Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ED-APHEIT 2018

ED-APHEIT 2018

Published by ED-APHEIT, 2019-04-05 09:41:45

Description: ED-APHEIT 2018

โครงการประชุมทางวิชาการและเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ :

สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย
(สสอท.)

Search

Read the Text Version

ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ ได๎ทราบถึงกระบวนการให๎บริการยุคการศึกษาไทย 4.0 ของมหาวิทยาลัยเอกชนแหํงหนึ่ง ศูนย๑ การศึกษาอโศกแคมปส๓ กรงุ เทพมหานคร วิธดี าเนนิ การวจิ ยั วิธดี าเนินการวิจยั ในคร้ังน้ีเป็นการวิจยั เชิงคณุ ภาพ ซงึ่ ไดเ๎ ริม่ ดาเนินการวิจัยในปีการศึกษา 2560 ชํวง เดอื นพฤศจิกายน-ธันวาคม 2560 และทาการเก็บขอ๎ มูลต้งั แตวํ ันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 รวมเป็นระยะเวลา 2 วัน ชํวงเวลา 14.00 – 15.00 น.วันละ 60 นาที โดยสามารถแสดงการดาเนินการเก็บข๎อมูลได๎ท้ังหมด 3 ลาดับข้ัน ดังนี้ 1) วันที่ 19 ธันวาคม 2560 ทาการติดตํอผู๎อานวยการฝุายบริหารวิชาการเพื่อขอความ อนุเคราะห๑เข๎าเก็บข๎อมูลวิจัยระหวํางวันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 ชํวงเวลา 14.00 – 15.00 น. 2) วันที่ 23 ธันวาคม 2560 ไดร๎ บั อนญุ าตใหด๎ าเนินการเกบ็ ขอ๎ มูลวิจัย ลาดับตํอไปจึงได๎ทาการคัดเลือกกลํุมตัวอยํางที่ต๎อง ใช๎ในการวิจัย 3) วันท่ี 25-26 ธันวาคม 2560 ทาการเก็บรวบรวมข๎อมูล จากน้ันจึงนาผลท่ีได๎มาทาการ วิเคราะห๑ และแปลผล ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ประชากรคือเจ๎าหน๎าท่ีระดับผ๎ูบริหารข้ันต๎นข้ึนไปจานวน 3 คน ซึ่งกลํุมตัวอยํางได๎มาจากการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling) จานวน 3 คน โดยอา๎ งองิ และประยุกต๑การเลอื กลุมํ ตัวอยํางของ Krejcie and Morgan, 1970 เครอื่ งมือ เคร่ืองมอื การวิจัยครง้ั น้ี คือแบบสมั ภาษณ๑ลักษณะกงึ่ มีโครงสรา๎ ง จานวน 6 ข๎อ ซ่งึ เคร่ืองมอื นี้ได๎ ประยกุ ตจ๑ ากงานวิจัยของ ตรเี พ็ชร๑ อ่าเมือง, 2555 การสรา้ งเครอ่ื งมือการวิจัย 1) ทาการสรา๎ งเคร่ืองมือการวิจัยโดยเรม่ิ ตน๎ จากการศึกษาแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาตฉิ บับ ที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564 พระราชบญั ญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชนพ.ศ. 2546 แก๎ไขเพ่ิมเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 และศึกษาเอกสาร งานวิจยั ทีเ่ กย่ี วข๎อง 2) จากนัน้ จงึ ทาการออกแบบเครอ่ื งมอื การวิจยั ซึ่งเปน็ แบบสัมภาษณ๑ลักษณะกึ่งมีโครงสร๎าง จานวน ท้ังหมด 6 ขอ๎ 3) ลาดบั ตํอไปจึงนาไปให๎ผู๎เช่ียวชาญในสาขาการศึกษาจานวน 3 ทําน ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ด๎านความตรงของเนอ้ื หาที่นามาใชใ๎ นงานวจิ ยั โดยใชก๎ ารประเมินคาํ 5 ระดบั โดยการเลอื กใชเ๎ กณฑก๑ ารวัดของ เบสท๑ (Best, 1977) ซ่ึงมีรายละเอียดดังน้ี คําเฉลี่ยระหวําง 4.50-5.00 หมายถึง ระดับมากท่ีสุด คําเฉลี่ย ระหวําง 3.50-4.49 หมายถึง ระดับมาก คําเฉลี่ยระหวําง 2.50-3.49 หมายถึง ระดับปานกลาง คําเฉลี่ย ระหวาํ ง 1.50-2.49 หมายถงึ ระดับนอ๎ ย และ คําเฉล่ยี ระหวําง 1.00-1.49 หมายถงึ ระดับน๎อยที่สุด ซ่ึงผลการ หาคุณภาพเครอื่ งมือในด๎านความตรงของเนอ้ื หามีคาํ เฉลี่ยคาํ เฉล่ีย 4.67-5.00 อยใํู นระดับมากทส่ี ุด 4) นาเครอ่ื งมือการวิจัยทผ่ี าํ นการตรวจสอบไปใชเ๎ ก็บขอ๎ มลู กบั กลํมุ ตัวอยํางตํอไป การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 50

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู การวจิ ัยครง้ั นที้ าการวเิ คราะหข๑ ๎อมูลโดยการวิเคราะห๑ขอ๎ มูลเชิงคุณภาพผํานการสมั ภาษณ๑ลักษณะกึ่งมี โครงสร๎างกับกลุมํ ตวั อยาํ ง ซึ่งเป็นผบู๎ รหิ ารระดบั ตน๎ ข้ึนไปจานวน 3 คน วิเคราะห๑ข๎อมูลลักษณะการวิเคราะห๑ เนือ้ หา (content analysis) และแสดงการรายงานผลแบบการบรรยายความเรียง สรปุ ผลการวิจยั และอภิปรายผล การศกึ ษาคร้งั นสี้ รุปผลการวิจัยจากแบบสัมภาษณ๑ลักษณะกึ่งมีโครงสร๎างจานวนท้ังหมด 6 ข๎อ เพื่อ ตอ๎ งการทราบถึงกระบวนการให๎บรกิ ารในยุคการศกึ ษาไทย 4.0 กรณศี กึ ษามหาวิทยาลัยเอกชนแหํงหนึ่ง ศูนย๑ การศกึ ษาอโศกแคมปส๓ กรงุ เทพมหานคร ทาการสัมภาษณ๑ ฯ เม่ือวันที่ 25 – 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560 แสดง การรายงานผลในรูปแบบการวเิ คราะหเ๑ นื้อหาลักษณะการบรรยายความเรียง สามารถนาเสนอผลการวิจัยใน รูปแบบตารางไดด๎ งั ตํอไปนี้ ประเด็นขอ้ คาถาม การวเิ คราะหเ์ น้อื หาจากกล่มุ ตวั อย่าง 1 ) ม ห า วิ ท ย า ลั ย มหาวิทยาลัยเอกชน ศูนย๑การศึกษาอโศกแคมป๓ส กรุงเทพมหานคร มีการ เอกชน ศูนยก๑ ารศึกษา ใหบ๎ ริการทงั้ หมดสีด่ า๎ นดงั น้ี คอื อโศกแคมป๓สของทําน 1) ด้านการให้ขอ้ มูลหลักสูตรการศึกษาทกุ ระดบั โดยเฉพาะอยํางยิ่งการให๎ มีการให๎บริการในด๎าน ข๎อมูลเรื่องการศึกษาตํอในระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจ ใดบ๎าง โปรดอธิบาย มหาบณั ฑติ ออนไลน๑ภาคภาษาไทย 2) ด้านการรับสมัครนักศึกษาใหม่ เจ๎าหน๎าที่ของมหาวิทยาลัยนี้มีการ ตรวจสอบเอกสาร จัดเรียงเอกสาร แนะนาระบบการเรียนการสอน และเวลา ในการเข๎าช้ันเรยี นให๎ตรงกบั ความต๎องการของนักศึกษา 3) ด้านการประสานงานระหว่างอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษา เจ๎าหน๎าท่ี ของมหาวทิ ยาลยั ในแตํละสํวน มีการอานวยความสะดวกใหก๎ บั นักศึกษาและ คณาจารย๑ผ๎ูสอน ซ่ึงประกอบไปด๎วยเจ๎าหน๎าที่ไอทีสารสนเทศ เจ๎าหน๎าท่ี การเงิน เจ๎าหน๎าที่ฝุายทะเบียน เจ๎าหน๎าที่ฝุายสนับสนุนการศึกษา และ เจ๎าหนา๎ ทีป่ ระสานงานตาํ งประเทศ 4) ด้านการจัดตารางเรียนให้กับนักศึกษา เจ๎าหน๎าที่ฝุายทะเบียนและ เจ๎าหนา๎ ทฝี่ ุายสนบั สนนุ การศึกษาเป็นผ๎ูทาหน๎าท่ีนี้ ในเบื้องต๎นเจ๎าหน๎าที่ทา การตรวจสอบข๎อมลู จากการลงทะเบยี นของนักศกึ ษาในแตํละภาคการศึกษา จากนัน้ จงึ ทาการจดั ตารางเรยี นรายบคุ คลให๎ ซงึ่ ผเ๎ู รียนสามารถขอรับตาราง เรียนนี้ได๎ด๎วยตนเอง หรือตรวจสอบผํานระบบโครงขํายคอมพิวเตอร๑ของ มหาวทิ ยาลัยเอกชนแหงํ น้ี 2) ม ห า วิ ท ย า ลั ย มหาวิทยาลยั เอกชน ศูนยก๑ ารศึกษาอโศกแคมป๓ส มีการประชุมเพ่ือวางแผน เ อ ก ช น ศู น ย๑ กระบวนการให๎บริการ โดยใช๎หลัก PDCA – Plan Do Check Act ท้ังนี้มี การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 51

ประเด็นข้อคาถาม การวเิ คราะหเ์ นื้อหาจากกลุ่มตัวอย่าง ก า ร ศึ ก ษ า อ โ ศ ก การวางแผน ออกแบบกระบวนการให๎บริการกับนักศึกษาและคณาจารย๑ แคมป๓สของทําน มี ผส๎ู อนยํอยลงไปตามแตํละฝุาย เชนํ 1) สวํ นงานรับสมคั รนักศกึ ษาใหมํ มีการ ก า ร ป ร ะ ชุ ม เ พ่ื อ ประชุมอยํางนอ๎ ยท่ีสดุ สปั ดาหล๑ ะ 1 คร้ัง เพื่อทราบจานวนของนักศึกษาใหมํ วางแผนกระบวนการ เพ่ือทราบขอ๎ กาจัดบางประการในการรับสมัคร เพ่อื ประเมินประสิทธิภาพใน สํวนงานให๎บริการ การรับสมัคร 2 ) สํวนงานฝุายสนับสนุนการศึกษา มีการประชุมอยํางน๎อย ห รื อ ไ มํ มี โ ป ร ด เดือนละ 1 ครั้งเชํนกัน เพื่อทราบถึงป๓ญหาที่เกิดขึ้น และเรํงหาทางแก๎ไข อธบิ าย ปญ๓ หานั้น เพ่ือใช๎เปน็ แนวทางในการปรับปรงุ กระบวนการใหบ๎ รกิ ารตํอไป 3) ทํา นคิ ดวํ าก า ร การให๎บริการในยุคการศึกษา 4.0 ของมหาวิทยาลัยเอกชน ศูนย๑การศึกษา ใ ห๎ บ ริ ก า ร ใ น ยุ ค อโศกแคมป๓สน้ี ได๎มีการเตรียมพร๎อมเก่ียวกับการ รับมือของความ การ ศึก ษา4.0 ใน เปลี่ยนแปลงเรื่องแนวโน๎มการศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ที่มีทิศทางการ มหาวิทยาลัยเอกชน ศูนย๑การศึกษาอโศก เปลี่ยนแปลงอยํางรวดเร็วมาก ทางมหาวิทยาลัยฯ จึงได๎นาเทคโนโลยี แคมป๓ ส ขอ งทํา น สารสนเทศเกี่ยวกับระบบการศึกษาตํางๆที่ทันยุคทันสมัยมาประยุกต๑ใช๎ ต๎องทาอยํางไร และ รํวมกนั ท้ังในด๎านการบริหารจัดการ การวางแผนกระบวนการให๎บรกิ ารด๎าน มี ค ว า ม ส า คั ญ ตํ อ ตํางๆ การปฏิบัติงานตามนโยบาย และด๎านการจัดการเรียนรู๎สาหรับ มหาวิ ทยาลั ยขอ ง นักศึกษา ซ่ึงถือวําเร่ืองท่ีกลําวมาท้ังหมดนั้นเป็นเรื่องท่ีสาคัญย่ิงตํอ ทํานอยํางไร โปรด มหาวิทยาลัยฯ ท่ตี อ๎ งนาเทคโนโลยีเหลํานี้เข๎ามาชํวยเพิ่มประสิทธิภาพ เพ่ือ อธิบาย ทาใหเ๎ กิดประสิทธผิ ลในทุกภาคสวํ น โดยเฉพาะอยาํ งย่งิ สํวนงานให๎บริการตํอ นกั ศกึ ษา คณาจารย๑ และผูท๎ ี่เขา๎ มารบั การบรกิ ารจากมหาวทิ ยาลัย 4) ม ห า วิ ท ย า ลั ย มหาวทิ ยาลยั เอกชนแหงํ นม้ี ีการใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการให๎บริการ ซ่ึง เ อ ก ช น ศู น ย๑ มหาวิทยาลัยนี้ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแหํงแรกในประเทศไทยที่มีการ ก า ร ศึ ก ษ า อ โ ศ ก ออกแบบกระบวนการให้บริการด้านการจัดการเรยี นรผู้ า่ นระบบปฏิบัติการ แคมป๓สของทําน มี ที่เรียกว่า Blackboard Collaborate ทาให๎นักศึกษาเกิดความพึงพอใจ การใช๎เทคโนโล ยี เมื่อได๎รับการบรกิ ารในสวํ นนี้ เนื่องจากนกั ศกึ ษาสามารถโต๎ตอบ ถกประเด็น สารสนเทศในการ คาถาม หรอื ขอคาปรกึ ษาจากอาจารย๑ผ๎ูสอนและเพ่ือนนักศึกษารํวมช้ันเรียน ให๎บริการ หรือไมํมี ผาํ นระบบปฏิบตั กิ ารนีไ้ ดท๎ ันที อีกท้ังยงั มกี ระบวนการใหบ๎ ริการผาํ นสอ่ื สังคม โปรดอธิบาย ออนไลน๑ตาํ งๆ เชนํ คลิปการแนะนาเรื่องใหบ๎ ริการของมหาวิทยาลัยฯ จากยู ทูบชํองมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร๑ดเผยแพรํเมื่อวันท่ี 22 มิ.ย. 2559 เป็นต๎น การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 52

ประเดน็ ขอ้ คาถาม การวิเคราะห์เนอื้ หาจากกลุม่ ตัวอยา่ ง 5) มหาวิทย าลัยเอกชน จากการวางแผนกระบวนการให๎บริการโดยใช๎หลัก PDCA – Plan Do ศนู ย๑การศกึ ษาอโศกแคมป๓ส Check Act มหาวทิ ยาลยั เอกชน ศูนย์การศึกษาอโศกแคมปัสน้ีจึง ของทาํ น มีการใช๎เทคโนโลยี มกี ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือใช้ในกระบวนการให้บริการส่วน สารสนเทศในกระบวนการ ของขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Do) ซึ่งมีความสาคัญตํอการบริหาร ใหบ๎ ริการขั้นตอนใด และใช๎ จัดการ รวมถึงการอานวยความสะดวกตํอนักศึกษาหรือบุคคลคน เพอื่ อะไร โปรดอธิบาย ทั่วไปท่เี ข๎ารับการบริการ สามารถเข๎าถึง รับรู๎ข๎อมูลขําวสารได๎อยําง สะดวก รวดเร็ว ไร๎ข๎อจากัดเร่ืองเวลาและสถานท่ี เชํน 1) การให๎ ข๎อมลู หลักสตู รการศึกษา และการรับสมคั รนกั ศกึ ษาใหมผํ ํานหนา๎ เว็บ ไซด๑ อีเมล และเฟสบุ๎คหลักของมหาวิทยาลัย 2) ด๎านการจัดการ เรยี นรู๎ และการจัดตารางการเรียนรายบคุ คลใหก๎ ับนักศกึ ษา กลําวคือ มหาวิทยาลัยได๎นาระบบปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเรียกวํา Blackboard Collaborate มาใช๎ในการจัดการเรียนร๎ูเพ่ือให๎เกิดการ สืบค๎นข๎อมูลลักษณะ course content online นอกจากน้ีทาง มหาวิทยาลัยยังมีระบบการลงทะเบียนเรียนผํานระบบปฏิบัติการ Vision Net เพื่อให๎นักศึกษาสามารถลงทะเบียนออนไลน๑ได๎ด๎วย ตัวเอง 3) ดา๎ นการประสานงานระหวํางอาจารย๑ผ๎ูสอนและนักศึกษา ซึ่งในด๎านการให๎บริการสํวนนี้ ทางมหาวิทยาลัยได๎นาเทคโนโลยี สารสนเทศที่เป็นโปรแกรมเฉพาะทาง และสื่อสังคมออนไลน๑มาใช๎ เพ่อื การใช๎งานดา๎ นการสบื คน๎ ข๎อมลู การติดตอํ สือ่ สาร การให๎ขําวสาร ตํางๆ ของมหาวิทยาลัย อาทิเชํน เว็บไซต๑มหาวิทยาลัย อีเมล ไลน๑ เฟสบ๎คุ ยทู ูบ เป็นต๎น 6) ภ า พ ร ว ม ข อ ง สภาพการณ๑ของกระบวนการให๎บริการในยุคการศึกษา 4.0 ของ กระบวนการให๎บรกิ ารในยุค มหาวิทยาลัย ศูนย๑การศึกษาอโศกแคมป๓สน้ี สามารถสรุปได๎ 3 ประเด็น ก า ร ศึ ก ษ า 4. 0 ข อ ง หลัก คอื 1) การดาเนินงานกระบวนการให๎บริการในยุคการศึกษา 4.0 นี้ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ศู น ย๑ ได๎มุํงดาเนินงานเพื่อตอบสนองนโยบายของมหาวิทยาลัยท่ีต๎องการนา การศึกษาอโศกแคมป๓สนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศทุกระบบปฏิบัติการที่มีความเหมาะสมกับบริบท เป็ นอ ยํา งไ ร ต๎อ งมี กา ร สังคมไทยและนักศึกษาไทยมาใช๎ในการพัฒนาทางการศึกษา 2) การ พัฒนาตํอไปอยํางไร และ พฒั นากระบวนการใหบ้ ริการในยุคการศกึ ษา 4.0 ได้ดาเนินงานภายใต้ ทํานคิ ดวําก ระบว นกา ร การวางแผนโดยใช้หลกั PDCA – Plan Do Check Act ซง่ึ การพัฒนา การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 53

ประเดน็ ข้อคาถาม การวเิ คราะหเ์ น้ือหาจากกลมุ่ ตัวอย่าง ให๎บริการในยุคการศึกษา กระบวนการให้บริการจัดให้อยู่ในข้ันตอน (Check Act) นั่นคือการ ค ร้ั ง น้ี กํ อ ใ ห๎ เ กิ ด 4 . 0 ตรวจสอบ ประเมิน แก้ไข เพื่อการพัฒนาต่อไป และ 3) การนา ประโยชน๑สูงสุดในด๎านใด กระบวนการใหบ๎ รกิ ารในยุคการศึกษา 4.0 มาใช๎ใหเ๎ กดิ ประโยชน๑สูงสุดกับ โปรดอธบิ าย การศึกษาไทย คือกอํ ใหเ๎ กิดการบรกิ ารท่ีเป็นเลิศในสถาบันการอุดมศึกษา ไทย โดยเฉพาะอยํางย่ิงกับสถาบันการอุดมศึกษาเอกชนไทย เชํน 3.1) ด๎ า น บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ธุ ร กิ จ ก า ร ศึ ก ษ า ใ น สํ ว น ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร ศึ ก ษ า ม ห า วิ ท ย า ลั ย ส า ม า ร ถ เ พ่ิ ม ก า ร จั ด ตั้ ง ศู น ย๑ ก า ร ศึ ก ษ า ไ ด๎ ม า ก ขึ้ น โ ด ย งบประมาณคําใช๎จํายตํางๆน้ันสามารถควบคุมได๎ นอกจากนี้ยังทาให๎ ภาพลักษณ๑ของมหาวิทยาลัยได๎รบั การตอบรบั วาํ เป็นมหาวทิ ยาลัยทที่ ันยุค ทันสมยั ในทศิ ทางเดียวกนั น้ยี ังสามารถเพมิ่ จานวนนักศึกษาใหมํทั้งระดับ ปริญญาตรี และระดับปริญญาโทได๎อีกด๎วย 3.2) ด๎านการจัดการเรียนร๎ู การให๎บริการในสํวนน้ีสามารถสํงเสริมให๎นักศึกษาหรือบุคคลท่ัวไป เกิด พฤติกรรมใหมํในการเรียนร๎ู กลําวคือการเรียนรู๎น้ันสามารถทาได๎ ตลอดเวลาทางอินเตอร๑เน็ทในชํองทางตํางๆได๎ เรียกอีกนัยหนึ่งคือการ เรียนออนไลน๑ ซ่ึงการเรียนออนไลน๑น้ี สามารถเข๎าเรียนย๎อนหลังได๎ ตลอดเวลา สะดวกสาหรับนักศึกษาท่ีไมํมีเวลาเข๎าชั้นเรียนหรือบุคคลวัย ทางาน จากทไี่ ดอ๎ ธิบายมาทั้งหมด แสดงให๎เห็นได๎วํามหาวิทยาลัยเอกชน ศูนย๑การศกึ ษาอโศกแคมป๓สแหงํ น้ี มีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช๎ใน กระบวนการให๎บรกิ ารเพอื่ ความเปน็ เลิศในการใหบ๎ รกิ ารทางการศกึ ษา อภปิ รายผล การศึกษาวจิ ัยเก่ียวกับกระบวนการให๎บริการยุคการศึกษาไทย 4.0 กรณีศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน แหงํ หนง่ึ ศนู ยก๑ ารศึกษาอโศกแคมปส๓ พบวาํ 1) กระบวนการใหบ๎ รกิ ารยุคการศกึ ษา 4.0 ครั้งน้ีใช๎กระบวนการ PDCA – Plan Do Check Act เปน็ หลกั ในการวางแผนงานการให๎บริการ และ 2) กระบวนการให๎บริการยุค การศกึ ษาไทย 4.0 กํอให๎เกิดประโยชน๑สูงสุดในเรื่องการให๎บริการที่เป็นเลิศ ซึ่งมีท้ังหมด 2 สํวน ได๎แกํ 2.1) การบริการด๎านการจัดการธุรกิจการศึกษาในสํวนงานการบริหารการศึกษา และ 2.2) การบริการด๎านการ จดั การเรียนรู๎ ผาํ นการใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศและระบบปฏิบตั กิ ารตํางๆ ซง่ึ มีความสอดคลอ๎ งกับ อุไร ดวงระ หวา๎ (2554) ท่ไี ด๎ระบุวาํ ปจ๓ จยั ที่มคี วามสมั พนั ธ๑ตํอคุณภาพการให๎บริการท่ีเป็นเลิศ คือการบริหารจัดการเร่ือง สถานท่ีการให๎บริการ ชํองทางการให๎บริการ และระบบการให๎บริการที่มีความสะดวกรวดเร็วด๎วยระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศทท่ี นั สมยั ทาให๎สามารถตอบสนองความต๎องการและความพงึ พอใจของผู๎เข๎ารับบรกิ ารได๎ มากขึน้ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 54

ผลการวิจยั ทงั้ หมดทก่ี ลาํ วมานจ้ี ึงสามารถอภิปรายได๎วาํ สถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนทุกแหํงจาเปน็ ต๎องมี การพัฒนาระบบการทางานเพื่อปรับตัวให๎สอดคล๎องกับยุคสมัยเพ่ือการก๎าวเป็นผู๎นานวั ตกรรมในด๎านตํางๆ โดยเฉพาะอยํางยิ่งการเป็นผ๎ูนาด๎านการให๎การบริการที่เป็นเลิศผํานเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้นเม่ือ สถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนทุกแหํงมกี ระบวนการใหบ๎ รกิ ารท่ดี ี ผูร๎ บั บรกิ ารจะเกดิ ความพึงพอใจซึ่งการได๎มาของ มาตรฐานกระบวนการใหบ๎ ริการน้ี ฝาุ ยบริหารของสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนต๎องกาหนดแผนงานในการปรบั ปรงุ แก๎ไขป๓ญหา และพัฒนางานบริการ โดยเครื่องมือท่ีใช๎ในการกาหนดแผนงานนั้น สามารถนากระบวนการ PDCA มาใช๎ได๎อยํางเต็มประสิทธิภาพ เน่ืองจาก PDCA เป็นกระบวนการวางแผน รวมถึงการออกแบบ กระบวนการ การถํายทอดเพ่ือนาข๎อกาหนดไปปฏิบัติ ดาเนินการตามแผนท่ีวางไว๎ มีการตรวจประเมิน ความกา๎ วหนา๎ และมกี ารปรับปรุงงานโดยอาศัยผลของการตรวจประเมนิ รวมถึงความต๎องการของผู๎รับบริการ (ตรีเพ็ชร๑ อ่าเมอื ง, 2555; สานักงานกจิ การนักศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยศรีปทุม, 2554; Kim et al., 2017) ข้อเสนอแนะ สาหรับการศึกษาครงั้ น้มี ขี อ๎ เสนอแนะทั้งหมด 2 ประเดน็ คือ 1) ข๎อเสนอแนะจากงานวิจัย ผวู๎ ิจยั พบวํา ควรมีการสัมภาษณ๑เชิงลกึ กบั ผบู๎ ริหารฝาุ ยงานบรกิ ารทกุ ศูนยก๑ ารเรียนร๎ูของมหาวทิ ยาลยั เอกชนแหํงนี้ และ 2) ข๎อเสนอแนะในการทาวิจัยครัง้ ตอํ ไป ควรมกี ารทาวจิ ยั ในรูปแบบผสมระหวํางการวจิ ยั เชงิ คุณภาพและการวิจัย เชิงปริมาณ เพื่อสามารถทราบข๎อมูลการวิจัยได๎ในทุกมิติ เชํน มิติด๎านการพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการ ให๎บริการระหวาํ งมหาวิทยาลัย นักศกึ ษา ผปู๎ กครอง และผทู๎ เี่ ขา๎ มารับการบรกิ ารจากมหาวทิ ยาลยั กติ ติกรรมประกาศ ผ๎ูวิจัยขอขอบพระคุณอาจารย๑ภัทรกุล แผ๎วประยูร ผ๎ูอานวยการฝุายบริหารวิชาการ มหาวิทยาลัย นานาชาตแิ สตมฟอร๑ดที่อานวยความสะดวกในการเก็บข๎อมูลการวิจัย และผ๎ูวิจัยขอขอบคุณผู๎เข๎ารํวมการวิจัย ทุกทาํ นที่สละเวลาอนั มีคาํ ใหข๎ ๎อมูลการวิจยั คร้งั นี้ เอกสารอา้ งอิง ตรีเพ็ชร๑ อ่าเมือง. (2555). วิจัยกระบวนการให้บริการของทีมเลขานุการผู้บริหาร. สืบค๎นจาก http://www.op.mahidol.ac.th/orga/file/pdf/ ประชาชาติธุรกจิ ออนไลน๑ .(2555). แสตมฟอร์ดติดอาวุธครบเพื่อก้าวสู่เบอร์หนึ่งมหาวิทยาลัยนานาชาติ. สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1353309862 มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร๑ด. (2559). แนะนาเร่ืองการให้บริการของมหาวิทยาลัย. สืบค๎นจาก https://www.youtube.com/watch?v=q4RtkWoyC_o มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร๑ด. (2560). สถานะด้านการบริการออนไลน์. สืบค๎นจาก https://www.stats.stamford.edu การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 55

สจีวรรณ ทรรพวสุ และ ไสว ศิริทองถาวร. (2555). รายงานการวิจัยเร่ืองการพัฒนากระบวนการ บริหารงานวชิ าการสถานศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานด้วยการจัดการคุณภาพ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย ราชภฏั สวนสุนันทา. สมนกึ เอ้อื จิระพงษ๑พนั ธ.๑ (2554). ตัวแบบการบรหิ ารนวตั กรรมสาหรับมหาวทิ ยาลัยในกากับของรัฐ. วารสาร สงขลานครนิ ทร์ ฉบับสังคมศาสตร์และมนษุ ย์ศาสตร.์ 17(2), 237-246. สิริชัย ดีเลิศ. (2558). กระบวนการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาท่ีมีอัต ลักษณ์เชิงสร้างสรรค์.สืบค๎นจาก https://www.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E- Journal/article/download/40432/33365 สานักงานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยศรีปทุม.( 2554). คู่มือมาตรฐานการให้บริการ. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยศรปี ทมุ . สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ สานักนายกรัฐมนตรี . (2560). แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสอง พ.ศ. 2560 – 2564. สืบค๎นจาก http: / / waa. inter. nstda. or. th/ stks/ pub/ 2017/ 20170702-National-Economic-Social- Development-Plan-Twelfth-edition.pdf สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2550). พระราชบญั ญัตสิ ถาบันอุดมศึกษาเอกชนพ.ศ. 2546 แก้ไข เพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550. สืบค๎นจาก http://www.mua.go.th/users/he- commission/doc/law/private50.pdf อุไร ดวงระหว๎า. (2554). ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ต่อคุณภาพการให้บริการศูนย์บริการ One Stop Service: กรณีศกึ ษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. การค๎นคว๎าอิสระหลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต สาขาการจัดการทั่วไป บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี. เอดดูเคชั่น โซน ทีวี .(2559). เปิดใจผู้ช่วยอธิการบดีแสตมฟอร์ด ท่ีนี่เรามีตัวช่วยให้เด็กไทยประสบ ความสาเร็จอย่างเต็มที่. สบื คน๎ จาก http://m.eduzones.com/content.php?id=167052 Baxte, W. (2017). Thailand 4.0 and the Future of Work in the Kingdom. Retrieved from http: / / www. ilo. org/ wcmsp5/ groups/ public/ ---dgreports/ --- dcomm/documents/meetingdocument/wcms_549062.pdf Best, J. W. (1977). Research in Education (3rd ed.). Englewood Cliffs. New Jersey: Prentice Hall, Inc. Kim et al. (2017). A blueprinting approach to service innovation in private educational institutions. International Journal of Quality Innovation. 3(2), 1-11, doi 10.1186/s40887-017-0011-z. Krejcie, R. V. and Morgan, E. W. (1970). Educational and Psychological Measurement. US: SAGE Publications. The World Economic Forum. (2016). What role will education play in the Fourth Industrial Revolution?. Retrieved from https://www.weforum.org/agenda/2016/01/what-role- will-education-play-in-the-fourth-industrial-revolution การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 56

สมรรถนะครทู สี่ ง่ ผลตอ่ ทกั ษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 โรงเรยี นในสงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ท่ี การศึกษาประถมศกึ ษาบุรรี มั ย์ เขต 4 จรรยา กีรตินติ ยา* บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค๑เพ่ือ 1) ศึกษาทักษะของผู๎เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียน ในสังกัด สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาบุรรี มั ย๑ เขต 4 2) ศกึ ษาสมรรถนะครูที่สํงผลตํอทกั ษะของผ๎ูเรียนใน ศตวรรษที่ 21 โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 กลุํมตัวอยํางคือ โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 ปีการศึกษา 2559 จานวน 44 โรงเรียน เครอื่ งมือที่ใช๎ในการวจิ ัย ได๎แกํ 1) แบบประเมินทักษะของผู๎เรียนในศตวรรษที่ 21 2) แบบประเมิน การจดั การเรยี นรข๎ู องครู 3) แบบประเมินการพฒั นาผเู๎ รยี นของครู 4) แบบประเมนิ การบรหิ ารจดั การช้ันเรยี นของ ครู 5) แบบประเมินการวิเคราะห๑ สังเคราะห๑และการวิจัยของครู 6) แบบประเมินการสร๎างความรํวมมือกับ ชุมชนของครู วิเคราะห๑ข๎อมูลโดยคานวณคําเฉลี่ย คําความเบี่ยงเบนมาตรฐาน คําสหสัมพันธ๑อยํางงํา ย คําสหสัมพันธ๑พหุคูณ การวิเคราะห๑การถดถอยพหุคูณ การวิเคราะห๑อิทธิพลหรือการวิเคราะห๑เส๎นทาง (Path Analysis : PA) ดว๎ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร๑ ผลการวิจัยพบวํา 1) ทักษะของผู๎เรียนในศตวรรษที่ 21 ตามการประเมินของครูอยํูในระดับสูง ลักษณะดังกลําวนี้ของผ๎ูเรียนแตํละคนแตกตํางกันพอสมควร 2) สมรรถนะของครูที่มีอิทธิพลตํอทักษะของ ผ๎เู รยี นในศตวรรษท่ี 21 ตามการประเมนิ ของครู ได๎แกํ ระดับการพัฒนาผ๎ูเรียนของครู ระดับการจัดการเรียนร๎ู ของครู และระดับการบริหารจัดการช้ันเรียนของครู สามสมรรถนะน้ีอธิบายความแปรปรวนของทักษะของ ผ๎ูเรียนในศตวรรษที่ 21 ได๎ร๎อยละ 84.00 มีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ  = .01 ระดับทักษะของผู๎เรียนใน ศตวรรษที่ 21 ได๎รบั อิทธิพลทางตรงจากระดับการพัฒนาผู๎เรียนของครู ได๎รับอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ๎อม จากระดับการจัดการเรยี นรูข๎ องครูและระดับการบริหารจัดการชั้นเรียนของครู ผํานมาทางระดับการพัฒนา ผเ๎ู รยี นของครู คาสาคัญ : สมรรถนะของครู / ศตวรรษท่ี 21 / การพฒั นาผูเ๎ รียน * ผอู๎ านวยการโรงเรยี นบา๎ นหนองไผํ สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาบรุ รี ัมย๑ เขต 4 การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 57

ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา การเปล่ียนแปลงขึ้นทั่วโลกอยาํ งรวดเร็วในกระแสโลกาภิวัฒน๑ ซ่ึงสํงผลกระทบตํอวิถีชีวิตของคนใน สังคม การเปลยี่ นแปลงดังกลาํ วมีผลกระทบตํอเศรษฐกจิ การเมือง สงั คมและเทคโนโลยี ทาให๎ประเทศไทยและ ประเทศตาํ ง ๆ ทวั่ โลกจาเป็นต๎องปรบั ตัวพรอ๎ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง โดยเฉพาะการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ซงึ เปน็ เครอ่ื งมอื ที่สาคญั ในการพัฒนาคนใหม๎ ีคณุ ภาพ เพ่ือให๎ระบบการศึกษาสนองตํอความต๎องการทางด๎าน เศรษฐกจิ การเมือง สังคมและความก๎าวหนา๎ ในด๎านเทคโนโลยี เพอื่ เพ่มิ ศักยภาพในการแขงํ ขันของประเทศไทย ในการกา๎ วสูํสงั คมโลก โดยเน๎นในเร่อื งการพัฒนาศักยภาพของคน ซ่งึ เปน็ ป๓จจยั คุณภาพท่ีสาคัญในความสาเร็จ ของการพัฒนาประเทศ (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2553) การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 เป็นการจัด การศกึ ษาทใี่ ห๎ผ๎ูเรยี นมคี วามพรอ๎ มในการใช๎ชวี ิต ซง่ึ จะสงํ ผลตอํ วิถีการดารงชพี ของสงั คมอยํางทัว่ ถงึ ดงั นนั้ ครูจึง ต๎องมีความต่ืนตัวและเตรียมพร๎อมในการจัดการเรียนร๎ูเพื่อเตรียมความพร๎อมให๎นักเรียนมีทักษะสาหรับการ ออกไปดารงชีวติ ในโลกในศตวรรษที่ 21 ทเ่ี ปลยี่ นไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทกั ษะแหงํ ศตวรรษที่ 21 ท่ี สาคัญทีส่ ุด ทคี่ นทุกคนต๎องเรยี นร๎ตู ้ังแตํอนบุ าลไปจนถึงมหาวทิ ยาลยั และตลอดชวี ติ คือ การอาํ นออก เขยี นได๎ และคดิ เลขเปน็ ทักษะดา๎ นการคิดอยาํ งมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก๎ป๓ญหา ทักษะด๎านการสร๎างสรรค๑ และนวัตกรรม ทกั ษะดา๎ นความเข๎าใจตํางวัฒนธรรม ตํางกระบวนทัศน๑ ทักษะด๎านความรํวมมือ การทางาน เป็นทมี และภาวะผนู๎ า ทกั ษะด๎านการส่อื สารสารสนเทศและร๎เู ทาํ ทันส่ือ ทกั ษะด๎านคอมพวิ เตอรแ๑ ละเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่อื สาร ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู๎ (วจิ ารณ๑ พานชิ , 2555) นกั การศกึ ษาของประเทศหลายทํานไดต๎ ระหนักถงึ ความสาคญั ของการศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ดังเชํน ประเวศ วะสี (2546) วิจารณ๑ พานิช (2546) และธีระ รุญเจริญ (2554) ได๎แสดงทัศนะถึงความสาคัญของ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 จาเป็นที่จะต๎องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาให๎สอดรับ กับการ เปลย่ี นแปลงของสังคม เพอื่ ปรับเปล่ียนตวั เองใหก๎ า๎ วเขา๎ สูรํ ะบบเศรษฐกจิ สงั คมนานาชาติโดยใช๎การศึกษาเป็น เครอื่ งมอื ดงั นั้นทุกภาคสํวนจึงจาเป็นต๎องแสวงหาแนวทางแก๎ป๓ญหาที่เกิดขึ้นอยํางเรํงดํวน เพื่อปรับเปลี่ยน พฤติกรรมท่ีพึงประสงค๑ของคนในประเทศให๎เป็นไปในทิศทางท่ีเหมาะสม ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาจึงถูก กาหนดใหเ๎ ป็นยทุ ธศาสตรก๑ ารพฒั นาทีส่ าคัญของประเทศ โดยมงุํ จัดการศึกษาเพื่อให๎ผู๎เรียนมีคุณลักษณะที่พึง ประสงคส๑ อดคลอ๎ งกับความมงุํ หมายและหลักการของการจัดการศึกษาคือให๎เป็นมนุษย๑ที่สมบูรณ๑ทั้งรํางกาย จิตใจ สติป๓ญญา ความรู๎ คุณธรรมจริยธรรมและวัฒนธรรม ดารงชีวิตและสามารถอยํูรํวมกับผ๎ูอื่นได๎อยํางมี ความสขุ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2556) สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานไดส๎ นบั สนุนนโยบายสาคัญของรัฐบาลมํุงเน๎นให๎มีการ ปฏริ ปู การศกึ ษาทง้ั ระบบโดยจัดให๎มีการปฏริ ูปการศึกษาในทศวรรษทสี่ อง (พ.ศ. 2552 – 2561) เพ่ือให๎ผู๎เรียน เกดิ ทกั ษะท่ีจาเป็นในศตวรรษท่ี 21 และให๎คนไทยได๎เรียนร๎ูตลอดชีวิตอยํางมีคุณภาพ ตามเปูาหมายหลัก 3 ประการ คอื พฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและการเรยี นรข๎ู องคนไทย เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและ เรียนรู๎อยํางท่ัวถึงและมีคุณภาพ พร๎อมสํงเสริมการมีสํวนรํวมของทุกภาคสํวนของสังคมภายใต๎กรอบแนว ทางการพัฒนาการศกึ ษา 4 ประการ คือ การพฒั นาคุณภาพคนไทยยุคใหมํ การพัฒนาคุณภาพครูยุคใหมํ การ พฒั นาคณุ ภาพสถานศึกษาและแหลํงเรยี นร๎ใู หมํ และการพฒั นาคณุ ภาพการบรหิ ารจัดการใหมํ จุดเน๎นของการ ปฏิรูปการศึกษาคือ การให๎บุคคลมีโอกาสเข๎าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเสมอกันตลอดชีวิต จัดการศึกษาให๎ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 58

กวา๎ งขวางอยาํ งท่วั ถงึ และเปน็ ธรรม ให๎ประชาชนมีสํวนรํวม โดยถือวําผู๎เรียนสาคัญท่ีสุด ปฏิรูปให๎เป็นบุคคล แหงํ การเรียนรู๎จดั การศกึ ษาทัง้ ด๎านเนื้อหาสาระและกระบวนการทาให๎การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนร๎ูของ สังคมและเป็นสังคมแหํงการเรียนรู๎เพ่ือแก๎ป๓ญหาและพัฒนาให๎ยั่งยืน จัดการศึกษามํุงให๎เกิดการเรียนรู๎ ตลอดเวลา ทาใหส๎ งั คมมแี หลํงเรยี นรู๎มากข้ึน ผ๎ูเรียนแสวงหาความรูด๎ ว๎ ยตนเองตลอดเวลา จากแหลํงเรียนรู๎ทุก รปู แบบ โดยมุงํ พัฒนาใหเ๎ ปน็ สงั คมแหํงการเรยี นร๎ู (วิชัย วงษ๑ใหญํ, 2554) การจัดการศึกษาให๎ประสบผลสาเร็จตามแนวทางปฏิรูปน้ัน ครูจะต๎องมีสมรรถนะความร๎ู ความสามารถ และคุณธรรมจริยธรรม ตลอดทั้งจรรยาบรรณวิชาชีพที่ดี จึงจะนาไปสูํการจัดการศึกษาท่ีดีมี ประสิทธผิ ล โดยครูจะต๎องเปน็ ผ๎ทู ี่มคี วามร๎ูความเข๎าใจเก่ยี วกบั แนวทางการปฏิรูปการศึกษา มีสมรรถนะในการ จัดการศกึ ษา มีความรูค๎ วามเขา๎ ใจในการจดั ทาหลักสตู รโดยเน๎นผเู๎ รยี นเปน็ สาคัญ มคี วามเข๎าใจในการวิจยั ในช้ัน เรียน สามารถทาให๎โรงเรียนเป็นองคก๑ รแหํงการเรียนร๎ูอยํางแท๎จริง (อานวย ทองโปรํง , 2553) สอดคล๎องกับ สมศักด์ิ ดลประสิทธ์ิ (2555) กลําววํา “วิกฤตการศึกษาไทยในป๓จจุบัน พบป๓ญหาการขาดแคลนครูท่ีมี ประสิทธิภาพในการสอนนกั เรียน สงํ ผลใหน๎ กั เรยี นมีทกั ษะในการดาเนินชีวิตและผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนยูํใน ระดบั ต่า” จากสภาพป๓ญหาและเหตผุ ลทกี่ ลาํ วมาแสดงใหเ๎ ห็นวําควรต๎องพฒั นาสมรรถนะของครู เพือ่ ใหผ๎ ๎เู รียน มีทักษะในศตวรรษที่ 21 ทส่ี งู ขึ้น ดังน้ันผวู๎ จิ ัยจึงสนใจศกึ ษาวาํ มสี มรรถนะของครูใดบ๎าง ท่ีสํงผลตํอทักษะของ ผ๎ูเรียนในศตวรรษท่ี 21 โรงเรียนในสงั กัดสานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 ซ่ึงผลที่ได๎ จะนาไปสํูการจัดและพัฒนาการศึกษาทีด่ ีมีประสทิ ธิผล วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 1. เพื่อศึกษาทกั ษะของผู๎เรียนในศตวรรษท่ี 21 โรงเรียนในสงั กดั สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา ประถมศึกษาบุรรี ัมย๑ เขต 4 2. เพอ่ื ศึกษาสมรรถนะครทู สี่ งํ ผลตอํ ทกั ษะของผเู๎ รยี นในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนในสงั กดั สานักงานเขต พนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาบุรรี มั ย๑ เขต 4 วธิ ดี าเนินการวิจยั ประชากร คอื โรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาบรุ รี มั ย๑ เขต 4 สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน จานวน 192 โรงเรียน กลมํุ ตัวอยําง คอื โรงเรียนสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบุรรี มั ย๑ เขต 4 สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ปีการศึกษา 2559 จานวน 44 โรงเรยี น (รอ๎ ยละ 50 ของโรงเรยี นขนาด กลาง) กลํุมผ๎ูให๎ขอ๎ มลู ในแตํละโรงเรยี นมผี ๎ใู หข๎ อ๎ มลู จานวน 5 คน ประกอบด๎วยผบู๎ รหิ ารสถานศึกษา 1 คน ครหู วั หน๎าฝาุ ยวชิ าการ 1 คนและครูผสู๎ อน 3 คน (ทเ่ี ลือกอยาํ งงํายโดยใช๎ตารางเลขสํมุ ) รวมผ๎ใู ห๎ขอ๎ มูล 220 คน แปรที่ใชใ๎ นการวจิ ยั ตัวแปรตาม คือ ทกั ษะของผ๎เู รยี นในศตวรรษที่ 21 การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 59

ตัวแปรต๎น ได๎แกํ สมรรถนะประจาสายงานของครู 5 สมรรถนะ ไดแ๎ กํ 1) การจัดการเรยี นร๎ขู องครู 2) การพัฒนาผเู๎ รยี นของครู 3) การบรหิ ารจัดการชน้ั เรยี นของครู 4) การวิเคราะห๑ สงั เคราะห๑ และการวิจัยของ ครู 5) การสร๎างความรํวมมอื กบั ชุมชนของครู เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวิจัย เคร่อื งมอื ทใี่ ชใ๎ นการวจิ ัยมี 6 ชนิด คือ 1. เป็นแบบประเมินทักษะของผู๎เรียนในศตวรรษท่ี 21 แบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ คือ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง น๎อยและน๎อยที่สุด จานวน 30 ข๎อ มีคําจาแนกระหวําง 0.47 – 0.75 คําความ เชอ่ื มั่นดว๎ ยเทาํ กบั 0.92 2. แบบประเมินการจัดการเรียนร๎ูของครู เป็นแบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ ตามวิธีของ ลคิ เอริ ๑ท (Likert) คอื มากที่สุด มาก ปานกลาง น๎อย และน๎อยทส่ี ดุ จานวน 13 ข๎อ มคี าํ อานาจจาแนกระหวําง 0.34 – 0.72 คําความเชอื่ มั่นเทํากับ 0.89 3. แบบประเมินการพัฒนาผ๎ูเรียนของครู เป็นแบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ ตามวิธีของ ลคิ เอิร๑ท (Likert) คอื มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง นอ๎ ย และน๎อยทส่ี ุด จานวน 15 ขอ๎ มีคําอานาจจาแจกระหวําง 0.59 – 0.83 คาํ ความเชื่อมัน่ เทํากับ 0.94 4. แบบประเมินการบริหารจัดการช้ันเรียนของครู แบบมาตราสํวนประมาณคาํ 5 ระดับ ตามวิธีของ ลิคเอิรท๑ (Likert) คอื มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ๎ ย และนอ๎ ยท่สี ดุ จานวน 10 ข๎อ มีคาํ อานาจจาแจกระหวําง 0.46 – 0.83 คําความเชื่อมน่ั เทํากับ 0.93 5. แบบประเมนิ การวเิ คราะห๑ สังเคราะห๑ และการวจิ ยั ของครู แบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ ตามวิธีของลิคเอิร๑ท (Likert) คือ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง น๎อย และน๎อยท่ีสุด จานวน 10 ข๎อ มีคําอานาจ จาแนกรายข๎อระหวําง 0.44 – 0.78 คาํ ความเชอ่ื มั่น 0.85 6. แบบประเมินการสร๎างความรํวมมือกับชุมชนของครู เป็นแบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ ตามวิธีของลิคเอิร๑ท (Likert) คือ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง น๎อย และน๎อยท่ีสุด จานวน 9 ข๎อ มีคําอานาจ จาแนกระหวาํ ง 0.34 – 0.76 มคี ําความเช่อื มัน่ เทํากบั 0.85 การวิเคราะห์ข้อมูล คานวณคาํ เฉลย่ี คาํ สมั ประสิทธส์ิ หสมั พันธ๑อยาํ งงําย คําสหสมั พนั ธพ๑ หคุ ณู คาํ นา้ หนกั ความสาคัญ ของตัวแปรตน๎ ทสี่ ํงผลตอํ ตัวแปรตาม วิเคราะห๑การถดถอยพหุคณู การวิเคราะหอ๑ ิทธิพลหรือการวเิ คราะห๑ เสน๎ ทาง ดว๎ ยโปรแกรมสาเร็จรูป การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 60

สรุปผลการวิจัย 1. ผลการวเิ คราะห์ระดบั ตวั แปรต้นและตวั แปรตาม ดงั แสดงในตาราง 1 ตาราง 1 คาํ สถิตเิ กยี่ วกับระดบั ตัวแปรตน๎ และตวั แปรตาม X S.D. C.V. ตวั แปร 4.25 0.31 7.29 4.33 0.32 7.39 ทกั ษะของผูเ๎ รยี นในศตวรรษที่ 21 4.36 0.29 6.65 การจัดการเรยี นร๎ขู องครู 4.32 0.38 8.80 การพฒั นาผเู๎ รียนของครู 4.47 0.28 6.26 การบรหิ ารจดั การชั้นเรยี นของครู 4.48 0.34 7.62 การวเิ คราะห๑ สงั เคราะห๑ และการวจิ ยั ของครู การสร๎างความรํวมมอื กบั ชุมชนของครู จากตาราง 1 แปลความหมายไดด๎ งั น้ี 1. นักเรียนมที กั ษะของผู๎เรยี นในศตวรรษท่ี 21 ตามการประเมนิ ของครอู ยูใํ นระดับสูง (X =4.25) ลักษณะดงั กลาํ วนข้ี องนักเรียนโรงเรยี นแตลํ ะแหงํ แตกตาํ งกนั น๎อย(C.V.=7.29) 2. การจัดการเรยี นร๎ขู องครูอยูใํ นระดบั สงู ( X = 4.33) ลักษณะดังกลําวน้ีของครูแตลํ ะโรงเรยี น แตกตํางกนั น๎อย(C.V.= 7.39) 3. การพัฒนาผเ๎ู รยี นของครอู ยูํในระดับสูง ( X =4.36) ลักษณะดังกลาํ วนีข้ องครแู ตลํ ะโรงเรียน แตกตาํ งกนั น๎อย (C.V.=6.65) 4. การบรหิ ารจดั การชน้ั เรยี นของครอู ยูใํ นระดับสูง ( X = 4.32) ลกั ษณะดังกลาํ วนข้ี องครูแตลํ ะ โรงเรียนแตกตํางกันนอ๎ ย (C.V.=8.80) 5. การวเิ คราะห๑ สงั เคราะห๑ และการวจิ ยั ของครูอยูใํ นระดบั สูง(X =4.47) ลกั ษณะดังกลาํ วนีข้ องครู แตํละคนแตกตํางกันนอ๎ ย (C.V.= 6.26) 6. การสร๎างความรวํ มมอื กับชมุ ชนของครูอยูใํ นระดบั สงู ( X =4.48) ลกั ษณะดงั กลาํ วนีข้ องผบ๎ู รหิ าร สถานศกึ ษาแตลํ ะคนแตกตาํ งกนั นอ๎ ย (C.V.= 7.682) 2. ผลการวเิ คราะห์ค่าสหสัมพันธพ์ หุคณู และค่านา้ หนกั ความสาคัญ(  ) ระหวา่ งสมรรถนะครทู ้งั 5 ด้านกบั ทกั ษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา บรุ รี ัมย์ เขต 4 ตามการประเมินของครู ดงั แสดงในตาราง 2 การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 61

ตาราง 2 คาํ สหสัมพันธ๑พหุคณู และคําน้าหนกั ความสาคัญ (  ) สมรรถนะครูทสี่ งํ ผลตอํ ทกั ษะของผเู๎ รยี นใน ศตวรรษท่ี 21 ในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี มั ย๑ เขต 4 ตัวแปรตามคอื ทักษะของผเ๎ู รยี นในศตวรรษที่ 21 ตัวแปรต๎น ( ) การพฒั นาผเ๎ู รียนของครู .755** การจัดการเรียนร๎ขู องครู .542** การบรหิ ารจัดการช้ันเรียนของครู .513** การวิเคราะห๑ สงั เคราะห๑ และการวิจัยของครู .321 การสรา๎ งความรวํ มมอื กบั ชมุ ชนของครู .100 R 0.885** R 2 0.782 **p< .01 จากตาราง 2 พบวํา มีเพียงการพฒั นาผเู๎ รยี นของครู (  = 0.755) การจดั การเรียนรข๎ู องครู (  = 0.542) และการบรหิ ารจดั การชัน้ เรยี นของครู (  = 0.513) ทีส่ ํงผลตํอทกั ษะของผู๎เรยี นในศตวรรษท่ี 21 ใน โรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี มั ย๑ เขต 4 มีนยั สาคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ =.01 แตํ โดยเหตทุ ก่ี ารพฒั นาผเ๎ู รยี นของครู การจัดการเรยี นรข๎ู องครู การบรหิ ารจดั การชน้ั เรียนของครู การวิเคราะห๑ สังเคราะห๑ และการวิจยั ของครู การสรา๎ งความรวํ มมือกบั ชุมชนของครู ตํางมคี วามสมั พนั ธ๑ซง่ึ กนั และกันสูง (r = 0.55 – 0.93) จึงอนุมานไดว๎ ํา การพฒั นาผเ๎ู รียนของครู การจัดการเรยี นรขู๎ องครู การบรหิ ารจัดการชั้นเรยี น ของครู การวิเคราะห๑ สงั เคราะห๑ และการวจิ ัยของครู การสรา๎ งความรวํ มมอื กับชุมชนของครู สํงผลตอํ ทกั ษะ ของผเ๎ู รียนในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรยี นสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถม ศกึ ษาบรุ รี มั ย๑ เขต 4 ตามการประเมินของครู มีนัยสาคญั ทางสถิติ เพือ่ วิเคราะห๑ให๎แนชํ ัดวําตวั แปรใดทส่ี ํงผลตอํ ทกั ษะของผเู๎ รยี นในศตวรรษท่ี 21 โรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาบรุ รี มั ย๑ เขต 4 จงึ ทาการวเิ คราะหเ๑ สน๎ ทางระหวาํ งตวั แปรตน๎ กับตวั แปรตามดว๎ ยวธิ กี ารวเิ คราะหเ๑ ส๎นทางแบบพี เอ แอล (Path Analysis with LISREL : PAL) 3. ผลวเิ คราะหเ์ สน้ ทางระหวา่ งคา่ ตัวแปรต้นกับตวั แปรตาม ดังภาพประกอบ 1 และตาราง 3 1.00 การจัดการเรียนรู๎ 0.15 0.36 0.69 ของครู ทักษะของผเ๎ู รยี น 0.92 ในศตวรรษท่ี 21 0.60 การพฒั นา 0.78 ผ๎เู รยี นของครู 0.46 การบรหิ ารจดั การ 0.48 1.00 ชน้ั เรียนของครู การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 62

Chi – Square = 0.64 df = 1, P – Value = 0.40658, RMSEA = 0.000 คาํ เหลํานแ้ี สดงวํารปู แบบมีความ เหมาะสม ภาพประกอบ 1 รปู แบบอทิ ธพิ ลของตวั แปรตน๎ ทส่ี ํงผลตอํ ทักษะของผูเ๎ รียนในศตวรรษที่ 21 ด๎วยการวเิ คราะห๑เสน๎ ทางแบบ พี เอ แอล (PAL) ตาราง 3 ตัวแปรตน๎ ท่มี ีอทิ ธพิ ลตํอทกั ษะของผเ๎ู รยี นในศตวรรษท่ี 21 ดว๎ ยการวเิ คราะหเ๑ ส๎นทางแบบพี เอ แอล (PAL) ตัวแปร R2  ทกั ษะของผเ๎ู รียนในศตวรรษท่ี 21 0.84 การพฒั นาผเู๎ รียนของครู 0.78** การจัดการเรียนร๎ขู องครู 0.69** การบรหิ ารจัดการช้นั เรียนของครู 0.48** การพฒั นาผเ๎ู รยี นของครู การจดั การเรยี นรู๎ของครู 0.85 0.92** การบริหารจัดการชัน้ เรียนของครู 0.46** **p< .01 จากภาพประกอบ 1 และตาราง 3 อธบิ ายได๎ดงั น้ี 1. ตวั แปรต๎นที่มีอทิ ธิพลตํอระดบั ทักษะของผู๎เรียนในศตวรรษท่ี 21 คอื การพัฒนาผเ๎ู รียนของคร(ู  =0.78) การจัดการเรียนรู๎ของครู(  =0.69) และการบริหารจัดการชั้นเรียนของครู(  =0.48) อธิบายความ แปรปรวนของทักษะของผ๎เู รยี นในศตวรรษท่ี 21 ได๎รอ๎ ยละ 84.00 (R 2 = 0.84) 2. ตัวแปรท่ีมีอิทธิพลตํอระดับการพัฒนาผู๎เรียนของครู คือ การจัดการเรียนรู๎ของครู (  =0.92) และการบรหิ ารจดั การชั้นเรียนของครู (  =0.46) สองตัวแปรนี้อธิบายความแปรปรวนของระดับการพัฒนา ผเ๎ู รยี นของครู ได๎รอ๎ ยละ 85.80 (R 2 = 0.85) เพอื่ ให๎เหน็ ขนาดของอิทธิพลทางตรงและอทิ ธิพลทางออ๎ มของตวั แปรต๎นทส่ี งํ ผลตอํ ทกั ษะของผเู๎ รยี นใน ศตวรรษที่ 21 ได๎เสนอผลการวิเคราะห๑ขอ๎ มูลไวใ๎ นตาราง 4 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 63

ตาราง 4 ขนาดของอิทธิพลทางตรงและอทิ ธิพลทางอ๎อมของตัวแปรตน๎ ทสี่ ํงผลตอํ ทกั ษะของผเู๎ รียนในศตวรรษ ท่ี 21 ตวั แปรต้น ทกั ษะของผ๎ูเรยี นในศตวรรษที่ 21 ขนาดของอทิ ธพิ ล การพัฒนาผเู๎ รยี นของครู การจดั การเรียนรู๎ของครู ทางตรง ทางอ๎อม รวม การบรหิ ารจดั การชัน้ เรียนของครู 0.78 - 0.78 0.69 0.12 0.81 0.48 0.21 0.69 อภปิ รายผลการวจิ ยั 1. ครูประเมินวําทักษะของผู๎เรียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 อยูํในระดับสูง ( X= 4.25) ท้ังน้ีเป็นเพราะวําหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีจุดเน๎นสาคัญในการพัฒนาคุณภาพผู๎เรียนให๎เป็นคนดี มีป๓ญญา มี ความสขุ มีศักยภาพในการศึกษาตํอและมีสุขภาพท่ีดี มีความรักชาติและมีจิตสานึกในการอนุรักษ๑วัฒนธรรม และภูมปิ ๓ญญาไทย การพัฒนาผ๎ูเรียนให๎บรรลุมาตรฐานการเรียนร๎ู ตัวชี้วัดที่กาหนดตามหลักสูตร โดยมํุงให๎ ผ๎เู รยี นเกดิ สมรรถนะสาคญั 5 ประการคอื ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถ ในการแก๎ป๓ญหา ความสามารถในการใช๎ทักษะชีวิตและความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี และมีนักเรียน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค๑ 8 ประการ คือ รักชาติ ศาสน๑ กษัตริย๑ ซื่อสัตย๑สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนร๎ู อยูํอยําง พอเพียง มงุํ มัน่ ในการทางาน รักความเป็นไทยและมีจติ สาธารณะ เพอื่ ให๎ผ๎เู รียนสามารถอยรูํ ํวมกับผอ๎ู น่ื ได๎อยําง มคี วามสขุ ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2556) ดว๎ ยเหตุน้ีโรงเรียนจึงได๎นาหลักสูตร แกนกลางเป็นแมํแบบในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียน ครูจึงจัดกิจกรรมเพื่อให๎ผ๎ูเรียนบรรลุ เปูาหมายตามหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อให๎ผ๎ูเรียนเกิดสมรรถนะที่สาคัญ 5 ด๎าน และเกิดคุณลักษณะอันพึง ประสงค๑ 8 ประการ โดยสมรรถนะสาคัญ 5 ด๎าน กับคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค๑ 8 ประการ มีความสอดคล๎อง กบั ทักษะของผเ๎ู รียนในศตวรรษที่ 21 ดงั น้ันทักษะของผู๎เรยี นในศตวรรษท่ี 21 โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขต พนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 อยูํในระดับสูง สอดคล๎องกับผลการวิจัยของเพียร๑สัน (Pearson, 2014) แมค็ อนิ ไทม๑โอดอม (McIntyre-Odoms, 2015) ธนวัฒน๑ อรณุ สุขสวําง (2557) ท่ีวิจัยพบวํา ครูจัดการ เรยี นร๎ูตามหลกั สูตรสถานศึกษา นักเรยี นมีทักษะการเรียนร๎ูในศตวรรษท่ี 21 อยูํในระดับสงู 2. เม่ือวิเคราะห๑ด๎วยการวิเคราะห๑เส๎นทางแบบพี เอ แอล (PAL) พบวํา สมรรถนะครูที่มีอิทธิพลตํอ ระดับทกั ษะของผ๎ูเรียนในศตวรรษท่ี 21 โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 ตามการประเมินของครู ได๎แกํ การพัฒนาผเ๎ู รียนของครู(  =0.78) การจัดการเรียนร๎ูของครู(  =0.69) และการบรหิ ารจดั การชัน้ เรยี นของครู(  =0.48) อธิบายความแปรปรวนของทกั ษะของผูเ๎ รยี นในศตวรรษที่ 21 โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 ได๎ร๎อยละ 84.00 (R 2 = 0.84) มี นยั สาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั  = .01 ทง้ั นเี้ ปน็ เพราะวําสมรรถนะด๎านการพฒั นาผเ๎ู รยี นของครูเป็นความสามารถ ของครูในการปลูกฝง๓ คณุ ธรรม จริยธรรมของครู ความสามารถในการพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพกายและสุขภาพจิต การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 64

ของครู ความสามารถในการปลกู ฝง๓ ความเปน็ ประชาธปิ ไตยของครู ความสามารถในการปลูกฝ๓งความเป็นไทยของ ครู ความสามารถในการจดั ระบบดูแลและชํวยเหลือผเ๎ู รียนของครู ดังนน้ั การพัฒนาผู๎เรียนของครูจึงมีอิทธิพลตํอ ทักษะของผูเ๎ รียนในศตวรรษที่ 21 สาหรับการจัดการเรียนร๎ขู องครู เป็นความสามารถของครูในการสร๎างและ พัฒนาหลักสตู ร การจัดกระบวนการเรียนรู๎ที่เน๎นผ๎ูเรียนเป็นสาคัญของครู การใช๎และพัฒนานวัตกรรมของครู ดังน้นั การจดั การเรยี นรข๎ู องครูจึงมอี ทิ ธพิ ลตํอทักษะของผเ๎ู รยี นในศตวรรษท่ี 21 สํวนการบรหิ ารจัดการชั้นเรยี น ของครูเป็นความสามารถของครใู นการจดั บรรยากาศการเรียนรู๎ การจัดทาข๎อมูลสารสนเทศและเอกสารประจาชั้น เรยี นของครู การกากบั ดูแลช้ันเรยี นของครู องค๑ประกอบดงั กลาํ ว ไมํใชสํ ่งิ ทคี่ รูมมี าแตกํ าเนิดแตํเน๎นส่ิงท่ีได๎จาก การศกึ ษา ฝกึ ฝนและจากการปฏบิ ัติงานของตนเองเป็นสาคัญ ดังนั้นการบริหารจัดการช้ันเรียนของครู จึงมี อทิ ธิพลตํอทักษะของผ๎ูเรยี นในศตวรรษท่ี 21 ดงั ท่สี ิงห๑ แกรนด๑วิลล๑และดิกกา (Singh, Granville and Dicka, 2002) กลําวไว๎วํา ตัวแปรจิตพิสัยสํงผลอยํางมากตํอความสาเร็จของการปฏิบัติหน๎าที่ของครู อันสํงผลตํอ คณุ ภาพผเ๎ู รียนท่สี งู ข้นึ ซง่ึ ลักษณะดังกลําวสํงผลตํอการปฏิบัติหน๎าท่ีของครู ทาให๎ครูปฏิบัติงานให๎สาเร็จตาม เปูาหมาย (สาเรงิ บญุ เรืองรัตน๑ สวุ ัฒน๑ วิวัฒนานนท๑และนิคม นาคอา๎ ย, 2550) ขอ้ เสนอแนะในการนาไปใช้ ควรพฒั นาสมรรถนะครูด๎านการพัฒนาผ๎ูเรียน การจัดการเรียนร๎ู และ การบรหิ ารจดั การชั้นเรยี น เพือ่ ใหค๎ รูไดร๎ ับการพฒั นาตนเองอนั จะสํงผลตํอทกั ษะของผเ๎ู รียนในศตวรรษท่ี 21 ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย ผ๎ูบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาบุรีรัมย๑ เขต 4 ควรกาหนดนโยบายในการพัฒนาผ๎ูเรียนของครูการจัดการเรียนรู๎ของครู และ สงํ เสรมิ การบริหารจัดการชั้นเรียนของครู ซ่ึงสํงผลในการพัฒนาสมรรถนะของครูและเสริมสร๎ างทักษะของ ผู๎เรียนในศตวรรษท่ี 21 ตํอไป เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2556). แนวทางการนาแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปจัดการศึกษาใน สถานศึกษา. กรุงเทพฯ : ศูนย๑ประสานงานกลางการดาเนินงาน โครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ สานักกิจการพเิ ศษ สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. ธรี ะ รุญเจริญ. (2554). ก้าวใหม่ การปฏิรปู การบริหาร : แนวคดิ ประสบการณ์และการวจิ ัย. อุบลราชธานี : อบุ ลกิจออฟเซต็ การพมิ พ.๑ ประเวศ วะสี.(2546). ยทุ ธศาสตรท์ างปญั ญาและการปฏิรูปการศึกษาทีพ่ าประเทศพน้ วกิ ฤต. กรุงเทพฯ : พรกิ หวานกราฟกิ . วจิ ารณ๑ พานิช. (2546). การจดั การเครือขา่ ยวชิ าการ. กรุงเทพฯ : กองแผนงาน กรมอนามัย กระทรวง สาธารณสขุ . วจิ ารณ๑ พานิช. (2555). วถิ ีสรา๎ งการเรียนรเู๎ พ่ือศิษยใ๑ นศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ: มลู นิธิสดศรี-สฤษดว์ิ งศ.๑ วชิ ัย วงษ๑ใหญํ. (2554). การพฒั นาหลกั สตู รระดบั อดุ มศึกษา. กรงุ เทพฯ : อาร๑แอนด๑ปรน้ิ ท๑ จากัด. สมศักด์ิ ดลประสทิ ธ์.ิ (2555) ผูบรหิ ารกับการวจิ ัยเพ่อื พัฒนาการจัดการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : กรงุ เทพฯ : สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 65

สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2553). ขอ้ เสนอการปฏิรปู การศกึ ษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552- 2561). กรงุ เทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค จากดั . สาเริง บญุ เรืองรัตน๑, สุวฒั น๑ ววิ ฒั นานนท๑ และนคิ ม นาคอ๎าย. (มิถนุ ายน – ตลุ าคม 2550). “การ ค๎นหารูปแบบของผลลัพธ๑ทางการศกึ ษาของนักเรยี นทม่ี ตี วั แปรน๎อยท่ีสดุ และสามารถ นามาใช๎ปฏบิ ตั ใิ นโรงเรียน.” วารสารวิชาการ มหาวทิ ยาลยั วงษช์ วลิตกลุ . 1 : 7-13. ธนวัฒน๑ อรณุ สขุ สวาํ ง. (2557). ปัจจัยทีส่ ่งผลต่อความสามารถในการใชภ้ าษาอังกฤษตามทกั ษะการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ของนกั เรียนมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 เขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 2 เพอื่ รองรับการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซยี น. วิทยานิพนธศ๑ กึ ษาศาสตร มหาบณั ฑิต (พัฒนการศกึ ษา).นครปฐม : มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. อานวย ทองโปรํง. (เมษายน – มถิ ุนายน 2553). “การปฏิรปู การศึกษารอบสองกับภาวะผ๎นู า ทางวิชาการของผบ๎ู ริหารสถานศึกษา.” วารสารรามคาแหง. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั รามคาแหง. 27(2) : 171 -172. McIntyre-Odoms. B. (2015) Elementary Principals' Perceptions of 21st Century Skills in Southeastern Virginia. Thesis of Doctor of Education Virginia : Virginia Polytechnic Institute and State University. Pearson Synee. (2014). The Process Secondary Administrators use to Implement Twenty-First Century Learning Skills in Secondary Schools. Thesis of Doctor of Education California : University of Southern California. Singh, K. Granville, M. and Dicka, S. (2002). “Mathematics and Science Achievement : Effects of Motivation, Interest, and Academic Engagement.” Journal of Educational Research. 95 (6) : 323-331. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 66

การบริหารโรงเรยี นในชมรมผบู้ ริหารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลกิ อคั รสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯตาม หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง The School Management in Club of Catholic Secular School Administrators, Roman Catholic Archdiocese of Bangkok Based on Sufficiency Economy ปุณณตั ถ์ จิโนรส1 ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. วราภรณ์ ไทยมา2 1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญามหาบณั ฑติ สาขาวชิ าบริหารการศกึ ษา วทิ ยาลยั บณั ฑติ ศึกษาด้านการ จดั การ มหาวทิ ยาลยั ศรปี ทมุ Email:[email protected] 2 คณบดี คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม อาจารย์ประจา หลกั สูตรปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษาวทิ ยาลยั บัณฑิตศึกษาดา้ นการจดั การ มหาวทิ ยาลัยศรีปทุม คณบดีคณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีปทมุ Email:[email protected] บทคัดยอ่ การวจิ ัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค๑เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารโรงเรียนในชมรมผ๎ูบริหารโรงเรียน ฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆมณฑล กรุงเทพ ฯ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) เพื่อเสนอแนะ แนวทางบริหารโรงเรียนในชมรมผ๎ูบริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆมณฑล กรุงเทพ ฯ ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กลํุมประชากรท้งั ส้นิ 1197 คนประกอบด๎วย ผู๎บริหารสถานศึกษา จานวน 72 คน ครู 1125 คน ซ่งึ ผ๎วู ิจยั ได๎กาหนดขนาดของกลํุมตวั อยํางโดยใช๎สูตรของ Krejcie and Morgan (1970) ได๎ ขนาดตัวอยาํ ง คือ ผบู๎ รหิ ารสถานศึกษา จานวน 59 คน และครจู านวน 285 คน เครื่องมอื ทีใ่ ช๎ในการเก็บข๎อมูล คือ แบบสอบถาม วเิ คราะห๑ข๎อมูลโดยใชโ๎ ปรแกรมสาเร็จรปู โดยใชส๎ ถติ ิคาํ เฉลี่ย และ คําเบยี่ งเบนมาตรฐาน ใน การพรรณนาขอ๎ มูล ผลวจิ ัยพบวํา 1.สภาพการบริหารโรงเรียนของกลุํมผ๎ูบริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิคอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ พบวํา ดา๎ นทมี่ ีการปฏิบัติมากที่สุดคือดา๎ นเง่อื นไขคณุ ธรรม รองลงมาคือด๎านความพอประมาณ และน๎อยท่ีสุด คอื ด๎านความมเี หตุผล สภาพการบริหารโรงเรียนของกลํุมผู๎บริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ ในด๎านการบรหิ ารแบบมีสวํ นรวํ มพบวําโดยภาพรวมอยใูํ นระดบั ปานกลาง โดยดา๎ นที่มีคาํ เฉลี่ยสูงสุด คอื ด๎านการมสี วํ นรวํ มในการประเมินผล รองลงมา คือ ด๎าน การมสี ํวนรํวมในการรบั ผลประโยชน๑ และด๎านที่มี คําเฉลยี่ นอ๎ ยท่สี ดุ คอื ดา๎ นการมสี ํวนรํวมในการคิดรเิ รม่ิ 2) ขอ๎ เสนอแนะเชิงบรหิ ารในการบริหารโรงเรียนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียน ในกลํมุ ผบ๎ู รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลกิ อคั รสังฆมณฑลกรงุ เทพฯ ควรมกี ารกาหนดแนวทางในการขบั เคลอื่ น การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 67

หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเฉพาะกลํุม โดยมีการประชุมรํวมกันกาหนดแนวทางหาแผนการปฏิบัติ มี การชํวยเหลือกันระหวํางสมาชิกในกลํุมม สถานศึกษาที่ทาได๎ดีในด๎านไหนก็สามารถแนะนาชํวยเหลือ สถานศึกษาแหงํ อืน่ เพื่อทจ่ี ะพฒั นาอยํางยัง่ ยนื ไปพร๎อมกนั และในแนวทางเดียวกัน และ สํงเสริมและสนับสนุน การให๎โอกาสในการแสดงความคดิ เห็นและตัดสนิ ใจแกํบคุ ลาการทกุ ๆฝุายใหม๎ ากข้ึน คาสาคญั : หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง, การบรหิ ารแบบมสี วํ นรวํ ม, โรงเรยี นฆราวาสคาทอลิก, ชมรมผูบ๎ รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลกิ อคั รสงั ฆมณฑล กรงุ เทพ ฯ ABSTRACT The purposes of this research were 1) to study the state of school management in Club of Catholic Secular School Administrators, Roman Catholic Archdiocese of Bangkok based on sufficiency economy, and 2) to propose the management guidelines for Schools in Club of Catholic Secular School Administrators, Roman Catholic Archdiocese of Bangkok based on sufficiency economy. The research samples consist of 24 schools in the Club, the sample size is calculated by using Krejcie and Morgan equation and 59 school administrators and 285 teachers. A questionnaire was used to collect data from samples. The results were analyzed by using computer software and the statistics was used in the research were mean and standard deviation presented by descriptive data. The research findings are as follows: 1). the management conditions for schools in the club of Catholic Secular School Administrators, Roman Catholic Archdiocese of Bangkok indicates that the overview and each aspect have been applied at a high level. The highest aspect that have been applied was Ethics and Virtues, secondly is Moderation and the least applied was reasonableness. 2) The management recommendations are as follows: meetings must be attended to have a brainstorm, create standard and develop school management into Sufficiency Economy School. Knowledge management is used in schools how to solve problems and obstacles for schools in this club for continuous quality improvement. And to listen to teacher’s opinions and give more involvement to teachers in the making decision process. KEYWORDS: Sufficiency Economy, Participative Management, Catholic Secular School, Club of Catholic Secular School Administrator, Roman Catholic Archdiocese of Bangkok การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 68

บทนา ในสงั คมยุคป๓จจุบันทผ่ี ู๎คนในสงั คมสํวนใหญํให๎คุณคําและความสาคัญกับวัตถุมากกวําคุณคํา ของความดีและพฤติกรรมและคุณธรรมในจิตใจของคน รวมถึงกลไกทางตลาด และ ธุรกิจตํางๆ ท่ีใช๎การ โฆษณาชวนเชอ่ื เป็นการกระต๎ุนให๎เกิดการใชจ๎ ํายเงนิ ซื้อของมากขน้ึ ไมํวําทางใดกท็ างหนงึ่ ประกอบกับการที่คํา ครองชีพในยุคป๓จจุบันเพ่ิมสูงในทุกๆปี แตํรายรับกลับไมํได๎เพ่ิมสูงขึ้นตาม สํงผลให๎เกิดสภาวะหนี้สินใน ครัวเรือนท่ีเพ่ิมสูงขึ้นจน เน่ืองจากหนี้สินเพิ่มแตํรายได๎ไมํเพ่ิมตามรวมถึงความสามารถในการชาระหนี้ก็มี นอ๎ ยลงดว๎ ยเชํนกัน ป๓ญหาในเรื่องของการเพ่ิมสูงข้ึนของหนี้สินในครัวเรือนถือได๎วําเป็นป๓ญหาที่สาคัญและควรได๎รับ ความสาคัญในการแก๎ไขเป็นอันดับต๎นๆเนื่องจากเป็นเรื่องท่ีเก่ียวข๎องโดยตรงกับคุณภาพความเป็นอยูํขอ ง ประชาชนในชาติ ศูนย๑วิจยั กสิกรไทย ธนาคารกสกิ รไทย (2560) ได๎ให๎ขอ๎ มลู ไวว๎ ํา หนี้ครัวเรือนของไทยในสิ้นปี 2558 อยทํู ่ีระดบั 81.2% และปรบั ลดลงมาที่ 79.9 % ผลติ ภณั ฑม๑ วลรวมของประเทศ(GDP) ในชวํ งสนิ้ ปี 2559 ถงึ แมว๎ ําเปอรเ๑ ซนต๑หนส้ี ินในครวั เรือนจะลดลงเลก็ น๎อย แตํในทางทฤษฎกี ็นบั ได๎วาํ ยงั เป็นตวั เลขที่สูงอยํู สถาบัน การวิจัยเศรษฐกิจ ป๋วย อ้ึงภากรณ๑ รํวมกับ ธนาคารแหํงประเทศไทย และ บริษัทข๎อมูลเครดิตแหํงชาติได๎ ทาการศกึ ษาขอ๎ มลู ในเชงิ สถิติเกีย่ วกับหนีส้ ินในครวั เรือนของคนในชาติ พบวาํ “คนไทยเปน็ หนเ้ี รว็ เปน็ หนน้ี าน และเปน็ หนี้มูลคาํ มาก” (วริ ไท สันติประภพ,2560) ป๓ญหาเหลาํ นี้สามารถได๎รบั การบรรเทาหรือแก๎ไขโดยอาศัยหลกั ปรัชญาท่ีเรียบงํายและสามารถปฏิบัติ ได๎จรงิ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ซ่ึงทํานได๎ทรงพร่าสอนและทรงเป็น แบบอยาํ งแหงํ ความพอเพียงให๎แกํพสกนิกรณ๑ชาวไทย มายาวนานกวํา 30 ปี ทรงสอนให๎ประชาชน “พออยํู พอกิน พอใช๎ พ่ึงตนเองกํอน” ไมํหลงไปกับกระแสวัตถุนิยมและส่ิงยั่วยุตํางๆ ให๎รู๎จักเตรียมพร๎อมรับมือกับ ความเปลยี่ นแปลงทีเ่ กิดขน้ึ อยํตู ลอด ดังพระราชดารัสของทํานท่ีได๎ทรงตรัสไว๎วํา “ คนอ่ืนจะวําอยํางไรก็ชําง เขา จะวาํ เมอื งไทยลา๎ สมยั วําเมืองไทยเชย วาํ เมืองไทยไมํมสี ิง่ ท่ีสมัยใหมํ แตํเราอยํูพอมีพอกินและให๎ทุกคนมี ความปรารถนาทีจ่ ะให๎เมืองไทยพออยํพู อกิน มีความสงบ และ ทางานต้ังจิตอธิษฐานตั้งปณิธานในทางที่ทาให๎ เมอื งไทยอยแํู บบพออยพํู อกนิ มคี วามสงบเปรียบเทียบกบั ประเทศอืน่ ๆ ถ๎าเรารักความพออยูํพอกินนี้ได๎ เราก็ จะยอดยิ่งยวดได๎…” พระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช รัชกาลที่ 9 ณ ศาลา ดสุ ติ ดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ิต เม่อื วันพธุ ท่ี 4 ธนั วาคม 2517 (อภิชยั พันธเสน,2544) การบริหารโรงเรียนโดยการขบั เคลือ่ นหลักของเศรษฐกจิ พอเพยี งสูํสถานศึกษานน้ั ต๎องเนน๎ ในเรื่องของ การปลกู ฝ๓งหลกั แนวคิดความเข๎าใจในการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช๎ในการดาเนินชีวิต อยํางเหมาะสมไมํมากและไมนํ อ๎ ยจนเกนิ พอดี อยบูํ นทางสายกลางของคาวําพอประมาณ มเี หตุผล ควบคไํู ปกบั คุณธรรมในสงั คม ดงั นน้ั สถานศึกษาเป็นองค๑กรท่ีสามารถดาเนินไปโดยการบริหารของผู๎บริหารสถานศึกษา และ ครู ซึ่งเปน็ บคุ คลสาคญั ที่เป็นแกนนาในการสํงตอํ ความรค๎ู วามเข๎าใจที่ถูกต๎องชัดเจนเกี่ยวกับหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ทางสถานศึกษาควรสงํ เสริมและสนับสนนุ ให๎ครูมีความรู๎ ความเข๎าใจอยํางถํ องแท๎กํอน ครจู ะเป็นแบบอยาํ งทดี่ ใี ห๎แกเํ ด็กได๎นัน้ ครจู ะตอ๎ งสอนให๎เด็กรู๎จักพอกํอน โดยอยูํอยํางพอเพียง และเรียนรู๎ไป พร๎อมกับนักเรยี น มสี ติในการรบั ขอ๎ มูลตาํ งๆ รวมถงึ คดั กรองเพอ่ื ทจี่ ะนาความรเู๎ หลาํ นั้นมาตํอยอด หมั่นศึกษา การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 69

เพิ่มพนุ ความรู๎อยํางเป็นขน้ั ตอน ประเมนิ ความร๎ู และ สถานการณ๑เพ่ือเตรียมพร๎อมรับมือกับความเปลย่ี นแปลง อยาํ งรอบคอบและระมัดระวัง (ปรียานุช พิบูลสราวุธ , 2549) ในฐานะที่กลุํมโรงเรียนในชมรมผ๎บู ริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑลกรุงเทพฯเป็นหนึ่ง ในองค๑กรทางการศึกษาซงึ่ ตอ๎ งการทช่ี ํวยเปน็ หนึ่งในกลไกท่สี าคัญทีจ่ ะสามารถชํวยแบํงเบาและชวํ ยแกไ๎ ขปญ๓ หา ทีเ่ กดิ ข้ึนในป๓จจุบนั ปูองกนั ปญ๓ หาตาํ งๆทจ่ี ะตามมาโดยการการปลูกฝง๓ และนอ๎ มนาหลักของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถบูรณาการสอดแทรกเข๎าไปในหลักสูตรของสถานศึกษาแตํละแหํงในรูปแบบท่ีแตกตํางกันขึ้นอยูํกับ สภาพในดา๎ นตํางๆของแตลํ ะสถานศึกษา เชํนการบรู ณาการเขา๎ กับวชิ าตาํ งๆ หรอื กจิ กรรมภายในโรงเรียนเพ่ือ ในผูเ๎ รียนเกิดความค๎ุนชินและร๎ูสึกใกล๎ชิดกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซ่ึงจะนาไปสํูการยอมรับและ นาไปปรับใช๎กับการดาเนินชีวิตของตนเองได๎อยํางเข๎าใจและมีความภาคภูมิใจที่ได๎เดินตามรอยขอ ง พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (รชั กาลที่ 9) ดงั นั้นผ๎ูวจิ ยั จึงเหน็ วาํ เปน็ สงิ่ สาคัญทจี่ ะแก๎ปญ๓ หาด๎านหนส้ี นิ ของคนในชมุ ชนโดยการใช๎หลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ เครอ่ื งมือหลกั ในการดาเนินการในครั้งนี้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจัย 1. เพื่อศึกษาสภาพการบริหารโรงเรียนในชมรมผ๎ูบริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆมณฑล กรุงเทพ ฯ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. เพือ่ เสนอแนะแนวทางบริหารในการบรหิ ารของโรงเรียนในชมรมผู๎บริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆมณฑล กรงุ เทพ ฯ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 70

กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย สภาพการบริหารจดั การโรงเรยี น การบริหารโรงเรยี นตามหลักปรชั ญา - ด้านวิชาการ เศรษฐกิจพอเพยี ง ทงั้ 5 ดา้ น - ดา้ นงบประมาณ 1.ดา้ นการบรหิ ารจัดการศกึ ษา - ดา้ นบคุ คล 2.ดา้ นหลกั สูตรและการจดั การเรียนการ - ดา้ นทั่วไป สอน 3.ด้านการจดั กจิ กรรมและพัฒนาผู้เรยี น หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข 4.ดา้ นการพัฒนาบคุ ลากรตามหลกั 1.พอประมาณ 2.มเี หตุผล 3.มภี มู คิ ุ้มกัน ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.เงอ่ื นไขความรู้ 2.เงอ่ื นไขคณุ ธรรม 5.ด้านผลลพั ธ์/ภาพความสาเร็จ แนวคดิ การบรหิ ารงานแบบมสี ่วนรว่ ม -รว่ มคดิ รเิ รม่ิ -ร่วมวางแผน -รว่ มดาเนนิ การ -ร่วมรับผลประโยชน์ -ร่วมประเมนิ ผล กรอบแนวคดิ ศึกษาจากแนวคิดของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรามหาภูมิพลอดลุ ยเดชในเรอื่ งหลักปรัชญาของ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง การบรหิ ารแบบมีสํวนรวํ มเปน็ การสงั เคราะหแ๑ นวคดิ ของกรมสามญั ศกึ ษา(2543) และ Cohen and Uphoff (1977) และ การบรหิ ารงาน 4 ด๎าน จากแนวคดิ ของสานักบรหิ ารคณะกรรมการ สํงเสรมิ การศกึ ษาเอกชน (2548) ประโยชน์ที่ไดร้ ับ 1 .เพอื่ ใหผ๎ ู๎บริหารของโรงเรียนในชมรมผูบ๎ รหิ ารฆราวาสคาทอลิก อคั รสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ รถู๎ ึงสภาพการ ดาเนินการบรหิ ารโรงเรยี นตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 71

2. เพ่ือให๎ไดแ๎ นวทางไปใช๎ในการบรหิ ารจดั การโรงเรียนในชมรมผ๎บู รหิ ารฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑล กรงุ เทพฯตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งใหม๎ ีประสทิ ธิภาพมากขึ้น วิธีดาเนนิ การวจิ ัย การวิจัยครงั้ น้ี เป็นการวจิ ยั เชงิ ปริมาณ (Quantitative Research) ใชว๎ ิธเี กบ็ ขอ๎ มลู เชิงปรมิ าณโดยใช๎ แบบสอบถาม ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ประชากรทใ่ี ช๎ในการวิจัยคร้งั นี้ ได๎แกํ โรงเรยี นในชมรมผ๎บู รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ จานวน 24 โรงเรียน ผบ๎ู ริหารสถานศึกษาชมรมผบ๎ู รหิ ารโรงเรียนฆราวาสคาทอลกิ อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ จานวน 72 คน และครขู องสถานศึกษาในชมรมผบู๎ รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ จานวน 1125 คน กลํมุ ตวั อยํางที่ใชใ๎ นการวิจยั ครง้ั น้ี ไดแ๎ กํ โรงเรียนในชมรมผบู๎ รหิ ารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ จานวน 24 โรงเรยี น ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษาชมรมผบู๎ รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลกิ อคั รสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ จานวน 59 คน และครูของสถานศกึ ษาในชมรมผบ๎ู รหิ ารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ จานวน 285 คน ซงึ่ กาหนดขนาดตวั อยําง โดยการเปดิ ตารางของเครจซแี่ ละมอร๑แกน (Krejcie & Morgan 1970, pp.607-610) และมีการสุํมตวั อยํางแบบเจาะจง เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการวิจัย เครือ่ งมือท่ใี ช๎ในการวจิ ยั คือ แบบสอบถาม ซึง่ ในแบบสอบถามแบงํ ออกเปน็ 3 ตอน ตอนท่ี 1 แบบสอบถามข๎อมลู พืน้ ฐานของผต๎ู อบแบบสอบถาม ได๎แกํ เพศ อายุ อายุการทางาน ตาแหนํง และ ระดับการศกึ ษา โดยใช๎แบบสารวจแบบ Check list ตอนท่ี 2 แบบสอบถามสภาพการดาเนินการและการมสี ํวนรวํ มโรงเรยี นตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียงในโรงเรียน ชมรมผ๎บู ริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลกิ อคั รสงั ฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยใชแ๎ บบสอบถามแบบมาตรประมาณคํา (Rating scale) 5 ระดับ ตอนที่ 3 สอบถามข๎อเสนอแนะแนวทางการบริหารโรงเรียนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนชมรม ผ๎ูบรหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลิก อคั รสงั ฆมณฑลกรุงเทพฯ ด๎วยคาถามปลายเปิด การวเิ คราะหข์ ้อมูล ผูว๎ ิจัยทาการวเิ คราะห๑ขอ๎ มลู ดว๎ ยโปรแกรมทางสถิติ โดยมีขั้นตอนดงั นี้ 1. วเิ คราะห๑ขอ๎ มลู พืน้ ฐานของผูต๎ อบแบบสอบถาม โดยใช๎สถติ เิ ชงิ พรรณนา เพ่อื แจกแจงความถแ่ี ละหา คํารอ๎ ยละ 2. วิเคราะห๑สภาพการบรหิ ารโรงเรยี นตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในโรงเรียนชมรมผู๎บริหารโรงเรยี น ฆราวาสคาทอลกิ อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ ในแบบสอบถามตอนที่ 2 โดยใช๎วธิ กี ารหาคําเฉล่ียและสํวน เบ่ียงเบนมาตรฐาน Standard Deviation (S.D.) การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 72

3. วิเคราะหข๑ อ๎ เสนอแนะเพ่ิมเติม ซ่ึงเป็นคาถามปลายเปิด ดว๎ ยเทคนิคการวเิ คราะห๑เนอื้ หา (Content analysis) สรุปผลการวจิ ัยและอภิปรายผล สภาพการบริหารโรงเรยี นในกลุม่ ผบู้ ริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯตาม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากการศึกษาสภาพการบริหารโรงเรียนในกลํุมผ๎ูบริหารโรงเรีย นฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑล กรงุ เทพฯตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผู๎วจิ ัยไดข๎ ๎อมูลจากการตอบแบบสอบถามของผ๎ูบริหาร และ ครู จากทั้งหมด 24 โรงเรียน สรปุ ได๎ดงั น้ี ดา้ นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง องค๑ประกอบท่ี 1 หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในด๎านความพอประมาณ พบวําในเรื่องของการ สนบั สนุนใหผ๎ เ๎ู รยี นมีสวํ นรวํ มในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนที่บรู ณาการหลกั ปรชั ญาขอเศรษฐกจิ พอเพียง สอดแทรกเข๎าไปมีคําเฉลี่ยมากที่สุดอยํูที่ 4.16 รองลงมา คือ การมีนโยบายในการน๎อ มนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนในสถานศึกษาและในแผนปฏิบัติงานประจาปีมีคําเฉล่ียอยูํท่ี 4.12 และ สถานศึกษามีการวางแผนการบริหารจัดการงบประมาณของสถานศึกษาอยํางเหมาะสม และ พอเพียงมี คาํ เฉล่ียทน่ี อ๎ ยสดุ อยทํู ี่ 4.07 สรปุ ไดว๎ าํ แตลํ ะสถานศึกษาในกลุํมนี้มีการปฏิบัติในด๎านน้ีในระดับท่ีมากและน๎อย ไมํเทํากนั แตผํ ลรวมในการปฏิบัตกิ ็อยใํู นระดับมากท้งั 3 ขอ๎ เพราะฉะน้ันหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในดา๎ นความพอประมาณนั้น มีการปฏบิ ตั ใิ นระดบั มากและไปในทางเดยี วกนั เกือบท้ังกลํุม สถานศึกษาทุกแหํง ในกลํมุ ผูบ๎ รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลิกอัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ มีนโยบายท่ีจะนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปปรบั ใชใ๎ นแผนปฏบิ ตั งิ านประจาตามทก่ี ระทรวงศึกษาธิการไดก๎ าหนดไว๎ องค๑ประกอบที่ 2 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านความมีเหตุผล พบวําในเรื่องของการ ดาเนนิ การตามนโยบายและแผนปฏบิ ัติการประจาปีท่นี ๎อมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคล่ือน ในสถานศึกษามีคําเฉลยี่ อยูํท่ี 4.13 ซง่ึ มากท่ีสดุ ในด๎านนี้ การสนับสนุนให๎มีการติดตามผลการดาเนินการและ แผนการปฏิบัติประจาปตี ามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง และ การจัดหาส่ือและแหลํงเรียนรู๎ มีคําเฉล่ียรองลงมาท่ี 4.05 เทํากนั ทั้งสองข๎อ และการมรี ะบบในการติดตามประเมนิ ผล เพ่ือพัฒนาและปรับปรุงการบริหารจัดการ งบประมาณของสถานศกึ ษามคี าํ เฉลี่ยนอ๎ ยทีส่ ุดอยูทํ ่ี 4.00 สรปุ ได๎วํา ในด๎านของความมีเหตุผล ทุกสถานศึกษา มรี ะบบระเบยี บในการวางแผนทจ่ี ะสอดแทรกหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและนาไปดาเนนิ การโดยมกี าร ตดิ ตามประเมนิ ผลเพ่ือนาไปพฒั นาในกิจกรรมหรอื โครงการตอํ ๆไป องค๑ประกอบที่ 3 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านการมีภูมิคุ๎มกัน พบวํามีการสํงเสริม และสนนั สนนุ ให๎มีการสงํ ครูและบคุ ลากรไปอบรมเพื่อเพ่ิมพูนความร๎ูเกี่ยวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการสร๎างภูมิคุม๎ กันในการดาเนินชวี ติ มีคาํ เฉลยี่ สงู ทสี่ ดุ อยูทํ ี่ 4.30 ในเร่ืองของการสํงเสริมให๎มแี ผนงานใน การบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านวิชาการ และ หลักสูตรการเรียนการสอนมีคําเฉลี่ย รองลงมาอยํูท่ี 4.15 และ การสนบั สนนุ ใหน๎ าผลการติดตามของแผนงานโครงการ หรือ นโยบายมาขับเคล่ือน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มคี าํ เฉลีย่ น๎อยทส่ี ดุ อยูํ 4.03 โดยทุกๆข๎อมีการปฏิบัติอยูํในระดับมาก และ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 73

คําเบ่ยี งเบนมาตรฐานอยูํในระดับท่ีไมสํ งู นกั ยกเวน๎ ข๎อท่วี าํ มีการสํงเสริมให๎มีกิจกรรมการแนะแนวผู๎เรียนให๎มี การวางแผนชวี ติ ตนเองอยํางมคี ุณภาพที่การปฏิบตั ิอยํใู นระดับดแี ตํคําเบี่ยงเบนมาตรฐานในข๎อน้คี อื 0.80 ซึ่งสูง กวําข๎ออ่ืนๆ สรุปได๎วําในสถานศึกษาบางแหํงมีการสนับสนุนให๎มีกิจกรรมการแนะแนวให๎ผู๎เรียนมีการวาง แผนการดาเนนิ ชวี ติ อยํางมีคุณภาพของผู๎เรียนยังมีอยูํในระดับน๎อยอยูํ สํวนใน 3 ข๎อที่เหลือมีการปฏิบัติได๎ใน ระดับที่ดีอยแูํ ล๎ว องค๑ประกอบท่ี 4 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านเงื่อนไขด๎านความรู๎ จากผลการคานวณ ทางดา๎ นสถติ ิจากผ๎ตู อบแบบสอบถามพบวํา การสํงเสริมใหม๎ ีแผนการจดั การเรยี นรทู๎ ่บี ูรณาการหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งลงไปในทุกกลมํุ สาระการเรียนร๎ูมีคําเฉล่ียมากที่สุดอยูํท่ี 4.80 มีการปฏิบัติอยูํในระดับมาก รองลงมาคอื สถานศึกษามกี ารจดั ทาเอกสารเผยแพรใํ ห๎ครู บุคลากร และ ผ๎ูเรียนมีความรู๎ความเข๎าใจเกี่ยวกับ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งนนั้ การปฏบิ ตั ิอยํใู นระดับปานกลางและมคี าํ เฉล่ยี อยํูที่ 3.96 มกี ารปฏบิ ตั อิ ยูํ ในระดับกลาง สรุปได๎วําโรงเรียนในกลุํมผู๎บริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯมีการ สนบั สนุนให๎ความรู๎เก่ียวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแกํ ครู ผู๎เรียน ในระดับท่ีดี สํวนการเผยแพรํ เอกสารเพ่ือใหค๎ วามรเู๎ พิ่มเติมแกคํ รแู ละทุกๆฝุายนน้ั สามารถปรับปรุงเพ่ิมเติมให๎มากขนึ้ ได๎ องค๑ประกอบท่ี 5 หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด๎านเงื่อนไขด๎านคุณธรรม พบวําสถานศึกษา ได๎มีการจัดกิจกรรมในการปลูกจิตสานึกให๎ผู๎เรียนมีจิตอาสา และ มีสํวนรํวมในกิจกรรมเพ่ือสังคม และ สาธารณประโยชนม๑ คี ําเฉล่ยี สงู ทส่ี ดุ อยทูํ ่ี 4.28 อนั ดบั รองลงมาคอื การสงํ เสรมิ ให๎บคุ ลากรเขา๎ รวํ มกิจกรรมทาง ศาสนา สังคม และ วัฒนธรรม รํวมกับชุมชนโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแล ะสามารถเป็น แบบอยํางทดี่ ีแกํผ๎ูอ่ืนได๎มีคําเฉลี่ยอยูํท่ี 4.15 และ การบริหารโดยอาศัยหลักธรรมาภิบาล ให๎ความเป็นธรรม ความเสมอภาคกับบุคลากรในองค๑กรและกล๎ายืนหยัดในส่ิงที่ถูกต๎องมีคําเฉล่ียน๎อยท่ีสุดอยูํท่ี 4.09 ทุกข๎อท่ี กลําวมาขา๎ งตน๎ มีการปฏบิ ัตอิ ยูํในระดบั มาก ดงั นน้ั สถานศึกษาทุกแหํงมีการเน๎นการใช๎คุณธรรมในการปฏิบัติ ตอํ เพ่ือนรํวมงานอยใูํ นเกณฑท๑ ดี่ ีมาก ดา้ นการบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม องค๑ประกอบที่ 1 การบริหารงานแบบมีสํวนรํวม การมีสํวนรํวมในการคิดริเริ่ม พบวําการจัดการ ประชุมรํวมกันเพื่อการกาหนดเปูาวัตถุประสงค๑ของสถานศึกษาน้ันดังนั้น การปฏิบัติอยํูในระดับมากและมี คําเฉลี่ยสูงสุดที่ 4.01 มีการปฏิบัติอยูํในระดับมาก รองลงมาคือการระดมความคิดและแสดงความเห็นใน โครงการหรอื กิจกรรมนนั้ ๆคําเฉล่ียคอื 3.93 และน๎อยท่ีสุดคือ มกี ารจดั ต้ังคณะกรรมการดา๎ นเศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื วางแผน กาหนดเปูาหมาย เกณฑ๑การปฏิบัติ มคี าํ เฉลยี่ อยทํู ี่ 3.84 ทั้งสองข๎อมีการปฏิบตั ใิ นระดับปานกลาง และเน่ืองจากคําเบ่ียงเบนมาตรฐานออกมาคํอนข๎างสูง จึงสามารถสรุปได๎วํา ในสถานศึกษาบางแหํงน้ัน ครู หรอื บุคลากรทางการศกึ ษา มโี อกาสในการรวํ มวางแผนและแสดงความเหน็ น๎อยกวําที่ควร ดังน้ันสถานศึกษา ควรท่จี ะพฒั นาปรับปรงุ ข๎อใหม๎ ีการปฏบิ ตั ทิ ีม่ ากขึ้น แตใํ นสํวนอื่นๆน้นั ปฏิบตั ิกันไดใ๎ นระดบั ทดี่ ี องค๑ประกอบท่ี 2 การบริหารงานแบบมีสํวนรํวม การมีสํวนรํวมในการตัดสินใจ พบวําการมีสํวน เกยี่ วข๎องในการตัดสนิ ใจเลอื กโครงการ งาน กิจกรรม ของสถานศึกษามคี ําเฉล่ียอยูํที่สูงทส่ี ดุ ท่ี 3.97 และ การมี สํวนเก่ยี วขอ๎ งกบั การตดั สนิ ใจระหวาํ งทีม่ กี ารดาเนนิ งานของสถานศกึ ษามคี ําเฉลยี่ รองลงมาที่ 3.87 มรี ะดบั การ ปฏบิ ตั อิ ยใํู นระดับปานกลาง แตํเนอ่ื งจากคาํ เบี่ยงเบนมาตรฐานของทั้งสองข๎อน้ันสูงพอสมควรตามลาดับดังน้ี การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 74

0.97 และ 0.98 สรุปได๎วํา สถานศกึ ษาบางแหงํ มกี ารใหโ๎ อกาสการมสี วํ นรํวมแกํครแู ละบุคลากรพอสมควร แตํ ในหลายๆแหํงก็ยังให๎โอกาสในการมีสํวนรํวมกับบุคลากรในการตัดสินใจในเร่ืองการจัดกิจกรรมตํางๆอยูํใน เกณฑ๑ทน่ี อ๎ ยจนเกนิ ไป องคป๑ ระกอบที่ 3 การบรหิ ารงานแบบมสี ํวนรํวม การมีสวํ นรวํ มในการดาเนินการ พบวําในด๎านการมี ความเห็นชอบและพรอ๎ มให๎ความชวํ ยเหลือสนับสนนุ ในงานของสถานศกึ ษามคี าํ เฉลีย่ สูงทส่ี ุดที่ 4.27 รองลงมา คือ การมสี ํวนรวํ มในการดาเนินการในเรอ่ื งการสนับสนนุ งานในสถานศกึ ษาอยํางเตม็ ใจและเตม็ ความสามารถมี คาํ เฉล่ียเทาํ กับ 4.13 และ สถานศึกษามกี ารจดั กิจกรรมแนะแนวผเู๎ รียนให๎รจู๎ ักวางแผนชีวิตตนเองให๎สองคล๎อง กับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีคาํ เฉลี่ยต่าท่ีสุดอยูํที่ 4.02 ทุกข๎อคาถามที่กลําวมาข๎างต๎นนั้นมีระดับ การปฏิบัติอยํูในระดับมาก ยกเว๎นข๎อคาถามท่ีพูดถึงการมีสํวนรํวมในการสนับสนุนงบประมาณบุคลากร แรงงาน สถานท่ี ในการดาเนนิ การของสถานศกึ ษา มีการปฏิบตั อิ ยใํู นระดับกลาง คาํ เฉลย่ี เทาํ กบั 3.58 และคาํ เบ่ียงเบนมาตรฐานคือ 1.18 ซง่ึ อยูใํ นระดับสูงมาก ดังนั้นจึงสรุปได๎วํา การสนับสนุนให๎ครูมีสํวนเกี่ยวข๎องด๎าน งบประมาณนน้ั มีการปฏิบัติในสถานศกึ ษาได๎น๎อยเนื่องจากการอานาจในการตดั สนิ ใจเรื่องงบประมาณสวํ นใหญํ เป็นของผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษานั่นเอง องค๑ประกอบท่ี 4 การบรหิ ารงานแบบมสี วํ นรวํ ม การมสี ํวนรวํ มในการรบั ผลประโยชน๑ พบวาํ ผบู๎ รหิ าร และ ครูได๎รับการยกยํองชมเชยเมื่อดาเนินงานตํางๆได๎สาเร็จมีคําเฉลี่ยสูงท่ีสุดท่ี 4.12 รองลงมาคือ มีการ ชวํ ยเหลอื รวํ มมอื กันแกป๎ ๓ญหาท่ีเกิดข้ึนมีคําเฉล่ีย คือ 4.12 และทุกๆฝุายตํางยอมรับข๎อผิดพลาด และ รับฟ๓ง ขอ๎ เสนอแนะในผลการดาเนินงานของโรงเรยี นมคี ําเฉล่ยี นอ๎ ยที่สดุ ที่ 4.08 สรปุ ได๎วําทุกสถาบันการศึกษามีการ ปฏิบัติในระดับมากในทุกๆข๎อคาถาม ซ่ึงแสดงให๎เห็นถึงการทางานและความรํวมมือรํวมใจของคนใน สถานศกึ ษาทตี่ ๎องการใหส๎ ถานศกึ ษาดาเนินการไปได๎อยํางดี องคป๑ ระกอบที่ 5 การบรหิ ารงานแบบมสี วํ นรวํ ม การมีสวํ นรวํ มในการประเมินผล พบวาํ มีการรวํ มกัน ประชุมวางแผนและติดตามประเมินผลการดาเนินงานของสถานศึกษาของระกวํางผู๎บริหารและคณะครู มี คําเฉล่ียสูงที่สุดอยํูท่ี 4.21 อับดับตํอมาคือ ผู๎บริหาร ครู และสถานศึกษามีการเผยแพรํผลการประเมินการ ดาเนินงานให๎ทกุ ฝาุ ยร๎ูมคี ําเฉลี่ยเทํากับ 4.14 และสถานศกึ ษามีการเผยแพรํผลการประเมินการดาเนินงานให๎ บุคคลกรทุกฝุายรับร๎ูเพ่ือพัฒนากระบวนการดาเนินงาน มีคําเฉล่ี ยน๎อยที่สุดอยํูท่ี 4.05 การปฏิบัติในทุก องค๑ประกอบน้ันอยูใํ นระดับมาก หมายถึง บุคลากรทุกคนในสถานศึกษามสี ํวนรํวมในการประเมินผลโครงการ/ กจิ กรรมภายในสถานศึกษาทีต่ นมสี วํ นรวํ มในการดาเนนิ การอยํางดี จากขอ๎ คาถามทกุ ข๎อที่กลําวมา แสดงให๎เห็นวําการมีสํวนรํวมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ น๎อมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสํสู ถานศึกษาสํวนใหญํอยํูในระดับมาก สํวนด๎านที่ต๎องปรับปรุงคือ การวางแผนและการแสดงความคิดเหน็ ของบคุ ลากรทุกฝาุ ยควรเปดิ โอกาสให๎มสี ํวนรวํ มมากกวํานแี้ ละเป็นไปใน แนวทางเดียวกันทั้งกลุํม สํวนในด๎านที่ดีอยูํแล๎วเชํนกันการรํวมกันวางแผน รํวมรับผลประโยชน๑และการ ประเมินผลน้ันก็สามารถปรับปรุงหาแนวทางพัฒนาให๎ดีขึ้นไปอีกได๎เชํนกัน การที่สถานศึกษาต๎องการท่ีจะ ขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษาน้ันสถานศึกษาแหํงน้ันจาเป็นต๎องมีการน๎อมนาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขบั เคล่ือนในสถานศกึ ษาและบูรณาการในแผนงานประจาปี มกี ารวางแผนการ จัดกิจกรรมทีส่ งํ เสรมิ ใหค๎ วามร๎ูในเรอ่ื งของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงสอดแทรกไปในหลกั สตู รการเรียนการสอน การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 75

สงํ เสรมิ ใหท๎ กุ ๆฝาุ ยมีจติ อาสา ทาเพ่อื สาธารณประโยชน๑ มีการประเมินและติดตามผลการจัดกจิ กรรมเพอ่ื นาไป พัฒนาให๎การกจิ กรรมมปี ระสิทธภิ าพมากข้นึ ในครั้งตอํ ไป(เกณฑ๑ประเมนิ สถานศึกษาแบบอยาํ งการจัดกิจกรรม การเรยี นรู๎และการบรหิ ารจดั การตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปี 2554 – 2556) การอภปิ รายผล การอภิปรายผลการวจิ ัยครง้ั นผ้ี ูว๎ จิ ยั กลาํ วถึงประเด็นสาคัญ จากการค๎นพบในการวิจัยตามจุดมํุงหมาย ของการวิจัย กรอบความคิดการวจิ ยั ดังรายละเอียดตอํ ไปน้ี วัตถุประสงคข์ ้อที่ 1 จากการศึกษาสภาพการบริหารความพอเพียงสูํสถานศึกษา การบริหารโรงเรียนในชมรมผ๎ูบริหาร โรงเรียนฆราวาสคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทั้งรายด๎านและ รายขอ๎ ในรายดา๎ นของความพอประมาณ พบวํามกี ารปฏิบตั อิ ยูํในระดบั มากสองคลอ๎ งกบั การศึกษาของ สัญญา จารจุ ินดา (2551) ทีไ่ ด๎ทาวิจัยเร่ืองแนวทางการบรหิ ารจดั การนอ๎ มนาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสูํการปฏิบัติใน โรงเรียนประถมศึกษา อาเภอขุนยาม จังหวัดแมํฮํองสอน และ โสภณ เรืองฤทธิ์ (2554) ได๎ทาวิจัยเร่ืองการ ดาเนินงานตามยทุ ธศาสตรแ๑ นวทางกาขับเคล่อื นแนวทางของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงสํูสถานศึกษาในอาเภอ ปลาปาก จังหวัดนครพนม ซึ่งมีคําเฉล่ียในการปฏิบัติในห๎วข๎อการมีนโยบายในการน๎อมนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงมาขับเคล่ือนในสถานศึกษาและบูรณาการในแผนการปฏิบัติงานประจาปีอยูํในระดับมาก และสถานศึกษามีการสนับสนุนให๎ผู๎เรียนมีสํวนรํวมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่บูรณาการหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งอยูํในระดบั มากเชนํ กัน ดังนนั้ โรงเรยี นในชมรมผบู๎ รหิ ารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯมีการปฏิบัติด๎านความพอประมาณในระดับมากท้ังภาพรวมและจาแนกรายด๎าน ดังกลําว จากการศึกษาในด๎านของความมเี หตุผลในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นแสดงผลวิจัยและมี ความสอดคล๎องในรายข๎อกับ กาธร ทาเวียง (2553) ทไ่ี ดท๎ าวิจัยเรือ่ งการขับเคลอ่ื นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสํู สถานศกึ ษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ในการมีการสนับสนุนให๎มีการ ติดตามผลการดาเนินการตามนโยบายและแผนการปฏิบัตงานประจา ปีที่น๎อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาขบั เคล่ือนในสถานศกึ ษาอยูใํ นระดบั มากเหมือนกัน จากการศึกษาในด๎านมีภูมิค๎ุมกันที่ดี มีความสอดคล๎องในรายข๎อในกับ กาธร ทาเวียง (2553) ที่ได๎ ศึกษาวิจัยเรื่องการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ื นท่ีการศึกษา ประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ในหัวข๎อท่ีมีการสนับสนุนให๎การนาผลการติดตามพัฒนานโยบาย/แผนงาน/ โครงการ มาขับเคล่ือนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษามีการปฏิบัติสองคล๎องกันในระดับ มากเหมอื นกัน รวมถงึ ในหัวข๎อมีแผนาน/โครงการ/กิจกรรม ดา๎ นวชิ าการทสี่ ํงเสรมิ บูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสํูการเรียนการสอน และการสํงสริมให๎มีการจัดอบรมครู บุคลากร และ ผ๎ูเรียน เพ่ือสร๎าง ภูมิค๎มุ กันในการดาเนินชีวิต ก็อยํูในระดับมากเหมือนกันทั้งสามข๎อ สรุปได๎วําในด๎านการมีภูมิค๎ุมกันที่ดีมีการ ดาเนนิ การอยูํในระดับท่ดี ี จากการศึกษาในดา๎ นความร๎ขู องหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง พบวาํ มกี ารปฏิบตั อิ ยใํู นระดบั มาก สองคล๎องกบั การศกึ ษาของกาธร ทาเวียง (2553) ท่ีได๎ทาวิจัยเรื่องการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสูํ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 76

สถานศกึ ษาสังกัดสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 และ สัญญา จารุจินดา (2551) ท่ี ได๎ทาวิจยั เร่ืองแนวทางการบริหารจดั การนอ๎ มนาแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี งสํูการปฏิบัติในโรงเรียประถมศึกษา อาเภอขุนยาม จังหวัดแมฮํ ํองสอน ในหัวข๎อการสงํ เสริมให๎มแี ผนการจัดการเรียนรทู๎ บี่ ูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงลงไปในทกุ กลมุํ สาระการเรียนร๎ู จากการศึกษาในดา๎ นคุณธรรมของหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มีความสอดคล๎องในรายข๎อกับ การศึกษาของ กาธร ทาเวียง (2553) ที่ได๎ทาวิจัยเรื่องการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ในหัวข๎อการสนับ สนุนให๎มีกิจกรรมปลูก จิตสานึกให๎ผ๎เู รียนมจี ิตอาสาและมสี วํ นรวํ มในกจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน๑อยใํู นระดบั มาก จากการศึกษาการบรหิ ารความพอเพียงสูํสถานศึกษาการบริหารโรงเรียนในชมรมผู๎บริหารโรงเรียน ฆราวาสคาทอลิกอคั รสังฆมณฑลกรงุ เทพฯตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช๎การบริหารแบบมีสํวน รวํ มทัง้ 5 ดา๎ น (การมสี ํวนรํวมในการคดิ รเิ ร่ิม ,การมสี วํ นรํวมในการตดั สินใจ, การมีสวํ นรํวมในการดาเนินการ, การมสี ํวนรํวมในการรบั ผลประโยชน๑ และ กีมสี วํ นรวํ มในการประเมนิ ผล) มีความสอดคล๎องและความแตกตําง กบั การศึกษาของผูว๎ ิจยั ทาํ นอืน่ ดังน้ี ในดา๎ นของการมสี ํวนรวํ มในการคดิ ริเร่ิม มีความสอดคล๎องในรายข๎อกับการศึกษาของ กานต๑ชนิต ต๏ะ นยั (2551) ทีไ่ ด๎ทาวจิ ัยเรอื่ งการน๎อมนาแนวเศรษฐกิจพอเพียงสูก๎ ารปฏิบัติในโรงเรียนบ๎านเทอดไท อาเภอแมํ ฟูาหลวง จังหวัดเชียงราย ในระดับปานกลางในหัวข๎อ สถานศึกษามีการจัดตั้งคณะกรรมการด๎านเศรษฐกิจ พอเพียงเพือ่ วางแผนกาหนดเปูาหมายเกณฑก๑ ารปฏบิ ตั ิ อยํูในระดับปานกลาง ดังนั้นในด๎านของการมีสํวนเร่ิม ในการคิดริเริม่ ของสถานศึกษาสํวนใหญํอยรํู ะดบั ทีไ่ มํสูงเทาํ ไหรํ ในดา๎ นของการมสี ํวนรํวมในการดาเนินการ มีความสอดคล๎องในรายข๎อกับการศึกษาของ กันยา ลาด ปะละ (2553) ทีไ่ ดท๎ าการวิจยั เรือ่ ง การประเมินโครงการการขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษา ของสานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาลาปางเขต 1 ในหัวข๎อสถานศึกษามีการจัดกิจกรรมแนะแนวผ๎ูเรียนให๎ร๎ูจัก วางแผนชีวิตตนเองให๎สอดคล๎องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อยูํในระดับมาก และในร ายข๎อที่มีการ ประยุกต๑ใช๎ภูมิป๓ญญาท๎องถิ่น/วัฒนธรรม/หลักคาสอนทางศาสนาในการจัดกิจกรรมนักเรียนตามหลักของ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และ มีกิจกรรมเพอื่ สํงเสรมิ สนับสนนุ ใหผ๎ ูเ๎ รียนเกิดจิตอาสาและมสี วํ นรวํ มในกจิ กรรม เพอ่ื สงั คมตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มกี ารปฏบิ ัติอยใูํ นระดับมากสอดคล๎องกับการศึกษาวิจัยของ กาธร ทาเวียง (2553) ที่ไดท๎ าวจิ ยั เรอ่ื งการขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสูํสถานศึกษาสังกัดสานักงาน เขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 สรุปได๎วําการมีสํวนรํวมในการดาเนินการตํางๆของครูและ ผู๎บริหารมปี ฏิบตั ใิ นระดับมากสอดคล๎องกับสถานศึกษาในกลมุํ อ่นื ในดา๎ นของการมีสํวนรํวมในการประเมินผล มีความสอดคล๎องในรายข๎อกับการการศึกษาของ ดนัย เจิมงามพร้ิม (2556) ที่ได๎ทาการวิจัยเรื่อง การศึกษาการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช๎ในการ พัฒนาผู๎เรียนของสถานศกึ ษาสังกัดสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา นครนายก อยํูในระดับมาก ใน รายข๎อท่ีวํา สถานศึกษามีการประเมินผลงานโครงการงานกิจกรรมของสถานศึกษาหลังการดาเนินงานโดย บุคลากรทุกฝาุ ยในสถานศกึ ษา ดังนั้นการปฏบิ บัติในดา๎ นการมสี ํวนรํวมในการประเมนิ ผลนนั้ อยํใู นระดบั มาก การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 77

วัตถุประสงคข์ อ้ ท่ี 2 เพ่ือเสนอแนะแนวทางบริหารในการบรหิ ารของโรงเรยี นในชมรมผบ๎ู ริหารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิก อัครสงั ฆมณฑล กรงุ เทพ ฯ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ข๎อเสนอแนะท่ีได๎จากยุทธศาสตร๑และแนวทางการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2550- 2554) และการตอบแบบสอบถามปลายเปิด สามารถสรปุ ไดด๎ ังน้ี ในดา๎ นของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง: เง่ือนไขความรู๎ และการบริหารด๎านวิชาการสามารถ พัฒนาได๎โดยการจัดทาแนวทางการจัดการเรียนรู๎ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสูํการเรียนการสอนโดย สอดแทรกทง้ั ในการจดั การเรียนการสอนและกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน (ยุทธศาสตร๑และแนวทางการขับเคลื่อน ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ,2550-2554) ในดา๎ นของการสร๎างภูมิคุ๎มกันท่ีดีและด๎านความร๎ู มีการจัดการอบรบสัมมนาผู๎บริหารให๎เกิดความรู๎ ความเขา๎ ใจในการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช๎ในการบริหารจัดการอยํางมีป ระสิทธิภาพและ สามารถบรู ณาการสูํการบรหิ ารและการจัดการเรียนการสอน (ยุทธศาสตร๑และแนวทางการขับเคล่ือนปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ,2550-2554) ในดา๎ นการบรหิ ารแบบมีสํวนรํวมน้นั การขับเคลือ่ นปรัญชาของเศรษฐกจิ พอเพียงของสถานศกึ ษาควร เนน๎ การมีสํวนรํวมในการบรหิ ารตามหลกั ธรรมาภบิ าลเพื่อให๎เกิดความรํวมมือสามัคคีกันระหวํางผู๎บริหาร ครู และนักเรียน (ยทุ ธศาสตร๑และแนวทางการขบั เคลอื่ นปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ,2550-2554) ในด๎านการบริหารจัดการ และการมีสํวนรํวมในการประเมินผลนั้น สถานศึกษาควรมีการจัดต้ัง คณะกรรมการประเมินผลและกาหนดรปู แบบในการตดิ ตามผลเพือ่ เพิม่ ผระสทิ ธิภาพในการประเมินติดตามผล (ยทุ ธศาสตร๑และแนวทางการขบั เคลือ่ นปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ,2550-2554) ข๎อเสนอแนะท่ีได๎จากการตอบแบบสอบถามปลายเปดิ สามารถสรุปไดเ๎ ปน็ ข๎อๆดังนี้ 1. ผู๎บริหาร ครู และ บุคลากรทุกฝุาย จาเป็นต๎องมีความเข๎าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจให๎ตรงกัน เพอื่ ให๎เกดิ ความเช่อื มโยงระหวํางผบู๎ ริหาร ครู นกั เรียน และ ผ๎ปู กครอง 2. มีการอบรม ครู บุคลากร ใหม๎ คี วามรู๎ความเข๎าใจสามารถดาเนนิ การตํางๆในระดับพอเพียง 3. มกี ารติดตามประเมนิ ผลที่เขม๎ งวดมากข้ึนเน่ืองจากสถานศึกษาสนับสนุนให๎มีการอบรมสัมมนาอยําง สม่าเสมอแตคํ รแู ละบุคลากรยังขาดความเข๎าใจทด่ี ีในหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. ครูและบคุ ลากรควรมคี วามรํวมมอื รวํ มใจสามัคคีในการดาเนนิ งานตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงมากกวํานี้ 5. ขาดบุคลากรท่มี คี วามเช่ยี วชาญและความเขา๎ ใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยํางถํองแท๎ใน สถานศกึ ษา 6. ควรใชเ๎ หตผุ ลและเนน๎ การมีสวํ นรํวมในการบริหาร และรบั ฟ๓งความคดิ เหน็ ของคนอื่น 7. จดั ทาแหลํงเรยี นรพู๎ อเพียงในสถานศึกษาให๎มากขนึ้ 8. มีการใชง๎ บประมาณให๎พอเพียงเหมาะสมกบั การดาเนินการพันธกิจของสถานศกึ ษา การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 78

ขอ้ เสนอแนะในการทาวจิ ยั คร้งั ตอ่ ไป 1.การศกึ ษาสภาพการบริหารโรงเรยี นสามารถทาไดใ๎ นกลํมุ ทใ่ี หญํข้ึนกวํานี้ เป็นระดับเขต หรอื จังหวัด เพ่ือนาข๎อมูลที่วิเคราะห๑และผํานการสังเคราะห๑มาใช๎ในการพัฒนาและเผยแพรํหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง 2.ควรมีการศึกษาจากสถานศึกษาที่เป็นสถานศึกษาพอเพียงตัวอยําง และ นามาเปรียบเทียบข๎อ แตกตาํ งระหวํางสถานศึกษาท่ัวไปกับสถานศึกษาพอเพียงเต็มรูปแบบเพ่ือนามาปรับใช๎กับสถานศึกษาท่ีทําน บริหาร 3.ควรมีการศึกษาระดับความเข๎าใจและระดับความรํวมมือในการสนับสนุนการนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงไปใชใ๎ นการดาเนินชวี ิตระดบั ครอบครัว เอกสารอ้างองิ กนั ยา ลาดปะละ.2553. “การประเมินโครงการการขบั เคลอื่ นหลักเศรษฐกิจพอเพียงสสู่ ถานศึกษาของ สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาลาปางเขต 1.” ปริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑิต แขนงวิชาการวัดและ ประเมนิ ผลการศึกษา ศึกษาศาสตร๑ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. กานต๑ชนิต ต๏ะนยั .2551. “การนอ้ มนาแนวเศรษฐกจิ พอเพยี งสู้การปฏบิ ตั ใิ นโรงเรียนบา้ นเทอดไท อาเภอ แมฟ่ าู หลวง จังหวดั เชยี งราย.” การศกึ ษาอสิ ระครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชยี งราย. กาธร ทาเวียง .2553. “การขับเคลือ่ นปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงสู่สถานศกึ ษาสงั กัดสานกั งานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษานครปฐม เขต 2.” ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ บริหารการศกึ ษา บัณฑิต วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหงํ ชาติ .2558. การจัดทาแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พศ.2560-2564) ดนัย เจิมงามพรง้ิ .2556. “การศกึ ษาการนาหลกั ปรชั ญาของเสรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในการพัฒนาผ้เู รยี น ของสถานศกึ ษาสงั กัดสานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา นครนายก.” ปรญิ ญาครศุ าสตร มหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนครศรีอยุธยา. ปรยี านชุ พบิ ลู สราวุธ. 2549. ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง. กรุงเทพฯ : โครงการวิจยั เศรษฐกิจพอเพยี ง สานักงานทรัพย๑สินสวํ นพระมหากษัตรยิ ๑.ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตามแนวพระราชดาริ.กรงุ เทพฯ : โครงการวิจยั เศรษฐกิจพอเพียง สานักงานทรัพย๑สนิ สวํ นพระมหากษัตริย๑. ยทุ ธศาสตรข๑ ับเคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งสูํสถานศึกษา.(2550-2554).กรงุ เทพมหานคร:สานักพฒั นา กิจการนักเรยี น นกั ศึกษาและกจิ การพิเศษสานักงาน วริ ไท สันตปิ ระภพ. 2560. สุนทรพจน์ ดร.วิรไท สนั ติประภพ งานแถลงขา่ วโครงการแกไ้ ขปัญหาหนส้ี ่วน บคุ คลทไี่ มม่ หี ลกั ประกนั (คลินิกแก้หน้ี). ศูนยว๑ จิ ยั กสกิ รไทย ธนาคารกสิกรไทย. (2560). หนค้ี รัวเรอื นปี 2559 ลดลงเป็นคร้งั แรกในรอบ 11 ปี มาที่ ระดับ 79.9% ตอํ จีดพี ี..คาดชะลอลงตอํ เนอื่ งในปี 2560. ECONOMIC BRIEF, 23(3672), 1.สมาคม การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 79

ธนาคารไทย.2560.คาถาม-คาตอบสาหรบั ตอบขอ้ ซกั ถามลกู หนี้โครงการแกไ้ ขปัญหาหน้สี ว่ น บคุ คลท่ไี ม่มหี ลกั ประกัน (คลนิ ิกแกห้ น้ี). สญั ญา จารจุ ินดา .2551. “เร่อื งแนวทางการบริหารจัดการนอ้ มนาแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียงสกู่ ารปฏิบัตใิ น โรงเรียนประถมศกึ ษา อาเภอขุนยาม จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน.” การศกึ ษาอิสระครุศาสตรมหาบณั ฑิต บริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงราย. อภชิ ยั พนั ธเสน.2544. เศรษฐกิจพอเพยี งในฐานะรูปแบบท่ีพงึ ปรารถนาของระบบสวัสดิการสังคมไทย, หนังสอื รวมบทความการเสาวนาสหสาขา สหวชิ าการระหวา่ งสถาบันแห่งชาติ ครงั้ ท่ี 1 พ.ศ. 2544 อภิชัย พันธเสน. 2549. สงั เคราะห์องคค์ วามร้เู ศรษฐกจิ พอเพียง. กรุงเทพมหานคร : สานักงานกองทุน สนับสนนุ การวิจัย. Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30, 607-610 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 80

การประเมินหลกั สูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ของบัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยธนบรุ ี Curriculum Evaluation on Graduate Diploma Program in Teaching Profession of Graduate School at Thonburi University มารษิ า เทศปล้มื บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ธนบรุ ี E-mail: [email protected] พรรณี บญุ ประกอบ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ี E-mail: [email protected] มนสั บุญประกอบ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยธนบุรี E-mail: [email protected] นภวรรณ แยม๎ ชุติ บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยธนบุรี E-mail: [email protected] เฉลียว พันธสุ๑ ดี า บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยธนบุรี E-mail: [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค๑ (1) เพ่ือประเมินหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ของบัณฑิต วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยธนบุรีในด๎านบริบท ด๎านป๓จจัยนาเข๎า ด๎านกระบวนการ ด๎านผลผลิต ด๎านผลกระทบ ด๎านประสทิ ธผิ ล ดา๎ นความย่งั ยืน และดา๎ นการถาํ ยโยงความรู๎ (2) เพื่อศึกษาป๓ญหาและแนวทางการปรับปรุง หลักสูตรประกาศนยี บตั รบัณฑิตวชิ าชีพครู ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธนบุรี ผู๎ให๎ข๎อมูลประกอบด๎วย บัณฑิต 181 คน นักศึกษา 86 ผู๎ใช๎บัณฑิต 48 คน อาจารย๑ผู๎สอน 10 ผู๎บริหาร 2 คน และอาจารย๑ประจา หลกั สูตร 5 คน รวมท้งั ส้นิ 332 คน ดาเนินการประเมนิ โดยใชร๎ ปู แบบ CIPPIEST เคร่ืองมอื ทีใ่ ช๎ในการวจิ ัยคือ (1) แบบสอบถาม มคี ําความเช่อื มั่นเทํากับ 0.77, 0.83, 0.81 และ 0.84 ตามลาดับ (2) แบบสัมภาษณ๑ และ (3) แบบตรวจเอกสาร การวิเคราะหข๑ ๎อมูลใช๎สถิตริ ๎อยละ คาํ เฉลย่ี สวํ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และการวิเคราะหเ๑ นอื้ หา ผลการวจิ ัยสรุปไดด๎ งั น้ี การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 81

1. ผลการประเมนิ หลักสูตรประกาศนยี บัตรบณั ฑติ วิชาชพี ครู ของบัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั ธนบรุ ี ในภาพรวมและรายด๎าน (ด๎านบริบท ด๎านป๓จจัยนาเข๎า ด๎านกระบวนการ ด๎านผลผลิต ด๎านผลกระทบ ด๎าน ประสทิ ธิผล ด๎านความยง่ั ยนื และด๎านการถาํ ยโยงความรู๎) มีความเหมาะสมในระดบั มาก 2. ผลการศกึ ษาป๓ญหาและแนวทางการพฒั นาปรบั ปรงุ หลกั สตู รประกาศนยี บัตรบณั ฑติ วชิ าชีพครู พบวํา (1) ด๎านบรบิ ท พบวําชํวงเวลาการดาเนินการเรียนการสอนของหลักสูตรไมํสัมพันธ๑กับชํวงเวลาการเปิด -ปิดภาค เรยี นของสถานศกึ ษาที่นกั ศึกษาปฏิบัติการสอน ควรทบทวนแผนการศึกษาของหลักสูตรให๎เป็นไปตามระบบ การจัดการศึกษาระดับขั้นพ้ืนฐาน (2) ด๎านป๓จจัยนาเข๎าพบวํา ผ๎ูเรียนมีความร๎ูและประสบการณ๑การสอนใน ระดับชั้นท่ีแตกตํางกัน ควรมีการจัดช้ันเรียนตามระดับพื้นฐานความร๎ูและประสบการณ๑การสอน (3) ด๎าน กระบวนการพบวํา การจัดระบบนิเทศการสอนในการฝึกประสบการณว๑ ชิ าชพี ยังไมํเป็นระบบ ควรให๎ผู๎บริหาร สถานศึกษา อาจารยพ๑ เ่ี ล้ียง และนักศึกษามีสวํ นรํวมในการกาหนดขัน้ ตอนการนิเทศการสอน (4) ดา๎ นผลผลิตพบวํา การสร๎างส่ือประกอบการเรียนการสอนยังไมํทันสมัยควรมีการสอนการสร๎างสื่อการเรียนการสอนสมัยใหมํ (5) ดา๎ นผลกระทบพบวํา ขาดงบประมาณสนับสนนุ การนาเสนอผลงานวจิ ยั ในเวทีระดับนานาชาติ ควรหาแหลงํ ทนุ สนับสนุนการนาเสนอผลงานวจิ ัยเพม่ิ ขนึ้ โดยสรปุ หลกั สตู รประกาศนียบัตรบัณฑติ วิชาชีพครูมคี ณุ ภาพหรือมผี ลผลติ ตามวัตถุประสงค๑ในระดับ มาก สมควรทจ่ี ะดาเนินการตอํ ไปเพยี งแตตํ อ๎ งปรับปรงุ องค๑ประกอบยอํ ยบางประเด็น เพือ่ ให๎หลกั สูตรมคี ุณภาพ มากขน้ึ คาสาคญั : การประเมนิ หลกั สตู ร, ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ABSTRACT The objectives of this research were to (1) evaluate the curriculum on graduate diploma program in teaching profession of graduate school at Thonburi University in context, input, process, product, impact, effectiveness, sustainable and transportability. (2) study problems and guidelines to improve the graduate diploma program in teaching profession. The population consisted of this research were 181 graduates, 86 students, 48 educates’ employers, 10 instructors, 2 executives and 5 routine curriculum instructors; 332 in total. The CIPPIEST was model was used for collecting data evaluation. The instrument used in the study included the questionnaire with reliability of 0.77, 0.83, 0.81 and 0.84 respectively, the interview form and the document check form. The collect data were analyzed by using percentage, mean, standard deviation and content analysis. The results of the research were as follows : 1. The results of the curriculum evaluation on graduate diploma program in teaching profession of graduate school at Thonburi University in overall and each aspect (context, input, process, product, impact, effectiveness, sustainable and transportability) at high level. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 82

2. The results of the problems and guidelines to improve of the curriculum on graduate diploma program in teaching profession found that there were problems and some suggestion as follow. (1) The context aspect found that the course duration of the course is not related to the opening and closing time of the institution. The curriculum should be reviewed in accordance with the basic education management system. (2) The aspect of the input factors found that the students have different levels of knowledge and teaching experience. Therefore, each student should be classed according on basic knowledge and teaching experience. (3) The process aspect found that the system of teaching supervision in the professional practice is not systematic. The administrators, mentors and students should be involved in defining the process of teaching supervision. (4) The product aspect found that the creation of teaching media is not modern. The students should be taught the creation of modern teaching media. (5) The impact aspect found that the lacking about budget support to present of research results in the international conference. The curriculum should find funding sources for more international research presentation. In conclusion, the curriculum clearly showed its value and accountability in accordance with its objectives. A further implementation of the curriculum was recommended on condition that some items should be improved. KEYWORDS: Curriculum Evaluation, Graduate Diploma Program in Teaching Profession บทนา การศึกษาเปน็ กลไกหลักในการพฒั นา สํงเสริม ปลกู ฝ๓งแนวความคิด ความรู๎ให๎กับพลเมืองและสังคม โดยรวมในทุกประเทศ ดังน้ันการศึกษาจึงเป็นตัวแปรหลักของความสามารถในการแขํงขันระยะยาว การออกแบบ การศกึ ษาจึงเป็นขอ๎ ตํอสาคญั ของการพัฒนาประเทศในทกุ ดา๎ นทเ่ี กยี่ วขอ๎ งกบั มนุษยแ๑ ละสงั คม บรบิ ทที่สาคัญใน การออกแบบการศึกษาในป๓จจุบันคือ พลวัตการเปล่ียนแปลงโลกจากการก๎าวผํานจากศตวรรษที่ 20 เข๎าสํู ศตวรรษท่ี 21 กระแสการเปลย่ี นแปลงโลกได๎สํงผลกระทบท้งั ทางสังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล๎อม และการเมือง ของทกุ ประเทศ คนในโลกยุคใหมทํ ํามกลางพลวตั การเปล่ยี นแปลงดังกลําวจึงต๎องมีความพร๎อมที่จะเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลง การเปล่ียนผํานเหลํานี้ หากสังคมหรือพลเมืองขาดความพร๎อมในการก๎าวผํานก็จะทาให๎ ประเทศไมํสามารถเดินตํอได๎จนเสี่ยงตํอการเป็นรัฐที่ล๎มเหลว ประเทศไทยก็จาเป็นต๎องก๎าวสํูศตวรรษท่ี 21 เชํนกนั (สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, 2557 : 1) เปูาหมายสาคัญของการจัดการศึกษาคือคุณภาพของ ผเู๎ รียน ซึง่ จะตอ๎ งอาศัยหลักสตู รเปน็ กรอบแนวคดิ และทิศทางในการจดั การศึกษา หลักสตู รจงึ ถือไดว๎ ําเปน็ หวั ใจ สาคญั ของการจัดการศกึ ษา สถานศึกษาจงึ ต๎องเกีย่ วขอ๎ งกับหลกั สูตรในลักษณะตํางๆ เร่ิมตั้งแตํการจัดทาหรือ พัฒนาหลักสูตร การนาหลักสูตรไปใช๎โดยมีการบริหารหลักสูตรและจัดการเรียนการสอน และการประเมิน หลักสูตร (พิชิต ฤทธ์ิจรูญ, 2558: 15) การประเมินหลักสูตรเปรียบเสมือนกระจกสะท๎อนคุณภาพของการ การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 83

ดาเนินงานเกี่ยวกับหลักสูตร ชํวยชี้แนะแนวทางการปรับปรุงหลักสูตรให๎สอดคล๎องกับบริบทของสังคมท่ี เปลย่ี นแปลงไปอยาํ งรวดเรว็ (มารตุ พฒั ผล, 2556: 8) สถาบนั อุดมศกึ ษาทเ่ี ปิดสอนหลกั สตู รทางการศึกษาจึงมีหนา๎ ที่ต๎องรบั ผดิ ชอบการพฒั นาหรือปรับปรุง หลกั สูตรระดบั อุดมศกึ ษาให๎มมี าตรฐานและคุณภาพการศึกษาสูงขึ้น สอดคล๎องกับเกณฑ๑มาตรฐานหลักสูตร ระดับอุดมศกึ ษา กรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดับอดุ มศึกษาแหํงชาติของสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เกณฑ๑มาตรฐานวชิ าชีพ และเกณฑก๑ ารรบั รองรองปรญิ ญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาของครุ ุสภา ดังนน้ั การประเมนิ หลกั สูตรในสถาบนั อดุ มศึกษานอกจากผ๎ูใช๎หลักสูตรจะประเมินหลักสูตรเพื่อพิจารณาตรวจสอบ ระบบการบรหิ ารจัดการหลักสตู รและปรบั ปรงุ คณุ ภาพหลกั สูตรตามขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตรแล๎ว ยังต๎อง ตรวจสอบควบคุมมาตรฐานสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตให๎มีมาตรฐานและมีหลักสูตร สอดคล๎องกับกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย ปรัชญาการอุดมศึกษาไทย และมาตรฐานคุณวุฒิตาม ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ทกี่ าหนดให๎ทุกหลักสูตรมีการพัฒนาหลักสูตรใหท๎ ันสมัยทุก 5 ปีและมีการประเมิน เพ่ือพฒั นาหลกั สตู รอยาํ งตอํ เนือ่ งทุก 5 ปี (ทีปทัศน๑ ชินตาป๓ญญากุล และคณะ, 2560: 210-211) ด๎วยเหตุนี้ จงึ ทาให๎หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาทั้งหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต หลักสูตรระดับประกาศนียบัตร บัณฑติ ชั้นสงู หลักสูตรระดบั ปริญญาโท และหลักสูตรระดับปริญญาเอกทุกสาขาวิชาต๎องดาเนินการประเมิน และปรับปรุงหลกั สตู รให๎แลว๎ เสรจ็ ภายในระยะเวลาทก่ี าหนด เพือ่ ให๎หลักสตู รมมี าตรฐานผลการเรียนร๎ูทัดเทยี ม กัน และเพือ่ ให๎ผ๎ูสาเร็จการศกึ ษาสามารถออกไปปฏบิ ัติงานในสถานศกึ ษาตาํ งๆ ไดอ๎ ยํางมีคณุ ภาพ การศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูท่ีคุรุสภารับรอง ซ่ึงเดิมกาหนดให๎เป็น แนวทางหลกั แนวทางหนง่ึ สาหรบั ผู๎ที่จบสาขาวชิ าอืน่ สามารถศึกษาตอํ ยอด โดยจะศึกษาเฉพาะวิชาชีพครูตาม มาตรฐาน และปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาเป็นเวลาไมํน๎อยกวํา 1 ปี เมื่อสาเร็จการศึกษาแล๎วสามารถใช๎ คณุ วุฒิในการขอรบั ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ครไู ด๎ เนือ่ งจากในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการ ศึกษา พ.ศ. 2546 กาหนดไวว๎ าํ วชิ าชีพครูเปน็ วชิ าชีพควบคุม ห๎ามมิใหผ๎ ๎ใู ดประกอบวิชาชพี ควบคุมโดยไมํได๎รับ ใบอนุญาต และกาหนดเฉพาะท่ีเป็นการประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพ้ืนฐาน และ อดุ มศึกษาทตี่ า่ กวาํ ปริญญา ทง้ั ของรัฐและเอกชน ปจ๓ จุบันคุรสุ ภาให๎การรบั รองประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพ ครขู องสถาบนั การผลิต และใหเ๎ ปดิ รับเฉพาะผ๎ูประกอบวิชาชพี ครูในหนํวยงานต๎นสังกัดตํางๆ ที่ยังไมํมีคุณวุฒิ ปริญญาทางการศึกษา เพ่อื พฒั นาผู๎ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาในสังกัดตํางๆ ท่ียังไมํมีใบอนุญาตประกอบ วชิ าชพี ทางการศึกษา โดยใหส๎ ถาบันจดั การเรียนการสอนเฉพาะในท่ีตั้งเทํานั้น (สภาครูและบุคลากรทางการ ศึกษา, 2558 : ออนไลน๑)บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธนบุรี ในฐานะที่เป็นสถาบันผลิตครูให๎ออกไปรับใช๎ สังคมมาเปน็ ระยะเวลานาน โดยเปดิ การจัดการเรียนการสอนในหลกั สตู รประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ซ่ึงเป็น หลกั สตู รทมี่ คี วามสาคัญในการผลติ ครูผู๎สอน อันเป็นบุคลากรท่ีมีความสาคัญย่ิงตํอการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน บณั ฑติ วิทยาลัยไดเ๎ รมิ่ ใช๎หลักสูตรประกาศนียบตั รบัณฑติ วิชาชีพครู (หลักสูตรใหมํ พ.ศ.2550) ในปีการศึกษา 2551 และใช๎หลักสูตรดังกลําวมาจนถึงปีการศึกษา 2555 จึงได๎มีการปรับปรุงหลักสูตรเป็นหลักสูตร ประกาศนยี บตั รบณั ฑิตวิชาชีพครู (หลกั สูตรปรับปรงุ พ.ศ.2556) มปี รัชญาของหลักสูตรคือ ผลิตครูมืออาชีพ ซ่ึงเป็นผูม๎ ีคณุ ธรรมจริยธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพครู โดยมีวัตถุประสงค๑เพ่ือผลิตครูที่มี ความสามารถในการจัดการเรียนร๎ูมีความรอบร๎ูในหลักวิชาการและจิตวิญญาณครู พัฒนาความร๎ูทักษะและ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 84

ปลูกฝ๓งบัณฑิตให๎มีคุณธรรมจริยธรรมและมีเจตคติท่ีดีตํอวิชาชีพครู (มหาวิ ทยาลัยธนบุรี, 2556: 5) ท้ังนี้ หลักสตู รประกาศนยี บตั รบณั ฑติ วิชาชีพครู (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ.2556) เปิดรับนักศึกษารุํนแรกเมื่อเดือน กันยายน ปีการศึกษา 2557 เป็นต๎นมาจนถึงป๓จจุบัน และได๎ครบระยะเวลาของการดาเนินการหลักสูตรที่ จะต๎องประเมนิ หลกั สตู ร เพ่อื พฒั นาอยาํ งตํอเน่ืองทุกๆ 5 ปี ซึ่งท่ีผํานมายังไมํได๎ดาเนินการประเมินหลักสูตร อยาํ งเป็นระบบตามเกณฑ๑มาตรฐานหลักสูตรระดบั อดุ มศึกษา พ.ศ. 2548 ด๎วยเหตุผลและความจาเป็นดังกลําว คณะผู๎วิจัยในฐานะอาจารย๑ประจาหลักสูตรจึงมีความสนใจท่ีจะ ประเมินหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (หลักสูตรปรับรุง พ.ศ. 2556) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธนบุรี วําบรรลุวัตถุประสงค๑ของหลักสูตรมากน๎อยเพียงใด โดยใช๎รูปแบบการประเมิน CIPPIEST ของ แดเนยี ล สตัฟเฟลิ บีม (Daniel Stufflebeam) เพราะรูปแบบการประเมินแบบ CIPPIEST เป็นรูปแบบการ ประเมนิ ท่ีเน๎นการตัดสินใจ ทาให๎การประเมินครอบคลุมองคป๑ ระกอบทุกด๎านของหลักสูตรอยํางมีเหตุผลและ เป็นระบบไมํเน๎นการวิเคราะห๑จุดใดจุดหนึ่ง แตํเป็นรูปแบบการประเมินที่มีความตํอเน่ืองทาให๎ได๎ข๎อมูลที่ ครบถว๎ น จึงเหมาะสมสาหรับนาไปใช๎ในการประเมินหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูนี้ เป็นอยํางดี คณะผู๎วิจัยจึงคาดวําผลการประเมินหลักสูตรในคร้ังน้ี นอกจากจะเป็นประโยชน๑โดยตรงตํอคณะ กรรมการบริหารหลกั สตู รในการนาผลการประเมินมาใช๎ในการพฒั นาและปรบั ปรุงหลักสูตรใหม๎ ีคณุ ภาพและได๎ มาตรฐานอยาํ งตํอเน่ืองแล๎ว ยังเป็นประโยชน๑ตํอสภามหาวิทยาลัยธนบุรีท่ีจะใช๎ข๎อมูลสารสนเทศจากผลการ ประเมินหลกั สูตรในภาพรวมตัดสินใจวําจะปรบั ปรงุ แกไ๎ ขหลกั สูตรตํอไปหรอื ยกเลิกการใช๎หลกั สตู รน้ี วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย 1. เพ่ือประเมินหลกั สตู รประกาศนียบตั รบัณฑติ วิชาชีพครู (หลักสตู รปรบั ปรุง พ.ศ. 2556) ของบัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยธนบุรีในด๎านบริบท ด๎านป๓จจัยนาเข๎า ด๎านกระบวนการ ด๎านผลผลิต ด๎านผลกระทบ ดา๎ นประสทิ ธผิ ล ดา๎ นความย่งั ยืน และด๎านการถาํ ยโยงความร๎ู 2. เพ่ือศกึ ษาป๓ญหาและแนวทางการปรับปรุงหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (หลักสูตร ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2556) ของบณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยธนบุรี วิธีดาเนินการวจิ ยั การวิจัยคร้ังนี้ ใช๎ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงประเมิน (Evaluative Research) โดยใช๎รูปแบบการประเมิน แบบยึดการตัดสินใจ (Decision – making approach) ท่ีเรียกวํา CIPPIEST Model ของ แดเนียล สตัฟเฟิลบีม (Daniel Stufflebeam) ซ่ึงมอี งค๑ประกอบการประเมิน 8 ดา๎ นไดแ๎ กํ (1) ด๎านบริบท (C : Context Evaluation) ประกอบด๎วย C1: วัตถุประสงค๑ของหลักสูตร C2: โครงสร๎างของหลักสูตร C3: นโยบาย C4: กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา C5: ความต๎องการของ หนํวยงานหรอื สังคม และ C6: ความเปน็ ทย่ี อมรับของหนํวยงานวิชาชีพครู (2) ดา๎ นปจ๓ จยั นาเข๎า (I : Inputs Evaluation) ประกอบด๎วย I1: คุณวุฒิและผลงานทางวิชาการของ อาจารย๑ I2: พ้ืนฐานของนักศึกษา I3: สภาพแวดล๎อมทางกายภาพ วัสดุอุปกรณ๑ และส่ิงอานวยความสะดวก และ I4: งบประมาณในการผลติ บณั ฑิต การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 85

(3) ดา๎ นกระบวนการ (P : Process Evaluation) ประกอบด๎วย Pc1: การจัดการเรียนการสอน Pc2: การฝกึ ประสบการณ๑วิชาชพี ครู Pc3: การทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธ์ิของนักศึกษา Pc4: การบริหารจัดการ หลกั สูตร Pc5: พฤตกิ รรมการจดั การเรยี นการสอนของอาจารย๑ Pc6: พฤตกิ รรมการเรียนร๎ูของนักศึกษา และ Pc7: การให๎บรกิ ารและการสนับสนนุ (4) ด๎านผลผลิต (P : Product Evaluation) ประกอบด๎วย Pd1: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน Pd2: คุณลกั ษณะบณั ฑิต และ Pd3: ทักษะความสามารถในการปฏบิ ตั งิ าน (5) ด๎านผลกระทบ (I : Impact Evaluation) ประกอบด๎วย Ip1: การผลิตงานวิจัยในช้ันเรียน Ip2: องค๑ความร๎ูด๎านวิชาชพี ครู Ip3: การยอมรับจากชุมชนหรอื สงั คม และ Ip4: ความนยิ มตํอสถาบนั ที่ผลิตบณั ฑติ (6) ด๎านประสทิ ธิผล (E : Effectiveness Evaluation) ประกอบดว๎ ย E1: ความมัน่ ใจดา๎ นการสอน E2: ความเช่ียวชาญดา๎ นการสอน E3: ประสทิ ธภิ าพด๎านวิชาการ E4: ประสทิ ธิภาพดา๎ นการดาเนนิ งานทคี่ มุ๎ คํา E5: ประสิทธิภาพดา๎ นความคดิ ริเร่มิ สรา๎ งสรรค๑ (7) ด๎านความยัง่ ยืน (S : Sustainability Evaluation) ประกอบดว๎ ย S1: การนาความร๎ทู ไี่ ด๎จากการศึกษา ไปใชพ๎ ัฒนางาน S2: การประยกุ ตค๑ วามร๎ูท่ีได๎จากการศกึ ษาไปสูงํ านอ่นื S3: ความรท๎ู ว่ั ไปเกย่ี วกบั วชิ าชีพครู S4: ทกั ษะการวจิ ัยในชัน้ เรยี น S5: การพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู S6: การทางานเป็น ทมี S7: การพัฒนาวิชาชพี ครู S8: การพฒั นาทักษะทางภาษา และ S9: การพัฒนาส่ือ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ทางการศึกษา (8) ด๎านการถาํ ยโยงความร๎ู (T : Transportability Evaluation) ประกอบดว๎ ย T1: การปรับปรุงและ การนาไปใช๎เก่ยี วกบั แนวคดิ ทฤษฎีใหมํ T2: การตํอยอดแนวคดิ จากการวิจยั ในชั้นเรียน และ T3: การปรับปรุง กลยทุ ธ๑ในการแกไ๎ ขปญ๓ หาการสอน ในการดาเนนิ การวจิ ัยเรอ่ื ง การประเมนิ หลกั สตู รประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ธนบุรี มีข้นั ตอนการดาเนินการวจิ ัยดังน้ี ขั้นที่ 1 กาหนดผใู๎ หข๎ อ๎ มลู และศกึ ษาเอกสารทเี่ กี่ยวข๎องกบั การประเมินหลกั สูตร ข้ันที่ 2 พฒั นาและหาคณุ ภาพเครื่องมือท่ีใช๎ในการวิจัย ได๎แกํ แบบสอบถาม (Questionnaire) และ แบบสมั ภาษณแ๑ บบมีโครงสร๎าง (Structured interview) นาเคร่ืองมือไปหาคุณภาพโดยการหาคําดัชนีความ สอดคล๎อง (IOC) ขน้ั ที่ 3 นาเคร่ืองมอื ทม่ี คี ณุ ภาพไปเก็บข๎อมลู กบั กลมุํ ผูใ๎ ห๎ข๎อมลู ขน้ั ท่ี 4 วเิ คราะห๑ขอ๎ มลู โดยข๎อมูลเชงิ ปรมิ าณที่ได๎จากการตอบแบบสอบถามได๎ถกู นามาวเิ คราะหท๑ าง สถติ ิสวํ นขอ๎ มลู เชงิ คุณภาพทีไ่ ด๎จากการสัมภาษณ๑และการศึกษาจากเอกสารได๎รบั การวิเคราะหเ๑ นอ้ื หา ขั้นที่ 5 นาผลการวิเคราะห๑ทงั้ สองด๎านมาแปลผลแล๎วสรุปผลการประเมินหลกั สตู ร ผูใ้ ห้ขอ้ มูล ผู๎ให๎ข๎อมูลท่ีใช๎ในการประเมินหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูเป็นผ๎ูมีสํวนได๎สํวนเสีย (Stakeholders) ของหลกั สูตรจานวนทง้ั สนิ้ 332 คน จาแนกเป็น 6 กลมํุ คือ (1) บณั ฑิต ทีจ่ บการศกึ ษาต้งั แตํปี การศึกษา 2558-2560 จานวน 181 คน (2) นักศึกษา ท่ีกาลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 86

จานวน 86 คน (3) ผ๎ูใช๎บัณฑิต จานวน 48 คน (4) อาจารย๑ผู๎สอน จานวน 10 คน (5) ผู๎บริหารของมหาวิทยาลัย จานวน 2 คน และ (6) อาจารยป๑ ระจาหลักสูตร จานวน 5 คน เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการวิจยั เคร่อื งมอื ทใี่ ชใ๎ นการวจิ ัยครั้งนี้มี 2 ประเภท คือ (1) แบบสอบถาม และ (2) แบบสมั ภาษณแ๑ บบมีโครงสรา๎ ง จาแนกตามกลมํุ ผ๎ใู หข๎ อ๎ มูล จานวน 6 ชดุ ดงั น้ี 1. แบบสอบถามความคดิ เหน็ เกยี่ วกับหลกั สูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู สาหรับบัณฑิตมี 3 ตอน ประกอบด๎วย ตอนที่ 1 เป็นข๎อมูลเก่ียวกับสถานภาพของผ๎ูตอบแบบสอบถาม มีลักษณะคาถามแบบ ตรวจสอบรายการ ตอนท่ี 2 เป็นความคดิ เห็นที่มตี ํอหลักสูตร เป็นคาถามในประเด็นเกี่ยวกับด๎านบริบท ด๎าน ป๓จจยั นาเข๎า ด๎านกระบวนการ ดา๎ นผลผลติ ด๎านผลกระทบ ด๎านประสิทธผิ ล ด๎านความย่งั ยนื และด๎านการถาํ ย โยงความรู๎ ลักษณะของข๎อคาถามเป็นแบบมาตราสวํ นประมาณคาํ 5 ระดบั คือ มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง น๎อย นอ๎ ยที่สดุ และตอนที่ 3 เป็นข๎อเสนอแนะอื่นๆ เพือ่ สร๎างจดุ แข็งใหแ๎ กํหลกั สตู ร มลี ักษณะเป็นแบบปลายเปดิ 2. แบบสอบถามความคิดเหน็ เกยี่ วกบั หลกั สตู รประกาศนยี บัตรบัณฑิตวิชาชีพครู สาหรับนักศึกษา มี 3 ตอน ประกอบดว๎ ย ตอนท่ี 1 เป็นข๎อมูลเก่ียวกับสถานภาพของผู๎ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะคาถามแบบ ตรวจสอบรายการ ตอนที่ 2 เปน็ ความคดิ เหน็ ที่มตี ํอหลักสูตร เป็นคาถามในประเด็นเก่ียวกับด๎านบริบท ด๎าน ป๓จจัยนาเข๎า ด๎านกระบวนการ และด๎านผลผลิต ลักษณะของข๎อคาถามเป็นแบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ คือ มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง นอ๎ ย นอ๎ ยที่สุด และตอนที่ 3 เปน็ ขอ๎ เสนอแนะอน่ื ๆ เพอื่ สร๎างจดุ แข็งใหแ๎ กํ หลักสูตร มลี กั ษณะเปน็ แบบปลายเปดิ 3. แบบสอบถามความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั หลกั สูตรประกาศนยี บัตรบณั ฑติ วชิ าชพี ครู สาหรบั ผูใ๎ ช๎บัณฑิต มี 3 ตอน ประกอบดว๎ ย ตอนท่ี 1 เป็นข๎อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู๎ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะคาถามแบบ ตรวจสอบรายการ ตอนที่ 2 เป็นความคิดเห็นท่ีมีตํอผู๎สาเร็จการศึกษาตามหลักสูตร เป็นคาถามในประเด็น เกยี่ วกับดา๎ นผลกระทบ ด๎านประสิทธผิ ล ด๎านความยงั่ ยนื และด๎านการถํายโยงความร๎ู ลักษณะของข๎อคาถาม เป็นแบบมาตราสํวนประมาณคํา 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น๎อย น๎อยที่สุด และตอนท่ี 3 เป็น ข๎อเสนอแนะอ่นื ๆ เพ่อื สรา๎ งจุดแขง็ ใหแ๎ กหํ ลกั สตู ร มีลักษณะเป็นแบบปลายเปดิ 4. แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู สาหรับอาจารย๑ ผ๎ูสอน มี 3 ตอน ประกอบด๎วย ตอนที่ 1 เป็นข๎อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผ๎ูตอบแบบสอบถาม มีลักษณะ คาถามแบบตรวจสอบรายการ ตอนท่ี 2 เปน็ ความคดิ เหน็ ท่ีมีตํอหลักสูตร เป็นคาถามในประเด็นเก่ียวกับด๎าน บริบท ด๎านป๓จจัยนาเข๎า ด๎านกระบวนการ และด๎านผลผลิต ลักษณะของข๎อคาถามเป็นแบบมาตราสํวน ประมาณคาํ 5 ระดบั คอื มากที่สดุ มาก ปานกลาง น๎อย น๎อยท่ีสุด และตอนท่ี 3 เป็นข๎อเสนอแนะอ่ืนๆ เพื่อ สร๎างจดุ แข็งให๎แกหํ ลักสูตร มีลักษณะเป็นแบบปลายเปิด 5. แบบสัมภาษณ๑ความคิดเหน็ ท่มี ีตอํ หลกั สตู ร สาหรบั ผ๎ูบริหารของมหาวิทยาลัย เป็นคาถามในประเด็น เกีย่ วกับดา๎ นบรบิ ท ดา๎ นปจ๓ จัยนาเขา๎ ด๎านกระบวนการ ด๎านผลผลติ และข๎อเสนอแนะอ่นื ๆ 6. แบบสัมภาษณค๑ วามคิดเหน็ ที่มีตอํ หลกั สูตร สาหรบั อาจารย๑ประจาหลกั สตู ร เปน็ คาถามในประเด็น เกย่ี วกบั ด๎านบริบท ด๎านปจ๓ จัยนาเข๎า ดา๎ นกระบวนการ ด๎านผลผลิต ด๎านผลกระทบ ด๎านประสิทธิผล ด๎านความ ยง่ั ยนื ดา๎ นการถํายโยงความร๎ู และขอ๎ เสนอแนะอน่ื ๆ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 87

การวเิ คราะหข์ อ้ มลู วเิ คราะห๑ขอ๎ มูลจากคาตอบของแตํละกลุํมผู๎ให๎ข๎อมูลเพอื่ ตอบตามวตั ถุประสงค๑ของการวิจัยแตลํ ะขอ๎ โดยดาเนินการดงั น้ี 1. วิเคราะหค๑ ําเฉลี่ย ( x ) และสวํ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) จากคาตอบมาตราสวํ นประมาณคํา 5 ระดับในแบบสอบถามความคิดเห็น แล๎วนาคาํ เฉลย่ี ท่ีไดจ๎ ากการคานวณไปเทียบกบั เกณฑ๑ในการประเมนิ ทไ่ี ด๎ กาหนดไว๎ 2. วเิ คราะหเ๑ นอ้ื หา (Content Analysis) จากคาตอบทเ่ี ปน็ ด๎านคณุ ภาพของข๎อคาถามปลายเปดิ ใน แบบสมั ภาษณ๑ โดยนาผลการวิเคราะหม๑ าสงั เคราะหข๑ อ๎ มลู จดั หมวดหมํูและลาดับของคาตอบ แล๎วนาเสนอผล การวเิ คราะห๑ในลกั ษณะพรรณนาความ การสรุปควรแยกวา่ นกั ศกึ ษาเห็นอยา่ งไร ผใู้ ชบ้ ณั ฑิตเหน็ อยา่ งไร ผบู้ ริหาร คณาจารยเ์ หน็ อยา่ งไร อะไรท่ีเหมอื นอะไรที่ตา่ งกนั เพราะอะไร เนื่องจากเป็น การประเมินตอ้ งมเี กณฑก์ ารจดั สินใจ ในแต่ละตวั ของ CIPPIEST สรุปผลการวิจยั และอภิปรายผล สรุปผลการวิจัย 1. ผลจากการประเมินหลกั สูตรประกาศนียบตั รบัณฑติ วิชาชพี ครู (หลกั สตู รปรบั ปรุง พ.ศ.2556) ของ บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยธนบุรี ในภาพรวมมคี วามเหมาะสมในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด๎านท้ัง 8 ด๎านพบวาํ 1.1 ผลการประเมนิ หลักสูตรด๎านบริบท ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เม่ือพิจารณา เป็นรายข๎อพบวาํ ข๎อทีม่ ีคําเฉลยี่ มากที่สดุ คอื เนื้อหาของหลักสูตรสามารถนาไปประยุกต๑ใช๎ได๎จริง สํวนข๎อที่มี คําเฉลี่ยนอ๎ ยทีส่ ุดคือ แผนการศกึ ษามคี วามเหมาะสมและตอบสนองความตอ๎ งการของผู๎เรียน 1.2 ผลการประเมินหลักสูตรด๎านป๓จจัยนาเข๎า ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เมื่อ พิจารณาเป็นรายข๎อพบวํา ข๎อที่มีคําเฉล่ียมากท่ีสุดคือ อาจารย๑มีคุณวุฒิ ประสบการณ๑สอน และผลงานทาง วชิ าการที่เหมาะสมตอํ การสอนระดบั บณั ฑิตศึกษา สวํ นข๎อที่มีคาํ เฉลีย่ น๎อยท่สี ดุ คอื ผู๎เรียนมีพื้นฐานทีเ่ หมาะสม กับการศึกษาระดบั ประกาศนียบัตรบัณฑิต 1.3 ผลการประเมินหลักสูตรด๎านกระบวนการ ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เมื่อ พจิ ารณาเปน็ รายขอ๎ พบวาํ ขอ๎ ทม่ี ีคาํ เฉลี่ยมากทส่ี ุดคือ กระบวนการจัดระบบอาจารยท๑ ่ปี รึกษาเน๎นการให๎ความ ชวํ ยเหลอื และสนบั สนุนให๎นักศกึ ษาประสบความสาเรจ็ ในการศึกษามีความเหมาะสม สํวนข๎อที่มีคําเฉล่ียน๎อย ที่สุดคือ กระบวนการคดั เลือกนักศึกษาเข๎าศึกษาในหลักสูตรเน๎นการสรรหาผ๎ูที่มีความรู๎ความสามารถสูงเข๎า ศึกษามีความเหมาะสม และการจัดระบบการทวนสอบมาตรฐานผลการเรียนร๎ูหลังจากนักศึกษาสาเร็จ การศกึ ษามคี วามเหมาะสม 1.4 ผลการประเมินหลักสตู รดา๎ นผลผลิต ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เมื่อพิจารณา เป็นรายข๎อพบวํา ข๎อที่มีคําเฉลี่ยมากท่ีสุดคือ บัณฑิตท่ีสาเร็จการศึกษาเป็นผู๎มีความร๎ู ความสามารถทาง การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 88

วชิ าการเพยี งพอตอํ การปฏิบัติงานหรือการศึกษา สํวนข๎อที่มีคําเฉลี่ยน๎อยท่ีสุดคือ บัณฑิตมีความเข๎าใจอยําง ลึกซ้ึงเกยี่ วกบั การสอน 1.5 ผลการประเมินหลักสูตรด๎านผลกระทบ ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายขอ๎ พบวาํ ขอ๎ ทีม่ ีคําเฉลี่ยมากทส่ี ดุ คอื มหาวิทยาลัยได๎รบั การยอมรบั ทางการศึกษาด๎านวิชาชีพ ครูบัณฑติ ไดน๎ าผลงานวจิ ัยในชน้ั เรียนไปปรบั ใชใ๎ นสถานศึกษา สํวนข๎อทมี่ ีคาํ เฉลยี่ น๎อยที่สุดคือ บัณฑิตได๎รับเชิญ เปน็ ผ๎ูทรงคณุ วฒุ หิ รอื ผู๎เช่ียวชาญในการดาเนนิ งานตํางๆ ของสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา 1.6 ผลการประเมินหลักสูตรด๎านประสิทธิผล ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เมื่อ พจิ ารณาเป็นรายขอ๎ พบวํา ขอ๎ ทีม่ คี ําเฉลย่ี มากทีส่ ดุ คือ ผลการปฏบิ ัตงิ านของบณั ฑิตสํงผลตอํ ประสิทธิภาพด๎าน วิชาการภายในสถานศึกษา และบณั ฑติ มีความมัน่ ใจในองค๑ความร๎ูที่มีอยํูมากขึ้น สํวนข๎อที่มีคําเฉลี่ยน๎อยที่สุด คอื ประสิทธภิ าพดา๎ นการริเริม่ สรา๎ งสรรคอ๑ งคค๑ วามรหู๎ รอื นวตั กรรมใหมํ 1.7 ผลการประเมินหลักสูตรด๎านความยั่งยืน ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายขอ๎ พบวาํ ขอ๎ ทม่ี ีคําเฉลีย่ มากท่ีสดุ คือ อัตลักษณ๑ของหลักสูตร “เกมและสถานการณ๑จาลอง” และกิจกรรมนาเสนอผลงานวิจัย สํวนข๎อท่ีมีคําเฉลี่ยน๎อยที่สุดคือ การพัฒนาด๎านเทคโนโลยี นวัตกรรมและ แหลํงข๎อมลู และการพัฒนาทกั ษะทางภาษา 1.8 ผลการประเมินหลักสูตรด๎านการถํายโยงความรู๎ ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายข๎อพบวาํ ขอ๎ ทีม่ คี ําเฉล่ียมากที่สดุ คอื การตํอยอดแนวคิดจากการทาวิจัยในชั้นเรียน สํวน ข๎อทม่ี คี ําเฉล่ียนอ๎ ยท่ีสุดคือ การปรบั กลยทุ ธ๑ในการแก๎ป๓ญหา 2. ผลการศึกษาป๓ญหาและแนวทางการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู พบวาํ (1) ดา๎ นบรบิ ท พบวําชํวงเวลาการดาเนนิ การเรียนการสอนของหลกั สูตรไมสํ มั พนั ธก๑ ับชํวงเวลาการเปิด- ปิดภาคเรยี นของสถานศึกษาทีน่ กั ศึกษาปฏิบตั กิ ารสอน ควรทบทวนแผนการศึกษาของหลักสูตรให๎เป็นไปตาม ระบบการจดั การศกึ ษาระดับขัน้ พนื้ ฐาน (2) ด๎านปจ๓ จัยนาเข๎าพบวาํ ผ๎ูเรียนมคี วามรู๎และประสบการณ๑การสอน ในระดบั ช้ันทแ่ี ตกตาํ งกัน ควรมีการจัดช้ันเรียนตามระดับพ้ืนฐานความรู๎และประสบการณ๑การสอน (3) ด๎าน กระบวนการพบวาํ การจัดระบบนเิ ทศการสอนในการฝึกประสบการณ๑วิชาชพี ยังไมํเป็นระบบ ควรให๎ผ๎ูบริหาร สถานศึกษา อาจารย๑พ่เี ล้ียง และนกั ศึกษามสี วํ นรํวมในการกาหนดขน้ั ตอนการนิเทศการสอน (4) ด๎านผลผลิต พบวํา การสร๎างสื่อประกอบการเรียนการสอนยังไมํทันสมัย ควรมีการสอนการสร๎างส่ือการเรียนการสอน สมัยใหมํ (5) ดา๎ นผลกระทบพบวํา ขาดงบประมาณสนับสนุนการนาเสนอผลงานวิจัยในเวทีระดับนานาชาติ ควรหาแหลํงทนุ สนับสนนุ การนาเสนอผลงานวิจยั เพิม่ ขน้ึ อภปิ รายผลการวจิ ัย ผลจากการประเมินหลักสูตรประกาศนยี บัตรบณั ฑิตวชิ าชพี ครู (หลักสูตรปรบั ปรงุ พ.ศ.2556) และมปี ระเด็น ในการอภปิ รายผล ดังน้ี 1. จากผลการประเมินหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ในภาพรวมมีความเหมาะสมใน ระดบั มากนัน้ ซึ่งสอดคลอ๎ งกับแนวคดิ ของ วิชัย วงษใ๑ หญํ (2554: 14-20) และไทเลอร๑ (1963: 37) ที่กลําววํา การออกแบบหลักสูตรทีช่ ัดเจนนนั้ ควรออกแบบหลักสูตรให๎สอดคล๎องกับความต๎องการและควา มสนใจของ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 89

ผเ๎ู รียน รวมทัง้ สอดคล๎องกบั ความตอ๎ งการของสงั คม ทง้ั น้ีจะตอ๎ งพิจารณาถึงสิ่งทม่ี ากาหนดหลกั สูตร ซ่ึงจาเป็น สาหรบั นามาใช๎เป็นฐานขอ๎ มลู ในการพัฒนาหลักสตู รท้ังดา๎ นวิชาการ และดา๎ นคุณธรรมจรยิ ธรรมของผ๎เู รยี น 1.1 ผลการประเมินหลักสูตรดา้ นบริบท พบวําผ๎ูให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวมด๎านบริบทของ หลักสตู รมีความเหมาะสมอยํูในระดับมาก และเห็นวําเนื้อหาของหลักสูตรสามารถนาไปประยุกต๑ใช๎ได๎จริงมี ความเหมาะสมในระดับมากท่สี ดุ แสดงให๎เห็นวําเนื้อหาวิชาของหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูมี ความสอดคล๎องกบั โครงสร๎างของหลักสตู ร มคี ณุ คําทางวิชาการหรือวิชาชีพและสามารถนาไปใช๎ประโยชน๑ได๎ จรงิ ในสงั คม ทง้ั นอ้ี าจเนือ่ งมาจากอาจารย๑ประจาหลกั สตู รได๎พฒั นาหลักสตู รตามกระบวนการพัฒนาหลักสูตร อยํางเปน็ ระบบตามกรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดับอุดมศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. 2552 และผํานความเห็นชอบจาก สภามหาวิทยาลัย และรับทราบจากสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมทั้งผํานการรับรอง ประกาศนยี บตั รทางการศกึ ษาจากครุ สุ ภาจึงทาให๎หลักสูตรสามารถสํงเสรมิ คณุ ลักษณะสวํ นบุคคลของนักศึกษา ใหม๎ ีความเจรญิ งอกงามในหลายๆ ด๎าน ซ่ึงสอดคล๎องกับผลการวิจัยของ รัตนศิริ เข็มราช และคณะ (2558: 89) ท่ีได๎ประเมินหลักสูตรการศกึ ษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนภาษาอังกฤษในฐานะเป็นภาษาโลก พบวํา ผลการประเมินด๎านบรบิ ทของหลกั สูตร นสิ ิตมคี วามเหน็ วําเนื้อหารายวิชามคี วามเหมาะสมอยูํในระดับมากทส่ี ดุ ในสวํ นของอาจารย๑ผู๎สอนสรปุ ความเห็นได๎วําเนอ้ื หาของรายวิชาที่สอนมคี วามเหมาะสมทันสมยั กับหลกั สูตรแตํ ผส๎ู อนต๎องปรบั เปลี่ยนใหเ๎ หมาะสมกบั ความสามารถและประสบการณข๑ องผ๎เู รียนแตํละกลุํมปรับเปลี่ยนเน้ือหา บางสํวนให๎ทันสมัยยิ่งข้ึนและควรเพิ่มเติมผลงานการวิจัยหรือแนวปฏิบัติใหมํท่ีเป็นท่ียอมรับในวงวิชาการ / วิชาชีพใช๎เทคโนโลยีใหมๆํ เข๎ามาสงํ เสรมิ การเรียนรูด๎ ๎วยตัวเองตามศักยภาพ 1.2 ผลการประเมินหลักสูตรด้านปัจจัยนาเข้า พบวําผ๎ูให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวมด๎าน ปจ๓ จยั นาเข๎าของหลักสูตรมีความเหมาะสมอยูํในระดับมาก และเห็นวําอาจารย๑มีคุณวุฒิ ประสบการณ๑สอน และผลงานทางวชิ าการทเี่ หมาะสมตอํ การสอนระดับบัณฑิตศกึ ษามีความเหมาะสมอยูํในระดับมากท่ีสุด แสดง ให๎เห็นวําอาจารยผ๑ สู๎ อนในหลกั สูตรประกาศนยี บัตรบัณฑติ วิชาชีพครูเปน็ ผทู๎ มี่ ีลักษณะของความเป็นครูที่ดี ซ่ึง สอดคล๎องกบั แนวคิดของ ชนาธปิ พรกุล (2554: 42-44) ที่กลําวถึงลักษณะของครูที่สอนกระบวนการคิดท่ีดี จะต๎องมีความรอบรู๎ในเนื้อหาวิชาที่สอนอยํางลํุมลึก สามารถวิเคราะห๑สกัดเอาแกํนความร๎ูมาเสนอได๎อยําง แมนํ ยา และสังเคราะห๑ความรูน๎ ามาใชใ๎ ห๎เปน็ ประโยชนก๑ บั การเรยี นการสอน ทาศาสตรท๑ ีส่ อนใหม๎ ีความเข๎มแขง็ และเข๎มข๎น รวมท้ังเป็นแบบอยํางในการคิด การกระทาเพราะการกระทาของครูจะอยูํในสายตาของผ๎ูเรียน ตลอดเวลา หากครตู ๎องการให๎ผ๎ูเรียนมพี ฤติกรรมอยาํ งไร ครูควรนาสงิ่ น้นั มาแสดงให๎ผูเ๎ รยี นเหน็ ขณะทาการสอน ด๎วย นอกจากนี้ยังสอดคล๎องกับผลการวิจัยของ มาเรียม นิลพันธ๑ุ และคณะ (2554: 155) ที่ได๎ประเมิน หลกั สตู รปรัชญาดุษฎบี ัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร พบวํา ผลการประเมินด๎าน ป๓จจัยนาเข๎าของหลักสูตรมีความเหมาะสมในระดับมาก ข๎อที่มีคําเฉล่ียมากท่ีสุดคือ คุณวุฒิ ความร๎ู ประสบการณผ๑ ลงานทางวิชาการและผลงานวจิ ัยของอาจารย๑มศี กั ยภาพท่ีเหมาะสม 1.3 ผลการประเมินหลักสูตรด้านกระบวนการ พบวําผ๎ูให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวมด๎าน กระบวนการของหลักสตู รมีความเหมาะสมอยํูในระดับมาก และเหน็ วํากระบวนการจัดระบบอาจารย๑ท่ีปรึกษา เนน๎ การใหค๎ วามชํวยเหลือและสนับสนุนให๎นักศึกษาประสบความสาเร็จในการศึกษา มีความเหมาะสมอยูํใน ระดับมากท่ีสุด แสดงให๎เห็นวําระบบอาจารย๑ท่ีปรึกษาของหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู เป็น การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 90

กระบวนการทมี่ คี วามสาคญั อยาํ งมากตอํ ตวั นักศึกษาทั้งในด๎านของการเรียน และการใช๎ชีวิตทุกด๎านในสังคม และไมเํ พียงแตใํ นชํวงที่นักศึกษากาลังศึกษาอยํูในสถาบันอุดมศึกษาเทําน้ัน แตํยังเกี่ยวเน่ืองไปถึงการวางแผน อนาคตของนักศึกษาด๎วย ซึ่งสอดคล๎องกับแนวคิดของ ธีระดา ภิญโญ (2547: 19-20) ที่กลําววํา อาจารย๑ท่ี ปรกึ ษามคี วามสาคญั อยาํ งยงิ่ ตอํ การพัฒนาคณุ ภาพและความสาเร็จของนักศึกษาในทุกด๎านท้ังทางด๎านการเรียน ด๎านบคุ ลิกภาพ ด๎านการรํวมกิจกรรมของสถาบนั ด๎านสวสั ดกิ ารและการบริการ ด๎านการวางแผนชีวิตและการ ประกอบอาชพี และด๎านการอยูํรํวมกับสังคม นอกจากนี้ยังสอดคล๎องกับผลการวิจัยของ พัชรินทร๑ ศรีสวัสด์ิ (2546: 81) ท่ีได๎ประเมินหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหมํ พบวํา ผลการประเมิน หลักสูตรด๎านกระบวนการอาจารย๑ท่ีปรึกษาทั่วไป ในภาพรวมบทบาทอาจารย๑ท่ีปรึกษาทั่วไปที่ปฏิบัติจริงมี ความสอดคล๎องกับบทบาทที่คาดหวังของมหาบัณฑิตและนักศึกษา สํวนในด๎านคณะกรรมการท่ีปรึกษา วิทยานิพนธ๑นั้น บทบาทของคณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ๑ในสภาพที่เป็นจริงสอดคล๎องกับบทบาทที่ คาดหวงั ของมหาบณั ฑิตและนกั ศึกษา 1.4 ผลการประเมนิ หลกั สตู รดา้ นผลผลิต พบวําผ๎ูให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวมด๎านผลผลิต ของหลกั สูตรมีความเหมาะสมอยํใู นระดับมาก และเหน็ วําบัณฑติ ท่ีสาเร็จการศึกษาเป็นผ๎ูมีความรู๎ ความสามารถ ทางวชิ าการเพยี งพอตอํ การปฏบิ ัตงิ านหรือการศกึ ษามีความเหมาะสมอยํใู นระดับมาก แสดงให๎เห็นวําบัณฑิตที่ สาเรจ็ การศกึ ษาซ่งึ เป็นผลผลิตของหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูเป็นผู๎ที่มีความร๎ูความสามารถ และมีคุณลักษณะเป็นไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแหํงชาติ พ.ศ. 2552 ซึ่งสอดคล๎องกับ แนวคิดของ อภิณห๑พร สถิตย๑ภาคีกุล และคณะ (2555: 123) ที่ได๎กลําวถึง คุณลักษณะของครูในศตวรรษที่ 21 ของผท๎ู ี่จะเป็นครูควรเป็นผ๎ูท่ีมีความร๎คู วามสามารถในการเรยี นร๎ู (เป็นคนเกํง) มีเจตคตทิ ่ีดีตอํ วชิ าชีพครู ครู ในอนาคตจะมหี ลายรปู แบบทง้ั ท่ีเปน็ ครใู นหอ๎ งเรยี นและนอกหอ๎ งเรียน รวมทงั้ ต๎องมีคุณลักษณะและทักษะใน ศตวรรษท่ี 21 จงึ จะออกไปเปน็ ครูสอนผ๎ูเรียนในศตวรรษที่ 21 ได๎ นอกจากนี้ยังสอดคล๎องกับผลการวิจัยของ วิไล ทองแผํ (2546: 163-164) ท่ีได๎ประเมินหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู สถาบันราชภัฏเทพ สตรี พบวําผลการประเมินหลักสูตรด๎านผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรนั้น นักศึกษาได๎รับความรู๎และประสบการณ๑ เพิม่ ขึน้ ผส๎ู าเรจ็ การศกึ ษารนุํ ที่ 1 มผี ลการเรยี นเฉล่ีย 3.45 อยใํู นเกณฑไ๑ มพํ อใจ สวํ นพฤตกิ รรมการทางานของ ผ๎ูสาเร็จการศึกษา มีการนาความร๎ูและประสบการณ๑ไปใช๎ในการปฏิบัติงาน ผู๎บังคับบัญชามีความเห็นวํา คณุ ภาพการปฏิบตั ิงานของผ๎สู าเรจ็ การศึกษาหลงั จบการศกึ ษาสูงกวํากํอนไปศึกษาทัง้ รายด๎านและโดยภาพรวม อยาํ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ รี่ ะดบั .01 1.5 ผลการประเมินหลักสูตรด้านผลกระทบ พบวําผ๎ูให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวมด๎าน ผลกระทบของหลักสูตรมีความเหมาะสมอยูํในระดับมาก และเห็นวํามหาวิทยาลัยได๎รับการยอมรับทาง การศกึ ษาดา๎ นวิชาชีพครูและบัณฑติ ไดน๎ าผลงานวจิ ัยในช้ันเรยี นไปปรบั ใชใ๎ นสถานศึกษามคี วามเหมาะสมอยํูใน ระดับมาก แสดงให๎เห็นวําภายหลังจากท่ีบัณฑิตสาเร็จการศึกษาไปแล๎วบัณฑิตได๎นาความร๎ูด๎านตํางๆ เชํน ความเปน็ ครู หลักสตู ร และการวจิ ยั เพ่อื พัฒนาการเรยี นรู๎ ไปพัฒนาตนเองอยํางตอํ เนือ่ ง โดยเฉพาะอยาํ งยิง่ ทักษะ การวิจัยท่ีหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูของมหาวิทยาลัยธนบุรี ได๎กาหนดไว๎ในข๎อกาหนดของ หลักสูตรให๎นกั ศึกษาสามารถทางานวจิ ัยในชั้นเรียนและนาเสนอผลงานวิจัยในช้ันเรียนตํอคณะกรรมการสอบ หรอื นาเสนอที่ประชมุ ทางวิชาการทีม่ ีรายงานการประชุม (Proceeding) สํงผลให๎บัณฑิตของมหาวิทยาลยั ไดร๎ ับ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 91

การยอมรบั ทางด๎านวชิ าชพี ครู ซ่ึงสอดคลอ๎ งกับผลการวิจัยของ นุกูล บารุงไทย และคณะ (2552: 21-24) ที่ได๎ ติดตามผลผสู๎ าเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศกึ ษาของศนู ย๑วทิ ยบริการนอกจังหวดั พิษณโุ ลก มหาวิทยาลัยนเรศวร พบวํา ผ๎ูสาเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ประจาปีการศึกษา 2550 ได๎รับการยอมรับในด๎านตํางๆ ใน ภาพรวมอยํูในระดับมาก ( x = 4.34) และนายจ๎าง/ ผ๎ูประกอบการ/ ผู๎ใช๎บัณฑิตท่ีสาเร็จการศึกษาระดับ บณั ฑติ ศึกษา มีความพงึ พอใจตอํ มหาบัณฑิตในภาพรวมอยูํในระดับมาก ( x = 4.16) นอกจากนี้ยังสอดคล๎อง กบั ผลการวิจัยของ มาเรียม นิลพันธ๑ุ (2555: 123) ที่ได๎ประเมินหลักสูตรศึกษาศาสตร๑มหาบัณฑิต สาขาวิชา หลักสูตรและการนิเทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร พบวํา ด๎านผลกระทบของหลักสูตรโดยภาพรวมและรายข๎อมี ความเหมาะสมอยใูํ นระดับมาก สามารถนาความร๎แู ละประสบการณท๑ ่ีได๎รบั ไปใชใ๎ นการพฒั นางาน และวิชาชีพ ของตนเอง สามารถประยกุ ต๑ใชแ๎ นวคิดทางด๎านหลักสูตรและการนเิ ทศไปพฒั นางาน 1.6 ผลการประเมินหลักสูตรด้านประสิทธิผล พบวําผู๎ให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวมด๎าน ประสิทธิผลของหลักสตู รมีความเหมาะสมอยูํในระดับมาก และเห็นวําผลการปฏิบัติงานของบัณฑิตสํงผลตํอ ประสิทธิภาพด๎านวิชาการภายในสถานศึกษา และบัณฑิตมีความมั่นใจในองค๑ความรู๎ที่มีอยํูมากขึ้นมีความ เหมาะสมอยใํู นระดบั มาก แสดงให๎เห็นวําผลท่ีเกิดกับบัณฑิตท่ีสาเร็จการศึกษาจากหลักสูตรมีความคุ๎มคําท้ัง การเพิ่มพูนความร๎ูหรือนาความรู๎ไปใช๎ในการทางานและพัฒนาพฤติกรรมในการทางาน ซ่ึงสอดคล๎องกับ เปูาหมายของนโยบายการพัฒนาบณั ฑิตอดุ มคตขิ องไทย พ.ศ.2554-2558 ที่กาหนดให๎บัณฑิตไทยมีสมรรถนะ และทักษะการเรยี นรู๎ในศตวรรษที่ 21 พรอ๎ มในการทางานและมขี ดี ความสามารถในระดบั สากล สอดคล๎องกับ ความตอ๎ งการของผ๎ใู ช๎บณั ฑติ ในสาขาอาชพี ตํางๆ และผลิตบณั ฑติ ท่ีสะทอ๎ นตามจดุ เนน๎ ของสถาบนั เปน็ บัณฑติ ที่ เกํงทง้ั วชิ าการและวชิ าชพี โดยคานึงถึงเกณฑม๑ าตรฐานทางวิชาการและวิชาชพี นัน้ ๆ (สานักงานคณะกรรมการการ อุดมศึกษา,2554: 3-4) นอกจากน้ยี งั สอดคลอ๎ งกบั ผลการวิจยั ของ เสทื้อน เทพรงทอง และคณะ (2560: 378- 379) ทไี่ ดป๎ ระเมนิ หลกั สตู รครศุ าสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาองั กฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พบวํา ด๎านประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลของการบรหิ ารจัดการหลกั สูตร ทป่ี ระเมินโดยนกั ศกึ ษาประเมินตนเอง และ ผ๎ูบริหารและอาจารย๑พ่ีเล้ียงประเมินนักศึกษาปีสุดท๎าย ในภาพรวมมีคุณลักษณะหรือพฤติกรรมตามผลการ เรียนรตู๎ ามกรอบมาตรฐานคณุ วุฒิระดับอุดมศึกษาระดับมากถึงมากท่ีสุด และนักศึกษารายบุคคลทุกคนผําน การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิการเรยี นรู๎ในภาพรวมทั้งหมด 1.7 ผลการประเมินหลกั สูตรด้านความยัง่ ยืน พบวําผู๎ใหข๎ อ๎ มลู มีความเหน็ วาํ ในภาพรวมด๎านความ ยั่งยนื ของหลกั สตู รมีความเหมาะสมอยใํู นระดับมาก และเหน็ วาํ อัตลกั ษณ๑ของหลักสูตร “เกมและสถานการณ๑ จาลอง” และกิจกรรมนาเสนอผลงานวิจัยมีความเหมาะสมในระดับมาก ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะหลักสูตร ประกาศนยี บตั รบัณฑติ วิชาชีพครูมวี ัตถุประสงคเ๑ พ่ือผลติ ครูที่มคี วามสามารถในการจัดการเรียนรู๎มีความรอบร๎ู ในหลักวิชาการและจิตวิญญาณครู โดยอาจารย๑ผ๎ูสอนได๎จัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองตํออัตลักษณ๑ของ หลักสูตรและสอดคล๎องกับเนื้อหาสาระของหลักสูตร รวมทั้งนักศึกษามีการแลกเปลี่ยนเรียนรู๎รํวมกันกับ อาจารย๑ที่ปรึกษางานวิจยั และกับเพ่อื นรวํ มชนั้ เรยี น อนั นาไปสํูการพัฒนาองค๑ความรอ๎ู ยํางแท๎จรงิ เปน็ ผลใหผ๎ ู๎ใช๎ บัณฑติ เห็นวาํ ผลการปฎิบัติงานของบัณฑิตสํงผลถึงการคงความเป็นหลกั สูตรท่ีดีในดา๎ นอัตลกั ษณ๑ของหลักสูตร และกจิ กรรมการนาเสนอผลงานวิจัย ดว๎ ยเหตุนี้ความสามารถในการทางานวิจัยเป็นความร๎แู ละสมรรถนะหนึ่งท่ี สาคัญของผ๎ปู ระกอบวชิ าชีพครู ซึง่ สอดคล๎องกับประกาศคณะกรรมการครุ สุ ภาเร่อื ง สาระความร๎สู มรรถนะและ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 92

ประสบการณว๑ ชิ าชพี ของผูป๎ ระกอบวชิ าชีพครู ผ๎ูบริหารสถานศึกษา ผบ๎ู รหิ ารการศึกษา และศึกษานิเทศก๑ตาม ข๎อบังคับคุรุสภาวําด๎วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 ได๎กาหนดให๎ผู๎ประกอบวิชาชีพครูต๎องมีความร๎ูและ สมรรถนะการวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาการเรียนรปู๎ ระกอบดว๎ ยสาระความร๎ไู ด๎แกํ หลักการแนวคดิ แนวปฏิบัติในการวิจัย และการใช๎และผลิตงานวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนร๎ู (2) สมรรถนะได๎แกํ สามารถนาผลการวิจัยไปใช๎ในการ จดั การเรียนการสอนและสามารถทาวิจัยเพอื่ พฒั นาการเรียนการสอนและพัฒนาผ๎ูเรียน (สานักงานเลขาธิการ ครุ ุสภา, 2556: 45) 1.8 ผลการประเมินหลกั สูตรดา้ นการถ่ายโยงความรู้ พบวําผู๎ให๎ข๎อมูลมีความเห็นวําในภาพรวม ด๎านการถํายโยงความรขู๎ องหลกั สตู รมคี วามเหมาะสมอยใูํ นระดับมาก และเห็นวาํ การตํอยอดแนวคิดจากการทา วจิ ัยในชน้ั เรยี นมีความเหมาะสมในระดบั มาก สอดคลอ๎ งกบั แนวคดิ ของ เรณุมาศ มาอุํน (2559: 170) ท่ีกลําว วํา หลักสูตรระดับบัณฑิตศกึ ษาเปน็ หลกั สตู รท่ีประกอบด๎วยประสบการณท๑ างวิชาการเฉพาะดา๎ น ข้ันสงู ทล่ี มํุ ลึก เพื่อความเป็นนกั วิชาการขน้ั สูงในสาขาวิชานัน้ ๆ ของผ๎เู รียน โดยมุงํ หวงั ใหผ๎ ส๎ู าเร็จการศกึ ษาในระดบั นี้ สามารถ สร๎างองค๑ความรู๎ใหมํได๎ด๎วยตนเองจากการค๎นคว๎าวิจัย และสามารถนาองค๑ความร๎ูน้ันไปใช๎ประโยชน๑ในกา ร พัฒนาสังคมประเทศชาติ นอกจากนี้ยังสอดคล๎องกับผลการวิจัยของ มาเรียม นิลพันธ๑ุ และคณะ (2554: 156) ทีไ่ ด๎ประเมนิ หลกั สูตรปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑติ สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร พบวํา ผล การประเมินด๎านการถํายโยงความรู๎ของหลักสูตรมีความเหมาะสมในระดับมาก ข๎อ ท่ีมีคําเฉล่ียมากที่สุดคือ บัณฑิตนาความร๎ูไปปฎิบัติงานได๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงและประยุกต๑กับความต๎องการของชุมชนโดยการ ปรับปรงุ และการนาไปใช๎เกย่ี วกบั แนวคดิ และทฤษฎีใหมใํ ห๎เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง 2. จากผลการศึกษาปญ๓ หาและแนวทางการพฒั นาปรับปรุงหลักสตู รประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพ ครูพบวาํ มีป๓ญหาและข๎อเสนอแนะในด๎านตํางๆ ดังนี้ 2.1 ชํวงเวลาการดาเนินการเรียนการสอนของหลักสูตรไมํสัมพันธ๑กับชํวงเวลาการเปิด -ปิดภาค เรียนของสถานศกึ ษาท่นี กั ศกึ ษาปฏบิ ตั ิการสอน ควรทบทวนแผนการศึกษาของหลักสูตรให๎เป็นไปตามระบบ การจัดการศึกษาระดบั ข้นั พื้นฐาน 2.2 ผ๎ูเรยี นมคี วามรแ๎ู ละประสบการณ๑การสอนในระดับชนั้ ทแี่ ตกตํางกนั ควรมีการจัดชั้นเรียนตาม ระดบั พ้ืนฐานความร๎แู ละประสบการณก๑ ารสอน 2.3 การจัดระบบนิเทศการสอนในการฝึกประสบการณ๑วิชาชีพยังไมํเป็นระบบ ควรให๎ผ๎ูบริหาร สถานศึกษา อาจารย๑พีเ่ ลี้ยง และนักศกึ ษามสี วํ นรํวมในการกาหนดขัน้ ตอนการนิเทศการสอน 2.4 การสรา๎ งสือ่ ประกอบการเรียนการสอนยังไมทํ ันสมยั ควรมีการสอนการสร๎างสื่อการเรียนการ สอนสมยั ใหมํ 2.5 ขาดงบประมาณสนับสนุนการนาเสนอผลงานวิจัยในเวทีระดับนานาชาติ ควรหาแหลํงทุน สนบั สนุนการนาเสนอผลงานวจิ ัยเพิม่ ขน้ึ โดยสรุปจากการพิจารณาผลการประเมินหลักสูตรโดยใช๎รูปแบบการประเมินของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) เปน็ แนวทางในการประเมินหลักสตู ร เนอ่ื งจากรปู แบบการประเมนิ แบบ CIPPIEST Model เป็น รูปแบบการประเมินที่ครอบคลุมองค๑ประกอบทุกด๎านของหลักสูตรอยํางมีเหตุผลและเป็นระบบ ไมํเน๎นการ วเิ คราะหจ๑ ดุ ใดจุดหนึ่ง แตเํ ป็นรปู แบบการประเมนิ ที่มคี วามตอํ เนื่องทาให๎ได๎ข๎อมูลท่ีครบถ๎วน ซึ่งจะนาไปสํูการ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 93

ตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรโดยการตัดสินใจเพ่ือทบทวนหลักสูตรเป็นการตัดสินใจที่ใช๎ผลจากการประเมิน ผลผลติ อันเกดิ จากการใช๎หลกั สูตรเสร็จสนิ้ แลว๎ เพอ่ื พจิ ารณาปรับปรุงแก๎ไขหลักสูตรตํอไปหรือยกเลิกการใช๎ หลกั สตู ร (มาเรยี ม นลิ พันธ,๑ุ 2553: 31-32; มารตุ พัฒผล, 2556: 106) ข๎อเสนอแนะของผ๎ูให๎ข๎อมูลสามารถ เปน็ แนวทางในการปรับปรงุ หลักสูตรครั้งตํอไป บทบาทของหลักสูตรในการปรับปรุงหลักสูตรคือการแตํงต้ัง คณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรซ่ึงประกอบด๎วยคณาจารย๑ในหลักสูตรและผู๎เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อวิพากษ๑ หลกั สตู ร อยาํ งไรกต็ ามคณะผู๎วิจัยพบวําในการปรับปรุงบางองค๑ประกอบได๎แกํ สภาพแวดล๎อมทางกายภาพ วัสดุอุปกรณ๑ และส่งิ อานวยความสะดวก (I3) และงบประมาณในการผลิตบัณฑิต (I4) การให๎บริการและการ สนบั สนุน (Pc 7) หลกั สตู รอาจจะไมมํ ีอานาจในการปรบั ปรงุ มากนักเนอื่ งจากเป็นอานาจการตัดสินใจของคณะ ผู๎บริหารมหาวทิ ยาลยั ธนบรุ ีโดยตรง สิ่งทหี่ ลักสูตรสามารถกระทาได๎ในการปรับปรุงองค๑ประกอบดังกลําวคือ นาปญ๓ หาและขอ๎ เสนอแนะตํางๆ ท่ีได๎จากการประเมนิ หลักสตู รไปจัดทาแผนการดาเนินงานปรับปรุงหลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู แล๎วเสนอตํอคณะกรรมการประจาบัณฑิตวิทยาลัยและคณะผู๎บริหาร ระดับสูงของมหาวทิ ยาลยั เพื่อพจิ ารณาและมอบนโยบายรวมท้งั งบประมาณ เพ่ือนาไปสํูการปฏิบัติจริง ดังจะ เห็นได๎วําการปรับปรุงหลักสูตรเป็นการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรท่ีกระทาเป็นองค๑รวมไปพร๎อมกัน ณ เวลา เดียวกันท้ังหมด มิใชํเพียงสํวนใดสํวนหน่ึง (Oliva, 2001: 28–41; 2005: 26–38) ผู๎บริหารจึงควรนาผลการ ประเมินไปใชป๎ ระกอบการตดั สนิ ใจเกีย่ วกบั หลักสูตรตามชวํ งเวลาของการดาเนินการหลักสูตร ซึ่งจะทาให๎ผล การประเมินหลักสูตรมีคุณคํา เกิดประโยชน๑ตํอหลักสูตรและมีความค๎ุมคํากับการลงทุนที่ได๎มีการประเมิน หลักสตู ร (พิชติ ฤทธ์ิจรญู ,2558: 13) ดงั น้ันการปรบั ปรงุ หลกั สตู รครง้ั นีจ้ ะดาเนินการใหส๎ าเรจ็ ไดห๎ รือไมํอาจจะ ตอ๎ งขึน้ อยกูํ บั นโยบายและการมสี วํ นรวํ มรบั ผิดชอบจากคณะกรรมการประจาบณั ฑิตวิทยาลยั และคณะผบู๎ รหิ าร ระดับสงู ของมหาวิทยาลยั มใิ ชํจากหลกั สตู รเปน็ ผรู๎ ับผิดชอบหลกั สตู รแตํเพยี งผ๎ูเดยี ว ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการประเมินหลักสูตรไปใช้ 1.1 ผลการวิจัยด๎านบรบิ ท พบวํา แผนการศึกษามคี วามเหมาะสมและตอบสนองความต๎องการของ ผเู๎ รยี น ซงึ่ เปน็ ข๎อทีม่ ีคําเฉล่ียอยูใํ นระดับมากแตกํ ต็ า่ กวําข๎ออ่ืนๆ ดงั นน้ั ควรทบทวนแผนการศกึ ษาของหลักสตู ร ให๎สอดคล๎องกบั ปฏิทินการศึกษาและแผนการฝกึ ประสบการณ๑วิชาชีพครู เพ่ือลดป๓ญหากิจกรรมซับซ๎อนกันใน แตลํ ะภาคการศกึ ษา 1.2 ผลการวจิ ยั ด๎านป๓จจัยนาเขา๎ พบวาํ ผ๎เู รยี นมีพ้ืนฐานทเ่ี หมาะสมกบั การศึกษาระดับประกาศนยี บตั ร บณั ฑติ ซ่งึ เป็นข๎อที่มีคําเฉลยี่ อยใํู นระดบั มากแตกํ ็ตา่ กวําขอ๎ อ่นื ๆ ดงั นั้น ควรมกี ารจัดช้ันเรียนตามระดับพน้ื ฐาน ความรู๎และประสบการณ๑ในการสอน รวมทั้งนักศึกษาทุกคนจะต๎องเข๎ารํวมโครงการเตรียมความกํอนเข๎าศึกษา ระดับบัณฑิตศกึ ษา เพื่อคัดกรองนักศกึ ษาและพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาทัง้ กอํ นเรียนและระหวํางเรียน 1.3 ผลการวจิ ยั ดา๎ นกระบวนการ พบวํากระบวนการคัดเลือกนักศึกษาเข๎าศึกษาในหลักสูตรเน๎น การสรรหาผูท๎ ี่มีความรคู๎ วามสามารถสงู เข๎าศึกษามคี วามเหมาะสม และการจดั ระบบการทวนสอบมาตรฐานผล การเรียนรหู๎ ลงั จากนักศึกษาสาเรจ็ การศึกษา ซ่ึงเป็นข๎อที่มีคําเฉลี่ยอยํูในระดับมากแตํก็ต่ากวําข๎ออื่นๆ ดังน้ัน คณะกรรมการบริหารหลกั สตู รประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชพี ครูควรรํวมกันทบทวนกระบวนการรับนักศึกษา การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 94

และกระบวนการทวนสอบมาตรฐานผลการเรียนร๎ใู นคมํู อื การปฏิบัติงานเพ่ือให๎ข้ันตอนการปฏิบัติงานและผลการ ปฏบิ ตั ิงานตามกระบวนการมีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลมากขนึ้ 1.4 ผลการวิจัยด๎านผลผลติ พบวําบณั ฑติ มีความเข๎าใจอยํางลึกซึ้งเก่ียวกับการสอน ซ่ึงเป็นข๎อท่ีมี คาํ เฉลยี่ อยูํในระดับมากแตํก็ต่ากวําขอ๎ อน่ื ๆ ดงั นั้นคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รควรรวํ มกนั วางแผนการพฒั นา ศกั ยภาพผ๎ูเรียนใหส๎ อดคล๎องกับรปู แบบการเรียนร๎ใู นศตวรรษที่ 21 เพือ่ มงํุ สคํู วามเป็นครูมืออาชพี 1.5 ผลการวิจัยด๎านผลกระทบ พบวําบัณฑิตได๎รับเชิญเป็นผ๎ูทรงคุณวุฒิหรือผ๎ูเช่ียวชาญในการ ดาเนนิ งานตํางๆ ของสถานศึกษาและนอกสถานศกึ ษา ซ่ึงเป็นขอ๎ ทีม่ ีคําเฉล่ียอยํใู นระดบั มากแตกํ ต็ า่ กวาํ ข๎ออืน่ ๆ ดังนั้นคณะกรรมการบริหารหลักสตู รควรรํวมกันเตรียมความพร๎อมในการออกแบบเนื้อราย วิชาหรือกิจกรรม เสริมความเป็นครูท่ีมุํงพฒั นาคณุ ลกั ษณะพิเศษของนกั ศึกษา 2. ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การวิจัยคร้งั ตอ่ ไป 2.1 ควรมกี ารประเมนิ หลกั สูตรประกาศนียบตั รบัณฑติ วชิ าชพี ครู มหาวิทยาลัยธนบุรี โดยกาหนด ขอบเขตการประเมนิ ตามกรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั อดุ มศึกษา รวมทั้งประเมินตามมาตรฐานและเกณฑ๑การ รับรองประกาศนียบตั รบณั ฑติ วิชาชีพครู 2.2 ควรมีการประเมนิ หลกั สูตรประกาศนยี บัตรบณั ฑิตวิชาชีพครู ในรูปแบบของการวิพากษ๑ โดย เชญิ ผูท๎ รงคุณวุฒิภายนอก อาจารยผ๑ ส๎ู อน ผใ๎ู ช๎บัณฑติ และบณั ฑิต มาใหข๎ ๎อคิดเห็น เพ่ือให๎ได๎ข๎อเสนอแนะและ ข๎อมลู เชิงลึกเพิม่ ขึน้ อันเปน็ ประโยชน๑อยํางมาก เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญตั สิ ภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 .[Online], สืบค๎นเมอ่ื 4 กุมภาพนั ธ๑ 2561.Available from http://www.otep.go.th/?p=otep-page&id=522 กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2547). ประกาศครุ ุสภาเรื่องการรับรองปริญญาและประกาศนยี บตั รทางการศกึ ษา เพือ่ การประกอบวชิ าชพี .[Online], สบื ค๎นเมอื่ 22 พฤษภาคม 2560.Available from http:// alumni. rtu.ac.th/doc/Degree_certificate.pdf ชนาธิป พรกลุ . (2554). การสอนกระบวนการคดิ ทฤษฎีการนาไปใช้. กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พแ๑ หํงจุฬาลงกรณ๑ มหาวทิ ยาลัย. ทีปทศั น๑ ชินตาปญ๓ ญากลุ และคณะ.(กรกฎาคม – ธนั วาคม, 2560). “การประเมนิ หลักสูตรแนวใหมํ : รูปแบบ CIPPIEST”. พยาบาลตารวจ. 9(2): 204-213. ธีระดา ภิญโญ. (2547). รายงานการวจิ ยั เร่อื งบทบาทอาจารย์ท่ีปรกึ ษาตามความคิดเหน็ ของนักศึกษา ปรญิ ญาตรีมหาวิทยาลยรั าชภัฏในกลมุ่ รัตนโกสินทร์. กรงุ เทพ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทา. นกุ ูล บารงุ ไทย และคณะ. (2552). รายงานการวจิ ยั เรื่องการตดิ ตามผลผสู้ าเรจ็ การศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศกึ ษา ของศูนย์วิทยบริการนอกจังหวัดพษิ ณุโลกและความพึงพอใจของผูใ้ ชผ้ ูส้ าเรจ็ การศึกษาที่สาเรจ็ การศึกษาปีการศึกษา 2550 มหาวิทยาลัยนเรศวร. พิษณุโลก: บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั นเรศวร. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 95

พัชรินทร๑ ศรีสวสั ด์ิ. (2546). การประเมนิ หลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. วิทยานิพนธ๑ หลกั สูตรปริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าวจิ ัยและสถิติศึกษา บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยเชยี งใหมํ. พชิ ิต ฤทธ์ิจรญู .(มกราคม – มถิ ุนายน, 2558). “การประเมนิ หลกั สูตร: แนวคดิ กระบวนการและการใช๎ผลการ ประเมิน”. ศึกษาศาสตร์ มสธ. 8(1): 13-28. มหาวิทยาลัยธนบรุ .ี (2556). หลักสตู รประกาศนยี บตั รบัณฑิตวิชาชพี ครู (หลกั สูตรปรับปรุง พ.ศ.2556). กรงุ เทพฯ : บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธนบุร.ี มารตุ พฒั ผล.(2556). การประเมนิ หลกั สูตรเพ่อื การเรยี นร้แู ละพัฒนา.(พมิ พค๑ รง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ: จรญั สนทิ วงศ๑การพิมพ.๑ มาเรยี ม นลิ พนั ธ๑.ุ (2553). “การประเมินหลักสตู รที่เนน๎ การตัดสนิ ใจโดยใช๎วิธีเชิงระบบโดยใชร๎ ูปแบบ CIPP MODEL”.คมู่ ือการประเมนิ หลักสตู รระดับบัณฑติ . นครปฐม: บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, 30-35. มาเรยี ม นิลพันธุ๑ และคณะ.(2554). รายงานการวจิ ัยเร่อื งการประเมินหลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑติ สาขาวิชาหลักสตู รและการสอน คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. นครปฐม: คณะ ศกึ ษาศาสตร๑ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. มาเรียม นลิ พันธุ๑.(2555). รายงานการวิจัยเร่อื งการประเมนิ หลักสูตรศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ า หลักสูตรและการนิเทศ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร. นครปฐม: คณะศึกษาศาสตร๑ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. รตั นศิริ เขม็ ราช และคณะ. (2558).รายงานการวิจัยเรอื่ งการประเมินหลักสูตรการศึกษามหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการสอนภาษาอังกฤษในฐานะเป็นภาษาโลก. ชลบรุ :ี คณะศกึ ษาศาสตร๑มหาวทิ ยาลัยบรู พา. เรณมุ าศ มาอํุน. (กรกฏาคม – ธนั วาคม, 2559).การจดั การเรียนการสอนในระดบั อุดมศกึ ษาอยาํ งมี ประสิทธภิ าพ.เทคโนโลยภี าคใต้. 9(2): 196-176. วิชยั วงษ๑ใหญํ. (2554). การพัฒนาหลักสตู รระดับอดุ มศกึ ษา.(พมิ พค๑ รั้งท่ี 2). กรุงเทพฯ : อาร๑แอนดป๑ ร้นิ จากัด. วไิ ล ทองแผ.ํ (2546). รายงานการวิจยั เร่ืองการประเมินหลกั สตู รประกาศนยี บัตรบัณฑิตวชิ าชีพครสู ถาบัน ราชภฏั เทพสตรี. ลพบรุ :ี คณะครศุ าสตร๑ สถาบันราชภฏั เทพสตรี. สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา.(2558). ใบประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา กบั ป.บณั ฑติ : ผู้ท่ีจบสาขา อืน่ แล้วต้องการเป็นครู.[Online], สบื ค๎นเม่อื 4 กมุ ภาพนั ธ๑ 2561.Available from http://www.ksp.or.th/ksp2013/ content/view.php?mid=92&did=784 สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา.(2554). นโยบายการพฒั นาบัณฑติ อุดมคติของไทย.จดหมายขา่ ว สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา.2 (74):1-3. สานกั งานเลาธกิ ารคุรสุ ภา.(2556). ประกาศคณะกรรมการครุ สุ ภาเรื่องสาระความรู้สมรรถนะและ ประสบการณ์วิชาชีพของผ้ปู ระกอบวิชาชพี ครูผู้บริหารสถานศึกษาผู้บรหิ ารการศึกษาและ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 96

ศกึ ษานเิ ทศก์ตามขอ้ บงั คบั คุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชพี พ.ศ. 2556.ราชกจิ จานเุ บกษา เลมํ 130 ตอนพิเศษ 156ง 12 พฤศจกิ ายน 2556. เสทอ้ื น เทพรงทอง และคณะ. (มกราคม – มถิ ุนายน, 2560). “การวจิ ยั ประเมินหลักสตู รครุศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาองั กฤษ คณะครศุ าสตร๑ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี”. มนุษย์ศาสตรแ์ ละ สงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอบุ ลราชธานี. 8(1): 373-385. อภณิ หพ๑ ร สถิตย๑ภาคีกุล และคณะ.(2555).รายงานการวิจยั เรอ่ื ง การวจิ ัยและพัฒนาหลกั สูตรการผลติ ครูใน ศตวรรษท่ี 21 :กรณศี กึ ษาคณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: คณะครุศาสตร๑ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรมราช. Oliva, P. F. (2001). Developing the curriculum. NY: Longman. ________. (2005). Developing the curriculum. NY: Pearson Education. Stufflebeam, D. L.(2003). “The CIPP model for evaluation.”In The international handbook of educational evaluation, Chapter 2.Edited by D.L.Stufflebeam and T. Kellaghan. Boston: kluwer Academic Publishers. Tyler, R.W. (1969). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago : University of Chicago Press. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 97

การเปรียบเทยี บผลการจดั ประสบการณ์ทางดนตรีระหว่างการใช้กลองชุดและการใช้ เปยี โนทส่ี ่งผลต่อชว่ งความสนใจของเด็กอนบุ าล COMPAeING THE EFFECT OF MUSICAL EXPEeIENCES PeOVIDING nETWEEN USING DeUM KIT AND PIANO ON PeESCHOOLEe’S ATTENTION INTEeVAL พงศกร เลศิ ศกั ด์วิ รกุล1 วลั ภา สถริ พนั ธุ2์ โรงเรยี นอนุบาลหลานย่าโม มหาวิทยาลยั วงษช์ วลติ กุล E-mail : [email protected] [email protected] บทคดั ย่อ วตั ถปุ ระสงคข๑ องการวิจัยในครั้งน้ี คอื เพอ่ื เปรยี บเทียบผลการจัดประสบการณ๑ทางดา๎ นดนตรีระหวําง การใช๎กลองชดุ และเปียโนทสี่ ํงผลตํอชํวงความสนใจของเดก็ อนบุ าล กลุํมตัวอยาํ งทใี่ ช๎ไดม๎ าโดยวธิ ีการเลอื กแบบ เจาะจงจานวนท้งั สนิ้ 4 คน อายรุ ะหวําง 4 – 5 ปี โดยแบงํ ออกเปน็ เด็กที่เลือกทากิจกรรมเกี่ยวกับกลองชุด 2 คน และเปยี โน 2 คน ทาการจัดประสบการณท๑ างด๎านดนตรีให๎กลุํมตัวอยํางสปั ดาหล๑ ะ 1 ชว่ั โมง รวมท้งั ส้ิน 24 ช่ัวโมง เก็บรวบรวมข๎อมลู 3 ระยะ ไดแ๎ กํ ระยะกอํ นการทดลอง ระยะระหวํางการทดลอง และระยะหลังการ ทดลอง ผลการวจิ ยั พบวาํ กลมุํ ตวั อยาํ งท่ีเลือกทากจิ กรรมเปียโนมีคําคะแนนพฤติกรรมที่แสดงความไมํสนใจ ลดลงมากกวาํ กลุมํ ตวั อยาํ งท่เี ลือกทากจิ กรรมกลองชดุ คาสาคญั :ดนตรีสาหรับเดก็ , ชวํ งความสนใจ, เดก็ อนบุ าล ABSTRACT The aim of this research is comparing the effect of musical experiences providing between using drum kit and piano on preschooler’s attention interval. The samples are 4 kids in age 4 - 5 years old that selected by purposive sampling and separated to 2 groups as follows; using drum kit and using piano. Musical experiences providing 1 hour a week for 24 weeks. The information collected by 3 phases are before experiences providing, during experiences providing and after experiences providing. The result of this research found that the samples who used piano has decreasing the score of Attention Deficit Hyperactivity Disordermore than the samples who used drum kit. KEYWORDS:MUSIC FOR KID, ATTENTION INTERVAL, PRESCHOOLER การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 98

บทนา ชํวงความสนใจเป็นสํวนหน่ึงของความสามารถด๎านสติป๓ญญา จากผลรายงานวิจัย พบวํา เด็กไทย ปจ๓ จุบนั มีความจดจํอใสใํ จลดลงและต่ากวํามาตรฐานเมอ่ื เปรียบเทยี บกบั เกณฑ๑ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า (ลัด ดา เหมาะสวุ รรณ, 2547) การจดจํอใสใํ จสงํ ผลตอํ การเรียนรูข๎ องเดก็ เนอ่ื งจากการจดจํอใสํใจจะสงํ ผลการรับรู๎ ในด๎านการจดจาของเดก็ เด็กท่ีมีชํวงระยะการจดจํอมากจะสามารถจดจารับร๎ูได๎ดีกวํา และสํงผลให๎มีระดับ ป๓ญญาที่ดีขึ้น (Cowen et al, 2005) เด็กท่ีมีชํวงความสนใจท่ีส้ันจะทาให๎ขาดการรับรู๎ การคิดเชื่อมโยง ระหวํางความรู๎เดิมและความรใ๎ู หมํ (สุรางค๑ โค๎วตระกลู , 2548) การสํงเสรมิ ใหเ๎ ด็กอนุบาลมชี วํ งความสนใจที่ดขี ึน้ สามารถสงํ เสรมิ ไดโ๎ ดยวิธีที่หลากหลาย โดยอาจสรา๎ ง ความรํวมมือรํวมกนั ระหวาํ งพอํ แมํ ผูป๎ กครอง ครู และชุมชน สร๎างความเข๎าใจท่ีถูกต๎องเกี่ยวกับการสํงเสริม เดก็ ธิดา พทิ ักษส๑ ินสขุ (2555) ไดน๎ าเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมเพ่ือสงํ เสริมการจดจอํ ใสํใจไว๎ ดังนี้ 1. การสํงเสริมความกระตอื รอื รน๎ และความสนใจของเดก็ 1.1 ใหโ๎ อกาสเด็กเกดิ การค๎นพบดว๎ ยตนเองทงั้ จากกจิ กรรมของเลํนและอปุ กรณ๑ทห่ี ลากหลาย 1.2 ใหเ๎ ด็กตั้งคาถามแล๎วชํวยกันคน๎ หาคาตอบดว๎ ยกนั 1.3 ใหโ๎ อกาสเดก็ ไดเ๎ สนอความคิดเหน็ 1.4 ให๎เด็กได๎เลอื กทาในส่งิ ที่ตนสนใจ 1.5 เลํนเกมถามตอบ เพอ่ื กระตน๎ุ ความสนใจของเด็ก- 1.6 จัดหาหนงั สือ สือ่ อปุ กรณ๑ แหลํงเรียนรู๎ กิจกรรมตาํ งๆ เพอื่ กระตน๎ุ การเรียนรใ๎ู นหนวํ ย โครงงาน หรือเรอื่ งทก่ี าลงั เรยี นรู๎ ชํวยจดั หาแหลงํ ข๎อมลู ความรูท๎ จ่ี ะตอบสนองความสนใจของเดก็ 2. สงํ เสรมิ ใหเ๎ ดก็ มีความมงํุ มัน่ และต้ังใจ 2.1 เมื่อเดก็ ประสบปญ๓ หา มจี งั หวะท่ีดใี นการชวํ ยเหลอื ตอ๎ งปลอํ ยใหเ๎ ด็กพยายามแกป๎ ญ๓ หาด๎วย ตวั เองกอํ น ไมํดํวนเขา๎ ไปให๎ความชวํ ยเหลือ 2.2 ชมื่ ชมเมอ่ื เดก็ มีความพยายามและมคี วามตั้งใจจดจอํ กบั การทางาน 2.3 เมอื่ มปี ๓ญหาเกดิ ช้นึ ชวนเดก็ พดู คุย วาํ อะไรทาแล๎วจะสาเรจ็ อะไรทาแลว๎ จะไมสํ าเรจ็ 2.4 ใช๎คาพดู ท่ชี วํ ยใหเ๎ ดก็ เกดิ ความต้งั ใจ เชนํ ”ดูนี่หนอํ ยนะ“ “ ตัง้ ใจฟง๓ เรอ่ื งน้ใี หด๎ ”ี 2.5 ให๎เดก็ ไดล๎ องวางเปาู หมาย หรอื ความต้งั ใจของตน 2.6 ใหเ๎ ดก็ ได๎รบั ผดิ ชอบสิ่งทตี่ อ๎ งทาอยํางตอํ เนอื่ ง สิง่ ที่ต๎องทานอกเวลาเรยี น ทางหนึ่งท่ีชํวยให๎เด็กมีชํวงความสนใจที่ดีขึ้นได๎นั้นสามารถเริ่มสํงเสริมได๎ต้ังแตํชํวงวัยอนุบาล โดย วธิ ีการจดั กจิ กรรมดา๎ นดนตรี หรือการจดั ประสบการณท๑ างด๎านดนตรีให๎แกํเด็ก เน่ืองจากดนตรีจะชํวยให๎เด็ก เกดิ ความผอํ นคลายตวั ของเซลลป๑ ระสาท ทาหเดก็ เกิดอารมณ๑ที่ดี ควบคุมตนเองได๎ดีขึ้น ทาให๎เด็กมีสมาธิที่ดี มงํุ ความสนใจไปที่เสียง การสร๎างเสียง ตั้งแตํสมอง จิตใจ รํางกาย ปาก ตา หู มือประสานกัน (สะเต็มไลฟ์, 2555) สอดคล๎องกบั งานวิจยั ของดวงรัตน๑ วฒุ ปิ ญ๓ ญารัตนกุล (2555) พบวํา เด็กทไี่ ด๎รับการสํงเสริมด๎านดนตรี จะชํวยใหม๎ ชี วํ งความสนใจ จดจอํ เพมิ่ สูงขึน้ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook