Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_73

tripitaka_73

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:44

Description: tripitaka_73

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 201 เปน ผูส้ินอาสวะแลว ถึงความชํานาญ มีฤทธิ์ มียศ มอี ินทรยี สงบ ถงึ ความฝกแลว เปนผหู มดจด แลว สนิ้ ภพใหมแลว .ดวยประการดงั กลาวมาฉะนี้ พระผูมพี ระภาคเจา พระองคเอง ปราศ-จากราคะ อนั เหลาภกิ ษผุ ปู ราศจากราคะแวดลอ มแลว ทรงปราศจากโทสะ อันเหลา ภิกษุผูป ราศจากโทสะแวดลอ มแลว ทรงปราศจากโมหะ อันเหลา ภิกษุผูปราศจากโมหะแวดลอ มแลว ชา งงามรงุ โรจนอยา งเหลือเกิน. ครงั้ นั้น พระ-ศาสดา อันเหลา ภิกษุผมู อี านภุ าพมาก ผสู น้ิ อาสวะแลว ผไู ดอภญิ ญา ๖จาํ นวนสแี่ สนรปู แวดลอมแลว เสด็จพุทธดําเนนิ สทู างน้ันทีเ่ ขาประดบั ตกแตงแลว ดวยพทุ ธลลี าหาที่เปรียบมไิ ด ซึง่ กาํ ลังพระกศุ ลทีท่ รงสะสมไดตลอดสมยัท่นี ับไมไดบ ันดาลใหเกดิ แลว ประหน่งึ ทาวสหสั นัยน ผมู ีพระเนตรพนั ดวงอันหมเู ทพแวดลอมแลว ประหนึง่ ทา วหาริตมหาพรหมอนั หมพู รหมแวดลอ มแลวและประหนึง่ ดวงจันทรใ นฤดสู ารท อันหมูด วงดาวแวดลอ มแลว. เขาวา ดว ยพระรศั มีมสี ดี งั ทอง พระจอมปราชญ ผูมีวรรณะด่งั ทอง ทรงทําตน ไมในหนทางใหม ีสีดงั่ ทอง ทรงทําดอกไมใหมีสดี งั่ ทอง เสดจ็ พระพุทธดาํ - เนนิ ไปสทู าง แมส เุ มธดาบส จองตาตรวจดพู ระอตั ภาพของพระผูม พี ระภาคเจาทีปง กร ผูเสด็จมาตามทางที่เขาประดบั ตกแตง แลวน้ัน ซ่งึ ประดบั ดวยมหาปุริสลกั ษณะ ๓๒ ประการ ฉาบดวยอนพุ ยญั ชนะ ๘๐ ลอดว ยพระรศั มีวาหน่ึงมีสริ ิเหมอื นแกวมณสี ดี อกอินทนลิ กาํ ลังเปลงพระพทุ ธรัศมมี พี รรณะ ๖ประดจุสายฟาแลบมีประการตา ง ๆ ในอากาศ มพี ระรูปพระโฉมงดงาม แลวคิดวา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 202วันน้ี เราสละชวี ติ เพอื่ พระทศพลกค็ วร ตกลงใจวาขอพระผูมีพระภาคเจาอยาทรงเหยยี บท่ตี มเลย ขอทรงเหยียบหลงั เราเสด็จไปพรอ มกับพระขีณาสพสีแ่ สนรปู เหมอื นทรงเหยียบสะพานที่มแี ผนกระดานเปนแกว ผลกึ เถิด ขอ น้ันกจ็ ักเปน ประโยชนเก้ือกูล และความสุขแกเราตลอดกาลนาน ดังน้ีแลว กเ็ ปลอ้ื งผมปลู าดทอนหนงั ชฎาและผา เปลอื กไมล งที่ตม ซ่ึงมีสีดํา แลว ทอดตัวนอนบนหลังตมในทนี ้ันน่ันเอง. ดว ยเหตุนนั้ จึงตรัสวา มนษุ ยเ หลาน้ันถกู เราถามแลวกต็ อบวา พระ- พุทธเจาพระนามวา ทีปงกร ผูยอดเย่ยี ม ผชู นะ ผนู าํ โลกทรงอบุ ัติแลว ในโลก. พวกเราแผวถางหนทาง ท่ชี ื่อวา มรรค อญั ชสะ วฏมะ อายนะ กเ็ พ่ือพระพุทธเจาพระองคนน้ั . เพราะไดย ินคาํ วา พทุ โธ กเ็ กดิ ปต ขิ นึ้ ทนั ที เรา เม่อื กลา ววา พทุ โธ พุทโธ กซ็ าบซึง้ โสมนสั . เรายินดีปตใิ จแลว ยนื คดิ ในที่นน้ั วา จาํ เราจัก ปลูกพืชทั้งหลายในพระพทุ ธเจาทีปง กรพระองคน้ี ขอ ขณะอยา ลว งไปเปลาเลย. เราจงึ กลาววา ผิวา พวกทานแผว ถางหนทาง เพอ่ื พระพุทธเจาไซร ขอพวกทา นจงใหโอกาสแหง หนง่ึ แกเ ราดว ย ถึงตวั เราก็จักแผว ถางหนทาง. มนษุ ยเหลา นัน้ ไดใ หโอกาสแกเรา เพ่อื แผว ถางหนทางในครั้งนนั้ เราคดิ วา พทุ โธ พทุ โธ ไปพลาง แผว ถางหนทางไปพลางในครั้งน้นั .

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 203 เมอื่ โอกาสของเรายังไมทันเสรจ็ พระชินมหามุนีทีปง กร พรอมดวยภิกษสุ แ่ี สนรปู ซงึ่ เปนผมู ีอภญิ ญา ๖ ผูคงท่ี ผูสิน้ อาสวะ ผไู รมลทินก็เสด็จพทุ ธดาํ เนนิ ไปยงั หนทาง. การรับเสร็จกด็ าํ เนนิ ไป เภรีทง้ั หลายกป็ ระโคมมนุษยแ ละเทวดาทั้งหลายบนั เทงิ ใจแลว ก็พากันแซซองสาธกุ าร. พวกเทวดากเ็ ห็นพวกมนุษย แมพวกมนุษยเห็นพวกเทวดา เทวดาและมนษุ ยท ้งั สองพวก ก็ประ-คองอัญชลี ตามเสด็จพระตถาคต. พวกเทวดาก็บรรเลงดวยดนตรที ิพย พวกมนษุ ยกบ็ รรเลงดวยดนตรมี นษุ ย เทวดาและมนษุ ยทง้ั สองพวกกบ็ รรเลงตามเสดจ็ พระตถาคต ในอากาศ พวกเทวดา เหลาเดินหน ก็โปรยดอกมณฑารพ ดอกปทุม ดอกปารฉิ ัตตกะอนั เปนของทพิ ยไปทัว่ ทิศานทุ ศิ . ในอากาศ พวกเทวดาเหลาเดนิ หน กโ็ ปรยจรุ ณจนั ทน และของหอมอยางดี อนั เปน ของทพิ ยไปส้ินทว่ั ทศิ านทุ ิศ. พวกมนุษย ทไี่ ปตามภาคพนื้ ดิน ก็ชูดอกจาํ ปาดอกชา งนา ว ดอกกระทมุ ดอกกระถนิ พิมาน ดอกบนุ นาค ดอกเกด ทวั่ ทิศานุทศิ .

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 204 เราเปลอื้ งผม ปลู าดผา เปลอื กไมและทอ นหนัง ลงบนตมในทนี่ น้ั นอนควํ่าหนา . ดวยประสงคว า ขอพระพทุ ธเจา กบั ศิษยท้งั หลาย จงทรงเหยียบเราเสดจ็ ไป อยาทรงเหยียบท่ีตมเลย ขอนี้ จกั เปน ประโยชนเกื้อกลู แกเรา. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา วยิ าก สุ แปลวา พยากรณแ ลว. ปาฐะวาทีปงกฺ โร นาม ชิโน ตสฺส โสธียตี ปโถ ดงั น้กี ็มี. บทวา โสมนสฺสปเวทยึ ความวา เสวยโสมนัส. บทวา ตตฺถ ตวฺ า ไดแ ก ยนื อยใู นประ-เทศที่ลงจากอากาศนนั่ เอง. บทวา ส วิคฺคมานโส ไดแก มใี จประหลาดเพราะปต.ิ บทวา อธิ ไดแ ก ในบญุ เขตคือพระพุทธเจาทีปง กรพระองคน .ี้ บทวาพชี านิ ไดแ ก พชื คือกศุ ล. บทวา โรปสฺส ไดแก จกั ปลกู . บทวา ขโณไดแ ก ชุมนุมขณะที่ ๙ เวน จากอขณะ ๘ ขณะนน้ั หาไดย ากเราก็ไดแ ลว. บทวาเว เปนเพียงนิบาต. บทวา มา อุปจจฺ คา ความวา ขณะนน้ั อยา ไดเปนไปลวง คอื อยาลวงเลยไป. บทวา ททาถ แปลวา จงให. บทวา เต ไดแกพวกมนุษยทเี่ ราถาม. บทวา โสเธมห ตทา ตัดบทเปน โสเธม อห ตทา.บทวา อนิฏ ิเต ไดแก ยังไมเสร็จ ทําคางไว. ในบทวา ขีณาสเวหิ น้ี อาสวะมี ๔ คอื กามาสวะ ภวาสวะทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะ อาสวะ ๔ เหลา น้ีของภิกษเุ หลาใดสิ้นไปแลว ละแลวถอนแลว ระงบั แลว ไมควรเกดิ อนั ไฟคือญาณเผาแลว ภกิ ษุเหลาน้ัน ชอื่วา ขีณาสพ ผูมีอาสวะสน้ิ แลว ดวยภิกษขุ ณี าสพเหลา นนั้ ชอ่ื วาไมม ีมลทนิ ก็เพราะเปน ผสู ้ินอาสวะนน่ั เอง.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 205 ในบทวา เทวา มนสุ ฺเส ปสสฺ นตฺ ิ น้ี ไมม คี าํ ทีจ่ ะกลา วในขอ ท่ีเทวดาท้งั หลายเหน็ มนษุ ย. ดวยวา โดยการเหน็ อยา งปกติ แมเทวดาท้ังหลายยอ มเหน็ มนษุ ยทงั้ หลายเหมอื นอยางทม่ี นุษยท้งั หลายยืนอยูในทนี่ ี่เหน็ อย.ู บทวาเทวตา ไดแ ก เทพท้ังหลาย. บทวา อโุ ภป ไดแ ก เทวดาและมนษุ ยทงั้ สองพวก. บทวา ปฺชลิกา ไดแก ประคองอญั ชลี อธิบายวา เอามือท้ังสองตง้ัไวเหนือศรี ษะ. บทวา อนยุ นฺติ ตถาคต ไดแก ไปขา งหลงั ของพระตถาคต.พึงทราบลักษณะวา เม่ืออนโุ ยค [นคิ คหิต] มีอยู ทุตยิ าวิภัตติ ยอ มลงในอรรถฉัฏฐวี ิภัตติ ดวยเหตนุ ้ัน จงึ ตรัสวา อนุยนฺติ ตถาคต . บทวา วชฺช-ยนฺตา แปลวา บรรเลงอยู. บทวา มนทฺ ารว ไดแก ดอกมณฑารพ. บทวา ทโิ สทสิ  แปลวาโดยทกุ ทิศ. บทวา โอกิรนตฺ ิ แปลวา โปรย. บทวา อากาสนภคตาแปลวา ไปในทองฟาคอื อากาศ อีกนัยหน่ึงไปสูอากาศ คอื ไปสวรรคน่นั เอง.จรงิ อยูสวรรคท า นเรียกวาทอ งฟา . บทวา มรู แปลวา เทวดาท้งั หลาย. บทวาสรล ไดแ ก ดอกสน. บทวา นีป ไดแ ก ดอกกะทมุ . บทวา นาคปนุ ฺนาค-เกตก ไดแ ก ดอกกะถนิ ดอกบุนนาค ดอกเกต. บทวา ภมู ิตลคตาไดแก ไปทีแ่ ผน ดิน. บทวา เกเส มุ ฺจติ ฺวาห ความวา เปล้อื ง คอื สยายผมจากกลมุและชฎาเกลียวท่ีมุนไว. บทวา ตตฺถ ไดแ ก ในโอกาสทีใ่ หแ กเ รา. บทวาจมมฺ ก ไดแ กท อ นหนงั . บทวา กลเล ไดแ ก ในโคลนตม. บทวา อวกุชฺ -โช แปลวา คว่ําหนา . นิปชฺชห ตดั บทเปน นปิ ชชฺ ึ อห . ศัพทวา มาในบทวา มา น เปน นิบาตลงในอรรถปฏิเสธ. ศพั ทวา น เปนนบิ าตลงในอรรถปทบรู ณะทาํ บทใหเ ตม็ ความวา ขอพระพุทธเจา อยา ทรงเหยยี บทต่ี มเลย. บทวา หติ าย เม ภวสิ ฺสติ ความวา การไมท รงเหยยี บที่ตมนัน้

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 206จกั มเี พอื่ ประโยชนเกือ้ กูลแกเรา ตลอดกาลนาน. ปาฐะวา สุขาย เม ภวิสฺ-สติ ดังนกี้ ็ม.ี แตนน้ั สุเมธบัณฑติ นอนบนหลงั ตมแลวก็คิดอยางนวี้ า ถาเราพงึปรารถนาไซร เราก็พึงเปน สังฆนวกะ เผากเิ ลสทัง้ หมดแลวเขา ไปยังรมั มนครแตเ ราไมม ีกิจท่จี ะเผากเิ ลสแลว บรรลุพระนพิ พาน ดว ยเพศทีไ่ มม ีใครรจู กั ถากระไร เราพงึ เปนเหมือนพระทปี ง กรทศพล บรรลปุ รมาภิสัมโพธญิ าณ ขึ้นสธู รรมนาวา ยังมหาชนใหข ามสงั สารสาครแลวจึงปรนิ ิพพานในภายหลงั นีเ้ ปนการสมควรแกเ รา. แตน้นั จงึ ประชมุ ธรรม ๘ ประการ ลงนอนทาํ อภนิ ีหารเพอื่ เปนพระพทุ ธเจา . ดวยเหตนุ ้นั จึงตรสั วา เรานอนเหนือแผนดนิ แลว ใจกป็ ริวติ กอยางนี้ วา วนั นเี้ ราปรารถนา กจ็ ะพึงเผากิเลสท้ังหลายของ เราได. แตประโยชนอะไรของเราดว ยเพศท่ไี มม ใี ครรูจ กั ดวยการทาํ ใหแ จง ธรรมในพระพุทธเจาพระองคน ้ี เรา จกั บรรลุพระสพั พญั ุตญาณเปนพระพุทธเจา ในโลก พรอ มทั้งเทวโลก. ประโยชนอ ะไรของเรา ดว ยบุรษุ ผูเหน็ กําลงั จะ ขามสังสารสาครแตเพยี งคนเดียว เขาจักบรรลุสัพพัญ- ตุ ญาณแลว ยังโลกนพี้ รอ มทั้งเทวโลกใหข ามสังสาร สาคร. ดวยอธิการบารมีนี้ ทีเ่ ราบําเพ็ญในพระพทุ ธเจา ผเู ปนบรุ ษุ สูงสุด เราบรรลุสพั พญั ุตญาณแลวจะยงั หมูชนเปน อันมากใหขา มสงั สารสาคร.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 207 เราตัดกระแสแหง สังสาร กาํ จัดภพ ๓ ไดแลว ขึ้นสูธรรมนาวา จกั ยงั โลกนพ้ี รอ มทง้ั เทวโลก ใหข าม สังสารสาคร. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา ปวยิ  นปิ นฺนสสฺ แปลวา นอนเหนือแผน ดนิ หรอื วา ปาฐะก็อยางน้ีเหมอื นกัน. บทวา เจตโส ความวา ใจก็ไดมีปริวิตก. ปาฐะวา เอว เม อาสิ เจตนา ดังนี้กม็ ี. บทวา อิจฺฉมาโนไดแ ก หวงั อย.ู บทวา กิเลเส ความวา ธรรมชาติเหลา ใด ยอมเศราหมองยอ มทําใหเดือดรอ น เหตุน้ัน ธรรมชาตเิ หลานัน้ ชอื่ วากเิ ลส คือกเิ ลส ๑๐ กองมีราคะเปนตน. บทวา ฌาปเย ไดแ ก พึงใหไ หม อธิบายวา เราพึงยังกเิ ลสทง้ั หลายของเราใหไหม. คําวา ก.ึ เปนคาํ ปฏเิ สธ. บทวา อฺ าตกเวเสน ไดแ ก ดว ยเพศท่ีไมปรากฏ ทไ่ี มม ีใครรูจ กั ท่ีปกปด อธบิ ายวา ก็เราพึงทาํ อาสวะใหสิ้นเหมอื นภกิ ษุท้งั หลายในพระศาสนาน้ี หรือพงึ บาํ เพญ็ พุทธการกธรรม ทํามหา-ปฐพีใหไ หวในสมยั ถอื ปฏิสนธิ ประสูติ ตรัสรู และประกาศพระธรรมจักรเปนผูตรัสรเู องเปน พระพทุ ธเจา ยงั สตั วใ หตรสั รูพงึ เปนผขู า มเอง ยังสัตวใ หขา มสังสารสาคร พงึ เปนผูห ลุดพนเอง ยงั สัตวใ หหลุดพน . บทวา สเทวเก ไดแกในโลกพรอมทงั้ เทวโลก. บทวา ถามทสสฺ นิ า ไดแก เหน็ เรี่ยวแรงกําลังของตน. บทวาสนฺตาเรสสฺ  ไดแ ก จักใหข าม. บทวา สเทวก ไดแก ยงั หมสู ัตวพ รอมทง้ัเทวดา หรือยงั โลกพรอ มทง้ั เทวโลก. บทวา อธิกาเรน ไดแก ดว ยการกระ-ทําที่วเิ ศษย่ิง. อธิบายวา ดว ยการเสยี สละชีวิตตนเพ่ือพระพุทธเจา แลว นอนเหนอื หลังตม ชอื่ วา อธิการ.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 208 บทวา ส สารโสต ความวา การทอ งเท่ยี วไปทางโนน ทางนใ้ี นกําเนิดคติ วญิ ญาณฐิติ และสตั ตาวาส ๙ ดว ยอํานาจกรรมและกิเลส ช่ือวา สังสารเหมือนอยางทต่ี รสั ไววา ขนฺธาน ปฏปิ าฏิ ธาตอุ ายตนาน จ อพฺโพจฉินนฺ  วตฺตมานา ส สาโรติ ปวุจฺจต.ิ เรียงลาํ ดับแหง ขนั ธ ธาตแุ ละอายตนะเปน ไปไม ขาดสาย ทา นเรียกวา สังสาร. สงั สารนัน้ ดวย กระแสดว ย เหตุนั้นจึงชื่อวา สงั สารโสตะ ซงึ่ สังสารและกระแสนน้ั . อีกนัยหนงึ่ กระแสแหง สงั สาระ ชอื่ วา สังสารโสตะ ความวาตดั กระแสคอื ตัณหาอันเปน เหตแุ หงสังสาร. บทวา ตโย ภเว ไดแ กกามภพรปู ภพและอรปู ภพ. กรรมและกิเลสอนั ใหเกิดภพ ๓ ทานประสงคว า ภพ ๓.บทวา ธมฺมนาว ไดแ ก อริยมรรคมีองค ๘. จรงิ อยู อรยิ มรรคมีองค ๘ นั้นทานเรยี กวา ธรรมนาวา เพราะอรรถวา เปน เครอ่ื งขา มโอฆะ ๔. บทวาสมารยุ ฺห แปลวา ขน้ึ . บทวา สนตฺ าเรสฺส แปลวา จกั ใหขา ม. แตอภินีหารยอมสําเร็จแกท า นผูปรารถนาเปนพระพทุ ธเจา เพราะความประชมุ พรอ มแหง ธรรม ๘ ประการ คอื ๑. ความเปนมนษุ ย ๒. ความสมบูรณด วยเพศ ๓. เหตุ ๔. การพบพระศาสดา ๕. การบรรพชา๖. ความสมบรู ณดว ยคุณ ๗. ความมีอธิการ ๘. ความมีฉันทะ. แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา มนสุ สฺ ตตฺ  ความวา ความปรารถนายอ มสาํ เร็จ แกผ ตู ง้ั อยูในอัตภาพเปน มนษุ ยเทา นั้น แลว ปรารถนาเปน พระ-พทุ ธเจา ยอ มไมสําเร็จแกสัตวท้งั หลายทีต่ งั้ อยใู นชาตินาคเปน ตน . ถา ถามวาเพราะเหตไุ ร ก็ตอบไดว า เพราะชาตินาคเปนตน เปนอเหตุกสตั ว.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 209 บทวา ลงิ คฺ สมฺปตตฺ ิ ความวา ความปรารถนายอมสาํ เร็จแกผแู มอยูในอตั ภาพเปน มนุษย ก็ตอ งต้ังอยูในเพศชายเทาน้ัน ยอมไมสาํ เร็จแกห ญงิหรือบณั เฑาะกค นไมม เี พศและคนสองเพศ. ถา ถามวา เพราะเหตุไร ก็ตอบไดว าเพราะลกั ษณะไมบรบิ ูรณ จริงดงั ทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจาตรัสไววา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ขอทีพ่ ระอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา เปน สตรี ไมเ ปนฐานะ ไมเ ปนโอกาสพงึ ทราบความพศิ ดารเอาเองเถดิ . เพราะฉะน้ัน ความปรารถนายอ มไมสําเร็จ แมแ กผูมชี าติเปนมนุษยแตต ั้งอยูในเพศสตร.ี บทวา เหตุ ความวา ความปรารถนายอ มสาํ เร็จแมแ กบ รุ ุษ ทีถ่ งึพรอมดว ยเหตุ เพอ่ื บรรลพุ ระอรหตั ในอัตภาพนั้นไดเทา นนั้ ไมสาํ เรจ็ แกบรุ ุษนอกจากน้.ี บทวา สตฺถารทสสฺ น ความวา ถา บุรษุ ปรารถนาในสาํ นักของพระพทุ ธเจาซ่ึงยงั ทรงพระชนมชพี อยเู ทา น้นั ความปรารถนาจึงจะสาํ เรจ็ความปรารถนาในพระผมู พี ระภาคเจาซง่ึ เสดจ็ ปรินพิ พานแลว หรอื ทีส่ ํานกัพระเจดียห รือทโ่ี คนโพธพิ ฤกษ หรือท่ีพระพุทธปฏิมา หรอื ในสํานักของพระปจ เจกพทุ ธเจา และพุทธสาวก ยอมไมส ําเรจ็ . เพราะเหตไุ รเพราะพระปจ เจกพทุ ธเจาและพุทธสาวก ไมส ามารถท่ีจะรูถึงภัพพสัตวและอภพั พสตั วแ ลวกาํ หนดดว ยญาณเปนเคร่อื งกําหนดกรรมและวบิ ากแลว พยากรณได. เพราะฉะน้ัน ความปรารถนาจงึ สาํ เรจ็ ไดใ นสํานกั ของพระพุทธเจา เทา น้ัน. บทวา ปพพฺ ชฺชา ความวา ความปรารถนา ยอ มสําเรจ็ แมแกผูปรารถนาในสาํ นกั ของพระผูม พี ระภาคพุทธเจา หรอื ตองบวชในดาบสท้ังหลายจาํ พวกทเ่ี ปนกัมมกริ ิยวาทีหรือในภิกษุทั้งหลายเทา น้นั . เพราะเหตุไร เพราะ

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 210วา พระโพธสิ ตั วทง้ั หลาย ท่ีเปนบรรพชิตเทา นัน้ จึงบรรลพุ ระสมั โพธิญาณไดทเ่ี ปน คฤหสั ถ บรรลไุ มได. เพราะฉะนนั้ จงึ ตองเปน บรรพชิตเทา น้นั แมในกาลตงั้ ปณธิ านความปรารถนามาแตตน . บทวา คณุ สมฺปตตฺ ิ ความวา ปรารถนายอ มสําเร็จ แมแกบรรพชติผไู ดสมาบัติ ๘ มอี ภญิ ญา ๕ เทา น้ัน แตไมส ําเร็จแกผ เู วนจากคุณสมบัตินี.้เพราะเหตไุ ร เพราะคนไรค ุณสมบตั ไิ มมโี พธิญาณนั้น. บทวา อธกิ าโร ความวา ผใู ดแมถ ึงพรอมดวยคณุ ก็ยงั เสียสละชวี ิตตนเพ่ือพระพุทธเจาทั้งหลายได ความปรารถนายอ มสําเรจ็ แกผ นู ้ัน ซงึ่พรั่งพรอ มแลวดวยอธกิ ารน้เี ทา นน้ั ไมสําเรจ็ แกคนนอกจากน.้ี บทวา ฉนทฺ ตา ความวา ผูใดแมถงึ พรอมแลว ดวยอภินหี าร ก็มีฉนั ทะ พยายาม อตุ สาหะ แสวงหาอยา งใหญ เพื่อประโยชนแกพทุ ธการก-ธรรมทั้งหลาย ความปรารถนายอ มสาํ เร็จแกผ นู ้นั เทานนั้ ไมสําเร็จแกค นนอกจากน้ี ขอ อุปมาแหงความเปนผูม ฉี นั ทะเปน ใหญ ในขอ นนั้ มีดงั น้ี. กถ็ าบุคคลพงึ คดิ อยา งนว้ี า ผูใ ดสามารถขามหองจกั รวาลท้งั สิน้ ซึง่ มีนํา้ เปน อันเดียวกันดวยกําลังแขนของตนไปถงึ ฝงได ผนู ั้นยอมบรรลคุ วามเปนพระพทุ ธ-เจา ได. สวนผใู ด ไมสาํ คญั กิจนี้เปน ของทําไดยากสําหรบั ตน ประกอบดว ยฉันทะอตุ สาหะอยางใหญอยา งนีว้ า เราจกั ขา มหอ งจกั รวาลนไ้ี ปถงึ ฝง ความปรารถนายอ มสําเรจ็ แกผนู ัน้ ไมส าํ เรจ็ แกคนนอกจากน.้ี ก็สเุ มธบัณฑิต รวบรวมธรรม ๘ ประการนไ้ี วแลว ทาํ อภนิ หี ารเพอื่เปนพระพทุ ธเจา จึงนอนลง. ฝายพระผูมีพระภาคเจาทีปง กร ประทบั ยืนประชดิ ใกลศรี ษะของสุเมธบณั ฑติ เห็นสเุ มธดาบสนอนอยเู หนือหลังตม ทรงสง อนาคตังสญาณวา ดาบสผนู ี้ ทาํ อภินหี ารเพอ่ื เปนพระพุทธเจา นอนลงแลว

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 211ความปรารถนาของเขาจักสําเรจ็ หรอื ไมห นอ ทรงพจิ ารณาทบทวนดู ก็ทรงทราบวา ลว งไปสอ่ี สงไขยกาํ ไรแสนกปั นับแตกปั น้ีไป เขาจักเปน พระพทุ ธเจาพระนามวาโคตมะ ประทับยืนพยากรณทามกลางบริษทั วา ดกู อ นภิกษุทัง้ หลายพวกเธอเหน็ ดาบสผูมีตบะสงู ซึ่งนอนเหนอื หลงั ตมผูนไี้ หมหนอ. ภิกษุทง้ัหลายกราบทลู วา เห็นพระเจาขา จึงตรสั วา ดาบสผนู ีท้ าํ อภินีหารเพอื่ เปนพระ-พทุ ธเจา จงึ นอนลงแลว ความปรารถนาของดาบสผูนีจ้ ักสําเร็จ ในทสี่ ุดส่ีอสงไขยกาํ ไรแสนกัปนบั แตกัปน้ไี ป ดาบสผูนจ้ี กั เปน พระพุทธเจาพระนามวาโคตมะ ในโลก ในอตั ภาพนัน้ ของดาบสนั้น นครช่ือวา กบิลพศั ดุ จักเปนทป่ี ระทับอยู จกั มพี ระชนนพี ระนามวา มหามายาเทวี พระชนก พระนามวาพระเจา สทุ โธทนะ พระอัครสาวกทง้ั สอง ชอ่ื วา อุปติสสะ และ โกลิตะพระพุทธอุปฏ ฐาก ชือ่ วา อานนั ทะ พระอัครสาวิกาทัง้ สองชือ่ วา เขมาและ อุบลวรรณา ดาบสผมู ีญาณกลา จักเสดจ็ ออกมหาภิเนษกรมณ ต้ังความเพยี รอยางใหญ รับขา วมธุปายาสทนี่ างสชุ าดาถวายที่โคนตนนิโครธ เสวยที่ฝง แมน า้ํ เนรญั ชรา แลว ข้ึนสูโพธมิ ัณฑสถาน จักตรัสรทู ี่โคนตน โพธใิ บ ดวยเหตนุ ั้น จึงตรัสวา พระพทุ ธเจา พระนามวา ทีปงกร ผูรโู ลก ทรง รบั ทกั ษณิ า ประทบั ยนื ใกล ๆ ศรี ษะ ไดม พี ทุ ธดาํ รสั กะเราดงั น้ีวา ทานทั้งหลายจงดชู ฏิลดาบสผูน้ี ซง่ึ มีตบะสูงจกั เปน พระพุทธเจาในโลก ในกปั ซ่ึงนับไมไ ด ต้งั แต กปั นไี้ ป.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 212 พระตถาคตเสดจ็ ออกจากกรงุ กบิลพัศดุ ทนี่ ารน่ืรมย ทรงตง้ั ความเพียร ทรงทาํ ทุกกรกริ ิยา. พระตถาคต ประทบั น่ัง ณ โคนตนอชปาลน-ิโครธ ทรงรับขา วมธุปายาส ณ ท่ีนน้ั แลว เสดจ็ สรู มิฝง แมน ้ําเนรัญชรา. พระชนิ เจา พระองคนน้ั เสวยขาวมธปุ ายาสที่ริมฝง แมนํา้ เนรัญชรา แลวเสดจ็ เขา สูโ คนโพธิพฤกษตามทางอนั ดที ่ีเขาจัดแตงไวแ ลว . ตอนัน้ พระผยู อดเยย่ี ม มีพระมหายศ ทรงทําประทกั ษิณโพธิมณั ฑสถาน จกั ตรสั รู ณ โคนโพธิใบ. พระชนนพี ุทธมารดาของดาบสผูนี้ จกั มีพระนามวา มายา พระพทุ ธบิดาจกั มีพระนามวา สทุ โธทนะดาบสผนู ี้ จักมีพระนามวาโคตมะ. พระโกลติ ะและพระอุปติสสะ ผไู มม ีอาสวะปราศจากราคะ มจี ิตสงบตงั้ ม่ันแลว จกั เปนพระอคั ร-สาวก พทุ ธอุปฐาก ชอื่ วาอานนท จกั บาํ รุงพระชิน-เจาผูน้ี. พระเขมาและพระอบุ ลวรรณา ผไู มม อี าสวะมจี ิตสงบ ตัง้ ม่ันแลว จกั เปนอัครสาวิกา ตนไมเปนทต่ี รสั รขู องพระผมู ีพระภาคเจา พระองคนัน้ เรียกวาอสั สัตถะ ตน โพธใิ บ. จติ ตะและหัตถาฬวกะ จกั เปนยอดอปุ ฏฐากอุตตราและนันทมารดา จกั เปนยอดอุปฎ ฐายิกา.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 213 แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา โลกวทิ ู ไดแ ก ช่อื วา โลกวิทู เพราะทรงรจู กั โลกโดยประการทงั้ ปวง. ความจรงิ พระผูมีพระภาคเจา ทรงรู ทรงรทู ่วัทรงแทงตลอดโลก แมโ ดยประการท้งั ปวง คือโดยสภาวะความจริง โดยสมทุ ยัความเกดิ โดยนโิ รธความดบั โดยนโิ รธบุ ายอุบายใหถ งึ นิโรธ เพราะฉะน้ันทา นจงึ เรียกวา โลกวิทู เหมอื นอยางท่ีตรสั ไววา เพราะฉะนัน้ แล ทา นสเุ มธผูรูจ ักโลก ถึงทสี่ ดุ โลก อยจู บพรหมจรรย รูทีส่ ดุ โลก สงบแลว ยอมไมห วงั โลกน้ีและโลกอื่น. อนง่ึ โลกมี ๓ คือ สงั ขารโลก สตั วโลกและ โอกาสโลก บรรดาโลกท้งั ๓ นน้ั ธรรมท้ังหลายมปี ฐวเี ปนตน ทอ่ี าศยั กนั เกดิ ข้ึน ช่อื วา สังขาร-โลก. สตั วท ัง้ หลาย มีสญั ญา ไมมีสญั ญา แลมีสัญญากไ็ มใ ชไ มมสี ัญญากไ็ มใช ชอ่ื วา สัตวโลก. สถานทีอ่ ยูข องสัตวท ั้งหลาย ช่ือวา โอกาสโลกกโ็ ลกทงั้ ๓ นี้ พระผูมีพระภาคเจา ทรงรแู ลวตามสภาพความเปน จรงิ เพราะฉะน้นั พระผมู ีพระภาคเจา ทานจงึ เรียกวา โลกวทิ .ู บทวา อาหตุ ีนปฏิคฺคโห ไดแ ก ชือ่ วาผูรับทกั ษิณาทาน เพราะเปนผูควรรบั ทานทงั้ หลายเพราะเปนทักขิไณยบคุ คล. บทวา อสุ ฺสสี เก ม ตวฺ าน ไดแ ก ประทบั ยืนใกลศรี ษะเรา. ความวา ไดต รัสคาํ น้คี อื คําท่ีควรกลาว ณ บดั นี้. บทวา ชฏลิ ความวา ชฎาของนักบวชนั้นมีอยู เหตนุ ้ัน นกั บวชน้ันชอื่ วา ชฎลิ ผมู ีชฎา, ชฎิลนั้น. บทวา อคุ ฺคตาปน ไดแก ผูมตี บะสูง. บทวา อหุ ไดแ ก ในวนั อธิบายวา ครัง้ น้นั . หรือวาปาฐะกอ็ ยา งน้เี หมอื นกัน. บทวา กปลวหฺ ยา ไดแ ก

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 214เรียกวา ชื่อวา กบลิ พัศดุ. บทวา รมฺมา ไดแก นา รืน่ รมย. บทวา ปธานไดแก ความเพยี ร. บทวา เอหติ ิ แปลวา จักถึง จักไป. คาํ ทีเ่ หลอื ในคาถาทง้ั หลายงา ยทั้งน้นั แล. ลําดบั น้ัน สเุ มธบัณฑิต เกิดความโสมนสั วา ไดย ินวา ความปรารถนาของเราจกั สาํ เรจ็ ผล. มหาชนฟงพระดาํ รัสของพระทีปงกรทศพลแลวกพ็ ากันรา เริงยนิ ดวี า ทา นสเุ มธดาบสไดเ ปนหนอพืชพระพุทธเจา . สุเมธบัณฑิตนัน้ กค็ ดิ อยา งนี้ ชนทง้ั หลายก็ไดท าํ ความปรารถนาวา บรุ ษุ กําลงั จะขามแมน า้ํ เมื่อไมอาจขามโดยทา ตรงหนาไดก็ยอ มขามโดยทาหลัง ฉนั ใด พวกเราเม่อื ไมไ ดม รรคผลในศาสนาของพระทีปง กรทศพล ในอนาคตกาล กพ็ งึสามารถทาํ ใหแ จง มรรคผล ตอ หนา ทาน ในสมัยท่ีทา นจกั เปนพระพุทธเจา ก็ฉนั น้ันเหมือนกัน. แมพระทีปง กรทศพลก็ทรงสรรเสริญพระมหาสัตวผ เู ปนพระโพธสิ ัตว ทรงบูชาดวยดอกไม ๘ กาํ ทรงทําประทกั ษณิ และเสดจ็ หลีกไปแมพ ระขณี าสพส่ีแสนรูปนั้น ก็พากันบชู าพระโพธสิ ตั วดว ยดอกไมแ ละของหอมทาํ ประทกั ษิณแลวหลีกไป. ครั้งนน้ั พระผมู พี ระภาคเจาทปี ง กร ผทู รงทําประทปี คือความรโู ลกท้งั ปวง อนั พระขีณาสพสี่แสนรปู แวดลอมแลว อันชาวรัมมนครบูชาอยู อนัเทวดาท้ังหลายถวายบังคมอยู เสดจ็ พุทธดาํ เนนิ ประหนง่ึ ยอดภูเขาทองอนั ประ-เสรฐิ ทีอ่ าบแสงสนธยา เม่ือปาฏหิ ารยิ ท ัง้ หลายเปน อันมากดําเนินไปอยู กเ็ สดจ็ไปตามหนทางท่ชี าวรัมมนครประดับประดาตกแตงนั้น เสด็จเขา ไปยงั รมั มนครอนั นาอภิรมย อบอวลดว ยกลิ่นดอกไมหอมนานาชนดิ กล่นิ จณุ ทีน่ า ชืน่ ชมธงประฏากท่ยี กขน้ึ ไสว มหี มูภมรท่ีติดใจในกลิน่ บินวอ นเปนกลุมๆ มืดคร้ึมดวยควนั ธปู สงางามดังเทพนคร พระทินกรทศพลกป็ ระทับน่ังเหนือพุทธอาสน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 215ทส่ี มควรอยา งใหญท เี่ ขาบรรจงจดั ไว เหมือนดวงจันทรง ดงามยามฤดูสารทเหนือยอดยคุ นธร เหมือนดังดวงทินกรกาํ จัดกลมุ ความมืด ทาํ ความแยม แกดงปทุม. แมภ กิ ษุสงฆก็น่งั บนอาสนะท่ีถึงแกต นๆ ตามลาํ ดบั . สว นอบุ าสกชาวรัมมนคร ผพู รง่ั พรอมแลวดว ยคณุ มีศรัทธาเปน ตน กช็ ว ยกันถวายทานท่ปี ระ-ดับพรอ มดวยของเคี้ยวเปน ตนชนิดตาง ๆ สมบูรณดว ยสกี ล่ินและรส ไมม ีทานอื่นเสมอเหมอื น เปน ตนเหตแุ หง สุข แกภิกษุสงฆม พี ระพทุ ธเจา เปน ประธาน. คร้ังนั้น พระโพธิสัตวสดับคาํ พยากรณของพระทศพลกส็ าํ คญั ความเปนพระพทุ ธเจา ประหนง่ึ อยใู นกํามือ กบ็ ันเทิงใจ เม่อื ชาวรมั มนครกลบั กันหมดแลว กล็ กุ ข้ึนจากทน่ี อนคิดวาจกั เลือกเฟนบารมีท้ังหลาย จึงนั่งขดั สมาธิเหนอื ยอดกองดอกไม เมื่อพระมหาสัตวน ง่ั อยูอ ยา งน้ัน เทวดาสิ้นทั้งหม่ืนจักรวาล กใ็ หสาธุการ กลา ววา ทา นสุเมธดาบสเจาขา ในเวลาที่ทานนง่ั ขัดสมาธิ หมายจกั เลอื กเฟนบารมีของพระโพธิสตั วอ งคกอนๆ ธรรมดาบพุ นิมติเหลาใดปรากฏ บุพนิมิตเหลานน้ั ก็ปรากฏแลวในวนั นี้ทัง้ หมด ทานจกั เปนพระพทุ ธเจาอยา งไมตองสงสยั พวกเรารขู อนีว้ า บุพนิมติ เหลาน้ปี รากฏแกผ ูใด ผูน ัน้ จักเปน พระพุทธเจา โดยสวนเดยี วเทานนั้ เพราะฉะน้ัน ทานจงประ-คองความเพยี รของตนไวใ หมัน่ แลวไดช มพระโพธสิ ัตวดวยสดดุ นี านาประการดว ยเหตนุ ัน้ จึงตรัสวา มนุษยแ ละเทวดาทงั้ หลาย สดบั คําของพระทีปง- กรทศพล ผูแสวงคุณย่ิงใหญ ไมมผี เู สมอเหมือนนี้ แลว ก็พากนั ดีใจวา ทานผูนเ้ี ปนหนอพืชพระพุทธเจา เสยี งโหรององึ ม่ี เสยี งปรบมือ เสียงหัวเราะ หมน่ื โลกธาตเุ ทวดาก็ทําอัญชลีนมัสการกลาววา

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 216 ผวิ าพวกเราจะพลาดคําสอน ของพระโลกนาถพระองคน ้ี ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยูตอพระ-พักตรข องพระโลกนาถพระองคน้.ี มนษุ ยท ้งั หลาย เมอื่ ขามแมน ํา้ พลาดทานา้ํ เฉพาะหนา แลว กถ็ ือเอาทา นาํ้ ทา หลังขา มแมน้ําฉนั ใด. พวกเราท้งั หมด ผิวาพน พระชินเจา พระองคน ี้เสีย ในอนาคตกาล กจ็ ักอยตู อพระพักตรข องพระชนิ เจา พระองคน ี้ ฉันนั้นเหมือนกนั . พระทปี งกรทศทลู ผูรูจ ักโลก ทรงเปนปฏิคาหกผูร บั ของบูชา ทรงประกาศกรรมของเราแลว กท็ รงยกพระบาทเบ้อื งขวา. พุทธชิโนรสทง้ั หมด ท่อี ยู ณ ท่นี น้ั ก็พากนั ทาํประทกั ษณิ เรา เทวดา มนุษยและอสูรท้ังหลายก็กราบไหวแลวหลกี ไป. เมือ่ พระโลกนาถพรอ มท้งั พระสงฆ เสด็จลับตาเราไปแลว ครัง้ น้ัน เราก็ลุกขน้ึ นั่งขดั สมาธิ. เราประสบสขุ โดยสขุ เบกิ บานโดยปราโมช อันปติสัมผสั ซาบซา นแลว นงั่ ขัดสมาธใิ นเวลานน้ั . คร้นั นั่งขดั สมาธิแลว เวลาน้นั เราคิดอยา งน้วี าเราเปนผูช าํ นาญในฌาน ถึงฝง ในอภญิ ญา ๕. ในหม่ืนโลกธาตุ ไมม ฤี าษที ่ีจะเสมอเรา ไมม ผี ูเสมอในอิทธิธรรมท้งั หลาย เราไดค วามสุขเชนน้ี.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 217 ขณะที่เราน่งั ขดั สมาธิ ทวยเทพในหมื่นโลกธาตุ ก็เปลงเสยี งโหร อ งวา ทานจักเปน พระพุทธเจา แนนอน. ขณะพระโพธิสัตวท ัง้ หลายนัง่ ขดั สมาธิ บพุ นิมติเหลา ใดปรากฏกอน บุพนมิ ิตเหลา นน้ั ก็เหน็ กันในวันน้.ี ความหนาวก็หายไป และความรอนก็สงบไปบุพนมิ ติ เหลานั้น ก็เหน็ กนั ในวนั น้ี ทานจักเปน พระ-พุทธเจาแนนอน. หม่นื โลกธาตุ ก็ปราศเสียง ปราศจากความวุนวาย บุพนิมิตเหลา นัน้ ก็เห็นกันในวันน้ี ทานจกั เปนพระพุทธเจาแนน อน. ลมขนาดใหญก ไ็ มพดั แมน้ําทงั้ หลายกไ็ มไ หลบพุ นมิ ติ เหลาน้นั ก็เหน็ กนั ในวันนี้ ทานจักเปนพระ- พทุ ธเจาแนน อน. ดอกไมบนบก ดอกไมใ นน้ํา กบ็ านหมดใน ขณะนน้ั ดอกไมแมเหลาน้ันท้งั หมด กบ็ านแลวใน วนั น้ี ทา นจักเปนพระพุทธเจา แนน อน. ผวิ า ไมเถาก็ดี ไมต น กด็ ี กม็ ผี ลในขณะนั้น ตนไมแมเ หลานัน้ ทงั้ หมด กอ็ อกผลในวันนี้ ทา นจัก เปน พระพุทธเจา แนน อน. รัตนะทง้ั หลาย ที่อยูในอากาศและท่ีอยูภาคพืน้ ดิน กส็ องแสงโชติชว งในขณะน้นั รตั นะแมเ หลา นน้ั ก็โชตชิ วงในวันนี้ ทานจักเปนพระพทุ ธเจา แนนอน.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 218 ดนตรที ้ังหลาย ทัง้ ท่เี ปน ของมนษุ ย ท้งั ทเ่ี ปนของทิพย ก็บรรเลงในขณะน้ัน ดนตรีท้งั สองแมน ้ันสงเสยี งลน่ั ในวันนี้ ทา นจักเปนพระพุทธเจา แนน อน. ฝนดอกไมอนั ไพจิตร กห็ ลน ลงมาจากทองฟาในขณะน้นั ฝนดอกไมแมเ หลานัน้ กห็ ลั่งลงมาในวันน้ี ทา นจกั เปน พระพุทธเจาแนนอน. มหาสมทุ รกค็ ะนอง หมน่ื โลกธาตกุ ็ไหว แมทัง้สองนน้ั กส็ ง เสียงลั่นในวันนี้ ทานจกั เปนพระพุทธ-เจา แนน อน. ไฟหลายหมน่ื ในนรก กด็ ับในขณะนั้น ไฟแมเหลา นัน้ กด็ บั แลวในวันนี้ ทานจักเปนพระพทุ ธเจาแนนอน. ดวงอาทิตยท ง้ั ใสไรม ลทิน ดวงดาวทัง้ หลายก็เห็นไดห มด ดวงดาวแมเ หลา น้ัน ก็เห็นกนั แลวในวันน้ี ทานจกั เปน พระพทุ ธเจาแนน อน. เม่อื ฝนไมตก นาํ้ กพ็ ุขนึ้ มาจากแผน ดิน ในขณะน้นั นา้ํ แมน น้ั ก็พขุ ้ึนแลวจากแผน ดนิ ในวันนี้ ทา นจกั เปน พระพุทธเจาแนนอน. หมูด าวและดาวนกั ษัตรทงั้ หลาย กแ็ จม กระจา งตลอดมณฑลทอ งฟา ดวงจนั ทรก ็ประกอบดว ยดาวฤกษวิสาขะ ทานจกั เปนพระพุทธเจาแนน อน.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 219 สตั วทั้งหลายทอี่ ยใู นโพรง ทีอ่ ยใู นรองนา้ํ กอ็ อกจากทอ่ี ยขู องตน สัตวแ มเหลา นัน้ ก็ออกจากทีอ่ ยแู ลวในวันนี้ ทา นจกั เปน พระพุทธเจา แนน อน. ความไมยนิ ดที ้ังหลายไมม ีแกส ัตวท้งั หลาย สัตวทงั้ หลายยอมเปนผสู ันโดษ ในขณะน้ันสตั วแ มเหลา น้นัก็เปนผูสันโดษแลว ในวนั นี้ ทานจักเปน พระพุทธเจาแนน อน. ในขณะนั้น โรคท้งั หลายก็สงบไป ความหิวก็หายไป บุพนมิ ติ แมเหลานนั้ ก็เห็นกนั แลว ในวนั น้ีทานจักเปนพระพทุ ธเจา แนน อน. ในขณะนัน้ ราคะก็เบาบาง โทสะ โมหะก็เสือ่ มหาย กิเลสแมเ หลานน้ั กเ็ ลือนหายไปหมดในวนั นี้ทานจกั เปน พระพุทธเจา แนน อน. ในขณะนั้นภยั ก็ไมม ี ความไมมีภัยนั้นกเ็ ห็นแมในวนั น้ี พวกเรารกู นั ดวยเหตนุ ้นั ทานจกั เปนพระพทุ ธเจาแนน อน. กเิ ลสดจุ ธลุ ไี มฟ งุ ข้ึนเบือ้ งบน ความไมฟุงแหงกเิ ลสดุจธลุ ีนนั้ ก็เหน็ กนั แมในวันน้ี พวกเรารูกัน ดว ยเหตนุ ั้น ทา นจักเปน พระพุทธเจา แนนอน. กลน่ิ ทไี่ มน า ปรารถนาก็จางหายไป กลนิ่ ทพิ ยก ็โชยมา กล่นิ หอมแมน้นั ก็โชยมาในวันนี้ ทานจกั เปนพระพทุ ธเจาแนนอน.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 220 เทวดาทั้งหมดเวนอรูปพรหมกป็ รากฏ เทวดาแม เหลา น้นั กเ็ หน็ กันหมดในวนั นี้ ทานจักเปน พระพทุ ธ- เจาแนน อน. ขน้ึ ชื่อวา นรกมีประมาณเทาใด กเ็ ห็นกันไดหมด ในขณะนนั้ นรกแมเ หลานั้น กเ็ ห็นกนั แลว ในวันนี้ ทา นจักเปนพระพุทธเจาแนน อน. กําแพงบานประตู และภูเขาหนิ ไมเปนทก่ี ดี ขวางในขณะน้นั กําแพงบานประตแู ละภูเขาหินแม เหลาน้นั กก็ ลายเปน อากาศไปในวันน้ี ทา นจักเปน พระพทุ ธเจา แนน อน. การจตุ ิและปฏสิ นธิ ยอ มไมมีในขณะนนั้ บพุ - นมิ ติ แมเ หลานัน้ ก็เห็นกันไดใ นวันนี้ ทานจกั เปน พระพทุ ธเจาแนนอน. ขอทา นโปรดจงประคบั ประคอง ความเพียรไว ใหม่ัน อยา ถอยกลบั โปรดกาวไปขา งหนา ตอไปเถดิ แมพ วกเราก็รูเ หตขุ อ นนั้ ทานจกั เปน พระพุทธเจาแน นอน. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา อิท สตุ ฺวาน วจน ความวา ฟง คาํพยากรณพระโพธสิ ตั ว ของพระผมู ีพระภาคเจาทีปง กรน.้ี บทวา อสมสสฺไดแก ชือ่ วาไมม ผี เู สมอ เพราะไมม ผี ูเ สมอเหมอื น เหมอื นอยางทต่ี รสั วา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 221 น เม อาจริโย อตฺถิ สทโิ ส เม น วชิ ชฺ ติ สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล. เราไมมอี าจารย ผเู สมือนเราไมมี ผูเทยี บเรา ไมม ีในโลก พรอมท้งั เทวโลก. บทวา มเหสิโน ความวา ชื่อวามเหสี เพราะเสาะแสวงหาคณุ คอื ศลีสมาธิปญญาใหญ. ผูแสวงหาคณุ ใหญพ ระองคน้นั . บทวา นรมรู ไดแ กม นุษยและเทวดาทั้งหลาย กศ็ ัพทน้ชี ้ีแจงความอยางสูง สตั วแ มท ั้งหมด แมแ ตน าคสบุ รรณและยกั ษเปน ตนในหมื่นโลกธาตกุ ็พากันดีใจ. บทวา พุทธฺ พีช กริอย ความวา พากนั ดีใจวา ไดยนิ วา หนอเนอ้ื พุทธางกรู นี้เกิดขึ้นแลว . บทวา อกุ ฺกฏ สิ ททฺ า ความวา เสยี งโหรอ งเปน ไปอยู. บทวาอปโฺ ผเฏนฺติ ไดแ ก ยกแขนขน้ึ ปรบมอื . บทวา ทสสทสสฺ ี แปลวา หมื่นโลกธาตุ. บทวา สเทวกา ความวา หม่ืนโลกธาตกุ บั เทวดาท้งั หลายที่ชือ่ วา สเทวกะยอ มนมสั การ. บทวา ยทิมสฺส ตดั บทวา ยทิ อิมสสฺ หรือปาฐะ ก็อยางนี้เหมอื นกัน. บทวา วริ ชฺฌสิ สฺ าม ไดแก ผวิ าเราไมบรรลุ. บทวา อนาค-ตมหฺ ิ อทฺธาเน แปลวา ในอนาคตกาล. บทวา เหสสฺ าม แปลวา จกั เปน . บทวา สมฺมุขา แปลวา ตอ หนา . บทวา อมิ  คอื อิมสฺส ทุตยิ าวภิ ตั ติลงในอรรถฉฏั ฐีวภิ ตั ติ แปลวา ของทา นผูน.ี้บทวา นทึ ตรนฺตา ไดแก ผขู า มแมน ํา้ ปาฐะวา นทติ รนฺตาดงั น้ีกม็ ี. บทวา ปฏิตติ ถฺ  ไดแ ก ทาเรือเฉพาะหนา. บทวา วิรชฺฌิย แปลวาพลาดแลว . บทวา ยทิ มุจฺ าม ความวา ผวิ า พวกเราจักพน พระผูมีพระภาคเจา พระองคน ้โี ดยไมไ ดทํากิจไป. บทวา มม กมมฺ  ปกติ เฺ ตตฺวาไดแ ก ทรงพยากรณป ระโยชนท ่ีเราเจรญิ แลว . บทวา ทกขฺ ิณ ปาทมุทธฺ ริแปลวา ยกพระบาทเบือ้ งขวา. ปาฐะวา กตปทกฺขิโณ ดงั นีก้ ม็ ี.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 222 บทวา ชนิ ปตุ ตฺ า ไดแก สาวกของพระศาสดาทีปงกร. บทวา เทวามนุสสฺ า อสรุ า จ อภวิ าเทตฺวาน ปกกฺ มุ ความวา ทา นเหลานี้แมท ั้งหมดมเี ทวดาเปน ตน ทําประทักษณิ เรา ๓ คร้งั บูชาดว ยดอกไมเปน ตน ต้งัอญั ชลีไวเ ปนอยางดี ไหวแลวกก็ ลับ แลดบู อ ย ๆ แลวชมดว ยสดดุ ีนานาประการท่ีมีอรรถพยญั ชนะอันไพเราะแลวหลีกไป. ปาฐะวา นรา นาคา จ คนฺธพพฺ าอภิวาเทตวฺ าน ปกฺกมุ ดังนี้ก็มี. บทวา ทสสฺ น เม อติกกฺ นฺเต ความวา เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจา ลวงทศั นวสิ ัยของเราไปแลว. ปาฐะวา ชหเิ ต ทสสฺ นปู จาเร ดังนก้ี ม็ .ีบทวา สสงเฺ ฆ ไดแ ก พรอ มกับพระสงฆ ช่ือวา สสงั ฆะ พรอมกับพระ-สงฆน ัน้ . บทวา สยนา วฏุ หิตวฺ า ไดแก ลกุ ขึน้ จากตม อนั เปนท่ี ๆตนนอนลงแลว. บทวา ปลลฺ งฺก อาภชุ ึ ความวา ทําบลั ลงั กคือขดั สมาธินงั่ เหนือกองดอกไม. ปาฐะวา หฏโ  หฏเน จิตเฺ ตน อาสนา วุฏหึตทา ดงั นีก้ ็มี. ปาฉะนน้ั มีอรรถงาย. บทวา ปตยิ า จ อภิสสฺ นฺโน ไดแก อันปติสมั ผสั ซาบซา นแลว.บทวา วสภี ูโต ไดแก ถึงความเปน ผชู ํานาญ. บทวา ณาเน ไดแก รปู าวจรฌานและอรปู าวจรฌาน. บทวา สหสสฺ ยิ มฺหิ แปลวา หมืน่ . บทวา โลกมฺหิไดแก ในโลกธาตุ. บทวา เม สมา ไดแก เสมือนเรา. พระองคต รสั โดยไมแปลกวา ผทู เี่ สมอไมมี บัดนเ้ี ม่อื จะทรงกําหนดความน้นั นั่นแลจึงตรัสวา ไมมผี ูเสมอในอิทธิธรรมทั้งหลาย. บรรดาบทเหลานัน้ บทวา อิทธิธมฺเมสุ ความวา ในอิทธิธรรม ๕. บทวา ลภึ แปลวา ไดแลว . บทวา อที สิ  สขุ ไดแ ก โสมนสั เชนน้.ี พระผมู ีพระภาคเจา เม่อื ทรงแสดงวา ครัง้ นั้น สุเมธดาบส ฟงพยากรณของพระทศพลแลว สาํ คญั ความเปนพระพทุ ธเจาประหน่งึ อยูใ นกํามือแลว กม็ ี

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 223หวั ใจเบิกบาน มหาพรหมในชน้ั สุทธาวาสท้ังหลาย ในหมน่ื โลกธาตุ เคยเห็นอดตี พระพทุ ธเจา มา เพื่อประกาศความเท่ียงแทไมแ ปรผันแหง พระดํารัสของพระตถาคต เพราะเหน็ ปาฏหิ ารยิ ท เ่ี กิดข้ึนในการพยากรณนยิ ตพระโพธสิ ตั วเม่อื ทรงแสดงคําท่ีเทวดาทง้ั หลายแสดงความยนิ ดกี ะเรา ไดก ลา วคาถาเหลา นี้จึงตรัสวา ปลฺลงกฺ าภุชเน มยฺห เปนตน . บรรดาบทเหลานั้น บทวา ปลฺลงฺกาภุชเน มยหฺ  ไดแก ในการน่ังขดั สมาธิของเรา. หรือปาฐะก็อยางนีเ้ หมือนกัน. บทวา ทสสหสฺสาธิวา-สโิ น ไดแ ก มหาพรหมทงั้ หลายที่อยใู นหมน่ื โลกธาตุ. บทวา ยา ปพุ เฺ พไดแก ยานิ ปพุ เฺ พ คาํ นี้พงึ ทราบวา ทานกลา วลบวิภตั ติ. บทวา ปลลฺ งฺก-วรมาภเุ ช ไดแ ก ในการนง่ั ขัดสมาธิอยางดี. บทวา นิมิตตฺ านิ ปทิสสฺ นฺติความวา นิมิตทัง้ หลาย ปรากฏแลว เม่อื ควรจะกลาวคาํ เปนอดีตกาล ก็กลาวคําเปนปจจบุ ันกาล ถงึ คาํ ทีก่ ลา วเปน ปจจบุ ันกาลแตก็ควรถือความเปนอดตี กาล.บทวา ตานิ อชชฺ ปทสิ สฺ เร ความวา นมิ ิตเหลา ใด เกิดขึ้นแลว ในการทีน่ ยิ ตพระโพธสิ ัตวทั้งหลายน่ังขดั สมาธแิ มในกาลกอน นิมติ เหลานน้ั กเ็ ห็นกันอยใู นวันน้ี เพราะฉะนนั้ ทา นจกั เปน พระพุทธเจาแนน อนทเี ดยี ว. แตม ใิ ชนิมติ เหลา นน้ั เกดิ ข้ึนแลว . คําวา นมิ ติ เหลานัน้ ก็เหน็ กนั อยใู นวันนี้ พึงทราบวา ทานกลาวกเ็ พราะเสมือนนิมิตท่ีเกดิ ข้ึนแลว นั้น. บทวา สีต แปลวา ความเยน็ . บทวา พยฺ ปคต แปลวา ไปแลวไปปราศแลว . บทวา ตานิ ความวา ความเย็นก็คลายไปความรอ นก็ผอ นไปบทวา นิสฺสทฺทา ไดแก ไมม ีเสียง ไมอกึ ทึก. บทวา นิรากุลาแปลวา ไมว ุน วาย. หรอื ปาฐะกอ็ ยางนเ้ี หมอื นกนั . บทวา น สนทฺ นตฺ ิไดแ ก ไมน าํ ไป ไมไหลไป. บทวา สวนตฺ โิ ย แปลวา แมน ้ําท้งั หลาย. บทวาตานิ ไดแ ก ไมพดั ไมไ หล. บทวา ถลชา ไดแ ก ดอกไมทีเ่ กิดทตี่ นไมตามพนื้ ดนิ และบนภเู ขา. บทวา ทกชา ไดแ ก ดอกไมทเี่ กดิ ในนาํ้ . บทวา ปปุ ฺผนตฺ ิ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 224ไดแ ก บานแลว แกพ ระโพธิสัตวท งั้ หลายในกาลกอ น. คาํ เปนปจจุบันลงในอรรถอดตี กาล พึงทราบ โดยนยั ท่กี ลาวมาแลวในหนหลังนั่นแล. บทวา เตปชชฺปปุ ฺผิตานิ ความวา ดอกไมแมเหลาน้ัน บานแลวในวันน.้ี บทวา ผลภารา ไดแก ทรงผล. บทวา เตปชชฺ ตดั บทวา เตปอชฺช ทา นกลาววา เตป โดยลิงควปิ ลาส เพราะทานกลา ววา ลตา วารกุ ขฺ า วา. บทวา ผลติ า แปลวา เกดิ ผลแลว. บทวา อากาสฏา จภุมมฺ ฏา ไดแก ไปในอากาศ และท่ีไปบนแผน ดิน. บทวา รตนานิ ไดแก รตั นะท้ังหลาย มแี กว มกุ ดาเปนตน . บทวา โชตสฺติ แปลวา สอ งแสงสวาง.บทวา มานสุ สฺ กา ไดแก เปน ของมนุษยท ้ังหลาย ช่ือวา มานุสสกะของมนษุ ย.บทวา ทพิ ฺพา ไดแ ก เปน ของเทวดาทั้งหลาย ช่ือวาทิพพะของเทวดา.บทวา ตรุ ิยา ไดแก ดนตรี ๕ คือ อาตตะ วิตตะ อาตตะวติ ตะ สุสริ ะและฆนะ. บรรดาดนตรเี หลาน้นั ในดนตรมี ีกลองเปนตนที่หมุ หนัง ดนตรที ่ีหุมหนงั หนา เดียวช่อื วา อาตตะ ดนตรที ่ีหมุ หนังสองหนา ช่ือวาวิตตะ ดนตรีมีพณิใหญเปนตน ทหี่ ุมหนงั หมด ช่ือวาอาตตะวิตตะ ดนตรีมปี เ ปน ตน ช่ือวา สุสริ ะ.ดนตรีมสี ัมมตาลเปนตน ชือ่ วา ฆนะ. บทวา วชฺชนตฺ ิ ไดแ ก บรรเลงแลวโดยนัยท่กี ลา วมาแลว ในหนหลงั คําทเี่ ปน ปจจุบนั กาล พงึ ทราบวา ใชใ นอรรถอดตี กาล แมใ นคาํ เชนนต้ี อ ๆ ไป ก็นยั นี้. บทวา อภริ วนฺติ ความวา รอ งดังบันลอื ล่นั เหมอื นดนตรีทผี ูฉลาดบรรเลงแลว ประโคมแลว ขับรองแลว. บทวา วิจติ ฺตปปุ ฺผา ไดแ ก ดอกไมท ั้งหลาย มีกลิ่นและสตี า ง ๆ อันงดงาม. บทวา อภิวสฺสนฺติ แปลวา ตกลงแลว อธิบายวา หลนแลว. บทวาเตป ความวา ดอกไมอนั งดงามแมเ หลาน้นั ตกลงอยูก ็เห็นกันในวันนี้ อธิบายวา อันหมเู ทวดาและพรหมโปรยลงมาอย.ู บทวา อภริ วนฺติ ไดแก บันลอื ลนั่ .บทวา นิรเย ไดแ ก ในนรกทง้ั หลาย. บทวา ทสสหสฺเส ไดแก หลายหมื่น.บทวา นพิ ฺพนตฺ ิ ไดแ ก สงบ อธิบายวาถึงความสงบ. บทวา ตารกา ไดแก

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 225ดาวฤกษทง้ั หลาย. บทวา เตป อชชฺ ปทสิ ฺสนฺติ ความวา ดวงดาวแมเหลานนั้ ก็เห็นกนั กลางวันวนั น้ี เพราะดวงอาทิตยส กุ ใสไรม ลทนิ . บทวา อโนวฏเ น ไดแ ก คาํ วา อโนวฏเ นีเ้ ปน ตตยิ าวิภตั ติลงในอรรถสตั ตมีวิภัตต.ิ อีกนยั หนึง่ บทวา อโนวฏเ  ไดแก ไมม ีอะไรแมปดกัน้ . คาํ วา น เปนเพยี งนบิ าตเหมอื นในประโยคเปนตนวา สตุ วฺ า น ทูตวจนฟงคาํ ของทตู ดงั นี้. บทวา ตมฺปชชฺ ุพภฺ ิชชฺ เต ความวา นา้ํ แมน นั้ กพ็ ุขน้ึ ในวนั น้ี อธบิ ายวา แทรกพุง ขนึ้ . บทวา มหิยา ไดแ ก แผน ดนิ เปนปญ จมีวภิ ตั ติ.บทวา ตาราคณา ไดแ ก หมูด าวท้งั หมด มีดาวเคราะหแ ละดาวนกั ษัตรเปน ตน. บทวา นกขฺ ตฺตา ไดแ ก ดาวฤกษท ้ังหลาย. บทวา คคนมณฺฑเลความวา สองสวา งทั่วมณฑลทองฟา . บทวา พิลาสยา ไดแ ก สัตวทอ่ี ยใู นปลองมีงู พังพอน จรเขแ ละเห้ยี เปน ตน . บทวา ทรีสยา ไดแก สตั วท อี่ ยูใ นแอง น้าํ หรอื ปาฐะก็อยา งนเี้ หมอื นกนั . บทวา นิกขฺ มนตฺ ิ ไดแ ก ออกไปแลว . บทวา สกาสยา แปลวา จากที่อยูของตนๆ ปาฐะวา ตทาสยา ดังน้ีกม็ ีปาฐะนัน้ มคี วามวา ในคร้งั นั้นคอื ในกาลน้ัน จากที่อยูคือปลอง. บทวา ฉทุ ฺธาไดแก อนั เขาซัดไปแลว ขึน้ ไปแลว คือออกไป. บทวา อรตี ไดแก ความกระสัน. บทวา สนฺตุฏา ไดแ กสัน-โดษดว ยสันโดษอยา งยงิ่ . บทวา วินสสฺ ติ ไดแก ไปปราศ. บทวา ราโคไดแ กกามราคะ. บทวา ตทา ตนุ โหติ ไดแ ก มปี ระมาณนอ ย ทรงแสดงปรยิ ฏุ ฐานกิเลสดว ยบทน้ี. บทวา วคิ ตา ไดแก สญู หาย. บทวา ตทา ไดแกครง้ั กอ น อธิบายวา ครัง้ พระโพธิสัตวท ้ังหลายน่งั ขดั สมาธ.ิ บทวา น ภวติแปลวา ไมม.ี บทวา อชชฺ เปต ความวา แมค ร้งั ทานนัง่ ขัดสมาธิในวนั น้ีภยั นน้ั กไ็ มม.ี บทวา เตน ลงิ ฺเคน ชานาม ความวา พวกเราทกุ คนยอ มรดู วยเหตทุ ท่ี านจกั เปน พระพุทธเจา .

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 226 บทวา อนุทธฺ  สติ ไดแ ก ไมฟุงขน้ึ . บทวา อนิฏคนโฺ ธ ไดแ กกล่ินเหมน็ . บทวา ปกฺกมติ แปลวา หลีกไปแลว ปราศไปแลว. บทวาปวายติ แปลวา พดั ไปแลว . บทวา โสปชฺช ไดแก กลิน่ ทิพยแ มน ้นั ในวันนี้.บทวา ปทสิ ฺสนฺติ ไดแ ก เหน็ กนั แลว . บทวา เตปชชฺ ไดแ ก เทวดาท้ังหมดแมนน้ั ในวันนี้. ศัพทว า ยาวตาเปนนบิ าตลงในอรรถวากําหนด ความวามีประมาณเทาใด. บทวา กุฑฺฑา แปลวา กาํ แพง. บทวา น โหนตฺ าวรณาไดแ ก ทําการขวางกัน้ ไมได. บทวา ตทา ไดแก คร้งั กอน. บทวาอากาสภูตา ไดแ ก กําแพงบานประตูและภเู ขาเหลา นน้ั ไมอาจทําการขวางกน้ัทําไวขา งนอกได อธบิ ายวา อากาศกลางหาว. บทวา จตุ ิ ไดแก มรณะ. บทวาอปุ ปฺ ตฺติ ไดแก ถอื ปฏิสนธ.ิ บทวา ขเณ ไดแ ก ในขณะพระโพธสิ ตั วท ้ังหลายน่งั ขดั สมาธใิ นกาลกอน. บทวา น วชิ ชฺ ติ แปลวา ไมมแี ลว . บทวาตานิปชชฺ ความวา การจุตปิ ฏิสนธิ ในวนั น้ีแมเ หลา น้ัน. บทวา มา นิวตตฺ ิไดแก จงอยา ถอยหลงั . บทวา อภกิ ฺกม ไดแก จงกา วไปขางหนา คําทีเ่ หลือในเรอื่ งน้ี งายทง้ั น้ันแล. ตอ จากนั้น สเุ มธบณั ฑติ สดบั คําของพระทปี ง กรทศพล และของเทวดาทงั้ หลายในหมน่ื จักรวาล กเ็ กดิ อุตสาหะ อยา งยิ่งยวด คดิ วา ธรรมดาพระ-พทุ ธเจาทง้ั หลายมีพระวาจาไมโ มฆะเปลา ประโยชน พระวาจาของพระพุทธเจาท้ังหลายไมเ ปลย่ี นเปนอน่ื . เหมือนอยางวา กอนดนิ ที่เหวีย่ งไปในอากาศก็ตกแนนอน สตั วท่ีเกดิ มาแลวก็ตาย เม่ืออรณุ ข้ึนดวงอาทติ ยก็ขึ้นสูทอ งฟา ราชสหี ออกจากท่ีอยู ก็บันลือสีหนาท สตรมี คี รรภห นักก็ปลงภาระแนนอน เปนอยางน้โี ดยแทฉนั ใด ธรรมดาพระดาํ รัสของพระพทุ ธเจาทั้งหลาย ก็แนน อนไมโมฆะเปลา ประโยชน ฉันนั้นเหมอื นกัน เราจักเปนพระพทุ ธเจา แนน อนดวยเหตนุ ้ัน จงึ ตรสั วา
















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook