1. วเิ คราะห๑ขอ๎ มลู พนื้ ฐานของผต๎ู อบแบบสอบถาม โดยใช๎สถติ เิ ชงิ พรรณนา เพ่อื แจกแจงความถีแ่ ละ หาคําร๎อยละ 2. วิเคราะห๑สภาพการบรหิ ารโรงเรยี นตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรยี นชมรมผ๎บู รหิ ารโรงเรยี น ฆราวาสคาทอลกิ อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ ในแบบสอบถามตอนท่ี 2 โดยใชว๎ ิธกี ารหาคาํ เฉล่ียและสวํ น เบ่ยี งเบนมาตรฐาน Standard Deviation (S.D.) 3. วิเคราะหข๑ อ๎ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ ซึ่งเป็นคาถามปลายเปิด ดว๎ ยเทคนคิ การวเิ คราะห๑เนอื้ หา (Content analysis) สรปุ ผลการวิจยั และอภปิ รายผล สภาพการบริหารโรงเรยี นในกลุ่มผู้บรหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลิกอัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯตาม หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากการศกึ ษาสภาพการบรหิ ารโรงเรียนในกลมํุ ผบู๎ รหิ ารโรงเรียนฆราวาสคาทอลกิ อัครสงั ฆมณฑล กรงุ เทพฯตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผ๎วู ิจัยได๎ข๎อมลู จากการตอบแบบสอบถามของผบ๎ู รหิ าร และ ครู จากทัง้ หมด 24 โรงเรยี น สรปุ ได๎ดงั นี้ ด้านหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง องคป๑ ระกอบท่ี 1 หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านความพอประมาณ พบวําในเร่ืองของการ สนบั สนุนใหผ๎ ๎ูเรยี นมีสวํ นรวํ มในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนที่บูรณาการหลกั ปรชั ญาขอเศรษฐกิจพอเพยี ง สอดแทรกเข๎าไปมคี ําเฉลี่ยมากที่สุดอยูํท่ี 4.16 รองลงมา คือ การมีนโยบายในการน๎อมนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนในสถานศึกษาและในแผนปฏิบัติงานประจาปีมีคําเฉลี่ยอยูํที่ 4.12 และ สถานศึกษามีการวางแผนการบริหารจัดการงบประมาณของสถานศึกษาอยํางเหมาะสม และ พอเพียงมี คาํ เฉลีย่ ทีน่ อ๎ ยสดุ อยทูํ ่ี 4.07 สรปุ ได๎วําแตํละสถานศกึ ษาในกลุมํ นมี้ กี ารปฏิบตั ิในด๎านน้ีในระดับท่ีมากและน๎อย ไมํเทํากัน แตผํ ลรวมในการปฏบิ ัติก็อยูํในระดับมากทงั้ 3 ขอ๎ เพราะฉะนนั้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในดา๎ นความพอประมาณนนั้ มกี ารปฏิบัติในระดับมากและไปในทางเดยี วกันเกือบท้ังกลุมํ สถานศึกษาทุกแหํง ในกลํุมผู๎บริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มีนโยบายท่ีจะนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงไปปรบั ใชใ๎ นแผนปฏิบตั ิงานประจาตามทกี่ ระทรวงศึกษาธกิ ารได๎กาหนดไว๎ องค๑ประกอบท่ี 2 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านความมีเหตุผล พบวําในเรื่องของการ ดาเนินการตามนโยบายและแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปที ่ีน๎อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อน ในสถานศกึ ษามีคาํ เฉลยี่ อยํูที่ 4.13 ซึง่ มากทีส่ ุดในด๎านน้ี การสนบั สนุนใหม๎ ีการตดิ ตามผลการดาเนินการและ แผนการปฏบิ ตั ิประจาปีตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและ การจัดหาสื่อและแหลํงเรียนรู๎ มีคําเฉล่ียรองลงมาที่ 4.05 เทาํ กันทัง้ สองข๎อ และการมีระบบในการตดิ ตามประเมนิ ผล เพื่อพฒั นาและปรับปรุงการบริหารจัดการ งบประมาณของสถานศึกษามีคําเฉลย่ี น๎อยทีส่ ุดอยูทํ ี่ 4.00 สรปุ ได๎วํา ในดา๎ นของความมีเหตผุ ล ทกุ สถานศึกษา มรี ะบบระเบียบในการวางแผนทจ่ี ะสอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและนาไปดาเนินการโดยมี การติดตามประเมนิ ผลเพ่ือนาไปพัฒนาในกจิ กรรมหรอื โครงการตอํ ๆไป การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 300
องค๑ประกอบที่ 3 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านก ารมีภูมิคุ๎มกัน พบวํามีการสํงเสริม และสนนั สนนุ ให๎มกี ารสํงครูและบุคลากรไปอบรมเพอ่ื เพิ่มพนู ความร๎ูเก่ียวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการสร๎างภูมิค๎ุมกันในการดาเนินชีวิตมีคําเฉลี่ยสูงท่ีสุดอยํูท่ี 4.30 ในเร่ืองของการการสํงเสริมให๎มี แผนงานในการบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในดา๎ นวชิ าการ และ หลกั สตู รการเรยี นการสอนมี คําเฉลยี่ รองลงมาอยํทู ี่ 4.15 และ การสนับสนุนให๎นาผลการติดตามของแผนงานโครงการ หรือ นโยบายมา ขบั เคล่อื นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีคําเฉลย่ี น๎อยทส่ี ดุ อยูํ 4.03 โดยทกุ ๆขอ๎ มกี ารปฏบิ ตั ิอยูํในระดับ มาก และ คําเบี่ยงเบนมาตรฐานอยํใู นระดับท่ไี มํสงู นัก ยกเว๎นข๎อที่วํามีการสํงเสริมให๎มีกิจกรรมการแนะแนว ผเ๎ู รียนให๎มกี ารวางแผนชวี ติ ตนเองอยาํ งมีคุณภาพทกี่ ารปฏบิ ตั ิอยูํในระดับดแี ตคํ าํ เบ่ียงเบนมาตรฐานในข๎อนี้คือ 0.80 ซึ่งสงู กวําข๎ออน่ื ๆ สรุปได๎วําในสถานศึกษาบางแหงํ มกี ารสนับสนุนให๎มีกิจกรรมการแนะแนวให๎ผ๎ูเรียนมี การวางแผนการดาเนนิ ชีวิตอยํางมคี ณุ ภาพของผเู๎ รยี นยังมอี ยํูในระดบั น๎อยอยํู สํวนใน 3 ข๎อทเี่ หลอื มกี ารปฏบิ ตั ิ ไดใ๎ นระดบั ทด่ี อี ยูแํ ลว๎ องคป๑ ระกอบท่ี 4 หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านเงื่อนไขด๎านความรู๎ จากผลก ารคานวณ ทางดา๎ นสถิติจากผ๎ูตอบแบบสอบถามพบวํา การสํงเสริมให๎มีแผนการจัดการเรียนรู๎ท่ีบูรณาการหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งลงไปในทกุ กลํมุ สาระการเรียนรู๎มีคําเฉลี่ยมากท่ีสุดอยํูที่ 4.80 มีการปฏิบัติอยํูในระดับ มาก รองลงมาคือสถานศึกษามีการจัดทาเอกสารเผยแพรํให๎ครู บุคลากร และ ผ๎ูเรียนมีความร๎ูความเข๎าใจ เก่ียวกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งนั้น การปฏบิ ตั อิ ยูํในระดับปานกลางและมีคาํ เฉลย่ี อยูํท่ี 3.96 มกี าร ปฏบิ ตั อิ ยูใํ นระดบั กลาง สรุปไดว๎ ําโรงเรียนในกลุมํ ผบ๎ู รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลกิ อคั รสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯมี การสนับสนนุ ใหค๎ วามร๎เู ก่ยี วกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งแกํ ครู ผ๎เู รยี น ในระดับท่ีดี สํวนการเผยแพรํ เอกสารเพอ่ื ใหค๎ วามร๎ูเพม่ิ เตมิ แกํครแู ละทกุ ๆฝุายนัน้ สามารถปรบั ปรงุ เพ่มิ เติมให๎มากข้ึนได๎ องคป๑ ระกอบท่ี 5 หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในดา๎ นเงื่อนไขดา๎ นคณุ ธรรม พบวําสถานศึกษา ได๎มีการจัดกิจกรรมในการปลูกจิตสานึกให๎ผ๎ูเรียนมีจิตอาสา และ มีสํวนรํวมในกิจกรรมเพ่ือสังคม และ สาธารณประโยชน๑มคี ําเฉลี่ยสูงทส่ี ุดอยํูที่ 4.28 อันดับรองลงมาคือ การสํงเสริมให๎บุคลากรเข๎ารํวมกิจกรรม ทางศาสนา สังคม และ วัฒนธรรม รวํ มกับชุมชนโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถเป็น แบบอยาํ งทด่ี ีแกผํ ๎อู น่ื ได๎มคี าํ เฉลี่ยอยํูท่ี 4.15 และ การบริหารโดยอาศัยหลักธรรมาภิบาล ให๎ความเป็นธรรม ความเสมอภาคกับบุคลากรในองค๑กรและกล๎ายืนหยัดในสิ่งท่ีถูกต๎องมีคําเฉลี่ยน๎อยท่ีสุดอยํูที่ 4.09 ทุกข๎อท่ี กลําวมาขา๎ งต๎น มีการปฏิบตั ิอยูํในระดับมาก ดงั น้นั สถานศึกษาทกุ แหํงมกี ารเน๎นการใช๎คุณธรรมในการปฏิบัติ ตอํ เพอื่ นรวํ มงานอยใูํ นเกณฑท๑ ่ดี ีมาก ดา้ นการบรหิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม องค๑ประกอบที่ 1 การบริหารงานแบบมีสํวนรํวม การมีสํวนรํวมในการคิดริเร่ิม พบวําการจัดการ ประชุมรํวมกันเพื่อการกาหนดเปูาวัตถุประสงค๑ของสถานศึกษาน้ันดังน้ัน การปฏิบัติอยูํในระดับมากและมี คําเฉลี่ยสูงสุดที่ 4.01 มีการปฏิบัติอยํูในระดับมาก รองลงมาคือการระดมความคิดและแสดงความเห็นใน โครงการหรือกิจกรรมนั้นๆคาํ เฉลย่ี คือ 3.93 และน๎อยท่สี ุดคอื มกี ารจัดตงั้ คณะกรรมการดา๎ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 301
เพ่ือวางแผน กาหนดเปาู หมาย เกณฑก๑ ารปฏิบตั ิ มีคาํ เฉล่ยี อยทํู ่ี 3.84 ทั้งสองข๎อมกี ารปฏิบตั ใิ นระดบั ปานกลาง และเน่ืองจากคําเบ่ียงเบนมาตรฐานออกมาคํอนข๎างสูง จึงสามารถสรุปได๎วํา ในสถานศึกษาบางแหํงนั้น ครู หรือ บคุ ลากรทางการศึกษา มโี อกาสในการรวํ มวางแผนและแสดงความเห็นนอ๎ ยกวาํ ทคี่ วร ดังน้ันสถานศึกษา ควรท่จี ะพฒั นาปรับปรุงข๎อให๎มกี ารปฏิบัตทิ ีม่ ากข้นึ แตใํ นสวํ นอน่ื ๆนน้ั ปฏิบตั ิกนั ไดใ๎ นระดับทีด่ ี องค๑ประกอบท่ี 2 การบริหารงานแบบมีสํวนรํวม การมีสํวนรํวมในการตัดสินใจ พบวําการมีสํวน เกีย่ วข๎องในการตัดสินใจเลอื กโครงการ งาน กจิ กรรม ของสถานศึกษามีคาํ เฉล่ียอยํทู ่สี งู ทสี่ ดุ ที่ 3.97 และ การมี สวํ นเก่ียวขอ๎ งกบั การตดั สินใจระหวาํ งท่มี ีการดาเนนิ งานของสถานศึกษามคี ําเฉลยี่ รองลงมาท่ี 3.87 มีระดบั การ ปฏบิ ตั อิ ยํใู นระดับปานกลาง แตเํ นื่องจากคาํ เบ่ยี งเบนมาตรฐานของท้ังสองข๎อน้ันสูงพอสมควรตามลาดับดังน้ี 0.97 และ 0.98 สรปุ ได๎วํา สถานศกึ ษาบางแหํงมีการให๎โอกาสการมีสวํ นรํวมแกคํ รแู ละบุคลากรพอสมควร แตํ ในหลายๆแหํงก็ยังให๎โอกาสในการมีสํวนรํวมกับบุคลากรในกา รตัดสินใจในเรื่องการจัดกิจกรรมตํางๆอยํูใน เกณฑท๑ ่ีนอ๎ ยจนเกินไป องคป๑ ระกอบที่ 3 การบรหิ ารงานแบบมสี ํวนรวํ ม การมีสวํ นรํวมในการดาเนนิ การ พบวําในด๎านการมี ความเห็นชอบและพร๎อมใหค๎ วามชวํ ยเหลือสนบั สนนุ ในงานของสถานศกึ ษามคี าํ เฉล่ียสูงที่สดุ ท่ี 4.27 รองลงมา คือ การมสี ํวนรวํ มในการดาเนนิ การในเร่ืองการสนับสนุนงานในสถานศกึ ษาอยาํ งเตม็ ใจและเต็มความสามารถมี คําเฉล่ยี เทาํ กับ 4.13 และ สถานศึกษามีการจัดกจิ กรรมแนะแนวผเู๎ รียนให๎รู๎จกั วางแผนชวี ิตตนเองใหส๎ องคล๎อง กบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งหรอื ไมมํ คี าํ เฉล่ียต่าท่สี ดุ อยํูท่ี 4.02 ทุกข๎อคาถามที่กลําวมาข๎างต๎นน้ันมี ระดบั การปฏิบัติอยํูในระดับมาก ยกเว๎นข๎อถามท่ีพูดถึงการมีสํวนรํวมในการสนับสนุนงบประมาณบุคลากร แรงงาน สถานท่ี ในการดาเนนิ การของสถานศกึ ษา มกี ารปฏิบัตอิ ยูํในระดับกลาง คําเฉลี่ย เทํากับ 3.58 และ คําเบ่ียงเบนมาตรฐานคอื 1.18 ซึ่งอยูํในระดับสูงมาก ดังนั้นจึงสรุปได๎วํา การสนับสนุนให๎ครูมีสํวนเก่ียวข๎อง ด๎านงบประมาณนนั้ มีการปฏิบัตใิ นสถานศึกษาได๎นอ๎ ยเนอ่ื งจากการอานาจในการตดั สนิ ใจเร่ืองงบประมาณสํวน ใหญํแลว๎ เปน็ ของผู๎บริหารสถานศกึ ษานั่นเอง องค๑ประกอบท่ี 4 การบริหารงานแบบมีสํวนรํวม การมีสํวนรํวมในการรับผลประโยชน๑ พบวํา ผู๎บริหาร และ ครไู ดร๎ บั การยกยํองชมเชยเมอื่ ดาเนนิ งานตํางๆได๎สาเร็จมีคําเฉล่ียสูงที่สุดที่ 4.12 รองลงมาคือ รวมถึงชํวยเหลือรํวมมือกนั แกป๎ ญ๓ หาทเ่ี กดิ ขึน้ มีคําเฉลี่ย คือ 4.12 และทุกๆฝุายตํางยอมรับข๎อผิดพลาด และ รบั ฟง๓ ข๎อเสนอแนะในผลการดาเนนิ งานของโรงเรยี นมีคาํ เฉล่ียนอ๎ ยท่สี ุดที่ 4.08 สรุปได๎วาํ ทกุ สถาบนั การศึกษา มีการปฏิบัติในระดับมากในทุกๆข๎อคาถาม ซ่ึงแสดงให๎เห็นถึงการทางานและความรํวมมือรํวมใจของคนใน สถานศกึ ษาท่ตี อ๎ งการให๎สถานศกึ ษาดาเนนิ การไปไดอ๎ ยาํ งดี องค๑ประกอบท่ี 5 การบริหารงานแบบมีสํวนรํวม การมีสํวนรํวมในการประเมินผล พบวํา มีการ รวํ มกันประชมุ วางแผนและตดิ ตามประเมนิ ผลการดาเนนิ งานของสถานศึกษาของระกวํางผู๎บรหิ ารและคณะครู มคี ําเฉลีย่ สงู ท่ีสดุ อยทํู ี่ 4.21 อับดบั ตอํ มาคือ ผู๎บริหาร ครู และสถานศึกษามีการเผยแพรํผลการประเมินการ ดาเนนิ งานให๎ทกุ ฝาุ ยรู๎มคี าํ เฉล่ียเทาํ กับ 4.14 และสถานศึกษามกี ารเผยแพรํผลการประเมินการดาเนินงานให๎ บุคคลกรทุกฝุายรับรู๎เพ่ือพัฒนากระบวนการดาเนินงาน มีคําเฉล่ียน๎อยที่สุดอยูํท่ี 4.05 การปฏิบัติในทุก การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 302
องค๑ประกอบน้ันอยใูํ นระดับมาก หมายถึง บุคลากรทกุ คนในสถานศกึ ษามสี ํวนรวํ มในการประเมินผลโครงการ/ กิจกรรมภายในสถานศกึ ษาท่ตี นมีสํวนรวํ มในการดาเนนิ การอยํางดี จากขอ๎ คาถามทุกขอ๎ ทีก่ ลาํ วมา แสดงให๎เห็นวําการมีสํวนรํวมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ี นอ๎ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษาสํวนใหญํอยูํในระดับมาก สํวนด๎านที่ต๎องปรับปรุงคือ การวางแผนและการแสดงความคดิ เห็นของบุคลากรทกุ ฝาุ ยควรเปิดโอกาสให๎มีสํวนรํวมมากกวํานี้และเป็นไป ในแนวทางเดียวกันทั้งกลํุม สํวนในด๎านที่ดีอยํูแล๎วเชํนกันการรํวมกันวางแผน รํวมรับผลประโยชน๑และการ ประเมินผลน้ันก็สามารถปรบั ปรงุ หาแนวทางพฒั นาให๎ดขี น้ึ ไปอีกได๎เชนํ กัน การท่ีสถานศกึ ษาตอ๎ งการที่จะขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษาน้ันสถานศึกษาแหํงนั้น จาเป็นต๎องมีการน๎อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคล่ือนในสถานศึกษาและบูรณาการใน แผนงานประจาปี มีการวางแผนการจัดกิจกรรมที่สํงเสริมให๎ความร๎ูในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิ จพอเพียง สอดแทรกไปในหลักสูตรการเรียนการสอน สํงเสริมให๎ทุกๆฝุายมีจิตอาสา ทาเพื่อสาธารณประโยชน๑ มีการ ประเมินและติดตามผลการจัดกิจกรรมเพื่อนาไปพัฒนาให๎การกิจกรรมมีประสิทธิภาพมากข้ึนในครั้งตํอไป (เกณฑ๑ประเมนิ สถานศกึ ษาแบบอยํางการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎และการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง ปี 2554 – 2556) การอภปิ รายผล การอภปิ รายผลการวิจัยครั้งนี้ผวู๎ จิ ยั กลาํ วถงึ ประเด็นสาคญั จากการคน๎ พบในการวิจัยตามจุดมงํุ หมาย ของการวจิ ยั กรอบความคดิ การวจิ ัย ดงั รายละเอยี ดตอํ ไปน้ี วัตถปุ ระสงค์ข้อท่ี 1 จากการศึกษาสภาพการบริหารความพอเพียงสํูสถานศึกษา การบริหารโรงเรียนในชมรมผู๎บริหาร โรงเรียนฆราวาสคาทอลกิ อคั รสังฆมณฑลกรงุ เทพฯตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงทงั้ รายด๎านและราย ขอ๎ ในรายด๎านของความพอประมาณ พบวํามีการปฏิบัติอยํูในระดับมากสองคล๎องกับการศึกษาของ สัญญา จารุจินดา (2551) ท่ีได๎ทาวจิ ยั เร่อื งแนวทางการบรหิ ารจัดการน๎อมนาแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียงสํูการปฏิบัติใน โรงเรยี นประถมศกึ ษา อาเภอขุนยาม จังหวัดแมํฮํองสอน และ โสภณ เรืองฤทธ์ิ (2554) ได๎ทาวิจัยเรื่องการ ดาเนนิ งานตามยทุ ธศาสตร๑แนวทางกาขับเคล่อื นแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสํูสถานศึกษาในอาเภอ ปลาปาก จังหวัดนครพนม ซึ่งมีคําเฉลี่ยในการปฏิบัติในห๎วข๎อการมีนโยบายในการน๎อมนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งมาขับเคล่ือนในสถานศึกษาและบูรณาการในแผนการปฏิบัติงานประจาปีอยูํในระดับมาก และสถานศึกษามีการสนับสนุนให๎ผู๎เรียนมีสํวนรํวมใน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่บูรณาการหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยํูในระดับมากเชํนกัน ดังน้ันโรงเรียนในชมรมผู๎บริหารโรงเรียนฆราวาส คาทอลิกอัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯมีการปฏบิ ตั ิดา๎ นความพอประมาณในระดับมากทั้งภาพรวมและจาแนกราย ด๎านดงั กลาํ ว จากการศึกษาในด๎านของความมีเหตุผลในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นแสดงผลวิจัยและมี ความสอดคลอ๎ งในรายขอ๎ กบั กาธร ทาเวียง (2553) ทไ่ี ด๎ทาวจิ ัยเรอ่ื งการขับเคล่ือนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสํู การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 303
สถานศึกษาสงั กัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ในการมีการสนับสนุนให๎มีการ ตดิ ตามผลการดาเนนิ การตามนโยบายและแผนการปฏิบัตงานประจาปีท่นี ๎อมนาหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอพียง มาขับเคลือ่ นในสถานศึกษาอยูํในระดับมากเหมือนกนั จากการศึกษาในด๎านมีภูมิค๎ุมกันท่ีดี มีความสอดคล๎องในรายข๎อในกับ กาธร ทาเวียง (2553) ที่ได๎ ศึกษาวิจัยเรื่องการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ในหัวข๎อท่ีมีการสนับสนุนให๎การนาผลการติดตามพัฒนานโยบาย/แผนงาน/ โครงการ มาขบั เคล่อื นหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษามีการปฏิบัติสองคล๎องกันในระดับ มากเหมือนกนั รวมถงึ ในหัวขอ๎ มแี ผนาน/โครงการ/กิจกรรม ด๎านวิชาการทส่ี ํงเสรมิ บูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งสูํการเรยี นการสอน และการสํงสริมให๎มีการจัดอบรมครู บุคลากร และ ผู๎เรียน เพื่อสร๎าง ภูมคิ ๎ุมกนั ในการดาเนนิ ชีวิต กอ็ ยูํในระดับมากเหมือนกันทั้งสามข๎อ สรุปได๎วําในด๎านการมีภูมิคุ๎มกันที่ดีมีการ ดาเนนิ การอยใูํ นระดับที่ดี จากการศึกษาในด๎านความรูข๎ องหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พบวาํ มกี ารปฏบิ ัติอยํูในระดับมาก สองคลอ๎ งกับการศกึ ษาของกาธร ทาเวียง (2553) ท่ีได๎ทาวิจัยเรื่องการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสํู สถานศึกษาสงั กัดสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 และ สญั ญา จารจุ นิ ดา (2551) ที่ ได๎ทาวจิ ยั เรื่องแนวทางการบริหารจัดการน๎อมนาแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงสกูํ ารปฏบิ ตั ิในโรงเรียประถมศึกษา อาเภอขนุ ยาม จงั หวดั แมฮํ ํองสอน ในหวั ขอ๎ การสํงเสริมใหม๎ แี ผนการจดั การเรยี นร๎ทู ีบ่ รู ณาการหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งลงไปในทุกกลุํมสาระการเรยี นรู๎ จากการศึกษาในด๎านคณุ ธรรมของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีความสอดคล๎องในรายข๎อกับ การศกึ ษาของ กาธร ทาเวยี ง (2553) ท่ีได๎ทาวิจัยเร่ืองการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสํูสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ในหัวข๎อการสนับสนุนให๎มีกิจกรรมปลูก จติ สานกึ ให๎ผู๎เรยี นมจี ติ อาสาและมสี วํ นรํวมในกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน๑อยํูในระดบั มาก จากการศึกษาการบริหารความพอเพียงสูํสถานศึกษาการบริหารโรงเรียนในชมรมผู๎บริหารโรงเรียน ฆราวาสคาทอลกิ อคั รสังฆมณฑลกรุงเทพฯตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งโดยใชก๎ ารบริหารแบบมีสวํ น รํวมทงั้ 5 ด๎าน (การมีสํวนรวํ มในการคิดริเรม่ิ ,การมสี ํวนรวํ มในการตัดสนิ ใจ, การมีสวํ นรํวมในการดาเนินการ, การมีสวํ นรํวมในการรับผลประโยชน๑ และ กีมีสํวนรํวมในการประเมินผล) มคี วามสอดคล๎องและความแตกตาํ ง กับการศกึ ษาของผูว๎ จิ ยั ทํานอ่ืนดังนี้ ในด๎านของการมีสํวนรวํ มในการคิดริเร่มิ มคี วามสอดคล๎องในรายข๎อกบั การศกึ ษาของ กานต๑ชนิต ต๏ะ นยั (2551) ท่ไี ด๎ทาวจิ ยั เร่อื งการนอ๎ มนาแนวเศรษฐกิจพอเพียงส๎ูการปฏบิ ัตใิ นโรงเรียนบ๎านเทอดไท อาเภอแมํ ฟาู หลวง จงั หวัดเชียงราย ในระดับปานกลางในหัวข๎อ สถานศึกษามีการจัดตั้งคณะกรรมการด๎านเศรษฐกิจ พอเพยี งเพื่อวางแผนกาหนดเปูาหมายเกณฑก๑ ารปฏิบตั ิ อยใูํ นระดับปานกลาง ดั้งน้นั ในด๎านของการมีสํวนเริ่ม ในการคดิ ริเร่ิมของสถานศกึ ษาสํวนใหญอํ ยรํู ะดบั ทไ่ี มสํ ูงเทาํ ไหรํ ในด๎านของการมีสวํ นรวํ มในการดาเนนิ การ มคี วามสอดคลอ๎ งในรายข๎อกับการศึกษาของ กันยา ลาด ปะละ (2553) ทีไ่ ดท๎ าการวจิ ัยเรือ่ ง การประเมินโครงการการขับเคล่ือนหลักเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษา การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 304
ของสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาลาปางเขต 1 ในหัวข๎อสถานศึกษามีการจัดกิจกรรมแนะนแวผ๎ูเรียนให๎ร๎ูจัก วางแผนชวี ิตตนเองให๎สอดคลอ๎ งกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อยํูในระดับมาก และในรายข๎อที่มีการการ ประยุกต๑ใช๎ภูมิป๓ญญาท๎องถิ่น/วัฒนธรรม/หลักคาสอนทางศาสนาในการจัดกิจกรรมนักเรียนตามหลักของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ มีกิจกรรมเพื่อสํงเสริมสนับสนุนให๎ผ๎ูเรียนเกิดจิตอาสาและมีสํวนรํวมใน กิจกรรมเพ่ือสังคมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีการปฏิบัติอยํูในระดับมากสอดคล๎องกับการ ศกึ ษาวจิ ัยของ กาธร ทาเวียง (2553) ที่ได๎ทาวิจัยเร่ืองการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสํูสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 สรุปได๎วําการมีสํวนรํวมในการดาเนินการ ตาํ งๆของครแู ละผ๎บู รหิ ารมีปฏบิ ตั ใิ นระดับมาสอดคล๎องกับสถานศึกษาในกลมํุ อืน่ ในด๎านของการมีสํวนรํวมในการประเมินผล มีความสอดคล๎องในรายข๎อกับการการศึกษาของ ดนัย เจิมงามพริ้ม (2556) ที่ได๎ทาการวิจัยเรื่อง การศึกษาการนาหลักปรัชญาของเสรษฐกิจพอเพียงไปใช๎ในการ พฒั นาผู๎เรยี นของสถานศึกษาสังกดั สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษา นครนายก อยูํในระดับมาก ใน รายข๎อที่วํา สถานศึกษามีการประเมินผลงานโครงการงานกิจกรรมของสถานศึกษาหลังการดาเนินงานโดย บุคลากรทกุ ฝุายในสถานศกึ ษา ดงั นั้นการปฏิบบัตใิ นด๎านการมีสวํ นรวํ มในการประเมินผลนั้นอยใํู นระดับมาก วัตถปุ ระสงคข์ ้อที่ 2 เพ่อื เสนอแนะแนวทางบรหิ ารในการบรหิ ารของโรงเรียนในชมรมผบู๎ ริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆ มณฑล กรุงเทพ ฯ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขอ๎ เสนอแนะทีไ่ ดจ๎ ากยุทธศาสตร๑และแนวทางการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2550- 2554) และการตอบแบบสอบถามปลายเปดิ สามารถสรุปไดด๎ ังนี้ ในดา๎ นของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง: เง่ือนไขความรู๎ และการบริหารด๎านวิชาการสามารถ พัฒนาได๎โดยการจัดทาแนวทางการจัดการเรี ยนรู๎ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสูํการเรียนการสอนโดย สอดแทรกทั้งในการจดั การเรียนการสอนและกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียน (ยุทธศาสตร๑และแนวทางการขับเคล่ือน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ,2550-2554) ในดา๎ นของการสรา๎ งภูมิคุ๎มกันที่ดีและด๎านความรู๎ มีการจัดการอบรบสัมมนาผู๎บริหารให๎ เกิดความรู๎ ความเขา๎ ใจในการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช๎ในการบริหารจัดการอยํางมีประสิทธิภาพและ สามารถบรู ณาการสกูํ ารบรหิ ารและการจัดการเรยี นการสอน (ยุทธศาสตร๑และแนวทางการขับเคล่ือนปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ,2550-2554) ในด๎านการบริหารแบบมสี วํ นรวํ มนน้ั การขบั เคล่อื นปรญั ชาของเศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษาควร เน๎นการมีสวํ นรํวมในการบรหิ ารตามหลักธรรมาภบิ าลเพ่ือใหเ๎ กดิ ความรํวมมือสามัคคีกันระหวํางผู๎บริหาร ครู และนกั เรยี น (ยทุ ธศาสตรแ๑ ละแนวทางการขับเคลอื่ นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ,2550-2554) ในด๎านการบริหารจัดการ และการมีสํวนรํวมในการประเมินผลน้ัน สถานศึกษาควรมีการจัดตั้ง คณะกรรมการประเมินผลและกาหนดรูปแบบในการตดิ ตามผลเพอ่ื เพิ่มผระสทิ ธภิ าพในการประเมินตดิ ตามผล (ยทุ ธศาสตร๑และแนวทางการขบั เคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ,2550-2554) ขอ๎ เสนอแนะทีไ่ ด๎จากการตอบแบบสอบถามปลายเปิด สามารถสรุปไดเ๎ ป็นขอ๎ ๆดงั นี้ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 305
9. ผ๎บู รหิ าร ครู และ บคุ ลากรทุกฝุาย จาเป็นต๎องมีความเข๎าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจให๎ตรงกัน เพื่อใหเ๎ กิดความเชอื่ มโยงระหวาํ งผ๎ูบริหาร ครู นักเรียน และ ผูป๎ กครอง 10. มกี ารอบรม ครู บคุ ลากร ใหม๎ ีความรูค๎ วามเขา๎ ใจสามารถดาเนนิ การตํางๆในระดบั พอเพยี ง 11. มกี ารติดตามประเมนิ ผลทเ่ี ขม๎ งวดมากขนึ้ เนื่องจากสถานศึกษาสนับสนุนให๎มีการอบรมสัมมนาอยําง สมา่ เสมอแตคํ รแู ละบคุ ลากรยังขาดความเขา๎ ใจทด่ี ีในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 12. ครูและบุคลากรควรมคี วามรวํ มมือรํวมใจสามคั คีในการดาเนนิ งานตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งมากกวําน้ี 13. ขาดบคุ ลากรที่มคี วามเชี่ยวชาญและความเขา๎ ใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยํางถํองแท๎ใน สถานศกึ ษา 14. ควรใชเ๎ หตุผลและเน๎นการมสี วํ นรํวมในการบรหิ าร และรบั ฟ๓งความคิดเห็นของคนอื่น 15. จดั ทาแหลํงเรยี นร๎พู อเพียงในสถานศกึ ษาใหม๎ ากขนึ้ 16. มกี ารใช๎งบประมาณใหพ๎ อเพียงเหมาะสมกบั การดาเนนิ การพนั ธกิจของสถานศึกษา ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจัยคร้งั ตอ่ ไป 1.การศึกษาสภาพการบริหารโรงเรียนสามารถทาได๎ในกลุํมที่ใหญํขึ้นกวํานี้ เป็นระดับเขต หรือ จงั หวัด เพอื่ นาขอ๎ มูลที่วเิ คราะละผาํ นการสังเคราะห๑มาใช๎ในการพฒั นาและเผยแพรหํ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 2.ควรมีการศึกษาจากสถานศึกษาท่ีเป็นสถานศึกษาพอเพียงตัวอยําง และ นามาเปรียบเทียบข๎อ แตกตาํ งระหวํางสถานศกึ ษาทว่ั ไปกบั สถานศึกษาพอเพียงเต็มรูปแบบเพ่ือนามาปรับใช๎กับสถานศึกษาที่ทําน บริหาร 3.ควรมกี ารศึกษาระดับความเข๎าใจและระดับความรํวมมือในการสนับสนุนการนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ๎ นการดาเนินชีวิตระดับครอบครัว เอกสารอา้ งอิง กนั ยา ลาดปะละ.2553. “การประเมินโครงการการขบั เคล่ือนหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งสู่สถานศึกษาของ สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาลาปางเขต 1.” ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ แขนงวชิ าการวัด และประเมนิ ผลการศกึ ษา ศึกษาศาสตร๑ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. กานตช๑ นติ ต๏ะนยั .2551. “การน้อมนาแนวเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู้ ารปฏิบตั ิในโรงเรยี นบา้ นเทอดไท อาเภอ แม่ฟาู หลวง จงั หวัดเชียงราย.” การศกึ ษาอิสระครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งราย. กาธร ทาเวยี ง .2553. “การขับเคล่อื นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งสสู่ ถานศกึ ษาสงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ที่ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 306
การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2.” ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บริหารการศึกษา บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. คณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ .2558. การจัดทาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พศ.2560-2564) ดนยั เจิมงามพรง้ิ .2556. “การศึกษาการนาหลักปรัชญาของเสรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นการพัฒนาผ้เู รยี น ของสถานศึกษาสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษา นครนายก.” ปริญญาครศุ าสตร มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา. ปรยี านชุ พิบลู สราวุธ.2549. ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง. กรุงเทพฯ : โครงการวจิ ยั เศรษฐกจิ พอเพยี ง สานกั งานทรพั ยส๑ ินสวํ นพระมหากษัตรยิ .๑ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามแนวพระราชดาริ.กรงุ เทพฯ : โครงการวิจยั เศรษฐกจิ พอเพยี ง สานกั งานทรัพยส๑ ินสํวนพระมหากษัตริย๑. ยทุ ธศาสตรข๑ บั เคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสสูํ ถานศึกษา.(2550-2554).กรงุ เทพมหานคร:สานักพฒั นา กจิ การนักเรียน นกั ศกึ ษาและกจิ การพเิ ศษสานกั งาน วิรไท สนั ติประภพ. 2560. สุนทรพจน์ ดร.วิรไท สนั ติประภพ งานแถลงขา่ วโครงการแก้ไขปัญหาหนีส้ ว่ น บุคคลทไ่ี ม่มีหลักประกนั (คลินกิ แก้หนี้). ศูนย๑วิจยั กสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย. (2560). หนี้ครวั เรอื นปี 2559 ลดลงเป็นครง้ั แรกในรอบ 11 ปี มาที่ ระดบั 79.9% ตํอจีดพี ี..คาดชะลอลงตอํ เนอื่ งในปี 2560. ECONOMIC BRIEF, 23(3672), 1.สมาคม ธนาคารไทย.2560.คาถาม-คาตอบสาหรบั ตอบข้อซักถามลกู หนี้โครงการแกไ้ ขปญั หาหนสี้ ว่ นบุคคท่ไี มม่ ี หลกั ประกนั (คลินกิ แก้หน้ี). สัญญา จารจุ ินดา .2551. “เรื่องแนวทางการบรหิ ารจดั การน้อมนาแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ารปฏิบตั ิใน โรงเรยี นประถมศึกษา อาเภอขนุ ยาม จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน.” การศกึ ษาอิสระครุศาสตรมหาบณั ฑิต บรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงราย. อภิชัย พันธเสน.2544. เศรษฐกิจพอเพยี งในฐานะรูปแบบทพี่ งึ ปรารถนาของระบบสวัสดกิ ารสงั คมไทย, หนงั สอื รวมบทความการเสาวนาสหสาขา สหวิชาการระหวา่ งสถาบันแหง่ ชาติ คร้ังท่ี 1 พ.ศ. 2544 อภชิ ยั พันธเสน. 2549. สังเคราะหอ์ งค์ความรเู้ ศรษฐกิจพอเพียง. กรงุ เทพมหานคร : สานักงานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ยั . Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30, 607-610 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 307
การสังเคราะห์งานวิจัยการจัดการเรยี นการสอนด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ A Research synthesis on the affect of the learning via cloud tecnology รุ่งศกั ด์ิ เย่ือใย1 และ กฤตย์ษพุ ัช สารนอก2 Rungsak Yueayai*1 and Kritsupath Sarnok2 สาขาเทคโนโลยกี ารศึกษาและคอมพิวเตอร์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยวงษช์ วลิตกลุ * Corresponding Author, E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั คร้ังนม้ี ีวัตถุประสงค๑ เพอื่ สังเคราะหง๑ านวจิ ัยเกย่ี วกบั การจดั การเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยี คลาวด๑ โดยมีวัตถุประสงค๑ยํอย คือ 1) เพื่อศึกษารูปแบบการจัดการเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ 2) เพ่ือศกึ ษาปจ๓ จยั ทสี่ งํ ผลตอํ การจดั การเรยี นการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ 3) เพื่ออธิบายคุณลักษณะงานวจิ ยั ที่ สงํ ผลตอํ การจัดการเรยี นการสอนดว๎ ยเทคโนโลยคี ลาวด๑ 4) เพื่อสังเคราะห๑สรุปข๎อค๎นพบจากวิจัยการจัดการ เรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ การวิจยั ครั้งน้ีศึกษางานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข๎องกับการจัดการเรียนการสอนด๎วย เทคโนโลยีคลาวด๑ โดยทาการรวบรวมข๎อมูล พ.ศ. 2549-2559 เคร่ืองมือท่ีใช๎ในงานวิจัยได๎แกํ แบบบันทึก คณุ ลกั ษณะงานวจิ ยั ทาการวิเคราะห๑ข๎อมูลโดยใช๎วธิ ีการวเิ คราะหอ๑ ภมิ านรํวมกบั การวเิ คราะหเ๑ นื้อหา งานวิจัยที่นามาสังเคราะห๑สํวนใหญํผลิตในปี พ.ศ. 2558 สถาบันที่ผลิตมากที่สุดคือ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยพี ระจอมเกลา๎ พระนครเหนอื รองลงมาคือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา๎ เจา๎ คณุ ทหารลาดกระบงั สาขาท่ีผลิตมากที่สุดคือ เทคโนโลยีการศึกษา รองลงมาคือ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลการสังเคราะห๑ ประเภทบริการคลาวด๑ที่ใชผ๎ ลการวิเคราะห๑พบวาํ งานวจิ ัยใช๎ Google Site มากท่สี ดุ ในการเรียนการสอน สํวน ผลการสงั เคราะห๑โดยการวิเคราะหอ๑ ภมิ าน พบวํา ตัวแปรประเภทบริการคลาวด๑ท่ีใช๎รํวมกัน ในการเรียนการ สอน ที่มคี าํ เฉลี่ยขนาดอิทธพิ ลสูงทสี่ ุดคือ Google Classroom คาสาคญั : คลาวด๑ , การเรียนการสอนดว๎ ยเทคโนโลยีคลาวด๑ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 308
ABSTRACT The objectives of this research were the research which studied about Cloud Technology. The purpose of this research is to: 1) to study Model of learning via Cloud Tecnology. 2) to study factors influencing learning via Cloud Tecnology. 3) to describe the research characteristics on the affect learning via Cloud Tecnology. 5) To synthesize the findings from the research learning via Cloud Technology. Research reports on the study learning about Cloud Tecnology are the most studied in the B.E. 2558. Research institute The most is King Mongkut’s University of Technology North Bangkok and King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang is the second and others and The most of this study major is the Educational Technology. The result of the synthesize on the of cloud services is the Google site are the most usage in the learning. And the synthesize on the learning by cloud collaborate on the higest average of effect size is the Google Classroom Service KEYWORDS: Cloud. , Studied via Cloud Technology บทนา ป๓จจบุ ันโลกก๎าวเขา๎ สศํู ตวรรษที่ 21 สถานการณ๑โลกยํอมมีความแตกตํางจากศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอยํางยง่ิ ในดา๎ นระบบการศึกษาจะตอ๎ งมกี ารพฒั นาเพื่อให๎สอดคลอ๎ งกบั สภาวะความเป็นจริง แม๎แตํ ในป๓จจุบนั โลกซึง่ เป็นสังคมแหํงการเรียนร๎ู ข๎อมูลตํางๆ สามารถเชื่อมโยงถึงกันได๎อยํางรวดเร็ว ทาให๎มนุษย๑ สามารถรับร๎ูขําวสารได๎มากมายอยํางไมํส้ินสุด ความเจริญก๎าวหน๎าน้ีสํงผลให๎เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด๎าน การศึกษา เศรษฐกจิ การเมอื ง สังคม และวัฒนธรรม อกี ทั้งอาจกอํ ให๎เกดิ ปญ๓ หามากย่ิงขึ้นหากการรับร๎ูข๎อมูล ขําวสารนัน้ ไมผํ ํานกระบวนการคิดวิเคราะหพ๑ ิจารณาถงึ ความถกู ตอ๎ งของขอ๎ มลู โลกในอนาคตจะมีความเจริญกา๎ วหน๎าทางด๎านเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น การใช๎ชีวิตในยุคข๎อมูลขําวสาร จาเป็นต๎องมีการเตรียมคนซึ่งเป็นทรัพยากรท่ีสาคัญให๎มีความพร๎อมในการรับข๎อมูลขําวสาร คิดวิเคราะห๑ สถานการณท๑ ่เี กิดขึ้น เพอื่ ใหเ๎ ข๎าใจและร๎ูเทําทนั การเปล่ียนแปลงของสังคม ตลอดจนสามารถนาไปประยุกต๑ใช๎ แกป๎ ๓ญหาชีวิตและสังคมได๎ จึงจะเป็นการชํวยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอยํางแท๎จริงสอดคล๎องกับ พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหํงชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก๎ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 ตามมาตรา 24(2) กลาํ ววาํ การจัดการศึกษาของสถานศกึ ษาและหนํวยงานท่ีเก่ียวข๎องจะต๎องดาเนินการจัดกระบวนการเรียนรู๎ ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ๑ การประยุกต๑ความร๎ูมาใช๎เพ่ือปูองกันและ แกป๎ ญ๓ หา และมาตรา 24(3) ระบวุ าํ จัดกิจกรรมใหผ๎ ูเ๎ รยี นไดเ๎ รยี นร๎ูจากประสบการณ๑จริง ฝึกการปฏิบัติให๎ทา ได๎ คดิ เปน็ ทาเปน็ รักการอาํ นและเกดิ การใฝรุ ูอ๎ ยาํ งตํอเนือ่ ง (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2546: 10) การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 309
สังคมในยคุ ป๓จจบุ นั เปน็ สงั คมท่พี ฒั นาด๎วยเครอื่ งมอื ทีเ่ ก่ยี วข๎องกับเทคโนโลยีและการสื่อสาร การจัด การเรียนการสอนในห๎องเรยี นจึงมีความจาเปน็ อยํางมากท่จี ะตอ๎ งมกี ารนาเคร่ืองมือหรือเทคโนโลยีใหมํ ๆเข๎า มาใช๎ในการจดั ระบบการเรยี นการสอนเพอ่ื ชํวยอานวยความสะดวกในหลาย ๆ ด๎านไมวํ าํ จะเป็นการสร๎างปฏิ – สัมพันธ๑ระหวาํ งผ๎สู อนกบั นักศึกษา การจัดการเรยี นรู๎ทเี่ น๎นนักศึกษาเป็นสาคญั การเรยี นการสอนผํานเครือขาํ ย อินเทอร๑เน็ต ท่สี ามารถเขา๎ เรียนได๎ทกุ ที่ทกุ เวลา ซ่ึงจะเห็นวาํ สังคมออนไลน๑ไดเ๎ ข๎ามามบี ทบาทอยํางมากในการ จดั การเรยี นการสอน แตใํ นบางคร้งั สังคมออนไลน๑ทค่ี รผู ๎สู อนใชอ๎ ยํูในปจ๓ จุบัน อาจยังตอบสนองความต๎องการ หรอื ป๓ญหาตําง ๆ ได๎ไมมํ ากนกั เครอ่ื งมือทีน่ าํ สนใจในการจดั การเรยี นการสอนในป๓จจุบนั คอื เทคโนโลยีคลาวด๑ (Cloud Technology) ท่ีจัดได๎วําเป็นเคร่ืองมือที่ชํวยตอบสนองป๓ญหาตําง ๆ ของการเรียนการสอนใน ห๎องเรียนไดอ๎ ยํางหลากหลายและมีประสิทธิภาพอีกเครื่องมือหน่ึง Marios และคณะ (2009 อ๎างถึงใน ชลิต กังวาราวุฒิ. 2557) ได๎ให๎คานิยามของเทคโนโลยีคลาวด๑วํา เป็นรูปแบบบริการใช๎ทรัพยากรคอมพิวเตอร๑ รํวมกันกับผู๎อื่น (เชํน เครือขําย เครื่องเซิร๑ฟเวอร๑ เคร่ืองบันทึกข๎อมูล ระบบซอฟต๑แวร๑ และบริการอื่นที่ เกี่ยวขอ๎ งผาํ นเครอื ขํายตามความต๎องการของผู๎ใช๎ การบริการคลาวด๑ (Cloud) ที่ให๎ผู๎ใช๎เข๎าถึงทรัพยากรตาม ความจาเป็นได๎ตลอดเวลาในการจัดการเรยี นการสอนเทคโนโลยีคลาวด๑แบบ Software as a Service (SaaS) ท่ใี ห๎บรกิ ารฟรี (ชลิต กงั วาราวฒุ ิ. 2557 : 2 ) การสงั เคราะหง๑ านวจิ ัยเป็นระเบียบวธิ ีการศึกษาหาข๎อเท็จจริงเพ่ือตอบป๓ญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดย เป็นการนาข๎อคน๎ พบทีไ่ ดจ๎ ากการวจิ ยั หลายเร่อื งท่ศี กึ ษาปญ๓ หาวิจยั เรื่องเดียวกันมาสรปุ ให๎ได๎เปน็ คาตอบที่เป็น ข๎อสรปุ การวิจัยทต่ี ๎องการทาให๎เกิดความเข๎าใจปรากฏการณ๑อยํางลุํมลึก เกินกวําระดับความรู๎ความเข๎าใจที่ นักวิจัยจะได๎จากงานวิจัยแตํละเรื่อง การสังเคราะห๑การวิจัยแบํงได๎เป็น 2 ประเภท คือ การสังเคราะห๑เชิง ปริมาณและการสังเคราะห๑เชิงคุณภาพ การวิเคราะห๑อภิมานงานวิจัย เป็นวิธีทางวิทยาศาสตร๑ในการ สังเคราะหง๑ านวจิ ยั จานวนมากเพื่อใหไ๎ ดข๎ อ๎ สรปุ ทม่ี ีแกํนสาร นําเชื่อถือไดแ๎ ละใหไ๎ ดข๎ ๎อคน๎ พบใหมํท่ีจะทาให๎ผู๎ใช๎ ผลการวิจัยมีความม่ันใจย่ิงขึ้นกวําการใช๎ผลการ วิจัยจากงานเพียงบางเรื่องเทํานั้น การวิเคราะห๑อภิมาน งานวจิ ัยเปน็ วธิ ีการสังเคราะห๑งานวิจัยเชิงปริมาณท่ีอาศัยคําตัวเลข และวิธีการทางสถิติ เข๎ามาเก่ียวข๎องเพื่อ คานวณผลการวิจยั ออกมาใหเ๎ หน็ ไดอ๎ ยาํ งชัดเจน จงึ เปน็ วธิ กี ารทีท่ าใหผ๎ ลการวเิ คราะหน๑ าํ เช่ือถอื ได๎มากกวําการ สรุปงานวิจัยเชิงบรรยายหรือเชิงคุณภาพเทํานั้น นอกจากน้ีการวิเคราะห๑อภิมาน ( Meta-analysis ) เป็น วธิ กี ารทใี่ ห๎ไดข๎ อ๎ ค๎นพบเร่อื งตาํ ง (Topic) ซงึ่ เป็นเร่ืองใหมทํ ี่ยังไมมํ ผี ๎ูใดค๎นพบอยาํ งแนํชัด จึงมีความสาคัญมาก เปน็ อนั ดบั แรกในการพัฒนาศาสตรอ๑ ยาํ งใดอยํางหน่ึง (นงลกั ษณ๑ วริ ัชชยั . 2542 : 13) จากความสาคัญของการนาเทคโนโลยีมาจัดการเรยี นการสอน การนาเครอ่ื งมอื หรือเทคโนโลยีใหมํ ๆ เขา๎ มาใช๎ในการจดั ระบบการเรียนการสอนเพอื่ ชวํ ยอานวยความสะดวกในหลาย ๆ ด๎าน การนาประโยชน๑ของ เทคโนโลยคี ลาวด๑ (Cloud Technology) ท่ชี วํ ยตอบสนองป๓ญหาตําง ๆ ของการเรยี นการสอนในห๎องเรียนได๎ อยาํ งหลากหลายและมปี ระสิทธิภาพที่ให๎ผ๎ูใช๎เข๎าถึงทรัพยากรตามความจาเป็นได๎ตลอดเวลา ผู๎จัดทาจึงเห็น ความสาคัญของการสังเคราะห๑งานวิจัยการจัดการเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ เพ่ือทาให๎ทราบถึง คุณลักษณะงานวจิ ยั ทสี่ ํงผลให๎คาํ ขนาดอทิ ธิพลแตกตํางกันตอํ ไป การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 310
วัตถปุ ระสงค์ของการวิจยั การวิจัยเรื่อง “การสังเคราะห๑งานวิจัยการจัดการเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ ” น้ี มี วัตถุประสงค๑เพ่ือ สังเคราะห๑งานวิจัยเก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ โดยมี วัตถุประสงค๑ยํอย คอื 1) เพ่อื ศึกษารปู แบบการจัดการเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยคี ลาวด๑ 2) เพ่ือศึกษาป๓จจัย ทสี่ งํ ผลตอํ การจัดการเรยี นการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ 3) เพื่ออธิบายคุณลักษณะงานวิจัยท่ีสํงผลตํอการ จดั การเรียนการสอนดว๎ ยเทคโนโลยีคลาวด๑ 4) เพือ่ สงั เคราะห๑สรุปขอ๎ ค๎นพบจากวจิ ัยการจัดการเรียนการสอน ด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ วิธดี าเนนิ การวจิ ัย การวจิ ยั ครงั้ น้ี ใชเ๎ ครื่องมอื ในการเก็บรวบรวมขอ๎ มลู ได๎แกํ แบบบนั ทกึ ข๎อมูลงานวจิ ยั ซ่งึ ประกอบดว๎ ย แบบบนั ทกึ คุณลกั ษณะงานวิจัย บนั ทึกขอ๎ มูลท่วั ไปของคุณลักษณะงานวจิ ยั ด๎านเน้อื หาสาระงานวิจัย และดา๎ น วธิ วี ทิ ยาการวจิ ัย และสมดุ รหสั (Code book) ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากรในการวจิ ัยครั้งน้ี ได๎แกํ ปริญญานิพนธ๑/วิทยานิพนธ๑ ของนิสิต/นักศึกษาระดับมหาบัณฑิต และดุษฎบี ณั ฑติ จากมหาวทิ ยาลัยทมี่ ีการจดั การเรยี นการสอนดา๎ นครุศาสตร๑/ศึกษาศาสตร๑ จากมหาวิทยาลัย ในประเทศ ทต่ี ีพิมพ๑ในชวํ งปี พ.ศ. 2555 – 2559 กลมํุ ตัวอยํางในการวิจัย คือ ปริญญานิพนธ๑/วิทยานิพนธ๑ ของนิสิต/นักศึกษาระดับมหาบัณฑิตและ ดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัย จานวน 10 แหํง ที่ตีพิมพ๑ในชํวงปี พ.ศ. 2555 – 2559 จานวน 15 เร่ือง ซึ่ง ไดม๎ าโดยใชว๎ ิธีการคดั เลือกตามเกณฑใ๑ นการคัดเลอื กงานวจิ ยั ท่ผี ๎ูวิจยั กาหนดข้นึ เกณฑ๑ในการคัดเลือกงานวจิ ยั 1. เป็นงานวิจยั เชงิ ทดลองทศี่ กึ ษาเก่ยี วกบั การจดั การเรียนการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ ซึ่งตีพิมพ๑ ระหวํางปี พ.ศ. 2555 – 2559 2. เป็นงานวจิ ัยทรี่ ายงานคําสถิตพิ นื้ ฐาน และ/หรือเป็นสถติ ิที่มาจากการทดสอบนัยสาคัญท่ีเพียงพอ ตํอการนาไปใชค๎ านวณคาํ ขนาดอิทธพิ ล สรปุ ผลการวิจยั และอภปิ รายผล สรุปผลการวจิ ัยแยกนาเสนอเป็น 2 ตอน คอื 1) คุณลกั ษณะงานวิจยั 2) คณุ ลักษณะงานวิจยั ที่มผี ลตอํ คาํ ขนาดอทิ ธพิ ล ตอนที่ 1 คณุ ลกั ษณะงานวิจยั งานวิจัยที่นามาสังเคราะห๑สํวนใหญํผลิตในปี พ.ศ. 2558 สถาบันท่ีผลิตมากท่ีสุดคือ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยพี ระจอมเกลา๎ พระนครเหนือ รองลงมาคือ สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกล๎าเจา๎ คณุ ทหารลาดกระบัง การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 311
สาขาที่ผลิตมากท่ีสุดคือ เทคโนโลยีการศึกษา รองลงมาคือ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และ สาขา คอมพวิ เตอร๑ศึกษา ด้านเนื้อหาสาระของงานวิจยั งานวิจยั ท่นี ามาสงั เคราะห๑สํวนใหญมํ กี ารตัง้ จานวนวัตถุประสงคม๑ ากท่สี ุดคือจานวน 2 ขอ๎ รองลงมา คอื มีการตั้งจานวนวตั ถุประสงค๑จานวน 3 ข๎อ วัตถุประสงค๑ของงานวิจัยสํวนใหญํผลการ วิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยมีการต้ังวัตถุประสงค๑เพ่ือการเปรียบเทียบและพัฒนา รองลงมาคือ เพื่อการ เปรยี บเทียบ ด๎านจานวนทฤษฎีที่ใช๎ในการเรียนรู๎ งานวิจัยสํวนใหญํใช๎ 1 แนวคิด/ทฤษฎี รองลงมาคือใช๎ 3 แนวคดิ /ทฤษฎี ดา๎ นลกั ษณะของการใช๎เคร่ืองมือคลาวด๑ ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยใช๎คลาวด๑เพ่ือการนาเสนอ เน้ือหา รองลงมาคือใช๎เพื่อเกบ็ ขอ๎ มูล ด๎านลกั ษณะของการใช๎เคร่ืองมือคลาวด๑รํวมกัน ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวจิ ัยใช๎คลาวดเ๑ พอื่ การนาเสนอเน้ือหารํวมกันกับการเก็บข๎อมูล ใช๎เพ่ือการนาเสนอเน้ือหารํวมกันกับการ ตดิ ตอํ สอ่ื สาร ดา๎ นลกั ษณะการใช๎เครอ่ื งมือคลาวด๑การจดั การเรยี นรู๎ ผลการวิเคราะหพ๑ บวํา งานวิจัยใช๎คลาวด๑ เปน็ สื่อหลกั รองลงมาพบวํางานวิจัยท่ีใชค๎ ลาวดเ๑ ปน็ แบบ Online Only learning ด๎านประเภทบริการคลาวด๑ที่ใช๎ ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยใช๎ Google Site มากท่ีสุดในการ เรียนการสอน รองลงมาคือ Google Drive และ Google Docs ด๎านจานวนประเภทบริการคลาวด๑ที่ใช๎ รํวมกันในการเรียนการสอน ผลการวเิ คราะห๑พบวาํ งานวจิ ยั ที่ใช๎คลาวด๑ 1 ประเภท รองลงมาคือ ใช๎คลาวด๑ รํวมกนั 2 ประเภท ด๎านประเภทการใช๎คลาวด๑ในการจัดส่ิงแวดล๎อมในการเรียนร๎ู ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยที่ใช๎ คลาวดใ๑ นการจัดเอกสารประกอบการสอนและส่ือ เชํน PDF , PPT , Video , Picture , Audio รองลงมาคือ ใช๎คลาวด๑ในการให๎ข๎อมลู ในรายวิชา ด้านวิธวี ิทยาการวิจยั งานวิจัยทน่ี ามาสังเคราะห๑สํวนใหญมํ รี ะดับชั้นของกลุมํ ตวั อยําง ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยสํวน ใหญํใช๎กลุํมตัวอยํางในระดับอุดมศึกษา รองลงมาคือช้ันประถมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎น และช้ัน มธั ยมศึกษาตอนปลาย ด๎านกระบวนการเลอื กกลมุํ ตวั อยาํ ง พบวํา งานวิจัยสวํ นใหญํใชว๎ ิธกี ารสมุํ แบบแบํงกลมุํ รองลงมาคือ การเลือกแบบเจาะจง ด๎านประเภทเคร่ืองมือ ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยสํวนใหญํใช๎ แบบทดสอบมากท่ีสุด และแบบประเมนิ รองลงมาใชแ๎ บบอ่นื ๆ ด๎านจานวนเคร่ืองมอื ที่ใช๎ในการวิจัย ผลการ วิเคราะหพ๑ บวํา งานวิจัยสํวนใหญํ คือใช๎เคร่ืองมือในการวิจัยจานวน 3 ชิ้น (7 เลํม) รองลงมาใช๎เครื่องมือใน การวิจยั จานวน 2 ชน้ิ ระยะเวลาในการทดลอง ผลการวิเคราะห๑พบวํา งานวิจัยสํวนใหญํใช๎ระยะเวลาในการ ทดลอง 1 ภาคเรยี น จานวน (13 เลมํ ) รองลงมาคอื ใช๎ระยะเวลาในการทดลอง นอ๎ ยกวํา 1 ภาคเรยี น การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 312
ตอนที่ 2 คณุ ลักษณะงานวจิ ยั ท่ีมีผลต่อคา่ ขนาดอิทธิพล ด้านเนอื้ หาสาระของงานวิจัย ผลการวิเคราะห๑ ตัวแปรจานวนวัตถุประสงค๑ที่สามารถอธิบายความแตกตํางของคําขนาดอิทธิพล ไดม๎ ากทีส่ ดุ คอื มกี ารต้งั จานวนวัตถปุ ระสงค๑มากท่สี ดุ คอื จานวน 2 ข๎อ วัตถุประสงค๑ของงานวิจัย คือเพื่อการ เปรยี บเทียบและพฒั นา จานวนแนวคิด/ทฤษฎี คอื 1 แนวคดิ /ทฤษฎี ลักษณะของการใช๎เครื่องมือคลาวด๑ คือ ใชค๎ ลาวด๑เพ่ือการนาเสนอเน้อื หา ลักษณะของการใช๎เคร่ืองมือคลาวด๑รํวมกัน คือใช๎คลาวด๑เพื่อการนาเสนอ เนือ้ หารวํ มกันกบั การเก็บขอ๎ มูล ประเภทการใช๎คลาวดใ๑ นการจดั สิ่งแวดลอ๎ มในการเรยี นร๎ู คอื ใชค๎ ลาวด๑ในการ จัดเอกสารประกอบการสอนและสื่อ ลักษณะการใช๎เคร่ืองมือคลาวด๑การจัดการเรียนรู๎ คือใช๎คลาวด๑เป็นสื่อ หลกั ประเภทบริการคลาวดท๑ ่ีใช๎ คือใช๎ Google Site ในการเรยี นการสอน จานวนประเภทบริการคลาวด๑ท่ีใช๎ รวํ มกัน ในการเรยี นการสอน คือใชค๎ ลาวด๑ 1 ประเภท ดา้ นวิธีวิทยาการวจิ ยั ตัวแปรระดับช้ันของกลุํมตัวอยําง ที่มีคําเฉล่ียขนาดอิทธิพลมากท่ีสุด คือ กลํุมตัวอยํางในระดับ อดุ มศึกษา รองลงมาคือช้นั ประถมศกึ ษา ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนตน๎ และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กระบวนการ เลือกกลุํมตัวอยาํ ง คอื วธิ กี ารสุํมแบบแบํงกลํุม รองลงมาคือ การเลือกแบบเจาะจง และสุมํ อยาํ งงําย ประเภท เครือ่ งมอื คือใชแ๎ บบทดสอบ รองลงมาใช๎แบบอนื่ ๆ จานวนเครือ่ งมือท่ใี ชใ๎ นการวิจยั คอื ใชเ๎ ครอื่ งมอื ในการวิจยั จานวน 3 ชิ้น รองลงมาใช๎เครอ่ื งมือในการวิจยั จานวน 2 ชน้ิ ระยะเวลาในการทดลอง คอื ใชร๎ ะยะเวลาในการ ทดลอง 1 ภาคเรยี น รองลงมาคอื ใช๎ระยะเวลาในการทดลอง นอ๎ ยกวํา 1 ภาคเรียน อภปิ รายผล ผู๎วิจยั แบํงการอภิปรายออกเปน็ 2 ตอน คือ 1) คุณลักษณะงานวิจยั 2) คณุ ลักษณะงานวิจัยที่มีผลตํอ คําขนาดอิทธพิ ล ตอนที่ 1 คณุ ลกั ษณะงานวิจัย งานวิจัยที่นามาสังเคราะห๑สํวนใหญํผลติ ในปี พ.ศ. 2558 อาจเป็นเพราะ ในปี 2557 Google ซึ่งเป็น บริษัทช้ันนาท่ีมีบทบาทในด๎านของการให๎บริการคลาวด๑ ซึ่ง เอกพล ชูเชิด. ( 2557) กลําววํา ได๎มีการเปิด ให๎บริการ Google App for Education ชุดบริการ Google App สาหรับภาคการศึกษา ให๎โรงเรียนและ สถาบนั ตํางๆ ในประเทศไทยได๎เริ่มต๎นใช๎ โดย ชุด Google App เพ่ือการศึกษานั้นประกอบด๎วยเคร่ืองมือ หลักเหมือนกับ Google App ทั่วไป คือ Gmail, Google Calendar, Google Site (สาหรับสร๎างหน๎าเพจ), Google Drive พร๎อม Docs, Sheets, Slide, Google Hangout, Google Group (สาหรับคุยกันภายใน กลํุม) แตํเครื่องมือพเิ ศษท่ีเพ่ิมเข๎ามาคอื Google Classroom เพ่ือให๎ครูสามารถจัดการการเรียนการสอนใน ชนั้ ท้ังส่ังการบ๎านพร๎อมตรวจให๎คะแนนและใหค๎ าแนะนากบั ช้ินงานของนกั เรยี นผํานอนิ เทอร๑เน็ตได๎ นอกจาก การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 313
เครอื งมอื ตํางๆ ท่ี Google นาเสนอเพื่อพัฒนาการศึกษาแล๎ว Google ยังสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรและ ระบบเครือขํายในโรงเรียนเพ่อื ใหร๎ องรับการใชเ๎ ทคโนโลยีผํานอินเทอรเ๑ น็ตเหลาํ นดี้ ว๎ ย ตอนท่ี 2 คุณลกั ษณะงานวิจยั ทมี่ ผี ลต่อคา่ ขนาดอิทธิพล จากการสังเคราะห๑โดยการวเิ คราะห๑อภิมาน พบวาํ ตวั แปรประเภทบรกิ ารคลาวด๑ที่ใช๎รํวมกัน ในการ เรียนการสอน ท่ีมีคําเฉลี่ยขนาดอิทธิพลสูงที่สุดคือ Google Classroom อาจเป็นเพราะการเรียนร๎ูโดยใช๎ Google Classroom ซึ่งเป็นบริการหนึ่งของแอพพลิเคช่ันในกลํุม Google Apps for Education ซึ่งเป็น โปรแกรมบรหิ ารระบบจัดการเรียนการสอนออนไลน๑ ที่รวมบรกิ ารบนเครอื ขํายแบบกลุํมเมฆไว๎ โดยผูใ๎ ชไ๎ มตํ อ๎ ง ติดตั้งโปรแกรมเอง โดยความสามารถของ Google Classroom คือการจัดการผู๎เรียน การอัพโหลดเอกสาร ประกอบการสอน การจัดการการบ๎าน ขําวประกาศ เป็นต๎น นอกจากน้ี Google Classroom ยังมีข๎อดีคือ สามารถเชื่อมตํอกับ Google Drive ซึ่งทาให๎ผ๎ูใช๎สะดวก และงํายในการจัดการเอกสารตํางๆ (Google Classroom, 2014) สอดคล๎องกับ อภิรักษ๑ ทูลธรรม (2559: 78-85) ได๎ศึกษาพบวํา Google Classroom มี จดุ เดนํ คือ ดา๎ นสํวนติดตํอกับผ๎ูใช๎ (User Interface) พบวํากลุํมตัวอยํางท่ีตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ มาก เนอ่ื งจาก Google Classroom มีเมนูน๎อย การเข๎าถงึ เมนทู าไดง๎ าํ ย และหน๎าตํางการทางานของ Google Classroom ยังมคี วามเรยี บงาํ ย สะดวกในการใช๎งานมาก ตัวแปรลกั ษณะการใช๎เครื่องมือคลาวด๑การจดั การเรยี นร๎ู พบวาํ ลักษณะการใช๎เคร่อื งมอื คลาวดเ๑ ปน็ สือ่ หลกั มีคําเฉลี่ยขนาดอิทธิพลสูงท่สี ดุ อาจมเี หตุผลจากการท่ีผ๎ูสอนสามารถสร๎างความรํวมมือในชั้นเรียนด๎วย การแชรไ๑ ฟลผ๑ ลงานระหวาํ งผ๎ูเรียนกบั ผส๎ู อนหรือกาหนดให๎มีการแลกเปลี่ยนกันระหวํางเพื่อนรํวมชั้นเรียนแตํ ละคนเพื่อให๎ทุกคนสามารถดูงานของตน รํวมกันทางาน รายงาน หรือการบ๎านท่ีมอบหมายให๎ได๎ ผู๎สอน สามารถเขา๎ ถงึ ขอ๎ มูลได๎ทันทีจากคอมพิวเตอรใ๑ นทท่ี างาน คอมพิวเตอร๑บ๎าน อุปกรณ๑มือถือ เพ่ือสร๎างกิจกรรม การเรียนรู๎ การบันทึกคะแนน ซึ่ง เฉลิมพล ชูสวัสดิกุล. (2558) กลําววํา ผ๎ูสอนสามารถใช๎ระบบการ ประมวลผลแบบกลมํุ เมฆ ในลกั ษณะทเี่ รียกวาํ Syncing ซ่งึ เปน็ การใหบ๎ รกิ ารเพอื่ แชรไ๑ ฟลเ๑ อกสารสาคญั ในชั้น เรียนสาหรบั การเรยี นการสอน โดย Syncing เป็นระบบท่ีสามารถใช๎งานได๎ทุกmท่ีทุกเวลา เข๎าถึงข๎อมูลจาก คอมพิวเตอรโ๑ รงเรียน สามารถ บันทึกข๎อมูลจากท่ีทางานเปิดดูข๎อมูลจากที่บ๎าน สร๎างข๎อมูลจากที่บ๎าน หรือ เขา๎ ถงึ เอกสารท้ังหมด แผํนงาน การนาเสนองาน ภาพ กราฟกิ และไฟลอ๑ นื่ ๆ จากทไ่ี หนกไ็ ด๎ ทกุ สิ่งท่จี ัดเก็บอยูํ ในระบบการประมวลผลแบบกลํุมเมฆ สามารถเข๎าถึงได๎จากคอมพิวเตอร๑เคร่ืองใดก็ได๎ โทรศัพท๑มือถือ หรือ แท็บเล็ต(iPhone, iPad, Android, หรือ BlackBerry) ใช๎อุปกรณ๑เหลํานี้ในการดูไฟล๑ สํงเอกสารหรือแชร๑ เอกสารไดจ๎ ากทุก ๆ ที่ ผํานการเชื่อมตํออินเตอรเ๑ น็ต หรือเขา๎ ถึงเอกสารไดแ๎ ม๎วาํ จะออฟไลน๑ ด๎านตัวแปรจานวนประเภทบริการคลาวด๑ท่ีใช๎รํวมกัน พบวําลักษณะการใช๎เคร่ืองมือคลาวด๑ 3 ประเภท มีคําเฉล่ยี ขนาดอิทธิพลสูงที่สุด โดยอาจเป็นผลมาจากการเลือกใช๎เคร่ืองมือที่เหมาะสมกับลักษณะ ของกิจกรรม และใช๎บริการคลาวด๑ประเภทอื่น ๆ ท่ีมีความคุณสมบัติโดดเดํนในด๎านท่ีแตกตํางกันในการทา กจิ กรรมเพมิ่ เติม สอดคลอ๎ งกบั วาฤทธิ์ กนั แก๎ว. (2558) ได๎ศกึ ษาทาการประเมินรปู แบบการเรียนร๎รู วํ มกนั ผําน การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 314
เทคโนโลยีคลาวด๑เพอื่ สงํ เสริมความคิดสร๎างสรรค๑ของนักศกึ ษาระดับ อุดมศึกษาโดยผู๎เชี่ยวชาญพบวํามีความ เหมาะสมอยใํู นระดับมาก และยงั สอดคลอ๎ งกบั งานวจิ ยั ท่ีไดน๎ าเสนอกรณศี กึ ษาของ “Google Collaborative Platform” ท่เี ปน็ ป๓จจยั หน่ึงในการสร๎างสภาพแวดล๎อมของ e-Learning โดยมีการกลําวถึงหลักใน การสรา๎ งสภาพแวดล๎อมของ e-Learning ภายใตร๎ ปู แบบ Cloud Computing โดยหน่ึงในหลกั การนนั้ คือการ รวมมือกนั (collaborative learning) และการแบํงปน๓ ข๎อมลู ของ e- Learning จะชวํ ยปรบั ปรงุ ประสิทธิภาพ ของการเรยี นรู๎ ขอ้ เสนอแนะ 1. การพัฒนาคุณภาพงานวจิ ยั ควรใหค๎ วามสาคญั ในทุกกระบวนการ โดยเฉพาะประเด็นของเอกสาร และงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข๎อง ควรใหค๎ วามสาคัญกับเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข๎องจากตํางประเทศมากขึ้น และ ควรมีการเขยี นกรอบแนวคิดงานวิจัยเพอ่ื ผู๎ทส่ี นใจจะไดเ๎ ข๎าใจถึงความเชื่อมโยงของการนาแนวคิด/ทฤษฎีไปใช๎ ในงานวิจยั และนางานวิจัยไปใชไ๎ ดจ๎ รงิ 2. งานวิจัยท่ีมรี ปู แบบการจดั การเรยี นรูท๎ ส่ี งํ ผลตอํ คาํ ขนาดอทิ ธพิ ลทส่ี ูง ได๎แกํ การจัดการเรยี นร๎โู ดยใช๎ ประเภทบรกิ ารคลาวด๑ Google Classroom ควรมีงานวิจัยเกยี่ วกับรูปแบบการจัดการเรียนร๎ูดังกลําวอยําง ตํอเนอื่ ง และใชก๎ ลํุมตวั อยาํ งทห่ี ลากหลาย เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พอ๑ งคก๑ ารรบั สํงสินค๎าและพัสดภุ ัณฑ๑ (ร.ส.พ.). เจนจิรา ดวงสิน. (2552). การสังเคราะห์งานวิจัยเก่ียวกับรูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ โดยการวเิ คราะหอ์ ภิมาน. วิทยานิพนธ๑ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวจิ ัยการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. เฉลิมพล ชสู วัสดิกุล. (2558). ผลการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยบทเรียนอเี ลริ น์ น่ิงโดยใช้โครงงานเป็นฐานผ่านระบบ บรหิ ารการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มเมฆท่สี ง่ ผลตอ่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวิชาการเขียนโปรแกรม ขั้นประยุกต์. ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณทิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร๑ศึกษา คณะครุศาสตร๑ อตุ สาหกรรม สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล๎าเจา๎ คุณทหารลาดกระบัง. ชลติ กังวาราวุฒ.ิ (2557) การพัฒนารปู แบบการเรียนการสอนแบบศิลปะภิวัฒนผ์ ่านคลาวด์ เทคโนโลยีเพ่ือส่งเสริมผลงานสร้างสรรค์ตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเพือ่ การศึกษา บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี พระจอมเกล๎าพระนครเหนอื . นงลักษณ๑ วิรชั ชยั . (2542). การวเิ คราะหอ์ ภิมาน : Meta-analysis. กรงุ เทพฯ: ภาควชิ าวิจยั การศกึ ษา จฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลัย. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 315
นาวิน คงรักษา. (2559). การปริทัศน์ความรู้ตามแนวคิดการเชื่อมโยงนิยมบนคลาวด์เพ่ือพัฒนาการคิด อย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารเพ่ือการศกึ ษา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล๎า พระนครเหนือ. ปารย๑พชิ ชา ก๎านจักร. (2558). รูปแบบการเรียนรู้แบบสืบเสาะผ่านคลาวด์เทคโนโลยีเพ่ือส่งเสริมการคิด อยา่ งมวี จิ ารณญาณและความร่วมมือทางการเรียนรู้. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยี สารสนเทศและการสือ่ สารเพื่อการศึกษา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล๎า พระนครเหนือ. รํุงนภา เหลาบุญมา. (2550). การสังเคราะห์งานวิจัยเกียวกับการสอนแนวคอนสตรัคติวิสต์ระดับ ประถมศกึ ษา. การศกึ ษาค๎นคว๎าอิสระ ศษ.ม. (หลักสูตรและการสอน). นนทบุรี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมธิราช. วาฤทธิ์ กันแกว๎ . (2558, มกราคม - มิถนุ ายน). การออกแบบรปู แบบการเรียนร๎รูํวมกันผํานเทคโนโลยีคลาวด๑ เพื่อสํงเสริมความคิดสร๎างสรรค๑ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา. วารสารวิชาการครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนอื . ปีท่ี 6 (1) วิวัฒน๑ มสี ุวรรณ.๑ (2557, มกราคม – มนี าคม). ระบบประมวลผลแบบกลุํมเมฆในงานทางการศึกษา. วารสาร ศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. ปที ่ี 16 (1) เศวตาภรณ๑ ตั้งวนั เจรญิ . (2554). การสังเคราะหง์ านวิจัยเก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนสังคมศึกษาเพ่ือ พฒั นาทกั ษะกระบวนการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ระหว่างพุทธศักราช2542 – 2553 ด้วยการวิเคราะห์อภิมานและการวิเคราะห์เนื้อหา. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวชิ าหลกั สตู รการสอน : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาขอนแกํน. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). รายงานการสังเคราะหง์ านวจิ ยั เก่ียวกับคณุ ภาพ การศึกษาไทย : การวิเคราะหอ์ ภมิ าน (Meta-analysis). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พแ๑ หํง จฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลัย. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร. อภิรักษ๑ ทลู ธรรม. (2559). ความพงึ พอใจระบบบริการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลนม๑ ูเด้ลิ และกูเกลิ้ คลาส รูมในบทบาทของผส๎ู อน. รายงานการประชุมวิชาการ มหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ท่ี 12 เอกพล ชูเชดิ . (2560). Google for Education บรกิ ารพเิ ศษเพื่อภาคการศึกษา. สืบค๎นเม่ือ 29 พฤษภาคม 2560, จาก https://www.beartai.com/news/31624 Glass, G.V. Mcgaw,B.; & Smith, M.L. (1981). Meta-Analysis in social science Research. Beverly Hill: Sage Publications. Hedges, L.V.; & Olkin, I. (1985). Statistical Methods for Meta-Analysis. California: Academic Press. Henshaw, Robb. 2011. The Cloud for Education. [Online]. Available : https://www.sugarsync.com/cloudu/details/cloud-for-education.html. การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 316
การส่งเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษามธั ยมศึกษา เขต3 Supporting of Administration of Boy Scout Activities of Schools in Nonthaburi Educational Service Area Office 3 คมสนั คงยอดดี ลดั ดาวลั ย์ เพชรโรจน์ หน่วยงานทสี่ ังกัด มหาวิทยาลยั ราชพฤกษ์ e-mail: [email protected] e-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค๑ของการวิจัย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบลักษณะการสํงเสริมบริหาร จัดการกิจกรรมลูกเสือในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 ตามความคิดเห็นของ ครูผู๎สอนจาแนกตามเพศ ตาแหนํง ประสบการณก๑ ารทางานกจิ กรรมลกู เสอื ขนาดโรงเรียน คุณวฒุ ิการศึกษา คุณวุฒิ ทางลูกเสือ กลํุมตัวอยํางคอื ครผู ส๎ู อนของโรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 3 จานวน 390 คน เครื่องมือท่ีใชค๎ ือ แบบสอบถาม วิเคราะห๑ขอ๎ มูลโดยหาคําความถ่ี รอ๎ ยละ คาํ เฉล่ยี สํวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน t-test , One-way ANOVA และ LSD ผลการวจิ ัยพบวาํ 1) ลักษณะการสํงเสริมบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มัธยมศึกษา เขต 3 ทง้ั ภาพรวมและรายดา๎ นอยใํู นระดับมากทส่ี ุดทุกดา๎ นสูงสุดคอื ด๎านการงบประมาณ รองลงมาคือ ด๎านการรายงาน ด๎านการอานวยการ ด๎านการจดั บุคลากรปฏิบัตงิ าน ดา๎ นการประสานงาน ดา๎ นการวางแผนและด๎าน การจดั การองค๑การ 2) ผลการเปรยี บเทยี บความคดิ เหน็ ของครผู ส๎ู อนวชิ าลูกเสอื ทม่ี ีตํอการสํงเสริมกิจกรรมลกู เสือพบวําครูผ๎สู อน ในโรงเรียนขนาดใหญํพเิ ศษมคี ําเฉล่ียความคิดเหน็ สูงกวําครผู ๎ูสอนในโรงเรยี นใหญํ และขนาดกลาง ด๎านการวางแผน ดา๎ นการจดั องค๑การ สํวนดา๎ นอ่นื ไมํแตกตํางกัน 3). แนวทางการสํงเสรมิ การบริหารจดั การกจิ กรรมลกู เสอื ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 3 พบวําควรดาเนินการสํงเสริมด๎านการวางแผน ควรการวางแผนการจัดงบประมาณรายรับและ รายจํายประจาปีเพ่ือให๎การจัดกิจกรรมสอดคล๎องกับการพัฒนาทักษะท่ีจาเป็นตามแนวการพัฒนาที่สอดคล๎องกับ ยทุ ธศาสตรก๑ ารศกึ ษาของชาติ และเขตพ้นื ท่ีการศึกษาตํอไปและควรมีการวางแผนและควบคุมการใช๎เงินในการจัด กิจกรรมให๎เกิดประสิทธิภาพมากทสี่ ุด ดา๎ นการจัดองคก๑ าร ควรสงํ เสรมิ การกาหนดโครงสร๎างบริหารงานกองลูกเสือ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 317
ใหช๎ ัดเจน และเนน๎ การจดั กิจกรรมลกู เสอื ทเ่ี น๎นผ๎เู รียนเปน็ สาคญั ควรสงํ เสริมนากระบวนการของลูกเสือ-เนตรนารี มา ใชใ๎ นการจัดกิจกรรมให๎มากข้ึน ใหต๎ รงกบั ความสนใจ ความตอ๎ งการของลูกเสือ คาสาคัญ: การสงํ เสรมิ การบริหารจดั การกจิ กรรมลกู เสอื โรงเรียนสังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต3 ABSTRACT The objectives of this research were to study and compare the supporting administration of boy scout activities of secondary schools in Nonthaburi under Educational Service Office Area 3 according to the teacher’s opinions classified by gender, working experiences in boy scout activities, school size, education background and boy scout level. Representative sample groups were 390 teachers. The data was gathered by questionnaires and analyzed by descriptive statistics which were frequency distribution, percentage, mean, standard deviation, t-test, One-way ANOVA and LSD. The research results were as follows: 1) In overviewed, the administration of boy scout activities of secondary school under secondary educational service office 3 had respectively highest level. The first rank was budgeting, the second: reporting , directing, staffing, co-ordinating, planning, and organization. 2) The comparison showed that the opinions of teachers had statistically significant at .05, The teacher’s opinion in the super largest school had higher mean than large and medium sizes in planning and organization. Meanwhile, the comparison classified by others were not difference. 3. The guideline to promote the management of boy scouting activities in schools was to promote planning of annual budgets, receipts and expenditures should be planned and annual budgeting, receipts and expenditures should be setting aligned with the development skills , nation educational strategies and region . Should be planning and controlling of spending activity with efficiency. Organization, should be setting boy scout structures that responding in activity emphasis in boy scot center, needs. interest, and processing. KEYWORDS: The supporting administration Boy Scout Activities, Secondary Educational School , Area 3 บทนา พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรม ราโชวาทในพิธเี ปดิ งานชมุ นมุ ลูกเสอื แหงํ ชาติ ครง้ั ที่ 6 ณ จังหวัดชลบุรี เม่ือปี พ.ศ.2511 วํา “ การลูกเสือมีสํวน สาคญั ยิง่ ในการ สร๎างความ มั่นคงของบ๎านเมืองเพราะเป็นงานที่มุํงจะสร๎างคนให๎ดีและสร๎างสังคมให๎เรียบร๎อยเป็น ปึกแผํน การฝกึ หัดอบรมตามแบบอยํางอนั ถกู ต๎อง ครบถ๎วนของลกู เสอื น้นั เปน็ วิธกี ารทีม่ ีประสิทธภิ าพ ในการที่จะทา ให๎เยาวชนมีความเข๎มแข็ง ซื่อสัตย๑ สุจริต มีความร๎ู รู๎จักใช๎ความรู๎ มีความคิด และมีวินัยท่ีดี สามารถเป็นท่ีพึ่งของ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 318
ตนเองและของผู๎อื่นได๎โดยแท๎จริง ผู๎ใดก็ตามที่น๎อมนาเอาวิธีการของลูกเสือ ไปใช๎ในกิจการงานอื่นๆ ยํอมจะได๎ ประโยชนอ๑ ยาํ งกว๎างขวางออกไปด๎วยกันท้งั น้ัน เพราะการงานตําง ๆ จะมปี ระ สทิ ธิภาพ ” การศึกษาขนั้ พื้นฐาน มํุงพัฒนาคนไทยให๎เปน็ มนุษย๑ท่ีสมบรู ณ๑ เปน็ คนดี มปี ๓ญญา มคี วามสุข และมคี วาม เป็นไทย มีศักยภาพในการศึกษาตํอและประกอบอาชีพ กิจกรรมลูกเสือถูกกาหนดให๎เป็นกิจกรรมบังคับเลือกใน หลกั สูตรการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานตัง้ แตปํ ี 2544 โดยกาหนดให๎อยูํในกลมุํ กจิ กรรมพัฒนาผ๎ูเรียน (กระทรวงศึกษา, 2545) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จดั ใหผ๎ เู๎ รียนได๎พัฒนาความสามารถของตนเองตามศกั ยภาพ มุํงเน๎นเพ่ิมเติมจากกิจกรรมที่ได๎จัดให๎ เรยี นรูต๎ ามกลมุํ สาระทัง้ 8 กลมํุ การเข๎ารํวมและปฏิบตั ิกิจกรรมที่เหมาะสมรวํ มกับผู๎อื่นอยาํ งมคี วามสขุ กับกจิ กรรมที่ เลือกด๎วยตนเองตามความถนดั และความสนใจอยํางแท๎จริง การพัฒนาทส่ี าคญั ไดแ๎ กํ การพัฒนาองคร๑ วมของความ เปน็ มนษุ ย๑ใหค๎ รบทุกดา๎ น ท้งั รํางกาย สตปิ ๓ญญา อารมณ๑ และสังคม โดยอาจจัดเปน็ แนวทางหนึ่งทจ่ี ะสนองนโยบาย ในการสร๎างเยาวชนของชาติให๎เป็นผู๎มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย และมีคุณภาพเพ่ือพัฒนาองค๑รวมของ ความเป็นมนุษย๑ทส่ี มบูรณ๑ ปลกู ฝ๓งและสร๎างจติ สานึกของการทาประโยชน๑เพอ่ื สังคม ซง่ึ สถานศึกษาจะตอ๎ งดาเนินการ อยํางมเี ปาู หมาย มีรูปแบบและวธิ กี ารทีเ่ หมาะสมกจิ กรรมพัฒนาผู๎เรียนแบํงเป็น 2 ลักษณะ คือ 1) กิจกรรมแนะ แนว เป็นกิจกรรมทส่ี งํ เสรมิ และพัฒนาความสามารถของผเ๎ู รยี น ใหเ๎ หมาะสมตามความแตกตาํ งระหวํางบคุ คล สามารถ คน๎ พบและพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร๎างทกั ษะชีวิต วฒุ ภิ าวะ ทางอารมณ๑ การเรียนร๎ูในเชิงพหุป๓ญญา และการ สร๎างสัมพันธภาพทีด่ ี ซ่งึ ผ๎สู อนทกุ คนตอ๎ งทาหนา๎ ที่แนะแนวให๎คาปรึกษาดา๎ นชีวิต การศกึ ษาตอํ การพัฒนาตนเองสํู โลกอาชีพและการมงี านทา 2) กจิ กรรมนักเรยี น เปน็ กจิ กรรมท่ีผเ๎ู รียนปฏิบตั ิดว๎ ยตนเอง อยํางครบวงจร ต้งั แตํศึกษา วเิ คราะห๑ แผนงาน ปฏิบัตติ ามแผน ประเมนิ และปรับปรุงการทางาน โดยเน๎นการทางานรํวมกนั เป็นกลุมํ เชนํ ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด และผ๎บู าเพ็ญประโยชน๑ เป็นต๎น แนวคิดการบริหารของโรงเรียนในการจัดกิจกรรมลูกเสือซึ่ง เปน็ กจิ กรรมพัฒนาผูเ๎ รยี นทบ่ี ังคับตามหลักสตู รมํงุ จดั ประสบการณ๑ให๎ผูเ๎ รยี นเป็นคนดใี ชช๎ วี ิตอยํามีความสขุ เปน็ มนุษย๑ท่ี สมบรู ณ๑ (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน, 2552)และตามวัตถุประสงค๑ของคณะลูกเสือแหํงชาติ 9k, พระราชบญั ญตั ิลูกเสอื พ.ศ.2551 มาตรา 8 กาหนดไวว๎ ํา คณะลูกเสอื แหํงชาตมิ ีวตั ถปุ ระสงค๑เพ่อื พัฒนาลูกเสือท้ังทาง กายสตปิ ๓ญญาจติ ใจและศลี ธรรมให๎เปน็ พลเมอื งดีมคี วามรับผดิ ชอบและชํวยสร๎างสรรค๑สงั คมให๎เกิดความสามัคคแี ละมี ความเจรญิ กา๎ วหน๎าทงั้ นี้เพ่อื ความสงบสขุ และความมั่นคงของประเทศชาติ ตามที่ สมมาต สังขพันธ๑ (2560) กลําวไว๎ คอื ใหม๎ นี ิสัยในการสังเกตจดจาเชื่อฟ๓งและพึ่งตนเอง ให๎ซื่อสัตย๑สุจริตมีระเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจผ๎ูอื่น ให๎ร๎ูจัก บาเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน๑ ให๎รู๎จักทาการฝีมือและฝึกฝนให๎ทากิจการตํางๆตามความเหมาะสมและให๎ร๎ูจัก รกั ษาและสงํ เสริมจารตี ประเพณีวัฒนธรรมและความมัน่ คงของประเทศชาติ สาหรบั มาตรา 9 ใหก๎ ระทรวงศึกษาธิการ มหี น๎าท่สี งํ เสรมิ และสนบั สนนุ งานของคณะลูกเสือแหงํ ชาติ เพ่ือใหบ๎ รรลวุ ตั ถุประสงค๑ของคณะลกู เสือแหํงชาติรวมทั้ง สงํ เสรมิ และสนับสนุนการดาเนนิ การของสานกั งานลกู เสือแหํงชาติ สานักงานลูกเสือจังหวดั สานักงานลกู เสือเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาสถานศึกษาท่เี ก่ียวขอ๎ งเพื่อให๎การจัดกจิ กรรมลกู เสือเปน็ ไปอยํางทั่วถึงและมีประสทิ ธภิ าพ ดังน้ันการสํงเสริม การบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือจาเป็นท่ีต๎องศึกษาการบริหารจัดการกระบวนการจัดกิจกรรมดังกลําวให๎มี ประสิทธภิ าพ มคี ุณภาพ โดยอาศัยหลกั การบรหิ ารตามแนวทางประกนั คุณภาพคอื การวางแผน การปฏบิ ตั ิ การติดตาม ผล และการปรับปรุงแกไ๎ ข และเน่ืองจากมีดาเนินและการใช๎งบประมาณในแตํละปี ดังน้ันการบริหารจัดการจึงต๎อง อาศยั แนวคดิ ตามแนว POSDCoRB ประกอบไปดว๎ ย (1) Planning การวางแผน (2) Organizing การจดั องค๑การ (3) Staffing การจัดบุคลากรปฏิบัติงาน (4) Directing การอานวยการ (5) Coordinating การประสานงาน (6) Reporting การรายงาน และ (7) Budgeting การงบประมาณ สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 319
3มโี รงเรียนจานวน 47 โรงเรยี น ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษาต๎องสํงเสริมและรับผดิ ชอบในการวางแผนการกาหนดนโยบายใน บรหิ ารและกากบั ติดตามการจัดกจิ กรรมลกู เสือใหม๎ ีประสิทธภิ าพทีส่ ํงผลตํอคุณภาพการมีวินัยของนักเรียน ตลอดจน การพัฒนาครผู ส๎ู อนใหม๎ ีความรูค๎ วามสามารถ เจตคติและทักษะทเ่ี หมาะสมเพียงพอในการปฏบิ ตั งิ านทั้งนม้ี ํุงหวังเพ่อื ให๎ กิจการลูกเสอื ดาเนนิ การไดอ๎ ยํางมปี ระสทิ ธภิ าพ แตํจากการศกึ ษาสภาพป๓จจบุ นั ป๓ญหาและความต๎องการของลูกเสือ ในสถานศึกษาของโรงเรียนในจังหวดั นนทบุรพี บวํายงั มีหลายพฤตกิ รรมยังไมผํ ํานเกณฑ๑ทนี่ ําพอใจซึง่ ต่ากวาํ เปาู หมายท่ี กาหนดไว๎ และการแตงํ กายการจัดกจิ กรรมวันสาคัญทางยงั ไมํถูกตอ๎ ง จากนกี้ ารนิเทศตดิ ตามผลการจัดกิจกรรมลูกเสอื สังกัดสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 3 ยงั มี สภาพการเรยี นการสอนและการบริหารกิจกรรมลูกเสอื เนตรนารใี นปจ๓ จุบัน มีป๓ญหาอยํูหลายประการ เชํน ผ๎ูบริหาร โรงเรียน และครูผู๎รับผิดชอบกิจกรรมลูกเสือสํวนหนึ่งมีความรู๎ ความเข๎าใจด๎านทักษะ กระบวนการในการบริหาร กิจการลูกเสอื ไมเํ พยี งพอ ทาใหก๎ ารจัดการบริหารและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไมํเป็นไปตามวัตถุประสงค๑ และเปูาหมายท่กี าหนดไวอ๎ กี ทัง้ ยงั พบปญ๓ หาเกย่ี วกบั สถานฝกึ อบรม รวมทัง้ จานวนผ๎บู งั คบั บญั ชาไมํเพียงพอขาดแคลน วสั ดุอปุ กรณใ๑ นการฝกึ อบรมลูกเสือมากเกินไป (การประชุมเตรียมความพร๎อมตามโครงการทบทวนการจัดกิจกรรม ลกู เสอื ในสถานศกึ ษาสังกดั สพม.3ครงั้ ที่ 1/2560,2/09/2560) จากแนวคิดและสภาพปญ๓ หาดงั กลําวขา๎ งต๎น ผว๎ู ิจัยมคี วามสนใจทีจ่ ะทาการศึกษาแนวทางสงํ เสรมิ การบริหาร จัดการกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 เพ่ือเป็นข๎อมูลในการ วางแผนพัฒนาสํงเสรมิ การบรหิ ารการจดั กิจกรรมลูกเสอื ของโรงเรยี นตํอไป วตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั 1. เพอ่ื ศึกษาการสงํ เสริมการบรหิ ารจัดการกจิ กรรมลกู เสือของโรงเรยี นในสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 3 2. เพอื่ เปรยี บเทยี บการสํงเสริมการบรหิ ารจดั การกิจกรรมลกู เสือของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 3 ตามความคิดเห็นของครจู าแนกตามถานภาพสํวนตวั 3. เพอ่ื เสนอแนวทางการสงํ เสรมิ การจดั กจิ กรรมลกู เสอื ของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 3 สมมตฐิ าน (ถ้ามี) ครูท่ีมีสถานภาพสํวนตัวด๎านเพศ ตาแหนํง ประสบการณ๑การทางานกิจกรรมลูกเสือ ขนาดโรงเรียน วุฒิ การศึกษา วฒุ ิการศึกษา วฒุ ิทางลูกเสอื ทตี่ ํางกนั มคี วามคิดเหน็ ตอํ การสงํ เสรมิ การจดั กิจกรรมลูกเสือของโรงเรียนใน สงั กดั สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 3 แตกตํางกนั ประโยชน์ที่ไดร้ ับ 1.ทาให๎ทราบถึงการบริหารกิจกรรมลูกเสือในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 2.สามารถใช๎ผลการคน๎ ควา๎ เปน็ ขอ๎ มูลสาหรบั กาหนดแนวทางในการวางแผน กาหนดแนวทางการจัดกจิ กรรมลูกเสือใน โรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 3 ใหม๎ ปี ระสิทธภิ าพมากยง่ิ ขนึ้ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 320
3.ผลจากการศึกษาครัง้ น้จี ะเป็นประโยชนใ๑ นการพัฒนาและสํงเสริมกิจกรรมลูกเสอื ในโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 3 กรอบแนวคิดในการวจิ ัย ในการวจิ ยั ครั้งน้ี ใช๎กรอบแนวคิด การศกึ ษาแนวทางสํงเสริมการบิหารจัดการกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียนใน สังกดั สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 3 ของ Luther Gulick | ดังภาพท่ี 1 ตัวแปรต๎น ตัวแปรตาม สถานภาพสว่ นตวั ของครู การส่งเสรมิ การบรหิ ารจัดการกิจกรรมลูกเสอื -เพศ 1. การวางแผน -ตาแหน่ง 2. การจดั องค์การ -ประสบการณ์การทางาน 3. การจดั บคุ ลากรปฏบิ ัตงิ าน กิจกรรมลกู เสือ 4. การอานวยการ -ขนาดโรงเรยี น 5. การประสานงาน -คุณวุฒิการศกึ ษา 6. การรายงาน -คณุ วุฒิทางลูกเสือ 7. การงบประมาณ แนวทางการสง่ เสริมการบรหิ ารจดั การ กิจกรรมลกู เสอื ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั วิธีดาเนนิ การวจิ ยั การวจิ ยั เรอ่ื งการสํงเสรมิ กจิ กรรมลูกเสอื ในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต3 ในครงั้ น้เี ป็น การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) ผ๎วู ิจยั ไดน๎ าแนวคิด ทฤษฎี และผลการวจิ ยั ทีเ่ กี่ยวขอ๎ งมา ใชเ๎ ปน็ แนวทางในการศกึ ษา และพฒั นาการดาเนนิ งาน ตามข้ันตอนดังนี้ ประชากรกลมุํ ตวั อยาํ ง เคร่ืองมอื และวิธีการ สร๎างเครื่องมอื การเกบ็ ข๎อมลู การวเิ คราะหข๑ อ๎ มูล การสรุปและอภปิ รายผล ประชากรและตวั อยา่ ง ประชากรทใ่ี ช๎ในการวิจยั คร้งั นี้ คือกลุํมผูบ๎ รหิ าร และครผู ูส๎ อนวชิ าลูกเสือ จานวน 47 โรงเรียนที่จัดกิจกรรมลูกเสือใน โรงเรยี น รวม 36,798 คน กลํุมตัวอยํางคือครู โดยกาหนดขนาดของกลํุมตัวอยํางในการวิจัยตามตารางของเครจซีและมอร๑แกน (Kerjcie & Morgan ; อ๎างใน ลดั ดาวลั ย๑ เพชรโรจน๑และคณะ : 2555) สํุมแบบข้ัน(Stratified Random Sampling) ตามกลุํมขนาดโรงเรียน ได๎ 23 โรงเรยี น และสุมํ อยาํ งงํายในโรงเรยี นที่เป็นกลุํมตวั อยาํ ง ไดค๎ รู 390 คน การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 321
กลุ่ม (ขนาดโรงเรียน) โรงเรียนทั้งหมด โ ร ง เ รี ย น ก ลุ่ ม กลุ่มประชากร กลุ่มตวั อย่าง ตัวอย่าง กลุ่ม 1 ใหญพ่ ิเศษ 10 5 17,864 175 กล่มุ 2 ใหญ่ 9 4 10,289 100 กลมุ่ 3 กลาง 14 5 6,483 75 กลุม่ 4 เลก็ 14 4 2,162 40 รวม 47 18 36,798 390 เครอ่ื งมือและวิธีการสร้างเครอ่ื งมอื เครอื่ งมอื ท่ีใช๎ในการศึกษาครัง้ น้ี เป็นแบบสอบถามท่ีผู๎วิจัยสร๎างข้ึน เป็น แบบมาตราสํวนประมาณคํา (Rating scale) มี 5 ด๎านดังนี้ 5 หมายถึง มีการสํงเสริมการบริหารจัดการ กิจกรรมอยูใํ นระดับมากทส่ี ุด 4 หมายถึง มกี ารสํงเสรมิ การบริหารจดั การกจิ กรรมอยูํในระดับอยใํู นระดบั มาก 3 หมายถึง มีการสงํ เสรมิ การบรหิ ารจัดการกจิ กรรมอยูํในระดบั อยูํในระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง มีการ สํงเสรมิ การบริหารจัดการกิจกรรมอยํูในระดับอยูํในระดับน๎อย 1 หมายถึง มีการสํงเสริมการบริหารจัดการ กจิ กรรมอยใํู นระดับอยํใู นระดบั นอ๎ ยทส่ี ุด การพัฒนาแบบสอบถาม โดยการศึกษาเอกสาร งานวิจัย แนวคิดทฤษฎี ท่ีเกี่ยวข๎องกับแนวทางการ สํงเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 โดยใช๎ แนวคดิ การสํงเสริมของ POSDCoRB ตรวจสอบหาคาํ ความตรงของเนื้อหา(Validity) โดยผู๎เช่ียวชาญจานวน 3 ทําน โดยหาคํา IOC=.67-1.00 และนาไปทดลองใช(๎ Tryout) จานวน 30 คน ของโรงเรยี นทไี่ มํเปน็ กลมํุ ตัวอยาํ ง ได๎ความเท่ียงหรอื คาํ ความเชอื่ ม่นั ( Reliability) ดว๎ ยคาํ สมั ประสิทธแ์ิ อลฟุาเทํากับ .91 จากน้นั นาแบบสอบถาม ท่ปี รบั ปรุงเรียบร๎อยแล๎วจัดพมิ พ๑เปน็ ฉบบั สมบรู ณเ๑ พอ่ื นาไปใชใ๎ นการเกบ็ รวบรวมข๎อมูล การวิเคราะหข์ ้อมลู การวเิ คราะห๑ข๎อมูลจากแบบสอบถามคําสถิติ คือข๎อมูลสถานภาพของผ๎ูตอบแบบสอบถาม โดยการ แจกแจงความถี่ และหาคําร๎อยละ (Percentage) ข๎อมูลเกี่ยวกบั การสงํ เสริมการบริหารจัดการกจิ กรรมลูกเสือ ของโรงเรียน ในสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต3 โดยใช๎สถิติ 1)คําเฉลี่ย (Mean) และคํา สํวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) แปลความหมายของคําเฉล่ีย คําเฉลี่ย 4.50 – 5.00 หมายความวํา มกี ารปฏบิ ัตหิ รอื ดาเนนิ งานอยใูํ นระดบั มากที่สุด คําเฉลี่ย 3.50 – 4.49 หมายความวํา มี การปฏิบัติหรือดาเนินงานอยใูํ นระดับมาก คาํ เฉล่ีย 2.50 – 3.49 หมายความวํา มีการปฏิบัติหรือดาเนินงาน อยูํในระดับปานกลาง คําเฉล่ีย 1.50 – 2.49 หมายความวํา มีการปฏิบัติหรือดาเนินงานอยํูในระดับน๎อย คําเฉลย่ี 1.00 – 1.49 หมายความวาํ มีการปฏบิ ตั ิหรือดาเนินงานอยูใํ นระดับนอ๎ ยทีส่ ดุ 2) ทาการทดสอบสมติ ฐาน โดยใช๎การทดสอบ t-test และการวิเคราะห๑ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ในกรณีที่พบ ความแตกตํางอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติ จะทดสอบความแตกตํางเป็นรายคํูโดยวิธีการของ LSD และ3) การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 322
ขอ๎ เสนอแนะเก่ยี วกบั แนวทางการสงํ เสริมการบรหิ ารจดั การกิจกรรมลกู เสอื ของโรงเรียนในสงั กดั สานกั งานเขต พื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต3 สรปุ ผลการวิจัยและอภิปรายผล ผลการวเิ คราะหแ์ ลtขอ้ สรปุ ผลวิจัยมีดังน้ี ขอ้ สรุปที่ 1 คาํ เฉลี่ย สวํ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของการสงํ เสริมการบริหารจดั การกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียน ในสังกัดสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต3 ผลการวเิ คราะห๑ขอ๎ มลู ดังตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 คาํ เฉล่ีย สวํ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และการแปลคําการสํงเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือ ของโรงเรยี นในสังกัดสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต3 ดงั ตารางที่ 1 ขอ้ ที่ การส่งเสรมิ การบรหิ ารกจิ การลูกเสอื ̅ SD แปลค่า ลาดับ 1 ดา๎ นการวางแผน 4.86 0.19 มากที่สดุ 6 2 ด๎านการจดั องค๑การ 4.78 0.32 มากทส่ี ุด 7 3 ดา๎ นการจัดบุคลากรปฏบิ ัตงิ าน 4.92 0.18 มากทสี่ ดุ 4 4 ด๎านการอานวยการ 4.93 0.21 มากทสี่ ดุ 3 5 ดา๎ นการประสานงาน 4.91 0.27 มากที่สุด 5 6 ด๎านการรายงาน 4.95 0.12 มากที่สดุ 2 7 ด๎านการงบประมาณ 4.97 0.12 มากที่สุด 1 ภาพรวม 4.90 0.14 มากทสี่ ดุ จากตารางที่ 1 พบวําคําเฉล่ียและสํวนเบี่ยงเบนมาตรฐานการสํงเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือของ โรงเรยี นในสังกัดสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 3 ในภาพรวมและรายด๎านมีการสํงเสริมในระดับมาก ท่สี ุด โดยด๎านทม่ี คี าํ เฉลยี่ สงู สุดคือดา๎ นการงบประมาณ รองลงมาตามลาดบั คือด๎านการรายงาน ด๎านการอานวยการ ด๎านการจัดบุคลากรปฏิบตั ิงาน ดา๎ นการประสานงาน ดา๎ นการวางแผนและดา๎ นการจัดองคก๑ าร ข้อสรุปที่ 2 ผลการเปรียบเทยี บการสงํ เสรมิ การบรหิ ารจัดการกิจการลูกเสือของโรงเรียนในสังกัดสานักงาน เขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 พบวําครูผู๎สอนที่มีสถานภาพแตกตํางกันจาแนกตามเพศ ตาแหนํง ประสบการณ๑การทางานกิจกรรมลูกเสือ คณุ วุฒิการศึกษา และคณุ วฒุ ทิ างลกู เสือ มีความคิดเห็นตํอการสํงเสริมการ บริหารจดั การกจิ กรรมลูกเสือของโรงเรียนในสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 3 ไมํแตกตํางกันแตํ เม่ือจาแนกตามขนาดโรงเรียนครูผู๎สอนมีความคิดเห็นแตกตํางกันอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ .05คือครูผ๎ูสอนใน โรงเรียนใหญํพิเศษมคี าํ เฉล่ยี ความคิดเห็นสูงกวาํ โรงเรียนใหญํ และขนาดกลาง ดา๎ นการวางแผน ด๎านการจัดองค๑การ ด๎านการจัดบุคลากรปฏิบัติงาน ด๎านการรายงานและด๎านการงบประมาณ สํวนด๎านการอานวยการและด๎านการ ประสานงานไมแํ ตกตาํ งกนั การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 323
ขอ้ สรปุ ท่ี3 แนวทางการสงํ เสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 3 พบวําควรดาเนินการสํงเสรมิ อนั ดบั สุดทา๎ ย 2 อันดับคือดา๎ นการวางแผนและดา๎ นการจัด องคก๑ ารท่มี ีคาํ เฉลย่ี ตา่ กวําด๎านอืน่ ดังน้ี 1) ด๎านการวางแผน ควรสํงเสริมการวางแผนการจัดงบประมาณรายรับและรายจํายประจาปีเพ่ือให๎การจัด กจิ กรรมสอดคลอ๎ งกับการพัฒนาทกั ษะท่ีจาเปน็ ตามแนวการพฒั นาท่สี อดคล๎องกับยทุ ธศาสตรก๑ ารศึกษาของชาติ และ เขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาตอํ ไปและควรมกี ารวางแผนและควบคมุ การใช๎เงนิ ในการจัดกิจกรรมให๎เกิดประสทิ ธิภาพมากท่สี ุด 2) ด๎านการจัดองคก๑ าร ควรสงํ เสรมิ มีกาหนดโครงสร๎างบริหารงานกองลูกเสอื ในโรงเรียนให๎ชดั เจน และเน๎นการ จัดกจิ กรรมลกู เสอื -เนตรนารี ท่เี น๎นผเู๎ รยี นเป็นสาคญั ควรสํงเสรมิ นากระบวนการของลูกเสอื -เนตรนารี มาใช๎ในการจัด กิจกรรมใหม๎ ากข้ึน ควรจดั กิจกรรมใหต๎ รงกับความสนใจและความตอ๎ งการของลูกเสือ เนตรนารแี ละควรจัดกิจกรรมให๎ ตรงกับความสนใจและความตอ๎ งการของลกู เสือ เนตรนารี อภิปรายผล 1.การสํงเสรมิ การบรหิ ารจัดการกจิ กรรมลูกเสือของโรงเรียนในสังกดั สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 3.โดยภาพรวมและรายด๎ายมีการสํงเสริมในระดับมากท่ีสุด โดยด้านท่ีส่งเสริมมีค่าเฉล่ียสูงสุดคือด๎าน การงบประมาณ ทั้งนอ้ี าจเป็นเพราะการจัดกจิ กรรมตอ๎ งใชอ๎ ุปกรณ๑ มกี ารเดนิ ทางพักแรม เพอ่ื ฝึกทักษะการอยรูํ วํ มกัน การชํวยเหลอื อดคล๎องกบั งานวิจยั ของซึ่งกันและกัน ฝกึ ความรบั ผิดชอบ ฝกึ ท้ังการเป็นผูน๎ าและผตู๎ าม คงศกั ด์ิ เจริญรกั ษ๑ (2548) ท่ีกลาํ ววาํ กจิ กรรมลูกเสือและเนตรนารี มุํงปลูกฝ๓่งให๎เยาวชนมีระเบียบ วินัย มีความรัก ความสามัคครี ๎ูจกั การเสียสละการบาเพญ็ ประโยชนเ๑ พ่ือสวํ นรวม สังคม และประเทศชาตินาไปสูํพ้ืนฐานของวิถีชีวิตใน ระบบประชาธปิ ไตย และสอดคล๎องกบั ประดบั แกว๎ ผลึก และคณะ (2549,) ท่ีระบุวํา กระบวนการลูกเสือมุํงพัฒนา เยาวชนของชาตใิ หเ๎ ป็นคนดีมคี วามสามารถมีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองดขี องชาติ และสงั คมโลกและสอดคล๎องกับ ฟรานซสี (Francis. 2002 ) 2. ผลการเปรยี บเทยี บการสงํ เสริมการบริหารจัดการกิจการลูกเสือของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 พบวําครูผู๎สอนที่สังกัดขนาดโรงเรียนที่ตํางกันมีความคิดเห็นท่ีแตกตํางกันอยํางมี นัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ .05คอื ครูผสู๎ อนในโรงเรยี นใหญพํ ิเศษมีคาํ เฉล่ียความคิดเหน็ สงู กวําโรงเรียนใหญํ และขนาดกลาง ด๎านการวางแผน ดา๎ นการจัดองค๑การ ท้ังน้อี าจเป็นเพราะโรงเรียนขนาดใหญํมีความพร๎อมทัง้ ดา๎ นบุคลากรท้งั ครู บุคลากรสนบั สนนุ ด๎านผู๎ปกครองและนักเรียนจงึ สามารถทากิจกรรมเสริมได๎ทกุ ด๎าน สอดคล๎องกับงานวิจัย ของ อเนก ป๓ทมพงศา (2550) ได๎ศึกษาป๓ญหาการบริหารกิจการลูกเสือของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาสุราษฎร๑ธานีเขต 1 พบวําป๓ญหาการบริหารกิจการลูกเสือของสถานศึกษาขั้น พ้ืนฐาน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาสุราษฏร๑ธานีเขต 1 พบวําป๓ญหาการบริหารกิ จการลูกเสือของ สถานศกึ ษาสถานศึกษาขนาดเล็กและสถานศึกษาขนาดใหญํในภาพรวมมีความแตกตํางกัน โดยสถานศึกษา ขนาดเลก็ มปี ญ๓ หามากกวาํ สถานศกึ ษาขนาดใหญํ 3. แนวทางการสงํ เสรมิ การบรหิ ารจดั การกจิ กรรมลูกเสือของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 3 พบวําควรดาเนินการสํงเสริมการวางแผนการจดั งบประมาณรายรับและรายจํายประจาปีและ ควรมกี ารวางแผนและควบคุมการใชเ๎ งนิ ในการจดั กิจกรรมให๎เกดิ ประสิทธภิ าพมากทส่ี ุดและดา๎ นการจดั องคก๑ าร การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 324
ควรสํงเสรมิ มีกาหนดโครงสรา๎ งบรหิ ารงานกองลูกเสือในโรงเรียนให้ชัดเจน และเน๎นการจัดกิจกรรมลูกเสือ-เนตร นารี ที่เน๎นผู๎เรียนเป็นสาคัญ ตรงกับความสนใจและความต๎องการของลูกเสือ เนตรนารี ท้ังนี้อาจเป็นการฝึกการ เสรมิ สร้างวนิ ัยตง้ั แต่วยั เรียน สอดคล้องกับลอร๑เซน (Laursen. 2006) ได๎ศึกษาหลักของความมีระเบียบวินัยท่ี สาคัญ พบวาํ หลักของความมวี นิ ยั ท่ที าใหม๎ เี กิดประสทิ ธภิ าพความมีวินยั ในตนเองและการนับถือตนเองโดยให๎ ความมีวนิ ยั เปน็ การสรา๎ งความเข๎มแขง็ ให๎กับนกั เรยี น ข้อเสนอแนะ 1. จากผลการศึกษาการสํงเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือ ท่ีพบวําด๎านการจัดองค๑กร เป็นด๎านที่มี คําเฉลี่ยต่าท่ีสุด และเป็นด๎านท่ีควรดาเนินการสํงเสริมอันดับสุดท๎ายดังนั้น ควรมีกาหนดโครงสร๎างบริหารงานกอง ลกู เสอื ในโรงเรียนชัดเจนและสารวจความตอ๎ งการของนกั เรียนเกีย่ วกับการจดั กจิ กรรมตรงความตอ๎ งการของนกั เรียน 2. จากผลการศึกษาการสํงเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือ ท่ีพบวําด๎านการวางแผน เป็นด๎านท่ีมี คําเฉลย่ี ต่าสดุ รองจากด๎านการจัดองค๑กร และเปน็ ด๎านท่ีควรดาเนินการสํงเสริมอันดับรองสุดท๎าย ดังน้ัน ควรฝึกด๎าน การวางแผนงบประมาณโดยใหค๎ วามรูใ๎ นการวางแผนการเงิน งบประมาณไว๎ลวํ งหนา๎ เน๎นการมีสํวนรวํ มควรดาเนนิ การ สงํ เสรมิ อนั ดับสุดท๎าย 2 อนั ดับ เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 แนวทางการจัดกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ตามหลกั สูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2544 (ปรับปรงุ 2551). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพค๑ ุรสุ ภาลาดพร๎าว, 2546 . คงศกั ดิ์ เจรญิ รกั ษ๑ และคนอ่ืนๆ.(2548). การลูกเสือไทยพัฒนาการในยุค 2546 – 2548.กรุงเทพฯ: องค๑การรับสํง สินคา๎ และพัสดุภณั ฑ.๑ ประดับ แก๎วผลึก และคณะ.(2549). แนวทางการจัดกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน. กรงุ เทพฯ : บริษทั อมรนิ ทร๑พริ้นต้ิงกรฟุ ลัดดาวลั ย๑ เพชรโรจน๑ และอจั ฉรา ชานิประศาสน๑ (2555) ระเบียบวธิ ีการวจิ ัย กรงุ เทพฯ: พมิ พ๑ดกี ารพิมพ.๑ ศริ ชัช สทุ ธิชาติ.(2557, มิถุนายน 2557 – พฤษภาคม 2558).กระบวนการบริหารกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ของ ผู้บริหารกลุ่มเครือข่ายโรงเรียนตาบลท่าก๊อ อาเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย. บัณฑิตศึกษา มหาวทิ ยาลยั ฟารอ๑ สี เทอร๑น. 3(1) : 589-600. สมมาต สังขพันธ๑.(2560). .วัตถุประสงค๑การอบรมลูกเสือ การฝึกอบรมบุคลากรลูกเสือขั้นผ๎ูชํวยหัวหน๎าผ๎ูให๎การ ฝกึ อบรมวชิ าผ๎ูกากับลกู เสอื (A.L.T.C.). http://scout.nma6.go.th/1670..สบื คน๎ วันท่ี 10 ธนั วาคม 2559. อเนก ปท๓ มพงศา.(2550). ปญั หาการบรหิ ารกิจการลกู เสือของสถานศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา สุราษฏร์ธานี เขต 1. วิทยานิพนธ๑ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ราชภัฏสรุ าษฏรธ๑ านี Laursen, Finn ( 2006) The Treaty of Nice: Actor Preferences, Bargaining And Institutional Choice, Netherland การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 325
การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบสถานการณ์จาลองเร่ือง อาหารปลอดภัย ของนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษา The study of achievement and satisfaction toward the simulation-based learning of food safety of mattayomsuksa 4, at Triam Udom Suksa School ศจี โก่งศรชยั * กมลมาลย์ วริ ัตน์เศรษฐสิน** *โรงเรียนเทพลีลา สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 2 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ** ภาควชิ าสุขศกึ ษา คณะพลศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยก่ึงทดลองคร้ังนี้ มีจุดมํุงหมายเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุํมท่ีเรียนแบบใช๎ สถานการณจ๑ าลอง กับการเรียนแบบปกติ และความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู๎ วิชาสุขศึกษา เร่ือง อาหาร ปลอดภยั โดยใช๎สถานการณจ๑ าลองของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี โรงเรียน 2559 ปีการศกึ ษา 1 ภาคเรยี นท่ี 4 คน ได๎รับการสอนแบบใช๎ 31 เตรียมอุดมศึกษา เลือกกลุํมตัวอยํางโดยการสุํมอยํางงําย กลํุมทดลอง คนได๎รับการสอนแบบปกติ เครื่องมอื ทีใ่ ช๎ในการทดลอง คือ แผนการ 34 สถานการณ๑จาลอง และกลุมํ ควบคุม สอนแบบสถานการณ๑จาลองและชุดจาลองการทดสอบสารปนเป้ื อนในอาหาร เก็บรวบรวมข๎อมูลด๎วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียนเรอ่ื งอาหารปลอดภยั จานวน 30 ข๎อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ ตอํ การจัดการเรียนร๎ู คาํ ความยากงํายของแบบทดสอบรายขอ๎ ตามสัดสํวนผ๎ูท่ีตอบถูกตํอผ๎ูท่ีตอบท้ังหมดมีคํา ระหวาํ ง 0.40. คําสหสัมพนั ธ๑แบบพอยตไ๑ บซีเรยี ลไดอ๎ านาจจาแนกรายข๎ออยูํระหวําง 0.74-530.-15และคํา 3 ความเชื่อม่ันท้ังฉบับโดยคูเดอร๑ ริชาร๑ดสัน20 เทํากับ 0.84 วิเคราะห๑ข๎อมูลโดยใช๎โปรแกรมสาเร็จรูปหา คําความถ่ี ร๎อยละ คาํ เฉลย่ี สวํ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมตฐิ านด๎วยสถติ ทิ ี ผลการศกึ ษาพบวา่ 1. คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสุขศึกษาเร่ืองอาหารปลอดภัย หลังการเรียนแบบใช๎ สถานการณ๑จาลอง สูงกวาํ กํอนเรียนอยาํ งมนี ยั สาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ 05. 2. คะแนนเฉลีย่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาสุขศึกษาเร่อื งอาหารปลอดภยั ของกลมํุ ท่ใี ช๎การเรียนแบบใช๎ สถานการณ๑จาลอง สงู กวํา กลํุมท่ีเรียนแบบปกติอยํางมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดับ 05. 3. คะแนนเฉลยี่ ความพึงพอใจตํอการจัดการเรียนร๎ูวิชาสุขศึกษาเร่ืองอาหารปลอดภัย ของกลํุมท่ีเรียน แบบใชส๎ ถานการณ๑จาลอง สูงกวาํ กลํุมทเี่ รียนแบบปกติอยาํ งมีนยั สาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั 05. คาสาคญั : ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น การจัดการเรียนรแ๎ู บบสถานการณจ๑ าลอง อาหารปลอดภยั การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 326
ABSTRACT This quasi experimental research was designed to conduct simulation-based learning of food safety to compare the achievement and satisfaction with conventional learning. The samples were mattayomsuksa 4 in academic year 2016, at Triam Udom Suksa School. They were selected by simple random sampling and assigned to be 31 experimental group and 34control group. The experimental group underwent simulation-based learning and the control group received a conventional learning. The research instruments were simulated scenario and simulated Food Test Kit. Data collection with 30 items of Food Safety Learning Achievement Test and satisfaction questionnaire on learning. Item Difficulty 0.45-0.74 was considered the proportion for the item between the number of people answering the item correctly and the total number of people answering item, item discrimination index was established through point biserial statistics for each item with a correction coefficient of 0.31- 0.53, the test has a reliability coefficient of 0.84 established through the use of Kuder- Richardson formula 20. Mean, standard deviation and t– test were applied for data analysis by a computer program. The results were as follows. 1. In the post test, the experimental group indicated statistically significance on the Food Safety Learning Achievement better than in the pre test at .05 2. In the post test, the experimental group indicated statistically significance on the Food Safety Learning Achievement better than in the control group at .05 level. 3. In the post test, the experimental group indicated statistically significance on satisfaction of the Food Safety Learning better than in the control group at .05 level. KEYWORDS: achievement, simulation-based learning, food safety บทนา ความสาคญั ของการจดั การเรียนการสอนทเ่ี นน๎ ผูเ๎ รียนเปน็ ศนู ย๑กลาง)Student centered teaching) ตามพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหงํ ชาติ พ 2553.ศ.หมวด บัญญัติไว๎ วํา 22 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 4 “การจัดการศึกษาต๎องยึดหลักวําผู๎เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู๎และพัฒนาตนเองได๎และถือวําผ๎ูเรียนมี ความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต๎องสํงเสริมให๎ผ๎ูเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็ม ศกั ยภาพ” ดงั น้ันการจดั การเรียนการสอนต๎องดาเนนิ การการจัดการเรยี นการสอนโดยมุํงประโยชน๑ของผเู๎ รยี น เปน็ สาคญั ต๎องจดั ให๎ผู๎เรียนได๎เรียนรู๎จากประสบการณ๑จริง ฝึกปฏิบัติได๎ คิดเป็นทาเป็น มีนิสัยรักการเรียนรู๎ และเกดิ การใฝรุ ๎อู ยํางตอํ เนือ่ งตลอดชีวิต สิ่งสาคญั ท่สี ามารถเชื่อมโยงระหวํางผู๎สอนและผ๎ูเรียนในการจัดการ เรียนการสอน คือ การจดั สภาพแวดล๎อมหรอื เลียนแบบสภาพเหตกุ ารณท๑ ่ีใกลเ๎ คยี งกับสภาพท่เี ป็นจริงมากทีส่ ดุ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 327
ผ๎เู รยี นสามารถคิดตดั สนิ ใจในการแก๎ปญ๓ หาจากสถานการณท๑ ี่กาลงั เผชญิ ทาใหผ๎ ูเ๎ รียนเกดิ การเรยี นรูใ๎ นส่งิ ตาํ งๆ และสามารถนาไปสูกํ ารปฏิบตั ิจริง หรือการจดั การเรียนร๎ูแบบสถานการณ๑จาลองการเรียนวิชาสุขศึกษาเร่ือง อาหารปลอดภยั พบวําในสาระเกีย่ วกบั การทดสอบสารปนเปอ้ื นเปน็ ทักษะสาคัญซงึ่ ผเู๎ รียนต๎องเรียนร๎ู ผ๎ูเรียน ทกุ คนตอ๎ งไดฝ๎ ึกปฏบิ ตั ิจริง อยํางไรกต็ ามชดุ ทดสอบสารปนเปอื้ นในอาหารจรงิ มีราคาแพง มขี อ๎ ควรระวัง และ ปญ๓ หาการเกบ็ รกั ษา ดังนั้นผ๎วู จิ ยั จงึ ตระหนกั ถงึ ความจาเป็นในการพฒั นาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นโดยการสอน แบบใช๎สถานการณ๑จาลองทดสอบสารปนเปื้อนในอาหาร เน๎นกระบวนการและบรรยากาศทั้งหมดของการ ปฏิบัติจริงมาไว๎ในห๎องเรียน และให๎ผู๎เรียนได๎เข๎าไปอยูํในสถานการณ๑น้ันจริงๆ เพ่ือให๎ผู๎เรียนได๎เข๎าไปมี ปฏิสัมพันธ๑กับสถานการณ๑จาลอง ฝึกปฏิบัติจริง เรียนร๎ูข้ันตอนการทดสอบและผลการทดสอบท่ีจาลองให๎ เกดิ ขึน้ ขณะฝึกปฏบิ ตั ใิ นลกั ษณะเดยี วกบั ทีเ่ กดิ ขึน้ ในสถานการณจ๑ รงิ เพอ่ื ใหเ๎ กิดความเขา๎ ใจจากประสบการณท๑ ี่ เหน็ ประจักษช๑ ัดด๎วยตนเอง วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อศกึ ษาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวิชาสุขศกึ ษา เร่ือง อาหารปลอดภัย 2. เพ่อื ศึกษาความพงึ พอใจตํอการจัดการเรยี นรู๎โดยใช๎สถานการณจ๑ าลอง สมมติฐาน 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษา เรื่องอาหารปลอดภัย ของกลํุมที่เรียนด๎วยสถานการณ๑ จาลองหลงั เรียนสูงกวาํ กํอนเรียน 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษา เร่ืองอาหารปลอดภัย ของกลุํมท่ีเรียนด๎วยสถา นการณ๑ จาลองสงู กวาํ กลํุมทเ่ี รยี นแบบปกติ 3. ความพึงพอใจตํอการจัดการเรียนร๎ูเรื่องอาหารปลอดภัยหลังการเรียนของกลุํมที่เรียนด๎วย สถานการณ๑จาลองสูงกวําการเรยี นแบบปกติ ประโยชน์ทไี่ ด้รับ 1. การจดั การเรียนการสอนโดยใช๎สถานการณ๑จาลอง เป็นการพัฒนาทั้งดา๎ นความจาและพัฒนาขีด ความสามารถ เปน็ รปู แบบและกระบวนการฝึกฝนใหผ๎ เ๎ู รยี นปฏบิ ตั หิ รือมีสํวนรํวม ร๎ูจักคิดแก๎ป๓ญหาเมื่อเผชิญ กบั สภาพการณ๑ตาํ งๆ ผูเ๎ รยี นได๎รบั ประสบการณส๑ ามารถเขา๎ ถึงความหลากหลายของทักษะตาํ งๆ ซงึ่ อาจเกิดขน้ึ ในชีวิตประจาวนั ทาให๎รวู๎ ธิ กี ารแก๎ไขปญ๓ หา นอกจากนสี้ ถานการณ๑จาลองจูงใจเปน็ เครอื่ งมอื กระตนุ๎ ให๎นักเรียน ได๎แสดงความรับผิดชอบตํอบทบาทที่ได๎รับในกระบวนการเรียนรู๎ ดึงดูดความสนใจของผ๎ูเรียนให๎สามารถ ประกอบกิจกรรมได๎นานและสามารถเข๎าสํูพฤติกรรมที่ต๎องการได๎2552 .สุขสม สิวะอมรรัตน๑); อ๎างอิงจาก Jones. (4-3 :1983 2. เป็นประโยชน๑ตํอการนาไปปรับใช๎เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู๎ในรายวิชาตําง ๆ และเป็น ประโยชน๑ในการนาผลการวจิ ยั นีไ้ ปตํอยอดกบั งานวจิ ยั อน่ื ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ๎ ง การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 328
วธิ ดี าเนินการวจิ ยั การวจิ ยั กึง่ ทดลองครั้งนดี้ าเนนิ การทดลองโดยการสํมุ 2 กลํุมวดั 2 ครง้ั (The randomized control group pretest posttest Design) กลํุมควบคมุ 34 คนไดร๎ บั การสอนแบบปกติ กลมํุ ทดลอง 31 คนจดั การ เรียนแบบใชส๎ ถานการณ๑จาลอง E RO1 X O2 C RO1 ~X O2 ประชากรและตวั อยา่ ง ประชากรในการศึกษาคร้ังนี้ คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2559 ปีการศึกษา 1 ภาคเรียนท่ี 4 หอ๎ งเรยี น 10 แผนการเรียน 7 คน จานวน 435 โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศึกษา กลุํมตัวอยํางในการศึกษาครั้งน้ี เลือกโดยการสุํมอยํางงําย )Simple Random Sampling) ได๎ แผนการเรยี นภาษา – ฝรง่ั เศส กลุํมทดลอง หอ๎ งเรียนจานวน 131 คน และกลุํมควบคุม ห๎องเรียน 1จานวน 34 คน เคร่อื งมอื เครอื่ งมอื ท่ีใชใ๎ นการทดลอง คอื แผนการสอนแบบสถานการณ๑จาลอง และชดุ จาลองการทดสอบสาร ปนเปื้อนในอาหาร เกบ็ รวบรวมขอ๎ มลู ดว๎ ยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนเร่ือง อาหารปลอดภัย เป็น ข๎อสอบปรนัย ข๎อ และแบบสอบถามความพึงพอใจตํอการจัดการเรยี นร๎ใู นการสอนวิชา 30 ตวั เลือก จานวน 4 ระดับ 5 สุขศกึ ษา เปน็ มาตรวัดประมาณคํา การเก็บรวบรวมขอ้ มลู : กล่มุ ทดลอง กลุมํ ทดลอง 31 คนแบํงเปน็ 6 กลุํมจัดการเรียนแบบใช๎สถานการณ๑จาลอง ใช๎ หมุนเวียนกันเป็นผ๎ูสาธิต ฐานละ 10 นาทจี นครบ 6 ฐาน 1. แบงํ เป็น 6 กลุํมรับผิดชอบการสาธติ อาหาร 6 กลมุํ ละ 1 เรอื่ งโดยวิธีจบั ฉลาก การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 329
2. มอบหมายงานเตรียมความพรอ๎ มการเป็นผูส๎ าธิตด๎วยใบความรู๎ข้ันตอนการทดสอบอาหาร พร๎อมชุด การทดสอบอาหารแบบจาลอง 3. ดาเนนิ ทดลอง จดั การเรยี นแบบใช๎สถานการณ๑จาลอง ใช๎เวลาเรียน 2 คาบเรียน หมุนเวียนกันเป็นผ๎ู สาธติ ฐานละ 10 นาทีจนครบ 6 ฐาน กลุมํ 1 กลํมุ ที่/คนที่ กลมุํ ที่/คนท่ี กลมุํ ที/่ คนที่ กลมุํ ท/่ี คนท่ี กลํมุ ที่/คนท่ี บอแรกซ๑ 1/1 1/2 1/3 1/4 1/5 ผส๎ู าธิต กลํุม 2 กลํมุ 3 กลุํม 4 กลุํม 5 กลุมํ 6 กลมํุ ปฏิบตั ิ กลมํุ 2 2/1 2/2 2/3 2/4 2/5 ผส๎ู าธติ ฟอร๑มาลิน กลมํุ 2 กลุมํ 3 กลมํุ 4 กลุํม 5 กลมํุ 6 กลํุมปฏบิ ัติ กลุมํ 3 3/1 3/2 3/3 3/4 3/5 ผ๎ูสาธิต สารกนั รา กลุํม 2 กลมํุ 3 กลุํม 4 กลมํุ 5 กลุมํ 6 กลมุํ ปฏิบตั ิ กลุมํ 4 4/1 4/2 4/3 4/4 4/5 ผสู๎ าธิต สารฟอกขาว กลุํม 2 กลมํุ 3 กลมํุ 4 กลมํุ 5 กลมํุ 6 กลมํุ ปฏบิ ัติ กลุํม 5โซเดียม 5/1 5/2 5/3 5/4 5/5 ผู๎สาธิต เมตาฟอสเฟต กลํมุ 2 กลํุม 3 กลํุม 4 กลํุม 5 กลํุม 6 กลุมํ ปฏิบัติ กลมํุ 6 6/1 6/2 6/3 6/4 6/5 ผ๎สู าธิต ยาฆําแมลง กลมุํ 2 กลุํม 3 กลมํุ 4 กลุํม 5 กลมุํ 6 กลํุมปฏบิ ตั ิ การวเิ คราะหข์ ้อมูล วเิ คราะหข๑ ๎อมลู โดยใชโ๎ ปรแกรมสาเรจ็ รูปหาคําความถี่ รอ๎ ยละ คาํ เฉลย่ี สํวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และ ทดสอบคะแนนเฉล่ียผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนเรือ่ งอาหารปลอดภยั ภายในกลมํุ ตวั อยําง )Within group)โดยใช๎ สถติ ิ t-test for dependent samples และระหวํางกลํมุ ตัวอยาํ ง )Between groups) โดยใช๎สถติ ิ t-test for independent samples สรปุ ผลการวจิ ัย ตาราง การทดสอบคะแนนเฉลี 1ยํ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวชิ าสขุ ศกึ ษา เร่ือง อาหารปลอดภัย กํอนและหลัง การเรยี นภายในกลุํมทดลอง และภายในกลมํุ ควบคมุ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาสุขศึกษา กํอนการเรยี น หลังการเรียน t p เรือ่ ง อาหารปลอดภยั ̅±S ̅±S การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 330
ภายในกลุํมทดลอง(n= 31) 8.65±2.640 21.77±3.253 17.112* <.001 ด๎านความรู๎ 4.74±2.113 10.55±1.786 10.604* <.001 ด๎านกระบวนการทดสอบอาหาร 3.90±1.535 11.23±1.765 9.38±2.923 16.62±4.097 19.380* <.001 ภายในกลํมุ ควบคุม(n= 34) 4.56±2.149 8.68±2.085 8.463* <.001 ดา๎ นความรู๎ 4.82±2.195 8.09±2.734 8.106* <.001 ดา๎ นกระบวนการทดสอบอาหาร 5.711* <.001 * มนี ัยสาคญั ทางสถิติทร่ี ะดบั .05 จากตารางท่ี 1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลํุมทดลอง คะแนนเฉลี่ยหลังการเรียนสูงกวําคะแนน เฉลย่ี กํอนการเรียนอยาํ งมนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ่ีระดบั .05 เมอ่ื พิจารณารายด๎านพบวํา คะแนนเฉลี่ยทั้ง 2 ด๎าน หลงั การเรียนสูงกวําคะแนนเฉลีย่ กอํ นการเรยี นอยํางมีนยั สาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 สมมตุ ิฐานการวิจัยขอ๎ 1 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของกลุํมควบคุม คะแนนเฉล่ยี หลงั การเรียนสงู กวาํ คะแนนเฉลยี่ กอํ นการเรียน อยาํ งมีนยั สาคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05 เมื่อพิจารณารายดา๎ นพบวํา คะแนนเฉลี่ยท้งั 2 ด๎านหลังการเรียนสูงกวํา คะแนนเฉล่ยี กํอนการเรยี นอยํางมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 ตาราง 2 การทดสอบคะแนนเฉล่ยี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาสุขศึกษา เรื่อง อาหารปลอดภัย กํอนและหลัง การเรียนระหวาํ งกลมุํ ทดลองและกลมุํ ควบคมุ การเรียนวชิ าสุขศกึ ษา กลํมุ ทดลอง(n= 31) กลุํมควบคมุ (n= 34) t p เรือ่ ง อาหารปลอดภัย ̅±S ̅±S กอํ นการเรยี น 8.65±2.640 9.38±2.923 1.063 .292 ด๎านความรู๎ 4.74±2.113 4.56±2.149 0.346 .731 ดา๎ นกระบวนการทดสอบอาหาร 3.90±1.535 4.82±2.195 1.972 .053 หลังการเรียน 21.77±3.253 16.62±4.097 5.643* <.001 10.55±1.786 8.68±1.786 3.869* <.001 ดา๎ นความรู๎ 11.23±1.765 8.09±2.734 5.543* <.001 ดา๎ นกระบวนการทดสอบอาหาร * มนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 จากตารางท่ี 2 พบวํา กํอนการเรยี น คะแนนเฉลีย่ ของกลุํมทดลองและกลํุมควบคุมแตกตํางกันอยําง ไมํมีนัยสาคัญทางสถิติ และคะแนนเฉล่ียทั้ง 2 ด๎านของกลุํมทดลองและกลํุมควบคุมแตกตํางกันอยํางไมํมี นัยสาคัญทางสถิติ หลังการเรยี น คะแนนเฉลีย่ ของกลมุํ ทดลองสงู กวํากลุํมควบคุมอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 เมื่อพจิ ารณารายด๎านพบวาํ คะแนนเฉลี่ยของกลุํมทดลองสูงกวํากลํุมควบคุมทั้ง 2 ด๎านอยํางมีนัยสาคัญทาง สถิติทร่ี ะดบั .05 สมมตุ ิฐานการวจิ ัยข๎อ 2 การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 331
ตารางท่ี 3 การทดสอบคะแนนเฉล่ียความพึงพอใจตํอการจัดการเรียนรู๎วิชาสุขศึกษา เร่ือง อาหารปลอดภัย ระหวํางกลํุมทดลองและกลํมุ ควบคุม คะแนนความพงึ พอใจ ̅±S tp กลุํมทดลอง(n=31) 4.59±0.51 4.661* <.001 กลํมุ ควบคุม(n=34) 3.95±0.59 * มีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ .05 จากตารางที่ 3 พบวํา คะแนนเฉล่ียความพึงพอใจตํอการจัดการเรียนร๎ูของกลุํมทดลองเทํากับ 4.59 คะแนน สูงกวําคะแนนเฉลี่ยความพงึ พอใจตํอการจัดการเรียนรู๎ของกลํุมควบคุมซึ่งเทํากับ 3.95 คะแนน ผล การทดสอบความแตกตํางทางสถิติ พบวําคะแนนเฉล่ยี ความพงึ พอใจตํอการจัดการเรียนรู๎ของกลํุมทดลอง สูง กวาํ คะแนนเฉลย่ี ความพึงพอใจตอํ การจัดการเรียนรู๎ของนกั เรียนกลํมุ ควบคุมอยาํ งมนี ัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 เป็นไปตามสมมตฐิ านข๎อ 3 สรปุ ผล 1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความพึงพอใจตํอการจดั การเรียนรู๎แบบสถานการณ๑จาลองเรื่อง อาหาร ปลอดภยั ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสูงกวํากํอนเรียน และสูงกวําการเรียน แบบปกติอยํางมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05 2. คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจตํอการจัดการเรียนร๎ูวิชาสุขศึกษาเร่ืองอาหารปลอดภัย ของกลุํมท่ีเรียน แบบใชส๎ ถานการณ๑จาลอง สูงกวาํ กลํมุ ท่ีเรียนแบบปกติอยํางมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดับ .05 การอภปิ รายผล การเรยี นแบบสถานการณจ๑ าลองสามารถพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของกลํุมทดลอง โดยพบวํา กลุมํ ทดลองมคี ะแนนเฉลยี่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นเรื่องอาหารปลอดภัยหลังเรยี นสงู กวํากํอนเรียนและสูงกวํา กลุํมควบคุมอยาํ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดับ .05 และเม่ือพิจารณารายด๎านพบวํา คะแนนเฉล่ียด๎านความรู๎ และดา๎ นกระบวนการทดสอบอาหารสูงขึ้นอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ท้ังนี้ เนื่องจากสถานการณ๑ จาลองที่สรา๎ งข้นึ ในหอ๎ งเรียน ผูเ๎ รียนไดเ๎ รยี นรูแ๎ ละมปี ระสบการณฝ๑ กึ การทดสอบสารปนเปอ้ื นในอาหาร ทาให๎ เกิดความเข๎าใจและทดสอบสารปนเป้ือนในอาหารได๎ ผู๎เรียนทุกคนมีโอกาสแสดงบทบาทของตนเองตาม สถานการณ๑ท่กี าหนด คือผนู๎ าการสาธิตจัดรูปแบบการเรยี นโดยการจาลองการทดสอบสารปนเปื้อนในอาหาร สาธติ การทดสอบใกล๎เคยี งกบั สภาพจรงิ มากทสี่ ดุ และผู๎ฝกึ ปฏิบตั ิ ปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนของผนู๎ าการสาธิต เปล่ียน ฐานการทดสอบจาลองหมุนเวยี นกนั ไปจนครบ 6 ชุดการทดสอบ และกลุํมทดลองมีคะแนนเฉลย่ี ความพึงพอใจ ตอํ การจัดการเรยี นร๎ูสูงกวํากลุมํ ควบคมุ อยํางมีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 ท้ังนี้เนื่องจากการที่ได๎เข๎าไปอยูํ ในสถานการณ๑จาลองทส่ี ร๎างข้ึนมา มบี รรยากาศสนกุ สนาน ทาใหผ๎ ูน๎ าการสาธติ และผ๎ูฝึกปฏิบัติเพลิดเพลินกับ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 332
กระบวนการเรยี นรูท๎ มี่ ีลกั ษณะคลา๎ ยกบั สภาพความเป็นจรงิ การมสี ํวนรวํ มและไดป๎ ฏบิ ัติ สามารถเชือ่ มโยงการ เรียนรไ๎ู ปสํกู ารปฏบิ ัติจรงิ สอดคล๎องกบั การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความพึงพอใจในการเรียนวิชา ภาษาไทยเรือ่ งสานวนไทย ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 โดยใชบ๎ ทเรียนคอมพิวเตอร๑มัลติมีเดียประเภท สถานการณ๑จาลอง พบวํา ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวํากํอนเรียนอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติ และนักเรียนมี ความพึงพอใจโดยรวมในระดบั มากตอํ การเรยี น(กณกวรรณ กอกหวาน, 2554) การศกึ ษาผลสัมฤทธิ์การเรยี นรู๎ โดยใช๎สถานการณ๑จาลองเร่ืองกระบวนการขาย ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีท่ี 2 วิทยาลัย เทคโนโลยวี ิมลบริหารธุรกิจ พบวํา ผลสมั ฤทธิก์ ารสงู กวาํ กํอนเรียนอยํางมีนัยสาคญั ทางสถิติ(สุภาพร อภิพันธุ๑, 2556) การศึกษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนโดยใชบ๎ ทเรยี นคอมพิวเตอร๑มลั ติมเี ดยี ทม่ี ีสถานการณ๑จาลองประกอบ บทเรียนเรอื่ งเศรษฐกิจพอเพยี ง ของนกั เรียนชํวงช้ันท่ี 3 พบวําผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวํานักเรียนท่ีเรียน โดยการจดั การสอนปกติอยาํ งมีนยั สาคัญทางสถิต(ิ ลลั น๑ลลติ สบื ประดิษฐ๑ ฤทธิชยั อํอนมง่ิ และจิราภรณ๑ บญุ สํง , 2551) และการศกึ ษาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวิชาสังศึกษาและความสามารถในการสร๎างความคิดรวบยอด โดยใช๎เกมสถานการณ๑จาลอง ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 กับ พบวําผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกวํา นกั เรยี นทเี่ รยี นดว๎ ยการสอนตามคูํมือครูอยาํ งมนี ัยสาคัญทางสถิติ(สันติพงศ๑ ชินประดิษฐ๑, 2534) ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะจากการวจิ ัย การสอนโดยใชส๎ ถานการณ๑จาลองทท่ี า๎ ทาย กระตนุ๎ ความสนใจ อยากรู๎อยากเหน็ และสงํ เสริมให๎ นกั เรียนมคี วามเปน็ ผนู๎ า กล๎าแสดงออกชวํ ยใหบ๎ รรยากาศการเรียนเป็นแบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ทาให๎นกั เรยี นเพลิดเพลนิ เกิดความสนกุ สนาน ไมํเบอ่ื หนําย ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั คร้ังต่อไป การศึกษาสถานการณ๑จาลองกับกลุํมสาระอ่ืน เชํน ภาษาไทย คณิตศาสตร๑ การแนะแนว วิทยาศาสตร๑ เพื่อพัฒนาความสามารถของผ๎ูเรียนในหลายๆด๎าน เชํน การคิดวิเคราะห๑ การแก๎ป๓ญหาและ ทกั ษะชวี ติ ที่สาคัญ กติ ติกรรมประกาศ (ถา้ มี) รายงานการวิจยฉั บับน้สี าเรจ็ ลงได๎ดว๎ ยความกรุณาอยาํ งสงู จากคณาจารย๑กลํุมสาระสุขศึกษาและพล ศึกษา กลุํมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร๑ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาท่ีได๎กรุณาให๎คาแนะนาท่ีเป็นประโยชน๑ อยํางสงู ในการดาเนนิ การวิจัย ตลอดจนอนุเคราะห๑อปุ กรณ๑ประกอบการวิจัย และขอขอบคณุ นกั เรียนโรงเรยี น เตรยี มอดุ มศกึ ษาที่ให๎ความรวํ มมือในการรํวมกจิ กรรมการเรยี นการสอน เอกสารอา้ งอิง การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 333
กณกวรรณ กอกหวาน. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจในการเรียนวิชา ภาษาไทยเรื่องสํานวนไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติ มีเดีย ประเภทสถานการณ์จําลอง. ปริญญานิพนธ๑วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต(เทคโนโลยีการศึกษา). บัณฑิต วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. กรมวทิ ยาศาสตร๑การแพทย.๑ (2536). คู่มอื การใชช้ ดุ ทดสอบอาหาร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพก๑ ารศาสนา. ลัลน๑ลลิต สืบประดิษฐ๑ ฤทธิชัย อํอนม่ิง และจิราภรณ๑ บุญสํง.(2551). เปรียบเทียบผลของการใช้บทเรียน คอมพวิ เตอรม์ ัลติมเี ดีย ท่ีมสี ถานการณ์จําลองประกอบบทเรียนเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงท่ีมีต่อผล สัมฤทธิ์ ทางการเรยี นกับการสอนปกติ สําหรับนักเรียนช่วงช้ันที่ 3. วารสารวิชาการคณะศึกษาศาสตร๑, 9(2), 68- 73. สันติพงศ๑ ชินประดิษฐ. (2534). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความสามารถในการสร้าง ความคดิ รวบยอดของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ที่เรยี นวชิ าสงั ศกึ ษาดว้ ยการสอนโดยใชเ้ กมสถานการณ์ จําลองกับการสอนตามคู่มอื ครู. ปริญญานิพนธก๑ ารศกึ ษามหาบณั ฑิต.(การมัธยมศึกษา). กรงุ เทพฯ: บัณฑิต วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. สุขสม สิวะอมรรัตน๑. (2552). ผลของการใช้สถานการณ์จําลองท่ีมีต่อความสามารถในการทํางานกลุ่มของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดเลียบราษฎร์บํารุงเขตบางซื่อกรุงเทพมหานคร. สารนิพนธ๑ การศึกษามหาบณั ฑติ (จิตวิทยาการศึกษา). กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. สุภาพร อภิพันธุ๑. (2556). เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียนการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์จําลอง วชิ าการขาย 2 เร่อื งกระบวนการขาย ของนกั ศกึ ษาระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชีพปีท่ี 2วิทยาลัยเทคโนโลยี วมิ ลบริหารธุรกจิ . สบื คน๎ จาก http://www.pvca-ri.com/myfile/141014211846_1.pdf สวุ ทิ ย๑ มูลคา และอรทยั มูลคา. (2545). วิธจี ดั การเรยี นรู้เพ่ือพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ: ภาพพมิ พ๑. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 334
การบริหารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สู่มาตรฐานศูนย์ เดก็ เล็กแหง่ ชาติ The Administration of Child Development Centers In Bangbuathong District, Nonthaburi Province Towards the National Children’s Center Standard เมธนากานต์ ทองศิริ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ E-mail [email protected] บทคัดยอ่ การวจิ ยั คร้ังนี้มีวัตถุประสงค๑ เพ่ือศึกษาสภาพการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก และเปรียบเทียบการ บรหิ ารศูนย๑พัฒนาเดก็ เลก็ แนวทางและขอ๎ เสนอแนะในการพัฒนาการบรหิ ารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สํูมาตรฐาน ศูนยเ๑ ดก็ เลก็ แหงํ ชาติ ของศูนย๑พฒั นาเด็กเล็กในเขตอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ประชากรที่ใช๎ในการ วจิ ัย ประกอบดว๎ ย ผู๎บรหิ ารและครูเดก็ เล็กในศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จานวน ทัง้ หมด 125 คน เครื่องมือท่ีใชใ๎ นการเก็บรวบรวมข๎อมูลคือ แบบสอบถามชนิดมาตรประมาณคํา 5 ระดับ ท่ี สอบถาม คุณภาพของแบบสอบถามคือ มีคํา IOC รายข๎อระหวําง .67 - 1.00 และคําสัมประสิทธ์ิแอลฟา เทํากับ 0.99 วิเคราะหข๑ ๎อมลู ดว๎ ยการแจกแจงความถ่ี ร๎อยละ คาํ เฉล่ีย สวํ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และสถติ ิทีใ่ ช๎ใน การเปรยี บเทียบคําเฉล่ยี ที่ไดจ๎ ากประชากรดว๎ ยสถิติ Effect Size ผลการวจิ ัยสรปุ ได๎ดงั นี้ 1. สภาพการบรหิ ารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กใน อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบรุ ี ในภาพรวมอยํใู นระดับมาก คาํ เฉล่ยี 4.03 สํวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.41 2. ผลการเปรยี บเทยี บ พบวําระดบั การบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สํูมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ของศูนยพ๑ ัฒนาเด็กเลก็ ในเขตอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จาแนกตาม ตาแหนํงของผ๎ูบริหาร และครู เด็กเล็ก พบความแตกตํางกนั เด็กเล็ก พบความแตกตํางกันในภาพรวมระดับน๎อย สํวนขนาดของศูนย๑พัฒนา เดก็ เลก็ พบความแตกตาํ งในภาพรวมระดับน๎อย คาสาคัญ : การบริหารศูนย๑พฒั นาเดก็ เล็ก , มาตรฐานศูนยเ๑ ด็กเล็กแหงํ ชาติ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 335
Abstract This research aimed to study and compare the administrational condition of child development centers in Bangbuathong district, Nonthaburi Province towards the national children’s center standard. Classified by administrational position and the child development size. There were 125 populations used for this study by the group of administrators and operation staff of child development centers in Bangbuathong district, Nonthaburi Province. The instrument for collecting data was 5 rating questionnaire, The quality of questionnaire were IOC index between .67 - 1.00 and Conbrach’s alpha 0.99. The data were analyzed by frequency, percentage, mean and standard deviation, In addition, the statistics used to compare the population’s mean by Effect Size. The result of this study has shown that: 1) The overall level of administrational condition of Child Development Centers towards the National Children’s Center Standard in Bangbuathong, Nonthaburi was at a high level with a mean score of 3.70 standard deviation . 2) The comparison result revealed that the overall level of administration in the Child Development Centers towards the National Children’s Center Standard in Bnagbuathong, Nonthaburi classified by the group of administrator’s position and the Operation Staff was at an average level. Finally, for the size of Child Development Centers,the overall level of administration shown was at the lowest level. The opinions of administrators and teachers divided by gender, age, position.educational background. There were statistically significantly different .05 level except the school affiliation of administrators and teachers. Keyword: the administration, child development centers, the national children’s center standard การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 336
บทนา องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิ่นจะต๎องจัดการศึกษาให๎สอดคล๎องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามรําง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ ฉบับท่ีสิบสอง (พ.ศ. 2 560 – 2564) ที่มุํงสูํการยกระดับคุณภาพ การศกึ ษาและการเรียนร๎ูให๎มีคุณภาพเทําเทียมและทั่วถึง โดยจุดเน๎นและประเด็นพัฒนาในแผนพัฒนาการ เศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ ฉบับท่ีสิบสอง เปน็ การเตรยี มพรอ๎ มด๎านกาลังคนและการเสริมสร๎างศักยภาพของ ประชากรในทุกชํวงวยั การยกระดับคุณภาพการศึกษาสูํความเปน็ เลิศในทกุ ระดบั และยกระดบั การเรียนร๎ู โดย เนน๎ พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ทั้งการบริหารจดั การโรงเรียนขนาดเลก็ ปรับระบบการเรียนการสอน และการพัฒนาครูทั้งระบบ รวมทั้งการยกระดับคุณภาพการศึกษาสํูความเป็นเลิศ นอกจากนี้ต๎องให๎ ความสาคัญกับการสร๎างป๓จจัยแวดล๎อมที่เอื้อตํอการเรียนร๎ูตลอดชีวิต ท้ังส่ือการเรียนรู๎และแหลํงเรียนรุ๎ท่ี หลากหลาย (ราํ งแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ ฉบบั ที่ 12 , 2559, หน๎า 16) สถานศกึ ษาระดบั เดก็ เลก็ กํอนวยั เรยี นที่องค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ินจัดต้ังขึ้นตามมาตรา 289 แหํง รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตรา 41 แหํงพระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พุทธศกั ราช 2542 เรยี กวํา ศนู ยพ๑ ัฒนาเด็กเล็ก และมาตรา 16 แหํงพระราชบัญญัติกาหนดแผนและข้ันตอน การกระจายอานาจใหแ๎ กอํ งคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิน่ ทีม่ งํุ ให๎เกิดการกระจายโอกาสทางการศกึ ษาให๎กบั เด็กทุก คนในพ้ืนที่อยํางท่ัวถึง สํงเสริมการพัฒนาเด็กให๎ได๎รับการเตรียมความพร๎อมอยํางถูกต๎องเหมาะสมกับวัย สามารถเข๎าศกึ ษาตํอในระดบั ท่ีสูงข้ึนได๎อยํางมปี ระสทิ ธภิ าพ ประสิทธิผล และเป็นการแบํงเบาภาระการดูแล เดก็ ให๎แกํพํอแมํ ผ๎ูปกครองสามารถประกอบอาชพี ได๎อยาํ งผาสกุ หมดกังวลในบตุ รหลาน เน่ืองจากศูนย๑พัฒนา เดก็ เล็กเปนสถานที่หนงึ่ ซึง่ เปนจดุ เรม่ิ ตนของการสรางทรัพยากรทที่ รงคุณคา การดูแลรับผิดชอบศูนยพัฒนา เดก็ เล็กถอื เปนภารกิจท่ีสาคัญขององคกรปกครองสวนทองถ่ินท่ีจะตองจัดการศึกษาและพัฒนาเด็กเล็กใน ชมุ ชนทองถิ่นใหมคี วามพรอมและมีศกั ยภาพตามวัย ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองคกรปกครองสวนทองถ่ิน นอกจากจะต๎องบริหารจดั การตามมาตรฐานการดาเนินงานศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กของกรมสํงเสริมการปกครอง ทอ๎ งถน่ิ แลว๎ ศูนย๑พฒั นาเดก็ เล็กจะต๎องไดร๎ บั การประเมนิ ตามมาตรฐานศนู ยเ๑ ด็กเล็กแหงํ ชาติ เพือ่ ใหการบรหิ าร จดั การศูนย๑พัฒนาเดก็ เล็กมคี วามเป็นมาตรฐานระดับชาติ และมีคุณภาพตามหลักวิชาการอยํางมีระบบ (กรม สํงเสริมการปกครองทอ๎ งถนิ่ , 2550, หนา๎ 3) สานกั งานสํงเสรมิ สวสั ดิภาพและพิทักษ๑เดก็ เยาวชน ผดู๎ ๎อยโอกาส และผ๎ูสูงอายุ (สท.) กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย๑ ได๎จัดทารํางมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติเป็นการยกระดับศูนย๑ พัฒนาเด็กเล็ก โดยการยกรํางมาตรฐานดังกลําวมีตัวบํงช้ีและเกณฑ๑การประเมินเป็นไปตามนโยบายและ วัตถปุ ระสงคข๑ องแตํละหนํวยงาน โดยใชก๎ ระบวนการมีสํวนรํวมของทุกภาคสํวนรํวมกันพิจารณาตัวบํงช้ีและ เกณฑ๑การประเมินป๓จจัยนาเข๎าและกระบวนการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือให๎มีความเหมาะสมในการเป็น มาตรฐานกลางของประเทศ และสอดคลอ๎ งกับมาตรฐานของสานักงานรบั รองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศกึ ษา (องค๑การมหาชน) ปี พ.ศ. 2552-2554 ตํอมาในปี พ.ศ. 2556 ได๎มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพ่ือขบั เคลื่อนสกํู ลไกนโยบายการยกระดบั ศนู ย๑เดก็ เลก็ สกูํ ารปฏบิ ัติ โดยมีวัตถุประสงค๑เพื่อสร๎างความร๎ู ความ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 337
เขา๎ ใจเกี่ยวกับมาตรฐานศนู ย๑เดก็ เล็กแหํงชาติแกํหนํวยงานตน๎ สังกดั ในการเตรียมความพร๎อมของศูนย๑เด็กเล็ก ทั่วประเทศ และสามารถนามาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติเป็นเคร่ืองมือในการประกันคุณภาพภายในเพ่ือ เตรียมความพร๎อมรองรบั การประเมนิ ภายนอกจาก สมศ. (สานกั งานสงํ เสริมสวัสดภิ าพและพิทกั ษ๑เดก็ เยาวชน ผดู๎ ๎อยโอกาส และผู๎สูงอายุ (สท.) งานปฐมวยั , 2558, หน๎า 1-3) การเตรยี มความพรอ๎ มในการรบั การประเมนิ มาตรฐานศูนย๑เดก็ เลก็ แหํงชาติของศนู ย๑พัฒนาเด็กเลก็ จึง มคี วามสาคัญสาหรับการบรหิ ารจัดการศึกษา เน่อื งจากเกณฑ๑และตัวบํงช้ีของมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ประกอบด๎วย 3 ด๎าน ได๎แกํ มาตรฐานด๎านการบริหารจัดการ มาตรฐานด๎านการจัดกระบวนการเรียนร๎ูเพ่ือ สํงเสริมพัฒนาการเดก็ และมาตรฐานดา๎ นคณุ ภาพเด็ก ทั้ง 3 ด๎านทีก่ ลําวมามีตัวบํงชี้ท่ีมีเนื้อหาที่เป็นแนวทาง ในการบรหิ ารจดั การศกึ ษาอยาํ งครบถ๎วน ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก นอกจากจะต๎องดาเนินงานตามมาตรฐานของ ศูนย๑พฒั นาเดก็ เล็กทง้ั 6 ดา๎ นท่ีกรมสํงเสริมการปกครองท๎องถ่ินกาหนด ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กยังต๎องได๎รับการ ประเมินมาตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหงํ ชาติจากต๎นสงั กัด เพื่อเป็นการตรวจสอบคุณภาพและเป็นแนวทางในการ ยกระดบั คุณภาพของศนู ย๑พัฒนาเดก็ เล็กท่ัวประเทศ จากเหตุผลดังกลําวผ๎ูวิจัยเห็นความสาคัญและสนใจท่ีจะศึกษาการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สํูมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ในอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยสอบถามความคิดเห็นจากกลํุม ผ๎ูบริหารกับครูเด็กเล็ก ผ๎ูบริหารประกอบด๎วย นายกเทศมนตรี นายกองค๑การบริหารสํวนตาบลหัวหน๎า สถานศกึ ษา หวั หน๎าศนู ย๑พฒั นาเด็กเล็ก และนกั วชิ าการศกึ ษา สํวนครูเด็กเล็กประกอบด๎วย ครู ครูผ๎ูดูแลเด็ก ผูช๎ ํวยครูผ๎ดู ูแลเด็ก และผ๎ูดูแลเด็ก เกี่ยวกับการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ เพอื่ นาผลการวิจัยท่ีได๎ไปปรับปรุงระบบการบริหารของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก และดาเนินการหาแนวทางการ พัฒนาให๎เป็นไปตามมาตรฐานการดาเนินงานท่ีมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติกาหนด เม่ือการดาเนินงาน เป็นไปตามแนวทางอยํางเป็นระบบและครบถ๎วนแล๎ว ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสามารถจัดการศึกษาได๎อยํางมี คุณภาพ และนาผลการศึกษาที่ได๎ไปเป็นแนวทางในการวางแผนเพื่อเตรียมความพร๎อมในการรองรับการ ประกันคุณภาพภายนอกของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กตอํ ไป วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพือ่ ศึกษาการบรหิ ารศูนย๑พฒั นาเด็กเลก็ ในอาเภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบรุ ี สมูํ าตรฐานศนู ยเ๑ ดก็ เล็กแหงํ ชาติ 2. เพ่ือเปรียบเทียบการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก ในอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สูํมาตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหํงชาติ ตามความคิดเห็นของผ๎ูปฏิบัติงานจาแนกจากตาแหนํง และขนาดของศูนย๑ พฒั นาเด็กเลก็ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 338
สมมตฐิ านการวจิ ยั ผู๎บริหารกับครเู ด็กเลก็ ของศูนย๑พัฒนาเดก็ เล็ก มคี วามคดิ เห็นเก่ียวกับการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สมํู าตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหํงชาติ แตกตํางกนั และศูนยพ๑ ัฒนาเด็กเล็กที่มีขนาดแตกตํางกัน มีการบริหารศูนย๑ พฒั นาเด็กเล็กสํูมาตรฐานศนู ยเ๑ ดก็ เลก็ แหํงชาติ แตกตํางกนั กรอบแนวคดิ ในการวิจัย ในการศึกษาครง้ั นี้ ผว๎ู ิจยั มงุํ ศึกษาการบริหารศนู ยพ๑ ฒั นาเด็กเลก็ สํูมาตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหงํ ชาติ ของ ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ตามเกณฑ๑มาตรฐานการดาเนินงานศูนย๑เด็กเล็ก แหํงชาตทิ ่ีกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย๑ และหนํวยงานที่เกย่ี วข๎องรวํ มกนั กาหนดข้ึนใน ปี พ.ศ.2556 ดังน้ี ตวั แปรอสิ ระ ตัวแปรตาม สถานภาพ การบรหิ ารศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ 1. ตาแหน่งในการปฏบิ ตั ิงาน สู่มาตรฐานศนู ย์เดก็ เลก็ แห่งชาติ 2. ขนาดของศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก 1. การบรหิ ารจัดการศนู ย์เดก็ เลก็ 2. การจัดกระบวนการเรียนรเู้ พื่อส่งเสริม พฒั นาการเด็ก วธิ ีดาเนนิ การวิจยั การวจิ ยั ครงั้ นี้ดาเนนิ การกบั ประชากร คอื ผ๎บู รหิ ารและครเู ด็กเลก็ ในศนู ยพ๑ ฒั นาเดก็ เล็ก อาเภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบรุ ี จานวนทง้ั หมด 125 คน ผบู๎ ริหารประกอบด๎วย นายกเทศมนตรี นายกองค๑การบรหิ าร สํวนตาบล หัวหน๎าสถานศกึ ษา หัวหนา๎ ศนู ย๑พฒั นาเดก็ เลก็ และนกั วชิ าการศกึ ษา รวม 43 คน สวํ นครเู ดก็ เล็ก ประกอบดว๎ ย ครู ครูผ๎ูดูแลเดก็ ผ๎ชู ํวยครผู ๎ดู แู ลเดก็ และผดู๎ แู ลเดก็ จานวน 82 คน จากศูนย๑พฒั นาเดก็ เลก็ จานวนทั้งหมด 20 ศนู ย๑ เคร่อื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจยั แบบสอบถามชนิดมาตรสวํ นประมาณคําของลิเคิร๑ท 5 ระดับ วิเคราะห๑ความตรงของแบบสอบถาม (validity) โดยใหผ๎ ู๎เชยี่ วชาญจานวน 3 คน พิจารณา มีคํา IOC รายข๎อระหวําง .67 - 1.00 และความเท่ียง (reliability) ไดค๎ ําสัมประสทิ ธิ์แอลฟาเทํากับ 0.99 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 339
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผวู๎ จิ ัยนาแบบสอบถามฉบบั สมบรู ณ๑แลว๎ ไปรวบรวมข๎อมลู ตามขั้นตอนดังตอํ ไปนี้ 1. ขอความอนุเคราะห๑องคก๑ ารบริหารสํวนตาบลในเขตอาเภอบางบวั ทอง จังหวัดนนทบุรี ในการเก็บ ข๎อมูลกับกลํุมเปูาหมายในการวิจัยครั้งน้ี แล๎วเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยใช๎แบบสอบถามกับประชากรท่ีเป็น กลํุมเปาู หมาย ด๎วยตนเองตามตารางเวลาทีน่ ดั หมาย 2. จัดประชุมกลํุม (Focus group) เพ่ือนาเสนอผลการวิเคราะห๑ข๎อมูล และพิจารณาแนวทางการ บริหารศูนยพ๑ ัฒนาเดก็ เลก็ ผู๎เข๎ารวํ มประชมุ กลมุํ ประกอบด๎วยผูบ๎ รหิ ารศนู ย๑พัฒนาเด็กเลก็ ในเขตอาเภอบางบวั ทอง จังหวัดนนทบรุ ี จานวน 5 คน และครูเดก็ เล็กของศนู ยพ๑ ฒั นาเด็กเล็ก ทาหน๎าที่ครู ครูผ๎ูดูแลเด็ก ผ๎ูชํวยครู ผ๎ดู แู ลเดก็ และผู๎ดแู ลเด็ก จานวน 5 คน รวมจานวน 10 คน การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ผู๎วิจัยได๎นาข๎อมูลทส่ี มบูรณ๑มาวเิ คราะหด๑ ว๎ ยดว๎ ยโปรแกรมสาเรจ็ รูปทางสถติ ิ ดงั น้ี 1. วิเคราะห๑ขอ๎ มูลเกยี่ วกับสถานภาพของผ๎ตู อบแบบสอบถาม โดยการแจกแจงความถ่ี และร๎อยละ 2. วเิ คราะหข๑ ๎อมลู ความคดิ เห็นจากแบบมาตรประมาณคํา ระดับการปฏบิ ัตใิ นการบรหิ ารศนู ย๑พัฒนา เดก็ เล็ก อาเภอบางบวั ทอง จังหวัดนนทบุรี หาคําเฉลี่ย และสํวนเบี่ยงเบนมาตรฐานในภาพรวมและรายด๎าน โดยใชเ๎ กณฑก๑ ารแปลความหมายคาํ เฉล่ยี ดงั นี้ ตง้ั แตํ 4.50 ขน้ึ ไป หมายถึง มีการปฏิบัติในการบริหารระดบั มากทีส่ ดุ ตั้งแตรํ อ๎ ยละ 80 ขน้ึ ไป ต้งั แตํ 3.50 – 4.49 หมายถงึ มีการปฏิบตั ใิ นการบริหารระดบั มาก ตัง้ แตรํ ๎อยละ 70 - 79 ต้งั แตํ 2.50 – 3.49 หมายถึง มกี ารปฏบิ ัตใิ นการบรหิ ารระดบั ปานกลาง ตั้งแตํรอ๎ ยละ 60 - 69 ตงั้ แตํ 1.50 – 2.49 หมายถึง มกี ารปฏบิ ตั ิในการบรหิ ารระดบั นอ๎ ย ตง้ั แตํรอ๎ ยละ 50 - 59 ตา่ กวํา 1.50 หมายถึง มกี ารปฏิบัตใิ นการบริหารระดบั นอ๎ ยทส่ี ุด ตา่ กวาํ รอ๎ ยละ 50 3. เปรียบเทียบการบริหารของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จาแนกตาม ตาแหนงํ ของผ๎ปู ฏบิ ัติงานและขนาดของศูนย๑พฒั นาเดก็ เลก็ ท่เี ก็บรวบรวมข๎อมูลจากประชากรโดยการวิเคราะห๑ ด๎วยสถิติ Effect size 4. คาถามเก่ียวกับแนวทางการพัฒนาการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก ในอาเภอบางบัวทอง จังหวัด นนทบรุ ี สมูํ าตรฐานศนู ยเ๑ ดก็ เลก็ แหงํ ชาติ ผวู๎ ิจยั นามาวิเคราะห๑เน้ือหา )Content Analysisแล๎วนามาเขียน ( เป็นความเรียงเชงิ พรรณนาประกอบการอธบิ าย สรุปผลการวจิ ัยและอภปิ รายผล ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู 1. การบริหารศนู ย๑พฒั นาเดก็ เล็ก สํมู าตรฐานศนู ย๑เด็กเล็กแหงํ ชาติ อาเภอบางบวั ทอง จงั หวัดนนทบุรี การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 340
ตารางท่ี 1 คาํ เฉลย่ี สํวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก อาเภอบางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี สํมู าตรฐานศนู ย๑เดก็ เลก็ แหํงชาติ การบรหิ ารศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ µ แปลค่า สมู่ าตรฐานศูนย์เดก็ เลก็ แหง่ ชาติ 1. ด้านการบริหารจัดการศนู ย์พฒั นาเด็กเล็ก 4.00 0.46 มาก 1.1 การบริหารงานทวั่ ไป 4.02 0.50 มาก 1.2 การบริหารงานบคุ คล 4.10 0.48 มาก 1.3 การบรหิ ารดา๎ นวิชาการและกิจกรรมตามหลักสตู ร 3.92 0.45 มาก 1.4 การบรหิ ารดา๎ นอาคารสถานที่ สง่ิ แวดลอ๎ มและ ความปลอดภยั 3.99 0.46 มาก 1.5 การบริหารดา๎ นการมีสํวนรวํ ม และสนับสนุนของชมุ ชน 4.16 0.49 มาก 2. ด้านการจัดกระบวนการเรยี นรู้เพอ่ื ส่งเสรมิ พฒั นาการเด็ก 4.03 0.41 มาก ภาพรวม พบวาํ การบรหิ ารศนู ยพ๑ ัฒนาเดก็ เล็กสูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ในภาพรวมอยูํในระดับมากท่ี คาํ เฉล่ีย 4.03 สวํ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.41 และเมือ่ พจิ ารณาเปน็ รายด๎าน พบวาํ ทกุ ด๎านมกี ารปฏิบตั งิ าน การ บริหารศูนยพ๑ ัฒนาเด็กเล็กสมูํ าตรฐานศูนย๑เด็กเลก็ แหงํ ชาติในระดบั มากเชํนกัน โดยเรียงลาดับคือ ด๎านการจัด กระบวนการเรียนรู๎เพ่ือสํงเสริมพัฒนาเด็กเล็ก การบริหารด๎านวิชาการและกิจกรรมตามหลักสูตร การ บริหารงานบคุ คล การบรหิ ารงานทว่ั ไป การบรหิ ารด๎านการมสี ํวนรวํ ม และสนบั สนุนของชมุ ชนและการบริหาร ดา๎ นอาคารสถานท่ี สง่ิ แวดล๎อมและความปลอดภัยตามลาดับ สาหรับรายขอ๎ ในแตลํ ะดา๎ นมีขอ๎ ค๎นพบดงั น้ี 1.1 ดา้ นการบริหารการจัดการศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก โดยภาพรวมอยูํในระดับมากและเม่ือพิจารณา เป็นรายข๎อ พบวําทุกข๎ออยํูในระดับมาก ข๎อที่มีคําเฉล่ียสูงสุดคือการบริหารด๎านวิชาการและกิจกรรมตาม หลักสตู ร สํวนข๎อที่มีคาํ เฉล่ียต่าท่สี ุดคอื การบริหารดา๎ นอาคารสถานท่ี สิง่ แวดลอ๎ มและความปลอดภัย ซึ่งด๎าน การบรหิ ารจดั การศูนย๑พฒั นาเดก็ เล็ก ประกอบไปด๎วย 5 งาน ดังนี้ 1) การบรหิ ารงานท่ัวไป โดยรวมอยํใู นระดบั มาก และเมือ่ พจิ ารณาเป็นรายข๎อพบวําทุกข๎อ อยูํในระดบั มาก โดยข๎อทม่ี คี ําเฉลี่ยสูงสดุ คือ ศูนยพ๑ ฒั นาเดก็ เลก็ กาหนดนโยบายด๎านความปลอดภัยในการดูแล เดก็ และบริหารจดั การวางมาตรการรกั ษาความปลอดภัยใหแ๎ กนํ กั เรยี น สํวนขอ๎ ทมี่ คี าํ เฉล่ียต่าสดุ คอื ศนู ยพ๑ ฒั นา เดก็ เลก็ จดั ทาระบบสารสนเทศ ขอ๎ มูล เว็บไซต๑ แผํนผบั ปูาย ประชาสมั พนั ธก๑ ารดาเนินงานเขตศูนย๑พัฒนาเด็ก เลก็ 2) การบริหารงานบุคคล โดยรวมอยํูในระดบั มากและเมือ่ พิจารณาเปน็ รายข๎อพบวําทุกข๎อ อยํูในระดับมากโดยข๎อท่ีมีคําเฉลี่ยสูงสุดคือ ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู๎ปรุง อาหารให๎ปฏบิ ตั ิงานถกู สุขลกั ษณะ สวมผ๎ากนั เปือ้ น หมวกคลุมผมทกุ คร้ังที่ประกอบอาหาร สวํ นขอ๎ ท่มี คี ําเฉลี่ย การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 341
ต่าสุดคือ ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กเสริมสร๎างขวัญกาลังใจ แรงจูงใจแกํบุคลากรเก่ียวกับความก๎าวหน๎าในการ ปฏิบัติงาน และผู๎ปรุงอาหารได๎รบั การอบรมความร๎ูดา๎ นโภชนาการสาหรับเด็กปฐมวัยอยาํ งนอ๎ ยปลี ะ 2 คร้งั 3) การบริหารด๎านวิชาการและกิจกรรมตามหลักสูตร โดยรวมอยํูในระดับมากโดยข๎อท่ีมี คาํ เฉลี่ยสูงสดุ คือ ศนู ย๑พฒั นาเดก็ เลก็ จัดทาแผนการจดั ประสบการณก๑ ารเรยี นรเ๎ู พื่อพฒั นาความสามารถของเด็ก ปฐมวยั ทงั้ 4 ด๎าน โดยคานงึ ถึงความแตกตํางระหวํางบุคคล สํวนข๎อที่มีคําเฉล่ียต่าสุดคือ ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สงํ เสรมิ และพฒั นาแหลงํ เรยี นรู๎ภายในและภายนอกศูนยพ๑ ฒั นาเด็กเล็ก 4) การบรหิ ารดา๎ นอาคารสถานที่ สิ่งแวดล๎อมและความปลอดภัย โดยรวมอยํูในระดับมาก โดยมีข๎อคาํ เฉลย่ี สงู สุดคือ ขยะ อปุ กรณ๑ตาํ งๆ ไดร๎ ับการบรหิ ารจัดการถูกสุขลักษณะ สํวนข๎อท่ีมีคําเฉล่ียต่าสุด คือ การวางแผนและซกั ซ๎อมระบบรองรับเหตฉุ กุ เฉินปอู งกันการเกดิ อุบตั ภิ ัย และภยั ธรรมชาติ 5) การบรหิ ารดา๎ นการมสี วํ นรวํ มและสนับสนุนของชุมชน โดยรวมอยํูในระดับมาก โดยมี ข๎อมีคําเฉล่ียสูงสุดคือ มีผู๎แทนจากชุมชนเข๎ารํวมเป็นกรรมการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กและมีการประชุม รํวมกันอยํางน๎อยปีละ 2 ครั้ง สํวนข๎อที่มีคําเฉลี่ยต่าสุดคือ มีการสร๎างเครือขํายภูมิป๓ญญาท๎องถ่ินในชุมชน แลกเปลย่ี นเรยี นรู๎รวํ มกนั ระหวํางผู๎ปกครอง หวั หนา๎ ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู๎ดูแลเด็ก ครูพ่ีเล้ียง เจ๎าหน๎าที่ท่ี เก่ียวข๎องกบั การพัฒนาเดก็ 1.2 ด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้เพ่ือส่งเสริมพัฒนาเด็กเล็ก พบวําศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กในเขต อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี มีการบริหารงานตามมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ในด๎านการจัด กระบวนการเรยี นรูเ๎ พ่ือสงํ เสรมิ พฒั นาการเด็กโดยรวมอยูใํ นระดับมาก และเมอ่ื พิจารณาเปน็ รายขอ๎ พบวาํ ทกุ ขอ๎ อยใูํ นระดบั มาก ข๎อทีม่ คี าํ เฉล่ียสูงสุดคือ ครูจัดกระบวนการเรียนร๎ูเพื่อพัฒนาด๎านสติป๓ญญา ด๎านทักษะ การ สงั เกต การคดิ การจาแนก การเปรียบเทียบรวมท้ังใช๎การภาษาที่ถูกต๎อง สํวนข๎อที่มีคําเฉลี่ยต่าสุดคือ ครูจัด กระบวนการเรียนรูเ๎ พ่ือพัฒนาด๎านรํางกาย เชํน ดา๎ นโภชนาการ ดา๎ ยสุขนสิ ยั และสขุ ภาพกาย 2. การเปรียบเทียบการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ จาแนกตาม ตาแหนงํ ในการปฏิบัติงานและขนาดของศนู ย๑พัฒนาเดก็ เลก็ 2.1 ตาแหน่งในการปฏิบตั งิ าน ผลการทดสอบสมมติฐาน พบวํา การบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสูํ มาตรฐานศนู ย๑เด็กเล็กแหํงชาติในภาพรวมของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กในอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เมื่อ จาแนกตามตาแหนํงงาน พบความแตกตํางกันในภาพรวมระดับนอ๎ ย ตารางที่ 2 ผลการเปรยี บเทยี บการบรหิ ารของศูนย๑พฒั นาเด็กเล็กอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สํมู าตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหํงชาติ จาแนกตามตาแหนํงของผปู๎ ฏิบัตงิ าน ตาแหน่งของ จานวน µ แปลคา่ Effect ระดับการ ผู้ปฏบิ ตั ิงาน คน size แตกตา่ ง 1. ผ๎ูบรหิ าร 43 4.05 0.44 มาก 0.07 น๎อย 2. ครูเดก็ เลก็ 82 4.02 0.40 มาก ภาพรวม 125 4.03 0.41 มาก การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 342
การบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสํูมาตรฐานศนู ยเ๑ ด็กเลก็ แหงํ ชาติ ตามความคิดเห็นของผ๎ูบริหารและ ครเู ดก็ เลก็ ที่เปน็ ประชากรในภาพรวมอยูํในระดับมากที่คําเฉล่ีย 4.05 และ 4.02 ตามลาดับ เมื่อวิเคราะห๑คํา Effect size เทาํ กบั 0.07 ทีม่ ีความหมายวาํ มคี วามคิดเหน็ แตกตํางระดับน๎อย 2.2 ขนาดของศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เล็ก ผลการทดสอบสมมตฐิ าน พบวาํ การบรหิ ารศูนยพ๑ ฒั นาเด็กเล็ก สํมู าตรฐานศูนยเ๑ ดก็ เลก็ แหงํ ชาติในภาพรวมของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กในอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเมื่อ พิจารณาความแตกตํางเป็นรายคํู ดว๎ ยวธิ ี Effect Size พบวาํ คาํ เฉล่ียแตกตาํ งกันอยูใํ นระดบั นอ๎ ย ตารางที่ 3 ผลการเปรียบเทยี บการบริหารของศูนย๑พฒั นาเด็กเล็ก อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สูํมาตรฐานศนู ย๑เด็กเล็กแหงํ ชาติ จาแนกตามขนาดของศนู ยพ๑ ัฒนาเด็กเลก็ ขนาดศูนย์ จานวน µ แปลค่า Effect ระดบั การ เดก็ เล็ก คน size แตกต่าง 1. ใหญ่ 73 4.06 0.42 มาก 2. กลาง 32 4.01 0.43 มาก 3. เล็ก 20 3.95 0.33 มาก 1. ใหญ่ กบั กลาง 2. ใหญ่ กบั เล็ก 0.07 นอ๎ ย 3. กลาง กบั เล็ก 0.27 ปานกลาง 0.15 น๎อย การบริหารศนู ยพ๑ ฒั นาเด็กเล็กสํมู าตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ตามความคดิ เห็นของผู๎บริหารและ ครูเด็กเล็กท่ีปฏิบัติงานในศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กขนาดตํางๆ ที่คําเฉล่ียขนาดใหญํ กลาง และเล็กเทํากับ 4.06, 4.01 และ 3.95 ตามลาดบั เมือ่ วเิ คราะหค๑ วามแตกตาํ งเป็นรายคพํู บวํา ศนู ย๑พฒั นาเด็กเลก็ ขนาดใหญํกับ กลาง และ ขนาดกลางกับ เล็ก มีคํา Effect size เทํากับ 0.07 และ 0.15 ท่ีมีความหมายวํา แตกตํางระดับน๎อย ความแตกตํางระหวาํ งศูนย๑พัฒนาเดก็ เล็กขนาดใหญํกับเล็ก มีคํา Effect size เทํากับ 0.27 ที่มีความหมายวํา แตกตาํ งระดับปานกลาง สรุปผลการวจิ ยั ผลการวจิ ัยสรุปไดด้ ังนี้ 1. ระดบั การปฏิบัติในการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ อาเภอ บางบัวทอง จังหวดั นนทบุรี ท้ัง 2 ด๎าน พบวาํ โดยภาพรวมอยํใู นระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด๎านพบวําด๎าน การจัดกระบวนการเรียนร๎เู พ่ือสํงเสริมพัฒนาการเด็กมีการระดับการปฏิบัติในการบริหารในระดับมากโดยมี คําเฉลย่ี 4.16 ด๎านบรหิ ารจัดการศนู ยพ๑ ัฒนาเด็กเลก็ อยํูในระดับมาก 5 ด๎านได๎แกํ การบริหารด๎านวิชาการและ กิจกรรมตามหลักสตู ร การบริหารงานบคุ คล การบรหิ ารด๎านการมีสํวนรํวมและสนับสนุนของชุมชน และการ บรหิ ารงานท่วั ไป การบรหิ ารดา๎ นอาคารสถานที่ สง่ิ แวดล๎อมและความปลอดภยั การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 343
2. การเปรยี บเทยี บความคดิ เห็นของผบู๎ ริหารและครูเด็กเลก็ ในการบรหิ ารศูนยพ๑ ฒั นาเด็กเล็กสํู มาตรฐานศูนยเ๑ ด็กเลก็ แหงํ ชาติ อาเภอบางบวั ทอง จังหวัดนนทบุรี จาแนกตามตาแหนํงในการปฏิบัติงานและ ขนาดของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก พบวํา 2.1 ผลการเปรยี บเทียบผบ๎ู ริหารและครเู ด็กเล็ก มีความคิดเหน็ ในการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็ก เลก็ สมํู าตรฐานศนู ยเ๑ ด็กเล็กแหงํ ชาติ อาเภอบางบวั ทอง จังหวดั นนทบุรี พบวําในภาพรวมมีความแตกตํางกัน ระดับน๎อย 2.2 การบรหิ ารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ตามความคิดเห็นของ ผ๎ูบริหารและครูเด็กเล็กท่ีปฏิบัติงานในศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กขนาดตํางๆ ที่คําเฉล่ียขนาดใหญํ กลาง และเล็ก เทาํ กบั 4.06, 4.01 และ 3.95 ตามลาดับ เมอ่ื วิเคราะห๑ความแตกตํางเปน็ รายคํูพบวํา ศูนย๑พัฒนาเดก็ เลก็ ขนาด ใหญํกับ กลาง และ ขนาดกลางกับ เล็ก มคี าํ Effect size เทาํ กบั 0.07 และ 0.15 ทีม่ ีความหมายวํา แตกตําง ระดับน๎อย ความแตกตํางระหวํางศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กขนาดใหญํกับเล็ก มี คํา Effect size เทํากับ 0.27 ที่มี ความหมายวาํ แตกตํางระดับปานกลาง อภิปรายผล ผลการวจิ บั พบวํา การบริหารศูนย๑พฒั นาเด็กเลก็ สํูมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ ในเขตอาเภอบาง ทั้งนี้เป็นเพราะวําผู๎บริหารท่ีเป็นผ๎ูนาใ บวั ทอง จงั หวัดนนทบุรี โดยรวมและรายด๎านอยใํู นระดับมากทุกด๎านน ศนู ย๑พัฒนาเด็กเลก็ สังกัดองค๑กรปกครองสวํ นทอ๎ งถ่นิ มีความตระหนักถงึ ความสาคัญในการบริหารศูนย๑พัฒนา เด็กเล็ก สูํมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติ เนื่องจาก สานักงานสํงเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ๑เด็ก เยาวชน ผดู๎ ๎อยโอกาส และผส๎ู ูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมัน่ คงของมนุษย๑ ไดม๎ อบหมายให๎มหาวิทยาลัย ราชภฏั สวนดุสิตดาเนินการวิจัยเพอ่ื ทาเครือ่ งมอื ในการประเมินคุณภาพศูนย๑เดก็ เล็ก ในการจดั ทาราํ งมาตรฐาน ศนู ยเ๑ ด็กเล็กแหํงชาตเิ ปน็ การยกระดับศูนย๑เด็กเล็ก โดยการยกรํางมาตรฐานดังกลําวมีตัวบํ งชี้และเกณฑ๑การ ประเมินเปน็ ไปตามนโยบายและวัตถุประสงค๑ของแตํละหนํวยงาน โดยใช๎กระบวนการมีสํวนรํวมของทุกภาค สวํ นรวํ มกันพจิ ารณาตวั บงํ ช้แี ละเกณฑ๑การประเมิน ป๓จจัยนาเข๎า และกระบวนการพฒั นาเด็กปฐมวัย เพื่อให๎มี ความเหมาะสมในการเปน็ มาตรฐานกลางของประเทศ สอดคลอ๎ งกับมาตรฐานของสานักงานรบั รองมาตรฐาน และประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา และสามารถนามาตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหงํ ชาติเป็นเครื่องมือ (องคก๑ ารมหาชน) .ในการประกนั คุณภาพภายในเพ่อื เตรยี มความพร๎อมรองรับการประเมนิ ภายนอกจาก สมศ สานักงานสํงเสริม) ,งานปฐมวยั (.สท) ละผูส๎ ูงอายุสวัสดิภาพและพทิ ักษเ๑ ด็ก เยาวชน ผ๎ูดอ๎ ยโอกาส แ2558 หนา๎ ,1-3( ผลการเปรียบเทียบผบ๎ู รหิ ารและครูเด็กเลก็ มีความคิดเหน็ ในการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สํูมาตรฐาน ศนู ยเ๑ ดก็ เล็กแหํงชาติ พบวําในภาพรวมมีความแตกตํางกันระดับน๎อย และเม่ือเปรียบเทียบความคิดเห็นของ ผบู๎ รหิ ารและครูเดก็ เลก็ ทีป่ ฏิบัติงานในศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กท่ีมีขนาดแตกตํางกัน มีความคิดเห็นในการบริหาร ศนู ยพ๑ ฒั นาเด็กเลก็ สูํมาตรฐานศนู ย๑เด็กเล็กแหํงชาติ อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แตกตํางกันในระดับ น๎อยเชนํ กัน เน่ืองจากผ๎ูบรหิ ารมีความตระหนักและเห็นความสาคัญของการจัดการศึกษา และมีนโยบายด๎าน การศึกษาทีช่ ดั เจนและเป็นรปู ธรรม และมีแนวทางการบริหารตามมาตรฐานการดาเนนิ งานและมาตรฐานศูนย๑ เดก็ เลก็ แหํงชาติ และสามารถดาเนินการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมในศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กขององค๑กร การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 344
ปกครองสํวนท๎องถิ่น (หนังสือสํวนราชการท่ี มท 0816.4/ว2296 ลว 30 ตุลาคม 2560) ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก ในสังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ินมีการจัดการเรียนรู๎ตามนโยบายปฏิรูปการศึกษา ในการพัฒนา ภาษาอังกฤษในเด็กปฐมวัย เน่อื งจากภาษาอังกฤษมีความสาคัญอยํางมากในสถานการณ๑ท่ีประเทศกาลังก๎าว สกํู ารพัฒนาระดบั สากล และเป็นการเตรียมความพร๎อมเพื่อพัฒนาคนให๎ทันกับการเปล่ียนแปลงในศตวรรษ ท่ี 21 และนโยบายที่ต๎องการให๎เด็กไทยสามารถใช๎ภาษาอังกฤษส่ือสารได๎ในชีวิตประจาวัน เพ่ือเป็นการ ยกระดับให๎ศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กเป็นสถานศึกษาท่ีมีคุณภาพ และได๎มาตรฐานสากล ท้ังน้ียังสอดคล๎องกับ จุฑารตั น๑ ยะตะนัง (2557) ทีไ่ ดท๎ าวิทยานิพนธ๑ครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัย ราชภัฏลาปาง เรอ่ื ง การบริหารแบบมสี ํวนรวํ ม (ตามเกณฑม๑ าตรฐานศนู ยเ๑ ดก็ เล็กแหงํ ชาต)ิ ของศูนยพ๑ ฒั นาเด็ก เลก็ สังกัดองค๑การบรหิ ารสํวนตาบลในเขตอาเภอเมอื งลาปาง ผลการวิจัยพบวําในด๎านการบริหารจัดการศูนย๑ พัฒนาเด็กเล็ก อยูํในระดับสูงกวําด๎านอื่น อาจเป็นเพราะศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก อยํูในเขตอาเภอเมืองจึงมีการ จดั การทเ่ี ป็นระบบมีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัย ทกุ ฝุายท่มี ีสวํ นรํวมเก่ยี วข๎องกับศูนย๑พฒั นาเด็กเล็ก ตาํ งมสี วํ นรวํ มในการให๎ข๎อมูลและความคิดเหน็ ในการวางแผนดูแลเด็ก ผู๎บริหารองค๑การบริหารสํวนตาบลให๎ ความสาคญั ในการพัฒนาอยํางตํอเนือ่ ง ขณะเดียวกันการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก สํูมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็ก แหงํ ชาติ อาเภอบางบัวทอง จงั หวัดนนทบรุ ี เม่ือพิจารณาเป็นรายด๎านจากการวิเคราะห๑ระดับการปฏิบัติของ การบรหิ ารศนู ยพ๑ ัฒนาเดก็ เลก็ สูํมาตรฐานศนู ย๑เด็กเลก็ แหงํ ชาตินนั้ พบวําอยูใํ นระดับมากเชํนเดียวกัน ขอ้ เสนอแนะ ข๎อค๎นพบจากการวจิ ัยมขี ๎อเสนอแนะทคี่ วรนาไปใช๎ และข๎อเสนอแนะในการวิจยั ครั้งตํอไป ดังน้ี 1. ขอ้ เสนอแนะที่ได้จากการวิจัย 1.1 ผู๎บริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กควรเห็นความสาคัญของการจัดทาระบบสารสนเทศ ข๎อมูล เว็บไซต๑ แผนํ ผบั ปาู ย ประชาสัมพนั ธ๑การดาเนินงานเขตศูนยพ๑ ัฒนาเดก็ เลก็ 1.2 ผ๎ูบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กเสริมสร๎างขวัญกาลังใจ แรงจูงใจแกํบุคลากรเก่ียวกับ ความกา๎ วหน๎าในการปฏิบตั ิงาน และผป๎ู รุงอาหารได๎รับการอบรมความร๎ูด๎านโภชนาการสาหรบั เด็กปฐมวยั อยําง น๎อยปีละ 2 ครง้ั 1.3 ศนู ยพ๑ ัฒนาเดก็ เล็กสงํ เสรมิ และพัฒนาแหลํงเรยี นรู๎ภายในและภายนอกศูนยพ๑ ัฒนาเดก็ เล็ก 1.4 ผูบ๎ รหิ ารควรสํงเสรมิ และสนบั สนนุ ใหศ๎ ูนย๑พฒั นาเดก็ เลก็ มกี ารวางแผนให๎ชุมชนเข๎ามามีสํวน รวํ มในการบริหารจดั การศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กอยํางสม่าเสมอ และสร๎างเครือขํายภูมิป๓ญญาท๎องถ่ิน แลกเปล่ียน เรียนร๎รู วํ มกนั ระหวํางชุมชน ผ๎ูปกครอง และสถานศึกษา 1.5 ผ๎ูบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กควรเห็นความสาคัญในการจัดสรรงบประมาณในการบริหาร จัดการด๎านอาคารสถานที่ สิ่งแวดล๎อมและความปลอดภัย เชํน การวางแผนและซักซ๎อมระบบรองรับเหตุ ฉกุ เฉนิ ปอู งกนั การเกิดอุบัตภิ ยั และภยั ธรรมชาติ การสร๎างอาคารเรียนให๎เพียงพอตํอจานวนผู๎เรยี น กํอสร๎างรั้ว เพือ่ ความปลอดภัยตอํ ชวี ติ และทรพั ย๑สิน และปรับสภาพภูมิทัศน๑ของศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กให๎นําอยูํและรํมร่ืนมี สนามสาหรับให๎เดก็ ได๎ออกกาลังกาย 2. ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การวิจัยครัง้ ต่อไป การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 345
2.1 ควรวิจัยเก่ียวกับการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสํูมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็กแหํงชาติตาม ความคดิ เห็นของผป๎ู กครองและคณะกรรมการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็ก แม๎จะสอบถามได๎เฉพาะบางด๎าน แตนํ ําจะไดร๎ บั คาตอบท่มี คี วามหลากหลายและบริหารจดั การได๎อยาํ งมีคณุ ภาพตอํ ไป 2.2 ควรวิจยั ป๓จจยั ทม่ี ีผลตอํ คณุ ภาพของการบริหารศูนย๑พัฒนาเด็กเล็กสํูมาตรฐานศูนย๑เด็กเล็ก แหงํ ชาติ เอกสารอา้ งองิ กรมสํงเสรมิ การปกครองท๎องถิ่น กระทรวงมหาดไทย. (2550). การจัดการศึกษาท้องถ่ิน. กรุงเทพฯ: สานัก ประสานและพัฒนาการจดั การศกึ ษาท๎องถิ่น สํวนวชิ าการและมาตรฐานการศึกษาทอ๎ งถ่ิน. กรมสงํ เสรมิ การปกครองท๎องถ่นิ กระทรวงมหาดไทย. (2553). มาตรฐานการดาเนินงานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน. กรงุ เทพฯ : สานกั ประสานและพัฒนาการจัดการศึกษาท๎องถิ่นสํวน วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษาทอ๎ งถนิ่ . จุฑารัตน๑ ยะตะนงั . (2557). การบริหารแบบมสี ่วนร่วม (ตามเกณฑ์มาตรฐานศูนย์เด็กเล็กแห่งชาติ) ของ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์การบริหารส่วนตาบลในเขตอาเภอเมืองลาปาง จังหวัดลาปาง. วทิ ยานิพนธค๑ รุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง. ลดั ดาวัลย๑ เพชรโรจน๑ และอัจฉรา ชานิประศาสน๑) .2547(. ระเบียบวิธีการวิจัย กรุงเทพมหานคร :เจริญดี มัน่ คงการพมิ พ๑ นัชญ๑พัสวี ทองคาฟู. (2555). การดาเนินการตามมาตรฐานการมีสว่ นร่วมจากชมุ ชนของศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน อาเภอแมํเมาะ จังหวัดลาปาง. วิทยานิพนธ๑ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ลาปาง. สมถวลิ วิจิตรวรรณา) .2560 .(การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน กรุงเทพมหานคร :เจริญดีมั่นคง การพิมพ๑ สานกั ประสานและพัฒนาการจัดการศึกษาท๎องถ่ิน. (2548). คู่มือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค๑กรปกครอง สํวนทอ๎ งถิน่ . กรุงเทพฯ: กรมสงํ เสริมการปกครองท๎องถ่ิน กระทรวงมหาดไทย. สานกั งานสงํ เสรมิ สวัสดิภาพและพิทกั ษ๑เดก็ เยาวชนผูด๎ อ๎ ยโอกาสและผูส๎ ูงอายุ. (2555). มาตรฐานศูนย์เด็กเล็ก แห่งชาติ: คู่มือการดาเนินงานตามมาตรฐาน. พิมพ๑ครั้งท่ี 2 กรุงเทพฯ: โรงพิมพ๑ชุมนุมสหกรณ๑ การเกษตรแหงํ ประเทศไทย. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 346
การสร้างและหาประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะการเชื่อมไฟฟูา เชื่อมแก๊สเบื้องต้นเพ่ือใช้ ในรายวิชางานเชือ่ มและโลหะแผ่นเบ้อื งตน้ (2100-1005) Creating and Finding Efficiency of Skill Training Electric welding Gas welding To use in the Welding and Metal Sheet Preliminary (2100- 1005) นายฉัตรทอง ใสแสง วทิ ยาลัยเทคนคิ นครราชสมี า สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 5 E-mail : [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค๑เพ่ือ 1) สร๎างชุดฝึกทักษะการเช่ือมไฟฟูา เช่ือมแก๏สเบื้องต๎น ทังนี้เพ่ือ 1.1) ประเมนิ ความเหมาะสมของชดุ ฝึก ฯ 1.2) ทดสอบประสทิ ธิภาพของชดุ ฝึก ฯ 2. ดาเนินการทดลองจัดการ เรียนการสอนวิชางานเชอื่ มและโลหะแผํนเบ้ืองต๎น (2100-1005) โดยใช๎ชุดฝึก ฯ ทั้งน้ีเพ่ือ 2.1) เปรียบเทียบ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน (ด๎านทักษะการเชื่อม) 2.2) ศึกษาความพึงพอใจที่มีตํอชุดฝึก ฯ 3) ประเมินรับรอง คุณภาพ ความเป็นไปได๎ และความเปน็ ประโยชน๑ของชดุ ฝกึ ฯ ดาเนินการวจิ ยั แบบสองกลุํมวัดหลังการทดลอง (Posttest-Only Control Group Design) กลํุมตัวอยํางแบํงออกเปน็ 2 กลมํุ คือ กลํมุ ทดลอง ได๎แกํ นักเรียน ระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) ชัน้ ปที ี่ 2 แผนกวิชาเมคคาทรอนกิ ส๑ กลมุํ ท่ี 3-4 จานวน 37 คน และกลํุม ควบคมุ ไดแ๎ กํ นักเรียนระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 2 แผนกวิชาเมคคาทรอนิกส๑ กลุํมที่ 1-2 จานวน 37 คน เครอื่ งมือทใี่ ชใ๎ นการวจิ ยั มี 2 ประเภท คือ 1) แบบประเมิน 2) นวัตกรรมทางการศึกษาท่ีผู๎วิจัย สร๎างขึ้น คือ ชดุ ฝึกทักษะการเชอื่ มไฟฟาู เช่ือมแก๏สเบื้องต๎นพร๎อมใบงานประกอบ วิเคราะห๑ข๎อมูลด๎วยคําเฉล่ีย สวํ นความเบ่ียงเบนมาตรฐาน ประสิทธภิ าพกระบวนการ (E1)/ ประสทิ ธิภาพของผลลัพธ๑ (E2) และการทดสอบ ด๎วย t-test แบบ Independent ผลการวิจยั พบวาํ 1. ชุดฝึกทักษะการเชื่อมไฟฟูา เช่ือมแก๏สเบ้ืองต๎น โดยรวมมีความเหมาะสมอยูํในระดับมากที่สุด ( X =4.69,SD=0.42) 2. ชุดฝกึ ฯ มีประสิทธิภาพเทํากบั 82.15/84.20 2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ด๎านทักษะการเช่ือม) คะแนนเฉลี่ยของกลํุมทดลองสูงกวําคะแนน เฉล่ยี ของกลุมํ ควบคุม อยาํ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดบั .05 ในทุกใบงาน 2.2 ความพึงพอใจทมี่ ตี ํอชุดฝึก ฯ โดยรวมมีคาํ เฉล่ียอยูใํ นระดบั มากทส่ี ุด ( x =4.65, SD=0.46) การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 347
3. ผลการรบั รองคณุ ภาพ ความเปน็ ไปได๎ และความเป็นประโยชน๑ของชุดฝึก ฯ โดยรวมมีคําเฉล่ียอยํู ในระดับมากท่สี ุด ( x =4.70, SD=0.46) คาสาคญั : ชุดฝึกทกั ษะการเช่ือม, วิชางานเช่อื มและโลหะแผนํ เบอื้ งต๎น, การสร๎างและหาประสทิ ธภิ าพ Abstract The purpose of research study were 1) To create exercise for practice skill set of Skill Training Electric welding Gas welding .So that, 1.1 (Suitable Assessment of exercise for skill set of Skill Training Electric welding Gas welding .1.2 (Test efficiency of exercise about welding skills and gas welding (2 . Classroom Experimental in the subject of Introduction of electric welding and gas welding. Moreover, studying in classroom has learning by doing and exercise about electric welding and gas welding .So, the experiment in class room aim to 2.1 (Compare the achievement test )Welding skills ( 2.2 (Study for satisfaction of exercise in the subject of Introduction of Skill Training Electric welding Gas welding .3 (Assessment of quality, possibility and benefits of exercise about Skill Training Electric welding Gas welding .For the research design was studied by Posttest Only Control Group .This research study was divided into groups for two groups . First group is experimental group includes of second year students who study in the field of Mechatronics 37 students )group 3-4 (and second group is control group includes of second year students who study in the field of Mechatronics 37 students )group 1-2 .(There are two types of research instruments 1 (Evaluation form 2 (Educational Innovation that researcher created, there is exercise of introduction of Skill Training Electric welding Gas welding Furthermore, studying in class has worksheets and Analysis data by average, standard deviation, process efficiency )E1 / (productive efficiency) E2 (and T-Test independent. The research found that 1 (Exercise about Skill Training Electric welding Gas welding are appropriate for highest level ) X =4.69,SD=0.42 (2 (Exercise about Skill Training Electric welding Gas welding is efficient at 82.15 /84.20 .3 (For Achievement test )welding skill(, experimental group has average grade more than control group, there is a statistically significant at.05 level for all worksheet. 4 (Satisfaction of exercise about electric welding and gas welding have arithmetic average at highest level) X =4.65, SD =0.46 .(5 (Authentication of quality, possibility and benefits of exercise about electric welding and gas welding have arithmetic average at highest level) X =4.70, SD=0.46 .( การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 348
Keywords : exercise about welding, Introduction of electric welding and gas welding subject, Creating and finding for efficiency. บทนา วิทยาลัยเทคนคิ นครราชสมี าจัดการเรียนการสอนใน 3 หลกั สูตร คือ หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปวส.) และหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต (ทล.บ.) ทั้งน้ี หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พ.ศ. 2556 ประเภทวิชาอุตสาหกรรม กาหนดให๎สาขาวิชาสาขาวิชาชํางกล โรงงาน ชํางยนต๑ ชาํ งเขียนแบบเคร่อื งกล ชํางไฟฟาู กาลงั ชํางอิเลก็ ทรอนิกส๑ และชํางเมคคาทรอนิกส๑ จะต๎อง ศกึ ษาในรายวิชางานเช่ือมและโลหะแผนํ เบ้ืองตน๎ (2100-1005) เป็นระยะเวลา 1 ภาคเรียน โดยที่แผนกวิชา ชํางเชอื่ มโลหะมหี นา๎ ทจ่ี ัดการเรยี นการสอนเพ่ือให๎บรรลุวัตถุประสงค๑ของหลักสูตร แตํจากประสบการณ๑การ สอนในรายวชิ างานเชื่อมและโลหะแผํนเบื้องต๎นของผู๎วิจัยมักพบป๓ญหาจากการจัดการเรียนการสอนอยูํเป็น ประจาในหลาย ๆ ประการ ดงั นี้ 1) นักเรียนมักจะกลวั การเชอ่ื มโดยเฉพาะกบั นักเรยี นหญงิ กวําทน่ี กั เรยี นจะปรบั ตัวเขา๎ กับการเช่ือมได๎ ตอ๎ งอาศยั เวลานาน 2) นกั เรียนจดจาการสาธิตการเช่ือมจากครูผู๎สอนไมํได๎ การสาธิตการเช่ือมให๎ดูเป็นตัวอยํางนักเรียน มักจะลอ๎ มวงกันดู นกั เรยี นทอี่ ยํใู กลช๎ ดิ ครูจะใหค๎ วามสนใจ แตํนักเรียนท่ีอยํูด๎านหลังออกไปจะมองไมํเห็น จึง ไมํใหค๎ วามสนใจ มักหยอกล๎อกนั เมือ่ ให๎ลงมอื ปฏิบัตกิ จ็ ะเช่ือมไมํได๎ เชอื่ มไมเํ ป็น กาหนดมมุ การเชือ่ ม ความเรว็ ในการเช่ือม ระยะอาร๑กและใช๎ระยะหาํ งของกรวยไฟไมํถกู ต๎อง จึงสงํ ผลตํอให๎ไดผ๎ ลงานเช่ือมไมํดี มขี ๎อบกพรอํ ง ครูจาเป็นต๎องกากับดูแลอยํางใกล๎ชิดตลอดเวลา ซึ่งจากการวิจัยในช้ันเรียน เร่ือง การสังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานเช่ือมไฟฟูาด๎วยลวดเชื่อมหุ๎มฟลักซ๑ )SMAW) และงานเชื่อมแก๏สออกซิอะเซทิลีน (OAWของ ( นักเรียนตามองค๑ประกอบของการเชื่อม ในรายวิชางานเช่ือมและโลหะแผํนเบื้องต๎น )2100-1005 ก็พบวํา ( นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านเชอ่ื มไฟฟาู และเช่ือมแกส๏ ถกู ตอ๎ งตามองคป๑ ระกอบของการเชือ่ ม โดยรวมทุก ด๎านเพียงรอ๎ ยละ 52.66 และ 55.98 ตามลาดบั เทาํ นน้ั ซงึ่ อยูใํ นเกณฑ๑ต่า คือ ไมํถงึ ร๎อยละ 80 3) ในบางครงั้ การฝกึ เช่อื มโดยการจบั มือเช่ือมทาให๎นักเรยี นสามารถเช่ือมเป็นเร็วข้ึน แตํก็ไมํสามารถ จบั มือเชือ่ มไดก๎ บั นกั เรยี นทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนหญงิ เพราะเปน็ การไมํเหมาะสม 4) นักเรยี นสวํ นใหญทํ ่ีมาเรยี นมกั คดิ วาํ งานเชื่อมโลหะเป็นงานที่สกปรก จะตอ๎ งทนกบั ความร๎อนสูง ๆ เปน็ เวลานาน ๆ อันตรายท่เี กิดจากการเชื่อมก็มีมากหากไมํระวังตัวเองหรือเผลอเรอ นักเรียนสํวนใหญํจึงฝึก เพยี งเพอ่ื ใหผ๎ ําน ๆ ไปเทาํ นัน้ จึงไมํไดใ๎ ห๎ความสาคญั กบั รายวชิ ามากมายนัก จากป๓ญหาดังกลาํ วได๎สํงผลโดยตรงตํอผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรยี น ผลการเรยี นอยใํู นเกณฑ๑ตา่ ซ่ึงถา๎ หากไมํไดร๎ ับการแกไ๎ ขจะสงํ ผลเสียตอํ ตวั ผ๎เู รียน นกั เรียนจะมีทักษะและสมรรถณะไมํเต็มตามที่หลักสูตร รายวิชากาหนด อาจสงํ ผลเสียตํอตวั นักเรยี นเอง สถานศกึ ษาและประเทศชาติได๎ (รายละเอียดของผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นแสดงในตารางที่ 1.1) การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 349
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 715
Pages: