Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-11-คู่มือครู ภาษาไทย ป.6-2

64-08-11-คู่มือครู ภาษาไทย ป.6-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-11 02:43:37

Description: 64-08-11-คู่มือครู ภาษาไทย ป.6-2

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ือง ภาษาเพื่อการส่อื สาร ลาดับ ขอบเขตเนือ้ หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ท่ีใช้ กจิ กรรมคร ครู : คาบุพบทชนิดน คาบพุ บทบอกลักษณ ประโยคท่ี ๒ - นค่ี ือหนงั สอื ของฉนั ครู : คาบพุ บทคอื คา ตาแหน่งใด ครู : ฉันเก่ยี วข้องกับ อยา่ งไร ครู : คาบพุ บทชนิดน คาบพุ บทแสดงความ เจา้ ของ ประโยคท่ี ๓ - ดาวบนฟ้าส่องแสง ระยบิ ระยับ ครู : คาบุพบทคอื คา ตาแหน่งใด ครู : คาว่า บน บอกอ ครู : คาบุพบทชนิดน คาบพุ บทบอกสถานท ประโยคท่ี ๔ - คุณพอ่ ทางานหนักเ ครอบครัว

๔๘๓ แนวการจัดการเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนักเรยี น การเรยี นรู้ นเ้ี รยี กว่า ณะ น นกั เรยี น : คาวา่ ของ นาหนา้ - ส่อื ppt เร่อื งคา - ประเมนิ าใดอย่ใู น คาว่าฉนั ซึง่ เป็นคาสรรพนาม บุพบท การตอบคาถาม บหนงั สือ นกั เรยี น : เปน็ เจา้ ของ น้ีเรยี กว่า หนงั สือ มเป็น าใด อยู่ใน นกั เรยี น : คาวา่ บน นาหนา้ อะไร คาว่า ฟา้ ซง่ึ เป็นคานาม นี้เรยี กว่า นกั เรยี น : บอกที่อยู่ของดาว ที่ เพอื่ นกั เรียน : คาว่าเพ่อื นาหนา้ คาวา่ ครอบครวั ซงึ่ เปน็

๔๘๔ ค่มู ลาดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กิจกรรมคร ครู : คาบุพบทคือคา ตาแหน่งใด ครู : คาบพุ บทชนดิ น คาบพุ บทบอกความป หรอื เกี่ยวขอ้ ง ๒. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษ ความรูเ้ พม่ิ เตมิ จากใบ เร่อื ง คาบพุ บท แลว้ แลกเปล่ยี นความคดิ เ ในกลมุ่ ครู : ฟงั การอภิปราย บุพบทชองนักเรียนใน กลุม่ ๓. ครูประเมินความร บพุ บทของนักเรยี นโด นกั เรยี นพจิ ารณาประ แล้วตอบคาถามว่าคา คาบพุ บท และทาหน - บา้ นของฉันอยใู่ กล

มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนกั เรียน การเรียนรู้ าใดอยู่ใน คานาม น้เี รยี กว่า ประสงค์ ษา นักเรยี น : ศึกษาใบความรู้ - ใบความรู้ เรอ่ื ง - ประเมนิ บความรู้ เร่ืองคาบพุ บท คาบุพบท การอภปิ ราย เหน็ กนั ความรู้ ยเร่ืองคา นักเรียน : อภิปรายความรู้ นแต่ละ เรือ่ งคาบพุ บทภายในกลมุ่ รเู้ รอ่ื งคา - ประเมนิ ดยการให้ ะโยค าใดเปน็ น้าที่อะไร ล้ นักเรียน : ใกล้ ทาหนา้ ทบ่ี อก

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 เร่ือง ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร ลาดับ ขอบเขตเนื้อหา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กิจกรรมคร ห้างสรรพสนิ ค้า - เขาตง้ั ใจเรยี นเพอ่ื พ - ฝนตกต้งั แตเ่ ช้า - รามเกียรติ์เปน็ บท นิพนธใ์ นพระบาทสม พทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ๔. ครูมอบหมายภาร นักเรยี นรวบรวมคาบ จากสานวนไทย โดยค แถบประโยคใหแ้ ตล่ ะ เขียนสานวนไทยทีม่ คี และขีดเส้นใตค้ าบุพบ โดยครกู าหนดเวลาให ๕ นาที จากนน้ั ครแู ละ ช่วยกนั ตรวจสอบควา ของแตล่ ะกลุ่ม จากน นักเรียนแตง่ ประโยค คาบุพบทในใบงานเร บพุ บทน่าจดจา

๔๘๕ แนวการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนักเรียน การเรียนรู้ การตอบคาถาม ตาแหนง่ สถานทตี่ ้งั พอ่ แม่ นกั เรยี น : เพอื่ ทาหนา้ ทบี่ อก ความประสงค์หรอื เกย่ี วขอ้ ง ทพระราช นักเรียน : ต้ังแต่ ทาหนา้ ที่ มเดจ็ พระ บอกเวลา กมหาราช นักเรยี น : ใน ทาหนา้ ทบ่ี อก ความเปน็ เจา้ ของ ระงานให้ บพุ บท ครแู จก ะกลมุ่ คาบพุ บท บทน้นั หก้ ลุ่มละ ะเพอ่ื น ๆ ามถูกตอ้ ง นัน้ ให้ คโดยใช้ รอ่ื ง คา

๔๘๖ คู่ม ลาดับ ขอบเขตเนื้อหา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมคร 3. 2. วเิ คราะหช์ นดิ และ ขั้นปฏิบัติ ๒๐ หน้าท่ีของคาบพุ บทได้ นาที 3. แตง่ ประโยคโดยใช้ คาบุพบทได้ ครู : ประเมนิ ผลงาน ครู : ประเมนิ ผลงาน 4. 4. เห็นความสาคญั ชั้นสรุป ๕ ครูและนักเรยี นรว่ มก ของการใช้คาบพุ บทใน นาที ความรเู้ รอื่ งคาบพุ บท การสอื่ สาร ใช้คาถามกระตนุ้ ควา นักเรียนดงั น้ี ครู : คาบุพบทมคี วาม อยา่ งไร ครู : นกั เรยี นมหี ลักใ การเลือกใช้คาบุพบท การสอื่ สารอย่างไร

มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมนิ รู กิจกรรมนักเรียน แถบประโยค การเรยี นรู้ นกั เรยี น : หาคาบพุ บทจาก สานวนไทย และเขยี นลงใน แถบประโยค นนกั เรียน นกั เรียน : นาเสนอผลงาน นนกั เรยี น นักเรียน : ทาใบงานเร่ือง - ใบงานเร่ือง คา - ประเมินใบงาน คาบพุ บทน่าจดจา บุพบทน่าจดจา กันสรปุ ทโดยครู ามคดิ มสาคัญ นักเรยี น : ทาใหป้ ระโยคมี - ประเมนิ ความหมายชัดเจนขึ้น การตอบคาถาม ใน นกั เรยี น : เลือกใช้คาบพุ บท ทใน แตล่ ะชนดิ ให้ถกู ต้องและ เหมาะสม

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่อื ง ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร 487 ๘. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ ๑. สือ่ โปรแกรมนาเสนอ เรอื่ ง คาบุพบท ๒. ใบความรู้ท่ี 5 เรื่อง คาบุพบท ๓. แถบประโยค ๔ ใบงานท่ี 7 เร่ือง คาบพุ บท น่าจดจา ๙. การประเมนิ ผลรวบยอด วธิ ีการ เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ - ตอบคาถาม - คาถาม ผ่านเกณฑ์ สงิ่ ท่ีตอ้ งการวัด/ประเมนิ - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน การประเมนิ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ - คาถาม รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป - บอกชนิดและหน้าทีข่ อง - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ คาบพุ บท 1. การสงั เกต การประเมิน 2. คาถาม รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป ด้านทกั ษะ/กระบวนการ - ประเมินชิน้ งาน ผ่านเกณฑ์ 1. วิเคราะห์ชนิดและหนา้ ท่ีของ - ตอบคาถาม การประเมิน คาบพุ บท ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป 2. แต่งประโยคโดยใชค้ าบุพบท ผา่ นเกณฑ์ ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม การประเมนิ ระดับ - เห็นความสาคัญของการใช้ ผา่ น คาบุพบทในการสอ่ื สาร ผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ ระดบั ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ผ่าน ๑. ใฝ่เรยี นรู้ - สังเกตพฤตกิ รรม ๒. รกั ความเปน็ ไทย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. การสงั เกต ๒. ความสามารถในการคิด พฤติกรรม ๓. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 2. การตอบคาถาม

488 คู่มือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน เกณฑ์การประเมินเรือ่ งคาบุพบท ประเดน็ การ ๔ (ดีมาก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) ประเมิน บอกความหมาย ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) บอกความหมาย ของคาบพุ บทได้ บอกความหมายของ บอกความหมาย ของคาบุพบทได้ ๑. บอกความหมาย ถกู ตอ้ ง ท้ังหมด คาบุพบทไดถ้ ูกต้อง ของคาบพุ บทได้ ถกู ตอ้ ง ๑ คา ลกั ษณะ และ ๓ คา ถกู ตอ้ ง ๒ คา หนา้ ทขี่ องคา บุพบท ๒. ใชค้ าบุพบท ใช้คาบพุ บทแตง่ ใชค้ าบพุ บทแต่ง ใชค้ าบุพบทแตง่ ใช้คาบุพบทแต่ง แตง่ ประโยคได้ ประโยคไดถ้ กู ต้อง ประโยคได้ถูกต้อง ประโยคได้ถูกตอ้ ง ประโยคได้ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งตามชนิด ตามชนดิ และหน้าท่ี ตามชนิดและหน้าท่ี ตามชนดิ และหน้าท่ี ตามชนดิ และ และหน้าท่ี ได้ถกู ตอ้ ง ทั้งหมด ได้ถกู ตอ้ ง ๗-๘ ไดถ้ ูกต้อง 5-6 หน้าท่ีไดถ้ ูกต้อง ประโยค ประโยค ๑-๔ ประโยค หมายเหตุ : ค่านา้ หนกั ๕ คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดีมาก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ต่ากว่า ๑๒ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตัดสนิ : ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั พอใช้ขึ้นไป

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่อื ง ภาษาเพ่ือการส่อื สาร 489 10. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการจัดการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................... .................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ข้อจากัดการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... .......... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วันท่ี ............. เดือน ..........พ.ศ. .................. 11. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผทู้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................ผู้ตรวจ (..........................................................) วนั ที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. ......

490 คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ใบความรู้ท่ี ๕ เรอื่ ง คาบพุ บท หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เรื่อง ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๘ เรือ่ ง คาบุพบท รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาบพุ บท คอื คาทเ่ี ชอ่ื มคาหรือกลุ่มคาให้สัมพันธก์ ันและเมื่อเช่อื มแล้ว ทาใหท้ ราบว่า คาหรือกลุม่ คา ทเี่ ชื่อมกนั น้ันมคี วามสมั พนั ธ์กนั อย่างไร ไดแ้ ก่ ใน แก่ จน ของ ด้วย โดย ฯลฯ หนา้ ทีใ่ นการแสดงความสมั พันธข์ องคาบพุ บท ๑. แสดงความสัมพนั ธ์เกย่ี วกับสถานท่ี เช่น คนในเมือง ๒. แสดงความสัมพนั ธเ์ ก่ียวกบั เวลา เชน่ เขาเปดิ ไฟจนสวา่ ง ๓. แสดงความสมั พันธ์เกี่ยวกบั การเปน็ เจ้าของ เชน่ แหวนวงน้ีเปน็ ของฉนั ๔. แสดงความสัมพนั ธ์เกย่ี วกบั เจตนาหรอื สง่ิ ทม่ี ุ่งหวัง เชน่ เขาทาเพอ่ื ลูก ๕. แสดงความสมั พนั ธ์เกี่ยวกบั อาการ เช่น เราเดินไปตามถนน ชนิดของคาบุพบท คาบพุ บทแบ่งเปน็ ๒ ชนดิ ๑. คาบุพบทที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคาต่อคา เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างคานามกับคานาม คานามกบั คาสรรพนาม คานามกบั คากรยิ า คาสรรพนามกับคาสรรพนาม คาสรรพนามกับคากรยิ า คากรยิ า กับคานาม คากรยิ ากบั คาสรรพนาม คากรยิ ากบั คากรยิ า เพือ่ บอกสถานการณใ์ ห้ชัดเจน ดังต่อไปนี้ - บอกสถานภาพความเป็นเจา้ ของ เช่น ฉันซ้ือสวนของนายสมชาย (นามกับนาม) บ้านของเขาใหญ่โตแท้ ๆ (นามกบั สรรพนาม) อะไรของเธออยใู่ นถุงน้ี (สรรพนามกับสรรพนาม) - บอกความเกี่ยวข้อง เชน่ เธอต้องการมะม่วงในจาน (นามกับนาม) พอ่ เห็นแก่แม่ (กริยากับนาม) ฉันไปกับเขา (กรยิ ากบั สรรพนาม) - บอกการใหแ้ ละบอกความประสงค์ เช่น พอ่ ใหร้ างวลั แก่ฉนั (นามกับสรรพนาม) แกงหมอ้ นเี้ ปน็ ของสาหรบั ใสบ่ าตร (นามกับกริยา) - บอกเวลา เชน่ เขามาต้งั แตเ่ ช้า (กรยิ ากับนาม) เขาอยูเ่ มอื งนอกเมื่อปที ่ีแลว้ (นามกับนาม) - บอกสถานท่ี เชน่ เธอมาจากหัวเมือง (กริยากบั นาม) - บอกความเปรียบเทียบ เช่น เขาหนกั กว่าฉัน (กรยิ ากบั นาม) เขาสูงกว่าพอ่ (กรยิ ากับนาม)

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ือง ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร 491 ๒. คาบพุ บทที่ไมม่ ีความสัมพนั ธก์ ับคาอนื่ ส่วนมากจะอยู่ต้นประโยค ใชเ้ ปน็ การทักทาย มกั ใชใ้ นคา ประพันธ์ เชน่ ดกู ร ดูกอ่ น ดูรา ขา้ แต่ คาเหลา่ น้ีใชน้ าหน้าคานามหรือสรรพนาม ดกู ร ท่านพราหมณ์ ท่านจงสาธยายมนตบ์ ูชาพระผู้เป็นเจ้าดว้ ย ดกู อ่ น ภกิ ษทุ ัง้ หลาย การเจริญวิปัสสนาเปน็ การปฏบิ ตั ิธรรมของท่าน ดูรา สหายเอ๋ย ท่านจงทาตามคาทเ่ี ราบอกทา่ นเถดิ ขา้ แต่ ทา่ นทง้ั หลาย ขา้ พเจา้ ยินดมี ากท่ที า่ นมารว่ มงานในวันน้ี หลกั การใช้คาบุพบทบางคา “กบั ” ใช้แสดงอาการกระชบั อาการร่วม อาการเทียบกันและแสดงระดบั เชน่ ฉันเห็นกบั ตา “แก่” ใชน้ าหนา้ คาที่เป็นฝา่ ยรับอาการ เช่น ครูใหร้ างวัลแก่นักเรียน “แด”่ ใชแ้ ทนคาวา่ \"แก่\" ในท่ีเคารพ เชน่ นกั เรยี นมอบพวงมาลัยแดค่ รู “แต”่ ใช้ในความหมายว่า จาก ตัง้ แต่ เฉพาะ เชน่ เขามาแต่บ้าน “ตอ่ ” ใช้นาหนา้ แสดงความเกย่ี วข้องกนั ติดตอ่ กัน เทียบจานวน เช่น เขาย่นื คาร้องต่อศาล คาบุพบท เป็นคาที่ใช้หนา้ คานาม คาสรรพนาม หรือคากรยิ าสภาวมาลา เพ่อื แสดงความสัมพันธ์ของ คาและประโยคทอ่ี ยหู่ ลงั คาบุพบทว่ามคี วามเก่ียวขอ้ งกบั คาหรือประโยค ทอ่ี ย่ขู า้ งหนา้ อยา่ งไร เช่น ลกู ชายของนายแดงเรียนหนังสอื ไม่เก่งแต่ลูกสาวของนายดาเรียนเกง่ ครทู างานเพ่ือนักเรยี น เขาเล้ยี งนกเขาสาหรับฟังเสียงขัน ตาแหน่งของคาบุพบท เปน็ คาที่ใชน้ าหน้าคาอื่นหรือประโยค เพื่อใหร้ ู้ว่าคาหรือประโยคที่อยหู่ ลงั คา บพุ บทมีความสัมพนั ธก์ บั คาหรอื ประโยคข้างหน้า ดงั นน้ั คาบพุ บทจะอยู่หน้าคาต่าง ๆ คอื ๑. นาหนา้ คานาม เช่น เขาเขียนจดหมายด้วยปากกา เขาอยทู่ บ่ี ้านของฉนั ๒. นาหน้าคาสรรพนาม เช่น เขาอยกู่ ับฉนั ตลอดเวลา เขาพดู กบั ทา่ น เม่ือคืนนแ้ี ล้ว ๓. นาหนา้ คากรยิ า เช่น เขาเห็นแกก่ ิน โต๊ะตัวน้ีจดั สาหรับอภิปรายคืนน้ี ๔. นาหน้าคาวเิ ศษณ์ เชน่ เขาวงิ่ มาโดยเร็ว ปรบั ปรงุ มาจาก https://site.google.com

492 คมู่ ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ใบงานที่ ๗ เร่อื ง คาบุพบทนา่ จดจา หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรื่อง ภาษาเพ่ือการสื่อสาร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๘ เรอื่ ง คาบพุ บท รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชแ้ี จง ตอนท่ี ๑ เขียนประโยคทมี่ ีคาบุพบท ตามความสัมพนั ธ์ระหว่างคาท่ีกาหนดให้ ข้อ หน้าที่ของคาบุพบท เขยี นประโยคท่ีมคี าบพุ บท ๑. บอกความเป็นเจ้าของ ๒. บอกเวลา ๓. บอกสถานที่ ๔. บอกความเกย่ี วข้อง ๕. บอกความเปรยี บเทียบ ตอนท่ี ๒ เขียนประโยคทมี่ ีคาบพุ บท ตามทกี่ าหนดให้ ข้อ คาบุพบท เขยี นประโยคท่มี คี าบุพบท ๑. แก่ ๒. แด่ ๓. แต่ ๔. ต่อ ๕. เพอื่ ตอนท่ี ๓ เติมคาบพุ บทลงในชอ่ งวา่ ง ๑. เราควรมีนา้ ใจ..............ผู้อื่น ๒. คณุ พอ่ ทางานหนัก.............ครอบครัว ๓. หัวหินเป็นเมือง...................ความฝันของนักทอ่ งเท่ียว ๔. เขาเดนิ ทาง............................รถประจาทาง ๕. โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นโรงเรยี น................พระบรมราชูปถมั ภ์ ชื่อ.............................................................................ชั้น...................เลขที่...................

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่ือง ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร 493 แนวคาตอบ ใบงานท่ี ๗ เร่ือง คาบพุ บทนา่ จดจา หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ เรื่อง ภาษาเพ่ือการส่อื สาร แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๘ เรื่อง คาบุพบท รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาช้แี จง ตอนท่ี ๑ เขียนประโยคท่มี ีคาบพุ บท ตามความสมั พนั ธร์ ะหว่างคาทีก่ าหนดให้ ขอ้ หน้าทขี่ องคาบุพบท เขยี นประโยคทม่ี คี าบพุ บท ๑. บอกความเปน็ เจ้าของ นักฟุตบอลของไทยมคี วามพรอ้ มในการแขง่ ขัน ๒. บอกเวลา ฝนตกตงั้ แต่เชา้ จนค่า ๓. บอกสถานที่ บา้ นของฉนั อยู่ใกลห้ า้ งสรรพสินค้า ๔. บอกความเก่ยี วข้อง นกั เรยี นทุกคนตา่ งพากเพียรเพอ่ื ความกา้ วหน้าในอนาคต ๕. บอกความเปรียบเทยี บ เขาหนกั กวา่ ฉนั ตอนท่ี ๒ เขียนประโยคท่มี ีคาบุพบท ตามที่กาหนดให้ ข้อ คาบพุ บท เขยี นประโยคทมี่ ีคาบพุ บท ๑. แก่ ครใู หร้ างวลั แก่นักเรยี น ๒. แด่ ๓. แต่ นกั เรยี นมอบพวงมาลยั แดค่ รู ๔. ต่อ เขามาแต่บ้าน ๕. เพอ่ื เขายนื่ คารอ้ งตอ่ ศาล แดงตงั้ ใจเรียนเพ่ือพ่อแม่ ตอนท่ี ๓ เติมคาบุพบทลงในชอ่ งวา่ ง ๑. เราควรมีนา้ ใจ.......ต่อ.......ผอู้ ่นื ๒. คุณพ่อทางานหนกั ......เพอ่ื .......ครอบครัว ๓. หวั หินเป็นเมือง........แห่ง...........ความฝันของนักท่องเท่ียว ๔. เขาเดนิ ทาง..............โดย..............รถประจาทาง ๕. โรงเรยี นวังไกลกงั วลเปน็ โรงเรยี น.......ใน.........พระบรมราชูปถัมภ์ ชือ่ .............................................................................ช้ัน...................เลขที่...................

๔๙๔ คูม่ ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๙ เรื่อง คาเชือ่ ม เวลา ๑ ชวั่ โมง เรอื่ ง ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวช้ีวดั ป.๖/๑ วิเคราะห์ชนิดและหนา้ ทข่ี องคาในประโยค ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด คาเช่ือมเปน็ คาท่ใี ชเ้ ชอ่ื มคา ประโยค หรอื ขอ้ ความให้ต่อเนอื่ งกัน การใชค้ าเชอื่ มทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสมจะ ทาให้ประโยคหรือข้อความมีความตอ่ เน่ืองกนั สามารถสื่อความหมายไดช้ ดั เจนมากขน้ึ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกชนิดและหนา้ ทข่ี องคาเช่ือมได้ 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - วิเคราะห์ชนดิ และหนา้ ท่ีของคาเชือ่ มได้ - แต่งประโยคโดยใชค้ าเชื่อมได้ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) เห็นความสาคัญของการใช้คาเชือ่ มในการสอ่ื สาร ๔. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ชนิดและหน้าที่ของคาเชอ่ื ม 4.2 วิเคราะหช์ นดิ และหนา้ ทข่ี องคาเชอื่ ม 4.3 แต่งประโยคโดยใชค้ าเชอ่ื ม ๕. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๖. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี ินัย 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 มงุ่ ม่นั ในการทางาน 6.4 รักความเป็นไทย ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง ภาษาเพื่อการสือ่ สาร การจดั กจิ กรรมการเรียนร แผนการจดั การเรียนร รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๔ เร ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทีใ่ ช้ กจิ กรรมคร 1. ขอบเขตเนอื้ หา ขนั้ นา ๕ ๑. ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพ 1. ชนิดและหน้าท่ขี อง นาที คนกาลังนง่ั ทาการบ้าน ร่วมสนทนากบั นักเรียน คาเชอื่ ม คาถามดงั น้ี 2. วเิ คราะหช์ นิดและ หนา้ ทข่ี องคาเช่อื ม ครู : บุคคลในภาพกา อะไร 3. แต่งประโยคโดยใช้ ครู : บุคคลในภาพน่า คาเช่ือม ความสัมพนั ธ์เก่ียวข้อ อย่างไร ครู : นกั เรยี นจะแตง่ ป จากภาพดังกล่าวไดอ้ ย ครู : ประโยคทงั้ สองป ความหมายเหมอื นกนั ครู : นักเรยี นจะทาปร สองประโยคใหเ้ ปน็ ปร เดียวกนั ได้อย่างไร ครู : นกั เรยี นแตง่ ประ ได้อยา่ งไร

รู้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ๔๙๕ ร้ทู ่ี ๙ เรอ่ื ง คาเช่ือม รือ่ ง ภาษาเพอื่ การสอื่ สาร จานวน ๑ ชั่วโมง การประเมนิ การเรียนรู้ แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรียน - สอื่ ppt เรอ่ื ง พเดก็ สอง คาเช่อื ม น จากนน้ั ครู นโดยครใู ช้ าลังทา นกั เรยี น : อ่านหนงั สอื /ทา การบา้ น าจะมี นกั เรียน : พี่นอ้ ง/เพ่ือน องกัน ประโยค นักเรยี น : พี่อ่านหนงั สอื ย่างไร น้องทาการบา้ น ประโยคมี นหรอื ไม่ นกั เรยี น : ไม่เหมอื นกนั ระโยคท้งั นักเรยี น : หาคามาเช่อื ม ระโยค ประโยคทัง้ สองประโยคให้ ะโยคใหม่ เปน็ ประโยคเดียวกนั นักเรยี น : พ่ีอา่ นหนังสอื แต่ นอ้ งทาการบา้ น

๔๙๖ ค่มู ลาดับ ขอบเขตเนอื้ หา/ ข้นั ตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กิจกรรมคร ๒. ครูและนักเรียนแล สรปุ ว่าคาเช่อื มคอื คาท คาหรอื ประโยคใหเ้ ป็น เดียวกนั 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ ขั้นสอน ๒๐ ๑. ครแู ละนักเรยี นร่ว 1. บอกชนิดและ นาที อภปิ รายชนดิ และหนา้ หน้าท่ขี องคาเชอื่ มได้ คาเชอื่ มจากใบความร คาเชื่อม เพอ่ื เพมิ่ เติม ครู : ประเมนิ ผลการน ความคดิ เรอื่ งคาเชอ่ื ม นกั เรียนและอธบิ ายค เพิม่ เตมิ ๒. ครยู กตวั อยา่ งประ - เขาอยากมเี งินแตเ่ ข ทางาน จากน้นั ใหน้ กั เรยี นร่วม วเิ คราะหช์ นิดและหน คาเช่อื มโดยครตู ง้ั คาถ - คาเชอ่ื มคอื คาใด - คาเชือ่ มดังกลา่ วทาห - เมอื่ เช่ือมความแล้วป

มอื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนักเรียน การเรยี นรู้ ละรว่ มกนั ท่ใี ชเ้ ชอ่ื ม นประโยค วมกัน นักเรยี น : ศกึ ษาใบความรู้ - ใบความรู้เรอ่ื ง - ประเมิน าที่ของ เรอ่ื งคาเชื่อม คาเชอ่ื ม การตอบคาถาม รู้ เรอ่ื ง นกั เรยี น : อภิปรายกลมุ่ และ มความรู้ เขยี นสรปุ เป็นผงั ความคิด นาเสนอผงั เรือ่ งคาเชื่อม มของ นกั เรียน : นาเสนอผงั ความรู้ ความคดิ หนา้ ชนั้ เรยี น ะโยค ขาไม่ยอม มกนั น้าที่ของ ถามดังน้ี หนา้ ท่ใี ด นกั เรยี น : แต่ ประโยคมี นกั เรียน : เชอื่ มประโยคกบั

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง ภาษาเพอื่ การสอื่ สาร ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ข้นั ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมคร ใจความอย่างไร ๓. ครูมอบหมายภาระ นักเรยี นแตง่ ประโยคโ คาเชอ่ื มตามตวั อย่าง นกั เรยี นทาใบงานเรื่อ น้ันสาคัญไฉน 3. 2. วิเคราะหช์ นิดและ ข้นั ปฏิบตั ิ ๒๐ ครู : ประเมินผลงาน หนา้ ที่ของคาเชอื่ มได้ นาที และให้ข้อแนะนาเพ่มิ 3. แต่งประโยคโดยใช้ คาเชื่อมได้ ครู : ตรวจผลงานนักเ

๔๙๗ แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนกั เรียน การเรียนรู้ ประโยค ะงานให้ นกั เรยี น : ใจความขดั แย้งกัน โดยใช้ จากนน้ั ให้ องคาเช่ือม นนักเรียน นักเรียน : แตง่ ประโยคโดยใช้ มเตมิ คาเชื่อมแลว้ พิจารณา เรียน ประโยคดงั นี้ - คาเชือ่ มคอื คาใด - คาเชื่อมดังกล่าวทาหน้าที่ ใด - เม่ือเชอ่ื มความแล้วประโยค มีใจความอย่างไร นกั เรยี น : นาเสนอผลงาน นักเรยี น : ทาใบงานเรอื่ ง - ใบงานเร่อื ง - ประเมนิ ใบงาน คาเชอื่ มนนั้ สาคญั ไฉน คาเชอ่ื มนั้น สาคญั ไฉน

๔๙๘ คู่ม ลาดับ ขอบเขตเนอื้ หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ กจิ กรรมคร 4. 4. เห็นความสาคญั ขน้ั สรปุ ๕ ครูและนักเรียนร่วมกนั ของการใช้คาเชอ่ื มใน นาที บทเรยี นเรอื่ งคาเช่อื ม การสอื่ สาร คาถามกระตุ้นความค นกั เรียนดงั นี้ ครู : หากเราไมใ่ ชค้ าเ ประโยคท่พี ดู หรอื เขีย เกิดผลอย่างไร

มอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจดั การเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ รู กจิ กรรมนกั เรยี น - ประเมิน นสรปุ นักเรียน : อาจทาให้พดู หรือ การตอบคาถาม มโดยครตู ง้ั เขียนขอ้ ความในประโยคซา้ คิดของ ความบางอย่างและประโยค อาจไมเ่ ช่อื มโยงกนั ทาให้เกิด เชือ่ มใน ปัญหาในการส่อื สาร ยนจะ

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 เรอื่ ง ภาษาเพ่อื การสื่อสาร 499 ๘. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ เกณฑ์ ๑. ส่ือโปรแกรมนาเสนอเร่ือง คาเชื่อม ผา่ นเกณฑ์ ๒. ใบความรทู้ ี่ 6 เรือ่ ง คาเชอ่ื ม การประเมนิ ๓. ใบงานท่ี 8 เรื่อง คาเชื่อมนั้นสาคญั ไฉน รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป ผา่ นเกณฑ์ ๙. การประเมนิ ผลรวบยอด การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป สิ่งที่ตอ้ งการ/วดั ประเมนิ วธิ กี าร เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ ผา่ นเกณฑ์ ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ - ตอบคาถาม - คาถาม การประเมนิ - บอกชนดิ และหนา้ ทขี่ อง ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป คาเชอื่ ม ผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ระดับ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ - แบบประเมินพดู ผ่าน - วิเคราะหช์ นิดและหนา้ ท่ี - ประเมนิ ช้ินงาน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ ของคาเชอ่ื ม - คาถาม การประเมนิ ระดบั ผ่าน - แต่งประโยคโดยใช้คาเชือ่ ม ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม - เห็นความสาคญั ของการใช้ - ตอบคาถาม คาเชื่อมในการสือ่ สาร ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สงั เกตพฤติกรรม ๑. ใฝเ่ รียนรู้ - แบบประเมิน ๒. รกั ความเป็นไทย สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. การสงั เกตพฤติกรรม 1. การสงั เกต ๑. ความสามารถใน 2. การตอบคาถาม 2. คาถาม การสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ ทกั ษะชีวติ

500 คู่มอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ช้นิ งานหรอื ภาระงาน เกณฑ์การประเมินช้นิ งานเรื่องคาเช่ือม ประเด็นการ ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรุง) ประเมิน แต่งประโยคโดยใช้ ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) คาเชือ่ มไดถ้ กู ต้อง แต่งประโยคโดยใช้ แตง่ ประโยคโดยใช้ แต่งประโยคโดย ๑. การแตง่ สอดคล้องกบั ภาพ คาเชอื่ มได้ถูกตอ้ ง คาเชอ่ื มได้ถกู ต้อง ใชค้ าเชือ่ มได้ ประโยค ท้ังหมด 5 ข้อ สอดคล้องกบั ภาพ สอดคล้องกบั ภาพ ถกู ต้องสอดคลอ้ ง ทัง้ หมด ๔ ข้อ ทั้งหมด ๓ ข้อ กับภาพตา่ กว่า ๓ ขอ้ ๒. บอกชนดิ ของ บอกชนดิ ของ บอกชนิดของ บอกชนดิ ของ บอกชนดิ ของ คาเช่อื มได้ คาเชอ่ื มไดถ้ ูกตอ้ ง คาเช่อื มไดถ้ กู ต้อง คาเช่อื มไดถ้ กู ต้อง คาเช่อื มถูกตอ้ งตา่ ถูกต้อง ทง้ั 5 ข้อ 4 ข้อ 3 ขอ้ กว่า 3 ข้อ หมายเหตุ : คา่ น้าหนัก ๕ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดมี าก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ต่ากว่า ๑๒ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตัดสิน : ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั พอใช้ขนึ้ ไป

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่อื ง ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร 501 10. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วันที่ ............. เดือน ..........พ.ศ. .................. 11. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรือผ้ทู ไ่ี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผตู้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ ............. เดือน ..........พ.ศ. ......

502 คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ใบความรูท้ ่ี ๖ เรอื่ ง คาเชอ่ื ม หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรื่อง ภาษาเพอื่ การสอื่ สาร แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๙ เร่ือง คาเช่อื ม รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาเชอื่ ม คือคาท่ีทาหน้าทีเ่ ชื่อมคากบั คา เช่ือมประโยคกบั ประโยค เช่อื มข้อความ กบั ข้อความ หรอื ข้อความใหส้ ละสลวย คาเชื่อม มี ๔ ชนดิ คอื ๑. เช่ือมใจความที่คล้อยตามกัน ได้แก่คาว่า กับ และ, ท้ัง…และ, ทั้ง…ก็, ครั้น…ก็, ครั้น…จึง, พอ…ก็ ตัวอย่างเช่น พออ่านหนังสือเสร็จก็เข้านอน พ่อและแม่ ทางานเพื่อลกู ฉันชอบท้ังทะเลและน้าตก ครัน้ ได้เวลาเธอจึงไปขึ้นเคร่อื งบนิ ๒. เชื่อมใจความที่ขัดแย้งกนั ได้แก่คาวา่ แต่, แต่วา่ , ถึง…ก็, กว่า…ก็ ตัวอย่างเช่น กว่าตารวจจะมาคนร้ายก็หนีไปแล้ว เขาอยากมีเงินแต่ไม่ ทางาน ถึงเขาจะโกรธแตฉ่ ันกไ็ ม่กลวั เธอไม่สวยแตว่ า่ นิสัยดี ๓. เชื่อมใจความเป็นเหตุเป็นผลกัน ได้แก่ คาว่า จึง, เพ ราะ…จึง, เพราะฉะน้ัน…จึง ตัวอย่างเชน่ เขาวิ่งเร็วจึงหกล้ม ฉันกลัวรถตดิ เพราะฉะนั้นฉันจึงออก จากบ้านแต่เช้า เพราะเธอเรียนดีครูจึงรัก เขาไว้ใจเราให้ทางานน้ีเพราะฉะน้ันเราจะ เหลวไหลไม่ได้ ๔. เชื่อมใจความให้เลือกอย่างใดอย่างหน่ึง ได้แก่คาว่า หรือ หรือไม่ก็, ไมเ่ ชน่ นนั้ , มิฉะนน้ั ตัวอย่างเช่น เธอตอ้ งทางานมฉิ ะนน้ั เธอจะถูกไล่ออก นกั เรยี นจะทา การบ้านหรอื ไมก่ อ็ า่ นหนงั สอื คุณจะทานข้าวหรือกว๋ ยเตยี๋ ว หนา้ ท่ขี องคาเชือ่ ม ๑. เชื่อมคากับคา เชน่ ฉนั เล้ียงแมวและสนุ ัข นิดกับหนอ่ ยไปโรงเรยี น ๒. เช่ือมข้อความ เช่น คนเราต้องการปัจจัย ๔ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องประกอบ อาชีพเพื่อใหไ้ ด้เงินมา ๓. เชื่อมประโยคกับประโยค เชน่ พส่ี าวสวยแต่นอ้ งฉลาด เพราะเขาขยนั จงึ สอบได้ ๔. เชื่อมความให้สละสลวย เช่น เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกัน คนเราก็มี เจ็บปว่ ยบ้างเปน็ ธรรมดา ปรับปรงุ มาจาก https://site.google.com

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอื่ ง ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร 503 ใบงานที่ ๘ เรอ่ื ง คาเชอ่ื มนนั้ สาคญั ไฉน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ เรอ่ื ง ภาษาเพือ่ การสือ่ สาร แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๙ เรื่อง คาเช่อื ม รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ คาชี้แจง แตง่ ประโยคโดยใช้คาเชอ่ื มใหส้ อดคล้องกับภาพ แล้วพจิ ารณาวา่ คาเชอื่ มนน้ั เชอ่ื มความ ชนดิ ใด ข้อ ภาพ ประโยค ชนดิ ของคาเช่ือม …………………………………..................... ............................. ๑. ........................................................... ……….................... ........................................................... ............................. …………………………………..................... ............................. ๒. ........................................................... ……….................... ........................................................... ............................. …………………………………..................... ............................. ๓. ........................................................... ……….................... ........................................................... ............................. …………………………………..................... ............................. ๔. ........................................................... ……….................... ........................................................... ............................. …………………………………..................... ............................. ๕. ........................................................... ……….................... ........................................................... ............................. ชือ่ .....................................................................................ชั้น...............เลขท่ี...........................

504 คูม่ ือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวคาตอบ ใบงานที่ ๘ เรอ่ื ง คาเชอ่ื มน้นั สาคญั ไฉน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรอื่ ง ภาษาเพอื่ การส่อื สาร แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๙ เรื่อง คาเชอ่ื ม รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชี้แจง แต่งประโยคโดยใช้คาเชื่อมให้สอดคล้องกับภาพ แล้วพิจารณาว่าคาเช่ือมนั้นเชือ่ มความ ชนิดใด ขอ้ ภาพ ประโยค ชนิดของคาเชื่อม ๑. พอทาการบา้ นเสร็จ เช่ือมใจความท่ี ฉนั ก็ดโู ทรทัศน์ คล้อยตามกัน ๒. ลกู จะซอ้ื ของเล่น เชอ่ื มใจความที่ แต่แมจ่ ะกลบั บา้ น ขัดแย้งกัน ๓. เพราะเขานอนดกึ เชือ่ มใจความเปน็ จึงตน่ื สาย เหตุเปน็ ผลกนั ๔. นกั เรยี นตอ้ งทาการบ้าน เชื่อมใจความให้ มิฉะนั้นครูจะทาโทษ เลือกอยา่ งใดอย่าง หนง่ึ ๕. เธอจะไปกบั เขา เช่ือมใจความให้ หรอื ไปกบั ฉัน เลือกอยา่ งใดอย่าง หนึง่ ชื่อ.....................................................................................ช้นั ...............เลขท่ี...........................

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่อื ง ภาษาเพอ่ื การสือ่ สาร 505 แบบประเมนิ ตนเอง ชื่อ : ________________ สกลุ : ________________วัน____ เดือน____________พ.ศ. _____ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี_______๔________เรอ่ื ง________________ภาษาเพื่อการส่อื สาร__________ ๑. ประเมินการเรียนรู้ของตนเอง กาเครื่องหมาย  ในช่องระดับความสามารถของแต่ละกิจกรรมที่นักเรียนคิดว่าทาได้ตามระดับ การประเมินเหล่าน้ี ระดับความสามารถ : ดีมาก ค่อนข้างดี ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ท่ี รายการ ระดบั ความสามารถ ๑ อา่ นและจาแนกประเภทของโวหาร ดีมาก ค่อน ดี พอใช้ ปรับปรุง ๒ รวบรวมสานวน สุภาษติ คาพังเพย ข้างดี ๓ เขียนจดหมายส่วนตัว ๔ กรอกแบบรายการ ๕ วเิ คราะหช์ นดิ และหน้าทีข่ องคาบพุ บท คาเชอ่ื ม 2. ส่ิงทฉ่ี นั ยงั ไม่เข้าใจ / ยังทาได้ไม่ดี คือ…… (สามารถเขียนไดม้ ากกวา่ 1 อย่าง) ……………………………………………................................................................................................ .................................................................................................................................................. .............................……………………………………………................................................................... .................................................................................................................................................. 3. ส่งิ ทฉี่ นั ตั้งใจจะทาใหด้ ีขึน้ ในการเรียนหน่วยตอ่ ไป (สามารถเขยี นได้มากกว่า 1 อยา่ ง) ……………………………………………................................................................................................ .................................................................................................................................................. .............................……………………………………………................................................................... ..................................................................................................................................................

506 คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) บันทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) ชื่อ : ___________________ สกลุ : __________________วัน____ เดอื น_____________พ .ศ._____ สง่ิ หนึ่งท่ีฉนั ไดเ้ รยี นรจู้ ากการเรยี นวิชาน้ใี นครงึ่ ภาคเรยี น คอื ............................................. ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ........ ฉนั นา่ จะเรยี นรไู้ ดด้ ีกว่านห้ี าก............................................................................................ ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ...... ส..ิง่ ..ท..ฉี่..นั...อ..ย..า..ก..จ..ะ..บ..อ...ก..ค..ณุ...ค...ร.ู..ค..อื.............................................................................................. .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ..... ส..ิง่..ท..ี่ฉ...นั ..ค..ว..ร..ป...ร.บ.ั ..ป..ร..ุง..ต..ัว..เ..อ..ง..ใ.ห..ด้...ขี ..นึ้....ค..อื.................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ..... ป...ัญ...ห...า.ใ..น..ก...า.ร..เ.ร..ีย..น...ข..อ..ง..ฉ..นั....ค..อื................................................................................................ ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... .... ........................................................................................................................................... ....

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๕ เรื่อง สภุ าษิตสอนหญงิ ๕๐๗ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๕ สุภาษติ สอนหญิง

๕๐๘ คูม่ อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ สุภาษิตสอนหญิง รหสั วชิ า ท ๑๖๑๐๑ รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๑๐ ช่วั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนินชวี ิตและมีนิสยั รักการอ่าน ตัวช้วี ัด ป.๖/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความทเ่ี ปน็ โวหาร ป.๖/๓ อ่านเรื่องสน้ั ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจบั เวลาแลว้ ถามเกย่ี วกบั เร่อื งทอ่ี า่ น สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรสู้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวช้ีวัด ป.๖/๔ พูดรายงานเร่ืองหรือประเดน็ ท่ศี ึกษาคน้ คว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชวี้ ัด ป.๖/๑ วิเคราะหช์ นดิ และหนา้ ทขี่ องคาในประโยค ป.๖/๔ ระบลุ กั ษณะของประโยค สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง ตวั ช้ีวัด ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดี และวรรณกรรมที่อา่ นและนาไป ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านในชีวิตประจาวัน ได้แก่ การอ่านจับใจความ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ผู้อ่านต้องต้ัง จุดมุ่งหมายในการอ่าน สารวจส่วนประกอบหนังสืออย่างคร่าวๆ ทาความเข้าใจประเภทหนังสือ แปล ความหมายและใชป้ ระสบการณ์เก่ยี วกับเร่ืองที่อ่านมาประกอบ รวมทั้งการศึกษาคา ความหมายของคาหรือ ข้อความจากเร่ืองท่ีอ่าน จะทาให้การอ่านมีประสิทธิภาพ เขียนคาได้ถูกต้องนาไปใช้ในการสื่อสารได้ นอกจากนี้การอ่านวรรณคดีเร่ืองสุภาษิตสอนหญิง ซึ่งเป็นวรรณคดีที่สามารถนาข้อคิดและคุณค่าที่ได้นามา ประยุกต์ใช้ในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั ได้

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๕ เรอื่ ง สุภาษิตสอนหญิง ๕๐๙ การพูดรายงานที่ดีทาให้การนาเสนอข้อมูลมีความน่าสนใจ ผู้ฟังได้รับประโยชน์จากการฟังอย่าง ชัดเจน ในการสื่อสารเพ่ือใหผ้ ู้พูดและผู้ฟังมีความเข้าใจตรงกนั ต้องเลือกใช้ประโยคให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ประโยคท่ใี ชใ้ นการส่ือสาร 6 ลกั ษณะ ได้แก่ ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏเิ สธ ประโยคคาถาม ประโยคคาส่ัง ประโยคขอร้อง ประโยคแสดงความต้องการ การศกึ ษาหลักภาษาไทย เร่ือง คา ความหมายของคาหรอื ข้อความ คาอุทาน ประโยครวม ประโยค ซอ้ น และการเขียนประกาศ มีหลกั การสาคัญท่ตี ้องใชอ้ ย่างถกู ต้อง เพื่อให้การสอื่ สารมีประสิทธิภาพ ทาให้ ผฟู้ ังหรอื ผ้อู ่านเขา้ ใจอารมณ์ความร้สู กึ ของผู้พูดหรอื ผเู้ ขียนอย่างชดั เจน ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. การอธิบายความหมายของคา ประโยค และขอ้ ความ ๒. การอา่ นจบั ใจความ ๓. หลกั การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๔. หลกั การพูดรายงานเรอ่ื งจากการฟงั การดู และการสนทนา ๕. หลกั การอธิบายคุณค่าของวรรณคดี ๖. ชนดิ และหน้าที่ของคาอทุ าน ๗. ประโยครวม ๘. ประโยคซ้อน ๙. ประโยคเพอื่ การสอื่ สาร ๑๐.ประกาศทเ่ี ป็นทางการ และไม่เปน็ ทางการ ทักษะ/กระบวนการ ๑. อ่านและอธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความในบทเรยี น ๒. จับใจความเรื่องสภุ าษติ สอนหญงิ ภายในเวลาทกี่ าหนด ๓. อ่านบทรอ้ ยกรองเร่ืองสภุ าษติ สอนหญงิ ๔. พูดรายงานเร่อื งสุภาษิตสอนหญงิ จากการฟงั การดู และการสนทนา ๕. อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตสอนหญิง ๖. ใชค้ าอทุ านในการส่ือสาร ๗. แยกสว่ นประกอบของประโยครวม ๘. แต่งประโยคซอ้ นและแยกประโยคซอ้ น ๙. แตง่ ประโยคเพือ่ การส่อื สาร ๑๐.อา่ นประกาศทเ่ี ป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ เจตคติ ๑. มีมารยาทในการอา่ น ๒. มีมารยาทในการเขยี น ๓. เหน็ คณุ คา่ ของการนาขอ้ คดิ จากวรรณคดหี รือวรรณกรรมไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ๔. ใชภ้ าษาในการสื่อสารได้ตรงวตั ถปุ ระสงค์

๕๑๐ คมู่ อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๔. สมรรถนะของผู้เรียน ๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๕. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.๑ มวี ินยั 5.๒ ใฝ่เรียนรู้ 5.๓ มุง่ มน่ั ในการทางาน 5.๔ รกั ความเปน็ ไทย ๖. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ๑. ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง สภุ าษิตสอนหญงิ สอนใจ ๒. การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง เรื่อง อย่าชิงสกุ ก่อนห่ามไมง่ ามดี ๓. การพดู รายงาน จากการชมวดี ทิ ศั น์ ๔. ใบงานที่ ๒ เรือ่ ง สุภาษติ สอนหญงิ สอนอะไรเรา ๕. ใบงานท่ี ๓ เรอ่ื ง คาอุทานสอ่ื อารมณ์ ๖. ใบงานท่ี ๔ เร่อื ง ประโยครวม ๗. ใบงานที่ ๕ เรื่อง จาแนกประโยคซ้อน ๘. ใบงานท่ี ๖ เรอ่ื ง แผนภาพความคิด ประโยค ๙. ใบงานท่ี ๗ เรื่อง ประโยคเพอื่ การสอื่ สาร ๑๐. ใบงานที่ ๘ เร่อื ง การอา่ นประกาศ

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ เรอื่ ง สภุ าษติ สอนหญิง ๕๑๑ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลช้นิ งานหรือภาระงาน ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ การประเมนิ 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) ๑. การอ่านจบั - สรปุ สาระสาคญั ของเรือ่ งได้ ขาด ๑ ขาด ๒ ขาด ๓ ใจความเรื่อง - แยกขอ้ เท็จจรงิ และ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ “สุภาษิตสอนหญงิ ” ข้อคดิ เหน็ จากเรื่องได้ - ต้งั และตอบคาถามจาก ขาด ๑ ขาด ๒ ขาด ๓ ๒.การอา่ นบทรอ้ ย เรื่องได้ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ กรองเรอื่ ง - อา่ นไดภ้ ายในเวลาทก่ี าหนด “สุภาษิตสอนหญงิ ” - ออกเสยี งไดถ้ ูกตอ้ งตาม การอธิบาย การอธบิ าย การอธบิ าย อกั ขรวิธี คณุ คา่ ของเร่ือง คุณค่าของเรอ่ื ง คณุ ค่าของเร่อื ง ๓. การอธบิ าย - เวน้ วรรคตอนในการอา่ น ได้ ๓ ประเด็น ได้ ๒ ประเดน็ ได้ ๑ ประเด็น คณุ ค่าของเรือ่ ง ได้อยา่ งถกู ต้อง จาแนกชนดิ จาแนกชนิด จาแนกชนดิ “สุภาษิตสอนหญิง” -คลอ่ งแคล่วตอ่ เนอื่ งไมต่ ดิ ขัด และหน้าที่ของ และหนา้ ทข่ี อง และหนา้ ทขี่ อง ๔. การวิเคราะห์ - ใชน้ า้ เสียงและแสดง คาอุทานใน คาอุทานใน คาอุทานใน ชนิดและหน้าทข่ี อง อารมณต์ ามเนอื้ เรอ่ื ง ประโยคได้ ประโยคได้ ประโยคได้ คาอทุ านในประโยค การอธบิ ายคณุ ค่าของเร่ือง ถกู ตอ้ ง 9-12 ถูกต้อง 5-8 ถูกต้อง 1-4 ได้ ๔ ประเดน็ ประโยค ประโยค ประโยค จาแนกชนดิ และหน้าท่ีของ คาอุทานในประโยคได้ ถูกต้อง 13-16 ประโยค ๕. จาแนกประโยค จาแนกประโยครวม ประโยค จาแนกประโยค จาแนกประโยค จาแนกประโยค รวม ประโยคซอ้ น ซอ้ นไดถ้ กู ตอ้ งทงั้ หมด รวม ประโยค รวม ประโยค รวม ประโยค ซอ้ นไมถ่ กู ตอ้ ง ซ้อนไม่ถูกตอ้ ง ซอ้ นไม่ถกู ตอ้ ง 1-3 ประโยค 4-6 ประโยค มากกวา่ 6 ประโยค เกณฑ์การตัดสิน ๑๘-๒๐ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๑๕-๑๗ หมายถึง ดี คะแนน ๑๒-๑๔ หมายถึง พอใช้ คะแนน ตา่ กวา่ ๑๒ หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ : ผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป

๕๑๒ คูม่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) การประเมินสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ลาดับ ช่อื - นามสกุล ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ท่ี ในการส่ือสาร ในการคดิ ในการ ในการใช้ ในการใช้ แก้ปญั หา ทกั ษะชีวติ เทคโนโลยี เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 0 = ไมผ่ ่าน 1 = ผา่ น 2 = ดี 3 = ดเี ย่ยี ม

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง สุภาษิตสอนหญิง ๕๑๓ การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ลาดับ ช่ือ - นามสกุล รกั ชาติ ซื่อสัตย์ มีวนิ ยั ใฝ่ อยอู่ ย่าง ม่งุ มั่น รกั มีจติ ท่ี ศาสน์ สจุ ริต เรยี นรู้ พอเพยี ง ในการ ความ สาธารณะ กษัตริย์ ทางาน เปน็ ไทย เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 0 = ไมผ่ ่าน 1 = ผ่าน 2 = ดี 3 = ดีเย่ยี ม

๕๑๔ ค่มู ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑ เร่ือง การอธบิ ายความหมายของคา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เร่ือง สภุ าษิตสอนหญิง เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ ๑. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคดิ เพือ่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาเนิน ชีวิตและมนี ิสัยรักการอ่าน ตวั ชว้ี ดั ป.๖/๒ อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความทีเ่ ปน็ โวหาร ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การศึกษาคา ความหมายของคาหรือข้อความหรือสานวน จากเรื่องท่ีอ่าน จะทาให้การอ่านมี ประสทิ ธิภาพ เขยี นคาไดถ้ กู ต้องนาไปใช้ในการสอ่ื สารได้ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกหลกั การอธิบายความหมายของคาหรือข้อความได้ ๒. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) อธบิ ายความหมายของคาศัพทใ์ นบทเรียนได้ ๓. ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) เหน็ ถงึ ประโยชน์ของคาศัพท์ในบทเรยี น 4. สาระการเรยี นรู้ - อธิบายคาศพั ท์ในบทเรยี นเรือ่ งอยา่ ชิงสกุ กอ่ นห่ามไม่งามดี 5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา 5.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวนิ ัย 6.1 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งม่นั ในการทางาน 6.4 อยู่อย่างพอเพยี ง 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่อื ง สภุ าษิตสอนหญิง การจัดกิจกรรมการเรยี นร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ สภุ าษติ สอน รายวิชา ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เ ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ข้ันตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กิจกรรมคร 1. ขอบเขตเน้อื หา ข้ันนา ๕ ๑. ครูและนกั เรียนรว่ ๑. หลกั การอธิบาย นาที เดาเก่ียวกบั ความหมา สานวน “อยา่ ชงิ สุกก่อ ความหมายของคา ครู : นกั เรยี นเคยได้ยนิ ๒. อธิบายความหมาย ของคาศพั ท์ใน “อย่าชงิ สกุ ก่อนหา่ ม” ครู : ลองคาดเดาความ บทเรียนเร่อื งสภุ าษติ น่าจะเปรยี บเทยี บกับอ สอนหญงิ ครู : ทาไมถึงสามารถ เปรียบเทียบกับผลไม ครู : อยา่ ชงิ สกุ กอ่ นห่า นักเรียนคดิ ว่าเปน็ การ เปรยี บเทยี บกบั ผลไม ครู : ถา้ นกั เรยี นคดิ ว่า การเปรียบกบั คน ไหน ลกั ษณะของผลไม้ ว่า ละผลตอ้ งมีพฒั นากา ครู : ถา้ เช่นนนั้ สานว ชงิ สกุ กอ่ นห่าม” นา่ จ

๕๑๕ รู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ นหญิง (การอธบิ ายความหมายของคา) เรื่อง สภุ าษิตสอนหญงิ จานวน ๑ ชั่วโมง แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนักเรยี น การเรียนรู้ - ประเมิน วมกันคาด 1. แถบประโยค การตอบคาถาม ายของ อนห่าม” นสานวน นักเรยี น : เคย / ไมเ่ คย ” หรือไม่ มหมาย นกั เรยี น : ผลไม้ / คน อะไรไดบ้ า้ ง ถนาไป นกั เรียน : ผลไม้มกี ารหา่ ม ม้ได้ และมกี ารสกุ าม ณ ท่ีน้ี นกั เรยี น : คน ร มห้ รอื คน าเปน็ นักเรียน : ดบิ ห่าม สุก นลองไล่ าผลไม้แต่ ารอย่างไร วน “อย่า นกั เรยี น : ตอบตาม จะ ความรู้สกึ (ทาอะไรทีย่ งั ไมถ่ งึ

๕๑๖ คูม่ ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ข้ันตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กจิ กรรมคร หมายความว่าอย่างไร ครู : นักเรยี นคิดวา่ สา “อยา่ ชิงสกุ กอ่ นหา่ ม” เตือนสตผิ ูห้ ญงิ หรือผชู้ ครู : ระหว่างผหู้ ญงิ แล สานวนน้ีควรจะเตอื น มากกวา่ กัน ๒. ครูกลา่ วนาเข้าสเู่ ร สกุ ก่อนห่ามไมง่ ามดี ( สอนหญิง) 2. ขัน้ สอน ๒๐ ๑. ครูยกตัวอยา่ ง คา/ นาที ในบทเรยี นเรอื่ ง สุภาษ หญงิ ครู : นักเรียนรคู้ วามห คาเหลา่ นหี้ รอื ไม่ (อนิ ประจอ๋ ประแจ๋ เปน็ ตน้ ครู : ถา้ รู้ คาน้หี มายถ และถ้าไมร่ ู้ความหมาย จะมผี ลต่อการอา่ นอย ๒. ครูและนักเรยี นร่ว

มอื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น ร เวลา / ทาสง่ิ ใดกอ่ นวยั อัน ควร / ท้องกอ่ นแตง่ ) านวน นักเรียน : ผหู้ ญงิ และผชู้ าย ” ใชไ้ ว้ ชาย ละผชู้ าย นักเรยี น : ผหู้ ญงิ นใคร รอื่ ง อยา่ ชิง (สุภาษิต /ข้อความ นกั เรียน : ตอบตามความจรงิ 2. ส่ือการนาเสนอ ษิตสอน (รู้, ไมร่ )ู้ เรื่อง อยา่ ชงิ สกุ หมายของ ก่อนหา่ มไมง่ ามดี นงั ขงั ขอบ, น) นักเรียน : ตอบตาม ถงึ อะไร ความรสู้ ึก ยคาศัพท์ ย่างไร นักเรยี น : ตอบตาม วมกนั

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 เร่ือง สุภาษิตสอนหญงิ ลาดับ ขอบเขตเนื้อหา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ กจิ กรรมคร สนทนา ครู : การทเ่ี ราร้คู วามห จุดประสงค์การเรยี นรู้ คาศัพท์ มปี ระโยชนอ์ 1. บอกหลักการ อธิบายความหมาย ครู : นกั เรียนช่วยกนั เส ของคาหรือขอ้ ความได้ หาความหมายของคาศ บทเรียนสามารถค้นหา ความหมายของคาจาก 3. 2. อธบิ ายความหมาย ข้ันปฏิบตั ิ ๒๐ ๓. ครแู บ่งเนอื้ หาจาก ของคาศพั ทใ์ น นาที เป็น ๔ ตอน แบง่ นกั เ บทเรยี นได้ ๔ กล่มุ นกั เรียนแตล่ ตวั แทนจับฉลากหมาย เพอื่ หาคายาก ข้อควา ประโยคทีเ่ ป็นโวหาร เนื้อหาในบทเรยี นตอน ฉลากได้ แลว้ ค้นหาคว จากพจนานกุ รม หรือ ความหมายจากบรบิ ท แลว้ เขียนคาและความ ในแถบประโยค แล้วน บนกระดานหนา้ ช้นั เร

๕๑๗ แนวการจดั การเรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ รู กจิ กรรมนักเรียน ความเป็นจรงิ (เขา้ ใจในเรื่อง หมายของ ที่อ่าน, อ่านเรื่องต่าง ๆ ได้ อย่างไร อย่างมีความสุข, เปน็ ผมู้ ี ความร้ใู นดา้ นคาศัพท์) สนอวธิ กี าร นักเรยี น : พจนานกุ รม หรือ ศพั ทใ์ น การคาดเดาความหมายของ า คาจากบรบิ ทข้างเคยี ง กทใ่ี ดบา้ ง กบทเรยี น นักเรียน : ทากจิ กรรม ๓. พจนานกุ รม เรยี นเปน็ ๔. หนังสอื ละกลุ่มส่ง วรรณคดลี านาชน้ั ยเลข ๑-๔ ป. ๖ าม จาก นทจ่ี ับ วามหมาย อ คาดเดา ทข้างเคียง มหมายลง นาไปตดิ รยี น

๕๑๘ คู่ม ลาดับ ขอบเขตเนอื้ หา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา แ ที่ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร ๔. ครูส่มุ นักเรียนอ่าน ขอ้ ความ และความหม ไวบ้ นกระดานดาของท ครู : นักเรยี นเห็นคาศ ทีป่ รากฏอยู่บนกระดา เราควรจะทาอยา่ งไรด คลงั คาศพั ท์เปน็ ของต 4. 3. เหน็ ถึงประโยชน์ ขน้ั สรุป ๕ ๑. ครแู ละนกั เรียนชว่ ของคาศพั ทใ์ น นาที ประโยชนข์ องการศกึ ษ บทเรยี น ความหมายของคา ปร และขอ้ ความในบทเรยี ครู : การศึกษาการศึก ความหมายของคา ปร และขอ้ ความในบทเรยี การอา่ นเนอ้ื เร่อื งมปี ร อยา่ งไร

มือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจดั การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมิน การเรียนรู้ รู กจิ กรรมนักเรียน - ประเมนิ นคา นักเรยี น : อ่านคาบน พฤติกรรม มาย ทต่ี ดิ กระดานดา ทุกกลุ่ม ศพั ท์ตา่ ง ๆ นกั เรียน : เขียนคาและ านดาแลว้ ความหมายคาศพั ทล์ งสมดุ ดี เพ่อื จะมี ของตนเอง เป็นพจนานุกรม ตัวเอง คาศพั ท์ประจาตัว วยกนั สรุป นักเรยี น : ตอบตาม - ประเมนิ สมดุ ษา ความรู้สกึ (ทาใหส้ ามารถ งาน ระโยค อ่านเนอื้ เรือ่ งได้อยา่ งเข้าใจ, - ประเมนิ ยน ได้รู้ความหมายของคาศัพท์ การตอบคาถาม กษา เพมิ่ มากขึ้น, สามารถนาไปใช้ ระโยค ในการอ่านเน้ือเรอื่ งอ่ืน ๆ ได้ ยน กอ่ น เป็นต้น) ระโยชน์

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 เรื่อง สุภาษติ สอนหญงิ 519 ๘. ส่ือการเรยี นร้/ู แหล่งการเรยี นรู้ เกณฑ์ 1. แถบประโยค ผา่ นเกณฑ์ 2. สอื่ การนาเสนอ เร่ือง อยา่ ชงิ สกุ กอ่ นหา่ มไม่งามดี การประเมิน ๓. พจนานกุ รม รอ้ ยละ ๖๐ ขน้ึ ไป ๔. หนงั สอื วรรณคดลี านาชั้น ป. ๖ ผา่ นเกณฑ์ การประเมิน ๙. การประเมินผลรวบยอด รอ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป ผ่านเกณฑ์ ส่งิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เครื่องมือทใี่ ช้ การประเมนิ ระดบั ดา้ นความรู้ - ตอบคาถาม - คาถาม ผ่าน - บอกหลกั การอธบิ ายความหมาย ผา่ นเกณฑ์ ของคาหรอื ข้อความ การประเมินระดบั ผ่าน ด้านทักษะและกระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ - อธบิ ายความหมายของคาศพั ทใ์ น - ประเมินสมุดงาน - แบบประเมิน การประเมนิ ระดับ บทเรียน สมดุ งาน ผา่ น ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมิน - เห็นถึงประโยชน์ของคาศพั ท์ใน บทเรยี น ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ 1. มีวนิ ยั 1. การสงั เกต 1. แบบประเมิน 2. ใฝเ่ รยี นรู้ พฤติกรรม คาถาม 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 2. การตอบคาถาม 2. แบบประเมนิ 4. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง การทางานกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

520 คูม่ ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ชิ้นงานหรือภาระงาน การอธิบายความหมายของคาศัพทจ์ ากเรือ่ งอย่าชิงสกุ กอ่ นหา่ มไม่งามดี (สุภาษิตสอนหญิง) เกณฑ์การประเมนิ ผลชนิ้ งานหรอื ภาระงาน การอธบิ ายความหมายของคาศัพทจ์ ากเร่ืองอย่าชงิ สกุ ก่อนหา่ มไม่งามดี (สภุ าษิตสอนหญิง) ประเดน็ การประเมิน ระดับคุณภาพ ๑. รวบรวมคาศัพท์ ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) รวบรวมคาศัพท์ได้ รวบรวมคาศพั ท์ ๓๒-๔๐ คา รวบรวมคาศพั ทไ์ ด้ รวบรวมคาศัพท์ ได้ต่ากวา่ ๒๔ ๒๘-๓๑ คา ได้ ๒๔-๒๗ คา คา เขียนสะกดคาไม่ ๒. การเขยี นสะกดคา เขียนสะกดคา เขียนสะกดคา เขียนสะกดคา ถูกต้องมากกวา่ ๓. การเขยี นอธิบาย ถกู ต้องทงั้ หมด ไมถ่ ูกต้อง ๒-๔ คา ไมถ่ ูกต้อง ๕-๗ ๗ คา ความหมาย การเขียนอธิบาย ๔. ความสะอาดเปน็ การเขียนอธิบาย คา ความหมายของ ระเบียบ ความหมายของคา การเขยี นอธิบาย การเขยี นอธิบาย ไมถ่ ูกต้องมาก ถูกต้องทัง้ หมด ความหมายของ ความหมายของ กว่า ๗ คา ๕. การสง่ งานตาม ไมถ่ กู ตอ้ ง ๒-๔ คา ไม่ถูกตอ้ ง ๕-๗ มีข้อบกพรอ่ ง กาหนดเวลา เขยี นได้สะอาด มาก เปน็ ระเบยี บ คา แสดงออกถงึ ส่วนใหญส่ ะอาด มขี อ้ บกพร่อง ส่งงานช้ากว่า ความประณตี เปน็ ระเบียบ แตย่ ัง คอ่ นข้างมาก เวลาทกี่ าหนด ตัง้ ใจ มีขอ้ บกพรอ่ งเล็ก เกนิ กว่า ๕ วนั ส่งงานตรงตาม นอ้ ย เวลาทก่ี าหนด สง่ งานชา้ กว่าเวลา สง่ งานช้ากวา่ ทีก่ าหนด ๑-๒ วนั เวลาท่กี าหนด ๓-๕ วนั เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๗-๒๐ ดมี าก ๑๓-๑๖ ดี ๑๐-๑๒ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตัดสิน : ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั พอใช้ข้ึนไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook