www.kalyanamitra.org ๑. กัสสปะเธอพึงศึกษาว่า เราจักเข้าไปตั้งความละอายและ ความยำเกรงไว้ใ%เภิกษุทั้งที่เป็นผู้เฒ่า ผู้ใหม่และผู้ปานกล่างอย่าง แรงกล้า ๒. เราจักพึงธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งร่งประกอบุด้วยคุศล.เรา จักเงี่.ยหูใ^งธรรมและพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมนั้น ๓. เราจักไม่ละกายคตาสติ คือพิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ หลังจากบวชแล้วท่านได้ตั้งใจบำเพิญเพิยร ในว้นที่ ๘ ก็ได้ บรรลุธรรมเป็นพระอรหนด้ งานประกาศพระศาสนา พระมหากสสปะ เป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระศาสนา คือ - เป็นประธานในการทำลังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก เมื่อ พระพุทธองคืปรินิพพานแล้วได้ ๓ เดือน ท่านได้สั่งสอนกุลบุตร และกุลธิตาให้เลื่อมใสในพระศาสนาเป็นจำนวนมาก ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระมหากัสสปะ เป็นพระมักน้อยลันโตษ ถือธุ่ตงคืเป็นวัตร ๓ ข้อตลอดชีวิต คือ ๑. ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ๒. เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๓. อย่ป่าเป็นวัตร ท่านแสดงคุณของการถือธุดงค์แก่พระพุทธองค์ ๒ ข้อ คือ ๕๐
www.kalyanamitra.org ๑. เป็นการอณูป็นสุขในiTจจษัน ๒. เพื่ออนุเคราะหคนรุ่นหลังจะได้ถือ่ปฏิบตตาม พระพุทธองคทรงยกย่องพระมหากัสสปะว่า \"เป็นเลิศกว่า ภิกษุทั้ง หลายผู้ทรงธุดงค์\" เมื่อทำลังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรกเรียบร้อยน่ล้ว จำ พรรษาอยู่ที่วดเวพุวัน มีอายุ ๑๒๐ ปี นิพพานระหว่างภูเขาชื่อว่า \"ชุกกุฏลัมปาตะ\" ทั้ง ๓ ลูก ในกรุงราช^ฤห์ แคว้นมคธ ๑๘. ประวตพระมหากัจจายนเถระ สถานะเดิม พระมหาลัจํจายฺนะ ชื่อเดิมว่า ลัญจํนะ คนทั้งหลายเรียกชื่อ ทำ นตามโคตรว่า กัจจายนะและทำนมีผิวกายเห่มีอนิทองคำ ปีดา มารดาเลยทั้งชื่อให้ว่า กญจนะ ปีด่าชื่อว่า วัจํฉพราหมณ มารตาไฝ ปรากฏชื่อ เภิตในวรรณะพราหมณ ที่เมืองอุชเชนี แคว้นอวันต ตระกูลกัจจายนโคตร ศึกษาจบไตรเพทํตามลัทธิพราหมณ ปีดาเป็น ปุเร่หดของพระเจาจนฑบชเซต เมอบตาถงแก่กรรมแลวกได้รบ ตำ แหน่งเป็นปุโรหิตแทน มูลเหตุของการออกบวช พระเจ้าจัณฑป๋ชโชตทรงทราบข่าวการอุบตขึ้นของพระพุทธองค์ จึงมอบห่มายให้กัจจายนปุโรหิต พร้อมกับผู้ติดตามอีก ๗ คน ไป เข้าเผิาพระพุทธองค์ที่วัตเซตวัน เมืองสาวัตถ แคว้นโกศล เมื่อได้ 6:๑
www.kalyanamitra.org ฟ้งธรรมแล้วก็บรรฺลุธรรมเป็นพระฮรห้นส์ พร้อมกับผู้สิดตามอีก ๗ คน จึง่ทูลขอบวชทรงประทานการบวชให้ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา งานประกาศพระศาสนา วนหนึ่งพระมหากัจจายนะกราบอาราธนาพระพุทธองคเสด็จ ไปโปรดพระเจ้าจัณฑป๋ชโชตที่เมืองอุชเชนี ทรงมอบหมายให้ทาน และพระภิกษุอีก ๗ องค์ไปแท่น เมื่อถึงเมืองอุชเชนีแล้วได้แสดง ธ่รรมโปรตพระราชาและบริวารให้เลื่อมใสในพระรัตน«^รัย ฟานและ คณะประดิษฐานพระพุทธศาสนาในแคว้นอวันตีได้สำเร็จ ขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่เมืองคุรฆระ แคว้นอวันตี,ซึ่งเป็น เมืองชายแดนมีประชาชนเลื่อมใสมาก อุบาสกคนหนึ่งชื่อ โสณกุฏิ- กัณณะ มืความปรารถนาจะบวชุมืพระไม่ครบ ๑๐ รูป ดามที่ทรง อนุญาต บวชเป็นสามเณร ๓ ปี จึงได้บวชเป็นพฺระภิกษุ เมื่อบวช แล้วอยากจะไปเฝืาพระพุทธองค์ พระมหากัจจายนะจึงฝากความไปทูล พรฺะพุทธองค์เพื่อแก้ไขพระพุทธบฺญญ้ต ๔ ข้อ คือ ๑. ก่ารบวชในป๋'จจันดชนบท มืพระสงฆ์ครบ ๕ รูป ก้บวช พระได้ .. . ๒. พระที่อยู่ในป๋'จจันดชนบท อนุญาตให้สวมรองเทาหลาย ชั้นได้ ๓. พระที่อยู่ในป๋'จจันดชนบท อนุญาตให้นั่งบนอาสนะหนง ๔. พระที่อยู่ในป๋'จจันตชนบท อนุญาตให้สรงนาทุกวันได้ ๔..พระที่อยู่ในป็จจันตชนบท วับจึวรที่ทายกปวารณาถวาย ๔๒
www.kalyanamitra.org ไว้เกิน๑๐วันได้ - พระพุทธองค์ทรงอนุญาตตามที่ท่านขอ พระมหฺากิจจายนะได้แสดงมธุรสูตร คือ พระสูตรที่กล่าวถึง ความไม่แตกต่างกิ'นของวรรณะ ๔ เหล่า คือ กษ้ตริย์ พราทมณ แพศย ศูทร แก่พระเจ้ามธุรราช ครั้นฟ้'งจบแล้วทรงเลื่อมไสขอถึง พระวัตนตรัยตลอดชีวิต ตำ แหน่งเอดท่คคะ พระมหากิ'จจายนะ แตก่ฉานในปฏิสัมภิทา ๔ คือ ๑. สัตฺถปฏิสัมภิทา แตกฉานในอรรถ ๒. ธัมมปฏิสัมภิทา แตกฉานในธรรม, ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา แตกฉานในภาษา ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา แตกฉานในปฏิภาณ พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลิศ่กว่าภิกษุฑงหลาย ผูอธบาย่เนื้อความย่อให้พสดาร\" . หสังจากที่พระพุทธองค์เสด็จ ดับขัน่ธปรนิพพานแล้ว ท่านได้ปฏิบตตามพระพุทธบ'ญญตโดย เคร่งควัดเป็นกำสังสำดัญในการประกาศพระศาสนา ดำ รงอายุสังขาร พอสมควรแก่อัตภาพแล้วกินิพพาน ๑๙. ประวัติพระราธเถระ สถานะเติม พระราธะ ชื่อเดิมว่า ราธะ บิดาและมารดาไม่ปรากฏชื่อ &๓
www.kalyanamitra.org เกิดในวรรณะพร'ไหมณ ในเมืองราชคฤห แคว้นมคธ ต่อมาได้ แต่งงานกิบหญิงสาวคนหนึ่ง เพราะมืความยากจน พอแก่ตัวกิถูก ลูกเมืยรังเกียจขับไล่ออกจากบ้าน ได้ไปอาศัยอยู่ที่รัดเซตรัน อุบ้ฏฐาก พระภิกษุและสามเณร บ้ด กวาด เช็ดถูเสนาสนะเป็นอย่างดี จน เป็นที่รักของพระภิกษุและสามเณร มูลเหดของการออกบวช รันหนึ่งราธะอยากจะบวช แต่ไม่มืใครบวชให้ ท่านแยใจจน ร่างกายซูบผอม ผิว,พรรณเศร้าหมอง พระพทธองคเสด็จไปโปรด ตรัสถามถึงความเป็นอยู่ของราธะ ครั้นได้ทราบความจริงแล้วตรัส รับสั่งให้ประชุมพระภิกษุ ทรงตรัสถามท่ามกลางที่ประชุมว่า ใคร ระลึกถึงอุปการคุณของพราหมณนึ่!ด้บ้าง พระสาริบุตรกราบทูลว่า ข้าพระองค์ระลึกได้ พร'ไหมณนี้เคยถวายข้าวข้าพระองค์หนึ่งทัพพี ทรงอนุญาตให้พระสาริบุตรเป็นพระอุบ้ชฌาย์บวชให้ราธะ พระสาริบุตร ได้บวชให้ราธะด้วยริรญิ'ตดิจตดถกรรมฺวาจา ซึ่งพระราธร;เป็นคน แรกที่บวชด้วยริธีนี้ ในบ้จจุบันนี้พระภิกษุทุกเปกิบวชด้วยริธีนี้ บรรลุธรรมเป็นพระอรทันด หลังจากบวชแล้ว พระราธะได้เข้าเผิาพระพุทธองค์ ทูลขอ ให้แสดงธรรมย่อ ๆ พอเกิดกำลังใจในการบำเพ็ญเพียร ทรงตรัส ว่า \"ราธะ ขันธ์ ๔ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และริญญาณ เป็นมาร เธอจงละความกำหนดด้วยอำนาจความพอใจรักใคร่ใน ขันธ์ ๕ นั้นเลึย\" ท่านรับโอวาทแล้วจาริกไปกับ้พระสาริบุตร ปฏิบ้ต ๕(ร:
www.kalyanamitra.org ตามพระโอวาทนั้นเป็นอย่างดี ต่อมาไ^นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพรร อรหันต ตำ แหน่งเอดหัดคะ พระราธะเป็นพระที่บวชเมื่อแก่แต่เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย ทำ ให้พระพุทธองคและพระอุป๋ชฌาย์เป็นด้น มีดวามเมตตาสั่งสอน ท่านเสมอ จึงทำให้ท่านมีป็ฌญฺาแจ่มแจ้งในเทศนา เพราะใด้ฟัง ธรรมะบ่อย ๆ พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า.\"ฟ้นเลศกว่าภกษุ ฑงหลาย ผู้มีปฏิภาณ คือ ฌานแจ่มแจ้งในพระธรรมเทศน่า\" ท่าน เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาองค์หนึ่ง ท่านดำรง อายุสังขารพอสมควรแก่อัตภ่าพแล้วก็นิพพานในที่สด ๒๐. ประฬฬระป่ณ่ณมนตน่บุดร สถานะเดิม พระปุณณมันตานีบุตร นึ่อเดิมว่า ปุณณะ บิดาใม่บ่รากฏชื่อ มารตาชื่อว่า นางมันตานี เก็ตในวรรณะพราหมณ์ หมู่บ้านโทณวัตถุ ใกล้เมีองกบิลฟัสค์ มารตาของท่านเป็นน้องสาวของพระสัญญาโกณ- หัญญะ คนส่วนมากเรียกท่านว่า ปุณณมันตานีบุตร เพราะว่าเป็น บุตรของนางมันตานี มูลเหตุของการออกบวช พระบ่ณณมันตานีบุตรบวชในพระพทธศาสนาโตยการชักชวน
www.kalyanamitra.org ของพระอัญญาโกณฑัญญะ€ง.เป็นหลวงลุงของทาน มีหลวงลุงเป็น พระอุป๋ชฌาย์ เมื่อปฏิป๋ตตามคำสอนของหลวงลุงไฝนาน ก็ได้บรรลุ ธรรมเป็นพระอรหันต งานประกาศพระศาสนา ครั้นบวชแล้วท่านกลับไปเมีองกบิลพัสดุ สั่งสอนประชาชน จนเกิดเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก และที่ออกบวชก็ เป็นจำนวนมาก โดยมีท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ พวกลูกศิษย์ของ ท่านล้วนยึดมั่นปฏิปัตในกถาวัตถ ๑๐ ประการ คือ ๑. ลัปป็จฉกถา ถ้อยคำเรื่องความมักน้อย ๒.ลันดุฏเกถา ถ้อยคำเรื่องความลันโดษ ๓. ปวิเวกกถา ถ้อยคำเรื่องความสงด ๔.อลังลัคคกถา ถ้อยคำเรื่องความไม่คลุกคลีด้วยหมู่ คณะ ๔.วิริยาวัมภกถา ถ้อยคำเรื่องการปรารภความเพียร ๖. ลีลกถา ถ้อยคำเรื่องคืล ๗. สมารกถา ถ้อยคำเรื่องสมาร ๘.ปัญญากถา ถ้อยคำเรื่องปัญญา ๙.วิมุดดิกถา ถ้อยคำเรื่องความหลุดพัน ๑๐.วิมุดดิญาณหัสสนกถา ถ้อยคำเรื่องความเความ เห็นว่าหลุดพัน และเมื่อครั้งที่พระอานนย์บวชใหม่ ๆ ท่านสอนพระอานนท เรื่อฬ่ถาวัดถุ ๑๐ ท่าให้พระอานนท์บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ๔๖
www.kalyanamitra.org พระสารีบุตรได้ฟังพระลูกศิษย์ของพระปุณณมันตานีบุตร พูตถึงคุณธรรม ๑๐ ประการของพระอุมัชฌาย์ จึงอยากสนทนา ธรรมด้วย เมื่อได้พบแล้วสนทฺนากันเรื่องวิสุทธิ ๗ ประการ ท่าน อุปมาวิสุทธิ ๗ เหมือนรถ ๗ ผ่สัด รับส่งมุ่งตรงต่อพระนิพพาน ต่างก็ยินดีต่อธรรมภารตของกันและกัน. ตำ แหนงเอตทัคคะ พระปุณณมันตานีบุตร มืวาทะในการแสตงธรรมอันลึกสังด้วย คำ อุปมาอุปมัย และดำรงมั่นอยู่ในก็ถาวัตถุ ๑๐ ประการ เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า \"เใรนเลิศกว่าภิกษทั้งหล.าย ผู้เป็น พระธรรมกถึก\" ท่านเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาองค์ หนึ่ง ท่านดำรงอายุขัยพอสมควารแก่อัตภาพแล้วก็นิพพๅนในที่สุด ป๋ญหาและเฉลยอนุพุทธประ^ บทที่ ๒ ๑.พระนาลกะ เกี่ยวข้องอย่างไรกับอลิดดาบส และ(ป็นผู้ฟ็ศด้านใด? ตอบ พระนๆลกะเป็นลูกของน้องสาวอสิตดาบส ท่านเป็นเลิศทาง ด้านโมไนยปฏบต ๒.พระสาวกผู้ได้รบก็ารยกย่องว่าเป็นผู้มืบริวารมาก คือใคร เพราะ . ท่านมืคุณธรรมอะไร? ตอบ คือ พระอุรุเวลกัสสปะ เพราะท่านรู้จักสงเคราะหบริวารด้วย อามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง จึงเป็นที่รักใคร่นบถึอสามารถยึดเหนึ่ยว นั้าใจบริวารไว้ได้ ๓.พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะ .เหตุใด พระพุทธองค์ทรงพาท่านไปกรุงราชคฤห์ด้วยเพราะทรง (ร:๙
www.kalyanamitra.org มีพุฑธประสงค์อยางไร? ตอบ พระอุรุเวลกสสปะเห็นอภินิหารของพระพทธองค์หลาย .ประการ จนถอนทิฏฐิมานะฃิองตนเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสาร รได้ และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ ได้ความสลดใจจึงทูลขออุปสมบท ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน เพราะท่านเป็นที่ นับถือของมหาชนมานาน ๔. ความฺเป็นผู้มีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร และดีอย่างไร พระสาวกองค์ใดได้รบการยกย่องว่าเลศไนทางนี้? ตอบ เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษ้ท รู้จักสงเคราะห็ด้วยอามิส บ้าง ด้วยธรรมบ้าง ดีอย่างนี้คือ ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบ้ตเห็น ป่านนี้ ย่อมเป็นผู้อันบริษ้ทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบ่ริษทไว้ อย่ เป็นผู้อันจะพึงป่รารถนาในสาวกมณฑล พระอุรุเวลกัสสปะ ๙.พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายพระราชอุทยานเวฬุนแดพระภิกษุสงฟ้ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพราะทรงพจารณาเห็นอย่างไร และทรงถวายด้วยวิธีการอย่างไร? ตอบ เพราะทรงเห็นว่า พระราชอุทยานเวฬุรันเป็นที่ไม่ใกล้บ้าน นัก บริบูรณ์ด้วยทางเป็นที่ไป่และทางเป็นที่มา ควรที่ผู้มีธุระจะ พึงไป่ถืง กลางรันไม่เกลื่อนกล่นด้วยหมู่คน กลางคืนเงียบเสียงที่ จะอื้ออึงกึกก้องป่ราศจากคนที่เดินเข้าออก สมควรเป็นที่ป่ระกอบภิจ ของผู้ด้องการที่สงัดและควรเป็นที่หสีกออกเรัแอยู่ตามวิสัยสมณะ ควรเป็นที่เสด็จอยู่ของพระศาสดา และทรงถวายด้วยวิธีการทรง จับพระเด้าทองเต็มด้วุยนํ้าหัลั่งลงถวายพระราชอุทยานเวฬุนนั้น แก่พระภิกษุสงฆมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ๙0?
www.kalyanamitra.org ๖.ในครฺาวที่เ.สด็จไปโปรดพระเจ้าฟิมฟ้สาร ณ ลัฎเวัน มีพระสาวก ตามเสสิจไปฟ้นจำนวนมาก ผู้ที่!รนหัวหน้าของพระสาวกเหล่า นั้นคือใคร? และท่านมีล่วนส์าหัญในการประกาศพระศาสนาใน ครั้งนั้นอย่างไร? ตอบ คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ท่านเป็นที่เคารพนับถือของมหาชน ได้ประกาศความไฝมีแก่นสารแท่งลัทธิเก่าของตน และความที่ตน เป็นสาวกของพระพุทธองค์ ทำ ให้พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร ๑๒ ส่วน น้อมจิตลงสดับพระธรร่มเทศนาเรื่องอนุปุพพิกถา และ อริยลัจ ๔ พระเจ้าพิมพิสารพร้อม ด้วยบริวาร ๑๑ ส่วน ได้ ตวงตาเห็นธรรมอีก ๑ ส่วน ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน้ ๗.ชฎิล ๓ พี่น้องต่างละลัทธิของตนบวช!รนภกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใต? ตอบ อุรุเวลกสสปะ ถือดัวว่าเป็นผู้วิเศษ แต่พระพุทธเจ้าทรงใช้ อิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทสนาปาฏิหาริย์ทรมานจํนถอนทิฏฐมานะ ได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ ตนมิได้เป็นผู้วิเศษ แต่ประการใตได้ความสลตใจจึงทูลขออุปสมบท ส่วนนทีกัสสปะ และคยากัสสปะเห็นพี่ชายถือเพศเป็นภิกษุ ถามทราบความว่า พรหมจรรย์นั้ประเสริฐ จึงเช้าไปเUาพระพุทธเจ้าทูลขออุปสมบท ๘. ชฎิล ๓ พี่น้อฺง ช้อว่าอะไรบ้าง ใครได้ริบยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวาร มาก ท่านเหล่านั้นพร้อมบริวารได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เพราะฟ้งพระธรรมเทศนาอะไร ใจความย่อว่าอย่างไร? ตอบ ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะและคยากัสสปะ อุรุเวลลัสสปะ ได้รับยกย่องว่าเป็นผ้มีบริวารมาก เพราะฟังอาทีตตปริยายสูตร 4:๙
www.kalyanamitra.org ใจความย่อว่า อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาที่เกดแต่สัมผัสเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือความ กาหนัต ความโกรธ ความหลง และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก รํ่าไรรำพัน เจ็บกาย เสียใจ คับใจ ๙. เพราะเหตุไรอุปตสสปริพาชกจึงไม่ไปเแาศาสดาในคันที? ตอบ เพราะได้ให้ปฏิญญากับโกลิตปริพาชกว่า ใครได้บรรลุโมกช รรรมก่อน ด้องบอกให้แก่อีกคนหนึ่งทราบ ๑๐. เมื่อเอ่ยถึงพระสาริบุตรทำให้นึกถึงพระสาวกอีกองค์หนึ่ง คือใคร ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรคันค์ และนิพพานที่ไหน ก่อนหริอหสัง พระสาริบุตรกึ่วิ'น? ตอบ คือพระโมคคัลลานะ ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรคันค์ที่บ้าน กัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ ก่อนพระสาริบุตร ๘ วัน และ นิพพานที่ตำบลกาฬศิลา แขวงมคธ หสังพระสาริบุตร ๑๔ วัน ๑๑.พระสาริบุตรได้บรรลุธรรมเป็นพระอรคันค์ เพราะพังธรรมเทศนา สันพระศาส์ดาตรัสแก่ใคร ที่ไหน? ตอป. เพราะพังธรรมเทศนาสันพระคาสตาตรัสแก่ปริพาชกชื่อ ทีฆนขสัคศิเวสนโคตรที่ถํ้าสุกรขาตา เขาศิชฌกูฏ แขวงกรุงราชคฤห์ ๑๒.ธรรมเสนาบดี และนวกัมมารฏฐายี เป็นนามของพระสาวกองค์ ใด เพราะเหตุไรจึงมีนามเช่นนั้น? ตอบ.ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสาริบุตรเถระ เพราะท่าน เป็นกำลงสำคัญยิ่งในการประกาศพระพุทธศาสนา นวกัมมารฏฐายี เป็นนามของพระโมคคัลลานเถระ เพราะท่านเป็นผู้สามารถกำกับ ดูแลการก่อสร้าง ๖๐
www.kalyanamitra.org ๑๓. อุปดิสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศๆสินๆเพราะได้ฟัรธรร่มจาก ใคร มีใจความว่าอย่างไร? ตอบ. จากพระอสสชิมีใจความว่าพระศาสดาทรงแสดงความเกิด แห่งธรรมทฺงหลาย เพราะเป็นไปแห่งเหตุ และความดับแห่งธรรม เหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ พระศาสดาดรัสอย่างนี้ ๑๔.ป๋ญหาว่า \"พระขีณาสพตายแล้วเป็นอะไร\"ใครเป็นผู้ถาม:ใคร เป็นผู้ตอบ และตอบว่าอย่างไร? ตอบ พระสารีบุตรเป็นผู้ถาม พระยมกะเป็นผู้ตอบ และตอบว่า .รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ไม่เที่ยง ดับไปแล้ว ๑๔. พระสารีบุตรได้บรรลุอรหัตผลช้ากว่าบริวาร เพราะ!หตุไร? ตอบ เพราะท่านเป็นผู้มีป๋ญญามากต้องใช้บริกรรม่Iหญ่ขีงเปรียบ ด้วยการเสด็จไปช้างไหน ๆ แห่งพระราชา ต้องตระเตรียมราชพา.หนะ และราชบริพารที่จำเป็นจึงช้ากว่าการไปของคนสามัญ ๑๖. \"คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่หันถึง ๑๐๐ ปี กิจักไม่มีเหลือ จก ล่วงไปหมต ดูการเล่นไม่มีประโยชน์อะไร ควรขวนขว่ายหาธรรม เค่รื่องพ้นดีกว่า\" นี้เป็นคาพุดของใคร พุดกะใคร ? ตอบ ของอุปตสสมาณพ พุดกับโกลิตมาณ่พ้ ๑๗.ช้อความว่า \"ท่านควรส์าเน์ยกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พุดคำยัน เป็นเหตุเถึยงกัน ถึอผิดตอกัน\"ใครพูดกับใครที่ไหน? ตอบ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระโมคดัล่ลานะที่บ้านกัลลวาส มุดตคาม แขวงมคธ ๑๘.พระโมคคัลลานะนิพพานที่ไหน อ้เธาตุของท่านบรรจุไว้ที่ไหน? ตอบ นิพพานที่ตำบลกาฬศิลา แขวงมคธ อ้ฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ ที่เจดีย์ใกล้ช้มประฅแห่งเวฬวนาราม ๖๑
www.kalyanamitra.org ๑๙.ทำไมพระมหากัสสปะจึงออกบวชนละทำนบวชด้วยวิธIด ? ตอบ พระมหากัสสปะออกบวช เพราะเบื่อการครองเรือน ต้องคอย รับบาปที่ผูอื่นทำไว้ไฝดี มี!จเบื่อหน่าย ท่านเห็นชีวิตของฆราวาส คับแคบ เป็นที่มาแห่งกิเลสธุลีจึงถือเพศบ่รรพชีต ออกบวชอุทิศ พระอรหนต!น่โลก ท่านบวชในพระธรรมวินัยแปลกกว่าพระเถระ รูปอื่น คือบวชต้วยการรับโอวาท ๓ ข้อ่จากพระบรมศาสดา ๒๐.โอวาท ๓ ข้อ ที่พระพุทธองค์ทรงประทานแก่พระมหากสสปะ นั้น คืออะไร? ตอบ โอวาท ๓ ข้อที่พระมหากัสสปะไต้รับจากพระบรมศาสตาคือ ๑. ท่านพึงศึกษาว่า เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความยาเกรง ในกิกษุ ทั้งที่เป็นผู้เฒ่า ทั้งที่เป็นผู้ใหม่ทั้งที่เป็นปานกลางอย่างแรง กล้า ๒. เราจัก่ฟังธรรมอันใตอันหนึ่งซึ่งประกอบต้วยกุศล เราจักเงี่ยหูลง พึงธรรุมนั้นพึจารณาเนื้อความ ๓. เราจักไม่ละสตที่เป็นไปในกาย คือ พิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ ๒๑.พระสาวกผู้ปรารภเหตุว่า \"ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรบบาป เพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี\" แล้วมี!จเบื่อหน่ายสละทรืพยสมบต * ออกบวชีคือใคร ท่านได้รืบยกย่องจากพระศาสตาว่า ฟ้นผู้เลศ ในทางไหน เพราะเหตุไต? ตอบ คือ พระมหาอัสสปะ ท่านไต้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ เพราะที่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจำ คือ ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๑ เที่ยวปิณฑบาตเป็นวัตร ๑ อย่ป้าเป็นวัตร ๑ ๖๒
www.kalyanamitra.org ๒๒. พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทำสังคายนาครั้งแรก ที่ไห์นใช้เวลานานเท่าไร? ตอบ ที่ถํ้าสัตตบรรณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ใช้เวลา ๗ เดือน ๒๓.พระพุทธโอวาทว่า เราจะไฝละสสิที่ไปในกาย ดือพิจารณาร่างกาย เป็นอารมเน ดงนี้ พระองค์ตรัสกะลาวกรูปใด พระสาวกรูปนั้นรน เอตฑคคะในทางใด? ตอบ พระมหากัสสปะ เป็นเอตทัคคะในทางถือธุดงค์ ๒๔.พระมห่ากสสปะได้ร้บการอุปสมบทด้วยวิธีใด พระมหาทัสสปะ โดยปกติถือธุดงค์อะไรบ้าง ? ตอบ :ด้วยวิธีรับพุทธโอวาท ๓ ข้อ ถือธุดงค ๓ อย่าง คือ ๑. ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร ๒. ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๓. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ๒๕. พระมหาทัสสปะออก่บวชเพราะมีความเห็นอย่างไร ท่านได้รบ ยกย่องว่าเลิศในทางไหน? ตอบ เพราะมีความเห็นว่า ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรบบาปเพราะ การงานที่ผู้อื่นทำไม่ดื และเห็นว่าฆราวาสคับแคบเป็นทางมาแห่ง กิเลสธุลี จีงมีใจเบื่อหน่าย สละสมบิตออกบวชอุทิศพระอรทันต์ใน โลก ไต้รับยกย่องว่า เป็นเลิศแห่งภิกษผู้ทรงธุดงค์ ๒๖.ปฏบิติเซ่นไร เรืยกว่า ภทฺเทกรตฺโต ผู้มีราดรืเดียวเจรืญ? ตอบ ผู้มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่ ด้วยความไม่ประมาทร่อว่า ภทฺเทกรตุโต ๖๓
www.kalyanamitra.org ๒๗;พระสาวก ผู้อธิบ่ายภัทเทกรัตดสูตรที่ทรงแสดง[โดยย่อใฬ้ฬิสดาร คือใคร ท่านได้รบการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร^ ตอบ คือพระมหากัจจายนะ ท่านได้รับสรรเสริญจากพ่ระศาสดา ว่าเป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคำที่ย่อใฟ้พิสดาร ๒๘.พระมหากจจายนะ นิพพานกอนหรือหลังพระพุทธเจ้า มีอะไร เป็นข้ออ้าง ? ตอบ พระมหากัจจายนะ นิพพานหลังพระพุทธเจ้า มีมธุรสูดร เป็นข้ออ้างํ โดยมีใจความตอน่หนี่งในพระสูดรว่า พระเจ้ามธุรราช ตรัส่ถามว่าเดี๋ยวนี้พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเสด็จอยู่ ณ ที่ไหน พระมหากัจจายนะทูลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ๒๙. การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร? . ตอบ มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้า- จัณฑป๋ชโชดให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี ครั้นได้ เข้าเฮาพิงธรรมแล้ว บรรลุธรรมเป็นพระอรหันตจึงทูลขอบวช ๓๐. พํระมหากัจจายนะเคยได้ริบมอบหมายจากพระพุทธเจ้าให้ไป เผยแผ่พระพุทธศาสนาแทนพระองค์เมื่อครั้งไหน ได้ผลอย่างไร? ตอบ เมื่อครั้งที่ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต. และอุปสมบท - เป็นภิกฺษุแล้ว ได้ทูลเชิญพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปกรุงอุชเชนิ เพื่อ ประกาศพระศาสนาตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าจัณฑป๋ชโชต แต่พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ท่านไปแทน พระเจ้าจัณฑป๋'ชโชตและชาว พระนครเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ๓๑. พระสาวกผู้ได้ริบการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาเป็น องค์แรกคือใคร ท่านได้ริบยกย่องจากพระศาสดาว่าเสิศกว่าภิกฺษุ ทั้งหลายอย่างไร? bar
www.kalyanamitra.org ตอบ พระราธะ ได้รับยกย่องว่า เลิศกว่าภิกษุฑงหลายผู้มีปฏิภาณ คือญาณแจ่มแจ้งในพระธรรมเทศนา ๓๒.พระสาวกองค์ไหน ได้&ยกย่องว่าเป็นธรรมกสิก? ตอบ พระปณณมันตานีบุตร ได้รับยกย่องว่าเป็นธรรมกสิก
www.kalyanamitra.org อนุพทรประว้ด๊ บท^ ๓ องคที ๒๑ - ๓๐ ๒๑. ประวัติพระกาฬุทายีเถระ สถานะเติม พระกาฬุทายี ชื่อเติมว่า อุทายี บิดาและมารดาไม่ปรากฏ ชื่อ เกิดในวรรรนะกษ้ตริย ที่เมืองกบิลพัสดุ บิดาเป็นอำมาดยรับ ราชการ ท่านเกิดในวันที่ชาวเมืองทั้งสิ้นมืจิดเบิกบาน จึงใต้ชื่อว่า อุทายี แต่เพราะท่านมืผิวคอนข้างดำ คนทั้งหลายจึงเรียกว่า กาฬุทายี เกิดในวันเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะ เติบโตมาพร้อมกัน และต่อมาใต้ รับราชการเป็นอำมาตย์ชองเมืองกบิลพัสด มูลเหตุของการออกบวช ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชแล้วใต้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า พระเจ้าสุทโธทนะใคร่จะทอดพระเนตรพระราชโอรส จึงส่งอำมาตย์พร้อมต้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ใปกราบทูลนิมนต์ พระพุทธองต์เสด็จมายังเมืองกบิลพัสดุ อำ มาตย์เหส่านั้นพังธรรม ๖๖
www.kalyanamitra.org บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วขอบวชในพระพุทธศาสนา ไม่มีใคร กลับไปส่งข่าวให้พระราชาทราบเลย ทรงส่งอำมาตย์ไปอย่างนี้ถึง ๙ คณะด้วยกน บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ คณะที่ ๑๐ ทรงส่งกาพุทายีอำมาตย์ เพราะว่าเป็นผู้จงรักภักดี และมีความสนิทสนมภับพระพุทธองต์ เมื่อไปถึงรัดเวฬุวัน แคว้นมคธ ได้ฟังธรรมบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์พร้อมทั้งบริวาร ๑,๐๐๐ คน ทูล ขอบวช ทรงประทานการบวชให้ด้วยวิธีเอหิภิกขอปลัมปทา งฯรฟระกาสิพระศาสนา พระกาพุทายีเมื่อเห็นว่าถึงเวลาอนสมควรจะกราบทูลอาราธนา พระพุทธองต์เสดีจํกลับเมีองกรลฟัสต์ จึงกราบทูลอาราธนา พระพุทธ- องค์ทรงรับคำอาราธนา ท่านส่วงหน้าไปก่อนเพื่อถวายพระพรให้ พระราชาทรงทราบ พระราชาทรงด้อนรับด้วยความเคารพเลื่อมใส พระพุทธองค์เสด็จกลับเมีองกบิลฟัสต์พร้อมด้วยพระภิกษุ๒๐,๐๐๐ รูปเป็น่บริวาร เดินทางได้รันละหนึ่งโยชน์(๑๖ กมุ.) เป็นเวลา.๖๐รัน ทรงโปรดพระร่าชบิดาและพระประยูรญาดิให้เลื่อมใสในพระพุทธ- ศาสนา แล้วเสด็จไปประหับอย่ที่นิโครธาราม ต์าแหน่งเอตคคคะ พระกาฬุทายีแสดงธรรมโปรดพระราชาและข้าราช่บ่ริพาร ๖๙
www.kalyanamitra.org ตลอดถึงตระกูลต่าง ๆ ที่เมืองกบิลพัสดุ ให้เกิดความเลื่อมใสใน พระพทธศาสนาเป็นจานจนมาก V พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลศกว่าภิกษุทงหลาย ผู้ยงตระกูลให้เลื่อมใส\" ท่านเป็นกำลง สำ คัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาองค์หนึ่ง ดำ รงอายุขัยพอสมควร แก่อัตภาพแล้วกินิพพาน ๒๒. ประว้ตพระนินทเถระ สถานะเดิม พระนินทะ พระนามเดิมว่า นินทะ เป็นพระนามที่พระ ประยูรญาติทรงขนานให้ เพราะความดีใจในวันที่พระกุมารประสูติ พระบิดาทรง่พระนามว่า สุทโธท!เะ พรฺะมารดา ทรงพ^นามว่า มหาปชาบดีโคตมื มืห้ฮงุสาวชื่อว่า รูปนินทา เป็นน้องชายต่าง พระมารดากับพระพุทธองค์ ประสูติในพระราชวังแห่งเมืองกบิลพัสดุ < มูลเหตุของการออกบวช พระพุทธองค์เสด็จไปเมืองกบิลพัสดุ ตามคำอาราธนาของ พระกาฬทายี ทรงประทับอย่ ๗ วัน วันที่ ๓ ทรงเสด็จไปฉันภัตตา- หารในพระราชวัง วันนนตรงกับวันที่นันทะอภิเษกสมรสกับนิางชน บทกัลยาณี เมื่อฉันภัตตาหฺารเสร็จแล้ว ทรงมอบบาตรให้นินทะถือ ตามเสด็จไปถึงนิโครธาราม ตรัสถูามฉันทะว่า ฉันทะเธอจะบวชหรือ เพราะความเคารพและความเกรงใจพระพุทธองค์จึงทูลว่า พ^เจ้าข้า ข้าพระองค์จะบวช ฉันทะจึงบวชด้วยความจำใจ ๖0?
www.kalyanamitra.org บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต พระนันทะ เมื่อบวชแล้วคิดถึงแต่นางชนบทกัลยาณี มีความ เบื่อหน่ายอยากจะสึก พระพุทธองฺคิ^แขนพาเหาะไปสวรรค์ชั้นฺ ดาว[ดึงส์ ระหว่างทางเห็นลิงอยู่บนตอไม้ที่ถูกไฟไหม้ ทรงตรัสถาม พระนันุทะถึงนางชนบทกัลยาณีเมื่อเปรียบเทียบกับนางฟ้าแล้วเป็น อย่างไร กราบทูลว่า นางชนบทกัลยาณีของข้าพระองค์ก็ไม่ต่าง อะไรกับลิงบนตอไม้ที่ถูกไฟไหม้ ท่านจึงเปลี่ยนใจหันมาตั้งใจปฏิบต ธรรมเพราะอยากได้นางฟ้าในไม่ข้าก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์ งานประกาศพระศาสนา เมื่อท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์แล้ว ก็ช่วยพระพุทธองค์ เผยแผ่พระพุทธศาสนาเหมีอนกับพระอรหันค์องค์อื่น ๆ แม้ในตำนาน จะไม่ได้เล่าไว้ชัดเจนก็ตามฺที ตำ แหน่งเอตหัคคะ พระนันทะได้รับความอับอายที่ถูก.เพื่อน ๆ ล้อว่า ประพฤติ- พรหมจรรย์เพราะอยากได้นางฟ้า ท่านเลยตั้งใจปฏิบตธรรมสำรวม อินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายฺ และใจ-ในที่สุด่ก็บรรลุธรรมเป็น พระอรหันค์ พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้ง หลายผู้สำรวมอินทรีย์\" ท่านได้ช่วยพระพุทธองค์เผยแผ่พระพุทธ- ศาสนาตามความสามารถ และเป็นแบบ่อย่างที่ดึของผู้สำรวมอินทรีย์ ครั้นตำรงอายุพอสมควรแก่อัตภาพแล้วก็นิพพาน ๖๙
www.kalyanamitra.org ๒๓. ปริะว้ตพระราทุลเถระ สถานะเดม พระราหุล พระนามเดิมว่า ราหุล เป็นพระนาม.ที่ตงตาม อุทานของเจ้าชายสิทธัตถะพระราชปิตา ที่ตรัสตอนทราบขาวพระ กุมารประสูดิว่า ราหุล ชาต เครื่อ่งผูกเกิตขึ้นแล้ว่ พระปิดาทรง พร่ะนามว่า สิทธัตถะ พระมารตาทรงพระนามว่า ยโสธราหรอ พิมพา ประสูดิในพระราชวังแห่งเมืองกปิลพสดุ เจ้าชายสิทธัตถะ เสิด็จออกบวชในวันแรกที่ท่านประสูดิ มูลเหตุของการออกบวช พระพุทธองค์เสด็จไปเมืองกปิลพัสดุ วันที่ ๓ พระนันทะ ออกบวช วันที่ ๗ พระนางพิมพาพาพระราหุลไปทอดพระเนตรพระ ปิตาที่กำลังเสด็จปิณฑบาต และบอกให้พระราหุลไปทูลขอสมบดิ จักรพรรดิ ท่านจึงตามพระพุทธองค์ไปที่นิโครธารามเพอขอสมบต จักรพรรดิ พระพุทธองค์ทรงดำริว่า ทรัพย์สมบตที่มั่นคงถาวรและ ประเสริฐกว่าอริยทรัพย์นั้นไม่มื ฉะนั้นเราควรจะให้อริยทรัพย์แก่ ราหุลกุมาร ตรัสสั่งให้พระสาริบุตรบรรพชาแก่ราหุลกุมารด้วฺยวิธีรบ ไตรสรณกคมน์ ท่านไดชื่อว่า(รนสามเณรรปแรกในพระพทธศาสนา บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต์ สามเณรราหุลเมื่อบวชแห้วเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาพระธรรม วินัย ลุกขึ้นแต่เช้าเอามือทั้งสองกอบทรายจนเด็ม แล้วตั้งความ €/๐
www.kalyanamitra.org ปรารถนาว่า ขอให้ตนได้รับโอวาทจากพระพุทธองค์ หรือจากพระ อุป๋ชฌาย์อาจารย ให้ได้เท่ากับจำนวนเม็ดทรายในกำมือนี้ ครั้แ&าย ครบ ๒๐ ปี บวชเป็นพระภิกษุด้วยวิธีญัตติจตดถกรรมวาจา .ต่อมาท่านได้ฟ้งมหาราหุโลวาทสูตร มืใจความว่า ให้พิจารณา ร่างกายให้เห็นเป็นธาตุ ๔ ประการ คือ ติน นํ้า ลม ไฟ และอากาศ ตัดตุวามยึดมั่นว่า นั่นไมใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นนั่น นั่นไมใช่ตัวตน ขฺองเรา และทรงสอนให้เจริญเมตตาภาวนาเพื่อละพยาบาท เป็นด้น ท่านประพฤติปฏิบตตามพระโอวาท ในไม่ช้าก็ได้บรรลุธรรมเป็น V พระอรหนต งานประกาศพระศาสนา เมื่อได้บรรลุธรรมเป็นพ่ระอรห็นค์แล้ว ก็ช่วยพระพุทธองค์ เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง ท่านเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย และเป็นผู้มืความกตัณฌกตเวที ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระราหุลเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร ตัง นั้นพระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า .\"เป็นเลศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ ใตุรในการศึกษา\" ท่านช่วยพระพุทธองค์ประกาศพระศาสนาตลอด อายุขัย สุดท้ายนิพพานที่แท่นกัมพลสิลาอาสน์ของห้าวลักกะ บน สวรรค์ชั้นดาวติงส์ก่อนพระพุทธองค์จะปรินิพพาน ๙๑
www.kalyanamitra.org ๒๔. ประวัตพระอุบาลเถระ สถานะเดม พระอุบาลี ชื่อเดิมว่า อุบาลี เป็นลูกชายของช่างกัลบก(ช่าง ตัดผม) บิดาและมารตาไม่ปรากฏชื่อ เกิดในเรือนช่างกัลบกของเจ้า ศากยะในเมองกบิลพสดุ ทานใต้เป็นเพอนรักของเจ้าชาย ๖ พระองค คือ เจ้าชายกัททิยะ เจ้าชายอนุรุทธะ เจ้าชายอานนท เจ้าชายกัคคุ เจ้าชายกิมพิละ และเจ้าชายเทว.ทัด มีความจงรักกักดีต่อเจ้าชาย่ ทุกพระองค์ มูลเหตุของการออกบวช เมื่อพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่อนุปียอมพวันของพวกเจ้า มลละ พระโอรสของพวกเจ้าศากยะออกบวชเป็นจำนวนมาก พวก ฌาดี ๆ เหนเจ้าศากยะ ๕ พระองค์ และเจ้าโกลิยะ ๑ พระองค์ คือ พระเทวทัต ยังใม่ใต้ออกบวชจึงสนทนากันว่าเหมีอนใม่ใช่ญาดิของ พระพุทธองค์ ในที่สุดเจ้าชายทั้ง ๖ พระองค์ จึงตัดสินพระทัย ออกบวช รวมเป็น ๗ ทั้งนายอุบาลี ช่างกัลบก เข้าใปเฝืาพระพุทธ- องค์ที่อ่นุปียยัมพวันกราบทูลขอบวชโดยกราบทูลขอให้บวชใหนาย อุบาลีกอน ส่วนพวกตนบวชในภายหลัง ต้วยเหตุผลคือ พวกตนจะ ใต้ทำการเคารพกราบใหวเป็นต้นแก่อุบาลีก่อน เพอเป็นการลดทิฏฐิ มานะของตัวเอง พระพุทธองค์ทรงประทานการบวชให้ตามประสงค์ ต้วยวิธีเอหิภิกขอูปลัมปทา ๙๒
www.kalyanamitra.org ฃรรลรรรมเป็นพรรอรฟัแด์ ~ 1 พระอุบาลี ครั้นบวชแล้วเรียนกรรมฐานกับพระพุทธองค์ กราบทูลขออนุญาตไปอปูป้าเพื่อปฏิบติธรรม ทรงตรัสว่า อุบาลีเมื่อ อยู่ป้า ธุระอย่างเดียวเท่านั้นจักเจริญงอกงามแต่เมื่ออยู่ในสำนัก ของเรา ทั้งวิป้'สสนาธุระ (การปฏิป๋ติ) และคันถธุระจะบริบูรณ(การ ศึกษาเล่าเรียน) พระอุบาลีรับพระดำรัส ปฏิบติตามพระโอวาท ใน ไม่นานก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันค์ งานประกาศพระศาสนา พระพุทธองค์ทรงสอนพระวินัยปีฎกทั้งฺหมดแก่พระอุบาลีท่าน มีควฺามทฺรงจำและชำนาญในพระวิฟ้ปิฎกเป็นอย่างยิ่ง ครั้4พระพุทธองค์ เสดีจคับขัน่ธปรินิพพานแล้ว ได้มีการทำสังคายนาคือการร้อยกรอง พระธรรมวินัยจัดให้เป็นหมวดหมู่ การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้ง แรกมีพระมหากัสสปะเป็นประธาน คณะสงฆเลือกพระอุบาลีเป็นผู้ ตอบพระวินัยปิฎก ทำ ให้พระพุทธศาสนามั่นคงจนถึงทุกรัน่นี้ และ ท่านเป็นผู้คัดสินคดีต่าง ๆ ที่เกิดฺขึ้นกับพระภิกษุสงฆด้วยดี ตำ แหน่งเอตทัคคะ พร^อุบาลีมีความทรงจำพระวินัยเป็นเลศ มีความชำนาญใน พระวินัย ท่านได้วินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ ถูกด้องตามพระธรรมวินัย ถ้า เปรียบเทียบในป้'จจุบันนี้ ท่านก็เหมีอนกับนักกฎหมาย พระพุทธองค์ ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเสิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ทรงพระวินัย\" ๙๓
www.kalyanamitra.org ท่านได้ช่วยพ่ระพุทธองค์ประกาศพระศาส'ftาในขณะทรงพระชนมอยู่ และหลังจากด้บฃันธปรนิพพานแล้ว ก็ช่วยเผยแผ่พระศาสนา และ ช่วยลันทำลังคายนาพระธรรมวินิย ครั้นดำรงลังขารพอสมควรแก่ อัตตภาพก็นิพพาน ๒๔. ประว้ตพระภัททิยเถร[ะ สถานะเดิม พระลัท'ทิยะ พระนามเดิมว่า ลัททยะ พระบิดาไม่ปรากฏ 'พระนาม พระมารดาทรงพระนามว่า กาสืโคธาราชเทวี เป็น่พร่ะธิดา ของ่เจ้าศากยะในเมืองกบิล'พัสดุ เกิดในวรรณะกษ้ตริย มืพระสหาย สนิท ๔ พระองค์ คือ เจ้าชายอ'นุรุทธะ เจ้าชายอานน'ค์ เจ้าชายภคดุ เจ้าชายกิม'พิละ และเจ้าชายเทวทัดแห่งเมืองเทวทหะ มูลเหตุของการออกบวช เจ้าชายลัท'กิยะได้ครองราชสมบิตสืบศากยวงศ ต่อมาเจ้า ชายอ'นุรุทธะร่งเป็นพระสหายสนิท'ชักชวนให้ออกบวช จึงได้'ทูลลา พระมารดาสละราชสมบิดิ ไปเ'ข้าเมืาพระพุทธองค์'ที่อ'นุป็ยนิคม แคว้น มัลละ พร้อมลับเจ้าชายอีก ๔ พระองค์ รวมเป็น ๗ ลับ'น่ายอุ่บฺาสิ ช่างลัลบก ได้ทูลขอบวชในพระธรรมวีนัย โดยให้อุบาสิบวชก่อน เ'พื่อจะได้ทำความเคารพกราบไหว้ ทำ ลายกิฏฐิมานะคอความถือตว เพราะชาดิตระกูลของเจ้าศากยะทังหลายมือยู่มาก พระพุทธองค์ ทรงบวชให้ด้วยวีธิเอกิกิกขอปลัมปทา e/(sr
www.kalyanamitra.org บรรลุธรรมฟ้นพระอรหันต์ เมื่อบวชแล้ว่ไมนานพระภัททิยะ ตั้งอยู่ในความไฝประมาท ปฏิบ้ตตามพระโอวาท ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหัน่ต์ภายในพรรษา นั่นเอง งานประกาศพระศาสนา ท่านได้ช่วยพระพุทธองต์เผยแผ่พระพุทธศาสนาเหมือนกับ พระอรหันต์องค์อื่น ๆ เมื่อท่านอยู่ตามโคนไม้ หรือเรือนว่าง จะเปล่ง อุทานอยู่เสมอว่า สุขหนอ ๆ .คือท่า%ฒีความสุขจากการบรรลุธรรม เมื่อก่อนเป็นพระเจ้าแผ่นสิน แม้จะมืการอารักขาจากทหารมากมาย ก็ ยังมืความสะดุ้งหวาดกลัวต่อกัยเป็นนิตยฺ ท่านบวชแล้วจึงมืความสุข จิตใจเป็นอิสระ ไม่มืพันธะใด ๆ ตำ แหน่งเอตหัคคะ พระกัททิยะ ท่านเก็ดในตระกูลกษ้ตรืย และได้เสวยราช- สมบตเป็นพระราชา ได้สละราชสมป๋ตออกบวช จึงได้รับการยกย่อง จากพระพุทธองค์ว่า \"เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้เกิดในตระกูลสูง\" ท่านเป็นผู้ที่มืบทบาทสำคัญในการประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนา องค์หนึ่ง ดำ รงอายุลังขารพอสมควรแก่อัตภาพก็นิพพาน ๒๖. ปร่ะว้ตพระอนุรุทธะเถระ สถานะเดิม e/4r
www.kalyanamitra.org พระอนุรุฑธะ พระนามเดิมว่า อนุรุทธะ พระบลาทรงพระนาม ว่า อรโตทนะ เป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ พระมารดาไม่ ปรากฏพระนาม มีพี่นอง ๒ องค คือ เจ้าชายมหานามะ และเจ้า หญิงโรหิณี ฟานเป็นผู้ที่มีบุญมาก ไม่รู้จ้กคำว่า ไม่มี ปรารถนา อะไรก็สำเร็จทกอย่าง มูลเหตุของการออกบวช มหานามะผู้เป็นพี่ชายได้ปรารภก็'บอนุรุทธะว่า ในตระกูล ของเรายังไม่มีใครออกบวชตามพระพุทธองค์เลย ตอนแรกตกลงให้ มหานามะออกบวช และสอนเกี่ยวกับเรื่องการครองเรือนมีการทำ นาเป็นด้นให้อนุรุทธะฟัง ต่อมาท่านพิจารณาเหินว่าการครองเรือน ยุ่งยาฤไม่มีที่สิ้นสุตจะออกบวชเอง จึงไปขออนุญาตจากพระมารตา .แต่ว่าไม่ได้รับอนุญาต พระมารตาบอกว่าถ้าสามารถชวนกัทหิยะ ออกบวชได้ก็จะให้บวช ได้ออกบวชพร้อมเจ้าชายศากยะ ๕ พระองค์ และเจ้าชายโกลิยะ ๑ พระองค์ คือ พระเทวทัต รวมเป็น ๗ กับนาย อุบาลีผู้เป็นช่างกัลบก เข้าเ?1าพระพุทธองค์ที่อนุปิยนิคมแคว้นมัลละ ทูลขอบวช ทรงประทานการบวชให้ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต์ พระอนุรุทธะบวชแล้วเรืยนกรรมฐานในสำนักของพระสารืบุตร ไปปาเพิญเพียรอยู่ที่ปาจึนวังสทายวัน แคว้นเจตี ตรืกถึงมหาปรืสวิตก ๗ ข้อ คือ
www.kalyanamitra.org ๑. ธรรม้นี้เป็นธรรมชองผู้มีความปรารถนาน้อย ไมใช่ของผู้ มีความมกมาก ๒. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สินโดษยินดีด้วยของที่มีอยู่ ไม่ใช่ ของผู้ไม่สินโดษ ๓. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สงัดแล้ว ไมใช่ของผู้ยินดีในหมู่คณะ ๔. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ปรารถนาความเพยร ไม่ใช่ของผู้ เกียจคร้าน ๔. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีสติมั่นคง ไม่ใช่ขํองคนหลง ๖. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีใจมั่นคง ไมใช่ของผู้มีใจไม่มั่นคง ๗. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีป๋ญญา ไม่ใช่ของผู้ทรามปัญญา พระพุทธองค์ทรงทราบวา ท่านลำบากในการดรึกมหาปุริส วดกข้อที่ ๘ จึงเสด็จไปยิงที่นั้นและตรัสอรฺยวังสปฏิปทา วาด้วยข้อ ปฏิปัติของวงศพระอริยเจ้า คือความสันโดษในปัจจัย ๔ และยินดีใน การเจริญกุศลธรรม แล้วตรัสข้อที่ ๘ ว่า ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ ยินดีในธรรมที่ไม่เนิ่นข้า ไม่ใช่ฃองผู้ยินดีในธรรมที่เนิ่นข้า พระอนุรุทธะตริกดรองตามพระโอวาท ตั้งใจปฏิปัติธรรมด้วย ความไม่ประมาท ในที่สุดก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันค์ ณ ที่นั้น งานประกาศพระศาสนา ท่านมีความสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างมากฺ โดยเฉพาะเป็นที่เคารพของพวกเทวดา มีลูกศิษยเป็นจำนวนมาก ใน วันที่พระพุทธองค์ทรงคับขันธปรินิพพาน ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่เข้า เ|1าอยู่ในที่นั้นด้วย ท่านเข้าสมาธิลูการิปรินิพฟานของพระพุทธองค์ cr/c/
www.kalyanamitra.org ทุ่กขณะจิต เป็นผู้ที่มักนอยสันโดษ เป็นแบบอย่างที่ดีของพระภิกษุ และสามเณรทั้งหลาย ตำ แหน่งเอตทคคะ พระอนรุทธะ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันตพร้อมด้วยวิชชา ๓ คือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ทิพยจักษุญาณและอาสวักขยญาณ ท่านมีความเมตตาต่อสัตวิโลก พิจารณาดูสัตว์โลกด้วยทิพยจักษุเป็น ประจำ พระพุหัธองคทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ได้ทิพยจักษุญาณ\" ท่านดำรงสังขารโดยสฺมควรแกกาลเวลาแล้วก็ได้ เข้าสู่นิพพาน ณ กาฟ้ด้ด้นไผในหมู่บ้านเวพุวะ แคว้นวัชชี ๒๗. ประวตพระอานนทเถระ สถานะเติม พระอานนท์ พระนฺามเติมว่า อานนท์ มีความหมายว่า เกด มาท่าให้ประยูรญาติต่างยินดี พระรดาทรงพระนามว่า สุกโกฑนะ พระมารดาทรงพระนามว่า กีสาโคตมี เภิดที่เมีองกบิลพัสดุ ใน วรรณะกษ้ตวิย และเป็นสหชาต คือเภิดวันเดีย่วกับเจ้าชายลิทธัต■ถะ มีพระสหายสนิท ๔ พระองค คือ เจ้าชายภททิยะ เจ้าชายอนุรุทธะ เจ้าชายภัคค เจ้าชายกิมพิละ และเจ้าชายเทวหัต มูลเหตุของการออกบวช เจ้าชายอานนท์ พร้อมกับเจ้าชาย ๕ พระองค รวมเป็น ๗ คน กับนายอุบาล ซางกัลบกชักชวนกันออกบวํชไปเข้าแ)าพระพุทธองค ทีอนุปียนิคม แคว้นมีลละ ได้ทูลขอบวชในพระธรรมวินย โดยให้ ๗0?
www.kalyanamitra.org อุบาลีบวชก่อน เพื่อจะไดทำความเคารพกราบไหว้ ทำ ลายทิฏเ มานะ คือความถือฺตวเพราะชาติตระกูลของเจ้าศากยะทั้งหลาย ทรง ประทานการบวชให้ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา หสังจากบวชแล้ว พระอานนท์ได้ฟังธรรมจากพระปุณณมันตานีบุตร บรรลุธรรมเป็น พระโสดาบัน พุทธอุบัฏฐาก พระพุทธองค์ตรัสรู้และเผยแผ่พระพุทธศาสนามา ๒๐ ปี ไม่มี พระภิกษุผู้ทำหน้าที่อุบัฏฐากเป็นประจำ ต่อมาพระภิกษุสงฆเลือก พระอานนท์เป็นอุบัฏรูาก ก่อนทำหน้าที่อุบัฏฐากทูลขอพร ๘ ประการ คือ ๑; อย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ข้าพระอ^ค์ ๒. อย่าประทานบิณฑบาตอันประณีตแก่ข้าพระองค์ ๓. อย่าโปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์ ๔. อย่าทรงพาข้าพระองค์ไปในที่นีมนค์ ๔. จงเสด็จไปสูที่นีมนค์ที่ข้าพระองค์รับไว้ ๖. ขอให้ข้าพระองค์พาบรษฑที่งมาเข้าเฝืาแต่ที่ไกลได้เข้าเฝืา ในขณะที่มาได้ทันที ๗. ถ้าข้าพระองค์เกิดความสงสัยขึ้นเมื่อฺใด ขอให้เข้าเ11าทูล ถามได้เมื่อนั้น • ^ ๘. ถ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาเรื่องใดในที่สับหลังข้า พระองค์ ขอพระองค์ทรงตรัสพระธรรมเทศนาเรื่องนั้นแก'ข้าพระองค์ 6/๙
www.kalyanamitra.org วัตถประสงฟ้.นการทูลขอพร พระอานนท์ทูลขอพร ๔ ประการข้างต้นนั้น เพื่อป็องกันคน ภายนอกตำหนิว่า ฮุป๋ฏรูากเพื่อต้องการลาภ ๓ ข้อเบื้องปลายเพือ ซองกันข้อครหาว่า อุปัฏฐากไปทำไมแม้กิจเพียงแตํนั้น่ พระพุทธิองค์ ยังไม่ทรงอนุเคราะท์ และข้อสุดท้ายเพื่อซองกันข้อครหาว่า เฝืาคาม เสด็จอยู่ดุจเงาตามตัว แม้ธรรมนี้กิไม่รู้ว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงที่ไหน และเมื่อไร บรรลุธรรมเป็นพระอรหนต์ หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงตับขันธปรินิพพานไต้ ๓ เดอน ก่อนทำปฐมลังคายนาหนึ่งวัน ท่านทำความเพียรอย่างหนัก หวังจัก สำ เร็จเป็นพระอรหฺนค์ก่อนทำลังคายนา แต่กิไม่สำเร็จเพราะจิตไจ พีงซ่าน จึงหยุดจงกรม นั่งลงบนเตียง เอียงกายลงต้วยประสงค์จะ พักผ่อน พอยกเท้าขึ้นจากพื้น ศีรษะยังไม่พันถึงหมอน ตอนนั้นเอง จิตของท่านก็หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ บรรลุธรรมเป็นพระอรพันต ท่านองค์เตียวเท่านั้นที่บรรลุพระอรพันค์ไม่อฺยู่ในอิริยาบถ .๙ คือ ยืน เดิน นั่ง และนอน งานประกาศพระศาสนา งานประกาศพระศาสนาที่สำคัญ คือ ไต้รับตัดเลือกจากพระ สงฆ์ ๔๐๐ องค์ ไท้เป็นผู้วิลัชนาพระธรรม คือ พระสุดตันตปีฎก และพระอภิธรรมปิฎก เมื่อคราวทำลังคายนาครั้งแรกขึ้งเป็นเหดุใท้ พระพทธศาสนามั่นคงถาวรเผยแผ่มาถึงยัจจบันนี้ CSO
www.kalyanamitra.org ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระอานนท์ทรงทาฬนาที่ธุป๋ฏฐาอพระพุทธองส์ด้วยดี ได้ ทังธรรมจาก่พระพุทธองค์มากกว่าพ่ระภิกพุองศอื่น มีสดีป๋ญญาทรงจำ ได้ดี เอาใจใสในการศึกษาเล่าเรียน และฉลาดใใiการแสดงธรรม พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่า \"เป็นเลศกว่าภิกษุทั้งหลาย คู้เป็น พหูสูต มีสดี มีดติ มีธิดิ และเป็นอุ!ปีฎฐากฺ\" พระอานนท์อยู่เผยแผ่พระพุทธศาสนา จนถึงอายุ ๑๒๐ ปี เมื่อพิจารณาเห็นว่าถึงเวลาสมควรจะนฺพพฺาน จึงไปยงแม่นํ้าโรหิณ ^งกั้นกลางระหว่างศากยวงค์และโกลิยวงค์ แล้วเหาะขึ้นสูอากาศ นพพิาน อธษฐานให้ร่างกายแตกออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งตกลง ขางพระญาติฝ่ายศากยวงศ ส่วนหนึ่งตกลงข้างพระญาติฝ่ายโกลิยวงศ เพอช่องก้นการทะ.เลาะวิวาทของพระญาติทั้ง ๒ ฝ่าย ๒๙,ฟ่รฟ้ตพรร#เดุเถระ สลาใ^เติม พร#เคุเถระ เกิดในศากยร่าชสกุล กรุงกป็ลฺทัสด พระบิดา และพระมารดาไม่ปรากฏพระนาม เมื่อเจริญวัยแล้วเจ้าชายอนุรุทธะได้ มาชักชวนให้ออกบวชในพระพุทธศาสนา ก้คคมีความพอใจดกลง จะออกบวชด้วย จึงพร้อมด้วยศากยะอื่น ๆ ๔ พระองค์ คือ ภัททิยะ อนุรุทธะ อานนท์ กิมพิละ และกุมารฝ่ายโกลิยวงค์อีกหนึ่ง.คือ เทวทัต เมื่อนับอุบาลีผู้เป็นนายภูษามาลาด้วยกิเป็น ๗ คน ครั้นถึงที่เฝ่า พระบรมศาสดานึ่งประทับอยู่ที่อนุปียนิคม แควนมัลละแลว พาก้น ««๑
www.kalyanamitra.org ทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา ทรงอนุญาตให้เป็นสืกษุเ(วย เอหิภิกขุอุปสมปทาเร่อบวชแห้วเป็นผู้ไม่ปร«มาทบำเพ็ญเพียรใน วิปัสสนากัมมัฏฐาน ไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ท่าน ดำ รงอยูตามสมแวรแก่อายุขัยก็นฺพีพาน ๒๙. ประวํ®พระกมฟ็ลเถระ สถานะเดิม พระกมพีลเถระ เภิดในศากยราชตระถูล ในเมืองกบิลพีสต์ พระบิดาและพระมารดาไม่ปรากฏพระนาม เร่อเจริญวิ'ยแล้วเจ้าชาย อนุรุทธะได้มาขักชวนให้ออกบวชในพระพุทธศาสนา กิมพฺละมืความ พอใจตกลงจะออกบวชด้วยจ้งพร้อมด้วยศากยะอื่น ๆ ๔ พระองต์ คือ่ กัททิยะ อนุรุทธะ อานน่ต์ ภัคคุ และกุมารฝ่ายโกลิยวงศอีก หนึ่ง คือ เทวหัต เร่อน้บอุบาลีผู้เป็นนายภูษามาลาด้วยก็เป็น ๗ คน ครั้นถึงที่เฝ่าพระบรมศาสดานึ่งประหับอยูที่อนุปียนึ่คม แคว้น มัลละแล้ว พากันทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา ทรงอนุญาต ให้เป็นภิกษุด้วยเอห้ภิกขุอุปกัมปทา เร่อบวชแล้วเป็นผู้ไม่ประมาท บำ เพ็ญเพียรในวิปัสสนากัมมัฏฐาน ไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระ อรหันต์ ท่านดำรงอยู่ตามฺสมควรแก่อายุขัยก็นพพาน ๓๐. ประวดพร2%Jาสเถระ สถานะเดิม ^ พร่ะร้ฐบาล นึ่อเดิมว่า %Jาล แปลว่าผู้รกษาแว่นแคว้น 6.๒
www.kalyanamitra.org เพราะตระกูลของท่านได้ช่วยกอบถู้แว่นแคว้นที่อยู่อาศัย€งล่มสลาย ทางเศรษฐกิจเอาไว้ได ท่านจึงได้ชื่ออย่างนั้น ป็ดาและมารดาไม่ ปรากฏนาม. บิดาขฺองท่านเป็นเศรษฐีหัวหน้าหมู่บ้าน เกิดไนวรรณะ แพศย ในถลลโกฏเดนิคม แคว้นกูร มูลเหตุของการออกบวช ครั้งหนึ่งเมื่อพระพุทธองคเสด็จไปยังโกฏเดนิคม แคว้นคุรุ บ้านเกิดของท่าน ชาวคุรุเป็นจำนวนมากได้มาฟังธรร่ม รัฐบาลก็มา ฟังธรรมด้วย หลังจากประชาชนกลับไปแล้ว ได้เข้าไปแ)วพระพุทธองค์ ทูลขอบวชทรงดรัสบอกไห้ไปขออนุญาดป็ดาและมารดาก็อนเขา กลับไปบ้านขออนุญาดบิดาและมารดาบวช ท่านทั้งสองไม่อนุญาด จึงประห้ว่งด้วยการอดอาหาร บิดาและม้ารดากลัวลูกชายจะ จึง อนุญาดให้บวช ท่านเข้าไปแ)าพระพุทธองค์ทูลขอบวช ทรงอนุญาดให้ พระเถระรปหนึ่งเป็นพระอยัชฌายบวชให้ บรรลุรรรมเป็นพระอรหันต์ หลังจากบวชแล้วทานได้ดามเสด็จพระพุทธองค์ไปฟักอยู่ที่ วัดเชดรัน เป็นผู้ไม่ประมาท ตั้งใจบำเพ็ญเพียร ไข้เวลา ๑๒ ป็ จึง บรรลุธร่รมเป็น้พร่ะอรหันต์ ~ งานประกาศพระศาสนา เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วท่านกลับไปยังแคว้นคุรุ c«๓
www.kalyanamitra.org บ้าน๓ด่ โปรดโย34รดฺาและมารด่าให้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่าน พกอยูทสวนมค่จิรวัน พระราชอุทยานฃอ่งพระเพกร้พยะ เจ้าเมือง แคว้นอุร อยู่มา^ฟ้งพระรสชาเสด็ฟ้ฟmsราชอุทยาน หอด พระเนตรเห็นท่านทรงจำได และได้เข้าไปหาเพื่อสนทนาธรรมดวย ทรงตรัสถามถึงความเลื่อม ๔ ประการ ทึ๋บุคคลบางคนประสบเข้า แล้วจึงออกบวช สือ ๑. ความแก่ชรา * ' ๒. ความเจึบป๋วย ๓. ความสินtภุคทรพยุ ๔,ความสิ'แญาสิพื่นอง . . แด่ท่านไ34ได้เป็นอย่างฟ้แ ท่านรู้เห็นอย่างไรจึงได้ออกบวช พระเถระได้ทูลตอบถึงธรร34ทเทศ คอ หัวข้อธรรม.๔ ประการ พื่ พระพทธองคทรงแสดงไว้ อาตมาภาพรู้เห็นตฺามธรรม'นั้นจึงออกบวช ธรร34ทเทศ ๔ ประการ คือฺ ๑.โลกคอหมูสัตว์ อนชรา'นำเข้าไปใกล้คววมตายไม่ยั่งยืน ๒.โลกด่อหมู่สัตว์ ไม่มืผู้ป็องกนไม่มืใครเป็นํใหญ่เฉพาะตน ๓. โลกดือหฺมู่สัตว์ ไม่มือะไร(ปีนชอง ๆ ดน จำ ด้องละทิ้ง สิงทั้งปวงไป ๔. โลกดือหมู่สัตว์ พรองอยู่เป็นนํตย์ ไม่รสักอิ่ม (ปีนทาส แห่งตัณหา พระเจ้าโกรัพยะทรงเลื่อมใสในธรรมะของท่าน ตรัสชมเชย แล้วทรงลากสับไป cs<£
www.kalyanamitra.org ตำ แหน่งเอตทัคคะ พระรัฐบาล มีควา*มเลึ่อมใสในธรรมะตั้งใจจะออกบวช แต่ กวาจะได้บวชก็ยากลำบาก ด้ศงยอมอดอาหารเอารวิตเข้าแลกจึงได้ บวช ดงนนพระพุทธองคทัรงยกย่องฟานวิา เฟ้นเลิศกว่าภกษุทั้ง ห่ลัาย่รูบจฺซด้วยศรทธา\" ท่านได้ช่วยพระพุทธองคประกาศพระพุทธ- ศาสนาดำรงอายุสังขารพอสมควรแก่อดภาพแล้วก็นิพพานในที่สุด ทัญหาและเฉลยอ^พุทธประวตบทที่ ๓ ๑L พ^กาฬุทารแล่ะพระmเทะ ออกบวใifVพราะเหตุ1ดํ? ตอบ 'พระกาพุหายออกบวชเพราะพ่ระเจ้าสุทโธทนะมีพระประสงค์ จะทอดพระเนตรพระราชโอรส ส่งกาพุทายีลำมาดย์ไปทูลเชิญเสด็จ ท่านเล่ยทูลล่าบวชด้วย พระนนท่ะออกบวชเพราะจำใจ ๒. สหช่าต่ของพระบรมศาสดาคือใครบ้าง ? ตอบ สหชาติมีพระนางพิมพา พระอานนท์ พระฉน%เะ พระกาพุทายีมีาชิอกัณฐกะ ขุมทรัพฺยี ด้นพระศรีมหาโพธ ๓.พระราหุลกุมารได้บรรพชาเป็นสามเณรเพราะเหตุใด พร่ะราหุล ได้รปยกย่องว่าเลิศ!นฑาฟ้.ด? ตอบ'เพราะพระมารดาโหไปขอราชสมบติกับ่พระพุทธองค์ที่งเป็น พระราชบิดา ดังนั้นพระองค์จึงท่รงประทานทร้พยีอันิเป็นโลกุดระ โดยมอบหมายใหพระสารีบุ่ดรเป็นพระอุบิชฌ่ายี บรรพชาให้ ราหุลกุมารด้วยการรีบสรณคมน์ ๓ ได้รับยกย่องว่าเลิศกว่าภิกษุ ทั้งหลายผูใคร่ศึกษาพระธรรมรัน์ย
www.kalyanamitra.org ๔. การสิกชาฟ้นการพัฒนาซีวิตฺและส์โงคมให้ก้าวฺหุน้าและก้าวไกล จึงอยากทราบร่าพระเถระอ^ล๊Iด ได้ร้บการยกย่องร่า เรนผู้ได้ไน การสิกษา ท่านได้เบการยกย่องฟนนั้น เพราะมึปฏปทาอย่างไรฺ? ตอบ พระราหุลเถระมีปฏิปทาอย่างนี้คือ ท่านตึ่นขึ้นแต่เด้าแล้ว กอบเอาทรายมาเต็มกำมีอแล้วปรารถนาว่า ขอไห้เราได้รบโอวาท คำ สงสอนแต่สำนักพระทศพลและพระอุป๋ชฌายอาจารย์เท่าเม็ด ทรายไนกำมีอเถิด แล้วตั้งไจศึกษา ตั้งไจปฏิบตอย่างจริงจึง ด้วย ปฏิปทาเท่'แนี้แลจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ไฝ่ไจไนการศึกษา ๔.พระอ'นุรุทธะก้บพระอานนท องคไหนบวชก่อน เได้อย่างไร? ตอบ พระอนุรุทธะบวชก่อน รู้ได้ด้วยปริรพพา'แสมัย พระอานน'ย์ 1ฐดกับพฺระอนุรุทธะได้คำว่า \"ภ'นเด\" ๖.ไครออกบวผ' ะเ'หนฑ่ฆราวา^องประกอบการงานไม่มีที่สินสต? ตอบ พระอนุรุทธะออฺกบวชเพราะเห็นว่าฆราวาสด้องประกอบการ งานไม่มี'ที่สินสด , ๗. พระอนุรทธะท่านออกบวชพร้อ่มกับไครบ้าง ได้ริบยกย่องจาก พระบรมศาสดาอย่างไร? ตอบ พร้อมกับพระอุบาลี พระภัททิยะ พระกัคคุ พรุะถิม'พละ พระอานนท์ และพระเทวทัด เป็นผู้เสิศไนทางมีจักษุทิพย์ ๘.ไครออกบวชเพราะเ'พื่อนช้กชวน? ตอบ พระกัททิยะ พระภัคคุ พระถิมพิละ ออกบวชเพราะเ'พื่อน ชักชวน ๙. ผู'ที่ได้บรรลกเลสนิพพานแลรผัแรนิพพาน เฝลกกร่าผ้อื่นคอไคร? ตอบ ผู้ที่ได้บรรลุกิเลสนิพพานและชันธนิพพาน แปลกกว่าผู้อื่น (ร»๖
www.kalyanamitra.org คือ(พระอานนท ' ๑๐.พระอานนท์ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง จงเขียนมาให้ครบ? ตอบ.ท่านพระอานนท์ออกบวชพร้อมกับ พระภัททิยะ พระอนุรุทธะ พระภัคคุ พระกิม่พิละ พระเทวทัต และพระอุบาลี ๑๑. ท่านใด้ร้บยกย่องจากพุระศาสดาว่ๆเรนเลศในดานใด? ตํอฺบ ท่านเป็นผู้เลีศในทางเป็นพหูสูต เป็นผู้มีสสิ เป็นผู้มีธิสิ เป็นผู้มีความเพียรและเป็นทุทธอุปัฏฐาก ๑๒.พรข้อว่า ถ้าจักใฝ^Jรดให้ข้าพระองค์อยในทึ่ประทบของพระองค์ และข้อว่าถ้าพระองค์จะเสสิจใป^ทึ่นิมนค์ทึ่ข้าพระองค์ร้บไร้ พระอานนท์หูลชอเพื่อประโยชนอะไร ? ดอ่บ ข้อต้น เพื่อป้องกันคำสิเตียนว่า พระอานนท์บำรุงพระศาสดา เพราะเห็นแก่ลาภ ข้อหลัง เพื่อป้องกันคนกล่าวว่า พระอานนท์ บำ รุงพระศาสดาไปทำอะไร เพราะพระองค์ไฝทรงอนุเคราะท์แม้ ด้วยกิจเท่านี้ ๑ผ. พระอานนท์ไต้บรรลุโสดาปัตดผลเพราะไต้ฟ้งโอวาทจากใคร และไต้บรรลุอรหัดผลฟัอไร ท่านบรรลุอรหัดผลและนพุพาน ด่างจากพระสาวกองค์อึ๋นอย่างไร? ตอบ จากพุระปุณเนมันตานี้บุตรไต้บรรลุอรหัตผลเมื่อวันลังคายนา ครั้งแร่ก การบรรลุอรหัตผลของท่านไม่ปรากฏว่าไต้ในขณะยืน หรือเสินหรือนั่ง หรือนอน ปร่ากฏว่าท่านไต้ในระหว่างอิริยาบถ ๔ ท่านนิพพานบนอากาศกลางแม่นี้าโรห็ณีแล้วอธิษฐานให้สรืระ ของท่านิแยกเป็น ๒ ภาค ให้ตกลงที่ฝังแม่นํ้าฝังละภาค cszt
www.kalyanamitra.org ๑๔. ความเส์อม ๔ ประการที่พระเจ้าโกรพยะ ตรัสกับพระ าสุมี อะไรบ้าง ? ตอบ ความเสื่อม ๔ ประการคือ แก่ชรา เป็นโรค สิ้นโภคะฬรัพย สิ้นญาติ ๑๔.ธรรมุทเทศ มีอะไรบ้าง ใครแสดงแก่ใคร? ตอับ มี ๑.โลกคือหมู่สฅว กันชรานำเข้าไปใกล้ ไฝยั่งยืน ๒.โลกคือหมู่สัตว ไม่มีผ้ป็องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน ๓.โลกคือหมู่สัตวไม่มีอะไรเป็นของของตน จำ ต้องละทิ้งสิ่งทั้ง ปวงไป ๔.โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอัยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่มเป็นทาสแห่ง ตัณหา พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ CSGS
www.kalyanamitra.org อนุพทรประว้ฟิ บทที่ ๔ องคที ๓๑ ๕๖ พุทธวีรlufไารศอบป๋ฌหา เมอฝ็นกบวชหรือประชาชน่เกดควๆม่สงสัยในธรรมะมาทูล ถามพระพุทธองค ทรงมืหลกในการตอบป็ญหา ๔ ประการ คือ ๑.เอกงสฟยากรณ ทรงแก้ป้ญหานนโดยส่วนเดียว ๒.ปฏิปุจฉาพยากรณ์ ทรํงย้อนถาม่แล้วจึงทรงแก้ป๋ญหานน่ ผ.วีภชชพยากรณ์ ทรงแยกป๋ญหานนแก้ทีละอย่าง ๔.ฐปนียพยากรณ์ ทรงระงับไฝแก้ป้ญหานั้น มาณพ ๑๖ คน ๒. ดีสสเมดเดยยมาณพ ๑. อ่ชิดมาณพ ๔. เมดดคูมาณพ ๓.ปุณณกมาณพ ๖. อุปฺสิวมาณพ ๙.โธดกมาณพ ๘. เหมกมาณพ ๗. นันทมาณพ ๙. โดเทยยมาณพ ๑๐. กปปมาณพ 0?๙
www.kalyanamitra.org ๑๑. ชดุกัณณีมาณพ ๑๒. ภัทราวุธมาณพ ๑». อุทยมาณพ - ๑๔.โปสาลมาณพ ๑๕.โมฆราชมาณพ ๑๖. ป็งคิยมาณพ สถานะเดิมของมาณพ ๑๖ คน มาณพทั้ง ๑๖ คน เป็นบุตรของตระกูลพราหมณ์ ในกรุง ส่าวัตถี แคว้นโกศล เมื่อมีอายุพอสมควรแล้ว บิดามารดาของมาณพ ทั้ง ๑๖ คน ได้ส่งไปเป็นสืษ่ยของพราหมณ์พาวรี ผู้เคยเป็นปุโรหิต ของพระเจ้าปเสนหิโกศล แต่ได้ลาออกจากตๅแหน่งบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรตตามลัทธิพราหมณ์. ตั้งอาศรมอยู่ริมฝังแม่นํ้าโคธาวารี ร่งอยู่ระหว่างเมืองลัสส่กะภับเมีอ่ง่อาฬกะ ตั้งตนเป็นอาจารยสอน ไตรเพทแก่ศิษย์มากมาย ท่านกล่าวว่ามีศิษย์ถีง ๑๖,๐0๐ คน แต่ที่ เป็นํศิษย์ผู้ไหญมีอยู่ ๑๖ คน . เหตุการณ์ก่อนออกบวชของมาณพ ๑๖ คน พราหมณ์พาวรีได้ทราบข่าวว่า เจ้าชายสิทธัตถฺะพระราชโอรส ของพระเจ้าสุทโธทนมหาราชเสด็จออกผนวชแล้วทรงปฏิญญา พระองคว่า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ทรงแสดงธรรมสั่ง สอนแก่มหาชน ทำ ให้มหาชนต่างเชื่อและเลื่อมใส่ยอมติ'วเป็นสาวก ปฏิบิติตามคำสั่งสอนเป็นจำนวนมำก พราหม่ณ์พาวรีตองการทราบความจริงจึงฺผูกฺบิ'ญหาไหมาณพ ทั้ง ๑๖ คน ไปทูลถามพระพุทธเจ้าคนละหมวด มากเพทั้ง ๑๖ คน ๙๐
www.kalyanamitra.org €งมีอชิตมาณพเป็นหัวหฺนา กราบลาพราหมณพาวรีอาจารยของ ตนเดินทางไปเข้าเฝืาพระพุทธเจ้าที่ปาสาณเจดีย์แล้วกราบทูลขอ โอกาสถามป๋ญหา โดยอชิตมาณพเป็นผู้ถามปัญหาเป็นคนแรก และให้ มาณพที่เหลือทูลถามปัญหาไปตามลำดับดิงนี้ ๓๑. พระอชิตเถระ อชิตมาณพได้ทูลฺถามปัญหาเป็นคนที่ ๑ ว่า . ๑. โลกคือหมู่สัตว ถูกอะไรป็ตบงไว้ อะไรเป็นเหตุจึงไม่มี ปัญญามองเห็น อะไรเป็นเครื่องฉาบไล้ให้สัตว์โลกดิดอยู่ และอะไร เป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลกนั้น? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า อวิชชา คือความไม่รู้ปิดปังไว้ ดัณหาแล่ะความประมาทปิดกั้นปัญญา - ตัณหาคือความอยากฉาบ ไล้สัตว์โลกให้ดิดอยู่ ทุกข้เป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลก ๒. อะไรเป็นเครื่องห้าม เค่รื่องปิดกั้นความอยากซึ่งเป็นตุจ กระแสนํ้าหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง จะ,ละความอยากได้ด้วยธรรม อะไร ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า สดิเป็นเครื่องห้าม ป็องภันความ อยาก และจะละความอยากได้เพราะปัญญา ๓. ปัญญา สดิ กับ นามรูปนั้น จะดับไป ณ ที่ไหน? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชุนาว่า เพราะวิญญาณดับไปกอน นาม รูปจึงดับณที่นั้น ๔. ชนผู้เห็นธรรมแล้ว และผู้ยังด้องศึกษาอยู่ สองพวกนี้ยัง มีอีกมาก ขอกราบทูลถามความประพฤตของปวงชนพวกนั้น? ๙๑
www.kalyanamitra.org พระพุทธ!.จ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุแ,ห็นธรร่มแล้ว และผู้ยัง ศึกษาอยู่ เป็นคนไม่ฝ็ความ่กำหนัดรนศึในกามคุณทั้งหลาย แใจไม่ ขุ่นมัวฺ ฉุลาดในธรรมทั้งปวง มีสติอยู่ทุกอิริยาบถ ผ่๒. พระดิสส!.มดเดยยเถระ ติสสเมตเตยยมาณพได้ทูลถามยัญหาเป็นคนที่ ๒ ว่า ๑. ใครร่อว่าเป็นผู้สันโดษในโลกนี้? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์สำรวม ในกามทั้งหลายปราศจากความอยากแล้ว มีสติระลึกได้ทุกเมื่อพิจารณา เห็นโดยชอบ ดับเครื่องร้อนกระวนกระวายได้เสียแล้ว ร่อว่าผู้สันโดษใน โลกนี้ ๒.ใครไม่มีคํวามอยาก ร่งเป็นเหตุดิ้นรนทะเยอทะยาน? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้ไม่มีความทะยานอยาก (ภิกษุผู้เป็นพระอรหนต) ๓. ใครรู้ส่วนข้างปลายทั้งสอง (อติด อนาคด) ด้วยยัญญา แล้วไม่ติดอยู่ในส่วนกลาง (ยัจจุยัน)? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์นั่นแล ๔.ใครร่อว่าเป็นมหาบุรุษ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่าภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์นั่นแล ๔.ใครล่วงพ้นดัณหา เครื่องร้อยรัดในโลกได้? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชฺนาว่า ภิกษุผู้เป็นพระอร่หันต์นั่นแล snsn. พระปณณกเถระ ปณณกมาณพได้กร่าบฺทูลถามยัญหาเป็นคนที่ ๓ ว่า ๙๒
www.kalyanamitra.org ๑. มฺวลมนุษย์ไนโลกนี้ คือ ฤๅษี กษีตริย์ และพราหมณ์ จำ นวนมากอาศัยอะไร จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา ? s .'พระพุทธเจ้าทรงวิสัร(นุาว่า เพราะอยากได้ของที่ต'ฟรารฺถนว ที่อาศัยชรา เป็นต้น มาทำให้แปรเปลี่ยนจึงบูชฺายัญบวงสรวงเทวดา ๒. มนุษย์เหฺล่านี้น ถ้าบูชายัญอยู่เป็นประจำจะขามพ้นชาติ แสะชราได้หรือไฝ ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า.. มนุษยเหล่านั้นยังปร่ารถนา ลาภ ยศ สรร]เสรืญ และยังกำหนัดยินดีอยู่ในฺภพ จึงข้ามพ้นชาติชราไป ๓. ผู้บูชายัญเหล่านั้น ข้ามพ้นชาติชราไฝไต้ แล้วใครเล่าจะ ข้ามพ้นไต้ ? พระพุทธเจ้าทรง่วิสัชนาว่า ความอยากเป็นเหตุไห้ตินฺรนในทุก ๆ ชาติของผู้ใดไฝมี เพราะพิจ่ารณาเห็นธรรมทียิงและหย่อนใน่โล่ก ไฝมีกิเลสหมดความอยาก เราเรียกผู้นั้นว่าข้ามพ้นชาติขราไต้แล้ว ๓<๔. หเระเมตตคูเถระ เมตตคูมาณุ่พ ไต้กราบทูลถามฟ้ญหฺาเป็นคนที่ ๔ ว่า ทุกข้ในโลกนี้ มีหลายประการล้วนมีเหตุมาจากอะไร? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ทุกข์ทังมวลล้วนเกิดมาจากอปริ คือกิเลส ผู้ใดเขลาไม่รู้แล้วทำอปรินั้นให้เกิด ผู้นั้นย่อมประสบทุกข์ บ่อย ๆ เหตุนั้น เมื่อรู้ว่าอุปริเป็นเหตุให้เกิดทุกข์แล้วอย่าทำอุปธ1ห้ เกิด ๒. ทำ อย่างไร ผู้มีป๋ญญาจึงจะข้ามพ้นห้วงทะเลใหญ่ คือ ๙๓
www.kalyanamitra.org ชาติ ชรา และโสกปริเทวะได้ ? พระพุทธเจ้าทรงริสัชนาว่า เราจักแสดงธรร่มที่พงเห็นแจ้ง ด้วยตนเอ่งในอัตภาพนี้ ที่บุคคลทราบแล้วจะเป็นผู้มีสติสามารถข้าม ความอยากอันให้ติตอยู่ในโลกได้ ๓. ข้าพระองค์ยินดีธรรมที่สูงสุตนั้นเป็นอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทรงวิอัชนาว่า ท่านรู้อย่างไตอย่างหนึ่ง ในส่วน เบื้องบน(อนาคต)ในส่วนเบื้องตํ่า(อดีต) ในส่วนท่ามกลาง (ป็จจุบัน) จงบรรเทาความเพลิตเพลิน ความยึตมั่นในส่วนเหล่านั้นเสีย มีสติ ไฝเลินเล่อ ละความถือมั่นว่าของเราเสียแล้ว จะละทุกข์คือ ชาติ ชรา และโสกปริเทวะในโลกนี้ได้ ๔. ธรรมอันไม่มีอุปธิ พระองค์ทรงทราบดี คงละทุกข์เสียได้ เป็นแน แม้พระสาวกของพระองค์ถืคงเป็นเซ่นนั้น ข้าพระองค์ตั้งใจ จะให้พระองค์ท่ร่งสั่งสอนข้าพระองค์อย่างนั้นบ้าง? พระพุทธเจ้าทรงริสืชนาว่า ผู้ใตไม่มีถืเลสเครื่องกังวล ไม่ติต ข้องอยู่ในกามภพชื่อว่าผู้ส่วงเหตุแห่งทุกข์ได้ เมื่อนั้นย่อมไม่มีกเลส ทีจะต่รึงจิตสิ้นคฺวามสงสัย ได้ชื่อว่าจบไตรเพทในศาสนานี้ ท่านพึง ศึกษาตามอย่างนี้ จะข้ามพ้นจากชาติ ชรา เป็นด้นเสียได้ ๓๔. พระโธดกเถระ โธตกมาณพได้กราบทูลถามบัญหาเป็นคนที่ ๔ ว่า ๑. ข้าพระองค์ได้ฟังพระสุรเสียงของพระองค์แล้ว จะศึกษา ขอปฏิบติเครื่องตับกิเลสของตน? พระพุทธเจ้าทรงริสัชนาว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจงมีบัญญา มี ๙<zr
www.kalyanamitra.org สติทำค่วามเพียรในศาสนานี้เถิด ๒. ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ผู้เป็นพราหมณ์ หากังวลมิได้ เที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ขอพระองค์จงเปลื้องข้าพระองค์ จากความสงสัยเถิด ? พระพทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เราเปลื้องใคร ๆ ในโลกผู้ยังสงสัย อยู่ไม่ได้ เมื่อท่านรูธรรมยันประเสริฐก็จะข้ามห้วงทะเลใหฌ คือ กิเลสยันนี้เสียได้เอง ๓. ขอพระองค์จงทรงแสดงธรรมยันสงัดจากกิเลสที่ข้าพระองค์ ตรัสรู้ สั่งสอนให้ข้าพระองค์เป็นคนปลอดโปร่งระงับกิเลสเสียได้ ไม่ อาศัยสิงใดสิ๋งหนึ่งเที่ยวอยู่ในโลกนี้? พระทุทธเจ้าทรฟ้สัชนาว่า ถ้าท่านรู้ความทะยานอยากเบื้อง บน เบื้องดร เบื้องกลาง เป็นเหตุให้ติดข้องอยู่ในโลกนี้ ท่านอย่า ทำ ความทะยานอยากเพื่อจะเกิดในภพน้อยภพใหญ่ fiftb. พระอุปสีวเถระ อุป่สีวมาณพได้กราบทูลถามยัญหาเป็นคนที่ ๖ ว่า ๑. ลำ พังข้าพระองค์ผู้เดียวไม่ได้อาศัยอะไร ไม่สามารถข้าม ห้วงทะเลใหญ่(กิเลส)ได้ ขอพระองค์ตรัสบอกอารมณ์ที่หน่วงเหนึ่ยว นึ่งข้าพระองค์ควรจะอาศัยข้ามห้วงนํ้าด้วยเถิดนี้? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ท่านจงเป็นผู้มีสติเพ่งอากิญสัญ- ญายตนฌาน อ่าศัยอารมณ์ว่าไม่มี ๆ ข้ามห้วงทะเลใหญ่เสียเถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็นคนเว้นจากความสงสัย เห็นความ หมดจดแท่งความทะยานอยากได้ชัดเจน ทั้งกลางวันและกลางคืนเถิด ๙๕
www.kalyanamitra.org ๒. ผู้ใดปราศจากความกำหนดในกาม ล่วงฌานอื่นได้แล้ว อาสยอากํญจัญญายตนะ น้อมใจไปในอๆกิญจ้ฌญายตนะ ซึ่งฟ้น ธรรมที่เปลื้องสัญญาอย่างประเสริฐผู้นนจะตั้งอยู่ในอากํญจัญญายตนะ ไม่เสื่อมบ้างหรือ ? พระพุทธเจาทรงวสัชนาว่า ผู้รู้พ้นแล้วจากกองนามรูป.ย่อม ดับ่ไม่มีเซื้อ่ไม่ต้องไปเกิดเป็นอะไร เหมือนไฟที่ถูกกำลังลมเปาแล้ว ดับไป ไม่รู้ไปในทิศไหนฉะนั้น ๓ ผู้นั้นดับแล้วหรือเป็นแดไม่มืดัว หรือว่าจะตั้งอยู่ยั่งยืนหา อันตรายมิได้? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า เมื่อผู้นั้นขจัดธรรมทั้งหลาย (มื ฃันธเป็นด้น) ได้นล้วก็ไม่ตองกล่าวถึงว่าผู้นั้นจะไปเกิดเป็นอะไรอีก ๓๗.พระนนฑเถระ นันทมาณพได้กราบทูลถามบ้ฌหาเป็นคนที่ ๗ ว่า ๑. ชนทั้งหลายกล่าวว่า มุนีมือยู่ในโลกนี้ ฃ้อ่นี้เป็นอย่างไร เขาเรืยกคนถึงพร้อมด้วยฌานหรือการ่เลื้ยงชีพว่าเป็นมุนี? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ผู้ฉลาดไม่กล่าวคนว่าเป็นมุนีด้วย การเห็น การฟ้ง การรู้ เรากล่าวว่า ผู้ใดทาตนให็ปราศจากกอง กิเลส หากิเลสมิได้ ผู้นั้นแลซึ่อว่าเป็นมุนี ๒. สมณพราหมฟ้ที่กล่าวความบริสุทธิ้ด้วยการเห็น การฟัง ศีลพรตและวิธีอื่นๆแล้วประพฤตในวิธีนั้น^ข้ามพ้นซาศี ชรา ได้แล้วมือยู่บ้างหรือไม่ ? , พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า แบ้ประพฤศีเช่นนั้น เราก็กล่าว ๙๖
www.kalyanamitra.org ว่าข้ามพ'พุชาติ ชราไม่ได้ ๓. ถ้าเชนนี้ ใครเล่าในเทาโลก, มนุษฺยโลก ที่ข้ามพ้นชาติ ชราได้พุล้า? ' พระพุทธเจ้าทรงวิเโชนาว่า เราไม่กล่าวว่า สมณพราหมณ์ ถูกชาติ ชรา ครอบงำแล้วทุกคน แต่เรากล่าวสมณพราหมณ์ผู้ละ อารมณ์ที่ได้เ'ห็พุ ได้พ้งํ ได้เ และศีลพรตทั้งหมด กำ หนดเตณหาว่า เป็นโทษฺเ!าร่ละแล้ว เป็นผู้หาอาสาะมิได้ ข้ามพ้นชาติ ชราได้แล้ว ๓๘. พระเหมกเถระ เหมกมาณพได้กราบทูลถามป็ญหาเป็นคนที่ ๘ ว่า ๑.ไนปางก่อนแด'ศาสนาพระองค์ อาจารยได้ยืนยันว่า อยาง่นี้ เคยมีมาแล้ว อย่างนี้จักมีต่อไป ล้วนแต่จะทำความตรึกให้'^งมาก ขึ้น ข้าพระองค์ไม่พอใจในคำนั้นเลย ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเป็น เหตุถอนตัณหาที่ข้าพระองค์ทราบแล้วจะพึงเป็นคนมีสติ ล่างตัณหา ที่ทำ ใหติดฺอยูในโลกได้? พระพุทธเจ้าทรงวตัชนาว่า ชนเหล่าใดเว่า พระนิพพานเป็น ที่บรรเทาความกำหนดในอารมณ์ที่รกขึ้งได้เห็นแล้ว ได้พึงแล้ว ได้ ทราบแล้วเป็นด้น และเป็นธรรมไม่เปลี่ยนแปลง. เป็นคนมีสติตับ กิเลสได้แล้ว ชนเหล่านั้นล่วงตัณหาที่ทำให็ติดอยูในโลกได้ ๓๙. พระโดเทยยเถระ โตเฑยยมาณพได้กราบทูลถามป๋ญหาเป็นคนที่๙ ว่า ๙ต'
www.kalyanamitra.org ๑. กามไม่มีในผู้ใด ตัณหฺาของผู้ใดไม่มี และผู้ใดข้ามความ สงสัยได้ ความพ้นของผู้นั้นฺเป็นอย่างไร? พร่ะพทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ความพ้นของผู้นั้น จะไม่เปลี่ยน เป็นอย่างอื่นอีก คือผู้นั้นพ้นจากกามตัณหา และความสงสัยแล้ว ความพ้นของผู้นั้นเป็นอันคงที่ ไม่แปรผันเป็นอย่างอื่น ๒. ผู้นั้นเป็นคนมีความหวังทะเยอทะยานหรือไม่ เป็นคนมี ป๋ญญาแทจริง หรือเป็นแดใข้ปัญญาทำให้ตัณหาและทิฏแกิดขึ้น ข้าพระองคจะรู้จักท่านผู้เป็นมุนีนั้นได้อย่างไร? s พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ผู้นั้นเป็นคนไม่มี^ความหวังห่ะเยอ- ทะยาน มีปัญญาแท้จริงจะไมใข้ปัญญาก่อตัณหาและทิฏฐIห้เกิค ท่าน จงร้จักมนีว่า .เป็นผ้ไม่มีกังวล^ไม่คิดอยในกามภพอย่างนี้เถิด ขิ จ่ ๔๐. พระถัปปเถระ กัปปมาณพได้กราบทลถามปัญหาเป็นคนที่ ๑๐ ว่า ๑. ขอพระองคตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่งของชนผู้ชรามรณะมาถึง รอบข้าง ดุจเกาะเป็นที่พำนักของชนผู้อยู่กลาง่สมุท,รเมื่อเกิดคลี่น ใหญ่ที่น่ากสัวแก่ข้าพระองคือย่าให้ทุกข้นี้มีได้อีก ? . พระพุทธเจ้าทรุงวิสัชนาว่า เรากล่าวว่า นีพพฺานอั่นไม่มีกิเลส เครื่องกังวล ไม่มีตัณหาเครื่องถือมั่นเป็นที่เนแหงชราและมรณะนี้แล ว่าเป็นดุจเกาะ คนเหล่าใดรู้นิพพานนั้นแล้ว เป็นค่นมีสติเห็นธรรมแล้ว ตับกิเลสได้แล้ว คนเหล่านั้นไม่ด้องอยู่ในอำนาจของมารฺ ไม่ด้องเดิน ตามทางของมารเลย ๙๘
www.kalyanamitra.org ๔๑. พระชตุกัณณีเถระ ชตุกัณณีมาณพได้กราบ.ทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๑๑ ว่า ๑. ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเครึ่องละชาติ ชรา ในอัตภาพ น๕ีแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า ฟานจงกำจัดความกำหนัตใน กามให้หมดสิ้น' กิเลสเครื่องกงวลที่พ่านยึดไว้ด้วยตัณหาและทิฏฐิ ควรสละเสิยอย่าให้เสียดแทงใจพ่านได้อก พ่านจงตัดกังวลที่มีอยูให้ สงบ ระงับ เหือดแห้งไป อาสวะอนเป็นเหตุถึงํอำนาจมัจจุราชของ ชนผู้ปราศจากความกำหนัดในนามรูปโดยอาการทั้งปวงกมีไม่ได้ ๔๒. พระภัทราวุธเถระ ภัทราวุธ่มาณพได้กราบทูลถาม่ปัญหาเป็นคนที่ ๑๒ ว่า ๑. คนที่มาจากชนบทต่าง ๆ อยากฟ้งพระวาจาของ พระองค์ ค์รั้นไดฟังแล้วจะกลบไปจากที่นึ๊ ข่อพระองค์ทรงแก้ปัญหา เพื่อชนเหลานั้น เพราะว่าธรรมนั้นพระอง่ค์ได้ทราบแล้ว ? พระพุทธเจ้าทรงวิสัชนาว่า หมู่ชนเหล่านี้ควรนำตัณหาเป็น เหตุถือมั่นในส่วนเบื้องบน เบื้องตํ่า และพ่ามกลางให้หมดสิ้น เพราะ เขาถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลก .มารย่อมติดดามเขาได้เพราะสิ่งนั้น ๆ V_ _ .' ^ ^ '. ._ ๔๓. พระอุทยเถระ ' ' V' \"• s อุทยมาณพได้กราบทูลถามปัญหาเป็นฺ.คนที่ ๑๓ ว่า ๑. ขอพระองค์ทรงแสดงธรรมเครื่องพ้น(จากกิเลส) ที่ควรรู้ ๙๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 706
Pages: