Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-11-คู่มือครู ภาษาไทย ป.6-2

64-08-11-คู่มือครู ภาษาไทย ป.6-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-11 02:43:37

Description: 64-08-11-คู่มือครู ภาษาไทย ป.6-2

Search

Read the Text Version

๘๒๔ คมู่ ลําดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ทีใ่ ช้ 3. ๑. ท่องจําบทอาขยาน ขน้ั ปฏบิ ตั ิ ๒๐ กจิ กรรมคร ได้ นาที ๓. ครใู หน้ กั เรยี นคดั เล ๒. บอกประโยชน์ ร้อยกรองทีต่ นเองชื่นช การทอ่ งจาํ บท อยา่ งน้อยคนละ ๒ บท อาขยานได้ ครู : ทาํ ไมถงึ ชอบบทร ดงั กลา่ ว ครู : บทรอ้ ยกรองท่ชี น่ื คณุ คา่ อยา่ งไร เพราะ ๔. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ล ทอ่ งจาํ บทรอ้ ยกรองท ชอบ ๕. ประกวดการท่องจ ร้อยกรองทีช่ อบ ครู : นักเรียนสง่ ตวั แท ประกวดการท่องบทอ ครู : นักเรียนทไ่ี มไ่ ดป้ ต้องฟงั และเป็นผู้ตดั ส กับครู ๖. ครใู หน้ กั เรยี นทีช่ น การประกวดบอกเทค วิธีการทอ่ งจาํ บทอาขย ตนเอง

มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจดั การเรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น ลือกบท ชอบ ท ร้อยกรอง นชอบมี นักเรียน : ตอบตามความรสู้ กึ ะเหตุใด นกั เรียน : ตอบตามความรูส้ กึ ละคนฝกึ ทีต่ นเอง จําบท ทนเพอ่ื นกั เรยี น : สง่ ตัวแทนประกวด อาขยาน ทอ่ งบทอาขยาน ประกวด นกั เรยี น : ฟงั และตัดสิน สินร่วมกนั การประกวด นะ คนคิ และ ยานของ

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 เร่อื ง พูดอยา่ งสรา้ งสรรค์ ลําดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ 4. 4. บอกประโยชน์ ขน้ั สรปุ กิจกรรมคร การทอ่ งจําบท ๕ ครูและนักเรียนรว่ มกัน อาขยานได้ นาที ความคิดเห็น ครู : นักเรยี นบอกควา ของบทอาขยานอีกคร เป็นการทบทวนความ ครู : นกั เรียนรสู้ กึ อย่า การทอ่ งจาํ บทอาขยา นกั เรยี นช่นื ชอบ

แนวการจดั การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ ๘๒๕ รู กจิ กรรมนกั เรยี น การประเมนิ นแสดง การเรยี นรู้ - ตอบคาํ ถาม ามหมาย นักเรยี น : บทอาขยานเปน็ บท ร้ังเพอ่ื ท่องจําทผ่ี ้อู า่ นตอ้ งศึกษา มรู้ หลักการอา่ นใหถ้ กู ฉันทลกั ษณ์ างไรตอ่ เพ่อื ใหเ้ กิดความซาบซึ้งและ านที่ เห็นคุณค่ายงิ่ ข้ึน มีความหมาย ดมี คี ุณค่าแกก่ ารจดจํา และ สามารถนําไปใชใ้ นชวี ติ จริงให้ เกดิ ประโยชน์แกต่ นเองและ ผู้อืน่ ได้ นกั เรียน : ตอบตามความรสู้ ึก

826 ค่มู ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๘. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. บัตรคา บทอาขยาน ๒. ใบความร้ทู ี่ ๖ เรือ่ ง การท่องจาบทอาขยาน ๓. สอื่ การนาเสนอ เรื่อง ท่องจาบทอาขยาน ๙. การประเมินผลรวบยอด ส่ิงท่ีตอ้ งการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ - ตอบคาถาม - คาถาม ผา่ นเกณฑ์ - บอกหลกั การแตง่ บทรอ้ ยกรอง การประเมินระดบั ประเภทกลอนสภุ าพ - แบบประเมนิ ผา่ น การท่องบทอาขยาน ผา่ นเกณฑ์ ด้านทักษะและกระบวนการ - ประเมนิ การทอ่ ง - คาถาม การประเมนิ ระดบั - ทอ่ งจาบทอาขยาน บทอาขยาน - คาถาม ผ่าน ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - การตอบคาถาม ผา่ นเกณฑ์ - บอกประโยชน์การทอ่ งจาบท - การตอบคาถาม 1. แบบการสังเกต การประเมนิ ระดับ อาขยาน พฤติกรรม ผา่ น 2. คาถาม ผา่ นเกณฑ์ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. การสังเกต การประเมินระดบั 1. ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผา่ น 2. ความสามารถในการคิด 2. การตอบคาถาม 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 เร่ือง พดู อย่างสรา้ งสรรค์ 827 ชน้ิ งานหรือภาระงาน ทอ่ งบทอาขยานท่ตี นช่นื ชอบ เกณฑก์ ารประเมินผลชนิ้ งานหรือภาระงาน เรอ่ื ง แนวคิดจากบทอาขยาน ประเดน็ ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรุง) การประเมนิ ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑. อธบิ าย อธบิ ายความหมาย อธบิ ายความหมาย อธบิ ายความหมาย อธบิ ายความหมาย ความหมายของ ของบทอาขยานได้ ของบทอาขยานได้ ของบทอาขยานได้ ของบทอาขยานไม่ บทอาขยาน ถกู ต้องทัง้ หมด ถูกต้องสว่ นใหญ่ ถูกตอ้ งบางสว่ น ถกู ต้อง ๒. การรู้ ร้คู วามหมาย รู้ความหมาย รู้ความหมาย แทบไมร่ ู้ ความหมาย คาศพั ทท์ ้งั หมด คาศพั ท์โดยส่วน คาศพั ท์เลก็ นอ้ ย ความหมายคาศัพท์ คาศัพท์ ใหญแ่ ละชดั เจน และไมช่ ดั เจน เลย เน้อื หาถกู ต้องตรง เนอื้ หาถูกต้อง แต่ เนอื้ หาไมค่ ่อย ๓. เนอื้ หาถกู ตอ้ ง เน้ือหาถกู ต้องตรง ประเด็นเปน็ ส่วน ไมค่ ่อยตรงประเด็น ถูกต้อง ตรงประเดน็ ประเดน็ ใหญ่ ๔. การลาดบั ลาดบั เรื่องได้ ลาดับเรือ่ งได้ ลาดบั เรื่องได้ ลาดบั เร่อื งได้ แต่ เร่อื ง ต่อเนอ่ื งสมั พนั ธก์ นั ตอ่ เนื่องสัมพนั ธก์ นั ต่อเนอื่ งสมั พันธก์ นั ไมต่ อ่ เนอ่ื งสัมพันธ์ ๕. การใชภ้ าษา และมเี อกภาพ และมีเอกภาพเป็น กัน - เขยี นสะกดคา สว่ นใหญ่ เขียนสะกดคา ถกู ต้อง ผิดมาก ใช้ภาษา - ใชส้ านวนภาษา เขยี นสะกดคา เขียนสะกดคาผดิ รอ้ ยแกว้ ปนกบั ของตนเองใน ถกู ต้องและใช้สานวน บา้ งเลก็ น้อยและ รอ้ ยกรอง การเรยี บเรียง ภาษาของตนเองใน ใช้สานวนภาษา ขอ้ ความไดด้ ี การเรยี บเรยี ง ของตนเองใน ข้อความไดเ้ ปน็ ส่วน การเรยี บเรยี ง ใหญ่ ข้อความได้ หมายเหตุ : คา่ น้าหนัก ๕ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดมี าก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ ตา่ กว่า ๑๒ พอใช้ ปรบั ปรงุ เกณฑ์การตดั สนิ : ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป

828 คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๑๐. บันทึกผลหลังสอน ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................... ..................................................................... ข้อจากดั การใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วันที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. .................. ๑๑. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผูต้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. ..................

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 เร่ือง พดู อย่างสรา้ งสรรค์ 829 ใบความรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง การทอ่ งบทอาขยาน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๗ เร่ือง พดู อย่างสรา้ งสรรค์ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๙ เรื่อง ท่องจาบทอาขยาน รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ ประเภทบทอาขยานทีก่ าหนดใหท้ อ่ งจา แบง่ เป็น ๓ ประเภท คือ บทหลกั บทรอง และบทเลอื กอสิ ระ ๑. บทหลัก หมายถึง บทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนดให้นักเรียนนาไปท่องจา เพอ่ื ความเปน็ อันหน่ึงอนั เดียวกนั ทัว่ ประเทศ ๒. บทรอง หมายถึง บทอาขยานที่ครูผู้สอนหรือสถานศึกษากาหนดให้นักเรียนท่องจา เสริมจากบทอาขยานที่กระทรงศึกษาธิการกาหนด (บทหลัก) อาจเป็นบทร้อยกรองที่แสดง ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก ผญา เพลงเรือ บทกวีร่วมสมัยท่ีมีคุณค่า ฯลฯ โดยกาหนดใหท้ ่องจาภาคเรยี นละ ๑ บท เป็นอย่างน้อย ๓. บทเลือกอิสระ หมายถึง บทอาขยานที่นักเรียนแต่ละคนเลือกสรร มาท่องด้วย ความสมัครใจ หรือด้วยความชื่นชอบ อาจเป็นบทร้อยกรองที่มีผู้แต่งไว้ หรือบทร้อยกรองท่ี นักเรียนแต่งเอง หรือผู้ปกครองเป็นผู้แต่งก็ได้ แต่ต้องบอกได้ว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงเลือกบท รอ้ ยกรองน้ัน ๆ มาท่องจา โดยความเหน็ ชอบของครผู สู้ อน หรือสถานศึกษา บทรอ้ ยกรองท่จี ะคัดเลอื กใหเ้ ป็นบทรองและบทเลือกอิสระ ควรมลี กั ษณะ ดังน้ี ๑. มีเน้ือหา ความยากงา่ ยเหมาะสมกับวัย ๒. มีความยาวพอเหมาะพอควร ๓. มีคุณธรรม คตธิ รรม ให้แนวทางการดาเนินชีวิตทดี่ งี าม ๔. มีสนุ ทรยี รสทางภาษา ๕. มีความถกู ต้องตามฉนั ทลกั ษณ์ ๖. มีรูปแบบท่หี ลากหลาย การอ่านออกเสยี งบทอาขยานตามหลกั การทั่วไป ควรฝึกฝน ดงั นี้ ๑. กวาดสายตาจากคาต้นวรรคไปยังท้ายวรรค และเคลื่อนสายตาไปยังวรรคถัดไปอย่าง รวดเรว็ ไม่ตอ้ งสา่ ยหนา้ ตาม และอ่านออกเสยี งตอ่ เนอื่ งโดยไมส่ ะดดุ ๒. เปล่งเสียงดังพอประมาณ โดยพิจารณาผู้ฟังและสถานท่ี ไม่ตะโกน บังคับเสียง เน้น เสียง ปรับระดับเสยี งสูง – ตา่ ให้สอดคล้องกับจังหวะ ท่วงทานองและความหมายของเน้ือหาที่อา่ น ๓. อ่านด้วยเสียงที่ชัดเจน แจ่มใส มีกระแสเสียงเดียว ไม่แตกพร่า เปล่งเสียงจากลาคอ โดยตรงดว้ ยความม่ันใจ

830 คู่มือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๔. ควรทรงตัวและรักษาอากัปกิริยาให้ถูกวิธี ไม่ว่าจะยืนหรือน่ังอ่าน ลําตัวต้องต้ังตรง อยู่ ในอาการสมดุล ควรถือบทอ่านหรือหนังสือห่างจากสายตาประมาณหน่ึงฟุต ขณะอ่านพยายามให้ ลําคอตัง้ ตรง เงยหน้าเล็กนอ้ ย สบตากบั คนฟงั เป็นระยะ ๆ ๕. อ่านออกเสียงให้ถูกอักขรวิธีหรือความนิยม ออกเสียง ร ล คําควบกล้ํา ให้ถูกต้อง ชัดเจน และต้องเข้าใจเน้อื หาของบทอาขยาน ๖. อา่ นให้ถูกจงั หวะและวรรคตอน ๗. พยายามอ่านให้ได้อารมณแ์ ละความรสู้ ึกตามเนือ้ หา การอา่ นบทอาขยานเป็นทํานองเสนาะ มขี นั้ ตอนดังนี้ ๑. อา่ น ร, ล ตวั ควบกลา้ํ ให้ถูกตอ้ งชัดเจนตามอกั ขรวิธี ใหต้ รงตามเสยี งวรรณยกุ ต์ ๒. อา่ นให้ถกู จังหวะ วรรคตอน และให้สมั ผสั คลอ้ งจองกันเพื่อความไพเราะ ๓. อ่านให้ถกู ทํานองและลีลาของคาํ ประพันธแ์ ตล่ ะชนิด คําประพนั ธ์แตล่ ะชนดิ จะมบี ังคับจาํ นวนคําสัมผัส หรือคาํ เอก คาํ โท แตกต่างกนั ๔. อา่ นโดยใช้นาํ้ เสียงใหเ้ หมาะสมกบั เนื้อหา และอ่านพยางค์สดุ ท้ายของวรรค ดว้ ยการทอดเสียง แล้วปลอ่ ยใหห้ างเสยี งผวนข้นึ จมูก ประโยชนข์ องการทอ่ งบทอาขยาน การท่องจําบทอาขยาน เปรียบเสมือนบันไดขั้นแรกท่ีนําไปสู่การคิด การท่องจําบท อาขยานเป็นพ้ืนฐานที่นําไปสู่การเลือกจําบทประพันธ์ท่ีดีและมีคุณค่าท้ังในเชิงภาษาและเนื้อหาที่ เราได้พบในชวี ิตประจาํ วนั ตอ่ ไป การท่องจําบทอาขยานมปี ระโยชน์ สรปุ ได้ดงั นี้ ๑. ชว่ ยใหเ้ กดิ ความซาบซงึ้ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ น ๒. ฝึกการคิดวเิ คราะหป์ ระเมินคา่ เรือ่ งท่อี า่ น ๓. เป็นตวั อยา่ งการใช้ภาษาที่ไพเราะ ๔. ช่วยใหม้ คี ติประจาํ ตวั สอนใจให้ระลกึ ถึงคุณธรรมที่ไดจ้ ดจํา ๕. ช่วยกลอ่ มเกลาและจรรโลงใจใหป้ ระณีตมากขึน้ ๖. เปน็ ตัวอย่างการแต่งคาํ ประพนั ธต์ ามรปู แบบทไ่ี ด้ทอ่ งจาํ ๗. ได้รับความเพลิดเพลนิ สนกุ สนาน ๘. สามารถนาํ ไปใชอ้ า้ งอิงในงานตา่ ง ๆ ได้ ปรบั ปรงุ มาจาก www.thaigoodview.com

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 7 เร่ือง พดู อย่างสร้างสรรค์ ๘๓๑ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑๐ เรอ่ื ง ท่องจาบทอาขยาน (ผู้ชนะ) เวลา ๑ ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๗ เร่ือง พดู อย่างสร้างสรรค์ กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๑. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ ตัวช้ีวัด ป.๖/๙ ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทรอ้ ยกรองทีม่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจ ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด บทอาขยานเปน็ บททอ่ งจาร้อยกรองที่มคี วามไพเราะ ให้ขอ้ คิดทเ่ี ป็นประโยชน์ การทอ่ งจาบทอาขยาน เป็นการพัฒนาการอ่าน ความจา และการเห็นคุณค่าของบทร้อยกรอง ตลอดจนการนาข้อคิดท่ีได้มา ประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) อธิบายหลกั การทอ่ งจาบทอาขยานได้ ๒. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ๑. ท่องจาบทอาขยานได้ ๓. ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) ๑. บอกคณุ ค่าของบทอาขยานทท่ี อ่ งได้ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 การทอ่ งบทอาขยานตามทีก่ าหนด 4.2 หลักการท่องบทอาขยาน 5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร 5.1 ความสามารถในการคดิ 5.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6.1 มวี นิ ยั 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มงุ่ มัน่ ในการทางาน 6.4 อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

๘๓๒ ค่มู การจดั กจิ กรรมการเรยี นร แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๐ รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๗ เร ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร 1. ขอบเขตเนอ้ื หา ข้ันนา ๕ ๑. ครูให้นกั เรียนทบท ๑. หลักการทอ่ งจาบท นาที ร้อยกรองจากเร่อื ง ขนุ ขุนแผน ตอนกาเนิดพ อาขยาน ครู : ในระดับชนั้ ประถ ๒. การทอ่ งบท อาขยาน ผู้ชนะ ท่ี ๖ เทอมทแ่ี ล้ว ครใู อาขยานเรือ่ งอะไรมา ครู : นกั เรียนลองทอ่ ง เพอื่ เปน็ การทบทวน ส ๒. ครกู ลา่ วนาเข้าสกู่ า บทอาขยาน เรอ่ื ง ผู้ช 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขนั้ สอน ๒๐ ๑. ครูให้นักเรยี นศึกษ 1. อธบิ ายหลกั การ นาที อาขยาน “ผ้ชู นะ” ทอ่ งจาบทอาขยานได้ ครู : เม่ือนักเรยี นอา่ น เขา้ ใจเน้ือหาทง้ั หมดห ไมเ่ ขา้ ใจทงั้ หมด เป็นเ อะไร และจะมวี ธิ กี าร จะทาใหเ้ ขา้ ใจในเนอื้ ห

มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) รู้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ทอ่ งจาบทอาขยาน (ผชู้ นะ) รือ่ ง พดู อย่างสรา้ งสรรค์ จานวน ๑ ชว่ั โมง แนวการจัดการเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น ทวนบท นช้าง พลายงาม ถมศกึ ษาปี นกั เรียน : ทอ่ งบทอาขยาน ให้ท่องบท จากเรื่อง ขนุ ช้างขุนแผน ตอน า กาเนิดพลายงาม งพรอ้ มกัน นกั เรียน : ท่องบทอาขยาน สัก ๑ รอบ พร้อมกนั ารทอ่ งจา (แมร่ กั ลกู ...ยนื ตะลงึ ) ชนะ ษาบท ๑. หนังสอื เรียน นจบแล้ว วรรณคดลี านา หรอื ไม่ ถา้ นักเรยี น : ไมเ่ ขา้ ใจทั้งหมด ช้ันประถมศึกษา เพราะ เพระไมร่ ู้ความหมายของ ปีท่ี ๖ รอย่างไรที่ คาศพั ท์ วิธกี ารคือค้นหา ๒. ส่อื การนาเสนอ หา คาศพั ทท์ ไ่ี ม่เขา้ ใจความหมาย เรอ่ื ง การทอ่ งจา จากพจนานกุ รม บทอาขยาน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เรือ่ ง พดู อยา่ งสร้างสรรค์ ลาดบั ขอบเขตเน้ือหา/ ข้นั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ กจิ กรรมคร ๒. ครใู หน้ ักเรียนแบง่ กระบวนการ Gang o ครู : นกั เรียนช่วยกันส สาระสาคัญของบทร้อ “ผชู้ นะ” เป็นแผนผงั ค ครู : นักเรียนสง่ ตวั แท ผลงานหน้าชัน้ เรียน ๓. ครใู ห้นกั เรียนแต่ล ชว่ ยกันหาแนวทางวิธ อาขยาน แล้วนาเสนอ ครู : บอกปญั หาและแ แกไ้ ขปญั หาที่พบในกา บทอาขยาน ครู : ผลการฝึกท่องจ อาขยาน 2. ทอ่ งจาบทอาขยาน 3. ได้ ข้นั ปฏิบตั ิ ๒๐ ๔. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นาที ที่ ๘ ท่องจาอาขยาน บทอาขยาน “ผูช้ นะ” ให้ครูและเพ่อื นกลมุ่ อ พรอ้ มทง้ั ตรวจสอบคว ทีละกล่มุ จนครบทุกก

แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ ๘๓๓ รู กิจกรรมนักเรยี น การประเมนิ การเรยี นรู้ งกลุม่ ตาม (ผ้ชู นะ) of four สรปุ นกั เรยี น : สรุปสาระสาคญั อยกรอง ของบทรอ้ ยกรองเรอ่ื ง ผูช้ นะ ความคิด ทนนาเสนอ นกั เรยี น : นาเสนอผลงาน ละกลมุ่ ธที ่องจาบท อผลงาน แนวทาง นักเรียน : ตอบตามความจรงิ ารทอ่ งจา ทีเ่ กดิ ข้นึ ในกลมุ่ นักเรยี น : ตอบตามความจรงิ จาบท ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในกลมุ่ มทาใบงาน นักเรียน : ทาใบงานที่ ๘ ๓. ใบงานท่ี ๘ - ตอบคาถาม และท่อง ทอ่ งจาอาขยาน ทอ่ งจาอาขยาน พร้อมกัน อ่นื ๆ ฟัง วามถูกตอ้ ง กลมุ่

๘๓๔ คู่ม ลาดับ ขอบเขตเนอื้ หา/ ข้นั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ทใี่ ช้ กิจกรรมคร ๕. ครูใหค้ าแนะนาเก การท่องบทอาขยานเ ๖. ครูและนกั เรียนร่ว สนทนาเก่ยี วกบั ขอ้ คิด บทอาขยาน ผู้ชนะ โด ผูแ้ ทนนกั เรยี นออกมา คาตอบเป็นแผนภาพค 4. 3. บอกคณุ ค่าของบท ขนั้ สรปุ 5 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มก อาขยานที่ทอ่ งได้ นาที ความร้ใู นใบงานท่ี ๙ ทอ่ งจาอาขยาน ครู : บทอาขยาน ผู้ชน อยา่ งไร ครู : ประโยชนท์ ี่ได้รบั การท่องจาบทอาขยา ไดแ้ กเ่ ร่ืองใดบ้าง ครู : นักเรยี นสามารถ จากบทอาขยาน ผชู้ น ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ปร อยา่ งไร

มอื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมิน รู กิจกรรมนักเรยี น การเรยี นรู้ ก่ยี วกบั นักเรียน : ฟงั คาแนะนาจากครู - ตอบคาถาม เพ่ิมเติม วมกัน นักเรียน : สรุปข้อคิดท่ไี ดเ้ ป็น ดทไ่ี ด้จาก แผนผงั ความคิด ดยให้ าสรปุ ความคิด กนั สรปุ นักเรยี น : ตอบตาม ๔. ใบงานที่ ๙ เรอ่ื ง ความรูส้ ึก เร่ือง ท่องจา อาขยาน นะ มีคณุ ค่า นกั เรียน : ตอบตามท่ี สังเคราะหไ์ ด้ บจาก าน ผ้ชู นะ นักเรียน : ตอบตามที่ สงั เคราะห์ได้ ถนาขอ้ คิด นะ ไป ระจาวนั

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 เร่อื ง พดู อยา่ งสรา้ งสรรค์ 835 ๘. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื เรยี นวรรณคดลี านา ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๒. สื่อการนาเสนอ เร่ือง การท่องจาบทอาขยาน (ผชู้ นะ) ๓. ใบงานที่ ๘ เรือ่ ง ทอ่ งจาอาขยาน ๙. การประเมนิ ผลรวบยอด ส่งิ ทต่ี ้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ - ตอบคาถาม - คาถาม ผ่านเกณฑ์ - บอกหลกั การแตง่ บทร้อยกรอง การประเมนิ ระดบั ประเภทกลอนสภุ าพ ผา่ น ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทักษะและกระบวนการ - ประเมินการทอ่ ง - แบบประเมนิ การประเมนิ ระดับ - ท่องจาบทอาขยาน บทอาขยาน การทอ่ งบทอาขยาน ผ่าน ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม - การตอบคาถาม - คาถาม ผา่ นเกณฑ์ - บอกคณุ ค่าของบทอาขยานทีท่ ่อง การประเมนิ ระดับ - การตอบคาถาม - คาถาม ผ่าน ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. การสังเกต 1. แบบการสังเกต ผ่านเกณฑ์ 1. มีวินัย พฤตกิ รรม พฤติกรรม การประเมินระดับ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 2. การตอบคาถาม 2. คาถาม ผา่ น 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 4. อยู่อยา่ งพอเพียง สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

836 คู่มือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ชน้ิ งานหรือภาระงาน - ใบงานที่ ๙ เรอื่ ง ทอ่ งจาอาขยาน เกณฑก์ ารประเมินผลชน้ิ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี ๙ เรื่อง ทอ่ งจาอาขยาน เกณฑ์การประเมนิ ผลช้ินงานหรือภาระงาน ทอ่ งจาบทอาขยานในบทเรียนเรือ่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนกาเนิดพลายงาม ประเด็น ๔ (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) การประเมนิ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ท่องไมไ่ ดต้ ามที่ กาหนด และขาด การทอ่ งจา - ทอ่ งได้ครบถว้ น ทอ่ งได้ครบถ้วน ทอ่ งไดค้ รบถ้วน องคป์ ระกอบ บทอาขยาน ตามท่กี าหนด ตามที่กาหนด แต่ ตามที่กาหนด แต่ 3 ขอ้ - เสียงดงั ฟงั ชัด ขาดองคป์ ระกอบ ขาดองคป์ ระกอบ - มีบุคลิกท่าทางท่ี 1 ประเด็น 2 ประเด็น เหมาะสม - ท่องถูกทานอง คล่องแคล่ว ไม่ตดิ ขดั - นา้ เสยี งสอดคลอ้ ง กับเนอ้ื หา หมายเหตุ : คา่ น้าหนกั ๕ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดมี าก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๒ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตดั สนิ : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 เรอื่ ง พูดอยา่ งสรา้ งสรรค์ 837 ๑๐. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ที่ ............. เดือน ..........พ.ศ. .................. ๑๑. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรือผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผตู้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. ..................

838 ค่มู ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) บทอาขยาน เรอ่ื ง ผูช้ นะ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๗ เรื่อง พดู อยา่ งสรา้ งสรรค์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๐ เรอื่ ง ท่องจาบทอาขยาน รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ผชู้ นะ เม่อื ทาการสิง่ ใดดว้ ยใจรกั ถงึ งานหนักกเ็ บาลงแล้วครึ่งหนง่ึ ด้วยใจรกั เป็นแรงที่เร้ารึง ให้มุ่งมน่ั ฝันถึงซ่ึงปลายทาง เมอื่ ทาการสง่ิ ใดใจบากบั่น ไมไ่ หวหวั่นอุปสรรคเปน็ ขวากขวาง ถงึ เหน่ือยยากพากเพยี รไม่ละวาง งานทกุ อย่างเสร็จเพราะกล้าพยายาม เม่อื ทาการส่ิงใดใจจดจ่อ คอยเตมิ ต่อต้ังจิตไมค่ ดิ ขาม ทาดว้ ยใจเปน็ ชีวิตคอยติดตาม บังเกิดผลงอกงามตามตอ้ งการ เมื่อทาการสิ่งใดใครค่ รวญคดิ เหน็ ถกู ผดิ แกไ้ ขใหพ้ ้นผ่าน ใช้สมองตรองตริคิดพจิ ารณ์ ปรากฏงานก้าวไกลไม่ลาเค็ญ ความสาเรจ็ จะวา่ ใกลก้ ็ใช่ที่ จะวา่ ไกลฤากม็ อี ยู่ใหเ้ หน็ ถ้าจริงจังตั้งใจไม่ยากเยน็ แล้วจะเปน็ ผู้ชนะตลอดกาล บญุ เสริม แกว้ พรหม

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เรื่อง พูดอย่างสรา้ งสรรค์ 839 ใบงานที่ ๘ เร่อื ง ทอ่ งจาอาขยาน หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๗ เร่ือง พดู อย่างสรา้ งสรรค์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๐ เรอ่ื ง ท่องจาบทอาขยาน รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชีแ้ จง เติมบทอาขยานทีข่ าดหายไปให้สมบรู ณ์ ผชู้ นะ เมื่อทาการสง่ิ ใดด้วยใจรัก ..................................................... ดว้ ยใจรกั เป็นแรงทเ่ี ร้ารงึ ให้มงุ่ ม่นั ฝันถงึ ซงึ่ ปลายทาง .......................................... ไม่ไหวหวัน่ อุปสรรคเป็นขวากขวาง ถงึ เหนอื่ ยยากพากเพียรไม่ละวาง งานทุกอยา่ งเสรจ็ เพราะกลา้ พยายาม ............................................... คอยเตมิ ต่อตัง้ จิตไมค่ ิดขาม ทาด้วยใจเป็นชีวติ คอยตดิ ตาม บงั เกิดผลงอกงามตามต้องการ ................................................. เห็นถกู ผดิ แกไ้ ขให้พน้ ผา่ น ใชส้ มองตรองตริคิดพจิ ารณ์ ............................................... ความสาเร็จจะวา่ ใกลก้ ใ็ ชท่ ี่ จะว่าไกลฤาก็มอี ย่ใู ห้เหน็ ......................................... แลว้ จะเปน็ ผู้ชนะตลอดกาล

840 คู่มอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ใบงานท่ี ๙ เรอ่ื ง ทอ่ งจาอาขยาน หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๗ เร่ือง พูดอย่างสร้างสรรค์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑๐ เร่อื ง ท่องจาบทอาขยาน รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชี้แจง อ่านบทอาขยาน “ผู้ชนะ” และบอกข้อคิดทีไ่ ด้ ผูช้ นะ เมือ่ ทาการสง่ิ ใดดว้ ยใจรกั ถงึ งานหนกั กเ็ บาลงแลว้ ครึง่ หนง่ึ ดว้ ยใจรักเป็นแรงที่เรา้ รงึ ให้ม่งุ ม่นั ฝนั ถึงซึ่งปลายทาง เมือ่ ทาการส่งิ ใดใจบากบนั่ ไมไ่ หวหว่นั อุปสรรคเป็นขวากขวาง ถงึ เหนื่อยยากพากเพียรไม่ละวาง งานทุกอย่างเสร็จเพราะกลา้ พยายาม เมือ่ ทาการส่ิงใดใจจดจอ่ คอยเติมตอ่ ตัง้ จิตไม่คิดขาม ทาด้วยใจเป็นชวี ิตคอยติดตาม บังเกิดผลงอกงามตามต้องการ เมอ่ื ทาการสง่ิ ใดใคร่ครวญคิด เหน็ ถูกผดิ แก้ไขให้พ้นผา่ น ใช้สมองตรองตริคดิ พจิ ารณ์ ปรากฏงานก้าวไกลไม่ลาเคญ็ ความสาเรจ็ จะวา่ ใกลก้ ใ็ ช่ที่ จะวา่ ไกลฤากม็ ีอยใู่ ห้เหน็ ถา้ จรงิ จังต้งั ใจไมย่ ากเยน็ สรปุ ขแ้อลค้วิดจทะี่ไเดป้ ็นผู้ชนะตลอดกาล ................................................................................................................................................. ..............................................................................................บ..ญุ...เ.ส...ร.มิ......แ..ก..ว้..พ..ร..ม......................... ................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. . ชอ่ื ....................................................................................ชนั้ .......................เลขที่...................

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 เรอ่ื ง พูดอย่างสร้างสรรค์ 841 แบบประเมินตนเอง ชอ่ื : __________________ สกุล : _________________วนั ____ เดอื น____________พ.ศ. _____ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี_______๗________เรอื่ ง______________พดู อยา่ งสรา้ งสรรค์_______________ ๑. ประเมินการเรียนรู้ของตนเอง กาเครื่องหมาย  ในช่องระดับความสามารถของแต่ละกิจกรรมที่นักเรียนคิดว่าทาได้ตามระดับ การประเมนิ เหล่านี้ ระดับความสามารถ : ดีมาก คอ่ นข้างดี ดี พอใช้ ปรับปรงุ ที่ รายการ ระดบั ความสามารถ ดมี าก คอ่ น ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๑ วเิ คราะหร์ ะดับภาษา ๒ เขยี นคาขวญั ขา้ งดี ๓ โต้วาที ๔ แต่งกลอนสภุ าพ ๕ ท่องบทอาขยาน 2. สง่ิ ที่ฉนั ยงั ไมเ่ ข้าใจ / ยงั ทาได้ไม่ดี คอื …… (สามารถเขยี นไดม้ ากกวา่ 1 อยา่ ง) ……………………………………………................................................................................................ ............................................................................................................................. ..................... .............................……………………………………………................................................................... ............................................................................................................................. ..................... 3. สงิ่ ที่ฉันตัง้ ใจจะทาให้ดขี ึ้นในการเรียนหน่วยต่อไป (สามารถเขียนไดม้ ากกวา่ 1 อยา่ ง) ……………………………………………........................................................................................................ ……………………………………………....................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................

๘๔๒ คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๘ อ่านอยา่ งมีวิจารณญาณ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 8 เร่อื ง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ ๘๔๓ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๘ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ รหสั วิชา ท ๑๖๑๐๑ รายวิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๙ ชวั่ โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนนิ ชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน ตวั ช้วี ดั ป.๖/๖ อา่ นงานเขยี นเชงิ อธิบาย คาสั่ง ข้อแนะนาและการปฏบิ ัติตาม ป.๖/๘ อ่านหนงั สือตามความสนใจ และอธิบายคณุ ค่าทไี่ ด้รบั สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรือ่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ชีว้ ดั ป.๖/๒ เขียนส่อื สารโดยใชค้ าไดถ้ กู ต้องชดั เจน และเหมาะสม ป.๖/๕ เขียนย่อความจากเรื่องทีอ่ ่าน สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความร้สู กึ ใน โอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชว้ี ัด ป.๖/๓ วเิ คราะห์ความน่าเชือ่ ถือจากการฟังและดสู ื่อโฆษณาอยา่ งมเี หตผุ ล ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านท่มี ีประสิทธิภาพ ผู้อ่านตอ้ งรู้จักหนังสือประเภทต่าง ๆ และหลักการเลือกหนังสืออ่าน เพื่อ เลอื กหนังสือทีด่ ีมีคุณค่า เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน มีความยากง่ายตรงตามความสนใจของผู้อ่าน การอา่ นงาน เขียนที่มุ่งอธิบาย ออกคาสั่ง หรือแนะนาให้ปฏิบัติตามเป็นการอ่านในชีวิตประจาวันและควรมีมารยาทใน การอ่านดว้ ย ทักษะการเขียนท่ีจาเป็นในปัจจบุ ัน ได้แก่ การเขยี นย่อความ ซึ่งเป็นการสรุปใจความสาคัญของเร่อื งท่ี อ่าน และถูกต้องตามรูปแบบของย่อความแต่ละประเภท และ การเขียนประกาศ ซ่ึงเป็นการเขียนให้ สาธารณชนทราบขา่ วสารเรอ่ื งเดยี วกันอยา่ งแพรห่ ลาย โดยอาศยั สือ่ สารธารณะชนิดใดชนิดหน่งึ การฟัง การดู สื่อต่าง ๆ ท้ังสิ่งพิมพ์ นิตยสาร ส่ือออนไลน์ และส่ือโฆษณา จะต้องรูจ้ ักการเป็นสื่อที่ สามารถดึงดูดใจผู้ฟงั และผดู้ ไู ดส้ งู การรับสอ่ื เหลา่ นีจ้ ะตอ้ งดูอย่างมีวิจารณญาณ รจู้ ักวิเคราะห์ความน่าเช่ือถือ ขอ้ เท็จจริงของส่ือก่อนตัดสนิ ใจเชอ่ื ข้อมลู ตา่ ง ๆ

๘๔๔ คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๓. สาระการเรียนรู้ ความรู้ ๑. หลักการเลอื กหนังสอื ตามความสนใจ ๒. หลกั การอ่านงานเขยี นเชิงอธบิ ายคาสั่ง ขอ้ แนะนา และปฏิบตั ติ าม ๓. การเขยี นย่อความ ๔. หลกั การวิเคราะหค์ วามนา่ เชอ่ื ถอื จากส่อื โฆษณา ๕. หลักการเขียนประกาศ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. เลอื กหนงั สือตามความสนใจ ๒. ปฏบิ ัตติ ามคาอธบิ าย คาส่ัง และขอ้ เสนอแนะ ๓. เขียนยอ่ ความตามเรอ่ื งท่ีกาหนดให้ ๔. วเิ คราะห์ความน่าเช่อื ถอื จากสื่อโฆษณา ๕. เขยี นประกาศตามความสนใจ เจตคติ 1. มมี ารยาทในการอา่ น 2. มมี ารยาทในการเขียน 3. การคิดวิเคราะห์ 4. ใชภ้ าษาในการสือ่ สารไดต้ รงวตั ถุประสงค์ ๔. สมรรถนะของผเู้ รยี น ๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 5.๑ มีวนิ ยั 5.๒ ใฝ่เรียนรู้ 5.๓ มุง่ ม่ันในการทางาน 5.๔ รักความเปน็ ไทย ๖. การประเมินผลรวบยอด ช้ินงานหรือภาระงาน ๑. ใบงานท่ี ๑ เร่ือง บันทกึ การอา่ น ๒. ใบงานที่ ๒ เร่ือง บันทึกการอา่ นหนงั สือตามความสนใจ ๓. ใบงานที่ ๓ เร่ือง การอ่านงานเขียนเชงิ อธิบาย ๔. ใบงานที่ ๔ เรอื่ ง ยอ่ ความตามประสบการณเ์ ดิม ๕. ใบงานที่ ๕ เรอ่ื ง ฝกึ เขียนย่อความจากนทิ าน ๖. ใบงานท่ี ๖ เร่ือง การวิเคราะห์ความน่าเชือ่ ถือ จากสอื่ โฆษณา

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 เรื่อง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ ๘๔๕ ๗. ใบงานที่ ๗ เรื่อง การวเิ คราะหส์ ่ือโฆษณา ๘. ใบงานท่ี ๘ เร่อื ง การวเิ คราะหป์ ระกาศ เกณฑก์ ารประเมินผลชิ้นงานหรอื ภาระงาน ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรับปรงุ ) การประเมนิ 3 (ด)ี 2 (พอใช้) ขาด ๓ องค์ประกอบ ๑. การเขยี น - เขียนคานาตามแบบแผน ขาด ๑ ขาด ๒ ยอ่ ความ อา้ งอิงแหลง่ ทมี่ าของเรื่อง องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ ขาด ๓ ถูกต้องครบถว้ น องค์ประกอบ - ยอ่ ความไดส้ าระสาคญั ขาด ๑ ขาด ๒ ขาด 3 ครบถว้ นถูกต้อง เขียนขึน้ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ ใหม่ สละสลวยดมี าก ขาด 1 ขาด 2 - ไมใ่ ช้สรรพนามบรุ ุษที่ 1 องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ และ 2 ไมต่ ดั ตอ่ ขอ้ ความ จากเรอ่ื งเดิม - ลายมือสวย เปน็ ระเบียบ อา่ นง่าย สะอาดเรยี บร้อย ไมม่ ีรอยลบขดู ขดี ฆ่า ๒. การวเิ คราะห์ - ใช้ขอ้ มูลและเหตผุ ล ความนา่ เชอื่ ถอื ประกอบการพจิ ารณา จากสอ่ื สงั คม - ใชค้ า และภาษาถูกต้อง ออนไลน์ - แยกขอ้ เท็จจริงและ ข้อคดิ เหน็ ได้ - ใชเ้ หตุผลประกอบใน การตัดสินใจ ๓. การเขียน - องคป์ ระกอบของประกาศ ประกาศ ครบถ้วน - แสดงจุดประสงคช์ ัดเจน - มีรายละเอยี ดครบถ้วน - ใช้คากระชับ เกณฑ์การตดั สนิ คะแนน 10-12 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 7-9 หมายถึง ดี คะแนน 4-6 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1-3 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตดั สนิ : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป

๘๔๖ คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) การประเมินสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ลาดับ ช่อื - นามสกลุ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ท่ี ในการส่ือสาร ในการคดิ ในการ ในการใช้ ในการใช้ แก้ปญั หา ทกั ษะชีวติ เทคโนโลยี เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 0 = ไมผ่ ่าน 1 = ผา่ น 2 = ดี 3 = ดเี ย่ยี ม

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 เร่ือง อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ ๘๔๗ การประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ลาดับ ช่ือ - นามสกลุ รกั ชาติ ซือ่ สตั ย์ มวี นิ ัย ใฝ่ อยู่อย่าง ม่งุ มน่ั รกั มจี ิต ท่ี ศาสน์ สจุ รติ เรียนรู้ พอเพียง ในการ ความ สาธารณะ กษตั รยิ ์ ทางาน เปน็ ไทย เกณฑ์การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 0 = ไมผ่ ่าน 1 = ผ่าน 2 = ดี 3 = ดีเย่ยี ม

๘๔๘ คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่อื ง การเลอื กอ่านหนังสือตามความสนใจ (๑) เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๘ เร่อื ง อา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนิน ชวี ิตและมนี สิ ยั รักการอา่ น ตวั ชี้วัด ป.๖/๘ อา่ นหนังสือตามความสนใจ และอธบิ ายคุณคา่ ท่ไี ด้รับ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอ่าน ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การเลือกหนังสืออ่านต้องเลือกให้ตรงตามจุดประสงค์ เลือกหนังสือท่ีดี มีคุณค่า เป็นประโยชน์แก่ ผูอ้ า่ น มีความยากงา่ ยตรงตามความสนใจของผอู้ ่าน ส่งเสริมการเรยี นร้ใู นชน้ั เรยี นและควรคานึงถึงมารยาทใน การอา่ นดว้ ย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกหลกั การเลือกหนังสอื ตามความสนใจได้ 2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) - เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจได้ - เขียนบนั ทกึ การอ่านจากหนังสอื ตามความสนใจได้ 3. ด้านคุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) อภิปรายความสาคญั ของการเลอื กหนังสือตามความสนใจ ๔. สาระการเรยี นรู้ 4.1 หลักการเลอื กหนังสอื ตามความสนใจ 4.2 การเลือกอ่านหนังสือตามความสนใจ 4.3 การเขยี นบนั ทึกการอา่ นจากหนังสอื ตามความสนใจ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ๖. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี ินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 ม่งุ มัน่ ในการทางาน 6.4 รักความเปน็ ไทย ๗. กิจกรรมการเรียนรู้

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 8 เร่อื ง อ่านอยา่ งมวี จิ ารณญาณ การจัดกจิ กรรมการเรียนร แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง การเ รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๘ เรอื่ ง ลําดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ 1. กิจกรรมคร ขอบเขตเนื้อหา ขั้นนาํ ๕ ๑. ครูเปิดวดี ทิ ศั นเ์ พล 1. หลกั การเลอื ก นาที “หนงั สือของพ่อ” ให้น หนังสือตาม 2. ครูนาํ ขอ้ มูลเกยี่ วก ความสนใจ การอ่านหนงั สือของค 2. เลอื กอ่านหนงั สือ เล่าให้นักเรยี นฟงั และ ตามความสนใจ กระตนุ้ ความคดิ ของน 3. การเขยี นบันทกึ ดงั นี้ จากการอา่ นหนงั สอื ครู : อะไรเปน็ สาเหตุท ตามความสนใจ ไทยอ่านหนังสอื น้อยล ๓. ครแู สดงความคดิ เห เพมิ่ เติมเก่ียวกับปัจจัย เป็นสาเหตุให้คนไทยอ หนงั สอื ลดลงจากนน้ั ค เกยี่ วกบั การอ่านหนังส สาํ คัญ เราควรเลอื กห ความสนใจของเราแล เลือกให้ตรงตามจดุ ปร

รู้ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ๘๔๙ เลือกอา่ นหนังสอื ตามความสนใจ (๑) ง อา่ นอยา่ งมวี ิจารณญาณ จํานวน ๑ ชวั่ โมง การประเมนิ การเรยี นรู้ แนวการจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ 1. สือ่ ppt เรื่อง รู กจิ กรรมนกั เรยี น การเลือกอา่ น ลง นกั เรยี น : วดี ีทัศน์เพลง หนังสือตาม นกั เรยี นดู “หนงั สือของพ่อ” ความสนใจ กบั สถิติ 2. วดี ิทศั นเ์ พลง คนไทยมา “หนงั สือของพอ่ ” ะใช้คําถาม นักเรยี น ทีท่ ําใหค้ น นกั เรยี น : อ่านหนังสอื ไมอ่ อก ลง ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ชอบดู หน็ โทรทัศน์ หรอื ฟังวทิ ยุ ยตา่ ง ๆ ท่ี อ่าน ครูกลา่ วนํา สอื เป็นสิง่ หนงั สอื ตาม ละต้อง ระสงค์

๘๕๐ คูม่ ลาดบั ขอบเขตเน้อื หา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทีใ่ ช้ กิจกรรมคร 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้ันสอน ๒๐ ๑. ครูนาหนงั สอื หลาย 1. บอกหลกั การเลอื ก นาที เช่น แบบเรยี น นิทาน หนงั สอื ตาม หนังสือพิมพ์ หนงั สือส ความสนใจได้ แสดงหนา้ ชนั้ เรียน แล ใหน้ กั เรยี นแสดงความ ดงั นี้ ครู : หนงั สอื ทว่ี างบน หนงั สอื อะไรบ้าง ครู : นกั เรยี นชอบอา่ น ประเภทใดมากทสี่ ดุ เพ ครู : หนังสอื ทีน่ ักเรยี น ประโยชนอ์ ยา่ งไร ครู : การอ่านมปี ระโย นักเรียนอยา่ งไร ๒. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ศึกษาใบความรู้ เรื่องห เลอื กอา่ นหนงั สอื และ ในการอา่ น ๓. ครแู ละนกั เรียนรว่ อภปิ รายแสดงความค สรปุ เก่ยี วกบั หลักการ

มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนักเรยี น 3. หนังสือหลาย ๆ การเรียนรู้ ๆ ประเภท ประเภท เชน่ น นวนิยาย แบบเรยี น นิทาน สารคดี มา นวนยิ าย ลว้ คาถาม หนงั สือพิมพ์ มคิดเหน็ หนงั สอื สารคดี นโตะ๊ มี นักเรยี น : ตอบคาถาม นหนังสอื นักเรียน : (ตอบคาถามตาม 4. ใบความรู้ - ประเมิน พราะเหตใุ ด ความรูส้ กึ ) เร่อื ง หลกั การ การเขียนผัง นชอบมี นกั เรยี น : ใหค้ วามรู้ / เลอื กหนังสือ ความคิด และมารยาทใน เรื่องหลกั การ ความบนั เทิง การอ่าน เลือกหนังสอื ยชน์ตอ่ นักเรยี น : ทาใหม้ คี วามรู้ เพิม่ ขนึ้ ละกลมุ่ นักเรยี น : ศกึ ษาใบความรู้ หลักการ เร่อื งหลักการเลอื กหนงั สอื ะมารยาท และมารยาทในการอา่ น วมกัน นักเรยี น : เขียนผังความคดิ คิดเห็นและ เรื่องเร่อื งหลกั การเลอื ก รเลือกอา่ น หนังสอื และมารยาทใน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เรื่อง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ ลาดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขัน้ ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมคร หนงั สอื แล้วเขียนสรปุ ความคดิ ในสมุด ๔. ครูให้นกั เรียนรว่ มก ความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ห เลือกอา่ นหนงั สอื ทีส่ น ร่วมกนั สรุปหลกั ในกา เลือกอา่ นหนงั สือ เพ่อื สามารถนาไปใชใ้ นกา หนังสือทตี่ นเองสนใจ 1) มีเนอื้ หาที่สง่ เสรมิ ค มีประโยชน์ 2) เนอ้ื หากระต้นุ ให้เก ความสนใจ เกดิ การเร สรา้ งสรรค์ 3) เนอื้ หามีความนา่ เช ไมข่ ดั ตอ่ กฎหมาย ศลี 4) เนอ้ื หามีความเหม วัย 3. 2. เลอื กอ่านหนงั สือ ขั้นปฏบิ ัติ ๕. ครูให้นักเรียนทาใบ ตามความสนใจได้ บนั ทึกการอา่ น โดยให 3. เขยี นบนั ทกึ เลอื กอ่านหนงั สือทค่ี ร การอา่ นจากหนงั สือ ไว้ตามความสนใจ แล

๘๕๑ แนวการจดั การเรียนรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนักเรยี น การเรียนรู้ ปเปน็ ผัง การอา่ น 5. สอ่ื ppt เรอื่ ง และมารยาทใน การเลือกอา่ น การอ่าน กนั แสดง นกั เรยี น : แสดงความคิดเห็น หนังสือตามความ หลกั การ เกยี่ วกบั การเลอื กอ่านหนงั สือ สนใจ นใจ แล้ว ารพิจารณา อให้ ารเลอื ก จ ความรู้ กิด รยี นรทู้ ่ี ช่อื ถือ ลธรรม มาะสมกับ บงาน เรอื่ ง นกั เรยี น : เลือกอ่านหนังสอื 6. ใบงาน เรอ่ื ง - ประเมนิ ใบงาน หน้ กั เรียน ตามความสนใจ บันทึกการอา่ น รูนามาวาง ลว้ ออกมานา

๘๕๒ คมู่ ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร ตามความสนใจได้ เสนอว่าผลการอา่ น ๒ คือ - เลอื กหนงั สอื เลม่ น้ีเพ - หนังสอื เล่มนมี้ เี นอ้ื ห และมีประโยชน์อะไรบ 4. 4. อภิปราย ข้ันสรุป ๕ ๑. ครูและนักเรยี นรว่ ความสาคัญของ นาที ความคิดเห็นเพอื่ สรุป การเลอื กหนังสือตาม เร่อื ง การเลอื กอา่ นหน ความสนใจ ประเดน็ ตอ่ ไปนี้ ครู : นกั เรยี นคิดวา่ ก อา่ นหนงั สอื ท่ีตนเองช่ืน หรอื สนใจจะทาใหม้ ีคว การอา่ นเพ่ิมมากขน้ึ ห เพราะเหตุใด ครู : การเลือกอา่ นหน ตรงตามความต้องการ จุดประสงค์ เหมาะสม ประโยชนอ์ ย่างไร

มอื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนักเรียน การเรียนรู้ ประเดน็ พราะอะไร นักเรียน : นาเสนอบันทึก หาสาคญั การอา่ น บ้าง วมกนั แสดง ปความรู้ นงั สอื ตาม การเลอื ก นกั เรียน : ทาใหม้ คี วามสขุ ใน - ประเมิน นชอบ การอา่ นเพิ่มมากขึน้ และ การตอบคาถาม วามสุขใน ชวนให้ตดิ ตามเรอื่ งราวอยา่ ง หรอื ไม่ ตอ่ เน่อื ง นงั สอื ได้ นกั เรยี น : ทาใหผ้ ู้อ่านนา ร ตาม ข้อคดิ ทีไ่ ด้ไปประยุกตใ์ ช้กบั มกับวยั มี การดาเนินชีวิตของตนได้ อยา่ งเหมาะสมและเกิด ประโยชน์ต่อตนเอง

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 เรอ่ื ง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ กิจกรรมคร ๒. ครูมอบหมายใหน้ กั แต่ละคนเลอื กหนงั สือ ตนเองสนใจมากทส่ี ุด ให้นกั เรยี นอ่านหนงั ส ล่วงหนา้ และนามาแส ชว่ั โมงตอ่ ไป

แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ ๘๕๓ รู กิจกรรมนกั เรยี น กเรยี น การประเมิน อเรื่องที่ การเรยี นรู้ 1 เรือ่ ง สอื มา สดงใน

854 ค่มู อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๘. ส่ือการเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ ๑. สือ่ โปรแกรมนาเสนอเร่อื งการเลอื กอ่านหนงั สือตามความสนใจ 2. ตัวอยา่ งหนงั สือแบบเรยี น นทิ าน นวนยิ าย หนังสอื พมิ พ์ หนังสือสารคดี การต์ ูน 3. วีดิทัศน์ เพลงหนงั สอื ของพอ่ ๔. หนังสอื ทน่ี กั เรียนสนใจ ๕. ใบความรู้ท่ี 1 เร่อื ง หลกั การเลือกหนงั สอื และมารยาทในการอา่ น ๖. ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง บันทกึ การอ่าน ส่งิ ที่ตอ้ งการวดั /และประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความเข้าใจ - คาถาม ผ่านเกณฑก์ าร - บอกหลกั การเลอื กหนงั สอื - ตอบคาถาม ตามความสนใจ ประเมินร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป ด้านทักษะ/กระบวนการ 1. เลอื กอ่านหนงั สอื ตาม - ประเมนิ การเขยี น - แบบประเมินการเขยี น ผ่านเกณฑ์ ความสนใจได้ บันทึกการอ่าน บนั ทกึ การอ่าน การประเมนิ 2. เขยี นบนั ทึกการอา่ นจาก ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป หนงั สือตามความสนใจ ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม - อภิปรายความสาคญั ของ - ตอบคาถาม - คาถาม ผ่านเกณฑ์ การเลือกหนงั สอื ตามความ การประเมิน สนใจ รอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ ๒. มีวินยั การประเมินระดับ ผ่าน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร 1. การสงั เกตพฤตกิ รรม 1. การสงั เกต ผ่านเกณฑ์ ๒. ความสามารถในการคดิ 2. การตอบคาถาม 2. คาถาม การประเมินระดับ ๓. ความสามารถในการใช้ ผ่าน ทักษะชวี ิต

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 เร่ือง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ 855 ช้นิ งานหรอื ภาระงาน เกณฑ์การประเมนิ การเลือกอา่ นหนงั สือตามความสนใจ ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) การเลือกอา่ น หนังสือตาม เลือกอา่ นหนงั สอื เลอื กอา่ นหนงั สอื เลือกอ่านหนงั สอื เลือกอา่ นหนงั สือ ความสนใจ ทีม่ ปี ระโยชน์ ทม่ี ปี ระโยชน์ ท่มี ปี ระโยชน์ ท่ีมีประโยชน์ และเหมาะสมกบั วยั และเหมาะสมกบั และเหมาะสมกบั และเหมาะสมกบั จบั ใจความจากเร่ือง วัย จับใจความจาก วัย จบั ใจความจาก วัยไดเ้ ม่ือมี ท่ีอ่านไดค้ รบถว้ น เรอ่ื งทอี่ ่านได้ เรอื่ งทอ่ี า่ นได้ ผแู้ นะนา จับ แสดงความคดิ เหน็ ครบถ้วนแสดง เกือบสมบรู ณ์ ใจความจาก อย่างสร้างสรรค์ ความคิดเห็นได้ดี แสดงความคดิ เหน็ เรื่องทอ่ี า่ นได้ มีเหตผุ ลนา่ สนใจ มีเหตผุ ลนา่ สนใจ ได้มีเหตผุ ลท่ี ครา่ ว ๆ แสดง สัมพนั ธก์ ัน ความคดิ เหน็ ได้ แต่เหตุผลไม่ ชัดเจน หมายเหตุ : ค่านา้ หนัก ๕ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดีมาก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ต่ากวา่ ๑๒ ปรับปรงุ เกณฑ์การตัดสนิ : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป

856 ค่มู อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) 10. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... .......... .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากดั การใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... .......... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ท่ี ............. เดอื น ..........พ.ศ. .................. 11. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผูท้ ี่ได้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................ผู้ตรวจ (..........................................................) วันที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. ......

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 เรือ่ ง อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 857 ใบความรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง หลกั การเลอื กหนังสอื และมารยาทในการอ่าน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๘ เร่ือง อ่านอย่างมีวิจารณญาณ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง หลักการเลือกอา่ นหนังสือตามความสนใจ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ การอ่าน คือ การรับรู้ความหมายจากถ้อยคาท่ีตีพิมพ์อยู่ในสิ่งพิมพ์ หรือในหนังสือ เป็น การรับรวู้ า่ ผูเ้ ขียนคิดอะไรและพดู อะไร โดยเรม่ิ ต้นทาความเข้าใจถ้อยคาแตล่ ะคา เข้าใจวลี เข้าใจ ประโยค ซึ่งรวมอยูใ่ นย่อหน้า เข้าใจแตล่ ะยอ่ หนา้ ซึง่ รวมเปน็ เรื่องราวเดยี วกนั ลกั ษณะของนักอ่านทด่ี ี ควรมีลกั ษณะ ดงั ต่อไปน้ี 1. มสี มาธิ 2. มคี วามสามารถในการอ่าน 3. อ่านหนังสือเร็ว 4. มพี ้ืนฐานความรทู้ างภาษาดี 5. มีนสิ ยั รกั การอา่ นและชอบบนั ทกึ 6. มคี วามจาดี 7. มีความรู้เรอื่ งการใชห้ อ้ งสมดุ ๘. หมั่นทบทวนติดตาม เร่ืองทอ่ี ่านสม่าเสมอ ๙. มีวจิ ารณญาณในการอา่ น 1๐. อา่ นทน อ่านเปน็ หลักการเลอื กหนังสือ การเลือกหนังสอื ข้นึ อยู่กบั จุดมงุ่ หมายหรอื วัตถุประสงค์ของการอา่ น และตอ้ งสมั พันธก์ ับ การเลือกใช้หนงั สอื หรอื วสั ดุในหอ้ งสมุด ได้แก่ 1. การอ่านเพอ่ื ความรู้ เช่น ตาราวิชาการ หนังสอื เรยี น ความร้ใู นสาระการเรียนรู้ 2. การอา่ นเพื่อความบนั เทงิ ใจ เชน่ นวนยิ าย การต์ นู เรอื่ งสน้ั 3. การอา่ นเพอ่ื เปน็ กาลงั ใจ เสรมิ สรา้ งปญั ญา เชน่ หนังสอื จิตวิทยา หนังสอื ธรรมะ 4. การอ่านเพื่อใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ เชน่ การทาอาหาร การทางานอดเิ รก หนังสอื หรอื วัสดุการอา่ นท่ีดี ควรมลี กั ษณะ ดังนี้ 1. เลือกหนังสอื ท่ีมีสาระเรอ่ื งราวตรงกบั ความตอ้ งการ หรอื วัตถปุ ระสงค์ในการอา่ น 2. เน้อื หาถูกต้อง มาจากแหล่งอ้างอิงทเ่ี ชอ่ื ถอื ได้ ไดแ้ ก่ 2.1 เปน็ ทย่ี อมรับกันโดยทวั่ ไปแล้วว่าดี 2.2 มีการตรวจสอบหรือวิพากษ์วจิ ารณ์อย่างกว้างขวางว่าดี 2.3 ไดร้ ับรางวัลสาคัญ ๆ ในการประกวดขององค์กรทม่ี คี ณุ ภาพ

858 คูม่ ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) 2.4 เขียนโดยนักเขียนทมี่ คี ุณภาพเป็นทย่ี อมรบั ของแวดวงนักอา่ น 2.5 มีคุณค่าดีพรอ้ มทุกด้าน ได้แก่ เน้อื หา ความคิด ทางภาษา รูปแบบการนาเสนอ 2.6 ได้รับการยอมรับใหศ้ กึ ษาสบื ทอดกันมาทุกยคุ ทกุ สมยั 2.7 เนื้อหาไม่โนม้ นาไปในทางเสอ่ื ม หรือสร้างความแตกแยกทางสงั คม วฒั นธรรม การเตรียมพร้อมเพ่ือการอา่ น ท้งั นคี้ วรคานึงถึง 1. สถานท่ีเหมาะกับการอ่าน ควรมีความเงียบสงบ มีอุณหภูมิและแสงสว่างท่ีเหมาะสม โตะ๊ ทมี่ คี วามสงู พอเหมาะและเกา้ อี้ทนี่ ่ังสบายไม่นมุ่ หรือแขง็ จนเกนิ ไป 2. จัดท่าทางในการอ่าน ตาแหน่งของหนังสือควรอยู่ห่างประมาณ 35-45 เซนติเมตร หน้าหนังสือต้องตรงอยู่กลางสายตา ควรน่ังหลังตรงไม่ควรนอนอ่าน ทั้งนี้เพื่อให้สมองได้รับเลือด ไปหลอ่ เลีย้ งอย่างเตม็ ที่ จะทาให้เกิดการตืน่ ตัวต่อการรบั รู้ จดจา และอ่านไดน้ าน 3. จดั อุปกรณช์ ่วยในการอ่าน เชน่ กระดาษสาหรบั บนั ทกึ ดนิ สอ ปากกา ดนิ สอสี 4. จัดเวลาท่ีเหมาะสม หากต้องการทบทวนบทเรียน ควรอา่ นในชว่ งท่ีไม่ดกึ มาก เนอ่ื งจาก ร่างกายยังไม่อ่อนล้าเกินไปนัก หรืออ่านในตอนเช้า 5.00-6.30 น. หลังจากที่ร่างกายได้รับ การพักผ่อนอยา่ งเพยี งพอ อา่ นแต่ละครัง้ ไม่ควรเกิน ๓0 – ๕๐ นาที และให้เปลี่ยนแปลงอริ ยิ าบถ สกั 10 นาทกี อ่ นลงมืออ่านต่อไป 5. เตรียมตนเอง ไดแ้ ก่ ทาจิตใจให้แจ่มใส มุ่งมั่น ต้ังใจ และมีสมาธิในการอ่าน นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ มีสุขภาพสายตาท่ีดี แบ่งเวลาให้ถูกต้อง และมีวินัยในชีวิต โดยให้เวลาแต่ละ วันฝึกอ่านหนังสือ และพยายามฝึกทักษะใหม่ ๆ ในการอ่าน เช่น ทักษะการอ่านเร็วอย่างเข้าใจ เป็นตน้ ขน้ั ตอนในการอา่ น ๑. ขั้นตอนการอ่านออกเสยี ง ความเรว็ จะเท่ากบั ความสามารถในการเปล่งเสียงออกมาแต่ ละคา การอ่านลักษณะนีม้ ักเป็นของเด็กเลก็ ทคี่ รูใหอ้ า่ นออกเสยี งเพือ่ พฒั นาการอา่ น ๒. ข้ันตอนการอ่านในใจ ต้องอาศัยความเเม่นยาในการจับตามองดูตัวหนังสือ การเคลื่อนไหวสายตา การเเบ่งช่วงวรรคตอน ซ่ึงต้องฝึกให้เกิดความเเม่นยาและรวดเร็วจึงจะ สามารถเกบ็ ไดค้ รบทกุ คา วิธฝี ึกการอา่ นในใจ มีดังนี้ 1) กวาดสายตามองตวั อกั ษรให้ไดช้ ่วงประมาณ ๕-๖ คา เปน็ อยา่ งน้อย ๒) ไม่ควรทาปากขมุบขมบิ ในขณะอา่ น ต้องฝึกเรื่องอตั ราความเร็วของตาและสมอง ๓) ไม่ควรอ่านยอ้ นหลงั ไปมา ควรอา่ นจากซ้ายไปขวาโดยตลอด ๔) อ่านขอ้ ความงา่ ย ๆ ไมม่ ีคาศพั ทม์ าก ไม่ซับซอ้ น ยาวประมาณ ๑ หน้า ๕) จบั เวลาทใ่ี ชใ้ นการอ่านข้อความนน้ั ๖) ตง้ั คาถามเพือ่ ถามตนเองเกย่ี วกับเรอื่ งราวหรอื ขอ้ ความท่อี า่ น ๗) สารวจตนเองว่าตอบคาถามเกีย่ วกบั ส่งิ ทีอ่ า่ นไดม้ ากเพียงใด ๘) อา่ นขอ้ ความนนั้ ซา้ อีกครงั้ หน่งึ พยายามทาเวลาในการอา่ นใหน้ อ้ ยลง ๙) ตอบคาถามเกย่ี วกบั ส่งิ ทีอ่ า่ นอีกครง้ั วา่ ตอบได้ดีกวา่ ครง้ั เเรกหรอื ไม่

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 เรอ่ื ง อ่านอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 859 ๓. ขนั้ เข้าใจทนั ทที ี่เห็นข้อความ เป็นการอา่ นที่เข้าใจเรื่องอย่างชัดเจนในทันที่อ่าน ซ่งึ ควร ฝกึ ทกั ษะการอา่ นในลักษณะนี้ การกาหนดจุดมงุ่ หมายของการอ่าน นักอา่ นที่ดคี วรตัง้ จุดมุ่งหมายการอา่ น เพอื่ กาหนดวิธีอา่ นไดเ้ หมาะ ดงั น้ี 1. อ่านเพื่อความรู้พ้ืนฐาน เป็นการอ่านเพ่ือรู้เร่ืองโดยสังเขป เช่น อ่านเพื่อรวบรวม ส่ิงพิมพ์ท่จี ะใช้ในการค้นควา้ และเขยี นรายงาน 2. อา่ นเพ่ือรวบรวมข้อมูล เป็นการอ่านให้เข้าใจในเน้ือหาสาระ และจดั ลาดับความคิดได้ เพื่อสามารถรวบรวม และบนั ทึกขอ้ มูลสาหรับเขยี นรายงาน 3. อา่ นเพอ่ื หาแนวคิด เป็นการอา่ นเพื่อรู้วา่ สิ่งท่ีอ่านน้ันมีแนวคดิ หรือสาระสาคัญอย่างไร จะนาไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ ในลักษณะใด เช่น อ่านบทความ และสารคดีเพ่ือหาหัวข้อสาหรับ เขียนโครงร่างรายงาน 4. อ่านเพื่อวิเคราะห์หรือวิจารณ์ เป็นการอ่านเพ่ือให้เข้าใจลึกซ้ึง ท่ีจะนาความรู้ไปใช้ หรือแสดงข้อคดิ เห็นเก่ียวกับเรื่องที่อ่านได้ เช่น อ่านบทความที่แสดงความคิดเห็น การอา่ นตาราง และรายงาน ๕. อ่านเพื่อความบันเทิงและจรรโลงใจ เป็นการอ่านหนังสือประเภทบันเทิงคดีในเวลา ว่าง บางคนที่มีนสิ ัยรักการอ่านหากรู้สึกเครียดจากการอา่ นหนังสือเพื่อความรู้ อาจอ่านหนังสือ ประเภทเบาสมองเพื่อการพักผ่อน หนังสือประเภทที่สนองจุดประสงค์ของการอ่านประเภทน้ีมี จานวนมาก เช่น เร่อื งส้นั นวนิยาย การ์ตนู วรรณคดปี ระเทืองอารมณ์ เปน็ ต้น มารยาทในการอา่ นหนังสอื ๑. มีสมาธิในการอ่าน อ่านอย่างต้ังใจ ควรน่ังอ่านในท่าทางสบาย ตัวตรง ไม่เล่นกันขณะ อ่านหนังสือ ไม่ทากิจกรรมอ่ืน ๆ ระหวา่ งอ่านหนังสือ เพราะจะทาให้อ่านหนังสือได้ไม่เตม็ ท่ี เช่น การฟงั เพลง ดโู ทรทัศน์ เป็นต้น 2. อ่านในใจไม่อ่านเสียงดังรบกวนผู้อื่น เพราะรบกวนและสร้างความราคาญแก่ผู้อ่ืน ๓. ไม่อ่านส่ิงท่ีเป็นงานเขียนส่วนตัวของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต เช่น จดหมาย บันทึก สว่ นตวั เอกสารขอ้ มูลความลับต่าง ๆ เปน็ ต้น ๔. เลือกเวลาในการอ่านให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ไม่อ่านในเวลาที่ไม่ควรอ่าน เช่น ขณะ เรยี นหนังสือ ฟงั ครูสอน ฟงั การบรรยาย เปน็ ต้น ๕. ไมร่ บั ประทานอาหารระหวา่ งอา่ นหนังสือ เพราะจะทาให้หนงั สือเปรอะเปือ้ นสกปรก 6. ใช้หนังสือด้วยความระมัดระวัง หยิบจบั หนังสืออยา่ งเบามือ ไม่พับหน้าหนงั สือ ไมค่ วร กางหนังสือคว่าล ไม่ฉีกส่วนใดส่วนหน่ึงของหนังสอื ถ้าเป็นหนังสือของผู้อื่นไม่ควรขีดเขียน วาด รปู ลงในหนงั สอื เพราะหนังสือเป็นแหลง่ ความร้ทู ี่สามารถแบง่ ปนั ใหผ้ อู้ ืน่ ใช้อา่ นต่อไปได้ 7. ไมแ่ ยง่ หนงั สือของผู้อื่นมาอ่าน เมือ่ อา่ นหนงั สอื เสร็จควรเกบ็ ไว้ใหเ้ ปน็ ท่ีเปน็ ทาง ประโยชน์ของการอา่ น

860 คูม่ อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) 1. เป็นการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมที่ง่าย และตรงตามความต้องการ ช่วยให้รอบรู้ทัน เหตุการณ์และพัฒนาด้านวิชาการ นักพูดและนักเขียนท่ีประสบความสาเร็จมักเป็นผู้ท่ีมีนิสัยรัก การอ่าน และเป็นผแู้ สวงหาความรู้อย่เู สมอ 2. เป็นการช่วยส่งเสริมความคิด ช่วยให้ได้รับรู้นานาทัศนะในสาขาวิชาต่าง ๆ จากทัศนะ ของผู้เขียนหลาย ๆ คนในประเด็นเดียวกัน จะเป็นพื้นฐานสาคัญช่วยให้เกิดพัฒนาการด้าน ความคดิ ของตวั ผอู้ า่ นเอง สามารถคิดวพิ ากษว์ จิ ารณ์อยา่ งมเี หตุผล และมีขอ้ สนับสนุนจากการอา่ น เพียงพอ เป็นทีย่ อมรบั จากผอู้ น่ื คุณค่าของการอ่าน ๑. การอ่านมีความสาคัญต่อชีวิตที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการช่วยให้ได้รับ ขอ้ มลู ขา่ วสารเพือ่ ประกอบการตดั สนิ ใจในชีวติ ประจาวัน ๒. การอ่านมีความจาเป็นต่อการศึกษาเล่าเรียน ทั้งในระบบและนอกระบบ คนท่ีเรียน หนังสือเกง่ มกั จะเป็นคนท่ีอ่านหนังสือเกง่ เพราะการอ่านช่วยให้ได้รบั ความรู้และความเข้าใจท่ีจะ ทาให้ประสบความสาเรจ็ และสามารถศึกษาตอ่ ในระดับสูงได้ ๓. การอ่านมีคุณค่าต่อมนุษย์ เป็นการสนองความต้องการของมนุษย์ ทาให้เกิดความรู้ ยกระดับสติปัญญาให้สูงขึ้น เกิดความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาความคิดให้ก้าวหน้า ส่งผลต่อ การพัฒนาในอาชีพ ทาให้ทันต่อเหตุการณ์ ช่วยอานวยความสะดวกในชีวิตประจาวัน ช่วยให้ มนุษย์สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และสามารถดารงชีวิตในสังคมได้ ช่วยพัฒนาจิตใจให้งอกงาม ช่วยขจัดความทกุ ข์ ความเศร้าหมอง ๔. การอ่านทาให้เกิดความเข้าใจ ความร่วมมอื ในการอยู่ร่วมกันในสังคม เป็นการใช้เวลา ว่างให้เป็นประโยชนไ์ ดร้ บั ความเพลดิ เพลนิ และพกั ผ่อนหย่อนใจ จากหนังสือ ภาษาไทยสื่อแหง่ ความงดงาม ทางวฒั นธรรม ของ สานกั งานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแหง่ ชาติ

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 8 เรอื่ ง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ 861 ใบงานท่ี ๑ เร่ือง การบันทึกการอา่ น หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๘ เร่อื ง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรื่อง หลักการเลอื กอา่ นหนงั สือตามความสนใจ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชแ้ี จง ใหบ้ ันทึกการอา่ น ตามรายละเอียด ดังน้ี บนั ทึกการอ่าน หนงั สอื ที่เลือกอ่าน ชือ่ ........................................ผ้แู ต่ง ......................................... สานกั พิมพ์.......................................................................................................... เลอื กหนงั สือเลม่ นี้ เพราะ ............................................................................................................... ............................................................................................................... ............................................................................................................... .................................................................................................................. .................................................................................................................. ......................................................ห...............น....................ัง..............ส..............ือ..................เ........ล..................่ม................น...................นั้................ม..................เี.......น...................อ.ื้...............ห..................า............เ......ก.................ย่ี............ว.................ก............บั.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ............ป............ร.......ะ........โ......ย.........ช........น..........์.ข.........อ.........ง......เ......น.........ือ้........ห...........า...................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ชื่อ..................................................................................ชั้น.................เลขท่ี...........................

862 คมู่ อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวคาตอบ ใบงานท่ี ๑ เรื่อง การบนั ทกึ การอ่าน หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๘ เรอ่ื ง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง หลกั การเลือกอา่ นหนังสือตามความสนใจ รายวิชา พื้นฐานภาษาไทย รหสั ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ คาช้แี จง ใหบ้ นั ทึกการอา่ น ตามรายละเอยี ด ดังน้ี บันทกึ การอ่าน หนังสือท่เี ลอื กอา่ น ชื่อ .เ.ล...ม่...น...ที้...ผ่ี...ม...อ..่า...น...............ผูแ้ ต่ง .......ก..อ..บ...พ...ร....ถ..ริ..เ.จ...ร..ญิ ...ส...ก..ุล.. สานกั พมิ พ์...........................แ..พ..ร..ว..เ.ย..า..ว..ช..น.............................................................. เลือกหนงั สือเลม่ นี้ เพราะ ..........................................................................ส....น....กุ......แ....ล....ะ....ใ..ห......้ข....้อ....ค....ดิ ....ท....่ดี ....ใี ..น....ก....า....ร..ด....า....เ..น....ิน....ช....วี....ิต................................................ .............................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. ...........ห..น...งั..ส..ือ..เ.ล..ม่...น..นั้...ม..ีเ.น..อื้...ห..า..เ.ก..่ยี..ว...ก..บั ........................................................... ...................บเ...ด...า้.ก็...น...ช...ป..อ..ไู่......เบ....ม..ด......เ....่ม.ก็..ล.........ีค.ค.....น่ ......อน......เ.....ก.ม.ห..........ม.พ....น.......อ.....วิึ่ง......ย......เท......ตา่......ถี่.....งอ......ูก.น.....ร......ท.ใ...์.ิล......ห.า...........จโเ้......ลท......ึง......น่ษ....ต.........อ...้.เ.....ไ.พ.....งม.......อร....ม่.....าย.....ีห.....ะกู่......า้...ส.บั.....ง....อ.....หส.....บ.....นร.....ต.....รงั.....ก.พ....ส..........ือสพ.........กิน.....่อ.....อค.....แ.....งา้.....ม.พ....ใ.....จ่ห.....ะ.....ึง.เ้...เ.....ดสน..........ินง่นิ.....ไ.....ร.....ปม.....อ.....อแี.....บ....ย.ต.....ต....ูก่.ห่....ัว.....ับ....้อ......ป..ง........ส...ู่ท.......ม....ี่ต.......ดุ...่า.......แ..ง......จ...ล.......ัง....ะ....ห.ห.ว.น.ัด.ัง.ส..อื............... ........ ..ป...ร...ะ..โ..ย..ช...น...์ข...อ...ง..เ.น...ื้อ...ห...า......................................................... ..............................................................................................คน........ณุ.่า...........เ....บค........า่....่อื ....ไ.ข...อด........อ.ย...เ้....ห.ง...า่.....ห...็นง........ทน.ป..........่ีค.งัร........สิดะ........อืโ........ย.../.....ชไ........ด....น.....้ร....ข์....ู้ว.......อ....า่.....ง...ห.....ก.......น....า....ัง....ร....ส....อ........ือ.่า.......ไ..น.....ม.....ห....่ใ........นช..........ังเ่......ร.ส.......ือ่....ือ.....ง..../...ท............่ี............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ช่อื ..........................................................................................................................................................ช...้ัน........................................เ..ล...ข...ท....ี่ ...........................................

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 8 เร่ือง อ่านอย่างมีวจิ ารณญาณ ๘๖๓ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒ เรอ่ื ง การเลือกอา่ นหนังสอื ตามความสนใจ (๒) หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๘ เรื่อง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ เวลา ๑ ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนนิ ชวี ิตและมีนสิ ัยรักการอา่ น ตัวชว้ี ัด ป.๖/๘ อา่ นหนงั สือตามความสนใจ และอธบิ ายคุณค่าทไี่ ด้รับ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอา่ น ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การเลือกหนังสืออ่านต้องเลือกให้ตรงตามจุดประสงค์ เลือกหนังสือที่ดี มีคุณค่า เป็นประโยชน์แก่ ผอู้ ่าน มคี วามยากงา่ ยตรงตามความสนใจของผูอ้ า่ น ส่งเสริมการเรยี นรใู้ นชนั้ เรียนและควรคานึงถึงมารยาทใน การอ่านดว้ ย ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) บอกหลักการเลือกหนงั สอื ตามความสนใจได้ 2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) เขยี นบันทกึ การอา่ นจากหนังสอื ตามความสนใจได้ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) บอกประโยชน์ของการเลอื กหนังสอื ตามความสนใจ ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 หลักการเลอื กหนงั สือตามความสนใจ 4.2 เขยี นบนั ทกึ การอา่ นจากหนงั สอื ตามความสนใจ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 5.1 ความสามารถในการส่อื สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ 5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี ินยั 6.2 ใฝเ่ รียนรู้ 6.3 มุง่ ม่นั ในการทางาน 6.4 รักความเปน็ ไทย ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook