หากครูอาจารย๑สนใจกล็ องศกึ ษาข้ันตอนของนกั การศึกษาที่เอํยมาแล๎วลองนาไปใช๎ดู หรือจะประยุกต๑ดัดแปลง ให๎สอดคล๎องกับบริบทในโรงเรยี นทีอ่ าจารย๑กไ็ ด๎ 2.8 การวดั และประเมนิ ผล การวดั และประเมินผลการสอนเชิงกรณีศกึ ษาสามารถทาได๎หลายรูปแบบ เชํนการใชแ๎ บบทดสอบ การ ใช๎แบบสอบถาม การเขียนรายงาน การต้ังคาถาม การพิจารณาจากช้ินงาน ทั้งนี้ข้ึนอยูํกับเปูาหมาย/ วัตถุประสงค๑ในการสอน ผ๎ูสอนสามารถให๎ผู๎เรียนประเมินตนเอง หรือประเมินเพ่ือนในกลํุม ( Peer Evaluation) 2.9 งานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง มารศรี จันทร๑ดี และคณะ (2557) ได๎ทาการทดลองเปรียบเทียบการสอนเชิงกรณีศึกษา กับ กลุํม ควบคมุ (สอนธรรมดาตามปกติ) เป็นการศึกษาถึงรปู แบบการสอนทีม่ ผี ลตํอความสามารถในการใช๎กระบวนการ พยาบาลของนักศึกษาพยาบาล วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหมํ มนี กั ศึกษาเข๎ารํวมการศึกษามากถึง 96 คน พบวาํ กลมุํ ทดลองมคี ะแนนผลสอบสงู กวํากลํุมควบคุมอยาํ งมนี ยั สาคัญ และยังพบวาํ นักศึกษามีความพงึ พอใจตํอการสอนเชงิ กรณีศกึ ษา ภทั ราทิพย๑ ทรงบุญญา (2556) ทาการศึกษาเรือ่ ง“ผลการสอนแบบกรณีศึกษาทม่ี ผี ลตํอการเรยี นร๎ูและ ความพึงพอใจของนักศึกษาในรายวิชา ITB373การจัดการการสํงออกและนาเข๎า สาขาวิชาธุรกิจระหวําง ประเทศ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปี การศึกษา 1/2556” พบวํากระบวนการเรียนรู๎โดยใช๎ กรณีศกึ ษาสํง ผลทาใหค๎ ะแนน Posttest ของนกั ศึกษาจานวน 88 คนสูงกวาํ คะแยย Pretest อยํางมนี ัยสาคัญ นอกจากนนั้ ยังพบวํา นกั ศกึ ษาสํวนใหญํมคี วามพงึ พอใจในรูปแบบการเรียนการสอนในระดบั สูง 3. วธิ ีการศึกษา นักศึกษาจานวน 35 คนที่ลงทะเบียนเรียนวิชาการสื่อสารข๎ามวัฒนธรรม (EN 318) แบํงออกเป็น 6 กลุํม แตํละกลุมํ อาํ นกรณศี กึ ษา ซ่ึงมจี านวนทัง้ สน้ิ 6 กรณีศกึ ษา หลงั การอํานนักศกึ ษาภายในกลุํมอภิปราย ถึง มิติทางวฒั นธรรมของป๓ญหาทเี่ กิดข้ึน แตะละกลุมํ นากรณีศึกษามาเสนอหนา๎ ช้นั และนาการอภิปรายในช้ันเรียน เม่ือส้ินสุดการเรียน ผู๎สอนสํงแบบสอบถามให๎ผ๎ูเรียนตอบ เพ่ือสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ๑การ เรียนรู๎จาก Cases และเจตคติที่พวกเขามีตํอการเรียนรู๎ด๎วยวิธีการดังกลําว มีนักศึกษาจานวน 17 คนตอบ แบบสอบถามหลงั การเรยี นรูจ๎ ากกรณศี กึ ษา กรณศี ึกษา (cases) มดี งั ตอํ ไปน้ี 1. “Lady Gaga Facing Thailand Backlash after Fake Rolex Joke” Source: http://www.telegraph.co.uk/news/celebritynews/9287078/Lady-Gaga-facing-Thailand- backlash-after-fake-Rolex-joke.html การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 650
2. “Chiang Rai’s White Temple Refuses Chinese Tourists for Bad Toilet Manners” Source: http://www.chiangraitimes.com/chiang-rais-white-temple-refuses-chinese-tourists-for- bad-toilet-manners.html 3. “Block B stirs controversy with Thai interview, draws response from 2 PM” Source: https://www.allkpop.com/article/2012/02/block-b-stirs-controversy-with-thai- interview-draws-response-from-2pm 4. “Thais cut links with Cambodia after riots” Source: https://www.theguardian.com/world/2003/jan/31/cambodia 5. “Thai-Cambodian Flame war erupts over traditional dance: Both are wrong” Source: http://www.khaosodenglish.com/featured/2016/06/07/thai-cambodian-flame-war- erupts-over-traditional-dance/ 6. “Janet Jackson and husband Wissam AI Mana split because of cultural differences” Source: http://www.nydailynews.com/entertainment/gossip/janet-jackson-husband-split- cultural-differences-article-1.3039559 ผ๎วู จิ ยั นาข๎อมลู ทไ่ี ดม๎ าวเิ คราะห๑ดว๎ ยสถติ ขิ ้นั พื้นฐาน คอื รอ๎ ยละ (percent) และคําเฉลีย่ (mean) 4. ผลการศึกษา ค่าเฉลี่ย ไม่เหน็ ดว้ ย ไมเ่ หน็ ไมแ่ น่ใจ เห็นดว้ ย เห็นดว้ ยอย่าง ข้อความ (SD) อยา่ งย่งิ ด้วย ย่งิ ข๎าพเจ๎าชอบการเรียนรู๎เชิง 4.29 12 5 กรณศี ึกษา (.47) (70.60) (29.40) ข๎าพเจ๎าได๎พัฒนาทักษะการ 4.35 11 6 สื่อสารข๎ามวัฒนธรรมจาก (.49) (64.70%) (35.30%) การเรียนร๎ูเชิงกรณีศกึ ษา การเรียนรเ๎ู ชิงกรณีศึกษาชํวย 4.41 10 7 ใหข๎ า๎ พเจา๎ เกิดความตระหนัก (.50) (58.80%) (41.20%) รู๎ในการส่ือสารขา๎ มวัฒนธรรม การเรียนร๎ูเชิงกรณีศึกษา 4.18 2 10 5 นาํ สนใจและเป็นประโยชน๑ (.63) (11.80%) (58.80%) (29.40%) การเรยี นร๎เู ชงิ กรณีศึกษาชํวย 4.12 2 11 4 พัฒ น าทั กษ ะก าร คิด เชิ ง (.60) (11.80%) (64.70%) (23.50%) การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 651
วเิ คราะห๑ของขา๎ พเจา๎ นักศกึ ษาทต่ี อบแบบสอบถามสวํ นใหญํ ชนื่ ชอบการเรยี นร๎เู ชิงกรณศี กึ ษา คาํ เฉล่ีย สูงถึง 4.29 (SD = .47) นักศึกษาเห็นด๎วยกับข๎อความที่วํา “ข๎าพเจ๎าได๎พัฒนาทักษะการส่ือสารข๎ามวัฒนธรรมจากการ เรยี นรเู๎ ชิงกรณีศึกษา” มีคําเฉล่ียอยํูที่ 4.35 ( SD =.49). นักศึกษาเห็นด๎วยกับข๎อความที่วํา “การเรียนรู๎เชิง กรณีศึกษาชวํ ยให๎ข๎าพเจา๎ เกิดความตระหนกั รูใ๎ นการส่อื สารขา๎ มวฒั นธรรม” มีคาํ เฉล่ยี อยํทู ่ี 4.41 (SD = .50) นกั ศึกษาสํวนใหญาเหน็ วาํ การเรยี นรเ๎ู ชงิ กรณศี กึ ษานําสนใจและเปน็ ประโยชน๑ (M= 4.18, SD = .63) และเช่ือวําการเรียนร๎ูเชิงกรณีศึกษาชํวยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห๑ของพวกเขา (Mean= 4.12, SD = .60) ความคดิ เห็นเพิม่ เตมิ – ได๎มาจากการตอบคาถามปลายเปิดของนกั ศกึ ษา สรปุ ความไดด๎ งั นี้ “ไดเ๎ รยี นรปู๎ ระเดน็ ตาํ ง ๆ รห๎ู ลายแงํมุมของการสื่อสารขา๎ มวฒั นธรรม” “การอยูํกับสังคมคนตาํ งวฒั นธรรมต๎องระวังในการแสดงความคิดเห็นและการกระทาท่ีอาจสํงผลกระทบตํอ ความรูส๎ ึกของคนทต่ี ํางวฒั ธรรม เพื่อไมใํ หเ๎ ปน็ การเหยยี ดหรอื ทารา๎ ยจิตใจ เราต๎องศึกษาวัฒนธรรมของคูํกรณี กํอนการแสดงความคดิ เหน็ และไมคํ วรกระทาการอันกํอใหเ๎ กดิ ความไมํพอใจของคนตํางวฒั นธรรม ปญ๓ หาความ รนุ แรงกจ็ ะไมเํ กิดอีกดว๎ ย” “ไดเ๎ ข๎าใจเก่ียวกบั ปญ๓ หาทเี่ กิดขึ้นดยี ิง่ ขน้ึ ” “There are examples from people that everyone would know them it is easy to understand.” “วัฒนธรรมของประเทศหนึ่งอาจใชไ๎ มํได๎กบั อกี ประเทศหน่ึง” “แตลํ ะประเทศมีวัฒนธรรมท่ตี าํ งกนั แตํก็สามารถอยํูรํวมกนั ไดแ๎ ละชวํ ยพัฒนาประเทศของตนเองได๎” “คนตาํ งชาติตาํ งศาสนาจะคดิ ไมํเหมอื นกนั เวลาเราไปตํางประเทศจาเป็นต๎องศึกษาวฒั นธรรมของเคา๎ ให๎ดกี ํอน ไดร๎ ๎ูวัฒนธรรมตํางๆในแตํละที่” “การใช๎ ทักษะการสือ่ สารขา๎ มวฒั นธรรมนน้ั มคี วามสาคญั มาก” “ได๎เรียนร๎ูวําแตํละเคสนั้นมีป๓ญหาทางด๎านส่ือสารและวัฒนธรรมท่ีแตกตํางกันออกไปซึ่งมักข้ึนอยูํกับแตํละ ประเทศนนั้ วํามีกฎทตี่ ้งั ข้นึ มาเป็นแบบใด” “ไดเ๎ รียนร๎ู วัฒนธรรมของแตํละํ ประเทศ” การเรียนรจ๎ู ากตวั อยาํ งที่หลากหลายดงั กลําว มีขอ๎ ดอี ะไรบ๎าง คาตอบของนกั ศกึ ษามดี ังตํอไปน้ี “คิดวําตอ๎ งไดใ๎ ช๎ในอนาคต” “เนือ้ หาในเคสมคี วามเหมาะสมในการเรยี น CCC เพราะเน้อื หาไมเํ กาํ จนเกนิ ไปและเนอื้ หาสามารถเขา๎ ถึงวยั รุนํ สมยั ใหมทํ ่ีต๎องการเรียนรู๎วฒั นธรรมได๎” การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 652
“เพราะป๓ญหาทเ่ี กดิ ข้นึ ทาใหเ๎ ราเข๎าใจความแตกตํางของคนอ่ืน และหลกี เลยี่ งความรุนแรงหรือแก๎ไขป๓ญหาได๎ ทันW “It is easy to understand and we will know about the culture of each country” “ไปประเทศอน่ื จะได๎ปฏิบัติตวั ได๎ถกู ” “ชวํ ยให๎เข๎าใจและเรยี นรวู๎ ัฒนธรรมของประเทศอน่ื ๆ “ “ไดเ๎ ห็นตัวอยาํ งทช่ี ัดเจน” “ขอ๎ ดีมีมากมายแตํดีท่ีสุดคือทาให๎เราร๎ูวําแตํละที่วัฒนธรรมไมํเหมือนกันเม่ือเราไปเที่ยวท่ีใหนเราได๎ทาตาม วฒั นธรรมเขาได๎” “ทาให๎เหน็ ถึงความแตกตาํ งของวฒั นธรรมในแตํละประเทศ การใช๎วิธีในการส่ือสาร การพูดคุยตํอกัน การให๎ เกียรตซิ ง่ึ กนั และกัน การไมดํ หู มิน่ ประเทศอนื่ หรอื แม๎กระทง้ั การเคารพตํอกนั และการยึดมั่นในเกีรยติของแตํ ละภูมฐิ านของแตลํ ะประเทศนั้นๆ” สามารถนาความรนู๎ ม้ี าปรับใช๎ เม่อื เราไปทางานท่ีอื่น ท่ีมีความแตกตํางดา๎ นวฒั นธรรม “The good things to learn about cross-cultural communication from the cases are we can speak to each other to understand that what we want. We can communicate to tell that what the purpose is. We learn other cultures to know how they live.” “The pro of learning about cross cultural communication is to know that there are many different views in term of cultures in each country. Some cultures are from many countries or some countries have different cultures due to the geography. So, we should learn other cultures which will that we benefit us in the future.” “ชวํ ยฝึกให๎ทางานเปน็ ทีมรจ๎ู กั การคน๎ คว๎าหาแนวทางตาํ งๆ” “ได๎ศึกษาจากกรณตี ัวอยาํ ง โดยเราไมตํ อ๎ งไปพบประสบการณเ๑ องกไ็ ด๎” 5. การอภิปรายผล นักศึกษาสํวนใหญํมีเจตคติท่ีดีตํอการเรียนรู๎จากกรณีศึกษา (Cases) โดยมองวําเป็นวิธีการที่มี ประโยชน๑ ชํวยให๎พวกเขาได๎พัฒนาทักษะการส่ือสารข๎ามวัฒนธรรม สร๎างความตระหนักรู๎ในการส่ือสารข๎าม วฒั นธรรมใหเ๎ กิดข้ึนกับพวกเขา นักศึกษาสวํ นใหญํมองวําการเรียนร๎ูเชิงกรณีศึกษานําสนใจและเป็นประโยชน๑ และยังชวํ ยพัฒนาทักษะการคดิ เชงิ วเิ คราะหไ๑ ด๎เป็นอยํางดี ผลการศึกษาสอดคล๎องกบั ขอ๎ ค๎นพบของ ภัทราทิพย๑ ทรงบุญญา (2556) ทีพ่ บวํา นกั ศกึ ษามีความพงึ พอในในระดับสูงตอํ การสอนโดยใช๎กรณศี กึ ษา การเรยี นรูเ๎ ชิงกรณีศกึ ษา (Learning from Cases) ควรใช๎รวํ มกบั การถกอภิปราย (Discussions) และ การทางานกลมุํ (Group Work) โดยเฉพาะอยํางยง่ิ ในวิชาทไ่ี มํสามารถทดลองหรือลองผดิ ลองถกู ได๎ ผ๎ูเรียนได๎ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 653
เรียนร๎ูจากการวเิ คราะหแ๑ ละความคิดเห็นของผเ๎ู รียนคนอน่ื ๆ ในชัน้ เรยี น ทาใหเ๎ กดิ มุมมองที่หลากหลายและมี การตอํ ยอดความคิดเดิม ซึ่งจุดเดํนในเร่อื งนีไ้ ดร๎ บั การสนบั สนุนจากศูนยพ๑ ัฒนาการเรียนรแ๎ู หงํ มหาวทิ ยาลยั ควนี (Queen’s University) โดยย้าวํา การเรียนร๎ูโดยใช๎กรณีศึกษาเป็นการสอนท่ีเน๎นผู๎เรียนเป็นศูนย๑กลาง (learner-centered instruction) เปิดโอกาสให๎ผู๎เรียนเรียนร๎ูรํวมกันและสร๎างความเข๎าใจและองค๑ความรู๎ ขึน้ มาดว๎ ยตวั เอง 6. สรุปและขอ้ เสนอแนะ การศกึ ษาเรอ่ื ง เจตคตขิ องนกั ศกึ ษาทม่ี ตี ํอการเรยี นร๎ูเชิงกรณีศึกษา น้ีมีวัตถุประสงค๑ เพ่ือศึกษาความ คิดเห็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีตํอการเรียนรู๎จากกรณีศึกษา การวิจัยในชั้นเรียนคร้ังน้ี ศึกษาจาก นักศึกษาจานวน 35 คนที่ลงทะเบียนเรียนวิชาการสื่อสารข๎ามวัฒนธรรม (EN 381) ในภาคการศึกษาท่ี 1/2560 ได๎ศึกษาอภิปรายกรณีศึกษาถึง 6 กรณี และทาการอ ภิปรายในชั้นเรียน หลังการเรียนร๎ูนักศึกษา จานวน 17 คนตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็น ผลการศึกษาพบวํา นักศึกษาท่ีตอบแบบสอบถามสํวน ใหญมํ ีเจตคติในทางบวกตอํ การเรียนรู๎จากกรณีศึกษา โดยมองวําเปน็ แนวทางการเรียนร๎ูที่มีประโยชน๑ สํงเสริม การคดิ เชงิ วิเคราะห๑ และสรา๎ งความตระหนักรเ๎ู ก่ียวกับการสือ่ สารขา๎ มวฒั นธรรมให๎กบั พวกเขา เอกสารอา้ งอิง นิตยา โสริกุล. “ผลการใชก๎ ารสอนแนะในการเรียนรด๎ู ว๎ ยกรณีศึกษาบนเวบ็ ที่มีตํอการแก๎ป๓ญหาของนักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ทมี่ ีรปู แบบการคดิ ตาํ งกนั .” วิทยานิพนธ๑ปริญญามหาบณั ฑิต ภาควิชาหลักสูตรการสอนและ เทคโนโลยีการศึกษา คณะครศุ าสตร๑ จฬุ าลงการณม๑ หาวทิ ยาลัย, 2547. ทิศนา แขมมณี. (2549). “รายงานผลการวิจัยเรื่องการนาเสนอรปู แบบเสริมสร๎างทักษาการคิดข้ันสูงของนิสิต นกั ศึกษาครูปริญญาตรี สาหรบั หลกั สตู รครุศกึ ษา.” คณะครศุ าสตร๑ จฬุ าลงกรณ๑มหาวทิ ยาลัย, ทิศนา แขมมณี และคณะ.(2552). ศาสตร๑การสอน. พิมพ๑คร้ังที่ 9 . กรุงเทพฯ : สานักพิมพ๑จุฬาลงกรณ๑ มหาวทิ ยาลัย, มารศรี จันทร๑ดี, พนดิ า พาลี , พิมลพรรณ เนยี มหอม, ภทั รานิษฐ๑ จองแก, และ ทิพยส๑ ุดา เสง็ พานิช “ผลของ การจัดการเรียนการสอนโดยใช๎กรณีศึกษาตํอความสามารถ ในการใช๎กระบวนการพยาบาลของ นักศึกษา พยาบาล รายวิชาปฏิบัติการพยาบาลบุคคลท่ีมีป๓ญหาสุขภาพ 1” วารสารการพยาบาลและการศึกษา 7 (4) :134-155: ตลุ าคม-ธนั วาคม (2557). ภัทราทิพย๑ ทรงบุญญา (2556) “ผลการสอนแบบกรณีศึกษาที่มีผลตํอการเรียนร๎และความพึงพอใจของ นกั ศกึ ษาในรายวิชา ITB373การจัดการการสงํ ออกและนาเขา๎ สาขาวชิ าธรุ กิจระหวํางประเทศ มหาวทิ ยาลยั ศรี ปทุม” มหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ ศศิธร โสภารัตน “วิธีเรียนรู โดยใช กรณีศึกษา” [ออนไลน๑]. เข๎าถึงได๎จาก http://p- dome.eduzones.com/images/blog/sasithep/File/%281%29.pdf (วันท่คี ๎นข๎อมูล : 15 มกราคม2561). การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 654
วัชรา เลําเรียนดี. เทคนิคและยุทธวิธีพัฒนาการคิด การจัดการเรียนรู๎ที่เน๎นผู๎เรี ยนเป็นสาคัญ. นครปฐม : มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร, 2549. สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2553). Case Method 101 (ออนไลน๑). สืบค๎นจาก : http://casemethod.mua.go.th/q=content/case-method-101[8 กรกฎาคม 2556. ภาษาอังกฤษ Academic Advancement Network, University of Michigan (2018, January 29).”Case-based Teaching” Retrieved from http://fod.msu.edu/oir/case-based-teaching Center for Teaching and Learning, Queen’s University (2018, February 2). “What is case-based learning?” Retrieved from http://www.queensu.ca/ctl/what-we-do/teaching-and-assessment- strategies/case-based-learning Corey, Raymond (1998), Case Method Teaching, Harvard Business School 9-581-058, Rev. November 6, 1998. Dewing, A. S. (1954). “An Introduction to the Use of Cases” (pp. 1-5) in The Case Method at the Harvard Business School (McNair, P. M and Hersum, C. A, ed.). New York. McGraw-Hill. Easton, Geoff. (1992).Learning from Case Studies. 2nd ed. England : Prentice-Hall International (UK) Ltd., Shulman, J. H. (1992). Case methods in teacher education. Teachers College Press, NewYork. Siverman, R., Welty.WM., and Lyon, S. (1992).Case Studies for Teacher Problem Solving. The United State of America : McGraw-Hill, การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 655
ระบบการจัดการการเรียนรู้แบบออนไลนส์ าหรบั ผู้บรหิ ารสถานศึกษาเอกชน Online Learning Management System for Private School Administrators กฤตธี วงศ์สถติ ย์ วิทยาลัยครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑติ ย์ [email protected] บทคดั ย่อ ระบบการจัดการการเรียนร๎ูแบบออนไลน๑เป็นระบบท่ีมีการบูรณาการเคร่ืองมือจัดการบทเรียนท่ีมี ประสทิ ธภิ าพ สงํ เสริมการเรยี นรผู๎ าํ นระบบเครอื ขํายออนไลน๑ (Online Learning Network) เอ้ือตอํ การเรยี นรู๎ ด๎วยตนเองตามความตอ๎ งการได๎ทุกท่ีทุกเวลา ผํานอุปกรณ๑อิเล็กทรอนิกส๑ที่หลากหลาย และสามารถใช๎สร๎าง ชุมชนแหํงการเรียนร๎ูในกลํุมผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนในการพัฒนาวิชาชีพได๎ ระบบการจัดการการเรียนร๎ู แบบออนไลน๑สาหรับผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนท่ีเหมาะสมนั้น ควรมีลักษณะเฉพาะที่ประกอบไปด๎วยการ พัฒนาประเด็นความร๎ูตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพของคุรุส ภา ความรู๎ที่ประมวลได๎จากความคิดเห็นของ ผู๎ทรงคุณวุฒิท่ีมีประสบการณ๑เก่ียวข๎องกับการบริหารจัดการสถานศึกษาเอกชน รวมถึงผลการสารวจความ ตอ๎ งการจาเป็น (Needs) ในการพัฒนาตนเองของผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษาเอกชนในป๓จจุบนั คาสาคญั : ระบบการจัดการการเรยี นรูแ๎ บบออนไลน๑ ผ๎ูบรหิ ารสถานศกึ ษาเอกชน ABSTRACT Online learning management system is a system that integrates effective lesson management tools. It promotes learning through online learning network. It can facilitates on demand self-learning anywhere and anytime through various electronic devices. Online learning management system can also create a learning community in professional development among private school administrators. The appropriate online learning management system for private school administrators should has specific characters that consists of contents of the knowledge issues follow the professional standards framework of the Teachers Council of Thailand, the knowledge issues gained from the opinions of experts whose experiences related to the management of private school include the results of needs survey on the self-development of current private school administrators. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 656
KEYWORDS: Online Learning Management System, Private School Administrators บทนา การพัฒนาผ๎ูบรหิ ารสถานศกึ ษาเอกชนซ่งึ เปน็ วิชาชีพช้ันสูงยังมีคํอนข๎างจากัด จากการวิเคราะห๑แผน ยุทธศาสตรส๑ ํงเสรมิ การศกึ ษาเอกชน พ.ศ. 2556-2560 ของสานกั งานคณะกรรมการสํงเสริมการศึกษาเอกชน สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2556) และแผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 11 พ.ศ. 2555-2559 รวมทัง้ นโยบายสาคญั ของรัฐบาลดา๎ นการศึกษาได๎พบวํา โครงการสนับสนุนด๎านการพัฒนา ผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนจากหนวํ ยงานตน๎ สงั กดั นน้ั ยังมีอยํนู อ๎ ย การพัฒนาผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนก็ยัง คอํ นขา๎ งจากดั ทั้งๆที่กฎหมายบังคับให๎ต๎องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู๎บริหารสถานศึกษาจากคุรุสภา แตํ ปรากฏวําหนวํ ยงานต๎นสังกดั ยังไมํไดเ๎ นน๎ สนับสนุนเพ่ือพัฒนาผ๎ูบรหิ ารสถานศึกษาเอกชนใหเ๎ ป็นระบบท่ีชัดเจน และมีประสทิ ธิภาพ ในขณะทผี่ บู๎ รหิ ารสถานศกึ ษาของรัฐมขี ๎อกาหนดตามบัญญัติของพระราชบัญญัติระเบียบ ข๎าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก๎ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 80 (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551) วําต๎องผํานการพัฒนาข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากํอนแตํงตั้งให๎ ดารงตาแหนงํ รองผอู๎ านวยการสถานศกึ ษา และผู๎อานวยการสถานศึกษา จากการศึกษาพบวํา ป๓จจุบันระบบการจัดการการเรียนรู๎แบบออนไลน๑ (Online Learning Management System: OLMS) กาลงั ได๎รับความนยิ มเป็นอยาํ งสงู และอานวยสะดวกในการเรียนร๎ูได๎อยํางมี ประสิทธิภาพ เชนํ 1) หลักสูตรการพัฒนาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา โดยยึดภารกจิ และพน้ื ท่ปี ฏิบตั งิ านเป็น ฐานด๎วยระบบออนไลน๑ (Teachers and Educational Personnel Enhancement Based on Mission and Functional Areas as Majors: TEPE Online) ซ่งึ เปน็ กระบวนการพัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ทสี่ ามารถเรียนรไ๎ู ด๎ทกุ ท่ี ทุกเวลา มกี ารตรวจสอบควบคุมคุณภาพให๎บรรลุผลตามเปูาหมายของการพัฒนาได๎ อยํางมปี ระสทิ ธิภาพ สอดคลอ๎ งกับมาตรฐานวิชาชีพ 2) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผํานเทคโนโลยี สารสนเทศ (Distance Learning Information Technology: DLIT) (ศูนยพัฒนาคุณภาพการศึกษาดวย เทคโนโลยีการศึกษาทางไกล, 2559) ซ่งึ เป็นโครงการของสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน (สพฐ.) เปน็ การจัดการศึกษาทีใ่ ช๎เทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นการสอน ทสี่ ามารถนาไปใชไ๎ ดใ๎ นทกุ หอ๎ งเรียน ระบบการจัดการการเรียนร๎ูแบบออนไลน๑ (OLMS) น้ันมีให๎เลือกใช๎อยํางหลากหลายเพื่อใช๎เป็น เครื่องมือในการพัฒนาในกลมุํ ตาํ งๆ แตกํ ารพัฒนาที่ตอบสนองผู๎บรหิ ารโรงเรียนเอกชนที่เปน็ ระบบซึง่ ออกแบบ สาหรบั พฒั นาผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษาเอกชนโดยเฉพาะยงั ไมมํ ีปรากฏ นาํ จะได๎รับความสนใจและพฒั นาให๎ตรงกับ บริบทของโรงเรียนเอกชน โดยจะต๎องเป็นระบบที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ในการอานวย ความ สะดวกให๎ผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชน ให๎สามารถศึกษาและเรียนร๎ูได๎ด๎วยตนเองในรูปแบบการศึกษาตาม อธั ยาศยั เพ่อื พฒั นาความรูใ๎ นสํวนทีต่ อ๎ งการเรยี นรู๎ หรอื เตมิ เต็มในสวํ นทย่ี งั ขาด และเสริมความก๎าวหนา๎ ในการ บริหารสถานศกึ ษาเอกชนได๎เป็นอยํางดี การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 657
ในบทความนี้จะแสดงให๎เห็นถึงสาระความร๎ูเร่ือง ระบบการจดั การการเรยี นร๎ูและการพัฒนาระบบการ จัดการการเรียนรู๎แบบออนไลน๑ และแนวการจัดการเรียนร๎ูท่ีเหมาะสมกับบริบทของการพัฒนาผู๎บริหาร สถานศึกษาเอกชน ทศี่ กึ ษาด๎วยตนเองได๎อยาํ งสะดวก ทุกท่ี ทุกเวลา มเี น้ือหาสาระท่ีครอบคลุมตามมาตรฐาน วชิ าชีพผ๎ูบริหารสถานศกึ ษาของครุ ุสภา และสาระอ่นื ที่เหมาะสม จาเปน็ และนําจะเปน็ ประโยชน๑ตํอการพัฒนา ผบ๎ู รหิ ารสถานศกึ ษาเอกชน สรุปผล ระบบการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ (OLMS: Online Learning Management System) การเรียนร๎ูในป๓จจุบันกาลังพัฒนาไปในทิศทางที่นาเทคโนโลยีเข๎ามาอานวยความสะดวกมากข้ึน อินเตอร๑เน็ตเข๎ามามีบทบาทตํอการส่ือสารมากข้ึนจนแทบจะกลําวได๎วํา อินเตอร๑เน็ตเป็นป๓จจัยหลักในการ ส่ือสารของสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 ซึ่งการออกแบบการเรยี นรดู๎ ว๎ ยการใช๎อปุ กรณแ๑ ละเทคโนโลยีในลักษณะนี้ อาจแบงํ ไดเ๎ ป็น 5 รปู แบบ ดงั น้ี 1) การเรยี นรแ๎ู บบเผชญิ หนา๎ (Face-to-Face) เป็นการเรียนร๎ูแบบด้ังเดิม คือ การเรยี นร๎ใู นห๎องเรียน ทีผ่ สู๎ อนและผ๎ูเรยี นได๎พบปะกนั โดยตรง ซึง่ เปน็ รากฐานของการเรียนรใ๎ู นแบบหน่ึง โดย การเรยี นรแ๎ู บบเผชญิ หนา๎ นิยมใชส๎ ่ือการสอน เชํน เครอ่ื งฉาย วิดีทัศน๑ และสื่อการสอนท่ีผ๎ูสอนจัดทาข้ึน เพื่อ เสรมิ ความเข๎าใจของผ๎ูเรยี น 2) การเรียนรู๎แบบอีเลิร๑นนิ่ง (e-Learning) เป็นการเรียนรู๎ที่ใช๎คอมพิวเตอร๑เป็น ฐาน รวมถึงการเข๎าถึงความร๎ูผํานระบบอินเตอร๑เน็ต ที่ผ๎ูเรียนสามารถใช๎คอมพิวเตอ ร๑สํวนบุคคลเข๎าชํวยใน การศกึ ษา สืบค๎น เพือ่ หาความรเ๎ู พิม่ เตมิ ไดด๎ ว๎ ยตนเอง 3) การเรียนรู๎แบบเอ็มเลิร๑นนิ่ง (m-Learning) เป็นการ เรียนร๎ูด๎วยอุปกรณ๑คอมพิวเตอร๑หรืออุปกรณ๑สื่อสารแบบพกพา เชํน Smart Phone, Tablet PC, Portable Device Assistant (PDA) และ Notebook PC 4) การเรียนร๎ูแบบผสมผสาน (Blended Learning) เป็นการ เรียนร๎ูที่เกิดข้ึนจากการผสมผสานรูปแบบการเรียนร๎ูตํางๆเข๎าไว๎ด๎วยกัน เชํน การนา e-Learning หรือ m- Learning มาใชใ๎ นการเรียนรร๎ู วมท้ังการเรยี นรูแ๎ บบเผชิญหน๎า ซึ่งนับเป็นรูปแบบที่ได๎รับความนิยมแพรํหลาย มากข้ึน 5) การเรยี นร๎แู บบยูเลริ น๑ นิ่ง (Ubiquitous Learning: u-Learning) เป็นการเรียนรู๎ที่เกิดขึ้นได๎ทุกหน ทกุ แหํงโดยการใชเ๎ คร่อื งมอื คอื คอมพวิ เตอร๑ ซง่ึ ได๎ตํอยอดมาจากแนวความคิด Ubiquitous Computing ซ่ึง เป็นการนาเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร๑เข๎ามาเป็นสวํ นหน่งึ ของอปุ กรณ๑ใดใดทีม่ อี ยํทู ุกหนแหํงในชีวิตประจาวัน เชํน Smart Phone, Smart TV และ ระบบส่ือสารในรถยนต๑ เปน็ ต๎น และจากรูปแบบการเรยี นรด๎ู ังกลาํ ว จะเหน็ ได๎ วําการเรยี นรูท๎ ีใ่ ช๎เคร่ืองมอื และอปุ กรณ๑อิเลคทรอนิกส๑ และคอมพิวเตอรเ๑ ขา๎ มาเปน็ หลกั หรอื เสรมิ การเรยี นร๎ูของ ผเ๎ู รยี น ไดร๎ ับความนยิ มมากขึน้ เรื่อยๆในป๓จจุบนั และอาจกลายเป็นระบบการจดั การเรียนร๎หู ลักในอนาคต ระบบการจดั การการเรียนร๎ูท่ปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถพัฒนาบุคลากรได๎อยํางรวดเร็วเพ่ือให๎ทันกับการ เปลีย่ นแปลง ซึ่งการเรยี นร๎แู บบด้ังเดมิ มีข๎อดอ๎ ยบางประการเชนํ คําใช๎จํายสูง ใช๎เวลามาก และผลลัพธ๑ท่ีได๎ไมํ แนํนอน ทาให๎เกดิ การพฒั นาการเรยี นรแ๎ู บบออนไลน๑ (e-Learning) ขึ้นเพอื่ เป็นทางเลือกใหผ๎ ๎ูเรียน หรือองค๑กร การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 658
นามาใช๎ในการพัฒนาตนเองและบุคลากรในองค๑กร การเรียนรู๎แบบออนไลน๑นั้นสามารถทาได๎รวดเร็วกวํา คาํ ใชจ๎ ํายต่ากวาํ และมศี กั ยภาพดกี วํา (Epignosis LLC, 2014, p. 7) e-Learning ในป๓จจุบันพัฒนาไปไกลมาก โดยเฉพาะ Internet-Based e-Learning ท่ีมีผ๎ูพัฒนาท่ัว โลกตาํ งพัฒนาเพื่อใช๎เปน็ เครอ่ื งมือในการจัดการเรียนรู๎ และการฝกึ อบรม มีการแลกเปล่ียนเรยี นรูเ๎ ป็นแนวการ เรียนร๎ูตลอดชีวิตซ่ึงเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับมนุษย๑ในยุคป๓จจุบัน และในอนาคตเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็น เครอ่ื งมอื ท่ีชวํ ยใหท๎ ุกคนมโี อกาสเรียนรใ๎ู นสง่ิ ท่ตี นเองต๎องการได๎ในเวลาที่สะดวกสาหรับตนเอง ผ๎ูพัฒนา e-Learning ตํางปรับปรุงหลักสูตร รูปแบบ วิธีการเรียน ตลอดจนการวัดประเมินผลการ เรยี นรอู๎ ยเํู สมอ มุํงใหเ๎ กิดประสิทธิภาพสูงสดุ ป๓จจุบนั ไดม๎ ี e-Learning รูปแบบหนึง่ ทม่ี ีวัตถุประสงคเ๑ ปิดโอกาส ให๎ผู๎เรียนทต่ี อ๎ งการเรยี นรู๎ ไมวํ ําจะดว๎ ยเหตุผลใดกต็ าม สามารถเข๎ามาเรียนรใู๎ นหลักสูตรตํางๆท่ีได๎จดั ไวไ๎ ดอ๎ ยาํ ง เปน็ อิสระ คือหลักสตู รออนไลน๑แบบเปดิ เปน็ e-Learning ในยคุ ใหมํที่สามารถรองรับผ๎เู รยี นไดเ๎ ป็นจานวนมาก ใหส๎ ามารถเข๎ามาศกึ ษาในเวลาพร๎อมๆกันตามต๎องการในรูปแบบท่ีไมจํ ากดั โดยไมํตอ๎ งการใบรับรองคณุ วุฒใิ ดๆ 1) ระบบการจัดการการเรียนรู้ (LMS: Learning Management System) เป็นซอฟต๑แวร๑ท่ีทาหน๎าที่บริหารจัดการเรียนการสอนผํานเว็บ จะประกอบด๎วยเครื่องมือ อานวยความสะดวกใหแ๎ กํผู๎สอน ผ๎เู รยี น และผด๎ู ูแลระบบ โดยท่รี ะบบการจดั การการเรยี นร๎ู (LMS) เป็นระบบที่ ชวํ ยอานวยความสะดวกให๎กบั ทงั้ ผู๎สอนและผ๎ูเรียนในการจดั การสอนและการเรยี นร๎ูแบบออนไลน๑ ที่ครอบคลุม การจัดการเรียนการสอน การตดิ ตํอ สือ่ สาร การจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู๎ เี่ กีย่ วข๎อง รวมไปถงึ การจัดการทดสอบ การประเมินผล การสารวจความคิดเห็นของผู๎เรียน ผู๎สอนสามารถนาเนื้อหาและสื่อการสอนข้ึนเว็บไซต๑ (Website) ตามรายวชิ าทรี่ ะบบจดั ไวใ๎ ห๎โดยผเ๎ู รียนสามารถเข๎าถึงเน้อื หา กิจกรรมตํางๆ ได๎โดยผํานเว็บ ผ๎ูสอน และผูเ๎ รียนสามารถตดิ ตํอสอ่ื สารผํานทางเคร่ืองมือการสื่อสารที่ระบบจดั ไว๎ให๎ เชํน ไปรษณยี อ๑ เิ ลก็ ทรอนิกส๑ (e- Mail) ห๎องสนทนา (Chat Room) กระดานขําว (Web Board) เป็นต๎น และยังมีระบบการเก็บบันทึกข๎อมูล กจิ กรรมการเรยี นของผ๎ูเรยี น เพอ่ื ผ๎ูสอนสามารถนาไปวิเคราะห๑ ติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนใน รายวชิ านน้ั ไดอ๎ ยํางมปี ระสทิ ธิภาพ องค๑ประกอบท่สี าคัญประกอบด๎วย การจดั การคอร๑สแวร๑ (Courseware) และเนอ้ื หาบทเรยี น ของการจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิร๑นนิ่ง (e-Learning) ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2549) ได๎ศึกษาระบบ จัดการการเรียนรู๎ในอดีตพบวําระบบสํวนใหญํไมํมีเครื่องมือสนับสนุนการมีสํวนรํวมของผ๎ูเรียน ( Student Community Building) เชนํ เคร่ืองมือนาเสนอวดิ โี อ (Video Service) กระดานขําว เคร่ืองมือสนับสนุนการ ใช๎เนื้อหารํวมกัน (Content Sharing and Reuse) เครื่องมือจัดการหลักสูตร (Curriculum Management) และมาตรฐานการเรียนการสอน (Standards Compliance) โดยมีเพียงครงึ่ หนง่ึ ของระบบทไี่ ด๎รับการประเมิน เทํานน้ั ที่มีเครอ่ื งมือชวํ ยในการออกแบบการเรยี นการสอน (Instructional Design Tools) ระบบการจัดการการเรียนร๎ูที่มีประสิทธิภาพนั้น ประกอบด๎วย 1) สนับส นุนการมีสํวนรํวม ของผ๎เู รยี น โดยมกี ารแนะนาผ๎เู รยี นอยาํ งมีระบบ เชํน มีการออกแบบให๎มีการจัดหาคาแนะนาให๎แกํผ๎ูเรียนใน การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 659
การสื่อสารและทางานรวํ มกบั ผ๎เู รียนอื่นๆอยาํ งมีประสทิ ธภิ าพ โดยแนะนาวธิ ใี นการเขียนรายงานสะท๎อนความ คดิ เห็นเพ่ือแบงํ ป๓นความคดิ และประสบการณ๑ หรอื แนะนา วิจารณผ๑ ลงานของผู๎เรยี นคนอื่นอยํางสรา๎ งสรรคเ๑ พอื่ การพัฒนา 2) มีเครอื่ งมือชวํ ยในการออกแบบการเรียนการสอน เพอ่ื เพมิ่ ความหลากหลายของกิจกรรม รวมทั้ง มรี ะบบสนบั สนนุ ผสู๎ อนในแงขํ องการออกแบบในเชิงลาดับการเรยี นรทู๎ มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ หรอื การสนับสนุนผเ๎ู รยี น ในดา๎ นการเข๎าถงึ การเรยี นรู๎ โดยมํุงเนน๎ ในกจิ กรรมทท่ี าอยาํ งตํอเน่ือง รวมท้งั ควรมีเครื่องมือท่อี นุญาตให๎ผ๎ูสอน ออกแบบสิ่งแวดล๎อมการเรียนรู๎ที่มีความหมายสาหรับผูเ๎ รยี นดว๎ ยวิธกี ารทางระบบ และเคร่ืองมือช้ันสูงอ่ืนๆให๎ ผสู๎ อนเลอื กพฒั นาเข๎ามาในบทเรียน 3) มีการติดตํอสื่อสาร เชํน มีห๎องสนทนาเพ่ือสนับสนุนการแลกเปลี่ยน อภปิ ราย และแสดงความคดิ เหน็ สามารถเรียนรูโ๎ ดยใชอ๎ ปุ กรณ๑แบบเคล่อื นท่ไี ด๎ รวมท้ังสามารถเชื่อมโยงไปหา สื่อภาพเคลื่อนไหวและเสยี งได๎ จุดประสงค๑หลักในการพัฒนาระบบก็เพ่ือสร๎างระบบการเรียนร๎ูใช๎งานในหนํวยงานท้ัง e-Learning หรือระบบการจัดการความร๎ู (Knowledge Management: KM) ระบบการจัดการการเรียนร๎ู ประกอบด๎วย 5 สวํ น ดังน้ี 1) ระบบจัดการหลกั สูตร (Course Management System) กลุมํ ผ๎ใู ช๎งานแบํงเป็น 3 ระดับคือ ผเ๎ู รยี น ผู๎สอน และผบู๎ ริหารระบบ โดยสามารถเขา๎ สรูํ ะบบจากที่ไหน เวลาใดกไ็ ด๎ โดยผํานเครือขําย อินเตอร๑เน็ต เป็นระบบที่สามารถรองรับจานวน User และ จานวนบทเรียนได๎ไมํจากัด โดยขึ้นอยูํกับ Hardware/Software ที่ใช๎ และระบบสามารถรองรับการใช๎งานภาษาตํางๆได๎ 2) ระบบการสร๎างบทเรียน (Content Management System) ประกอบด๎วยเครื่องมือในการชํวยสร๎างเน้ือหา (Content) ท่ีสามารถใช๎ งานได๎ดีทั้งกับบทเรียนในรูปตัวอักษรและบทเรียนในรูปแบบ Streaming Media 3) ระบบการทดสอบและ ประเมินผล (Test and Evaluation System) มีระบบคลังข๎อสอบ โดยเปน็ ระบบการสุํมข๎อสอบ สามารถจับ เวลาการทาข๎อสอบและการตรวจขอ๎ สอบอตั โนมัติ พร๎อมเฉลย รายงานสถติ ิ คะแนน และสถติ กิ ารเขา๎ เรียนของ นักเรียน 4) ระบบสํงเสริมการเรียน (Course Tools System) ประกอบด๎วยเครื่องมือตํางๆ ที่ใช๎ส่ือสาร ระหวําง ผูเ๎ รยี นกับผ๎ูสอน และ ผ๎เู รียนกับผ๎ูเรียน ไดแ๎ กกํ ระดานขําวและห๎องสนทนา ท่ีสามารถเก็บประวัติของ ข๎อมูลเหลําน้ีได๎ 5) ระบบจัดการข๎อมูล (Data Management System) ประกอบด๎วยระบบจัดการไฟล๑และ โฟลเดอร๑ ผส๎ู อนมเี นื้อทีเ่ กบ็ ข๎อมลู บทเรยี นเปน็ ของตนเอง ตามท่ีผูด๎ แู ลระบบกาหนด ลกั ษณะท่วั ไปของระบบการจัดการการเรียนรู๎มีดังน้ี 1) ระบบงานเป็นแบบ Client/Server หรอื สูงกวําสามารถใชง๎ านไดโ๎ ดยไมจํ ากดั จานวนผใ๎ู ช๎ 2) ระบบสามารถแสดงผลสํวนเมนู 3) ผ๎ูสอนสามารถสร๎าง แหลงํ ความรหู๎ รอื เน้อื หาวิชาได๎ โดยผาํ นฟ๓งกช๑ ่นั ตํางๆ ทรี่ ะบบกาหนดไว๎ให๎ และสามารถสรา๎ งจุดเชื่อมโยงไปยัง เว็บไซต๑ของแหลํงข๎อมูลภายนอกได๎ด๎วยเชํนกัน 4) ระบบรองรับมาตรฐาน SCORM (Sharable Content Object Reference Module) ขั้นพ้ืนฐาน (Basic Support for Standard Learning Objects) โดยใช๎ SCORM Content Packages ได๎ 5) ผู๎เรียนสามารถเลือกดูสํวนท่ีสนใจของรายวิชาได๎ เชํน ประกาศของ รายวิชา ตารางงาน และงานทไ่ี ดร๎ ับมอบหมายจากผู๎สอน 6) ผู๎ใชร๎ ะดบั ผู๎ดแู ลระบบ ผสู๎ อน และผ๎ูเรียน สามารถ ล็อกอินเข๎าระบบได๎ 7) สํวนการจัดการกับเนื้อหา ได๎แกํ ตารางการสอน ( Schedule Plan) การจัดการ เว็บไซต๑ (Website Management) การบริหารจัดการของผ๎ูใช๎ (User Management) การจัดการโมดูล การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 660
(Module Management) และการจัดการกลํุมผู๎เรียน (Class Management) 8) ระบบ ประกอบด๎วย การ จัดการรายวิชา (Course Management) ห๎องสนทนา (Chat room) หัวข๎อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น (Discussion Forum) ระบบเก็บคาศัพท๑ (Glossary) พ้ืนที่เก็บส่ือประกอบการเรียนการสอน (Workshop Area) ในรูปแบบของ มัลติมีเดีย ได๎แกํ Multimedia Video Clip หรือ Audio Files ระบบจัดการตัวเลือก (Choice) ระบบประเมินผล (Assessments) สถิติการเข๎ามาใช๎งาน (Course Statistics) 9) การมีคาอธิบาย ชํวยเหลือการใชง๎ าน (Help) ของผู๎สอนและผเ๎ู รียน ระบบการจัดการการเรียนรแ๎ู บบออนไลน๑ มีพฒั นาการทเ่ี ร่ิมต๎นมาจากคอมพิวเตอร๑ชํวยสอน (Computer Aid Instruction: CAI) ซง่ึ มุงํ ปรับเน้ือหาการสอนในลกั ษณะเดิมให๎อยํูในรูปแบบดิจิตัล (Digital) รวมถงึ การใชเ๎ ครื่องมือเพื่อการติดตํอสื่อสารแบบออนไลน๑ ให๎เป็นเครื่องมือจัดการบทเรียน และก๎าวหน๎ามา จนถึงยุคของการส่ือสารไร๎พรมแดน e-Learning ได๎รับการพัฒนาอยํางกว๎างขวาง มีการใช๎ประโยชน๑จาก เครอื ขาํ ยเพื่อเป็นแหลงํ ความรู๎ มกี ารพฒั นาเครื่องมอื เสริม เชํน กระดานขําว (Web board) และห๎องสนทนา (Chat room) เพอ่ื การส่อื สารและการแลกเปลยี่ นเรียนรู๎ ป๓จจุบนั ระบบการจดั การการเรียนรู๎ได๎ก๎าวหน๎ามาถึง ข้ันการบูรณาการเครื่องมือตํางๆ เข๎ามาไว๎ด๎วยกัน เพื่ออานวยความสะดวกและสํงเสริมการเรียนรู๎ มีการใช๎ เคร่อื งมอื ในการสร๎างและจัดการเน้ือหาของบทเรียนรวมไว๎ในระบบซ่ึงมีความหลากหลายและซับซ๎อนมา กขึ้น โดยเน๎นท่ีการสงํ เสรมิ การตดิ ตํอสอื่ สาร ระหวาํ งผส๎ู อนกับผเ๎ู รยี น ระหวํางผู๎เรยี นกบั ผเ๎ู รยี น มกี ารนาส่ือที่ทนั สมัย มาเสรมิ การเรียนรู๎ และเออื้ ให๎ผ๎เู รยี นสามารถเรยี นรดู๎ ว๎ ยตนเองได๎อยาํ งมปี ระสิทธิภาพ ในป๓จจุบันมีผ๎ูให๎บริการ ระบบการจัดการการเรียนรู๎แบบออนไลน๑ (OLMS) ท่ีได๎รับความนิยมในลาดับต๎นๆ ทั้งแบบให๎ใช๎ฟรี เชํน Google Classroom, Moodle, Edomo และแบบที่ตอ๎ งเสยี คําใชจ๎ ําย เชํน Blackboard โดยทงั้ สองแบบน้นั มี ทั้งทต่ี ๎องติดต้งั ใชง๎ านเอง ซ่ึงต๎องมีแมํขําย (server) ในการใช๎บริการ และแบบที่ไมํต๎องมีแมํขําย ซึ่งใช๎บริการ ผํานเครือขํายแบบกลํุมเมฆ (Cloud-Based Systems) ระบบที่เป็นที่ร๎ูจักและนิยมใช๎กันอยํางแพรํหลายคือ Moodle และลําสุด Google Classroom เป็นระบบที่ได๎รับความนิยมเพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆ หน๎าที่การทางาน และคุณลกั ษณะเฉพาะของโปรแกรมทั้งสอง สํวนในประเทศไทย ระบบทีไ่ ดร๎ บั ความนิยม ได๎แกํ TEPE Online และระบบ DLIT ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน (สพฐ.) และ Thai MOOCs 2) Moodle: Modular Objects-Oriented Dynamic Learning Environment เป็นระบบการจดั การการเรียนรูท๎ ี่ได๎รับความนิยมคํอนข๎างสูง ชื่อเต็มคือ Modular Object- Oriented Dynamic Learning Environment ท่ีถูกพัฒนาข้ึนโดย Martin Dougiamas เป็นโปรแกรมท่ีมี ลักษณะเปน็ Open Source ภายใต๎ข๎อตกลงของ GPL (General Public License) ซึ่งสามารถดาวน๑โหลดไป ใช๎งานไดฟ๎ รีจาก moodle.org โดยผดู๎ ูแลระบบ (Admin) นาไปตดิ ต้ังในเคร่ือง Server ท่ีบริการWeb Server ที่รองรบั PHP Language และ MySQL เป็นโปรแกรมทปี่ ระมวลผลในเครื่องบรกิ าร (Server-Side Script) ทา หนา๎ ที่ให๎บริการ e-Learning ทาใหผ๎ ู๎ดแู ลระบบสามารถเปิดใหบ๎ ริการแกผํ สู๎ อนและผ๎เู รียน ผํานบรกิ าร 2 ระบบ คือ 1) ระบบจดั การเนือ้ หา (CMS: Course Management System) ซ่ึงผู๎สอนสามารถจัดการเน้ือหา เตรียม การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 661
เอกสาร สื่อมัลติมีเดีย แบบฝึกหัดตามแผนการจัดการเรียนร๎ู และ 2) ระบบจั ดการเรียนรู๎ (LMS: Learning Management System) ซง่ึ เป็นบริการให๎ผ๎เู รียนเข๎าเรยี นร๎ไู ดต๎ ามลาดับ ตามชวํ งเวลา ตามเง่ือนไขท่ีผู๎สอนได๎ จดั เตรียมไวอ๎ ยํางเป็นระบบ และประเมินผลการเรยี นรู๎ของผ๎ูเรียน พรอ๎ มแสดงผลการตัดเกรดได๎แบบอัตโนมัติ ปจ๓ จุบันมโี ปรแกรมที่ทาหนา๎ ที่ซง่ึ สามารถสร๎างวัตถเุ รยี นร๎จู ากนอก Moodle แล๎วนาเข๎าไปใช๎งานใน Moodle ได๎ เชํน สกอร๑ม (SCORM: Sharable Content Object Reference Model) ท่ีสามารถนาไปติดตั้งเป็นสํวน หน่ึงใน Moodle หรือโปรแกรมเลริ น๑ สแควร๑ (Learnsquare) ได๎ 3) TEPE Online TEPE Online (Teachers and Educational Personnel Enhancement Based on Mission and Functional Areas as Majors: TEPE Online) หรือ การพฒั นาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา โดยยดึ ภารกิจและพนื้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านเป็นฐานดว๎ ยระบบออนไลน๑ เปน็ กระบวนการพฒั นาครแู ละบุคลากรทางการ ศึกษา ท่ีสามารถเรียนร๎ูได๎ทุกที่ ทุกเวลา มีการตรวจสอบควบคุมคุณภาพให๎บรรลุผลตามเปูาหมายของการ พัฒนาอยาํ งมีประสทิ ธภิ าพสอดคลอ๎ งกับมาตรฐานวิชาชีพ มีองคค๑ วามรต๎ู าํ งๆ ท่ีจาเป็นและสาคญั ในการปฏิบัติ หนา๎ ทต่ี ามบริบทในแตํละตาแหนงํ และสงํ เสริมความก๎าวหนา๎ ของครูและบุคลากรทางการศึกษา ระบบ TEPE Online แนวใหมํประกอบด๎วย 1) สํวนการพัฒนาตนเอง และ 2) สํวนการรับรองความรู๎ โดยเร่ิมจากความ ตอ๎ งการในการพัฒนาตนเองตามวตั ถุประสงค๑การพฒั นา เลือกหลักสูตรเพื่อศึกษาเรียนร๎ูตามวัตถุประสงค๑การ พัฒนา ที่มีอยํางหลากหลายและให๎สอดคล๎องกับมาตรฐานวิชาชีพ มีองค๑ความร๎ูสาคัญที่จาเป็น ศึกษาผําน ระบบออนไลน๑แบบ (TEPE Online) มกี ารตรวจสอบผลการพฒั นา และการทดสอบเพื่อรับรองความรู๎ ระบบ TEPE Online แบงํ หลักสูตรพฒั นาออกเปน็ 3 กลุํมหลกั ไดแ๎ กํ 1. หลักสูตรการพัฒนางานในหน๎าที่ ประกอบด๎วยรายวิชา 4 หมวด ได๎แกํ 1) หลักสูตรใหมํ ประกอบด๎วยเนื้อหารายวชิ ายคุ ใหมํ ที่ตอบสนองนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนทฤษฎีการจัดการ เรยี นการสอนที่ทนั สมัย และการเตรยี มพรอ๎ มผ๎เู รียนเพ่อื เปน็ ประชากรโลก เชํน วิชาการสร๎างคํานิยมหลัก 12 ประการ การจดั การเรยี นร๎ูวิชาหน๎าท่ีพลเมือง ความรู๎เก่ียวกับประชาคมอาเซียน หลักการพัฒนาผู๎เรียนด๎วย วธิ กี าร Coaching การบรหิ ารจดั การหอ๎ งเรียนอัจฉรยิ ะ (Smart Classroom) เป็นต๎น 2) กลํมุ สาระการเรียนรู๎ ประกอบด๎วยรายวิชาหลากหลาย ท่ีเป็นสาระการเรียนร๎ูหลัก แยกตามระดับช้ันตํางๆ เชํน ภาษาไทย คณติ ศาสตร๑ สังคมศาสตร๑ ภาษาอังกฤษ วทิ ยาศาสตร๑ ชีววทิ ยา ฟสิ ิกส๑ เคมี สุขศึกษาและพลศึกษา เป็นต๎น 3) สมรรถนะหลัก ประกอบด๎วย รายวิชาการพัฒนาสมรรถนะประจาสายงานและสมรรถนะหลักสาหรับครู ผ๎ูบริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก๑ 4) สมรรถนะประจาสายงาน ประกอบด๎วยรายวิชาท่ีชํวยพัฒนา สมรรถนะการทางานของแตลํ ะสายงาน เชํน ระเบยี บงานสารบรรณการบริหารงานบุคคลการบริหารงานพัสดุ การบริหารการเงินการคลังภาครัฐการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในการพัฒนาภาวะผู๎นากับการ บริหารงานยุคใหมํจิตวิญญาณความเป็นครูแนวทางการจัดการเรียนรู๎ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เป็นต๎น การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 662
2. หลักสูตรการพฒั นาตามนโยบาย และแหลงํ เรยี นรขู๎ องศูนย๑ TEPE Online ระดับภาคเป็น แหลํงเรียนร๎ูให๎ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาสามารถพัฒนาตนเองได๎ ประกอบดว๎ ย 1) ระบบ Digital Library เป็นระบบดิจิตอลท่รี วบรวม แหลงํ ความร๎ู ทั้งเอกสาร สื่อวดิ ีทัศน๑ และงานวิจัย สาหรับครูและบุคลากรทางการ ศึกษาสามารถเข๎าใช๎งาน และเรยี นร๎ูได๎ทุกท่ที ุกเวลา 2) ระบบการถํายทอดความรู๎ สาระนํารู๎ จากศูนย๑กลางทั้ง 9 ศนู ย๑ ทาให๎ครู และบุคลากรไมตํ ๎องเดินทางไปเรียนร๎ู แตสํ ามารถเรยี นรไ๎ู ดจ๎ รงิ ผาํ นระบบออนไลนต๑ ามวัน และ เวลาท่ีกาหนดไว๎ 3) คลินกิ วิชาการ สาหรับใหค๎ รูและบุคลากรทางการศึกษา ขอรับคาปรึกษา ด๎านวิชาการตาม วนั และเวลาท่กี าหนดไว๎ 3. หลักสูตรการพัฒนาขา๎ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษากํอนแตํงตั้งให๎ดารงตาแหนํง ผ๎ูบริหารสถานศึกษา ประกอบด๎วยเนื้อหารายวิชาเก่ียวกับ การบริหารและการจัดการศึกษา การพัฒนางาน ด๎านวชิ าการ งบประมาณ การบรหิ ารงานบคุ คล การเงินและทรัพย๑สนิ การบริหารทั่วไปในเขตพื้นที่การศึกษา การประสานงาน สงํ เสริม สนับสนุนการจัดการศกึ ษาของบุคคล ทอ๎ งถิน่ และหนํวยงานอ่ืน การกากับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลสถานศึกษา และปฏิบัตหิ นา๎ ทอี่ นื่ ตามทไ่ี ด๎รับมอบหมาย 4) Google Apps for Education Google Apps for Education เป็นชุดซอฟตแ๑ วรท๑ รี่ วบรวมเคร่อื งมือท่ีเป็นระบบเปิดที่ใช๎ใน การทางานรํวมกัน ซึ่งระบบจะมีระบบรักษาความปลอดภัยให๎อยํางดี และมีเคร่ืองมือที่ให๎บริการฟรี ซ่ึ ง ประกอบไปด๎วย Gmail, Google Voice Search, Google Drive, Google Calendar, Google Docs, Google Groups, Google Site, Google Video และ Google Plus ซง่ึ ด๎วยเครื่องมือท่ที รงประสทิ ธิภาพและ การให๎บริการที่หลากหลายน้ี ทาให๎มีผ๎ูใช๎งานทั่วโลก โดยลักษณะการทางานของ Google Apps for Education น้ันข๎อมูลทุกอยํางจะถูกบันทึก หรือจัดเก็บเอาไว๎ด๎วยระบบ Cloud Computing โดยอัตโนมัติ ดาเนินการผํานทางเว็บแบบ 100% หมายความวํา e-Learning เอกสาร ปฏิทิน และ Site ตํางๆที่ผู๎ใช๎งาน ออกแบบจะสามารถเข๎าถึงและแก๎ไขได๎ ทั้งผําน PC, Mobile Phone หรือ Tablet PC ได๎จากทุกที่ทุกเวลา เปน็ เครือ่ งมือทที่ นั สมยั เหมาะสมกับองคก๑ รการศึกษา และองคก๑ รธุรกิจยุคใหมํทตี่ ๎องการความสะดวกรวดเรว็ มี Google Classroom เป็น Application หลัก ทใ่ี ชใ๎ นการออกแบบบทเรยี น หรือวิชา โดยอาศัยความสามารถ และการสนับสนุนจาก Applications อื่นๆในกลุํม Google Apps for Education ทั้งรูปแบบไฟล๑เอกสาร และมัลติมีเดีย เป็นระบบการจัดการการเรียนร๎ูแบบออนไลน๑ท่ีได๎รับความนิยมมากข้ึนเร่ือยๆ ทั่วโลก สถาบันการศึกษาทุกระดับตํางเลือกท่ีจะเป็นสมาชิก ด๎วยความสามารถท่ีงํายตํอการออกแบบ ยืดหยํุนและ สามารถเรยี นรู๎ผาํ นอปุ กรณเ๑ คลอ่ื นท่ี ทาใหม๎ คี วามสามารถเหนอื กวาํ ระบบอื่นๆ สงํ ผลให๎จานวนสมาชิกเพิ่มข้ึน อยํางรวดเรว็ Google Inc. ได๎ออกแบบระบบการจัดการการเรียนร๎ู Google Classroom ซึ่งเป็นหน่ึงใน เครื่องมือสาคัญของ Google Apps for Education ที่ให๎สถานศึกษาใช๎งานได๎โดยไมํมีคําใช๎จําย แตํ สถานศกึ ษาต๎องสมคั รเขา๎ รวํ มโปรแกรม พรอ๎ มสํงหลกั ฐานเพื่อพิสูจน๑ตัวตน หลังจาก Google Inc. อนุมัติแล๎ว การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 663
จึงจะใช๎งานระบบผําน Gmail Account ได๎ Google Classroom เหมาะกับผ๎ูใช๎งานทั่วไปที่ไมํต๎องมีความรู๎ ความเชี่ยวชาญด๎านคอมพิวเตอร๑มากนัก ไมํต๎องมีเคร่ืองแมํขําย (Server) ในการติดต้ังโปรแกรม ทาให๎ลด คาํ ใชจ๎ าํ ยในสวํ นนไ้ี ป การใช๎ Google Classroom ผู๎ใช๎งานต๎องมี Gmail ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือของ Google Apps for Education รวมท้งั เครอ่ื งมอื สนบั สนนุ ในการเรียนรูอ๎ ่ืนๆที่ผใู๎ ชส๎ ามารถศกึ ษาและใช๎งานไดเ๎ พ่ือความ สะดวกในการจัดการไฟลม๑ ากยิ่งขนึ้ Google Classroom มฟี ง๓ ก๑ช่ันท่จี าเป็นสาหรับระบบ e-Learning ผ๎ูใช๎ไมํ ตอ๎ งคอยอพั เดตและสารองข๎อมูลดว๎ ยตนเอง เพราะขอ๎ มลู ถูกจดั เก็บอยูบํ นระบบอินเตอร๑เน็ตอยํูแล๎ว ทาให๎เกิด ความสะดวกสบายแกํผู๎ใช๎งาน ระบบการจดั การการเรยี นรูแ้ บบออนไลนก์ บั การพัฒนาผ้บู ริหารสถานศกึ ษาเอกชน ป๓จจุบันคุรุสภาได๎กาหนดมาตรฐานวิชาชีพของผู๎ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา สาหรับผ๎ูประกอบ วิชาชีพทางการศึกษาไว๎ 4 กลํุม ได๎แกํ ผู๎ประกอบวิชาชีพครู ผป๎ู ระกอบวชิ าชีพผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา ผู๎ประกอบ วิชาชีพผ๎ูบริหารการศึกษา และผู๎ประกอบวิชาชีพศึกษานิเทศก๑ และพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 49 ไดก๎ าหนดให๎มีมาตรฐานวิชาชีพ ซ่ึงประกอบด๎วย มาตรฐานความร๎ูและ ประสบการณ๑วิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน 1) มาตรฐานความรู๎และ ประสบการณ๑วิชาชีพ หมายถึง ข๎อกาหนดสาหรับผู๎ที่จะเข๎ามาประกอบวิชาชีพ ซึ่งจะต๎องมีความร๎ูและ ประสบการณว๑ ิชาชพี เพียงพอทีจ่ ะประกอบวิชาชพี จงึ จะสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพื่อใช๎เป็น หลักฐานแสดงวําเป็นบุคคลที่มีความร๎ู ความสามารถ และมีประสบการณ๑พร๎อมที่จะประกอบวิชาชีพทาง การศกึ ษาได๎ 2) มาตรฐานการปฏิบตั งิ าน หมายถงึ ขอ๎ กาหนดเกี่ยวกับการปฏบิ ตั ิงานในวิชาชพี ใหเ๎ กดิ ผลเปน็ ไป ตามเปูาหมายที่กาหนด พร๎อมกับมีการพัฒนาตนเองอยํางตํอเนื่อง เพ่ือให๎เกิดความชานาญในการประกอบ วิชาชีพ ท้งั ความชานาญเฉพาะดา๎ นและความชานาญตามระดบั คุณภาพของมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน หรืออยําง น๎อยจะตอ๎ งมีการพฒั นาตามเกณฑ๑ท่ีกาหนดวํามีความรู๎ ความสามารถ และความชานาญ เพียงพอที่จะดารง สถานภาพของการเป็นผ๎ูประกอบวิชาชีพตํอไปได๎หรือไมํ นั่นก็คือการกาหนดให๎ผู๎ประกอบวิชาชีพจะต๎องตํอ ใบอนญุ าตทกุ ๆ 5 ปี 3) มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายถึง ข๎อกาหนดเกี่ยวกับการประพฤติตนของผ๎ูประกอบ วชิ าชพี โดยมจี รรยาบรรณของวชิ าชพี และแบบแผนพฤตกิ รรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชีพเป็นแนวทางในการ ประพฤติปฏิบัติ เพื่อดารงไวซ๎ ึ่งช่อื เสยี ง ฐานะ เกยี รตแิ ละศักด์ิศรแี หงํ วชิ าชีพ ซ่ึงมีแบบแผนพฤติกรรมที่กาหนด เป็นข๎อบังคับคุรุสภาท่ี หมายถึง ประมวลพฤติกรรมท่ีเป็นตัวอยํางของการประพฤติท่ีกาหนดข้ึนตาม จรรยาบรรณของวิชาชพี ซึ่งผปู๎ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา คือ ครู ผู๎บริหารสถานศึกษา ผ๎ูบริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก๑ ต๎องหรือพงึ ประพฤติปฏบิ ตั ิตาม ประกอบด๎วย พฤตกิ รรมท่ีพึงประสงค๑ให๎ผ๎ูประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษาต๎องหรอื พึงประพฤตติ าม และพฤตกิ รรมทีไ่ มํพึงประสงค๑ ที่กาหนดให๎ผ๎ูประกอบวิชาชีพทางการ ศึกษาต๎องหรอื พงึ ละเวน๎ 1) มาตรฐานวิชาชพี ทางการศกึ ษาสาหรบั ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา สภาครูและบุคลากรทางการศึกษามีบทบาทในการกาหนดกรอบมาตรฐานวิชาชีพ ให๎ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 664
ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ดแู ลการปฏิบัตติ ามกรอบมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวชิ าชพี รวมทัง้ การ พฒั นาและยกระดับวิชาชพี ทางการศึกษาให๎เปน็ วิชาชพี ช้ันสงู โดยได๎ออกขอ๎ บังคบั วําด๎วยมาตรฐานวิชาชีพและ จรรยาบรรณวิชาชพี พ.ศ. 2548 และตํอมาในปี พ.ศ. 2556 ได๎ออกข๎อบังคับคุรุสภาวําด๎วยมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อเปน็ มาตรฐานใหผ๎ ๎ปู ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษาถือเป็นกรอบในการปฏิบัติงานและปฏิบัติตน ซ่ึงในสํวน ของมาตรฐานความร๎ูและประสบการณ๑วิชาชีพแตํเดิมมีมาตรฐานความรู๎ 10 มาตรฐาน ในข๎อบังคับวําด๎วย มาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณวิชาชีพ พ.ศ. 2548 (คุรุสภา, 2548) ตํอมาในปี พ.ศ. 2556 คุรุสภาได๎ออก ข๎อบังคับใหมํและเปล่ียนจาก “ข๎อบังคับคุรุสภาวําด๎วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพ ” เป็น “ข๎อบงั คับครุ ุสภาวําดว๎ ยมาตรฐานวชิ าชีพ” ซงึ่ ในสวํ นของมาตรฐานความร๎ูสาหรับผู๎บริหารสถานศึกษา มีการ เปล่ียนแปลงเป็น 7 มาตรฐาน ดังน้ี 1) การพัฒนาวิชาชีพ 2) ความเป็นผ๎ูนาทางวิชาการ 3) การบริหาร สถานศกึ ษา 4) หลกั สูตร การสอน การวดั ผลและประเมินผลการเรยี นร๎ู 5) กจิ การและกิจกรรมนกั เรยี น 6) การ ประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา และ 7) คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ สานกั งานคณะกรรมการข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือสานักงาน ก.ค.ศ. ใน ฐานะหนํวยงานที่รับผิดชอบในการกาหนดหลักเกณฑ๑และวิธีการพัฒนาข๎าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษากอํ นแตงํ ต้งั ให๎ดารงตาแหนํงผู๎อานวยการสถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ได๎กาหนดหลักเกณฑแ๑ ละวธิ กี ารพฒั นาขนึ้ ใหมํ ในปี พ.ศ. 2559 (สานักงาน ก.ค.ศ., 2559) โดย 1) การพัฒนา ขา๎ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากํอนแตํงต้ังให๎ดารงตาแหนํงผ๎ูอานวยการสถานศึกษา ต๎องเป็นการ พัฒนาสมรรถนะในลักษณะองค๑รวม มีความยดื หยนุํ ท้ังสาระการพฒั นาและวิธีการเรยี นร๎ูให๎มีความพร๎อม และ สามารถพัฒนาสถานศึกษาให๎มคี ุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และ 2) การพัฒนาฯมีวัตถุประสงค๑ให๎ผู๎ผําน การพฒั นามอี ุดมการณ๑ วสิ ัยทศั น๑ บคุ ลิกภาพ ความเป็นผ๎ูนา และพฤติกรรมท่ีเหมาะสมตํอการเปน็ ผอ๎ู านวยการ สถานศึกษา สามารถนาการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนร๎ูท่ีเน๎นผู๎เรียนเป็นสาคัญ รวมทั้งสามารถสร๎าง วัฒนธรรมคุณภาพ และประชาธิปไตยในการปฏิบัติงาน วิธกี ารพฒั นา กาหนดให๎ผู๎เข๎ารับการพัฒนาต๎องได๎รับ การพัฒนาเปน็ เวลาไมนํ ๎อยกวาํ 60 ชว่ั โมง ตามขอบขํายดังนี้ 1) พัฒนาคุณลักษณะผ๎ูอานวยการสถานศึกษาที่ พงึ ประสงค๑ ไมนํ ๎อยกวาํ 12 ชัว่ โมง 2) พฒั นาภาวะผ๎นู าทางวชิ าการ ไมนํ อ๎ ยกวํา 21 ชวั่ โมง และ 3) พัฒนาการ บริหารและจัดการในสถานศกึ ษา ไมนํ ๎อยกวาํ 27 ชั่วโมง หลักเกณฑ๑ลําสุดนี้ กาหนดให๎วิธีท่ีใช๎ในการพัฒนาที่ หลากหลาย โดยการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง การเรียนรู๎ตามสภาพจริง การฝึกปฏิบัติ การเรียนรู๎จากผ๎ูบริหาร สถานศึกษาที่ประสบความสาเร็จ การแลกเปลี่ยนเรียนร๎ู การเรียนรู๎แบบมีสํวนรํวม การสอนแนะ การเรียนร๎ู จากระบบพี่เล้ียง และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษาดูงาน และวิธีการอื่นๆตามความเหมาะสม (สานกั งาน ก.ค.ศ., 2559, น. 2) สํวนการประเมนิ ผลการพัฒนาน้นั เป็นลักษณะการประเมินเพ่ือปรับปรุง จัด ใหม๎ ีการประเมนิ กํอน ระหวาํ ง และเมื่อสิ้นสุดการพัฒนา มํุงเน๎นการประเมินจากสภาพจริงและคุณภาพของ ผลงานดว๎ ยวธิ ีการและเคร่อื งมือทีห่ ลากหลาย โดยผ๎เู ขา๎ รับการพฒั นาตอ๎ งมรี ะยะเวลาเขา๎ รับการพัฒนาทั้งหมด ไมํน๎อยกวาํ รอ๎ ยละ 80 ของระยะเวลาที่กาหนดผ๎ูทไ่ี มผํ ํานการประเมินจะไมํสามารถบรรจุและแตํงต้ังให๎ดารง ตาแหนํงผอ๎ู านวยการสถานศึกษาได๎ และหนํวยงานท่ีรับผดิ ชอบการพัฒนา ได๎แกํ คณะกรรมการการศึกษาข้ัน การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 665
พน้ื ฐาน รํวมกบั สถาบันพฒั นาครู คณาจารย๑ และบุคลากรทางการศึกษา โดยรํวมกับสถาบันอุดมศึกษา หรือ หนํวยงานอื่น และทาหลักสูตรเสนอสานักงาน ก.ค.ศ. แล๎วดาเนินการพัฒนาพร๎อมรายงานผลการพัฒนาให๎ สานกั งาน ก.ค.ศ. ทราบตอํ ไป สถาบันพัฒนาครู คณาจารย๑ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) เดิมชื่อ สถาบันพัฒนา ผบ๎ู รหิ ารการศึกษา มีหน๎าท่หี ลักในการฝกึ อบรมและพัฒนาผบู๎ รหิ ารทางการศึกษาในสงั กดั กระทรวงศึกษาธกิ าร ทง้ั ผู๎บริหารประจาการ (In-Service Training) การฝึกอบรมเฉพาะสาขาวิชา (Specialized Training) และการ ฝกึ อบรมเตรยี มผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา และผูบ๎ รหิ ารหนํวยงานทางการศึกษา สถาบันพัฒนาผู๎บริ หารการศึกษา เป็นหนํวยงานท่ีกระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งเม่ือ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นหนํวยงานจัดฝึกอบรมผ๎ูบริหารทางการ ศกึ ษา ไดร๎ บั ความอนุเคราะห๑ใหก๎ อํ สร๎างบนพน้ื ทข่ี องวัดไรขํ ิง เรมิ่ เปดิ ทาการในปี พ.ศ. 2527 จนถึงชํวงของการ ปฏริ ูปการศึกษา และมีการตราพระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. 2542 เป็นผลให๎มีการเปลี่ยนแปลง สถานภาพ บทบาท และหนา๎ ทีข่ องสถาบันพัฒนาผ๎ูบริหารการศึกษา และได๎ถูกเปลี่ยนเป็น สถาบันพัฒนาครู คณาจารย๑ และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ.) มีหนา๎ ทีเ่ ปน็ ศูนยก๑ ลางในการประสาน จดั ทานโยบายและแผน ให๎คาแนะนา ติดตามผลการปฏิบัติงาน พัฒนาระบบและมาตรฐาน สํงเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรม การ สํงเสริมการดาเนินกิจกรรมในลักษณะเครือขําย ระดมทรัพยากร และแสวงหาความรํวมมือจากหนํวยงาน ภายนอกองค๑กร ทั้งภาครัฐและเอกชน การจัดทาระบบฐานข๎อมูล ดาเนินกิจกรรมการพัฒนาฝึกอบรม มี วัตถุประสงค๑เพ่ือเพิ่มพูนสมรรถนะด๎านความร๎ู ทักษะ และทัศนคติ ให๎แกํบุคลากร ได๎แกํ ผ๎ูบริหาร ครู และ บคุ ลากรทางการศึกษา ในหลายระดบั หลายประเภท ครอบคลุมทกุ สงั กดั พระราชบญั ญัติโรงเรยี นเอกชน พ.ศ. 2550 มาตรา 39 ได๎กาหนดหนา๎ ทแี่ ละความรับผิดชอบ ของผอู๎ านวยการสถานศึกษาไว๎ดังนี้ 1) ดูแลรับผิดชอบงานด๎านวิชาการของโรงเรียนในระบบ 2) แตํงตั้งและ ถอดถอนครู บุคลากรทางการศึกษา และเจา๎ หนา๎ ท่ีของโรงเรียนในระบบ ตามระเบียบท่ีคณะกรรมการบริหาร กาหนด 3) ควบคมุ ปกครองครู บุคลากรทางการศกึ ษา และนักเรียนของโรงเรียนในระบบ 4) จัดทาทะเบียน ครู บุคลากรทางการศึกษา เจ๎าหน๎าที่ นักเรียน และเอกสารอ่ืนที่เกี่ยวกับการให๎การศึกษา ตามระเบียบท่ี คณะกรรมการกาหนด 5) จัดทาหลักฐานเก่ียวกับการวัดและประเมินผลการศึกษา ตามระเบียบที่ คณะกรรมการกาหนด 6) ปฏิบัติหน๎าที่อ่ืนอันเก่ียวกับวิชาการ ตามระเบียบและข๎อบังคับของทางราชการ รวมท้ังตราสารจัดต้ัง นโยบาย ระเบียบและข๎อบังคับของโรงเรียน และหน๎าท่ีอื่นตามที่กาหนดไว๎ใน พระราชบญั ญัตนิ ้ี จากแผนยุทธศาสตรข๑ องสานกั งานคณะกรรมการสํงเสริมการศึกษาเอกชน จะเห็นได๎วํา สช. ในฐานะหนํวยงานต๎นสังกัด จะให๎ความชํวยเหลือสนับสนุนในการพัฒนาสถานศึกษ าเอกชนในแงํของครูท้ัง ระบบ แม๎ในปงี บประมาณ 2559 ลําสุดจะเปิดโอกาสใหส๎ ถานศึกษาเอกชนในแตํละจังหวัดได๎พิจารณาดาเนิน โครงการพฒั นาบุคลากรของตนไดต๎ ามความต๎องการผํานการพิจารณาและอนุมัติของคณะกรรมการประสาน และสํงเสริมการศกึ ษาเอกชน (ปส.กช.) ของแตํละจังหวดั กต็ าม แตํเปูาหมายสาคัญก็อยํูที่การพัฒนาครูผู๎สอน เป็นหลกั เชํนกัน ปจ๓ จยั สาคัญทีจ่ ะสรา๎ งกระบวนการเรียนรู๎ในสถานศึกษานั้น คือ ระบบการบริหารจัดการที่มี การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 666
ประสิทธิภาพและการมสี วํ นรวํ มของทกุ ภาคสวํ น ดังนัน้ ผู๎บริหารสถานศึกษาในยุคปฏิรูปในการศึกษาจึงต๎องมี ท้ังความรู๎ และสมรรถนะ ทักษะในการบริหารจัดการซ่ึงเป็นคุณลักษณะที่สาคัญที่จะทาให๎การบริหารจัด การศึกษาบรรลเุ ปูาหมายท่ีกาหนดไวผ๎ บู๎ ริหารสถานศึกษาน้ันได๎มีท่ีระบุชัดเจนคือเร่ือง มาตรฐานวิชาชีพของ ผู๎บริหารทางการศึกษาเทํานั้น จากข๎อกาหนดตามบัญญัติของพระราชบัญญัติระเบียบข๎าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และท่ีแก๎ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 80 ที่ระบุวําผู๎บริหาร สถานศึกษาของรัฐต๎องผํานการพัฒนากํอนแตํงตั้งให๎ดารงตาแหนํงรองผู๎อานวยการสถานศึกษา และ ผ๎ูอานวยการสถานศึกษานั้น แสดงให๎เห็นถึงโอกาสในการพัฒนาและการเตรียมความพร๎อม ของผู๎บริหาร สถานศกึ ษาของรัฐมมี ากกวาํ ผบู๎ รหิ ารสถานศึกษาของเอกชน ซ่งึ ไมํไดม๎ ขี อ๎ กาหนดให๎ได๎รบั การพัฒนา สรุป จากการศึกษาวิเคราะห๑เอกสาร สาระที่เกี่ยวข๎องกับมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษาและ มาตรฐานวิชาชีพสาหรับผู๎บริหารสถานศึกษากลําวได๎วํา ผู๎บริหารสถานศึกษาถือเป็ นวิชาชีพช้ันสูงที่ต๎องมี มาตรฐานวิชาชพี ท่ีต๎องมีการพัฒนา ปรับปรุงให๎ทันสมัยอยูํเสมอ การพัฒนาผู๎บริหารสถานศึกษาเอกชนให๎มี คุณลกั ษณะ คุณสมบตั ิ และประสิทธภิ าพในการปฏบิ ัติหนา๎ ท่นี ้ัน ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษาเอกชนตอ๎ งพัฒนาตนเอง อยูเํ สมอ และเพอ่ื ใหท๎ ันกบั การเปลีย่ นแปลงท้ังภายในและภายนอก ให๎สอดคล๎องตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพ ของครุ ุสภา และเพ่ิมเตมิ ดว๎ ยมาตรฐานอ่ืนที่ตอบสนองการศึกษาของสถานศึกษาเอกชนโดยเฉพาะ ที่มีความ แตกตํางจากการบรหิ ารสถานศึกษาของรฐั ในหลายประเดน็ การพัฒนาผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนยังมีโอกาสน๎อย ขั้นตอนการพัฒนาเพื่อเตรียมพร๎อมกํอนข้ึน ดารงตาแหนํงผู๎บริหารสถานศึกษาเอกชนก็ไมํมีข๎อกาหนดทางกฎหมายแตํอยํางใด หนํวยงานต๎นสังกัดของ สถานศึกษาเอกชน (สช.) ก็เนน๎ สนบั สนุนการพฒั นาครูทัง้ ระบบมากกวาํ สวํ นการสนับสนุนงบประมาณพัฒนา ครูและบคุ ลากรของสถานศึกษาเอกชนทีผ่ ํานคณะกรรมการประสานและสงํ เสรมิ การศึกษาเอกชน (ปส.กช.) ท่ี มใี นทกุ จงั หวัดซึ่งเปิดโอกาสให๎คณะกรรมการพจิ ารณาไดว๎ ํา จะจัดโครงการหรือกิจกรรมพัฒนาได๎ตามมติของ คณะกรรมการกต็ ามรวมทง้ั ระบบพัฒนาท่ีรัฐพัฒนาขึ้นเพื่อความสะดวกในการพัฒนาของภาครัฐท่ีระบุวําจะ เปดิ กวา๎ งใหผ๎ บู๎ ริหาร ครูและบคุ ลากรของสถานศึกษาเอกชนเข๎าใช๎เพ่ือพัฒนาได๎ แตํปรากฏวําไมํตรงกับความ ต๎องการและบรบิ ทของสถานศกึ ษาเอกชน 2) แนวการวิจยั เพ่อื การพัฒนาระบบการจัดการการเรียนรู้แบบออนไลน์สาหรับผู้บริหาร สถานศกึ ษาเอกชน การพฒั นาระบบการจดั การการเรียนร๎ูแบบออนไลน๑สาหรับผู๎บริหารสถานศึกษาเอกชนน้ัน หากเลง็ เหน็ ถึงผลลพั ธ๑ท่ีจะกํอใหเ๎ กดิ ประโยชน๑กับผู๎บริหารสถานศกึ ษาเอกชนโดยตรง ควรเรม่ิ จากการวิจัยเพ่ือ หาประเด็นความรูท๎ ี่สาคญั และจาเป็นตํอผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชน ซ่ึงประกอบด๎วยข้ันตอนที่ครอบคลุมถึง การประมวลความร๎ใู นประเด็นความร๎ูตามมาตรฐานวิชาชพี ผูป๎ ระกอบวิชาชีพผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษาตามประกาศ ของคุรุสภา พ.ศ. 2556 และความร๎ูท่ีประมวลได๎จากความคิดเห็น ข๎อเสนอแนะของผ๎ูทรงคุณวุฒิและมี ประสบการณเ๑ ก่ียวข๎องกับการบริหารจัดการสถานศึกษาเอกชน การประมวลลาดับความต๎องการจาเป็นในการ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 667
พัฒนาของผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษาเอกชนในป๓จจบุ ัน และความรูเ๎ กีย่ วกบั ระบบการจดั การการเรยี นรแ๎ู บบออนไลน๑ เพ่อื การจัดทาโปรแกรมการเรยี นรูเ๎ พอื่ พฒั นาผูบ๎ ริหารสถานศึกษาเอกชน ดังกรอบแนวคิดการวจิ ัย ดังตํอไปนี้ ความรู๎และสาระความร๎ูตาม ความรแ๎ู ละสาระความรูต๎ าม ผลการสารวจ มาตรฐานวิชาชพี ผู๎บริหาร ข๎อเสนอแนะ ของผท๎ู รงคณุ วุฒิ ความตอ๎ งการจาเป็นในการ สถานศกึ ษาของคุรสุ ภา และมีประสบการณใ๑ นการบรหิ าร พฒั นาตนเองของผู๎บริหาร พ.ศ. 2556 จดั การสถานศึกษาเอกชน สถานศกึ ษาเอกชน บทเรยี นสาหรบั พฒั นาความรู๎และสาระความร๎ู สาหรบั ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษาเอกชน ระบบการจัดการการเรยี นรูแ๎ บบออนไลน๑ (OLMS) โดยประโยชนท๑ ่ีไดจ๎ ากการวจิ ัยจะเปน็ พื้นฐานในการพฒั นาผู๎บรหิ ารสถานศึกษาเอกชนในสํวน อื่นๆไดก๎ วา๎ งขวางย่ิงข้นึ ในโอกาสตอํ ไป และไดร๎ ะบบการจดั การการเรยี นรแ๎ู บบออนไลนท๑ เ่ี หมาะสม และอานวย ความสะดวกตํอการเรยี นรู๎ซง่ึ จะเปิดโอกาสให๎ผ๎บู ริหารสถานศกึ ษาเอกชนขัน้ พ้นื ฐานสามารถเพ่มิ พนู ความรแ๎ู ละ สมรรถนะในมาตรฐานวชิ าชีพและการพฒั นาผ๎ูบริหารสถานศึกษาแบบมืออาชีพได๎อยํางมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น รวมทั้งเป็นการจุดประกายให๎มีการแสวงหาแนวทางสํงเสริมและพัฒนาทั้งครู บุคลากร และผู๎บริหาร สถานศกึ ษาในสถานศกึ ษาของเอกชนได๎กวา๎ งขวาง หลากหลายมากยง่ิ ข้นึ ในอนาคต บทความวิชาการน้ี ชี้ให๎เห็นถึงสภาพการพัฒนาผู๎บริหารสถานศึกษาเอกชนในป๓จจุบันที่ยังมีโอกาส นอ๎ ยกวาํ ผู๎บริหารสถานศึกษาของรัฐ ความสาคญั ของการพฒั นาตนเองของผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนให๎เป็น ผูบ๎ รหิ ารที่มคี ณุ ลักษณะท่ีเหมาะสมกับวชิ าชีพช้ันสูง ประโยชน๑ของระบบการจัดการการเรียนรู๎แบบออนไลน๑ รวมท้ังแนวทางในการพัฒนาผ๎ูบริหารสถานศึกษาเอกชนด๎วยระบบการจัดการการเรียนร๎ูแบบออนไลน๑ท่ีมี ประสิทธิภาพ ตอบสนองความตอ๎ งการเรยี นรข๎ู องผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษาเอกชนทีม่ ลี ักษณะเฉพาะ ข้อเสนอแนะ การพัฒนาผู๎บริหารสถานศึกษาเอกชนโดยยึดห ลักตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภาเป็นสิ่งท่ี หลกี เลย่ี งไมํได๎เน่ืองจากเป็นมาตรฐานวิชาชีพตามกฎหมาย ถ๎าสามารถสารวจให๎ครอบคลุมถึงความต๎องการ พัฒนาในประเดน็ การเรยี นรู๎ทผี่ ๎ูเรียนตอ๎ งการเรยี นร๎ูถงึ ส่งิ ท่สี าคัญและจาเป็นตํอการนาไปใชใ๎ นการพัฒนาเฉพาะ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 668 บทเรียนสาหรบั พฒั นาความรู๎และสาระความรู๎
ตาแหนํงผ๎ูบริหารสถานศึกษาสาหรับเอกชนโดยเฉพาะ ก็นําจะเป็นส่ิงที่ต๎นสังกัดควรนาไปใช๎เป็นหลักในการ พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมและโครงการพัฒนาบุคลากรตํางๆระบบการจัดการการเรียนรู๎แบบออนไลน๑ท่ีมี ประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นระบบที่สามารถรองรับรูปแบบการเรียนร๎ูท่ีหลากหลาย ผู๎สอนหรือผู๎ออกแบบกา ร เรียนรู๎ควรศึกษาความต๎องการของผู๎เรียน จัดกลุํมผ๎ูเรียน และพัฒนาบทเรียนให๎ทันสมัยอยูํเสมอ เน๎น ปฏิสมั พันธร๑ ะหวํางผส๎ู อนกับผู๎เรยี น และผ๎ูเรยี นกับผู๎เรียน เพื่อสรา๎ งการแลกเปล่ยี นเรียนรูร๎ ะหวํางกนั นอกเหนือไปจากการพฒั นาผ๎ูบรหิ ารให๎มคี ณุ ลักษณะตามกรอบวชิ าชีพผ๎ูบริหารสถานศึกษาแล๎ว หาก พัฒนาระบบการจัดการการเรียนร๎ูใหเ๎ ปน็ ชมุ ชนแหํงการเรียนรู๎ (PLC) ในกลมํุ ผ๎ูบรหิ ารสถานศึกษาเอกชน ก็จะ เปน็ อีกชํองทางการเรียนร๎ูท่นี ําจะมปี ระสทิ ธภิ าพ ทผ่ี ู๎บริหารสถานศึกษาเอกชนจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนความร๎ู ระหวาํ งกัน ทั้งในด๎านวิชาการ และประสบการณต๑ รงจากการทางาน และการแก๎ไขป๓ญหาในบริบทที่แตกตําง กันของสถานศึกษา ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพด๎วยกระบวนการชุมชนแหํงการเรียนร๎ู (Community of Practice) ในองค๑กรวิชาชพี เดยี วกันตํอไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา . กรุงเทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2547). พระราชบัญญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธิการ. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2548). “กฎกระทรวงแบงํ สวํ นราชการสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงศกึ ษาธิการ”. พระราชกฤษฎีกาตามราชกิจจานุเบกษา เลม่ 122 ตอนท่ี 100 ก. กรงุ เทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2551). “พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา๎ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา”. ราชกจิ จา นเุ บกษา เล่ม 125 ตอนที่ 36 ก. กรุงเทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธิการ. คณะกรรมการคุรุสภา. (2556). ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เร่ือง สาระความรู้ สมรรถนะและ ประสบการณ์วิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และ ศึกษานิเทศก์ ตามขอ้ บงั คับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. 2556. กรุงเทพฯ : ครุ สุ ภา. ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2549). “ระบบบริหารการจดั การการเรียนร๎ูแหํงอนาคต”. วารสารเทคโนโลยีและ ส่ือสารการศกึ ษา ปที ี่ 3 ฉบบั ที่ 3 หน้า 23-36. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นพดล เจนอกั ษร. (2553). ประมวลสาระชดุ วิชาทฤษฎีและแนวปฏบิ ตั ิในการบรหิ ารการศึกษา หน่วยที่ 11. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. ภาสกร เรืองรอง และมลชยา หวานชะเอม. (2557). การใช้เทคโนโลยี Google Apps ในการพัฒนา นวัตกรรมการเรยี นการสอน. พิษณโุ ลก : มหาวิทยาลยั นเรศวร. ศนู ยพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาดวยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2559). แนวทางการดาเนินงานพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาทางไกลผาน การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 669
เทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT). กรงุ เทพฯ : อักษรไทย. สานักงานคณะกรรมการข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2559). หลักเกณฑ์และวิธีการ พัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งผู้อานวยการ สถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน . กรุงเทพฯ : สานักงาน คณะกรรมการขา๎ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา. สานักงานคณะกรรมการสํงเสริมการศึกษาเอกชน. (2550). พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการสํงเสรมิ การศึกษาเอกชน. สานกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (2548). ขอ้ บังคับคุรุสภาวา่ ด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชพี . กรงุ เทพฯ : สานักงานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. สานกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (2556). ขอ้ บงั คบั ครุ ุสภาวา่ ดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณของวชิ าชพี . กรงุ เทพฯ : สานักงานเลขาธิการคุรสุ ภา. สานักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2557). รายงานประจาปี 2557 สานักงานเลขาธิการคุรุสภา. กรุงเทพฯ : สานกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. ส ม ศั ก ดิ์ ด ล ป ร ะ สิ ท ธิ์ . ( 2 5 4 1 ) . “ ส ภ า ว ะ ก า ร ศึ ก ษ า เ อ ก ช น : วิ ก ฤ ต แ ล ะ โ อ ก า ส ” . http://www.moe.go.th/main2/article/advice.html สานกั สงํ เสริมวิชาการและงานทะเบียน มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลอลงกรณ๑. (2553). คมู่ อื การจดั ระบบการเรยี น การสอนท่ียดึ ผู้เรียนเป็นศนู ย์กลางการเรยี นรู้. กรงุ เทพมหานคร : เทยี นวฒั นาพริ้นทต๑ ้งิ . สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ๑. (2553). ประมวลสาระชุดวิชาทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา หน่วยท่ี 13. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. สุริยา หมาดท้ิง. (2557). “สมรรถนะสาคัญด๎าน ICT ของผู๎บริหารโรงเรียนในศตวรรษท่ี 21”. วารสาร ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ปีที่ 25 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2557 หน้า 1-12. ปต๓ ตานี : มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร๑. Epignosis LLC. (2014). e-Learning Concepts, Trends, Application. California. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 670
การนานโยบายไปปฏบิ ัตใิ นยุค Thailand 4.0 The implementation of a policy; therefore, is a crucial step in Thailand 4.0 ช่อื ผ้แู ตง่ ผศ. ดร.วชิ ติ บุญสนอง หนว่ ยงานที่สงั กดั รัฐประศาสนศาสตร์ e-mail [email protected] บทคัดยอ่ การนานโยบายไปสกํู ารปฏิบตั ิ เป็นเนอ้ื หาสวํ นหนงึ่ ข้นั ตอนการกาหนดนโยบาย เริ่มต้ังแตํ การกํอรูป นโยบาย การวางแผนนโยบาย การนานโยบายไปปฏิบัติ และการประเมินนโยบาย จะเป็นข้ันตอนท่ีสาคัญ ประการหน่งึ ยงิ่ ในยุค Thailand 4.0 ท่ีมีประเด็นสาคัญมุํงเน๎นไปที่วิสัยทัศน๑ในการพัฒนา ให๎ขับเคล่ือนด๎วย นวัตกรรม ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ และเทคโนโลยี บทความนม้ี ีวัตถปุ ระสงค๑เพอ่ื การนานโยบายไปปฏบิ ัติในยคุ Thailand 4.0 ท่มี งํุ เนน๎ นวัตกรรม ความ คิดเห็นสร๎างสรรค๑ และเทคโนโลยแี ละการสอ่ื สาร โดยเฉพาะอยาํ งยงิ่ ถา๎ มองในแงํมุมของวงวิชาการทางด๎านรัฐ ประศาสนศาสตร๑ ภาครัฐได๎กาหนดนโยบายไปปฏิบตั ิเป็นโดยมีข้ันตอนและแนวทางนาไปปฏิบัติที่รัฐบาลหรือ หนํวยงานของรัฐได๎กาหนดขึ้นเพ่ือใช๎ในการแกไ๎ ขปญ๓ หาทัง้ ในระยะสน้ั และในระยะยาวย่ิงในยุค Thailand 4.0 มีการขับเคล่ือนด๎วยนวัตกรรม ความคิดสร๎างสรรค๑ และเทคโนโลยี โดยเฉพาะกา รบริหารรัฐกิจ การ บริหารธุรกจิ แม๎กระทั่งการบริหารการศึกษา ทุกๆการบริหารทกี่ าลงั เปลย่ี นแปลงไปในทศิ ทางตาํ งๆโดยเฉพาะ องคก๑ รภาคธรุ กิจ ทเ่ี ร่มิ เปล่ยี นแปลงจาก SMEs รูปแบบเดมิ ๆ ไปสํู Smart Enterprise หรอื ผ๎ูประกอบการทม่ี ี ศกั ยภาพสูง และแรงงานทัว่ ไปกก็ าลงั พัฒนาสํแู รงงานที่มีความร๎ู ความเช่ยี วชาญ และทักษะที่สูงขึ้นตามลาดบั คาสาคัญ:การนานโยบายไปปฏบิ ตั .ิ ยุค Thailand 4.0 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 671
ABSTRACT The implementation of a policy is one of a process in policy formulation. This starts from drafting, planning and revising, implementing and evaluating the policy. The implementation of a policy; therefore, is a crucial step in Thailand 4.0, which focuses on the vision of development in term of innovation, creativity and technology. This article aimed to implement a policy in Thailand 4.0. In this era, particular attentions are paid to innovation, ideas, and communication technology. Regarding scholars in Public Administration, the implementations of a policy by government were done step by step to solve both long and short term problems using the creative and high technology innovation. Every organization including The Public Administration, Business Management and Educational Administration, is changing and adjusting themselves in different directions. For instance, the old style SMEs have become Smart Enterprise. The entrepreneurs have higher potentials and the workforce have better job skills and knowledge. KEYWORDS: Implementation of policy, Thailand 4.0 บทนา การพัฒนาประเทศภายใต๎แนวคิด Thailand 4.0 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ๑ จันทร๑โอชา ได๎สํงผล กระทบหลายด๎านตํอสังคม หากพิจารณาในแงํข้ันตอนการกาหนดนโยบาย เร่ิมตั้งแตํ การกํอรูปนโยบาย การวางแผนนโยบาย การนานโยบายไปปฏิบัติ และการประเมนิ นโยบาย ดูเหมือนวําการนานโยบายไปปฏิบัติ จะเป็นขน้ั ตอนที่สาคัญประการหนึ่ง โดยเฉพาะอยํางย่ิงถ๎ามองในแงํมุมของวงวิชาการทางด๎านรัฐประศาสน ศาสตร๑ ย่ิงในยุค Thailand 4.0 ที่มีประเด็นสาคัญมุํงเน๎นไปท่ีวิสัยทัศน๑ในการพัฒนา ให๎ขับเคลื่อนด๎วย นวัตกรรม ความคดิ สร๎างสรรค๑ และเทคโนโลยี โดยเฉพาะการบริหารรัฐกิจ การบริหารธุรกิจ แม๎กระทั่งการ บริหารการศึกษา ทุกๆ การบริหารท้ังหมดกาลังเปลีย่ นแปลงไปในทศิ ทางดงั กลาํ วมากข้ึนทุกขณะ การบริหาร จัดการด๎านตํางๆ จึงมีการนาเทคโนโลยีมาใช๎ควบคํู กัน สํงผลให๎นักปกครอง ผู๎ประกอบการ รวมถึง สถาบันการศึกษา โดยเฉพาะองค๑กรภาคธุรกิจ ที่เร่ิมเปล่ียนแปลงจาก SMEs รูปแบบเดิม ๆ ไปสํู Smart Enterprise หรือผ๎ูประกอบการที่มีศักยภาพสูง และแรงงานท่ัวไปก็กาลังพัฒนาสูํแรงงานท่ีมีความรู๎ ความ เช่ียวชาญ และทักษะทส่ี ูงข้ึนตามลาดบั การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 672
คลนื่ ลกู ที่ 4 หากเราพจิ ารณาถึงบริบทของโลกยุคป๓จจุบัน มีการใสํรหัส (Code) ให๎กับยุคสมัยตํางๆ ที่เกิดขึ้นบน โลก โดยเริม่ นบั กันทีโ่ ลกยคุ 1.0 ซึ่งหมายถึงยุคเกษตรกรรม 2.0 คอื โลกยุคอตุ สาหกรรม ยคุ 3.0 คอื เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสาร สวํ นโลกยุค 4.0 คอื โลกยคุ หลงั เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทิศทางที่โลก เคลือ่ นไปน้ี ไดผ๎ ลกั ดนั ให๎ทกุ วงการต๎องเคลื่อนตาม ไมํวําจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ท้ังระดับชาติ และ ระดับนานาชาติ Toffler (1980) ได๎กลําวถึง First Wave หรือคลืน่ ลกู แรกของมนษุ ยชาติ คอื สงั คมเกษตรกรรมที่ดารง อยํมู าเป็นเวลานบั พันๆ ปี มจี ดุ เรมิ่ ตน๎ นับจากวันแรกท่ีมนุษย๑เร่ิมหยุดออกเดินทางเพ่ือลําสัตว๑ แล๎วหันทาการ เพาะปลกู และเลยี้ งสัตวซ๑ ง่ึ ถอื เปน็ จุดเปล่ียนใหญใํ นการดารงชีวติ ทาใหเ๎ กดิ การรวมกลมุํ กอํ เกดิ สังคม พัฒนาสํู การสรา๎ งวฒั นธรรม และเริ่มมีเวลาในการส่ังสมองค๑ความร๎ู ซ่ึงตรงกับโลกยุค 1.0 สํวน Second Wave หรือ คลืน่ ลกู ทีส่ อง Toffler กลาํ ววํา เป็นยุคหลงั การปฏิวัติอุตสาหกรรมซงึ่ เนน๎ ไปที่การผลติ และตลาดขนาดใหญํ ใช๎ เคร่อื งจกั รเพ่ือสร๎างสินค๎าจานวนมาก โดยได๎สํงอิทธิพลตํอความเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผ๎ูคนอยํางมากมาย Third Wave หรือคลนื่ ลกู ทีส่ าม เปน็ ยคุ ของการเชอื่ มโยงและเขา๎ ถงึ ระบบสารสนเทศจากทุกแหงํ หนภายใต๎การ เชอ่ื มโยงองค๑ประกอบพ้นื ฐานทต่ี ๎องมเี ทคโนโลยีเข๎ามารองรับท้ังเครื่องคอมพวิ เตอรแ๑ ละโครงสร๎างโทรคมนาคม เกดิ เป็นชมุ ชน เป็นเครือขาํ ยเป็นจดุ เรมิ่ แหงํ การกา๎ วไปสกูํ ารเปลี่ยนแปลงและเกิดเป็นระบบเศรษฐกจิ ใหมํ สอดคล๎องกับ Case (2016) ท่ีมองวํา คล่ืนลูกที่ 1 ในแงํของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) คอื ชํวงปี ค.ศ.1985-1999 คลื่นลูกที่ 2 คือชํวงปี ค.ศ.2005-2016 คลื่นลูกที่ 3 ต้ังแตํปี ค.ศ.2016 เป็น ตน๎ ไป Case มองวํา อนิ เตอรเ๑ น็ต (Internet) ขยายตวั อยํางมากมาย จากปี ค.ศ.1986 จนถึงป๓จจุบัน และจะมี บทบาทมากมายในการทางานใหส๎ ังคมโลก ไมวํ าํ ดา๎ นการศึกษา สาธารณสุข หรือแม๎กระท่ังการแก๎ป๓ญหาการ กํอการร๎ายเร่อื งแก๎ปญ๓ หาโลกรอ๎ นและแกป๎ ญ๓ หาความยากจน จีระหงส๑ลดารมภ๑ (2559) กลําววํา ชํวงแรกก็คือ ชํวงที่อินเตอร๑เน็ตยังไมํขยายตัวมากนัก แตํพอหลังปี 2000 ก็มีผลิตภัณฑ๑จากเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT: Information Technology) ใหมๆํ เชํน Search Engine, Google, Yahoo หรือ Facebook เพ่มิ มากข้ึน แตํ คลื่นลูกที่ 3 ของ Steve Case คือ เทคโนโลยีอินเตอร๑เน็ตท่ีเชื่อมตํออุปกรณ๑และเครื่องมือตํางๆ (The Internet of Things) บทบาทของอินเตอรเ๑ นต็ จึงขยายไปสูํประชาชนอยาํ งกวา๎ งขวาง อินเตอรเ๑ น็ตเกิดข้ึนทุกๆ จุดที่เป็นวัตถุ และสามารถเชื่อมโยงได๎อยํางมากมาย ซ่ึงตํอไปน้ี หํุนยนต๑ (Robots) คือ Things และจะมี อินเตอร๑เน็ต หรือซอฟต๑แวร๑ (Software) ที่เป็นชุดคาสั่งหรือโปรแกรมท่ีใช๎สั่งงานให๎คอมพิวเตอร๑ทางานท่ีมี ความสามารถทาอะไรได๎มากมาย รวมทัง้ คิดเป็นและมีความร๎ูสกึ มคี วามฉลาดคล๎ายๆ มนุษย๑ ซง่ึ บางทคี ล่นื ลกู ที่ 3 ของอินเตอรเ๑ น็ต จะถูกเรียกวํา Fourth Industrial Revolutionหรอื ปฏิวตั ิอุตสาหกรรมขั้นท่ี 4 การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 673
จะเห็นได๎วํา ทิศทางท่ีโลกเคลื่อนไปน้ี ได๎ผลักดันให๎ทุกวงการต๎องเคล่ือนตาม ไมํวําจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษา ซึ่งเป็นแหลํงบํมเพาะทรัพยากรมนุษย๑ให๎กับวงการตํางๆ ทั้ง องค๑กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ การค๎า การพาณิชย๑ ภาคการเงินการ ธนาคาร และภาคสวํ นอ่ืนๆ ท่ีเกีย่ วขอ๎ ง ดังน้ันผ๎ูบริหารสถานศึกษาในยุคประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) จึง ต๎องเป็นผ๎ูบริหารที่มีวิสัยทัศน๑ท่ีทันตํอยุคสมัยที่เปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็วดังกลําว สถานศึกษาในยุคใหมํ ได๎ เคลือ่ นผาํ นรูปแบบการบริหารงานจากโครงการและกระบวนทศั น๑เกาํ ๆ มาไกลแล๎ว โดยเฉพาะในปจ๓ จบุ ัน มกี าร พูดถึงรูปแบบการบริหารจดั การสถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานหรือโรงเรียนในลักษณะตํางๆ มากมาย อาทิ โรงเรียน ประชารัฐ ซึ่งเป็นนโยบายใหมํของรัฐบาล (สานพลังประชารัฐ, 2559) ท่ีจะสํงอิทธิพลตํอการบริหารจัดการ สถานศึกษาขนั้ พืน้ ฐานหรอื โรงเรียนตอํ ไปในอนาคต Thailand 4.0 หากจะพดู ถงึ ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) กเ็ หมอื นกับการกลาํ วถึงหว๎ งเวลาทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปของ สังคมโลก กลาํ วคอื เริม่ ตัง้ แตํ โลกยุค 1.0 คอื โลกของเกษตรกรรม โลกยคุ 2.0 คือโลกยคุ อตุ สาหกรรม โลกยุค การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 674
3.0 คอื โลกยุคเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร และโลกยุค 4.0 คอื โลกยคุ หลังเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร ประเทศไทยในอดีตท่ีผํานมามีการพัฒนาด๎านเศรษฐกิจเป็นไปอยํางตํอเนื่องต้ังแตํประเทศไทย 1.0 (Thailand 1.0) เนน๎ การเกษตรเปน็ ประเทศไทย 2.0 (Thailand 2.0) เน๎นอุตสาหกรรมเบา ประเทศไทย 3.0 (Thailand 3.0) เน๎นอุตสาหกรรมหนกั และการสงํ ออก และประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) เน๎นเศรษฐกิจที่ ขับเคล่ือนด๎วยนวตั กรรม โดยมฐี านคิดหลัก คือเปลี่ยนจากการผลติ สินค๎าไปสูํสินค๎าเชิงนวัตกรรม (สุวิทย๑ เมษิ นทรีย๑, 2559) ประเทศไทย 4.0 จึงเปลี่ยนการขับเคลื่อนประเทศจากภาคอุตสาหกรรม ไปสูํการขับเคลื่อนด๎วย เทคโนโลยี ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ และนวัตกรรม รวมถงึ เปลี่ยนจากการเนน๎ ภาคการผลติ สินค๎า ไปสูํการเน๎นภาค บริการมากข้นึ การพฒั นาประเทศภายใตแ๎ นวคดิ ประเทศไทย 4.0 ภาครฐั ได๎กาหนดโครงการสานพลงั ประชารฐั เป็นเคร่ืองมือในการขับเคล่ือนโดยมุํงเน๎นการมีสํวนรํวมของภาคเอกชน ภาคการเงินการธนาคาร ภาค ประชาชน ภาคสถาบนั การศกึ ษา และสถาบันวิจัยตํางๆ รํวมกันระดมความคิด ผนึกกาลังกันขับเคล่ือน ผําน โครงการบันทึกความรํวมมอื กจิ กรรม หรืองานวิจยั ตาํ งๆ โดยการดาเนนิ งานของประชารฐั กลมุํ ตํางๆ อนั ได๎แกํ กลุํมท่ี 1 การยกระดับนวัตกรรมและผลิตภัณฑ๑การปรับแก๎กฎหมายและกลไกภาครัฐ พัฒนากลุํม (Cluster)ภาคอตุ สาหกรรมแหงํ อนาคต การดึงดูดการลงทุน และการพฒั นาโครงสร๎างพืน้ ฐาน กลมุํ ที่ 2 การพัฒนาการเกษตรสมัยใหมํ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และประชารัฐ กลมุํ ที่ 3 การสงํ เสรมิ การทอํ งเทย่ี ว การสร๎างรายได๎ และการกระตนุ๎ การใช๎จาํ ยภาครัฐ กลมํุ ที่ 4 การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานและการพัฒนาผู๎นา หรือโรงเรียนประชารัฐ รวมทั้งการยกระดบั คณุ ภาพ วิชาชีพ และกลุํมท่ี 5 การสํงเสริมการสํงออกและการลงทุนในตํางประเทศ รวมทั้งการสํงเสริมกลุํม ผป๎ู ระกอบการใหมํ ซึง่ แตํละกลุมํ กาลงั วางระบบ และกาหนดแนวทางในการขบั เคล่ือนนโยบายอยํางเขม๎ ข๎น ทฤษฎีระบบ (System Theory) การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 675
โลกทกุ วนั นี้ การบรหิ ารองค๑กรมีความจาเป็นที่จะต๎องการตอบสนองบางอยํางเพื่อความอยํู รอดของ ระบบ ซงึ่ หมายถึงภาวะดลุ ยภาพ ดังนั้นระบบการบริหารรัฐกิจ หรือรัฐประศาสนศาสตร๑ จึงมีฐานะคล๎ายกับ ส่ิงมีชีวิต คือสามารถปรับตัวให๎อยํูรอดได๎ ถ๎าหากความต๎องการตํางๆ ได๎รับการตอบสนองแตํถ๎าหากความ ตอ๎ งการของการบรหิ ารไมไํ ด๎รับการตอบสนองเทําที่ควร ก็จะทาให๎การบริหารเกิดภาวะไร๎ดุลยภาพ นั่นยํอม หมายถึง การเสยี ศูนย๑ และทาให๎ระบบเสอื่ มสลายไปในทสี่ ุด Easton (1965) เปน็ ตวั แทนของกลํุมที่มองระบบ ในฐานะสง่ิ มีชวี ติ และเปน็ คนแรกทนี่ าเอาทฤษฎีระบบมาใช๎ในการศกึ ษาดา๎ นการบรหิ ารการศกึ ษา แนวคิดของ Easton อยูํท่ีการสรา๎ งทฤษฎีทางสังคมท่ีเปน็ มาตรฐานใหเ๎ ปน็ ท่ียอมรับของนกั วิชาการท่ัวไป ทฤษฎีระบบ (System Theory) Easton (1965) ได๎กลําววํา สภาพแวดล๎อม (Environment) หมายถึง สภาพสงั คมและสิง่ แวดลอ๎ มท่มี อี ิทธพิ ลตอํ ระบบสังคมส่ิงที่ใสํเข๎าไปในระบบสังคม ( Input) แยกเป็น ขอ๎ เรยี กรอ๎ งท่ีมตี ํอระบบ (Demand) และการยอมรับหรือการสนับสนุนท่ีสมาชิกมีตํอระบบ (Support) การ ดาเนนิ การ (Process) หมายถึง ระบบความสัมพันธแ๑ ละพฤตกิ รรมทางสังคมรวมถงึ สถาบันและโครงสร๎างทาง สงั คมที่ทาหน๎าทใ่ี นการจดั สรรสงิ่ ทมี่ คี าํ ในสงั คมผลลพั ธท๑ ่อี อกมาจากการทางานของระบบสังคม (Output) เชํน นโยบาย การตัดสินใจ การดาเนินการตาํ งๆ ของผูบ๎ ริหารข๎อมลู ย๎อนกลบั (Feedback) หมายถงึ ผลสะท๎อนอัน เน่อื งมาจากการทางานของระบบสังคมอนั จะนาไปสํูการสนับสนุนหรือการตั้งข๎อเรียกร๎องใหมํตํอระบบสังคม ถ๎าระบบสงั คมสามารถตอบสนองตํอ ข๎อเรยี กร๎องตํางๆ ได๎ ก็จะได๎รับการสนับสนุนจากสมาชิก ระบบก็จะอยํู รอด หากเปน็ ไปในทางตรงกนั ขา๎ มระบบก็เสอ่ื มสลายไป การนานโยบายไปปฏิบัติ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 676
นโยบายสาธารณะ (Public Policy) มคี วามหมายในหลายมติ ิตามวัตถปุ ระสงค๑และแนวทางการศึกษา ของแตลํ ะคน ในทนี่ ข้ี อกลาํ วถงึ ในมติ ทิ ี่เป็นแนวทางในการกระทาของรัฐบาล ซึ่งมีผ๎ูใหค๎ วามหมายไว๎หลายทําน อาทิ วรเดช จนั ทรศร (2551) กลําววํา นโยบายสาธารณะเป็นเสมือนกลไกหลักสาคัญในการดาเนินงานของ รฐั บาลและหนํวยงานภาครฐั ทกุ แหํง ดว๎ ยเหตทุ ี่นโยบายเป็นกิจกรรมตํางๆ ที่รฐั บาลจดั ทาขน้ึ หรอื แผนงานหรอื โครงการ หรือแนวทางปฏบิ ตั ิทรี่ ัฐบาลหรอื หนํวยงานของรฐั ได๎กาหนดขน้ึ เพือ่ เจตนาในการแกไ๎ ขป๓ญหา (ท้ังใน ระยะส้นั และระยะยาว) การนานโยบายไปปฏบิ ัติถือได๎วําเปน็ ข้นั ตอนทีม่ คี วามสาคญั มาก เพราะนโยบาย แผนโครงการ แม๎จะ จดั ทาอยาํ งดเี ปน็ ไปตามหลกั วชิ าการ แตํถ๎านาไปปฏิบัตไิ มไํ ดห๎ รือนาไปปฏิบตั ิแลว๎ เกิดป๓ญหาอุปสรรค ไมํบรรลุ ตามวัตถปุ ระสงค๑ก็ถอื ไดว๎ าํ ไมกํ ํอใหเ๎ กิดประโยชน๑ ตรงขา๎ มถา๎ นาไปปฏบิ ตั ไิ ดต๎ ามวตั ถุประสงคก๑ ็จะเกดิ ประโยชน๑ สูงสดุ กบั สาธารณชนจึงอาจกลําวได๎วําการนานโยบายไปปฏิบัติกํอให๎เกิดผลดีกับสังคม ดังนั้นขั้นตอนการนา นโยบายไปปฏบิ ตั นิ อกจากจะมีความสาคัญแล๎วยังมีความสลับซับซ๎อน เพราะเกี่ยวข๎องกับกลุํมบุคคลรวมถึง องคก๑ รหลากหลายซ่ึงสงํ ผลตํอความสาเร็จของนโยบายฉะน้นั การนานโยบายไปปฏิบัติจึงมักประสบป๓ญหา ทั้งนี้ เพราะอาจมีป๓จจัยหลายอยาํ งที่เป็นอุปสรรคหรือไมํเอ้ืออานวยตํอการนานโยบายไปปฏิบัติให๎บรรลุผลสาเร็จ ตามเปาู หมายของรัฐบาล ปจ๓ จัยตาํ ง ๆ ไดแ๎ กํ สมรรถนะขององค๑กร ความเพียงพอของทรัพยากร การยอมรับ โครงการในระดับท๎องถ่ินซึ่งมีผลตํอการสนับสนุนและความรํวมมือ ป๓จจัยเหลํานี้ยํอมมีผลกระทบตํอ ความสาเรจ็ หรือลม๎ เหลวของโครงการ แนวคิดทฤษฎีนี้เป็นการศึกษาวาํ องค๑กรตําง ๆ จะสามารถนานโยบาย แผนงาน โครงการไปปฏิบัติได๎ จะตอ๎ งมีปจ๓ จัยอะไรเป็นเงือ่ นไขสาคญั ท่ีจะทาใหโ๎ ครงการสาเร็จบรรลุจุดมํุงหมายของการพฒั นา ดังน้นั การนา นโยบายไปปฏิบตั ิ (Policy Implementation) จงึ เปน็ ปจ๓ จัยทีส่ าคัญตอํ การปรบั ปรุงการปฏบิ ัตงิ านในโครงการ ให๎ดขี ึ้น และตํอการเพิ่มสมรรถนะของภาครัฐในการตอบสนองตํอความต๎องการของสังคมสํวนรวมให๎ได๎มาก การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 677
ยิ่งข้ึน การนานโยบายไปปฏิบัติมีความยุํงยากและซับซ๎อน ครอบคลุมถึงองค๑กรและผ๎ูเกี่ยวข๎องตํางๆ อยําง กว๎างขวาง ไมํมีใครสามารถควบคุมผลหรือทิศทางของการนานโยบายไปปฏิบัติได๎ด๎วยตนเองท้ั งหมด จึงอาจ กอํ ใหเ๎ กิดปญ๓ หาในการนานโยบายไปปฏบิ ตั ใิ นประเดน็ ปญ๓ หาทางด๎านสมรรถนะด๎านตํางๆ ป๓ญหาการควบคุม ป๓ญหาความรํวมมือ รวมถึงป๓ญหาด๎านการสนับสนุนนโยบายสาธารณะเป็นเสมือนกลไกหลักสาคัญในการ ดาเนินงานของรัฐบาลและหนวํ ยงานภาครัฐทกุ แหํง ด๎วยเหตุท่ีนโยบายเป็น กิจกรรมตํางๆ ท่ีรัฐบาลจัดทาข้ึน หรือแผนงานหรอื โครงการ หรอื แนวทางปฏิบัตทิ ร่ี ฐั บาลหรอื หนํวยงานของรัฐได๎กาหนดขึ้น เพ่ือเจตนาในการ แกไ๎ ขป๓ญหา (ทั้งในระยะสัน้ และระยะยาว) การนานโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) เปน็ ข้นั ตอนที่สาคัญย่งิ ถอื เป็นขั้นตอนหนึ่งของ กระบวนการนโยบาย (Policy Process) ซึง่ ผูท๎ ่เี ก่ยี วข๎องจะตอ๎ งระมัดระวังและให๎ความสนใจเป็นพิเศษ แตํใน อดีตท่ีผํานมาการศกึ ษาวิชานโยบายสาธารณะ มักให๎ความสนใจในกรอบของการวิเคราะห๑นโยบายสาธารณะ (Public Policy Analysis) กระบวนการของการกาหนดนโยบาย (Policy Foundation Process) และการ ประเมินผลของนโยบาย (Policy Evaluation)เสียเป็นสํวนใหญํ แตํการศึกษาท่ีมุํงหาคาอธิบายเก่ียวกับ ปรากฏการณ๑หรอื สภาพความเปน็ จรงิ ในกระบวนการของการนานโยบายไปปฏิบัตหิ รอื การปฏบิ ตั นิ โยบายซึ่งถอื วาํ เปน็ จดุ เชื่อมโยงที่สาคัญระหวํางการกาหนดนโยบายกับประเมินนโยบายกลับกลายเป็นชํองวํางที่ไมํได๎รับ ความสนใจ ท้ังน้เี นอื่ งเพราะ บํอยคร้ังทน่ี โยบายแผนงานหรอื โครงการท่ไี ดร๎ บั การยอมรบั ในเบ้ืองต๎นวํา ดีเดํนหรือ เป็นความหวังในการแกไ๎ ขป๓ญหาตาํ งๆ แตํเมื่อมีการนาเอานโยบายน้นั ไปปฏิบัติจริง ปรากฏวําล๎มเหลว โดยหา สาเหตุไมํได๎ ซ่ึงเป็นผลให๎นโยบายไปปฏิบัติขึ้นอยํูกับปรากฏการณ๑หรือสภาพความเป็นจริงท่ีเกิดขึ้นภายใน กระบวนการปฏิบัตินโยบาย เพื่อที่จะหาวิธีการหรือกลยุทธ๑การปฏิบัตินโยบายให๎บรรลุเปูาหมายหรือ ความสาเร็จตามวัตถุประสงค๑ รวมทง้ั เพือ่ ปรบั ปรุงการปฏบิ ัติงานตามนโยบายแผนงานและโครงการให๎ดขี น้ึ จะเห็นได๎วํา การนานโยบายไปสูํการปฏิบัติมีความสาคัญดังนี้ ประการแรก การนานโยบายไปสูํการ ปฏิบตั ิเป็นสํวนประกอบหนึ่งของกระบวนการนโยบายตามทรรศนะของ Dror (1987 อ๎างถึงใน จุมพล หนิม พานชิ , 2547) กลําวคือ การนานโยบายไปสํกู ารปฏิบตั เิ ปน็ เน้อื หาสํวนหนง่ึ ของข้นั ตอนภายหลังที่มีการกาหนด นโยบายแล๎ว ซ่งึ ภารกจิ ในขึ้นตอนนี้เป็นสํวนท่จี ะทาให๎กระบวนการนโยบายดาเนินไปอยํางสมบูรณ๑ครบวงจร ไมหํ ยุดชะงักในแงํดังกลําวการนานโยบายไปสูํการปฏิบตั จิ งึ มคี วามสาคญั ประการทสี่ อง จุดมุํงหมายสาคญั ของการกาหนดนโยบายสาธารณะคอื ความต๎องการหรือความปารถ นาท่จี ะได๎นโยบายสาธารณะที่ถกู ตอ๎ ง สมเหตุสมผล และสามารถทาใหบ๎ รรลผุ ลสาเรจ็ ได๎ นโยบายสาธารณะใดก็ ตามท่ีถงึ แมว๎ าํ จะมเี ปูาหมายท่ดี ีงามสูงสํง มถี ๎อยคาที่สํวยหรแู ตํถา๎ หากไมํสามารถทาให๎บรรลุเปูาหมายน้ันๆ ได๎ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 678
กย็ ํอมไร๎คณุ คาํ ดังนัน้ ความสามารถในการนานโยบายไปสํกู ารปฏบิ ัติให๎บรรลุผลสาเร็จ จึงเป็นการเพิ่มคุณคํา ให๎แกํนโยบายสาธารณะนนั้ ๆ ประการทส่ี าม ในทานองเดยี วกันการนานโยบายไปสูํการปฏิบัติมีเปูาหมายหลักอยูํท่ีวําทาอยํางไรจึง จะสามารถทาให๎นโยบายนั้น ๆ บรรลุผลสาเร็จแทนที่จะประสบกับความล๎มเ หลวทั้งน้ีเพราะถ๎าหากการนา นโยบายไปสํกู ารปฏบิ ตั ิเปน็ ไปอยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลแลว๎ ผลประโยชน๑ทั้งปวงทจี่ ะเกดิ ขึ้น ยํอมตก อยํแู กํประชาชนและประเทศชาติ ดงั นั้นทกุ ประเทศจงึ พยายามพฒั นาปรบั ปรงุ ระบบและวธิ กี ารนานโยบายไปสํู การปฏิบัตใิ ห๎มปี ระสทิ ธภิ าพสูงสดุ อยํูเสมอ ป๓ญหาการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ คือการเติมเตม็ นโยบายสาธารณะ ไมวํ ําจะเป็นระดับชาติ หรือ ระดับ พน้ื ท่ี ยํอมมีป๓ญหาอปุ สรรค ไมํวําจะเป็นยุคการเลือกต้ัง ยุคในยามบ๎านเมืองไมํปกติท่ีต๎องอาศัยพลังพิเศษใน การขับเคล่ือน ดว๎ ยป๓ญหาพน้ื ฐานของทกุ การจัดการในระบบการปกครองหรอื การบริหารบ๎านเมือง หรือระดับ กระทรวง หรอื องคก๑ ร เครอื ขํายตาํ งๆ ปญ๓ หาของการนานโยบายไปปฏิบัติ นําจะไมํเกนิ ดังน้ี 1. ป๓ญหาทางดา๎ น สมรรถนะตาํ ง ๆ เชนํ ปจ๓ จัยบคุ ลากร เงนิ ทนุ เคร่อื งจักร วัสดุ ข๎อมลู ขําวสาร เวลา เทคโนโลยี หรือ 4MI2T คือ Man, Money, Machine, Material, Information, Time, Technology 2. ความสามารถในการควบคุม โดยการวัดความกา๎ วหนา๎ และผลการปฏบิ ัติ 3. การไมํใหค๎ วามรวํ มมอื หรือตอํ ตา๎ น ของบคุ ลากรในหนวํ ยงาน 4. การประสานงานระหวาํ งองค๑กรรับผดิ ชอบกบั องคก๑ รอน่ื ๆ 5. การไมไํ ด๎รบั สนบั สนนุ จากผ๎ูเก่ียวข๎อง ท้ังในด๎าน การเมือง เงินทุน งบประมาณ แตํกลับสร๎างอุปสรรคในแงํของการตํอต๎าน หรือคัดค๎านโยบาย ในกลํุม ผลประโยชน๑ กลุํมการเมือง กลุมํ ข๎าราชการ และส่ือมวลชน จะเห็นได๎วํา นอกจากการกํอเกิดนโยบาย การกาหนดนโยบาย การตัดสินใจ การประเมินนโยบาย หากการนาไปใชม๎ ีป๓ญหาอปุ สรรค คงตอ๎ งมองท่มี าของนโยบายวาํ อปุ สรรคท่ีเกิดขึ้นน้ัน เกิดนโยบายข้ึนมานั้น ใชคํ วามตอ๎ งการของคนสํวนใหญํหรอื ไมํ จุดนี้กน็ ําสนใจ เพราะถูกต๎องแตํไมํถูกใจ ก็ต๎องช้ีแจงทบทวนปรับกัน อยูเํ ร่อื ยๆ เพอ่ื ปูองกันการเป็นป๓ญหาในการนาไปใชไ๎ ปปฏิบตั ใิ นพ้นื ที่ กอํ ประโยชนส๑ งู สุดแกํประชาชน นั่นเอง บทสรุป ดงั ทก่ี ลําวไป ปญ๓ หาการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ คอื การเตมิ เต็มนโยบายสาธารณะ ไมํวาํ จะเปน็ ระดับชาติ หรอื ระดบั พ้ืนท่ี ยํอมมีปญ๓ หาอปุ สรรค ไมํวาํ จะเป็นยคุ การเลอื กต้งั ยุคในยามบ๎านเมอื งไมปํ กตทิ ี่ต๎องอาศยั พลัง พเิ ศษในการขบั เคลอ่ื น ด๎วยป๓ญหาพ้ืนฐานของทุกการจัดการในระบบการปกครองหรือการบริหารบ๎านเมือง หรอื ระดบั กระทรวง หรือองคก๑ ร เครอื ขํายตํางๆ ดงั นนั้ การนานโยบายไปปฏิบตั ิในยุค Thailand 4.0 นนั้ หาก พิจารณาในแงํขัน้ ตอนการกาหนดนโยบาย เร่มิ ตง้ั แตํ การกอํ รูปนโยบาย การวางแผนนโยบาย การนานโยบาย ไปปฏบิ ัติ และการประเมินนโยบาย ดเู หมือนวําการนานโยบายไปปฏิบัติ จะเป็นขั้นตอนที่สาคัญประการหน่ึง โดยเฉพาะอยํางย่ิงถ๎ามองในแงํมุมของวงวิชาการทางด๎านรัฐประศาสนศาสตร๑ ยิ่งในยุค Thailand 4.0 ท่ีมี การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 679
ประเด็นสาคัญมํุงเน๎นไปที่วิสัยทัศน๑ในการพัฒนา ให๎ขับเคลื่อนด๎วยนวัตกรรม ความคิดสร๎างสรรค๑ และ เทคโนโลยี นัน่ เอง เอกสารอ้างองิ จี ร ะ ห ง ส๑ ล ด า ร ม ภ๑ . 2 5 5 9 . แ น ว คิ ด ค ล่ื น ลู ก ท่ี 3 . ค๎ น เ ม่ื อ 2 5 ตุ ล า ค ม 2 5 5 9 . จ า ก www.naewna.com/view/columntoday/24691. นภวรรณ คณานุรักษ.๑ 2552. ภาวะผนู้ าเพือ่ องค์กรท่ีมีประสิทธิภาพ.วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยหอการค๎า ไทย. ปีที่ 29 ฉบับที่ 4 เดือนตุลาคม -ธันวาคม 2552. (136-146). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย หอการคา๎ ไทย. ประชุม โพธิกลุ . 2550.ยทุ ธวิธกี ารใชอ้ านาจในองค์การอย่างมีประสิทธิผล. ค๎นเม่ือ 10 มกราคม 2556.จาก www.moe.go.th. วรเดช จนั ทรศร. 2527. การนานโยบายไปปฏิบัติ: ตัวแบบและคุณค่า. วารสารพัฒนบริหารศาสตร๑ ปีท่ี 24 ฉบบั ท่ี 4 ตลุ าคม 2527. 535-554. วรเดช จันทรศร. 2542. การพัฒนารูปแบบการให้บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ. รายงานการวิจัยเสนอ คณะกรรมการสงํ เสรมิ งานวิจัย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร๑ วรเดช จันทรศร. 2551. ทฤษฎีการนานโยบายสาธารณะไปปฏิบัติ. พิมพ๑ครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พรกิ หวานกราฟฟคิ จากดั . สมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย๑. (2559). คิดยกกาลังสอง. รายการโทรทัศน๑. ค๎นเม่ือ 29 กันยายน 2559.จาก www.youtube.com/watch?v=0E_eVo3BuGQ&feature=youtu.be. สุ เ ท พ พ ง ศ๑ ศ รี วั ฒ น๑ . 25 5 6. ภ า ว ะ ผู้ น า แ บบ เ ห นื อ ชั้ น. ค๎ น เ มื่ อ 1 กั น ย า ย น 2 55 9. จ า ก http://suthep.crru.ac.th. สุ วิ ท ย๑ เ ม ษิ น ท รี ย๑ . 2 5 5 9 . Thailand 4 . 0 . ค๎ น เ ม่ื อ 2 4 ตุ ล า ค ม 2 5 5 9 . จ า ก www.drborworn.com/articledetail.asp?id=16223. Case, Steve. 2016. The Third Wave: An Entrepreneur's Vision of the Future. (152- 154). New York: Simon&Schuster. Toffler, Alvin. 1980. The Third Wave. (Introduction). New York: William Morrow and Co. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 680
การพัฒนาส่ิงแวดลอ้ มอย่างยั่งยนื ในวิทยาลยั อาชีวศกึ ษา Sustainable Environment Development of Vocational Education Colleges รตั ตกิ ร โสมสมบตั ิ มหาวทิ ยาลยั ธุรกจิ บณั ฑิตย์ [email protected] บทคดั ยอ่ ป๓ญหาทรัพยากรธรมชาติ และส่ิงแวดล๎อม เป็นปรากฏการณ๑ท่ีกํอให๎เกิดความเสียหาย และมี ผลกระทบโดยตรงตํอความเป็นอยูํของมนุษย๑และส่ิงมีชีวิตตลอดจนระบบเศรษฐกิจ สังคม จึงจาเป็นต๎อง รวํ มกันอนุรักษส๑ ิ่งแวดลอ๎ มให๎อยูํในสภาพท่ีดี มคี ณุ ภาพ เพ่ือคนทกุ คน เพ่อื สํวนรํวมและเพื่อคนรุนํ หลังมีโอกาส ใชป๎ ระโยชน๑จากส่ิงแวดล๎อม ทกุ คนต๎องมีจิตสานกึ ในบทบาทและหน๎าท่ีของตนเองที่มีตํอสิ่งแวดล๎อม รู๎วิธีการ ปูองกัน ต๎องสร๎างให๎เกิดความตื่นตัว มํุงปลูกฝ๓งเจตคติที่ดีด๎านการอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติ โดยผําน กระบวนการจัดการศึกษาที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได๎ หากมีการปลูกฝ๓งแนวคิดและทัศนคติที่ดีด๎าน สิง่ แวดล๎อมในวิทยาลัยอาชีวศึกษา โดยหวังวําในระยะเวลาอันใกล๎นี้สามารถสร๎างคนท่ีมีความร๎ู ทักษะ และ ประสบการณ๑ท่ีผาํ นกระบวนการสงํ เสริมการจัดการดา๎ นสง่ิ แวดลอ๎ มในสถานศึกษา เพื่อเป็นกาลังสาคัญในการ พัฒนาประเทศอยํางยัง่ ยนื จึงควรจะตอ๎ งหาแนวทางในการสรา๎ งจติ สานกึ ที่ดเี พื่อการพัฒนาอยํางยงั่ ยืน คาสาคญั : การพฒั นาส่งิ แวดล๎อมอยํางยั่งยนื , สงิ่ แวดลอ๎ มศึกษา ,วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษา การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 681
ABSTRACT National resources problem and environment Is a phenomenon that causes damage. It has a direct impact on the well-being of human beings and organisms as well as the social economic system, so it is necessary to preserve the environment in good condition and quality for all people. For the benefit of the environment. Everyone must have a sense of their own roles and responsibilities towards the environment. Know how to protect. To create awareness. To cultivate good attitudes towards natural resources conservation. Through the educational process that can change the behavior.If the concept and attitude of environmental education is cultivated in vocational colleges It is hoped that in the near future, people will have the knowledge, skills and experience to go through the process of promoting environmental management in schools. To be a major force in sustainable development. Therefore, it should find a way to create a good consciousness for sustainable development. KEYWORDS: Sustainable Environment Development, Environment Education , Vocational Education Colleges บทนา โลกมีความก๎าวหน๎าเป็นอยํางมาก หลายประเทศมีการแขํงขันทางเศรษฐกิจ สังคมเมืองและ เทคโนโลยี แตํละประเทศมุงํ เน๎นในการพัฒนาตนเองใหเ๎ ปน็ ประเทศอุตสาหกรรม ประกอบกับจานวนประชากร เพ่ิมข้ึนทาใหเ๎ มืองมกี ารขยายตัวมากข้ึน สํงผลกระทบตํอทรัพยากรตํางๆที่ถูกนาใช๎และหมดไปอยําง รวดเร็ว กลายเปน็ ปญ๓ หาระดบั โลก ทส่ี งํ ผลกระทบตํอโครงสร๎างทางเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล๎อม และจากการ พัฒนาด๎านอตุ สาหกรรมดังกลาํ ว ทาให๎เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม สังคม เกดิ ความเหล่อื มลา้ ทางด๎านความเปน็ อยพํู รอ๎ มกับปญ๓ หามลพิษ สงํ ผลตอํ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อณุ หภมู ิของโลกสูงขึน้ ระบบนิเวศถูกทาลาย ระดบั น้าทะเลสูงข้ึน ฤดูกาลผันผวน กระแสลมเปลี่ยนทิศ เกิด ปญ๓ หาภัยธรรมชาตแิ ละโรครา๎ ยแรงตาํ ง ๆ ท่ีเกิดจากการใช๎สารเคมี และสารพษิ ปรากฏการณเ๑ หลาํ นนี้ บั วําจะมี ความรุนแรงมากขน้ึ สงํ ผลตํอส่ิงมีชีวิตในระดับภูมิภาค ระดับโลก จึงเกิดเป็นกระแสการพัฒนาอยํางย่ังยืนที่ ต๎องการให๎เกิดความสมดุลกนั ท้ัง 3 มิติคอื ด๎านเศรษฐกจิ สงั คม และสงิ่ แวดลอ๎ ม สาหรับในประเทศไทยการขยายตวั ทางดา๎ นเศรษฐกิจ และการพฒั นาอตุ สาหกรรมเป็นผลให๎มีโรงงาน อตุ สาหกรรมเพ่ิมข้ึนและเกิดป๓ญหามลพิษมากข้ึน จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร๎างความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ ควบคูกํ บั ส่งิ แวดล๎อม ดังในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ ฉบับท่ี 12 (2560-2564)ที่ได๎สร๎างกรอบ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 682
และมาตรฐานเพอ่ื แนวทางการพัฒนาประเทศท่ีต๎องการเติบโตท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล๎อมเพื่อการพัฒนาอยําง ยง่ั ยืน ประกอบด๎วยการรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ แก๎ไขป๓ญหาสิ่งแวดล๎อม สนับสนุนการผลิตและการ บรโิ ภคที่เปน็ มิตรกับส่งิ แวดล๎อม และการพัฒนาความรํวมมอื ด๎านสิง่ แวดลอ๎ มระหวาํ งประเทศ สถานการณ๑ตําง ๆเหลําน้ีทาให๎สถานประกอบการท้ังธุรกิจภาคการผลิตและบริการมํุงดาเนินการ ด๎านความเป็นเลิศในการ ประกอบกจิ การควบคูกํ ับการรักษาส่ิงแวดล๎อม นั้นเป็นเหตผุ ลท่ีตอ๎ งมุงํ เน๎นในการพัฒนากาลงั คนในการพัฒนา ประเทศ โดยใช๎กาลังคนระดับชํางฝีมือ ชํางเทคนิค และชํางเทคโนโลยี เพื่อมุํงหวังวําผู๎สาเร็จการศึกษามี คุณภาพ มีสมรรถนะเพอ่ื ตอบสนองความต๎องการของผ๎ูประกอบการและหากวิทยาลัยมีการปลูกฝ๓งมีความร๎ู ทกั ษะและจติ สานึกด๎านสิ่งแวดลอ๎ มใหก๎ ับผเู๎ รียน โดยผํานกระบวนการตําง ๆในสถานศึกษา จนเกิดเป็นความ เคยชินและซมึ ซบั ไปกบั การดารงชีวติ ก็สามารถทาใหเ๎ กิดการเปลีย่ นแปลงดา๎ นสิ่งแวดล๎อมพร๎อมท้งั รองรับการ เติบโตของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาส่ิงแวดล๎อมต๎องสร๎างให๎คนเกิดแนวคิดและทัศนคติท่ีดีหํวงใยส่ิงแวดล๎อม โดยมุํงหวังวํา นักศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาจะเปน็ ผูพ๎ ิทกั ษโ๑ ลกในการไปประกอบอาชพี ตําง ๆ ในอนาคตจะตอ๎ งพัฒนาอาชพี ควบคูํกับ การพฒั นาสิง่ แวดลอ๎ มโดยผาํ นการปลกู จิตสานกึ ในสถานศกึ ษาโดยผาํ นกระบวนการบรหิ ารจดั การสง่ิ แวดล๎อมที่ ดี จากการเรียนรโู๎ ดยผาํ นการปฏิบัตจิ นเกดิ เป็นทกั ษะประสบการณ๑ สุดท๎ายเพื่อการปรับเปล่ียนพฤติกรรมจน เกดิ เปน็ นสิ ัยรกั ส่ิงแวดล๎อม และเปน็ พลเมืองสง่ิ แวดลอ๎ มที่ดใี หส๎ อดคลอ๎ งกับกระแสการพฒั นาอยาํ งย่งั ยืนทคี่ วร มกี ารพัฒนาคนในการอนุรกั ษท๑ รัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาส่งิ แวดลอ๎ มโดยผํานกระบวนการสิ่งแวดล๎อม ศึกษา โดยมํุงใหค๎ วามสาคัญของการบรหิ ารจดั การอาชีวศกึ ษาในการดาเนินงานดา๎ นส่งิ แวดล๎อม โดยมํุงหวังวํา ในอนาคตนกั ศกึ ษาจะเตบิ โตในอาชีพท้งั องคก๑ รภาครัฐและภาคเอกชน หรือเป็นผ๎ูนา ผู๎ประกอบการท่ีมีความ พรอ๎ มในการพัฒนาองคก๑ รให๎มีความเป็นเลิศด๎านเศรษฐกิจ และใสใํ จในส่งิ แวดล๎อมเป็นสาคญั สาระสาคญั ท่นี าเสนอในบทความนปี้ ระกอบดว๎ ย การพฒั นาอยาํ งย่ังยืน สิ่งแวดล๎อมศกึ ษา การบรหิ าร จัดการอาชวี ศึกษา แนวทางในการพฒั นาสง่ิ แวดลอ๎ มอยาํ งย่งั ยนื ในวทิ ยาลยั อาชีวศึกษา ในประเดน็ เร่ือง นโยบายดา๎ นสงิ่ แวดล๎อม หลกั สตู รและการจดั กระบวนการเรยี นรู๎ การพัฒนาครู การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู๎ การจดั สภาพแวดลอ๎ มทางกายภาพ และการมสี ํวนรํวม เพอ่ื นาไปเป็นแนวทางในการพฒั นาสถานศกึ ษาที่ สํงเสรมิ การเรียนร๎ดู า๎ นการพฒั นาอยํางยงั่ ยนื กระแสการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยนื ทศิ ทางการพัฒนาของประเทศตาํ ง ๆ เน๎นไปทีก่ ารพฒั นาดา๎ นเศรษฐกจิ และอตุ สาหกรรม จึงทาให๎มี การใชท๎ รัพยากรที่มีอยํูจากัดในปริมาณท่มี าก เพอ่ื การแขงํ ขนั ด๎านการเศรษฐกิจและตอบสนองความต๎องการ ของมนุษย๑ จนทาใหเ๎ กิดปญ๓ หาสงิ่ แวดลอ๎ ม เชํนป๓ญหาความเสือ่ มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ ป๓ญหาการเกดิ มลภาวะทางดนิ ทางน้า ทางอากาศและมลพษิ จากขยะ ปญ๓ หาดังกลําวเป็นวิกฤตทางธรรมชาติทั่วโลกทาให๎ เกิดการทาลายระบบนิเวศวิทยา เกิดภัยแล๎ง อุทกภัย วาตภัยสํงผลตํอการดารงชีวิต และคุณภาพชีวิตของ มนษุ ยแ๑ ละยงั ทาให๎ขาดแคลนอาหาร ทีอ่ ยูอํ าศยั และพลังงาน การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 683
จากผลกระทบดังกลําวมนุษย๑เริ่มที่จะหาแนวทางการแก๎ไขป๓ญหาส่ิงแวดล๎อมท่ีต๎องมีการพัฒนา รํวมกนั ในทส่ี ุดมีการเคลื่อนไหวเร่ืองป๓ญหาสิ่งแวดล๎อมระดับโลกที่เก่ียวข๎องกับสิ่งแวดล๎อมและการพัฒนาที่ ยั่งยืน มีความชดั เจนข้ึนตงั้ แตปํ ี พ.ศ. 2515 ในการประชมุ สหประชาชาติวาํ ดว๎ ยส่ิงแวดลอ๎ มของมนุษย๑ (United Nations Conference on Human Environment : UNCHE ) ณ กรุงสต็อกโอล๑ม ประเทศสวีเดน ท่ีได๎มี การเรียกร๎องให๎ประเทศทั่วโลกได๎หันมาสนใจเร่ืองการทาลายสิ่งแวดล๎อม จัดตั้งโครงการสิ่งแวดล๎อม สหประชาชาติ และเกิดองค๑กรตําง ๆ ทีร่ วํ มกันรณรงค๑เรื่องส่ิงแวดล๎อม ในปี พ.ศ. 2523 สหประชาชาติได๎ จัดประชุมสุดยอดโลก ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ที่ช่ือการประชุมรีโอ ถือเป็นการกาหนด ยุทธศาสตร๑วําดว๎ ยสง่ิ แวดล๎อมและการพัฒนา นบั จดุ เร่ิมต๎นของการพัฒนา ที่กลําวในรายงานแบรนด๑ท ( The Brandt – Report) ท่ีมีการวิเคราะหส๑ ถานการณโ๑ ลกที่เชือ่ มโยงกบั ระบบเศรษฐกิจและการพัฒนามนุษย๑ และ คานึงถงึ ปญ๓ หาสง่ิ แวดล๎อมท่ีสํงผลตอํ ระบบนิเวศที่เกิดจากพ้ืนผิวโลกมีอุณหภูมิความร๎อน และการประชุมสุด ยอดโลก ( Earth Summit ) ณ นครรีโอเดอจาเนโร สหพันธสาธารณรัฐบราซิล ได๎กลําวถึงรายง านบรุนด๑ท แลนด๑ กลาํ วถงึ แนวคดิ ทางนิเวศวทิ ยามาใช๎ในการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร๑เพื่อการแก๎ไขป๓ญหาระบบ นิเวศ รํวมกบั การพัฒนาเศรษฐกิจทตี่ ๎องพงึ่ พาซ่งึ กนั และกัน เพือ่ กระตน๎ุ ใหส๎ งั คมตระหนักถงึ ผลกระทบของการ พฒั นาที่ไมํไดค๎ านึงถงึ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล๎อม เกิดองคก๑ รตําง ๆ ที่รวํ มกันรณรงคเ๑ ร่ืองส่ิงแวดลอ๎ ม แนวทางการสรา๎ งการพฒั นาอยาํ งยง่ั ยนื โดยหลักการสาคัญการสรา๎ งความสมดลุ ในมติ ขิ องการพัฒนา 3 ดา๎ นคอื 1) มิติการพัฒนาเศรษฐกิจ ตอ๎ งมรี ะบบเศรษฐกจิ ทม่ี นั่ คง ต๎องเตบิ โตอยาํ งมีคุณภาพ 2)มิติการพัฒนา สังคม ซง่ึ เปน็ การพัฒนาคนให๎มคี ณุ ภาพชวี ติ ที่ดี มีการศึกษาดี มคี วามปลอดภยั ใหม๎ ีความรู๎ มีความสามารถ ทา ให๎สังคมมีคณุ ภาพ และ 3) มติ กิ ารพฒั นาสงิ่ แวดลอ๎ ม คานงึ ถงึ คุณภาพของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล๎อม มีการใช๎และฟน้ื ฟใู ห๎กลับสํูสภาพเดิม การอนุรักษ๑ให๎คงอยูํ และสามารถพัฒนาผลิตมาทดแท นของเดิม และ นาไปสคูํ นรุํนตํอไป (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม,2556: 12) นาไปสํูข๎อตกลงรํวมกันหลาย เร่อื ง ได๎แกํ พนั ธกรณเี รื่องการเปล่ียนแปลงสภาพภูมอิ ากาศ พธิ สี ารเกียวโต ความหลากหลายทางด๎านชีวภาพ เป็นต๎น จนมาสูํเปูาหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเปูาหมายการพั ฒนาท่ียั่งยืน (Sustainable Development Goals –SDGs) ต๎องดาเนินการให๎ได๎ภายในปี พ.ศ.2573 ประกอบด๎วย 17 เปูาหมายหลัก และ 167 เปูาประสงค๑ มดี งั น้ี (1) ขจดั ความยากจนในทกุ รปู แบบ ทกุ ที (2) ขจัดความหิวโหย บรรลุเปูาหมาย สรา๎ งมน่ั คง ทางอาหารและโภชนาการทดี่ ีขน้ึ และสงํ เสริมการเกษตรอยํางย่ังยืน (3) การมีสุขภาวะในการดารงชีวิต และ สํงเสรมิ ความเปน็ อยทูํ ี่ดขี องทุกคนในทกุ ชวํ งอายุ (4) การได๎รับการศึกษาทไ่ี ดค๎ ณุ ภาพอยํางเทําเทียมและท่ัวถึง และสํงเสรมิ โอกาสในการเรียนรูต๎ ลอดชีวติ แกํทุกคน (5) ความเทาํ เทยี มทางเพศ และการเสรมิ สรา๎ งพลังให๎กับ สตรีและเด็กทกุ คน (6) การจดั การน้าอยํางยง่ั ยนื และพร๎อมใช๎สาหรบั ทกุ คน (7) การเขา๎ ถึงพลังงานที่เข๎าถึงที่ ทันสมัย ย่งั ยนื สาหรับทกุ คน (8) การสํงเสรมิ การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจอยาํ งยั่งยืนและทั่วถึง และการจ๎าง งานอยํางมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับทุกฝุาย (9) ปรับโครงสร๎างพ้ืนฐาน สํงเสริมการปรับตัวให๎เป็น อุตสาหกรรมอยํางย่ังยืนและทั่งถึงและสนับสนุนนวัตกรรม (10) ลดความไมํเทําเทียม ภายในและระหวําง ประเทศ (11) การทาเมอื งและการตงั้ ถน่ิ ฐานให๎ทวั่ ถึง ปลอดภัยและยั่งยืน (12) การมีแบบแผนการผลิตและ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 684
การบริโภคอยํางย่งั ยืน (13) การดาเนินการอยาํ งเรงํ ดํวนตํอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอิ ากาศและผลกระทบที่ เกิดขึ้น (14) การอนุรักษ๑และใช๎ประโยชน๑จากทรัพยากรทางทะเลสาหรับการพัฒนาอยํางยั่งยืน ( 15) การ สํงเสริม ปูองกนั และรกั ษา การใช๎ประโยชน๑จากระบบนิเวศ การจัดการปุาไม๎ ตํอสู๎กับก ารเปลี่ยนแปลงทาง ทะเล หยุดและฟ้ืนฟูความเสื่อมโทรมของพ้ืนดิน และการสูญเสียทางชีวภาพ ( 16) สํงเสริมให๎สังคมสันติสุข สาหรับการพัฒนาอยํางยง่ั ยืน มกี ารเขา๎ ถึงความยุตธิ รรมและ สร๎างใหเ๎ กดิ สถาบันเป็นทพ่ี ึ่งและเปน็ ทีย่ อบรบั ใน ทุกระดับ และ (17) เสรมิ สรา๎ งความเข๎มแข็งและการสร๎างพลงั การเปน็ หน๎ุ สํวนระดบั สากลสาหรับการพัฒนา อยํางย่ังยนื สาหรับประเทศไทยการพัฒนาอยํางยัง่ ยนื เกดิ ขน้ึ มาหลายทศวรรษโดยวิธีการของศาสตร๑พระราชา ที่ยึดหลักการเข๎าใจ เข๎าถึงและการพัฒนา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดาริใน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชพระราชทานเปน็ แนวทางพน้ื ฐานทางสายกลาง และความไมํ ประมาท การคานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร๎างภูมิคุ๎มกันในตัวเอง ตลอดจนการใช๎ความร๎ู และคณุ ธรรม เป็นพน้ื ฐานในการดารงชีวติ จึงนาไปสูคํ วามสขุ ในการดาเนนิ ชวี ิตอยํางแท๎จริง สามารถพง่ึ ตนเอง ควบคไํู ปกบั การอนรุ กั ษ๑ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ๎ ม ถอื เป็นแนวทางการพัฒนาทจ่ี ะนาความมั่นคงและ ความย่งั ยนื มาสูํสงั คมไทยภายใตก๎ ระแสการเปล่ียนแปลงตําง ๆ และไดร๎ บั การยกยํองจากองค๑กรสหประชาชาติ และนานาประเทศนาหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ เปน็ แนวปฏิบตั ิสํูการพฒั นาอยาํ งยงั่ ยืน ส่งิ แวดลอ้ มศกึ ษา การทีจ่ ะพฒั นาคนดา๎ นสง่ิ แวดลอ๎ มควรจะตอ๎ งมีสอดแทรกไว๎ในสถานศกึ ษา โดยมคี วามคดิ วําโรงเรยี น เป็นสถานท่ีในการจัดความรู๎และประสบการณใ๑ ห๎ผูเ๎ รยี น จงึ เกิดแนวคิดด๎านส่ิงแวดล๎อมศึกษาที่มุํงสร๎างให๎เกิด กระบวนการท่ที าให๎เห็นคุณคํา เกิดความตระหนักและเข๎าใจถึงการอยูํรํวมกันของส่ิงแวดล๎อมทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ด๎วยการให๎โอกาสทุกคนพัฒนาความร๎ู เจตคติ ทักษะ การร๎ูจักการตัดสินใจ เพือ่ ใหเ๎ กดิ การเปลย่ี นแปลงทศั นคติ และพฤติกรรมเพื่อปกปูองและแก๎ไขส่ิงแวดล๎อมให๎ดีขึ้น ตลอดจนสร๎าง รปู แบบการดาเนนิ ชีวติ ใหมเํ พอื่ สงิ่ แวดล๎อมทัง้ ในระดับบคุ คล กลมุํ และสังคม (กรมสํงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอ๎ ม และคณะ, 2544: 5) การพัฒนาส่ิงแวดล๎อมเป็นส่ิงท่ีท่ัวโลกให๎ความสนใจในเรื่องการอนุรักษ๑และการใช๎ ทรพั ยากรอยาํ งประหยัด ไมกํ ํอให๎เกดิ ของเสยี หรอื มลภาวะทสี่ งํ ผลกระทบตํอสิง่ แวดลอ๎ ม จึงเกิดเป็นแนวคิดการ อนุรักษท๑ รัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ๎ ม การใช๎ทรัพยากรให๎เกิดประโยชน๑สูงสุด ขณะเดียวกันต๎องมีการ ดแู ลรกั ษา ซํอมแซม หรอื หาทางเลือกสาหรบั การนามาใช๎เพ่ือให๎ได๎ประโยชน๑มากที่สุด แตํการที่จะแก๎ไขหรือ เปล่ียนแปลงวิกฤตการณ๑ด๎านส่ิงแวดล๎อมได๎น้ันต๎องทาให๎คนในชุมชน สังคม และประเทศชาติเกิดความ ตระหนักอยํางลึกซึ้งจนเกิดการเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรมท่ีเห็นคุณคําในการอนุรักษ๑ รักษา และฟื้นฟู สงิ่ แวดล๎อม เพอ่ื ใหเ๎ กดิ ผลสมั ฤทธ์ดิ ังกลาํ ว การศกึ ษาจงึ เปน็ ปจ๓ จัยสาคญั ทีจ่ ะมีบทบาทสาคัญในการเสริมสร๎าง ใหเ๎ กดิ องคค๑ วามร๎ู เจตคติ และพฤตกิ รรมดา๎ นส่ิงแวดลอ๎ ม ใหเ๎ กิดกับทกุ คน ทุกอาชีพเพอื่ การอยํูรํวมกันอยํางมี ความสุขในชุมชน สังคม ประเทศและโลก จึงเกิดเป็นแนวคิดส่ิงแวดล๎อมศึกษา ท่ีมีวัตถุประสงค๑เพื่อให๎เกิด การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 685
ความชดั เจน แนวความคดิ วิธีการ และเปูาหมายเกิดการมีสํวนรํวมของหนํวยง าน องค๑กรที่เก่ียวข๎องกับการ พฒั นาสิ่งแวดล๎อม เร่ืองสิง่ แวดลอ๎ มและการพฒั นาให๎ได๎การรบั รองดา๎ นการศึกษา การฝึกอบรม และความตระหนกั ของ สาธารณะทจี่ ะนาไปสํกู ารพัฒนาอยาํ งย่ังยืน Education for sustainable development :ESD) สังคมต๎อง เข๎าใจและใหก๎ ารสนับสนนุ การศึกษาเพ่ือการพฒั นาท่ยี ่ังยืน ที่ต๎องเกิดจากแนวคิดการพัฒนาคน พัฒนาสังคม และการพฒั นาเศรษฐกิจ เพอื่ ปูองกนั และแกไ๎ ขป๓ญหาส่ิงแวดล๎อม ควรตอ๎ งผาํ นกระบวนการทางการศึกษาที่ เหน็ คณุ คําของทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่จะนาไปสูคํ วามยั่งยืน ในรปู แบบและวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู๎ครู ต๎อง จดั ใหค๎ รอบคลุมทง้ั 3 รูปแบบคอื (1) การเรียนรูใ๎ นสิ่งแวดล๎อม (to Learn in Environment ) (2) การเรยี นร๎ู เกีย่ วกบั ส่ิงแวดล๎อม (to Learn about Environment )และ (3) การเรียนร๎ูเพื่อส่ิงแวดล๎อม (to Learn for Environment ) เพ่ือให๎เกิดเปูาหมายของสิ่งแวดล๎อมศึกษา ครูจะต๎องกาหนดวัตถุประสงค๑การเรียนร๎ูทั้ง 5 ด๎าน ดังตํอไปนี้ (1) ความตระหนัก (Awareness) ให๎มีความตระหนักตื่นตัว เกี่ยวกับสิ่งแวดล๎อมโดย สวํ นรวมและป๓ญหาที่เก่ียวข๎อง (2) ความรู๎ (Knowledge) ให๎มีความเข๎าใจพื้นฐานเก่ียวกับส่ิงแวดล๎อมโดย สวํ นรวม รวมท้ังป๓ญหาทีเ่ กีย่ วข๎องกับบทบาทและความรับผิดชอบของมนุษย๑ในป๓ญหาเหลํานั้น (3) เจตคติ ( Attitude ) ให๎มีคํานิยมทางสังคมให๎มีความผูกพันกับสิ่งแวดล๎อมและแรงจูงใจในการปูองกันและปรับปรุง สงิ่ แวดลอ๎ ม (4) ทกั ษะ ( Skills ) ให๎มีความชานาญในการแก๎ไขป๓ญหาสิ่งแวดล๎อม และ(5) การมีสํวนรํวม (Participation) รับผิดชอบในการเห็นคุณคําของสิ่งแวดล๎อมสูํการปฏิบัติตนในการปรับเปล่ียนวิถีในการ ดารงชีวิตในการอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาส่ิงแวดล๎อม (กรมสํงเสริมคุณภาพส่ิงแวดล๎อม , 2559: 8-9) ผํานกระบวนการทางการศึกษาในการเรียนรู๎จากประสบการณ๑และการนาไปปฏิบัติจริงใน ชวี ิตประจาวันและเพ่อื ความยง่ั ยืนในอนาคต การบรหิ ารจดั การอาชีวศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ได๎ดาเนินการจัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตร วชิ าชีพ (ปวช.)และระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้ันสงู (ปวส.) และสามารถเปิดสอนได๎ถงึ ระดบั ปรญิ ญาตรีสาย เทคโนโลยี เพื่อใหเ๎ กิดความตํอเนอ่ื งในการพฒั นาศกั ยภาพสมรรถนะของผ๎เู รียน โดยจุดมํุงหมายในการจัดการ อาชีวศกึ ษาเพอ่ื เตรียมกาลงั คนระดบั ชํางฝีมือและระดับชาํ งเทคนิคและนกั เทคโนโลยใี นสาขาตําง ๆ ให๎ตรงกับ ความตอ๎ งการของสถานประกอบการและตลาดแรงงาน แตํในยุคป๓จจุบันนี้มีแนวทางการจัดการอาชีวศึกษา และเทคนิคศึกษา เพ่ือพัฒนาประเทศให๎ก๎าวไปสูํการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยีได๎ จึงต๎องมีกระบวนการสร๎าง เทคโนโลยีอยาํ งครบวงจร โดยจะเรม่ิ ต้ังแตํ การออกแบบ การวิจัยและพฒั นา การสรา๎ งต๎นแบบ การถํายทอด และดัดแปลงเทคโนโลยีสํูกระบวนการผลิตทั้งในภาคอุตสาหกรรมและการบริการ สถานศึกษาจึงต๎อง ปรบั เปล่ียนทิศทางการผลิตกาลงั คนสายอาชีพให๎สามารถผลิตกาลังคนที่มีคุณภาพ อีกทั้งรัฐบาลตระหนักถึง การพัฒนาประเทศโดยการเรํงขยายการจดั การศึกษาเพ่อื ยกระดับคณุ ภาพประชากร และผลิตกาลังคนให๎ตรง กับสาขาการพัฒนาใหม๎ ีความพรอ๎ มในการตอํ ยอดพฒั นาทกั ษะในทุกด๎าน มีทักษะการทางานและ การใช๎ชีวิตท่ี การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 686
พรอ๎ มเขา๎ สตํู ลาดงาน ทกั ษะในการประกอบอาชพี ทีส่ อดคลอ๎ ง กบั ตลาดงานทัง้ ทักษะขั้นพ้ืนฐาน ทักษะเฉพาะ ในวชิ าชพี ทกั ษะการเป็นผู๎ประกอบการรายใหมํ และทักษะการประกอบอาชีพอิสระซ่ึงการอาชีวศึกษาของ ประเทศไทยกับสอดคลอ๎ งกบั การพฒั นาประเทศในทุกด๎านเพราะมกี ารจัดการเรียนการสอนถึง 9 ประเภทวิชา ไดแ๎ กํ ประเภทวชิ าอุตสาหกรรม ประเภทวชิ าพาณชิ ยกรรมหรอื บรหิ ารธรุ กจิ ประเภทวิชาศิลปกรรม ประเภท วชิ าคหกรรม ประเภทวชิ าเกษตรกรรม ประเภทวชิ าประมง ประเภทวิชาอุตสาหกรรมทํองเที่ยว ประเภท วิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และวิชาวิชาเทคโนโลยี เม่ือรวมกันแล๎วมีความสาคัญตํอการพัฒนาเศรษฐกิจของ ประเทศ แนวทางในการพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มอย่างยั่งยืนในวทิ ยาลัยอาชีวศึกษา จากการศกึ ษาการดาเนินงานโครงการและแนวคิดการพัฒนาส่ิงแวดล๎อมอยํางยั่งยืนท่ีหนํวยงานทั้ง ภาครัฐบาลและเอกชนเข๎ามามีสํวนรํวมในการดาเนินการในสถานศึกษาท่ีเก่ียวกับเร่ืองการอนุรักษ๑และการ พัฒนาสิ่งแวดล๎อมและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข๎อง จึงสรุปได๎วํามีองค๑ประกอบที่เกี่ยวข๎อง 6 ประการท่ีคือ (1) นโยบาย โครงสรา๎ ง และแผนการดาเนนิ งาน (2) หลกั สตู ร และการจดั กระบวนการเรียนรู๎ (3) การพัฒนาครู (4) การจัดกิจกรรมสํงเสริมด๎านการอนุรักษ๑ พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม (5) การจัด สภาพแวดล๎อมทางกายภาพในสถานศกึ ษาและ (6) การมสี ํวนรํวมของทุกภาคสํวนที่สามารถสรา๎ งใหเ๎ กดิ พฒั นา ส่ิงแวดลอ๎ มอยาํ งยั่งยืนในวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาได๎ ดงั นี้ นโยบายส่งิ แวดลอ้ ม รัฐธรรมนูญแหํงราชาอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 66 -67 บุคคล ชุมชนท๎องถิ่น หรือชุมชน ท๎องถนิ่ ดง้ั เดมิ ยอํ มมสี ทิ ธิอนุรักษ๑และจารีตประเพณี ภูมิป๓ญญาท๎องถิ่นและศิลปวัฒนธรรม อันดีของท๎องถิ่น และของชาติ และมีสํวนรํวมในการจัดการ การบารุงรักษาและการใช๎ประโยชน๑จากธรรมชาติ ส่ิงแวดล๎อม รวมท้งั ความหลากหลายทางชีวภาพอยาํ งสมดุลและยงั่ ยนื แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) มเี ปูาหมาย ลกั ษณะของคนไทยที่สมบูรณ๑ มวี ินัย มีทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีของสังคม มี ความเปน็ พลเมืองต่ืนรู๎ รับผิดชอบและทาประโยชนต๑ ํอสวํ นรวม การเตบิ โตทเ่ี ปน็ มติ รกับสงิ่ แวดลอ๎ มเพ่ือพัฒนา อยาํ งย่งั ยนื การเสริมสรา๎ งความมน่ั คงแหงํ ชาติเพ่ือการพัฒนาประเทศสํูความมั่นค่ังและยั่งยืน สอดคล๎องกับ พระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พ.ศ.2542 แก๎ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2545 และ (ฉบับท่ี 3 ) พ.ศ. 2553 มาตรา 23 กาหนดใหก๎ ารจดั การศกึ ษาท้ังในระบบ นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยต๎องเน๎นให๎ ความสาคัญดา๎ นความร๎ู คุณธรรมและกระบวนการเรียนรู๎ท่ีบูรณาการตามความเหมาะสมของการศึกษาแตํ ละระดับการศึกษา ตั้งแตํความร๎ูเก่ียวตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศและโลก รวมถึงการจัดการ บารงุ รักษาและการใช๎ประโยชนจ๑ ากทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ๎ มอยํางสมดุลย่ังยืน และแผนการศึกษา แหงํ ชาติ พ.ศ.2560 - 2579 (2560: 93) กาหนดยทุ ธศาสตร๑การจดั การศกึ ษาเพอื่ สรา๎ งเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็น มติ รกับสิ่งแวดล๎อม มีเปาู หมายเพ่ือสรา๎ งจติ สานึกรกั ษส๑ ่ิงแวดลอ๎ ม พัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนร๎ู แหลํง การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 687
การเรียนร๎ู ส่อื การเรียนรู๎ งานวจิ ัยและนวัตกรรมท่ีสํงเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล๎อม และการนา แนวคดิ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งสกํู ารปฏบิ ตั ิ กระทรวงศึกษาธกิ ารได๎จดั ทานโยบายใหต๎ อบสนองยุทธศาสตร๑ ชาติ 20 ปใี นความรํวมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ๎ ม จดั ทาโครงการโรงเรียนปลอดขยะ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค๑เพอ่ื สร๎างจิตสานกึ ดา๎ นการจดั การขยะ มลพษิ และการอนรุ ักษ๑ส่ิงแวดล๎อม สาหรบั นโยบาย ดา๎ นสง่ิ แวดลอ๎ มในระดบั ตน๎ สงั กัดในระดับอาชีวศึกษายังไมํชัดเจน แตํการบริหารจัดการสถานศึกษาสามารถ กาหนดนโยบายดา๎ นส่งิ แวดล๎อม เพื่อใช๎เปน็ แนวทางในการพฒั นา จัดโครงสรา๎ งการบรหิ ารงาน กาหนดภารกิจ ความรบั ผดิ ชอบในงาน รํวมทง้ั กลไก การดาเนินงาน จัดทาแผนงานปฏบิ ัติงาน โครงการและกิจกรรมเพื่อการ จดั สรรบุคลากรและงบประมาณ จดั ตั้งคณะกรรมการดาเนินงานทีค่ วรจะประกอบด๎วยทุกฝุาย ได๎แกํ ผู๎บริหาร ฝุายตําง ๆในวิทยาลัย ครู นักศึกษา ผ๎ูปกครอง ตลอดจนประสานความรํวมมือจากองค๑กรหรือหนํวยงานท่ี เกยี่ วขอ๎ งเพ่ือรับการสนับสนุนในการขบั เคล่อื นนโยบายสิ่งแวดลอ๎ ม หลกั สตู รและการจดั กระบวนการเรียนรู้ หลักการของหลกั สูตรสงิ่ แวดล๎อมควรจดั ให๎ผเู๎ รยี นเกดิ การความรู๎ ทกั ษะ และเกดิ เป็นคาํ นิยม เจตคติ ที่ดีตํอการเรียนรู๎ด๎านสิ่งแวดล๎อมจนกระท่ังเกิดความสานึกรักและเห็นคุณคําการทรัพยากรธรรมชาติ การ อนุรักษ๑และพัฒนาส่ิงแวดล๎อมให๎คงทน คงอยํู และฟ้ืนฟูทรัพยากรให๎มีสภาพความเป็นอยูํท่ีดีข้ึนเพื่อการ พฒั นาอยาํ งยง่ั ยืน กลําวถงึ หลักการพ้นื ฐานในการจัดการสิ่งแวดล๎อมศึกษาดังนี้ 1) ให๎ความสาคัญกับผู๎เรียน โดยเนน๎ ให๎ผูเ๎ รยี นตระหนกั วําตนเองมบี ทบาทตํอสังคมและท๎องถ่นิ ของตนเองในการแกไ๎ ขปญ๓ หาสง่ิ แวดลอ๎ ม (2) ให๎ความสาคัญกับการจัดประสบการณ๑ทางสังคมเพ่ือให๎ผ๎ูเรียนได๎มีการคิดวิเคราะห๑ป๓ญหาในสังคมและ สิ่งแวดล๎อมของตนได๎ (3) เนื้อหาสาระต๎องเป็นโอกาสให๎ผู๎เรียนได๎เกิดการบูรณาการ ระหวํางความสัมพันธ๑ ระหวาํ งองค๑ประกอบตาํ ง ๆ ของธรรมชาติ (4) กระบวนการเรียนการสอนเน๎นการสืบสวน สอบสวน สังเกต มองอยํางมีเหตุและผลเพื่อให๎ผ๎ูเรียนสามารถเข๎าถึงท่ีมาและสาเหตุของป๓ญหาอยํางแท๎จริง และ (5) ให๎ ความสาคญั กบั วัฒนธรรมและมนุษยธรรมในการสํงเสริมให๎มเี จตคติทเี่ หมาะสมกบั การดารงชีวิตในระบบนิเวศ (วราพร ศรสี พุ รรณ: 2539) โครงสรา๎ งหลักสตู ร และรายวิชาที่เกี่ยวข๎องกับส่ิงแวดล๎อมในระดับอาชีวศึกษา โดยสํวนใหญํจะถูกบรรจุในอยํูในกลุํมทักษะชีวิต แตํอาจเห็นวํายังไมํเพียงพอหรือไมํครอบคลุมท่ีจะทาให๎ นกั ศึกษาเกดิ จติ สานกึ ดา๎ นส่ิงแวดล๎อม ควรมีการบรู ณาการเนอื้ หาการเรยี นส่ิงแวดลอ๎ มโดยการดาเนินการดังนี้ (1) การปรบั ปรงุ สถานศกึ ษา มนี โยบายใหโ๎ รงเรยี นจดั สภาพแวดลอ๎ มของสถานศกึ ษาให๎สะอาด รํมร่ืน และเปน็ ระเบยี บ ทาใหน๎ กั เรียนเกิดความรกั และผูกพนั เห็นคุณคําและความสาคัญของสิ่งแวดล๎อมทางธรรมชาติ (2) หลักสูตรและการสอน มีเนื้อหาการเรียนส่ิงแวดล๎อมบูรณาการรวมอยํูในรายวิชาอ่ืน และสามารถจัดทา หลกั สตู รท๎องถน่ิ และทาให๎เกิดการเรียนร๎ู (3) กิจกรรมเกี่ยวกับส่ิงแวดล๎อมศึกษา โรง เรียนต๎องมีการดาเนิน กจิ กรรมทีเ่ ก่ียวขอ๎ งกบั สง่ิ แวดลอ๎ มท่ีมกี ารเสริมความร๎ูและทักษะให๎แกํนักเรียนในรูปของกิจกรรมชมรม และ กิจกรรมในวาระพิเศษตาํ ง ๆ เชํนการศึกษาธรรมชาติ การปลูกตน๎ ไม๎ นอกจากน้ียังให๎องค๑การหรือหนํวยงาน เอกชนเข๎ามามีสํวนรํวมในการจัดกิจกรรมให๎ผ๎ูเรียนเกิดความร๎ู ความรัก และปฏิบัติกิจกรรมในการอนุรักษ๑ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 688
ส่งิ แวดลอ๎ มดว๎ ย และ (4) การฝึกอบรมเกีย่ วกับส่ิงแวดล๎อม มสี ถาบนั ของรฐั และเอกชน สถาบันอุดมศกึ ษาได๎มี การจัดทาหลักสูตรการอบรมระยะสั้นเก่ียวกับส่ิงแวดล๎อมศึกษาอยํางตํอเนื่อง (วินัย วีระวัฒนานนท๑ และ บานชื่น สพี ันผํอง, 2539: 7-8) การพฒั นาครู การจดั การด๎านสิ่งแวดล๎อม สิ่งสาคัญท่ีจะมํุงให๎นักศึกษาได๎เกิดกระบวนการเรียนร๎ู คือครูครูต๎องมี ความรู๎และใจใสํในเร่ืองสิ่งแวดล๎อม ครูควรต๎องพัฒนาความรู๎ ทักษะ และความสามารถของตนเองและ นักศึกษาในด๎านหลักสูตรสิ่งแวดล๎อมและการนาหลักสูตรไปใช๎ ด๎านการจัดกระบวนการเรียนรู๎ ด๎านสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ด๎านการวัดและประเมินผล ด๎านการจัดกิจกรรมโดยผํานกระบวนการศึกษา การ พัฒนา และการฝึกอบรมซึง่ เปน็ ผลในการพัฒนาทศั นคติ การพฒั นาลกั ษณะนสิ ัย และการพัฒนาบุคลากรและ องคก๑ รในการสํงเสรมิ การจัดการเรียนรูเ๎ พ่อื การพัฒนาสงิ่ แวดล๎อมอยํางยงั่ ยนื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ การดาเนินกิจกรรมสิง่ แวดล๎อม เป็นการใหค๎ วามสาคัญกับการเป็นนักอนุรักษ๑สิ่งแวดล๎อม เชํน การ อนรุ ักษ๑พลงั งานดิน น้า การจดั การขยะ การจัดการน้าเสีย การเพ่ิมพ้ืนที่สีเขียว เพ่ือให๎เ กิดการเรียนร๎ูและ ปรับเปลย่ี นพฤติกรรมเพ่ือใหเ๎ กดิ การประหยัดพลงั งาน มีการนาหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกตใ๑ ช๎ ที่ จะนาไปสํงการอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาสิ่งแวดล๎อมตามบริบทของโรงเรียน การดาเนิน กิจกรรมที่นอกเหนือจากรายวิชาในหลักสูตรโดยให๎ผ๎ูเรียนมี สํวนรํวมในด๎านการอนุรักษ๑และการพัฒนา สิ่งแวดลอ๎ ม ด๎านการใช๎น้า ใชพ๎ ลงั งานอยํางประหยัด การจัดการขยะใช๎หลัก 3 R รวมท้ัง สรุปได๎วําการจัด กิจกรรมเสริมหลักสูตรส่ิงแวดล๎อม แบํงได๎ 2 ลักษณะคือ กิจกรรมด๎านให๎ความร๎ู ความเข๎าใจเกี่ยวกับ สิง่ แวดลอ๎ ม เป็นกิจกรรมท้ังทางด๎านทฤษฎีและการปฏิบัติ เชํน การจัดนิทรรศการ การรณรงค๑ การจัดทาส่ือ ทาปาู ย การเข๎าคําย การทศั นศกึ ษา และการจดั กจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน๑ทีร่ วํ มกนั ปรบั ปรงุ พัฒนาส่ิงแวดล๎อม ท่ีเป็นประโยชน๑ตํอสํวนรํวม ในวาระและโอกาสตําง ๆ เชํน การปลูกต๎นไม๎ การทาความสะอาด โดยผํ าน กจิ กรรมการเรียนรทู๎ ่เี น๎นผูเ๎ รียนเป็นสาคญั เกดิ ทกั ษะจากการลงมือปฏิบัติให๎เกิดประสบการณ๑จริง การมีสํวน รํวม และผลทเี่ กดิ ในจติ สานกึ ดา๎ นการอนรุ ักษ๑และพัฒนาสงิ่ แวดลอ๎ ม การจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ การจดั การอาคารสถานท่ี โดยเพมิ่ พ้ืนที่สีเขียว และดูแลรักษาส่ิงแวดล๎อมให๎มีความสวยงาม รํมรื่น ผาํ นกระบวนการจัดกจิ กรรมทสี่ งํ เสรมิ ใหท๎ กุ คนมีสํวนรวํ ม การแบํงหน๎าที่ดแู ลพื้นท่คี วามรับผิดชอบครู นักเรยี น การปลูกตน๎ ไม๎ การตกแตงํ ประดับอาคารเรยี น ห๎องเรียน และบริเวณตาํ ง ๆ ดว๎ ยตน๎ ไม๎ ไม๎ประดบั ตาํ ง ๆ ใหเ๎ ปน็ ระเบียบ สะอาด เอื้อประโยชน๑ตํอการเรียนรู๎ สํงเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพ่ือสร๎างบรรยากาศท่ี การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 689
เสรมิ สร๎างทางวิชาการ ฝึกฝนอบรมจติ ใจดว๎ ยสภาพแวดลอ๎ มที่ดี เพ่ือให๎อิทธพิ ลตํอการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ปลกู ฝ๓งด๎านการจัดการส่ิงแวดล๎อมท่ดี ี การมสี ว่ นรว่ ม สถานศึกษาต๎องสร๎างความสัมพันธ๑ระหวํางชุมชนควรต๎องจัดกิจกรรม รณรงค๑ ให๎ความร๎ูด๎านการ อนุรักษแ๑ ละพฒั นาส่งิ แวดลอ๎ มโดยให๎นกั เรียนเป็นผูเ๎ ชอ่ื มโยงโดยผํานกระบวนการในการจัดกิจกรรมตําง ๆ ท่ี หลากหลายโดยการดาเนนิ การทัง้ ภายในสถานศึกษาและภายนอกสถานศกึ ษา ในความรํวมมอื ของผ๎ูบรหิ าร ครู นักเรียน ผูป๎ กครอง และชุมชนมีสํวนรํวมในการจัดกระบวนการเรียนรู๎ที่ชํวยให๎เกิดการเปล่ียนแปลงคํานิยม จิตสานึก และพฤติกรรมด๎านการอนุรักษ๑พลังงาน และการพัฒนาส่ิงแวดล๎อมให๎ประหยัด คุ๎มคํา และมี ประสิทธิภาพ ส่งิ แวดล้อมกับการอาชีวศกึ ษา จุดมํุงหมายของการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อผลิตกาลังคนที่เข๎มแข็งในการพัฒนาประเทศด๎าน เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล๎อม เป็นการจัดการศึกษาที่มุํงเน๎น มุํงสร๎างและพัฒนากาลังคนในการพัฒนา ประเทศ ในด๎านการจัดการศึกษาระดับอาชวี ศกึ ษาอยาํ งจริงจงั ในเรอื่ งของการอนุรกั ษ๑และพฒั นาสง่ิ แวดล๎อมให๎ เกิดขึ้นเพ่ือให๎ได๎คนคุณภาพที่เห็นความสาคัญของผลกระทบด๎านสิ่งแวดล๎อม สร๎างเด็กรุํนใหมํให๎เป็นนัก อุตสาหกรรม ผบ๎ู ริหาร หรือนักธุรกิจในอนาคตท่ีมุํงสร๎างให๎เกิดเป็นอัตลักษณ๑ด๎านส่ิงแวดล๎อม โดยหวังวําใน อนาคตเห็นความสาคญั เร่อื งมนุษย๑กับส่ิงแวดลอ๎ ม การจัดการสงิ่ แวดล๎อมศึกษาให๎ผ๎ูเรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองเกี่ยวกับส่ิงแวดล๎อมและการ อนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติ เห็นความสาคัญของมนุษย๑กับส่ิงแวดล๎อม และการจัดกระบวนการเรียนร๎ู ท่ี เก่ยี วขอ๎ งกับเร่ืองส่งิ แวดล๎อม สถานการณ๑โลก สภาวะโลกรอ๎ น ป๓ญหามลพษิ ความหลากหลายทางชวี ภาพและ ระบบนเิ วศ การจัดการด๎านพลังงาน การบริหารจัดการน้า การจัดการของเสีย ผลิตภัณฑ๑ท่ีเป็นมิตรกับ ส่ิงแวดลอ๎ ม การคานวณคาํ คาร๑บอนฟุตพร้ินท๑ เป็นตน๎ เพอ่ื ให๎เปน็ ความร๎พู ื้นฐานที่จะนาไปสํูทัศนคติท่ีดีในการ มํุงมนั่ ดูแลรักษาสภาพแวดล๎อมและอนรุ กั ษท๑ รัพยากรธรรมชาติ การใช๎ทรพั ยากรอยาํ งรู๎คณุ คํา การสรา้ งจิตสํานกึ ด้านการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและพัฒนาส่งิ แวดลอ้ มสถานศึกษาต๎องสร๎างให๎ ผู๎เรียนให๎เห็นความสาคัญเรื่องการพัฒนาส่ิงแวดล๎อมและอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยูํอยํางจากัด การ พฒั นาอยาํ งยั่งยนื เพื่อให๎คงอยูถํ ึงคนรํนุ ตอํ ไป การทีน่ กั ศึกษาเกิดการเรียนรู๎โดยผาํ นกระบวนการและกิจกรรม ท่พี ัฒนาผเ๎ู รียนดา๎ นส่ิงแวดล๎อมเพ่อื ให๎เกดิ ทกั ษะและเจตคติที่ดีตํอการรักษาส่ิงแวดล๎อมในโรงเรียน ท่ีบ๎านและ ชุมชน การพัฒนาองคค๑ วามรโ๎ู ดยการฝึกทักษะและลงมือปฏิบัติโดยผํานประสบการณ๑จริง รวมท้ังสถานศึกษา ทาให๎ผ๎ูเรียนเกิดการความค๎ุนเคยกับการจัดสภาพแวดล๎อมทางกายภาพ การจัดกิจกรรมรณรงค๑ 3R ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การคัดแยกขยะ การประหยัดพลังงาน การเลือกใช๎ เลือกซื้อสินค๎าที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล๎อม เรอ่ื งตําง ๆ เหลาํ นีห้ ากปฏิบตั ิซา้ ๆ จะเกิดเป็นลกั ษณะนสิ ยั ด๎านการอนรุ ักษส๑ ง่ิ แวดล๎อม การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 690
สาหรับการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาส่ิงแวดล้อม ใน อาชวี ศกึ ษา เพือ่ สรา๎ งความตระหนักในการรกั ษาสิง่ แวดล๎อม เชํน การเข๎ารํวมสัมมนา จัดกจิ กรรมแลกเปล่ยี น เรียนรรู๎ ะหวาํ งหนํวยงาน ศึกษาดูงาน และการจดั แสดงผลงานทางวชิ าการ ปาู ยนิเทศ หรือจัดนิทรรรศการ ให๎ ความรูใ๎ นวนั สาคญั ตาํ ง ๆ เชํน วันสิ่งแวดล๎อม การจัดกิจกรรมคํายอนุรักษ๑สิ่งแวดล๎อม การรณรงค๑ประหยัด พลังงาน การปรบั ปรงุ ภมู ิทัศน๑ กจิ กรรมทางด๎านสิ่งแวดล๎อมและการอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติเช่ือมโยงกับ กจิ กรรมจิตอาสา เชํน ปลูกปาุ ปลกู ปาุ ชายเลน ยงิ หนงั สตกิ ปลูกปาุ เก็บขยะ แยกขยะในชุมชน ทาให๎ผู๎เรียน ไดเ๎ ข๎ารํวมกิจกรรมตําง ๆ ที่อาจปลกู จิตสานกึ ด๎านการอนุรกั ษ๑และพฒั นาสิ่งแวดล๎อมโดยการมีสํวนรํวมในการ ทากิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน๑ และยังได๎รบั ความร๎ดู ๎านการอนรุ ักษ๑ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อม คาดวํา ถงึ การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมเพ่อื ใหล๎ ักษณะนสิ ัยท่หี วํ งใย ใสใํ จ และการชวํ ยแก๎ไขปญ๓ หาสิง่ แวดลอ๎ ม สถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาสามารถจดั ให๎ผูเ๎ รียนพฒั นาความรู๎ทางวิชาชีพ โดยปลูกฝ๓งให๎เกิดการพัฒนา อาชพี ท่เี ก่ียวขอ๎ งกบั การอนรุ ักษท๑ รัพยากรธรรมชาตแิ ละการพัฒนาสง่ิ แวดลอ๎ มได๎ โดยผํานกระบวนการพัฒนา ความรู๎ การมีสํวนรํวมในกิจกรรมจนเกิดเป็นทักษะและประสบการณ๑ท่ีเกี่ยวข๎องกับการอนุรักษ๑และพัฒนา ส่ิงแวดลอ๎ ม สงํ ผลใหเ๎ กดิ แนวคดิ และทศั นคตทิ ่ดี ีมีความมีจติ สานกึ ในการรักสงิ่ แวดลอ๎ มที่อาจสงํ ผลทาให๎ผ๎ูเรียน เกดิ แนวคิดท่ีสามารถนําไปประกอบอาชพี ได้ในอนาคต เชํน เป็นนักอนุรักษ๑สิ่งแวดล๎อม แกนนาในการจัดทา กจิ กรรมรบั ผิดชอบตอํ สงั คมขององค๑กร เปน็ ผู๎ประกอบการทีผ่ ลิตสนิ คา๎ ท่ีเป็นมติ รกับสิ่งแวดล๎อม เป็นตน๎ การพฒั นาส่ิงแวดล๎อมอยํางย่ังยืนต๎องเกิดจากความรํวมมือกันทุกฝุาย ทุกคนในส ถานศึกษาต๎องมี เปาู หมายและเห็นความสาคัญไมํได๎เพียงแตํผลิตกาลังคนเพื่อตอบสนองความต๎องการให๎สถานประกอบการ เทาํ น้ัน ควรจะเนน๎ การสรา๎ งฝีมืออาชีพแรงงานควบคูํกบั การอนรุ ักษแ๑ ละพัฒนาส่งิ แวดลอ๎ ม เพ่ือประโยชน๑ที่จะ เกิดข้ึนกับสังคม และส่ิงแวดล๎อม จึงควรที่จะสํงเสริมผ๎ูเรียนให๎ชํวยกันมีสํวนรํวมความรับผิดชอบตํอสังคม ประเทศชาติ และสงั คมโลก ข้อเสนอแนะ การพฒั นาสิง่ แวดลอ๎ มอยํางยั่งยนื ในวิทยาลัยอาชีวศกึ ษานน้ั หากเล็งเห็นถึงประโยชน๑ท่ีจะเกิดข้ึนกับ สังคม และสิ่งแวดล๎อมในการสร๎างผู๎เรียนให๎เกิดความรักและหวงแหนส่ิงแวดล๎อม จึงต๎องทา การวิจัยเพ่ือให๎ ทราบถึงสภาพการดาเนินงานดา๎ นการอนุรักษ๑และพัฒนาสิ่งแวดล๎อมของวิทยาลัยอาชีวศึกษามีการพัฒนาใน เรื่องใดและมวี ธิ ีการดาเนนิ การอยาํ งไร อาจจะทาใหเ๎ ห็นถงึ กระบวนการท่ีจะเสรมิ สรา๎ งประสบการณ๑ให๎ผ๎ูเรียน ด๎านความร๎ู ความเข๎าใจเก่ียวกับส่ิงแวดล๎อมและการอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติ กระบวนการในการสร๎าง จิตสานึก การจัดกิจกรรมและการจัดประสบการณ๑ด๎วยกระบวนการมีสํวนรํวม โดยต๎องมีการกาหนดเป็น นโยบายด๎านการพัฒนาส่ิงแวดล๎อมเพ่ือเป็นทิศทางหรือแนวทางในการปฏิบัติงานและการวางแผนการ ดาเนินงานที่สํงเสรมิ ผเู๎ รียนให๎มีคณุ ลักษณะที่ดดี า๎ นสงิ่ แวดล๎อมโดยผํานกระบวนการด๎านความร๎ู ทักษะ และ เจตคติมํุงให๎เกิดความรับผิดชอบตํอสังคม ประเทศชาติ และสังคมโลก จึงควรต๎องเรํงรัดการสร๎างแนวคิด ทศั นคติ และจติ สานกึ ทด่ี ีเรอื่ งการอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมให๎เกิดข้ึนกับผู๎เกี่ยวข๎องทุกฝุาย การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 691
โดยมุํงหวังวําเม่ือสาเร็จการศึกษาสามารถสํงเสริมความก๎าวหน๎าในการประกอบอาชีพท่ีเกี่ยวข๎องกับ ส่ิงแวดล๎อมและการอนรุ ักษ๑ทรพั ยากรธรรมชาติโดยนาผลการศึกษาท่ีได๎มาจัดทาแนวทางในการพัฒนาผ๎ูเรียน ระดบั อาชีวศึกษาโดยเล็งเห็นวําควรจะสร๎างทศั นคตทิ ด่ี ีในการพัฒนาคุณภาพประชากรในอนาคตที่พร๎อมเข๎าสูํ ตลาดแรงงานในการทีจ่ ะพฒั นาอาชีพและพัฒนาส่ิงแวดล๎อมควบคูกํ ันไป และหวงั วาํ วิทยาลัยอาชีวศึกษาจะได๎ ใชป๎ ระโยชน๑และเหน็ แนวทางการสร๎างคนท่ีมคี ุณภาพในงานอาชีพ และมคี ุณภาพชีวิตดา๎ นสิ่งแวดล๎อมทดี่ ี สรุปได๎วําสิ่งแวดล๎อมของโลกที่ต๎องเผชิญอยํูขณะน้ี มาจากความเจริญทางด๎านเทคโนโลยี การ แขํงขันทางเศรษฐกิจ ท่ีขาดความสมดุลด๎านสิง่ แวดล๎อม ซึ่งป๓ญหาที่เกิดขึ้นมีผลกระทบโดยตรงตํอมนุษย๑และ สิ่งมีชีวิต มนุษย๑เร่ิมตระหนักถึงป๓ญหาที่เกิดข้ึน จึงกํอให๎เกิดแนวคิดการอนุ รักษ๑และพัฒนาสิ่งแวดล๎อม ต๎อง สร๎างความตระหนักในทุกภาคสํวน และทาให๎เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด๎านสิ่งแวดล๎อม ดังน้ันจึงต๎อง สร๎างเยาวชนรํุนใหมํให๎มีจิตสานึกและความรับผิดชอบตํอตนเองและสังคม ชํวยกันดูแล รักษาและใช๎ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อมอยํางร๎ูคุณคําและให๎เกิดความสมดุล โดยผํานสถาบันการศึกษาท่ีจะเป็น กลไกทีส่ าคญั ในการพัฒนาด๎านการอนุรักษ๑สิ่งแวดล๎อม โดยเฉพาะอยํางยิ่งสถาบันอาชีวศึกษาที่จะต๎องสร๎าง อัตรากาลังคนเข๎าสูํตลาดอตุ สาหกรรม เปน็ การสร๎างภาพลักษณ๑ใหมํในการมํุงผลิตคนให๎มีความร๎ูด๎านอาชีพ ควบคํูกับความรับผิดชอบตํอสังคม เพือ่ เป็นกาลังในการพัฒนาประเทศและเปน็ พลเมืองโลกที่ดีตอํ ไป เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ.2545 และ (ฉบบั ที่ 3 ) พ.ศ.2553. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ๑คุรสุ ภาลาดพรา๎ ว. กระทรวงศกึ ษาธิการ.(2545). คู่มือการตรวจสอบและประเมนิ สถานศึกษาเกณฑ์คุณภาพสาหรบั สถานศึกษาสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาตแิ ละกรมสามัญ. กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการขา๎ ราชการคร.ู กรมสงํ เสริมคณุ ภาพสิง่ แวดล๎อม. (2555). แนวทางสรา้ งสรรค์ โรงเรียนส่ิงแวดล้อมศกึ ษาเพ่ือการพฒั นาที่ ยัง่ ยืน (Eco – School). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ๑สานักงานพระพทุ ธศาสนาแหํงชาติ. กรมสงํ เสริมคุณภาพสิ่งแวดล๎อม. (2559). คมู่ อื แนวทางการดาเนินงานโรงเรยี นอโี คสคลู . กรุงเทพฯ: กลมุ่ สิ่งแวดล้อมศึกษา.กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม. วราพร ศรสี ุพรรณ. (2540). สง่ิ แวดลอ้ ม มูลนธิ โิ ลกเขยี ว. กรงุ เทพฯ : โอเอสพรนิ้ ต้งิ เฮาส.๑ วนิ ยั วรี ะวัฒนานนท๑ และบานชนื่ สีพันผํอง. (2539). สิง่ แวดล้อมศึกษา การศกึ ษาเพ่ือการพัฒนาที่ยง่ั ยืน. กรุงเทพฯ. บริษัทสอํ งศยาม จากดั . สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหํงชาต.ิ (2552). รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2550. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พ๑ คณะรัฐมนตรแี ละราชกจิ จานเุ บกษา. สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหํงชาติ.(2560). แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และ สงั คมแห่งชาติ ฉบับทส่ี ิบสอง พ.ศ. 2560-2564. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพก๑ ารศาสนา. การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 692
สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2560-2579. กรุงเทพฯ: บรษิ ัท พรกิ หวานกราฟฟิค จากดั . สานักงานปลัดกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ๎ ม. (2556). ความรเู้ บอื้ งต้นเกย่ี วกับการพฒั นาที่ ย่ังยืน. กรงุ เทพฯ: บริษทั อมรนิ ทรพ๑ ร้นิ ติ้งแอนด๑พบั ลิซซง่ิ จากัด(มหาชน). United Nations. (2017). The Sustainable Development Goals Report 2017. Retrieved Fromhttps://unstats.un.org/sdgs/files/report/2017/The Sustainable Development Goals Report 2017.pdf การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 693
การพฒั นาครูด้วยกระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบรวมพลัง 5 ขั้นตอนผา่ นชุมชนแห่ง การเรียนรู้เชิงวิชาชีพของโรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยา จังหวดั ชลบุรี A DEVELOPMENT OF TEACHERS BY 5 STEPS COLLABORATIVE LEARNING PROCESS THROUGH PROFESSIONAL LEARNING COMMUNITY OF PATTAYA CITY’S SCHOOLS สณั ห์ วรรณศรี นักศกึ ษาหลกั สูตรศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา วทิ ยาลยั บัณฑติ ศึกษาดา้ นการจดั การ มหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ E-mail: [email protected] สริ นิ ธร สินจนิ ดาวงศ์ ผู้ช่วยศาสตราจารยป์ ระจาหลักสูตรปรชั ญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา วทิ ยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ศรีปทมุ E-mail: [email protected] บทคัดยอ่ การวิจัยครงั้ น้ี มีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื 1) เพือ่ ศกึ ษาผลการดาเนินงานการจดั การเรียนรู้ตามแนวทางชุมชน แห่งการเรยี นรูเ้ ชงิ วชิ าชีพ [Professional Learning Community: PLC] และ 2) สรุปผลการนิเทศติดตามผล การจดั การเรยี นรู้ของครู ตามแนวคดิ การจัดการเรยี นรู้แบบรวมพลัง 5 ข้ันตอน ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิง วชิ าชีพ [PLC] ของครูในโรงเรียน สงั กดั เมอื งพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี กลุ่มตัวอย่าง จานวน 260 คน เป็นคณะครู และผู้บริหารในโรงเรยี นสงั กดั เมืองพทั ยา ทัง้ 11 โรงเรียน โดยสมุ่ อยา่ งงา่ ย เครอื่ งมือวิจยั คือ แบบสอบถามผล การดาเนินงานจัดการเรยี นรู้ตามแนวทางชมุ ชนแห่งการเรียนรเู้ ชิงวชิ าชีพ [PLC] และแบบบันทึกตดิ ตามผลการ จดั การเรียนรู้ของครู สถติ ทิ ีใ่ ช้ ความถ่ี ร้อยละ คา่ เฉล่ยี ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน และการวเิ คราะห์เน้อื หา ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ผลดาเนนิ งานจัดการเรียนรู้ตามแนวทางชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ [ PLC ] มีการ ดาเนนิ การในระดบั มากท่ีสดุ โดยด้านการนาส่ือ เทคโนโลยี และนวตั กรรมไปใชใ้ นการพัฒนาการเรียนการสอน ตามบรบิ ทของสถานศึกษามคี า่ เฉลย่ี มากทส่ี ุด รองลงมา คือ ด้านการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิงานของครูกบั ผลการ เรยี นรู้ของผ้เู รยี น สว่ นดา้ นการนาแนวทางการแก้ปัญหาสู่การปฏิบตั ิในช้ันเรยี นมีค่าเฉลย่ี ต่าสดุ 2) ผลการนิเทศ ตดิ ตามผลการจัดการเรยี นรู้ของครู ตามแนวคดิ การจัดการเรียนรแู้ บบรวมพลัง 5 ข้นั ตอน จากครผู ูว้ างแผน ครู คูค่ ิด ครูพีเ่ ล้ยี ง และผู้บริหารสถานศึกษา มขี ้อเสนอแนะว่า ครคู วรวางแผนการสอน และออกแบบกจิ กรรมการ เรียนรทู้ ี่กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นสู่การปฏิบตั ิ ท่มี ุง่ เน้นใหผ้ เู้ รียนสร้างองคค์ วามรู้ได้ดว้ ยตนเอง คาสาคญั : การพฒั นาครู, ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้เชงิ วิชาชีพ, การพัฒนาบทเรียนร่วมกัน การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 694
ABSTRACT The purposes of this research were to investigate: 1) Study of teaching methods through the procedure of Professional Learning Community. 2) Summarizing of the supervision performance by 5 STEPs Collaborative learning process through Professional Learning Community of Pattaya City’s Schools. This sample comprised of schools directors, deputy directors and teachers of 11 Pattaya City’s schools with simple random sampling, 260 respondents in total. The tools were used questionnaire on the procedure outcome of PLC and the summarized of the supervision report. Statistic used to analyze data were Frequency, Percentage, Mean, Standard Deviation and Content Analysis The results founded that 1) the teaching methods through the PLC procedure with the help of technology and innovation based on the context of its school was at the highest level and the comparison of teacher’s self-assessment with student learning outcome has shown the second highest whereas the implementation of the problem resolution has the lowest ranking. 2) The summarized of the supervision performance by 5 STEPs Collaborative learning process through Professional Learning Community from Planer, Buddy, Mentors and Supervisors suggested that the lesson plan and the class activities should be practical and motivated also emphasized on child-oriented learning. KEYWORDS: Development of Teachers, Professional Learning Community [PLC], Lesson Study Approach บทนา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงบริบท วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการสือ่ สารปัจจุบัน บนโลกไร้พรมแดนที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็วและรุนแรง การศึกษา ยังคงเป็นกลไกที่สาคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์และการพัฒนาประเทศท่ีเช่ือมโยงกั นทั่วโลก ให้ สามารถดารงชวี ิตทา่ มกลางการเปลี่ยนแปลงน้ีได้อย่างยงั่ ยนื การจัดระบบการศึกษาทต่ี อบสนองความตอ้ งการ ของบุคคล สังคมและประเทศชาติมากเท่าไร ย่อมหมายถึงการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มี ศักยภาพเพยี งนัน้ (พิณดา สริ ิรงั ธศร,ี 2557) และบุคคลที่เป็นกลไกสาคญั ท่ีสุดในกระบวนการพัฒนาการศึกษา และการพฒั นาการเรยี นรกู้ ็คือ “ครู” ครยู ังคงเปน็ ผ้ทู มี่ คี วามหมายและปจั จยั สาคญั สาคญั มากที่สดุ ในห้องเรียน และเป็นผ้มู ีบทบาทสาคัญต่อคุณภาพการศกึ ษา ทง้ั นเ้ี พราะคุณภาพของผ้เู รีนขึน้ อยู่กบั คณุ ภาพของครู การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 695
(Mckinsey, 2007; วราภรณ์ สามโกเศศ, 2553; ดิเรก พรสมี า, 2554) ครจู งึ เป็นปัจจยั สาคญั ในระดบั โรงเรียน ทส่ี ่งผลตอ่ การเรียนรู้ของนักเรียนมากที่สุด จากการทดลองสอบระดับนานาชาติ ประเทศท่ีมีผลสัมฤทธ์ิของ นกั เรยี นสงู จะมีแนวโน้มการเตบิ โตทางเศรษฐกิจสูงกว่า ขณะเดียวกันประเทศท่ีมีประชากรท่ีมี การศึกษาดีมี คุณภาพจะมีความเป็นประชาธิปไตยและเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมสูงกว่า (Hanushek & Rivkin, 2010) ดังน้ัน จึงจาเป็นต้องพัฒนาครูให้มีคุณภาพ มีศักยภาพอย่างสมบูรณ์ (วิจารณ์ พานิช, 2557) มี สมรรถนะและความเช่ียวชาญในการทางานท่ีประกอบด้วย ความรู้ ทักษะ ทัศนคติที่ดีต่อการทางานท่ีเน้น ทักษะมากกว่าความรู้ (กฤษณพงศ์ กริ ตกิ ร, 2557) เปลยี่ นวธิ สี อนทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นสาคญั (ราชกิจจานุเบกษา, 2542) อย่างจรงิ จงั มีการพฒั นาวชิ าชีพใหเ้ ป็นทีย่ อมรบั ของสงั คม (ไพฑูรย์ สินลารันต์, 2557) เพราะครูเป็น บุคคลทจี่ ะสง่ เสริมและสรรคส์ รา้ งการเรยี นรู้ของผู้เรียนให้มีคุณภาพ (วราภรณ์ สามโกเศศ และคณะ, 2553) ซงึ่ สอดคล้องกบั นโยบายของคณะรัฐมนตรี ซ่ึงมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ีแถลงต่อ สภานิตบิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ (สนช.) เม่อื วนั ที่ 12 กนั ยายน 2557 ด้านการศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบารุงศาสนา ศลิ ปะและวัฒนธรรมท่ีให้ความสาคัญกับครูในข้อ 4.6 ว่า จะพัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพ และจิตวิญญานของความเป็นครู เน้นครูผู้สอนให้มีคุณวุฒิตรงตามวิชาที่สอน นาเทคโนโลยีสารสนเทศและ เคร่ืองมอื ท่เี หมาะสม ใช้ในการเรยี นการสอนเพอ่ื เป็นเคร่ือมือช่วยครูหรือด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น การ เรียนทางไกล, การเรียนโดยระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (สานกั นายกรฐั มนตรี, 2557) และสอดคล้องตามกรอบแนว ทางการปฏิรูปการศกึ ษา ตามรา่ งแผนปฏิบัตกิ ารปฏริ ปู การศึกษา พ.ศ. 2558-2564 ของกระทรวงศึกษาธิการ ในด้านการปฏริ ูปครู เพื่อให้ครพู ัฒนาทนั ต่อการเปลย่ี นแปลงของสงั คมโลก และเพ่อื ให้การจัดการเรยี นการสอน มคี ุณภาพและมปี ระสิทธภิ าพตอบสนองต่อความต้องการของผเู้ รียนได้ (สานักเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2557) เมืองพัทยาในฐานะองค์การปกครองท้องถ่ินรูปแบบพิเศษได้ดาเนินการจัดการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนใน ท้องถิน่ ตามมาตรา 41 หมวด 5 ส่วนท่ี 2 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2553 รวมท้ังมาตรา 16 หมวด 2 แห่งพระราชบัญญัติกาหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอานาจให้แก่องค์การปกครองส่วน ท้องถ่ิน โดยมสี านกั การศกึ ษาเป็นหนว่ ยงานในสงั กดั ทาหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบดแู ลจัดการศึกษา สาหรบั การศกึ ษาใน ระบบนนั้ รับผิดชอบตงั้ แตร่ ะดับปฐมวยั ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายของโรงเรยี นในสังกัดเมืองพัทยา จานวน 11 โรงเรียน ปัจจุบันมีครูจานวนร่วม 800 คน มีนักเรียน จานวน 15,000 คน ในการส่งเสริมสนับสนุนการจดั การศึกษาของโรงเรียนในสงั กัดให้สามารถจดั การเรียนการ สอนบรรลมุ าตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ดั ของหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 น้ัน เมอื งพัทยามุ่งประเด็นท่ี “การพัฒนาครสู ู่การพฒั นาเดก็ ” ด้วยตระหนักว่าครูคือกลไกสาคัญในการขับเคลื่อน คุณภาพผู้เรียน โดยมอบหมายให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดย หน่วยศึกษานิเทศก์ (สานักการศึกษา, 2558) สืบเนื่องจากการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยา ประจาปี การศึกษา 2557 ผลการนิเทศการจัดการเรียนการสอนของหน่วยศึกษานิเทศก์ พบว่า ครูส่วนใหญ่ยังไม่ สามารถสอนได้บรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ส่งผล การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 696
กระทบต่อผลสัมฤทธแิ์ ละการทดสอบทางการศึกษาในระดบั ชาติขั้นพื้นฐาน (Ordinary National Education Test: ONET) ของผเู้ รียน นบั ต้งั แต่ปีการศกึ ษา 2558 หน่วยศึกษานเิ ทศกไ์ ด้ดาเนินการแกไ้ ขปัญหาโดยการจัด อบรมเชิงปฏบิ ัติการในการออกแบบการเรียนรู้อิงมาตรฐานการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเขียนแผนการเรียนรู้ แบบรวมพลัง 5 ข้ันตอน (Collaborative 5 STEPs) ให้แก่ครูผู้สอนทุกคน จากน้ันได้นิเทศติดตามผลการ จดั การเรียนการสอนของครูที่เป็นแกนนาของแต่ละโรงเรียนด้วยกระบวนการช้ีแ นะแบบพ่ีเล้ียง (Coaching and Mentoring) โดยนาแนวคิดการพฒั นาบทเรียนรว่ มกัน (Lesson Study Approach) ผา่ นชุมชนแห่งการ เรียนรเู้ ชิงวิชาชพี (Professional Learning Community) มาเปน็ นวตั กรรมในการพัฒนาครู ทั้งนี้โดยมีรอง ศาสตราจารย์ ดร. พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์ และรองศาสตราจารย์ พเยาว์ ยินดสี ขุ ผู้เชยี่ วชาญด้านหลกั สูตรและการ สอนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากรและท่ีปรึกษาในการดาเนินงานจากเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมี ความสนใจศึกษาการพฒั นาครดู ว้ ยกระบวนการจดั การเรียนรแู้ บบรวมพลงั 5 ขั้นตอนผ่านชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ เชิงวิชาชีพของโรงเรียนสังกัดเมืองพัทยา เพื่อนาผลไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาครู ซ่ึงอาจนาไปใช้เป็นข้อมูล ประกอบการวางแผนพัฒนาครขู องเมืองพทั ยาและหนว่ ยงานท่สี นใจต่อไป วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย 1. เพอ่ื ศกึ ษาผลการดาเนินงานการจดั การเรียนการสอนตามแนวทางชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (Professional Learning Community; PLC) ของครูในโรงเรยี นสงั กดั เมอื งพัทยา จังหวัดชลบุรี 2. เพอ่ื สรปุ ผลการนิเทศติดตามผลการจัดการเรียนการสอนของครู ตามแนวคิดการพัฒนาบทเรียน ร่วมกัน (Lesson Study) 5 ข้ันตอน ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (Professional Learning Community; PLC) ของครใู นโรงเรียนสังกัดเมืองพัทยา จังหวดั ชลบรุ ี วิธีดาเนินการวจิ ัย ประชากรและตวั อย่าง คณะครูในโรงเรยี นสงั กัดเมืองพทั ยา ทงั้ 11 โรงเรยี น จานวน 752 คน (แผนแม่บทพฒั นาการเรยี น การสอน สื่อและเทคโนโลยที างการศกึ ษาในโรงเรียนสงั กัดเมอื งพทั ยา 5 ปี [2558-2562]) โดยสุ่มตัวอย่างแบบ ง่าย (Simple Random Sampling) ซึ่งกาหนดขนาดตวั อยา่ งจากการเปดิ ตามตารางของ Taro Yamane ได้ จานวน 260 คน เครื่องมือ 1) แบบสอบถามผลการดาเนินงานจัดการเรยี นรู้ตามแนวทาง Professional Learning Community [PLC] ประกอบดว้ ย 2 ตอน จานวน 11 ข้อคาถาม หาคุณภาพด้านความตรง (Content Validity) IOC มีค่า เทา่ กับ 0.64 และหาคุณภาพด้านความเทีย่ ง (Reliability) นาไปทดลองใชก้ บั กลุม่ ทีไ่ มใ่ ช่ตวั อยา่ ง มคี ่า 0.835 การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 697
2) แบบบันทกึ ติดตามผลการจัดการเรียนรู้ของครู ตามแนวคิดการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน ( Lesson Study) ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (Professional Learning Community; PLC ) ครูนาร่องใน โรงเรยี น จากกลุ่มสาระการเรยี นรูท้ ้ัง 8 กลุ่ม ขั้นตอนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1) ขอหนังสือจากวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อขอความ อนุเคราะหใ์ นการลงพืน้ ท่ีเก็บขอ้ มลู 2) ลงพนื้ ทีเ่ พ่อื แจกและเก็บแบบสอบถาม จากจากกลุ่มเป้าหมายคือคณะครูในโรงเรียนสังกัด เมอื งพทั ยา 3) นาข้อมูลทไ่ี ด้จากการตอบแบบสอบถาม มาวิเคราะหส์ ถิติ โดยหาคา่ เฉล่ีย (Mean) และ ส่วน เบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพื่อวิเคราะหแ์ ละหาผลสรุปของแบบสอบถามต่อไป 4) ทาการรวบรวมบันทกึ ผลการติดตามการจดั การเรียนรูข้ องครู ตามแนวคิดการพัฒนาบทเรียน ร่วมกนั (Lesson Study) 5 ข้ันตอน และนามาวิเคราะห์เนือ้ หา และสรุปผล การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ผู้วิจัยดาเนินการวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยนาข้อมลู จากแบบสอบถามการดาเนินการจดั การเรียนรู้ตามแนว ทางการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรเู้ ชิงวชิ าชพี (Professional Learning Community :PLC) ของครูใน โรงเรยี นสงั กัดเมืองพัทยา จงั หวัดชลบรุ ี มาวิเคราะห์ความถี่ ร้อยละ คา่ เฉลยี่ (Mean) และ ส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) และบนั ทกึ ข้อมูลจากผลการสะทอ้ นคิดและขอ้ เสนอแนะจาก ครูผู้วางแผน ครผู ูร้ ว่ มคดิ ครูพเ่ี ลีย้ งและผบู้ รหิ าร ของครูนาร่องมาวิเคราะหเ์ นือ้ หา (Content Analysis) สรุปผลการวจิ ัยและอภปิ รายผล ผลการวิจยั การพัฒนาครูด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบรวมพลัง 5 ข้ันตอนผ่านชุมชนแห่งการ เรยี นรู้เชงิ วชิ าชีพของโรงเรยี นในสังกัดเมืองพทั ยา จังหวดั ชลบุรี ดงั ต่อไปนี้ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 698
ตารางที่ 1 ผลการประเมนิ การดาเนนิ การจัดการเรยี นรูต้ ามแนวการสรา้ งทางชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (Professional Learning Community :PLC) ของครูในโรงเรยี นสงั กัดเมอื งพทั ยา จงั หวัดชลบุรี สภาพการดาเนินการ ̅ S.D. ระดบั ลาดบั ท่ี การนาแนวทางการแก้ไขปญั หาสกู่ ารปฏบิ ัติในช้ันเรยี น 3.52 0.76 มากทส่ี ดุ 11 การรว่ มมอื รวมพลงั ของครผู สู้ อน ผู้บรหิ าร ศกึ ษานเิ ทศก์ และผมู้ ีส่วนเกยี่ วข้อง 3.90 1.16 มากที่สุด 10 การใหค้ วามสาคญั กับการเรียนรขู้ องผูเ้ รียน 4.66 0.47 มากทสี่ ดุ 3 การปรับปรงุ การเรยี นการสอนในชั้นเรยี น 4.23 0.70 มากทส่ี ุด 7 การเรียนรทู้ างวิชาชพี อยา่ งต่อเนอ่ื งระหว่างการปฏบิ ตั ิงาน 4.08 0.41 มากที่สดุ 8 การทางานรว่ มกนั ด้วยความสัมพันธ์แบบกลั ยาณมิตรเพอื่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย 4.42 0.55 มากท่ีสุด 4 เดียวกนั การนาสือ่ เทคโนโลยี และนวตั กรรมไปใช้ในการพัฒนาการเรยี นการสอนตาม 4.85 0.35 มากที่สดุ 1 บริบทของสถานศกึ ษา การตรวจสอบการปฏบิ ตั ิงานของครูกบั ผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี น 4.74 0.48 มากทีส่ ดุ 2 อภปิ รายผลการสงั เกตการสอนและปรับปรงุ แก้ไข 4.38 0.71 มากทส่ี ดุ 6 สรปุ ผลวธิ กี ารแกป้ ัญหาทไ่ี ด้ผลดีตอ่ การเรยี นรู้ของผ้เู รียน 4.02 0.63 มากท่สี ุด 9 บันทกึ ทกุ ขนั้ ตอนการทางานกลุ่ม : ระบปุ ญั หา วิธแี ก้ การทดลองใช้ ผลท่ีได้ 4.41 0.53 มากทสี่ ดุ 5 คา่ เฉลย่ี โดยรวม 4.29 0.61 มากท่ีสดุ จากตารางที่ 1 สภาพการดาเนินงานจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง Professional Learning Community [ PLC ] ของครใู นโรงเรยี นสังกัดเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีการดาเนินการในระดับมากท่ีสุด (̅ =4.29, S.D. = .61) สาหรบั การดาเนินงานจดั การเรียนรู้ตามแนวทาง PLC ของครูในโรงเรียนสังกัดเมือง พทั ยา จังหวัดชลบรุ ี ด้านตา่ งๆ นั้นมกี ารดาเนนิ งานในระดบั มากที่สุดทุกด้าน โดยด้านการนาสื่อ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนาการจัดเรียนการสอนตามบริบทของสถานศึกษามีค่าเฉล่ียมากท่ีสุดคือ (̅ =4.85, S.D. = .35) และดา้ นการตรวจสอบการปฏิบัติงานของครผู ลการเรียนรู้ของผูเ้ รียนมีค่าเฉลยี่ อย่ใู นระดับ มากท่สี ุด (̅ =4.74, S.D. = .48) สว่ นดา้ นการนาแนวทางการแก้ปญั หาสู่การปฏิบตั ิในชั้นเรยี นมีคา่ เฉล่ยี ต่าสดุ อยใู่ นระดบั มากที่สดุ (̅ =3.52, S.D. = .76) การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 699
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 715
Pages: