Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักธรรมโท

Description: นักธรรมโท

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org ฟานอยูในพระครรภของพระมารดา ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วน ทำ ให้ พระมารดามีลาภมาก และคลอดง่ายที่สุด ท่านมีโอกาสให้ชีวิตเป็น ฆราวาสเพียง ๗ วันก็อฺอกบวช มูลเหตุของการออกบวช วันที่สีวลีกุมารประสูดื พระมารดาและพระประยูรญาดืได้ถวาย มหาทาน ๗ วัน. ในวันที่ ๗V พระสารีบุตรชวนสีวลีกุมารออกบวช พรุะมารดาทรงอนุญาตให้บวช ท่านจึงนำพระกุมารไปบวชเป็นสามเณร ตงแฅ่วันที่ลีวลีกุมารบวชลาภสกุกุาระได้เกิดขึ้นแก่พระภิกษุทงหลาย เป็นจำนวนมาก บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต พระสารีบุตร สอนกรุรมฐานเบื้องด้น ดือ ^ ตจป๋'ญจกกรรม ฐาน ได้แก่ เกสา ผมฺ โลมา ขน่ นขา เล็บ ทันฺตา ฟัน ตโจ หนัง ให้พิจารณาของทั้ง ๔ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งาม เป็นของสกปรก ได้ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ขณะที่ปลงผมเสร็จ คือ จรดมีดโกนฺครั้ง แรก บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบน จรดมีดโกนครั้งที่ ๒ บรรลุธรรม เป็นพระสกทาคามี จรดมีดโกนครั้งที่ ๓ บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี พอปลงผมเสร็จบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ - งานประกาศพระศาสนา พ่ระลีวลี เป็นพระที่มนุษ่ยและเทวดาทั้งหลายเคารพนับถอ มาก มีลาภสักการะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ด้วยบุญ่บารมีที่สั่งสม ๑๕0

www.kalyanamitra.org มาในอทีตชาติ ถือว่าเป็น่ผูมีความสำคัญในการประกาศพระศาสนา คือ ยังความเลื่อมใสให้เกิดสันแก่ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส สำ หรับผู้ที่เลื่อม ใสอยู่แล้ว กิเลื่อมใสมากยิ่งสัน ตำ แหํน่งเอตทัคคะ เพราะเหตุที่ท่านเป็นผู้มีลาภมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือจะไป ที่ไหน ช่วยให้พระภิกษุทั้งหลายไม่ขัดสนดวยฟ้จจัย ๔ พระพุทธองคั ทรงยกยองท่านว่า \"เป็นเลิศกว่าภกษุทั้งหลายผู้มีลาภมาก\" ท่านนับ ว่าเป็นพระมหาเถระอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการพระพุทธศาสนาแบ่งเบา ภาระของพระพุทธองคเป็นอยางม่าก ท่านดำรงอายุสังขารโดยสมควร แก่กาลเวลาแล้วกินึ่พพานi ๖๙. ประวดพฺระพาหยท่ารุจรยเถระ สถานะเดิม พระพาหยทารุจีรืยะ สัอเติมฺว่า พาหิยะ ภายหลิง์เขานุ่งฟ่ลิอก ไม จึงได้สัอว่า พาหิยทารุจีรืยะ บดาและมฺารด่าไม่ปรากฏร่อ เป็นชาว แคว้นพาหิยะ เกิดในวรรณะแพศย, มีอาชีพเป็นพ่อค้า วนหนึ่งออก เรือไปค้าขาย แต่เรือเกิดอับปางลงทำให้ผู้ที่อยู่บนเรือเสียชีวิตทั้งหมด ยกเว้นพาหิยะคนเดียวเท่านั้น มูสเหดของการนุ่งเปลือกไม้ เมื่อเรืออับปางแล้ว พาหยะเกาะแผ่นกระดานว่ายนํ้าไปท่า (ร)(Sr<ร)

www.kalyanamitra.org เรือสุปปารกะ ไม่มีผ้านุ่งติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว จึงเอาเปลือกไม้มา นุ่งแทน ถือกระฌองเที่ยวขอทาน ชาวเมืองเห็นแล้วติดว่าท่านเป็น พระอรหันตนำอาหารบ้าง เครื่องนุ่งท่มบ้างมาให้ ท่านติดว่า ถ้าเรา จักนุ่งห่มลาภสักการะต่าง ๆ จะเสื่อม จึงนุ่งห่มแต่เปลือกไม้เท่านั้น และก็สำคัญตัวเองว่า เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พรหมุดนหนึ่ง นึ่งเคยบำเพ็ญสมณธรรมร่วมกันมาไนชาติ ก่อน ไดีมาเดีอนสติว่า \"พาหิยะ ท่านไมใช่พระอรหันต์ แม้แต่ข้อ ปฐบ้ติที่จะท่าไห้บรรลุพระอรหันต์ท่านก็ยังไม่รู้เลย ผ้เป็นพระอรหันต์ และรู้ข้อปฐบ้ติที่ท่าให้บรรลุพระอรหันต์อยู่ที่วุดเชตวัน เมืองสาวัดถื\" เขาสลดใจรืบไปเข้าเฝืาพระพุทธองค์ ขณะนั้นทรงเสด็จป็ณฑบาต อยู่ ท่านรีบร้อนอยากฟังธรรม ทรงปฏิเสธถืง ๓ ครั้ง ครั้นทรง ทราบว่าญาณของเขาแก่กล้าแล้วจึงตรัสว่า \"เมื่อเห็นขอให้เป็นเพียง การเห็น\" ยืนอยู่กลางถนนได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วย ปฏิสมภิทา จากนั้นจึงทูลขอบวช แต่มืบาตรและจึวรยังไม่ครบ จึง ไปหาบาตรและจึวร ขณะที่กำสังดีงผาเก่าจากกองขยะ ถูกอมนุษยคู่ เวรกันเข้าสิงในแม่โคตัวหนึ่ง ท่าร้ายจนเสียข้วิตจึงไม่หันได้บวช ดำ แหนึ่งเอดหัคดะ พระพาห็ยะ เป็นผ้มืฟ้ญญาสามารถบรรลุธรรมได้เร็วพสัน เพียงฟังธรรมะบทสั้น ๆ พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลศ ๑ร:๒

www.kalyanamitra.org กวาภิกษุฑั้งหลำย ผู้ตรัสรู้เร็วพลัน\" ท่านยังไม่ทันได้บวชถูกอมนุษย ผู้มีเวรต่อกันเข้าสิงโนร่างฃอง่แม่โค ทำ ร้ายจนนิพพาน ไนขณะที่ ท่านกำลังดึงผ้าเกาจากกองขยะ ๗๐. ประว้ตพระพากุลเถระ สถานะเดิม ' พร่รพากุละ ชื่อเดิมว่า พากุละแปลว่า ค่นสองตระกูล บิดา แสะมาร่ดาไม่ปรากฏชื่อ เป็นลูกของเศรษฐีชาวเมืองโกสัมพี เกด ในวรรณะแพศย เมื่อเกิดได้ ๙ รัน มืการทำพธีโกนผมไฟและตั้งชื่อ พี่เลี้ยงพาไปอาบนํ้าที่แม่นาค่งคา ปลาใหญตัวหนึ่งได้ฮุบกินเข้าไป โนท่อง ปลานนว่ายนํ้าไปดิดตาข่าย้ของชาวประมงเมืองพาราณสี ชาวประมงนำปลาไปขาย เศรษฐีคนหนึ่งได้ซื้อปลาตัวนั้นไว้ เมื่อฝ่า ท่องปลากิพบทารกนำรักเพศชายนอนอยู่ จึงรู้สึกรักเด็กนั้าเมากเลี้ยง ไว้เหมือนบตรของตัวเอง มูลเหตุของการออกบวช ฝ่ายบิดาและมารดาเก่าทราบข่าวิจึงไปขอบุดรคืน ทั้งสองฝ่าย ตกลํง่กันไม่ได้พากันไปถวายฎีกาต่อพระเจ้าพาราณสึ พระองค์ทรง รนิจฉยโท่ต่ระกูลทั้งสองผลัดเปลี่ยนกันเลี้ยงดูเด็กนั้นคนละ ๔ เดึอน ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จไปเมืองพาราณสึ พากุละพร้อม ทั้งบริวารพากันไปเข้าเฝืาแล้วได้ฟังธรรม เกิดศรัทธาเลี่อมโสจึงทูล ข่อบวช ทรงประทานการบวข่โท่ตามความประสงค์ (ร)(Srcn

www.kalyanamitra.org บรรลุธรรม่ฒนพระอรหันต พระพ่ากุละคุรั้นบวชแล้วตั้งอยู่ในโอวาทของพระพุทธองค บำ เพ็ญเพียรด้วยความไฝประมาท เพียง ๗ วัน ก็บรรลุธรรมเป็น พระอรหันต งานประกาศพระศาสนา พระพากละ ได้ช่วยพระพุทธองคุเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน ฐานะเป็นพระเทรฺะผู้ใหญ ฟานเป็นผ้ที่มีอายุยืน บวชเมื่ออายุ ๘๐ ปี เป็นพระอีก ๘๐ ปี ท่านมีอายุ ๑๖๐ ปี ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ไม่ ด้องฉันยารักษาโรค เพราะบุญที่ท่านได้สร้างห้องนํ้าถวายสงฟ้และ ได้บริจาคยาให้เป็นทาน ท่านจึงเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชนที่มาใน ภายหลัง ตำ แหน่งเอดหัคคะ เพราะพระพากุละ เป็นผู้มีโรคน้อย มีอายุยืน พระพุทธองค ทรงยกย่องท่านวา \"ฟ้นเลิศกวาภิกษุทั้งหลายผู้มีอาพาธน้อย\" ท่าน เป็นพระมหาเถระอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยพระพุทธองคุแบ่งเบาภาระทาง พระพุทธศาสนา ก่อนนิพพานได้เข้าเมีาเตโชสมาบีต นั่งนิพพานใน ท่ามกลางหมู่สงฆฺ เมื่อนิพพานแล้วไพีก็ไหม้สรีระร่างของท่านหมุด ไป.ณที่นั้นเอง ๑At(ร:

www.kalyanamitra.org ป๋ฌหาและเฉลยอนุทุทธประ^ บทที่ ๗ ๑.พระนันทกเถระ เป็นผู้ชำนาญในเรื่องอะไร เลิศก'^าภิกษุฑง หลายในด้านใด? ' ตอบ พระนันทกเถระ เป็นผู้ชำนาญในการระลึกร่งบุพเพสันนิวาส เป็นผูเลิศกวาภิกษุทั้งหลายฝ่ายให้โอวาทแกภิกษุณี ๒.พระเถระรปใดที่ชอบเปลงอุทาน'3า สุขหนอ สุขหนอ เลิศก'ร่า ภิกษุทั้งหลายในด้านใด? ดอบ พระมหากัปปีนะชอบเปล่งอุทานว่า สุขหนอ สุฃห้นอ เป็น เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายข้างให้โอวาทแก่ภิกษุ ๓.พระนางอโนชาเทวีพบพระพุทธเจ้าที่ไหน และได้สฺสับพระธรรม เทศนาเรื่องอะไร จึงได้บรรสุธรรมเป็นพระโสดาบน? ตอบ พระนางอโนชาเทวีพบพระพุทธเจ้าฑี๋โด้ต้นไท่รใกล้ฝังแมนํ้า จันทภาคา ไต้สดับอนุปุพพิก่ถาไต้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ๙.พระสาดตเถระ เป็นด้นบัญญ้ตขอฺงํลิกขาบทข้อใด ท่านเป็นผู้เลิศ กว่าภิกษุทั้งหลายด้านใด? ตอบ พระสาคตเฤระเป็นต้นบัญ่^แห่งสิกขาบทว่าด้วยเรื่องการ ดื่มํสุราและเมรัย ท่านเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในต้าน ผู้ฉลาด ในการเจริญเดโชกลิณสมาบด ๙;. พระเถระรูปใดบวชแล้ว ๑ พรรบๆดั้งตนเป็นพระอุบัชผาย์บวชให้ แก่กุลบุตรทั้งหลาย ท่านเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายด้านใด และ เกี่ยวข้องกับพระสาร็บุตฺรอย่างไร? ตอบ พระอุปเสนเถระบวชแล้ว ๑ พรรษาดั้งตนเป็นอุบัชฌาย์บวช ให้แก่กุลบุดรทั้งหลาย่ ท่านเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในต้านผู้นำ ๑๕๕

www.kalyanamitra.org มา^งควไมเลื่อมใสในหมูชนทั้งชั้นสูงและชั้นตา เป็นน้องชาย ร่วมมารตาเดียวกันกับพระสารีบุตร ๖. พระเถระเปใดที่บิดามารดาจ้บแต่งงานตั้งแต่อายุ ๗ ขวบเพราะ เหตุใดจืงทำฟนนน? ดอบ พระเรวตเถระ บิดามารดาจับแต่งงานเมื่ออายุได้ ๗ ขวบ เพราะว่าพี่น้องออกบวช หมดทั้ง ๖ คน บิดามารดากลัวว่ไลูกจะ ออกบวชอีก และหวังให้สืบวงศตระกูล ๗.ท่านเป็นผู้เลศในด้านใด? ตอบ ท่านเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้อยูป่า ๘.พระเถระเปใดที่อยู่ในทองมารดานานที่สุด เพราะเหตุไรจึงเป็น เซ่นนั้นท่านเป็นผู้เลิศในด้านใด ? ตอบ พ่ระสืวสืเถระอยู่ในห้องมารดา ๗ปี ๗ เดือน ๗ วัน สาเหตุ เพราะในอดีตเคยยกทัพไปรบกับเมืองอื่น แล้วล้อมปิดประตูเมือง ไฝให้ชาวเมืองออกมา ๗ปี ๗ เดือน ๗ วัน จนชาวเมืองทนไม่ ไหวด้องจับพระราชาของตัวเองลงโทษถึงแกชีวิตและยอมแพ้ เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้มืลาภมาก ๙. พระเถระที่ได้บรรลุอรทัดผลทั้งที่ยังครองเพศคฤหัสถ์มือยู่หรีอไม่ ท่านชื่อว่าอะไรเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย่ในด้านใด ? ดอบ พระเถระที่ได้บรรลุพระอรหัตผลทั้งที่ยังครองเพศคฤหัสถ์มือยู่ ท่านชีอว่า พระพาหิยทารุจีรียเถระ ท่านเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในด้านซิปปาภิญญา คือตรัสรู้ได้เร็วพลัน . ๑๐.พระพากุลเถระ เหตุใดท่านจึงได้นามเซ่นนั้น ท่านเป็นผู้เลิศ ในทางด้านไหน? ๑&๖

www.kalyanamitra.org ตอบ ที่ได้ชื่อว่าพากุละ เพราะท่านอยู่ในตระกูลของเศรษฐีทั้งสอง หรือว่า เพราะท่านเป็นผู้ที่ตระกูลของเศรษฐีทั้งสองได้เลี้ยงดู รักษา ท่านเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายข้างเป็นผู้มีโรคาพาธน้อย ๑ร:๙

www.kalyanamitra.org อนุพทรประว้ด บทที่ ๘ องคฺทื ๗๑- ๘๐ ๗๑. ประพระทัพพมัลลบุตร สถานะเดิม พระทพพมลลบุตรเถระ ประสูดิในวรรณะกษ้ตริย์ พระบิดา และพระมารดาไฝปรากฏพระนาม ในอนุปียนคร แคว้นมัลละ เดิม ซื่อว่า \"ทัพพราชกุมาร\" อาศัยที่เป็นราชบุดรของพระเจ้ามัลละจึงมี คำ ลงท้ายว่ามัลลบตร พระมารดาทิวงคตในขณะใกล้คลอด ในเวลาใกล้คลอดพระมารดาของท่านได้ทิวงคด คนทั้งหลาย จึงยกร่างของพระนางขึ้นวางบนจิตกาธานแล้วทำการฌาปนกิจ ขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ พระครรภของพระนางก็แดก่มีทารกกระเด็น ขึ้นไปฺดกบนกองไม้แต่ไม่ดายด้วยกำลังบุญ พวกลัปเหร่ออุ้มทารก นั้นไปให้แก่ย่า เมื่อจะตั้งซื่อทารกนั้น จึงตั้งซื่อว่า ทัพพะ เพราะ ท่านกระเด็นไปดกบนกองไม้แต่ไม่ดาย

www.kalyanamitra.org มูลเหตุของการออกบวช ทัพพมัลลบุตรุราชกุมารนั้น เมื่อมีพระชนม์ได้ ๗ ปี เหน พระสาสดาพร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆเสด็จจาริกไปในมัลสรัฐ ได้เข้าไป หาเสด็จยาทูลอ้อนวอนขออนุญาตบรรพชา เสด็จย่าของฟานจึงนำ ไปเข้าเฝืาพระศาสดาแล้วกราบทูลขอบรรัพชาเป็นสามเณร พระ ศาสดาฑรุงประท่านอนุญาตไหพระเถระรูปหนึ่งทำการบรรพชาให้ ทารกนั้น บรรลธรรมเป็นพระอรหันต์ พระเถระรูปหนึ่งเป็นพระอุป๋ชฌาย ก่อนบวชได้สอนกรุรมฐาน เบื้องด้น คือ ตจป๋ญจกกรรมฐาน ได้แก่ เกสา ผม โลมา ขน นขว เล็บ ทันตา ฟัน ตโจ หนัง ให้พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของ ไม่งามเป็นุของสกปรก ได้ปรรลุธรรมเป็นพระอรทันต์ขณะที่ปลงผม เสร็จ คือ จรดมีดโกนครั้งแรก บรรลุธรรุมเป็นพระโสดาบน จรด มีดโกนครั้งที่ ๒ บรรลุธรรมเป็นพระสกทาคามี จรดมีดโกนครั้งที่ ๓ บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี พอปลงผมเสร็จบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เมื่อมีพระชนมายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณก็ได้อุ่ปสมบท ทำ นเอาใจใสใน กิจของสงฆเป็นอย่างดี ตำ แหน่งเอตทัคคะ ครั้งหนึ่งดำริว่า เราอยู่จบพรหม่จรรยฺแล้วควรจะรับธุระสงฆ จึงได้กราบทูลให้พระบรมศ่าสดาทรงทราบความดำรินั้น .เมื่อพระพทร่- องคทรงทราบแล้ว ทรงตรัสว่า สาธุ ด็ละ แล้วตรัสให้สงฆสมมต ๑ร:๙

www.kalyanamitra.org ท่านเป็นภัตตุเทสกะ(แจกกิจนิมนต์) และเสนาสนคาหาปกะ(มีหน้า. ที่จัดท่อยู่) ท่านตงใจทำกิจในหน้าที่อย่างเรียบร้อย,และฉลาตในการ จัตแจงปลาดอาสนะจึงได้รับยกย่องว่า \"เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ตก แดงยู่ลาดเสนาสนะ\" ต่อมาท่านพิจารณาถึงอายุสังขารเห็นควรนิพพาน จึงกราบ ทูสลาพระพุทธองต์.กระทำประทักษิณแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เหาะขึ้น ไปในอากาศ นั่งขัตสมาธิเข้าเตโชสมาบติ ครั้นออกจากสมาบตแล้ว ก็นิพพาน ณ ท่ามกลางอากาศนั่นเอง ๗๒/ประวัติพระมหาอุทายึเถระ สถานะเติม พุระมหฺาอุทาย เกิตในวรรณะพราหมณ เป็นบุตรของพราหมิณ ชาวเมืองกบลพัสดุ แคว้นสักกะ ปิตาและมั๋ารตาไมีปรากฏชื่อ รับ ราชการในต่าแหน่งปโรหิตของพระจ้าสทโธทนะ มูสฺเฬดของการออกบวช ออกบวชเมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จกสับกรุงกปิลพัสดุครั้ง แรกเพื่อโปรตพระยูรญาติ ท่านได้เห็นพระพุทธเจ้าแสดงอิทธิปา- ฏิหาริย์ ด้วยการกระทำให้ฝนโบกชรพรรษตกลงมาและแสดงยมก- ปาฏิหาริย์ เพื่อุให้พระญาติเหล่านั้นคลายทิฏเมา14ะแล้วเลื่อมใสใน พุทธา'แภาพุ เมื่อได้โอกาสที่เหมาะสมจึงเข้าเฝืาทูลขอบวช ทรงให้ บวชตามที่ทูลขอ . OcDO

www.kalyanamitra.org บรรลุธรรมฟ้นพระอรหันต์ พระมหาอุทายี ค^บวชแล้วตั้งอยู่ในโอวาทของพระพุทธองค บำ เพ็ญ!.พอรด้วยความไฝประมาทก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ งานประกาศพระศาสนา สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประหับอยู่ ณโฆสิตาราม เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นพระอุทายีนั่งแสดงธรรมแก่พุทธบริษทกลุ่ม หฺนึ่ง พระอานนทเหนเข้าจึงกราบทูลให้พระผู้มืพระภ่าคเจ้าทราบ พระองต์ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ การแสดงแก่ผู้อึ่นมืใช่เป็นของทำได้ ง่ายเลย ผู้แสดงจะด้องมืธรรมอันเป็นองต์ธรรมของพระธรรมกถึก ๙ ประการไว้ในใจ เรื่องนี้แสดงว่าพระอุทายีนั้น ตั้งอยู่ในองต์ธรรม ๔ ประการ พระธรรมเทศนาของท่านจึงเป็นที่ชอบใจของพุทธบริบท ท่านเป็นผู้มืป๋ญญาเฉลียวฉลาดสามารถในการแสดงธรรมได้เป็น อยางดี ท่านดำรงอายุสังขารอยู่ดามกาลอันสมควรก็นิพพาน องต์ลุถ:เของธรรมกถึก ๙ ประการ คือ ๑. แสดงธรรมไปโดยลำดับ ไม่ดัดสัดให้ขาดความ - ๓. มืจึดเมดดาปรารถนาให้เป็นปรฺะโยชน์แก่ผู้ฟัง ๔.ไม่แสดงธรรม เพราะเห็นแก่ลาภ ๔.ไม่แสดงธรรม กระทบตนแสะผู้อื่น ๑^๑

www.kalyanamitra.org ๗๓. ประวัติพระอุปวาณเถระ สถานะเติม่ พระอุปวๆณเถระ เกิดในวรรณะพราหมณ์ ศึกษาจบไตรเพท เป็นบุตรของพราหมณ์ชาวเมืองกบิลพัสฺดุ แคว้นโกศล บิดาและ มารดาไม่ปรากฏชื่อ มูลเหตุของการออกบวช พระอุปวาณะออกบวช.เพราะความเลื่อมใสพุทธานุภ่าพที่พ่าน เหฺนในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปรับวัดพระเชตวันจากอนาถบิณฑิก- เศรษฐี เมื่อ่พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงแล้ว ก่อนเสด็จเข้าไป่ในวัดเชต่วัน นั้น ทรงรับสั่งให้อุ่บาสกอุบาสิกาที่ตามเสด็จม่าด้วยเดินเป็นแถวนำ หนาเข้าไปก่อน จากนั้นพระองคจึงเสด็จเข้าไปโดยมืพระสาวกเดิน แถวดามเสด็จ ขณ่ะที่เสด็จเข้าไปนั้น ทรงเปล่งพระฉพพรรณรังษี สวย่งามเรืองรองไปทวบริเวณ อุปวาณะเป็นหนึ่งในกล่มคนที่มาเฝืา รับเสด็จ เห็นพุทธา'แภาพในวันนั้นแล้วเกิดความเลื่อมใสยิ่งนัก จึง ทูลขอบวช บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต พระอุปวาณเถระครนบวชแล้วตั้งอยู่ในโอวาทขอฺงพระพุทธองค บำ เพ็ญํเพียรด้วยความไม่ประมาท กิบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต เป็นพระอริยบุคคลนับเข้าในพระสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ๑๖!๒

www.kalyanamitra.org สนทนากับพระสารีบุตร เรื่องราวของท่านมือยู่ว่า สมัย้หนึ่งพระอุปวาณะและพระส่ารี- บตรพำนัก่อาศัยอยู่ ณ โฆสิตาราม พระนครโกสมพฺ เย็นวันหนึ่ง พระสารีบุตรไดเดินเข้าไปหาพระอุปวาณะแล้วนึ่งสนทนาปราศรัย กันพอให้เกิดความร่าเริงใจ แล้วจึงกล่าวถามเกี่ยวกับเรื่องโพชฌงค ๗ ประการ พระอุปวาณเถระนี้เคยเป็นพทธอุป๋ฎฐาก ดังมืเรื่องปรากฏ ว่า ในตอนใกล้จะปรินิพพานของพระบรมศาสดา ท่านได้ยืนถวาย ง่านพดอยู่เฉพาะพระพักตร์ ท่านดำรงอยู่ตามกาส่อันสมควรก็นิพพาน ๗๔. ประวตพระเมฆิยเถระ สถานะเดิม พระเมฆยเถระ ประสูดิในวรรณะกษ้ตริย์ แคว้นุสักกะ พ่ระบิดา และพระมารดาไมืปรากฎพระนาม ท่านได้เคยเป็นพุทธอุป๋ฎรูากองค์ หนึ่ง มูลเหตุของการออกบวช พระเมฆิยะ สันนิษฐานว่า ออกบวชเมื่อคราวที่พฺระพุทธเจ้า เสด็จเมืองกบิลพัสดุครั้งแรก ทั้งนี้เพราะท่านเป็นเจาชายเชื้อสายศากยะ อยู่ในกลุ่มเจ้าชายที่พฺระบิดาพระมารดาเคยถวายตัวคราวที่พร่ะพุทธเจ้า ประสูดิว่า จักให้เป็นบริว่าร่ตามเสด็จเมื่อพระองค์ได้เป็นพระเจ้า- จักรพรรดิ. สัญญ่าข้อนี้!ด้ถูกรึ๊อ่นี้นิชื้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยพรร่; เจ้าสุทโธทนะ นึ่งพระองค์ทรงกล่าวเตือนว่า แม้ลูกชายของเราจะ ๑๖๓

www.kalyanamitra.org รไณ้ป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ก็ได้เป็นพระพุทธเจ้า จึงสมควรที่เจ้าชาย ทั้งหลายที่เคยถวายตัวไว้จะได้ออกบวชตามเสด็จเป็นพุทธบริวาร พระประยูรญาดิต่างอนุญาตไห้โอรสออกบวชเป็นจำนวนมาก เจ้า- ชายเมฆิยะก็น่าจะอยู่ในหุฝเจ้าชายที่ออกบวชตามเสด็จครั้งนนด้วย บรรลุธรรมเป็นพระอรตันต มีเรื่องเล่าว่า สมี'ยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณฺ จาสิกา- บรรพตในกรุงจาสิกา มีพระเมฆิยะเป็นอุปัฏฐาก วันหนึ่งท่านทูลลา ไปบิณฑบาตในชันตุคาม เมื่อกลับเดินมาตามริมฝังแม่นํ้าก็มีกาลา ได้เห็นสวนมะม่วง ลันเป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ ใคร่จะทำความเพียร ณ ที่สวนนั้น ครั้นกลับมาแล้ว จึงเข้าไปกราบทูลลา พระองคตรัสห้าม ถึง ๓ ครั้ง ก็ไม่ฟังลุกขึ้นถวายปังคมแล้วกลับไป ณที่นั้น แต่ บาเพีญเพียรหาสำเร็จมรรคผลประการใดไม่ เพราะถูกรตกทั้ง ๓ ประการครอบงำ จังกลับมาก่ราบทูลให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสบอก วิธีระงับวิตกให้โดยอเนกปริยาย ท่านตงอยูในพระโอวาท ไม่ประมาท อุตสาห้บำเพ็ญเพียรก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรตันค์ ท่านฺดำรงอยู่ ตามกาลลันสมควรก็นิพพ่าน ๗๕. ประวัตพระนาคิดเถระ สถานะเดิม พระนาคตเถระ ประสูติในวรรณะกษตริย์ศากยวงค์ แคว้น ลักกะ พระบิดาและพระมารดาไม่ปรากฏพระนาม ท่านได้เคยเป็น พุทธอุปัฏฐากองค์หนึ่ง iSj!^c£

www.kalyanamitra.org มูลผดุของการออกบวช สันนิษฐานว่า ออก!เวชฒื่อคราวที่พระพุท่ธเจ้าเสดจเมือง กบิลพสดุครั้งแรก ทั้งนเพราะไ^านเป็นเจ้าชายเชื้อสายศากยะที่อยู ในกลุ่มเจ้าชายที่พระบิดาพระมารดาเคยถวายตัวคราวที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ว่าจักให้เป็นปริวารดามเสด็จเมื่อพระองคได้เป็นพระเจ้าจักรพ่ติ สัญญาข้อ.นี้ได้ถูกรื้อทั้น่ชื้นมาใท่ฝอีกครั้งหนึ่งโดยพระเจ้าสุท่โธทนฺะ ชื้งพุระองค์ทรงกล่าวเตือนว่า * แม้ลูกชายุของเราจะมืได้เป็นพระเจ้า จักรพรรติ แต่ก็ได้เป็นพร.ะพุทธเจ้า จึงสมควรที่เจ้าชายุทั้งหลายุที่ เคยถวายุตัวไว้จะได้ออกบวชตามเสด็จเป็นพุทธบริวาร พระประผูรฺ ญาติต่างอนุญาตให้โอรสออกบวชเป็นจำนวนมาก เจ้าชายนาติตะก็ น่าจะอยู่ในหมูเจ้าชายที่ออกบวชดามเสด็จครั้งนั้นด้วยองค์หนึ่ง บรรลุธร่ร่มเป็นพ่ระอรหนส์ พระนาติดเถระ คณั้บวชแล้วตั้งอยู่ในโอวาทของพระพุทธองค์ บำ เพ็ญเพียรด้วยความไม่ประมาทก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหัน่ค์ เป็นพระอริยบุคคลนับเข้าในพระสาวกผ้ใหฌ่รูปหนึ่ง ท่านดำรง q qj a«<u เบญจขันธ์อยู่ดามกาลอันสมควรก็นิพพาน ๗๖. ประว้!พรรยโสชเสรร สถานะเดิม พรฺะยโสชเถระ เกิดฺในส่คุลซาวประมงในพระนครสาวัตฺถี แคว้นโกศล บิดาเป็นหัวหฟ้าซาวประมง ๔00 สกุล เฝ็อว้นที่ยโสชะ ๑๖&:

www.kalyanamitra.org คลอดออกมา ภรรยาชาวประมงทั้ง ๔๐๐ ก็คลอดบุตรชายในว้น เดียวกัน หัวหน้าชาวประมงจึงให้ค่าบำรุงเลี้ยง มีค่านํ้านมเป็นต้น แก่เด็กเหล่านั้น ต้วยประสงค์วาต่อไปจะใต้เป็นสหายของลูกชายตน มูลเหดุของการออกบวช เผื่อเจริญเติบโดก็ไต้เป็นเพึ่อนจับปลาต้วยกัน วันหนึ่งพากัน ไปทอดแหที่แฝนํ้าอจึรวดีไต้ปลาทองใหญ่มาตัวหนึ่งจึงนำไปถวาย พระเจ้าแผ่นติน พระองค์ทอดพระเนตรแล้วทรงดำริวา พระบร่ม่ คาสดาเทานั้น จึงจะทราบเหตุที่ปลานี้เป็น่ทอง จึงรับสั่งให้นำปลา นั้นไปแล้วเสด็จไปเฝืาพระบรมศาสดา พอถึงที่เฝืาปลานั้นไต้อ้าปาก ขึ้น กลิ่นเหม็นกลบไปทั่วพระนคร พระพุทธองค์ตรัสว่า ปลานี้เผื่อ ก่อนเคยเป็นภิกษุซื่อว่า กปิละ เป็นพหูสูตรมีบริวารมากแต่ประพฤติ ตนย่อหย่อนในพระธรรมวิน้ย ในศาสนาของพริะกัสสปสัม่มาส้มพุทธเจ้า เผื่อตรัสกปิลสูตรจบ บุตรชาวประมงทั้ง ๔๐๐ คน เกิดฺศรัทธาเลื่อม ใสจึงทลขอบวช บรรลธรรมเป็นพระอรหันค์ ครนบวชแล้วไต้หลีกไปบำเพ็ญสมณธรรม วันหนึ่งพากันมา เฝืาพระพุทธเจ้าที่พระเชตวัน ครั้นถึงไต้คยกับภิกษุเจ้าถิ่นเลียงตัง อื้ออึง พระพุทธองค์ทรงตรัสถามทรงทราบความแล้วทรงประณาม ขับไล่ จึงพากันไปจำพรรษาอยู่ฝังแม่นํ้าวัคคุมุทา เขตแตนเมือง เวสาลี อาตัยความไม่ประมาท บำ เพ็ญสมณธรรมไม่ช้าก็ไต้บรรลุ ธรรมเป็นพระอรหันค์พร้อมกันทั้งหมดภายในพรรษานั้นเอง

www.kalyanamitra.org นั่งเข้าอเนญชาสมาธิตามพระบรมศาสดา ครั้นออกพรรษาปวารณาแล้ว พระบรมศาสดาเสด็จจาริกไป ยังเมืองเวสาลี ประทับอยูที่กฎาดารศาลา ฟ้ามหาวัน ทรงท่ราบว่า ภิกษุเหลานั้นได็สำเร็จพระอรทันต์แล้ว จึงรับสั่งพระอานนทเถระให้ ไปต่ามพระภิกษุเหล่านั้นมาเ^า เมื่อภิกษุเหล่านั้นมาถึงที่เมืาได็เห็น พระพุทธองต์ประทับเข้าอเนญชาสมาธิอยู จึงได้พากันนั่งเข้าอ่เนญชา- สมาธิตาม พระอานนทเห็นพระพุทธองต์ประทับนั่ง จึงทูลเตือนถึง ๓ ครั้ง จึงตรัสว่า ตถาคตและภิกษุอาคันตุกะ ๔๐๐ รูปเหล่านี้ กำ ลังเข้าiDเนญชาสมาธิ พระยโสชะนั้นนับเข้าในพระสาวกผูใหญรู่ป หนั่ง เมื่อทานดารงอย่ตามกาลอนสมควรกนัพ่พาน ๗๗. ประวตพระสภิยเถระ สถานะเดิม พระสภิยะ เกิดในวรรณะแพศย์ บิดาและมารตาไม่ปรากฏ ชื่อ เป็นชาวเมืองราชคฤห้ แคว้%เมคธ เจริญเตืบโตอยู่กับมารดาชื่ง บวชเป็นปริพาชิกา จนเมื่อถึงวัยยันสมควรจึงได้บวชเป็นปริพาชก ปรมัตกทีปนีว่า มารตาขอุงท่านเป็นราชธิดา ออกบวชเป็นปริพาชิกา เพราะด้องการศึกษาลัทํธิอื๋น ๆ นางได้เลียกับปริพาชกคนหนั่งและ ตั้งท้อง ปริพาชกทั้งหลายรังเกียจจึงไล่นางออกจากสำนัก นางเร่ร่อน ไปเรื่อยจนมาถึงสภา(ที่ประชุม) แห่งหนั่งที่กลางทางแล้วคลอตลู่กชาย ที่สภา ชื่งเป็นเหตุให้ลูกชายได้ชื่อว่า \"สภิยะ\"- (ผู้เกิดในสภา) ใน เวลาต่อมา ๑๖6/

www.kalyanamitra.org มูลเหตุของการออฺกบวช มีเทวดาตนหนึ่งที่เคยเป็นญาติกั^าแต่ชาติกอน ไดผูกป๋ญหฺา ให้แล้วสั่งวา ถ้าสมุณพรฺาหมณผู้ใดแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ห่านจง ประพฤติพรหมจรรย1นสานกผู้นั้น สภิยปริพาชกเที่ยวถามุปั'ญหาเหล่า นี้ ก็ไม่มีใครแก้ได้แม้สักคนเดียว จึงหวนติดถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ก็สฺงสัยว่าครูทั้ง ๖ เป็นผู้เฒา บวชมานานยังตอบไม่ได้ ไฉน สมณโคดมยังเด็กอยู่ ทั้งยังบวชไม่นานจะตอบได้หรือ แต่ก็กลับติด ว่า พระสมณโคดม ถึงยังเด็กก็จริง แต่มีฤทธิ้อานุภาพมาก จึงได้ เข้าแJาที่พระเวฬุวันมหาวิหารกราบทูลถามปัญหา ๒๐ ข้อ พระองค์ แก้ได้หมด เมื่อจบปัญหาพยากรณ์สภิยะเลื่อมใส ทูลขออุปสมบท พระองค์ริบสั่งให้อยู่ติดถึยปริวาส ๔ เดีอน (วิธีอยู่กรรมสำหริบเดียรถึยั ที่ขอบวชในพระพุทธศาสนา) เพราะเป็นเดียรถึย เมื่ออยู่ครบกำหนด แล้วจึงได้บวชในพระพุทธศาสนา บรรลุธรรมเป็นพระอรหันด เมื่อบวชแล้วหลีกอยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาทบำเพ็ญเพียรไม่ นานก็บรร่ลุธรรมเป็นพระอรหันค์ นับว่าท่านเป็นพระอริยสาวก ผู้ใหญ่องค์หนึ่ง เมื่อดำรงอยู่ดามก่าลอันสมควรก็นิพ็พาน ๗๘. ประว้ดิพระเสลเถระ สถานะเดิม พระเสลเถระ เกิดในวรรณะพราหมณ์ ที่อาปณนิคม แคว้น ๐^(m

www.kalyanamitra.org อุตตราปะ บิดาเป็นพ่ราหเ^ณซื่อว่า วาเสฏฐะ มารดาไม่ปรากฏ เรียน จบไตรเพทอยางชำนิชำนาญ เป็นคณาจารย์ใหญ่บ่อกไตรเพทแก่ ศิษย์ประมาณ ๓๐๐.คน มูลเหตุของการออกบวช พระเสละออกบวชเมื่อคราวที่พระทุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎิล เกณิย^ .เรึ่องมีอยู่ว่า ขเ^ที่พระพุทธเจ้าเสด็จจารีกอุยูในอังคุดตรา- ปกฺชนบทพร้อมด้วยพระสาวก:๑,๒๔๐ รูป ชฎิลเกณิยะเกิดเลื่อมใส ในพระเกียรติคุณ : จึงทูลนิมนด์พระองคพร้อมด้วยพระสาวก^ปรับ ภัตตาหารที่อาศรมของตนในเช้าวันร่งขึ้น วันนนขณฺะที่บรีวารของ ชฎิลเกณิยะกฺาอังขะมักเขม้นอยู่ภับฺการผ่าหืเนเตรียมเตาไฟแลฺะ เตรียมอาหารนั้พพราหมณ์เสละและศิษย์ผ่านมาพบเช้าจึงสอบถาม ได้ความว่า จะมีการถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้เช้า กิเกิตเลื่อมใสทันทีจึงพาภันไปเช้าเฝืาพระพุทธเจ้า ขณะที่ทูลสนทนา ภับ่พระพุทธเจ้าอยู่นี้น พราหมณ์เสละได้ตรวจตูมหาปุรีสลักษณะ ขอฺงพระพุทธเจ้าไปด้วยจนครบ่ถ้วนทั้ง ๓๒ ประการ จึงตกลงใจ- เชึ่อแน่ว่านี่คือพระพุทธเจ้า คืนนั้นเองพราหมณ์เสละและศิษย์ ๓๐๐ คนกิตัตสนใจทูลขอบวชพร้อมภัน บรรล^มเป็นพระอรทันต์ เมื่อบวชฺแล้ว, ท่านพร้อมภับ่บรีวารหลีกออกจากหมู่ ไม่ ประมาทู,บำ เพ็ญสมณธรรม ไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอชุทันต์ ๑๖๙

www.kalyanamitra.org ท่านนบเข้าในจำนวนพระสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เมื่อดำรงเบญจขันธ อย่ตามสมควรก็นิพ่พาน ๗๙. ประว้ดพระปณณเถรร จ สฅานร:เดิม พระปุณณเถระ เกิดในวรรณะแพศย์ที่ท่านึ่อวา สุปปารกะ แควนอปรันตชนบท มชื่อว่า \"ปุณุณะ\" ท่านมีน้องชายอีกคนหนึ่ง ที่อว่า จูฬ่ปุณณะ เมื่อทั้งสองเจริญวัยแลว กิได้ทำการค้าโดยกอ่ง เกวียน ครั้งนี้ปุณณะพี่ชายให้น้องชายอปูเฝืาบ้านแล้วตวเองกิน้าเอา เกวียน ๔๐๐ เล่ม เที่ยวไปดามหัวเมีอง มาถึงกรุงสาวัดถีโดยลาดับ พักิกองเกวียนอ์ยูใกล้ ๆ วัดพระเชดวัน กินอาหารมี้อเข้าแล้วนั่งพัก ผ่อนดำม่ส่บาย มูลเหดของการออกบวช สมัยนั้นชาวกรุงส่าวัดถี กินอาหารมื้อเชาแล้ว อธิษฐานอง่ค อุโบสถสวมเสัอสะอาดถีอของหอมและดอกไม้เป็นด้น ไปสูพระเชดวัน เมื่อเขาเห้นคนเหล่านั้น จึงถามชายคนหนึ่ง ครั้นทราบจากปากของ ชายคนนั้น เขากิเกิดความเลื่อมใสจึงพาบริวารไปสู่วิหารกบชนพวก นั้น ยืนอยู่ท้ายสุดของบริษัท พังธรรมของพระศาสดาที่กำลังแสดง ธรรมอยู่ด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะ แล้วเกิดความเลื่อม่ใสอยากจะบวช เมื่อบริษททั้งหลายกลับไปแล้ว จึงทูลอาราธนาเพื่อเสวยพระกระยาหาร ในวันรุ่งขึ้น ในวันรุ่งขึ้นเมื่อเสร็จกดกิจทรงอนุโมทนาแล้วเสด้จกลับ ๑๙๐

www.kalyanamitra.org ปุณณิะรับประทานอาหารเ'ราเสร็จแลว่ก็อธิษ่ฐานองค์อุโบสถและให้ เรียกเจ้าหน้าที่คุมของมาบอกว่า ของเหลานึ้!ด้จำหน้ายไปแลวจงให้ สมปัตินี้แก่น้องข่ายฉัน แล้วฟานก็บวชในสำนักพระศาสดา บรรลุธรรมฟนํพระอรหันต์ คmมื่อบวชแล้วท่านก็เอาใจใส่ทำกัมมัฏฐาน กัมมัฏฐานก็ไม่ ปรากฏ .จึงคิดว่า ชนบทนี้ไม่เหมาะแก่เรา อย่างไรเสียเราตองรับ กัมมัฏฐานในสำนักพระทาสดา แล้วไปส่ถิ่นเดิมของเรา . จึงเข้าไปฟ้า พร,ะผู้มีพระภาคเจ้าได้กราบทลขอวิธการปฏิบดิธรรมเพือให้หลุดพ้น จากคฺวามทุกฃ ท่านก็ได้ปฏิบ้ดิตามพระโอวาท เป็นผู้เดียวหลีกออก จากหยู่.ไม่ประมาทมีความเพียรมื1จเด็ดเดี่ยว ภายในพรวชานั้นเอง ก็ได้ทำให้แจ้งที่งวิชชา ๓ และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ งานประกาศพระศาสนา พระปุณณะช่วยน้องชายและบริวารให้ปลอดภยจากการจม นํ้าตายในทะเล ก็ใข้ฤทธึ๋บนดาลให้เรีอแล่นกลับไปส่งทุกคนกึงํทีบ้าน คณั้กลับถึงบ้านแล้วจทปุณณะและบริวารก็เล่าเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของ พระปณณะให้บุตรภรรยาและคนใกล้ข้ดฟัง เป็นเหตุให้คนเหล่านัน เลื่อมใสจึงต่างชักชวนกันมาไหว้พระปณสแJ ที่านก็แสดง.ธรรมให้ฟัง ครั้นฟังธรรมแล้วคนเหล่านั้นก็เลื่อมใส ประกาศตนเป็นอุบาสก อุบาสิกานับถึอพระรัดนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต และสามารถประกาศ พระพทธศาสนาให้มั่นคงในแคว้นอปรันดชนบท ๑๙๑

www.kalyanamitra.org เมื่อดารงเบญจขันธ์อยู่ตามฺสมควรก็นิพพาน มหาชนทำถาร บูชาสรีระของพระเถระตลอด ๗ วัน แล้วเอาไม้หอมุเป็นอันมาก มากองุเผาสรีระ' เก็บอ้เธาตุแล้วสร้างเจดีย์บรรจุไว้ 0 ๘๐. ประวัติพระองคุลิมาลเถระ สถานะเติม พระองคุลิมาลเถระ เกิดในสกลพราหมณ์ ในพระนค่รสาวัต่ถี แคว้นโกศล บิดาชื่อวา ภัคควะ เป็นปุโรหิดของพระเจ้าปเสนทิโกศล มารดาชื่อวา มันดานิ ในวันที่คลอดจากครรภัมารดา อาวธเครื่อง ยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ในเรีอนของดนและพระคลังแสงมังเกิดเป็นเปลว ไฟรุ่งโรจนิ ผู้เป็นบิดาจึงดรวจดูดาวฤกิษ์ในท้องฟ้า ทราบว่าบูดร ของดนจะเป็นโจร จึงกราบทูลใหฺพระเจ้าปเสนหิโกศลประหารซีวัด แต่พระองค์หาทรงทำไม่ วับสั่งให้บำรุงเลี้ยงไว้ บิดาจึงให้นามว่า อหิงสกกุมาร แปลว่า ผู้ไม่เบียดเบียน เพอลบล้างนิมิดที่เกิดขึ้น ศึกษาศิลปวัฑยาภับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จริญวัย 'บิดามารดาส่งไปเรียนศิลปศาสดรอังสำนักตัก่สืลา ปรากฏว่ามีบิฌฌาดีเรียนร้ได้ไว ปรนนิบิตอาจารย์เป็นอันดี จนเป็น ที่โปรดปรานของอาจารย์ทศาปาโมกข ฝ่ายมาณพทั้งหลายผู้เป็น ศิษย์ด้วยกนรีษ่ยาจึงพาภันไปยุยงอาจารย์ให้กำจดเสีย จึงสั่งให้ อหิงสกะไปฆ่าคนให้ได้ ๑,๐๐๐ คน แล้วลัดเอานิ้วมือมาคนละหนึ่ง นิ้ว เพื่อจะประกอบศิลปศาสฺดรอันชื่อวัษณุมนค์ ไนชนด้นอหิงสกะ ๑6/๒

www.kalyanamitra.org ไม่พอใจจะกระทำ เพราะตนเกิดในสกุลพราหมณ์ และชื่?!ว่าอหิงสคะ ไม่สมควรที่จะเปียดเบียนสัตว์ตดฺซฺวิตแต่อยากจะเรียนมฺนตจึงุแนทำ ได้ชื่อว่าองคุลิมาล เมื่อเริ่มฆาตนจิตคิดว่า การกระทำกรรมชั่วหยาบนื้1ฟ่เหมาะ สมกับตนจึงมิได้กำหนดจำนวนคนที่ตนฆ่า . • ก็บังเกิดความสงสัย ต่อม่าเมื่อฆ่าคนตายแล้วก็ตัดเอานิ้วมือมารีอยฺฟ้นพวงสวมไว้ที่คอ ดุจพวงมาสัย■ นับได้ถึงฺ ๙๙๙ นิ้ว จึงมีนามปรากฏว่า องคุลมรสโจร โจรผู้มีนิ้วมีอเป็นพวงมาสัย ข่าวนิ้เป็นที่สะดุ้งหวฺาดกสัวต่อมหาพ เป็นอุยางมาก พระเจ้าปเสนหิโกศลจึงตรัสใหิเตรียมลี้พสเพื่อที่จะไป ปราบ :ปโรหิตผู้ปิตาทร;าบเข้าจึงให้นางพราหมณีรีบ.ออกไปบฺอกเหดุ .ในราตรีค่อนสว่าง มู่ลเหคุฃองการออกบวช คืนนั้นพระบรมศาสดาทรงหราบอุปนิสัยแหงอรหิตผลของ องคุลิมาลโจ่ร และล้าพระองคิไม่ทรงเป็นธุระองคุลิมาลโจรสะกระที่า มาดุฆฺาต คือ ฆ่ามารด่า จักเป็นเหดุเลิอมจากํมรรคและผล; จึง่รีบ เสด็จไปแต่เข้าตรู่ องคุลิมาลเห็นเข้า ก็รีบวิ่งหมายจะฆ่รทันที แต่ วิ่งไล่เทำไรก็ไม่ทนจึงร้อ.งฺตฺะโกนให้หยุด:พระองคิจึงฺตุ่รัสว่า เราหยุด แล้ว แต่เขาก็ยังไล่ไม่ทันจึงกล่าวหาว่า. พระองค์กล่าวมุสาวาท พระองค์จึงตรัสตอบว่า ตถาคตหยุด.จากการกระทำความชั่ว อันให้ผล เป็นทุกข์มานานแล้ว ส่วนเธอซิยังไม่หยุด พระสุรเสียงทำให้องคุลิมาล ๑๙๓

www.kalyanamitra.org รู้เก่นึกสีงความชั่วของตนจึงทิ้งอาวุธและพวงนิ้วมือเข้าไป!.ฟ้า พระพุทธองคทูลขอบวช ทรงอนุญาตด้วยวิธีเอหภิกขอุปสมปทา แล้วทรงนำกลับวัดพระเซตวิ'น บรรลุธ เป็นพระอรหันต์ รุ่งเข้าทานเข้าไปป็ณฑบาตในเมืองสาวัตถี ประชาซนเห็น่เข้า ก็ตกใจวิ่งกันลับสนอลหม่าน ไม่ว่าฟานจะป็ณฑบาตไปถึงไหนก็ตาม ไม่มืใครลักคนที่จะถวายอาหาร แก่ท่านแม้เพียงทัพพีเดียว ภิกษุรูป ใดไปกับท่านก็พลอยอดไปด้วย ครั้งหนึ่ง ท่านได้ทำนิ้ามน่ตให้หญิงมืครํรภ์คนหนึ่ง ปรากฏ ว่านางคลอดบุตรง่าย ตั้งแต่นิ้นมฺาประซาซนจึงเริ่มนับถือท่าน แม้ กระทั่งที่ท่านนั่ง คนใดนำนิ้าไปรดและใข้เป็นนิ้ามนต์ก็ใข้ได้ผล ท่าน เป็นผู้ไม่ประมาท บำ เพ็ญสมณธรรมแต่จิตใจพีงซ่านไม่เป็นสุมาธิ พระองต์จึงทร่งแนะนำไม่ให้ดีดถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้วแสุะยังไม่มาถึง ให้พีจาร่ณาธรรมที่บงเภิดขึ้นเฉพาะหนัา ท่านประพฤตตามพระ โอวาทไม่ข้าก็บรรลุธรรมเป็นพรฺะอรทันต์ นับว่าท่านเป็นอริยสาวก ผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เมื่อท่านดำรงอยูโดยกาลอันสมควรก็นิพพาน. • *' ป็ผหาและเฉลยอนุพุทธประวิด บทที่ ๘ ๑. พระทัพพมลลบุตร ฟ็นเสิศในทางด้านฺใด? ตอบ พระทัพพมัลลฺบุตร เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายด้านเป็นผู้ แต่งตั้งปลาดเสนาสนะ ๑^(ร:

www.kalyanamitra.org ๒. คุณสมบดขฺองพ^ธรริมกฝิก ๙ .ประการมีอะไรบ้าง พระเถระ องส์ไหนมีคุณสมบ้ตเหฺล่านี้ดรบ? ตอบ องค์คุณของธรรมกถฺก ๔ ประการ คือ ๑. แสดงธรรมไปโดยลำดับ ไม่ดัดดัดให้ขาความ ๒. อ้างเหตุผลให้ผู้ฟังเข้าใจ ๓. มีจดเมดดาปรารถนาให้เป็นประโย'ธิน์แก่ผู้ฟัง ๔.ไม่แสดงธรรม เพราะเห็นแก่ลาภ ๙.ไม่แสดงธรรม กระ'กบดนและผู้อื่น' พระมหาอุทายีเถระ ๓,พระองคุลิมาลเถระก่อนบวชมีส์อว่าอะไร หดังจากบวชแล้วเพราะ อะไรจึงได้ร่อว่าองคุลิมาล? ตอบ มีร่อว่า อหิงสกกุมาร เมื่อเริ่มฆ่าคนคืดว่า การกระ'ทากรรม ชั่วหยาบนี้ไม่เหมาะสมกบตน จฺงมีได้กำหนดจำน่วนคนที่ตนฆ่าก็ บังเกิดความสงดัย ตอมาเมื่อฆ่าคนตายแล้วก็ดัดเอานิ้วมือมาร้อย เป็นพวง สวมไว้ที่คอดุจพวงมาดัยนับได้ถึง ๙๙๙ นิ้ว จึงมีนาม ปรากฏว่า องคุลิมาล ๔.เมื่อทานองคุลิมาสคลอดจากครรภ์มารดานัน ได้เกิดเหตุอศจรรฺย์ อย่างไรชื้นบิดาดัดการอย่างไรต่อเหตุการณ์นั้น? ตอบ ได้เกิดเหตุอัศจรรย คือ บรรดาเครื่องศัสตราวุธ่ยุ'กธภัณฑทีมี อยูในบ้านก็ดี เครื่องพรุะแสงศัสตราวุธของพระเจ้าปเสนหิโกศลก็ดี ได้บั3เกิดเป็นเปลวไฟลุกโชติ'ช่วงไปทั่ว'พรุะนครุ เมื่อบิดาเห็นเช่นนัน จึงดรวจุดฤกษยามก็ประหลาดใจยิ่งนัก เพราะว่าบุต่รดนจะเกิดเป็น โจร รุ่งเข้าจึงไปเฝืาพระเจ้าปเสนหิโกศล กราบ•ทลให้นำกมาร ๑๙^

www.kalyanamitra.org นั้นไปประหาร แตพระองค์ขอให้นำไปเลี้ยงไว้ และตั้งชื่อให้เป็น มงคลเสียว่า อห้งสกกุมาร เพื่อแก้เคล็ดนั้น ๕. ทำ ไมองคุลิมาลโจรจึงได้อุปสมบท และอุปสมบทด้วยวิธีอะไร? ตอบ เพราะพระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นอุปนิสยแห่งพระอรหัตผล ' จึงทรงทำการอนุเคราะห้มฺให้องคุลิมาลทฺามาตุฆาต เสด็จไปห่า องคุลิมาลในเวลาเช้า เมื่อองคุลิมาลไล่ฆ่าไม่ทันจนเห่น็ตเหนื่อย จึงร้องบอกว่า หยุดก่อน หยุดก่อนสมณะ พระองค์ตรัสว่า เราหยุด แล้ว แต่เธอยังไม่หยุดจากการทำความชั่ว เมื่อได้ฟังเช่นนั้นจึง รู้สึกสำนึกโทษทิ้งอาวุธทั้งหมดลงเหวเช้าไปเฝืาพระบรมศาสดา แล้วทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระองค์ทรงอนุญาตให้อุปสมบท ด้วยวิธีเอห็ภิกขุอุป่สมปทา ต่อมาก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุ พระอรหัตผล .และได้รับการกล่าวขานกันในหมู่สาวกว่าเป็นคน ด้นคดปลายตร้ง ๖.พระองคุลิมาลเถระทำนํ้ามนต์ด้วยคาถาว่าอย่างไร เขียนคาแปล ม่าด้วย ? ตอบ ด้วยคาถาบทว่า ยโตหํ ภคินิ อริยาย ชาติยา ชาโด นาภิชานามิ สฌจิจจ ปาณํ ขีวิต่า โว่โรเปตา เดน สจ;เจน โสตฺถิ เต โห่ตุ โสตฺถิ คพฺภสฺส. คำ แปล ดูก่อนนึองห่ฟ้ง ตั้งแต่ฉนเภิดมาแล้วโดยอริยชาติ ยังไม่รู้สึกตัวว่าได้แกล้งปลงชีวิตสัตว้เลย ด้วยอานุาจสัจจวาจ่านั้น 'ขอความสุขสํรัสด็จ่งมีแกหล่อนและครร่ค์ของหล่อนเถิด - ๗. พระเถ่ระรูปหนึ่งบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เมื่อปลงผมเสร็จมีชื่อ ว่าอะไร ทำ นพีจารณาก่รรมฐานอะไรจึงได้บรรลุธ่รรมเป็นพระ อรหันต์? ๑๙๖

www.kalyanamitra.org ตอบ พระทัพพมัลลบุตร ก่อนบวชได้เรียนกรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจฺปัญจกกรรมฐาน ได้แก่ เกสา ผม โลมา ขน นขา เล็บ ทันตา ฟัน ตโจ หนัง พจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นขอ่งไมงาม เป็นของสกปรก ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรทันตขณะที่ปลงผมเสรีจ ๘.พระยโสชเถระเป็นชาวเมืองอะไร เพราะเหตุอะไรจึงออกบวชใน พระพุทธศาสนา ? ตอบ พระยฺโสชเถระเป็นชาวเมืองสาวตถี แคว้นโกศล มีเพื่อนอยู่ ๔๐๐ คน วันหนึ่งพากันไปทอดแหที่แม่นี้าอจึรวดี ได้ปลาทองใหญ่ มาต'วหนึ่ง จึงนำไปถวายพระเจ้าแผ่นฺดีน พระองคทอดพระเน่ตร แล้วทรงดำริว่า พระบรมศาสดาเท่านั้นจึงจะทราบเหตุที่ปลานี้เป็นํ ทอง จึงรับสั่งให้นำปลานั้นไปแล้วเสดีจไปเมืาพระบรมศาสดา พอถึงที่เมืาปลานั้นได้อ้าปากขึ้น กลิ่นเหม็นกลบไปทั่วพระนคร ทรงตรัสว่า ปลานี้เมื่อก่อนเคยเป็นภิกษุซื่อว่า กปีละ เป็นพหูสูตร มีบริวารมาก แต่ประพฤติตนย่อ.หย่อนในพระธรรมรินัยในศาสนา ของพระกัสสปสัมมาส้มพุทธเจ้า เมื่อตรัสกปีลสูตรจบ บุตรชาว ประมงทั้ง ๔๐๐ คน เภิดศรัทธาเลื่อมใสจึงหูลขอบบวช ๑๙๙

www.kalyanamitra.org วิชาศาสนพิธี ๑GYc;

www.kalyanamitra.org ศาสนฟิธ ศาสนฟ็เ เฒบอย่างหรือแบบแผนต่าง ๆ ที่พึงปฏิบต๊Iนทางพระศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา เรืยกว่า ศาสนพึธี ความจรืง่พิธีกรรม ต่าง ๆ มีด้วยกันทุกศาสนา และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลงศาสนา แม้ศาสนพิธีในทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ศ่า พิธีเกิดขึ้แใด้อย่าง่ไร เหตุที่เกิดมีศาสน่พิธีโนทางพระพุทธสาสนา เนึ่อ่งมาจาทํ หลักการของพระพุท^าสนาที่พระพุทธ่เจ้าทรงแสดฺงในวนมาฆบูชา ขึ้น ๑๙ คํ่า เดีอน ๓ แก่พระอรหนต ๑,๒๔๐ ที่วัด่เว่ฬวน ขึ้งเรียก ว่า โอวาทปาฏิโมกข์ มี ๓ ประการ คือ ๑. การไฝทำศวาม้ชวทุกอย่าง ๒. การทำความดีให้ถึงพร้อม ๓. การทำใจให้ฝองใส ๑๙๙

www.kalyanamitra.org บุญ่กรยาวัดถ ๓ ประการ เมื่อชาวพุทธทำความดีต่าง ๆ ตามหลักการ ๓ อย่างข้างต้น คือพยาย่ามลดละเลิกความไฝดีทุกอย่าง ทำ แต่ความดี และทำใจ ของตนให้ผ่องใส ร่งเรียกว่าการทำบุญ ลิงเป็นที่ตั้งแฟงการบำเพ็ญ บุญนี้ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ มีอยู่ ผ ประการ คือ ๑.ทาน การให้ลิงของต่างๆ แก'บุคคลอื่น ๒. ศีล การรักษากายและวาจาให้เรียบรอย ๓. ภาวนา การทำใจให้ผ่องใส บุญกิริยาวัตถุนี้เอง เป็นเหตุให้เกิดฺพ็ธีกรรม่ต่าง ๆ ในกาล ต่อมา ศาสนพิธี๔ หมวด ชาวพุทธนิยมทำบุญ ใม่ว่าจะปรารภเหตุอะใรก็ตาม จึงเกิต พิธีกรรมขึ้นมากมาย ปฏิบตสืบต่อกนมาจนเป็นปฺระเพุณี เมื่อสรุป การทำความดีต่าง ๆ ในทางพระพุทธศาสนา มีอยู่ ๔ หมวด คอ ๑. หมวดกุศลพิธี ว่าด้วยพิธีบำเพ็ญกุศล ๒.หมวดบุญพิธี ว่าด้วยพิธีทำบุญ ๓..หมวดทานพิธี ว่าด้วยพิธีถวายทาน ๔. หมวดปกิผกพิธี ว่าด้วยพิธีเบ็ดเดล็ดด่าง ๆ ประโยชน์ของศาสนพิธี ๑. ทำ ให้เป็น่ผู้ฉลาตในพิธีกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกบการทำบุญ .มีการให้ทานเป็นต้น ๑^00

www.kalyanamitra.org ๒. ทำ ให้๓ดความสๆมัคดีในหมู่ซาวพุทธด้วยกัน ๓. ทำ ให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม ที่ดีงามของชาวพุทธไว้ได้ ๔. ทำ ให้เป็นผูที่น่ารักน่าเคารพเชื่อถือของคนที่ได้พบเห็น ๔. ทำ ให้เข้าถืงธรรมะภายในได้โดยง่าย OCoO

www.kalyanamitra.org หมวดที่ ๑ กุศลพิธี กุศลพิธี พรกรรมด่าง ๆ อัน๓ยวเนื่องด้วยการอบรมควๆมสิงามใน พระพฑธศาสนาเฉพาะบุคคล เรียกวา กุศลพิธี พิธีกรรมในหมวดนี้ แบ่งได้เป็น ๒ อย่าง คือ ๑. พิธีกรรมที่ชาวพุทธพิงบ่ฏิบดในเบื้องด้นอยู่ ๓ เรื่อง คือ - พิธีแสดงดนเป็นพุทฺรมามกะ - พิธีเวียนเทียนในวันส์าอัญทางพระพุทธศาสนา - พิธีวักษาอุโบสถ ๒. พิธีกรรมที่สงฆ์พิงปฏิฟ้ตเพื่อความสิงามในทางพระวินัย ทั้งฝวนอัวผู้บ่ฏิบ้ดและหมู่คณะ มีอยู่ ๗ เรื่อง คือ - พิธีเช้าพรรษา - พิธีสิอนิสัย - พิธีทำ สามีจิกรรม - พิธีทำ วัดรสวดมนต์ - พิธีกรร่มวันธรรมสวนะ ๑C«๒

www.kalyanamitra.org -พิธีทำสังฆอุโบสถ -พิธีออกพรรษา . พิธีกรรมที่สงฟ้พึงปฏิบติส์ ชาวพุทธผู้ครองเรือนก็ควรทราบ ด้วย เพื่อเป็นการสรืางคว่ามํเลื่อมใสในพระรืตน่ตรัยยิ่ง ๆ ขึ้นไป' สำ หรับ่นกเรืย่นนกธรรมชั้นตรื ภาหนตให้ศึกษาพิธีกรรมที่ ชรเจพุทํธ่พิงปฏิบ้ติในส่วนเบื้องด้น ๓ เรื่อง ส่วนนกเรียนนักธรรมชั้นโท กำ หนดให้ศึกษาพิธีกรรมที่สงฟ้ พิงปฏิบติ เพื่อความดีงามุในทางพระวินัย ๗ เรื่อง ๑, พิธีเข้าพรรษา การเข้าพรรษา คอ การที่พระภกษุอฝปร่ะจำวิดใดรัดหนัง ดลอด ๓ เดีอนในฤดูฝนั ไมไปพกคางนรมุให้ลวงราดรืในที่ลื่น เป็น พิธีกรรมสำห้รืบพร่ะภิกษุ่โดยตรงที่ด้องปฏฃติตามพระวินัย จะเว้น เสียไฟได้ พระภิก!^ปใดไม่อปูจำพรรษาด้อ่งอวบรฺทกกฏ ระยะเวลา ก่ารเข้าพรรษ่าทรงอนุฤเาต ๒ ครั้ง ศึอ ๑. เข้ารันแรม ๑ คา เดีอน ๘ ไปออกรันขึ้น ๑๕ คํ่า เดีอน ๑๑ เรียกว่า ปุรีมพรรษา คือ พรรษาแรก ๒. เข้าพรรษานรกํไม่ทนให้นับไปอีก ๑ เดีอน คือรันแรม ๑ คํ่า เดีอน ๙ และไปออกในรันขึ้น ๑๕ กำ เดือน ๑๒ เรียกว่า ป็จฉิมพรรษา คือ พรรษาหลัง ทรงอนุญาตให้พระภิกษุอยูจำพรรษาในสถานที่มีที่มุงกัน แดดกันฝนได้ เซ่น ถํ้า ห่รีอุกุฏิอยางใดอยางหนึ่ง ห้ามจำพรรษาใน ที่แจ้ง•ในโพรงไม้ ในหลุม ในกุฏิดิน ในตุ่ม เป็นด้น ๑๙๓

www.kalyanamitra.org ระเบียบพิธี เมื่อถึงวันเข้าพรรษาพระภิกษุและสามเณรทุกรูป ไปประชุม พร้อมmนาายในพระอุโบสถ พระภิกษุนั่งเรียงกันตามพรรษาให้เป็น แถว ส่วฺนสามเณรนั่งในกลุ่มขอฺงสามเณรให้เป็นแถว -แยกออกให้ พินจากหตถมาสของพระภิกษุ และพึงปฐมติดงต่อใปนี้ ๑. ทำ วัตรเย็น คือ พระภิกษุผู้เป็นประธานสงฆ์ จุดเทียนธูป บูชาพระวัตนตรัย.และทำวัตรเย็นตามธรรมเนียมของวัดนั้น ๆ ๒. แสดงพระธรรมเทศนา เรื่องวัสสูปนายิกากถา คือ วัน เข้าพรรษๆ และมอกระเปียมปฐมติในการอยู่จำพรรษา คือ -มอกให้รู้เรื่องการจำพรรษา -แสตงเรื่องความเป็นมาของการเข้าพรรษา -มอกเฃฺตของการจำพรรษาภายในวัดรักษาจนอรุณขึ้น - มอกเรื่องกฺารถึอเสนาสนะให้ชดเจนว่าจะต้องปฐมติอย่างใร -มอกกติกาในการจำพรรษา (ถ้ามีกติกาอะไรเป็นพิเศษ) ๓. ทำ สามีจิกรรม คือการขอขมาโทษต่อกัน โดยฺปฐบฺติดังนี้ - ผู้รัมขมาโทษนั่งพิบเพึยม ทันหน้าไปทางผู้ขอขมา เมื่อผู้ ขอขมากรามพึงประนมมีอ - ผู้ขอขมาโทษนั่งอุกเข่าประนมมีอ กราม ๓.ครั้ง เฉพาะ รูปทเป็นพระสังฆเถระและเป็นเจ้าอาวาส - กรามเสํรีจแล้ว ยกพานสักการะขึ้นประคองน้อฺมกายลง เล็กน้อย แล้วกล่าวคำขอขมาพร้อมกัน - เมื่อผู้รัมขมากล่าวคำอภัยโทษแล้ว พึงน้อมพานสักการะ เข้าไปถวาย และกราม ๓ ครั้ง ๑<M(sr

www.kalyanamitra.org - จากนั้นพระภิกษุทุกรูปขอขมาโทษร่งถันและถัน ๔. อธิษฐานเข้าพรรษา คือ พระภิกษุและสามเณรทุกรูป นั่ง คุกเข่าหันหน้าไปทางพระประธานกราบ ,๓ ครั้ง ประธานสงพล่าว นำ วา าเะโม พร้อมถัน ๓ จบ จึงกลาวคำอธิษ่ฐานเข้าพรรษาคังนี้ อิมัสมิง อาวาเส อิมิง เตมาลัง วัสลัง อุเปมิ. ๔J. เจรญพระพุไทไธมIน-ต ' ๖. ลักการะบชาปชนียวัตลุภายในวัด ๒.พฺธถือนิลัย การถือนิลัยเป็นธรรมเนียมของพระภิกษุผู้บวชไหมท.ยังไม่ ถืงฺ ๔ พรรษาจำเป็นต้องถือนิลัย คือ อยูในการปกคร่องดูแลของ พระภิกษุผู้เป็นอุป็ชฌายัอาจารยัหรอพระผู้ใหญ่ภายในวัด เพื่อเรียน รู้ข้อปฏิ3ม่ตต่าง ๆ ให้ถูกต้องตฺามพร่ะธรรมวินัย ระเบียบพิธี พระภิกษุและสามเณรผู้ขอนิลัยต่อพระอุป๋ชฌายัอาจารยั พึงปฏิบติดังนี้ ๑. พระภิกษุและสามเณรนั่งให้เป็นแถวเรียบร้อยฺในสถานที่ ที่จัดไว้แล้ว ๒. นั่งคุกเข่าปร่ะนมมือหันหน้าไปทางประธานสงฆ กราบ พร้อมถัน ๓ ครั้ง พระภิกษุกราบก่อน สามเณฺรจึงกราบในภายหลัง ๓. ดัวแทนพระภิกษุและสามเณรถือเครื่องลักการะ ยกขึ้น ระหว่างอกแล้วกล่าวคำขอนิลัยพร้อมถัน ๑€ร๔

www.kalyanamitra.org ๙. ประเคนเครื่องสกการะแล้วกราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง ๔. นั่งพับเพียบประนมมือฟ้งโอวาทจากพระอป้ซฌาย์อาจารย์ เมื่อพังเสร็จแล้ว นั่งคุกเข่าประนมมือ กราบอีก ๓ ครั้ง เป็นอัน เสร็จพีธีสือนอัย ๓. พิธีทำ สามีจิกรรม . เป็นธรรมเนียมของสงฟ้อยํ่างหนึ่งที่พระภกษุและสามเณร พีงทำความเคารพต่อกัน เพื่อความสามัคคีกัน อยู่ร่วมกันอย่างสงบ สข การกระทำแบบนี้ เร็ย่กว่า สามีจิกรรม หมายถึง การขอขมา โทษใหอกัยซึ่งกันและกัน หรือการแสดงความเคารพ พังกระทำใน โอกาสต่าง ๆ ดงต่อไปนี้ ๑. ในวันเข้าพรรษ่า ๒. ในระยะเข้าพีรร่ษา คีอ ดั้งแต่เริ่มเข้าพรรษา ประมาณ ๗ วัน ๓.ในโอกาสจะจากไปอยู่วัดอื่นหรือถิ่นอื่น ระเบียบพิธี การ.กระทำสามีจิกรรมนี้นมื ๒ แบบ คีอ^ ๑. การกระทำสามีจิกรรมแบบขอขมาโทษ มีวธีปฐษตดังนี้ - จดเตรืยมเครื่องสักการะมี ดอกไมี ธูปเที่ยนแพวางบฺน พานีใหพร้อม - ครองผ้าใหเรืยบร้อ่ย พาดสังฆาฏิ ๑

www.kalyanamitra.org - เมื่อไปถึงผูที่เราจะขอขมาโทษ ประคองเครื่องสักการะ คุกเข่าเข้าไปหา วางเครื่องสักการะไว้ด้านข้ายมือ. กราบด้วยเบญจางค- ประด้ษฐ ๓ ครั้ง แล้วยกเครื่องสักถาระ กล่าวคำขอขม่าต่ามแบุบ่ นิยม - เมื่อท่านไห้อภัยโทษแล้ว พึงรับว่า สาธุ ภันเต เข้าไป ถวายเครื่องสักการะ แล้วกราบ ๓ ครั้ง ๒. การท่าสามีจิกรรมเฌปถว่ายสักการะ มืวิธีป่ฏบตดงนี้ - จดเตรยมเครื่องสักการะให้พ่ร้อ่ม - การถวายสักการะ จะท่าแก่ผูที่มื่พรรษามากกว่าตนหรือ นิอยกว่าตนถึได้ - ครองผาไห้เรืยบร้อย ถึอเครื่องสักการะเขาไปถวาย ถึาผูที่ เราถวายเครื่องสักการะมีพรรษามากกว่าพึงกราบ ๓ ครั้ง ถฺามี พรรษานิอยกว่าเพึยงแต่รับไหว้ไนเมื่อผู้อ่อนพรรษากว่ากราบเป็น สันเสร็จพิธี คำ ขอขมาโทษ -ผู้ขอว่า อายสมุนเตปมาเทน, ทวารตฺตเยน กด, . สพพํ อปราธํ ขมถ เม ภนเต. ผู้รับว่า อหํ ขมามี ตยาปี เม ขมีตพพํ. ผู้ขอว่า ขมามี ภนเต หมายเหตุ คำ ที่ขีดเล้นได้ให้เปลี่ยนดัง^ อายสุมนเต ถ้าพรรษๆเกิน ๑๐ แต่สัง่ไมถึง ๒๐ เปลี่ยน เป็น เกเร ๑*;«6/

www.kalyanamitra.org ถ้าพรรษาเกิน ๒๐ เปลี่ยนเป็น:มหาเถเร เม ถ้าหลาย่คนเปลี่ยนฟ็นโน ตยาปี; ถ้าหลา^คนเปลี่ยนเป็น ตุมฺเหหิปี ขมามิ ถ้าหลายคนเปลี่ยนเป็น ขมาม ๔. พิธีทำ วัตรสวดมนต์ การทำวัตร คือ การทำกิจวัตรของพระภิกษุและสามเณรและ อุ่บาสกอุบาสิกา เป็นการทำกิจที่ต้องทำเป็นประจำเรียกสั้น .ๆ ว่า ทำ วัตร การทำวัตรต้องทำวันละ ๒ เวลา คือ เวลาเต้าและเวลาเย็น การสวดมนต์ คือ การสวดบทพระพุทธมนต์ต่าง ๆ ที่เป็น พระสูตรก็มี ที่เป็นพระปริตรก็มี ที่เป็นพระคาถาอันนิยมกำหนดให้ สว^ประกอบในการสวดมนต์เป็นประจำกิม นอกเหนิอจากบทสวด ทำ วัตร เมื่อเรียกรวมการสวดทั้งสองอย่างเขาต้วยอัน เรียกว่า ทำ วัตรสวดมนต์ , ระเบียบพิธี พิธีทำ วัตรสวดมนต์นนแบ่งออกเป็น ๓ ประ๓ท่คือ ๑.พิธีทำ วัตรสวดมนต์สำหริบพระภิกษุและสามเณรมี ๒ ครั้ง คือ ๑.๑. ทำ วัตรเต้า - กำ หนดเวลาสวดมนต์แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละวัด - พระภิกษุและสามเณรทุกรูปต้องไปประชุมพร้อมอันที่หอ สวดมนต์หรีอที่พระอุโบสถ - ประธานสงฆจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัยทุกรูปนั่งคุกเข่า ประนมมือ G)CSCS

www.kalyanamitra.org - สวดบททำวัตรเช้าตามห่นงลือสวดมนต์ - บางวัดอาจจะมีการนั่งสมาธิและแผ่เมตตาหลังสวดมนต์เสร็จ ทำ ดามประเพณีของแต์ล่ะวัด . - ก่อ.นเลกก็สวดมนต์บูชาพระ กราบพระพทธรูป ๓ ครั้ง เป็นอันเสร็จพิร (ร).๒. ทำ ว้ตรเย็น - กำ หนดเวลาสวดมนต์แลืวแต่ความสะดวกของแต์ละวัด -นอกจากนั้นก็เหมีอฺนกับการทำวัตรเช้า ๒. พรทำวัตรสวดมนต์สำหวัมอุบาสกอุบาสิกา แบบสวตและระเบียบต่าง ๆ สำ หรับอุบาสกอุบาสิกาจะนา- มากล่าวรวมในพิธีกรรมวันธรรมสวนะช้งจะกล่าวต่อไป ๓.,พิธีส่วต่มนต์ไหว้พระสำหรบนักเรียน ระเบียบการสวตมนต์ไหว้พระสำหรับนักเรียนกระทรวง ศึกษาธิการกำหนตเป็นแบบปฏิบ้ติไว้โตยเฉพาะและมีคำสั่งให้ใช้โน โรงเรียนต่าง ๆ จะนำมากล่าวในหมวดปกิณกะต่อไป ๙. พิธีวันธรรมสวน.ะ วันธรรมสวนะ คือ วันกำหนดประชุมพิงธรูรมฺ-ช้งฺเรฺยกกัน ทั่วไปวา วันพระ พระพุทธเจ้าทรงบัญ^วันประชุมพิงธรรมไว้เดือน หนึ่ง ๔ วัน คือ ๑. วันขึ้น ๘ คํ่า ๒. วันขึ้น ๑๔ คํ่า ๓. วันแรม ๘ คํ่า (ร)

www.kalyanamitra.org ๔.วันแรม ๑๔คํ่า ระเบียบพิธี - ตอฺนเซา ประมาณเวลา ๙.๐๐ น. พ่ระภิก่ษุสามเณรและ •อุบาสกอุบาสิกา พร้อมกันที่ศาลาการเปรียญ หรีอวาอุโบสถ - ประธานสงฆ์จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรีย และนำสวด มนตทำวัตรเ•รา - เมื่อทำวัตรเ•ช้าเสรีจ อุบาสกและอุบาสิกาประกาศอุโบสถ พุระองค์ที่แสดงธรรมขึ้นธรรมาสน์ - อุบาสกและอุบาสิกา•นั่งคุกเ•ฃ่าประนมมือ กล่าวคำอาราธนา อุโบสถศีล พระใ•ศ้อุโบสถศีล รับศีล - ต่อจากนั่นพระภิกษุแสดงธรรม ตั้งใจ•กังธรรมโดยความ เคารพ - เมื่อพระแสดงฺธรรมจบกล่าวคำว่า สาธุ พร้อมกัน กราบ พระ ๓ ครั้ง เป็นอันเสรีจพิธีภาคเ•ช้า *ส่วุนรายละเอียดต่าง ๆ จะกล่าวในวิชาอุโบสถศีล ๖. พิธีทำ สังฆอุโบสถ พิธีทำ สิงฆอุโบสถเป็นธรรมเนียมที่พระภิกษุ•อุกรูปต้อง ปฐบดตามพระวิ'นัยทุกกึ่งเดือน ดือต้องไปนั่งทบทวนศีล ๒๒๗ ของ ตวเองว่าบรีสุทธิ้หรีอไม่บรีสุทธิ้จะขาดไมไต้ ยกเว้•นมืเหตุจำเป็นตาม ที่พระ•พุทธองค์ทรงอ•นุญาต่ไว้ อุโบสถมื ๓ ประ๓ท ดือ ๑๙0

www.kalyanamitra.org ๑. สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถทพระภิคชุร่รมก้นทำดั้งนต่ ๔ !■* 1 - -- <u ๒. ปาริสุทธอุโบสถ คือ อุโปสถที่พระภิกษุ ๒ - ๓ รูป ร9ม ก้นทำ ผ. อธฃฐานอุโบสถ คือ อุโบสถที่พระภิกษุอร!!^นทำรูป เคืยว หลักก่ารทำส์งฺฆอุโบสถ ๑. สังฆอุโบสถต้องทำภายในเมา . ๒. วันฺที่ทำ นั้นต้องเป็นวันฃื้นหรือแรม ๑๔ หรือ ๑๔ คา ๓. พระภิกษุในที่ประชุมต้องคร็บองคสงฟ้ คือ ดั้งแต่ ๔ รูป ขึ้นไป. ๔. พระภิกษุผู้เข้'ฟวมประชุมไม่เป็นผู้ต้องสภาคาบติ คือ อาบติ อย่างเดียิวกัน หรือต้องสภาคาบติแต่ไต้สวดประกาศก่อนแล้วโดยชอบ ต้วยพระวินัย ๙.ไม่มีบุคคลที่ควรเว้นอยู่ในหดถบาส ๖. พระภิกษุทั้งหมดไต้ทำบุพกรณ และบุพกิจ่ของอุโบสถ เรืยบร้อยแล้ว ๗. มีตัวแทนของพระภิกษุขึ้นสวดพระปาฏโมกข คือ สวด ศล ๒๒๗ ข้อ ให้ฟังทั่วกันในทำมกลางสงฆ์. หลักการทำปาริสทธิอุโบสถ ปารืสุทธิอุโบสถ ไต้แก่อุโบสถที่พระภิกษุผู้เข้าประชุมกันทำ ๑๙๑

www.kalyanamitra.org ไมครบจานวนสงฆ คือ ๔ รูปขึ้นไป มีเพียง ๓ รูปหรือ ๒ รูป ท่าน ห้ามสวดพระปาฏิโมกฟ้ ในการทำอุโบสถให้บอกความบริสุทิธิ้แห่ง ศีลแก่กัน แทนการสุวดพระปาฐโมกข์ หลกการทำอธิ!smนอุโบสถ อธิษฐานอุโบสถ ได้แก่อุโบสถที่พระภิกษุทำเพียงรูปเดียว คือ เมื่อถึงวันอุโบสถ ให้ทำกิจที่ควรทำในอุโบสถให้เรืยบร้อยแล้วนั่งรอ ภิกษุจากที่อื่น เผื่อจะมีมาร่วมทำด้วยตามสมควรแก่เวลา เมื่อเห็น ว่าไม่มีใครมาแล้วให้อธิษฐานในใจ่ของตนวา อชฺช เม อุโบสโถ แปลว่า วันนี้เป็นวันอุโบสถของเรา เพียงเท่านี้ก็เป็นกันเสร็จพีธี ระเบยบฟ้ธิ - เมื่อถึงวันอุโบสถช่วยกันทำความสะอาตพอุโบสถแลํะจัต อาสนะให้เรืยบร้อย - กำ หนตนัตเวลาทำอุโบสถ . - ห่มตองครองผ้าให้เรืยบร้อย -ปลงอาบตกับเพื่อนพร่ะภิกษุด้วยกัน - ไปถึงพระอุโบสถก่อนเวลาประมาณ ๕ หรือ ๑๐ นาที - เมื่อพร้อมกันแล้วนับจำนวนสงฆ - ประธานสงฆนำกราบพระ สวตมน่ตทำวัตร - เมื่อทำวัตรสวตมนต์เสร็จแล้วทุกรูปนั่งหันหน้าล้อมวงรอบ ๆ ตั่งสำหรับนั่งสวตพระปาฏิโมกข์ ๑๙๒

www.kalyanamitra.org - นิมนต์พระฦกษผู้ทรงพร่ะปาฏิโมกฃฺขี้นนั่งบนตั่ง ทา'สืฮี สวดพระปาฏิโมกข์ไปจนจบ - เมื่อสวดพระปาฏิโมกข์จบแล้ว พระภิกษุทุกรูป'ทันหน้าไป ทางพระประธาน ประธาใ4สงฆน้าสวดมนต์ต่อท้ายจากพระปาฐโมกข์ จน้จบ - นั่งสมาธิ แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญใท้แกสรรพสัตว'ทั้งหลาย - ต่อจากนั้นบูชาพระรัตนตรัย เป็นอันเสร็จ'พิธี ๗. พิธีออกพรรช่า การออกพรรษา หมายถึง าเวลาสิ้'นสุดกำหนดอยู่จาพรรษา ๓ เดือน ของพระภิกษุตามพระวิ'นัยบัญญต มีสังฆกรรมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ เรียกว่า ปวารณากรรม คือการท้าปวารณาไท้ว่ากล่าว ตักเดือ'นกันได้ฃองฺสงฆผู้อยู่รวมกันตลอด ๓ เดือน ท้าในรันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๑๑ ของทุกปี ในรันนั้น'พระลงฆไมด้องสวด' ปารโมกข์ แต่ใท้ท้าปวารณาแทน ระเบียบพิธี การท้าปวารณากรรมในรันออกพรรษา มระเบียบปฏิบ้ตเป็น ธรรมเนียมดังต่อไปนี้ - พระภิกษุและสามเณรทุกรูปห่มดองครองผ้าไท้เรียบร้อย พร้อมกันทพระอุโบสถ - ท้ารัตรสวดมนต์ตามธรรมเนียของแต่ละรัด - ดัวแทนของคณะสงฆขึ้น้นั่งบนตั่งที่สวด'พระปาฏิโมกข์ขึ้แจง (ร)G^cn

www.kalyanamitra.org เรื่องการทำปวารณากรรม บอกบุพกรณ์และบุพกิจ ตั้งญัตติสวด ปวารณากรรม - คณะสงฆปวารณากันตามพรรษา ■เริ่มตั้งแต่พรรษามาก ที่สุตไปหาพรรษาน้อย - เมื่อปวารณาแล้ว พระภิกษุต้องอยู่รักษาราตรีอีกหนึ่งคืน ในวัดที่จำพรรษานั้น จึงจะไปค้างคืนที่อื่นไต้ ปัญหานละเฉลย หมวดกศลพิธี ๑. ศาสนพิธีคืออะไร การศึกษาศาสนพิธีให้เข้าใจมีประโยชน์อย่างไร? ตอบ คือ พิธีทางศาสนามีประโยชน์ คือ ๑. ทำ ให้เข้าใจเรื่องของศาสนาพิธีไต้โดยถูกต้อง ๒. ให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญไม่ไร้สาระ .๓.ทำ ให้ปฏบตใต้ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยนจากขนมฺธฺรรมเนียมประเพณี ๒. กศุลพิธีคืออะไร มีกี่อย่าง อะไรบ้าง จงบอกมาให้? ตอบ กุศลพิธี คือ พิธีบำ เพ็ญกุศล คือ มี ๗ อย่าง ๑. พิธีเข้าพรรษา ๒-. พิธีถือนิสัย ๓. พิธีทำ สามีจึกรรม ๔. พิธีทำ วัตรสวดมนต้ ๔. พิธีกรรมวันธรรมสวนะ ๖. พิธีทำ สังฆอุโบสถ ๗. พิธีอฺอกพรรษา ๑๙(T

www.kalyanamitra.org ๓.จงให้ความหมายฃอฟ้คำต่อไปนี้การ!,ข้าพรรษา การออกพรรษา? ตอบ การmพรรษา หมายถึง การที่ภิถษผูก่ใจว่า จะอยู่ประจำ เสนาสนะในวัดใดว้ดหนึ่งตลอดเวลา ๓ เดึอนในฤดูฝน ไม่ไปค้าง แรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่นระหว่างผูกใจนั้น เว้นแต่ไปด้วย ส้ตตๆหกรณียะ การออกพรุรษาหมายถึง การที่สิ้นสุดกำหนดอยู่จำพรรษาของ ภิก!^ามพระวินัยบญญ้ตมีพิธีเป็นสังฆกรรม'สิเศษโดยเฉพาะ เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือการทำปวารณา ของสงฟ้ผู้อยู่ร่วมกันตลอดเวลา ๓ เดือน ๔. พิธีเข้าพรรษามีดวามหมายและกำหนดกาลไว้อย่างไร? ตอบ เข้าพรรษา หมายถึงพิธีที่พระสงฆประ'ชุมพร้อมกันประกอบ พิธีทำ ปวารณาตามวินัยนิยมกำหนดด้วยแรม ๑ ดํ่า เดือน ๘ ๔; สัตตาหะ หมายถึงอะไร? ตอบ สัตตาหะ หมายถึง เมื่อเข้าพรรษาแล้วมีกิจจำเป็นที่จะไป ก็ทรงอ'นุญาตให้ไปด้วยสัตตาหะเจ็ดวันกลับมาพรรษาไม่ขาด . ๖.สามีจิกรรมหมายถึงอะไรมีเทำไรอะไรบ้าง ? ตอบ หมายถึง การขอขมาโทษกันให้อภัยกัน 'เๆกโอกาสไม่ว่าจะ มีโทษขุดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม ถึงโอกาสที่ควรทำสฺามีจิกรรม กันแล้ว 'ทุกรูปไม่พิงละโอกาสเสีย มี ๒ แบบ คือ ๑.แบบขอขมาโทษ่ ๒. แบบถวายสักการะ ๗. แบบทำวัตรเข้าเย็นที่ใข้กันอยู่ใน่บ้จจุบ้นนี้มีมาตั้งแต่ครั้งไหน? ตอบแบบทำวัตรเข้าเย็'แมีมาแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเดืจ- พระจอมเกล้าฯ ทรงพระราชนิพนธีขึ้นใช้เมื่อครั้งยังทรงผนวช . ๑๔๔

www.kalyanamitra.org ๘;ในการทำวัตรนั้นมีทจที่ต้องทำอยาง่ไรบ้าง? ตอบ กิจที่ต้องทำในการทำวัตร คือสวดบูชาพระรัตนตรัย สวต พิจารณาบ้จจัยที่บริโภคทุกวันตามหน้าที่ สวตเจฺริญกัมมัฏฐาน ตามสมควรและสวดอนุโมทนาทานของทายกกับสวดแผ่กุศล ๙.การทำวัตรคืออะไร ทำ วัตรสวดมนต์เพื่อความมุ่งหมายใด? ตอบ คือ การทำกิจวัตรของภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกา เป็นการทำกิจที่ต้องทำประจำวันจน้เป็นวัตรปฏบ้ต เรียกสั้น ๆ ว่าทำวัตร ความมุ่งหมายของการทำวัตรสวดมนต์นี้ บัณฑิตถือว่า เป็นอุบายสงบจิตไม่ไห้คิดวุ่นวายตามอารมณIต้ชั่วขณะที่ทำ เมื่อ ทำ ประจำวันละ ๒ เวลา ทั้งเห้าเย็นครั้งละครึ่งชั่วโมงหรีอ ๑ ชั่วโมง เป็นอย่างน้อยกิเท่ากับไต้ให้เวลาสงบจิตไต้วันละไม่ตํ่ากว่า ๑ ชั่วโมง ๑๐. การทำวัตร และการสวดมนต์ ต่างกันอย่างไร? ตอบ การทำวัตร คือ การทำกิจวัตรที่ต้องทำประจำ วันละ ๒ เวลา คือ เห้า-เย็น จนเป็นวัตรปฏบ้ตมีกิารสวตบูชาพระรัตนตรัย่ และ - สวดพิจารณ่าบัจจัย ที่บริโภคเป็นต้น รเวนกา'^วดมนต์คือการสวด พระปริตรกิมีที่เป็นส่วนเฉพาะคาถาอันั้นิยมกำหนดให้นำมาสวต ประกอบในการสวดมนต์เป็นประจำกิมี ๑๑^ วันธรรมะสวนะคือวันอะไร สิบมาตั้งแต่ครั้งไหน ทรงอนุญาต ให้มีในวันใดบ้าง? ตอบ คือวันกำหนดประชุมพิงธรรมที่เรียกเป็นสามัญว่า วันพระ พทธบริษ้ฑปฏิบ้ตสืบเนึ่องมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ในวัน ๘ คํ่า และวัน ๑๔ คาของบักบ้ทงห้างขึ้นและห้างแรม ๑๒.ในวันอุโบสถพระธรรมกถืกให้ศีล ๘ เป็นอุโบสถศีล แต่มีผศรทธา ๑๙๖

www.kalyanamitra.org จะรกชาเพยงศีล ๔ เทานั้น พึงปฏป๋ตอย่างัไร? ตอบ พึงปฏิบตอย่างนี้ สมาทานเพีย่ง ๕ ข้อ ในระหว่างข้อที่ ๓ ที่งพระธรรมฺกถึกให้ด้วยบทว่า อพรหฺมจริยา พึงรับสมาทานว่า กาเมสุ มิจฉาจารา... และรับตอไปจนครบ ๔ ข้อ เมื่อครบแล้วก็ กราบ ๓ ครั้ง ลดลงนั่งราบไม่ด้องรับต่อไป ๑๓.#ไส่นัพึรเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท อะไรบ้าง แต่ละ ประ๓ทต่างกนอย่างไร? ตอบ แสดงไว้ ๓ ประเภท คือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑ มีความแตกต่างก็'นด้งนี้ ๑. สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขี้นไป ป๋ริะชุ่มสวดพระปาฏโม่กฃ ๒.ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถถถรรมที่พระภิกษุนอย่กว่า ๔ รูป มีเพึยง ๓ รูป ห้รือ ๒ รูปรวมกน ที่าเป็นก็ารคร่พํะ ให้แต่ละรูป รูปบอกความบริสุทธ!จของตนเอง ๓. อธิษฐานอุโบสถ ๑๔;พึธีทำ สังฆอุโบสถมีดวามุหมายและกำหนดกาลไว้อย่างไร? ตฺอบ พิธีทำ สงฆอุโบสถหมายถึง พึธีที่พระสงฆประชุ่มพร้อมเพรียง กันในสืมาประกอบพิธีทำอุโบสถสวดพระปาฏิโมกข้กำหนดใน รันอุโบสถทุกกี่งเดือน ๑๙.พิธีออกพรรษา มุความหมายและกำหนดกาลไว้อย่างไร? ตอบ ออกพรรษา หมายถึง พึธีที่พระสงฆปฺระชมพร้อมกันในสิมา ประกอบพิธีทำปวารณาตามวินัยกำหนดรันขึ้น ๑๙ คฺา เดือน ๑๑ ขึ้งปาวารณาแล้วด้องรออยู่รับอรูณในรัดนั้นอีก ๑ ราตรี ๑๙๙

www.kalyanamitra.org หมวดที่ ๒ บุญพิธี ฟ้ธีทาบุญเนื่องด้วยประเพณฺ1นครอบค^ _, . ^ ด่าง ๆ ของฺคนไทยเพื่อเป็นสิริมงคล เรียกว่า บุญฟ็ร มี ๒ ประ๓ท สิอํ ทำ บุญงานมงคล และทำบุญงานอวมงคล แด่ในที่นี้เป็นระเบียบ พิธีที่พระสงฟ้ควรรู้และปฏิป๋ติให้ถูกต้อง แปงออกเป็น ๙ พิธี คือ ๑. พิธีทำ บุญตกบาตรเท่โวโรห^เะ ๒. พิธีเจริญพระพทธมนต์ ๓. พิธีสวดพระพุทธมนต์ ๔. พิธีสวดพระอภิธรรม ๕. พิธีสวดมาดกา ๖. พิธีสวดแจง ๗. พิธีสวดถํวายพรพระ ๘.พิธีอนุโมทนากรณตาง ๆ ๙. พิธีแสดงพระธรรมเทคนา ๑๙๘

www.kalyanamitra.org ๑, พธีฑำบุญตักบาตรเทโวโรห!เะ ว้นเทโวโรหน่ะ คือ วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก หลง จากที่เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรดพั้ตาวด็งส์ เพื่อตรสพระอฟ้ธรรม เทศนาโปรดพระพุทธมารุดาจนครบ ๓ เดือน พอออกพรรษาเสด็จกลับ มายังมฺนุษย์โลกโดยเสด็จลงมาทางป้นไดแก้วที่ประดูเมืองลังกัสสนคร ตรงกับวันขึ้น ๑๔ คํ่า เดือน ๑๑ เป็นวันมหาปวารณา เรียกอีกอย่าง หนึ่งว่า วันพระเจ้าเปีดโลก คือ พระพุทธเจ้าทรงเปีดโลกทั้ง ๓ ได็แย่ มนุษย เทวดา และนรกให้มืโอกาสมองเห็นร่งกันและกัน โทษต่าง ๆ ในนรกได้หยุดระงับชั่วคราว เป็นวันที่สงบเย็นของโลกทั้ง ๓ เช้าวันรุ่ง ขึ้นแรม ๑ คํ่า เดือน ๑๑ ชาวพุทธนิยมตักบาตรด้วยข้าวปลาอาหาร แห็ง ผู้^ส่บาดฺรไม่ถุงทำข้าวสาลีห่อเป็นมัด ๆ บ้าง ทำ เป็นมัน ๆ บ้าง แล้วโยฺนลงในุบาตร เป็นเหตุนิยมทำข้าวต้มลูกโยนในการตักบาตร วันเทฺโวโรหนะจนกลายเป็นประเพณีนิยมมาถึงทุกวันนี้ ระเบียบพิธี ๑. ย่อนถึงวันแรม ๑ คร เดือน ๑๑ ชั่งเป็นวันทำบุญ ตักบาตรวันเทโวโรหนะ ทางวัดควรเตรียมการดังนี้ - เตรียมรถหรีอคานหามพระพุทธรูป เพื่ออัญเชิญนำหน้า คณะสงฆ์ในการรับป็ณฑบาต - เตรียมพระพุทธรูป ๑ องค ให้พอเหมาะกับรถหรีอว่า คานหาม แต่ขอให้เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืน -จัดสถานที่สำหรับบิณฑบาต -แจ้งกำหนํดการต่าง ๆให้ทราบ ๑๙๙