พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 666บทวา ธมฺมเจตยิ สมุสเฺ สตฺวา ไดแ ก ประดษิ ฐานพระเจดยี ส าํ เรจ็ ดวยโพธิ-ปก ขิยธรรม ๓๗. บทวา ธมฺมทุสสฺ วภิ สู ติ ไดแ ก ประดบั ดว ยธงธรรมคอืสจั จะ ๔. บทวา ธมฺมปปุ ผฺ คฬุ กตวฺ า ไดแก ทําใหเปน พวงมาลยั ดอกไมสําเร็จดว ยธรรม. อธิบายวา พระศาสดาพรอมทัง้ พระสงฆสาวก โปรดใหประดิษฐานพระธรรมเจดีย เพอื่ มหาชนทีอ่ ยู ณ ลานพระเจดยี ส าํ หรบั บาํ เพ็ญวปิ ส สนา จะไดน มสั การ แลวก็เสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน. บทวา มหาวลิ าโสไดแก ผูถึงความพลิ าสแหง ฤทธย์ิ งิ่ ใหญ. บทวา ตสฺส ไดแ ก ของพระผมู พี ระภาคเจา พระองคน น้ั . บทวา ชโน ไดแ ก ชน คือ พระสาวก.บทวา สริ ิธมฺมปฺปกาสโน ความวา และพระผูมพี ระภาคเจา ผูประกาศโลกตุ รธรรม พระองคน ้ัน ทง้ั นัน้ ก็อนั ตรธานไปส้นิ . ในคาถาทเี่ หลอื ทุกแหง คําชัดแลวทง้ั น้นั แล. สุเขน โกนาคมโน คตาสโว วกิ ามปาณาคมโน มเหสี วเน วเิ วเก สริ ินามเธยเฺ ย วสิ ทุ ธฺ ว สาคมโน วสิตฺถ. พระโกนาคมนพทุ ธเจา ทรงมอี าสวะไปแลว โดย สะดวก ผูเปน ทมี่ าแหงสัตวผ ปู ราศจากกาม ผูแสวงคุณ ยงิ่ ใหญ ผเู ปน ท่ีมาแหงวงศข องพระผูบ รสิ ุทธ์ิ ประทับ อยู ณ ปาอนั มีนามเปนสิริ อนั สงดั . จบพรรณนาวงศพระโกนาคมนพุทธเจา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 667๒๔. วงศพระกสั สปพุทธเจาท่ี ๒๔ วา ดว ยพระประวัตขิ องพระกัสสปพุทธเจา [๒๕] ตอมาจากสมัยของ พระโกนาคมนพทุ ธ-เจา ก็มพี ระสัมพุทธเจาพระนามวา กัสสปะ ผูสงู สดุแหงสัตวส องเทา จอมทัพธรรม ผทู ําพระรัศม.ี เรือนของตระกลู มขี าวนาํ โภชนะมาก กส็ ลัดท้ิงแลว ใหทานแกพวกยาจก ยังใจใหเตม็ แลวทําลายเครอ่ื งผูกพนั ดงั คอก เหมือนโคอุสภะพงั คอกฉะนน้ัก็บรรลพุ ระสัมโพธิญาณสงู สุด. เมอื่ พระกสั สปพุทธเจา ผูน ําโลก ทรงประกาศพระธรรมจักร อภิสมยั ครง้ั ที่ ๑ กไ็ ดม แี กส ัตวส องหมื่นโกฏิ. ครั้งพระพทุ ธเจาเสดจ็ จาริกในเทวโลก ๔ เดอื นอภสิ มยั คร้งั ที่ ๒ ไดมแี กตวั หนง่ึ หมนื่ โกฏ.ิ ครัง้ ทรงแสดงยมกปาฏหิ ารยิ ประกาศพระสัพ-พญั ุตญาณ อภิสมัยคร้งั ท่ี ๓ ไดม แี กส ตั วหาพันโกฏิ. พระชนิ พทุ ธเจา ประทับน่ัง ณ สภา ชอื่ สุธรรมาณ ดาวดึงสเทวโลกทรงประกาศพระอภธิ รรม ทรงยังเทวดาสามพนั โกฏิใหต รัสร.ู อกี ครง้ั หนึง่ ทรงแสดงธรรมโปรดนรเทวยกั ษอภิสมยั ของสัตวเ หลานัน้ นับจํานวนไมถว น.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 668 พระผูเปนเทพแหงเทพพระองคน ้นั ทรงมีสนั -นิบาต ประชุมพระสาวกขณี าสพผไู รม ลทนิ มจี ติ สงบคงท่ี ครงั้ เดยี ว. ครง้ั นน้ั เปน สันนิบาตประชุมพระภกิ ษุสาวกสองหม่ืน ผูเ ปน พระขีณาสพลวงภพ เสมอกนั ดวยหริ ิและศลี . ครง้ั น้ัน เราเปน มาณพ ปรากฏช่ือวา โชตปิ าละผคู งแกเ รียน ทรงมนต จบไตรเพท ถึงฝง ในลทั ธิธรรมของตน ในลกั ษณศาสตร และ อิติหาสศาสตรฉลาดรูพ้นื ดนิ และอากาศ สาํ เร็จวชิ าอยา งสมบรู ณ. อปุ ฏฐากของพระผมู พี ระภาคเจากัสสปะ ชื่อวา ฆฏกิ าระ ผนู า เคารพ นา ยําเกรง อันพระองคท รงแนะนําในอริยผลท่ี ๓ [อนาคามผี ล] ทานฆฏกิ ารอุบาสกพาเราเขาเฝา พระกัสสปชนิ -พทุ ธเจา เราฟงธรรมแลว ก็บวชในสาํ นักของพระองค. เราเปนผูปรารภความเพียร ฉลาดในขอ วัตรนอ ยใหญไ มเสื่อมคลาย ไมวา ในคุณขอไหนๆ ยงั คาํ ส่งั สอนของพระชินพทุ ธเจาใหบรบิ ูรณอย.ู เราเลา เรยี นนวงั คสัตถศุ าสน พุทธวจนะตลอดทง้ั หมด ยังพระศาสนาของพระชนิ พุทธเจา ใหงามแลว.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 669 พระพุทธเจาแมพ ระองคนนั้ ทรงเหน็ ความอศั -จรรยข องเรา กท็ รงพยากรณวา ในภทั รกัปน้ี ทานผูนี้จักเปนพระพุทธเจา. พระตถาคต ออกอภเิ นษกรมณจากกรุงกบิลพัสดุอันนารื่นรมย ตง้ั ความเพยี ร ทําทกุ กรกิรยิ า. พระตถาคตประทับนงั่ ณ โคนตนอชปาลนิโครธรบั ขาวมธุปายาส ณ ท่ีนั้นแลว เสดจ็ เขา ไปยังแมน้าํเนรญั ชรา. พระชินเจาพระองคน ั้น เสวยขาวมธปุ ายาสที่รมิฝง แมน ้ําเนรญั ชรา เสดจ็ ดาํ เนนิ ตามทางอนั ดที เี่ ขาจดัแตงไว เขา ไปท่ีโคนโพธพิ ฤกษ. แตน้ัน พระผูมพี ระยศย่งิ ใหญ ทรงทําประทัก-ษณิ โพธิมณั ฑสถานอันยอดเย่ยี ม ตรสั รู ณ โคนโพธ-ิพฤกษช ่อื ตนอสั สตั ถะ. ทานผนู ี้ จักมพี ระชนนีพระนามวา พระนางมายาพระชนกพระนามวา พระเจาสุทโธทนะ ทา นผูนจ้ี กั มีพระนามวา โคตมะ. จกั มพี ระอัครสาวกช่อื วาพระโกลติ ะ และพระ-อุปตสิ สะ ผูไ มมีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบตง้ั ม่ัน พระพทุ ธอุปฏฐากชือ่ วา พระอานันทะ จักบาํ รุงพระชนิ เจา ผนู ี.้
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 670 จกั มีพระอคั รสาวิกา ชอ่ื พระเขมา และพระอุบล-วรรณา ผไู มมอี าสวะ ปราศจากราคะ มจี ติ สงบต้งั มัน่ โพธพิ ฤกษข องพระผมู ีพระภาคเจาพระองคน น้ัเรียกวาตนอัสสัตถะ. จักมีอัครอปุ ฏฐาก ชอ่ื วา จิตตะ และหัตถกะอาฬวกะ อคั รอุปฏฐายกิ า ช่อื วานนั ทมาตาและอุตตราพระโคตมะผูมพี ระยศ จกั มพี ระชนมายุ ๑๐๐ ป. มนุษยแลเทวดาทั้งหลาย ฟงพระดาํ รัสนขี้ องพระผูไมม ีผเู สมอ ผูแสวงคุณยิ่งใหญแลว ก็ปลาบปล้ืมใจวา ทา นผูนเี้ ปน หนอ พุทธางกรู . หมน่ื โลกธาตุ ทงั้ เทวดา พากันโหร อ งปรบมอืหัวรอรา เรงิ ประคองอญั ชลีนมสั การ กลา ววา ผวิ า พวกเราจักพลาดพระศาสนาของพระโลก-นาถพระองคน ้ีไซร ในอนาคตกาล พวกเรากจ็ กั อยูตอหนาของทา นผูนี.้ มนษุ ยทงั้ หลาย เมื่อขา มแมนํ้า พลาดทา นํ้าขา งหนา ก็ถอื เอาทานาํ้ ขา งหลงั ขามแมนํา้ ใหญ ฉันใด. พวกเราทัง้ หมด ผิวา ผา นพน พระชนิ พุทธเจาพระองคน้ไี ซร ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยูตอหนาของทา นผนู ้ี ฉันนัน้ เหมอื นกัน. เราฟง พระดํารสั ของพระองคแลว จิตกก็ ็ยิง่ เลื่อมใส จงึ อธิษฐานขอวัตรยิ่งยวดข้ึนไป เพือ่ บาํ เพญ็บารมี ๑๐ ใหบรบิ ูรณ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 671 เราทอ งเท่ียวไปอยางน้ี เวน เด็ดขาดจากการ อนาจารเราทาํ แตก จิ กรรมทที่ าํ ไดยาก ก็เพราะเหตุอยากไดพระโพธญิ าณอยางเดียว. พระนคร ชอื่ วา พาราณสี มีกษตั รยิ พ ระนามวาพระเจา กกี ิ ตระกลู ของพระกัสสปพุทธเจา เปนตระกลูใหญ อยูในพระนครน้นั . พระกสั สปพทุ ธเจา ผแู สวงคณุ ยงิ่ ใหญมพี ระชนกเปน พราหมณช ่อื วา พรหมทัตตะ พระชนนีเปนพราหมณชี ื่อวา ธนวด.ี พระองคค รองฆราวาสวิสัยอยสู องพนั ป มปี รา-สาทชน้ั เยย่ี ม ๓ หลงั ชือ่ วาหงั สะ ยสะ และ สิริจันทะมนี างบาํ เรอสี่หมน่ื ปแ ปดพันนางมีพระนางสนุ นั ทาเปนประมขุ มพี ระราชบตุ รพระนามวา วิชิตเสนะ. พระผูสงู สุดในบรุ ษุ ทรงเห็นนิมติ ๔ ออกอภิเนษกรมณด วยปราสาท ทรงบาํ เพญ็ เพยี ร ๗ วัน. พระมหาวีระกสั สปะ ผนู าํ โลก สูงสุดในนรชนอนั ทาวมหาพรหมอาราธนาแลว ทรงประกาศพระ- ธรรมจักร ณ มิคทายวนั . พระกสั สปพุทธเจา ผูแ สวงคุณย่งิ ใหญ มีพระ-อคั รสาวก ชือ่ วา พระติสสะ และพระภารทวาชะพุทธอุปฏฐาก ชอ่ื วาพระสัพพมติ ตะ. มีพระอัครสาวกิ า ชือ่ วาพระอนลุ า และพระอรุ ุเวลา โพธพิ ฤกษของพระผมู พี ระภาคเจา พระองคน้นัเรยี กวา ตนนิโครธ.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 672 มีอัครอปุ ฏฐากชื่อวา สุมงั คละและฆฏกิ าระ มี อัครอปุ ฏ ฐายิกา ชือ่ วาวชิ ิตเสนา และภัททา. พระพทุ ธเจาพระองคน น้ั สูง ๒๐ ศอก เหมือน สายฟา แลบในอากาศ เหมือนดวงจนั ทรท รงกลด. พระองคผแู สวงคุณย่ิงใหญ มพี ระชนมายสุ อง หม่นื ป พระองคมพี ระชนมยืนถงึ เพยี งน้ัน จึงยังหมู ชนเปนอนั มากใหข า มโอฆะ. พระองค ทรงสรา งสระธรรม ประทานศีลเปน เครอื่ งลูบไล ทรงนงุ ผาธรรม แจกจา ยพวงมาลยั ธรรม. ทรงต้งั ธรรมอันใสสะอาดเปน กระจกแกม หาชน คนเหลาใดเหลา หน่งึ ปรารถนาพระนพิ พานกจ็ กั ดู เครื่องประดับของเรา. ประทานศลี เปนเส้อื ฌานเปน เกราะหนัง หม ธรรมเปนหนงั [เสอื ] ประทานเกราะสวมอนั สูงสุด. ประทานสตเิ ปน โล ญาณเปนหอกคมกริบ ประทานธรรมเปน พระขรรคอ ยา งดี ศีลเปน เครอ่ื ง* ย่าํ ยีศัตรู. ประทานวชิ ชา ๓ เปนเครอื่ งประดบั ผล ๔ เปน มาลยั คลอ งคอ ประทานอภญิ ญา ๖ เปนอาภรณ ธรรม เปน ดอกไมประดับ.๑. อ. สลี ส สคฺคฆททฺ น ศีลเปน เครือ่ งย่าํ ยคี วามคลุกคลี
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 673 พระองคท ัง้ พระสาวก ประทานพระสัทธรรมเปนเศวตฉัตรไวป อ งกนั บาป ทรงเนรมิตดอกไมค ือทางอนั ไมม ีภยั แลว กด็ บั ขนั ธปรนิ ิพพาน. นนั่ คอื พระสัมมาสัมพทุ ธเจา ผมู ีพระคณุ หาประมาณมไิ ด อนั ใครเขาเฝาไดย าก. นั่นคือพระธรรมรตั นะ ทพี่ ระสมั มาสมั พุทธเจา ตรัสไวดแี ลว ควรเรยี กใหมาดู. นนั่ คือพระสังฆรัตนะ ผูปฏิบัตดิ ยี อดเย่ียมทงั้ น้นักอ็ ันตรธานไปสน้ิ สังขารทั้งปวงกว็ า งเปลา แนแท. พระชินศาสดา มหากัสสปพทุ ธเจา ดับขนั ธ-ปรินพิ พาน ณ พระวิหารเสตัพยาราม ชินสถปู ของพระองค ณ พระวิหารนนั้ สงู หนึ่งโยชน. จบวงศพ ระกสั สปพุทธเจาท่ี ๒๔
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 674 พรรณนาวงศพ ระกัสสปพทุ ธเจาที่ ๒๔ ภายหลังตอ มาจากสมยั พระผูม พี ระภาคเจา โกนาคามนะ เม่อื พระศาสนาของพระองคอันตรธานแลว สตั วท่ีมีอายสุ ามหม่ืนป ก็เสอื่ มลดลงโดยลําดบั จนถงึ มอี ายุสิบป แลวเจรญิ อีก จนมีอายุนบั ไมถ วน แลว กเ็ ส่อื มลดลงอีกโดยลําดับเมื่อสัตวเกดิ มามอี ายสุ องหมนื่ ป พระศาสดาพระนามวากัสสปะ ผูปกครองมนุษยเปน อนั มาก กอ็ บุ ตั ิขนึ้ ในโลก. พระองคท รงบําเพ็ญบารมีทั้งหลาย แลวบังเกดิ ในสวรรคช ้ันดุสติ จตุ จิ ากนนั้ แลว กถ็ อื ปฏิสนธใิ นครรภข องพราหมณีชื่อวาธนวดี ผมู คี ุณไพบลู ย ของพราหมณช อ่ื วาพรหมทตั ตะ กรุงพาราณสีถวนกาํ หนดทศมาส ก็ตลอดออกจากครรภชนนี ณ อสิ ปิ ตนะมคิ ทายวนั แตญ าติทรงหลายตั้งพระนามของพระองคโดยโคตรวา กัสสปกมุ าร พระองคครองฆราวาสวสิ ยั อยสู องพนั ป. มปี ราสาท ๓ หลังชอ่ื วาหงั สวา ยสวา และสิรินนั ทะปรากฏมนี างบําเรอส่หี มน่ื เเปดพนั นาง มนี างสุนันทาพราหมณี เกดิ แลว เมอ่ื บตุ รชื่อ วชิ ติ เสนะ ของ นางสุนนั ทาพราหมณี เกดิ แลวพระองคท รงเหน็ นิมิต ๔ เกิดความสังเวชสลดใจ เมื่อระหวา งท่ีพระองคทรงดํารเิ ทาน้นั ปราสาทก็หมุนเหมือนจักรแหงแปนทําภาชนะดิน ลอยขึน้ สทู องนภากาศ อนั คนหลายรอยแวดลอ มแลว ดจุ ดวงรัชนีกรในฤดสู ารท ทเี่ ปนกลุม ทําความงามอยางยง่ิ อันหมดู าวแวดลอมแลว ลอยไปประหนงึ่ ประดบั ทอ งนภากาศ ประหนงึ่ ประกาศบญุ ญานภุ าพ ประหนง่ึ ดึงดดู ดวงตาดวงใจของชนประหนงึ่ ทาํ ยอดไมทงั้ หลายใหงามยิ่ง เอาตน โพธิพ์ ฤกษชื่อนิโครธตน ไทรไวตรงกลางแลวลงต้ังเหนือพ้ืนดิน คร้งั นน้ั พระโพธสิ ัตวผ ูเ ปน มหาสตั วทรงยืนทีแ่ ผน ดนิ ทรงถือเอาผา ธงชัยแหงพระอรหัตท่ีเทวดาถวาย ทรงผนวชแลว
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 675นางบําเรอของพระองคกล็ งจากปราสาท เดินทางไปครึ่งคาวุต พรอ มดวยบริวารจึงพากันน่ังกระทําใหเ ปนดุจคา ยพักของกองทพั . แตน น้ั คนที่มาดว ยกพ็ ากนั บวชหมด เวน นางบาํ เรอ. ไดย นิ วา พระมหาบุรษุ อนั ชนเหลาน้ันแวดลอมแลว ทรงบําเพ็ญเพยี ร ๗ วนั ในวันวสิ าขบูรณมี เสวยขาวมธปุ ายาส ทน่ี างสนุ นั ทาพราหมณีถวายแลว ทรงพกั กลางวัน ณ ปา ตะเคียน เวลาเย็น ทรงรับหญา ๘ กาํ ท่ีคนเฝา ไรข า วเหนียว ชอื่ โสมะ ถวาย จึงเขาไปยงั โพธพิ ฤกษชื่อตน นโิ ครธทรงลาดหญา กวางยาว ๑๕ ศอก ประทบั นัง่ เหนือสันถัตนนั้ บรรลพุ ระอภิสัม-โพธิญาณ ทรงเปลง พระอทุ านวา อเนกชาติส สาร ฯ ล ฯ ตณฺหานขยมชฺฌคา ดงั นี้ ทรงยบั ยงั้ อยู ๗ สัปดาห ทรงเหน็ อปุ นิสัยสมบตั ขิ องภกิ ษุหนง่ึ โกฏิ ซง่ึ บวชกับพระองค เสด็จไปทางอากาศ ลงท่ีอสิ ิปตนะมคิ ทายวนั กรงุ พาราณสี อนั ภกิ ษเุ หลานน้ั แวดลอมแลว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ อสิ ิปตนะมิคทายวนั น้นั คร้งั นนั้ ธรรมาภสิ มยั ครั้งท่ี ๑ ไดมีแกสัตวสองหมืน่ โกฏิ ดวยเหตนุ ั้น จงึ ตรสั วา ตอมาจากสมยั ของพระโกนาคมนพุทธเจา กม็ ี พระสมั พทุ ธเจา พระนามวา กสั สปะ ผสู ูงสดุ แหง สตั ว สองเทา ผูเปน ราชาแหงธรรม ผูทาํ พระรัศมี. เรอื นแหงสกุล มขี าวน้าํ โภชนะ เปน อนั มาก พระองคก ็สละเสยี แลว ทรงใหท านแกย าจกท้ังหลาย ยงั ใจใหเต็มแลว ทาํ ลายเครื่องผกู ดจุ โคอุสภะพังคอก ฉะน้ัน ทรงบรรลุพระสมั โพธญิ าณอนั อุดม.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 676 เมือ่ พระกสั สปพทุ ธเจา ผูนาํ โลก ทรงประกาศ พระธรรมจักร อภสิ มัยครงั้ ท่ี ๑ ไดม ีแกส ตั วส องหมื่น โกฏิ. แกอรรถ บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา สฉฺ ฑฑฺ ติ ไดแก อันเขาละแลว ทง้ิแลว เสยี สละแลว. บทวา กุลมลู ความวา เรือนแหงสกุล มีกองโภคะนบั ไมถว น มีกองทรพั ยห ลายพนั โกฏิ มโี ภคะเสมอื นภพทา วสหัสสนยั น ที่สละไดแสนยาก กส็ ละไดเหมอื นอยา งหญา. บทวา ยาจเก ไดแ ก ใหแ กยาจกทั้งหลาย. บทวา อาฬก ไดแ ก คอกโค. อธิบายวา โคอุสภะพงั คอกเสยี แลวก็ไปยังท่ีปรารถนาไดตามสบาย ฉนั ใด แมพ ระมหาบรุ ษุ ทําลายเครื่องผกู คือเรอื นเสียแลว ก็ทรงบรรลุพระอภิสมั โพธิญาณได ฉันนน้ั . ตอ มาอีก เม่ือพระศาสดาเสดจ็ จาริกไปในชนบท อภสิ มัยครงั้ ที่ ๒ ไดมแี กสตั วห นึง่ หมื่นโกฏิ ครัง้ พระองคทรงทาํ ยมกปาฏหิ าริยทีโ่ คนตนประดู ใกลประตสู นุ ทรนคร ทรงแสดงธรรม อภิสมัยครั้งท่ี ๓ ไดม แี กส ตั วห าพนั โกฏิตอมาอกี ทรงทํายมกปาฏหิ าริยแลว ประทบั นงั่ ณ เทวสภาช่ือสุธมั มา ในภพดาวดงึ ส ซ่ึงยากนกั ทขี่ าศกึ ของเทวดาจะครอบงําได เม่ือทรงแสดงอภธิ รรม-ปฏก ๗ คมั ภีร เพื่อทรงอนเุ คราะหเทวดาทัง้ หลาย ในหมนื่ โลกธาตุ มีธนวดีชนนขี องพระองคเ ปนประมุข ทรงยงั เทวดาสามพนั โกฏใิ หด ม่ื อมฤตธรรมดวยเหตุนนั้ จึงตรสั วา ครัง้ พระพุทธเจา เสด็จจารกิ ไปในโลก ๔ เดือน อภสิ มัยครัง้ ท่ี ๒ ไดม ีแกสัตวห นึ่งหมน่ื โกฏ.ิ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 677 คร้งั ทรงแสดงยมกปาฏหิ ารยิ ประกาศพระสพั - พญั ุตญาณ อภิสมัยครงั้ ที่ ๓ ไดมแี กเ ทวดาหาพัน โกฏ.ิ พระชนิ พทุ ธเจา ประทับนั่ง ณ ธรรมสภา ช่ือ สุธัมมา ณ เทวโลกอันนาร่นื รมย [ดาวดึงส] ทรง ประกาศพระอภธิ รรม ยังเทวดาสามพนั โกฏิใหตรัสรู. อกี คร้งั ทรงแสดงธรรมโปรดนรเทวยักษ อภิสมยั ไดม แี กสัตวเหลา น้ัน นับจํานวนไมไ ดเลย. แกอรรถ บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา จตมุ าส ก็คือ จาตุมาเส แปลวา ๔เดอื น หรือปาฐะกอ็ ยางนเ้ี หมือนกนั . บทวา จรติ กค็ อื อจร.ิ แปลวา ไดเสด็จจาริกไปแลว บทวา ยมก วิกพุ พฺ น กตฺวา ไดแก ทรงทํายมกปาฏิหารยิ . บทวา ญาณธาตุ ไดแก สภาพของพระสัพพัญุตญาณ อาจารยบางพวกกลาววา สพพฺ าณธาตุ ดงั น้ีกม็ .ี บทวา ปกติ ฺตยิ ไดแ ก ทรงประกาศแกม หาชน. บทวา สุธมมฺ า ความวา สภาชอ่ื วา สธุ ัมมามอี ยูในภพดาวดงึ ส พระองคประทับน่ัง ณ สภานั้น. บทวา ธมมฺ ไดแ ก พระอภธิ รรม. เขาวา คร้งั นั้น มยี ักษช่ือวา นรเทพ ผูเ ปนนรเทพผูม อี านุภาพและผูพ ชิ ิต ซึง่ มีศกั ดิใ์ หญและฤทธิม์ ากเหมอื นนรเทพยักษที่กลาวมาแลวแตหนหลงั .นรเทพยักษนั้น แปลงตัวเหมอื นพระราชาในนครหนึ่งในชมพทู วีป ทงั้ รปู รางทรวดทรงสมุ เสยี งทว งที แลว ฆา พระราชาตวั จรงิ กินเสีย ปฏบิ ัติหนาท่ีพระราชาพรอมทงั้ ในราชสํานัก โปรดเสวยเนื้อไมจํากัดจาํ นวน. เขาวา นรเทวยักษน้นั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 678เปนนักเลงหญิงดวย แตค ราใดสตรพี วกท่ีฉลาดเฉลยี ว รูจ ักเขาวา ผนู ีไ้ มใ ชพระราชาของเรา นัน่ อมนุษยผ ูฆา พระราชากินเสีย คราน้ัน เขาทาํ เปนละอายกนิ สตรพี วกนัน้ หมด แลว กเ็ ดินทางไปนครอืน่ . ดวยประการดังน้ี นรเทว-ยักษน นั้ กนิ มนษุ ยแลวกม็ งุ หนา ไปทางสนุ ทรนคร พวกมนุษยชาวนครเห็นเขาถูกมรณภัยคุกคามกส็ ะดุงกลัว พากนั ออกจากนครของตนหนชี มซานไป. ครงั้ น้ัน พระกัสสปทศพล ทรงเหน็ พวกมนุษยพ ากนั หนีไป ก็ประทับยืนประจนั หนานรเทวยกั ษนน้ั นรเทวยกั ษครั้นเหน็ พระเทพแหง เทพยืนประจันหนา ก็แผดเสยี งกัมปนาทดดุ นั รา ยกาจ แตไมอ าจใหพระผมู พี ระ-ภาคเจาเกิดความกลวั ได กถ็ งึ พระองคเ ปนสรณะ แลวทูลถามปญหา เม่อืพระองคท รงวสิ ชั นาปญ หา ทรงฝก เขา แสดงธรรม อภิสมัยกไ็ ดม ีแกมนุษยและเทวดาทีม่ าประชมุ กนั เกินทีจ่ ะนบั จาํ นวนไดถวน. ดวยเหตุนัน้ จึงตรัสวา นรเทวสสฺ ยกฺขสสฺ เปนตน. ในคาถานัน้ บทวา อปเร ธมฺมเทสเนไดแ ก ในการแสดงธรรมครง้ั อ่นื อีก. บทวา เอเตสาน กค็ อื เอเตส . พระผูมีพระภาคเจา กัสสปะพระองคนนั้ มีสาวกสนั นิบาตครัง้ เดียวเทานั้น. มบี ุตรปุโรหติ ในกรงุ พาราณสี ชือ่ วา ตสิ สะ เขาเห็นลกั ษณะสมบตั ิในพระสรรี ะของ พระกสั สปโพธสิ ัตว ฟงบิดาพูด กค็ ิดวา ทา นผนู ้จี กั ออกมหาภิเนษกรมณเปน พระพุทธเจา อยางไมต อ งสงสยั จาํ เราจักบวชในสํานักของพระองคพ นจากสังสารทุกข จงึ ไปยงั ปา หิมพานตทมี่ ีหมูมนุ ผี ูบรสิ ทุ ธ์ิ บวชเปน ดาบส. เขามีดาบสสองหม่ืนเปน บรวิ าร. ตอมาภายหลัง เขาทราบขาววาพระกัสสปกมุ าร ออกอภิเนษกรมณบรรลุพระอภสิ ัมโพธญิ าณ จงึ พรอ มดวยบรวิ ารมาบวชดว ยเอหิภิกขุบรรพชาในสาํ นักของพระผูมีพระภาคเจากสั สปะแลวบรรลพุ ระอรหัต. พระผูมีพระภาคเจา กัสสปะ ทรงยกปาติโมกขขึน้ แสดงในวนั มาฆบรู ณมีในสมาคมนัน้ . ดวยเหตุน้ัน จึงตรัสวา
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 679 พระผเู ปนเทพแหงเทพแมพ ระองคน ั้น ทรงมี สาวกสนั นบิ าต ประชุมพระสาวกขีณาสพผไู รมลทิน คงที่ คร้ังเดียว. คร้งั นน้ั เปนสันนบิ าตประชมุ ภิกษุสาวกของผู เปนพระขณี าสพ ลว งอรยิ บคุ คลระดับอนื่ เสมอกัน ดว ยหริ ิและศีล. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา อติกฺกนตฺ ภวนฺตาน ไดแ ก ผเู กนิ ระดบัปุถชุ นและอรยิ บุคคลมพี ระโสดาบันเปน ตน คอื เปนพระขีณาสพหมดท้ังนัน้ .บทวา หิรสิ ีเลน ตาทนี ไดแก ผเู สมอกนั ดว ยหริ ิและศีล. คร้งั น้นั พระโพธิสัตวของเรา เปนมาณพชื่อ โชตปิ าละ จบไตรเพทมีชื่อเสยี งในการทํานายลักษณะพืน้ ดิน และลักษณะอากาศ เปน สหายของฆฏกิ าระอบุ าสก ชา งหมอ. โชติปาลมาณพน้ัน เขา เฝา พระศาสดาพรอ มกับฆฏิการะอุบาสกน้ัน ฟงธรรมกถาของพระองคแลว ก็บวชในสาํ นักของพระองคพระโพธสิ ัตวน น้ั ทรงปรารภความเพียร เลา เรยี นพระไตรปฎ กแลว ยงั พระ-พุทธศาสนาใหง ามดวยการปฏบิ ตั ขิ อวัตรใหญน อ ย พระศาสดาแมพระองคน น้ัก็ทรงพยากรณพ ระโพธสิ ัตวน ้ัน. ดวยเหตุนั้น จงึ ตรัสวา คร้ังน้นั เราเปน มาณพปรากฏช่อื วา โชติปาละ เปน ผคู งแกเ รียน ทรงมนต จบไตรเพท. ถึงฝง ในลัทธิธรรมของตน ในลกั ษณศาสตร และอติ หิ าสศาสตร ฉลาดในลักษณะพนื้ ดินและอากาศ สําเรจ็ วทิ ยาอยางสมบูรณ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 680 อปุ ฏฐากของพระผูมพี ระภาคเจากัสสปะช่อื วาฆฏกิ าระ เปนผูนาเคารพ นา ยําเกรง อนั พระกัสสป-พทุ ธเจาทรงส่งั สอนในพระอริยผลท่ี ๓ [อนาคามผิ ล]. ฆฏิการะอบุ าสก พาเราเขาไปเฝาพระกสั สปชนิ -พทุ ธเจา เราฟงธรรมของพระองคแลวก็บวชในสํานักของพระองค. เราปรารภความเพียร ฉลาดในขอวตั รใหญนอยจงึ ไมเ ส่ือมคลายในท่ีไหนๆ ยังศาสนาของพระชิน-พทุ ธเจาใหเ ตม็ แลว . เราเลา เรยี นนวงั คสัตถุศาสน อนั เปน พระพุทธดาํ รสั ตลอดหมด จึงยงั พระศาสนาของพระชนิ พุทธเจาใหง าม. พระพุทธเจาแมพระองคนัน้ ทรงเหน็ ความอศั จรรยของเรา ก็ทรงพยากรณวา ในภัทรกัปน้ีทา นผนู ี้จกั เปน พระพุทธเจา . พระตถาคต ออกอภิเนษกรมณจ ากกรงุ กบิลพัสดุอนั นา รืน่ รมย ฯ ล ฯ จักอยตู อ หนา ของทานผูน .ี้ เราฟงพระดํารัสของพระองคแ ลว จติ กย็ ิ่งเลือ่ มใส จึงอธิษฐานขอ วตั รยงิ่ ยวดข้นึ ไป เพือ่ บําเพญ็ บารมี ๑๐ ใหบริบรู ณ. เราทอ งเท่ยี วอยางนี้ เวนขาดอนาจาร เราทาํกจิ กรรมท่ที าํ ไดย าก เพราะเหตแุ หงพระโพธญิ าณอยางเดียว.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 681 แกอ รรถ บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา ภูมนฺตลิกฺขกสุ โล ความวา เปนผูฉ ลาด ในวิชาสาํ รวจพนื้ ดิน วชิ าดูลกั ษณะอากาศ วิชาดาราศาสตรและวิชาโหราศาสตร. บทวา อุปฏโก แปลวา ผูบาํ รงุ . บทวาสปฺปตสิ ฺโส ไดแก ผนู าเกรงขาม. บทวา นพิ ฺพุโต ไดแ ก อันทรงแนะนาํ แลว หรอื ปรากฏแลว. บทวา ตตเิ ย ผเล เปนนมิ ติ สตั ตมี ความวาอันทรงแนะนาํ แลว เพราะเหตุบรรลุอรยิ ผลที่ ๓. บทวา อาทาย ไดแ กพาเอา. บทวา วตฺตาวตฺเตสุ ไดแ ก ในขอ วตั รนอยและขอวัตรใหญ. บทวาโกวิโท ไดแก ผูฉลาดในการยงั ขอ วัตรเหลานั้นใหเต็ม. ดว ยบทวา น กวฺ จิปริหายามิ ทรงแสดงวา เราไมเส่ือมแมใ นทไ่ี หนๆ แมแ ตในศลี หรอื สมาธิสมาบตั เิ ปน ตนอยางไหน ๆ ขึ้นช่ือวา ความเสอ่ื มของเราในคณุ ท้ังปวง ไมม ีเลย. ปาฐะวา น โกจิ ปรหิ ายามิ ดงั น้ีกม็ ี ความก็อยา งน้นั เหมือนกัน. คําวา ยาวตา นนั้ เปนคาํ แสดงขัน้ ตอน. ความวา มปี ระมาณเพียงไร. บทวา พุทธฺ ภณิต ไดแก พระพุทธวจนะ. บทวา โสภยึ ไดแกใหง ามแลว ใหแ จม แจง แลว . บทวา มม อจฺฉรยิ ความวา พระผมู ีพระภาคเจากัสสปะ ทรงเหน็ สัมมาปฏบิ ัติของเรา ไมทว่ั ไปกบั คนอืน่ ๆ นาอศั จรรยไมเคยมี. บทวา ส สรติ ฺวา ไดแก ทอ งเทย่ี วไปในสงั สารวัฏ. บทวาอนาจร ไดแก อนาจารท่ไี มพงึ ทาํ ไมค วรทาํ . ก็พระผูม พี ระภาคเจา กัสสปะพระองคน้นั ทรงมนี ครเกิดชอื่ วา พาราณสีมชี นกเปนพราหมณช ื่อวา พรหมทัตตะ มีชนนีเปน พราหมณีชอ่ื วา ธนวดีมีคพู ระอคั รสาวกชอ่ื วาพระตสิ สะและพระภารทวาชะมพี ทุ ธอุปฏฐากชอื่ วาพระสพั พมิตตะมีคพู ระอคั รสาวิกาชอ่ื วา พระอนุฬาและอรุ ุเวฬาโพธิพฤกษ
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 682ชอ่ื วา นโิ ครธ ตน ไทร พระสรีระสูง ๒ ศอก พระชนมายุสองหม่นื ป ภรยิ าช่ือวา สุนนั ทา บุตรชือ่ วิชติ เสนะ ออกอภเิ นษกรมณดว ยยานคือปราสาท.ดวยเหตนุ น้ั จึงตรัสวา มีนคร ชอื่ วา พาราณสี มกี ษัตริยพ ระนามวา กิกี ตระกลู ของพระสัมพทุ ธเจา เปน ตระกลู ใหญ อยูใน พระนครนนั้ . พระกสั สปพทุ ธเจา ผแู สวงหาคุณย่งิ ใหญ มีชนก เปน พราหมณ ช่ือวาพรหมทตั ตะ มชี นนเี ปน พราหมณ ช่อื วา ธนวด.ี พระกสั สปพทุ ธเจา ผูแสวงคณุ ยิง่ ใหญ มีพระ- อัครสาวก ช่อื วาพระตสิ สะ และพระภารทวาชะ มี พุทธอปุ ฏฐากช่ือวา พระสัพพมิตตะ. มอี คั รสาวกา ช่อื พระอนุฬา และ พระอรุ เุ วฬา โพธิพฤกษของพระผมู ีพระภาคเจา พระองคน ้นั เรยี กวา ตน นิโครธ. มอี ัครอุปฏ ฐาก ชอื่ วาสุมังคละ และ ฆฏกิ าระ มี อคั รอุปฏ ฐายกิ า ชื่อวา วิชติ เสนา และภทั ทา. พระพุทธเจา พระองคน้นั สูง ๒๐ ศอก เหมือน สายฟา อยกู ลางอากาศ เหมอื นจนั ทรเ พ็ญทรงกลด. พระกัสสปพุทธเจา ผแู สวงคุณย่ิงใหญพระองค นน้ั มีพระชนมายุสองหม่ืนป พระองคท รงมพี ระชนม ยืนถงึ เพยี งนน้ั จึงยงั หมูชนเปนอันมากใหข ามโอฆะ.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 683 ทรงสรา งสระคอื ธรรม ประทานเครื่องลูบไลค อื ศีล ทรงนงุ ผา คือธรรม ทรงแจกมาลัยคอื ธรรม. ทรงวางธรรมอนั ใสไรมลทนิ ตา งกระจก ไวใ น มหาชน บางพวกปรารถนาพระนพิ พาน ก็จงดูเครอ่ื ง ประดบั ของเรา. ประทานเสอ้ื คอื ศลี ผกู สอดเกราะ คือฌาน หม หนงั คอื ธรรม ประทานเกราะช้ันเย่ยี ม. ประทานสตเิ ปน โล ประทานธรรมเปนพระ- ขรรคอ ยางดี ศลี เปนเคร่ืองย่าํ ยกี ารคลกุ คล.ี ประทานวชิ ชา ๓ เปนเคร่ืองประดับ ผลทั้ง ๓ เปนมาลยั สวมศีรษะ ประทานอภิญญา ๖ เปนอาภรณ ธรรมเปน ดอกไมเ คร่ืองประดับ. พระองคท ้งั พระสาวก ประทานพระสัทธรรม- เปน ฉัตรขาว กน้ั บาป เนรมิตดอกไม คอื ทางท่ีไมมี ภยั แลว ก็ดบั ขันธปรินิพพาน. กน็ ่ัน คอื พระสมั มาสัมพทุ ธะ ผมู พี ระคุณหา ประมาณมิได อันใครเขา เฝาไดย าก นั่นคือพระธรรม. รตั นะท่พี ระองคต รัสไวดแี ลว ควรเรียกใหมาดู. นนั่ คือพระสังฆรตั นะ ผปู ฏบิ ัติดยี อดเย่ยี ม ทงั้ น้นั ก็อนั ตรธานไปสน้ิ สงั ขารทงั้ ปวง กว็ า งเปลาแนแท. แกอรรถ บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา วิชชฺ ุลฏวี ไดแก ดจุ สายฟาแลบอนัต้งั อยู โดยเปนของทึบ. บทวา จนโฺ ทว คหปรู โิ ต ไดแก ดุจดวงจันทร
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 684เพ็ญอนั ทรงกลดแลว . บทวา ธมมฺ ตฬาก มาปยิตวฺ า ทรงสรา งสระคอื พระปริยัตธิ รรม. บทวา ธมมฺ ทตฺวา วิเลปน ไดแ ก ประทานเครอ่ื งลบู ไล เพือ่ ประดบั สันตตแิ หงจิต กลาวคอื จตปุ ารสิ ทุ ธศิ ลี . บทวา ธมฺม-ทสุ ฺส นวิ าเสตวฺ า ไดแ ก นุง ผา คู กลาวคอื ธรรม คือหิริ และโอตตปั ปะ.บทวา ธมฺมมาล วภิ ชฺชิย ไดแก จาํ แนก คือเปด พวงมาลยั ดอกไมค ือโพธปิ กขยิ ธรรม ๓๗ ประการ. บทวา ธมฺมวิมลมาทาส ความวา วางกระจก กลา วคอื โสดาปต ติ-มรรคอนั ไรม ลทิน คอื กระจกธรรมใกลรมิ สระธรรมสาํ หรบั มหาชน เพ่ือกําหนดธรรมทม่ี โี ทษและไมมโี ทษที่เปนกศุ ลและอกศุ ล. บทวา มหาชเนแปลวา แกม หาชน. บทวา เกจิ กค็ ือ เยเกจิ. บทวา นพิ พฺ าน ปตฺเถนตฺ าความวา เที่ยวปรารถนาพระนพิ พาน อนั กระทาํ ความยอ ยยบั แกม ลทินคอือกุศลทงั้ มวล อันไมต าย ปจ จยั ปรงุ แตงมไิ ด ไมม ที กุ ข สงบอยา งย่ิงมอี นั ไมจตุ ิเปน รส ชนเหลาน้นั จงดูเคร่อื งประดับน้ี มีประการทีก่ ลา วแลว อันเราแสดงแลว . ปาฐะวา นพิ ฺพานมภิปตเฺ ถนตฺ า ปสสฺ นฺตุ ม อลงกฺ ร ดงั น้กี ็มีความก็อยา งนนั้ เหมือนกนั . บทวา อลงฺกร ทา นทาํ รสั สะ กลาว. บทวา สลี กจฺ กุ ทตวฺ าน ไดแ ก ประทานเส้อื ทีส่ าํ เร็จดว ยศลี ๕ศีล ๑๐ และจตุปารสิ ุทธิศลี . บทวา ฌานกวจวมมฺ ติ ไดแก ผูกเครอ่ื งผูกคือเกราะ คือจตุกกฌานและปญจกฌาน. บทวา ธมมฺ จมมฺ ปารุปตฺวาไดแก หมหนึง่ คือธรรมท่ีนบั ไดว าสติสัมปชัญญะ. บทวา ทตฺวา สนนฺ า-หนตุ ฺตม ความวา ประทานเคร่ืองผูกสอดคอื วิริยะ ทีป่ ระกอบดวยองค ๔อนั สูงสดุ . บทวา สติผลก ทตฺวาน ไดแ ก ประทานเคร่อื งปองกนั คือโลคอื สติปฏ ฐาน ๔ เพอ่ื ปองกันโทษอรแิ ละบาปมรี าคะเปนตน . บทวา ติขิณ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 685าณกุนฺติม ไดแก หอกคือวปิ สสนาญาณอนั คมกรบิ คือหอกคมอยางดีคอืวปิ สสนาญาณ ทส่ี ามารถแทงตลอดได. หรือความวา ทรงต้ังนักรบคอื พระ-โยคาวจร ท่ีสามารถทาํ การกําจดั กองกาํ ลังคือ กเิ ลสได. บทวา ธมฺมขคฺควรทตฺวา ไดแ ก ประทานพระขรรคอ ยางดคี ือมรรคปญ ญา ทีม่ คี มอันลับดว ยกลบีอบุ ลคือความเพียร แกพ ระโยควาจรนัน้ . บทวา สลี ส สคฺคมททฺ น ความวาโลกุตรศลี อันเปนอริยะ เพ่ือย่ํายกี ารคลุกคลีดวยกิเลสคอื เพ่ือฆา กเิ ลส. บทวา เตวชิ ฺชาภูสน ทตฺวาน ไดแก ประทานเครอ่ื งประดับสาํ เรจ็ดว ยวชิ ชา ๓. บทวา อาเวฬ จตุโร ผเล ไดแก ทําผล ถ ใหเปน พวงมาลัยคลองคอ. บทวา ฉฬภิ ฺ าภรณ ไดแก ประทานอภญิ ญา ๖ เพ่ือเปนอาภรณ และเพือ่ กระทําการประดับ. บทวา ธมฺมปุปผฺ ปล นธฺ น ไดแกทาํ พวงมาลยั ดอกไม กลาวคือโลกุตรธรรม ๙. บทวา สทธฺ มฺมปณุ ฺฑรจ-ฺฉตตฺ ทตฺวา ปาปนวิ ารณ ไดแ ก ประทานเศวตฉัตรคือวิมตุ ติอันบรสิ ุทธ์ิสนิ้ เชิง เปนเครอื่ งกนั แดดคืออกุศลทงั้ ปวง. บทวา มาปยิตฺวาภย ปปุ ผฺ ความวา ทาํ ดอกไมคอื มรรคมอี งค ๘ ทีใ่ หถ งึ เมืองทไี่ มม ีภัย. ไดยินวา พระผูมีพระภาคเจา กสั สปะ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน ณ เสตัพย-อุทยาน ใกลเสตัพยนคร แควน กาสี เขาวา พระบรมสารีริกธาตุของพระองคไมกระจดั กระจายแพรห ลายไป. มนุษยท ่วั ชมพูทวีป เม่อื สรา งใชมโนสิลาหินออ นแทนดิน ใชน ํ้ามนั แทนน้ํา เพื่อกอ ภายนอกเปนแผน อฐิ ทองแตล ะแผนมคี า เปนโกฏิ วจิ ิตรดวยรตั นะ เพอ่ื ทาํ ภายในใหเตม็ เปน อิฐทองแตล ะแผนมีคา ครงึ่ โกฏิ ชวยกันสรา งเปน สถปู สงู หนึ่งโยชน.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 686 กสฺสโปป ภควา กตกิจโฺ จ สพฺพสตฺตหิตเมว กโรนฺโต กาสริ าชนคเร มิคทาเย โลกนนทฺ นกโร นวิ ส.ิ แมพ ระผูมพี ระภาคเจา กสั สป เสดจ็ กจิ แลว ทรงทาํ ประโยชนเกอ้ื กลู แกส รรพสัตวอ ยา งเดียวทรงทําความรา เริงแกโลก ประทับอยปู ระจํา ณ กรงุ พาราณสีราชธานแี หง แควนกาสีแล.ในคาถาท่ีเหลือ ทุกแหง คาํ ชดั แลว ทง้ั นั้นแล. จบพรรณนาวงศพระกสั สปพุทธเจา
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 687 วงศพระโคดมพุทธเจา ท่ี ๒๕ [๒๖] บัดนี้ เราเปนพระสัมพุทธเจา ช่ือวาโคตมะ เจรญิ วยั ในศากยสกุล ต้งั ความเพยี รแลวบรรลุพระโพธิญาณอันอดุ ม. อันทา วมหาพรหมอาราธนาแลว ประกาศพระ- ธรรมจกั ร อภสิ มัยครงั้ ที่ ๑ ไดม แี กส ัตว ๑๘ โกฏิ. เมอ่ื ทรงแสดงธรรมตอจากน้นั ในสมาคมแหงมนุษยแ ละเทวดา อภสิ มยั ครง้ั ที่ ๒ กก็ ลา วไมไดถงึจาํ นวนผบู รรลุ. บัดน้ี ในท่นี ้นี ่ีแล เราสง่ั สอนราหลุ โอรสของเรา อภสิ มัยครั้งท่ี ๓ ก็กลา วไมไ ดถ ึงจํานวนผบู รรล.ุ สันนิบาตการประชมุ สาวก ผแู สวงคณุ ย่งิ ใหญของเรา เปน การประชมุ ภกิ ษุ ๑,๒๕๐ มคี รงั้ เดยี ว. เราไรมลทินรุงเรอื งอยู ทามกลางสงฆกใ็ หท กุอยา งท่สี าวกปรารถนา เหมอื นแกวจินดามณใี หท กุอยางทีต่ องการ. อนั ความกรุณาสตั วท ั้งหลาย เราประกาศสจั จะ๔ แกผูจาํ นงหวังมรรคผล ผปู ระสงคละความพอใจในภพ. ธรรมาภิสมัย ไดม แี กส ตั วห นึ่งหมน่ื สองหมนื่อภิสมยั ของสัตวไ มน บั จาํ นวนดวยหนงึ่ คนหรอื สองคน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 688 ศาสนาของเรา ผูศากยมนุ ใี นโลกนี้ บริสทุ ธ์ิดีแลว แผไปกวางขวาง คนเปนอนั มากรกู นั มน่ั คงเจรญิ ออกดอกบานแลว. ภกิ ษทุ ง้ั หมดหลายรอ ย ผูไ มมีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจติ สงบ ตั้งมน่ั ยอมแวดลอมเราทกุ เม่อื . บัดน้ี เด๋ียวน้ี ภิกษเุ หลาใด ละภพมนษุ ย ภิกษุเหลานน้ั เปนเสกขะ ยังไมบรรลพุ ระอรหตั วญิ ชู น ก็ตเิ ตียน. นรชนผทู องเท่ียวไปในสงั สารวฏั ผยู ินดีในธรรมทุกเม่ือ เม่อื ชมเชยอรยิ มรรค รงุ เรืองอยู กจ็ กั ตรสั รู. เรามีนครชอ่ื กบิลพสั ดุ พระชนก พระนามวาพระเจาสทุ โธทนะ พระชนนีเรียกวา พระนางมายาเทวี. เราครองฆราวาสวิสยั อยู ๒๙ ป มีปราสาทเยย่ี ม๓ หลงั ชื่อวา สจุ นั ทะ โกกนทุ ะ และโกญจะ มสี นมกํานลั ท่แี ตงกายงามสีห่ มืน่ นาง อัครมเหสีพระนามวาพระยโสธรา โอรสพระนามวาพระราหลุ . เราเห็นนมิ ิต ๔ ออกอภเิ นษกรมณด วยยาน คอืมา ทําความเพยี ร ประพฤตทิ ุกกรกริ ิยา ๖ ป. เรา ชินโคตมะสมั พทุ ธเจา ประกาศพระธรรม-จักร ณ ปา อสิ ิปตนะ มิคทายวัน ณ กรงุ พาราณสี เปนสรณะของสตั วท้งั ปวง. เรามีภิกษุคพู ระอคั รสาวก ชอื่ วา โกลิตะ และอปุ ตสิ สะ มพี ทุ ธอปุ ฏ ฐากประจาํ สํานักชอ่ื วา อานันทะ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 689 เรามีภกิ ษณุ อี ัครสาวกิ า ชือ่ เขมาและอบุ ลวรรณามีอคั รอปุ ฏฐากชื่อวาจติ ตะ และหัตถกะอาฬวกะ มอี ัครอุปฏฐายิกาชอื่ วา นนั ทมาตา และอุตตรา เราบรรลุสมั -โพธญิ าณอนั อดุ ม ณ โคนโพธพิ ฤกษ ชอื่ ตน อสั สตั ถะ. เรามรี ศั มวี าหน่ึง สงู ๑๖ ศอก อายุเรา ณ บัดน้ีนอ ย รอยป เราดํารงชนมอยูเ พยี งนัน้ กย็ งั หมชู นเปนอนั มากใหขามโอฆะ เราตง้ั คบเพลิงคอื ธรรม ปลกุ ชนทเ่ี กิดมาภายหลงั ใหต ืน่ . ไมนานนกั แมเ ราพรอมดว ยสงฆสาวกก็จักปรินพิ พานในที่นีน้ แ่ี ล เพราะสนิ้ อาหาร เหมอื นดวงไฟดับ เพราะส้นิ เชื้อฉะน้ัน. เดชที่ไมม ใี ครเทียบไดเหลา นนั้ ทัง้ ยศพละและฤทธ์เิ หลา น้ี เราผมู ีเรือนกายทรงคณุ วจิ ิตรดวยมหา-ปรุ ิสลกั ษณะ ๓๒ ประการ มีฉัพพรรณรงั สสี อ งสวางทั้งสบิ ทิศ ดัง้ ดวงอาทติ ย. ทั้งนั้นก็จกั อนั ตรธานไปสิ้น สังขารทงั้ ปวงกว็ างเปลา แนแ ท. จบวงศพระโคดมพทุ ธเจาท่ี ๒๕
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 690 พรรณาวงศพ ระโคดมพุทธเจา ที่ ๒๕ เรอ่ื งนิทานกาลไกล เพราะเหตุทีถ่ ึงลาํ ดบั การพรรณนาวงศ ของพระ- พุทธเจาของเราแลว ฉะน้ัน บดั น้จี ะพรรณาวงศ พระพทุ ธเจา ของเรานั้น ดังตอ ไปน้.ี ในนิทานกาลไกลน้ัน พระโพธิสตั วข องเราทรงทาํ อธิการในสาํ นักของพระพุทธเจา ๒๔ พระองค มพี ระทีปงกรพทุ ธเจา เปนตน มาถึงสอ่ี สงไขยกําไรแสนกปั แตส ว นกาลภายหลังของพระผมู พี ระภาคเจา กสั สปะไมม พี ระพุทธ-เจา พระองคอ ืน่ เวนแตพ ระสมั มาสัมพุทธเจา พระองคน.ี้ ดงั น้ัน พระโพธสิ ัตวไดพ ยากรณในสํานักพระพุทธเจา ๒๔ พระองค กท็ รงบาํ เพญ็ พุทธการกธรรมมที านบารมีเปนตน ทีพ่ ระโพธิสัตว ผูรวบรวมธรรม ๘ ประการ เหลาน้ีวาอภนิ ีหาร ยอ มสําเรจ็ ได เพราะรวบรวมธรรม ๘ ประการ คอื ๑. มนุสตั ตะ เปน มนษุ ย ๒. ลิงคสมั ปต ติ เปนเพศบรุ ษุ ๓. เหตุ มีอปุ นสิ สยสมบตั ิบรรลุมรรคผลได ๔. สัตถารทสั สนะ พบพระพทุ ธเจาขณะทยี่ ัง ทรงพระชนมอยู ๕. ปพพัชชา บวชเปน ดาบสหรอื ภกิ ษุอยู ๖. คุณสมบตั ิ ไดสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ ๗. อธกิ าร อาจสละชีวติ แกพระพุทธเจา ได ๘. ฉันทตา มีฉันทะ อุตสาหะ บําเพ็ญพุทธ- การกธรรม.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 691แลวทําอภินีหารแทบเบ้อื งบาทพระทปี งกรพทุ ธเจา แลวทาํ อตุ สาหะวา จําเราจะเลือกเฟนพทุ ธการกธรรม อยา งโนนอยา งนแ้ี สดงไวว า ครง้ั นั้น เราเมอื่เลอื กเฟน กไ็ ดเหน็ ทานบารมีเปน อันดบั แรก ดงั นี้ ตราบจนมาถึงอัตภาพเปนพระเวสสนั ดรและเม่ือมาถงึ กม็ าประสบอานิสงสแ หง พระโพธิสัตวท ้ังหลาย ผูทําอภนิ หี ารไวแ ลว ท่ที รงสรรเสรญิ ไวว า พระนิยตโพธิสัตว ถงึ พรอมดวยองคค รบถว น อยางนี้ แมท องเท่ยี วไปตลอดกาลยาวนานนบั รอย โกฏิกัป กไ็ มเ กดิ ในอเวจแี ละในโลกนั ตริกนรก ไมเ กิดเปน นชิ ฌามตณั หกิ เปรต ขปุ ปป าสิกเปรต กาฬ- กัญชิกาสูร แมเขา ถึงทคุ ติ กไ็ มเ ปนสตั วข นาดเลก็ เมือ่ เกดิ ในหมูมนษุ ย ก็ไมเปนคนตาบอดแตก ําเนดิ โสตก็ไมวกิ ลบกพรอง ไมเ ปนคนประเภทใบ ไมเ ปน สตรี ไมเปนคนสองเพศและไมเปนบณั เฑาะก. พระนิยตโพธสิ ตั ว ไมเ ปน ผนู บั เนอ่ื งดงั กลา ว พนจากอนันตริยกรรม มีโคจรบรสิ ทุ ธ์ใิ นภพทงั้ ปวง ไมเ สพมิจฉาทิฏฐิ มีความเหน็ วา กรรมเปนอันทํามผี ล แมอ ยใู นสวรรคท ง้ั หลาย กไ็ มเ ขาถงึ อสัญญีภพ ท้ัง ไมม ีเหตทุ ี่ไปเกดิ ในเทพชน้ั สุทธาวาส เปนผนู อ มไป ในเนกขมั มะ เปน สตั บุรษุ ไมเ กาะเก่ยี วในภพใหญ นอย บาํ เพญ็ แตโลกตั ถจรยิ าท้ังหลาย บาํ เพญ็ บารมี ทั้งปวง.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 692เมอื่ มาประสบอานสิ งสอยา งน้ี กต็ ้ังอยใู นอตั ภาพเปน พระเวสสันดร ทาํ บุญย่งิใหญ ท่ีทําใหมหาปฐพไี หวเปนตน อยา งนี้วา แผนปฐพนี ้ีไมม ีใจ ไมรูสกึ สุขทกุ ข แผน ปฐพี แมนั้น ก็ไหวถงึ ๗ ครัง้ เพราะกําลงั ทานของเรา.สุ ุดทา ยแหงอายุ กจ็ ุติจากอัตภาพนน้ั บงั เกดิ ในสวรรคช ัน้ ดสุ ิต. เร่ืองนิทานกาลใกล เมอ่ื พระโพธสิ ตั วกําลังอยูใ นภพดสุ ิต ธรรมคําวาพทุ ธโกลาหลกเ็ กดิขึ้น. จริงอยู เกิดโกลาหลขึ้นในโลก ๓ อยาง คือ กัปปโกลาหล พทุ ธโกลาหลและจักกวตั ติโกลาหล บรรดาโกลาหลทั้ง ๓ นั้น เหลา เทวดาชนั้ กามาวจรช่อื วา โลกพยหู ะ ทราบวา ลว งไปแสนปกัปจักต้ังข้ึน ดังนี้ ปลอ ยผมสยายรอ งไหเ อาหัตถฟายน้าํ ตา นุงหมผาแดง ทรงเพศแปลก ๆ อยา งยิ่ง เท่ียวไปในถิน่ มนษุ ย บอกกลาววา ดูกอนทา นผนู ิรทกุ ขทงั้ หลาย ลวงไปแสนปนับแตวันนไ้ี ปกัปจกั ตั้งขน้ึ โลกน้จี ักพนิ าศไป แมม หาสมุทรก็จกั เหือดแหง มหาปฐพแี ผน นแี้ ละขนุ เขาสเิ นรุ จักมอดไหมพ ินาศไป ความพนิ าศจักมีจนถึงพรหมโลก ดกู อ นทา นผนู น้ี ิรทกุ ข พวกทานจงเจรญิ เมตตา กรณุ า มทุ ติ าอเุ บกขา จงบํารงุ มารดาบดิ า จงเปนผูยาํ เกรงในทา นผูใหญใ นตระกูล ดังน้ีนีช้ ่ือวา กปั ปโกลาหล. เทวดาฝา ยโลกบาลทราบวา ลว งไปพันป จักเกิดพระสัพพญั ู-สมั พุทธเจาข้นึ ในโลก จงึ เทีย่ วไปโฆษณาวา ดูกอ นทา นผนู ิรทุกข ตง้ั แตนี้ลว งไปพันป จกั เกิดพระพุทธเจาข้ึนในโลก ดงั น้ี น้ชี ือ่ วา พุทธโกลาหล.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 693 พวกเทวดาทราบวา ลว งไปรอยป พระเจาจกั รพรรดิราชจกั เกิดขึน้จงึ เท่ียวโฆษณาไปวา ดกู อ นทา นผนู ริ ทุกข นบั แตน ้ลี วงไปรอยป จักเกิดจักรพรรดิราชข้นึ ดังนี้ น้ีชอื่ วา จักกวัตตโิ กลาหล. บรรดาโกลาหล ๓ น้ัน เทวดาทัว่ หมน่ื จกั รวาลฟงเสยี งขาวพทุ ธ-โกลาหล ก็ประชมุ พรอ มกนั รวู า สตั วชอื่ โนน จักเปน พระพุทธเจา ก็เขา ไปหาออ นวอน แตเ มื่อออนวอน ก็จะออ นวอนเมอื่ บุพนิมิตของสัตวผนู ้นั เกดิ ขนึ้ .แตใ นครั้งนั้น เทวดาเหลา นั้นแมท้ังหมด ในแตละจกั รวาล ก็ประชมุ กนั ในจกั รวาลเดียว พรอมกับมหาราชทัง้ ๔ ทา วสักกะ ทาวสยุ ามะ ทา วสนั ตสุ ิตะทา วสนุ ิมมติ ะ ทาววสวตั ตีและทาวมหาพรหม พากันไปยงั สาํ นักพระโพธิสัตวผ ูมีนมิ ติ แหงการจตุ เิ กิดแลว ในภพดุสติ ชว ยกนั ออนวอนวา ขา แตท า นผูน ริ ทกุ ขบารมี ๑๐ ทา นก็บาํ เพ็ญแลว แตเมื่อบาํ เพ็ญ ทานมิใชบาํ เพ็ญปรารถนาสมบตั ิทาวสกั กะ สมบตั พิ รหมเปนตน แตท านบาํ เพ็ญปรารถนาพระสพั พัญุตญาณเพ่อื ชว ยโลก. เพื่อความเปนพระพุทธเจา . ขา แตท า นมหาวรี ะ บดั นเี้ ปน เวลาสมควรสําหรับ ทานแลว ทานจงเกดิ ในพระครรภพ ระชนนี เมอื่ จะ ยังโลกทั้งเทวโลกใหข า มโอฆะ ทานจงตรสั รูอมตบท เถิด. ลาํ ดบั น้นั พระมหาสัตวอ นั ทวยเทพทลู ออ นวอนอยางนั้น มิไดป ระ-ทานปฏิญญา [คํารับรอง] แกเทวดาท้ังหลาย แตทรงพจิ ารณามหาวโิ ลกนะ๕ คือ ขนั้ ตอน ไดแก กาละ ทวปี ประเทศ ตระกูล กาํ หนดพระชนมายุพระชนนีบรรดามหาวิโลกนะ ๕ นั้น พระมหาบุรษุ ทรงพจิ ารณาเวลาเปนอันดับแรกวาเปนกาลสมควรหรอื ยงั . ในขอ วา กาลนน้ั กาลท่อี ายคุ นเจรญิ ข้ึนเกินแสนป
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 694ไมใชก าลสมควร. เพราะเหตไุ ร เพราะวา ในกาลนน้ั [กาลท่มี นุษยม ีอายุแสนป] ชาติชรามรณะจักไมป รากฏแกสัตวท ง้ั หลาย และพระธรรมเทศนาของพระพทุ ธเจา ท้งั หลาย ไมม ีพน จากไตรลักษณ [อนิจจงั ทกุ ขัง อนตั ตา] เลยเมอ่ื พระพุทธเจาตรัสวา อนิจฺจ ทุกฺข อนตฺตา อยู สตั วท ้ังหลายยอมไมสําคญั พระพุทธดํารสั ทีค่ วรฟง ทีค่ วรเช่อื วา พระพทุ ธเจา ทัง้ หลาย กาํ ลงั ตรสัเรอ่ื งอะไรกนั น่ัน. แตน ้นั อภสิ มยั การตรัสรู ก็จะไมมี เมื่ออภสิ มยั ไมม ี คําสง่ั -สอนก็ไมเ ปน นยิ ยานกิ ะนาํ สตั วออกจากทกุ ข เพราะฉะนน้ั จึงไมเ ปน การสมควรแมก าลทอ่ี ายคุ นต่าํ กวา รอ ยป ก็ยงั ไมใชกาลอันสมควร. เพราะเหตไุ ร เพราะวา ในกาลน้ัน [กาลที่มนุษยม อี ายุต่ํากวา รอ ยป] สตั วท้ังหลายมีกิเลสหนาแนนและโอวาทท่ีประทานแกส ตั วทมี่ ีกเิ ลสหนาแนน จะไมค งอยใู นฐานะควรโอวาทจะขาดหายไปเรว็ เหมือนรอยไมท ขี่ ีดในน้ํา เพราะฉะนั้น จงึ ไมใ ชกาลอนั สมควรแตกาลแหง อายุต่าํ กวาแสนปลงมา สงู เกนิ รอยปขนึ้ ไป ช่ือวา กาลอันสมควรกาลนัน้ เปนเวลารอยป. ดงั น้ัน พระมหาสตั วจ ึงทรงเห็นกาลวาเปนกาลทคี่ วรบังเกดิ . ตอแตนั้น เมื่อทรงพิจารณาถงึ ทวปี ก็ทรงพิจารณามหาทวปี ทั้ง ๔พรอ มท้งั ทวีปบรวิ าร ก็ทรงเหน็ ทวปี วา พระพุทธเจา ทงั้ หลายไมเ กิดในทวีปทัง้ ๓ เกิดในชมพูทวีปเทานนั้ . ตอ แตน น้ั เมอ่ื ทรงสํารวจดโู อกาสวา ธรรมดาชมพูทวปี เปน ทวีปใหญขนาดถึงหม่นื โยชน พระพทุ ธเจาท้งั หลาย ทรงเกิดที่ไหนกันหนอ กท็ รงเห็นมชั ฌมิ ประเทศ จงึ ตกลงพระหฤทัยวา มีนครกบลิ พัสดุอยู จําเราจะพงึ เกดิ ณนครน้นั . แตน้นั เม่ือทรงพิจารณาดูตระกูล กท็ รงเหน็ ตระกูลวา ธรรมดาพระพทุ ธเจาทงั้ หลายไมเกดิ ในตระกูลแพศยห รือตระกลู ศทู ร แตบ ังเกดิ ใน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 695ตระกูลกษตั ริย หรือตระกูลพราหมณทีโ่ ลกสมบตั ิ บดั นี้ ตระกูลกษตั รยิ โ ลกสมมติ จําเราจกั เกดิ ในตระกลู นัน้ พระเจา สุทโทธนะ จักทรงเปน พระชนกของเรา. แตนั้น เมอ่ื ทรงพิจารณาดูพระชนนี ก็ทรงเห็นวา ธรรมดาพระพทุ ธ-มารดา มิใชเปนสตรโี ลเล นักเลงสุรา แตบําเพญ็ บารมมี าแสนกปั มศี ีลไมขาดว่นิ มาแตเ กดิ กพ็ ระเทวีพระนามวา พระนางมหามายาพระองคนี้ เปนเชน นี้ พระนางจกั เปนชนนขี องเรา. พระชนมายุของพระนางเทาไรเลา. ๑๐เดอื นกบั ๗ วนั . พระมหาสัตวครัน้ พิจารณามหาวิโลกนะ ๕ อยางนี้ ดงั นแี้ ลว จึงทรงรบั ปฏญิ ญาของเทวดาท้งั หลายวา ดูกอ นทา นผูนริ ทุกข เปน กาลสมควรเปนพระพุทธเจาสาํ หรบั เราแลว ละ จึงสงเทวดาเหลา นัน้ ดวยพระดํารัสวา พวกทา นไปกันเถดิ อันเทวดาช้ันดสุ ิตแวดลอ มแลว กเ็ สดจ็ เขา ไปยงั สวนนนั ทนวนั ในชน้ั ดุสิต. ดวยวาในเทวโลกทกุ ช้นั มสี วนนันทนวนั ทั้งนนั้ . ในสวนนันทนวนัในช้ันดุสิตนน้ั เทวดาทง้ั หลาย เม่ือจะยังพระมหาสัตวนัน้ ใหราํ ลึกถึงโอกาสแหงกศุ ลกรรมทีท่ าํ แตป างกอ นวา ทานจุตจิ ากนี้แลว จงไปสูส คุ ติ จงึ เทย่ี วไปพระมหาสตั วนั้นอนั เทวดาเหลานนั้ ใหร ะลึกถงึ กศุ ลแวดลอ มแลว ก็เท่ยี วไปในนนั ทนวันน้นั ก็จุติไปถอื ปฏิสนธใิ นพระครรภของพระนางมหามายาเทวีโดยดาวนกั ขัตอุตตราสาธ. ในขณะทีพ่ ระมหาบรุ ุษทรงถือปฏิสนธิในพระครรภของพระชนนี ท่ัวหมนื่ โลกธาตกุ ไ็ หวพรอ มกนั ในคราวเดยี วกัน. บพุ นิมิต ๓๒ประการ กป็ รากฏ. เทวบตุ ร ๔ องคถือพระขรรค ทําหนาท่ีอารักขาเพ่ือปอ งกนั อปุ ทวเหตุแกพระโพธสิ ัตวผ ถู ือปฏสิ นธิ และพระชนนีของพระโพธิสัตว ดวยประการ
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 696ฉะนี้. ราคจติ ในบรุ ุษท้งั หลาย มิไดเ กิดแกพ ระมารดาของพระโพธสิ ตั ว พระ-ชนนีนนั้ ประสบลาภอยางเลศิ ยศอยา งเลิศ มีสุข พระวรกายมลิ ําบาก พระชนนีแลเหน็ พระโพธิสตั ว ซ่งึ อยใู นพระครรภของพระนางเอง เหมอื นดา ยขาวรอยแกวมณอี นั ใสฉะนั้น เพราะเหตทุ ี่พระครรภท่พี ระโพธิสตั วอ ยู กเ็ ปนเสมอื นหอ งพระเจดีย สตั วอื่นไมอ าจอยูหรอื ใชส อยได ฉะนั้น พระมารดาของพระ-โพธิสตั ว เม่อื พระโพธสิ ัตวเกิดได ๗ วนั จงึ ตอ งทํากาละ [ทวิ งคต] บงั เกดิในสวรรคชัน้ ดุสติ . ก็สตรีอนื่ ๆ ถงึ ๑๐ เดือนกม็ ี เกินก็มี น่ังคลอดบา งนอนคลอดบาง ฉนั ใด พระมารดาของพระโพธิสตั วห าเปนฉันน้นั ไม. แตพระมารดาของพระโพธิสตั ว บรหิ ารพระโพธสิ ัตวด วยพระครรภ ๑๐ เดือนแลว ทรงยนื ประสูต.ิ นีเ้ ปน ธรรมดาของพระมารดาของพระโพธิสัตว. แมพ ระนางมหามายาเทวี ทรงบรหิ ารพระโพธสิ ัตวด ว ยพระครรภ๑๐ เดอื นแลว มพี ระครรภบรบิ ูรณ มพี ระประสงคจะเสดจ็ ไปเรอื นพระญาติจึงกราบทลู แดพ ระเจา สุทโธทนะมหาราชวา ขา แตพระทลู กระหมอม เกลาหมอ มฉันใครจะไปเทวทหนครเพคะ. พระราชาทรงอนญุ าตแลว โปรดใหท ําทางตง้ั แตก รงุ กบลิ พัสดจุ นถงึ เทวทหนครใหเรียบ ใหประดบั ดว ยตน กลวย หมอเต็มนาํ้ หมาก ธงผาเปนตน ใหประทบั น่งั ในวอทองใหม ทรงสง ไปดว ยสริ สิ งาและดวยบริพารกลุมใหญ. ระหวา งพระนครท้ังสอง มมี งคลสาลวันช่อืลมุ พินี ทีค่ วรใชส อยของชาวนครทงั้ สอง. มงคลสาลวนั นนั้ สมยั นั้นออกดอกบานสะพรัง่ ไปหมด ตงั้ แตโคนจนถึงยอด เพราะทรงเห็นวนะ งามเสมือนสวนนนั ทนวนั อนั เปน ท่สี ําเรงิ สาํ ราญแหงเทพ ซึง่ หมแู มลงผึง้ อนั ผง้ึอื่น ๆ เลี้ยงดู ผเู พลินในรสหวานท่ีทําความยนิ ดีอยา งยง่ิ อันนารน่ื รมย ยินดีดว ยความเมา มรี วงรังอนั เสพแลว รํ่ารอ งกระหึม่ อยตู ามระหวางกง่ิ และระหวางดอกท้งั หลาย พระเทวกี ็เกิดจิตคิดจะลงเลนสวนสาลวัน.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 697 วิภสู ติ า พาลชนาติจาลินี วภิ สู ติ งฺคี วนิเตว มาลนิ ี สทา ชนาน นยนาลิมาลนิ ี วิลุมฺปน ีวาติวโิ รจิ ลมุ พฺ นิ ี. สวนลมุ พินี อนั ธรรมชาติประดับแลว เปนที่ หวั่นไหวของคนปญญาออ น หมภู มร แตงตัวแลว ยอ มชอบชมเชย มหี มูแมลงผ้ึงประหน่ึงดวงตาของชน ท้งั หลาย คอยรุม จึงรุงเรืองทกุ เมื่อ. เหลา อํามาตยกราบทูลพระราชาแลว พาพระราชเทวีเขาไปยงั ลมุ พนิ วี นันนั้ . พระนางเสด็จไปยังโคนตนมงคลสาละ มีพระประสงคจ ะทรงจับก่ิงใดของมงคลสาละนัน้ ซง่ึ มีลาํ ตน ตรงเรยี บและกลม ประดบั ดวยดอกผลและใบออนกง่ิ มงคลสาละนน้ั ไมม แี รง รวนเรเหมอื นใจชน ก็นอ มลงมาเองถึงฝาพระกรของพระนาง ลาํ ดับนั้น พระนางกทรงจับกิ่งสาละนน้ั ดวยพระกรทที่ ําความยนิ ดีอยา งย่งิ ขางขวา ซึ่งงามดวยกาํ ไลพระกรทองใหม มีพระองคลุ ีกลมกลงึ ดังกลบี บวั อนั รงุ เรอื งดว ยพระนขานนู มีสแี ดง. พระนางประทบั ยนื จบั ก่ิงสาละนัน้เปนพระราชเทวีงดงามเหมือนจนั ทรเลขาออน ๆ ทลี่ อดหลบื เมฆสีเขยี วครามเหมือนแสงเปลวไฟ ซึง่ ต้งั อยูไดไ มน าน และเหมอื นเทวที เี่ กิดในสวนนันทนวันในทนั ทนี ัน้ เอง ลมกมั มัชวาตของพระนางกไ็ หว ขณะนนั้ ชนเปนอนั มากกก็ ั้นผา มานเปนกาํ แพงแลวหลกี ไป. พระนางเมอ่ื ประทบั ยนื จบั กง่ิ สาละอยนู ัน่เอง พระโพธิสัตวกป็ ระสตู จิ ากพระครรภของพระนางน้ัน. ในทันใดน้ันเอง ทาวมหาพรหมผูมจี ิตบริสทุ ธิ์ ๔ พระองค ก็ถอืขา ยทองมารองรบั พระโพธิสตั วด ว ยขายทองนัน้ วางไวเบ้ืองพระพักตรพ ระชนนี
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 698ตรสั วา ดูกอ นพระเทวี ขอจงทรงดีพระหฤทยั เถิด พระโอรสของพระองคมีศกั ดมิ์ าก สมภพแลว . ก็สัตวอ นื่ ๆ เม่อื ออกจากครรภม ารดา กเ็ ปรอะเปอนดว ยของปฏกิ ูลไมสะอาดออกไป ฉนั ใด พระโพธสิ ัตวห าเปนฉนั นน้ั ไม. แตพระโพธสิ ตั วเหยยี ดพระหตั ถทั้งสอง พระบาทท้งั สอง ยนื ไมเปรอะเปอนดว ยของไมส ะอาดไร ๆ จากสมภพในพระครรภข องพระชนนี หมดจด สดใสรุง เรอื งเหมอื นมณีรัตนะอันเขาวางไวบ นผากาสี ออกจากพระครรภพ ระชนนี.เมื่อเปนเชน น้นั เพอื่ สักการะแดพระโพธสิ ัตว และพระชนนขี องพระโพธสิ ัตวทอ ธารนา้ํ สองทอ ก็ออกมาจากอากาศ โสรจสรงทีพ่ ระสรรี ะของพระโพธิสัตวและพระชนนขี องพระโพธสิ ตั ว. ลําดบั นนั้ ทาวมหาราชทง้ั ๔ พระองค ก็เอาผา ขนสตั วทมี่ ีสัมผัสอันสบาย ซงึ่ สมมตกิ นั วา เปน มงคลรับจากพระหัตถของทาวมหาพรหม ซึง่ ยืนรบัพระโพธสิ ตั วนน้ั ไวดว ยขา ยทอง. พวกมนุษยกเ็ อาเบาะผา เนือ้ ดี รบั จากพระ-หัตถของทาวมหาราชทง้ั ๔ นั้น พระโพธสิ ัตวพน จากมอื ของมนษุ ย ก็ยืนท่ีแผน ดินมองดทู ิศบรู พา หลายพันจกั รวาลกม็ ีลานเปน อนั เดียวกัน. เทวดาและมนษุ ย ในที่น้นั เมือ่ บชู าดวยของหอมดอกไมม าลยั เปน ตน ก็พากนั ทูลวาขาแตพระมหาบรุ ษุ ผทู ีเ่ สมือนกบั พระองคใ นทนี่ ้ไี มม ี ผูท ่ีจะย่ิงกวา จะมแี ตไหน. พระโพธิสัตวทรงเหลยี วแลดทู ศิ ท้ัง ๑๐ ทศิ ไมเ ห็นผทู ี่เสมือนกบั พระองคจึงบา ยพระพกั ตรมุงสทู ิศอุดร ทรงดําเนินไป ๗ ยา งกาว. และเม่ือดําเนินไปก็ดําเนนิ ไปบนแผน ดินนน่ั แหละ มใิ ชดาํ เนินไปทางอากาศ ไมมีผา [ปกปด ]ดาํ เนนิ ไป มิใชม ผี า ดําเนนิ ไป เปน ทารกออ นดําเนนิ ไป มใิ ชท ารกอายุ ๑๖ ขวบดาํ เนินไป แตป รากฏแกม หาชนเหมอื นดาํ เนนิ ไปทางอากาศ เหมอื นประดับตกแตงพระองค และเหมือนมีอายุ ๑๖ ขวบ. แตน นั้ ยา งกา วที่ ๗ ก็ทรงหยุด
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 699เมอื่ ทรงเปลง อาสภิวาจาวา อคฺโคหมสมฺ ิ โลกสฺส ดงั นเ้ี ปน ตน ทรงเปลงสหี นาท. ความจริง พระโพธสิ ตั ว พอออกจากครรภมารดากเ็ ปลง วาจาไดใน๓ อัตภาพ คอื อตั ภาพเปนมโหสถ อตั ภาพเปนเวสสนั ดร อัตภาพน้ี เลากันวา ในอตั ภาพเปนมโหสถ พอออกจากครรภมารดาเทาน้ัน ทา วสกั กเทวราชกเ็ สด็จมาวางแกนจนั ทนไ วในพระหตั ถแลวเสดจ็ ไป. พระมโหสถน้นั เอาแกน จันทนนัน้ ไวท ่หี ลงั แลว ก็คลอดออกมา ขณะนน้ั มารดาถามมโหสถนัน้ วาลูกเอย เจา ถอื อะไรมาดว ยนะ. มโหสถตอบวา โอสถจะแม ดังนนั้ เพราะเหตุท่ีถือโอสถมาดว ย มารดาบดิ าจึงขนานนามวา โอสถกุมาร. สว นในอตั ภาพเปนพระเวสสันดร พอออกจากครรภพระมารดา ก็เหยียดพระหตั ถข วาบอกวา แมจ าในเรือนมที รัพยไ ร ๆ อยหู รอื ลกู จกั ใหทานนะ ขณะนน้ั พระมารดาเอาหัตถพระโอรสไวที่ฝา พระหตั ถของพระองคแลว วางถงุ ทรพั ยนับพนั ไวตรสั วา ลกู เอย เจา เกิดมาในตระกูลมีทรัพยแลว นะ. แตในอัตภาพนี้ ทรงเปลง สหี นาท ดงั นนั้ พระโพธิสัตว พอออกจากครรภพ ระมารดา กท็ รงเปลง วาจาใน ๓ อตั ภาพ ดว ยประการฉะน.้ี แมในพระสมภพบพุ นมิ ติ ๓๒ ก็ปรากฏแกพระองค แตว าในสมยั ใดพระโพธิ-สตั วข องเราสมภพ ณ ลุมพินวี ัน ในสมัยนนั้ เหมอื นกนั พระเทวีมารดาพระราหุล อานนั ทะ ฉันนะ กาฬทุ ายีอมาตย พระยามากัณฐกะตน มหาโพธพิ ฤกษ และหมอขุมทรัพยท้งั ๔ กเ็ กิด. บรรดาขุมทรัพยท้ัง ๔ นน้ั ขมุ ทรพั ยข มุ หนง่ึ ขนาดหน่ึงคาวตุ ขุมหนงึ่ ขนาดคร่ึงโยชน ขุมหนึ่งขนาดสามคาวุต ขมุ หนง่ึ ขนาดหนง่ึ โยชน เหลา น้ชี ื่อวา สหชาตท้ัง ๗.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 700 ชาวนครทั้งสอง พาพระมหาบุรษุ ไปยังกรงุ กบิลพัสดุ วนั นั้นนัน่ แลหมเู ทพในช้ันดาวดงึ สร าเริงยินดีวา โอรสของพระเจาสทุ โธทนมหาราชในกรงุกบลิ พัสดจุ กั ประทับนั่ง ณ โคนโพธพิ ฤกษเปนพระพทุ ธเจาจึงพากันยกแผนผาเปนตนขึ้นโบกสะพดั เลน กรฑี า. สมัยนัน้ ดาบสช่อื กาฬเทวละ ผูไดส มาบัติ ๘ผปู ระจําตระกูลของพระเจา สทุ โธทนะ ฉันอาหารแลวกไ็ ปยงั ภพดาวดึงส เพื่อพกั กลางวัน น่ังพักกลางวันในท่ีนน้ั แลว เห็นเทวดาเหลานนั้ ดใี จระเริงเลนจงึถามวา เหตุไร พวกทา นจงึ พากนั ดีใจเบกิ บานใจระเรงิ เลน โปรดบอกเหตุนั้นแกเ ราเถิด แตนน้ั เทวดาทง้ั หลายก็บอกวา ทานผูนริ ทกุ ข โอรสพระเจาสุทโธทนะเกิดแลว โอรสพระองคน ้นั จกั ประทับนั่งท่ีโพธมิ ัณฑสถานเปนพระพุทธเจาประกาศพระธรรมจกั ร ดวยเหตนุ ี้ เราจึงยินดีตอพระองคว า พวกเราจะไดเ หน็ พุทธลลี าอันไมมีท่ีสดุ . ดาบสไดฟง คําของเทวดาเหลานนั้ แลว กล็ งจากเทวโลกอันสวา งไสวดว ยรตั นะ นา ดูอยา งยิง่ เขา ไปยงั พระราชนิเวศของนฤบดี นง่ั เหนอื วรอาสนที่จัดไว ทูลพระราชาผทู าํ ปฏิสันถารวา ขอถวายพระพร ไดข า ววาพระโอรสของมหาบพติ รสมภพแลว อาตมาภาพอยากเห็นพระราชโอรสนนั้ พระราชาโปรดใหนําพระโอรสท่ปี ระดบั ตกแตง พระองคม าแลว นาํ ไปใกลชดิ เพือ่ ใหไหวเทวลดาบส. พระบาทของพระมหาบรุ ษุ กลับไปประดษิ ฐานเหนอื ชฎาของดาบส เหมือนสายฟาแลบกําลังอยูเ หนอื ยอดเมฆสเี ขียวคราม แทจ รงิบคุ คลอน่ื ชอื่ วาอันพระโพธสิ ัตวพ งึ ไหวโ ดยอัตภาพนั้น ไมม ี ดังนั้น ดาบสจึงลกุ จากอาสนะประคองอัญชลตี อ พระโพธสิ ัตว พระราชาทรงเห็นความอัศจรรยน้นั จงึ ทรงไหวพระโอรสของพระองค ดาบสเห็นลักษณสมบตั ขิ องพระโพธสิ ตั วระลึกวา ผนู ้จี ักเปน พระพุทธเจา หรือไมเปนพระพทุ ธเจาหนอ พิจารณาทบทวน รไู ดด วยอนาคตงั สญาณวา จกั เปนพระพทุ ธเจาอยา งไมต อ งสงสยั จงึทําอาการแยม วา ผนู ีเ้ ปนอัจฉรยิ บุรุษ.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 753
Pages: