง เสรมิ การแสวงหาขอมูลเพอ่ื เพิ่มพูนความรู และพฒั นาสตปิ ญ ญาอยางตอเนอื่ ง หมายเหตุ ให้นกั ศึกษาได้ศกึ ษาเพ่ิมเติมได้จากหนงั สอื เรยี น รายวิชาทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทร31001 3 เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการ เพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธผิ์ เู้ รยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น คำ� ช้แี จง จงเลือกค�ำตอบทถี่ ูกตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งขอ้ เดียว 6. การเขยี นแผนผงั ความคิดคอื อะไร 1. กระบวนการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองมคี วามหมายวา่ อย่างไร ก. การสรุปความรู้เปน็ หมวดหมเู่ พ่มิ การใชส้ ี และ ก. ความรับผิดชอบในการเรยี นรู้ ของผเู้ รียนเปน็ ส่ิง รปู ภาพ สำ� คัญทีจ่ ะน�ำผู้เรยี นไปสกู่ ารเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ข. เร่มิ ตน้ ดว้ ยภาพสีตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษ ข. สร้างความคนุ้ เคยให้ผู้เรียนไว้วางใจ เข้าใจบทบาท ค. ใช้ภาพใหม้ ากท่ีสุดใน แผนผงั ความคดิ ครู บทบาทตนเอง ง. ควรเขยี นคำ� บรรจงตวั ใหญ่ ค. วิเคราะห์ความต้องการเรยี นรขู้ องผู้เรียน 7. แผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) มคี วามสำ� คญั อยา่ งไร ง. กำ� หนดโครงสรา้ งครา่ ว ๆ ของหลกั สูตร ก. ช่วยให้มีข้อมูลในการเรียนรู้ 2. การเปดิ โอกาสต่อการเรยี นรู้ มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร ข. เกิดความสนใจในการเรยี นรมู้ ากย่งิ ขนึ้ ก. สรา้ งความคนุ้ เคยให้ผูเ้ รียนไวว้ างใจ เข้าใจบทบาท ค. ชว ยใหความคิดและความจํามปี ระสทิ ธิภาพมาก ครู บทบาทตนเอง ย่ิงขึน้ ข. บุคคลที่เรียนรู้ด้วยการริเริ่มของตนเองเรียนได้ ง. เกิดความคิดสรางสรรค์ มากกว่า 8. ขอ้ ใดไมใ่ ชท่ ักษะที่จำ� เป็นในการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ค. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองทำ� ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ ก. ทักษะการพดู ง. การมคี วามสนใจในการเรยี นรมู้ ากกวา่ ผอู้ น่ื มคี วาม ข. ทกั ษะการจ�ำ พงึ พอใจกบั ความคิดริเรม่ิ ของบคุ คล ค. ทกั ษะการอา่ น 3. การรกั การเรียนรู้มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร ง. ทกั ษะการฟงั ก. ความสามารถติดตามปัญหายาก ๆ ได้อยา่ ง 9. ทกั ษะการฟงั ท่ดี ีควรมลี กั ษณะอย่างไร คล่องแคล่ว ความ ปรารถนาต่อการเรยี นรู้อยู่เสมอ ก. ตคี วามและจับความส่ิงทรี่ ับร้ไู ด ้ ข. มคี วามช่ืนชมในการเรยี นรูส้ ื่อใหม่ ๆ อยู่เสมอ ข. ไดย้ ินและจดจำ� ไดท้ ุกถ้อยค�ำ ค. การมีความรับผิดชอบตอ่ การเรียนรขู้ องตนเอง ค. เข้าใจเนือ้ หาทไ่ี ดย้ ินแมไ้ มไ่ ด้จดบันทกึ ง. กำ� หนดโครงสร้างคร่าว ๆ ของหลักสูตร ง. ฟงั อย่างตง้ั ใจและไมพ่ ดู สอดแทรกระหวา่ งการฟัง 4. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองมีลกั ษณะก่ีลกั ษณะ 10. วจนภาษา หมายถึงขอ้ ใด ก. 2 ลกั ษณะ ก. สหี นา้ ข. 3 ลกั ษณะ ข. การพดู ค. 4 ลักษณะ ค. ภาษามอื ง. 5 ลักษณะ ง. สัญลกั ษณ์ 5. ข้อใดคือแหลง ความรูในชมุ ชน ก. พิพิธภนั ฑ์ ข. สอื่ ออนไลน์ ค. กศน.ต�ำบล ง. ห้องสมุดประชาชน 4 เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการ เพื่อยกระดับผลสมั ฤทธ์ผิ เู้ รยี นรายบคุ คล รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

บทท่ี 2 การใช้แหล่งเรยี นรู้ สรุปเนอื้ หา เรอื่ งท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คัญ ประเภทของแหลง่ เรียนรู้ ความหมายของแหลงเรียนรู แหลง เรยี นรู หมายถงึ แหลง ขอ มลู ขา วสาร สารสนเทศ และประสบการณท สี่ นบั สนนุ สง เสรมิ ให้ ผเู รยี น ใฝร ู ใฝเ รยี น แสวงหาความรูและเรียนรูดวยตนเองตามอัธยาศัยอยางกวางขวางและตอเน่ือง เพื่อเสริมสรางใหผูเรียนเกิดกระบวนการ เรยี นรูแ ละเปน บคุ คลแหงการเรยี นรู ความสําคญั ของแหลง เรยี นรู แหลงเรยี นรูเปรยี บเหมอื นหา งสรรพสนิ คาที่เปนทร่ี วมสนิ คา มากมายหลายชนดิ เชน เดยี วกนั กบั แหลงเรยี นรทู ่บี รรจุ ความรทู ห่ี ลากหลาย ใหผ เู รยี นสามารถเขา ไปศกึ ษาหาความรไู ดต ลอดเวลา ดงั นนั้ จงึ พอสรปุ ถงึ ความสาํ คญั ของแหลง เรยี นรไู ด ดงั น้ี 1. เปนแหลงรวมความรูตาง ๆ มากมาย ผูเรียนสามารถเขาไปศึกษาคนควาหาความรูไดตามความถนัดของตนเอง ไดต ลอดชวี ติ 2. เปนศูนยรวมในการติดตอส่ือสารระหวางสถานศึกษาและชุมชน และชุมชนมีสวนรวมในการจัดการศึกษาใหกับ คนในชุมชน 3. ผเู รียนสามารถเขาไปศึกษาคน ควา หาความรูไดอ ยางมีความสขุ 4. ผูเรยี นสามารถศกึ ษาหาความรไู ดด วยตนเองและสามารถเรยี นรูรวมกบั ผอู นื่ ได 5. เปน การปลูกฝง นสิ ยั การรกั ชุมชน รักทอ งถนิ่ มีความพรอมในการมีสวนรว มแกปญ หา ในชมุ ชนและเปนสมาชกิ ทดี่ ขี องชุมชน 6. ผเู รียนรมู กี ารยอมรบั ในสิ่งใหม ๆ หรือแนวคิดใหม มคี วามคิดสรา งสรรค 7. ชว ยใหผ ูเ รียนประหยัดคาใชจายในการหาซ้อื หนงั สอื เรยี นมาศึกษาหาความรู โดยการใชแหลง เรยี นรูที่มอี ยูใหเกดิ ประโยชนมากทส่ี ุด ประเภทของแหลง เรยี นรู แหลงเรียนรูสามารถแบงได 2 ลกั ษณะ ไดแก 1. แบงตามลักษณะทางกายภาพและวัตถุประสงค 5 กลมุ คอื 1) กลุมบรกิ ารขอ มลู เชน หอ งสมดุ ศนู ยการเรียน ศูนยวิทยาศาสตรฯ สถานประกอบการ เปน ตน 2) กลมุ งานศิลปวฒั นธรรม เชน พพิ ิธภัณฑ หอศลิ ป ศาสนสถาน ศูนยว ัฒนธรรม เปนตน 3) กลุมขอ มูลทอ งถน่ิ เชน ภูมิปญญาชาวบาน ส่ือพน้ื บา น แหลง ทองเทยี่ ว เปน ตน 4) กลุม สอื่ เชน วทิ ยุชมุ ชน หอกระจายขา ว อินเทอรเ น็ต เปนตน 5) กลมุ สันทนาการ เชน ศนู ยก ีฬา สวนสาธารณะ ศูนยนันทนาการในหมูบ าน เปน ตน 2. แบง ตามลกั ษณะแหลง เรยี นรู 6 ประเภท คือ 1) แหลงเรียนรูประเภทบุคคล หมายถึง บุคคลที่มีความรู ความสามารถดานใด ดานหน่ึง และสามารถ ถา ยทอดความรูดว ยรูปแบบและวิธีการตาง ๆ จนเปน แบบอยา งที่ดีได เปนแหลงเรยี นรูท ่มี ชี วี ิต สามารถสื่อความหมายใหผมู า รบั บริการไดอยา งดี จดั เปนแหลงเรยี นรทู ่ีไดร ับความนยิ มมากท่สี ุด เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธ์ผิ ู้เรยี นรายบคุ คล 5 รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

2) แหลงเรียนรูประเภทธรรมชาติ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอยางท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและเปนประโยชน ตอ มนุษย เชน ดนิ อากาศ ปาไม แรธาตุ เปนตน 3) แหลงเรียนรูประเภทวัตถุ วัสดุและสถานที่ หมายถึง อาคาร ส่ิงกอสราง ท่ีเราสามารถ หาคําตอบได จากการไดเห็น ไดยิน หรือการสัมผัส เชน อุทยานแหงชาติ หองสมุด ศูนยการเรียน ศูนยศึกษาธรรมชาติ หรือเขตรักษา พันธุสัตวป า เปน ตน 4) แหลงเรียนรูประเภทสื่อ หมายถึง สื่ออิเล็กทรอนิกสที่ทําหนาที่เปนส่ือกลางในการถายทอด ความรู ทง้ั ภาพและเสียง เชน วิทยุ โทรทศั น คอมพวิ เตอร เปนตน 5) แหลง เรยี นรปู ระเภทเทคนคิ หมายถงึ สงิ่ ทแี่ สดงถงึ ความเจรญิ กา วหนา ทางวทิ ยาการ นวตั กรรมเทคโนโลยี ตาง ๆ เปน สื่อท่ีทาํ ใหผูเรยี นเกดิ การจินตนาการและเกดิ แรงบันดาลใจ ทําใหเ กดิ ความคิดสรางสรรค เชน ส่งิ ประดิษฐใหม ๆ เปนตน 6) แหลง เรยี นรปู ระเภทกจิ กรรม หมายถึง การปฏบิ ตั ิกิจกรรมตา ง ๆ ทีเ่ ปนประโยชน รวมถงึ การปรบั ปรุง พฒั นาสภาพของทองถิน่ การเขารวมกิจกรรมในชุมชน สังคม เชน การรณรงคปอ งกนั ยาเสพติด กิจกรรมสง เสรมิ การเลือกตั้ง เปนตน เร่อื งท่ี 2 แหล่งเรยี นรปู้ ระเภทหอ้ งสมุด หอ้ งสมดุ เปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ สี่ ำ� คญั ประเภทหนง่ึ ทจ่ี ดั หา รวบรวมสรรพวชิ าการตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากทวั่ โลกมาจดั ระบบ และใหบ้ ริการแกก่ ลุม่ เป้าหมายศกึ ษาค้นคว้าอย่างตอ่ เน่ืองตลอดชวี ติ ปจั จุบนั มีคำ� อ่ืนๆ ท่ีหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ใช้ในความหมาย ของค�ำว่าหอ้ งสมุด เช่น ห้องสมดุ และศูนย์สารสนเทศ สำ� นักบรรณาสารการพฒั นา สำ� นกั บรรณสารสนเทศ สำ� นักหอสมุด ส�ำนักวทิ ยบริการ เปน็ ต้น หอ้ งสมุดโดยทว่ั ไปแบง่ ออกเปน็ 5 ประเภท ดงั นี้ 1. หอสมดุ แห่งชาติ นับเป็นห้องสมุดท่ีใหญ่ที่สุดในประเทศ ด�ำเนินการโดยรัฐบาล ท�ำหน้าท่ีหลักคือรวบรวมหนังสือส่ิงพิมพ์และ สอ่ื ความรู้ ทกุ อยา่ งทผี่ ลติ ขนึ้ ในประเทศ และ ทกุ อยา่ งทเ่ี กยี่ วกบั ประเทศ ไมว่ า่ จะจดั พมิ พใ์ นประเทศใด ภาษาใด ทงั้ นเี้ ปน็ การ อนรุ กั ษส์ ือ่ ความรูซ้ ่ึงเปน็ ทรัพยส์ ินทางปัญญาของชาติมิใหส้ ูญไป และให้มไี วใ้ ช้ในอนาคต นอกจากรวบรวมสงิ่ พิมพใ์ นประเทศ แลว้ ก็มีหนา้ ท่ีรวบรวมหนังสือทีม่ คี ณุ คา่ ซงึ่ พมิ พ์ในประเทศอน่ื ไวเ้ พอื่ การคน้ คว้าอ้างองิ ตลอดจนท�ำหน้าที่ เปน็ ศูนย์รวบรวม บรรณานุกรมต่าง ๆ และจัดท�ำบรรณานุกรมแห่งชาติออกเผยแพร่ให้ทราบท่ัวกันว่ามีหนังสืออะไรบ้างท่ีผลิตข้ึนในประเทศ หอสมดุ แห่งชาติจงึ เปน็ แหล่งให้บรกิ ารทางความรู้แก่คนทัง้ ประเทศ ช่วยเหลือการค้นคว้าวจิ ัย ตอบคำ� ถาม และใหค้ �ำแนะน�ำ ปรกึ ษาเกยี่ วกับ หนังสอื 2. ห้องสมุดประชาชน หอ้ งสมดุ ประชาชนดำ� เนนิ การโดยรฐั อาจจะเปน็ รฐั บาลกลาง รฐั บาลทอ้ งถนิ่ หรอื เทศบาลแลว้ แตร่ ะบบ การปกครอง ตามความหมายเดิม ห้องสมุดประชาชนเป็น ห้องสมุดที่ประชาชนต้องการให้มีในชุมชนหรือเมืองท่ีเขาอาศัยอยู่ประชาชน จะสนบั สนนุ โดยยนิ ยอมใหร้ ฐั บาลจา่ ยเงนิ รายไดจ้ ากภาษตี า่ ง ๆ ในการจดั ตง้ั และดำ� เนนิ การหอ้ งสมดุ ประเภทนใี้ หเ้ ปน็ บรกิ าร ของรัฐ จึงมิไดเ้ รียกคา่ ตอบแทน เช่น ค่าบำ� รงุ ห้องสมดุ หรือ ค่าเช่าหนงั สือ ท้ังน้เี พราะถอื ว่า ประชาชนได้บ�ำรงุ แล้ว โดยการ เสยี ภาษรี ายไดใ้ หแ้ กป่ ระเทศ หนา้ ทข่ี องหอ้ งสมดุ ประชาชนกค็ อื ใหบ้ รกิ ารหนงั สอื และสอ่ื อนื่ ๆ เพอื่ การศกึ ษาตลอดชวี ติ บรกิ าร ข่าวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ประชาชนควรทราบส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ให้ข่าวสาร ขอ้ มูลทจ่ี ำ� เปน็ ต้องใชใ้ นการปฏิบตั ิงานและการพัฒนาดา้ นต่าง ๆ 6 เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการ เพอื่ ยกระดับผลสมั ฤทธ์ผิ เู้ รียนรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

3. ห้องสมดุ ของมหาวิทยาลัยและวิทยาลยั เป็นห้องสมุดท่ีต้ังอยู่ในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ท�ำหน้าท่ีส่งเสริมการเรียนการสอนตามหลักสูตร โดยการจัด รวบรวมหนงั สอื และสอ่ื ความรู้อ่ืน ๆ ในหมวดวชิ าต่าง ๆ ตามหลักสูตรช่วยเหลอื ในการค้นควา้ วิจัยของอาจารย์และนักศกึ ษา ส่งเสริมพัฒนาการทางวิชาการของอาจารย์และนักศึกษา และช่วยจัดท�ำบรรณานุกรมและดรรชนีส�ำหรับค้นหาเร่ืองราว ทต่ี อ้ งการแนะนำ� นกั ศึกษาในการใชห้ นงั สืออ้างอิง บัตรรายการและคู่มือสำ� หรับการคน้ เร่ือง 4. หอ้ งสมุดโรงเรยี น เป็นห้องสมุดที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนมัธยมและโรงเรียนประถมศึกษา มีหน้าท่ีส่งเสริมการเรียนการสอนตามหลักสูตร โดยการรวบรวมหนังสือและส่ือความรู้อื่น ๆ ตามรายวิชา แนะน�ำสอนการใช้ห้องสมุดแก่นักเรียน จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัย รกั การอ่าน แนะนา ใหร้ ู้จกั หนังสอื ท่คี วรอา่ น ให้ร้จู กั วธิ ีศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ใหร้ ู้จกั รักและถนอมหนังสอื และ เคารพสิทธิของผู้อ่ืนในการใช้ห้องสมุดและยืมหนังสือซึ่งเป็นสมบัติของทุกคน ร่วมกันร่วมมือกับครูอาจารย์ในการจัดชั่วโมง ใชใ้ นห้องสมดุ จดั หนังสอื และส่อื การสอนอื่น ๆ ตามรายวชิ าใหแ้ ก่ครูอาจารย์ 5. หอ้ งสมุดเฉพาะ เปน็ หอ้ งสมดุ ซ่งึ รวบรวมหนงั สือในสาขาวิชาบางสาขาโดยเฉพาะ มักเป็นสว่ นหน่ึงของหน่วยราชการองคก์ าร บริษัท เอกชน หรอื ธนาคาร ท าหนา้ ทจี่ ดั หาหนงั สอื และใหบ้ รกิ ารความรขู้ อ้ มลู และขา่ วสารเฉพาะเรอ่ื งทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การดำ� เนนิ งาน ของหนว่ ยงานนน้ั ๆ หอ้ งสมดุ เฉพาะจะเนน้ การรวบรวมรายงานการคน้ ควา้ วจิ ยั วารสารทางวชิ าการ และเอกสารเฉพาะเรอ่ื ง ที่ผลิตเพื่อการใช้ในกลุ่มนักวิชาการบริการของห้องสมุดเฉพาะจัดพิมพ์ข่าวสารเกี่ยวกับส่ิงพิมพ์เฉพาะเร่ืองส่งให้ถึงผู้ใช้จัดส่ง เอกสารและเร่อื งย่อของเอกสารเฉพาะเร่ืองให้ถงึ ผใู้ ช้ตามความสนใจเป็นรายบคุ คล เรอื่ งที่ 3 ทกั ษะการเข้าถงึ สารสนเทศของหอ้ งสมดุ ปจั จบุ นั ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยชี ว่ ยลดขนั้ ตอนการหาขอ้ มลู ของหอ้ งสมดุ ประชาชน ผเู้ รยี นสามารถคน้ หาไดจ้ าก อินเทอร์เนต็ ว่ามหี ้องสมดุ ประชาชนทใี่ ดบ้าง สถานทีต่ ้ัง เวลาเปิด - ปดิ หมายเลขโทรศัพท์กจิ กรรมที่ให้บรกิ าร ช่วยให้ผ้ใู ช้ สะดวกและสามารถเขา้ ถงึ หอ้ งสมดุ ไดง้ ่าย ห้องสมุดทุกประเภททุกชนิดจะมีการจัดระบบหมวดหมู่ของสารสนเทศโดยมีวัตถุประสงค์ส�ำคัญเพื่อให้ประชาชน เข้าถึงส่ิงที่ต้องการสนใจได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และสะดวกในการบริหารจัดการห้องสมุดเพ่ือการบริการกลุ่มเป้าหมายใน ระยะยาว ระบบหมวดหมู่ท่ีห้องสมุดน�ำมาใช้จะเป็นระบบสากลท่ีทั่วโลกใช้และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้ง่าย ระบบที่ นิยมใช้ในประเทศไทยเปน็ สว่ นใหญ่ มี 2 ระบบ ไดแ้ ก่ ระบบทศนยิ ม ของดวิ อ้ี ซึง่ ใช้ตัวเลขอารบกิ เปน็ สัญลักษณ์ แทนหมวด หมสู่ ารสนเทศ นยิ มใชใ้ นหอ้ งสมดุ ประชาชน กบั อกี ระบบหนง่ึ ไดแ้ ก่ ระบบรฐั สภาอเมรกิ นั ใชอ้ กั ษรโรมนั (A - Z) เปน็ สญั ลกั ษณ์ นิยมใช้ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย ระบบทศนิยมของดิวอี้ แบ่งความรู้ในโลกออกเป็นหมวดหมู่จากหมวดใหญ่ไปหาหมวดย่อย จากหมวดยอ่ ยแบง่ เปน็ หม่ยู อ่ ยและหมู่ยอ่ ยๆ โดยใชเ้ ลขอารบิก 0 -9 เป็นสญั ลกั ษณ์ การเขา้ ถึงสารสนเทศหอ้ งสมุดประชาชน หอ้ งสมุดประชาชนมีหลากหลายสงั กดั เช่น สังกดั สำ� นักงาน กศน. สงั กัด กรงุ เทพมหานคร สงั กดั เทศบาลการจดั ระบบการสืบค้นหอ้ งสมุดประชาชนได้ อ�ำนวยความสะดวกในการสืบค้นสารสนเทศ ดงั น้ี 1. การใชโ้ ปรแกรมเพ่อื การสบื ค้นในยุคปจั จบุ ัน สำ� นกั งาน กศน. ได้พัฒนาโปรแกรม เพ่ือบริหารจัดการงานหอ้ งสมุด ใหค้ รบวงจร เช่น ข้อมูลหนงั สือ สอ่ื ข้อมูล สมาชิก ขอ้ มลู อื่น ๆ ดังนน้ั หากใชบ้ ริการต้องการรวู้ า่ มีหนงั สือหรือสอื่ ทตี่ ้องการใน ห้องสมุดแห่งน้ันหรือไม่ ก็สามารถค้นหาได้ด้วยโปรแกรมดังกล่าว ซึ่งห้องสมุดจะมีคอมพิวเตอร์ให้สืบค้นได้ด้วยตนเอง โดย เอกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธผ์ิ ้เู รยี นรายบุคคล 7 รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

พิมพค์ �ำทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับหนงั สอื 71 เชน่ ประวัตศิ าสตร์ สัตวเ์ ลยี้ งลกู ด้วยนม การศึกษา โลกรอ้ น ฯลฯ สว่ นรายละเอยี ดวธิ กี าร ใช้โปรแกรม สามารถศึกษาไดจ้ ากหอ้ งสมุดประชาชนแห่งนนั้ 2. การสบื คน้ ขอ้ มลู สารสนเทศดว้ ยบตั รรายการ หอ้ งสมดุ ประชาชนบางแหง่ อาจยงั จดั บรกิ ารสบื คน้ ดว้ ยบตั รรายการ ซ่งึ มีลักษณะเปน็ บตั ร แขง็ เกบ็ ไวใ้ นล้ินชักในตบู้ ตั รรายการ เรือ่ งท่ี 4 การใชแ้ หล่งเรยี นรู้สำ� คัญ ๆ ในประเทศ ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ในโอกาสม่ิงมงคลสมัยท่ีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจรญิ พระชนมายุ 36 พรรษา เม่อื ปี พทุ ธศกั ราช 2534 กระทรวงศึกษาธกิ ารได้รับพระราชทานพระราชานญุ าต ใหด้ ำ� เนิน โครงการจัดต้งั ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมาร”ี เพ่ือเฉลมิ พระเกยี รติ และเพ่อื สนองแนวทางพระราชด�ำรใิ นการส่งเสรมิ การศกึ ษาสำ� หรบั ประชาชนทีไ่ ด้ทรงแสดงในโอกาสต่าง ๆ มบี ทบาทหนา้ ท่ี ดังน้ี 1. ศนู ยข์ า่ วสารขอ้ มลู ของชมุ ชน หมายถงึ การจดั หอ้ งสมดุ ใหเ้ ปน็ แหลง่ ศกึ ษาหาความรคู้ น้ ควา้ วจิ ยั โดยมกี ารจดั บรกิ าร หนังสือเอกสารส่ิงพิมพ์สื่อโสตทัศน์ตลอดจนการจัดท�ำท�ำเนียบ และการแนะแนวแหล่งความรู้อ่ืนๆ ท่ีผู้ใช้บริการสามารถ ไปศึกษาเพิม่ เตมิ 2. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน หมายถึง การเป็นแหล่งส่งเสริม สนับสนุน และจัดกิจกรรม การเรียนรู้ท่ี หลากหลาย โดยห้องสมุดอาจด�ำเนินการเอง หรอื ประสานงานอ�ำนวยความสะดวก ให้ชุมชน หรือหน่วยงานภายนอกมาจัด ด�ำเนินการกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดข้ึนจะให้ความส�ำคัญแก่การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การแนะแนวการศึกษา และ การพฒั นาอาชพี การสนบั สนนุ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การจดั การศกึ ษานอกโรงเรยี น สายสามญั การจดั กลมุ่ สนใจและชน้ั เรยี น วิชาชีพ การส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัยในรูปของนิทรรศการการอภิปรายการเรียนรู้ระหว่างสมาชิกในครอบครัว การถ่ายทอดความรู้จากผูร้ ใู้ นชมุ ชน และการแสดงภาพยนตร์และสอ่ื โสตทัศน์ 3. ศูนย์กลางจัดกิจกรรมของชุมชน หมายถึง การให้บริการแก่ชมุ ชนในการจัดกจิ กรรมการศกึ ษาและศิลปวัฒนธรรม เช่น การประชุมขององค์กรท้องถ่ินและชมรมต่าง ๆ การจัดนิทรรศการการแสดงผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมวันส�ำคัญ ตามประเพณี การจดั สวนสขุ ภาพ สนามเดก็ เลน่ และสวนสาธารณะ เป็นต้น 4. ศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน หมายถึงการจัดให้เกิดกระบวนการท่ีจะเชื่อมประสานระหว่าง หอ้ งสมดุ และแหลง่ ความรู้ในชมุ ชนอื่นๆ เช่นท่อี ่านหนงั สือประจา หมูบ่ า้ น สถานศกึ ษาแหล่งประกอบการ ภูมิปญั ญาท้องถิน่ ด้วยการผลิตและเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์ไปสนับสนุน เวียนหนังสือจัดท�ำท�ำเนียบผู้รู้ในชุมชน จัดกิจกรรมเพ่ือให้เกิดการ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ระหวา่ งชมุ ชน เป็นตน้ ห้องเฉลิมพระเกยี รติ หัวใจของห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” คือ ห้องเฉลิมพระเกียรติ ซ่ึงมีวัตถุประสงค์ที่จะน�ำเสนอ พระราชประวตั พิ ระปรชี าญาณ และพระมหากรณุ าธคิ ณุ ทสี่ ถาบนั พระมหากษตั รยิ ม์ ตี อ่ ประชาชนชาวไทย หอ้ งเฉลมิ พระเกยี รติ จงึ แบ่งเป็น 4 สว่ น กลา่ วคือ 1. นิทรรศการเกี่ยวกบั พระราชประวตั ขิ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี 2. พระราชนิพนธข์ องสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชนิพนธ์ของพระบรมวงศานุวงศ์ใน ราชวงศ์จกั รหี นังสอื เทดิ พระเกยี รตสิ ถาบนั พระมหากษัตริยแ์ ละราชวงศจ์ กั รี 3. นทิ รรศการเกีย่ วกบั พระอัจฉรยิ ภาพของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ใน ดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ศิลปกรรม วรรณกรรม การดนตรี 8 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธผิ์ ู้เรยี นรายบุคคล รายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

4. พระราชกรณยี กจิ และโครงการพระราชดำ� รใิ นสมยั รชั กาลที่ 9 ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าสยามบรมราชกมุ ารี การน�ำเสนอน้นั จะแตกตา่ งในแตล่ ะห้องสมดุ สว่ นใหญ่จะประกอบด้วยภาพซงึ่ สว่ นหน่ึงได้รบั พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทาน และอีกสว่ นหนึง่ ได้จากประชาชนในพน้ื ทีท่ เ่ี กบ็ รักษาไวด้ ว้ ยความเทิดทนู บูชา หนังสือกฤตภาค สิ่งท่จี ำ� ลองผลงานฝพี ระหัตถ์และสอ่ื โสตทัศน์ หอ้ งสมุดวิทยาลยั และมหาวทิ ยาลยั ห้องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย เป็นแหล่งเรียนรู้หลักในสถาบันอุดมศึกษา มีบทบาท หน้าที่ส่งเสริมการเรียน การสอนตามหลักสูตรทเ่ี ปิดในวิทยาลัยหรือมหาวทิ ยาลยั น้นั ๆ เปน็ ส�ำคัญ โดยการจัดรวบรวมหนงั สอื และสื่อความรอู้ ื่น ๆ ใน สาขาวชิ าตามหลกั สตู ร สง่ เสรมิ ชว่ ยเหลอื การคน้ ควา้ วจิ ยั ของอาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษา สง่ เสรมิ พฒั นาการทางวชิ าการของอาจารย์ และนักศึกษาโดยจัดให้มีแหล่งความรู้และช่วยเหลือจัดท�ำบรรณานุกรมและดรรชนีส�ำหรับค้นหาเร่ืองราวที่ต้องการ แนะน�ำ นักศึกษาในการใช้หนังสืออ้างอิง บัตรรายการและคู่มือส�ำหรับการค้นเร่ือง ห้องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเน้นการให้ บรกิ ารกบั นสิ ิตนกั ศกึ ษาของวิทยาลัยนน้ั ๆ แตก่ ็มีหลายแหง่ ทเ่ี ปิดให้ประชาชนเข้าไปใชบ้ รกิ ารไดต้ ามข้อกำ� หนดของวทิ ยาลัย และมหาวทิ ยาลัยน้ัน (ใหค้ ้นคว้าขอ้ มลู เพม่ิ เติมในอินเทอร์เนต็ ) หอสมุดแหง่ ชาติ หอสมดุ แหง่ ชาตขิ องไทย สถาปนาขน้ึ ด้วยพระมหากรณุ าธคิ ณุ สมเด็จพระมหากษตั ราธริ าช ในพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยการรวบรวมหอพระมณเฑยี รธรรม หอพระสมุดวชริ ญาณ และหอพทุ ธสาสนสังคหะ เข้าด้วยกันในรัสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระบรมราชโองการประกาศจัดการหอพระสมุด วชริ ญาณใหเ้ ปน็ หอสมดุ สำ� หรบั พระนคร เมอื่ วนั ท่ี 12 ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช 2448 และไดว้ วิ ฒั นาการเปน็ สำ� นกั หอสมดุ แหง่ ชาติ ปจั จบุ ัน ห้องสมุดเฉพาะ ห้องสมุดเฉพาะ คอื หอ้ งสมดุ ซึ่งรวบรวมหนังสอื ในสาขาวชิ าบางสาขาโดยเฉพาะ มกั เป็นส่วนหนง่ึ ของหนว่ ยราชการ องคก์ าร บริษทั เอกชน หรอื ธนาคาร ทำ� หน้าทจี่ ัดหาหนังสือและใหบ้ ริการความรู้ข้อมลู และขา่ วสารเฉพาะเร่ืองที่เกย่ี วขอ้ งกบั การด�ำเนินงานของหน่วยงานนั้น ๆ ห้องสมุดเฉพาะจะเน้นการรวบรวมรายงานการค้นคว้าวิจัย วารสารทางวิชาการ และ เอกสารเฉพาะเรื่องท่ีผลิต เพื่อการใช้ในกลุ่มวิชาการ บริการของห้องสมุดเฉพาะจะเน้นการช่วยค้นเร่ืองราว ตอบค�ำถาม แปลบทความทางวชิ าการ จดั ทำ� สำ� เนาเอกสาร คน้ หาเอกสาร จดั ทำ� บรรณานกุ รมและดรรชนคี น้ เรอ่ื งใหต้ ามตอ้ งการ จดั พมิ พ์ ขา่ วสารเกย่ี วกบั สงิ่ พมิ พเ์ ฉพาะเรอ่ื งสง่ ใหถ้ งึ ผใู้ ช้ จดั สง่ เอกสารและเรอ่ื งยอ่ ของเอกสารเฉพาะเรอ่ื งใหถ้ งึ ผใู้ ชต้ ามความสนใจเปน็ รายบคุ คล เร่ืองที่ 5 การใช้แหล่งเรยี นรูผ้ ่านเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเช่ือมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายท่ัวโลกโดยใช้ภาษาท่ีใช้สื่อกลางกัน ระหว่างคอมพิวเตอร์ท่ีเรียกว่าโพรโทรคอล(Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถ สื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทเิ ชน่ อเี มล์ (E-mail), เว็บบอร์ด (Webbord), แชทรมู (Chat room) การสบื ค้นข้อมลู และ ขา่ วสารต่าง ๆ รวมทัง้ คดั ลอกแฟม้ ขอ้ มลู และโปรแกรมมาใชไ้ ด้ (อ้างองิ จาก http : //th.wikipedai.org/wiki/) อินเทอร์เน็ตในลกั ษณะเปน็ แหล่งเรยี นรสู้ �ำคัญในโลกปัจจุบนั ถ้าจะพูดถึงว่า อินเทอร์เน็ตมีความจ�ำเป็นและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ส�ำคัญที่สุดคงจะไม่ผิดนัก เพราะเราสามารถใช้ ช่องทางนที้ ำ� อะไรได้มากมายโดยท่เี ราก็คาดไมถ่ ึง ซ่ึงพอสรปุ ความส�ำคัญได้ดงั น้ี เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิผูเ้ รยี นรายบุคคล 9 รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

1. เหตผุ ลส�ำคญั ทท่ี ำ� ใหแ้ หล่งเรยี นรู้ผ่านเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็ ไดร้ ับความนยิ มแพร่หลาย คือ 1. การสอ่ื สารบนอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ ไี่ มจ่ ำ� กดั ระบบปฏบิ ตั กิ ารของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ต่ี า่ งระบบ ปฏบิ ัติการก็สามารถตดิ ตอ่ สือ่ สารกันได้ 2. แหลง่ เรียนรผู้ ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ตไมม่ ขี อ้ จ�ำกดั เรื่องของระยะทางไมว่ ่าจะอยู่ ภายในอาคารเดียวกัน ห่างกนั คนละมุมโลกข้อมูลก็สามารถสง่ ผา่ นถงึ กนั ได้ดว้ ยเวลารวดเร็ว 3. อนิ เทอรเ์ นต็ ไมจ่ ำ� กดั รปู แบบของขอ้ มลู ซง่ึ มไี ดท้ ง้ั ขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ขอ้ ความอยา่ งเดยี ว หรอื อาจมภี าพประกอบ รวมไปถึงข้อมูลชนิดมลั ติมีเดียคือ มีทั้งภาพเคล่อื นไหวและมีเสยี งประกอบดว้ ยได้ 2. หนา้ ท่ีและความส�ำคัญของแหล่งเรยี นรู้อินเทอร์เนต็ การสอ่ื สารในยุคปัจจบุ นั เปน็ ยุคไร้พรมแดน การเข้าถึงกลุ่ม เป้าหมายจ�ำนวนมาก ๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็วและใช้ต้นทุนในการลงทุนต่�ำ เป็นส่ิงที่พึงปรารถนาของทุกหน่วยงาน และ อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อท่ีสามารถตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวได้ จึงเป็นความจ�ำเป็นท่ีทุกคนต้องให้ความสนใจและ ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั เทคโนโลยใี หมน่ เ้ี พอื่ จะไดใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยดี งั กลา่ วอยา่ งเตม็ ทอ่ี นิ เทอรเ์ นต็ ถอื เปน็ ระบบเครอื ขา่ ย คอมพวิ เตอรส์ ากลทเ่ี ชอื่ มตอ่ เขา้ ดว้ ยกนั ภายใตม้ าตรฐานการสอ่ื สารเดยี วกนั เพอ่ื ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื สอ่ื สารและสบื คน้ สารสนเทศ จากเครอื ข่ายตา่ ง ๆ ทัว่ โลก ดังน้นั อนิ เทอร์เนต็ จึงเป็นแหล่งรวมสารสนเทศจากทกุ มมุ โลก ทกุ สาขาวชิ า ทกุ ด้าน ท้ังบันเทิงและวชิ าการตลอดจน การประกอบธุรกิจต่าง ๆ (อา้ งองิ จากhttp://www.srangfun.net/web/ Knowlage/BasicCom/09.htm) 3. ความส�ำคัญของแหลง่ เรียนรู้อินเทอร์เน็ตกับงานดา้ นตา่ งๆ ดา้ นการศกึ ษา 1. สามารถใช้เป็นแหลง่ คน้ คว้าหาข้อมูล ไมว่ ่าจะเปน็ ข้อมูลทางวิชาการ ขอ้ มูลด้านการเมอื งดา้ นการแพทย์ และอื่น ๆ ท่นี า่ สนใจ 2. ระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตจะทำ� หนา้ ทเี่ สมอื นเป็นหอ้ งสมดุ ขนาดใหญ่ 3. ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลท่ีก�ำลังศึกษาอยู่ได้ทั้งที่ข้อมูล ทีเ่ ป็นข้อความ เสยี ง ภาพเคลือ่ นไหวต่าง ๆ เป็นตน้ ด้านธุรกิจและการพาณชิ ย์ 1. ในการด�ำเนินงานทางธรุ กจิ สามารถค้นหาขอ้ มูลตา่ ง ๆ เพอื่ ช่วยในการตัดสนิ ใจทางธรุ กิจ 2. สามารถซอ้ื ขายสินคา้ ผา่ นระบบเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ 3. บรษิ ทั หรอื องคก์ รตา่ ง ๆ กส็ ามารถเปดิ ใหบ้ รกิ ารและสนบั สนนุ ลกู คา้ ของตนผา่ นระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ได้เช่น การให้ค�ำแนะน�ำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรม แจกฟรี (Freeware) เปน็ ตน้ ดา้ นการบันเทิง 1. การพกั ผ่อนหย่อนใจ สนั ทนาการ เช่น การคน้ หาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ทเ่ี รียก วา่ Magazine Online รวมทง้ั หนงั สอื พมิ พแ์ ละขา่ วสารอนื่ ๆ โดยมภี าพประกอบทจ่ี อคอมพวิ เตอรเ์ หมอื นกบั วารสารตามรา้ น หนงั สอื ทั่ว ๆ ไป 2. สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อินเทอร์เน็ตได้น�ำมาใช้เครื่องมือที่จ�ำเป็นส�ำหรับ งานไอทที ำ� ใหเ้ กดิ ชอ่ งทางในการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ทรี่ วดเรว็ ชว่ ยในการตดั สนิ ใจและบรหิ ารงาน ทง้ั ระดบั บคุ คลและองคก์ ร (อา้ งองิ จากhttp://www.geocities.com/edtecthno251/nuntiya/6thml) 10 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิผู้เรียนรายบคุ คล รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

4. ความส�ำคัญของแหล่งเรยี นรู้ผ่านเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต ความส�ำคัญของข้อมูลแหลง่ เรยี นร้ผู า่ นเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ เป็นสิ่งท่ตี ระหนกั กนั อย่เู สมอ 1. การจดั เกบ็ ขอ้ มูลจากแหล่งเรียนร้ผู า่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตสามารถทำ� ได้งา่ ยและส่อื สารไดร้ วดเรว็ 2. ความถูกตอ้ งของข้อมลู จากแหล่งเรยี นรู้ผ่านเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ โดยปกตมิ ีการส่ง ข้อมลู ด้วยสญั ญาณ อิเลก็ ทรอนิกส์จากจุดหนึ่งไปยังจุดหน่ึงด้วยระบบดิจติ อล วิธีการรบั ส่งข้อมลู จะมี การตรวจสอบสภาพของขอ้ มูล หากขอ้ มลู ผิดพลาดก็มีการรับรู้และพยายามหาวิธีแก้ไขให้ข้อมูลที่ได้รับมีความถูกต้องโดยอาจให้ท�ำการส่งใหม่กรณีท่ีผิดพลาดไม่มาก ผูร้ ับอาจใช้โปรแกรมของตนแก้ไขขอ้ มูลให้ ถูกต้องไดด้ ้วยตนเอง 3. ความรวดเร็วของการท�ำงานจากแหล่งเรยี นรผู้ ่านเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยปกติ สญั ญาณทางไฟฟ้าจะ เดนิ ทางดว้ ยความเรว็ เทา่ แสง ทำ� ใหก้ ารสง่ ผา่ นขอ้ มลู จากแหลง่ เรยี นรผู้ า่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ จากซกี โลกหนงึ่ สามารถทำ� ได้ รวดเร็ว ใหผ้ ูเ้ รียนสะดวกสบายอยา่ งย่งิ 4. แหลง่ เรยี นรผู้ า่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ มตี น้ ทนุ ประหยดั การเชอื่ มตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ ขา้ หากนั เปน็ เครอื ขา่ ย เพ่ือรับและส่งหรือส�ำเนาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ท�ำให้ราคาต้นทุนของการใช้ข้อมูลประหยัดมาก เมือ่ เปรยี บเทยี บกับการจัดส่งแบบอื่น 5. ชอื่ และเลขทอ่ี ยไู่ อพขี องแหลง่ เรยี นรผู้ า่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ คอมพวิ เตอรท์ กุ เครอื่ งทต่ี อ่ อยบู่ นเครอื ขา่ ย อนิ เทอร์เนต็ จะมเี ลขทีอ่ ยไู่ อพี (IP address) และแต่ละเครื่องท่ัวโลกจะต้องมีเลขท่อี ยู่ ไอพีไมซ่ �้ำกนั เลขท่อี ยูไ่ อพีนจ้ี ะได้รบั การก�ำหนดเป็นกฎเกณฑ์ให้แต่ละองค์กรน�ำไปปฏิบัติเพ่ือให้ระบบปฏิบัติการเรียกช่ือง่ายและการบริหารจัดการเครือข่าย ท�ำได้ดี จึงก�ำหนดชื่อแทนเลขท่ีอยู่ไอพีเรียกว่าโดเมน โดยจะมีการต้ังช่ือส�ำหรับเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่อยู่บน เครือข่าย เช่น nfe.go.th หมายเหตุ ให้นกั ศึกษาไดศ้ ึกษาเพ่ิมเตมิ ได้จากหนงั สือเรียน รายวชิ าทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทร31001 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการ เพื่อยกระดับผลสมั ฤทธผิ์ ู้เรียนรายบคุ คล 11 รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น ค�ำชแ้ี จง จงเลือกค�ำตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว 6. การจัดให้บรกิ ารห้องสมุดมกี ่สี ่วน 1. แหลง่ เรยี นรู้มกี ารแบ่งแยกตามลกั ษณะได้ กี่ประเภท ก. 1 สว่ น ก. 4 ประเภท ข. 2 ส่วน ข. 5 ประเภท ค. 3 ส่วน ค. 6 ประเภท ง. 4 สว่ น ง. 7 ประเภท 7. ขอ้ ใดเป็นแหลง่ เรยี นรทู้ มี่ ีบทบาทส�ำคัญของการเรียนรู้ 2. แหล่งเรียนรมู้ ีบทบาทสำ� คัญอย่างไร ก. ศนู ยส์ ง่ เสริมการเรยี นรูข้ องชุมชน ก. เป็นสื่อการเรียนรู้สมัยใหม่ท่ีให้สาระความรู้ก่อให้ ข. ศนู ยข์ า่ วสารขอ้ มูลชมุ ชน เกิดทกั ษะ ค. ศนู ยก์ ลางสนบั สนนุ เครือข่ายของชมุ ชน ข. เป็นแหล่งท่ีมนุษย์สามารถเข้าไปปฏิสัมพันธ์ให้เกิด ง. ถูกทุกข้อ ประสบการณ์ตรง 8. ห้องสมดุ ประชาชน หมายถึงอะไร ค. เป็นแหล่งช่วยเสริมการเรียนรู้ของการศึกษา ก. สถานที่จัดหา รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ ประเภทตา่ ง ๆ ข. การผลติ หนังสอื และสงิ่ พิมพ์ ง. ถูกทุกขอ้ ที่กลา่ วมา ค. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ 3. แหล่งเรียนรู้ หมายถงึ ขอ้ ใด ง. การสืบค้นด้วยตบู้ ตั รรายการ ก. ถิ่นท่ีอยบู่ ริเวณ ศูนยร์ วม 9. หอ้ งสมุดประชาชนมกี ีป่ ระเภท ข. การฟ้ืนความจำ� ก. 1 ประเภท ค. การเอาความรมู้ าสรุป ข. 2 ประเภท ง. เป็นแหล่งการเรียนรู้ท่ีสามารถปฏิสัมพันธ์ในการ ค. 3 ประเภท หาความรู้ ง. 4 ประเภท 4. ข้อใดเป็นประโยชนข์ องแหล่งเรียนรู้ 10 แหล่งเรียนรู้ประเภทสื่อ คือสิ่งท่ีท�ำหน้าท่ีเป็นสื่อกลาง ก. พัฒนาคน, องค์กร ในการถ่ายทอดเนื้อหาความรู้สารสนเทศให้ถึงกันโดยผ่าน ข. การพัฒนาองค์กร, งาน อะไรบ้าง ค. พฒั นาคน และพัฒนางาน ก. หู ตา จมูก ล้ิน กายและใจ ง. พฒั นาคน, งาน องค์กร, และชมุ ชน ข. คอ ผม 5. ข้อใดตอ่ ไปนีไ้ ม่ใชข่ อ้ เสียของแหล่งเรียนรู้ ค. เอว คอ ก. ไมม่ ขี อ้ มูลใหม่ ๆ ทนั สมัย ง. ผม ฟนั หู ข. รวดเร็ว ค. มีคนใช้บรกิ ารเยอะ ง. มีขอ้ มูลทที่ ันสมยั และเปน็ ปัจจบุ นั 12 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธ์ผิ เู้ รยี นรายบุคคล รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

บทที่ 3 การจดั การความรู้ สรุปเนอื้ หา เรอื่ งท่ี 1 ความหมาย ความส�ำคญั หลกั การ ความหมายของการจัดการความรู้ การจัดการ (Management) หมายถงึ กระบวนการในการเขา้ ถึงความรู้ และการถ่ายทอด ความรู้ทตี่ ้องด�ำเนนิ การ รว่ มกนั กบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ซง่ึ อาจเรมิ่ ตน้ จากการบง่ ชคี้ วามรทู้ ตี่ อ้ งการใชก้ ารสรา้ งและแสวงหาความรกู้ ารประมวลเพอื่ กลนั่ กรอง ความรกู้ ารจดั การความรใู้ หเ้ ปน็ ระบบ การสรา้ งชอ่ งทางเพอ่ื การสอ่ื สารกบั ผเู้ กย่ี วขอ้ ง การแลกเปลย่ี นความรกู้ ารจดั การสมยั ใหม่กระบวนการทางปัญญา เป็นสิ่งส�ำคัญ ในการคิดตัดสินใจและส่งผลให้เกิดการกระท�ำ การจัดการจึงเน้นไปท่ีการปฏิบัติ ความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรู้ที่ควบคู่กับการปฏิบัติ ซ่ึงในการปฏิบัติจ�ำเป็น ต้องใช้ความรู้ที่หลากหลายสาขาวิชา มาเช่ือมโยงบูรณาการเพ่ือการคิดและตัดสินใจและลงมือปฏิบัติจุดก�ำเนิดของความรู้ คือสมองของคน เป็นความรู้ที่ฝังลึก อยู่ในสมอง ช้ีแจงออกมาเป็นถ้อยค�ำ หรือ ตัวอักษรได้ยากความรู้น้ัน เมื่อน�ำไปใช้จะไม่หมดไป แต่จะย่ิงเกิดความรู้เพิ่มพูน มากขึน้ อยใู่ นสมองของผู้ปฏิบตั ิ ความส�ำคญั ของการจัดการความรู้ หัวใจของการจัดการความรู้ คือการจัดการความรู้ท่ีอยู่ในตัวบุคคล โดยเฉพาะบุคคลที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติ งานจนงานประสบผลสำ� เรจ็ กระบวนการแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ะหวา่ งคนกบั คนหรอื กลมุ่ กบั กลมุ่ จะกอ่ ใหเ้ กดิ การยกระดบั ความ รู้ท่ีส่งผลต่อเป้าหมายของการท�ำงานนั้น คือเกิดการพัฒนาประสิทธิภาพของงาน คนเกิดการพัฒนาและส่งผลต่อเน่ืองไปถึง องค์กร เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ผลที่เกิดข้ึนกับการจัดการความรู้จึงถือว่ามีความส�ำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ซ่ึงประโยชนท์ ่จี ะเกิดข้ึนต่อบุคคลกลมุ่ หรือองค์กร มอี ยา่ งน้อย 3 ประการคอื 1. ผลสัมฤทธ์ขิ องงาน หากมกี ารจดั การความรใู้ นตนเอง หรอื ในหน่วยงาน องคก์ ร จะเกดิ ผลส�ำเรจ็ ที่รวดเร็วย่งิ ข้นึ เน่ืองจากความรู้เพ่ือใช้ในการพัฒนางานน้ัน เป็นความรู้ที่ได้จากผู้ที่ผ่านการปฏิบัติโดยตรง จึงสามารถน�ำมาใช้ในการพัฒนา งานได้ทันทีจะเกิดนวัตกรรมใหม่ในการท�ำงาน ท้ังผลงานที่เกิดขึ้นใหม่และวัฒนธรรมการท�ำงานร่วมกันของคนในองค์กรที่มี ความเออ้ื อาทรต่อกัน 2. บุคลากร การจัดการความรู้ในตนเองจะส่งผลให้คนในองค์กรเกิดการพัฒนาตนเอง และส่งผลรวมถึงองค์กร กระบวนการเรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน จะท�ำให้บุคลากรเกิดความมั่นใจในตนเอง เกิดความเป็นชุมชนในหมู่ เพือ่ นร่วมงาน บุคลากรเป็นบคุ คลเรียนรู้และส่งผลใหอ้ งค์กรเปน็ องค์กรแห่งการเรยี นรูอ้ ีกด้วย 3. ยกระดับความรู้ของบุคลากรและองค์กร การแลกเปล่ียนเรียนรู้ จะท�ำให้บุคลากรมีความรู้เพิ่มข้ึนจากเดิม เห็นแนวทางในการพัฒนางานที่ชัดเจนมากข้ึน และเม่ือน�ำไปปฏิบัติจะท�ำให้บุคลากรและองค์กรมีองค์ความรู้เพ่ือใช้ในการ ปฏบิ ตั งิ านในเร่ืองท่สี ามารถนำ� ไปปฏบิ ตั ไิ ด้ มีองค์ความรู้ทีจ่ �ำเป็นต่อการใชง้ าน และจดั ระบบใหอ้ ย่ใู นสภาพพร้อมใช้ เรือ่ งท่ี 2 กระบวนการจดั การเรียนรู้การรวมกลมุ่ เพ่ือตอ่ ยอดความรแู้ ละการจัดทำ� สารสนเทศเพ่ือเผยแพรค่ วามรู้ การจดั การความรไู้ มม่ สี ตู รสำ� เรจ็ ในวธิ กี ารของการจดั การเพอื่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายในเรอื่ งใดเรอ่ื งหนงึ่ แตข่ นึ้ อยกู่ บั ปณธิ าน ความมุ่งมน่ั ที่จะทำ� งานของตนหรอื กจิ กรรมของกลุม่ ตนใหด้ ีขน้ึ กวา่ เดมิ แล้วใชว้ ธิ ีการจัดการความรูเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื หนง่ึ ในการ พัฒนางานหรอื สรา้ งนวัตกรรมในงาน มหี ลักการ สำ� คัญ 4 ประการ ดงั นี้ เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธ์ผิ เู้ รยี นรายบุคคล 13 รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

1. ให้คนหลากหลายทักษะ หลากหลายวิธีคิด ท�ำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์การจัดการความรู้ที่มีพลังต้องท�ำ โดยคนที่มพี ืน้ ฐานแตกตา่ งกนั มคี วามเช่ือหรอื วิธคี ดิ แตกตา่ งกัน (แต่มีจุดรวมพลังคอื มีเป้าหมายอยู่ทีท่ ำ� งานดว้ ยกนั ) ถ้ากลมุ่ ที่ด�ำเนินการจัดการความรู้ประกอบด้วยคน ท่ีคิดเหมือน ๆ กันการจัดการความรู้จะไม่มีพลังในการจัดการความรู้ความ แตกต่างหลากหลาย มคี ุณค่ามากกวา่ ความเหมือน 2. ร่วมกันพัฒนาวิธีการท�ำงานในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อบรรลุประสิทธิผลที่ก�ำหนดไว้ประสิทธิผลประกอบด้วยองค์ ประกอบ 4 ประการคือ 2.1 การตอบสนองความต้องการ ซงึ่ อาจเป็นความตอ้ งการของตนเอง ผรู้ ับบรกิ ารความตอ้ งการของสงั คม หรอื ความต้องการทก่ี �ำหนดโดยผ้นู �ำองค์กร 2.2 นวตั กรรม ซึ่งอาจเปน็ นวตั กรรมดา้ นผลติ ภัณฑใ์ หม่ ๆ หรอื วิธีการใหม่ ๆ ก็ได้ 2.3 ขดี ความสามารถของบุคคล และขององค์กร 2.4 ประสทิ ธภิ าพในการท�ำงาน 3. ทดลองและการเรียนรู้เน่ืองจากกิจกรรมการจัดการความรู้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ จึงต้องทดลองท�ำเพียง นอ้ ย ๆ ซง่ึ ถา้ ลม้ เหลวก็กอ่ ผลเสยี หายไม่มากนกั ถา้ ได้ผลไมด่ กี ็ยกเลิกความคดิ น้นั ถา้ ได้ผลดจี งึ ขยายการทดลอง คอื ปฏิบัติ มากข้ึน จนในทีส่ ดุ ขยายเป็นวิธีท�ำงานแบบใหม่ หรือทเ่ี รียกวา่ ไดว้ ธิ ีการปฏิบตั ิท่สี ง่ ผลเปน็ เลศิ (Best Practice) ใหมน่ ้ันเอง 4. นำ� เขา้ ความรู้จากภายนอกอย่างเหมาะสม โดยต้องถอื วา่ ความรู้จากภายนอกยงั เปน็ ความรู้ท่“ี ดบิ ”อยู่ต้องเอามา ท�ำให้ “สุก” ให้พร้อมใช้ตามสภาพของเรา โดยการเติมความรู้ที่มีตามสภาพของเรา ลงไป จึงจะเกิดความรู้ที่เหมาะสมกับ ท่เี ราตอ้ งการใช้ เร่ืองที่ 3 ทกั ษะกระบวนการจดั การความรู้ วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการจัดการความรู้ด้วยตนเองคือให้ผู้เรียนได้เริ่มกระบวนการเรียนรู้ต้ังแต่การคิด คดิ แลว้ ลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละเมอื่ ปฏบิ ตั แิ ลว้ จะเกดิ ความรจู้ ากการปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู้ ฏบิ ตั จิ ะจดจำ� ทงั้ สว่ นทเ่ี ปน็ ความรฝู้ งั ลกึ และความรู้ ทเี่ ปดิ เผย มกี ารบนั ทกึ ความรใู้ นระหวงเรยี นรกู้ จิ กรรมหรอื โครงการลงในสมดุ บนั ทกึ ความรปู้ ฏบิ ตั ทิ บี่ นั ทกึ ไวใ้ นรปู แบบตา่ ง ๆ จะเป็นประโยชน์ ส�ำหรับตนเองและผ้อู ื่นในการน�ำไปปฏบิ ตั ิแกไ้ ขปัญหาที่ชุมชนประสบอยูใ่ หบ้ รรลุเปา้ หมาย และขนั้ สุดทา้ ย ให้ผู้เรียนได้พัฒนาปรับปรุงส่ิงที่กังลังเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ย้อนดูว่าในกระบวนการเรียนรู้น้ัน มีความบกพร่องในข้ันตอนใด ก็ลงมอื พฒั นาตรงจดุ นน้ั ให้ดีทักษะการเรียนรเู้ พือ่ จัดการความร้ใู นตนเอง ผู้เรยี นจะต้องพัฒนาตนเอง ให้มคี วามสามารถและ ทกั ษะในการจัดการความรดู้ ้วยตนเอง ใหม้ คี วามร้ทู ี่สงู ขึ้น ซงึ่ สามารถฝกึ ทักษะเพือ่ การเรียนรู้ได้ คือ การฝกึ สงั เกต การฝกึ การน�ำเสนอ การฝกึ ต้ังคำ� ถาม การแสวงหาค�ำตอบ การฝึกบูรณาการเช่ือมโยงความรู้ และการฝึกบนั ทึก ข้นั ตอนการจดั การความรดู้ ้วยตนเอง ในการเรยี นรเู้ พอ่ื จดั การความรใู้ นตวั เอง นอกจากวเิ คราะหต์ นเองเพอ่ื กำ� หนดองคค์ วามรทู้ จี่ ำ� เปน็ ในการพฒั นาตนเอง แล้วนั้น การแลกเปล่ียนเรียนรู้เพ่ือให้ได้มาซ่ึงความรู้เป็นวิธีการค้นหาและเข้าถึงความรู้ที่ง่ายเป็นการเรียนรู้ทางลัดนั่น คือ ดูว่าที่อ่ืนท�ำอย่างไร เลียนแบบ best practice และท�ำให้ดีกว่า เมื่อปฏิบัติ แล้วเกิดความส�ำเร็จแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่า เป็น best practice ในขณะนนั้ กระบวนการเรยี นร้เู พือ่ พัฒนาตนเองสามารถดา เนนิ การตามขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ได้ดังน้ี 1. ขนั้ การบง่ ชค้ี วามรผู้ เู้ รยี นวเิ คราะหต์ นเอง เพอ่ื รจู้ ดุ ออ่ น จดุ แขง็ ของตนเองกำ� หนดเปา้ หมายในชวี ติ กำ� หนดแนวทาง เดนิ ไปสจู่ ุดหมายและรู้วา่ ความร้ทู จี่ ะแก้ปญั หาและพฒั นาตนเองคอื อะไร 14 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธผิ์ ้เู รยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

2. ขั้นสร้างและแสวงหาความรู้ ผู้เรียนจะต้องตระหนักและเห็นความส�ำคัญของการแสวงหาความรู้เข้าถึงความรู้ท่ี ต้องการด้วยวิธีการท่ีหลากหลายแหล่งเรียนรู้ที่ใช้ในการแสวงหาความรู้ได้แก่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การแสวงหาความ รจู้ ากผเู้ ช่ียวชาญ ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ และเพ่อื น โดยยอมรบั ในความร้คู วามสามารถซึ่งกนั และกัน และตอ้ งใช้ทกั ษะตา่ ง ๆ เพ่ือ ใช้ในการสร้างความรู้เช่นฝึกสังเกต ฝึกการน�ำเสนอฝึกการตั้งค�ำถาม ฝึกการแสวงหาค�ำตอบ ฝึกบูรณาการเชื่อมโยงความรู้ ฝกึ บนั ทกึ และฝึกการเขียน 3. การจัดการความรูใ้ หเ้ ป็นระบบ จดั ท�ำสารบัญ จดั เก็บความรูป้ ระเภทตา่ ง ๆ ทีจ่ ำ� เป็น ต้องรแู้ ละนำ� ไปใชเ้ พอื่ การ พฒั นาตนเอง การจดั การความรใู้ ห้เป็นระบบจะทา ใหเ้ กบ็ รวบรวม คน้ หา และนำ� มาใชไ้ ดง้ ่าย รวดเร็ว 4. ขั้นการประมวลและกลั่นกรองความรู้ท่ีจ�ำเป็นอาจต้องมีการค้นคว้า และแสวงหาเพิ่มเติม เพื่อให้ความรู้มีความ ทนั สมัย นำ� ไปปฏิบัตไิ ด้จริง 5. การเข้าถึงความรู้เมื่อมีความรู้จากการปฏิบัติแล้ว มีการเก็บความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สมุดบันทึกความรู้ แฟม้ สะสมงาน วารสาร หรอื ใชเ้ ทคโนโลยใี นการจดั เกบ็ รปู แบบเวบ็ ไซต์ วดิ ที ศั น์ แถบบนั ทกึ เสยี งและคอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื ใหต้ นเอง และผู้อื่นเข้าถงึ ได้ง่ายอยา่ งเปน็ ระบบ 6. ขั้นการแบ่งปนั แลกเปล่ียนความรูผ้ ู้เรียนตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมแลกเปล่ียนความรูก้ บั เพอื่ น ๆ หรอื ชุมชน เพอ่ื เรยี น รู้ร่วมกัน อาจเป็นลักษณะของการสัมมนา เวทีเร่ืองเล่าแห่งความส�ำเร็จการศึกษาดูงาน หรือแลกเปล่ียนเรียนรู้ผ่านทาง อินเทอร์เนต็ เป็นตน้ 7. ขนั้ การเรยี นร้ผู ้เู รยี นจะตอ้ งนำ� เสนอความรู้ในโอกาสตา่ ง ๆ เชน่ การจัดนิทรรศการ การพบกลุ่มการเขา้ คา่ ย หรือ การประชุมสมั มา รวมทั้งการเผยแพรค่ วามรู้ผา่ นชอ่ งทางต่าง ๆ เช่น วารสาร เวบ็ ไซตจ์ ดหมายข่าว เปน็ ต้น หมายเหตุ ใหน้ ักศึกษาได้ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ไดจ้ ากหนงั สอื เรยี น รายวิชาทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทร31001 เอกสารพฒั นาทกั ษะวิชาการ เพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธิผ์ ้เู รยี นรายบคุ คล 15 รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน ค�ำชี้แจง จงเลอื กคำ� ตอบทถี่ ูกต้องทสี่ ดุ เพียงข้อเดยี ว 6. จงบอกวธิ ีการพัฒนาตนเองวา่ มีองคป์ ระกอบใดบา้ ง 1. เหตุผลส�ำคัญที่ต้องมกี ารจัดการความร้คู อื ข้อใด ก. ทางใจ ,ทางวาจา ,ทางกาย ก. โลกมกี ารเปล่ยี นแปลง ข. ทางใจ,ทางกาย ข. มนุษย์ตอ้ งมกี ารเรยี นรู้ตลอดชวี ิต ค. ทางวาจา,บุคลิกภาพ ค. องค์กรได้รับผลกระทบทางเศรษฐกจิ และการเมือง ง. ทางดา้ นสีหนา้ ทา่ ทาง ง. ถูกทุกข้อ 7. การจัดการความรู้มีความส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตเพราะ 2. เปา้ หมายของการจัดการความร้คู อื อะไร เหตใุ ด ก. พฒั นาคน, องคก์ ร ก. หนว่ ยงานมีการพฒั นาเปล่ยี นแปลง ข. การพฒั นาองคก์ ร, งาน ข. ประเทศตอ้ งการกระตุ้นเศรษฐกิจ ค. พัฒนาคน และพัฒนางาน ค. มนุษย์ตอ้ งมกี ารเรียนรูต้ ลอดชวี ติ ง. พัฒนาคน, งาน องคก์ ร, และชุมชน ง. องค์กรต้องการลดคา่ ใชจ้ า่ ย 3. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี กลา่ วไมถ่ กู ตอ้ ง 8. ความส�ำเร็จของการถ่ายทอดความรู้ต้องอาศัยปัจจัยใน ก. ความรู้ คอื สิ่งท่เี ม่อื นำ� ไปใชจ้ ะไม่หมดหรือสึกหรอ ขอ้ ใด ข. ความรู้ เม่ือใช้ไปแลว้ ก็หมดส้นิ ลงไปเร่อื ย ๆ ก. ปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างคนดว้ ยกัน ค. ความรู้ เปน็ สิ่งท่เี กิดขนึ้ จากประสบการณ์ ข. คอมพวิ เตอร์ ง. ความรู้ เปน็ สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั บรบิ ทและกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ค. คนกับเอกสาร ขึน้ โดยความตอ้ งการ ง. คนกบั คอมพวิ เตอร์ 4. บุคคลแห่งการเรยี นรู้จะมีลักษณะอยา่ งไร 9. บคุ คลในขอ้ ใดนำ� องคค์ วามรไู้ ปพฒั นาสงั คมและชมุ ชนได้ ก. ผู้ทีม่ ีคณุ ลกั ษณะนสิ ยั ใฝ่รู้ ใฝ่เรยี น ถูกต้องและเหมาะสมทีส่ ดุ ข. ผู้ท่มี แี สดงออกถงึ ความกระตือรือร้น ก. น�้ำตาลซ้อื เสอ้ื ผา้ ใหม่ ๆ เพ่ือแตง่ ตวั ให้สวยงาม ค. ผทู้ ่แี สวงหาความร้อู ยูเ่ สมอ ข. พิชติ เล่นกฬี าทงั้ วนั เพอ่ื เปน็ การออกก�ำลงั กาย ง. ถกู ทุกขอ้ ค. ชมพเู่ รียนคอมพวิ เตอร์ทง้ั วนั เพอ่ื หาความรู้ 5. ทกั ษะพ้ืนฐานที่ส�ำคัญต่อการเปน็ บคุ คลแหง่ การเรยี นรู้มี ง. วลิ ัยจัดทำ� แผนการใช้จา่ ยของครอบครัว อะไรบา้ ง 10 ใครคอื ผู้มีหนา้ ทนี่ �ำความรู้ของชุมชนไปพัฒนาตอ่ ยอด ก. ทกั ษะการฟัง,ทักษะการถาม,ทักษะการอ่าน ก. ผ้ใู หญบ่ ้าน ข. ทักษะการฟัง,ทักษะการถาม,ทักษะการอา่ น, ข. กำ� นนั ทกั ษะการคดิ ค. รัฐบาล ค. ทักษะการฟัง,ทักษะการถาม,ทักษะการอา่ น, ง. ประชาชนทกุ คน ทกั ษะการคิด,ทกั ษะการเขยี น ง. ทักษะการฟงั ,ทักษะการถาม,ทกั ษะการอา่ น, ทกั ษะการคดิ ,ทกั ษะการเขียน,ทักษะการปฏิบัติ 16 เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการ เพ่ือยกระดบั ผลสัมฤทธผ์ิ ู้เรยี นรายบุคคล รายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

บทที่ 4 การคิดเปน็ สรุปเนื้อหา เรื่องที่ 1 ความเช่ือพ้ืนฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่กับกระบวนการคิดเป็น การเช่ือมโยงสู่ปรัชญาคิดเป็น และการคิด การตัดสินใจแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ระบบแบบคนคิดเป็น ความเช่อื พืน้ ฐานของคนคดิ เป็นหรือความเช่อื พน้ื ฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ่คอื อะไร กระบวนการ “คิดเป็น” เน้นการท�ำความเข้าใจด้วยกระบวนการคิดและสร้างความเข้าใจด้วยตนเองเป็นหลัก ความเช่ือพ้ืนฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ ปฐมบทของปรัชญา “คิดเป็น” คร้ังหน่ึง ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ อดีตปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ ซ่ึงเคยเป็นอธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียนมาก่อนเคยเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนฝร่ังถามท่านว่า ท�ำไมคนไทยบางคน จนก็จน อยกู่ ระต๊อบเก่า ๆ ทำ� งานกห็ นัก หาเช้ากนิ ค�่ำ แต่เม่ือกลับบา้ นยังมแี กใ่ จน่งั เปา่ ขลุ่ย ตั้งวงสนทนา สนกุ สนาน เฮฮา กับเพ่ือนบ้านหรือโขกหมากรุกกับเพื่อน ได้อย่างเบิกบานใจ ตกเย็นก็นั่งกินข้าวคลุกน�้ำพริกคลุกน�้ำปลากับลูกเมียอย่างมี ความสุขได้ ท่านอาจารย์ตอบไปว่า เพราะเขาคิดเป็นเขาจึงมีความสุข มีความพอเพียง ไม่ทุกข์ไม่เดือดร้อนทุรนทุราย เหมอื นคนอ่นื ๆ ความเชือ่ พน้ื ฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ่ เชื่อวา่ คนทกุ คนมพี ืน้ ฐานที่แตกต่างกัน ความตอ้ งการก็ไมเ่ หมอื นกันแตท่ กุ คน ก็มีจุดมุ่งหมายปลายทางของตนที่จะก้าวไปสู่ความส�ำเร็จ ซ่ึงถ้าบรรลุถึงส่ิงน้ันได้ เขาก็จะมีความสุข ดังนั้นความสุขเหล่าน้ี จงึ เปน็ เรอ่ื งตา่ งจติ ตา่ งใจทก่ี ำ� หนดตามสภาวะของตน อยา่ งไรกต็ าม การจะมคี วามสขุ อยไู่ ดใ้ นสงั คมจำ� เปน็ ตอ้ งปรบั ตวั เอง และ สงั คมใหผ้ สมกลมกลืนกนั จนเกิดความพอดแี ก่เอกตั ภาพ และบางคร้ังหากเปน็ การตดั สนิ ใจที่ได้กระทำ� ดที ี่สดุ ตามกำ� ลงั ของ ตัวเองแล้ว ก็จะมีความพอใจ กับการตัดสนิ ใจนั้น อกี ประการหนง่ึ ในสังคมท่มี กี ารเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วนกี้ ารท่จี ะปรับตัว เองและส่ิงแวดล้อมให้เกิดความพอดีน้ัน จ�ำเป็นต้องรู้จักการคิด การแก้ปัญหา การเรียนการสอนที่จะให้คนรู้จักแก้ปัญหา ได้น้ัน การสอนโดยการบอกอย่างเดียวคงไม่ได้ประโยชน์มากนัก การสอนให้รู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์จึงเป็นวิธีท่ีควรน�ำมาใช้ กระบวนการคิด การแก้ปัญหามีหลากหลายวิธีแตกต่างกันไป แต่กระบวนการคิด การแก้ปัญหาที่ต้องใช้ข้อมูลประกอบ การคดิ การวเิ คราะหอ์ ยา่ งนอ้ ย 3 ประการคอื ขอ้ มลู ทางวชิ าการขอ้ มลู เกยี่ วกบั ตวั เองและขอ้ มลู เกย่ี วกบั สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม ซง่ึ เมอื่ น�ำผลการคดิ นี้ไปปฏิบตั แิ ล้วพอใจ มคี วามสุขก็จะเรยี กการคิดเชน่ นัน้ วา่ คิดเป็น เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการ เพ่อื ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ผิ เู้ รยี นรายบุคคล 17 รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

เรื่องท่ี 2 ระบบข้อมูลการจ�ำแนกลักษณะของข้อมูลการเก็บข้อมูลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลทั้งด้านวิชาการ ดา้ นตนเองและสงั คมสภาวะแวดลอ้ ม โดยเนน้ ไปทขี่ อ้ มลู ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั บคุ คลครอบครวั และชมุ ชน เพื่อน�ำมาใช้ประกอบการตัดสินใจแกป้ ัญหาตามแบบอย่างของคนคดิ เปน็ ขอ้ มูล(Data) กบั สารสนเทศ (Information) ข้อมูล หมายถึง ขอ้ มลู ดิบท่เี ปน็ ข้อเทจ็ จรงิ หรอื เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ที่เกดิ ขน้ึ ในชีวติ ประจ�ำวัน ทเี่ กบ็ รวบรวมมาจาก แหลง่ ต่าง ๆ อาจเป็นตวั เลข ตัวอักษร หรอื สัญลกั ษณร์ ปู ภาพ และเสยี ง ถือว่าเป็นขอ้ มูล ระดบั ปฏบิ ตั กิ ารข้อมูลที่ดจี ะตอ้ งมี ความถกู ต้องแม่นยา และเปน็ ปจั จบุ ัน เช่น ปริมาณ ระยะทาง ชือ่ ทอี่ ยู่ เบอร์โทรศัพท์ คะแนนการสอบ บันทึก รายงาน ฯลฯ สารสนเทศ คือ ข้อมูลท่ีนา มาผ่านกระบวนการประมวลผล วิเคราะห์จนสามารถนา ไปใช้ใน การตัดสินใจต่อไป ไดท้ ันที ข้อมลู เพอ่ื การคิดเปน็ การคิดการตัดสินใจแก้ปัญหาตามแนวทางของ “การคิดเป็น” น้ัน กระบวนการส�ำคัญ คือการใช้ข้อมูลอย่างน้อย 3 ประการ มาประกอบการคิดการตัดสินใจขอ้ มลู 3 ประการ ดงั กล่าวได้แกข่ อ้ มลู ด้านวชิ าการ ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง และ ขอ้ มลู เก่ียวกบั สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม ลกั ษณะของขอ้ มูลทั้ง 3 ประการดังกล่าวอาจสรุปเป็นตวั อย่างไดด้ ังตอ่ ไปน้ี ข้อมูลเกีย่ วตนเอง พน้ื ฐานของชวี ติ ข้อมูลภายในครวั เรอื น อาชีพ ญาตพิ ่ีนอ้ ง ครอบครัว ความสัมพันธ์ ทศั นคติ ทศั นะท่ีเกีย่ วขอ้ ง ความ สามารถสว่ นบคุ คล ความเชอ่ื นสิ ยั ใจคอ อารมณบ์ คุ ลกิ ภาพ คณุ ธรรม และพฤตกิ รรม สภาพภายในภายนอกของตนเอง เปน็ ตน้ ขอ้ มูลทางวิชาการ หลกั วิชาการด้านต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับปัญหาทงั้ ทศ่ี ึกษาจากทฤษฎเี อกสาร ต�ำราของทุกศาสตร์ ทกุ สาขาวิชา ทเ่ี รยี น รจู้ ากนกั ปราชญ์ ผรู้ ู้ ภูมิปญั ญา จากธรรมชาติ ผลงานวิจยั กฎหมาย ระเบียบขอ้ บงั คับเทคโนโลยสี ารสนเทศ ธรรมะ ข้อมูล ทางอาหารและยา และการวินจิ ฉัยของแพทย์ ข้อมลู ทางการเกษตร ฯลฯ ขอ้ มลู ทางสงั คมสง่ิ แวดล้อม ข้อมูลท่ัวไปเกี่ยวกบั เศรษฐกิจและสังคม วัฒนธรรมจารตี ประเพณขี อ้ มลู พืน้ ฐานบรบิ ททางสังคมชมุ ชน การปกครอง อนามยั กิจกรรมของชมุ ชน สภาพการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติ โรงเรือน บ้าน วัดมัสยิด แหลง่ เรยี นรู้ขอ้ มลู เก่ยี วกบั บุคคล ท่เี ก่ียวข้องรอบ ๆ ข้าง การวเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำ� มาใช้ประกอบการตดั สินใจ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล การวเิ คราะห์ขอ้ มลู หมายถึงการแยกแยะข้อมูลหรือส่วนประกอบของข้อมูลออกเปน็ ส่วนยอ่ ย ๆ ศกึ ษารายละเอยี ด ของขอ้ มลู แต่ละเรอ่ื งเพอื่ ตรวจสอบข้อมลู ให้ไดม้ ากทีส่ ดุ โดยเฉพาะข้อมูลการคิดเป็นทั้ง 3 ประการวา่ แต่ละดา้ นมขี อ้ มลู อะไร บา้ ง เปน็ การหาค�ำตอบวา่ ใคร ท�ำอะไร ท่ไี หน อยา่ งไร ฯลฯ การวเิ คราะห์ข้อมลู จะมีการศึกษาและตรวจสอบขอ้ มูลรอบดา้ น ทงั้ ดา้ นบวกและดา้ นลบ ดคู วามหลากหลายและพอเพยี งเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทแ่ี มน่ ยา เทยี่ งตรง เชอื่ ถอื ไดส้ มเหตสุ มผล การวเิ คราะห์ ขอ้ มลู มปี ระโยชน์ตรงทที่ �ำใหเ้ ราสามารถเข้าใจเรอื่ งราวปรากฏการณ์ต่าง ๆ ท่ีแทจ้ ริง ช่วยให้มกี ารแสวงหาข้อมูลหลากหลาย โดยไมเ่ ชือ่ คำ� บอกเลา่ หรอื คำ� กลา่ วอ้างของใครงา่ ย ๆ เปน็ การมองข้อมลู หลากหลายมิติเกิดมมุ มองเชิงลกึ และกว้าง เพยี งพอ ครบถว้ น การสังเคราะห์ข้อมลู เป็นการน�ำข้อมลู ที่เกย่ี วขอ้ งถกู ต้อง ใกลเ้ คียงกลุ่มเดียวกนั มารวบรวม จดั กล่มุ จัดระบบ เป็นกลุม่ ใหญ่ ๆ ในเชิงบูรณ าการโดยเฉพาะน�ำข้อมูลการคิดเป็นท้ัง 3 ด้าน คือ ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและข้อมูลที่เก่ียวกับสังคมส่ิง แวดลอ้ ม ทว่ี เิ คราะหแ์ มน่ ยา เทยี่ งตรง หลากหลายและพอเพยี งทง้ั ดา้ นบวกและลบไวแ้ ลว้ มาจดั กลมุ่ ทางเลอื กในการแกป้ ญั หา ท่ีเปน็ ข้อมูลเชงิ บูรณาการข้อมูลทง้ั 3 ด้าน หลาย ๆ ทางเลอื กโดยแตล่ ะทางเลือกจะมขี อ้ มูลท้ัง 3 ด้านมาสังเคราะหร์ วมเขา้ ไว้ ด้วยกนั เพื่อใหเ้ ป็นทางเลือกในการตดั สนิ ใจเลอื กทางเลือกท่ีเหมาะสมเปน็ ที่ยอมรบั และพอใจทีส่ ุดนา มาแก้ปัญหาตอ่ ไป 18 เอกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธิ์ผเู้ รียนรายบคุ คล รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

คุณธรรม จรยิ ธรรมเพ่อื การคดิ แก้ปญั หา คณุ ธรรม จรยิ ธรรม 4 ประการ ตามแนวทางพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลย เดช (รชั กาลที่ 9) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (รชั กาลที่ 9) ทรงมพี ระราชดำ� รสั ในพระ ราชพธิ บี วงสรวง สมเด็จพระบรู พามหากษตั ริยาธิราชเจ้า เมอื่ วันที่ 5 เมษายน พุทธศกั ราช 2525 ความวา่ “...คณุ ธรรมท่ีทกุ คนควรจะศกึ ษา และน้อมนำ� มาปฏบิ ตั มิ ีอยสู่ ป่ี ระการ 1) การรักษาความสัจ ความจริงใจตอ่ ตัวเองท่ีจะประพฤตปิ ฏิบัติแตส่ งิ่ ท่ีเป็นประโยชน์และเปน็ ธรรม 2) การรูจ้ กั ขม่ ใจตนเองฝกึ ฝนตนเอง ใหป้ ระพฤติปฏิบัติอยูใ่ นความสจั ความดีน้ัน 3) การอดทน อดกลัน้ และอดออมทจี่ ะไมป่ ระพฤตลิ ่วง ความสจั สุจรติ ไม่วา่ ด้วยเหตุ ประการใด 4) คอื การร้จู กั ละวางความช่วั ความทจุ รติ และร้จู ัก สละประโยชน์สว่ นน้อยของตน เพ่อื ประโยชนส์ ่วนใหญข่ องบา้ น เมอื งคณุ ธรรมสปี่ ระการนถ้ี า้ แตล่ ะคนพยายามปลกู ฝงั และบำ� รงุ ใหเ้ จรญิ งอก งามขนึ้ โดยทวั่ ถงึ กนั จะชว่ ยใหป้ ระเทศชาตบิ งั เกดิ ความสุขความร่มเยน็ และมโี อกาสทจี่ ะปรับปรุงพัฒนา ให้มัน่ คงก้าวหนา้ ตอ่ ไปดงั ประสงค.์..” พระบรมราโชวาทเรือ่ งคุณธรรม 4 ประการน้สี อดคลอ้ งกับหลักพุทธธรรมในเร่อื ง ฆราวาสธรรม 4 1) สจั จะ มคี วามจริงใจต่อตนเองท่ีจะรักษาสจั จะทีใ่ หไ้ ว้กับตน 2) ทมะ การรจู้ กั ข่มใจตนเองทจี่ ะปฏบิ ตั ติ ามสัจจะที่กำ� หนด 3) ขันติมีความอดทนอดกล้นั ทีจ่ ะปฏิบัติตามสัจจะนนั้ ให้ส�ำเรจ็ ลุลว่ ง 4) จาคะ การสละความช่วั ความทุจรติ ตามสัจจะน้ัน ๆ เรือ่ งท่ี 3 กรณตี วั อยา่ งและสถานการณจ์ ริงในการฝกึ ปฏิบัตเิ พอื่ การคดิ การแกป้ ญั หาแบบคนคิดเปน็ ขอบข่ายเนอ้ื หา กรณีตัวอยา่ งเรื่อง คมข�ำติดเกม “คมขำ� เปน็ เด็กทท่ี �ำอะไรก็ทำ� อย่างจรงิ จงั เมือ่ ชอบเล่นเกมกเ็ ลน่ จนนา่ เปน็ หว่ ง เขากลายเปน็ เดก็ ตดิ เกม เขาเล่นเกม จนแทบไมม่ เี วลากินขา้ ว ความคลัง่ ไคล้ในเกมของเขาท�ำใหเ้ พื่อน ๆ ตงั้ ฉายาเขาว่า เกมแมน เวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกบั การเล่นเกม เวลาส�ำหรับการเรียนจึงเหลือน้อยลง ๆ และเขาก็เล่นเกมจนล้มป่วย เน่ืองจากอ่อนเพลียมากต้องน�ำตัวส่งโรง พยาบาล ในวนั น้เี ขาไมค่ ดิ จะเลน่ เกมอกี แลว้ เพื่อน ๆ มาเย่ียมเขาทโี่ รงพยาบาล เขาถามเพื่อนถึงเรอ่ื งทโ่ี รงเรยี น เพ่อื นบอกวา่ อาทิตย์หนา้ จะสอบ คมขำ� ไม่ไดอ้ ่านหนงั สือ เลยขอออกจากโรงพยาบาลเร่งอ่านหนังสอื อย่างหนัก จนเขางว่ งหลับไปฝนั ถงึ แต่ เกมทตี่ วั เองเลน่ คมขำ� รสู้ กึ เบอ่ื หนา่ ยการอา่ นหนงั สอื ทนั ใดนนั้ คมขำ� กน็ กึ ถงึ คำ� ทเี่ พอื่ นรนุ่ พบ่ี อกเขาไวว้ า่ ยาขยนั กนิ แลว้ ตาแขง็ ไม่มีหลับ อ่านหนังสือได้คืนละหลายเล่ม คมข�ำคิดจะไปหาเพื่อนรุ่นพ่ีช่ือแมนเพ่ือขอใช้สักเม็ด รุ่งเช้าคมข�ำไปหาแมนตามที่ ต้ังใจไวโ้ ดยหวังว่า ถา้ ได้ยาคงอา่ นหนงั สอื ทันแน่นอน คมขำ� เดินผา่ นไปเจอเพอื่ น ๆ เพอื่ นถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกวา่ จะ ไปหาพีแ่ มนเพื่อนได้ยินก็ชใี้ ห้คมข�ำดพู แ่ี มน ซึ่งนอนชอ็ กหมดสติเพราะใชย้ าบา้ จนตดิ งอมแงม จากนัน้ เพ่ือนถามคมขำ� วา่ นาย ยงั จะคดิ ใช้ยาบ้าอีกหรอื นายควรตง้ั ใจอ่านหนังสอื โดยไม่พ่งึ ยาเสพติด คมข�ำไม่คดิ วา่ ยาบา้ อันตรายขนาดนเ้ี ขาไมก่ ลา้ ใชแ้ ลว้ เขาจะใชค้ วามสามารถของเขาเอง จงึ วางแผนการอา่ นหนงั สอื แมจ้ ะอา่ นไมจ่ บทง้ั หมด แตก่ น็ า่ จะรเู้ รอื่ งบา้ ง พวกเพอื่ น ๆ บอก คมขำ� วา่ จะเปน็ กำ� ลงั ใจใหค้ มขำ� อา่ นหนงั สอื อยา่ งตง้ั ใจและอดทนไมล่ มื ทจี่ ะพกั ผอ่ น อยา่ งเพยี งพอไมล่ มื ทจี่ ะกนิ อาหารใหเ้ ปน็ เวลา เมอ่ื ถงึ วนั สอบคมข�ำตง้ั ใจท�ำขอ้ สอบ วนั ประกาศผลสอบ คมข�ำสอบผ่านหมดทุกวิชา คมขำ� ดีใจเปน็ ทีส่ ดุ แมค้ ะแนนจะไม่ สงู นกั แต่ก็สอบผา่ นหมด ความสำ� เรจ็ จากการสอบครั้งนเี้ ป็นความสามารถของเขาลว้ น ๆ ไมม่ สี งิ่ เสพตดิ มาเกย่ี วขอ้ ง” หมายเหตุ ให้นกั ศกึ ษาไดศ้ กึ ษาเพ่มิ เติมได้จากหนังสอื เรียน รายวิชาทักษะการเรียนรู้ รายวิชา ทร31001 19 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธผิ์ เู้ รียนรายบคุ คล รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น ค�ำชแ้ี จง จงเลอื กคำ� ตอบท่ถี ูกต้องที่สุดเพียงขอ้ เดยี ว 5. “ข้ันการตัดสินใจ” จัดอยู่ในกระบวนการคิดเป็น 1. “คดิ เปน็ ” หมายถงึ ข้อใด แกป้ ัญหาของคนคิดเปน็ ตามขอ้ ใด ก. คิดตามความคิดของตวั เองโดยมีเปา้ หมายที่จะท�ำ ก. ขั้นท่ี 1 ข. ตดิ ตามหลกั ความคดิ ตามความเชอื่ ของตนเอง ข. ขั้นท่ี 2 ค. เป็นกระบวนการคิดและตัดสินใจแก้ปัญหาวิธีหน่ึง ค. ข้นั ที่ 3 ของคนทำ� งาน ง. ขั้นท่ี 4 ง. เป็นกระบวนการคิดและตัดสินใจแก้ปัญหาโดย 6. ข้อใด ไม่ใช่ ขอ้ มูลเกย่ี วกบั การคิดเปน็ อาศัยข้อมูลความเช่ือ ก. ขอ้ มูลเกยี่ วกบั ตนเอง 2. หลักการ “คดิ เป็น” ต้องยึดหลักการแสวงหาขอ้ มลู ดา้ น ข. ข้อมูลทางวชิ าการ ใดบา้ ง ค. ข้อมลู ทางสังคมและส่งิ แวดลอ้ ม ก. ดา้ นความถกู ตอ้ ง ด้านความเชอ่ื ดา้ นสงั คมและ ง. ขอ้ มูลดา้ นเศรษฐกิจ ชุมชน 7. ขอ้ ใดจัดอยใู่ นกระบวนการคดิ เป็น ข. ดา้ นวิชาการ ด้านตนเอง ด้านสังคมและชมุ ชน ก. การตดั สินใจ ค. ด้านตนเอง ดา้ นสิง่ แวดล้อม ดา้ นความเช่อื ข. การติดตามและประเมิน ง. ดา้ นหลกั การและเหตผุ ล ดา้ นวชิ าการ ดา้ นความเชอื่ ค. การจดั ทำ� 3. ข้อใดจดั ล�ำดบั “กระบวนการแก้ปญั หาของคนคดิ เปน็ ” ง. การวิเคราะห์หาทางเลอื ก ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 8. สงิ่ ทนี่ ำ� มาวเิ คราะหส์ าเหตขุ องปญั หาของขอ้ มลู คอื ขอ้ ได 1. ปัญหา ก. ตนเอง 2. กระบวน ข. สังคม 3. วิเคราะห์หาทางเลือกในการแก้ปญั หา ค. วชิ าการ 4. ตดั สนิ ใจเลือกวธิ ีการแกป้ ญั หาทดี่ ีท่ีสุด ง. ถูกทกุ ข้อ 5. ปฏิบัติ 9. ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่แตกต่างจากการ 6. ประเมินผล ศกึ ษานอกระบบและปรัชญาคดิ เป็นอยา่ งไร ก. 1, 2, 3, 4, 5, 6 ก. สอนให้จ�ำอยา่ งเดยี ว ข. 1, 3, 2, 4, 5, 6 ข. สอนใหค้ ิดอยา่ งเดยี ว ค. 1, 4, 5, 2, 3, 6 ค. สอนให้จ�ำและใหร้ จู้ ักคดิ เป็นดว้ ย ง. 1, 3, 4, 2, 5, 6 ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก 4. กระบวนการคิดแก้ปัญหาของคนคิดเป็น ควรค�ำนึงถึง 10. นักศึกษาเข้าใจข้ันตอนการแก้ปัญหาตามแนวทาง ขอ้ ใด ปรชั ญาการคดิ เป็นอยา่ งไร ก. ขน้ั หาสาเหตขุ องปญั หา ก. ท�ำความเขา้ ใจและวเิ คราะหแ์ ละหาขอ้ มูลท่ี ข. ข้นั ทำ� ความเข้าใจกบั ทกุ ข์และปัญหา เก่ียวขอ้ งทีห่ ลากหลาย ค. ขัน้ การตัดสินใจ ข. ทำ� อย่างไรก็ไดถ้ ูกหมด ง. ข้ันวเิ คราะหห์ าทางเลือกในการแก้ไขปญั หา ค. แก้ปญั หาอยา่ งรวบลัด ง. ถกู ทกุ ข้อ 20 เอกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิผเู้ รยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

บทที่ 5 การวจิ ยั อยา่ งง่าย สรปุ เนอื้ หา เรอ่ื งที่ 1 ความหมาย ความส�ำคญั ของการวจิ ยั การวจิ ยั เปน็ การหาคำ� ตอบทอ่ี ยากรทู้ สี่ งสยั ทเี่ ปน็ ปญั หาขอ้ ขอ้ งใจ แตค่ ำ� ตอบนนั้ ตอ้ งเชอ่ื ถอื ได้ ไมใ่ ชก่ ารคาดเดา หรอื คิดสรปุ ไปเองโดยใช้ความรู้สกึ วธิ ีการหาค�ำตอบจึงตอ้ งเป็นกระบวนการข้นั ตอน อย่างเปน็ ระบบ ผลทไี่ ด้จากการทำ� วิจยั นอกจากจะไดร้ บั คำ� ตอบทตี่ ้องการรู้แลว้ ผ้วู จิ ัยเองก็ไดป้ ระโยชน์จากการทำ� วจิ ยั คือ การเปน็ คนช่างคิด ช่างสังเกต ศึกษาค้นคว้าหาความรู้และเขียนเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ นอกจากนั้นการวิจัยจะเกิดประโยชน์ใน ภาพรวม ดังนี้ 1. การวิจยั ทำ� ให้เกิดความรทู้ างวชิ าการใหม่ ๆ 2. การวิจัยช่วยให้เกิดนวตั กรรม สง่ิ ประดษิ ฐแ์ นวคดิ ใหม่ๆ 3. การวจิ ยั ช่วยตอบคา ถามที่อยากรู้ใหเ้ ขา้ ใจปญั หาและชว่ ยในการแก้ไขปัญหา 4. การวจิ ัยช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจ 5. การวจิ ัยช่วยให้ทราบผลและขอ้ บกพรอ่ งจากการดำ� เนนิ งาน เรอื่ งท่ี 2 กระบวนการและขนั้ ตอนการทำ� วิจยั อยา่ งงา่ ย โดยสรุปกกระบวนการและขนั้ ตอนการท�ำวิจยั อยา่ งง่าย เขียนเป็นแผนภมู ไิ ด้ ดังน้ี เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการ เพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธิ์ผูเ้ รียนรายบุคคล 21 รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

เรื่องที่ 3 สถติ ิง่าย ๆ เพือ่ การวิจัย สถิติท่ีใชใ้ นการวจิ ัยโดยท่ัวไปได้แก่ความถี่รอ้ ยละและคา่ เฉลย่ี ซ่ึงมคี วามหมายและวธิ คี ดิ คำ� นวณ ดงั นี้ 1. ความถี่ (Frequency) คือ การแจงนับจ�ำนวนของส่ิงที่เราต้องการศึกษาว่ามีจ�ำนวนเท่าใด เช่น จ�ำนวนผู้เรียน ในหอ้ งเรยี น จ�ำนวนสิ่งของจ�ำนวนคนทีไ่ ปใชส้ ทิ ธิเ์ ลอื กตง้ั เป็นต้น วธิ หี าความถท่ี ำ� ไดโ้ ดยการแจงนบั จำ� นวนของสงิ่ ทเี่ ราตอ้ งการศกึ ษา ตวั อยา่ ง เชน่ ชดุ ตวั เลขตอ่ ไปนี้ ตวั เลขใดมคี วามถี่ มากท่ีสดุ 12 15 14 12 13 12 12 15 14 14 คำ� ตอบก็คอื 12 เพราะแจงนบั ความถไ่ี ด้ 4 รองลงมาคอื ตัวเลข 14 ที่แจงนับความถ่ไี ด้ 3 ตัวเลข 15 ความถ่ี 2 และ ตวั เลข 13 มีความถีน่ อ้ ยทส่ี ุด คือ 1 2. ร้อยละ (Percentage) เป็นสถิติที่ใช้กันมากในงานวิจัย เพราะค�ำนวณและทา ความเข้าใจได้ง่ายนิยมเรียกว่า เปอร์เซ็นต์ใชส้ ญั ลกั ษณ์% การใช้สูตรในการคำ� นวณหาคา่ ร้อยละมดี ังน้ี รอ้ ยละ = ตวั เลขทีต่ ้องการเปรยี บเทียบ × 100 จ�ำนวนเต็ม 3. ค่าเฉลี่ย (Mean) คอื ค่ากลาง ๆ ของขอ้ มลู ค�ำนวณโดยการนา ค่าของขอ้ มลู ท้ังหมดมารวมกนั แลว้ หารดว้ ยจำ� นวน ข้อมูลทม่ี ีอยกู่ ารใชส้ ูตรในการคำ� นวณหาค่าเฉลย่ี ไดด้ ังนี้ ค่าเฉล่ยี = ผลรวมของข้อมูลทงั้ หมด จำ� นวนขอ้ มูลทม่ี ีอยู่ เรือ่ งท่ี 4 การสร้างเครื่องมอื วิจัย ในการด�ำเนินงานวิจัย มีความจ�ำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูล เพ่ือน�ำมาวิเคราะห์หาค�ำตอบตาม วัตถุประสงค์ของ การวจิ ยั ทก่ี ำ� หนด เครอ่ื งมอื การวจิ ยั เปน็ สงิ่ สำ� คญั ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สง่ิ ทตี่ อ้ งการ ศกึ ษา เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั มหี ลาย ประเภท แตไ่ ม่ว่าจะเปน็ เครอื่ งมอื การวจิ ยั แบบใด ลว้ นมีจุดมงุ่ หมาย เดียวกัน คอื ต้องการได้ข้อมลู ท่ตี รงตามขอ้ เทจ็ จรงิ เพอ่ื ท�ำให้ผลงานวจิ ยั เชือ่ ถอื ไดแ้ ละเกิดประโยชนม์ าก ท่สี ุด เครอ่ื งมอื การวจิ ยั ทน่ี ยิ มใชก้ นั มากไดแ้ กก่ ารใชแ้ บบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ และแบบสงั เกต การสรา้ งแบบสอบถาม แบบสอบถามเป็นเคร่อื งมอื การวจิ ัยทีน่ ยิ มนา มาใชร้ วบรวมขอ้ มลู งานเชงิ ปรมิ าณ เชน่ การวจิ ัยเชงิ สำ� รวจ การวิจยั เชิงอธิบาย เป็นต้น แบบสอบถามมีท้ังแบบสอบถามปลายปิด และแบบสอบถามปลายเปิด แบบสอบถามปลายปิด เป็น แบบสอบถามทรี่ ะบคุ �ำตอบไว้แล้ว ใหผ้ ู้ตอบเลอื กตอบหรือาจใหเ้ ตมิ คำ� หรอื ขอ้ ความสั้นๆ เทา่ น้นั การสรา้ งแบบสอบถาม มีข้นั ตอนดังน้ี 1. ศึกษาคน้ คว้าขอ้ มลู ทเี่ ก่ียวข้องกับ เรอ่ื งทจ่ี ะวิจยั และประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ศกึ ษาแล้วยกรา่ งแบบสอบถาม 2. นำ� ไปให้ผ้มู ีความรู้ช่วยตรวจสอบ และให้ขอ้ เสนอแนะ 3. ปรบั ปรงุ แก้ไขตามข้อเสนอแนะ 4. นำ� ไปทดลองใชก้ อ้ นเพอ่ื ความเชอ่ื มนั่ วา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง (กลมุ่ เลก็ ๆ ไมต่ อ้ งทกุ คน) เขา้ ใจคำ� ถามและวธิ กี ารตอบคำ� ถาม แลว้ นำ� ผลการทดลองมาปรบั ปรงุ แกไ้ ขอกี ครั้งกอ่ นน�ำไปใช้จรงิ 5. นำ� ไปเก็บรวบรวมข้อมลู กบั กลุ่มตวั อย่างทั้งหมด 22 เอกสารพฒั นาทกั ษะวิชาการ เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธ์ผิ ู้เรียนรายบุคคล รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

การสร้างแบบสัมภาษณ์ การสมั ภาษณเ์ ปน็ เครอื่ งมอื การวจิ ยั ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู งานวจิ ยั ทกุ ประเภท ทกุ สาขาแตท่ นี่ ยิ มคอื ใชก้ บั การ วจิ ยั เชิงคุณภาพ การสัมภาษณ์ เปน็ การรวบรวมข้อมูลในลักษณะเผชิญหนา้ กนั ระหว่างผ้สู ัมภาษณ์ โดยผ้สู ัมภาษณเ์ ปน็ ผซู้ กั ถามและ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์เปน็ ผู้ให้ข้อมลู หรือตอบคำ� ถามของผูส้ ัมภาษณ์ แบบสมั ภาษณม์ ที ง้ั แบบสมั ภาษณแ์ บบไมม่ โี ครงสรา้ งคอื ผสู้ มั ภาษณใ์ ชค้ ำ� ถามปลายเปดิ เปน็ คำ� ถามกวา้ งๆ ปรบั เปลย่ี น ได้ ใหผ้ ใู้ หส้ มั ภาษณแ์ สดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ และแบบสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ ง ทผี่ สู้ มั ภาษณก์ ำ� หนดประเดน็ คา ถาม หรอื รายการคา ถามเรยี งล�ำดับไว้แลว้ กอ่ นทีจ่ ะสัมภาษณ์ การสร้างแบบสงั เกต แบบสังเกตเป็นเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล ที่ใช้ได้กับงานวิจัยทุกประเภทโดยเฉพาะงานวิจัยเชิงคุณภาพ งานวจิ ยั เชิงทดลอง แบบสังเกตแบ่งเป็น แบบสังเกตท่ีไม่มีโครงร่างการสังเกต ซ่ึงเป็นแบบที่ไม่ได้ก�ำหนดเหตุการณ์พฤติกรรม หรือ สถานการณท์ ่จี ะสงั เกตไวช้ ัดเจน และแบบสงั เกตทีม่ ีโครงร่างการสงั เกต เปน็ แบบท่กี ำ� หนดไวล้ ่วงหน้าแลว้ วา่ จะสงั เกตอะไร สงั เกตอยา่ งไรเมอื่ ใด และจะบนั ทกึ ผลการสงั เกตอยา่ งไร เรือ่ งท่ี 5 การเขยี นโครงการวิจยั ความส�ำคญั ของโครงการวจิ ัย โครงการวจิ ยั คอื แผนการดำ� เนนิ วจิ ยั ทเี่ ขยี นขนึ้ กอ่ นการทำ� วจิ ยั จรงิ มคี วามสำ� คญั คอื เปน็ แนวทางในการดำ� เนนิ การ วจิ ัยสำ� หรับผูว้ ิจัยและผู้เกย่ี วขอ้ ง เช่น ครูอาจารย์หรือผใู้ ห้ทุนสนบั สนนุ การวิจัย เพื่อให้ค�ำปรกึ ษาและตดิ ตามความก้าวหน้า ของการดำ� เนนิ งานวจิ ยั เทคนคิ การเขยี นโครงการวจิ ยั อยา่ งง่าย ประกอบดว้ ยหวั ข้อและคำ� อธบิ ายการเขยี น ดังตอ่ ไปน้ี 1. ชอื่ โครงการวิจยั ชอ่ื โครงการวิจัยควรกะทัดรัด สอื่ ความหมายได้ชดั เจน มีความเฉพาะเจาะจงในสง่ิ ทศ่ี กึ ษา 2. ความเป็นมาและความส�ำคญั เขียนอธบิ ายใหเ้ ห็นความสำ� คญั ของส่ิงทศี่ ึกษาเขยี นใหต้ รง ประเดน็ กระชบั เปน็ เหตุ เป็นผลมอี า้ งอิงเอกสารที่ศึกษา (ถา้ ม)ี 3. วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย เขยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั ชอ่ื โครงการวจิ ยั ครอบคลมุ เรอื่ งท่ศี กึ ษา เขียนใหช้ ดั เจน อาจมขี อ้ เดยี วหรือหลายขอ้ ก็ได้ 4. วธิ ดี ำ� เนนิ การวจิ ัย ระบถุ งึ วธิ ีการด�ำเนินการวจิ ัยใหค้ รอบคลุมหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้ 4.1 ประชากรกลมุ่ ตัวอยา่ ง สิ่งท่ศี ึกษาคอื อะไร มีจ�ำนวนเทา่ ไร 4.2 วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู ระบวุ ิธกี ารเก็บการบันทกึ ข้อมูลระยะเวลา หรือชว่ งเวลา สถานท่ี 4.3 เคร่ืองมือวิจัยระบุชนิด เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบส�ำรวจ 4.4 การวิเคราะห์ขอ้ มลู ระบวุ ธิ กี ารวเิ คราะหข์ ้อมูล สถิตทิ ใี่ ช้ 5. ปฏิทินปฏบิ ตั ิงาน เขียนข้นั ตอนการดา เนนิ การวิจัยโดยละเอียด และระยะเวลาการ ดำ� เนนิ การแต่ละขั้นตอน 6. ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั เขยี นเปน็ ขอ้ ๆ ถงึ ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ จากการทำ� วจิ ยั ตวั อยา่ งการเขยี นโครงการ วจิ ัยอยา่ งง่าย เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธผ์ิ ู้เรียนรายบุคคล 23 รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

เรอื่ งที่ 6 การเขยี นรายงานการวจิ ัยอย่างงา่ ย และการเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั องคป์ ระกอบในการเขียนรายงานการวิจัยอยา่ งง่าย ส่วนใหญ่เปน็ การนำ� เสนอในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1. ช่ือเรื่อง 2. ชื่อผ้วู จิ ยั 3. ความเป็นมาของการวจิ ยั 4. วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย 5. วธิ ดี �ำเนนิ การวจิ ยั 6. ผลการวิจัย 7. ขอ้ เสนอแนะ 8. เอกสารอ้างองิ (ถา้ มี) การเผยแพร่ผลงานการวิจยั ผลการวจิ ยั ทที่ ำ� ขนึ้ ควรมกี ารเผยแพรเ่ พอื่ ใหผ้ เู้ กย่ี วขอ้ งนำ� ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดก้ ารเผยแพรผ่ ลงานการวจิ ยั ทำ� ไดหลายวธิ ี เช่น 1. น�ำเสนอในเวลาการพบกลมุ่ หรอื ในท่ีประชมุ ต่าง ๆ 2. เขยี นลงวารสารต่าง ๆ 3. ติดบอร์ดของสถานศึกษา บอร์ดนทิ รรศการ 4. ส่งรายงานการวิจัยใหห้ น่วยงานตา่ ง ๆ 5. น�ำรายงานการวิจัยขน้ึ Website หมายเหตุ ใหน้ ักศกึ ษาไดศ้ กึ ษาเพ่ิมเตมิ ได้จากหนังสอื เรียน รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทร31001 24 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพ่อื ยกระดับผลสัมฤทธผิ์ เู้ รยี นรายบุคคล รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน คำ� ชแี้ จง จงเลอื กค�ำตอบทถี่ ูกตอ้ งท่สี ุดเพยี งขอ้ เดียว 6. จงบอกความส�ำคัญของเครอ่ื งมอื 1. จงบอกความหมายของการวจิ ยั ก. เปน็ การนำ� คา่ ของขอ้ มูล ก. การคน้ คว้าหาความจริงโดยวิธกี ารอยา่ งมรี ะบบท่ี ข. เปน็ แบบสอบถามปลายปิด เชอื่ ถือได้ หรือวธิ ีการวิทยาศาสตร์นน่ั เอง ค. แบบสังเกตทไ่ี ม่มโี ครงสร้าง ข. การวิจยั ทางสงั คมเปน็ วธิ กี ารศึกษาวิเคราะหแ์ ละ ง. การเก็บรวบรวมข้อมูลสิง่ ทต่ี อ้ งศกึ ษา ก�ำหนดแนวความคิดเกย่ี วกบั ชวี ิตทางสงั คม เพ่ือที่ 7.จงบอกความสำ� คัญของโครงการวจิ ยั ได้ จะขยาย แกไ้ ข หรอื พสิ จู นค์ วามรู้ ไมว่ า่ ความรนู้ ้นั ก. วเิ คราะหข์ ้อมลู จะชว่ ยสร้างทฤษฎีหรอื ใช้ในการปฏบิ ัติ ข. งานวิจยั เชิงส�ำรวจ ค. กระบวนการคดิ แลว้ ท�ำอย่างเป็นระบบ เพ่ือคน้ หา ค. แบบสังเกตพฤตกิ รรม องค์ความร้ใู หม่ หรือพิสูจน์ความรู้เดมิ ง. เปน็ แนวทางในการดำ� เนนิ การวจิ ยั สำ� หรบั ผวู้ จิ ยั เอง ง. ผู้ที่ด�ำเนินการค้นคว้าหาความรู้ อย่างเป็นระบบ และผู้เกีย่ วข้อง เพื่อตอบประเด็นท่ีสงสัย โดยมีระเบียบวิธีอันเป็น 8.องค์ประกอบของโครงการวจิ ยั มีกีข่ อ้ ที่ยอมรับ ในแตล่ ะศาสตรท์ ่ีเกี่ยวข้อง ก. 10 ขอ้ 2. ข้อไดไม่จดั อยู่ในข้ันตอนการทำ� วจิ ยั ข. 12 ข้อ ก. กำ� หนดการทำ� วิจยั ค. 14 ข้อ ข. กำ� หนดวตั ถปุ ระสงค์ ง. 16 ข้อ ค. การรายงานผล 9.องค์ประกอบของการเขียนรายงาน การวิจัยอยา่ งง่ายมกี ี่ ง. การส่มุ ขอ้ 3. สถิตใชใ้ นการหาค่าใดในการทำ� วิจยั ก. 4 ขอ้ ก. สว่ นเบย่ี งเบนคา่ เฉลยี่ ข. 6 ข้อ ข. มัธยฐาน ค. 8 ขอ้ ค. ฐานนยิ ม ง. 9 ข้อ ง. คา่ เฉลย่ี 10. ข้อใดคือการเผยแพรผ่ ลงานการท�ำวิจยั 4. การแสวงหาความรู้โดยอาศัยเหตุผลเป็นการแสวงหา ก. เขียงลงวาระสารต่าง ๆ ความรู้โดยวิธใี ด ข. ติดบอร์ดสถานศึกษา ก. อนุมาน ค. น�ำรายงานการวจิ ัยข้นึ Website ข. ลองผิดลองถูก ง. ถูกทุกข้อ ค. สมุ่ ง. เรยี บเรียงขอ้ มลู 5. เคร่อื งมอื ในการทำ� วิจยั คอื ก. แบบสัมภาษณ ์ ข. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ค. แบบสอบถาม ง. การรวบรวมขอ้ มูลเพอื่ นำ� มาวิเคราะห์หาค�ำตอบ เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธิ์ผูเ้ รียนรายบคุ คล 25 รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

บทที่ 6 ทักษะการเรียนรู้และศักยภาพหลักของพ้ืนทใี่ นการพัฒนาอาชพี สรุปเน้อื หา เรื่องที่ 1 ความหมาย ความส�ำคัญของศกั ยภาพหลักของพื้นที่ การยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมท้ังองคาพยพของประเทศ ต้องมีการมองหาศักยภาพในทุกภาคส่วนของสังคม ปจั จยั ภายนอกและปจั จยั ภายใน ทจ่ี ะสามารถเปน็ เชอ้ื เพลงิ ในการขบั เคลอ่ื นการศกึ ษาไดเ้ นน้ การจดั การศกึ ษาโดยยดึ พนื้ ทเ่ี ปน็ ฐานในการพัฒนา โดยค�ำนึงถึงสภาพแต่ละพ้ืนที่ ที่มีความแตกต่างและมีความต้องการท้องถิ่นไม่เหมือนกันการพัฒนาการ ศึกษาจงึ ต้องเน้นพน้ื ที่เป็นสำ� คญั โดยมีพนื้ ฐานอย่บู นศกั ยภาพด้านต่าง ๆ ของพ้ืนที่นัน้ โดยการพฒั นาและยกระดบั คณุ ภาพ ชีวติ ของประชาชน ให้มคี วามเป็นอยู่ท่ดี ีสร้างความม่งั ค่ัง ทางเศรษฐกจิ และความมัน่ คงทางสงั คมให้กบั ประเทศ ซ่ึงประเทศ ตอ้ งมีพน้ื ฐานมาจากระบบการศกึ ษาท่ีมีคณุ ภาพ ทีส่ ามารถผลติ บุคลากรที่มคี ุณภาพออกมาพฒั นาประเทศได้และการเร่ิมตน้ พัฒนาการศกึ ษาตอ้ งเร่ิมตน้ จากการวเิ คราะห์และค้นหาศักยภาพภายในออกมากอ่ น และควบคู่ไปกบั ท�ำความเขา้ ใจการเป็น ไปของโลกกระบวนทัศนใ์ นการพฒั นาการศึกษาจึงตอ้ ง “ดเู รา ดูโลก” คือเข้าใจตวั เองและเข้าใจว่าโลกหมุนไปทางใด เพอ่ื ว่งิ ไปโดยไม่ท้ิงใครไว้ขา้ งหลงั มีความรเู้ ทา่ ทนั ทนุ นิยม และรขู้ ้อจำ� กดของเรา เพราะปลายทางของการพฒั นาการศึกษา หวั ใจ คอื ประชาชน คือการผลิตบคุ ลากรทีม่ คี ุณภาพในการพัฒนาประเทศ สคู่ วามมั่นคงยงั่ ยืนนนั้ เอง การจัดการศึกษาด้านอาชีพในปัจจุบันมีความส�ำคัญมาก เพราะจะเป็นการพัฒนาประชากรของประเทศให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพ เป็นการแก้ปัญหาการว่างงานและสง่ เสริมความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกจิ ชุมชน ซึง่ กระทรวงศึกษาธกิ ารได้ก�ำหนดยุทธศาสตร์ 2555 ภายใตก้ รอบเวลา 2 ปี ที่จะพัฒนา 5 ศักยภาพของพ้ืนท่ีใน 5 กลมุ่ อาชีพ ใหม่ใหส้ ามารถแข่งขนั ได้ใน 5 ภูมิภาคหลกั ของโลก “รู้เขา รู้เรา เทา่ ทัน เพ่อื แข่งขนั ไดใ้ นเวทีโลก” และกระทรวงศกึ ษาธิการ ไดก้ ำ� หนดภารกจิ ทจี่ ะพฒั นายกระดบั การจดั การศกึ ษาเพอื่ เพม่ิ ศกั ยภาพและขดี ความสามารถใหป้ ระชาชนไดม้ อี าชพี ทส่ี ามารถ สรา้ งรายไดท้ ม่ี นั่ คง โดยการดำ� เนนิ การพฒั นายกระดบั และจดั การศกึ ษาเพอื่ เพม่ิ ศกั ยภาพ และขดี ความสามารถใหป้ ระชาชน ไดม้ อี าชพี ทสี่ ามารถสรา้ งรายไดท้ มี่ ง่ั คง่ั และมนั่ คง เพอื่ เปน็ บคุ ลากรทมี่ วี นิ ยั เปย่ี มไปดว้ ยคณุ ธรรมจรยิ ธรรมมสี ำ� นกึ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองผ้อู ื่น และสังคมภายใตห้ ลกั การพ้นื ฐานท่ีคำ� นงึ ถงึ ศกั ยภาพและบริบทรอบ ๆ ตัวผู้เรยี น เพ่ือมงุ่ สเู่ ป้าหมายของ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับศักยภาพในการทำ� งานให้กับบุคลากรคนไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล โดยคำ� นึงถึงหลักการพืน้ ฐานทค่ี �ำนงึ ถงึ ศักยภาพและบรบิ ทรอบๆ ตวั ผเู้ รียน เรือ่ งท่ี 2 กลุม่ อาชีพใหม่ 5 ด้าน และศักยภาพหลักของพื้นท่ี 5 ประการ กลุ่มอาชีพใหม่ 5 กลมุ่ อาชีพ 1.1 กลมุ่ อาชพี ด้านเกษตรกรรม 1.2 กลุ่มกลมุ่ อาชพี ดา้ นอุตสาหกรรม 1.3 กลมุ่ อาชีพดา้ นพาณิชยกรรม 1.4 กลมุ่ อาชพี ด้านความคิดสร้างสรรค์ 1.5 กลุม่ อาชพี ดา้ นบริหารจดั การและการบรกิ าร 26 เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการ เพอื่ ยกระดบั ผลสัมฤทธผิ์ ู้เรียนรายบคุ คล รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ศกั ยภาพหลกั ของพ้นื ทีใ่ นการพฒั นาอาชพี 1. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ หมายถึง ทรัพยากรธรรมชาติหรือส่ิงต่าง ๆ ท่ี เกิดข้ึนเองตาม ธรรมชาติและมนุษย์สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น บรรยากาศ ดิน น้า ป่าไม้ทุ่งหญ้าสัตว์ป่าแร่ธาตุพลังงาน และก�ำลัง แรงงานมนุษย์ เป็นต้น การน�ำเอาศกั ยภาพของทรพั ยากรธรรมชาติในแตล่ ะ พนื้ ทเ่ี พื่อนำ� มาใช้ประโยชน์ในดา้ นการประกอบ อาชพี ตอ้ งพจิ ารณาวา่ ทรพั ยากรทางธรรมชาตทิ จ่ี ะตอ้ งนำ� มาใชใ้ นการประกอบอาชพี ในพนื้ ทมี่ หี รอื ไมม่ เี พยี งพอหรอื ไมถ่ า้ ไมม่ ี ผูป้ ระกอบการต้องพิจารณาใหมว่ ่าจะกอบอาชพี ทตี่ ัดสนิ ใจเลือกไว้หรือไม่ 2. ศักยภาพของพื้นท่ีตามหลักภูมิอากาศ หมายถึง ลักษณะของลมฟ้าอากาศท่ีมีอยู่ประจ�ำท้องถิ่น ใดท้องถิ่นหน่ึง โดยพิจารณาจากค่าเฉล่ียของอุณหภูมิประจ�ำเดือน และปริมาณน�้ำฝนในช่วงระยะเวลา ต่างๆ ของปี เช่น ภาคเหนือของ ประเทศไทยมอี ากาศหนาวเยน็ หรอื เปน็ แบบสะวนั นา (Aw) คอื อากาศ รอ้ นชน้ื สลบั กบั ฤดแู ลง้ เกษตรกรรม กจิ กรรมทที่ ำ� ราย ไดต้ ่อประชากรในภาคเหนือ ได้แก่ การทำ� สวน ท�ำไร่ ทำ� นา และเลีย้ งสตั ว์ภาคใต้เป็นภาคทีม่ ีฝนตกตลอดทง้ั ปีท�ำใหเ้ หมาะแก่ การปลกู พืชเมืองร้อน ท่ีตอ้ งการความช่มุ ช้นื สูง เชน่ ยางพารา ปาลม์ น้ำ� มัน เปน็ ตน้ การประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ผูป้ ระกอบ อาชพี จำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณาเลอื กอาชพี ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพสภาพภมู อิ ากาศเพราะสภาพภมู อิ ากาศจะมี ความสมั พนั ธก์ บั การ ประกอบอาชีพ 3. ศกั ยภาพของภมู ปิ ระเทศและท�ำเลทีต่ ัง้ ของแตล่ ะพน้ื ที่หมายถึง ลกั ษณะของพื้นที่และทำ� เล ทตี่ ัง้ ในแต่ละพืน้ ที่ ซงึ่ พน้ื ที่แต่ละทำ� เลจะมีลกั ษณะแตกตา่ งกนั เช่น เปน็ ภเู ขา ที่ราบสงู ท่ีราบลมุ่ ที่ราบ ชายฝ่งั ส่ิงทเี่ ราต้องศึกษาเก่ยี วกบั ลกั ษณะ ภูมิประเทศเช่น ความกว้างความยาวความลาดชัน และความ สูงของพ้ืนท่ี เป็นต้น การประกอบอาชีพใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะ เปน็ การผลติ การจา หนา่ ย หรอื การใหบ้ รกิ าร กต็ ามจำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณาถงึ ทำ� เลทต่ี งั้ ทเ่ี หมาะสมและการคมนาคมขนสง่ ตา่ งๆ 4. ศกั ยภาพของศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ีชีวิตของแต่ละพน้ื ท่ี หมายถึง ลักษณะ วัฒนธรรม ประเพณแี ละ ความแตกตา่ งกนั ในการดำ� รงชวี ติ ของประชากรในพน้ื ท่ี ซงึ่ มผี ลตอ่ การประกอบอาชพี ผทู้ จ่ี ะประกอบอาชพี อาจตอ้ งพจิ ารณา และเลือกประกอบอาชพี ใหเ้ หมะสมกับวฒั นธรรม ประเพณีและวถิ ีชวี ิตของแต่ละพ้นื ที่ 5. ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพ้ืนที่ หมายถึง บุคคลที่อยู่ในพื้นท่ีท่ีต้องได้รับการพัฒนาความรู้ความคิด และสามารถการน�ำศักยภาพของแต่ละบุคคลในแต่ละพื้นท่ีมาใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างให้แต่ละ บุคคลเกิดทัศนคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพ เกิดความตระหนักในคุณค่าของตนเอง และเมื่อพิจารณาถึงทรัพยากรมนุษย์ใน แต่ละพื้นท่ี โดยเฉพาะภูมิปัญญาไทย แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป ความรู้สมัยใหม่จะหลั่งไหลเข้ามามาก แต่ภูมิปัญญาไทย ก็ สามารถปรบั เปลย่ี นใหเ้ หมาะสมกบั ยคุ สมยั ได้ การเลอื กหรอื การเขา้ สอู่ าชพี ตา่ งๆจำ� เปน็ ตอ้ งมกี าร พจิ ารณาในเรอื่ งนดี้ ว้ ยเพราะ การบริหารทรัพยากรมนุษย์น้ันจ�ำเป็นต้องมีการด�ำเนินการอย่างเป็นระบบ เพราะหากไม่ด�ำเนินการตามกระบวนการอย่าง เป็นระบบแล้ว จะก่อให้เกิดผลเสียต่อการประกอบอาชีพ ในอนาคตได้เพราะผลท่ีได้รับจากการบริหารนั้นไม่สอดคล้องกบ ความส�ำเร็จของการประกอบอาชพี เรือ่ งที่ 3 ตวั อย่างการวเิ คราะหศ์ กั ยภาพหลกั ของพ้นื ท่ี ตัวอย่างอาชีพ การเป็นตัวแทนจ�ำหน่ายที่พักและบริการท่องเท่ียวในแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในกลุ่มประเทศ ภมู ภิ าคอาเซยี นโดยใชค้ อมพวิ เตอรอ์ นิ เตอรเ์ นต็ สบื เนอื่ งจากความเปลยี่ นแปลงของประชาคมโลกทม่ี กี ารตดิ ตอ่ สอื่ สารกนั มาก ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ และกลมุ่ ประเทศอาเซยี นไดม้ นี โยบายใหเ้ กดิ ประชาคมอาเซยี นขน้ึ ซงึ่ หมายถงึ คนในภมู ภิ าคดงั กลา่ ว จะตดิ ตอ่ ไปมาหาสู่กันมากขึ้น และในการน้ีการเดินทางท่องเท่ียวของประชาชนก็จะมีมากขึ้นจากความ สนใจใคร่รู้ใคร่เห็นเก่ียวกับ ประเพณีวัฒนธรรมของชาติเพ่ือนบ้าน การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมบริการ ท่ีมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลกโดยมี เอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งแตกต่างจากอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ คือการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศเป็น เอกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิผเู้ รยี นรายบคุ คล 27 รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

จำ� นวนมหาศาลเมอ่ื เทยี บกบั รายไดจ้ ากสนิ คา้ อนื่ ๆ การขยายตวั ของอตุ สาหกรรมการทอ่ งเทยี่ วดงั กลา่ ว ทำ� ใหธ้ รุ กจิ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง กับการท่องเท่ียว ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารคมนาคม และขนส่ง มีการขยายตัวตามไปด้วยและการท่องเท่ียวยังถูกใช้ เปน็ เครือ่ งมอื ในการกระจายรายไดแ้ ละความเจริญไปสูภ่ ูมภิ าคต่าง ๆ ก่อใหเ้ กดิ การสร้างงานสร้างอาชพี ให้แกช่ มุ ชนในทอ้ ง ถ่ิน และยังมีบทบาทในการกระตุ้น ให้เกิดการผลิตและการน�ำเอาทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่าง เหมาะสม โดยอยู่บนรูปของสนิ คา้ และบรกิ ารเกย่ี วกับการท่องเทีย่ ว ดังนั้น การรวบรวมนา เสนอขอ้ มลู การให้บริการเก่ียวกบั การทอ่ งเทย่ี วโดยการเปน็ ตวกั ลางระหวา่ งสถาน ประกอบการผปู้ ระกอบการกบั ผใู้ ชบ้ รกิ าร จงึ เปน็ อาชพี ทน่ี า่ สนใจและมโี อกาส กา้ วหน้าสงู ดงั นั้นผ้เู รยี นจึงควรมีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ กีย่ วกับธรุ กจิ ทพี่ ักและการใหบ้ ริการการทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น การใชค้ อมพวิ เตอรอ์ นิ เตอรเ์ นต็ สำ� หรบั การเปน็ ตวั แทนจำ� หนา่ ย ระหวา่ งเจา้ ของผปู้ ระกอบ การการทอ่ งเท่ียวเชงิ วฒั นธรรมกบั ผูใ้ ช้บรกิ ารผา่ นทางอินเตอร์เนต็ การเจรจา ต่อรองในฐานะตัวแทนจ�ำหน่าย การประเมนิ ผลและพัฒนาธรุ กิจของตน การวเิ คราะห์ 5 ศกั ยภาพของพื้นที่ในกลุ่มอาชพี ใหม่ดา้ นอุตสาหกรรม ที่ ศกั ยภาพ รายละเอียดท่คี วรพจิ ารณาในประเดน็ 1 การวิเคราะหท์ รัพยากรธรรมชาติ ในแต่ละพนื้ ท่ี ข้อมูลของแหล่งทอ่ งเที่ยว 2 การวิเคราะหพ์ น้ื ท่ตี ามลักษณะภมู อิ ากาศ แหลง่ ท่องเท่ียวมีบรรยากาศท่เี หมาะสม 3 การวิเคราะหภ์ ูมปิ ระเทศและทำ� เลทีต่ ัง้ ของแตล่ ะพนื้ ที่ มีทำ� เลท่ตี ้ังในชุมชน สงั คม ท่ีมกี ารคมนาคมสะดวก 4 การวิเคราะห์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของ - ทุนทางสังคมและวัฒนธรรม การบริโภคของตลาดโลก แตล่ ะพื้นท่ี มีแนวโน้มกระแสความนยิ มสินคา้ ตะวันออกมากขน้ึ - มศี ลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณแี ละวถิ ชี วี ติ แบบดงั้ เดมิ และ เปน็ เอกลักษณ์ 5 การวิเคราะหท์ รัพยากรมนุษยใ์ นแตล่ ะพืน้ ที่ แรงงานมที กั ษะฝีมอื และระบบประกันสงั คม และมคี วาม สามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี หมายเหตุ ให้นกั ศึกษาได้ศกึ ษาเพมิ่ เติมไดจ้ ากหนังสอื เรยี น รายวิชาทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทร31001 28 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธ์ผิ ู้เรยี นรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

แบบทดสอบท้ายบทเรยี น ค�ำช้ีแจง จงเลือกคำ� ตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดยี ว 6. ขอ้ ใดคอื กลุม่ อาชพี ใหมท่ ่จี ะพัฒนา 5 ศักยภาพ 1. ทักษะการเรียนรู้ที่ส�ำคัญที่จะต้องน�ำมาพัฒนาการ ก. กลุม่ อาชพี ดา้ นอุตสาหกรรม ประกอบอาชีพ คอื ข้อใด ข. กลมุ่ อาชพี ดา้ นพาณชิ ยกรรม ก. ศกั ยภาพของพน้ื ท ี่ ค. กลุม่ อาชีพด้านการเกษตรกรรม ข. ศักยภาพของการตลาด ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. ศกั ยภาพของผปู้ ระกอบการ 7. ขอ้ ใดคือกลุม่ อาชพี ใหม่ดา้ นอตุ สาหกรรม ง. ศักยภาพของเศรษฐกจิ ชุมชน ก. กลุ่มเคร่ืองยนต ์ 2. การวเิ คราะห์ศกั ยภาพหลกั ของพ้นื ท่ใี นการพฒั นาอาชีพ ข. กลุ่มพฒั นาผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็นกข่ี ้อ ค. กลุ่มการผลิตวสั ดุก่อสร้าง ก. 2 ข้อ ง. กลุ่มคอมพวิ เตอร์และธรุ การ ข. 3 ข้อ 8. ข้อใดคือกลุม่ อาชีพใหม่ด้านความคดิ สร้างสรรค์ ค. 4 ขอ้ ก. กลุม่ เสอ้ื ผ้า ส่งิ ทอ ง. 5 ขอ้ ข. กลุ่มผ้ปู ระกอบการ 3. ข้อใดไมจ่ ัดอยูใ่ นการวิเคราะหศ์ กั ยภาพหลักของพน้ื ทใี่ น ค. กลมุ่ งานในสำ� นักงาน การพัฒนาอาชีพ ง. กล่มุ คมนาคมและการขนส่ง ก. ศักยภาพของพ้ืนทต่ี ามหลักภูมอิ ากาศ 9. ขอ้ ใดคอื กลมุ่ อาชพี ใหมด่ า้ นบรหิ ารจดั การและการบรกิ าร ข. ศกั ยภาพของการแขง่ ขนั ทางเศรษฐกิจ ก. กล่มุ สขุ ภาพ ค. ศักยภาพของทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแต่ละพ้ืนที่ ข. กลมุ่ ทอ่ งเที่ยว ง. ศกั ยภาพของภูมปิ ระเทศและท�ำเลทต่ี ้งั ของแตล่ ะ ค. กลมุ่ การซ่อมแซม พ้นื ที่ ง. ถูกทกุ ขอ้ 4. สังคมไทยเป็นเกษตรกรรม (agrarian society) คือ 10. ขอ้ ใดคือกลุ่มอาชีพใหมด่ า้ นพาณชิ ยกรรม ประชากรรอ้ ยละเท่าใด ทป่ี ระกอบอาชพี เกษตรกรรม ก. กลุ่มชา่ งตา่ ง ๆ ก. ร้อยละ 60 ข. การขายสินคา้ ทางอินเตอรเ์ นต็ ข. รอ้ ยละ 70 ข. กลมุ่ ศลิ ปะประดษิ ฐ์และอัญมณ ี ค. ร้อยละ 80 ง. การพฒั นาโปรแกรมดว้ ย Ms Access ง. รอ้ ยละ 90 5. กระทรวงศกึ ษาธิการไดก้ �ำหนด ยทุ ธศาสตร์พัฒนากลมุ่ อาชพี ใหมไ่ วก้ ่กี ลุ่มอาชพี ก. 3 อาชพี ข. 4 อาชพี ค. 5 อาชพี ง. 6 อาชีพ เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการ เพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธ์ิผู้เรยี นรายบคุ คล 29 รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

แบบทดสอบหลงั เรียน คำ� ช้แี จง จงเลือกค�ำตอบทถ่ี กู ต้องทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว 7. การคดิ เปน็ หมายถึง 1. การจดั ทำ� สารสนเทศเผยแพร่ความร้นู น้ั ข้อใดทีถ่ ูกตอ้ ง ก. การคดิ แก้ปญั หาส�ำเร็จชอบด้วยคณุ ธรรมอนั ดงี าม ทีส่ ดุ ข. คิดอยา่ งอัจฉริยะ ก. ชกั จูงใหค้ นคล้อยตามให้มากที่สดุ ค. ควบคมุ อารมณเ์ พราะ EQ ส�ำคญั ทสี่ ดุ ข. หาเหตผุ ลใหค้ นเชื่อมากทส่ี ุด ง. คิดแกป้ ญั หาด้วยวิธีการอนั แยบยล ค. เปน็ ความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละถูกตอ้ ง 8. ความสำ� คญั ของการคดิ เป็นคอื ง. ตามกระแสนยิ ม อยใู่ นเทรนด์ท่ีคนสว่ นใหญ่ชอบ ก. ท�ำให้คิดได้กวา้ งไกล 2. การจัดการความรู้ดว้ ยตนเองนน้ั สามารถท�ำได้โดยวิธใี ด ข. ทำ� ให้เข้าใจและยอมรบั ความจริงทเ่ี กดิ ข้นึ ก. สังเกต ค. ไม่จรงิ จังเคร่งเครียดจนเกนิ ไป ข. เชอื่ มโยงความรู้ ง. ถกู ทุกข้อ ค. ตัง้ คำ� ถาม – หาค�ำตอบ 9. ข้อใดคือประโยชน์และความส�ำคัญของการจัดการ ง. ถกู ทกุ ขอ้ เรียนรู้ 3. ขอ้ ใดไม่ใชห่ ลกั การในการพัฒนาตนเอง ก. การจัดการความรู้เป็นการเอือ้ ประโยชนต์ อ่ ธุรกิจ ก. การควบคุมตนเอง ทำ� ให้คนจัดการความรู้รำ�่ รวย ข. สั่งตนเอง ข. การจดั การความรู้ ทำ� ใหส้ ามารถหรอื ตดั สนิ ใจ ค. สญั ญากับตนเอง วางแผนดำ� เนินงานตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ชัดเจน ง. ก�ำกบั ตนเอง แมน่ ย�ำ 4. ขอ้ ใดเป็นความเชอ่ื พ้ืนฐานของการศกึ ษานอกระบบ ค. การจัดการความรู้ท�ำให้กล้าที่จะท�ำงานที่ยาก ก. ทุกคนมีความแตกต่างกัน ลำ� บาก ไม่ว่างานนั้นจะเสย่ี งอันตรายแค่ไหนกต็ าม ข. ทุกคนต้องการความสุข ง. การจดั การความรทู้ ำ� ใหไ้ ดเ้ ปรยี บคนอนื่ ไมม่ ใี ครสไู้ ด้ ค. ทุกคนต้องการการตดั สนิ ใจที่ถกู ตอ้ ง 10. วารสารเปน็ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทใด ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. ส่อื โสตทศั น์ 5. ขอ้ ใดนยิ ามคำ� วา่ “ปญั หา” ได้ดีทีส่ ดุ ข. สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ ก. สิ่งท�ำใหท้ นทุกข์ ลำ� บาก ค. ส่อื สิ่งพมิ พ์ ข. สิง่ ทอ่ี ัดอน้ั บอกไมถ่ ูก อธบิ ายยาก ง. วัสดุย่อสว่ น ค. ช่องวา่ งท่ยี งั ไมอ่ าจไปถึงเปา้ หมายท่พี งึ พอใจ 11. ขอ้ ใดคือลกั ษณะการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง ง. สภาวะที่ขัดข้องหมองใจ ก. การเรียนรูโ้ ดยการสาธิต 6. ขอ้ มูลในการคดิ เปน็ มอี ะไรบ้าง ข. การเรยี นรู้ท่ีไมพ่ ่งึ บุคคลอน่ื ก. ข้อมลู ตนเอง สังคม สงิ่ แวดล้อมและวิชาการ ค. การเรยี นรู้ที่ใชเ้ งนิ ทนุ ของตนเอง ข. ข้อมูลสารสนเทศและขอ้ มลู ความรู้ ง. การเรียนรู้ทีเ่ น้นผ้เู รยี นเปน็ ศูนย์กลาง ค. ขอ้ มลู ทั่วไปและขอ้ มูลขดั แย้ง ง. ขอ้ มลู อักษร ข้อมูลภาพ ตวั เลข เสยี ง 30 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการ เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ผ้เู รยี นรายบุคคล รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

12. ปจั จยั สำ� คญั ส�ำหรับผ้ทู ่ีเรยี นรดู้ ้วยตนเองคอื ขอ้ ใด 17. ค�ำกล่าวท่ีว่า “ทุกคนมีพรสวรรค์ แต่ความสามารต้อง ก. การมีครอบครัวทด่ี ี อาศยั ความเพียร” เป็นคำ� ของใคร ข. การมีเพื่อนบ้านทด่ี ี ก. ไมเคลิ จอร์แดน ค. การมเี พ่ือนร่วมงานทดี่ ี ข. ขงจือ้ ง. การมคี วามพรอ้ มในการเรียนรทู้ ่ดี ี ค. โธมัส เอดสิ นั 13. การเรียนรู้แบบใดที่นักศึกษาสามารถน�ำไปใช้ให้เกิด ง. จอรน์ ดี รอ๊ กกเี ฟลเลอร์ ประโยชนไ์ ดม้ ากทสี่ ุด 18. ข้อใด ไม่ใช่ พื้นฐานของการศึกษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง ก. การเรยี นรู้โดยกลุ่ม ก. ทกั ษะการฟงั ข. การเรียนรดู้ ้วยตนเอง ข. ทกั ษะการเขยี น ค. การเรียนรโู้ ดยบงั เอญิ ค. ทกั ษะการคิด ง. การเรียนร้จู ากสถาบันการศกึ ษา ง. ทกั ษะการพดู อา่ น 14. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ รูปแบบการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 19. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ปัญหาของการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ก. การใชโ้ ครงการเรียน ก. ไม่มเี วลาจะศกึ ษาดว้ ยตนเอง ข. การทำ� สญั ญาการเรียน ข. ไม่กล้าท่จี ะเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง ค. การเรียนแบบตวั ตอ่ ตวั ค. ไม่มีงบประมาณไปศกึ ษาแหลง่ เรียนรู้ ง. การเรยี นรู้แบบบรรยาย ง. ไมม่ ีเคร่อื งมอื เขา้ ถึงแหล่งเรยี นรู้ 15. นักศกึ ษาสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรไู้ ด้โดยวิธีใด 20. แหล่งเรียนรู้ในข้อใดที่นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ตลอด ก. การชนื่ ชม ชวี ติ ข. การถอดบทเรียน ก. โรงเรียน ค. การถอดองคค์ วามรู้ ข. โรงพยาบาล ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. ชุมชน 16. ขอ้ ใด ไม่ใช่ วิธกี ารฝกึ ทกั ษะเพอื่ การเรยี นรู้ ง. มหาลัย ก. ฝกึ สงั เกต ฝกึ บันทึก ข. ฝกึ การเขยี น ฝึกการคัดลอก ค. ฝกึ ตั้งค�ำถาม ฝกึ แสวงหาค�ำตอบ ง. ฝึกบรู ณาการเชื่อมโยงความรู้ ฝกึ การน�ำเสนอ เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการ เพ่อื ยกระดับผลสมั ฤทธ์ิผู้เรียนรายบุคคล 31 รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 1. ก 2. ง 3. ก 4. ง 5. ง 6. ก 7. ก 8. ง 9. ข 10. ง 11. ค 12. ค 13. ข 14. ข 15. ก 16. ง 17. ก 18. ง 19. ค 20. ง เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทที่ 1 1. ก 2. ง 3. ข 4. ก 5. ค 6. ก 7. ค 8. ข 9. ก 10. ข เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทท่ี 2 1. ค 2. ง 3. ง 4. ง 5. ง 6. ข 7. ง 8. ก 9. ค 10. ก เฉลยแบบทดสอบท้ายบทเรยี น บทท่ี 3 1. ง 2. ง 3. ข 4. ง 5. ง 6. ก 7. ค 8. ก 9. ง 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทเรียน บทที่ 4 1. ค 2. ข 3. ข 4. ข 5. ง 6. ง 7. ค 8. ง 9. ค 10. ก เฉลยแบบทดสอบบทเรียน บทที่ 5 1. ง 2. ง 3. ก 4. ก 5. ง 6. ง 7. ข 8. ค 9. ค 10. ง เฉลยแบบทดสอบบทเรียน บทท่ี 6 1. ก 2. ง 3. ข 4. ค 5. ค 6. ง 7. ก 8. ค 9. ง 10. ข เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 1. ค 2. ง 3. ข 4. ง 5. ค 6. ก 7. ก 8. ก 9. ง 10. ค 11. ง 12. ง 13. ข 14. ง 15. ง 16. ง 17. ก 18. ค 19. ข 20. ค 32 เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธิผ์ ูเ้ รียนรายบคุ คล รายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

แบบบนั ทึกการพัฒนาทกั ษะวชิ าการเพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบคุ คล การทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 *********************** ชอ่ื - สกลุ ...................................................................................................... รหสั นกั ศึกษา...................................................... กศน.ตำ� บล..................................................................... กศน.อ�ำเภอ............................................................ จงั หวดั ขอนแกน่ จากการที่ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้จากแบบเรียน และสรุปเน้ือหาจากบทเรียน ตามเอกสารเล่มน้ีแล้ว ผู้เรียนสามารถ ทราบไดว้ า่ ทำ� แบบทดสอบในบทเรยี นตา่ ง ๆ ถกู ตอ้ งจำ� นวนกข่ี อ้ โดยการบนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ การพฒั นาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี น รายบคุ คล ดงั น้ี ท่ี แบบประเมนิ คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้ ผลการประเมนิ 1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 20 2 แบบทดสอบหลงั เรียน 20 เกณฑ์การประเมินผลการพัฒนา แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน เมอ่ื ท�ำแบบทดสอบกอ่ นเรียน และแบบทดสอบหลังเรยี น ซ่งึ มแี บบทดสอบ 20 ขอ้ ผ้เู รยี นสามารถทราบได้ว่ามีความ ร้อู ยใู่ นระดบั ใด ดังนี้ จำ� นวนข้อสอบที่ผเู้ รยี นทำ� ถูกตอ้ ง อยู่ในระดบั หมายเหตุ 18 - 20 ขอ้ ดีมาก 16 - 17 ข้อ ดี 14 - 15 ขอ้ 10 - 13 ข้อ ปานกลาง ต�ำ่ กว่า 10 ขอ้ พอใช้ ควรปรบั ปรงุ หมายเหตุ : ผลจากการประเมิน ผ้เู รยี นสามารถน�ำไปปรบั ปรงุ ตนเองเพอ่ื ให้เกดิ การพัฒนาตอ่ ไป เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิผูเ้ รียนรายบุคคล 33 รายวชิ า ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

แบบบนั ทึกการพัฒนาทักษะวชิ าการเพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ผูเ้ รียนรายบคุ คล แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001 *********************** ชื่อ - สกลุ ...................................................................................................... รหัสนกั ศึกษา...................................................... กศน.ต�ำบล..................................................................... กศน.อำ� เภอ............................................................ จงั หวัดขอนแก่น จากการท่ีผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้จากแบบเรียน และสรุปเนื้อหาจากบทเรียน ตามเอกสารเล่มน้ีแล้ว ผู้เรียนสามารถ ทราบไดว้ า่ ทำ� แบบทดสอบในบทเรยี นตา่ ง ๆ ถกู ตอ้ งจำ� นวนกขี่ อ้ โดยการบนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ การพฒั นาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี น รายบคุ คล ดงั นี้ บทท่ี รายการ คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้ ผลการประเมนิ 1 บทท่ี 1 การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง 10 2 บทที่ 2 การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ 10 3 บทท่ี 3 การจัดการความรู้ 10 4 บทท่ี 4 คดิ เป็น 10 5 บทท่ี 5 ความหมาย ความสำ� คัญของการวจิ ยั 10 6 บทที่ 6 ทักษะการเรียนรแู้ ละศกั ยภาพหลักของพ้ืนทีใ่ นการ 10 พัฒนาอาชีพ เกณฑก์ ารประเมินผลการพฒั นา แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน เมอ่ื ทำ� แบบทดสอบท้ายบทเรยี นในแต่ละบทเรียน ซึง่ มแี บบทดสอบบทละ 10 ขอ้ ผ้เู รยี นสามารถทราบได้ว่ามคี วาม รอู้ ยูใ่ นระดบั ใด ดังน้ี จำ� นวนข้อสอบทผ่ี ู้เรยี นท�ำถกู ตอ้ ง อยใู่ นระดับ หมายเหตุ 9 - 10 ขอ้ ดีมาก 8 ขอ้ ดี 7 ข้อ 6 ข้อ ปานกลาง พอใช้ ต่ำ� กว่า 6 ขอ้ ควรปรบั ปรุง หมายเหตุ : ผลจากการประเมิน ผู้เรียนสามารถน�ำไปปรบั ปรงุ ตนเองเพ่ือให้เกิดการพฒั นาต่อไป 34 เอกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธิผ์ ู้เรยี นรายบุคคล รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

บรรณานกุ รม จรรยา จิรชวี ะ. (2561). หนงั สือเรียนสาระทักษะการเรียนรู้ รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ (ทร 31001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย. กรุงเทพฯ : บริษทั เจ.ด.ี แอสโซซิเอท จำ� กดั . ส�ำนกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย. (2559). เอกสารสรปุ เนอ้ื หาที่ตอ้ งรู้ รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ทร 31001) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551. เข้าถงึ ไดจ้ าก http://203.159.251.144/pattana/pat%20-%20 bookmedia1.html. สำ� นักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย. (2560). หนงั สือเรียน รายวชิ าบงั คบั รายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ทร 31001) หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. เข้าถึงได้จาก http://203.159.251.144/pattana/pat%20-%20 bookmedia1.html. เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธผ์ิ เู้ รียนรายบคุ คล 35 รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ทป่ี รกึ ษา คณะผจู้ ดั ท�ำ 1. นายถาวร พลีด ี 2. พ.อ.อ.กฤชพล พรมล ี ผอู้ �ำนวยการสำ� นักงาน กศน.จังหวัดขอนแกน่ 3. ผอู้ ำ� นวยการ กศน.อ�ำเภอ รองผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งาน กศน.จังหวัดขอนแกน่ คณะทำ� งาน สงั กดั ส�ำนักงาน กศน.จังหวดั ขอนแก่น 1. นางสาวนรุ ัต วรกฎ ผ้อู ำ� นวยการ กศน.อำ� เภอบ้านฝาง 2. นางสุภิญญา บุตรกัณหา ครูชำ� นาญการพเิ ศษ กศน.อ�ำเภอบา้ นฝาง 3. นางสาวภัคภญิ ญา หว่างจิตร ์ ครชู ำ� นาญการ กศน.อ�ำเภอพระยนื 4. นางสาวสิรนิ ทรา โพธศิ์ รี ครผู ู้ชว่ ย กศน.อำ� เภอบ้านฝาง 5. นางสาวมัณฑนา มูลกณั ฐ์ ครผู ชู้ ว่ ย กศน.อ�ำเภอเมืองขอนแกน่ 6. นางสาวนฤมล เผา่ มงคุณ ครูผู้ช่วย กศน.อ�ำเภอบ้านแฮด บรรณาธิการ รองผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งาน กศน.จังหวัดขอนแก่น 1. พ.อ.อ. กฤชพล พรมลี ผ้อู �ำนวยการ กศน.อำ� เภอบา้ นฝาง 2. นางสาวนรุ ัต วรกฎ ผูอ้ ำ� นวยการ กศน.อำ� เภอโนนศิลา 3. นางบุญญรัตน์ พงษส์ มชาติ ครชู ำ� นาญการพิเศษ กศน.อำ� เภอบ้านฝาง 4. นางสภุ ญิ ญา บตุ รกณั หา ครชู �ำนาญการ กศน.อำ� เภอพระยนื 5. นางสาวภัคภิญญา หวา่ งจติ ร ์ นกั จดั การงานทัว่ ไป พมิ พ์/รูปเล่ม นักวิชาการศึกษา 1. นายธนกฤษ โคตรภกั ดี นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผน 2. นางวนั เพ็ญ ผานาค นกั วชิ าการศึกษา 3. นางสาวยลดา พทุ ธสอน 4. นายธีรวัฒน์ ถมหนวด 36 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ผิ เู้ รียนรายบุคคล รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการ เพอื่ ยกระดับผลสมั ฤทธผ์ิ ้เู รยี นรายบุคคล ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รายวชิ า คณิตศาสตร์ พค31001 ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สำ� นักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั ขอนแกน่ สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ส�ำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร



คานา เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการเพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธผิ์ เู้ รียนรายบคุ คล เล่มน้ี เป็นเอกสารท่ี จัดทาขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง ให้เกิดการพัฒนาทักษะทาง วิชาการ และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นการพัฒนาต่อเน่ืองจากเอกสารพัฒนาทักษะวิชาการ ผู้เรียนรายบุคคล มีรายละเอียดสรุปเน้ือหาตามรายวอชา คณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย แบบทดสอบหลังเรียนและแบบบันทึกการพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล เพ่ือให้ ผเู้ รียนได้ประเมินและพัฒนาตนเองอยา่ งตอ่ เนือ่ งให้มีพ้ืนฐานความรู้เพียงพอกบั การศกึ ษาตามระดับและ มคี วามรู้เพมิ่ เตมิ ในการนาไปพฒั นาทกั ษะทางวิชาการให้มผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนท่ีสงู ขึน้ คณะผู้จัดทา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา ในการศึกษา เรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 และขอขอบคุณ ทุกทา่ นทม่ี สี ่วนร่วมในการทาเอกสารเลม่ นี้ให้สาเร็จ ลลุ ่วงด้วยดี สานกั งาน กศน.จังหวดั ขอนแก่น

หนา้ สารบัญ คำ�น�ำ สารบัญ คานา หน้า บ แ คขบโ บ คบอ�ำททท ร ชบบททท ง ้ีแขทสี่่ี่ี จ213สสแแสา่รดงยบบรรรา้ สบบแขคโสเเจกปุุปุปซเงลคบบอ�ำบอานาาททกตเเเขรททนรชรบบนนนบ้ือททา งยบใ้ีแดดวกรอ้ืื้ออ้ืหขทสชี่ี่กนัญจสส2แ1สเสแอ่า่หหหารเ้ดรกงอแออบบรยรนา้าาาียสเจำ�กุปุปกลบบเงลบบ เน ลอานารกะสเเขททททนรงับรนนยีอ้ืากายทา้า้้ดูใดดวนกร้อื้อืหราชกยย้วนม่ีสสเ่อพหห ราเ้รกบบยอเีแออดนาาัฒยีลาตททลบบก�ำเนลขนนรเเ ะเสททรรังชรนียเากายยีีท้าา้ดู้อ้ีกนินทารยยนนม่ีว้งำ�กรพกับบย ลีเดาษลัฒททตังราขะเนเเน เป รรวชนเาียยีน็ชิอกี้นิทนนาจงากักกลำ�าษานงั รรเะ วปเวน พ็นิชตอ่ื จารยการกนาก รรวยะเนพะ ดต ือ่บั รยผรกกล รยสะะัมด ฤ ับทผธ ล์ิผส้เู รมั ยี ฤ นทร ธา์ิผยเู้ บรยีุค นค รลายบุค ค ล 41736 1 แบบบทททดี่ 3สอเบซตทา้ ยบทเรยี น 10 3 4 6 บทท่ี 4 การใหส้เรหปุ ตเผุ นลอ้ื ห า 7 สรุปเนอ้ื แหบาบ ทดสอบ ท้ายบทเ รียน 11 10 แบบบทททดี่ 4สอกบาทรใ้าหยเ้บหทตเุผรลยี น 13 บ บบบ ทททท ทททท ี่ี่ี่ี่ 5687สแสสสแแแบบบบรรรรบบบสคอกปปปุปุุุ บบบบถาัตทวททเเเเททททราตินนนนรทททใมดดดดาเิื้ือ้อ้ืออ้ืชี่่ี่ีบสน76แ5สแสแสสสสสแหหหห้เ้ือ่วคบบรบรบรา่ออออราาาาสกอนงุปจปุุปปุรบบบบบบบบ ถาัตตอ่ืะตเเเเททททททททริตนนนนร้นเงรใป้้้าา้าาดดดดาเิม้อืื้ออ้ื้อืีโ ชบยยยยสกสสสน็สหอืหหหเ้ บบบบื้อว่ณคออออแาาาา นงททททรบบบบลมตต่อืเเเเ ททททะติรรรร้นรงก้า้า้าียีียียยา้แิมีโยยยยานนนนกลือรบบบบณ ะแอททททกลมอเเเเาะติรรรกร รกยียียีียิแแนานนนนลบ�ำ ระไบอปกผอใาลชกร ิต ้แนภบาัณไบปผฑใลช ์ ติ ้ ภณั ฑ์ 3112223102934278 11 แบบทดบสอทบทห่ี 8ลังคเวรายี มนน า่ จะ เป็น 33 13 14 17 18 22 23 30 เฉลยแบบทดสสอรบปุ เนอื้ หา 35 31 แบบบนั ทึกกาแรพบบฒั ทนดาสทอกั บษทะา้วยชิ บากทาเรยีเพน่อื ยกระดับผลสัมฤทธผ์ิ ้เู รยี นรายบุคคล 33 แแบบบบททดดสสออบบหกลอ่ งั นเรเรยี ียนนและหลงั เรียน 36 34 เกณฑก์ ารประเมินผลการพัฒนาทกั ษะ แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน 36 แบบบนั ทกึ การพัฒนาทกั ษะวชิ าการเพ่อื ยกระดบั ผลสมั ฤทธผ์ิ ู้เรยี นรายบุคคล แบบทดสอบทา้ ยบทเรยี น 37 เกณฑ์การประเมินผลการพัฒนา แบบทดสอบท้ายบทเรยี น 37 บรรณานกุ รม 38 คณะผ้จู ัดทำ� 39

คาชี้แจงการใชเ้ อกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการเพือ่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธผ์ิ ู้เรยี นรายบุคคล ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย รายวิชาคณติ ศาสตร์ พค31001 เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการเพ่ือยกระดับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนรายบุคคล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชา คณิตศาสตร์ พค31001 เล่มนี้ จัดทาขึ้นเพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ความสามารถทางด้าน วิชาการในรายวิชาบังคับ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในการศึกษาเอกสารเลม่ นผ้ี ู้เรียนควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. ผเู้ รียนสารวจรายวชิ าทตี่ นเองลงทะเบยี นเรยี นในรายวิชา คณิตศาสตร์ รหสั พค31001 2. ผู้เรียนศึกษารายละเอยี ดว่าต้องเรียนรู้เนอ้ื หาในเรอ่ื งใดบา้ งในรายวชิ านี้ 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่อื ทราบพ้นื ฐานความรู้เดิมของผเู้ รียน โดยตรวจสอบคาตอบ จากเฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นท้ายเล่ม 4. ศึกษาเนื้อหาสาระในแต่ละบทเรียนให้เข้าใจ และทาแบบทดสอบท้ายบทเรียน ผู้เรียน สามารถตรวจสอบคาตอบได้จากเฉลยท้ายเลม่ 5. เมื่อศึกษาเนือ้ หาสาระครบทุกบทเรียนแล้ว ให้ผู้เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนและตรวจ คาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม ผู้เรียนควรทาแบบทดสอบหลังเรียนให้ได้คะแนนมากกว่าแบบทดสอบก่อน เรยี น 6. ให้ผู้เรียนบันทึกคะแนนผลการทดสอบรายวิชาคณิตศาสตร์ พค31001 ในแบบบันทึก การพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล (อยู่ท้ายเล่ม) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง 7. ให้ผู้เรียนศึกษาเพ่ิมเติมได้จากแบบเรียนรายวิชา คณิตศาสตร์ พค31001 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 และส่ือออนไลนอ์ นื่ ๆ

โครงสร้างการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง สาระสำ�คัญ มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั จำ�นวนและตวั เลข เศษส่วน ทศนยิ มและร้อยละ การวดั เรขาคณิต สถิตแิ ละ ความน่าจะเปน็ เบื้องตน้ ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวัง 1. ระบหุ รือยกตวั อย่างเกย่ี วกับจำ�นวนและตัวเลข ทศนยิ มและรอ้ ยละ การวดั เรขาคณติ สถติ ิ และความน่า จะเป็นเบ้อื งตน้ ได้ 2. สามารถคิดคำ�นวณและแกโ้ จทยห์ าเกย่ี วกบั จ�ำ นวนนบั เศษสว่ น ทศนยิ ม ร้อยละ การวัด เรขาคณิตได้ ขอบข่ายเนอ้ื หา บทท่ี 1 จ�ำ นวนและการด�ำ เนินการ เรอื่ งที่ 1 ความสมั พันธข์ องระบบจ�ำ นวนจรงิ เรอ่ื งท่ี 2 สมบัติของการบวก กาลบ การคณู และการหารจ�ำ นวนจริง เรื่องท่ี 3 สมบัติการไมเ่ ทา่ กนั เรอ่ื งท่ี 4 คา่ สัมบูรณ์ บทที่ 2 เลขยกกำ�ลงั ทมี่ ีเลขชก้ี �ำ ลงั เปน็ จ�ำ นวนตรรกยะ เรื่องที่ 1 จ�ำ นวนตรรกยะและอตรรกยะ เร่อื งท่ี 2 จ�ำ นวนจริงในรปู กรณฑ์ เรือ่ งที่ 3 การบวก การลบ การคูณ และการหาร เลขยกกำ�ลังท่มี เี ลขชกี้ ำ�ลงั เปน็ จำ�นวนตรรกยะ และจ�ำ นวนจริงในรปู กรณฑ์ บทท่ี 3 เซต เรอ่ื งที่ 1 เซต เรอ่ื งที่ 2 การด�ำ เนนิ การของเซต เร่อื งที่ 3 แผนภาพเวนน ์ - ออยเลอร์และแก้ปัญหา บทท่ี 4 การให้เหตุผล เรอ่ื งท่ี 1 การให้เหตุผล เรือ่ งที่ 2 การอ้างเหตผุ ลโดยใช้แผนเวนน์ - ออลเลอร์ บทที่ 5 อตั ราส่วนตรโี กณมติ แิ ละการนำ�ไปใช้ เรอ่ื งท่ี 1 อัตราสว่ นตรโี กณมติ ิ เรอ่ื งท่ี 2 การหาคา่ อัตราส่วนตรโี กณมติ ิของมุม 30 ,45 ,60 องศา เรื่องที่ 3 การนำ�อัตราสว่ ยตรโี กณมิตไิ ปใช้แก้ไขปญั หาเก่ยี วกับหาระยะทางและ ความสูงและการวดั บทที่ 6 การใช้เครื่องมือและการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ เรื่องท่ี 1 การสรา้ งรปู ทรงเรชาคณิตโดยใชเ้ ครือ่ งมือ เรอ่ื งที่ 2 การแปลงทางเรขาคณติ บทที่ 7 สถิติเบอ้ื งตน้ เรอ่ื งที่ 1 การวิเคราะห์ขอ้ มูลเบ้อื งต้น เรอื่ งท่ี 2 การหาค่ากลางของขอ้ มลู โดยใช้คา่ เฉลย่ี คณิต มัธยมฐาน และฐานนิยม เรื่องที่ 3 การนำ�เสนอข้อมูลสถติ ิ บทท่ี 8 ความนา่ จะเป็น เร่ืองท่ี 1 กฎเบ่อื งต้นเกยี่ วกับการนับและแผนภาพต้นไม้ เรื่องท่ี 2 ความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณ์ เรื่องที่ 3 การน�ำ ความน่าจะเปน็ ไปใช้

แบบทดสอบก่อนเรยี น คาชแี้ จง จงเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพียงคาตอบเดยี ว 1. ข้อความใดข้อใดถูกต้อง ก. π เปน็ จานวนอตรรกยะ 7. ถ้า A = {1 , 2 , 3} , B = {2 , 3 , 4} , A ⊂ X ข. ������������ เปน็ จานวนตรรกยะ และ B ⊂ X แลว้ X จะมจี านวนสมาชิกนอ้ ย 2 ท่สี ุดกตี่ ัว √3 ค. 2 เปน็ จานวนตรรกยะเพราะอยู่ในรูป ก. 5 ตวั ข. 4 ตัว 0 เศษส่วน ค. 2 ตวั ง. 1 ตวั ������������ ง. เป็นจานวนตรรกยะ 8. กาหนด n(A) = 5, n(B) = 4 และ P(A ∪ B) 2. 4 ≤ X ≤ 6 มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด มสี มาชิก 128 ตัว แลว้ (A - B) ∪(B - A) มี ก. |5 − ������������| ≤ 1 สมาชกิ ท้งั หมดกตี่ วั ข. |5 − ������������| ≥ 1 ก. 2 ตวั ข. 3 ตัว ค. |������������ − 5| ≤ 1 ค. 4 ตัว ง. 5 ตวั ง. |������������ − 5| ≥ 1 9. ข้อความในขอ้ ใดมีความสมเหตุสมผล ก. หน่ึงบวกสองได้สาม 3. ข้อใดเปน็ คาตอบของ √150 - √24 ข. ขนมจีนตอ้ งกินกบั นา้ ยา ก. 2√6 ข. 6√3 ค. มมี ะมว่ งตอ้ งมนี ้าปลาหวาน ค. 3√6 ง. 3√3 ง. พี่ชอบทหารอากาศ น้องชอบก็ชอบทหาร 4. ขอ้ ใดเป็นคาตอบของสมการ 8×+1 = อากาศด้วย 16×−3 10. ถา้ X cos2 30° tan2 30° = 1 แล้ว X มีคา่ เทา่ ใด ก. 9 ข. 11 ก. 3 ข. 4 ค. 13 ง. 15 ค. 5 ง. 6 5. จงหาค่าของ (34)−2 ÷ (49)3 × 11. ในรปู △ABC รปู หนง่ึ มีมุมฉากท่ี C ถ้า (1267)−1 a + c =281 และ cos B = 0.405 จงหา a ก. 4 ข. 8 ค. 12 ง. 16 ก. 200 ข. 120 ค. 101 ง. 81 6. ขอ้ ใดเปน็ เซตอนันต์ 12. จงหาค่าของ 3cos135° + 4sin135° ก. {{ 1 , 2 , 3 , ...}} ก. 3.5 ข. 3.6 ข. เซตของพลเมอื งในโลก พ.ศ. 2544 ค. 2.7 ง. 1.8 ค. { 1 , 2 , 3 , ...} ง. { 2 , 4 , 6 , ...}