๙๐๒ คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๕ เร่อื ง การเขียนย่อความ เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๘ เร่ือง อ่านอยา่ งมีวิจารณญาณ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราวในรปู แบบ ตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชวี้ ดั ป.๖/๕ เขียนย่อความจากเรอื่ งที่อา่ น ป.๖/๙ มมี ารยาทในการเขยี น ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเขียนย่อความเปน็ การสรุปใจความสาคัญของเรือ่ งที่อ่าน และควรย่อความให้ถูกต้องตามรปู แบบ ของย่อความแต่ละประเภท ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) บอกหลกั การเขียนย่อความได้ 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) เขียนยอ่ ความไดถ้ กู ต้องตามรูปแบบ 3. ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) เหน็ ประโยชน์ของการเขียนยอ่ ความ ๔. สาระการเรยี นรู้ 4.1 หลักการเขยี นยอ่ ความ 4.2 การเขียนยอ่ ความตามรูปแบบ ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ 5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ๖. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 มีวนิ ยั 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 มงุ่ ม่ันในการทางาน 6.4 รกั ความเปน็ ไทย ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 เรื่อง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ การจัดกจิ กรรมการเรยี นร แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 5 เ รายวิชา ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๘ เรอ่ื ลาดับ ขอบเขตเนื้อหา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ท่ีใช้ กจิ กรรมคร 1. ขอบเขตเน้ือหา ขั้นนา ๕ ๑. ครนู าการเขยี นย่อ 1. หลักการเขยี น นาที เรอื่ งวง่ิ เป้ียวของนกั เรีย ยอ่ ความ มาใหน้ กั เรียนดูแล้วใช เพ่อื สนทนาและทบทว 2. การเขยี นยอ่ ความ ดังนี้ ตามรูปแบบ ครู : การเขียนย่อควา ถูกต้องตามรปู แบบหร ครู : เม่อื อา่ นย่อความ เขา้ ใจเรอ่ื งราวหรอื ไม ครู : นักเรยี นสามารถ ความไดด้ ีเหมอื นตัวอ หรอื ไม่ ครู : นกั เรียนมขี อ้ เสน ในการเขยี นย่อความห 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้ันสอน ๒๐ ๑. ครขู ออาสาสมคั รน 1. บอกหลกั การเขยี น นาที ออกมาเลา่ นิทานหน้า ย่อความได้ ๒. ครใู ห้นกั เรียนจบั ค ผลัดกนั เลา่ เรอื่ งย่อจา
๙๐๓ รู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เรอ่ื ง การเขยี นยอ่ ความ (๒) ง อา่ นอย่างมวี ิจารณญาณ จานวน ๑ ช่วั โมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมิน การเรียนรู้ รู กิจกรรมนักเรยี น อความ 1. ส่ือ ppt เรื่อง ยน ๒ คน การเขยี นย่อ ช้คาถาม ความ วนความรู้ นกั เรยี น : ถกู / ไม่ถกู ามน้ี รือไม่ นกั เรียน : เขา้ ใจ / ไมเ่ ขา้ ใจ มนีแ้ ลว้ ม่ นักเรียน : ได้ / ไม่ได้ ถเขยี นย่อ อย่างนี้ นักเรยี น : (ตอบคาถามตาม นอแนะ ความคดิ เหน็ ของนักเรียน) หรอื ไม่ นกั เรยี น นักเรียน : ฟังนทิ านทเ่ี พ่ือนเล่า 2. ส่อื ppt เรอ่ื ง าชั้นเรียน การเขยี น คู่ แล้ว นักเรยี น : จบั คูเ่ ลา่ เร่ืองยอ่ ของ ย่อความ ากนิทานท่ี นทิ าน
๙๐๔ ค่มู ลาดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กิจกรรมคร ได้ฟงั แลว้ แสดงความค ในคู่ของตนเองน้นั ได้เ ใจความสาคญั ของนทิ สมบรู ณ์ หรอื ดาเนินเร เหตุการณท์ เี่ กดิ ขึ้นในเร ๓. ครูสุ่มเรียกตวั แทน 2-3 คู่ ออกมาเลา่ เรือ่ นทิ านใหเ้ พอื่ นฟงั ๔. ครตู ้ังประเด็นคาถ นกั เรียนช่วยกันแสดง ความคิดเห็น ดังน้ี ครู : การสรปุ ใจความ ของเรอ่ื ง สมบรู ณห์ รอื ครู : ความตอ่ เนื่องขอ เป็นไปตามลาดบั หรอื ครู : การใชภ้ าษาในการ ถกู ตอ้ ง เหมาะสมหรือ ๕. ครอู ธิบายใหน้ ักเรยี น การเลา่ เรอ่ื งย่อจากนิทา รูปแบบหน่งึ ของการยอ่ การอ่าน หรอื การฟงั ๖. ครูใหน้ ักเรยี นชมว
มอื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน รู กิจกรรมนกั เรียน การเรยี นรู้ คดิ เห็นวา่ เลา่ ถึง ทานได้ รอ่ื งตาม รอ่ื งหรือไม่ นนกั เรียน นกั เรียน : เล่าเรอื่ งยอ่ นิทาน องยอ่ หนา้ ช้ันเรยี น ถามแล้วให้ ง มสาคญั นักเรียน : (ตอบคาถามตาม 3. สอ่ื ppt อไม่ ความเข้าใจ) องเร่อื ง อไม่ รยอ่ ความ อไม่ ยนทราบว่า าน เป็นอกี อความจาก วดี ิทศั น์ นักเรียน : ชมวดี ทิ ัศนเ์ รอ่ื ง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 เร่อื ง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ ลาดบั ขอบเขตเน้ือหา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมคร 3. 2. เขียนย่อความได้ ขั้นปฏบิ ตั ิ ถูกตอ้ งตามรปู แบบ เร่อื งการยอ่ ความเพื่อ ความรเู้ ร่อื งการเขยี นย ๗. ครูใหน้ ักเรียนศึกษ ความรเู้ รอ่ื งการเขียนย จากนทิ าน ๘. ครยู กตวั อยา่ งการ จากนิทานเร่ือง กระต และให้คาแนะนาเพ่มิ การยอ่ ความจากนทิ า ๙. ครูให้นักเรียนตงั้ ค เร่อื งการเขยี นย่อความ ๑ คาถามแล้วเขียนลง กระดาษสลากคาถาม นามาใสก่ ล่องคาถาม ๑๐. ครหู ยิบสลากคาถ สมุ่ ถามนกั เรยี นเปน็ รา ๑๑. ครูมอบหมายภา ให้นักเรียนทาใบงานเ เขียนยอ่ ความจากนิท ๒๐ ๑. ครู ให้คาแนะนาเพ นาที ขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
๙๐๕ แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนกั เรียน 4. ใบความรู้เรอื่ ง การเรยี นรู้ อทบทวน การยอ่ ความ การเขยี นย่อความ ยอ่ ความ จากนิทาน ษาใบ นกั เรยี น : ศึกษาใบความรู้ ยอ่ ความ เร่ืองการเขยี นยอ่ ความจาก นทิ าน รยอ่ ความ ต่ายกบั กบ มเตมิ เร่ือง าน คาถาม มคนละ งใน มแล้ว ถามแลว้ นกั เรยี น : ตอบคาถามเปน็ - ประเมนิ ายบุคคล รายบุคคล การตอบคาถาม าระงาน นกั เรยี น : นกั เรยี นศกึ ษา 5. หนังสอื นิทาน - ประเมิน เร่ือง ฝกึ นิทานเรื่องชอ่ื น้ันสาคญั ไฉน ตามความสนใจ การเขียนย่อ ทาน แลว้ ทาใบงาน เรือ่ ง ฝกึ เขียน 6. ใบงาน เรื่อง ความ พมิ่ เตมิ
๙๐๖ ค่มู ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ขั้นตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรียนรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ กจิ กรรมคร ๒. ครคู ัดเลือกตวั แทน ออกมานาเสนอผลงาน ความหน้าช้นั เรยี น ๓. ครใู หน้ กั เรยี นร่วมก ความคดิ เหน็ และให้ ขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกบั ความของเพ่อื น ๔. ครูให้ขอ้ เสนอแนะ ความรู้เพิม่ เติม เพอ่ื ให นาไปปรบั แกไ้ ขผลงาน
มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ รู กจิ กรรมนกั เรยี น ย่อความจากนทิ าน ฝกึ เขยี นย่อความ นักเรียน : ตรวจสอบ จากนทิ าน ความถูกตอ้ งตามประเด็น ตอ่ ไปน้ี - การลาดับเรื่องราวและ เหตุการณใ์ นเรอ่ื ง - การสรปุ ใจความสาคญั ของ เรื่อง - การใช้ภาษาในการเขียนยอ่ เรอื่ ง นักเรยี น : นาเสนอผลงาน การเขยี นย่อความ นนกั เรียน นการยอ่ กนั แสดง การย่อ ะเพิม่ เตมิ ห้นักเรียน นใหด้ ขี ้ึน
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เร่อื ง อ่านอย่างมีวจิ ารณญาณ ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร 4. 3. บอกหลักการเขยี น ข้ันสรุป ๕ ๑. ครตู ั้งคาถามเพื่อส ยอ่ ความได้ นาที บทเรียนเรอื่ งการเขียน ดังนี้ ครู : นกั เรียนมีวธิ ีการ การเขยี นย่อความของ ใหด้ ีขึ้นอย่างไร ครู : การเขียนย่อควา การทบทวนความรไู้ ด หรือไม่ เพราะเหตุใด ๒. ครูมอบหมายภาระ นักเรยี นทาใบงาน เรื่อ เขียนย่อความจากนิท การบา้ น
๙๐๗ แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนกั เรียน การเรียนรู้ สรปุ นย่อความ 7. สอ่ื ppt เร่ือง - ประเมิน การเขียนยอ่ ความ การตอบคาถาม รพัฒนา นักเรยี น : เขียนใหถ้ ูกตอ้ งตาม งตนเอง หลักการเขยี นยอ่ ความ าม ช่วยใน ครู: ได้ เพราะเป็นการทบทวน - ประเมนิ ใบงาน ดจ้ รงิ ความรู้ดว้ ยการอา่ นเฉพาะ ใจความสาคัญของเรอื่ งนน้ั ๆ ในเวลาทร่ี วดเร็ว ะงานให้ อง ฝกึ ทานเปน็
908 ค่มู ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๘. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ ๑. ส่ือโปรแกรมนาเสนอเรอื่ งการเขยี นย่อความ ๒. วดี ทิ ัศนเ์ ร่อื ง การย่อความ ๓. ใบความรู้ที่ 5 เร่ือง การเขยี นยอ่ ความจากนิทาน ๔. ใบงานที่ 5 เร่อื ง ฝึกเขยี นย่อความจากนทิ าน ๙. การประเมนิ ผลรวบยอด สิง่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ วิธกี าร เครอื่ งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ ผ่านเกณฑ์ - บอกหลกั การเขียนยอ่ ความ - ตอบคาถาม - คาถาม การประเมิน รอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป ด้านทักษะและกระบวนการ - แบบประเมินการเขียน ผา่ นเกณฑ์ - เขียนย่อความตามรูปแบบ - ประเมินการเขยี นย่อ ยอ่ ความ การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ความ ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ - คาถาม ผา่ นเกณฑ์ ค่านิยม - แบบประเมนิ การประเมิน - เห็นประโยชนข์ องการเขยี น - ตอบคาถาม 1. การสงั เกต ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป ยอ่ ความ 2. คาถาม ผา่ นเกณฑ์ การประเมินระดับ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ น ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ผ่านเกณฑ์ ๒. มวี ินัย การประเมนิ ระดับ ผ่าน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. การสงั เกตพฤติกรรม ๑. ความสามารถใน 2. การตอบคาถาม การสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการใช้ ทักษะชีวิต
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 เรอื่ ง อ่านอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 909 ช้ินงานหรอื ภาระงาน เกณฑ์การประเมินการเขียนย่อความ ประเดน็ การ ๔ (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ ๑ (ปรับปรุง) ประเมนิ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) การเขียนยอ่ ความ เขียนรูปแบบ เขยี นรูปแบบ เขียนรปู แบบ เขียนยอ่ ความ การเขียนย่อความ การเขียนย่อความ การเขยี นย่อความ ถกู ต้องตามรปู แบบ ไดถ้ ูกตอ้ ง สรปุ ไดถ้ ูกต้อง สรปุ ใจความสาคญั ใจความสาคญั จาก ไดถ้ ูกตอ้ ง สรปุ แต่เป็นการคดั ลอก จากเรอ่ื งได้ เร่อื งได้ครบถ้วน ใจความสาคญั ข้อความมาทงั้ หมด ครบถ้วนชดั เจน โดยใช้ภาษาของ โดยใชภ้ าษาของ ผู้ยอ่ ความเองเป็น จากเรื่องได้ครบถ้วน ผ้ยู ่อความเอง สว่ นใหญ่ แต่ข้อความท่นี ามา ลายมือสวยงาม เป็นระเบยี บ ย่อความเป็น ขอ้ ความจาก การนาเรอื่ งที่ย่อมา ตดั ตอ่ กันโดยใช้ คาเชือ่ ม หมายเหตุ : คา่ น้าหนัก ๕ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดีมาก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๒ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตัดสนิ : ผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป
910 คูม่ อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) 10. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................... ........................... .............................................................................................................................................................................. ข้อจากัดการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... .......... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วันที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. .................. 11. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรอื ผูท้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................ผตู้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ ............. เดอื น ..........พ.ศ. ......
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 เรอ่ื ง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ 911 ใบความรทู้ ี่ ๕ เรอื่ ง การเขียนยวอ่ันคทว่ี ..า..ม...จ...า..ก. นเดทิ ือานน..........พ.ศ. ...... หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๘ เรื่อง อ่านอยา่ งมวี ิจารณญาณ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๖ เรือ่ ง การเขยี นยอ่ ความ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ การเขยี นย่อความจากนทิ าน นกั เรียนจะต้องอ่านนิทานหรือฟังเร่ืองทจ่ี ะย่อให้ตลอดต้ังแตต่ ้นจนจบ และทาความเข้าใจ เร่อื ง/นทิ านนนั้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. อา่ นเรื่องและหาคาตอบว่า “เร่ืองอะไร ใครเปน็ ตัวละครเอกในนทิ าน ใคร ทาอะไร ทา กบั ใคร ทไ่ี หน เม่ือไร ผลเป็นอยา่ งไร” ๒. ลาดบั ความคดิ จากคาตอบใหง้ า่ ยตอ่ การเข้าใจ ๓. เขยี นยอ่ เรอ่ื งดว้ ยถ้อยคาสั้น ๆ รดั กมุ ใช้คาเชอื่ มข้อความเพอื่ ให้ความต่อเนือ่ ง ๔. กรณีมีคาศัพท์ยาก ให้เปลี่ยนเป็นคาสามัญ หรือเลือกใช้คาราชาศัพท์ที่ได้ใจความ ตรงกนั และสน้ั กว่าเดมิ กไ็ ด้ แผนภาพเพือ่ การเขียนยอ่ นิทาน ผลเป็นอยา่ งไร เร่อื งยอ่ นิทาน ทากับใคร .................................... ....................................................................................... .............................. .................................... .............................................................................................. ..................................... .................................... ..................................... .................................... .............................................................................................. ..................................... .................................................... ..................................... ................ ....................... เมื่อไร ทไ่ี หน ............................................................... .............................................................. ............................................................... .............................................................. .............................................. ...............................................
912 คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ตัวอย่าง การเขียนยอ่ ความจากนิทาน นิทานเร่ือง กระตา่ ยกบั กบ กระต่ายฝูงหนึ่งมาประชุมกันและพากันร้องไห้คร่าครวญว่าพวกมันมีชีวิตอยู่อย่างหมิ่นเหม่ต่อ อันตราย และตกอยใู่ นความหวาดกลัวตลอดเวลา เพราะตกเปน็ เหยอ่ื ของคน สุนขั นกอินทรแี ละสตั ว์ อืน่ ๆ ในทีส่ ุดพวกมันก็ตดั สินใจว่าควรตายเสียดกี ว่าท่ีจะทนทกุ ขท์ รมานตอ่ ไป หลังจากนัน้ พวกมันตกลงใจท่ีจะวิ่ง ไปยังสระเพ่ือกระโดดน้าตายในวันพระจันทรเ์ ต็มดวง รอบไสระน้าเป็นที่อยู่ของกบฝูงหน่ึง พอได้ยินเสียง ฝีเท้ากระต่ายวิ่งมา กบทั้งหมดก็กระโจนลงน้าด้วยความตกใจ ในเวลาเดียวกันกระต่ายตัวหน่ึงเห็นกบ กระโจนลงสระ จึงพดู กับพรรคพวกวา่ หยุดกอ่ นพวกเรา อยา่ เพ่ิง “อะไรหุนหันพลนั แลน่ ดนู ่ันสิ ยังมีสัตวท์ ี่ ทนทกุ ขท์ รมานดว้ ยความกลวั มากกวา่ พวกเราอีกเหน็ ไหม” ส่งิ ที่ปลอบประโลมใจผทู้ ่ีตกอยู่ในความทกุ ข์ไดอ้ ย่างดีประการหน่งึ คือ การได้เห็นผู้อืน่ มีความทกุ ข์ มากกว่าตนเอง นทิ านอีสป (ผแู้ ตง่ มหาอามาตย์โท พระยาเมธาธบิ ดี หนา้ ๑๐๒) แผนภาพเพอื่ การเขยี นย่อนิทาน เรอ่ื งนก้ี ล่าวถงึ อะไร ใครทาอะไร กระต่ายคิดฆ่าตวั ตาย เพราะ การปลอบใจเมอ่ื ตกอยู่ในความทกุ ข์ มีความหวาดกลวั ในการมีชีวิต ผลเป็นอย่างไร เร่ืองยอ่ นทิ าน ทากับใคร กระตา่ ยเลกิ คิด กบท้งั ฝูงคิดฆา่ ตัวตายเพราะมีความหวาดกลัวใน กับทงั้ ฝงู ฆา่ ตวั ตาย เพราะ การมชี ีวติ จึงนดั กนั กระโดดสระในวันพระจนั ทร์เตม็ เขา้ ใจว่ากบมี ดวง แต่ต้องเลกิ คดิ ฆ่าตัวตาย เพราะเหน็ กบกระโดดลง . สระ จึงคดิ ไดว้ า่ มีผูอ้ ่นื มีความทกุ ขม์ ากกว่าพวกมัน ความทกุ ขม์ ากกวา่ มัน เมื่อไร วันพระจันทรเ์ ตม็ ดวง ทไ่ี หน ท่สี ระน้า ย่อนิทานเรื่อง กระต่ายกับกบ ผู้แต่ง มหาอามาตย์โท พระยาเมธาธิบดี จากหนังสือ นิทานอีสป หนา้ ๑๐๒ ความว่า กบทง้ั ฝงู คิดฆ่าตัวตายเพราะมีความหวาดกลวั ในการมชี วี ติ จงึ นดั กันกระโดดสระในวนั พระจนั ทรเ์ ตม็ ดวง แตต่ ้องเลิกคดิ ฆ่าตวั ตาย เพราะเห็นกบกระโดดลงสระ จึงคดิ ไดว้ ่ามีผู้อื่นมีความทกุ ข์มากกว่าพวกมัน (วิภา ตัณฑุลพงษ์. ๒๕๕๖. เอกสารนเิ ทศการศึกษา แนวทางการพฒั นาการเรียนการสอนเขยี น ภาษาไทยในระดบั ประถมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพค์ ณะรฐั มนตรีและราชกจิ จานเุ บกษา)
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8 เรอ่ื ง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ 913 ใบงานท่ี ๕ เรื่อง ฝกึ เขยี นย่อความจากนิทาน หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๘ เร่ือง อา่ นอยา่ งมวี ิจารณญาณ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๖ เรอ่ื ง การเขยี นยอ่ ความ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชแี้ จง อา่ นนิทานเรื่อง “ชื่อน้ันสาคญั ไฉน” แล้วเขียนย่อความ ช่อื นนั้ สาคญั ไฉน กาลคร้ังหนึ่งนานมาแล้ว อาจารย์ทิศาปาโมกข์ อยู่ในเมืองตกั กสิลา มีลูกศิษย์ คนหนง่ึ ช่ือว่า นายบาป เขาคิดว่าชอ่ื ของเขาไม่เปน็ มงคล จึงเข้าไปหาอาจารย์ และขอให้อาจารย์ ตง้ั ชื่อให้ใหม่ อาจารย์จึงบอกให้ไปเท่ียวแสวงหาชื่อที่ตนเองชอบใจมาแล้วจะทาพธิ ีเปลีย่ นช่ือให้ วันรุ่งข้ึนเขาจึงเดินทางไปแสวงหาช่ือใหม่ จนถึงเมืองหนึ่ง เดินผ่านขบวนญาติหามศพ ไปป่าช้า จึงถามถงึ ช่ือคนตาย พวกญาติจึงบอกชื่อว่า นายบุญรอด เขาถามว่า “ชอื่ บุญรอดก็ตาย หรือ” พวกญาติจงึ กล่าวว่า “จะชอื่ อะไร ๆ ก็ตายทัง้ น้นั ชอ่ื เป็นเพยี งสาหรบั เรียกกนั เทา่ น้ัน” พอเดินเข้าไปในเมือง พบเห็นเศรษฐีกาลังให้ลูกน้องจับผู้หญิงคนหนึ่งมัดด้วยเชือกอยู่ จึงถามความนั้นทราบว่านางยืมเงินแล้วไม่ยอมคืน จึงถามถึงช่ือผู้หญิงคนนั้น ทราบว่าช่ือนาง รวย จึงถามว่า “ช่ือรวย ยังไม่มีเงนิ หรือ” เศรษฐจี ึงตอบวา่ “จะชอ่ื รวยหรือจน เปน็ คนยากจน ไดท้ งั้ นนั้ ชอื่ เป็นเพียงสาหรับเรยี กกนั เทา่ น้ันเขาเร่มิ ร้สู กึ เฉยๆ ในเร่อื งชอื่ ย่งิ ขนึ้ ” เขาไดเ้ ดนิ ทางออกจากเมอื งไป ในระหว่างทางพบคนหลงทางคนหนึ่ง จงึ เข้าไปถามชื่อ ทราบวา่ ช่ือ นายชานาญทาง จงึ ถามวา่ “ขนาดชอื่ ชานาญทางยังหลงทางอยหู่ รอื ” คนหลงทาง จึงตอบว่า “จะช่ือชานาญทางหรือไม่ชานาญทาง ก็มีโอกาสหลงทางได้เท่ากัน เพราะช่ือเป็น เพียงสาหรบั เรยี กกันเทา่ นนั้ ” เขาจึงวางเฉยในเรื่องช่ือ เดินทางกลับไปพบอาจารย์ แลว้ เล่าเร่ืองที่ตนพบเห็นมาให้ฟัง และขอใหช้ อ่ื นายบาปเช่นเดมิ จากหนงั สอื นิทานชาดก เลม่ ท่ี ๑ โดย พระมหาสนุ ทร สุนทฺ รธฺมโม หน้า ๑๓
914 คู่มอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ยอ่ นทิ านเรือ่ ง ……………………………ผู้แตง่ …………………………………….…. จาก ................................................................หนา้ ................ความว่า ……………………………………………..………………………………………………………… ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... ชอ่ื ..................................................................................ชัน้ ..........................เลขท.ี่ .................
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 เรอ่ื ง อ่านอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 915 เฉลยใบงานท่ี ๕ เรอื่ ง ฝึกเขียนยอ่ ความนทิ าน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๘ เรอื่ ง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๖ เรือ่ ง การเขียนย่อความ รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ยอ่ นทิ านเรอื่ ง ช่อื นัน้ สาคญั ไฉน ผู้แต่ง พระมหาสนุ ทร สนุ ฺทรธมฺ โม จาก หนงั สือนิทานชาดก เล่มท่ี ๑ หน้า ๑๓ ความว่า นายบาปขอใหอ้ าจารยเ์ ปลยี่ นชื่อให้ เพราะไม่พอใจในชือ่ ตนเอง อาจารย์ให้เขาเดินทางไปหาชอ่ื ใหม่ วนั รุ่งขนึ้ เขาเดินทางเข้าเมอื ง พบคนตาย ช่อื บญุ รอด คนจนชอื่ รวย คนหลงทางช่อื ชานาญทาง เขาจึงไม่เปลี่ยนชอื่ เพราะคดิ ได้ว่าชือ่ มไี วส้ าหรับเรยี กเท่าน้ัน
๙๑๖ คู่มอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๖ เร่อื ง การวเิ คราะหค์ วามน่าเช่อื ถอื จากส่อื โฆษณา(๑) หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘ เรอ่ื ง อ่านอย่างมีวิจารณญาณ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความร้สู กึ ใน โอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชวี้ ัด ป.6/3 วเิ คราะหค์ วามนา่ เชอื่ ถือจากการฟังและดสู ือ่ โฆษณาอย่างมเี หตผุ ล ป.๖/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด สื่อโฆษณาเปน็ ส่อื ท่ีดึงดูดใจผฟู้ ัง และผู้ดูได้สูง การรับสอ่ื เหล่านจ้ี ะต้องรู้จกั วิเคราะหค์ วามน่าเช่อื ถือ ข้อเทจ็ จรงิ ของส่ือก่อนตดั สนิ ใจเชอ่ื ข้อมลู ตา่ ง ๆ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) อธิบายหลกั การวเิ คราะห์ความน่าเชอ่ื ถือจากการฟงั และดสู ื่อโฆษณา ได้ 2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) วเิ คราะห์ความนา่ เช่ือถือจากการฟงั และดูสอื่ โฆษณาได้ 3. ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) เห็นประโยชน์ของการวเิ คราะหค์ วามน่าเชอ่ื ถือจากการฟังและดสู อ่ื โฆษณาได้ ๔. สาระการเรียนรู้ 4.1 หลักการวิเคราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื จากการฟังและดสู ื่อโฆษณา 4.2 การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากการฟงั และดสู ่อื โฆษณา ๕. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการส่อื สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ 5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี นิ ยั 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 ม่งุ ม่นั ในการทางาน 6.4 รักความเปน็ ไทย ๗. กิจกรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 เรื่อง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ การจดั กจิ กรรมการเรยี นร แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๖ เรอ่ื ง การวิเค รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๖ เร ลาดบั ขอบเขตเน้อื หา/ ข้นั ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร 1. ขอบเขตเน้ือหา ข้ันนา ๕ ๑. ครูให้นกั เรียนดูค 1. หลกั การวิเคราะห์ นาที สือ่ โฆษณาท่ีนา่ สนใจ ความนา่ เชอ่ื ถือจาก 2. ครูต้ังประเด็นคาถ การฟงั และดสู ่อื ใหน้ ักเรียนร่วมกันอภ โฆษณา แสดงความคดิ เหน็ ด 2. การวเิ คราะห์ ครู : สื่อโฆษณานีเ้ ชอ่ื ความน่าเชื่อถอื จาก หรือไม่ การฟงั และดสู ่อื ครู : คลปิ วิดโี อโฆษณ โฆษณา ดังกล่าวมจี ดุ มุง่ หมา ครู : นกั เรียนมหี ลัก พิจารณาส่อื โฆษณาด อยา่ งไร ๓. ครชู ีแ้ จงใหน้ ักเรยี ว่า การฟงั หรือการด โฆษณาสินคา้ จะต้อง วิเคราะหค์ วามนา่ เช ขอ้ มลู หรอื ข้อเท็จจร ไว้วา่ เชอื่ ถือไดห้ รือไม
รู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๙๑๗ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื จากสอ่ื โฆษณา(๑) การประเมนิ การเรียนรู้ รือ่ ง สรา้ งสรรค์งานเขยี น จานวน ๑ ช่วั โมง แนวการจดั การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ ครู กิจกรรมนักเรยี น คลปิ วดิ โี อ 1. สื่อ ppt เรื่อง จในปจั จบุ นั การวิเคราะห์ ถามเพื่อ ความน่าเช่ือถอื ภิปราย จากสอ่ื โฆษณา ดังน้ี 2. คลปิ วดิ โี อสอื่ อถือได้ นกั เรียน : เชื่อถือได้/เชอื่ ถือ โฆษณา ไม่ได้ / เพราะ ณา นักเรยี น : เพอ่ื โนม้ นา้ วใจ ายอยา่ งไร ผู้ฟงั ใหป้ ฏิบตั ิตาม กในการ นักเรียน : พจิ ารณาวา่ ดงั กล่าว โฆษณาเกนิ จรงิ หรือไม่ นา่ เช่ือถือหรอื ไม่ ยนทราบ ดสู อ่ื งร้จู กั ชอ่ื ถอื จาก รงิ ท่ีไดร้ ะบุ ม่
๙๑๘ ค่มู ือ ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขั้นตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ขน้ั สอน ๒๐ ๑. ครูให้นกั เรียนรว่ ม 1. อธิบายหลกั การ นาที อภิปราย แสดงความ วเิ คราะหค์ วามน่าเช่อื ถือ จากประเด็นตอ่ ไปนี้ จากการฟงั และดูสอ่ื ครู : นักเรยี นคดิ ว่า โฆษณาได้ มีผลต่อการตดั สนิ ใจ บริการหรือไมเ่ พราะ ๒. ครใู ห้นกั เรยี นศึก เรอ่ื ง การวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือจากส จากใบความรเู้ พื่อเป พืน้ ฐานในการพจิ าร โฆษณาสินคา้ ๓. ครูตง้ั คาถามเพ่อื ความเขา้ ใจเรอื่ งหลกั วเิ คราะห์ความนา่ เช สือ่ โฆษณาดังนี้ ครู : โฆษณาคืออะไร ครู: จดุ ประสงค์ของก คอื อะไร
อครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ การประเมนิ ครู กิจกรรมนกั เรียน 3. สอ่ื ppt เร่ือง การเรยี นรู้ มกนั การวิเคราะห์ มคิดเหน็ ความนา่ เชื่อถอื จากสอ่ื โฆษณา สื่อโฆษณา นักเรยี น : มี เพราะสอื่ จซื้อหรือใช้ โฆษณาชว่ ยโนม้ นา้ วใจได้ 4. ใบความรู้ เรือ่ ง ะเหตุใด การวเิ คราะห์ กษาความรู้ นักเรียน : ศึกษาใบความรู้ ความน่าเชอ่ื ถอื จากสอ่ื โฆษณา เร่ือง การวิเคราะห์ความ สอื่ โฆษณา น่าเชอ่ื ถือจาก ป็นขอ้ มูล ส่อื โฆษณา รณาสอื่ อตรวจสอบ กการ ชอ่ื ถอื จาก ร นกั เรียน : คือการเผยแพร่ - ประเมิน ขอ้ มลู เพื่อเชญิ ชวนชกั จงู ให้ การตอบคาถาม คลอ้ ยตามและใชบ้ รกิ าร การโฆษณา นักเรยี น : แนะนาสนิ ค้า/ กระตนุ้ ความสนใจ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เรอื่ ง อ่านอยา่ งมีวจิ ารณญาณ ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กจิ กรรมคร ครู : นักเรยี นมหี ลักใ การวเิ คราะหค์ วามน ของส่อื โฆษณาอย่าง ๔. ครใู หค้ าแนะนาเพ เรื่อง การวเิ คราะหค์ นา่ เช่อื ถอื จากส่ือโฆษ ยกตวั อย่างประกอบ 5. ครูนาโฆษณาจาก ส่ิงพมิ พ์ ๕-๖รายการ นักเรียนแตล่ ะกลุม่ เล โฆษณากลุม่ ละ ๑ รา แลว้ วเิ คราะหค์ วามน ของสอื่ โดยตดิ โฆษณ กระดาษแผน่ ใหญ่ทีค่ ให้แลว้ เขียนวเิ คราะห ประเด็นต่อไปน้ี - การให้ข้อมูล - คุณสมบตั ขิ องสินค บรกิ าร
แนวการจัดการเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ ๙๑๙ 5. โฆษณาจาก ครู กจิ กรรมนักเรยี น สอ่ื สงิ่ พมิ พ์ การประเมนิ การเรยี นรู้ ใน นกั เรยี น : ฟัง /ไตร่ตรอง/ นา่ เช่อื ถอื ศกึ ษาข้อมลู รายละเอยี ด งไร ของสนิ คา้ /คุณสมบัตขิ อง พมิ่ เติม สนิ คา้ / พจิ ารณา ความ ความนา่ เช่ือถอื ษณาและ บ กสือ่ ร ให้ ลือกสือ่ ายการ น่าเชอื่ ถือ ณาใน ครกู าหนด ะห์ตาม ค้าหรอื
๙๒๐ คู่มือ ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ขัน้ ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กจิ กรรมคร - ขอ้ ความในโฆษณ ความเปน็ จริงหรือไม ความเข้าใจผิดหรอื ไม - ขอ้ ความหรือภาพ ขดั ต่อศลี ธรรมหรอื ป หรอื ไม่ ในเรอื่ งใด 3. 2. วเิ คราะห์ ขัน้ ปฏบิ ัติ ๒๐ ครู : ใหค้ าแนะนาขณ ความนา่ เชือ่ ถือจาก นาที นักเรียนปฏิบัติกจิ กร การฟงั และดสู ่อื โฆษณาได้ ครู : สุ่มตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลงานกลุ่ม
อครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรียนรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมิน การเรียนรู้ ครู กิจกรรมนักเรยี น ณาเกนิ ม่ ก่อให้เกดิ ม่ พในโฆษณา ประเพณี ณะ นักเรยี น : เลือกสือ่ โฆษณา 6. โฆษณาจาก - ประเมนิ ผลงาน รรม จากสอื่ สง่ิ พมิ พก์ ลมุ่ ละ ๑ ส่อื สง่ิ พิมพ์ การวิเคราะหส์ อ่ื มออกมา ชนดิ แล้ววเิ คราะห์ โฆษณา ม ความนา่ เช่ือถอื ตามประเดน็ ต่อไปน้ี - การใหข้ อ้ มลู - คุณสมบตั ิของสินค้าหรอื บริการ - ข้อความในโฆษณาเกนิ ความเปน็ จรงิ หรอื ไม่ ก่อให้ เกดิ ความเขา้ ใจผิดหรือไม่ - ข้อความหรือภาพใน โฆษณาขดั ตอ่ ศลี ธรรมหรอื ประเพณีหรอื ไม่ ในเร่อื งใด นักเรยี น : ออกมานาเสนอ ผลงานกลมุ่
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 เรื่อง อ่านอย่างมีวจิ ารณญาณ ลาดับ ขอบเขตเนือ้ หา/ ข้ันตอนการจดั เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ กิจกรรมคร ครู : ประเมินผลงาน และใหข้ ้อเสนอแนะ ๖. ครูมอบหมายใหน้ แตล่ ะคนทาใบงาน เ การวิเคราะหค์ วามน จากสอื่ โฆษณาเปน็ ก 4. 3. เห็นประโยชนข์ อง ขัน้ สรุป ๕ ครูและนกั เรียนรว่ มก การวเิ คราะห์ นาที ความรู้เร่อื ง การวิเค ความนา่ เชื่อถือจาก ความนา่ เช่อื ถอื จากส การฟงั และดสู ื่อ โดยการรว่ มกันอภปิ โฆษณาได้ ประเดน็ ต่อไปนี้ ครู : ถ้านักเรยี นจะโ สินคา้ ชนิดหน่ึงใหน้ า่ ทาอยา่ งไร ครู : การวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือจากส มปี ระโยชนอ์ ย่างไร
๙๒๑ แนวการจดั การเรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ ครู กจิ กรรมนกั เรยี น 7. ใบงาน เรื่อง การเรยี นรู้ นนกั เรยี น การวิเคราะห์ - ประเมนิ ใบงาน ะเพม่ิ เตมิ ความน่าเชอ่ื ถือ นกั เรยี น จากสื่อโฆษณา - ประเมนิ เร่ือง การตอบคาถาม นา่ เช่ือถือ 8. สือ่ ppt เร่ือง การบา้ น การวเิ คราะห์ กนั สรปุ ความน่าเช่อื ถือ คราะห์ จากสอ่ื โฆษณา สอื่ โฆษณา ปรายจาก โฆษณา นักเรยี น : บอกรายละเอยี ด าเชือ่ ถือจะ ของสินค้าให้ชัดเจน ไมโ่ ฆษณาเกนิ จรงิ นกั เรียน : ชว่ ยใหเ้ ลือกซอื้ สอื่ โฆษณา สินค้าทม่ี คี ณุ ภาพหรอื ใช้ บรกิ ารตามท่ีตอ้ งการและ ปลอดภัย
922 คู่มือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ๘. ส่อื การเรยี นรู/้ แหล่งเรยี นรู้ ๑. สื่อโปรแกรมนาเสนอเรื่องการวิเคราะหค์ วามน่าเช่ือถือจากสือ่ โฆษณา ๒. ใบความรู้ที่ 6 เรือ่ ง การวเิ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื จากสอื่ โฆษณา ๓. โฆษณาจากสอ่ื สง่ิ พิมพ์ ๔. ใบงานท่ี 6 เรื่อง การวิเคราะหค์ วามนา่ เชอ่ื ถือจากสอื่ โฆษณา ๙. การประเมินผลรวบยอด สงิ่ ทต่ี อ้ งการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ - คาถาม ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ การประเมนิ - อธิบายหลกั การวเิ คราะห์ - ตอบคาถาม - แบบประเมิน รอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป ความน่าเช่ือถือจากการฟงั การวเิ คราะหส์ ือ่ ผ่านเกณฑ์ และดูสือ่ โฆษณา โฆษณา การประเมิน - คาถาม ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป ด้านทกั ษะและกระบวนการ - วเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื - ประเมนิ การวิเคราะห์ - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ จากการฟงั และดสู อื่ โฆษณา ส่ือโฆษณา การประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม ผา่ นเกณฑ์ - เหน็ ประโยชน์ของ - ตอบคาถาม การประเมนิ ระดับ การวิเคราะหค์ วามน่าเช่อื ถอื ผ่าน จากการฟงั และดสู อื่ โฆษณา ผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ ระดับ ด้านคุณลักษณะอันพงึ ผา่ น ประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ - สงั เกตพฤติกรรม ๒. มีวนิ ัย สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. การสงั เกตพฤติกรรม 1. การสงั เกต ๑. ความสามารถใน 2. การตอบคาถาม 2. คาถาม การสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ ทกั ษะชีวติ
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 8 เร่อื ง อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 923 ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน เกณฑก์ ารประเมนิ การวเิ คราะหค์ วามนา่ เช่อื ถอื จากสอ่ื โฆษณา ประเดน็ การ ๔ (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) ประเมิน ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) การวิเคราะห์ วิเคราะหท์ ุก วิเคราะหท์ ุก วิเคราะหท์ กุ วเิ คราะหไ์ ดบ้ าง ความน่าเชอ่ื ถอื ประเดน็ ได้ถกู ตอ้ ง ประเดน็ ไดถ้ ูกตอ้ ง ประเดน็ ไดถ้ ูกตอ้ ง ประเดน็ และ จากสอ่ื โฆษณา อธบิ ายอย่างชดั เจน อธบิ ายอยา่ งชัดเจน แตไ่ ม่ละเอยี ด อธิบายสน้ั ๆ สามารถยกตวั อย่าง สามารถยกตวั อย่าง บางประเดน็ ตอ้ ง ประกอบให้เห็นจริง ประกอบให้เหน็ จริง ให้ผ้อู ื่นแนะนา แตไ่ ม่มี การยกตวั อยา่ ง หมายเหตุ : ค่าน้าหนกั ๕ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ๑๘-๒๐ ดีมาก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ต่ากว่า ๑๒ ปรับปรงุ เกณฑ์การตดั สิน : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป
924 คมู่ ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) 10. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ท่ี ............. เดือน ..........พ.ศ. .................. 11. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผูท้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผู้ตรวจ (..........................................................) วันที่ ............. เดือน ..........พ.ศ. ......
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 เรื่อง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ 925 ใบความรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง การวเิ คราะห์ความนา่ เชื่อถอื จากส่อื โฆษณา หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๘ เร่อื ง อ่านอยา่ งมีวิจารณญาณ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๗ เรอ่ื ง การวิเคราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื จากสือ่ โฆษณา รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ โฆษณา คือการเผยแพร่ข้อความไปยังสาธารณชน ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความท่ี เก่ียวข้องกับสินค้าหรือบริการเพ่ือประโยชน์ในทางการค้า เป็นการเชิญชวน ชักจูง โน้มน้าวใจ ให้ ผู้อา่ นหรือผ้ฟู ังสนใจ นยิ มใชส้ นิ ค้า หรอื สิง่ ทีโ่ ฆษณา และคลอ้ ยตามการโฆษณานัน้ จดุ ประสงคข์ องการโฆษณาคือ 1. เพือ่ แนะนาสินคา้ หรอื บรกิ ารให้เขา้ ถงึ กลุ่มลกู ค้า 2. เพื่อให้ลกู ค้ายอมรับคณุ ภาพของสินคา้ 3. เพอ่ื กระตนุ้ ให้เกดิ การใชส้ ินคา้ หรือสนใจ นิยมใช้สนิ คา้ 4. เพอ่ื ยา้ ความทรงจาของลกู คา้ ใหเ้ กิดความต้องการจะซอ้ื สินค้า 5. เพอ่ื สรา้ งภาพพจนท์ ่ดี ขี ององคก์ าร ในความรู้สึกของลกู คา้ การวิเคราะห์ความนา่ เชื่อถอื จากสือ่ โฆษณา การฟังและการดูสอ่ื โฆษณา ต้องรู้จักพิจารณาไตร่ตรองเน้ือหาของโฆษณาท่ีนาเสนอ โดย ใชข้ อ้ มลู และเหตผุ ลประกอบ เพ่ือวิเคราะหค์ วามน่าเชอื่ ถอื ซ่ึงมแี นวทางการวิเคราะหด์ ังน้ี ๑. การให้ข้อมูลมีรายละเอียดของสนิ ค้าหรือบริการครบถ้วนหรือไม่ เช่น คุณสมบัติ ราคา ความสะดวกสบาย ๒. คุณสมบัติของสินค้าหรือบริการนั้นเป็นอย่างไร รู้จักวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ข้อควรซ้ือ หรอื ไมค่ วรซ้อื ๓. สื่อโฆษณาน้นั เกินความเปน็ จรงิ หรือไม่ กอ่ ใหเ้ กิดความเข้าใจผดิ หรอื ไม่ ๔. ไมข่ ดั ตอ่ ศีลธรรม หรือเสื่อมเสยี ต่อประเพณแี ละวฒั นธรรมอันดงี าม แนวทางดังกล่าวจะทาให้วิเคราะห์สื่อโฆษณานั้นได้ว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด เพื่อจะ เลือกซื้อสนิ คา้ ท่มี ีคุณภาพหรอื ใชบ้ ริการตามทต่ี อ้ งการ
926 คู่มอื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ใบงานที่ ๖ เรอ่ื ง การวิเคราะหค์ วามนา่ เชอื่ ถอื จากส่ือโฆษณา หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๘ เรอ่ื ง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอ่ื ง การวเิ คราะห์ความนา่ เช่ือถอื จากสื่อโฆษณา รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกฟังหรือดูส่ือโฆษณาจากสื่อต่าง ๆ ๑ รายการ และวิเคราะห์ความ นา่ เชือ่ ถือตามหัวข้อทกี่ าหนดให้ วเิ คราะหโ์ ฆษณา...................................................................... ๑. การให้ขอ้ มูล .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ๒. คณุ สมบตั ขิ องสนิ ค้าหรอื บริการ .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ๓. รูปแบบของโฆษณามีจุดเดน่ อย่างไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. การใชภ้ าษาเกินความเปน็ จรงิ กอ่ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจผดิ หรอื ไม่ .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕. โฆษณาน้ีมีความนา่ เชือ่ ถือหรือไม่ เพราะเหตุใด .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ช่ือ........................................................................................ชัน้ .......................เลขที่..............
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 เร่ือง อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 927 แนวคาตอบ ใบงานท่ี ๖ เรื่อง การวิเคราะหค์ วามนา่ เชอ่ื ถอื จากสื่อโฆษณา หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๘ เร่อื ง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๗ เร่ือง การวเิ คราะหค์ วามน่าเชอ่ื ถอื จากส่อื โฆษณา รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกฟังหรือดูส่ือโฆษณาจากส่ือต่าง ๆ ๑ รายการ และวิเคราะห์ความ นา่ เช่ือถือตามหัวข้อทก่ี าหนดให้ วเิ คราะหโ์ ฆษณา...................................................................... ๑. การให้ข้อมูล .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ๒. คุณสมบัตขิ องสนิ ค้าหรือบรกิ าร .......................................................................................................................................................... ..................................................อ...ย..ใู่..น...ด..ุล...ย...พ...ิน..ิจ...ข..อ...ง..ค...ร..ูผ...สู้ ..อ...น.......................................................... .......................................................................................................................................................... ๓. รปู แบบของโฆษณามจี ุดเดน่ อย่างไร .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. การใชภ้ าษาเกนิ ความเป็นจรงิ ก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจผดิ หรือไม่ .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕. โฆษณานี้มคี วามนา่ เชือ่ ถือหรือไม่ เพราะเหตุใด .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ชื่อ........................................................................................ช้ัน.......................เลขท่ี..............
๙๒๘ คมู่ อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๗ เร่ือง การวเิ คราะหค์ วามนา่ เชอ่ื ถอื จากสือ่ โฆษณา(๒) หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๘ เรื่อง อ่านอย่างมวี ิจารณญาณ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกใน โอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชี้วดั ป.๖/๓ วิเคราะหค์ วามน่าเช่ือถือจากการฟงั และดสู ือ่ โฆษณาอยา่ งมเี หตผุ ล ป.๖/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ส่ือโฆษณาเปน็ สอ่ื ท่ีดึงดูดใจผ้ฟู ัง และผู้ดูได้สูง การรับสื่อเหลา่ น้จี ะต้องร้จู กั วิเคราะห์ความน่าเช่ือถือ ขอ้ เทจ็ จรงิ ของสื่อก่อนตัดสินใจเชือ่ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) อธิบายหลักการวเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถือจากการฟงั และดูส่ือโฆษณา ได้ 2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) วเิ คราะห์ความน่าเชื่อถือจากการฟงั และดสู ่ือโฆษณาได้ 3. ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) นาหลกั การวเิ คราะห์ส่ือโฆษณาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน ๔. สาระการเรยี นรู้ 4.1 หลกั การวเิ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื จากการฟังและดสู ่ือโฆษณา 4.2 การวิเคราะห์ความน่าเช่ือถือจากการฟงั และดูส่อื โฆษณา ๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 5.1 ความสามารถในการส่อื สาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มวี ินัย 6.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 6.3 มงุ่ มั่นในการทางาน 6.4 รกั ความเป็นไทย ๗. กิจกรรมการเรียนรู้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เรอื่ ง อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ การจัดกจิ กรรมการเรยี นร แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๗ เรอ่ื ง การวิเค รายวชิ า ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๘ เรือ่ ลาดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมคร 1. ขอบเขตเนือ้ หา ขน้ั นา ๕ ๑. ครูขออาสาสมัคร 1. หลักการวิเคราะห์ นาที ออกมาแสดงบทบาท โฆษณาสินคา้ ความนา่ เชอ่ื ถือจาก ๒. ครตู ั้งคาถามกระ การฟงั และดสู ่ือ โฆษณา ความคดิ ของนักเรียน 2. การวเิ คราะห์ ครู : โฆษณาดังกลา่ ว ขอ้ มูลใดของสินค้าบ ความน่าเชอื่ ถือจาก ครู : คุณสมบตั ขิ องส การฟังและดสู ่ือ โฆษณา เป็นอยา่ งไร น่าซอ้ื ห ครู : คาโฆษณาสินค หรอื ไม่ อยา่ งไร ครู : คาโฆษณาสินค ศลี ธรรม ประเพณี แ วฒั นธรรมไทยหรอื ไ ครู : นักเรยี นควรซ หรอื ไม่ เพราะอะไร ๓. ครูอธบิ ายใหน้ กั เร การตั้งคาถามทงั้ หมด
รู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๙๒๙ คราะหค์ วามนา่ เช่ือถือจากสอื่ โฆษณา (๒) การประเมิน การเรียนรู้ ง อา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณ จานวน ๑ ช่ัวโมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ ครู กจิ กรรมนักเรยี น 1. ส่ือ ppt เรื่อง รนกั เรยี น นักเรยี น : แสดงบทบาท การวิเคราะห์ ทสมมติ สมมติการโฆษณาสนิ ค้า ความน่าเชอื่ ถอื จากสอ่ื โฆษณา ะตุ้น นดงั น้ี นักเรียน : (ตอบคาถามตาม วบอก ความเขา้ ใจ) บา้ ง นักเรียน : (ตอบคาถามตาม สินคา้ นั้น ความร้สู กึ ) หรอื ไม่ นกั เรียน : (ตอบคาถามตาม ค้าเกินจรงิ ความเข้าใจ) คา้ ขดั ตอ่ นกั เรยี น : (ตอบคาถามตาม และ ความเขา้ ใจ) ไม่ นกั เรียน : (ตอบคาถามตาม ซอ้ื สินคา้ น้ี ความรู้สกึ ) รียนฟงั วา่ ดเปน็ การ
๙๓๐ ค่มู ลาดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขั้นตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ท่ีใช้ กิจกรรมคร วิเคราะหค์ วามน่าเช ส่ือโฆษณา 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้ันสอน ๒๐ ๑. ครูให้นกั เรยี นศึก 1. อธิบายหลกั การ นาที ความรู้เร่อื งการวิเคร วเิ คราะห์ความนา่ เช่อื ถอื ความน่าเชื่อถือจากส จากการฟังและดู ๒. ครใู หน้ ักเรยี นนา ส่ือโฆษณาได้ ได้มาสรปุ ลงในแผนภ จากนนั้ ออกมานาเส หน้าชัน้ เรยี นให้ครแู ล ฟังจากนนั้ ครูอธบิ าย ยกตวั อย่างประกอบ ๓. ครยู กตัวอย่างกา ความน่าเช่อื ถือจากส ๔. ครูมอบหมายให้น ใบงานเรือ่ งวิเคราะห โฆษณาโดยดสู ่ือโฆษ ประหยดั พลงั งานแล อภปิ รายแสดงความ ประเด็นตอ่ ไปนี้ ครู : โฆษณานี้มจี ุดม อยา่ งไร
มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมิน ครู กิจกรรมนกั เรยี น การเรยี นรู้ ชือ่ ถอื จาก กษาใบ นกั เรยี น : ศึกษาใบความรู้ 2. ใบความรู้เรื่อง - การนาเสนอผงั ราะห์ เร่ืองการวิเคราะหค์ วาม การวิเคราะห์ ความคิด สอื่ โฆษณา น่าเชื่อถือจากสอ่ื โฆษณา ความนา่ เชอ่ื ถอื าขอ้ มลู ท่ี นกั เรียน : เขียนสรปุ ความรู้ จากสอื่ โฆษณา ภาพ เรอื่ งเรือ่ งการวิเคราะห์ 3. ส่ือ ppt เร่ือง สนอขอ้ มลู ความน่าเช่ือถอื จากสอ่ื การวเิ คราะห์ ละเพอ่ื น ๆ โฆษณา ความนา่ เชอื่ ถอื ยพรอ้ ม นักเรยี น : นาเสนอผลงาน จากสอ่ื โฆษณา บ หน้าชน้ั เรยี น 4. คลปิ วิดโี อ ารวเิ คราะห์ โฆษณาการ สอ่ื โฆษณา ประหยัดพลงั งาน นกั เรยี นทา หส์ ่ือ ษณา ลว้ ร่วมกัน มคิดเห็นใน ม่งุ หมาย
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 เรอ่ื ง อา่ นอยา่ งมวี จิ ารณญาณ ลาดับ ขอบเขตเนื้อหา/ ข้นั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ กจิ กรรมคร ครู : เปน็ โฆษณาท่นี หรอื ไม่ ครู : เทคนคิ หรือกลย นามาใชใ้ นงานโฆษณ ครู : โฆษณามผี ลกร เราหรอื ไมอ่ ย่างไร ครู : นักเรยี นจะปฏบิ หรือไมเ่ พราะเหตใุ ด 3. 2. วเิ คราะห์ ขัน้ ปฏบิ ัติ ๒๐ ครู : เปดิ คลปิ วิดีโอป ความน่าเชือ่ ถือจาก นาที พลังงาน การฟังและดสู ื่อ โฆษณาได้
๙๓๑ แนวการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ ครู กจิ กรรมนกั เรยี น การเรยี นรู้ นา่ เชอ่ื ถือ ยทุ ธ์ที่ ณา ระทบกบั บตั ิตาม นกั เรียน : ชมคลปิ วิดีโอ 5. คลิปวดิ โี อ - ประเมนิ ใบงาน ด ประหยดั พลังงาน ประหยัดพลังงาน การวเิ คราะหส์ ื่อ ประหยดั นักเรยี น : ทาใบงานเรอื่ ง 6. ใบงานเรื่อง โฆษณา การวิเคราะหส์ ือ่ โฆษณาโดย การวิเคราะหส์ ือ่ ร่วมกนั อภิปรายแสดง โฆษณา ความคดิ เห็นตอ่ ไปน้ี - โฆษณานี้มีจดุ มุ่งหมาย อย่างไร - เปน็ โฆษณาท่ีนา่ เช่อื ถือ หรอื ไม่ - เทคนคิ หรอื กลยทุ ธท์ ่ี นามาใช้ในงานโฆษณา - โฆษณามีผลกระทบกบั เรา หรือไม่ อยา่ งไร
๙๓๒ ค่มู ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กิจกรรมคร 4. 3. นาหลกั การวเิ คราะห์ ขั้นสรปุ ครู : สมุ่ นกั เรยี นนาเ สอ่ื โฆษณาไปใชใ้ น ผลงานหนา้ ช้นั เรียน ชีวติ ประจาวนั โอกาสใหเ้ พอ่ื นคนอน่ื คาถาม และตอบคาถ มเี หตผุ ล ๕ ๑. ครูให้นกั เรยี นร่ว นาที อภิปรายความรเู้ รือ่ ง การวเิ คราะหค์ วามน จากสอื่ โฆษณาตามป ต่อไปน้ี ครู : นกั เรยี นคิดวา่ ส โฆษณาที่ทาใหผ้ ดู้ คู ล ครู : นกั เรยี นจะนาคว การวิเคราะหค์ วามน จากสอื่ โฆษณาไปใช้ใ ชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่า
มือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมนิ ครู กิจกรรมนกั เรยี น การเรียนรู้ - นกั เรียนจะปฏิบัตติ าม - ประเมิน หรือไมเ่ พราะเหตุใด การตอบคาถาม เสนอ นกั เรยี น : นาเสนอผลงาน น และเปดิ หนา้ ช้นั เรียน นได้ตงั้ ถามอยา่ ง วมกนั ง นา่ เชอ่ื ถือ ประเดน็ สิง่ ใดใน นักเรียน : ภาษาที่ใช้/ ล้อยตาม นายแบบนางแบบ/ ความรู้เรอ่ื ง นักเรียน : พจิ ารณาสนิ คา้ นา่ เชื่อถอื หรอื บรกิ ารกอ่ นเลอื กใช้ ใน างไร
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 933 ๘. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ ๑. สอื่ โปรแกรมนาเสนอเรือ่ งการวเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื จากส่ือโฆษณา ๒. คลิปวดิ โี อการประหยดั พลังงาน ๒. ใบความรู้ท่ี 7 เร่ือง หลกั การวิเคราะห์ความนา่ เชื่อถอื สอื่ โฆษณา ๓. ใบงานที่ 7 เรื่อง การวิเคราะหส์ ่ือโฆษณา ๙. การประเมินผลรวบยอด สงิ่ ทต่ี อ้ งการวดั /ประเมนิ วธิ กี าร เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ - ตอบคาถาม - อธบิ ายหลกั การวเิ คราะห์ - คาถาม ผ่านเกณฑ์ ความนา่ เช่อื ถอื จากการฟงั - ประเมินการวเิ คราะห์ การประเมนิ และดูสอื่ โฆษณา ส่อื โฆษณา ร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป ด้านทักษะและกระบวนการ - วิเคราะห์ความน่าเชือ่ ถือ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ จากการฟงั และดูสอ่ื โฆษณา การวิเคราะหส์ ือ่ โฆษณา การประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ข้นึ ไป ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ - คาถาม ผา่ นเกณฑ์ คา่ นยิ ม - แบบประเมนิ การประเมนิ - นาหลกั การวเิ คราะหส์ ่ือ - ตอบคาถาม 1. การสงั เกต ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป โฆษณาไปใช้ในชีวิตประจาวัน 2. คาถาม ผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ระดับ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม ผ่าน ๑. ใฝ่เรียนรู้ ผา่ นเกณฑ์ ๒. มีวนิ ัย การประเมนิ ระดบั ผ่าน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. การสงั เกตพฤตกิ รรม ๑. ความสามารถใน 2. การตอบคาถาม การสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการใช้ ทักษะชีวิต
934 ค่มู ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.6) ชน้ิ งานหรือภาระงาน เกณฑก์ ารประเมินการวเิ คราะหค์ วามน่าเช่ือถอื จากสอ่ื โฆษณา ประเดน็ การ ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) ประเมิน ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) การวเิ คราะห์ วเิ คราะหท์ ุกประเด็น วิเคราะหท์ ุกประเดน็ วิเคราะหท์ กุ วเิ คราะห์ไดบ้ าง ความนา่ เช่อื ถอื ไดถ้ ูกตอ้ ง อธบิ าย ไดถ้ กู ตอ้ ง อธิบาย ประเด็นได้ถกู ตอ้ ง ประเด็นและ จากสอื่ โฆษณา อย่างชัดเจน อยา่ งชัดเจน แตไ่ มล่ ะเอียด อธิบายสัน้ ๆ สามารถยกตวั อยา่ ง สามารถยกตัวอย่าง บางประเดน็ ตอ้ ง ประกอบให้เหน็ จริง ประกอบให้เหน็ จริง ให้ผูอ้ ่นื แนะนา แต่ไม่มกี ารยกตัวอย่าง หมายเหตุ : คา่ น้าหนัก ๕ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดมี าก ๑๕-๑๗ ดี ๑๒-๑๔ พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๒ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตดั สนิ : ผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 เรือ่ ง อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ 935 10. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ข้อจากดั การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ที่ ............. เดือน ..........พ.ศ. .................. 11. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... ............... .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................ผ้ตู รวจ (..........................................................) วันท่ี ............. เดอื น ..........พ.ศ. ......
936 คู่มือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.6) ใบความรูท้ ี่ 7 เรอ่ื ง หลกั การวิเคราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื สื่อโฆษณา หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๘ เร่ือง อ่านอย่างมีวจิ ารณญาณ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรือ่ ง การวเิ คราะห์ความน่าเช่อื ถือจากสอื่ โฆษณา รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ การโฆษณามีวัตถุประสงค์เพื่อ ขายสินค้าหรือบริการให้มากท่ีสุด ไม่ควรหลงเช่ือกับคา โฆษณาโดยง่าย ควรวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผลของข้อมูลจากส่ือโฆษณาสินค้าให้รอบคอบ เสยี ก่อนท่ีจะตดั สินใจซ้อื ทุกครงั้ ข้อความเชิญชวนตามส่ือโฆษณามีรูปแบบท่ีหลากหลาย หากขาดการพิจารณาอย่าง รอบคอบ เช่ือถือข้อความบนสื่อโฆษณาโดยปราศจากการไตร่ตรอง ประกอบกับใช้ความตอ้ งการ ความอยากได้และความปรารถนาของจิตใจเป็นตัวนาทางในการเลือกสินค้า มากกว่าความ สมเหตุสมผลจะทาให้ได้รบั สินคา้ ผลิตภณั ฑ์ ทไ่ี ม่สมประโยชน์ และอาจเกดิ ผลเสยี หาย มอี ันตราย ต่อรางกายและจติ ใจของผู้บริโภคได้ หลกั การวิเคราะห์ความน่าเชือ่ ถือส่ือโฆษณา ๑. ฝกึ แยกแยะส่ือทางบวกและทางลบ สอื่ ทางบวก คือ สง่ เสริมความคดิ ในเชงิ สร้างสรรค์ เช่น การมคี วามเอื้อเฟอ้ื เผ่ือแผก่ ัน การทางานดว้ ยความสามัคคี เปน็ ต้น ส่อื ทางลบ คอื กระตุ้นให้ มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ และใช้เหตุผลว่าสอ่ื เหล่าน้ันเป็นสื่อทางบวก หรอื ทางลบ 2. คานึงถึงความเป็นจริง ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความเป็นจริง ควรเลือกโดย พิจารณาด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ความเป็นไปได้บนพ้ืนฐานของความจริงและเหตุผลทาง วิทยาศาสตร์ ไม่หลงเช่ือโฆษณาชวนเชื่อที่ใช้ข้อความเกินความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น ใช้ครีบนี้ผิว ขาวสวยภายใน 7 วนั 3. มีความไวในการรับส่ือ ข้อมูลข่าวสารทันเหตุการณ์ทั้งในและนอกประเทศ ไม่เช่ือไม่ หลงใหลกับสือ่ ทางลบ ซึง่ เปน็ สอื่ ทีม่ ีผลกระทบตอ่ การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม ๔. พจิ ารณาขอ้ ความโฆษณา ดังตอ่ ไปนี้ ๔.๑ ข้อความทเ่ี ป็นการสนบั สนุนโดยตรงหรอื โดยออ้ มให้มีการกระทาผิดกฏหมาย หรือ ศีลธรรม หรอื นาไปสคู่ วามเสอ่ื มเสยี ในวฒั นธรรมของชาติ 4.๒ ขอ้ ความที่จะทาให้เกดิ ความแตกแยก หรอื เสื่อมเสยี ความสามคั คีในหมปู่ ระชาชน ๔.๓ ข้อความอย่างอนื่ ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงทผ่ี ู้ประกอบธุรกิจต้องระบุข้อความ ใหค้ รบถว้ น หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8 เรือ่ ง อา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ 937 ใบงานที่ ๗ เรอ่ื ง การวเิ คราะห์ส่อื โฆษณา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๘ เรอ่ื ง อา่ นอยา่ งมีวจิ ารณญาณ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๗ เรื่อง การวิเคราะห์ความนา่ เชื่อถือจากส่อื โฆษณา รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ คาชี้แจง ให้นักเรยี นดสู ือ่ โฆษณาแลว้ วเิ คราะห์ความนา่ เชือ่ ถอื ของสื่อโฆษณาน้นั ๑. โฆษณานีม้ จี ดุ มุง่ หมายอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................................................................. ๒. เปน็ โฆษณาที่นา่ เชอื่ ถือหรือไม่ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. โฆษณามีผลกระทบกับเราหรือไม่อยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. นักเรยี นจะปฏิบตั ติ ามหรอื ไม่เพราะเหตใุ ด .............................................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชอ่ื ................................................................................ชั้น.......................เลขท่ี........................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 678
Pages: