www.kalyanamitra.org ๑๑. บาตรไม ๑๓.ในพรรวิฬัเ มีธรรมเนียุ94ระฬัรกษาบาดรอย่างmดขันไร้อย่างไร? ตอบ มีธรรมเนียมระวังรักษาบาตรอย่างกวดขัน คือ ห้ามไมให้ วางบาตร เก็บบาตรไว้ในที่ที่บาตรจะตกแตก และในที่จะประทุษ ร้ายบาตร ห้ามควํ่าบาตรไว้ที่พื้นคมแข็งอันจะประทุษร้ายบาตร ห้ามไมให้แขวนบาตร .และห้ามไมให้ใข็บาตรต่างกรํะโถน ห้าม: ไม่ให้เก็บไว้ทั้งอังเปียก มีบาตรอยู่ในมือห้ามไม่ให้ผลักบ้านประตู เป็นต้น ๑๔. บริขารที่เป็นเครื่องบริโภคมีกี่อย่าง อะไรบ้าง? ตอบ บริขารที่เป็นเครื่องบริโภ่ค มี ๔ อย่างคือ ๑. กล่องเข็ม ๒. เครื่องกรองนํ้า : ๓.มีดโกนพร้อมทั้งฝักหินสำ:หรับลับอับเครื่องสะบัด ๔.ร่ม ๔.รองเท้า ' ๓๐๐
www.kalyanamitra.org muw ๑O) มลเหตุที่ทรงพระอนุ!นๆตให้มีรฟะอุป๋ชฌาย์ ในครั้งปฐมโพธิทๆล ภิกษุยงใม่มีมากก็!!กครองได้ง่าย เมื่อ มีภิกษุมากขึ้น การปกครองก็ยากขึ้นตาม พระศาสดาจึง่ไตทรงฺ บญญ้สิสิกขาบทวางเรนพุทรอาณา และทิรงคั้งขนบธรรมเนียมเป็น อภิสมาจาร มีมากขึ้นโดฺยลำดับ^ เวลาคราวมีผูมาใหม่ไฝสามารถจะ เทั่วกืงแลุะประพฤตให้ถูกระเบียบด้วยลำพง ใขึ้ความสังเกตุทำตาม กน จำ จะศึกษาจึงจะรู้ได้ พระศาสดาจึงทรงพระอนุญาตให้มีพระ อุปัชฌาย์เป็นผู้สั่งสอน ภิกษุดูต้องถอพ่ระอุป๋%!มาย์ ภิกษุมีพรรษาหย่อน ๕ จัดเป็นนวกะผู้Iหม่ ตองลือ์ภิกษุ^ด •รูปหนึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ แลํะอาศย่ภิกษุรูป^อย่รบฟังโอวาทคาสอน ของภิกษุนนวิเถือพ่ร่ะอุปัชฌาย์ในบาลีทำนจึงวางแบบไว้ว่า ๑/ ให้ภิกษุนวกะห่มผ้าเฉ่วียงปาเข้าไปหากราบเทาแลวนั่ง 6no6)
www.kalyanamitra.org กระหย่ง (1โจจุบนนื้Iช้นั่งคุกเข่าแทน) ประณมมือกล่าวว่า อุปชุฌา- โย เม ภนฺเต โหหิ ซึ่งแปลว่า ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของ ข้าพเจ้า ๓ หน ๒. ภิกษุผู้ที่ภิกษุนวกะนั้นขออาศัยรับว่า สาธุ ซึ่งแปลว่า ดีละ ลหุ เบาใจเถิด โอปารก ชอบแก่อุบาย ปฏิรูปั สมควรอยู่ หรือว่า ป่าสาทิเกน สมฺปาเทหิ ให้ถึงพร้อมด้วยอาการอันน่าเลื่อม ใสเถิด คำ ใดคำหนึ่ง เป็นอันถือพระอุปัชฌาย์แล้ว คำ แปลอุปัชฌาย์ สัทธิวิหาริกและนิสัยฺ ๑. ภิกษุดู้รบให้พึ่งพิง ได้ชื่อว่าพระอุปัชฌาย์ เฟลว่า^กสอน หรือผู้ดูแล ๒.ภิกษุผู้พึ่งพิง ได้ชื่อว่าสัฑธวิหาริล เฟลว่าผู้อยู่ด้วย ๓,กริยาที่พึ่งพิง เรียกว่านิสย ผู้มาขออุปสมบทใหม่ทรงพระอนุญาตให้ถือพระอุปัชฌาย์ มาแตฺแรก พระอุปัชฌาย์นั้นเอง เป็นผู้นำเข้าหมู่และเป็นผู้รับรอง ให้ออกชื่อในกรรมวาจาสวดประกาศด้วย ตรัสสั่งให้พระอุปัชฌาย์และลัทธิวิหาริก ตั้งจิตสนิทสนมในอัน และอัน ให้พระอุปัชฌาย์สำศัญสิทธิวิหาริกเหมือนบุตร ให้ลัทธิวิหาริก นับถือพระอุปัชฌ่าย์เหมือนบิดา เมื่อเป็นเข่นนี้ต่างก็มืเคารพเชื่อฟังซึ่ง อันและอัน ย่อมจะถืงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระธรรมวินัย. ตรัส สั่งให้พระอุปัชฌาย์และลัทธิวิหาริกต่างเอื้อเพึ่อประพฤติชอบในุอันแสะ อัน หน้าที่อันลัทธิวิหาริกจะพึงทำแก่พระอุปัชฌาย์ เรียกอุปัชฌายวัตร หน้าที่อันพระอุปัชฌาย์จะพึงทำแก่ลัทธิวิหฺาริก เรียกลัทธิวิหาริกวัตร
www.kalyanamitra.org เหตุให้นิส์ยระงับจากพระอป๋ชฌาย์ นิสยรันมีในระหวางสัทธิวหาริกกุบพระอุ!โชฌฺายนั้น รังอยู่ ด้วยรันเพียงใดุก็รังมีเพียงนั้น ถ้าแยกจากรันชั่ววันหนึ่ง่ นิสัยระงับ ขาดจากปกครอง ในบาลีแสดงเหตุให้นิสัยระง้บจากพระอุป๋ชฌาย์ไว้ ๙ ประการ คือ ๑. พระอุปัชฌาย์หลีกไปเลีย ๒. ลีกเลีย ๓. ตายเลีย ๔. ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๔. สั่งบงคับ องฺคัเหล่านี้ยกเว้นข้อสั่ง!(งคับเสิย ได้ในฝ่ายสัทธิริหาริก เหมีอนรัน คัอสัทธิริหาริกหลีกไปเลียเอง ลีกเลียเอง .ตายเสียเอง ไป เข้ารีดเดียรถีย์เลียเอง นิสัยกุระงับเหมีอน่รัน ในองคคือหลีกไปนั้น ถ้า ฝ่ายที่หฺลีกไปกลับม่ๅ หรีอฝ่ายที่อยู่ตามไปอยู่ในที่แห่งเดียวรัน นิสัย ย่อมกสับมีอีก องค์คือสั่งบงคับนั้นพระอาจารย์มีมดิเป็น ๒ น้ย ๑. องค์คือสั่งบังคับนั้น พระอรรถกถาจารย์แถ้ว่า หมาฟถีง่ ประณามคือไล่เลียจากวัต เมอพระอุบัชฌาย์อตโทษ ยอมรับให้เข้า อยู่ในความปกครองอีก นิสัยย่อมดีตอย่างเดิม ๒. พระอุบัชฌฺาย์เห็นมีพรรษาพ้น ๔ แล้ว มีความเพระ- ธรร่มรินัยพอรักษาคัวได้แล้วปลดจากนิสัย ให้อยู่เป็นนิสัย.มตตกะ เป็นมดิของสมเด็จพระมหาสมณเจา ฯ ๓๐๓
www.kalyanamitra.org สาIหชุที่จะทำให้สัทธวิหารกถูกปรณาม ทรงมอairiwจใว้แท่พระafเซฌาร■ เพี่อจะประณามคือไล่ สัทรวิหาริกผู้ประพฤตไมคื ในฃาลีทำนแสดงไว้ ๕ ประการ คือ ๑.หาความรักใคฟ้นพระอุฟ็ชฌาย์มฺได้ ๒. หาความุเลึ่อมไสมได้ ๓. หาความละอายมได้ ๔. หาความเคารพมได้ ๔. หาความหรังดีต่อมิได้ วิธีประทเาม เร่อสัทรวิห่ารกยังประก่อบด้ว้ยองค์อันเป็นโทษ ๔ ประการ แม้พฺร่ะอุป็ซฌายัห่รัJดีพูดรัาก่ล่าวตก่เตือนอปางไร่กไฟทำตาม ฟระอุifeฌายตองประณาม fhทำปอนแอเพ่ราะรัา1เฬอเพราะเกร^ ห่รือเพราะเห่ตุอปางอื่นเป็นเสียอปูกบพระอุป๋ชฌาย การประณาม นั้น พึงทำอปางนี้ พึงพูตให้รู้วิาตนไล่เธอเสีย่ ท่านวางอปางไว้ใน บาลีว่า เราประณามเธอ อย่าเข้ามา ณ ทึ่นี้ จงขนบาตรจีวรของเธอ ออกไปเสีย เธฺอไม่ด้อ่งอุฟิฏฐาก^ดอก หรือแสตงอาการทางกาย ให้เอปางนั้แก็ได้ วิธีถอนประณาม ^ สิ'ท่รวิหารืกผู้ถูก่ปร่ะฌเามแด้ว่''' ตองทำดีแก้ตวแล้วขอให้ ฟรร่อุฟ้ชเพ่ายอดโห่ เ^ทอตธุร่ะเสีย่ เป็นั้โทษแท่สิทรวิห่าริก่ ๓๐(ร:
www.kalyanamitra.org ลัทธิวิหาริก กลับทำดีแล้วและขอขมาโทษ พรืะอุfชฌาย์ไม่รับและ ไม่ระงับการประณ่าม; ก็มีโทษแกพ'^อุป็ซฌาย์เหมือนกัน เว้นแต่ ลัทธิวิหาริกยังไม่ได้แก้ตัวจากเหตุที่ให้ถูกประณาม หรือเห็นว่ารับ ง่ายนักจกไม่เข็ดหลาบ ยังผูกไจว่าจักรับ , ไม่มืโทษ อีก^ฝ่ายหนึ่ง ลัทธิวิหาริกประกอบด้วยองคยันเป็นตุณ แต่พระอุยัชฌายัฉุนโกรธ หรือเป็นผู้ไม่จู้จักอะไร ประณามผิดไป ภ็มืโทษแก่พํระอุป้ชฌาย์เอง คำ ฃอนิลัยในการลืออาจารย ภิกษุผู้ไม่ได้อยู่ในปกดรองของพระอุป็ชฌายั ด้วยฒฺตุ ๕ ประการกันกล่าวแล้ว ด้อฺงถือภิกษุอื่นเป็น่อาจารยั และอาศัยท่าน แท่นพระอุป๋ซณาย์ .วิธี.ถืออาจารย์ก้เหมือนกับวิธีถือพระอุป็ชณาย์ ต่างแต่คำขอว่า อาจริโย เม ภนฺเต โหห็, อาย§fมโต นิสสาย วจฉาร ๓ หน นึ่งแปลว่า ขอท่านจงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า ๆ จักอยู่ อาศัยท่าน ภิกษุผู้&ให้พึ่งพิงได้ร่อว่าอาจารย์นึ่งแปลว่า ^กมารยาท ภิกษุผู้อิง่อาศัย ได้ร่อว่ายันเตวาสิกหรือกันเดวาสิ, นึ่งเฟสว่า ผู้อยูในสิานักิอาจารํย์ ในบาลีหมายเอาภิกษุผู้ให้นิสัยแทนพระอุป็ขฺผายฺ เท่านั้น อาจารย์ ๔ประ๓ท ในอรรถกถานับฺอาจารย์เป็น ๔ ประเภท ดือ ๑. ท่านผู้ให้สรณคมน์เมื่อบรรพชา เรืยกว่าป๋พพชาจารย์. ๒.ท่านผู้สวดกรรมวาจาเมื่ออุปสมบท เรืยกว่าอุปสัมปทาจารย์ mod:
www.kalyanamitra.org ๓/ท่านผูโห้นิสัย เรียกว่านิสสยาจารย์ ๔. ท่านผู้สอนธรรม เรียกว่าธุฑเทสาจารย์ อันเตวาสิก ๔ ฟระ๓ท อันเตวาสิกก็ได้ร่อตามนัยนนว่า ๑. ป๋พพซ้นเตฺวาสิก อันเตวาสิกในํบรรพชา ๒. อุปอัมปทันเตวาสิก อันเตวาสิกในอุปสมบท ๓. นิสสอันเตวาสิก อันเตวาสิกผู้ถือนิอัย ๔. อัมทันเตวาสิก่ อันเตวาสิกผู้เรียนธรรม ความสนิทสนมและความเอื้อเฟ้ออันอาจารย์และอันเตวาสิก จะพึงแสดงแก่กันนน ก็เซ่นเดียวกับพระอุฟ้ชฌาย์และอัทธิวิหารีท เพราะจะต้องนับ่ถือกันจริง^ ๆ เหตุให้นิอัยระงับจากอาจารย์ นิอัยอันมีในระหว่างอาจารย์กับอันเตวาสิกนั้น อังอยู่ต้วยกัน เพึยงใดก็อังมีเพึยงนั้น ถ้าแยกจากกันชั่ววันหนึ่ง นิอัยระงับขาดจาก ปกครอง ท่านแสดงเหตุให้นิอัยระงับจากอาจารย์ไวั ๖ ประการ คือ ๑. อาจารย์หลีกไปเสิย ๒. ลีกเลีย ๓. ตายเลีย ๔. ไปเข้ารีตเดียรถืย์เลีย ๔. อังบงคืบ ๖. อันเดวาสิกร่วมเข้ากับพระอุป็ชฌ่าย์ของเธอ ๓๐๖
www.kalyanamitra.org องคที่ ๖ นี้ พระอรรถกถาจารย แปลว่าอันเตวาสิกนี้น เห็น พระอุป๋ชฌาย์ของเธอจำได้ว่าท่าน หรือได้ยินเสีย่งแล้ว จำ ได้ว่าเสิยง ของท่าน เป็นนิสัยระงับ เนื่องจากนี้มีธรรมเนียมว่าด้องขอนิสัยใหม่ องสัเหล่านี้ยกเว้นข้อสั่งบังอับเสีย ได้ในฝ่ายอันเตวาสิกเหมีอน กันฺ คืออันเตวาสิกหลีกไปเสียเอง สีถเสียเอง ตายเสียเอง.ไปเข้ารืต- เดียรถีย์เสียเอง นิสัยก็ระงับเหมีอนอัน ในองคคือหลีกไปนั้น ถ้าฝ่ายที่ หลีกไปกสับมา หรือฝ่ายที่อยูตามไปอยู่ในที่แท่งเดียวอัน นิสัยย่อม กสับ่มีอีก ภกษุ่ที่ได้รบยกเว้นในการลือนีสัย ภิกษุมีพรรษาหย่อน ๕ เป็นนวกะอยู่ แม้เป็นผู้มีความเทรง ธรรมทรงวิน้ย จะไม่ถีอนิสัยอยู่ในปกครองของอุบัซฺฌายะหรือของ อาจารย์ไม่ชอบ ทรงห้ามไว้ ไม่ด้องกล่าว่ถีงภิกษุผูยังไม่รู้อะไร เว้น ไว้แดภิกษุผู้อังไม่ตั้งลงฺเป็นหสักแหล่ง ที่แสดงไว้ในบาลีว่า ๑. ภิกษุเดนทาง ๒. ภิกษุผู้พยาบาลคนไข้ผู้ได้ร้บการฃอฺร้องของคนไข้เพือให้อยู่ ๓. ภิกษุผู้เข้าป๋าเพื่อเจริญสมณธรรมชั่วคราว ในที่ใด หาท่านผู้ให้นิสัยมิได้และมีเหตุขัดข้อฺงที่จะไปอยู่ในที อื่นไม่ได้ จะอยู่ในที่นั้นด้วยผูกใจว่า เมื่อใดมีท่านผู้ให้นิสัยได้มาอยู่ จักถือนิสัยในท่านก็ใข้ได้ องคแท่งนิสัยมุตดกะ ภิกษุผู้มีพรรษาได้ ๔ ^เล้ว แต่อังหย่อน ๑๐ ได้ชื่อว่า ๓๐cy
www.kalyanamitra.org มชฌิมะ แปลว่าผู้ปานกลาง มีคณสมบ้ติพฺอรักษาตนผู้อยูฅ์ๆมลำพังได้ ทรงพระอนุญาตให้พ้นจากนสัยอยู่ตามลำพังได้ เรียกว่า นิสสัยมตดกะ ฝ่ายภิกฺษุผู้มีค่วาม!!ม่พอจะรักษาตน แฟ้พ้น ๕ พรรษาแก้ว ก็ด้องถือ .'^ย คุณสมษฅที่กำหนดไว้!น่บาลีอย่างอุกฤษ่ฏ์ เ!เนคุณสมบติของ พระอรหันต์ แต่ผ่อนลงมาเป็นหมวด ๆ จนถึงภิกษุกลยาณปถชน จัก ย่นกลาวเฉพาะองต์อันสมแกํภิกษุในบัด่นี้ - ๑. เป็นผู้มศรทธา มืหิรี-มีโอตตปปะ มีวิรียะ มีสติ ๒. เป็นผู้ถืงพร้อมด้วยติล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้รน ได้พังมาก มีป๋ญฌา ๓. รู้จักอาบต มีใช่อาบด อาฃติเบา อำ ฟ้ติหนัก จำ ปาติ^ก่ฃ์ ได้น.ฝนยำ หังมีพรIfษ่าได้ ๔ หรือยิ่งกว่า องต์เหลาส์ แมีบกพร่อฺงบ่าง อย่างก็ได้'ทีขาดไม่ได้คือกำหนดพรรษาภิกษุผู้มชฌิมะ ประกอบด้ว้ย คุณสมบติเหลีานี้ เป็นแต่อยู่ได้ตามลำพัง ยังห้ามไม่ให้ปกครองบ่รีษห หันาที่ฃองพระภิกษุผูมีพรรษาค่รบ่ ๑๐ ภิกษุผู้มีพรรษาครบ ๑๑ แก้วได้ร่อว่าเถระ แปลว่าผู้หลัก ผู้ใหฟ มืองต์สมบคือาจปกครองผู้อื่นัได้ ทรงอนุญาตให้มืหน้าที่ ลังนี้ .. ๑. ให้เป็นพระอุป๋ชฌายํให้อุปสมบท ๒. เป็นอาจารยํให้นิสัย ๓.มีสามเณรไว้อุป็ฏฐาก ที่เฟลว่าให้บรรพช่าฟ้นสามเณรได ๙. ปกครองบ่รีหัฬได้ เรียกว่า ปรีส1&35าปกะ แปลว่าผู้ให้ ๓๐G?
www.kalyanamitra.org บฆิรฑอุป๋ฏฐากหรือยู้ใรฃรฟ้ท ฝ่ายภิกษุผู้ขาดองค์สมบด แม้มีพรรษาครบกำหนดแล้ว ก็ ไฝทรงอนุญาตฺ คณสมป๋ตของพระเถระ คุณสฺมฺบสิที่กำหนดไว้ในบาลี ที่เพิ่มจากองค์ของภิกษุมัชฌมะ ผู้นิสสัยมุตดกะดังนี้ ๔. อาจจะพยาบาลเอง หรือสั่งฺผู้อื่งเให้พยาบาลลัทธิวิหาริก อนเตวาสิสผู้อาพาธ อาจจะระงบเอง่หรือหๆผู้อื่นให้^วยระงบความ กระลันุ คือไม่ยินดีในพรหมจรรย์ของลัทธิวิหาริกดันเตวาสิเไ อาจจะ บรรเทาเองหรือหาผู้อึ่นให้ช่วยบรรเทาความเบอหน่าย ดันเกิดขึ้นแก่ ลัทธิวิหาริยดันเตวาลีกโดยุทาง^ม.รู้จักอาบด รู้จักวิธี,ออกจากอา.บด ๔. อาจจะ?เกปรือลัทธีวิหาริกดันเดวาสิกในสิกขาเป็นส่วน อภิสมาจารคือมารยาท อาจจะแนะนำลัทธิวิหาริกดันเตวาสิกในสิกขา เป็นส่วนํเบื้องต้นแห่งพรหมจ'^ย์ คือพระบัญญ้ดีดันเป็นหลักแห่งการ ประพฤติพรหมจรรย์ อฺาจจะแนะน่าในธรรมในวินัยดัใ^งขึ้นไป อาจจะ เปลื้องทิฏฐิผิด ดันเกิดขึ้นแก่ลัทธิวิหาริกดันเตวาสิกโดยทฺางธรรม ทั้งฺมีพรรษาได้ ๑๐ หรือยิ่งกว่า : องค์เหล่านี้ แม้บกพร่องบางอย่างก็ดังได้ ที่ขาดไม'ไต้คือ กำ หนดพรรษา ป๋ญหาและเฉลยวินัยมุข กัณฑที่ ๑ผุ ๑. คำ ว่า \"ถือนัลัย\" หมายความว่าอย่างไร? ดอบ หมายความว่า ยอมุดนอยู่ในความปกครองของพระเถระผู้มี ๓๐๙
www.kalyanamitra.org คุณสมบตปกครองตนได้ ยอมตนให้ทานปกครอง พึ่งพิงพำนก อาศ้ยท่าน ๒.ในบาสีแสดงเหตุนิสัยจะระงับจากธุป๋ชฌาย์ไว้เท่าไร อะไรบ้าง? ตอบ แสดงไว้ ๔ ปรํะการคือ ๒. สึกเสีย s ๑. อุป็ชฌายหลีกไปเสีย ๓. ตายเสีย ๔. ไปเข้ารีตเดียรถีย ๕. สั่งบังคับ ๓. คำ ข่อนิสัยตอพระอุบัชผายและพระอาจารฺย์เขียนว่าอย่างไร? ตอบ คำ ขอนิสัยตอพระอุบัชผายว่า \"อุบัชฌาโย เม กันเต โหหิ\" คำ ขอนิสัยตอพระอาจารยว่า \"อาจะรีโยเมกันเต โหหิอายัสสะ- มะโต นิสสายะ วัจฉามิ\" ๔. คำ ว่า ถือนิสัย หมายคุวามว่าอย่างไร จงเขียนคำขอนิสัยอาจารย์ พํรอมทั้งคำแปล ? ตอบ หมายความว่า ยอมตนอยู่ในความปกครองของพรร่;เถระผู้มี คุณสมบ้ตควรปกครองตนได้ ยอมตนให้ท่านปกครองพึ่งพิงพำนัก อ่าคัยท่าน ' คำ ขอนิสั่ยอาจ่ารย์ว่าคังนี้ \"อ่าจรีโย เม ภนฺเต โหหิ, อายสุมโต นิสุสาย วจฺฉามิ\" พึ่งแปลว่า \"ขอท่านจงเป็นอาจารย์ของข้าพํเจฺา ข้าพเจ้าจักอยู่อาคัยท่าน\" ๔. ภึกษมิพรรษ่าเท่าไรต้องถือนิสัย มิข้อยกเว้นบ้างหรือไม่ ? ตอบ ภิกษุมิพรรษาตํ่ากว่า ๔ ด้องุถือนิสัย มิข้อยกเว้นในบางกรณี คือ ภิกษุเดินทาง ภิกษุพยาบฺาล ภิกษุผูอาพาธ ภิกษุผู้ม่งเจรีญ สุมณธรรมในป้าเป็นการชั่วคราว -๓๑๐
www.kalyanamitra.org ๖.ผู้ถอนิสัยฺสือ ใคร? ตอบ ผู้ถือนิสัยคือ ภิกษุผู้มีพรรษาหย่อน ๕ หรือพ้นแล้ว แต่ไม่รู้ ธรรมวินิย พอจะรักษาต่วให้ รอด่ได้ แล้ะภิกษุผู้ถูกสงฟ้ลงโทษ โดยฐานนิยสกรรม ๗.การประณามในพระวินิยหมายความว่าอย่างไร มีพระพทธานุญาต ให้อุปึชฌาย์ทำประณามสัทรวิหารืกผู้ประพฤติอย่างไร่? ตอบ หมายความว่า การไล่สัทธิวิหารืก หรืออนเตว่าสิกผู้ประพฤติมิ ชอบ ผู้ประพฤติดังนี้ ๑. หาความรักใครในอุป๋ชฌาย์มิได้ ๒. หาความเลื่อมใสมิได้ ๓. หาความละอายมิได้ ๔. หาความเคารพมิได้. ๔. หาความหวังคืต่อมิได้ ๘.นิสัยระงับ ก้บนิสัยมุตตกะ มีอธิบายอย่างไร? ตอบ นิสัยระงับ หมายถึงการที่ภิกษุผู้ถือนิสัยขาดจากปกครอง นิสัยมุตฺตกะ หมายถึงภิกษุผู้ได้พรรษา ๔ แล้ว และมีคุณสมบติ พอรักษาตนอย่ตามลำพังได้ ทรงพระอนุญาตให้พ้นจากนิสัย่ ๙.ตามนัยแห่งอรรถกถา อาจารย์มีกี่ประ๓ท อะไรบ้าง คำ ขอนิสสัย อาจารย์ว่าอย่างไร? ตอบ มี ๔ ประเภท คือ ๑. ป๋พพัชชาจารย์ อาจารย์ในบรรพชา . ๒. อุปสัมปทาจารย์ อาจารย์ในอุปสมบท ๓. นิสสยาจารย์ อาจารย์ผ้ให้นิสสัย ๓๑๑
www.kalyanamitra.org ๔; อุทเทสาจารย์ อาจารย์ผู้บ่อทธรรม :- ' ว่า อาจริ!ย เม ภนเต โหหิ อายสมโต นิสฺสาย,โฐจฺฉามิ ๑๐,พระอปึชฌาย์และสื'ห^หาริก พึงปฐป๋ตตอก้นอย่างโร จึงจร! เก้ดความเจริญงอกงามในพระธรรมวินัย ตอบ พึงปฏิบตตามทีสมเด็จพระบรมศาสดาตรัสสั่งไว้ว่า ให้พระ: อุป๋ชฌาย์และลัทธิวิหาริกตั้งจิตสนิทสนมในกันและกน ให้พระ อุฟ้ชณาย์สำคัญลัทธิวิหาริกฉนบุตร ให้ลัทธิวิหาริกนับดือพร่ะ อุปัชฌาย์ฉนป็ดา เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่างจะมีคว่ามเค่ารพเชื่อพึงกัน อยู ย่อมจะถึงค่วามเจริญงอฺกงามไพบูลย์ในพระธรรมวิ'!^ ๑๑. ภิกษุเช่นไรควรได้นิลัยมุตตกะ? ตอบ ภิกษุผู้ควรได้นิลัยมุตตกะ คือ. ๑. เป็นผู้มื่ศรัทธา หิริ โอตคัปฺปะ วิริยะ สติ ๒. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล อ่าจาระ ความเห็นชอบ เคย ได้ยินได้พึงมามาก มีปัญญา ๓. เจัดอาบติ มีใช่อาบติ อาปัติเบา อาปัติหนัก จำ พระปาฏิ- โมกข์ได้แม่นยำ ทงมีพรรษาพ้น ๕ ๑๒.ภิก่ษุเช่นไรชือ่ว่า นวกะ มชฌมะ เถระ ลัท่ธิวิหาริก ลันเตวาสิก? . ดอ่บ่.ภิกษุมีพรรษ่าหย่อน๔ ชื่อว่านวกะ ภิกษุมีพรรษาพ้น.๔ แต่หย่อน ๑๐ ชื่อว่ามชฌิมะ ภิกษุผู้มีพรรษาครบ ๑๐ แล้ว ชื่อว่าเถระ ภิกษุผู้พึ่งพระอุปัชฌาย์ ชื่อว่าลัทธิวิหาริก ภิกษุผู้พึ่งอาจารย์ ชื่อว่าลันเตวาสิก ๓๑๒;
www.kalyanamitra.org กณฑ์ฑ ๑๔ วตรฺ _ วัตร คือขนบธรรมเนยมหรือแบบอยๆงอนภิทยุค^รปรร?ฬฤร ในกาลนั้นๆโนที่นนๆในภิจนั้นๆแท่ชุคทลนั้>เๆในบาลีทานจด ไว้เป็นห่มวด ๆ นี้เรียกว่าวัตร ภิกษุผู้เอาใจใส่ประพฤติวัตรนั้น ๆ ใหฺ บริบูรณ์ ไต้ร่อว่า อาจารสมปนIน ผู้ถีฟ้พ่ร้อมด้วยมารยาทุ หรือไต้ ร่อว่า วตดสเ!ปนฺโน ผู้กึงพร้อมต้วย่วัตรได้ร่อว่า สีลสมฺปนโน ผู้กึง พร้อมต้วยศีล .ท่านสรแสเญไว้ในพระธรรมวินัย ในทุนี้จะกล่าว เพียงวัตรอันจะพึงใต้โนกาลนี้แต่โตยใจความ เพื่อสะตวกแท่การถือ ปฏิบ้ติให้สำเร็จประโยชน์จริง วัตรนั้นจำแนกเป็น ๓ คือ ๑. ภิจวัตร ว่าด้วยภิจอันคุวรทำ ๒. จริยาวัตร ว่าด้วยมารยาทอันควรปรพฺ^ฤติ ๓. วิธีวัตร ว่าด้วยแบบอย่าง กิจวัตร ว่าด้วยกิจอันควรทำ มี ๑๒ อย่าง คือ ๑.อุนัชฌายวัตร วัตรที่ภิกษุสัรพุวิหาริกพึงทำแท่พระอป็ชฌาย์ ๓๑๓
www.kalyanamitra.org ๒. สัทธิTVทริกวัตร วัดรทพระอุifชถ่ภย์พึงทำแก่สัทธวิ^ ๓. อาสันดุกวัต่ร วัตรที่ภิกษุยู้จะไปส่อาวาสอื่นพึงฺประพฤสิให้สม เป็นแขกของเจ้าของถิ่น ๔.อาวาสิกวัตร วัตรที่ภิกษุเจ้าของถิ่นพึงประพฤติแก่อาสันดุกะ ๔,คมิกวัตร วัตรที่ภิกษุผู้จะไปอยูที่อื่นพึงประพฤติ ๖. ป็ณฑปาติกวัตร วัตรที่ภิกษุผู้จะเข้าไปเพื่อรบบิณฑบาต ในละแวกบ้านควรประพฤติ ๗.ภตสัคดวัตรวัตรที่ภิกษุผู้จะสันอาหารควรประพฤต!นโรงสัน ๘. เสนาสนคาหาปกวัตร วัตรที่ภิกษุผู้แจกเสนาสนะควรรู้ภิกษุ ที่ควรไห้ย้ายหรือไฝควร ๙. เสนาสนคาหกวัติร วัตรที่ภิกษุผู้รืบเสนาสนะของสงฆ์ควร เอาไจใส่วักษาเสนาสนะ ' - ๑ช.วัจจกุฏกวัตร วัตรสันจะพึงปรรพฤติในวัจกุฎี ๑๑. คลานุบ้ฏฐากวัต.ร วัตรที่ภิกษุพยาบาลไข้ควรประพฤติ ๑๒.ติลานกวัตร่ วัติรที่ภิกษุผู้อาพาธสมควรประพฤติ ๑. อุบ้ชฌายวัตร ภิกษุผู้สัทรวิหาริก ควรเอาไจไส่อุบ้ฏฐากพระอุบ้ชฌาย์ของตน ตลอตกาลที่อาสัยท่านอ่คู่ ไนิบาลจารฟ้นภิจไว้เป็นอย่าง ๆ ย่นแสดง สังน ๑. เอาใจใส่ในการอุบ้ฏฐากท่าน ในภิจทุกอย่าง ในบาลี มี การถวายนํ้าบ้วนปาก นํ้าลีางหน้าและไม้ลีฟ้น ๒. หวังความศก่ษาใน่ท่าน ๓๑(ร:
www.kalyanamitra.org ๓. ขวนขวาย!]องทน หรือระงับศวามเสือม่หวามเสิย อันจัก มีหรือได้มีแล้วแก่ทาน ในบาลีแสดงอๆการระงับความกระสัน ความ เบื่อหน่าย และปลดเปลื้องความเห็นผิดของท่าน เอาธุระใน่การออก .จากครุกาบติของท่าน ขวนขวายเพื่อสฺงฟ้ งดโทษที่จะลงแก่ท่าน หรือเพื่อผ่อนเบาลงม่า ๔. รักษานํ้าใจท่าน ไม่คบคนนอกใหัฟ้นเหตุแหฺนง ในบาลี แสดงว่า จะทำการรับ การให้เป็นต้น กับคนเซ่นนั้น บอกท่านท่อน ไม่ทำดามลำพง . ๔, เคารพในท่าน ในบาลี แสดงการเดินดามท่าน ไม่รดนัก ไม่ห่างนัก และไม่พูดสอดในขณะท่านกุาสังพูด ท่านพูดผิด, ไม่ทัก หรือค้านจัง ๆ.พูดอ้อมพอท่านไต้สติรู้สืกตัว ๖.ไม่เที่ยวเคร่ตามอำเภอใจ จ่ะไปุข้างไหนลาท่านก่อน ๗. เมื่อท่านอาพาธ เอาใจใส์พยาบาล ไม่ไปข้างไหนเลีย กว่าท่านจะหายเจ็บหรือมรณะ ๒. สัทรวิหารืกวัตรุ ภิกษุผู้อุป้ชณาย ควรมีใจเอื้อฺเพื่อในสัทรวิหารืกของดนดลอด กาลที่เธออาศัยอยู่ อุ่นแสดงโดยใจความดงนี้ ๑. เอาธุระในการุศึกษาของสัทรวิหารืก ๒. ส่งเคราะห์ด้ว่ยบาตรจ็วรและบริจาคออุ่างอื่น ถ้าของดน ไม่มี ก็ขวนขวายหา ๓. ขวนขวายป็องกัน หรือระงับความเสือม ความเลีย อันจักมี หรือได้มีแล้วแก่สัทรวิหาริกตังกล่าวแล้วในกรณียะของสัทรวิหาริก ๓๑ร:
www.kalyanamitra.org ๔/เร่อสัทธวิหิาริกอาพาธ ทาการพยาบาล วัตรอ้นอาจิารย์ฒะอันเดฺาๆสิกจรผฟรร ดแคกัน พงัเโด่ย่ นอนี้ ๓, อาคันตกวัตร ภิกษุผู้เป็นอาคัฉดกะไปส่อาวาสอื่น ฟึงประพฤตึไหสมเป็น แขกของทาน ด้วยอาการคัง่นี้ ๑. ทำ ความเคารพในท่าน ในบาลี แสดงความขอนี้!ว้วฺา พอ จะเข้าเข่ตวัด ถอดรองเท้า ลดํริม เปีดคลุมสีรษะ เในบัด^ดจีว่รเฉวียง บ่า)เข้าไบ่ส่สานกเจาของถิ่นท่อน ใหวีเจ้าของถิ่นผู้แท่กว่าดน ๒. แสดงความเกรงใจเจ้าของถิ่น ในบาลีแสดงความฃอนี้ ไวีว่า เห็นเจ้าของถิ่นกาลังท่าธุระ เชนกวาด้ลานพระเจดีย หรือท่า ยาแท่ภิกษุไข้ เธอละกิจนั้นมาท่าการตอนรับ บ่อกเธอท่าให้เสร็จท่อน กล่าวอนุโลมนัยนี้ เมื่อเข้าไบ่ เห็นเจ้าของถิ่นกำลังฝ็ธุริะอยางนั้น รอ ให้เสร็จท่อนจึงเข้าไปหา ถ้าเธอต้องพักงานไวี อยาอยู่ให้นาน ผ. แสดงอาการสุภาพ จะเข้าไบ่ในที่อ้นไม่ควรเหยียบยํ่าต้วย เท้าเป็อน ถ้าเท้าเบึ๋เอนมา ล้างเท้าเลียท่อนจึงเข้าไป ลือเอาอาสนะอ้น สมแท่ดนร่งเป็นผู้น้อยหรือผู้ใหญ หรือเสมอกับเจ้าของถิ่น. ๔. แสดงอาการสนทสฺนมกับเจ้าของถิ่น ในบ่าลี แสดงความ ข้อนี้ ด้วยต้องการนั้าฉันกินัน ต้องการนี้าไข้สิใข้ ■อนุโลมนัยนี้เจ้า ของถิ่นท่าปฏิสันถาร ก็รับ ไม่แสดงอาการรังเกียจ ๔.ถ้าจะอยู่ที่นั๋น ควรประพฤด้ให้ถูกธรรมเน้ยมของเจ้าของถิ่น ๖. ลือเสนาสนะแจ้วอย่าดูดาย(เทไจใล่ชาระป็ดกวาดให้คมด้จด่ ๓๑๖
www.kalyanamitra.org จัดํตั้งเครื่องเสนาสนะใหฟ้นระฌฒ' ในบาล จึงไหถามถึงเสนาสนะอน ถึงแกตน ถามถึงโคจรคาม ไกลใกล้ จฺะพึงเฃ้าไปเ^าหรือสาย บ้านไหน มีจำ กดของหรือมีจำกดภิกษุ ถามถึงทื่อโคจรเป็นต้นว่า บ้านมิจฉาทิฏเ ทื่อนประกอบต้วยภิย ถามถงทื่ถายเว็จ ทื่ถ่ายป๋สสาวะ สระนํ้า; และ กตึกาสงฆ ๔. อาวาสิกวตร ภิกษุผู้เป็นเจ้าของถิ่น เมื่อมีอาคันตุกะไปฝูสำนัก พงต้อนผ โดยสมควร ด้วยอาการคังนี้ ๑. เป็นผู้หนักในปฏิสันถาร ในบาลี •แสดงความขอนื๊ว่ากำลง ทาจึว่ร หรือนว่กรรมอยูถึต้ กำ ลังกวาดลานพระเจดียอยูกดี กำ ลังทำยา แกํภิกษุไข้ไม่หนักก็ดี ให้งดการนนไวพลาง มาต้อนรบอาคันตุกะ เวน ไว้แต่กำลังทำยาแก่ภิกษุไข้หนัก ให้รีบทำให้เสร็จก่อน ๒. แสดงความใฒัถึอแกํอาคันตุกะ ในบาลี แสดงความข้อนี้ ต้วยทำปฏิสันถาร ตั้งนี้าล้างเท้า เครื่องเช็ดเหา ตั้งหรือปูอานสนะให้นั่ง ถามต้วยนํ้านันนํ้าใช้ ๓. ทำ ปฏิสันถารโดยธรรม คือให้สมแก่ภาวะชอฺงอาคันตุกะ ใน บาลี แสดงความข้อนี้เว้ว่า ถ้าอาคันตุกะแก่กว่าตน ลุกไปรับบาตรจึวร ไหว้ท่าน ถ้ามีแก่ใจก็ช่วยเช็ดรอง่เท้าให้ต้วย เอานามันทาเท้าให้ และ พัดให้ท่าน ถ้าอาคันตุกะอ่อนกว่วิตน ก็เป็นแต่บอกอาสนะให้นั่ง บอก ให้นํ้ๆคันนํ้าใช้ ให้เธอถือเอาคันเอวใช้เอง (โนบัดนี้ สั่งให้ผู้อุนทำให้ เป็น่การสมควร) ๔. ถ้าอาคันตุกะมาเพื่อจะอย่ทื่รัด เอาใจเอื้อเฟ้อ แสดง ๓๑๙
www.kalyanamitra.org เสนาส!*ะให้ ถ้ามีแกใจ ซวยป๋ดกวาดให้ห้วย บอกที่ทุางและกติกาส่งฆ ให้รู้ ■ตามข้อที่อาคันตุกะจะพึงถาม่ อันกล่าวแส่วในอๆคันตุกวัตรนั้น ๙. ครกว้ตร ภิกษุผู้จะใปอยู่ ณ ที่อื่น้ พึงประพฤติคังนี้ ๑. เกมงำเสนาสนะ ถ้าเห้นหลงคารั่วหรือชำรุต■อาจมุงอาจ ซ่อมไห้ ทำ ให้เสร็จก่อน ถ้ารกหรือเปรอะเ^อนชำระให้สะอาตก่อน เก็บเครื่องเสนาส!เะ คือเตียง ตั่ง ฟูก ;หมอน และเครื่องใช1ว้ให้ เรืยบร้อย อย่าทิ้งให้เกลื่อนกลาต ให้พ้นอันตราย ปีตหน้าต่าง ประตุ ลัน่ ตาลหรือกุญแจ. . ๒. บอกมอบคืนเสนาสนะแก่ภิกษุผู้ฟ็นเสฺนุาส่นค่าหาปกะ ถ้า ไม่มี บอกแม้แก่เพื่อนภิกษผ้อย่ห้วยคัน ถ้าตนอย่รปเตียว บอกแก่ s .<J ข่ ข \"ขขิ หัว หํน้าทายกหรือแก่นายบ้าน ๓.บอกลาท่านผู้ที่ตนพื่งพำนกอยู่ กล่าวคืออุป๋ชฌายะ หรือ. อาจารยฺผู้1ห้นิสัย ในบตนั้บอกลาพระเถระเจ้าอาวาสห้วย ๖. ปีณฑปาดิกวัตร ภิกฟ้จะเข้าไปเพื่อรบป็ณ่ฑบาต่ในละแวกบ้าน ควรประพฤติ ให้ลูกธิรรมเนียมคังนี้ ๑. นุ่งห่มให้เรืยบร้อ่ย คือนุ่งปีดสะดืค่ปกห้วเชำ ผูกประดต่ เอว ซ้อนผ้าสังฆาฏคับอุดตราสงค์เข้าห้วยคันเป็น ๒ ผืน ห่มคลุมป็ด ๒ _ I _ V: * บากลดตม ๓๑!!M
www.kalyanamitra.org ๒.แอบาตรฺในภายในจีวร เอาออกเฉพาะเมื่อจะรบบณฑบาต ๓. สำ รวมกิริยาให้เรียบ่ร้อย ตาม่สํมณสารูปในเส่ขยวตร ๔. กิาหน่ดทางเข้าทางออกแห่งบ้าน แสะอาการของ#ไวบ้านคู้ จะให้ภกข่าห่ริอไม่ ๔. ร้าาเขาจะให้ ริปบณฑบ่าตด้วฺยอาการสำรวมดังกลาวไ^น หมวดโภชนปฏิดังยุต ในเสฃยวัตร ๖. รูปที่กดับมากอน เตริยมอาสนะฑื่นงฉน นํ้าฉน ภาชนะรอง ของฉน ตลอดถึงนํ้าล้างเท้าเละเครื่องเช็ดเท้า ไว้ร[อรูปมาท้หลง ฟ้าย รูปฺมาท้ทุลัง ฉันแล้วเก็บของเหลานั้นและกวาดหอฉัน ธรรมเนียมนี้ สำ หริบวัดที่ภกษุทั้งหลายฉันในหอฉันแห่งเดียวกัน แต่ฉันไม่พร้อมกัน ภตตคคว้ดร ภกษุคู้จะฉันอาหาร ควรประพฤติให้ถกธรรมเนียมดังนี้ ๑. น่งห่มให้เริยบร้อย ตามสมควรแก่การฉันในวัดหรือในบ้าน ในอรรถกถาว่า เมื่อจะไปสู่ที่อังคาสของทายกแม้ในวัด ควรห่มคลุม แดโนษัดนี้ ในวัดใข้ห่มเฉวียงปาทั้งนั้น ๒. ร้จักอาสนะอันสมควรแก่ตน ถ้านั้งเข้าแถวในที่อังคาสอย่า นั้งเบียดพระเถระ ถ้าที่นั่งมีมาก เว้นไว้ที่ ๑ หฺรือ ๒ ที่ ในอาสนะที่ เข่าดั้งหรือปูมีจีากัดจำนวนภิกษุ จะทำอย่างนั้นไม่ได้ ขออนุญาด พระเถระแล้วนั่งได้ และอย่ากีดกันอาสนะภิกษุคู้ออนกว่าด้วยนั่ง่เถึย ปลายแถว เช่นนี้ภกษุอ่อนไฝมีโอุกาสจะนั่ง ๓. ห้ามไมให้นั่งท้บ่ผ้าดังฆาฏ1นบ้าน ข้อนี้!ฝสะดว่กในบัดนี้ เลย แต่ได้ความว่า เป็นธรรมเนียมเมื่อครั้ง่ใช้ห่มผ้าเลก เมื่อนั่งทับ ๓๑๙
www.kalyanamitra.org ผ้าสิ'พาฏิเอามือลอดออกมาลำบาก ฉันไฝละตาก ทั้งทาไห้เหนี่ยว ผ้าห่มให้เลื่อนลง . ๔. ทายกถวายนฺา ถวา^ยโภชนะ ร้บโดยเอื้อเฟ้อ ถ้า^ชนะเขา ไฝได้จัดถวายเฉพาะรูป ๆ เขาจัดมาในภาชนะอ'นเดียว ถวายให้ตัก เอา.เองหรือ.เขาตักถวาย หางให้ได้ทั่วกัน ฤาขอฺงน้อยเห็นว่าจะไฝ พอกัน ผลัดกันรับบ้างไฝรับบ้าง ๔. ในโรงฉันเลกพอจะแลทั่วถึงกัน ภกร^งหลำยยังไม่ได้รัชั โภชแรทั่วกัน ภิกษุผ้ลังฆแไรฺะอย่าเพิ่งลงมือฺฉัน เว้นไว้แดในที่อังคาส ภิกษุมากแลเห็นกันไฝทั่ว หรือพ้นวิลัยจะรอคอยกันได้ ๖. ฉันด้วยอาการอันเรืยบร้อย ตามระเบียบอันกล่าวไว้ใน โภชนปฏลังยุดแห่งเสฃิ่ยรัดร ๗. อิ่มพร้อมกัน ในบาลี แสดงความข้อนึ้!ว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย ยังฉันไฝแล้ว ภิกษุผ้ลังฆเถระ อย่าเพิ่งรับนํ้าล้างบ่าตร่ ในบด่นื้1ห้ ยังไฝบ้านปากและยังไฝล้างมือแทน ๘i. ระรังํไฝบ้วนปากและล้างมือ ให้น้ากระเซ็นถูกภิกษุผู้นง ใกล้หรือถูกจึวรของตนเอง ๙. ฉันในที่อังคาสของทายก เสร็จแล้วทำอนุโมทนท ธรรมเนียม เก่า ฤล่าวอนุโมทนารูปเดียว เป็นหน้าที่ของพระลังฆเถระเช่นเดียวกับ ว่ายถาในบ่ดนี่แดให้มืภิกษุผูรองลงมาอยู่เป็นเพึ่อนราว ๔-๔ รูป ภิกษุ ผู้เหลีอกลับไปได้ก่อน พรฺะเถรจ่ะสั่งภิกษุอื่น่ที่ตนหรือทายกปรารถนา ให้อนุโมทนาก็ได้ ในบ'ดฺนี้สวดพร้อฺมกัน บางทีรูปหนึ่งเทศนาอนุhทนา' นำ ก่อน ๑๐. เมื่อกลับอย่าเขยดเสิยดํกันออกมา ถ้าโรงฉันแคบ ภิกษุผ้ อยู่ปลายแถวออกก่อน โดยทวนลำตับชื้นไป แล้วยืนรออยู่ข้างนอก ๓๒๐
www.kalyanamitra.org กว่าพระสังฆเถระจะออกมา ถ้าโรงฉันกว้าง.ออกฒั้แต่เ(นแถจแลวเดิน กลับตามลำดับแกออน ทานให้ไว้ระยะพอคนเดินผ่านได้โนระหว่าง ๑๑. ห้ามไมให้เอานํ้าล้างบาตรมีเมสิตข้าวเทในบ้านเขา ของ ฟืนเด่นกเหมีอนกัน การแจณส์นกสนะให้สือมี ๒ คร่าว ใน่ลังฆกาวาส ภิก™ง่ปวงมีสิทธี้1น่อันจะได้อยในเสนาสนะ ของสงฟ้ เว้นไว้แต่ประพฤตตนฝิตธรรม่ว้นย ถูกขับไลํเสืยจากวัด ส่งฆจัตให้มีภิกษุ่ไว้เป็นผู้แจกเส่นาสนะ เรียกเสนาสนคาหาปกะ ห้าม ไมให้ภิกษุ่แย่งรงเสนาสนะกันอยูฬามลำพง'การ่แจกเสนาสน่ะให้ลือ มี ๒ คร่าว ๑. เมื่อในพรรษา ๒.เมื่อนอกพรรษา ในพรรษา ภิกษุผูลือเสนาสนะมีสิทธิจะอยู่ได้ตลอดเวฺลาจา พรรษา ๓ เตือน นอกพรรษา ภิกษุผู้แจกเสนาสนะจะยายภิกษุจากเสนาสนะ แห่งหนึ่งไปอยู่แห่งอื่น เพื่อจะให้ภิกษุทั้งหลายได้รับเสนาสนะอัน เหมาะแก่ตน ๆ ในเวลาเช่นนั้น ห้ามไฝให้กางกั้นเสนาสนะ สือดื้อไฝย.อมไป. ในบาลีแสดงความข้อนั้1ว้ ด้วยห้ามไฝให้หวงเสนาสนะที่ได้ลือุไว้นั้น ตลอดกาลทั้งปวง ห้ามไมให้หวงเสนาส.นะสงฆ แม้ที่เขาทำเฉพาะ บุคคล.ตามลำดับพรรษา^ อาพาธเพียงเล็กน้อย: จะลือเอาเป็นเลศ หวงเสนาสนะ ก็ไฝควร ๓๒๑
www.kalyanamitra.org ๘:เสนาสนคาหาปกวัตร ฟ็ายภิกษุ่ผู้แจคเส่นาสนะเล่า ควรเภิคษผู้อันตนควรให้ย้าย หรือไฝควรดงนี้ ๑. ไม่ควรย้วยภิกษุผู้แก่กว่า เพื่อจะแจกเสนาสนะให้ภิกษุผู้ อ่อนกว่า ๒. ไม่ย้ายภิกษุผู้ยังอาพาธ เว้นไว้แต่อาพาธเป็นโรคอันจะติด กันได้ เช่นโรคฺเรื้อน และเป็นโรคอันฺทำเสนาส่นะให้เปรอะเป็อน เช่น โรคอุจจารร่วง ควรจัดเสนาสนะให้อยู่ล่วนหนึ่ง ๓.^ ไม่ควรย้ายภิกษุผู้รักษาคลังสงฆ์ เพราะเธอมีหน้าที่จะด้อง อยู่เฝืๅในสถานที่ใช่เป็นที่เก็บพัสดุของสงฆ์ . • ๔. ไม่ควรย้ายภิกษุผู้เป็นพหูสูด ผู้มีอุปการะแก่ภิกษุกั้งหลาย ด้วยการบอกแนะอรรถธรรม ๔. แม้ภิกษุผู้ทำการปฐสงขรณเสนาสนะอันชำรดให้คืนฺเป็น ปกติก็ใม่ควรให้ย้าย่ เธอเป็นผู้ขวนขวาย ก็ควรจะให้อยู่ต่อไป คำ ที่ว่า นี้ หมายเอาการย้ายจากเสนาสนะดีไปอยู่เสนาสนะทราม อนึ่ง ไม่ควร ให้ภิก1^ปเดียวถือเสนาส^แ; ๒ แห่ง qiy. ๙. เสนาสนคาหกวัตร ภิกษุผู้รืบถือเสนาสนะของสงฆ์ ควรเอาใจไล่รักนาเสนาสนะ ด้วยอาการดงนี้ ๑. อย่าทำเปรอะเ!เอน ๒.ชำ ระให้สะอาด อย่าให้รกด้วยหยากเยื่อหยากไย่และละออง ๓. ระรังไม่ให้ชำรุด เช่นจะยกเดียฺงตั่งเป็นด้นเช่าอ่อก ระรังไฝ ๓๒๒
www.kalyanamitra.org ใหกระทบบานประตูหรือฝา จะวาง่เตียงตั่งบนพื้นที่เขาทำบรืกรรม เอา สิ่งใดสิ่งหนึ่งรองที่ปลายเทำ ถ้าไม่รองจะทำให้พื้นเป็นรอย ๔.รักษาเครื่องIสนาสนะ เป็นต้นว่าเตียงตั่ง ที่สุดจนกระโถนให้ สะอาด และจัดตั้งให้เข้าระเบียบ ๙. ตั้งนํ้าฉันนํ้าใซไรัIห้พ่ร้อม ๖. ของใช้สำหรบเสนาสนะฬนึ่ง อยาเอาไปใช้Iนที่อึ่นให้กระจัด กระจาย สำ หรืบที่ใด ให้ใช้tนที่นน แต่จะยืมไปใช้ชั่วคราวแล้วนำมา .คืนไต้อยู่ หรือในเวลาไม่มภิกษุอยู่ ของเก็บไว้ในที่นั้นจะหาย หรือ เป็นอันดรฺายเพราะสัดว้กัดเป็นต้น ภิกษุผู้เป็นเสนาสนคาหาปกะจะ ขนเอาไปเก็บไว้ในที่อื่น สมควรแห้ ^ ๑๐. วัจจกฏิกวัตร พระศาสดาตั้งวัตรอันจะพึงประพฤตีในวัจจกุฎึไว้ มีฉัยดังนี้ ๑. การส่ายเว็จ ส่ายป๋สสำวะแล่ะอาบนํ้า ตรัสให้ทำดาม ลาดับผู้ไปถง ไม่เหมือนกิจอื่น อันจะพึงทำดามลำดับพรรษา ๒. ให้รืกษากิริยา เช่นประตูปีด ห้ามไม่ให้ต่วนํผสักเข้าไป ให้ กระแอมหรือไอก่อน ฝ่ายผู้อยู่ข้างในก็กระแอมหรือไอรับ ต่อไม่มืเสียง จึงต่อยผสักบานประตู จฺะเข้าจะออกอย่าทำผลุนํผสัน ต่อยเข้าต่อยออก 'อย่าเวิก่ผ้านุ่งเข้าไปหรือออกมา อย่าส่ายเว็จและชำระให้มืเสียง ๓. ให้รู้จักรักษาบริข่าร เปลื้องจึวรพาดไว้เสียข้างนอก อย่า ครองเขาไป ๔.ให้รู้จักรักษาตั่ว อย่าเบ่งแรงจนถึงชอกชํ้า เว้นไว้แต่ห้อง ผูกเก็นปกติ อย่าใช้ไม้ชำระอันประทุษร้ายตั่ว เช่นไม้มืคม ไม้มืปม ๓๒๓
www.kalyanamitra.org ไม้มีหนุ่าม่ ไม้ผุ ให้ไ^ม้ทุเหลาเถลี้ยงเกลาแล้วชารช่ดวยน^ ๔. อย่าทํๆกิจอนในเวลานั้น ในบาลี แสด่งความนี้ไว้ ด้วย ห้ามไฝให้เกี้ยวไม้ชำระฟ็นพลาง ๖. ให้ระวํโงเพี่อไมให้ทำสกปรก อย่าถ่าย่อุจจาระให้ค้างหรือ เบอนร่I อง อย่I าถI่ายvปัสสาวะ«ใ1 หV้นอกร่างนอกร่I อง ไฝtบVวนนา^ลายหรือ สั่งนํ้ามูกลงในรางปัสสาวะหรือที่พื้น.ไฝทิ้งไม้ชำระลงในหลุมเว็๋จ ทิ้งใน ตฺะกร้าที่มีไว้สำหร่บทิ้ง . เมื่อชำร่ะแล้ว่ไฝเหลีอนี้าค้างไว้ในภาชนะ ข้อหลังนี้ กล่าวเฉพาะภาชนะท1ข้ในวัจจกฎีอันเป็นที่ถ่ายทั่วไป ถ้า ไข้ภาชนะของ5^นเอง ไฝห้าม ๗. ให้ช่วยรักษาความสะอาด พบรัจจกฎืโสโครกอันม้อื่นทำ ไว้ให้ช่วยล้าง รกให้ช่วยกวาด ;ตะกร้าไม้ชำระเต็มให้เท นํ้าสำหรับ ชำ ระหมด ให้ตักมาไว้ ที่ถ่ายปัสสาวะนั้น กล่าวในบาลีเพียงแต่ว่า จัดให้ถ่ายเป็นที่ มีกำ แพงก่อด้วยอิฐหรือศุลาหรือมีฝาไม้บัง มีปาทุกา .คือเขียงเท้า เป็นที่เหยียุบนั่ง มีหม้อร่องบัสสาวะที่ถ่าย มีวัตรจะพึงประพฤติ อย่างไร ในที่นั้นหาได้แสดงไว้ไฝ พระโอวาทเกี่ยวกบภิกรฟ่วย ถ้าภิกษุรูปใดรูปหนึ่งอาพาธลง ภิกษุผู้เพี่อนสหธรร่มิกควร่ เอาใจใส่ช่วยรักษำพยาบาล .อย่าทอดธุระเลีย พร่ะศาสดาทร่งปรารภ ภิกษุอาพาธ ตรัสสั่งไว้ว่า \"ภิกษุทั้งหลาย มารดาก็ดี บัดาก็ด ของเธอ ทั้งหลายไม่มี ถ้าพวกเธอจะไฝพยาบาลอันเอง ใครเล่าจะพยาบาลพวก ^ เธอ ภิกฟ้ดปรารถนาจรลุบัฎฐากเรา ขอให้ภิกษุนั้นพยาบา!ลกิกษุ่ไข้ ๓๒ร:
www.kalyanamitra.org เถิด ถ้าพระอุป็ชผรช์ อาจารย์ สัทรเหารก อันเตวาสิกฺของผู้ใข้มีอยู่ ให้เธอพยาบาลอันกว่าจะหายหรือสินชีพ ถ้าไฝมีให้ผู้รวมอุป๋ชฌายะ ร่วมอาจารย์พยาบาล ถ้าภิกษไข้เป็นผ้จรมา ตัวคนเดียว ให้สงฆ์ พยาบาล ตังนี้\" ๑๑. สิลานุป๋' วัตร วัตรที่ภิกษุพยาบาลไข้ควรประพฤดี ภิกษุพร้อมด้วยคุณสมบดี ๕ ประการ สมควรเลือกเป็นผู้พยาบาล ๑. ร้จักประกอบ๓สืช ๒, รู้จักฃองฺอันแสสงแกโรดแสะไฝฺแสลง นำ เข้าไปให้แดีของ ไฝแสลง อันเอาของแสลงออกเลืย ๓> เป็นผู้ไฝเกสยดแต่ของโสโครก ๙.ไฝใช่เป็นผู้มกได้ ๙. มีจิตเมตตา ๑๒. คลานกวัตร วัตรที่ภิกษุผู้อาพาธสมควรประพฤติ ภิกษุผู้อาพาธ รู้ว่า ดนด้องเป็นภาระของเพื่อนสุหธรรมีกด้วยฺอัน ควรประพฤติตังนี้ ๑. ทำ ตนให้เป็นผู้พยาบาลง่าย ดีอฺทำ ความสุบายให้แก่ตน (ไฝตันของแสลง และไฝทำ!!นความสบายอย่างอื่น) ๒. รู้จักประมาณ ดีอความพอดีในของไฝแสลง (เช่นไฝตัน มากเกนไป) ๓. ตันยาง่าย ๓๒dr
www.kalyanamitra.org ๔.บอกอาการไข้ตามเร]นจริงอิย่างไรแท่ผู้พยทบาล ๔. ฟ้นผู้อดทนต่อทุกขเวทนา แม้สามเณรก็ควรได้รบความพยาบาล ดุจเดียวกับภิกษุ เพื่อนสหธรรมิก คือภิกษุก็ดี สามเณรก็ดี อาพาธอย่ในที่อึ่น แม้!รนทางไกล และเป็นเวลาไนพรรษา กังทรงอนุญาตให้ทำสัตตาหะ ไปพยาบาลได้ และประทานยกเว้นด้วยเรื่องนิสัยและอื่น ๆ อีก จริยาวัตร ๑. มิห้ามไฝให้เหยียบผืนผ้าขาวกันเขาลาดในุที่นิมนต์ อธิบายว่า พระองคไฝทรงเหยียบนน เพื่อจะไม่ทำเปรอะเ!เอน แสดงให้เห็นความสกปรก ไม่รู้จักรักษามารยาทของพระ แม้พระพวก เดียวกันจะนั่งลงก็น่าขยะแขยง เพ่ราะเหตุนั้น คว^วังเพื่อจะไม่ เหยียบยํ่าผ้าอาสนะขาวที่ปูไว้สำหร้บนั่;) เป็นแต่นั่งอย่างเดียว ส่วนผ้า ที่เขาปูไว้สำหร้บยืนในการมงคล และผ้าสำห^เช็ดเท้าที่ล้างแล้วกัง เปีย่กเหยืยบได้ ไม่ห้าม ๒. กังไม่ได้พิจารณาท่อน อย่าเพื่งนั่งลุงบนอาสนะ อธิบายว่า จะนั่งลงบนอ่าสนะ อย่านั่งผลุนผลันลงไป ทำ เซ่นนั้น ถ้ามิของอะไรวางอ่ย่บนนั้น จะทับหรือกระทํบุขอ่งนั้น ถ้า เป็นขนนํ้าก็จะหกเสียมารยาท พึงตรวจดูด้วยนย่ฟ้ตาหรือไข้มือลูบ ท่อนแล้วจึงค่อย่นั่งลง ๓.ห้ามไม่ให้นั่งอาสนะยาวกับหญิงและคนพันทาง แต่จะนั่ง กับคนมิอาสนะไม่เสมอกันได้อยู่ อธิบายว่า ที่นั่งยาวนั่งได้ตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป เป็นของยกจากที่ ๓๒๖
www.kalyanamitra.org ได้ เช่นเก้าอี้ยาวที่ตั้งตามร่มด้นไม้ถ็ดี เป็นของอยูก้บที่ เช่นร้านไม้ที่ เขาป๋กขาลงในดิน หรือแท่นกอด้วยอิรูก็ดี ร่อว่าอาสนะยาว บนที่เช่น นี้ จะนั่งก้บหญิงหรือคนพ้นทางมีกะเทยเป็นด้นไม่ควร . ค์นมีอาส'แะไม่เสมอก้นนั้น ท่านแก้ว่า ภิกษุผู้แก่กว่าหรือ อ่อนกว่าก้นพ้น ๓ พรรษา คนมีอาสนะไม่เสมอก้นนั้น ได้แก่อ'แ- ปสัมบนผู้ที่ภิกษุไม่ได้ยอมให้เข้าพวก จะนั่งบนอาส^เะยาวเช่นนั้น กับอนุปสัมบันได้อยู่ ส่วนภิกษุด้วยกันเป็นสมานาสนิก ผู้มีอาสนะ เสมอกัน นั่งร่วมกันได้แท้ แต่ในบาลีเองก้แก้สมานาสนิกว่า ภิกษุผู้ มีพรรษาไส่เลี่ยกัน แก่หรืออ่อนกว่ากันไม่ถึง ๓ พรรษา ๔. ภิกษุผู้รองลำสับฉนค้างอยู่ อย่าให้ลุก อธิบายว่า ภิกษุผู้กำสังฉันอยู่ในโรงฉน ภิกษุรู่ปหนึ่งไปข้า เมื่อเข้าไปภิกษุผู้อ่อนกว่าเธอฺ จะด้องร่นลงมา ให้อาส'แะแก่เธอตาม ลำ สับพรรษา เช่นนี้อย่าให้เธอลุกจากที่พึงอนุญาตให้เธอฉันต่อไป ส่วนตนพึงนั่งลงในที่ว่างแห่งใดแฟงหนึ่ง ไม่ด้องให้ภิกษุผู้ฉันด้างอยู่ ลุกจากที่ หากภิกษุนั้นฃืนแทรณเซงเข้าไป ภิกษุผู้อ่อนกว่า ก็ควร ลุกถอยร่นลงมาให้อาสนะแก่เธอ ไม่คฺวรขวางอาสุนะผู้แก่กว่า ๔. จะพ้กในกลางวฺน ท่านให้ป็ดประดู อธิบายว่า ท่านให้ทำอย่างนั้น เพื่อให้พักในที่กำบัง คน แปลกหน้ามาจะได้ไม่พบในเวลานอนหลับ พึงปฏิบตให้ถูกต้อง หา ที่กำ บังได้จึงพัก แม้ในที่ไม่มีประตู หรือมีแต่ไม่มีบาน หรือเดือย เลียปิดไม่ได้ก็ต้องมีอะไรบัง ในที่มีคนช่วยระวัง จะปิดก็ได้นี้ควร ไข้ได้ในกาลบางคราว เช่นคราวเจ็บไข้ มีผู้พยาบาลอยู่เป็นเพื่อน ๖. ห้ามไม่ให้เทอุจจาระ บัสสาวะ หยากเยื่อ หรือของเป็น ๓๒Gว'
www.kalyanamitra.org เดนทิ้งลงไปนอกฝา นอกกำแพง อธิบายว่า ถ้าภิกษุอยู่บนกุฎี ทิ้งแมหยากเยื่อลงไปทางหน้าต่าง ถูกคนเข้าก็เสีย่กิริยา ถ้ากุฎีอยู่ในที่ไม่ใช่ทางคนเดิน เททิ้งของเช่น นั้น้ลงไปจากข้างบน พื้นที่ข้างกุฎีก็สกปรกควร่ถืออย่างกวดข้น อีก อย่าง่หนึ่ง ห้ามไม่ให้ทิ้งของเช่นนั้นในที่สดเขียว คือในที่เพาะปลูก ของเขา ต่างโดยเป็นนาเป็นไร่ ในบัดนี้เป็นสนามหญา ๗.ห้ามุไม่ให้ขี๋[นต้นไม้ เว้นไว้แต่มีกิจ อธิบายว่า เช่นหลงทาง ต้อฺงการจะขึ้นที่สูงํเพื้อลูที่าง เช่นนี้ ขึ้นได้สูงชั่วคน กส่าวคือ ๔ ศอก ด้องการจะหนีอันตราย่จากสัตว ร้ายเป็นด้น ขึ้นสูงกว่านั้นได้จนกว่าจะปลอดภัย ๘.ห้ามไมไหไปเพื่อจะลูการฟ้อน การขบ การประโคม อธิบายว่า การฟ้อนนั้นเช่นรำละคร การข้บนั้น เช่น:ขบเสภา ร้องสักวา การประโคมนั้นุ เช่นบรรเลงปีพาทย์ มโหรี นี้เป็นองคแหง การเส่น การเส่นบางอย่างมีองค ๒ เช่นขับเสภา มีปีพาทย์ส่ง บาง อย่างมีองคครบทั้ง ๓ เช่นละครรำ มีทั้งบทรำบทร้องบทส่งปีพาทย์. ไปธุระอื่น ไม่ตั้งใจจะไปดูพบเข้าในที่นั้น ไม่เป็นของเสีย อยู่ในว้ดมีการ เส่นเช่นนั้นเฉพาะหน้า แลเห็นหรีอได้ยิน ก็เหมือนภัน แต่เพียงไปลู่ยง ห้าม ไม่ด้องกส่าวถืงฟ้อนขับประโคมเอง เป็นการห้ามแนีนอน ๙. ห้ามไฝให้กลาวธรรมต้วยเสียงขับอันยาว อธิบายว่า แสดงธรรมก็ดิ สวดธรรมก็ดี ด้วยทำนองมีเม็ด พรายยืด่ยาวจนเสียพยัญชนะ. ไม่ควรจะแสดงหรีอสวด การสวดที่ เรียกว่า สรภัญญะได้อยู่ การเทศน้หรีอสวดตลกคะนอง ด้องการ สรวลเสเฮฮา เสียสมณสารูป ไม่สมควร ๓๒02^
www.kalyanamitra.org ๑๐. ห้ามไมใฟ้จับวัตณป็นอน่ทมาส คือ!มตวรจับ วัตลุอบ?ฒาสคืฮสิงของ^^ทษ!ฝคว^ มีปรรเภพสืงบึ้ ๑. ผูหญิง และเค'รึ๋องแ#งการ ทงรูปห้ทาฝ็สิณฐานฬบ#t ดิรัจฉานตวเมียก็จัดิเข้าในหมวดนี้ ผ้านุงผ้าหมที่เขาสลฺะแลว.เชนป เป็นอาสนะ พนจากความเป็นอนามาส ๒, ทอง เงิน และรัตนะ ในอรรถกถารัตนะมี ๘ ประการ คือ นุกดฺา มณี- ไพชุรย์ ประพๆพทบทิม บุษราคัม สิงฃ ศลา รวม ทอง เงิน เข้าด้วยเป็นรัตนะ ๑๐ ประการ . = เพชร สงเคราะห้เข้าในรัตนะ , สฺงข์ หมายเอาของที่ตก่แต่งด้วยทองและรัตนะ สำ หร้บรตนํ้า ตตาามมฐฐรรรรมมเเณนียยมมขขอองงพพรราาหหมมณ4 หหรรืออแแมม้ัสส้งํ์งขข้สสาัหาิห&เฒปฒ่าด้วย ไมใข้ สังข้ทวุไป่ เพราสังข์ อนุญาตให้ใข้พำลูกดุมลูก^รนได้ ศิลา หมายเอาข่อง.มีชาคืศิลาแต่เป็นของดี เซนหยกและโมร่า เป็นคัวอยาง ;1ขาใข้ของเช่นนั้นเป็นเครื่องประคับฺ ดุจกำไลมือหยกของ จีน ลูก่ปหรํ่าผูกข้อมือ ที่พำ ฒ้ยศิล่าแดงร้อยสลบกบลูกทอง ๓. ศสตราวธตาง:ช่นด เป็นเครื่องพำร้ายชีวิตและร่างกาย เครื่องมือพำงานเช่นขวานเป็นด้น ไฝนับเข้าในหมวดนี้ จับไข้สอยได้ ๔.เครื่อังคักสัตว์ทั้งบนบก ทงในนํ้าทุกชนิด ๔. เค่รื่องประโคมทุกอยาง ๖^ ข้าวฝสิอกและมล่ไมือนเกิดอยู่ในที่ (เก็บฒ่ไมที่อยู่คับด้น มาฉันเอง) การหามจับต้องวัตอุเป็นฮนามาสนี้ ไมได้มาโดยตรงในบาลี ๓๒๙
www.kalyanamitra.org พระอรรถก๓จารยฒียmคียงฟ้^ในวินีตวัตถุ i คือเรื่องเทียบสำ สินอาบติบาง ในที่อื่นบ้าง วางธรรมเนียมไร้ แตก็เป็นการสมศวรอุยู เซ่นภกชุผู้เร้นจากฆ่าสัตจ จะจบอาวธหรืณอฺรื่องดักสัตว เป็นผู้เร้นจาก: ประโคม,จะจับเครื่องประโคม ไม่สมควร วัตฺถุที่เป็นอ,นามาส เป็นของ ไม่ควรแก่ภิกษุมาแต่เติม วิธีวัตร คือแบบแผนที่จะพึงปฏิบติให้เป็นระเบียบเรืยบร้อยฺของพระ ภิกษุในภิจต่างๆ กันดังต่อไปนื้ ๑. วิธีครองผ้าของภิกษุ ชุงสัดรวาสก ม้วนชายเข้ามาข้าง^าย เหน็บชายบนเหนีอ สะคือ ไม่ทำชายพฺก รืมผ้าข้างล่าง ทำ ให้ปกเข่าลงมาเพียงราวครึ่ง แข้ง อย่าให้ปกลงมามากจนกีด่แข้ฟ้นเวลากาวเคืน เข้าที่ปร่ะชม' หรืออกนอกอาราม นอกที่อย่ รัดประคดฺเอว ห่มอดตราสงค์ ม้วนข้ายเข้ามาดุจ เคืยวกัน ในอารามหรือ ในที่อย่ ป็ดปาข้าย 4ปีดปาขวา นอกอารามนอกที่อย่ คลุมทั้ง ๒ บ่า แหวกลูกบวบเอามือขวาออกมาทางกลีบจีวร กสัดรังดุม สังฆาฏิ ในบาลีกล่าววฺาใข้ข้อนกับอุดตราสงค์ห่มเขาบ้าน แตไนอารามโดยที่ลุดในเวลาทำอุโบสถสังฆกรรมไม่ไดกล่าวถึงเลย ในเมืองเราไข้พาดปาข้ายทับอุดตราสงค์ . M วิธีเข้บาดรในพลาเที่ยวร้บภิก่ษๆ กล่าวแ!วในกณ™ ๑๒ บริขารบริโภค ตอนบาตร - ๓. วิธีพบจีวร กล่าวไร้ในบาลีไมให้พบทักกลาง ให้พบทำขนด ๓๓๐
www.kalyanamitra.org เหลื่อมเข้าบ้างออกบ้างราว ๔ นิ้ว เอาประคดเอวไว้ในขนดแห่ง อันตรวาสก แบบนิ้ดุอยู อันจีวรชํ้าดรงกลาง แดโนเวลานิ้หาผ้าได้ ง่าย จีงไฝค่อยฺเสึกนั่ก จีวรครั้งเก่าเก็บบนราว ๔. วิธีเก็บจีวร ถือจีวรด้วยมือข้างหนึ่ง ลูบราวด้วยมือข้างหนึ่ง เอาจีวรสอดได้ราวค่อย ๆ พาดใบ้ชายอยู่ข้ๅงดัว ขุนดุอยู่ข้างนอก ๔. วิธีเก็บบาตร เก็บไว้ใด้เตียง ได้ตั่ง วิธีเก็บ .ถือบาดรด้วย มือข้างหนึ่ง ลูบได้เตียงได้ตั่งด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วจึงเก็บ ๖. วิธีเช็ดรองเท้า ไข้ผ้าแท้งเช็ดก่อน แล้วจีงไข้ผ้าเปียกเช็ด ๗.วิธีพดใท้พระเถระ ไนบ่าลีกล่าวไว้ ไบ้พัดหี่หลังเท้าครั้งหนึ่ง ที่ตัวครั้งหนึ่งที่ศีรษะครั้งหนึ่ง,.แต่พัดที่ศีรษะนั้น ถ้าท่านถือควรงด ๘. วิธีเปีดปีดหน้าตางตามชุลู ไนฤดูหนาว ท่านแนะไบ้เปิดไนกลางวิ'น ปีดไนกลางคืน ไนฤดูร้อน ไท้ปิดไนกลางวัน เปิดไนกลางคืน เพราะอากาศ ภายนอกร้อนกว่าอากาศภายไน .. ๙, วิธีเดิน ท่านไท้เดินเรียงฺตัวตาผลาตับแก่กว่า เว้นระยะ ห่างอันพอคนเดินฝานได้ ถ้าพระมากแถวจะยาว ถ้าจะเดินระยะถี่ กว่านั้น ค่วรเว้นช่องไว้พอคนเดินผ่านไม่เช่นนั้นจะเลียประ!ยชน้ จะท่าวินยุกรรม ไท้ห่มผ้าพฝ็ยงปา นึ่งกระหย่ง (ปัจจุบัน นึ่งคุกเช่า) ประณมมือไข้Iนกิจมีปลงอาบ้ตเป็นด้น ๑๑. ว่า นโม คำ!ฟ้'สการ ว่า ๓ จบ อังมืค่าอื่นอีก เช่นค่า ปฏญญาเมื่อปลงอาบ้ต ค่าปวารณาและอื่นๆ วิธีวัดรนิ้โม่คงแบบ อาจเปลี่ยนไปดามกาลเทศะ นำ มากล่าวไว้ ไนที่นิ้ เพื่อจะไท้รู้ว่าหมูภกษุจะประพฤดิสมํ่าเสมออัน ก็ด้องอาศยวิธี ๓๓๑
www.kalyanamitra.org ด้วยประถารหฬึ่ ฟฟฬุหมฟ้นเฌ!ทดียจ^ ค่เalนราณปานแด้เด มาแล้ว ล้าเป็นเฒบล้วงเวลาและจะไมใ# ถด้องมีวิร!หฝm ไมเชนนนจะคอยหลุดไปทีละอยาง ๆ ■จุนไมมอะไรเ'Hลือ ฟ้ญหาแสะเฉ่ลยรฟ้ยยุฃฺ mvi^ ๑๔ ๑. อะไรเรยกว่าวตร จำ แนกเป็นเทาไร เฟไรล้าง 7 ตอบ ฃนบหรือแบบอปางอนภิกษุควรประพฤตึในกาลนั้น ๆ ในทึ๋ นัน้ ๆ ในกจ่นั้น ๆแก่บุคคลนั้น ๆเรียกว่า วตร จำ แนกเป็น ๓ คือ ๑. กจวดร ว่าด้วยกิจอันควร่ทา ๒. จริยาวัตร ว่าด้วยมรรยาท:อ้นควรประหลุ่ต ๓.วิธีวัดรว่าด้วยแบบอย่าง ๒.ภิกษุฟ้นสท^าริกคว่รเอาใจใล้อล้ฏฐากธุล้ชฺฌาย่ฃองตนอย่างไร ล้าง? ตอบ ลัทธิวิห่าริกเอาใจใส่อุปัฏฐากอุป็ชแเายขอ้งดน คือ ๑. เอาใจใสอุปัฏฐากทานในกฺจทุกอย่าง เซน ถ่ว่ายนั้าบวนปาก นั้าล้างหนา ไม้ลืฟัน ๒. ห่วังความคืกษาในท่าน ๓.ขวนขวายป็องกัน หรือระงับความเสื่อมเลืยอ้น'จกมีหรือได้มีแล้ว ๔.รักษานั้าใจท่าน ไมคบค่นนอกใหเป็นเหฬุแหนง ๔. เคารพในท่าน ๖. ไม่เทยวเตฺร่ตามอา๓อใจ จฟ้ปขางไหนลาท่านก่อน ๔: เร่อท่านอาพาธ เอาใจใส่พยาบาล ๓๓๒
www.kalyanamitra.org ๓.เโท่รวิหารก่ สือใiสร ภิกษุผู้ฟึนอุฟ้ชฌาย^งประพ่ฤตอย่าง!รต่อ เโฑรวิหาริก? ตอบ คือ ภิกษุผูพึ่งพ3 1ฉการอปสมบท:ภิกษุกือภิก อffซฌาfiสืเป็นสัหํรวิหๆริศฬฮงภิคฺษุรู่ป& อ่ป๋ชเพายฟึงฟ่เบสิส่อ สัท่รวิหาริกอย่างส์คือ ๑. เอาธุระในการคืกฺษๆฃ่อ่งสืทรวิหๆริก่ ๒. สงเคราะหด้วยบาตรจีวรและบริขารอย่างอื่น ถ้าของตนไม่มีก ขวนขวายหา ๓. ขวนขวายป็องกันหรือระงับความเสึ๋อมิเสิยอนจีกฝ็ห^^^ หาริกอ่าหาธ #ใการฬยาบาล - ๔.อุ!โซผาย์ประณามสัทรวิหาริก่^ประพฤติขอบด้วยเหตุอะไรถ้าง อาการที่อุถ้ชฌายปร่รณามกัทธวิหาริคพงฺทาอย่างไร? ตอฺบ ด้วยเหตุดังนี้ คือ ; หาควาบร้พุค^อุรซฌา ๒f. ารัาความเสื่อliส®ได้ ๓. หาความละอายมิได้ ๔. หาความเคารพมิได้ ๔, หาความหวงฺดีส่อมิได้ พึงพูดให้รู้ว่าตนไลเธอเสืย ในบาลีแสดิงไว้วิาเราประณามเธอ เธออย่าเด้ามา ณ ที่นี้ จงขนบาตรจีวร่ของเธอออกไปเลีย หรือเธอ ไม่ด้องอุถ้ฏฐากเราดังนี้ หรือแสดงอาการทางกายให้รู้อย่างนั้น์กได้ ๔.ภิจงัตรสื่ดัทรวิหาริกควรกระทาแคพระอุถ้ชเมาย1นด้อว่า เคารพใน ท่านนั้น ในบาลีท่านแสดงไว้อย่างไร? ๓๓๓
www.kalyanamitra.org ตุอฺบ ในบาลีแสฺดงการเดินตุ่ๆMทาน ไมฺให้ชิดนก ใฝให้ห่า:aนก และไม่พูดสอดในขณะที่ห่านกำลังพูด เมึ่อฺห่าน่พูดผิด ไม่ทัก หรือคานอย่างจัง ๆ พูดอ้อมพอห่านได้สดิรู้ลีกลัว จึงจะเปีนการดี ๖. พร^กษุไปส่อาวาสอื่นพึงปฏิบ้ดแกเจ้าฃ่อ่งอื่นอย่างไรบ้าง ? ตอบ พึงปฏิบ้ตอย่างนี้ ๑. เคารพในห่าน(ผู้เป็นเจ้าของถิ่น) ๒.แสดงความเกรงใจ ๓. แสดงอาการสุภาพ ,๔.แสดงอาการสนิท่.สนม ๔. ประพฤดิให้ถูกธรรมเนียมเจ้าของถิ่นสำหรัษที่จะอยู่ที่นั้น ๖. ถือเสนาสนะแล้วอย่าดูดาย ๗.ภิกษุผู้ไม่ควรถูกย้าย ๔ ประเภทคุอใครบ้าง? ต่อบ ภิกษุไม่ควรถูกย้าย๔ ประเภทคือ ๑.ไม่ควรย้ายภิกษุผู้แกํกว่า เพื่อแจกเสนาสนะให้ภิกษุผู้อ่อนกว่า .๒.ไม่ควรย้ายภิกษุอาพูาธ เว้นไว้แด่อาพาธลันจะดิดด่อทันได้ เซ่นโรคเรื้อน ๓.ไม่ควรย้ายภิกษุผู้รักษาคลังสํงฆ . ^ . ๔.ไม่ควรย้ายภิกษุผู้เป็นพหูสูต ผู้มีอุ่ปการะแกํภิกษุฑงหลาย ด้วยการบอกแนะนำอรรถธรรม. . ๔.ไม่ควรย้ายฺภิกษุผู้ทาการปฏิลังขรณ์เสนำส!}^ลันชำธุดให้ . คืนํเปีนํปกดิ ๘, ภิกษุที่ควรถูกเสือกให้เฐฺนุผู้พยาบาลด้องประกอบด้วยองค์เห่าไร อะไรบ้าง ? ๓๓(ร:
www.kalyanamitra.org ตอบ ภิก1^ควรถูฏเลือกให้เป็นผ้พ่ยาบาลตองประกอบด้วยองฺศ ๔ คือ ๑. รู้จักประกอบ่ยา ๒.รู้จักของแสลงโรคและไฝแสลง นำ แตฺขอิงไฝแสลงไปถวิาย เอาของแสลงออกเลืย ๓. เป็นผูไฝฺรังเกียจของโสโครก ๔. เป็นผู้ไฝเห็นแก่ได้ • ๔. เป็นผู้มีจิตเมตตา ๙.เมื่^ทพุ่พึ๋อนสหธรรมกุอาพาธ ฑร่งให้ใคร่รุรนพู้พยาบาล แลร?ทรง ร่งสอนปรารภกีกษุอาพาธไร้4าอิยางไร่ 7 ตอบ ทรงให้ภิกษุเพื่อนสหธรรมิภเอาโ'จใส%ช^พย่าบ่าลกน อยา ทอดธุระเสีย ทรงสั่งสอินปราร่ภฺภิกษุอาฬาธ่ไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย มารดาและบิดาของเธอทั้งหลายไฝมี ถ้าพวกเธอิจะไฝพยาบาล กันเอง'ใครเล่าจะพ่ยาบาลพวกเธอิ ภิกษุใดปรารถนาจะอป๋ฏฐาก เร่า ขอให้ภิกษุนั้นพยาบาลภิกุษุไข้เถิด ^ ๑d. รัตธุอนามาสคืออะไรมีอะไรบาง ? ตอบ่'รัดถุอนามาสคือิ ของที่ภิกษุไฝควรจับ่ด้อง มี ๖ ประเภท คือ ๑. ผู้หญิง ทั้งเครื่องแต่งกาย ทั้งรูปที่ทำมีสัณฐานเชนนั้น เดรัจฉานตัวเมีย ๒. ทองเงิน และรัตนะ ๘ ประการ คือ มุกดา มณี ไพฑูร่ย ประพาฬ ทับทิม ศิลา หยก ๓. ตัดราวธต่างชนิด(เว้นเครื่องมีอิทำงาน) I .V y. V s ๔. เครื่องตักสัตว์ทั้งบนบกทั้งในนํ้า ๓๓(ร:
www.kalyanamitra.org ๙, เคฐื่องyร?^คมทคอย'ฬ . ๖. ข้า'3เปคือกและผลไมฺอนเกิดอยู่กบที่ ๑๑.กิกษุจฺบ่ต้องวัตIอุอนามาสมีโทษอยาง่ไร? ตอบ ถ้าจับต้องท่านฺปรับุอาบต้ทุกกฏ เว้นแด่มีดจฺามุท่าหมดจับ ผู้หญิง ต้องอาบตสังฆากิเสส ๑๒.ภกษุ!หยียมผ้าชาวอ้นเขาสๆตัไว้โนที่นิมนต์มีดวัตรข้อไหน มี โท่ษให้เกิดความเสืยหายอย่างไร? ตอบ มีดวัตรข้อจริยาวัตร มีโทษให้เกิดความเสืยหาย คือเป็น . การเสียมารยาทของ'พระ ไม่ระวังกิริยา ทำ ให้ผ้าขาวมีรอย.เแอน สกปรกน่ารังเกียจ แม้กิก^วกเดียวกัน่จะ'นั่งกีรังเกียจขยะนร)ยง . เป็นที่ตำหนิ'ชุ่องบัณฑิตทั้งหลาย mm- วิธีวัตร คืออะไร มีความสำคืญอย่างไร? ต่อฺบุ คือ.วิ'พยที่ว่าด้วยแบบอย่าง เช่นแบุบอยางการท่มผ้าเป็นต้น่ . และจะไมใข้กีด้องมีวิธีใหม่แทนไม่เช่นนั่นจะคอยหลุดไปทีละอย่าง จนไม่มีอะไรเหลฺอเมอถึงเวลานั่น พระสงฟ้กีจะไม่มีอะไรที่แตกด่าง จ่ากชาวบ้าน ๑๔;กิก3^เ'ชาไปบิณฑบาตในละแวกบ้าน พึง!!ระพฤต์เห้สูคธ่รรมเนิยม อย่างไร? ตอบ พึงประพฤติอย่างนี้ ๑.น่งห่มให้เรียบร้อย ๒. ถือบาตรในก่ายในจีวร ๓๓๖
www.kalyanamitra.org ๓. สำ รวมกิริยาให้เรียบร้อย ๔. กำ หนดทางเข้าทางออกแห่งบาน ๔. ริบบิณฑบาตด้วยอาการสำรวม ๑๔.การแจกเสนาสนะ มือยูกคราว อะไรบ้าง? ตอ!! การแจกเสนาสนะมือยู่ ๒ คราว คือ ๑. คราวอยู่ในพรรษา ๒. คราวอยู่นอกพรรษา ๑๖.ในพระวินัยส่วนอภสมาจาร มืพระทุทธบ้ญ^สำหริบพระภกษุ ผู้ริบถอเสนาสนะของสงฆ์ ควรเอาไจใส่ริกนฺๆเสนาสนะตัวย่^อาการ อยุ่างุไ^ง? .ตอบ ควรเอาใจใส่ริก อยางน ;คือฺ ๑. อย่าทำเปรอะเป็อน . / ๒. ชำ ระให้สะอาค ๓. ระวังไมให้ชำรุด ๔. รักษาเครื่องเสนาสนะ , ๔; ตั้งนํ้าฉันนํ้าใข้ไว้ให้มี.พร้อม -๖. ของใข้สำหรับเสนาสนะหนึ่ง อย่าเอาไปใ'ข้1นที่อื่นให้ . กระจัดกระจาย ๓๓๙
www.kalyanamitra.org กัณฟ้ที่ ๑๙ ดารว0* สร{นรดันสูงสุดของชาวฬุ่ทธ พระรัตนตรัย ย่อมเบนสรณะอย่างสูงสุตของพุท่ธศาสนิก ท่านจึงห้ามไว้ในบาลีไฝให้เล่นปร่ารภพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ อธิบายความว่า เล่นในที่นี้ หมายเอาทั้งทำเล่นทั้งพุดเล่น เอาเรื่อง พระพุทธเจ้าหรือเรื่องพระสงฟ้มาทำท่าล้อเล่น อย่างเล่นละครเพื่อ ความสนุก ไฝคํวร เรื่องพระพุทธเจ้าเรื่องพระสงฆ์ที่ได้ความรับรอง ว่าเป็นจริง จะเล่าด้วยโวหารตลกคะนองเพื่อสรวลเสเฮฮา ก็ไฝควร เรื่องที่ตั้งใจแสศงท่าหรือเล่าถึงด้วยความเคารพ เพื่อจะนำให้เกิด ความเลื่อมใน เชนเรื่องสังคายนาพระธรรมรินิย ' ที่พวกเร่าทำอยู่ เป็นตัวอย่าง เห็นว่าไฝเป็นความผิด การแสดงุความเคารพ การแสดงค*วามอ่อนน้อมแก่กัน เป็นความดีงามของหมู่ พระ- ผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระอนุญๅดการคารวะไว้ตังนี้ ๓๓0?
www.kalyanamitra.org ๑. การกราบไหว้: ๒. การลกรบ 1 ผ.การทำอัญชลี (คือประณมมือไหว้) ๔. การทำสามืจิกรรม (คือความอ่อนน้อมอย่าฟ้อน อัน่เป็น่ ความคืความฟ้าม) ทั้งหมดนื้1ห้ทำตามลำดับผู้แก่พรรษาก่ว่ากัน อาสนะและข้าว นํ้ๆที่ดีกว่า ก็ทรงพระอนุญาตไหได้รับตามลำดับผู้แก่พรรษาเหมือนกัน ผู้ทพระภกษุไม่ควรไหว้ เป็นธรรมเนียมของพวกพระภิกษ ลือไม่ไหว้คนอืนนอกจาก พวกของตน ในบาลีกล่าวไว้ดังนี้ V ๑.อนุปสัมบัน คือผู้ที่ไม่ใช่ภิกษ ฦกษณฺก็นุ้บเข้าในพวกนี้ ๒. พวกภิกษุด้วยกัน ลือไม่ไหว้ภิกษผู้อ่อนกว่า ย่อมไหว้ เฉพาะภิกษุผู้แก่กว่า ผ. ไม่ไหว้ภิกษุส่าฟ้นีกายร่ฟ้เรียกว่านานาสังวาส แปสฺว่าผู้มื ธรรมเป็นเหตุอยู่ร่วมส่าฟ้กัน ๔. แม้แก่หรรษากว่าแส่พตไม่เป็นธรรม ย่อมไหว้แตุ่ภิกษุผู้ พูดเป็นธฬมเท่านั้น งดการไหว้ในบาฟ้เวลา แมภิกษุผู้แก่พรรษากว่า ร่วมนีกายเดียวกันุ ซึ่ฟ้เรียกว่า สมามr สังวาส เฟสว่ามืธรรมเป็นเหตุอยู่;ฑมเสมอกัน ก็ยฟ้งดไหว้Iนบางเวลา ดัฟ้นี้ ๓๓๙
www.kalyanamitra.org ๑. ในเวลาประพฤติวุฏฐานวิธี สิออยูกรรมเพื่อออกจากอาบติ สังฆาทิเเสสสส ๒.ในเวลาดูกฺสงฆุทำอุกเขปนียกรรม ที่ลูกห้ามสมโภค(กิน ร่วม) และสังวาส (อยู่ร่วม) ๓. ในเวลาเปลือยกาย ๔.ในเวลาเข้าบ้านหรือเตินอยู่ตามทาง ๕.ในเวลาอยู่ในที่มืดที่ดไมเทินกิน ๖.ในเวลาทีท่านไม่เ สิอนอนหสับหรือขลุกอยู่ด้วยรุรร;อย่า^ หนึ่ง หรือส่งใจใปอื่นแมไหว้ ท่านก็คงไมใsiใจ ๗.ในเวลาขบฉนอาหาร ๙.ในเวลาก่ายอุจจาระ ถ่ายบ้สสาวะ ไหว้ใmจลาข้างต้ฟึด่ยลาด้บลงมา สิอ ข้อ ๑^ ๓ ท่านปรับ อาบ้ติทุกกฏ่ ไหว้ในอีก ๙ ข้อที่เหฺลือท่าiiวาเพียงไม่สิไม่งาม การลุกขึ้นยีนรืบงดในบางเวลา การลุกยืนขึ้นรับเป็นกิจ่ที่ผู้น้อยจะพีงท่าแก่ผู้ใหญ แตไม่ได้ กลาวไว้ละเอียดเหมือนการไหํว้ พีงงดในโอก่าสตอไปนี้ ๑. เวลานั่งอยูในสำนกผู้ใหญ่ ไม่ลุกร่บผู้น้อยกว่าท่าน ๒. เวลานั่งเข้าแถวในบ้าน ๓. เวลาเข้าประชมสงฟ้ในอาราม การประณมมือ ท่าได้แม้แก่ภิกษุผู้ออนกว่า เชนเมื่อขอขมา โทษ หรือท่าวินัยกรรม ยืนัท่าก็มื ใชท่าเฉพาะแก่ท่านผู้ใหญ่ การท่าสามีจิกรรมก็เหมือนกิน ท่าได้แก่ภิกษุผู้อ่อนุกว่า ใน ๓(£๐
www.kalyanamitra.org กาลบางค่ราว เช่นในเวลาลัทธิวิหาริกอาพาธ เป็นหน้าที่ของพระ อุป๋'ชฌายจะพึงอุปัฏฐากลัทธิวิหาริก ใน ๓ อ่ปาง่นี้ ไฝมีปรับอาปัสิ เหมือนในการไหว้ การคาt3ะที่จดไว้โดยประการอึ๋นสิก ๑. ใหผู้อ่อนเรียกคู้แก่ว้า ภนเต ใพึดูแก่เรียกคู้อ่อนว้า อ่าวุโส่ จึงใช่เป็นธร่รมเนียมสิบมาจนกาลนื้ คู้อ่อ่นพดแก่คู้แก่ใช่พหุวจนะ เหมือ่นพูดแก่มากคน คู้แก่พูดก่นคู้อ่อ่น ใช่เอกวจนะ (ป็นพูด่แก่ด่น เดียว ข้อนี้ในพระวินัยไฝได้กลาวถึง จึงไม่มืการ่ปรับอาบดีแก่คู้ทาผด L ทรง่อ่นุญาดอ่าอ่นะดีก่ว้าตามสำดปคู้แก่นัน ภิกษุคู้น้อย แสดงธรรม จ่ะนั่งสูงกว้าพระเกระ และพระเถระจะนังตากว้า หรีอ ดีางนั่งเสมอก่น ด้วยเคารพในธรรมควรออ่ คู้น้อยเมื่อ่จะแสดงธรรม ด้อฬด้รฺบอนุญาตจ่ากคู้ใหญ่ก่อน จึงแสดงได้ ไฝเช่นนั้น่เป็น่ข้าม่ คู้ใหญ่ เพราะหน้าที่แสดงธรรม่ เป็นของคู้ใหญ่ ต่อเมื่อคู้ใหญ่ไฝ สามารล จึงจะถึงคู้น้อย ๓. อัอ่ในก^เดียวก่บภิกษุคู้แก่ทว้า จะสอ่นธรรม จะอธิบาย ความ จะสาธยาย จ่ะแสดงธรรม จะจุดจะดับไฟ จะเป็ดจํรรเด หน้าต่าง ด้องบอ่กขออนุญ่าดท่านก่อนจึงทำได้ ด้ามไฝให้ทำตาม อำ ๓อใจ ถ้าท่านอนฌาตไว้ให้ทำได้ดลอดไป ไฝด้องบอกทุกครั้งที่ ๔. อุปัชฌายก็ดี อ่าจ่ารย์ก็ดี แมื่ภิกษุอื่นั่คู้เป็นอุปัชผาอ่มืดด้คู้ เป็นอาจริยมัดด้ถึดี เดินไฝได้สวมรองเทา ห้ามไมให้เดินสวมรองเท้า อป๋ชผายมัดต์ คือภิกษผ้พอเป็นอปั'ชฌายะหรืออาจารย์ให้ 0 <น ๓(ร:๑
www.kalyanamitra.org นิสัยได้ มีพรรษาแก่พ้น ๑๐:ขึ้นไป อๆจรยฟ้ดด์ คือภิกษุผู้ปูนอาจ้ารซ์ แต่พระอรรถกถาจารฺย์ แก้ว่า ภิกษุผู้มีพรรษาแก่กว่าตนเพียง ๖ พรรษา คือเมื่อตน ๔ พรรษา ภิกษุพรรษา ๑๐ สามารถให้นิสัยได้ . ๙. ภิกษุผู้จะเข้าไปในเจ้ตียสถฺาน อุ้^ฟ็นที่ระลึกถืงพระศาสดา จะแสดงอาการเคารพ ไม่กุนร่ม ไม่สฺวมรองเท้า ไม่ห่มคลุมเข้าไป ไม่แสดงกๆรดหมื่นต่าง ๆ เช่นพูด่เลึยงดัง และนั่งเหยียดเท้าเรนด้น ไม่ฤายลุจจาระป๋สสฺาวะ แล2fไม่ถมเชฬะในลานพระเจดีย์ ต่อหน้า พระปฏิมา นี้น้บว่าเคารพในพระศาสดา . ๖. ภิกษุ่ผู้จะหำวินัยกุรรมศ่อกุ้'น เช่นบอกปาริลุหร ปวารณา แสดงอาน้ดี จะหำผ้าห่มเฉวียงปา นั่งกระหย่ง ประณมมือหำ และ เมื่อฟังวินัยกฤๅหรือธรรมเทศนา นั่งฟังไม่พดจาก้น และระวังเพื่อ จ้ะไม่ไอกลบเลึยงผู้แสดง ไม่มีเหดจำเป็นไม่ลุกไปเลึยในเวลาที่ท่าน ก่าลงแสฺดงธรรมค้างอยู่ รอจนจ้บจ้งลุก ถ้าเป็นกถาที่ยาวฺ เช่น เทศนายันรุ่ง รอจนจบกณฑ์หนั่ง ๆ จึงค่อยลุกจากไป่ ยักษรจฺารืก พระ ไม่เดินข้ามหรือยํ่าเหุยียบ นี้นับว่าเคารพไนพระธรรม ๗.ภิกษุผู้จะเข้าประชุมสงฺฟ้ จะหมผ้าเฉวียงปา เว้นไว้แค่ใน ลุะแวฺกบ้าน และแสดงอาการสำรุวมเรียบร้อยไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อย นี^้ ว่าเคารพ่ในสงฆ, คารวะ ๓ ประการ มีปรากฏในบาลึแต่เพียงการห่มผ้าเฉวียงบา นั่งกระหย่ง ประณมมืกุหำวินัยกรรม นอกนั้นเป็นธรรมเนียมบัญณติ ขึ้นภายหลงแต่เป็นวัตรยันดุ.ควรประพฤติตาม; ๓(ฮ๒
www.kalyanamitra.org • ป๋ญหาและIฉลยวินัยมุข ทัณฑ์ที่ ฬ ๑. การแสดงความเคารพได้แก่กิริยาเช่นไ? ตอบได้แก่ การกราบไหวิ การลุกรับ การทำอัญชลีการทาสามี- จิกรรม ๒.ภิก1^วรงดทำความเคารพทันไนเวสาใดข้าง จํงตอบ^1า ข้อ? ตอบ ในเวลาดังต่อไปนี้(ตอบมา ๔ ข้อ) ' ๑.ในเวลาประพฤติวุ่ฎฐานวิธี คือ อยู่ก่รรมเพื่อออกจากอาบ้ติ สังฆาทิเสส • ' '- ๒.ในเวลาถูกสงฆลงอุฑ่เฃปนียกรรม'- ' • • ^ - v V ๓. ในเวลาฟลีอยกาย ' ๔. ในํเวลาเข้าข้านหรือเดินอยู่ตามทาง - ๙.ในเวลาอยู่ในที่มีดแลไม่เฟ้นกิน ' ;r ^, ๖.ในเวลาที่ท่านไม่รู้ . ๗.ในเวลาขบฉนอาหาร ^• ๘.ในเวลาถายอุจจาระปัสสาวะ : ๓. กิกษุประ๓ทไหนที่ควรเว้นคารวะ? ดอบ ภกษุมีพรรษาอ่อนกว่า ภิกษุต่างนิกายที่เรืยกว่า นานาสังวาส ภิกษุพูดไม่เปันธรรมเหล่านั้น ควรเว้นคารวะ ๔. ภิกษุพบพระเถระในเวลาเข้าข้านหรือเดินอยู่ดามทาง ควรปฏิบด อย่างไร? ดอบ ไม่ควรไหว้ ควรหลีกทาง ลุกรับ และให้อาสนะแก่ท่าน ๙. เพื่อแสดงความเคารพในภิกษุผู้มีพรรษามากกว่า เมื่ออยู่ในกุฏิ เดียวทับท่านควรปฏิบตดนอย่างไร? ๓(ร:๓
www.kalyanamitra.org ตอบ ควรปฏิษตดนอย่างนี้ คือ,จะJiๆๆสิ่งใด ๆ ควร่ขออนุญาต ท่านก่อน เชน จะสอนธรรม จะ!)ธิบาย;ความ จะสาธยาย จะ แสดงธรรม จะจุดจะตบไฟ จะเป็ดจะปีดหน้าต่างห้ามมิให้ท่าตาม อำ ๓อใจ ๖. ภก่1รุ^ฃ้าไปในเจคืยสถาน ควรป็ฏิบตอย่างไร.? ตอบ ควรปฐป๋ตอย่างนี้ คือไม่กั้นร่ม ไม่สวมรองเห้า ไม่ห่มคลุม เร่ทไปโม่แสดงอาการดูหมิ่นต่าง ๆเซนพูดเสียงดังและนั่งเหยียดเห้า เป็นต้น ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ และไม่ถ่มเขฬะในลานพระเจดีย ๗. ภิกษุกระทำอย่างไรจึงนบว่าเคารพในพระธรรม? ตอบ ภิกษุจะทำวินัยกรรมต่อกัน เชนบอกปาริสุทธิ ปวารณา แสดงอาป๋ติ จะต้องห่มผ้าเฉวียงบ่า นั่งคุกเข่าประณมมือทำ และ เมือฟังวินัยกถา ฟังธรรมเทศนา นิ่งฟัง ไม่พูดจากัน และระวังมิ ให้ไอกลบเสียงผู้แสดง ไม่มืเหตุจำเป็นไม่ออุก่ไปเสียในเวลาที่ท่าน แสดงค้างอยู่รอจนจบจึงลุกขึ้น ถาเป็นเวลาที่ยาว่ เช่น เทศนา ตลอดราตรีรอจบกัณ่ฑหนิ่ง ๆ อักษรจารึกพระธรรมไม่เดินข้ามหรือ เหยียบยํ่านี้นับว่าเคารพในพระธรรม ๓(ร:(ร:
www.kalyanamitra.org จํๆพรรษา ความเป็นมาการจำพรรษา ฟ้นธรรมเ^มของบานฒือฟั ไนค!แบร่าณ เมื่อส์งฤดูฝ่นคอง งดการไปมาหาสู่ตางเมืองชั่วคราว มืดวอิย่าง เช่นพอคาiสัตฺวพาหนะ ถึงฤดูฝน ณมืใด ต้องหยุดพัก ณ ที่นั้น เป็นอ่ย่างนั้เพราะทางเดิน •เป็นหล่ม ไปไม่สะดวก นอกจากนี๋^งจะถูกนฺาป่าหลากมาที่วมต้วย เมอครั้งปฐมโพธกาล ภิกษยังมีน้อย ถึงฤดูฝนทานก็หยุด เที่ยวจาริกดามลำพังของท่านเอง ไม่ต้องทรงยัง.เป็นธรรม่เนียม ครั้นม กขึ้น ๚^ต้ท่ร^ตงเป็นธรร^ .ที่เดิยวไม่ไปคางคืนที่ไห-นตลอด ๓ เดือน เราเรียกก็นวา จำ พรรษา ดิสืที่1?ฑห่นคเ;ห้เข้าพรรษว ดิถึที่ก็าหนด1หเข้าฟ^!เ^ เรียก วสสูปน^า ใน้บาลก^ ไว้ ๒ คือ ๑. ปุริมืกา ว้สสูปน้าฮกา วนเข้าพ่รร^ต้น ๒. ป๋'จฉิมืกา วส่สปนายิกา วันเข้าพรรษาหลัง ๓(£&
www.kalyanamitra.org วันเข้าพรรษานรก มีที่กาหนดวา เมื่อพระจนทร์เพ็ญเสวย ฤกษอาสาฬหะล่วงไปแล้ววันหนึ่ง คือวันแรมคร ๑ เดือน ๘ วันเข้าพรรษาหลัง มีที่กำ หนดว่า เมื่อพระจันทรเพ็ญเสวย .ฤกษ์อาสาฬหะล่วงไปแล้วเดือนหนึ่ง ดือวันแรมคร ๑ เดือน ๙ ส่ถานที่หามจัาพรรษา ; .ภิฑษจำพรรษา ต้องมีเสนาสนะที่มุงบง มีบานประตูเปีดปิด ไต้ หามไม่ให้อยู่จำพรรษาในสถานที่เหล่านี้ ดือ ๑. ในกระท่อมผี ๒.ในร่ม เช่น กลดพฺระธุดงค์ หรือกุฎีผ้ๆ เช่นเต็นท์ ๓. ในต่ม (ดือกุฎีดินเผากระมีง) ๔. ในโพรงต้นไม้ ๔. บนค:}คบ!ต้นไม้ ' สำ ฮรษฐานพรรษา การเข้าพรรษาท์ากันอย่างุไร ในบาลีกล่าวเพ็ยงให้ทำอาลัย ดือผูกใจว่า จักอยูในที่นี้ ๓ เดือน แม้หากจะไม่ทำอาลัย แต่เมื่อลึงุ กำ หนดเข้าพรรษาแล้ว ไม่ไปค้างแรมที่ไหุน ก็ไต้ชื่อว่า เข้าพรรษฺา เหมีอฺนก็น แต่ในบดนี้มีธรรมเนียมที่ประชมกน กล่าว^อเรรฐ่าน^ พร้อมกันว่า อิมสุมี อาวาเส อม่ เดมาสํ วสุสํ อุเปม แปสความว่า เราเข้าถีงฤดฝน ในอาวาสนี้ ดลอด ๓ เดือนนี้ การจาพรรษฺา^ ควรมีเขตเป็นเครื่องกำหนดว่าอยู่ในที่เพ็ยงไหน ในข้อนี้ท่านลังเลกฺน จะก็าหนดด้วยวิหุารดือกุฎีที่อยู่ หุรือกำหุนดด้วย ๓<r๖
www.kalyanamitra.org อาวาสทั้งสิ้น เพราะเหตุนี้ จึงมีธรรมเนียมอธิษฐานพรรษาเฉพาะรูป ๆ ที่กุฎีซาอีกว่า อีมสฺมี วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุฟมิ เฟลความอย่าง เดียวกัน ฝลี่ยนแต่เฟ็ยงในวิหารแทนในอาวาส ในการกำหนดเข.ตจำพรรษา ถ้าอยู่จำพรรษากันเป็นจำนวน มาก คงกำหนดเขตตลอดที่อยู่ที่เรียกว่าอาวาส ในภาย่หลังกำหนด เอาอาวาสเป็นเขต จึงมีธรรมเนียมบอกเขตอาวาส.ให้ภิกษุทั้งทลาย รู้ในวันอธิษฐานพรรษา จะได้วับอรุณในเขตนัน การฺเข้าจำพรรษๆในหฝเกวียนเป็นต้น พระภิกษุกำลังเดีนฺทางอยู่กับพวกโค กับพ่วกเกวียน หรีอ โดยสารไปในเรือ เมื่อถึงวันเข้าพรรษาพึงเข้าพรรษาที่นน ที่ท่าน แนะ1ห้ผูกใจกล่าาคำกธิษ'ฐานาา ลิ^ วสฺสํ อุเปม แปลว่า เราเข้า พรฺรษาในที่นี้ ถ้าพว!กโค พวกเกวียน เขายกไปอีนท่านให้ไปกับเขา ถ้าเขาถึงตำบลที่ภิกษุป,ระลงค์จะไป ให้อยู่จำพรรษากับพวกภิกษุในที นั้นได้ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเขาถึงถิ่นของเขาเข้าก่อน ต่าง.คนต่างแยฺก ย้ายกันไป ไม่ตั้งเป็นหมู่ ตุจเดิม ท่านแนะให้อยู่กับพวกภิกษุใน ตำ บลนั้นต่อไป ใน ๓ กรณีนี้พรรษาไม่ขาด ได้เพื่อปวารณาคราวจำ พรรษา การจำพรรษาห้ามไม่ให้ตั้งกสิกากันไม่เป็นธรรม สมียที่ภกษุบำเพึญสมณธรรมจะตังข้อกดิกานั้ดหมายกัน ห้ามไม่ให้ตั้งข้อกันไม่เป็นธรรม ท่านแสดงไว้ตังนี้ ๑. ห้ามไม่ให้บอกไม่ให้เรียนธรรมวินัย ๓(ร:๙
www.kalyanamitra.org ๒. ห้ามไฝให้สาธยายimม ๓. ห้ามไฝให้มี!,ทศน่า ๔. ห้ามไฝให้บรรพชาอุปสมบท ๔. ห้ามไฝให้นีส์'ย ๖; ห้ามไฝให้พูดกัน ๗. ๓ณฑให้สิอธุดงค์ ๘. เกณฑ๊1ห้บำเพ็ญสมณธรรม ให้นัดหมายกันแต่ในข้ออันเป็นธรรม . พูดชักนำเพื่อให้เกิด อุตสาหะในการบอกการเรียนธรรมวินัยเป็น์ตน เพื่อข่วนขว่ายในกิจ พระศาสนา เพื่อรู้ประมาณในการพูด เพื่อมีแกใจสมาทานธุดงค์และ * บำ เพ็ญสมณธรรมตามสสิกำลัง เพื่อเอื้อเพื่อแนะนำกันในวัตรนน ๆ เพ็อรักษาความสามัคคีไฝวิว่าทแกํงแย่งกัน.เพื่อรู้จักนับถือเกรงใจภิกษุ อืน เข่นจ่ะสาธยาย ไฝทาความรำคาญแก่ภิกษุผู้บำเพ็ญภาวนา หลีก ไปทาในโอกาสสวนหนึ่ง ข้อห้ามไมให้ตงกติกาอันไฝเป็นธรรมนี้ ควร ใข้ได้ในทอื่นทั่วไป ธุระเป็นเหตุไปดวยสตตฺาหกรณียะ ภิกษุผู้เข้าพรรษา ต้องอยู่ในที่เดียวอันกำหนตด้วยเขตตลอต ๓ เดือน ถ้ามีธุระจรีง ๆ ทรงอนุญาตให้ไปได้ แตให้กลับมาใน ๗ วัน เรียกว่าไปด้วยสดดาหกรณียะ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ลัดดาหะ ไปด้าง คีนในทีอืนไฝเกินกำหนดนัน พรรษาไฝขาด. ได้อานัสงสัแห่งการจำ พฺรรษา ถ้าเกินกำหนดพรรษาขาด ธุระเป็นเหตุไปด้วยลัดตาหกรณียะ กล่าวไว้ในบาลีนั้น ดือ ๓(3:0?
www.kalyanamitra.org ๑. สหธรรมิกฬรีอมารดาบิดาเจ็ชไข |m ไปเฟึฮรักษา พยาฃาล สืได้ ๒.สหธรรมิกกระสันจะสีก แข้าไปเพื่อรร;งบก็ได้ ๓. มิก็จสงฟ้เกิดขึ้น เป็นด้นว่า วิหารชารุดใน่เว่ลา'สัน ไป เพื่ฮหาเคิรึ่องท'พ'พ่สัมการะ(รัสดุก่อสร้าง) มาปฐสังขรถเได้อยู่ ๔. ทายกด้องการจะบำเ'พ็ญกุศล ส่งมานิม'นํส์ ไปเพื่อบารุง ศรัทธาของเขา ได้อยู่ แม้ธุระอื่นนอกจากนี้ที่เป็นกิจลักษณะอ'นุโลมตามนี้ เกิดขึ้น ไปก็ได้เหมือนกัน สาเหตุที่พ่รรษาขาดแต่ไม่ปร้บอาบิด ในเวล่าจำพรรษาอยู่ มีอนต่รายเกิดขึ้น จะอ่ยู่ต่อไปไม่ได้ และไปเสียจากที่นี้นพรรษาขาด แต่ท่านไม่ปรับอาบิต ในบาลืแสดง อันตรายไว้ลังนี้ ๑; ถูกสัตว์ร้ายก็สิ โจรก็ดี ปีศาจกสิ เบียดเบิยน \" ๒. เสนาสนะถูกไฟไหม้ หรือนํ้าท่วม ๓. ภัยเช่นนั้นเกิดขึ้นแก่โคจรคาม ลํ่าบากด้วยบิณฑบาต ในข้อนี้ชาวบ้านเขาอพยพไป จะไปตามเขาก็ควร ๔. 'ขัดสนด้วยอาหารโดยปกสิ ไม่ได้อาหารหรือเภสัชอัน สบาย หรือไม่ได้อุบิ'ฏฐากที่สมควร ในข้อนี้อังทนอยู่ได้ควรทนอยู่ไป พระศาสดาได้ทรงทำเป็น ลัวอย่างไว้แล้ว เมื่อครั้งทรงจำพรรษาอยู่เมืองเวรัญชา ข้าวยาก หมากแพง ภิกษุสงฆ์ได้ความอดอยาก แม้อย่างนั้นอังเสด็จอยู่จน ๓(zr๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 706
Pages: