ตลอดเหตุการณ์ความตึงเครียดที่เวียดนามบุกรุกกัมพูชา รวมทั้ง เสนอให้สหรัฐอเมริกาตั้งฐานทพั ถาวรเพ่อื ประกนั ความม่ันคง ขณะ เดียวกันไทยก็ทำ�งานร่วมกับสหประชาชาติและสมาคมประชาชาติ แหง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (*อาเซียน) ในการกดดันใหเ้ วยี ดนาม ถอนกองทัพและอำ�นาจในการควบคุมรัฐบาลกัมพูชา และขอให้ สาธารณรัฐประชาชนจีนสนับสนุน และช่วยเหลือกองทุนในการทำ� สงครามกบั เวยี ดนาม ในชว่ งเวลาเดยี วกบั ทเ่ี วยี ดนามบกุ กมั พชู านน้ั จีนกท็ ำ�สงครามกบั เวียดนามดว้ ย เพราะจนี เป็นปรปักษ์กบั โซเวยี ต ซงึ่ จนี คดิ วา่ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ เวยี ดนาม ประเทศเหลา่ นไี้ มไ่ ดก้ ดดนั เวยี ดนาม โดยตรง หากแตใ่ ชว้ ธิ กี ดดนั โดยการปดิ ดา่ นบรเิ วณชายแดนไทย-ลาว และตดั ขาดการคา้ ของลาวกบั ภายนอก ท้งั สนบั สนนุ กลมุ่ กองกำ�ลงั ตดิ อาวธุ ในกมั พชู า และอ�ำ นวยความสะดวกในการสง่ เสบยี งจากจนี ผ่านดินแดนไทย และสนับสนุนการสู้รบของฝ่ายขวาอย่างลับๆ ใน การตอ่ ตา้ นรฐั บาลกมั พชู าและลาว กลมุ่ ประเทศเหลา่ นที้ �ำ งานอยา่ ง หนักและต่อเน่ืองยาวนานที่จะช่วยขบวนการกัมพูชาเสรีรวมชาติ ภายใต้การนำ�ของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สหี นุ ในเวลาเดียวกันนี้ ประเทศไทยก็แบกภาระผู้ล้ีภัยจำ�นวน มหาศาลจากกัมพูชาและลาว ซึ่งมีผลต่อกลุ่มฝ่ายซ้ายที่ต่อต้านรัฐ ไทยหลายปีก่อนหน้าน้ี ซ่ึงถ้าการปฏิวัติของชาวเวียดนาม (หรือ พอลพต หรือขบวนการปะเทดลาว) เป็นคลื่นแห่งอนาคตแลว้ ละก็ แลว้ อนาคตซงึ่ คือปจั จุบันนเี้ ล่า มนั ไม่ได้นานเกนิ ไปทีจ่ ะทำ�ให้พวก ฝ่ายซ้ายไทยเห็นวา่ ผลของการปฏวิ ตั กิ เ็ ปน็ แคส่ ่งิ หลอกลวง เรม่ิ มคี วามชดั เจนมากยง่ิ ขน้ึ ในชว่ งตน้ ทศวรรษ 1980 (2523- 2532) เมื่อสงครามอินโดจีนได้ยุติลง หากแต่กลับไม่ได้นำ�มาซ่ึง สนั ตภิ าพ ความมนั่ คงหรอื ความมงั่ คง่ั มาสดู่ นิ แดนน้ี ปญั หาทรี่ นุ แรง ยงั คงด�ำ รงอยู่ อนั ตรายจากสถานการณร์ ะหวา่ งประเทศ โดยเฉพาะ 11 | การเรม่ิ ตน้ ใหม่ 555
อยา่ งยงิ่ การตอ่ สูร้ ะหว่างคอมมิวนสิ ต์อินโดจนี ภาวะเงนิ เฟ้อ และ ปญั หาทางเศรษฐกจิ ทเ่ี รมิ่ ปรากฏขน้ึ เมอื่ ราคาน�ำ้ มนั ปโิ ตรเลยี ม และ พลังงานถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะงัก งนั ความยงุ่ ยากในการตดั สนิ ใจวา่ จะท�ำ อยา่ งไรเพอื่ ใหอ้ ภมิ หาอ�ำ นาจ อาจจะหรอื ไมอ่ าจสามารถท�ำ งานรว่ มกนั ได้ ในการสรา้ งสรรคส์ นั ตภิ าพ เงอ่ื นไขประการหนง่ึ คอื ปญั หาของทอ้ งถน่ิ แมจ้ ะมกี ารบรรเทาปญั หา การแบ่งแยกดินแดนในชนบทให้ลดน้อยลง แต่ชาวชนบทยังคงมี ศกั ยภาพในการสรา้ งปญั หาไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ความรสู้ กึ แตกตา่ งทาง พ้ืนฐานของกลุ่มมุสลิมภาคใต้ของไทยทวีมากขึ้น กลุ่มชาวเขาโดย เฉพาะอย่างย่ิงในภาคเหนือที่ถูกเอาเปรียบและถูกกระทำ�อย่างไม่ เทา่ เทยี ม เมอ่ื ถกู น�ำ มาผนวกรวมเขา้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของชาตไิ ทย หรอื แมแ้ ตอ่ าจจะไมถ่ กู รวมเขา้ มากต็ าม ภาคการเกษตรในระบบเศรษฐกจิ ไมส่ ามารถขยายตวั รองรบั การเตบิ โตของประชากร และภาคอตุ สาห กรรมใหมก่ ไ็ มส่ ามารถขยายตลาดรองรบั ผวู้ า่ งงานไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ การเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่าน้ีทำ�ให้ประเทศไทยชะงักงัน ภายใต้โครงสร้างการเมืองและสังคมแบบอนุรักษนิยม กลุ่มทหาร และกลมุ่ ขา้ ราชการจ�ำ นวนมากเปน็ กลมุ่ ผลประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั ประโยชน์ บอ่ ยๆ ทพี่ วกเขาไมส่ ามารถจะรวมตวั กนั ไดใ้ นเรอ่ื งผลประโยชนข์ อง ชาติ หากแตต่ อ่ สแู้ กง่ แยง่ เพอื่ ผลประโยชนข์ องกลมุ่ ตนอยา่ งเหน็ แก่ ตวั ส�ำ หรบั ครง่ึ ศตวรรษของประสบการณป์ ระชาธปิ ไตย ประเทศไทย ไมเ่ คยมคี วามมนั่ คงในสถาบนั การเมอื ง ในการสรา้ งความส�ำ เรจ็ ดา้ น การต่อรองกบั กลุ่มผลประโยชน์ เพ่อื พัฒนาและเปลย่ี นแปลงสงั คม กล่มุ ทม่ี อี ำ�นาจการปกครองไมไ่ ดท้ ำ�งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งนานพอ และ ทงั้ หมดนไี้ มไ่ ดส้ รา้ งความจงู ใจแกผ่ นู้ �ำ ทเี่ ขม้ แขง็ อกี เลย ขณะทห่ี ลาย สงิ่ หลายอยา่ งยงั ใชจ้ ารตี เดมิ ๆ โครงสรา้ งสว่ นบนของสงั คมยงั คงเปน็ สงั คมแบบชนชน้ั ซง่ึ รกู้ นั ดวี า่ เปน็ ของนกั การเมอื งกบั นกั ธรุ กจิ กลมุ่ 556 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบบั สงั เขป
ชนชน้ั กลางจ�ำ นวนมากขณะนร้ี สู้ กึ วา่ การเมอื งเปน็ เรอ่ื งของพวกเขา ด้วยเช่นกัน และก็ไม่เช่ือว่ากองทัพจะกลับไปใช้อำ�นาจเผด็จการ ทหารจากปากกระบอกปืนอีก แต่การยอมรับอำ�นาจของสถาบัน กษัตริย์ยังคงมีอยู่ ในขณะที่คนส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าจะไม่มีการ กลบั ไปสยู่ คุ เผดจ็ การทางทหาร หรอื มเี หตกุ ารณจ์ ลาจลเชน่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ใน พ.ศ. 2516-2519 (1973-1976) อกี แตค่ นสว่ นใหญก่ ย็ งั ไมม่ คี วาม คิดเห็นท่ีลงรอยกัน ในการสร้างความสมดุลของผลประโยชน์ทาง สังคม การเมือง และเศรษฐกจิ ความไม่แนน่ อนและไม่มนั่ คงทงั้ หมดน้ี ในอนาคต รัฐไทยยงั คงแสดงใหเ้ ห็นถึงความตึงเครียดทยี่ ังคงด�ำ รงอยู่ ซ่งึ ไม่น่าแปลกใจ แตป่ ระการใดในประวตั ศิ าสตรข์ องราชอาณาจกั รไทย กองทพั รบั ผดิ ชอบความขดั แยง้ กบั เวยี ดนามในอนิ โดจนี อยา่ งระมดั ระวงั ซงึ่ ความ ขดั แยง้ ทมี่ อี ยอู่ าจทวมี ากขน้ึ การทตู ไทยยงั คงเชยี่ วชาญในการสรา้ ง พันธมิตร และมีมิตรท่ีหลากหลายกลุ่ม ทั้งตะวันออกและตะวันตก ทง้ั ทเ่ี ปน็ คอมมวิ นสิ ตแ์ ละไมเ่ ปน็ คอมมวิ นสิ ต์ ระมดั ระวงั ในการจดั การ และวางแผนให้เศรษฐกิจกลบั มาเจรญิ เตบิ โตเหมือนเดมิ และความ มน่ั ใจของนกั ลงทนุ ชาวตา่ งชาตไิ มไ่ ดล้ ดลงแตอ่ ยา่ งใด ความตงึ เครยี ด ของการสรู้ บในหลายปที ผี่ า่ นมายตุ ลิ ง กลมุ่ ผนู้ �ำ นกั ศกึ ษาและปญั ญา ชนทห่ี ลบหนเี ขา้ สปู่ า่ ใน พ.ศ. 2519 (1976) ไดก้ ลบั คนื สสู่ งั คมพลเรอื น และท้ายท่สี ุดในเดอื นเมษายน 2526 (1983) คอื จุดเปลยี่ นส�ำ คญั มี การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ยืนยันให้เห็นถึง อ�ำ นาจอนั เข้มแข็งของกลมุ่ ทหารและของรัฐบาลเปรม บางทีการพัฒนาในทศวรรษ 1960-1970 (2503-2522) ที่ ชวนใหต้ ะลงึ นน้ั คอื การน�ำ เอาระบบกษตั รยิ ก์ ลบั เขา้ สรู่ ะบบการเมอื ง อกี ครงั้ เรม่ิ ตน้ ขนึ้ อยา่ งชา้ ๆ เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ล อดลุ ยเดช สง่ สญั ญาณอยา่ งเงยี บๆ ในการไมย่ อมรบั จอมพล ป.พบิ ลู 11 | การเร่มิ ตน้ ใหม่ 557
สงคราม โดยการไมเ่ สด็จรว่ มพธิ ีเฉลมิ ฉลองกง่ึ พุทธกาลครบรอบปี 2500 ใน พ.ศ. 2500 (1957) ตอ่ มาภายหลงั จอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์ ไดท้ �ำ ใหส้ ถาบันกษตั รยิ ไ์ ด้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมากขน้ึ และค�ำ้ ประกนั ความมนั่ คงของราชบลั ลงั กใ์ หเ้ ปน็ จดุ ศนู ยก์ ลางและมสี ถานะ สูงสุดทางสังคม แม้ว่ายังคงมีพลังไม่มากนักในโครงสร้างการเมือง แตก่ ารเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งโดยทางตรงเรม่ิ มมี ากขนึ้ ในชว่ งทศวรรษ 1970 (2513-2522) เมอื่ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแสดงบทบาทหนั กลบั มาสนบั สนนุ นักศกึ ษา แทนสนับสนนุ จอมพลถนอม กติ ตขิ จร และจอมพล ประภาส จารุเสถียร อยา่ งไรก็ตาม ในไมช่ า้ สถาบนั กษตั รยิ ก์ ลบั มา แนบแนน่ กบั กลมุ่ กจิ กรรมของฝา่ ยปกี ขวา เชน่ กลมุ่ ลกู เสอื ชาวบา้ น ซ่ึงพวกเขาเสมอื นเปน็ ศูนยก์ ลางของพายุในการพัดพายุค “ประชา ธิปไตยเต็มใบ” ให้สิ้นสุดลง และการนำ�รัฐบาลนายธานินทร์ข้ึนสู่ อำ�นาจ กโ็ ดยการสนบั สนุนจากสถาบันกษัตรยิ ์ และตอ่ มาจนถึงยุค ทร่ี ัฐบาลพลเอกเปรมกา้ วเขา้ สูอ่ ำ�นาจ ปรากฏการณท์ แี่ สดงใหเ้ หน็ ความตอ่ เนอ่ื งน้ี จากการเกดิ การ รัฐประหาร พ.ศ. 2524 (1981) เม่ือกลุ่มทหารยังเติร์ก ได้วิพากษ์ วิจารณ์ความล้มเหลวของรัฐบาลทหารในอดีต และนำ�กำ�ลังเข้ายึด ศนู ยก์ ลางอ�ำ นาจรฐั บาลในกรงุ เทพฯในวนั ที่ 1 เมษายน พลเอกเปรม ไดห้ ลบหนอี อกจากกรงุ เทพฯ ภายใตก้ ารคมุ้ ครองของสถาบนั กษตั รยิ ์ และไปตง้ั ศนู ยบ์ ญั ชาการอยทู่ ห่ี วั เมอื งโดยใชฐ้ านทพั ทโ่ี คราช (*กองทพั ภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา) ในไม่ช้าพระราชสาสน์จาก สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ิต์พระบรมราชินี ถูกนำ�มาอา่ นทุกสถานวี ทิ ยุ ในโคราช ซง่ึ มผี ลตอ่ การสนบั สนนุ รฐั บาลพลเอกเปรม การสนบั สนนุ รัฐบาลพลเอกเปรมของสถาบนั กษัตริยช์ ่วยป้องกันการก่อกบฏครง้ั น้นั ซึง่ น�ำ โดยพลเอกสณั ห์ จิตปฏิมา จากการระดมพลทีจ่ งรักภกั ดี ต่อกองทัพ รวมทั้งหน่วยทหารที่อยู่ในกรุงเทพฯ ภายในวันที่ 3 558 ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป
เมษายน พลเอกเปรมสามารถเขา้ ยดึ กรงุ เทพฯ กลับคืนมาได้ โดย มีผู้ได้รับบาดเจ็บครั้งนี้แค่สองคน อีกคร้ังหนึ่งท่ีสถาบันกษัตริย์ได้ ถูกเปิดเผยมากข้ึน และแสดงออกถึงการเป็นส่วนหน่ึงของกลุ่ม การเมืองและกล่มุ ทหาร ซึง่ เปน็ กลมุ่ ท่มี ีพลงั เหนอื กลุม่ อน่ื ๆ มหี ลากหลายเหตุผลของพัฒนาการนี้ และมีหลายแนวทางที่ เพิ่มความม่ันคงของประเทศไทย ในช่วงเวลาหลายปีท่ีประชาชน ส่วนใหญ่เห็นถึงความมีอยู่ของพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่อยู่เหนือ การเมอื ง กจ็ ะเกยี่ วขอ้ งกบั การเมอื งไทยโดยทว่ั ไปทเ่ี ปน็ ผลประโยชน์ สว่ นรวมของคนไทย เปน็ เรอื่ งปกตไิ ปแลว้ ทพ่ี ระมหากษตั รยิ จ์ ะสอด แทรกเขา้ มา ไม่ว่าจะเบนไปทางฝา่ ยซ้ายจดั หรอื เอนมาทางขวาจัด ก็ตาม พระมหากษตั รยิ ์มีสิทธิชอบธรรมทีจ่ ะคงอำ�นาจทางการเมอื ง นานเท่านาน ทป่ี ฏิบัติการทางอำ�นาจของพระองค์มคี วามคลมุ เครอื และยินยอมให้มีการนิยามอย่างจำ�กัด การที่พระองค์สามารถรับรู้ วกิ ฤตตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในเวลานนั้ มาจากการทมี่ กี ารรอ้ งทกุ ขห์ รอื ถวาย ฎีกาอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าในฐานะปัจเจกบุคคลหรือมาจาก สาธารณชนท่ัวไป ปรากฏการณท์ งั้ หมดเปน็ กรอบของจารตี ของสงั คมตามล�ำ ดบั ชน้ั อำ�นาจของพระมหากษตั รยิ ค์ อื คณุ ธรรมทางสงั คม ซง่ึ อาจถกู ใช้ ในทางทผ่ี ดิ โดยพระองคเ์ อง หรอื การถกู คนอนื่ น�ำ ไปเอย่ อา้ งชอ่ื หรอื โดยผูส้ บื สันตติวงศ์ ผ้ทู ่ีหวังว่าจะเหน็ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งสดุ โตง่ ในประเทศไทยมีมากข้ึน พวกเขาเร่ิมเบื่อหน่ายมากข้ึนกับการมี สถาบนั กษตั รยิ ์ และมที ศั นะทส่ี นิ้ หวงั กบั โครงสรา้ งอ�ำ นาจในกองทพั การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงและความไรป้ ระสทิ ธภิ าพของระบบขา้ ราชการ มีคนอีกกลมุ่ หนง่ึ ทีไ่ มไ่ ดป้ ฏิเสธระบบนี้ เพราะพวกเขาท�ำ งานอยใู่ น ระบบ มองเหน็ วา่ สถาบนั กษตั รยิ ไ์ มเ่ พยี งแตช่ ว่ ยจ�ำ กดั อ�ำ นาจการเมอื ง เท่าน้ัน หากแต่ยังช่วยพวกเขากดดันรัฐบาลให้สนองตอบความ 11 | การเร่มิ ต้นใหม่ 559
ตอ้ งการของพวกเขามากขนึ้ และอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ดว้ ยแรงกดดนั ทม่ี าจากทงั้ กลมุ่ ฝา่ ยซา้ ยและฝา่ ยขวา ท�ำ ใหอ้ นาคตการเมอื งไทยจงึ เต็มไปด้วยความย้อนแย้งของแฟช่ันแห่งยุคสมัย ท่ีด้านหนึ่งยังคง ให้ความส�ำ คญั ต่อการเคารพสถาบันกษัตรยิ ์ ข้อเทจ็ จรงิ อกี อยา่ งคอื ราชวงศใ์ นรนุ่ ทสี่ องเปน็ ราชวงศท์ มี่ คี สู่ มรสคนเดยี ว จงึ ไดล้ ดศกั ยภาพ ของคแู่ ขง่ ทจี่ ะสบื ทอดในบลั ลงั กล์ งไป เมอ่ื เรว็ ๆ นมี้ กี ารเปลย่ี นแปลง กฎมนเทียรบาลที่อนุญาตให้ผู้หญิงมีสิทธิในบัลลังก์ได้ ท้ังสมเด็จ พระบรมโอรสาธริ าชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ และสมเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ตา่ งไดร้ บั เลอื กใหเ้ ปน็ ผสู้ บื ทอด บลั ลงั กอ์ งคต์ อ่ ไป ระบอบทหารของประเทศไทยในทศวรรษ 1960 (2503-2512) เปน็ ชว่ งการปฏริ ปู และการพฒั นา ซงึ่ คนรนุ่ นก้ี �ำ ลงั เขา้ มาสรา้ งสรรค์ และสบื ทอดนโยบายตอ่ ผู้น�ำ ไทยกล่มุ ใหม่จะมีความแตกตา่ งกันใน หลายๆ ทาง พวกเขาเป็นกลุ่มท้ังชายและหญิงท่ีมีระดับการศึกษา สูง หลายๆ คนศึกษาเล่าเรียนมาจากต่างประเทศ ค่านิยมและ ประสบการณ์ของคนเหล่าน้ีทำ�ให้พวกเขาไปได้ดีกับการเมืองแบบ มวลชน ขณะทบี่ า้ นเมอื งเตม็ ไปดว้ ยความหลากหลายของสถานการณ์ ในตา่ งประเทศ ซง่ึ เปน็ วถิ ที างทค่ี นในรนุ่ ยคุ สมยั สฤษดไิ์ มเ่ คยพบมา กอ่ น พวกเขามคี วามอดทนมากขน้ึ บางทอี าจเปน็ เพราะความหวาด กลัวต่อความขัดแย้งในอดีต ต่อลำ�ดับเหตุการณ์ และการปะทุทาง อารมณก์ ารเมืองในช่วง พ.ศ. 2516-19 (1973-76) หากแต่พวกเขา กม็ คี วามรสู้ กึ ทเี่ ขม้ ขน้ กวา่ คนรนุ่ กอ่ นหนา้ นน้ั ในคา่ นยิ มทางการเมอื ง และสังคม แน่นอนว่า พวกเขาไม่เพียงนำ�เอาพันธกิจการพัฒนาท่ี หลากหลายความคิดเทา่ น้นั หากแต่มีความต้องการอย่างแรงกลา้ ที่ จะท�ำ ใหไ้ ทยไปสคู่ วามทนั สมยั ถงึ แมว้ า่ หลายๆ คนยงั อาจยงั คงรสู้ กึ ไมด่ ตี อ่ ความหมายของค�ำ วา่ ปฏวิ ตั ิ แตพ่ วกเขากย็ งั คงรสู้ กึ เปน็ สว่ น 560 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบบั สังเขป
หน่ึงของกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมือง ที่มีการศึกษาสูง และเป็น กลมุ่ ชนชนั้ กลางทมี่ ฐี านะ นค่ี อื ผลผลติ ของการปฏวิ ตั ทิ แ่ี ทจ้ รงิ ทเี่ กดิ ขึ้นในสังคมและการเมืองไทย ซึ่งจากเหตุการณ์ท้ังหมดท่ีผ่านมา คอ่ ยๆ เกดิ การวิวฒั นาการในคนรุน่ ใหม่ ชว่ งทศวรรษ 1980 (2523-2532) และ 1990 (2533-2542) ผู้คนในประเทศไทยมองเห็นและรู้สึกถึงลำ�ดับเหตุการณ์ของการ ปฏริ ปู สงั คมและการเมอื ง หรอื “การปฏวิ ตั ”ิ ของยคุ ทศวรรษ 1960- 1970 (2502-2522) คนเหลา่ นค้ี ดิ วา่ พวกเขา “ร”ู้ เกยี่ วกบั ประเทศไทย ในยุคต้นๆ แต่กลับพบว่าพวกเขาจำ�ไม่ได้ถึงความสำ�เร็จของความ เปน็ ชาติ ในเชิงทางกายภาพแลว้ มันมเี ปลีย่ นแปลงอยา่ งมโหฬาร ดูเหมือนว่าต้นไม้เกือบท้ังหมดหายไป มีเส้นทางหลวงหรือถนน ไฮเวย์สายใหม่ๆ เกิดขน้ึ มสี ายไฟฟ้าปรากฏอยทู่ กุ หนทุกแหง่ และ กรุงเทพฯ กลายเปน็ เมอื งท่ีใหญ่ทีส่ ดุ แห่งหนึง่ ของโลก ตราบเทา่ ท่ี สายตายงั คงมองเหน็ ไปทกุ ทศิ ทาง กจ็ ะมองเหน็ ชานเมอื งยาวเหยยี ด ไกลออกไปไมม่ ที ีส่ นิ้ สดุ เมืองถกู ปกคลมุ ดว้ ยมลพิษจากรถยนตน์ ับ ล้านคัน รถบรรทุก รถเมล์ ขณะที่ลักษณะทางสังคมยังเป็นสังคม แบบชนบท แตถ่ กู แบง่ แยกออกเปน็ เมอื งหลวงและจงั หวดั ตา่ งๆ ไมม่ ี อะไรหยดุ ยงั้ เมอื งทจี่ ะรกุ คบื เขา้ ไปสทู่ งุ่ นาหรอื ในชนบทได้ เศรษฐกจิ ท่ีเจริญเติบโตอยา่ งรวดเรว็ นี้ ทำ�ใหป้ ระเทศไทยเป็นประเทศหน่งึ ใน โลกทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ การเจริญเติบโตสงู สุด การคา้ ระหว่างประเทศ เป็นการคา้ สู่ความเป็นนกิ ส์ “ประเทศอุตสาหกรรมใหม่” ซึ่งดึงดดู นกั ลงทุนตา่ งชาติ นีค่ ือ “ความก้าวหน้า” ในอตุ สาหกรรมทไี่ ม่ไดม้ ี ราคาถูก มันมีราคาที่ต้องจ่ายสำ�หรับความอุตสาหะและความเจ็บ ปวดของคน ไมเ่ ฉพาะกลมุ่ ทางสงั คมและสถาบนั เทา่ นน้ั หากแตร่ วม ทง้ั ปจั เจกชนนบั ลา้ นๆ ทงั้ ชายและหญงิ ทไี่ มส่ ามารถนบั ได้ แตค่ นจน และแม้แต่ประเทศเพ่ือนบ้านที่ยากจนกลับยินดีกับโอกาสเหล่าน้ี 11 | การเริ่มต้นใหม่ 561
อยา่ งไรกต็ าม ในระยะยาว มนั มรี าคาสงู ลบิ ลวิ่ ทตี่ อ้ งจา่ ยส�ำ หรบั ความ ขดั แยง้ ทจี่ ะทวีมากขึน้ ระหว่างสิง่ เก่าและส่งิ ใหม่ ระหวา่ งอ�ำ นาจใน ยุคจารีตกบั อ�ำ นาจสมยั ใหม่ ดูอย่างผิวเผินแล้ว ประวัติศาสตร์การเมอื งเม่อื เร็วๆ น้ี ยงั ดู เหมือนการเมืองในยุคที่ผ่านมา จากการเร่ิมต้นในทศวรรษ 1980 (2523-2532) ระหวา่ งทพ่ี ลเอกเปรม ดำ�รงต�ำ แหน่งนายกรฐั มนตรี ก็เกือบถูกโค่นล้มจากการทำ�รัฐประหารของกลุ่มนายทหารในวันท่ี 1 เมษายน 2524 (1981) และอีกครั้งในเวลาต่อมาเมื่อมีการทำ� รฐั ประหารในสมัยรฐั บาลพลเอกชาติชาย ชณุ หะวัณ ใน พ.ศ. 2534 (1991) การเดินขบวนของมวลชนใน พ.ศ. 2516 (1973) และ พ.ศ. 2519 (1976) ก�ำ ลงั ซ�้ำ รอยอีกครงั้ จากเหตกุ ารณน์ องเลอื ดในเดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2535 (1992) หากพจิ ารณาถงึ เหตกุ ารณค์ วามเปน็ มาเหล่านี้อย่างระมัดระวังแล้ว พบว่ามันมาจากผลกระทบของการ เปลย่ี นแปลงแบบแผนการเมอื งและสงั คมไทยอยา่ งมหาศาล ซง่ึ การ ปรากฏขนึ้ ของระบบใหมๆ่ จะน�ำ ชาติไทยไปสู่สหสั วรรษใหม่ ความมั่นคงและความม่ังคง่ั ในทศวรรษ 1980 (2523-2532) ตลอดชว่ งทศวรรษ 1980 (2523-2532) ประเทศไทยดรู าวกบั เป็นสวรรค์ของความมั่นคงและความม่ังค่ัง จุดเลวร้ายที่สุดคือ บรรยากาศของการจลาจลในทศวรรษ 1970 (2513-2522) ไดก้ ลาย เป็นอดีตไปแล้ว และในท่ีสุดทหารเองก็ดูจะยอมรับการปกครองใน ยคุ พลเรอื นได้ เศรษฐกจิ เตบิ โตอยา่ งนา่ ประทบั ใจ แตค่ วามมนั่ คงของ ประเทศนด้ี จู ะไมก่ ลมกลนื กบั ทศวรรษทผ่ี า่ นมา อยา่ งไรกต็ าม แมจ้ ะ มีตัวเลขดชั นชี ว้ี ดั หากจรงิ ๆ แลว้ มันไมไ่ ด้ดดู ีดงั ทเี่ ห็นจากตัวเลข 562 ประวตั ศิ าสตร์ไทยฉบบั สังเขป
การพฒั นาในสองจดุ ใหญๆ่ ทพี่ าประเทศไทยไปสคู่ วามมง่ั คง่ั อยา่ งแรกคอื อตั ราการเติบโตของประชากรลดลงอย่างผิดวิสัย โดย พน้ื ฐานแลว้ แตล่ ะครอบครวั ตอนนม้ี สี มาชกิ แค่ 1-2 คนเทา่ นนั้ ไมใ่ ช่ 5-6 คนเหมอื นทศวรรษ 1960 (2503-2512) ดังน้นั จงึ เปน็ ไปไดท้ ี่ ช่วงแรกๆ รัฐบาลนำ�เงินไปสร้างโรงเรียนระดับประถม และฝึกฝน อาชพี ครมู ากกว่าจะมงุ่ สร้างกองทนุ พัฒนาการศกึ ษาในระดบั มธั ยม หรือในสายอาชพี จากทน่ี งั่ ดา้ นนอกของโรงเรยี นแหง่ หนงึ่ ในจงั หวดั แพรใ่ น พ.ศ. 2531 (1988) สงิ่ หนงึ่ ทส่ี ามารถไดย้ นิ คอื เสยี งดงั กอ้ งของเดก็ ๆ ทกี่ �ำ ลงั ท่องสูตรคูณกันอย่างพร้อมเพรียง (สามคูณสองเป็นหก, สามคูณ สามเปน็ เกา้ , สามคณู สเี่ ปน็ สบิ สอง) และเปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ใกลๆ้ กนั นนั้ มตี กึ ทดี่ เู หมอื นเปน็ อาคารเรยี น แตเ่ ปน็ อาคารเรยี นทป่ี ดิ เงยี บ และร้างผู้คน คนที่เดินผ่านมาได้ให้อรรถาธิบายว่า ทำ�ไมโรงเรียน ขา้ งเคียงถึงไดเ้ งยี บเชยี บวา่ “เราไมม่ เี ดก็ ๆ มากเหมอื นเมอ่ื กอ่ นอกี ตอ่ ไป ดงั นน้ั เราจึงไมม่ คี วามจ�ำ เป็นต้องใชม้ นั อีก” สง่ิ ส�ำ คญั สง่ิ หนง่ึ ทน่ี า่ สงั เกตเกย่ี วกบั การถดถอยของอตั ราการ เกิด ซึ่งไม่ได้มาจากการนโยบายของรัฐบาลแต่อย่างใด และไม่ได้ มาจากผชู้ าย แตห่ ากมาจากตดั สนิ ใจของผหู้ ญงิ มากกวา่ สถานการณ์ น้ีช้ีให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง ที่อย่างน้อย ผูห้ ญงิ ก็มีสถานะเทา่ เทียมผ้ชู ายไมม่ ากกน็ อ้ ย การพฒั นาอยา่ งทส่ี องสืบต่อเนอ่ื งมาจากอยา่ งแรก มขี อ้ เท็จ จรงิ ทวี่ ่า คนวยั หนุ่มสาวจำ�นวนมาก (และคนชรา) มปี ระสบการณ์ มากกวา่ ในด้านการศึกษา ซึง่ พ่อแม่ของพวกเขาอยากใหพ้ วกเขามี ใน พ.ศ. 2533 (1990)ระหวา่ งเสน้ ทางเชยี งใหมถ่ งึ เชยี งราย สองขา้ ง ทางมีหมู่บ้านใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านท่ีมีพลวัต ผู้ใหญ่บ้านได้เล่า ใหฟ้ ังว่า เขามาจากครอบครวั ยากจน พอ่ แมไ่ ร้การศกึ ษา มีพนี่ ้อง 11 | การเร่ิมต้นใหม่ 563
สหาย 561 กองทัพปลดปล่อยประชาชนแห่งประเทศไทย สามจังหวดั (พษิ ณโุ ลก, เพชรบรู ณ,์ เลย) ภรู อ่ งกลา้ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก 2520 (1977) จากซา้ ย ไปขวา แถวหลงั ผ้หู ญงิ เผา่ มง้ สามคน : ใบ, ปราณ,ี มานะ (ตายในสนามรบ) แถวหน้า : จิต, ดาว (ไดร้ บั อนุญาตจากช่างภาพ) 564 ประวัตศิ าสตร์ไทยฉบบั สังเขป
ห้าคน ได้รับการศึกษาอย่างมากไม่เกินประถมสี่เท่านั้น เมื่อพ่อ แม่ตายมีท่ีดินผืนเล็กทิ้งไว้ให้ลูกๆ แค่ 1 ไร่ (2.5 เอเคอร์ หรือ 1 เฮกตาร์) ซึง่ ไม่พอเลีย้ งชีพส�ำ หรับพวกเขา ดังน้ัน พวกเขาจงึ ต้อง แสวงหารายไดท้ างอน่ื โดยพวกเขาเรม่ิ ท�ำ ไมก้ วาดสน้ั ๆ ซง่ึ พบไดใ้ น ทกุ ๆ ครวั เรือน มีการใชว้ สั ดุจากไม้ไผท่ �ำ เปน็ ดา้ ม และขนแปรงทำ� จากต้นกกทีม่ ีในท้องถนิ่ พวกเขาทำ�ได้ดีไปพร้อมๆ กันกับการจราจรของยวดยานท่ี แล่นผ่านหมู่บ้านของพวกเขาได้เพ่ิมข้ึนอย่างช้าๆ ผู้เขียนไม่ได้รับ การบอกเล่าเพ่ิมเติมเก่ียวกับจำ�นวนสมาชิกในครอบครัวอ่ืนๆ แต่ จากข้อมูลท่ีได้รับบอกว่าเขาและภรรยามีลูกสองคนเท่านั้น ลูกทั้ง สองจบโรงเรยี นประถมในหมบู่ า้ น และตอนนก้ี �ำ ลงั เรยี นอยใู่ นโรงเรยี น มธั ยมใกล้ๆ ตวั จงั หวดั การเมอื งในอกี มมุ มองหนงึ่ ดเู หมอื นมนั ก�ำ ลงั ยอ้ นกลบั ไปสยู่ คุ อันนา่ รงั เกยี จ ในชว่ งปลายทศวรรษ 1970 (2513-2522) จุดเปลย่ี น เริ่มเมื่อรัฐบาลเปรม ติณสูลานนท์ ได้ชักจูงและยินดีต้อนรับ กลุ่ม แบ่งแยกดินแดน กลุ่มกองกำ�ลังติดอาวุธของนักศึกษา ให้กลับคืน ออกมาจากป่า ในที่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการนำ�โดยพลเอก สายหยุด เกิดผล และในเวลาไม่กีป่ จี �ำ นวนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนับ ตารางที่ 4 จำ�นวนประชากรทงั้ หมดในประเทศไทย พ.ศ. 2453-2543 (หน่วยล้าน) 2453 (1910) 8,149 2503 (1960) 26,258 2462 (1919) 9,207 2513 (1970) 34,397 2472 (1929) 11,506 2523 (1980) 44,825 2480 (1937) 14,464 2533 (1990) 54,549 2490 (1947) 17,443 2543 (2000) 60,916 11 | การเร่ิมต้นใหม่ 565
พนั ไดท้ ยอยออกจากป่าคนื สเู่ มอื ง ดูเหมอื นการกลบั คนื สสู่ งั คมไทย เปน็ สายสมั พนั ธท์ เ่ี ปน็ ไปอยา่ งงา่ ยๆ บางคนยงั ไดก้ ลบั คนื สตู่ �ำ แหนง่ ระดับสูงในพรรคการเมอื งไทยอีกด้วย สญั ลกั ษณข์ องการพฒั นานดี้ เู หมอื นวา่ – และมนั มคี วามหมาย วา่ อะไร – มนั ถกู บดบงั ใหห้ ายจากสายตาดว้ ยแสงอนั เจดิ จา้ อนั เปน็ ผลพวงของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ และจากแสง สะทอ้ นอันพร่าพรายจากสถติ ิตัวเลขที่เรียงรายออกมา ข้อสังเกตแรกคือการเติบโตของจำ�นวนประชากรของท้ัง ประเทศไทยพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว จนกระท่ังในทศวรรษ 1960 (2503-2512) แล้วจึงเปน็ ไปอย่างช้าๆ ภายใต้นโยบายการควบคมุ ประชากร มันยุง่ ยากมากในการทจี่ ะเปดิ เผยตัวเลขเหลา่ น้ี แตจ่ ากการ ประมาณการ ชว่ งอายขุ องประชากรอาจลดต�ำ่ ลงระหวา่ งอายุ 19-20 ปี ใน พ.ศ. 2453 (1910) ถงึ อายุ 17.2 ปี แล้วเพิ่มข้ึนสูงกว่าอายุ 20 ปี ในตอนต้นยุคสหัสวรรษใหม่ แม้ว่าจำ�นวนประชากรในเมืองจะเพิ่มสูงขึ้นในระยะต้นๆ แต่ ไมม่ คี วามชัดเจน ในชว่ งสงครามโลกคร้งั ทสี่ อง แมต้ ัวเลขทางการนี้ จะชี้จำ�นวนคนท่ีอยู่ในเขตเมืองเป็นหลัก และเขตชนบทในหัวเมือง ใหญๆ่ แตก่ ย็ งั ไมช่ ดั เจนพอ มเี มอื ง 15 เมอื งทมี่ ปี ระชากรสงู เกนิ กวา่ 100,000 คนในช่วงปลายครสิ ตศ์ ตวรรษ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มักถูกกล่าวอ้างถึงบ่อยๆ โดยนัก ประชากรศาสตร์และนกั ภมู ศิ าสตร์ ซ่ึงหมายถงึ เมอื งท่ีมจี �ำ นวนรอ้ ย ละของประชากรมากทส่ี ดุ ของประเทศ มนั เหนอื กวา่ ทง้ั ในแงจ่ �ำ นวน และอ�ำ นาจ ซง่ึ ถา้ น�ำ ไปพจิ ารณากบั สามเมอื งใหญท่ ม่ี ผี ลกระทบดว้ ย เช่น เมืองใกลๆ้ กรงุ เทพฯ เชน่ นนทบุรี สมทุ รปราการ ชลบรุ ี ขณะ ท่ีเชยี งใหมเ่ คยเปน็ เมอื งใหญ่อันดบั สองอยู่ แต่ตอนน้ีถกู เล่ือนไปอยู่ 566 ประวัติศาสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป
อันดับทีแ่ ปด มันไม่ได้เป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ตอนน้ีอาศัยอยู่ในเมือง เทา่ นน้ั เราคงจ�ำ กนั ไดว้ า่ มปี รากฏการณท์ เ่ี หมอื นกนั อกี ดา้ นหนง่ึ คอื การเชอื่ มความเปน็ เมอื งเขา้ กบั ขนาดของครอบครวั ทม่ี ขี นาดเลก็ ซง่ึ เป็นไปพร้อมกับการลดลงของสมาชิกในครอบครัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาศยั อยูต่ ามทอ้ งไร่ท้องนาในภาคเกษตรกรรม พบว่าอัตราส่วน ของครอบครัวเกษตรกรในภาพรวมของประชากรลดลงถึงสามในสี่ จากการส�ำ รวจสำ�มะโนประชากรใน พ.ศ. 2513 (1970) และจากการ ส�ำ รวจส�ำ มะโนประชากรใน พ.ศ. 2543 (2000) พบวา่ มปี ระชากรลด นอ้ ยลงกวา่ ครงึ่ หนง่ึ (รอ้ ยละ 44.9) จงึ ไมน่ า่ แปลกใจทก่ี รงุ เทพฯ จะ เป็นเมืองที่ได้รับกิตติศัพท์ว่า เป็นเมืองท่ีมีการจราจรแย่ท่ีสุดแห่ง หนง่ึ ของโลก และไมน่ า่ ประหลาดใจอนั ใดทกี่ รงุ เทพฯ จะเตม็ ไปดว้ ย สง่ิ กอ่ สรา้ งทสี่ งู ทสี่ ดุ ในครง่ึ ศตวรรษทผ่ี า่ นมา และปลอ่ ยใหส้ ง่ิ กอ่ สรา้ ง เหล่านีม้ อี ิทธิพลบดบังทัศนียภาพสีเขียวของวดั วาอาราม ซง่ึ ตอนน้ี ได้แปรเปลี่ยนเปน็ สเี ทาของตกึ สงู ระฟ้า การจราจรไม่ใช่เพียงแค่ผลผลิตของการเติบโตอย่างรวดเร็ว ของเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้บริการของเมืองที่กำ�ลังขยาย ตัว ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้า การคมนาคม ระบบท่อระบายนำ้�เสีย อยา่ งไรกต็ าม กวา่ สองทศวรรษทผ่ี ่านมา ประเทศไทยมองเหน็ และ พิจารณาว่าจะต้องมีการเจริญเติบโตในการบริหารการจัดการเมือง และถนนหนทางท่ีเต็มไปด้วยผู้คนที่แออัดยัดเยียด และรวมท้ัง พนกั งานท�ำ ความสะอาดทมี่ ากขนึ้ และการจดั การองคก์ รทด่ี กี วา่ เดมิ กว่าทีผ่ ่านมา ไมน่ านเทา่ ไรทป่ี ระเทศไทยเปน็ ผนู้ �ำ ในการสง่ ออก และสรา้ ง รายไดจ้ ากขา้ ว เหลก็ ไมส้ กั และยางพารา ผลผลติ ทงั้ หมดนี้ แนน่ อน วา่ มาจากภาคการเกษตรและเหมอื งแร่ ซง่ึ มสี ดั สว่ นของมลู คา่ มาจาก 11 | การเร่ิมตน้ ใหม่ 567
แรงงานไทย ดัชนีรายได้ในปัจจุบันมาจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ของรายได้ท้ังหมดจากการส่งออก การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรม ที่ใช้แรงงานอย่างเข้มข้น จากการว่าจ้างแรงงานจำ�นวนนับแสนใน โรงแรม รา้ นอาหาร และตามสถานบรกิ ารตา่ งๆ ธรุ กจิ การทอ่ งเทย่ี ว ทำ�ให้โรงแรมในประเทศไทยข้ึนชื่อเป็นลำ�ดับต้นๆ ในการจัดลำ�ดับ โรงแรมท่วั โลก บางโรงแรมติดอนั ดับแม้จะอยู่หา่ งไกล เช่น จงั หวัด ขอนแก่น ท่ีติดอันดับยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันกับท่ีจังหวัดสงขลา เชยี งใหม่และภเู ก็ต ตวั อยา่ งในการเป็นผ้นู �ำ ในการส่งออกที่ชดั เจน คอื สินค้านำ� ในการสง่ ออกสว่ นใหญม่ าจากผลติ ภณั ฑจ์ ากโรงงาน ซงึ่ หากพจิ ารณา จากจำ�นวนแรงงานทถ่ี กู ใชไ้ ปในการผลติ เชน่ คอมพวิ เตอรแ์ ละชนิ้ ส่วนคอมพิวเตอร์ เสอ้ื ผ้า รถยนต์ ปลากระป๋อง พลาสตกิ กงุ้ แห้ง เฟอรน์ เิ จอร์ สงิ่ ทอ รองเท้า ตลอดจนเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าและอปุ กรณ์ช้นิ สว่ นไฟฟา้ ตา่ งๆ ถงึ แมจ้ ะพยายามลดจ�ำ นวนรายการสง่ ออกใหม้ แี ค่ 60 รายการ (มี 15 รายการทก่ี ลา่ วถงึ ทน่ี แี่ ลว้ ) รายการสง่ ออกทง้ั หมด เปน็ ผลผลติ จากโรงงาน รวมทง้ั ตะปู สกรู และตวั นอต เครอื่ งประดบั อญั มณี กระเปา๋ ถุงมอื หนัง และเส้นกว๋ ยเต๋ียวแหง้ ทง้ั หมดนไี้ มไ่ ด้ มาจากวสั ดทุ างธรรมชาตโิ ดยตรง ซงึ่ เปน็ สนิ คา้ ขน้ั พนื้ ฐานของประเทศ โลกทสี่ าม ในต่างจงั หวัด เชน่ อยธุ ยา พบวา่ มจี �ำ นวนโรงงานมาก มายพอๆ กบั ส�ำ นกั งานของหนว่ ยงานตา่ งๆ จากนานาประเทศ และ รวมทง้ั ธนาคารทพ่ี บในยา่ นใจกลางเมือง ตัวอย่างอ่ืนๆ ที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการส่ง ออกคอื ประเทศไทยมที ุง่ ปลกู ดอก“ดาวเรอื ง” ซ่งึ เกษตรกรได้ตอบ ค�ำ ถามโดยอธบิ ายวา่ “ดอกดาวเรอื งเหลา่ น้ี พวกเอเยนตบ์ อกเขาวา่ จะซอ้ื ไปขายใหก้ ลมุ่ ผเู้ ลย้ี งไกใ่ นสหรฐั อเมรกิ า ดงั นนั้ เมอ่ื ไกก่ นิ ดอกไม้ ชนดิ นจี้ ะท�ำ ใหเ้ นอื้ ไกอ่ อกสเี หลอื งมากขนึ้ ” มนั เปน็ ค�ำ ตอบทค่ี ลา้ ยคลงึ 568 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบับสังเขป
11 | การเริ่มตน้ ใหม่ 569 เมือง ตารางท่ี 5 จำ�นวนประชากรในเมือง พ.ศ. 2490-2543 (1947-2000 ) (หนว่ ยพัน) 2543 (2000) กรุงเทพฯ 2490 (1947) 2503 (1960) 2513 (1970) 2523 (1980) 2533 (1990) 5680.4 นนทบรุ ี 522.7 สงขลา/หาดใหญ่ 781.1 1703.3 2495.3 5153.9 5882.4 522.7 สมทุ รปราการ 10.3 18.3 27.5 30.9 232.8 268.6 ชลบุรี 18.7 31.0 89.0 170.2 232.8 256.3 นครราชสมี า 10.2 21.8 46.6 49.0 65.3 241.0 ขอนแกน่ 17.7 11.5 39.4 50.0 187.0 210.0 เชียงใหม่ 22.3 42.2 66.0 88.9 278.8 171.7 นครศรธี รรมราช 14.4 19.5 29.4 94.0 205.9 158.0 อุดรธานี 38.2 65.7 83.7 100.1 166.9 155.7 สุราษฎร์ธานี 16.7 25.9 40.7 66.1 112.1 154.5 อุบลราชธานี 13.1 30.9 56.2 80.1 81.4 150.7 สระบุรี 13.1 19.7 24.9 35.7 85.3 142.7 นครสวรรค์ 7.9 12.1 40.7 48.5 136.5 141.0 ระยอง 7.2 18.9 25.0 46.1 107.0 103.6 17.4 34.9 46.9 88.6 151.8 3.8 9.7 14.8 37.3 59.5 แหลง่ ข้อมลู : สำ�มะโนประชากรในรอบสิบปี ; รายงานสถิตปิ ระจำ�ปี
เชน่ เดยี วกบั ฟารม์ เลย้ี งกงุ้ ทท่ี อดขนานเลยี บทางหลวงนบั หลายไมล์ จากสงขลาถงึ นครศรีธรรมราช ประเดน็ ไมไ่ ดอ้ ยแู่ คก่ ารทเี่ กษตรกรสามารถรบั มอื ไดด้ กี บั การ เปลยี่ นแปลงของตลาดนานาชาตเิ ทา่ นนั้ แตร่ วมทงั้ การทพ่ี วกเขารบั รู้ถึงผลและการตอบสนองต่อความเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยีได้ ด้วย แทนท่ีจะเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็น “ชาวนา” ควรเรียกเขาว่าเป็น “เกษตรกร” เสียมากกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจน้ีไม่ใช่ปรากฏในกลุ่มผู้ชาย เทา่ นน้ั ผหู้ ญงิ กม็ สี ว่ นเทา่ ๆ กนั ดงั เชน่ การใชแ้ รงงานในการกอ่ สรา้ ง และบางทีอาจจะมากกว่าผู้ชายในการถูกดึงเข้าสู่แรงงานในโรงงาน แรงงานทั้งชายและหญิงจำ�นวนนับหลายพันคนถูกว่าจ้างในตลาด แรงงานนานาชาติ จะพบเหน็ ทวั่ ไปในแถบอา่ วเปอรเ์ ซีย ในสงิ คโปร์ ฮอ่ งกง และญปี่ นุ่ และกลมุ่ ประเทศสาธารณรฐั ในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ พวกเขามรี ายไดส้ ง่ กลบั เมอื งไทย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ รายไดจ้ �ำ นวน มากถูกสง่ ไปใหค้ รอบครวั ในชนบท เชน่ เดยี วกนั กบั กลมุ่ ผหู้ ญงิ ท�ำ งาน ทเี่ ราอาจเรยี กไดว้ า่ “สงั คม” บรกิ าร ในกรงุ เทพ ในพทั ยาและตามเมอื งใหญๆ่ หลายแหง่ มรี ายงาน ว่า ไปรษณีย์ในแต่ละอำ�เภอในประเทศไทยได้รับเงินโอนจำ�นวน มหาศาล โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในอำ�เภอดอกคำ�ใต้ จังหวดั พะเยา ซ่งึ เปน็ ทเ่ี ลา่ ลอื และมกี ารยอมรบั วา่ เปน็ ถน่ิ ทม่ี ผี หู้ ญงิ สวย บางทกี ลมุ่ ผู้ หญิงเหล่าน้อี าจไมไ่ ด้ออกจากบา้ นเพอื่ ไปทำ�งานเปน็ แค่พเี่ ล้ียงเดก็ หรอื ทำ�งานบ้านในกรุงเทพฯ ! จากสถิติการค้าระหว่างประเทศซ่ึงไม่นับรวมสถิติจากการ ทอ่ งเทยี่ ว ซง่ึ ถา้ รวมอยดู่ ว้ ยจะถกู จดั อยใู่ นอนั ดบั ทส่ี องในตารางท่ี 6 การท่องเที่ยวมีมูลค่าประมาณ 285.272 ล้านบาทใน พ.ศ. 2543 (2000) นักท่องเท่ียวส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 5.7 ล้านคน เป็นผู้หญิง 570 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบบั สงั เขป
ตารางท่ี 6 ล�ำ ดับของสินค้าส่งออกทสี่ ำ�คญั ๆ พ.ศ. 2521-2545 (1978-2001) (เทียบมลู ค่าเท่ากบั ล้านบาท)* 2521 (1978) 2544 (2001) 11 | การเริ่มตน้ ใหม่ 571 1 มนั ส�ำ ปะหลัง 10,837 1 ช้นิ ส่วนคอมพิวเตอร์ 493,450 2 ขา้ ว 10,403 2 เสื้อผา้ 133,002 3 ยางพารา 8,020 3 รถยนต์ 101,252 4 ดบี ุก 7,225 4 ปลากระป๋อง 82,811 5 ส่งิ ทอ 6,863 5 พลาสตกิ โพลีเมอร์ 73,932 6 ข้าวโพดอาหารสตั ว์ 4,215 6 อญั มณี 66,631 7 นำ้�ตาล 3,913 7 ข้าว 65,516 8 แผงไฟฟา้ 2,148 8 ยางพารา 60,742 9 อญั มณี 1,709 9 กุ้ง,ล็อบสเตอร์ 60,268 10 ก้งุ แช่แขง็ 1,488 10 ผลิตภณั ฑจ์ ากยางพารา 42,015 11 ถว่ั 1,342 11 เฟอร์นเิ จอร์ 36,793 12 ข้างฟา่ ง 1,195 12 ผา้ ทอ 34,213 13 ยาสูบ 1,148 13 รองเท้า 33,478 14 ปลาหมกึ แชแ่ ขง็ 1,019 14 เครอ่ื งไฟฟา้ 32,431 15 ทงั สเตน 32,013 945 15 หม้อแปลงไฟฟ้า หมายเหตุ : อัตราการแลกเปลย่ี น พ.ศ. 2521 (1978) ประมาณ 25 บาท ตอ่ 1 ดอลลาร์สหรฐั พ.ศ. 2544 (2001) ประมาณ 43 บาทตอ่ 1 ดอลลาร์สหรฐั แหลง่ ข้อมูล : 2521 (1978) จาก ประเทศไทยในชว่ งทศวรรษ 80 (กรงุ เทพฯ, หนา้ 206 : 2544 (2001) จาก อนิ เตอร์เนต็ เว็บไซด์ของ สำ�นักงานสถติ ิแห่งชาติแห่งประเทศไทย
3.8 ลา้ นคน มีอายรุ ะหวา่ ง 24 ถงึ 34 ปี ดชั นตี วั เลขจ�ำ นวนมากหายไปจากตารางการสง่ ออก ซง่ึ อาจ เปน็ รายไดจ้ ากสนิ คา้ ผดิ กฎหมาย ซง่ึ รายไดส้ งู สดุ อาจมาจากกญั ชา หรอื เฮโรอนี ตามดว้ ยแอมเฟตามนี (ยาบา้ ) หรอื ยาอนื่ ๆ แนน่ อนวา่ สถติ เิ หลา่ นี้ไม่มีปรากฏให้เหน็ มนั เปน็ เรอ่ื งปกตทิ เ่ี กดิ ขนึ้ ในชว่ งครงึ่ ครสิ ตศ์ ตวรรษทผี่ า่ นมา ทน่ี า่ เศรา้ ใจคอื ยงั คงมชี อ่ งวา่ งการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ระหวา่ ง เมืองและชนบท โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มี กลุ่มปัญญาชนกลุ่มหนึ่งเดินทางโดยทางรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไป จังหวัดสกลนคร เม่อื ต้นปี 2545 (2002) ขณะทีพ่ วกเขายังคงเห็น ความยากจนในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื แตก่ ระนัน้ พวกเขากลับ นบั จ�ำ นวนเครอ่ื งยนตโ์ ดยเฉพาะจ�ำ นวนมอเตอรไ์ ซคไ์ ดม้ ากมาย รวม ทงั้ เสาโทรทศั นท์ กุ หมบู่ า้ นทพ่ี วกเขาผา่ น รายไดท้ ไี่ มส่ มั พนั ธก์ นั กบั ส่งิ ของทพี่ วกเขามี แตค่ วามยากจนทีค่ นกลุ่มน้เี ห็น อาจเปน็ ความ มง่ั คงั่ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ประเทศจนี หรอื อนิ เดยี หรอื แมแ้ ตบ่ างสว่ น ของกรงุ นวิ ยอรก์ รฐั บาลทป่ี ระสบความส�ำ เรจ็ ในเมอื งไทยตอ้ งตระหนกั ถึงการท�ำ งานเพื่อลดปัญหาความยากจนลงอย่างจริงจงั วกิ ฤตการณ์ พ.ศ. 2534-2535 (1991-1992) การปรองดองสำ�หรับพรรคการเมืองและกองทัพไม่ใช่เร่ือง งา่ ย ซงึ่ ปกครองประเทศไทยมานับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 (2523- 2532) มนั เริ่มมีความไมม่ ั่นคงมากขน้ึ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ หลังการ เลือกตง้ั ใน พ.ศ. 2531 (1988 ) ท่ีท�ำ ใหพ้ ลเอกชาตชิ าย ชุณหะวัณ ขนึ้ สอู่ �ำ นาจ ยคุ พลเอกชาตชิ ายไดน้ �ำ ความพงึ พอใจสกู่ ลมุ่ ผลประโยชน์ ทางธุรกิจแบบเดิม และพยายามสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์กับ 572 ประวัตศิ าสตร์ไทยฉบบั สังเขป
สาธารณรฐั ประชาชนลาวและกัมพูชา ภายใต้การโจมตรี ัฐสภาทเี่ ริ่ม รนุ แรงมากขน้ึ รฐั บาลของพลเอกชาตชิ ายไดด้ แู ลกองทพั กลมุ่ ทเี่ ปน็ พวกของตน ซง่ึ ท�ำ ใหก้ องทพั ฝา่ ยตรงขา้ มยดึ อ�ำ นาจจากรฐั บาลชาติ ชาย ในเดอื นกุมภาพนั ธ ์ พ.ศ. 2534 (1991) ในชว่ งแรกนั้น ได้มอบ อำ�นาจให้กับนายกรัฐมนตรีชั่วคราวคือ นายอานันท์ ปันยารชุน (ประธานสมาคมอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย) พวกเขาประชาสมั พนั ธ์ ถงึ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ ซงึ่ สว่ นใหญย่ งั คงเนน้ ผลประโยชนข์ องกลมุ่ อนุรกั ษ์และผู้นำ�ในกองทัพ พลเอกสุจินดา คราประยรู ไดใ้ ห้สัญญา ว่า เขาจะไมแ่ สวงหาอ�ำ นาจทางการเมอื ง แต่ภายหลงั การเลอื กตั้ง พลเอกสจุ ินดากต็ ระบดั สตั ย์ และก้าวข้นึ เปน็ หวั หน้ารฐั บาลใหม่ ผู้คนจำ�นวนมหาศาลในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆ ต่าง พากันมาชุมนุมประท้วง โดยเฉพาะภายใต้การนำ�ของอดีตผู้ว่า กรงุ เทพมหานคร พลตรจี �ำ ลอง ศรเี มอื ง (เกษยี ณราชการ) หลงั จาก นน้ั ไมก่ ีว่ นั พลเอกสุจินดาไม่รรี อทีจ่ ะส่งั ทหารหนว่ ยท่ีเขาเคยเป็นผู้ บังคับบัญชามาก่อนและจงรักภักดีต่อเขา เข้าปราบปรามกลุ่มผู้ ประทว้ งอย่างรนุ แรง ตวั เลขอยา่ งเป็น “ทางการ” ช้ีวา่ กลมุ่ ผ้ปู ระทว้ งนบั ร้อยถกู ฆ่า แต่ตัวเลขจากการประเมินจากแหล่งอ่ืนสูงกว่านั้น ศูนย์กลาง ความรนุ แรงอยตู่ อนเหนอื ของเมอื งหลวงทท่ี หารฆา่ กลมุ่ มอเตอรไ์ ซค์ ทข่ี บั ผา่ นวดั ยา่ นนนั้ ขณะเดยี วกนั จ�ำ นวนรถยนตร์ าคาแพงทเี่ จา้ ของ เปน็ นกั ธรุ กจิ ถกู ใชเ้ ปน็ รถพยาบาลขนยา้ ยผบู้ าดเจบ็ ไปสง่ โรงพยาบาล ขณะทเ่ี หตกุ ารณท์ วคี วามรนุ แรงในชว่ งปลายเดอื นพฤษภาคม ขบวน เรือของกองทัพเรือก็ได้ล่องขึ้น-ลงในแม่น้ำ�เจ้าพระยา และขึ้นป้าย อนั ใหญว่ า่ “ทหารเรือไมฆ่ ่าประชาชน” ขณะท่ีข่าวภายในประเทศถูกควบคุม แต่แหล่งข่าวในต่าง ประเทศจากหลายส�ำ นกั (รวมทงั้ โทรทศั นข์ องซเี อน็ เอน็ ) ไดต้ ดิ ตาม 11 | การเรม่ิ ต้นใหม่ 573
และรายงานขา่ วสูโ่ ลก กลายเปน็ แหล่งขอ้ มลู ให้กับราชนกิ ลู คนหนงึ่ ซึ่งเปน็ เชื้อพระวงศท์ ่กี ำ�ลังเดินทางอยใู่ นตา่ งประเทศ และได้แจง้ ให้ พระมหากษตั รยิ ท์ ราบวา่ ขณะนม้ี กี ารฆา่ กนั อยา่ งโหดรา้ ยในกรงุ เทพฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ฯ ทรงรบั สง่ั ให้ พลเอกสจุ ินดา และพลตรีจำ�ลองเข้าเฝ้า ซึ่งปรากฏต่อหน้าผู้ชมโทรทัศน์คนไทย จำ�นวนมาก พลเอกสุจินดาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความกังวลใจ อย่างชัดเจนต่อสถานการณ์ต้ังรับของเขา และหลังจากนั้น มีการ ประกาศวา่ เขาลาออกจากต�ำ แหนง่ สาธารณชนไดท้ ราบขา่ วการแตง่ ตั้งรฐั บาลใหม่ และการเลือกต้งั ใหมจ่ ะมาถึงเรว็ วนั เพียงแค่ปลายเดือนพฤษภาคมและต้นเดือนมิถุนายน ข่าว โทรทศั น์ (ซึ่งเข้าถึงทุกคน) ได้แสดงใหเ้ ห็นภาพอันนา่ กลัวที่ทหาร กระท�ำ ตอ่ ผชู้ ุมนุมประท้วงอย่างโหดรา้ ย ประชาชนจำ�นวนมากคาดการณ์ว่า บุคคลท่ีมีความใกล้ชิด กบั กองทพั เชน่ นายสมบรู ณ์ ระหงษ์ อาจไดเ้ ปน็ นายกรฐั มนตรรี กั ษา การ แต่ในวนั ที่ 10 มิถนุ ายน พระมหากษตั รยิ ์ทรงประกาศชอื่ นาย อานนั ท์ ปนั ยารชนุ ขนึ้ ครองต�ำ แหนง่ นายกรฐั มนตรรี กั ษาการ จนกวา่ จะมกี ารเลือกต้ังในเดือนกันยายน การเลือกตงั้ วันที่ 13 กันยายน เป็นการทดสอบระหวา่ งกลมุ่ ท่ถี ูกเรยี กวา่ “ฝ่ายมาร” (พรรคมาร, กลมุ่ คนไม่ดี ซ่งึ เป็นตวั แทน ของกลมุ่ ทหาร) กบั กลมุ่ อกี ซกี หนงึ่ ทถ่ี กู เรยี กวา่ “ฝ่ายเทพ” (พรรค เทพ, กลมุ่ คนดี คอื พรรคการเมอื งฝา่ ยพลเรอื น) เมอ่ื การเลอื กตงั้ สน้ิ สุดลง ขณะท่ีกำ�ลังมีการนับคะแนนจากบัตรเลือกต้ัง หัวหน้า พรรคการเมอื งทเ่ี ปน็ ทร่ี กู้ นั วา่ มคี วามใกลช้ ดิ กบั กลมุ่ ทหาร กป็ ระกาศ ขน้ึ มาในทนั ทวี า่ กลมุ่ เขาจะใหก้ ารสนบั สนนุ พรรคประชาธปิ ตั ย์ ทน่ี �ำ โดยนายชวน หลีกภัย ผซู้ ่งึ ตอ่ มากลายเป็นนายกรัฐมนตรี ผลการเลอื กตั้งในวันท่ี 13 กนั ยายน มีความนา่ สนใจท่ีกลมุ่ 574 ประวัติศาสตรไ์ ทยฉบับสงั เขป
ฝา่ ย “เทพ” กวาดท่ีนงั่ ในภาคใต้ และบริเวณเขตเมืองทั่วประเทศ ขณะทฝ่ี า่ ย “มาร” ชนะในเขตชนบท มกี ารซอื้ เสยี งกนั อยา่ งมโหฬาร โดยเฉพาะในเขตชนบท สมยั ประชาธปิ ไตยย่ิงกว่า รัฐบาลใหมข่ องนายชวน หลีกภยั ใชเ้ วลาหมดไปกบั การถก เถียงเก่ียวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยพยายามท่ีจะกลับไปสู่การ รกั ษาผลประโยชนข์ องพวกอนรุ กั ษนยิ มและอ�ำ นาจนยิ ม ซง่ึ เปน็ การ ก่อรูปการเมืองไทยในอนาคต ความขัดแย้งเหล่าน้ียังคงดำ�รงอยู่ อย่างต่อเน่ืองในช่วงอายุของรัฐบาลของนายชวน เมื่อการเลือกตั้ง ครง้ั ใหมท่ จี่ ดั ขน้ึ ในเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2538 (1995) พรรคการเมอื ง เกา่ ซงึ่ มฐี านเสยี งอยใู่ นตา่ งจงั หวดั และไดร้ บั เสยี งสนบั สนนุ นอ้ ยมาก จากในกรงุ เทพฯ แตก่ ลับได้รบั ชัยชนะ นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ ข้นึ เป็นนายกรัฐมนตรี การทะเลาะกันอย่างรุนแรงเริ่มต้นอีกคร้ัง จากการท่ีนาย บรรหารได้แบ่งกลุ่มการเมืองท่ีสนับสนุนเขาออกเป็นกลุ่มๆ (*เรียก กนั วา่ ม้งุ ) ส่งิ ท่สี ำ�คญั มากทส่ี ดุ คอื กระบวนการทางการเมืองถูกนำ� ไปใช้ในการก�ำ หนดนโยบายเศรษฐกิจ ราวกับว่าประเทศถกู นำ�โดย สถาบนั ทางเศรษฐกจิ (เชน่ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย เปน็ ต้น) ซึง่ ถกู น�ำ ไปไวใ้ นองุ้ มอื ของนกั การเมอื ง ในกลาง พ.ศ. 2540 (1997) เมอื่ ฟองสบแู่ ตก เกดิ การลม้ ละลายทางเศรษฐกจิ และอตั ราการแลกเปลย่ี น เงิน ในขณะเดียวกัน รฐั บาลบรรหารก็ล้มลงเชน่ กนั หลังจากอยู่ ในตำ�แหน่งได้เพียงหนึ่งปี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้ข้ึนมาเป็น นายกรัฐมนตรี และมองเห็นการพังครืนของเศรษฐกิจที่กำ�ลังมาถึง 11 | การเริ่มตน้ ใหม่ 575
พลเอกชวลิต พยายามอย่างเต็มท่ีที่จะนำ�เอานโยบายแก้เศรษฐกิจ ท่ีตรงจุดมาใช้ หากแต่ในที่สุดก็ถูกกดดันทางการเมืองจนต้องกลับ ไปใช้รูปแบบเดิม อัตราการแลกเปลี่ยนเงินไทยบาทลดลงอย่าง ฮวบฮาบ จาก 25 บาทต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ ดิ่งลงไปท่ี 46 บาทตอ่ หนงึ่ ดอลลาร์ วกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกจิ ท�ำ ใหว้ กิ ฤตของรฐั ธรรมนญู ทย่ี ดื เยอ้ื กลายเปน็ สง่ิ เรง่ ดว่ นขนึ้ มา ในทส่ี ดุ มกี ารผา่ นรา่ งรฐั ธรรมนญู ฉบับนี้ (*ฉบับ พ.ศ. 2540 หรือนิยมเรียกกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับ ประชาชน) ซง่ึ มีความเป็นประชาธิปไตยยิง่ กว่าฉบบั อ่นื ๆ ทผ่ี ่านมา ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ อ�ำ นาจของวฒุ สิ มาชกิ ถกู ลดลง การเขม้ งวดตรวจสอบส่ือมวลชนลดน้อยลง สมาชกิ สภาผู้แทนทีจ่ ะลงเลือก ต้ังต้องจบการศึกษาระดับปริญญาในมหาวิทยาลัย และมีความ พยายามลดการฉอ้ ราษฎร์บังหลวงทางการเมอื งและในการเลือกต้ัง ใหน้ อ้ ยลง สื่อและสาธารณะขนึ้ ป้ายวพิ ากษว์ ิจารณร์ ฐั บาลพลเอกชวลิต อยา่ งหนกั จนเขาตอ้ งลาออกในเดอื นพฤศจกิ ายน 2540 (1997) และ นายชวน หลกี ภยั กห็ วนกลบั มาเปน็ นายกรฐั มนตรอี กี ครงั้ หลงั จาก มีการเจรจาต่อรองอยา่ งหนกั รฐั บาลของนายชวน สามารถสรา้ งข้อ ตกลงกับไอเอ็มเอฟ หรือกองทุนฟื้นฟูการเงินระหว่างประเทศ ใน การใหค้ วามชว่ ยเหลอื เศรษฐกจิ ไทย ซง่ึ ท�ำ ใหค้ า่ เงนิ บาทคนื กลบั มา อยทู่ ่ี 40 บาทตอ่ หน่งึ ดอลลาร์ ในเดอื นเมษายน 2541 (1998) ปญั ญาชนไทยบางคนวพิ ากษข์ อ้ ตกลงนกี้ บั ไอเอม็ เอฟ อยา่ ง แหลมคมวา่ นเ่ี ปน็ สงิ่ เลวรา้ ยทส่ี ดุ ทเ่ี คยเกดิ ขน้ึ ในประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ทผี่ ่านมา ขณะที่กล่มุ อน่ื มองว่า ไอเอม็ เอฟ กลายเป็นกองทุนช่วย เหลอื คนรวย มกี ารใหค้ วามสนใจเพยี งเลก็ นอ้ ยตอ่ การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงอยา่ งมโหฬาร และความไรป้ ระสทิ ธภิ าพในการจดั การเศรษฐกจิ ในประเทศไทย รวมทั้งการที่ประเทศไทยเข้าตาจนจนจำ�เป็นต้อง 576 ประวตั ศิ าสตร์ไทยฉบับสังเขป
ขอรบั ชว่ ยเหลอื ทางการเงนิ เพ่อื ช่วยกอบกธู้ ุรกิจท่ลี ม้ ละลาย รฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหมย่ งั ไมส่ ามารถมผี ลบงั คบั ได้ จนกวา่ การ เลือกต้ังที่ถูกต้องตามกฎหมายครั้งใหม่จะผ่านไป การทะเลาะกัน ทางการเมอื งถกู ลดบทบาทลง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในชว่ งการดน้ิ รน จากหายนะทางเศรษฐกจิ สภานิตบิ ญั ญตั ิถูกดา่ ทงั้ ทางตรงและทาง ออ้ มเกย่ี วกบั การฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง มรี ฐั มนตรหี ลายคนถกู จบั เพราะ ขาดคุณสมบัติ ไร้ความสามารถ รวมท้ังการเห็นแก่ประโยชน์ของ ญาติพน่ี อ้ งและของพวกพ้อง การฉอ้ ราษฎร์บังหลวงและการท�ำ ผิด กฎหมายการปกครองท่ีมาจากรวมตัวของหลายพรรคเริ่มแตกแยก กอ่ นมีการจดั การเลือกตั้ง แตก่ ็ได้มกี ารเลือกตงั้ วุฒสิ มาชิกเป็นคร้ัง แรก เกดิ ขน้ึ กอ่ นในเดอื นมนี าคม 2543 (2000) ซงึ่ มผี ใู้ ชส้ ทิ ธถิ์ งึ 70% ในการเลอื กตง้ั ทใี่ กลเ้ ขา้ มา พรรคการเมอื งทมี่ นี กั ธรุ กจิ ทมี่ ง่ั คงั่ ร�ำ่ รวยอยา่ งพนั ตำ�รวจโททกั ษณิ ชนิ วตั ร หรอื ทเี่ รยี กวา่ ไทยรกั ไทย ได้รับอานิสงส์จากการที่พรรคนี้เสนอสิ่งจูงใจให้คนเอาใจออกห่าง จากพรรคอนื่ ๆ มารว่ มกบั พวกเขา ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งปกตใิ นการตอ่ สทู้ างการ เมอื งไทยอนั ยาวนาน ทหี่ ลายๆ คนตอ้ งหลดุ ออกไปจากวงโคจรเพราะ ไร้ความสามารถ การติดสินบน และการเล่นพรรคเล่นพวกซึ่งเป็น แบบโบราณ ไดช้ ใี้ หเ้ หน็ วา่ สง่ิ เหลา่ นอี้ าจลดลงได้ ถา้ หากมผี นู้ ำ�ใหม่ ท่รี ่ำ�รวยมากเพียงพอ จนไมจ่ �ำ เป็นตอ้ งฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวงอกี การเลือกต้ังมขี ้ึนในเดอื นมกราคม พ.ศ. 2544 (2001) พรรค ไทยรกั ไทยของพันต�ำ รวจโททกั ษิณไดร้ ับชยั ชนะแบบท่วมท้น เขา เรม่ิ ยคุ สมยั การเปน็ นายกรฐั มนตรดี ว้ ยหลายสง่ิ หลายอยา่ ง เชน่ การ ตอ่ ต้านนักข่าวและสอื่ ต่างชาตทิ วี่ พิ ากษว์ จิ ารณ์เมอื งไทย นค่ี อื การปกครองของประเทศไทย ในขณะทก่ี �ำ ลงั เผชญิ หนา้ กับการท้าทายในการท่ีจะจัดการตอบสนองความต้องการของกลุ่ม ผลประโยชนท์ หี่ ลากหลายกลมุ่ ไดท้ ว่ั ถงึ ทงั้ อยา่ งถกู กฎหมายและไม่ 11 | การเร่มิ ต้นใหม่ 577
ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะนักการเมอื งทถ่ี กู ผมู้ อี ทิ ธิพลทเ่ี กี่ยวข้องกบั กิจกรรมที่ผิดกฎหมายเลือกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด โสเภณี การพนนั และรวมท้ังการน�ำ ส่งิ ที่ผดิ กฎหมายจากภายนอกเข้ามา น่ีอาจดูวา่ เป็นสง่ิ ทีน่ า่ รังเกียจ หากแต่ประเทศไทยก็ยงั มีสิง่ ทดี่ แี ละมเี สนห่ อ์ กี มาก ดงั ตวั อยา่ งหนง่ึ ทอี่ าจเปน็ ตวั แทนของตวั อยา่ ง อ่ืนๆ อีกหลายตัวอย่างได้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (พฤษภาคม พ.ศ. 2541 (1998)) มีปัญญาชนอาวุโสทเี่ กษยี ณอายุ เป็นผ้ทู ไ่ี ดร้ บั การยอมรบั นบั ถอื และเปน็ ทรี่ กั ของคนหลายคน ซงึ่ เขาเสยี ใจกบั การจากไปของ ภรรยาของเขา หลายเดอื นต่อมาในวนั ครบรอบวันเกิด 72 ปี หรือ ครบรอบการฉลองแซยิด เพื่อนๆ ของเขาหลายคนตัดสินใจจัดงาน วนั เกดิ ใหเ้ ขาตามแบบประเพณที างเหนอื พวกเขาจดั งาน “พธิ รี ดน�้ำ ดำ�หัว” ให้เขา ที่บริเวณลานวัดเก่าแก่แห่งหน่ึงคือ วัดพระธาตุหริ ภญุ ไชยที่จังหวัดล�ำ พนู ลูกศิษย์ของเขาและเพือ่ นๆ จากทต่ี ่างๆ ทวั่ ประเทศมารวมตวั กนั ท่นี ี่ บางคนมาดว้ ยเคร่ืองบนิ บางคนโดยสาร รถบัสมา บางคนแก่ บางคนหนุม่ บางคนจนและบางคนรำ�่ รวย คน ทั้งหมดน้ีรวมตัวเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันได้ด้วยความรักและนับถือ อยา่ งสงู ทมี่ ตี อ่ ชายผนู้ ี้ ทงั้ หมดไดร้ ดน�้ำ ด�ำ หวั และยกยอ่ งเขา ซง่ึ เปน็ วถิ ที างการเคารพยกยอ่ ง ทไี่ มม่ ปี รญิ ญากติ ตมิ ศกั ดใ์ิ ดๆ จะเทยี บได้ ประเพณกี ารรดนำ้�ด�ำ หวั ได้พิสจู น์ถงึ จารตี ประเพณีทด่ี ที ่สี ุด ของคา่ นยิ มแบบไทย ไมม่ อี �ำ นาจหรอื ความมง่ั มใี ดๆ จะเทยี บเทา่ ได้ ท้ังหมดนี้ได้แสดงออกและยืนยันถึงอัตลักษณ์ไทย ภาษาไทย วรรณกรรมไทย และประวตั ิศาสตร์ไทย รวมทัง้ ไดย้ นื ยันถงึ ค่านยิ ม ของสงั คมไทยตอ่ ความจงรกั ภกั ดแี ละการบรกิ าร พวกเขาไดแ้ สดงออก ถึงความคาดหวงั ว่าสิ่งเหล่าน้ีจะยังคงสืบสานตอ่ ไปในอนาคต ดงั ที่ พวกเขาได้ท�ำ กนั มาแล้วในอดีต 578 ประวัตศิ าสตร์ไทยฉบบั สังเขป
เชงิ อรรถ 1. สถติ ปิ ระจ�ำ ปปี ระเทศไทย เลม่ ที่ 48 (กรงุ เทพฯ, 2544 (2001)), ตาราง 5,19. 11 | การเรมิ่ ต้นใหม่ 579
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก กษัตริย์สุโขทัย พ.ศ. 1782?-1802? (1239?-1259?) พ.ศ. 1802?-1822? (1259-1279?) 1. พ่อขนุ ศรอี นิ ทราทิตย์ พ.ศ. 1822?-1841 (1279-1298?) 2. พอ่ ขนุ บานเมือง พ.ศ. 1841-1889/90 (1298-1346/47) 3. พ่อขนุ รามคำ�แหง พ.ศ. 1889/90-___ (1346/7-___?) 4. พอ่ ขนุ เลอไทย พ.ศ. 1889/90-1911/17? (1346/7-1368/74?) 5. พ่อขุนงว่ั น�ำ ถม พ.ศ. 1911/17-1941? (1368/74-1398?) 6. พระมหาธรรมราชาท่ี 1 พ.ศ. 1941-1962 (1398-1419) พ.ศ. 1962-1981 (1419-1438) (ลอื ไทย) 7. พระมหาธรรมราชาท่ี 2 8. พระมหาธรรมราชาท่ี 3 (ไสลือไทย) 9. พระมหาธรรมราชาท่ี 4 ภาคผนวก ข กษตั รยิ ์ล้านนา 1. พญามงั ราย (ตง้ั แต่ พ.ศ. พ.ศ. 1802-1860 (1259-1317) 1835 (1292) ประทบั ในเชยี งใหม)่ 2. พญาไชยสงคราม พ.ศ. 1860-1861 (1317-1318) 3. พญาแสนพู พ.ศ. 1861-1862 (1318-1319) 4. ขุนเครือ พ.ศ. 1862-1865 (1319-1322) 5. ท้าวน้ำ�ท่วม พ.ศ. 1865-1867 (1322-1324) 6. พญาแสนพู พ.ศ. 1867-1871 (1324-1328) (ครองราชยค์ รง้ั ที่ 2) 7. พญาคำ�ฟู พ.ศ. 1871-1880 (1328-1337) ภาคผนวก 581
8. พญาผายู พ.ศ. 1888-1898 (1345-1355) 9. พญากอื นา พ.ศ. 1910-1928 (1367-1385) 10. พญาแสนเมืองมา พ.ศ. 1928-1944 (1385-1401) 11. พญาสามฝั่งแกน พ.ศ. 1944-1984 (1401-1441) 12. พระเจ้าติโลกราช 19 พฤษภาคม 1985-27 พฤษภาคม 2030 (1442-1487) 13. พญายอดเชียงราย พ.ศ. 2032-18 กรกฎาคม 2038 (1489-1495) 14. พญาเมอื งแกว้ /พญาแกว้ พ.ศ. 2038-7 กมุ ภาพันธ์ 2069 (1495-1526) 15. พญาเกศเชษฐราช พ.ศ. 2069-2081 (1526-1538) 16. ทา้ วชาย พ.ศ. 2081-2086 (1538-1543) 17. พญาเกศเชษฐราช พ.ศ. 2086-2088 (1543-1545) (ครองราชยค์ ร้ังท่ี 2) 18. พระนางจิรประภา 25 มถิ ุนายน 2088-2089 (1545-1546) 19. พระเชษฐาธริ าช 17 กรกฎาคม 2089- 20 สงิ หาคม 2090 (แหง่ ลา้ นช้าง) (1546-1547) 20. พญาเมกฎุ ิ 9 พฤษภาคม 2094-2107 (1551-1564) 21. พระนางวิสุทธิเทวี (ตกอยู่ พ.ศ. 2107-2121 (1564-1578) ภายใต้การปกครอง ของพม่า) 22. (ชาวพมา่ ) สาวถนี รตรา พ.ศ. 2121-2150 (1578-1607) มงั ซอศรี 23. โอรส 2 พระองค์ของ 22 พ.ศ. 2150-2156 (1607-1613) (พระชอ้ ย และพระชัยทิพ) 24. พระช้อย พ.ศ. 2156-2158 (1613-1615) (ครองราชย์ครง้ั ท่ี 2) 25. ศรีสองเมือง พ.ศ. 2158-2174 (1615-1631) (เจ้าเมืองนา่ น) 26. พญาหลวงทิพเนตร พ.ศ. 2174-2202 (1631-1659) 582 ประวัตศิ าสตรไ์ ทยฉบับสังเขป
27. (เจา้ เมืองแพร่) พ.ศ. 2202-2215 (1659-1672) 28. อง้ึ แซะ (ชาวพม่า) พ.ศ. 2215-2218 (1672-1675) 29. เจพูตราย (ชาวพม่า) พ.ศ. 2218- 2250 (1675-1707) 30. มังแรนร่า (ชาวพม่า) พ.ศ. 2250-2270 (1707-1727) 31. เทพสิงห์ (ยึดอ�ำ นาจ) พ.ศ. 2270 (1727) 32. องค์คำ� พ.ศ. 2270-2302 (1727-1759) 33. เจ้าจนั ทร์ พ.ศ. 2302-2304 (1759-1761) 34. เจา้ ขห้ี ุด 27 เมษายน 2304-2305 (1761-1762) 35. โป่อภยั คามินี (ชาวพมา่ ) พ.ศ. 2309-2311 (1766-1768) 36. โปม่ ะยงุ ว่ น (ชาวพม่า) พ.ศ. 2311-2314 (1768-1771) พ.ศ. 2314-2317 (1771-1774) ลา้ นนายดึ อ�ำ นาจ กษัตริยเ์ ชียงใหม่ 1. พระเจา้ กาวลิ ะ (พ.ศ. พ.ศ. 2318-2359 (1775-1816) 2318-2324 (1775–1781) ประทับทีล่ ำ�พนู ) 2. พระเจา้ ธรรมลังกา พ.ศ. 2359-2364 (1816-1821) 3. เจ้าหลวงค�ำ ฝ้นั พ.ศ. 2365-2368 (1822-1825) 4. เจ้าหลวงพทุ ธวงศ์ พ.ศ. 2369-2389 (1826-1846) 5. พระเจา้ มหาวงค์ / พ.ศ. 2389-2397 (1846-1854) มโหตรประเทศ 6. พระเจา้ กาวิโลรสสุริยวงศ์ พ.ศ. 2399-2413 (1856-1870) 7. พระเจา้ อินทวชิ ยานนท์ พ.ศ. 2414-2440 (1871-1897) 8. เจา้ อนิ ทวโรรสสรุ ยิ วงษ์ พ.ศ. 2444-2454 (1901-1911) 9. พลตรเี จา้ แก้วนวรัฐ พ.ศ. 2454-2482 (1911-1939) ภาคผนวก 583
กษตั รยิ ์น่าน พ.ศ. 2329-2353 (1786-1810) พ.ศ. 2353-2368 (1810-1825) 1. พระยาอัตถวรปญั โญ พ.ศ. 2368-2379 (1825–1836) 2. พระยาสมุ นเทวราช พ.ศ. 2379-2381 (1836-1838) 3. พระยามหายศ พ.ศ. 2381-2394 (1838-1851) 4. พระยาอชิตวงศ์ พ.ศ. 2394-2434 (1851-1891) 5. พระยามหาวงศ์ พ.ศ. 2434-2461 (1891-1918) 6. พระยาอนันตยศ พ.ศ. 2461-2474 (1918-1931) 7. พระเจ้าสรุ ยิ พงษผ์ รติ เดช 8. เจา้ มหาพรหมสรุ ธาดา ภาคผนวก ค กษัตริย์อยุธยา ธนบรุ ี และกรงุ เทพฯ กษัตรยิ ์อยธุ ยา พ.ศ. 1893-1912 (1351-1369) พ.ศ. 1912-1913 (1369-1370) 1. พระรามาธิบดี พ.ศ. 1913-1931 (1370-1388) 2. พระราเมศวร พ.ศ. 1931 (1388) 3. พระบรมราชาท่ี 1 พ.ศ. 1931-1938 (1388-1395) 4. พระทองลนั พ.ศ. 1938-1952 (1395-1409) 5. พระราเมศวร พ.ศ. 1952- 1967 (1409-1424) พ.ศ. 1967-1991 (1424-1448) (ครองราชย์คร้งั ที่ 2) พ.ศ. 1991-2006 (1448-1463) 6. พระรามราชา พ.ศ. 2006-2031 (1463-1488) 7. พระอินทราชา 8. พระบรมราชาท่ี 2 9. พระบรมไตรโลกนาถ (ครองราชยท์ ี่อยุธยา) (ครองราชย์ที่พิษณโุ ลก) 584 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบับสังเขป
10. พระบรมราชาท่ี 3 พ.ศ. 2006-2031 (1463-1488) (ครองราชยท์ ี่อยธุ ยา) พ.ศ. 2031-2034 (1488-1491) 11. พระอนิ ทราชาที่ 2 พ.ศ. 2034-2072 (1491-1529) (หมายเลข 10 และ 11 พ.ศ. 2072-2076 (1529-1533) คอื พระองค์เดยี วกัน) พ.ศ. 2076-2077 (1533-1534 (5 เดือน)) พ.ศ. 2077-2090 (1534-1547) 12. พระรามาธิบดีท่ี 2 พ.ศ. 2090-มถิ ุนายน 2091 (1547-1548) 13. พระบรมราชาที่ 4 มิถุนายน-กรกฎาคม 2091 (1548) 14. พระรษั ฎาธริ าช กรกฎาคม 2091-มกราคม 2112 (1548-1569) 15. พระไชยราชา มกราคม-สงิ หาคม 2112 (1569) 16. พระยอดฟา้ สงิ หาคม 2112-มิถุนายน 2133 (1569-1590) 17. ขุนวรวงศา (ชงิ บลั ลังก์) มิถนุ ายน 2133-25 เมษายน 2148 (1590-1605) 18. พระจักรพรรด์ิ 25 เมษายน 2148-ตุลาคม 2153/(1605-1610) 19. พระมหินทร์ พฤศจิกายน 2154 (1611) 20. พระมหาธรรมราชา พ.ศ. 2153-2154 (1610-1611 ?) 21. พระนเรศวร พ.ศ. 2153-13 ธนั วาคม 2171 (1610-1628) 22. พระเอกาทศรถ 13 ธันวาคม 2171-สิงหาคม 2172 (1628-1629) 23. พระศรเี สาวภาคย์ สิงหาคม-กันยายน 2172 (1629) 24. พระเจา้ ทรงธรรม กันยายน 2172-7 สงิ หาคม 2199 (1629-1656) 7-8 สงิ หาคม 2199 (1656) (อนิ ทราชา) 8 สิงหาคม-26 ตลุ าคม 2199 (1656) 25. พระเชษฐา 26 ตุลาคม 2199-11 กรกฎาคม 2131 26. พระอาทิตยวงศ์ (1656-1688) 27. พระเจ้าปราสาททอง 11 กรกฎาคม 2131-2246 (1688-1703) 28. เจา้ ฟ้าไชย พ.ศ. 2246-2252 (1703-1709) 29. พระสธุ รรมราชา 30. พระนารายณ์ 31. พระเพทราชา 32. พระเจา้ เสอื ภาคผนวก 585
33. พระภมู ินทราชา พ.ศ. 2252-มกราคม 2276 (1709-1733) (ทา้ ยสระ) มกราคม พ.ศ. 2276-13 เมษายน 2301 (1733- 1758) 34. พระบรมโกศ 13 เมษายน 2301-พฤษภาคม 2301 (1758) 35. พระเจ้าอทุ มุ พร พฤษภาคม 2301-7 เมษายน 2310 (1758-1767) 36. พระสุริยาศอมรนิ ทร์ กษัตริยธ์ นบุรี ปลาย พ.ศ. 2310-6 เมษายน 2325 (1767-1782) 1. พระเจ้าตากสนิ กษัตรยิ ก์ รงุ เทพ ราชวงศจ์ กั รี 1. พระบาทสมเดจ็ พระพุทธ 6 เมษายน 2325 (1782)-7 กนั ยายน 2352 (1809) ยอดฟ้า (รามาธิบดีท่ี 1) 2. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ 7 กันยายน 2352 (1809)-21 กรกฎาคม 2367 (1824) เลศิ หลา้ (รามาธบิ ดีท่ี 2) 3. พระบาทสมเดจ็ พระน่ัง 21 กรกฎาคม 2367 (1824)-3 เมษายน 2394 (1851) เกล้า (รามาธบิ ดที ่ี 3) 4. พระบาทสมเด็จพระจอม 3 เมษายน 2394 (1851)-1 ตุลาคม 2394 (1868) เกลา้ (รามาธิบดีท่ี 4) 5. พระบาทสมเดจ็ พระจุล 1 ตลุ าคม 2411 (1868)-23 ตลุ าคม 2453 (1910) จอมเกลา้ (รามาธบิ ดที ่ี 5) 6. พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ 23 ตลุ าคม 2453 (1910)-26 พฤศจกิ ายน 2468 (1925) เกล้า (รามาธบิ ดที ่ี 6) 7. พระบาทสมเด็จพระปก 26 พฤศจกิ ายน 2468 (1925)-2 มีนาคม 2477 เกลา้ (สละราชสมบัต)ิ (*นบั ศักราชแบบเก่า 1935) 8. พระบาทสมเด็จพระเจา้ 2 มีนาคม 2477(1935)-9 มิถุนายน 2489 (1946) อยู่หัวอานนั ทมหิดล 9. พระบาทสมเด็จพระเจา้ 9 มิถุนายน 2489 (1946)-ปัจจุบัน อยู่หัวภมู พิ ลอดุลยเดช 586 ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป
ภาคผนวก ง นายกรัฐมนตรขี องประเทศไทย พ.ศ. 2475-ปัจจุบัน (1932-) 1. พระยามโนปกรณน์ ิตธิ าดา 28 มิถุนายน 2475 (1932)-20 มถิ ุนายน 2476 (1933) (ก้อน หตุ ะสงิ ห)์ 2. พระยาพหลพลพยุหเสนา 21 มิถุนายน 2476 (1933)-11 กนั ยายน 2481 (1938) (พจน์ พหลโยธนิ ) 3. หลวงพิบลู สงคราม 16 ธนั วาคม 2481 (1938)-1 สิงหาคม 2487 (1944) (แปลก พิบลู สงคราม) 4. ควง อภัยวงศ์ 1 สิงหาคม 2487 (1944)-31 สงิ หาคม 2488 (1945) 5. ทวี บณุ ยเกตุ 31 กันยายน-17 กนั ยายน 2488 (1945) 6. ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช 17 กันยายน 2488 (1945)-15 ตุลาคม 2488 (1945) 7. ควง อภยั วงศ์ 31 มกราคม 2489 (1946)-24 มีนาคม 2489 (1946) 8. ปรดี ี พนมยงค์ 24 มีนาคม-23 สิงหาคม 2489 (1946) 9. หลวงธำ�รงนาวาสวสั ด์ิ 23 สงิ หาคม 2489 (1946)-8 พฤศจิกายน 2490 (1947) (ถวัลย์ ธ�ำ รงนาวาสวสั ดิ์) 10. ควง อภัยวงศ์ 10 พฤศจิกายน 2490 (1947)-8 เมษายน 2491 (1948) 11. ป. พิบลู สงคราม 8 เมษายน 2491 (1948)-16 กนั ยายน 2500 (1957) 12. พจน์ สารสนิ 21 กันยายน-26 ธนั วาคม 2500 (1957) 13. ถนอม กิติขจร 1 มกราคม-20 ตุลาคม 2501 (1958) 14. สฤษด์ิ ธนะรชั ต์ 9 กุมภาพันธ์ 2502 (1959)-8 ธันวาคม 2506 (1963) 15. ถนอม กิตตขิ จร 9 ธันวาคม 2506 (1963)-14 ตลุ าคม 2516 (1973) 16. สญั ญา ธรรมศกั ดิ์ 14 ตลุ าคม 2516 (1973)-21 มกราคม 2518 (1975) 17. ม.ร.ว. เสนยี ์ ปราโมช 21 กุมภาพันธ์-6 มีนาคม 2518 (1975) 18. ม.ร.ว. คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช 17 มนี าคม 2518 (1975)-12 มกราคม 2519 (1976) 19. ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช 21 เมษายน-8 ตลุ าคม 2519 (1976) 20. ธานินทร์ กรยั วเิ ชยี ร 22 ตุลาคม 2519 (1976)-20 ตลุ าคม 2520 (1977) 21. เกรยี งศักดิ์ ชมะนันทน์ 12 พฤศจิกายน 2520 (1977)-29 กมุ ภาพนั ธ์ 2523 (1980) 22. เปรม ติณสลู านนท์ 12 มนี าคม 2523 (1980)-29 เมษายน 2531 (1988) ภาคผนวก 587
23. พลเอกชาติชาย ชุณหะวณั 4 สิงหาคม 2531 (1988)-23 กุมภาพนั ธ์ 2534 (1991) 24. อานันท์ ปนั ยารชนุ 2 มีนาคม 2534 (1991)-6 เมษายน 2535 (1992) 25. พลเอกสุจนิ ดา คราประยูร 7 เมษายน 2535 (1992)-24 พฤษภาคม 2535 (1992) 26. อานนั ท์ ปันยารชนุ 10 มิถุนายน-22 กันยายน 2535 (1992) 27. ชวน หลกี ภัย 23 กนั ยายน 2535 (1992)-19 พฤษภาคม 2538 (1995) 28. บรรหาร ศิลปอาชา 13 กรกฎาคม 2538 (1995)-27 กันยายน 2539 (1996) 29. ชวลิต ยงใจยุทธ 25 พฤศจกิ ายน 2539 (1996)-9 พฤศจิกายน 2540 (1997) 30. ชวน หลกี ภยั 9 พฤศจิกายน 2540 (1997)-17 กุมภาพันธ์ 2544 (2001) 31. ทกั ษณิ ชนิ วัตร 17 กุมภาพนั ธ์ 2544 (2001)-11 มนี าคม 2548 (2005) *32. ทกั ษิณ ชินวตั ร 11 มีนาคม 2548 (2005)-19 กนั ยายน 2549 (2006) *33. สุรยุทธ จลุ านนท์ 1 ตลุ าคม 2549 (2006)-29 มกราคม 2551 (2008) *34. สมคั ร สนุ ทรเวช 29 มกราคม 2551 (2008)-9 กันยายน 2551 (2008) *35. สมชาย วงศส์ วสั ดิ์ 18 กนั ยายน 2551 (2008)-2 ธนั วาคม 2551 (2008) *36. อภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ 17 ธันวาคม 2551 (2008)–5 สิงหาคม 2554 (2011) *37. ยิ่งลักษณ์ ชนิ วัตร 5 สงิ หาคม 2554 (2011)-ปจั จบุ นั แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.thaiembde.org/bio/pms/pmlist.htm http://www.thaigov.go.th/general/cabin/thaksin-e.htm http://www.sala.net/Thailand/History/pm *http://www.th.wikipedia.org/wiki_นายกรฐั มนตรีไทย *เพม่ิ เติมโดยบรรณาธิการ 588 ประวัติศาสตรไ์ ทยฉบับสังเขป
คำ�แนะนำ�ในการอา่ นเพิ่มเติม การท�ำ บรรณานกุ รมเรอื่ งประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เพง่ิ มมี าไดศ้ ตวรรษเดยี ว เทา่ นน้ั เมอ่ื เรม่ิ การพมิ พ์ และเกดิ ความตนื่ ตวั สนใจศกึ ษาคน้ ควา้ ประวตั ศิ าสตร์ ขนึ้ ในประเทศไทย หากจะถกเถยี งกนั อยา่ งเตม็ ทถ่ี งึ เอกสารทง้ั หมด ทเี่ หมาะสม จะใชศ้ กึ ษาเรอ่ื งนอ้ี ยา่ งจรงิ จงั คงจะตอ้ งเขยี นหนงั สอื เฉพาะเรอื่ งน้ี แยกตา่ งหาก อกี เลม่ หนงึ่ เทา่ ทข่ี า้ พเจา้ สามารถท�ำ ไดเ้ พยี งเลก็ นอ้ ยในตอนนี้ กค็ อื การแนะน�ำ ผลงานเรื่องประวัติศาสตร์ไทยท่ีคิดว่าสำ�คัญและเป็นประโยชน์มากที่สุด ท่ี สามารถหาอ่านได้ในภาษาตะวนั ตกเป็นหลกั หนงั สือท่วั ไป ผลงานยอดเยี่ยมส่วนใหญ่เป็นผลงานท่ีเพ่ิงเขียน และยังไม่มีการตี พมิ พ์เป็นหนงั สือ เป็นดุษฎนี ิพนธ์ ทส่ี ่วนใหญห่ าอา่ นเป็นไมโครฟิลม์ ได้ ผ่าน ระบบของมหาวทิ ยาลยั มชิ แิ กน ทแี่ อน อารเ์ บอร์ มลรฐั มชิ แิ กน ลกั ษณะเฉพาะ ของดษุ ฎนี พิ นธ์ ท�ำ ใหต้ อ้ งมกี ารรวบรวมบรรณานกุ รมทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หวั เรอ่ื งท่ี น�ำ เสนอ บทความที่เก่ยี วขอ้ งกบั ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ปรากฏอย่างสม่�ำ เสมอใน
วารสารสยามสมาคม Journal of the Siam Society (ตอ่ ไปในที่น้ี จะเรยี ก วา่ JSS) (Bangkok, 1904-) และ Journal of Southeast Asian Studies (Singapore, 1970-) หนงั สอื แนะน�ำ ทด่ี มี ากในสาขานเ้ี ปน็ ผลงานของ Charles F. Keyes, Southeast Asian Research Tools: Thailand (Honolulu, 1979) การอ้างอิงเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ท่ียอดเย่ียมมี 2 ช้ิน ได้แก่ Robert L. Pendleton, Thailand: Aspects of Landscape and Life (New York,1962) และ Wolf Donner, The Five Faces of Thailand: An Economic Geography (New York, 1978) ในบรรดาหนังสือส�ำ คัญๆ ทใ่ี ห้ ค�ำ แนะน�ำ โดยทว่ั ไปเกย่ี วกบั ประเทศไทย ซง่ึ มภี าพประกอบสงี ดงามมาก ไดแ้ ก่ Frank J. Moore, Thailand: Its People, Its Society, Its Culture, rev. ed. (New Haven, 1974) ; Thailand: A Country Study (Washington, 1987) ; และ Thailand, Office of the Prime Minister, Thailand in the 90’s (Bangkok, 1991) ในบรรดาผกู้ ลา้ จ�ำ นวนหนง่ึ ทพ่ี ยายามจะเขยี นประวตั ศิ าสตรโ์ ดยทว่ั ไปนน้ั คนแรกคอื W. A. R. Wood, A History of Siam (London, 1926; reprint, Bangkok, 1959) ทเี่ ขยี นครอบคลมุ เร่อื งราวสมยั กรงุ เทพฯ ในจำ�นวนเพียง 8 หนา้ แตต่ อนนกี้ ล็ า้ สมยั มากแลว้ ขา้ พเจา้ ไดร้ วบรวมบทความจำ�นวนหนง่ึ พมิ พ์ เปน็ หนงั สอื Studies in Thai History (Chiang Mai, 1996) และบทความชดุ ใหมข่ องขา้ พเจา้ ท่ีเป็นประโยชน์กค็ ือ Siam in Mind (Chiang Mai, 2002) หนังสือที่เขียนลำ�ดับเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดีมี 2 เล่ม ได้แก่ J. C. Eade, The Calendrical Systems of Mainland South-East Asia (Leiden, 1995) และ The Historical Record: A Computer Analysis (Tokyo, 1996) สว่ นจ�ำ นวนสถติ ิทง้ั หลายนัน้ หาดไู ดจ้ ากเวบ็ ไซตข์ องส�ำ นักงานสถติ แิ หง่ ชาติ http://www.nso.go.th/ เบือ้ งแรกประวัตศิ าสตรไ์ ท-ไต Frank M. LeBar, Gerald C. Hickey, and John K. Musgrave, Ethnic Groups of Mainland Southeast Asia (New Haven, 1964) ไดใ้ ห้ ขอ้ มลู อยา่ งดเี กย่ี วกบั การส�ำ รวจทางชาตพิ นั ธข์ุ องกลมุ่ คนไท-ไต มที งั้ บรรณานกุ รม 590 ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยฉบบั สงั เขป
ทดี่ ี และแผนทซ่ี ง่ึ คลอ่ี อกดไู ด้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรใ์ นภมู ภิ าคนี้ รวมทงั้ เรอ่ื งของคนไท-ไตทม่ี อี ยนู่ น้ั กระจดั กระจายออกไปอยา่ งกวา้ งขวางและ สมควรจะไดร้ วบรวมเข้าไวด้ ้วยกัน บทความของ Wilhelm G. Solheim II, “Northern Thailand, Southeast Asia, and World Prehistory,” Asian Perspective 13 (1973) ; 145-62 และของ Chester F. Gorman and Pisit Charoenwongsa, “Ban Chiang: A Mosaic of Impressions from the First Two Years,” Expedition 18, no. 4 (1976) : 14-26. ตา่ งกเ็ ปน็ ตวั แทน ของผลงานท่ีน่าสนใจอย่างยิ่งในสาขาน้ี โดยเฉพาะอย่างย่ิง ควรดู Charles Higham, The Bronze Age of Southeast Asia (Cambridge, 1996) . ผลงานลา่ สดุ ของนกั ภาษาศาสตร์ ทเี่ สยี่ งตพี มิ พป์ ระเดน็ เรอื่ งพฒั นาการ ด้านภาษาศาสตร์กค็ ือ James R. Chamberlain, “A New Look at the History and Classification of the Tai Languages,” in Studies in Tai Linguistics in Honor of William J. Gedney, ed. Jimmy G. Harris and James R. Chamberlain (Bangkok, 1975) pp. 49-66. หลายคนอาจ ได้ประโยชน์จากการอ่านงานของ Graham Thurgood, “Tai-Kadai and Austronesian: The Nature of the Historical Relationship,” Oceanic Linguistics 33, No.2 (Dec 1944) : 345-68. บทความอกี 2 บท (*ใน สงั คมศาสตรป์ รทิ ัศน)์ ท่ดี งึ ประเดน็ “ปญั หา นา่ นเจา้ ” มาพจิ ารณาอยา่ งเพยี งพอ ไดแ้ ก่ F. W. Mote, “Problems of Thai Prehistory,” Sangkhomsat parithat 2, no. 2 (Oct 1964) : 100-8; กับ Hiram Woodward, “Who Are the Ancestors of the Thais? Report on the Seminar” Sangkhomsat parithat 2, no. 3 (Feb 1965) : 88-91. G. H. Luce ได้แปลเอกสารร่วมสมยั เกยี่ วกับน่านเจา้ ท่เี ขยี นโดยข้าราชการจนี Fan Ch’o, the Man Shu (Book of the Southern Babarians) (Ithaca, 1961). ประวตั ศิ าสตร์ในระยะแรกของน่านเจ้าปรากฏในผลงานของ Charles Bakus, The Nan-chao Kingdom and T’ang China’s Southwestern Frontier (New York, 1982) สำ�หรับภาพรวมของประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในคริสต์ ศตวรรษท่ี 9 และ 10 นั้น คงเปน็ การยากท่ใี ครจะท�ำ ไดด้ ไี ปกว่า G. Cœdès, The Indianized States of Southeast Asia, trans. Susan Brown Cowing ค�ำ แนะนำ�ในการอ่านเพมิ่ เตมิ 591
(Honolulu, 1968) ส�ำ หรบั เรอื่ งของทวารวดี ใหด้ ู ธดิ า สาระยา Dhida Saraya, (Sri) Dvâravatî: The Initial Phase of Siam’s History (Bangkok, 1999) แผนที่ซึ่งช่วยทำ�ให้น่าสนใจเก่ียวกับภูมิภาคน้ี ในช่วงเวลาดังกล่าวปรากฏ ใน Georges Maspero, “La geographie politique de l’Indochine aux environs de 960 A.D.,” in Etudes asiatique publiées à l’occasion du vingt-cinquième anniversaire de l’École Française d’Extrême-Orient (Paris, 1925), 2 : 79-125 ปจั จุบันมกี ารปรบั ปรุงแผนทีเ่ หล่านี้จ�ำ นวนมาก และปรากฏในบทความต่อๆ มาของ Hoshino Tatsuo คนไท-ไตและอาณาจักรโบราณตา่ งๆ Cœdès, Indianized States ใหข้ อ้ มลู ทด่ี แี ละเปน็ พน้ื ฐานทวั่ ไป H. G. Quaritch Wales, Dvâravatî: The Earliest Kingdom of Siam (6th to 11th Century A.D.) (London, 1969) ให้ภาพรวมที่ยอดเยีย่ ม แตค่ วรจะปรับปรงุ เนอื้ หาเกยี่ วกบั การขดุ คน้ ทางโบราณคดี และการคน้ พบทใ่ี หมก่ วา่ นนั้ ต�ำ นาน จามเทวีวงศ์ เมืองหริภญุ ไชย แปลโดย Donald K. Swearer and Sommai Premchit, The Legend of Queen Cama (Albany, 1998) และชนิ กาลมาลี ปกรณ์ กห็ าอ่านฉบบั แปลภาษาองั กฤษได้ใน N. A. Jayawickrama, The Sheaf of Garlands of the Epochs of the Conqueror (London, 1968) สว่ นแหลง่ ขอ้ มลู ตา่ งๆ เกยี่ วกบั ต�ำ นานโดยทว่ั ไป พรอ้ มบรรณานกุ รมจ�ำ นวนมาก ใหด้ ู David K. Wyatt, “Chronicle Traditions in Thai Historiography,” in Southeast Asian History and Historiography: Essays Presented to D. G. E. Hall, ed. C. D. Cowan and O. W. Wolters (Ithaca, 1976), pp. 107-22. L. P. Briggs, The Ancient Khmer Empire (Philadelphia, 1951) ไดส้ รปุ ย่อประวตั ิศาสตรข์ องอาณาจักรพระนครไวอ้ ยา่ งตรงไปตรงมา ประวตั ศิ าสตรต์ อนตน้ ของคนไท-ไต แหง่ อาณาจกั รโยนก เปน็ สว่ นทยี่ งั คงตอ้ งคาดการณไ์ วม้ ากอยกู่ อ่ น จนกวา่ จะมกี ารพจิ ารณาศกึ ษาแหลง่ ทมี่ าทยี่ งั เปน็ ขอ้ ถกเถยี งอยา่ งระมดั ระวงั ขอ้ มลู สว่ นส�ำ คญั ทส่ี ดุ ของต�ำ นานไดแ้ ปลไวแ้ ลว้ ใน The Chiang Mai Chronicle, trans. David K. Wyatt and Aroonrat 592 ประวัตศิ าสตร์ไทยฉบับสังเขป
Wichienkeeo (2nd ed.; Chiang Mai, 1998) ศตวรรษของคนไท-ไต พ.ศ. 1762-1893 (1200-1351) บทความท่ีเช่ือถือได้และเขียนสองตอนจบของ G. H. Luce, “The Early Syam in Burma’s History,” JSS 46, pt. 2 (Nov. 1958) : 123- 214, and 47, pt. 1 (June 1959) : 59-101 ทใ่ี ชแ้ หล่งขอ้ มูลท่เี ปน็ ภาษาจีนเป็น หลกั ไดเ้ ชื่อมโยงดินแดนสว่ นใหญท่ างตอนเหนอื ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในชว่ งเวลาน้เี ข้าไว้ด้วยกัน การแปลเร่ืองราวของอาณาจักรล้านนาจากตำ�นานไตยวนทำ�ได้อย่าง สมบรู ณใ์ นทส่ี ดุ ใน The Chiang Mai Chronicle, ed. Wyatt and Aroonrat ยงั มเี นอื้ หาจ�ำ นวนมากทรี่ อคอยการศกึ ษาวเิ คราะหอ์ ยู่ รวมทงั้ ต�ำ นานในชว่ งตน้ ๆ ของดนิ แดนทงั้ สที่ ม่ี เี จา้ ฟา้ ปกครอง ไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ นา่ น เชยี งรงุ้ และเชยี งตงุ ชุดบทความที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเริ่มพิมพ์ในวารสารสยามสมาคมเม่ือ ค.ศ. 1968/2511 “Epigraphic and Historical Studies,” JSS 56, pt. 2 (June 1968) ที่ต่อมาได้รวมพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหนา โดยใช้ช่ือเดียวกัน A. B. Griswold and Prasert na Nagara, Epigraphic and Historical Studies (Bangkok, 1992) ไดจ้ ดั วางระบบการเขยี นและการแปลขอ้ ความในจารกึ สมยั แรกของไท-ไต ท่สี โุ ขทัยและดินแดนใกล้เคยี ง ทั้งสองได้ปรบั ปรุงงานยคุ แรก ท่ี G. Cœdès ทำ�ไวใ้ นทศวรรษ 1920 (2463-2472) ไปอย่างมาก พวกเขา ท�ำ ใหเ้ กดิ การถกเถยี งวพิ ากษว์ จิ ารณใ์ นประเดน็ ส�ำ คญั และในหนา้ ของวารสาร สยามสมาคมดว้ ย โดยเฉพาะอย่างย่งิ ความเห็นของ ม.จ. จันทร์จิรายุ รัชนี M.C. Chand Chirayu Rajini และ Michael Vickery ประเด็นทร่ี ้อนแรง ท่ีสดุ คอื เร่ืองของจารกึ หลักท่ี 1 ของพอ่ ขนุ รามคำ�แหง ค.ศ. 1292 (1835) ดู The Ram Khamhaeng Controversy: Collected Papers, ed. James R. Chamberlain (Bangkok, 1991) ผลงานทจี่ ริงใจเปน็ อย่างยิง่ อกี ชิน้ หนึง่ คือ Griswold, Towards a History of Sukhodaya Art (Bangkok, 1967) คำ�แนะนำ�ในการอา่ นเพิม่ เตมิ 593
อยุธยาและเพอื่ นบา้ น พ.ศ. 1893-2112 (1351-1569) เอกสารช้ันต้นที่สำ�คัญที่สุด เก่ียวกับประวัติศาสตร์ของอาณาจักร อยุธยา คอื พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยาทเ่ี ขียนไวห้ ลายส�ำ นวน ซ่ึงขณะ นีห้ าอ่านฉบบั แปลได้แลว้ เป็นสว่ นใหญ่ ได้แก่ Richard D. Cushman, ed. David K. Wyatt, The Royal Chronicles of Ayutthaya: A Synoptic Translation (Bangkok, 2000) และ David K. Wyatt, “The Abridged Royal Chronicle of Ayutthaya of Prince Paramanuchitchinorot,” JSS 61 pt. 1 (Jan. 1973) : 25-50 ชาวดตั ชค์ นหนงึ่ ทพี่ �ำ นกั อยใู่ นกรงุ ศรอี ยธุ ยา เมอ่ื ทศวรรษ 1630 (2173-2182) ไดร้ วบรวมเรอื่ งราวประวตั ศิ าสตรส์ ยามจากหลกั ฐานของไทย นน่ั คอื Jeremias van Vliet, The Short History of the Kings of Siam, trans. Leonard Andaya, ed. D. K. Wyatt (Bangkok, 1975) ประวตั ศิ าสตรอ์ ยธุ ยาตอนตน้ เปน็ หวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ บั การสงั เคราะหอ์ ยา่ งนา่ สนใจจากชาญวิทย์ เกษตรศริ ิ Charnvit Kasetsiri, The Rise of Ayudhya: A History of Siam in the Fourteenth and Fifteenth Centuries (Kuala Lumpur, 1976) นอกเหนือจากบทความจำ�นวนมากใน “Epigraphic and Historical Studies,” แล้ว A.B. Griswold และประเสริฐ ณ นคร Prasert na Nagara ไดส้ าดแสงอนั นา่ หลงใหลลงบนสงครามระหวา่ งอยธุ ยากบั ลา้ นนา ในการศึกษาลิลิตยวนพ่าย “A Fifteenth-Century Siamese Historical Poem,” in Southeast Asian History and Historiography, ed. Cowan and Wolters, pp. 123-63. เรอื่ งราวอีกด้านหน่งึ ศึกษาไดจ้ าก The Chiang Mai Chronicle. การกลา่ วถงึ ปญั หาทวั่ ไปในการควบคมุ แรงงานไพร่ ปรากฏ ครั้งแรกในผลงานของ ม.ร.ว. อคิน รพีพัฒน์ Akin Rabibhadana, The Organization of Thai Society in the Early Bangkok Period, 1782- 1873 (Ithaca, 1969, rev. ed. Bangkok, 1996) ทีแ่ ม้วา่ หวั ขอ้ จะระบวุ ่า เป็น ชว่ งต้นรัตนโกสนิ ทร์ แต่เน้ือหาส่วนใหญ่เปน็ เร่อื งของอยุธยาและกฎหมายใน สมัยอยุธยา ผลงานอีกชิ้นหน่ึงท่ียังคงเป็นแหล่งอ้างอิงอย่างดี ก็คือ H. G. Quaritch Wales, Ancient Siamese Government and Administration (London, 1934; reprint, New York, 1965) ส�ำ หรบั เรอ่ื งราวของลา้ นนาในสมยั นี้ เทา่ ทห่ี าอา่ นจากภาษาตะวนั ตกได้ 594 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบับสงั เขป
มอี ยไู่ มม่ ากนกั นอกเหนอื จากการแปลต�ำ นานเมอื งเชยี งใหมเ่ ปน็ ภาษาองั กฤษ และการแปลชินกาลมาลีปกรณ์ของ Jayawickrama แล้ว กม็ พี งศาวดารเมือง นา่ น The Nan Chronicle, trans and ed. David K. Wyatt (Ithaca, 1994) ข้อมูลท่ีเทียบเคียงกันได้จากทางใต้ ท่ีครอบคลุมช่วงเวลาท้ังในสมัยนี้ และ ในสมัยก่อนหน้า หาอ่านได้จากหนังสือต่อไปนี้ The Crystal Sands: The Chronicles of Nagara Sri Dharrmaraja, trans. and ed., David K. Wyatt (Ithaca, 1975) ; Hikayat Patani: The Story of Patani, ed. A. Teeuw and D. K. Wyatt, 2 vols. (Leiden, 1971) ; Lorraine M. Gesick, In the Land of Lady White Blood: Southern Thailand and the Meaning of History (Ithaca, 1995) ราชอาณาจกั รอยธุ ยา พ.ศ. 2112-2310 (1569-1767) ขอ้ มูลเกี่ยวกบั อยุธยาในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 17 กลายเป็นส่งิ ท่นี �ำ มาเติม เต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์ย่ิงข้ึนในทันที เม่ือมีหลักฐานร่วมสมัยของชาวยุโรป ผู้มาเยือนอยุธยา นอกเหนือจากพระราชพงศาวดารต่างๆ ท่ีได้กล่าวถึงไป แล้วนั้น มีการรวบรวมเอกสารชั้นต้นจำ�นวนมากท่ีชาวยุโรป 2 กลุ่มได้ทำ�ไว้ และหอสมุดแห่งชาติของไทยได้พิมพ์เผยแพร่แล้ว ได้แก่ Records of the Relations between Siam and Foreign Countries in the 17th Century Copied from Papers Preserved at the India Office, 5 vols. (Bangkok, 1915-21) และ Dutch Papers: Extracts from the “Dagh Register,” 1624- 42 (Bangkok, 1915) ขอ้ มลู อันเป็นประโยชนท์ ีส่ ดุ ทบ่ี รรดาชาวตา่ งประเทศผู้ มาเยอื นอยุธยาได้จดบันทกึ ไว้ มดี ังตอ่ ไปนี้ Peter Floris: His Voyage to the East Indies in the Globe, 1611-15, ed. W. H. Moreland (London, 1934) ; “Translation of Jeremias van Vliet’s Description of the Kingdom of Siam,” trans. L. F. van Ravenswaay, JSS 7, pt. I (1910) : 1-108, Jeremias van Vliet, Historical Account of Siam in the 17th Century, trans. W. H. Mundie (Bangkok, 1904) และดู F. H. Giles. “A Critical Analysis of van Vliet’s Historical Account,” JSS 30 pt. 2 (1938) : 155-240 และ 30 pt. 3 (1939) : 271-380; Claude de Beze, 1688, คำ�แนะนำ�ในการอ่านเพิ่มเตมิ 595
Revolution in Siam, trans. E. W. Hutchinson (Hong Kong, 1968) ; Simon de la Loubère, A New Historical Relation of the Kingdom of Siam (London, 1693) พมิ พใ์ หม่โดยใชช้ อื่ วา่ The Kingdom of Siam (Kuala Lumpur, 1969) และบนั ทึกของเปอร์เซยี The Ship of Sulaiman, trans. John O’Kane (London, 1972) ในบรรดาเอกสารชั้นรองน้ัน เราควรเริ่มต้นจากผลงานเร่ืองบันทึก ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งไทยกบั จนี ในทศวรรษ 1590 (2133-2142) ของ O. W. Wolters, “Ayudhya and the Rearward Part of the World,” Journal of the Royal Asiatic Society (1968) : 166-78 ในตอนน้ีเร่ืองราวในครสิ ต์ ศตวรรษท่ี 17 ปรากฏกระจา่ งชดั ขนึ้ เมอื่ ไดอ้ า่ นงานของ George Vinal Smith, The Dutch in Seventeenth-Century Thailand (DeKalb, Ill., 1977) E. W. Hutchinson, Adventurers in Siam in the Seventeenth Century (London, 1940) ใหข้ อ้ มลู พน้ื ฐานเกย่ี วกบั เรอื่ งของพระนารายณก์ บั ชาวตะวนั ตก สว่ น Maurice Collis, Siamese White (London, 1936) เป็นเรอื่ งการ ผจญภัยท่ีน่าต่ืนเต้นเร้าใจ ซ่ึงหากมองในฐานะท่ีเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ก็ ให้ข้อมูลที่มีเหตุผลเช่ือถือได้ ผลงานที่ให้ข้อมูลของฟอลคอน (Phaulkon) เป็นอย่างดีอีกเล่มของหลวงสิทธิสยามการ (สิทธิ์ ฮุนตระกูล) คือ Luang Sitsayamkan (Sit Hoontrakul), The Greek Favourite of the King of Siam (Singapore, 1967) ชว่ งเวลาที่มีงานเขยี นไมม่ าก คอื ชว่ ง พ.ศ. 2231-2310 (1688-1767) ซ่ึงนอกจากดุษฎีนิพนธ์อันโดดเด่นของบุษกร ลายเลิศ จากมหาวิทยาลัย ลอนดอน Busakorn Lailert, “The Thai Monarchy in the Ban Phlu Luang Period, 1688-1767” (1972) ท่นี ักวชิ าการทกุ คนทีศ่ กึ ษาชว่ งเวลานี้ ต้องใช้เป็นขอ้ มูลหลกั แล้ว โปรดดู In the King’s Trail: An 18th Century Dutch Journey to the Buddha’s Footprint (Bangkok, 1997) ดว้ ย ขา้ พเจา้ กไ็ ดเ้ ขยี นเรอื่ งเกยี่ วกบั ชว่ งเวลานไี้ วเ้ ชน่ กนั ใน On the Eighteenth Century as a Category of Asian History, ed. Leonard Blussée and Femme Gaastra (Aldershot, Hants., England, 1998) 596 ประวตั ศิ าสตร์ไทยฉบับสงั เขป
กรุงรัตนโกสนิ ทรต์ อนต้น พ.ศ. 2310-2394 (1767-1851) การเขียนประวตั ิศาสตรน์ พิ นธ์ของประเทศไทย เปลี่ยนแปลงไปอยา่ ง สน้ิ เชงิ เมอ่ื เรม่ิ ตน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เพราะมขี อ้ มลู เพมิ่ ขนึ้ จ�ำ นวนมาก รวมถงึ มี เอกสารจดหมายเหตอุ กี มากมาย จ�ำ นวนนกั วชิ าการทศี่ กึ ษาเรอื่ งราวในประเดน็ น้ีก็มมี ากข้ึนโดยสอดคล้องกัน ณ ทีน่ ้ี เราทำ�อะไรไม่ไดม้ ากกวา่ ชีใ้ ห้เห็นงาน ใหม่ๆ ชิ้นสำ�คัญท่ีสุด ท่ีปรากฏในภาษาตะวันตก ผลงานส่วนใหญ่ปรากฏใน รูปแบบดษุ ฎนี ิพนธเ์ ท่าน้นั บรรดาผลงานท่ีเก่ียวเน่ืองกับสมัยต้นรัตนโกสินทร์โดยรวมนั้น เรา ได้ชี้ให้เห็นผลงานของ ม.ร.ว. อคิน Akin, The Organization of Thai Society ผลงานหนง่ึ ทข่ี า้ พเจา้ ชน่ื ชมมานานแลว้ คอื Baas Terwiel, Through Travellers’ Eyes: An Approach to Early Nineteenth Century Thai History (Bangkok, 1989) ผลงานของสารสิน วีระผล Sarasin Viraphol, Tribute and Profit: Sino-Siamese Trade, 1652-1853 (Cambridge, Mass., 1977) ไดถ้ กู เติมเตม็ ใหส้ มบรู ณ์เปน็ อย่างดีโดย Jennifer Cushman, Field from the Sea: Chinese Junk Trade with Siam during the Late Eighteenth and Early Nineteenth Centuries (Ithaca, 1993) Lorraine Marie Gesick, “Kingship and Political Integration in Traditional Siam, 1767-1824,” Ph.D. diss., Cornell University, 1976 โดยส่วนใหญ่ แลว้ กลา่ วโดยตรงถงึ ปญั หาทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ความเปน็ กษตั รยิ ์ และการจดั องคก์ ร ของราชอาณาจกั รไทย Craig J. Reynolds ไดเ้ ขยี นผลงานจ�ำ นวนมากเกยี่ วกบั พทุ ธศาสนาของไทย และชวี ติ ของปญั ญาชนในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ ขอใหส้ งั เกต โดยเฉพาะดษุ ฎนี ิพนธข์ องเขาท่ี Cornell เมือ่ พ.ศ. 2515 (1972) เร่ือง “The Buddhist Monkhood in Nineteenth Century Thailand” และบทความ สำ�คัญของเขา เรื่อง “Buddhist Cosmography in Thai History, with Special Reference to Nineteenth-Century Culture Change,” Journal of Asian Studies 35 (1975-76) : 203-20. David K. Wyatt, “Family Politics in Nineteenth Century Thailand,” Journal of Southeast Asian History 9, no. 2 (Sept. 1968) : 208-28 เกี่ยวเนื่องกับการให้ค�ำ จ�ำ กัดความ ของชนชน้ั นำ�ผปู้ กครอง และ Hong Lysa, Thailand in the Nineteenth คำ�แนะนำ�ในการอา่ นเพิม่ เติม 597
Century: Evolution of the Economy and Society (Singapore [1984?]) ไดป้ ระเมนิ ใหเ้ หน็ การเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี สว่ นเรอื่ งความ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งเชยี งใหมก่ บั ลา้ นนานนั้ ปรากฏในผลงานของ Nigel J. Brailey, “The Origins of the Siamese Forward Movement in Western Laos, 1850-92,” Ph.D. diss, University of London, 1968, ในบทแรกของผลงาน ชนิ้ นไ้ี ดย้ อ้ นไปถงึ สมยั ธนบรุ ี ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสยามกบั กมั พชู าปรากฏโดด เด่นในผลงานของ David P. Chandler, A History of Cambodia, 2nd ed. (Boulder, 1992) . ผลงานของ Mayoury Ngaosyvathn and Pheuiphanh Ngaosyvathn, Paths to Conflagration: Fifty Years of Diplomacy and Warfare in Laos, Thailand, and Vietnam, 1778-1828 (Ithaca, 1998) บางสว่ นกเ็ ขา้ ขา้ งลาวมากไปหนอ่ ย และจะเปน็ ประโยชนม์ าก หากอา่ นหนงั สอื อกี เลม่ หนงึ่ ของพวกเขาควบคไู่ ปดว้ ย นนั่ คอื Vietnamese Source Materials concerning the 1827 Conflict between the Court of Siam and the Lao Principalities, 2 vols. (Tokyo, 2001) เราอาจจะไดป้ ระโยชน์ดว้ ยเชน่ กนั จาก Two Yankee Diplomats in 1830s Siam, ed. Michael Smithies (Bangkok, 2002). นอกเหนือจากผลงานต่างๆ ท่ีได้กล่าวถึงไปแล้ว โดยเฉพาะอย่าง ยิ่ง งานของ Gesick และ Reynolds มีงานใหม่ๆ ที่กล่าวถึงรัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าตากสนิ ไม่มากนกั จะมกี แ็ ต่เพียงงานของ Jiri Stransky, Die Wiedervereinigung Thailands unter Taksin 1767-1782 (Hamburg, 1973) และ Jacqueline de Fels, Somdet Phra Chao Tak Sin Maharat, le roi fe Thonburi (Paris, 1976) . สมยั รชั กาลท่ี 1 อาจท�ำ ใหผ้ คู้ งแกเ่ รยี นตอ้ งท�ำ งานหนกั มากยงิ่ ไปกวา่ น้ี ถา้ ไมม่ กี ารแปลพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ 1 ของเจา้ พระยา ทพิ ากรวงศ์ (ข�ำ บนุ นาค) โดย Chadin and the late Thadeus Flood, The Dynastic Chronicles, Bangkok Era, The First Reign, 2 vols. (Tokyo, 1978) สว่ นผลงานของ Klaus Wenk, The Restoration of Thailand under Rama I, 1782-1809 (Tucson, 1968) กเ็ ปน็ การสรปุ ความทเี่ ปน็ ประโยชน์ แต่ เนอื้ หาก็ไมไ่ ดไ้ ปไกลกวา่ ข้อความในพระราชพงศาวดาร มมุ มองที่แตกตา่ งใน ชว่ งสมัยนี้ น�ำ เสนออย่ใู น David K. Wyatt, “The ‘Subtle Revolution’ of 598 ประวัติศาสตรไ์ ทยฉบับสงั เขป
King Rama I,” in Moral Order and the Question of Change: Essays on Southeast Asian Thought, ed. A. B. Woodside and D. K. Wyatt (New Haven, Conn., 1982), pp. 9-52. นอกจากผลงานช้ินสำ�คัญของ John Crawfurd, Journal of an Embassy from the Governor-General of India to the Courts of Siam and Cochin China (London, 1828; reprint, Kuala Lumpur, 1971) แล้ว ขอ้ มูลเกยี่ วกบั รชั กาลท่ี 2 ก็มีไมม่ ากนกั สมยั รชั กาลท่ี 3 เรมิ่ ตน้ ดว้ ยการประจญั หนา้ กนั ระหวา่ งสยามกบั องั กฤษ ซง่ึ มคี ณะทตู ของเบอรน์ เี ปน็ ตวั แทน ดงั จะเหน็ ไดจ้ าก The Burney Papers, 4 vols. in 5 (Bangkok, 1910-14; reprint, Farnborough, Hants., 1971 ซงึ่ ยงั คงเป็นเสมอื นขมุ ทองแหง่ ขอ้ มูล ทย่ี งั ไมม่ ีผู้นำ�มาใช้ประโยชน์ และมขี อ้ มูลมา จนถงึ ทศวรรษ 1840 (2393-2402) หนังสือเล่มแรกของทา่ นผูล้ ว่ งลับ Walter F. Vella, Siam under Rama III (Locust Valley, N.Y., 1957) เป็นผล งานศกึ ษาค้นคว้าทีท่ รงคณุ คา่ ที่ไปอกี 25 ปี Nicholas Tarling, “Siam and Sir James Brooke,” JSS 48, pt. 2 (Nov. 1960) : 43-72 เป็นผลงานชิน้ แรก ในชุดบทความ ท่ผี ้เู ขียนกล่าวถงึ ความสัมพนั ธ์ระหว่างองั กฤษกบั สยาม โดยละเอียด ส่วนปัญหาวิกฤตอันเน่ืองมาจากการสืบราชสมบัติในตอนปลาย รัชกาล ใหด้ ู William L. Bradley, “The Accession of King Mongkut,” JSS 57, pt. 1 (Jan. 1969), 149-62. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ ฯ และพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าฯ พ.ศ. 2394-2453 (1851-1910) รชั กาลที่ 4 กบั รชั กาลท่ี 5 เปน็ ชว่ งเวลาทม่ี ผี ศู้ กึ ษากนั อยา่ งมาก โดยใช้ ข้อมูลหลักฐานเอกสารท่มี ีอยมู่ ากท้งั ในกรงุ เทพฯ และตา่ งประเทศ นอกเหนือ จากงานทั่วไปท่ีได้อ้างถึงในบทก่อนหน้าน้ี ก็สามารถหาอ่านผลงานสำ�คัญ จำ�นวนมาก ที่ครอบคลุมช่วงระยะเวลาอันยาวนานเช่นน้ไี ด้ ผศู้ กึ ษาเรอื่ งราว เกีย่ วกบั การเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ James C. Ingram Economic Change in Thailand, 1850-1970, rev. ed. (Stanford, 1971). สว่ นสมภพ ค�ำ แนะน�ำ ในการอา่ นเพมิ่ เตมิ 599
มานะรังสรรค์ Sompop Manarungsan, Economic Development of Thailand, 1850-1950: Response to the Challenge of the World Economy (Bangkok, 1989) กใ็ ห้มมุ มองที่ตา่ งออกไป และขอให้ดู Lindsay Falvey, Thai Agriculture: Golden Cradle of Millenia (Bangkok, 2000) รวม ทงั้ ตั้งข้อสังเกตกับ Suehiro Akira, Capital Accumulation in Thailand 1855-1985 (Chiang Mai, 1996) ดว้ ยเช่นกัน ผลงานของ G. William Skinner, Chinese Society in Thailand: An Analytical History (Ithaca, 1957) มีความคงทนและทรงคุณคา่ การ รวบรวมเอกสารอกี 3 ชดุ ทมี่ คี วามเชอื่ มโยงกนั ของฉตั รทพิ ย์ นาถสภุ า และสธุ ี ประศาสนเศรษฐ สมควรจะไดร้ บั ความสนใจเปน็ พเิ ศษ Chatthip Nartsupha and Suthy Prasartset, The Political Economy of Siam 1851-1910 (Bangkok, 1981), The Political Economy of Siam 1910-1932 (Bangkok, 1981), และ Socio-Economic Institutions and Cultural Change in Siam, 1851-1910 (Singapore, 1977) สังคมชนบทถูกพิจารณาในมุมมองด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกจิ โดย David Bruce Johnston, “Rural Society and the Rice Economy in Thailand, 1880-1930,” Ph.D. diss. Yale University, 1975 และในข้อมูลท้องถิ่นและประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ที่สามารถอ่านได้อย่างยอด เยีย่ มในงานของ Lauriston Sharp and Lucien M. Hanks, Bang Chan: Social History of a Rural Community in Thailand (Ithaca, 1978) . บรรณานุกรมของรัชกาลท่ี 4 ปรากฏอย่างละเอียดถี่ถ้วนในผลงาน ของ Constance M. Wilson, “Towards a Bibliography of the Life and Times of King Mongkut, King of Thailand, 1851-1868,” in Southeast Asian History and Historiography, ed. Cowan and Wolters, pp. 164- 89. ดษุ ฎนี ิพนธ์เลม่ โตของ Wilson, “State and Society in the Reign of King Mongkut, 1851-1868: Thailand on the Eve of Modernization,” Cornell University, 1971 ก็เป็นผลงานเยยี่ มยอด ทีใ่ ห้ขอ้ มูลเกยี่ วกบั สมัย น้ีอย่างเต็มท่ี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องข้อมูลทางเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องความ สัมพนั ธ์ของราชอาณาจักรน้ีกับนานาประเทศนัน้ ให้ดผู ลงานของนอิ อน สนิท วงศฯ์ Neon Snidvongs, “The Development of Siamese Relations with Britain and France in the Reign of Maha Mongkut, 1851-1868,” Ph.D. 600 ประวัตศิ าสตร์ไทยฉบบั สงั เขป
diss., University of London, 1961. สำ�หรับข้อมูลร่วมสมัยในช่วงนี้ เราจำ�ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ กบั Sir John Bowring, The Kingdom and People of Siam, 2 vols. (London, 1857; reprint, Kuala Lumpur, 1969) และ Bishop Jean-Baptiste Pallegoix, Description du royaume Thai ou Siam, 2 vols. (Paris, 1854; reprint, Farnborough, Hant., 1969) หนงั สือท้ังสองเล่มนต้ี ่างก็ให้ขอ้ มลู ที่มี เนอ้ื หากวา้ งขวาง และเตอื นใหร้ ะลกึ ถงึ สยามในสมยั กอ่ นทจี่ ะมกี ารเปลยี่ นแปลง ขนานใหญไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี มาตรฐานการจดบนั ทกึ ของไทยในรชั สมยั นดี้ ไู มค่ อ่ ย นา่ สนใจ แตม่ ปี ระโยชนใ์ นการสบื คน้ ถงึ พฒั นาการตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในประเทศ ดงั ทเ่ี หน็ ไดจ้ าก Chaophraya Thiphakorawong, The Dynastic Chronicles, Bangkok Era, The Fourth Reign, B.E. 2394-2411 (A.D.1851-1868), trans. Chadin Flood, 5 vols (Tokyo, 1965-74) ส�ำ หรบั เอกสารชนั้ รองทหี่ าไดเ้ กยี่ วกบั รชั กาลที่ 4 ทใี่ หมๆ่ กวา่ ทปี่ รากฏ อยู่ในบรรณานุกรมของวลิ สัน ขอใหใ้ สใ่ จเป็นพเิ ศษกบั William L. Bradley, Siam Then: The Foreign Colony in Bangkok before and after Anna (Pasadena, 1981) และ Milton E. Osborne, River Road to China: The Mekong River Expedition 1866-1873 (New York, 1975) เกีย่ วกบั การ เดนิ ทางสำ�รวจของลาเกร-การน์ เิ ยร์ (Lagrée-Garnier explorations) เอกสารร่วมสมัยเก่ียวกับสยามในรัชกาลท่ี 5 มีคุณภาพหลากหลาย ผนั แปรไปอยา่ งน่าพจิ ารณา ผลงานชนิ้ เย่ียมๆ ได้แกผ่ ลงานดังต่อไปน้ี J. G. D. Campbell, Siam in the Twentieth Century (London, 1902) ; A. Cecil Carter, The Kingdom of Siam (New York, 1904) ท่เี ตรียมไว้ สำ�หรับการแสดงพิพิธภัณฑ์ที่เซ็นต์หลุยส์ (the St. Louis Exposition) ; James McCarthy, Surveying and Exploring in Siam (London, 1900) และ Twentieth Century Impression of Siam, ed. Arnold Wright (London, 1908; reprint Bangkok 1994) ทมี่ ีภาพประกอบอนั เป็นประโยชน์ อยา่ งย่ิงเป็นจำ�นวนมาก ในบรรดาข้อเขยี นของนกั วชิ าการท่เี กิดข้ึนเม่ือไม่นานมาน้ี ท่นี า่ สนใจ เปน็ ผลงานของ เพญ็ ศรี (สวุ าณชิ ) ดกุ๊ Pensri (Suvanij) Duke, Les relations entre la France et la Thaïlande (Siam) au XIXème siècle d’après les ค�ำ แนะน�ำ ในการอ่านเพิ่มเตมิ 601
archives des affaires étrangères (Bangkok, 1962) ; David K. Wyatt, The Politics of Reform in Thailand: Education in the Reign of King Chulalongkorn (New Haven, 1969) ; เตช บนุ นาค Tej Bunnag, The Provincial Administration of Siam 1892-1915 (Kuala Lumpur, 1977) และ Chandran Jeshuranm The Contest for Siam 1889-1902: A Study in Diplomatic Rivalry (Kuala Lumpur, 1977) ขอให้ดู Patrick Tuck, The French Wolf and the Siamese Lamb (Bangkok, 1995) ด้วยเช่นกัน ในท้ายทส่ี ดุ บันทึกความทรงจ�ำ ของบุคคลสองคนในสมยั น้ี ทีเ่ ขยี นได้ ดี แต่อ่านไดแ้ ตกต่างกนั มาก ได้แก่ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิร ญาณวโรรส พระอนุชาในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ทรงเป็น บรรพชติ และเปน็ ปญั ญาชนชน้ั แนวหนา้ ในรชั สมยั Autobiography: The Life of Prince-Patriarch Vajiranana of Siam, 1860-1921, trans. Craig J. Reynolds (Athens, Ohio, 1979) กับกงสลุ องั กฤษ ทเ่ี ป็นนักประวัตศิ าสตร์ สมคั รเลน่ และผูพ้ ำ�นกั อยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน W. A. R. Wood, Consul in Paradise: Sixty-Nine Years in Siam (London, 1965). ก�ำ เนดิ ลทั ธชิ าตนิ ยิ มชนชนั้ น�ำ พ.ศ. 2453-2475 (1910-1932) Walter F. Vella, Chaiyo! King Vajiravudh and the Development of Thai Nationalism (Honolulu, 1978) ไดก้ ลา่ วถึงรัชสมยั ของพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างนิยมชมช่ืน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า เวลลาจะไดใ้ ช้ประโยชน์จากผลงานเมอื่ พ.ศ. 2514 (1971) ของ Stephen L. W. Greene, Absolute Dreams: Thai Government Under Rama VI, 1910-1925 (Bangkok, 1999) . สำ�หรบั เอกสารร่วมสมยั W. A. Graham, Siam, 2 vols. (London, 1924) เป็นผลงานของยุคสมัยท่ีเขียนพรรณนาครอบคลุมเน้ือหาอย่างกว้าง ขวาง ในลักษณะเดยี วกับท่ีปลั เลอกวั ซ์ (Pallegoix) กับเบาวร์ ิง (Bowring) ได้ท�ำ ในสมัยของพวกเขาคืองานของ Malcolm Smith, A Physician at the Court of Siam (London, 1946; reprint Bangkok, 1999) ที่เขียนเพ่ือให้ อา่ นอย่างเพลิดเพลิน 602 ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสงั เขป
สำ�หรับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ สมบรู ณาญาสทิ ธิราชยพ์ ระองคส์ ดุ ท้ายนนั้ ทรงเป็นทรี่ จู้ ักกันดีแล้วในปจั จุบนั ผา่ นงานเขยี นโดยละเอยี ดของ Benjamin A. Batson โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เรอื่ ง Siam’s Political Future: Documents from the End of the Absolute Monarchy (Ithaca, 1977) และ The End of the Absolute Monarchy in Siam (Singapore, 1984) ความประทบั ใจของนกั หนงั สือพิมพ์ร่วมสมัย เหน็ ได้จากผลงานของ Andrew A. Freeman, Brown Women and White (New York, 1932). อำ�นาจทหาร พ.ศ. 2475-2500 (1932-1957) ส�ำ หรบั สมยั นี้ งานหลกั ทเ่ี พม่ิ เตมิ ขน้ึ จากงานทไ่ี ดก้ ลา่ วถงึ ไปกอ่ นแลว้ นนั้ คือ การรวบรวมข้อมูลเอกสารที่มี ทกั ษ์ เฉลมิ เตียรณ เปน็ บรรณาธกิ าร Thak Chaleomtiarana, ed., Thai Politics: Extracts and Documents 1932-1957 (Bangkok, 1978) เปน็ งานแปลความเหน็ ของคนไทยทเ่ี ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ ผลงานของนกั เขยี นคนเดียวกันเรอื่ ง Thailand: The Politics of Despotic Paternalism (Bangkok, 1979) มีบทแนะนำ�ที่เขียนย้อนไปไกลถึงปี พ.ศ. 2475 (1932) นอกเหนือจากงานทง้ั สองชิน้ ของ Batson ทไี่ ด้กล่าวไปแลว้ ยงั มีงานค้นคว้าเฉพาะเร่ืองจำ�นวนหนึ่งท่ีให้ข้อมูลพื้นฐานที่จำ�เป็นเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และส่ิงท่ีเกิดขึ้นหลังจากนั้นจนถึง พ.ศ. 2478 (1935 เช่นงานของธวัช มกรพงษ์ Thawatt Mokarapong, History of the Thai Revolution: A Study in Political Behavior (Bangkok, 1972) เปน็ ผลงานที่ดเี มอื่ กล่าวถึงเหตกุ ารณ์ 2475 ในขณะท่ี Pierre Fistie, Sous- développement et utopia au Siam, le programme des reformes presenté en 1933 par Pridi Phanomyong (Paris, 1969) พจิ ารณาเรือ่ งท่มี าและการ หล่อหลอมแนวคิดแบบสังคมนิยมของปรีดี พนมยงค์ สำ�หรับผลงานรว่ มสมัย ต่างๆ ไดแ้ ก่ Kenneth P. Landon, Siam in Transition, a Brief Survey of Cultural Trends in the Five Years since the Revolution of 1932 (Chicago, 1939; reprint, New York, 1968) ที่เขยี นข้นึ จากประสบการณ์ อนั ยาวนานในประเทศนี้ ขณะที่ Virginia Thompson, Thailand: The New ค�ำ แนะนำ�ในการอา่ นเพม่ิ เตมิ 603
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 687
Pages: