Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_73

tripitaka_73

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:44

Description: tripitaka_73

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 476 แกอรรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา นคสิลุจฺจยา ไดแก กองศิลากลาวคอืภูเขา. บทวา อาวรณ ไดแก ปกปด ทาํ ไวภ ายนอก. บทวา ทฺวาทสโย-ชเน ความวา พระรศั มแี หงพระสรีระของพระผมู ีพระภาคเจา แผไ ปในท่ี๑๒ โยชนโดยรอบ ต้งั อยทู ง้ั กลางคืนกลางวัน. ในคาถาท่ีเหลือในทท่ี ุกแหงความชดั แลวทัง้ นนั้ แล. ตัง้ แตน ้ไี ป เราจักยอความที่มาแลวซ้าํ ซากมีการบาํ เพ็ญบารมีเปน ตนจะกลา วแตความที่แปลกกันเทาน้ัน กห็ ากวา เราจะกลา วซ้าํ ซากความที่กลาวมาแลวเมอ่ื ไร จกั จบ การพรรณนามีอยางนแ้ี ล. จบพรรณาวงศพระปทุมุตตรพทุ ธเจา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 477 ๑๑. วงศพระสเุ มธพุทธเจาท่ี ๑๑ วา ดว ยพระประวัติของพระสเุ มธพทุ ธเจา [๑๒] ตอจาก สมัยของพระปทมุ ตุ ตรพุทธเจาพระชนิ พทุ ธเจา พระนามวา สุเมธะ เปน ผนู ําโลก ผูอนั เขาเขาเฝาไดย าก มีพระเดชย่งิ สูงสดุ แหงโลกท้งั ปวง. พระองคมพี ระเนตรผองใส พระพักตรง าม พระวรกายใหญ ตรง สดใส ทรงแสวงประโยชนแกสรรพสัตว ทรงเปลอื้ งคนเปนอันมากใหพน จากเครือ่ งผกู . ครั้งพระพทุ ธเจา บรรลพุ ระโพธญิ าณ อันสงู สดุสนิ้ เชงิ ทรงประกาศพระธรรมจกั ร ณ กรุงสทุ ัสสนะ. ในการแสดงธรรม แมพ ระองคก ม็ ีอภิสมยั ๓ครง้ั อภสิ มัยครง้ั ที่ ๑ ไดม แี กสตั วแ สนโกฏ.ิ ตอ มาอีก พระชนิ พทุ ธเจา ทรงทรมานยักษช่อื วา กมุ ภกรรณ อภิสมัยครงั้ ที่ ๒ ไดม ีแกส ัตวเกาหมน่ื โกฏ.ิ ตอ มาอกี พระผูม พี ระยศบรวิ าร หาประมาณมไิ ด ทรงประกาศสจั จะ ๔ อภสิ มยั คร้งั ท่ี ๓ ไดม ีแกสัตวแ ปดหม่ืนโกฏิ.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 478 พระสเุ มธพทุ ธเจา ผแู สวงคณุ ยิง่ ใหญ ทรงมีสนั นบิ าต ประชุมพระสาวก ผเู ปน พระขีณาสพไรม ล-ทินมจี ติ สงบคงที่ ๓ ครั้ง. ครง้ั พระชินพุทธเจา เสด็จเขาไปในกรุงสุทัสสนะพระภกิ ษขุ ีณาสพรอ ยโกฏปิ ระชุมกนั . ตอ มาอกี เมอ่ื ภิกษุทง้ั หลายกรานกฐนิ ทีภ่ ูเขาเทวกูฏ ภกิ ษุเกาสิบโกฏปิ ระชุมกัน เปนสนั นบิ าตครงั้ ที๒่ . ตอ มาอีก ครัง้ พระทศพลเสด็จจาริกไป ภกิ ษุแปดสบิ โกฏปิ ระชุมกัน เปน สนั นบิ าตคร้งั ท่ี ๓. คร้งั นนั้ เราเปน มาณพ ช่ือ อุตตระ เราส่ังสมทรัพยใ นเรือนแปดสบิ โกฏิ. เราถวายทรัพยเ สยี ท้ังหมดส้ิน แดพ ระผนู าํ โลกพรอ มทง้ั พระสงฆ ถงึ พระองคเ ปนสรณะ ชอบใจการบวชอยา งย่งิ . คร้ังน้ัน แมพระพุทธเจา พระองคนั้น เม่ือทรงทําอนุโมทนา กท็ รงพยากรณเ ราวา จกั เปนพระพทุ ธ-เจา เมือ่ ลว งไปสามหม่นื กัป. พระตถาคต ออกอภิเนษกรมณจากกรุงกบิลพสั ดุอนั นาร่นื รมย ทรงต้ังความเพียรทําทุกกรกริ ิยา. พระตถาคตประทับน่ัง ณ โคนตน อชปาลนโิ ครธรบั ขา วมธปุ ายาสในท่นี ัน้ เขาไปยังแมนํา้ เนรัญชรา.

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 479 พระชนิ เจาพระองคนน้ั เสวยขา วมธปุ ายาสที่ริมฝง แมน าํ้ เนรั ชู รา เสดจ็ ไปตามทางอนั ดีท่ีเขาจดัแตงไว ไปทโ่ี คนโพธพิ ฤกษ. แตน้ัน พระผูมียศใหญ ทรงทําประทักษิณโพธมิ ัณฑสถานอันยอดเย่ยี ม ตรสั รู ณ โคนโพธพิ ฤกษช่ือตน อสั สัตถะ. ทา นผนู จ้ี กั มพี ระชนนี พระนามวา พระนางมายาพระชนก พระนามวา พระเจาสุทโธทนะ ทานผนู ้ีจักมพี ระนามวาโคตมะ. จักมพี ระอัครสาวก ชอื่ วา พระโกลิตะ และพระ-อปุ ติสสะ ผไู มม อี าสวะปราศจากราคะ มีจติ สงบ ต้ังมั่นพระพุทธอปุ ฏ ฐากชื่อพระอานันทะ จักบํารงุ พระชนิ เจาผนู ี้. จักมพี ระอัครสาวกิ า ชอ่ื วา พระเขมา และพระอบุ ลวรรณา ผูไมม อี าสวะ ปราศจากราคะ มีจติ สงบ-ต้งั ม่ัน โพธิพฤกษข องพระผมู ีพระภาคเจา พระองคน ้ันเรียกวา ตนอัสสัตถะ. จักมอี ัครอุปฏฐาก ชอื่ วา จิตตะ และหตั ถกะ-อาฬวกะอคั รอุปฏฐายิกา ชอ่ื วา นนั ทมาตา และอตุ ตราพระโคดมผูม ีพระยศ จกั มพี ระชนมายุ ๑๐๐ ป. มนุษยและเทวดาท้งั หลาย ฟง พระดาํ รสั นข้ี องพระพทุ ธเจา ผไู มม ผี ูเสมอ ผแู สวงคุณย่ิงใหญแ ลวก็พากนั ปลาบปล้ืมใจวา ทา นผูนเ้ี ปนหนอพุทธางกรู .

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 480 หมน่ื โลกธาตุ ทงั้ เทวโลก พากันสง เสียงโหรองปรบมือ หัวรอ ราเริง ประคองอัญชลนี มัสการ กลาววา ผวิ า พวกเราจกั พลาดคาํ ส่ังสอน [ศาสนา] ของพระโลกนาถพระองคนีไ้ ซร ในอนาคตกาลพวกเราก็จกั อยูตอ หนาของทา นผนู .้ี มนุษยท ั้งหลาย เม่ือจะขามแมน ้ํา พลาดทานาํ้ขา งหนา กถ็ อื เอาทานา้ํ ขางหลงั ขามแมน ํ้าใหญ ฉนั ใด. พวกเราทัง้ หมด ผวิ า ผา นพน พระชินพุทธเจาพระองคน ี้ไซร ในอนาคตกาล พวกเรากจ็ กั อยูต อ หนาของทานผูนฉ้ี ันนั้นเหมือนกนั . เราฟงพระดาํ รัสของพระองคแ ลว จติ ก็ยงิ่ เล่ือมใส จงึ อธษิ ฐานขอ วัตรยง่ิ ยวดขึน้ ไป เพื่อบําเพ็ญบารมี ๑๐ ใหบ ริบูรณ. เราเลาเรียนพระสูตร พระวนิ ยั และนวงั คสตั ถ-ุศาสนทกุ อยาง ทาํ ศาสนาของพระชนิ พทุ ธเจาใหงาม. เราไมประมาทในพระศาสนาน้นั อยแู ตในอิริ-ยาบถนั่งยนื และเดิน ถงึ ฝง แหงอภญิ ญา กไ็ ปสพู รหมโลก พระสุเมธพทุ ธเจา ผแู สวงคณุ ย่ิงใหญ ทรงมีพระ-นครชือ่ วา สุทัสสนะ พระชนกพระนามวา พระเจาสุทตั ตะ พระชนนพี ระนามวา พระนางสทุ ตั ตา.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 481 พระองคท รงครองฆราวาสวสิ ัยอยูเ กาพนั ป มีปราสาทช้ันยอด ๓ หลัง ชอื่ วา สุจนั ทะ กญั จนะ และสิริวฑั ฒะ มีพระสนมนารที ่ีประดบั กายงามส่หี มื่นแปดพนั นาง มีพระอัครมเหสี พระนามวา พระนางสมุ นาพระโอรสพระนามวา ปนุ ัพพะ. พระชนิ พุทธเจา ทรงเห็นนมิ ติ ๔ เสด็จออกอภเิ นษกรมณด ว ยยานคอื ชา ง ทรงตง้ั ความเพียร ๘เดือนเต็ม. พระมหาวรี ะสเุ มธะ ผนู าํ โลก ผูส งบอันทาวมหาพรหมอาราธนาแลว ทรงประกาศพระธรรมจักรณ สทุ ัสสนราชอทุ ยานอันสูงสุด. พระสุเมธพทุ ธเจา ผแู สวงคุณย่งิ ใหญ มพี ระ-อคั รสาวกช่ือวา พระสรณะ พระสพั พกามะ พระพทุ ธอุปฏฐากช่อื วา พระสาคระ. มพี ระอคั รสาวิกา ช่อื วา พระรามา และ พระ-สรุ ามาโพธิพฤกษของพระผมู พี ระภาคเจาพระองคน้นัเรยี กวา ตน นิมพะคือตน สะเดา. อัครอปุ ฏฐาก ช่อื วา อรุ เุ วลา และยสวา อคั ร- อปุ ฏ ฐายกิ า ช่ือวา ยสา และสริ ิวา. พระมหามนุ ี สูง ๘๘ ศอก สองสวางทุกทศิเหมือนดวงจันทร สอ งสวา งเห็นหมดู าวฉะน้นั .

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 482 ธรรมดามณีรัตนะของพระเจา จักรพรรด์ิ ยอมสวา งไปโยชนหนึง่ ฉันใด รตั นะคือพระรัศมีของพระองคกแ็ ผไ ปโยชนห นึง่ โดยรอบ ฉนั นน้ั . ในยุคนน้ั มนุษยม ีอายเุ กา หมน่ื ป พระองคท รงมีพระชนมย ืนถึงเพียงนน้ั ยอ มยงั หมชู นเปน อนั มากใหข า มโอฆสงสาร. พระศาสนาน้ี มากไปดวยพระอรหนั ตท ้ังหลายผมู วี ิชชา ๓ มอี ภญิ ญา ๖ ผูถงึ กําลงั ฤทธ์ิ คงท.่ี พระอรหนั ตแมเ หลา นัน้ ผูม ีบริวารยศหาประมาณมิได ผหู ลดุ พน ปราศจากอปุ ธิ พระอรหนั ตเหลา นั้นแสดงแสงสวา งคอื ญาณแลว ตางกน็ ิพพานกนั หมด. พระชนิ วรสเุ มธพทุ ธเจา ดับขนั ธปรนิ พิ พาน ณพระวหิ ารเมธาราม พระบรมสารีรกิ ธาตุกเ็ ฉลีย่ กระจายไปเปน สว นๆ ในประเทศน้ันๆ. จบวงศพ ระสเุ มธพุทธเจา ท่ี ๑๑

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 483 พรรณนาวงศพระสเุ มธพุทธเจา ที่ ๑๑ เมอ่ื พระปทุมุตตรสัมมาสมั พทุ ธเจา ดบั ขันธปรนิ พิ พานแลว ศาสนาของพระองคกอ็ นั ตรธานแลว พระพุทธเจา ทัง้ หลาย ไมอ ุบตั เิ ปนเวลาเจ็ดหมนื่ป วา งพระพุทธเจา ในกัปหนึ่ง สดุ ทายสามหม่ืนกัปนับแตก ัปน้ี มีพระสมั มา-สัมพุทธเจา บงั เกดิ สองพระองค คือ พระสุเมธะ และ พระสุชาตะ ในสองพระองคนั้น พระโพธิสตั วนามวา สุเมธะ ผูบ รรลเุ มธาปญ ญาแลว บําเพญ็บารมที ้ังหลาย บังเกิดในสวรรคช ั้นดสุ ติ จตุ จิ ากนั้นแลว กถ็ อื ปฏิสนธใิ นพระครรภข องพระนาง สุทัตตาเทวี อคั รมเหสี ของ พระเจา สทุ ัตตะกรงุ สุทสั สนะ ถว นกําหนดทศมาส กป็ ระสตู จิ ากพระครรภพระชนนี ณสทุ สั สนราชอทุ ยาน ประหนงึ่ ดวงทินกรออนๆ ลอดหลบื เมฆ ฉะนั้นพระองคครองฆราวาสวสิ ัยเกา พันป เขาวา ทรงมีปราสาท ๓ หลงั ชอื่ วา สุจันทนะสุกัญจนะและสิริวฒั นะ ปรากฏมพี ระสนมนารีสามหมน่ื แปดพันนาง มีพระ-นางสุมนามหาเทวเี ปนประมุข. พระสุเมธกุมาร นัน้ เมือ่ พระโอรสของ พระนางสุมนาเทวีพระนามวา ปนุ พั พสุมติ ตะ ทรงสมภพ ทรงเหน็ นิมติ ๔ เสด็จออกมหา-ภเิ นษกรมณด ว ยยานคอื มา ทรงผนวช มนุษยรอ ยโกฏกิ บ็ วชตาม พระองคอ ันมนษุ ยเ หลา น้นั แวดลอ มแลวทรงทาํ ความเพยี ร ๘ เดอื น ในวันวิสาขบูรณมีเสวยขา วมธุปายาส ที่ ธิดานกลุ เศรษฐี ณ นกลุ นิคม ถวายแลว ทรงยับย้งั พักกลางวัน ณ สาลวนั ทรงรบั หญา ๘ กํา ที่ สวุ ัฑฒอาชีวก ถวายแลว ทรงลาดสันถัตหญา กวา ง ๒๐ ศอก ท่ีโคนโพธพิ ฤกษช ื่อ นีปะตน กะทมุทรงกาํ จดั กองกําลังมาร พรอมทงั้ ตัวมารแลว ทรงบรรลุพระอภสิ ัมโพธิญาณ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 484ทรงเปลง พระอทุ านวา อเนกชาติล สาร ฯ เป ฯ ตณหฺ าน ขยมชฺฌคาทรงยบั ยัง้ ใกลๆ โพธิพฤกษ ๗ สัปดาห ในสัปดาหที่ ๘ ทรงรบั อาราธนาแสดงธรรมของทา วมหาพรหม ทรงตรวจดูภัพพบุคคล ทรงเห็น สรณกมุ ารและสพั พกามีกมุ าร พระกนษิ ฐภาดาของพระองค และภิกษุทีบ่ วชกบั พระ-องครอ ยโกฏิ เปนผสู ามารถแทงตลอดธรรมคอื สัจจะ ๔ จงึ เสดจ็ ทางอากาศทรงลงทส่ี ทุ ัสสนะราชอทุ ยาน ใกลก รงุ สทุ สั สนะ โปรดใหพนกั งานเฝา พระราชอุทยาน เรยี กพระกนิษฐภาดามาแลว ทรงประกาศพระธรรมจักร ทามกลางบรวิ ารเหลาน้นั ครง้ั นนั้ ธรรมาภสิ มัยไดมแี กสตั วแสนโกฏิ น้ีเปนอภสิ มยัครง้ั ท่ี ๑ ดว ยเหตุนัน้ จงึ ตรสั วา ตอ จากสมยั ของพระปทมุ ุตตรพทุ ธเจา มีพระพุทธ- เจาพระนามวา สุเมธ ผูน ํา ผูทีเ่ ขาเฝายาก มีพระเดช ยง่ิ เปนพระมนุ ี สงู สุดแหง โลกทัง้ ปวง. พระองคมีพระเนตรผอ งใส พระพกั ตรงามพระ วรกายใหญ ตรง สดใส ทรงแสวงประโยชนแ ก สรรพสตั ว ทรงเปลือ้ งสตั วเปน อันมาก จากเครอ่ื งผกู . ครัง้ พระพทุ ธเจาทรงบรรลพุ ระโพธญิ าณ อันสูง สดุ สิ้นเชงิ ทรงประกาศพระธรรมจกั ร ณ กรงุ สทุ สั สนะ. อภสิ มัยในการทรงแสดงธรรมแมข องพระองคก ็ มี ๓ ครั้ง อภสิ มยั คร้ังที่ ๑ ไดม ีแกส ตั วแสนโกฏิ. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา นั้น บทวา อุคคฺ เตโช ไดแ ก มพี ระเดชสงู . บทวาปสนนฺ เนตโฺ ต ไดแก มีพระนยั นาใสสนิท พระเนตรใสเหมือนกอ นแกว มณี ที่

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 485เขาชําระขดั วางไว เพราะฉะนั้นพระองคเ ขาจึงเรยี กวา ผูมีพระเนตรใส อธบิ ายวา มีพระนยั นาประกอบดว ย ขนตาอันออนนา รักเขียวไรมลทนิ และละเอยี ด จะกลาววา สุปฺปสนฺนปจฺ นยโน มีพระจักษุ ๕ ผองใสดี ดงั นีก้ ็ควร. บทวาสมุ ุโข ไดแ ก มีพระพักตรเสมือนดวงจนั ทรเ ต็มดวงในฤดสู ารท. บทวาพรฺ หา ไดแก พรหาคือใหญ เพราะทรงมีพระสรีระขนาด ๘๘ ศอก อธิบายวา ขนาดพระสรรี ะไมทว่ั ไปกับคนอ่ืนๆ. บทวา อุชุ ไดแ ก มพี ระองคต รงเหมอื นพรหม คือมพี ระสรีระสงู ตรงขน้ึ นั่นเอง อธบิ ายวามีพระวรกายเสมือนเสาระเนียดทอง ท่ีเขายกข้นึ กลางเทพนคร. บทวา ปตาปวา ไดม ีพระสรรี ะรุงเรอื ง. บทวา หิเตสี แปลวา แสวงหาประโยชนเกือ้ กลู . บทวาอภสิ มยา ตีณิ กค็ ือ อภิสมยา ตโย อภิสมัย ๓ ทาํ เปนลิงควิปลาส. ครัง้ พระผูมพี ระภาคเจา ทรงเขามหากรณุ าสมาบัตติ อนยํา่ รุง ออกจากสมาบัตนิ ั้นแลว ทรงตรวจดูโลก ก็เหน็ ยกั ษกินคน ช่ือ กุมภกรรณมอี านุภาพเสมอื นกุมภกรรณ ปรากฏเรือนรางรายอยูปากดงใหญ คอยดกั ตดัการสัญจรทางเขาดงอยู แตล าํ พังพระองคไ มมสี หาย เสด็จเขาไปยงั ภพของยกั ษต นน้นั เขาไปขางใน ประทับนัง่ บนทไี่ สยาสนอ ันมสี ริ ิ ลาํ ดับนนั้ยักษตนนัน้ ทนการลบหลไู มได ก็กร้วิ โกรธเหมอื นงมู พี ิษรา ยแรง ถูกตีดวยไม ประสงคจะขพู ระทศพลใหกลวั จงึ ทําอัตภาพของตนใหรา ยกาจ ทําศีรษะเหมอื นภเู ขาเนรมิตดวงตาท้ังสองเหมอื นดวงอาทิตย ทําเขีย้ วคมยาวใหญอยางกับหัวคันไถ มีทองเขียวใหญย าน มีแขนอยางกะลาํ ตนตาลมีจมูกแบนวิกลและคด มปี ากแดงใหญอยา งกะปลองภเู ขา มเี สน ผมใหญเหลอื งและหยาบ มีแววตานากลวั ยงิ่ มายืนอยเู บือ้ งพระพักตรของพระผมู พี ระภาคเจาสุเมธะ บงั หวนควนั บันดาลเพลิงลุกโชน บันดาลฝน ๙ อยา ง คอื ฝนแผน หนิ ภูเขา เปลว

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 486ไฟ นา้ํ ตม เถา อาวธุ ถานเพลงิ และฝนทรายใหต กลงมา ไมอ าจใหพ ระผูมีพระภาคเจา ขบั เขยอ้ื นแมเ ทา ปลายขน คิดวา จาํ เราจกั ถามปญหาแลวฆาเสียแลว ถามปญหาเหมือนอาฬวกยักษครง้ั นน้ั พระผูมีพระภาคเจา ทรงนาํ ยกั ษตนนั้นเขาสวู นิ ัยดวยทรงพยากรณป ญ หา. เขาวา วนั ท่ี ๒ จากวันนนั้ พวกมนษุ ยชาวแควน นําเอาราชกุมารพรอมดวยภตั ตาหารทีบ่ รรทกุ มาเต็มเกวยี น มอบใหย กั ษต นน้นั ครั้งนั้น ยักษไ ดถ วายพระราชกุมารแดพระพทุ ธเจา พวกมนุษยท ีอ่ ยูประตดู งก็เขา เฝาพระผูมพี ระภาคเจา ครง้ั นนั้ ในสมาคมน้ัน พระ-ทศพลเมอื่ จะทรงแสดงธรรมอันเหมาะแกใจของยักษ ทรงยังธรรมจักษุใหเ กดิแกส ตั วเกา หมืน่ โกฏิ นั้นเปนธรรมาภสิ มยั ครั้งท่ี ๒ ดว ยเหตนุ ั้น จงึ ตรสั วา วันรุง ขน้ึ พระชนิ พุทธเจาพระองคน้นั ทรงทรมาน ยักษกุมภกรรณ อภสิ มยั คร้งั ที่ ๒ ไดม แี กส ัตวเกาหมน่ื โกฏ.ิ คร้งั ที่ทรงประกาศสจั จะ ๔ ณ สริ ินันทราช อุทยาน อปุ การีนครธรรมาภสิ มัยครั้งที่ ๓ ไดมีแกส ตั วแปดหมื่นโกฏิ ดว ยเหตุนน้ั จึงตรสั วา ตอ มาอีก พระผมู ีพระยศหาประมาณมไิ ด ก็ทรง ประกาศสัจจะ ๔ อภิสมัยครง้ั ท่ี ๓ ไดม แี กสตั วแ ปด หมนื่ โกฏิ. แมพ ระผูมพี ระภาคเจา สเุ มธะ กท็ รงมสี าวกสันนบิ าต ๓ คร้งั ในสนั นบิ าตครง้ั ท่ี ๑ ณ กรุงสทุ สั สนะ มีพระขณี าสพรอ ยโกฏิ ในสันนบิ าตคร้ังที่ ๒ เมอื่ พวกภกิ ษกุ รานกฐิน ณ ภเู ขาเทวกฏู มพี ระอรหนั ตเ กาสบิ โกฏิในสันนิบาตครงั้ ท่ี ๓ เมอื่ พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ จาริก มพี ระอรหนั ตแ ปดสิบโกฏิ ดวยเหตนุ น้ั จึงตรัสวา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 487 พระสเุ มธพทุ ธเจา ผแู สวงคุณยงิ่ ใหญ มสี นั นิ- บาตประชมุ สาวกขีณาสพ ผูไรม ลทนิ มจี ิตสงบคงท่ี ๓ ครง้ั . ครั้งพระชินพุทธเจา เสด็จเขาไปยงั กรงุ สทุ สั สนะ ภิกษุขีณาสพรอยโกฏิประชุมกัน. ตอมา ครง้ั ภิกษทุ ง้ั หลายชว ยกนั กรานกฐิน ณ ภเู ขาเทวกฎู พระขีณาสพเกา สิบโกฏปิ ระชุมกนั เปน สันนิบาตคร้งั ท่ี ๒. ตอมา ครง้ั พระทศพลเสด็จจารกิ ไป พระขีณาสพ แปดสบิ โกฏิประชมุ กัน เปนสันนบิ าตคร้งั ที่ ๓. ครง้ั น้ัน พระโพธสิ ัตวข องเราเปนมาณพทีเ่ ปน ยอดของคนทง้ั ปวง ช่ืออุตตระ สละทรัพยแปดสิบโกฏิทฝี่ งเกบ็ ไว ถวายมหาทานแดพ ระสงฆ มีพระพุทธเจา เปนประธานฟง ธรรมของพระทศพลในครงั้ นั้น กต็ งั้ อยใู นสรณะแลว ออกบวช พระศาสดาแมพ ระองคนัน้ เมอ่ื ทรงทําอนุโมทนาโภชนทาน ก็ทรงพยากรณพ ระโพธิสตั วน้นั วา ในอนาคตกาล จกั เปน พระพทุ ธเจาพระนามวา โคตมะ. ดว ยเหตนุ ้นั จึงตรัสวา สมัยนั้น เราเปนมาณพชอื่ อตุ ตระ เราสง่ั สม ทรพั ยไวในเรอื นแปดสบิ โกฏิ. เราถวายทรัพยทง้ั หมดสิ้น แดพ ระผูนาํ โลก พรอมทง้ั พระสงฆ ถงึ พระองคเปนสรณะ และเรา ชอบใจการบวชอยา งยิ่ง.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 488 พระพุทธเจาพระองคนัน้ เม่ือทรงทาํ อนุโมทนา ทรงพยากรณเราวา ทา นผูน ้จี กั เปน พระพุทธเจา เมอ่ื ลว งไปสามหมื่นกัป. พระตถาคต ทรงตัง้ ความเพยี ร ฯ ล ฯ จักอยตู อ หนาของทานผนู .้ี พงึ ทาํ คาถาพยากรณใหพ ิศดาร เราฟงพระดาํ รัสของพระองคแ ลว จติ กย็ ิ่งเลอ่ื ม ใสจงึ อธิษฐานขอวตั รยง่ิ ยวดข้นึ ไป เพอ่ื บําเพญ็ บารมี ๑๐ ใหบริบรู ณ. เราเลาเรยี นพระสูตรพระวินยั และนวังคสตั ถ-ุ ศาสนทกุ อยา ง ยงั ศาสนาของพระชนิ พุทธเจา ใหง าม. เราไมป ระมาทในพระศาสนานนั้ . อยูแตในอริ ิ- ยาบถ นัง่ ยนื และเดิน ก็ถงึ ฝงแหงอภญิ ญา เขาถงึ พรหมโลก. แกอ รรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา สนฺนจิ ิต ไดแ ก เกบ็ ไวโดยการฝง .บทวา เกวล แปลวา ทงั้ สน้ิ . บทวา สพพฺ  ไดแ ก ใหไมเ หลือเลย. บทวาสสงเฺ ฆ กค็ ือ พรอ มกบั พระสงฆ. บทวา ตสสฺ ูปคฉฺ ึ ก็คือ ต อปุ คฉฺ ึฉัฏฐีวิภัตติลงในอรรถทตุ ยิ าวิภตั ต.ิ บทวา อภโิ รจยึ ไดแก บวช. บทวาตสึ กปปฺ สหสสฺ มหฺ ิ ความวา เมอ่ื สามหมนื่ กัปลวงแลว. พระผมู พี ระภาคเจา สเุ มธะทรงมีพระนครชื่อวา สทุ ัสสนะ พระชนกพระนามวา พระเจาสทุ ัตตะ พระชนนี พระนามวา พระนางสทุ ตั ตา คู

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 489พระอคั รสาวกช่ือวา พระสรณะ และ พระสัพพกามะ พระพุทธอุปฏ ฐากชือ่ พระสาคระ คพู ระอคั รสาวิกา ชอ่ื พระรามา พระสรุ ามา โพธิพฤกษชอื่ มหานปี ะคือตนกะทมุ ใหญ พระสรรี ะสงู ๘๘ ศอก พระชนมายเุ กา หม่นื ปทรงครองฆราวาสวิสัยเกาพนั ป พระอัครมเหสพี ระนามวา พระนาง สมุ นาพระโอรสพระนามวา ปนุ ัพพสมุ ิตตะ ออกอภิเนษกรมณด ว ยยาน คือชาง.คําท่ีเหลือปรากฏในคาถาทง้ั หลาย ดว ยเหตนุ ั้น จึงตรสั วา พระสเุ มธพทุ ธเจา ผแู สวงคณุ ยิง่ ใหญ ทรงมี พระนครชื่อวา สทุ สั สนะ พระชนกพระนามวา พระ- เจา สทุ ัตตะ พระชนนีพระนามวา พระนางสทุ ัตตา. พระสุเมธพุทธเจา ผูแสวงคุณยิ่งใหญ พระ อคั รสาวก ชอ่ื วา พระสรณะ พระสัพพกามะ พระ- พทุ ธอุปฏฐาก ช่ือวา พระสาคระ. พระอคั รสาวกิ า ช่อื วาพระรามา พระสรุ ามา โพธิพฤกษของพระผูม ีพระภาคเจาพระองคน ้ัน เรยี กวา ตน มหานีปะ คือตน กะทมุ ใหญ. พระมหามนุ ี สงู ๘๘ ศอก ทรงสอ งสวางทวั่ ทกุ ทศิ เหมอื นดวงจนั ทรสองสวางในหมูด าว ฉะน้นั . ธรรมดามณีรตั นะของพระเจา จกั รพรรดิยอมสอ ง สวางไปไดโ ยชนหน่ึง ฉันใด รตั นะคือพระรัศมีของ พระสเุ มธพทุ ธเจาพระองคนั้น ก็แผไ ปโยชนห น่ึงโดย รอบ ฉนั นนั้ เหมอื นกัน.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 490 ในยคุ น้นั มนุษยม ีอายุเกา หมื่นป พระองคม ี พระชนมย นื ถงึ เพียงนั้น ยอ มยังหมชู นเปน อนั มากให ขามโอฆสงสาร. พระศาสนาน้ี เกลอ่ื นกลนดว ยพระอรหนั ต ผมู ี วชิ ชา ๓ มีอภิญญา ๖ ผูถ ึงกาํ ลังคงท่ีดี. พระอรหนั ตเหลานัน้ ทั้งหมด มียศท่หี าประมาณ มไิ ด หลดุ พน ปราศจากอุปธิ ทานผมู ยี ศใหญเหลานนั้ แสดงแสงสวา งคอื ญาณแลว ตา งกน็ ิพพานไป. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา จนโฺ ท ตาราคเณ ยถา ความวาจนั ทรเ พ็ญในทองฟา ยอมสองหมูด าวใหส วาง ใหปรากฏ ฉันใด พระสุเมธ-พทุ ธเจากท็ รงสองทกุ ทศิ ใหส วา ง ฉนั นั้นเหมือนกัน. อาจารยบ างพวกกลาววาจนฺโท ปณณฺ รโส ยถา ดังนก้ี ม็ ี. ปาฐะนน้ั ความงายเหมอื นกนั . บทวา จกกฺ วตฺติมณี นาม ความวา มณรี ัตนะของพระเจาจักร-พรรด์ิ ยาว ๔ ศอก ใหญเ ทา กบั ดมุ เกวยี น มมี ณีแปดหม่นื สพ่ี ันเปน บริวารมาถึงมณีรตั นะทด่ี ูนา รืน่ รมยอยางย่ิงจากเวปุลลบรรพต ดจุ เรียกเอาความงามท่ีเกิดจากสริ ิของรัชนีกรเตม็ ดวงในฤดสู ารทอนั หมดู าวแวดลอมแลว รัศมขี องมณีรตั นะน้นั ท่ีมาอยางน้นั ยอมแผไปตลอดโอกาสประมาณโยชนหน่งึ โดยรอบฉนั ใด รตั นะคอื พระรศั มกี ็แผไปโยชนหน่ึง โดยรอบ จากพระสรีระของพระผูม ีพระภาคเจา ฉันนนั้ เหมือนกัน.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 491 บทวา เตวชิ ชฺ ฉฬภิ ฺเหิ ความวา ผูมวี ชิ ชา ๓ และอภญิ ญา ๖.บทวา พลปปฺ ตฺเตหิ ไดแก ผูถงึ กําลังแหง ฤทธิ์. บทวา ตาทหิ ิไดแ ก ผถู งึ ความเปน ผคู งท่ี. บทวา สมากลุ  ไดแ ก เกลอ่ื นกลน คือรงุ เรอื งดวยผา กาสาวะอยางเดยี วกัน. ทานกลาววา อิท หมายถงึ พระศาสนาหรือพืน้ แผนดิน. บทวา อมิตยสา ไดแ ก ผมู บี ริวารหาประมาณมิได หรือผมู ีเกียรติกองท่ีช่ังไมไ ด. บทวา นริ ปู ธี ไดแก เวนจากอุปธิ ๔. คําที่เหลือในคาถาทัง้ หลายในที่นีท้ ุกแหง ชัดแลวทง้ั นัน้ แล. จบพรรณนาวงศพระสเุ มธพุทธเจา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 492๑๒. วงศพ ระสชุ าตพทุ ธเจา ท่ี ๑๒ วา ดวยพระประวัติของพระสุชาติพุทธเจา [๑๓] ในมณั ฑกัปน้ันนัน่ เองมพี ระพทุ ธเจา พระ-นามวา สชุ าตะ ผูนาํ โลก ผมู พี ระหนดุ งั คางราชสีหมพี ระศอดังโคอสุ ภะ มพี ระคุณหาประมาณมไิ ด อันบคุ คลเขาเฝาไดยาก. พระสมั พุทธเจา ทรงรุงเรอื งดวยสิริยอมงามสงาทุกเม่ือ เหมือนดวงจนั ทรหมดจดไรมลทิน เหมอื นดวงอาทติ ยส อ งแสงแรงรอน ฉะน้นั . พระสมั พุทธเจาทรงบรรลพุ ระโพธญิ าณอนั สงู สุดสิน้ เชงิ แลว ทรงประกาศพระธรรมจกั ร ณ กรุงสมุ งคล. เม่ือพระสุชาตพทุ ธเจา ผนู ําโลก ทรงแสดงธรรมอันประเสรฐิ สตั วแปดสิบโกฏิ ก็ตรัสรใู นการแสดง ธรรม ครงั้ ท่ี ๑. คร้ังพระสุชาตพทุ ธเจา ผมู ีบริวารยศหาประมาณมิได เสด็จเขา จําพรรษา ณ เทวโลก. อภสิ มัยคร้ังท่ี ๒ไดมีแกส ัตวส ามลา นเจด็ แสน. คร้งั พระสุชาตพุทธเจา ผไู มม ผี ูเสมอ เสด็จเขาเฝาพระชนก อภสิ มยั ครั้งที่ ๓ ไดมีแกสัตวหกลา น.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 493 พระสชุ าตพุทธเจา ผแู สวงคุณยิง่ ใหญ ทรงมีสันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพไรม ลทนิ มจี ิตสงบผูคงที่ ๓ ครัง้ . พระอรหันตสาวกผถู งึ กาํ ลังแหงอภิญญา ผไู มถ ึงพรอมในภพนอยภพใหญห กลาน พระสาวกเหลา นนั้ประชุมกัน คร้งั ที่ ๑. ในสนั นบิ าต ตอมาอกี เมื่อพระชนิ พทุ ธเจา เสดจ็ลงจากเทวโลกช้ันไตรทศ พระสาวกสแ่ี สนประชมุกนั ครงั้ ท่ี ๒. พระสทุ ัสสนะอคั รสาวก เมอ่ื เขา เฝาพระนราสภกเ็ ขาเผา พระสัมพุทธเจา พรอมดวย พระสาวกสแ่ี สน. สมยั นนั้ เราเปนจักรพรรด์ิเปนใหญแ หง ทวีปท้ัง ๔มีกาํ ลงั มาก ทอ งเทย่ี วไปในอากาศได. เรามอบถวายสมบัติใหญในทวีปทงั้ ๔ และรัตนะ ๗ แดพระพทุ ธเจา ผูสงู สดุ แลว กบ็ วชในสาํ นักของพระองค. พวกคนวัดรวบรวมผลรายไดในชนบท นอ มถวายเปน ปจ จยั ที่นอนและที่นงั่ แดพระภกิ ษสุ งฆ. คร้งั นั้น พระพทุ ธเจา ผูเปน ใหญแหง หมื่นโลกธาตุกไ็ ดทรงพยากรณเราวา จกั เปน พระพทุ ธเจา ในทส่ี ดุสามหมน่ื กัป.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 494 พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ จากกรุงกบิลพัสดุอันนารืน่ รมย ทรงตงั้ ความเพียรทาํ ทกุ กรกริ ิยา. พระตถาคตประทบั นั่ง โคนตนอชปาลนิโครธรับขา วมธุปายาส ณ ท่นี ัน้ เสดจ็ เขา ไปยังแมน้าํ เนรญั - ชรา. พระชินเจา พระองคน ้นั เสวยขา วมธุปายาส ณริมฝง แมนํา้ เนรญั ชรา เสดจ็ ดําเนินตามทางอันดที ่เี ขาจดั แตง ไว ไปทโี่ คนโพธพิ ฤกษ. แตน ้นั พระผูม ีพระยศใหญ ทรงทาํ ประทักษิณโพธมิ ัณฑสถาน อนั ยอดเย่ียม ตรสั รูท่โี คนโพธพิ ฤกษชือ่ ตนอสั สตั ถะ. ทานผนู ้ี จักมีพระชนนีพระนามวา พระนางมายา พระชนกพระนามวาพระเจาสุทโธทนะ ทา นผูนจ้ี กั ชื่อวา โคตมะ. จกั มอี ัครสาวก ชอ่ื วาพระโกลติ ะและพระอปุ ตสิ -สะ ผไู มมอี าสวะ ปราศจากราคะ มจี ติ สงบ ตง้ั มั่นพระพุทธอปุ ฐากชือ่ วา อานนั ทะ จกั บาํ รงุ พระชินเจาพระองคนี้. จักมีอัครสาวิกาช่ือวา พระเขมา และพระอบุ ล-วรรณา ผไู มมอี าสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตัง้ มั่นโพธิพฤกษของพระผูมพี ระภาคเจาพระองคน้ัน ช่ือวาตนอสั สตั ถะ.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 495 อัครอปุ ฏ ฐาก ช่ือวา จติ ตะ และหตั ถกะอาฬวกะอัครอปุ ฏฐายกิ า ชอ่ื วา นนั ทมาตา และ อุตตรา พระโคดมพุทธเจา ผูมีพระยศ มีพระชนมายุ ๑๐๐ ป. มนษุ ยและเทวดา ฟง พระดํารสั นข้ี องพระสชุ าต-พุทธเจา ผูไ มมีผเู สมอ ผูแ สวงคุณยงิ่ ใหญ กป็ ลาบปลืม้ ใจวา ทา นผนู ีเ้ ปนหนอ พุทธางกูร. หมน่ื โลกธาตุ ทงั้ เทวโลก ก็พากันโหรอง ปรบมือ หวั รอรา เรงิ ประคองอัญชลีนมัสการ กลาววา ผวิ า พวกเราจกั พลาดคําส่ังสอนของพระโลก-นาถพระองคน ี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยตู อหนาของทานผูน.้ี มนษุ ยท ั้งหลาย เมื่อจะขา มแมน้าํ พลาดทา นํ้าขา งหนา กถ็ อื เอาทา นํ้าขา งหลงั ขามแมน้าํ ใหญฉนั ใด. พวกเราทง้ั หมด ผิวา ผานพน พระชินพทุ ธเจาพระองคนี้ ในอนาคตกาล พวกเรากจ็ กั อยตู อหนาของทานผนู .ี้ เราฟงพระดาํ รสั ของพระองคแ ลว ก็ย่งิ ราเรงิ ใจจงึ อธษิ ฐานขอ วตั รย่ิงยวดขนึ้ ไป เพอ่ื บาํ เพ็ญบารมี ๑๐ใหบรบิ รู ณ. เราเลาเรียนพระสูตร พระวนิ ยั และนวังคสตั ถุ-ศาสนท งั้ หมด ยังพระศาสนาของพระชินเจา ใหงาม.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 496 เราอยูอยา งไมประมาทในพระศาสนาน้ัน เจริญพรหมวหิ ารภาวนา ถงึ ฝง แหงอภญิ ญา กไ็ ปสูพรหม-โลก. พระสุชาตพทุ ธเจา ผแู สวงคุณย่งิ ใหญม ีพระนครชื่อวาสมุ งคล พระชนกพระนามวา พระเจาอุคคตะ พระชนนพี ระนามวา พระนางประภาวด.ี ทรงครองฆราวาสวสิ ยั อยูเกาพนั ป ทรงมปี รา-สาทชน้ั เยีย่ ม ๓ หลงั ชอ่ื วา สิริ อุปสริ ิ และจันทะ. มีพระสนมนารแี ตงกายงาม สองหมื่นสามพนันาง พระอัครมเหสีพระนามวา พระนางสริ ินนั ทาพระโอรส พระนามวา อปุ เสนะ. พระพุทธชนิ เจา ทรงเห็นนิมติ ๔ เสด็จออกอภ-ิเนษกรมณดว ยยานคอื มา ทรงต้ังความเพียร ๙ เดอื น เต็ม. พระมหาวีระ สชุ าตพุทธเจา ผนู าํ โลก ผูสงบอนั ทาวมหาพรหมอาราธนาแลว ทรงประกาศพระ-ธรรมจกั ร ณ สุมงคลราชอทุ ยานอันอุดม. พระสุชาตพุทธเจา ผูแสวงคุณย่งิ ใหญ มพี ระอัครสาวก ชอื่ พระสุทสั สนะ และ พระสเุ ทวะ พระ-พทุ ธอปุ ฏ ฐากช่ือ นารทะ. พระอคั รสาวกิ า ชื่อพระนาคา และ พระนาค-สมาลา โพธพิ ฤกษของพระผมู ีพระภาคเจา พระองคนนั้ เรียกวา มหาเวฬุ ตน ไผใ หญ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 497 ไผตน นนั้ ลาํ ตนตนั ไมม รี ู มใี บมาก ลาํ ตรงเปน ไผตนใหญ นาดูนา รน่ื รมย. ไผต นนัน้ เติบโตตนเดียวโดด ก่งิ แตกออกจากตนน้ัน งามเหมอื นกาํ แววหางนกยูง ที่เขาผูกไวด ีแลว . ไผต น นัน้ ไมม ีหนาม ไมมีรู เปน ไผใ หญม ีก่ิงแผกวา ง ไมมชี อ ง รมเงาทึบ นา ร่นื รมย. อัครอปุ ฏ ฐาก ชอ่ื สทุ ตั ตะ และ จิตตะ อคั ร-อุปฏฐายิกา ช่อื สภุ ทั ทา และ ปทุมา. พระชนิ พุทธเจาพระองคน ้นั วาโดยสว นสูง ๕๐ศอก ทรงประกอบดวยความประเสริฐ โดยอาการพรอมสรรพ ทรงถึงพระพุทธคณุ ครบถว น. พระรศั มีของพระองค เสมอดวยรัศมขี องพระพทุ ธเจาผไู มมผี เู สมอ ยอ มแลน ออกโดยรอบพระวรกาย พระองคม ีพระคณุ หาประมาณมิได ชงั่ไมไ ด เปรยี บไมไ ดด ว ยขออปุ มาทงั้ หลาย. ในยคุ น้ัน มนษุ ยม ีอายเุ กาหมน่ื ป พระองคทรงมีพระชนมยนื ถึงเพียงน้ัน จึงยังหมชู นเปนอันมากใหขามโอฆสงสาร. คร้งั น้นั ปาพจนค อื ธรรมวินยั งามดวยพระอรหันตท ้งั หลาย เหมอื นคล่นื ในสาคร เหมือนดารากรในนภากาศ ฉะน้ัน.

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 498 พระศาสนานง้ี ดงาม ดวยพระอรหันตทง้ั หลาย ผมู ีวิชชา ๓ มอี ภญิ ญา ๖ ผถู งึ กาํ ลงั ฤทธ์ิ ผคู งที.่ พระพทุ ธเจา ผูเ สมอดว ยพระพุทธเจา ผไู มมีผู เสมอพระองคน้ันดวย พระคณุ ทงั้ หลาย ทชี่ ่ังไมได เหลานน้ั ดว ย ท้ังนน้ั ก็อนั ตรธานไปสิ้น สังขารท้ังปวง ก็วางเปลา แนแ ท. พระสุชาตชินวรพทุ ธเจา ดับขนั ธปรินิพพาน ณ พระวหิ ารเสลาราม พระเจดยี ข องพระศาสดา ณ พระวหิ ารนน้ั สงู ๓ คาวตุ .๑ จบวงศพระสชุ าตพุทธเจาที่ ๑๒๑. ๔ คาวตุ เปน ๑ โยชน

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 499 พรรณนา วงศพ ระสชุ าตพุทธเจาที่ ๑๒ ภายหลงั ตอ มาจากสมยั ของพระสเุ มธพทุ ธเจา ในมัณฑกัปนนั้ นน่ั แลเมอ่ื สัตวทั้งหลายมอี ายทุ ่ีนับไมไ ดมาโดยลาํ ดับ และลดลงตามลําดับ จนมีอายุเกาหมนื่ ป พระศาสดาพระนามวา สุชาตะ ผมู ีพระรปู กายเกิดดี มพี ระชาติบรสิ ทุ ธิ์ กอ็ บุ ตั ใิ นโลก แมพ ระองคก ท็ รงบําเพ็ญบารมีแลว บงั เกิดในสวรรคชนั้ ดสุ ิต จตุ ิจากนน้ั แลว ทรงถอื ปฏิสนธิในพระครรภของ พระนางปภาวดีอัครมเหสใี นราชสกุลของ พระเจา อุคคตะ กรุงสมุ งคล ถวนกําหนดทศมาสกอ็ อกจากพระครรภของพระชนน.ี ในวันเฉลมิ พระนาม พระชนกชนนเี มอื่ จะทรงเฉลมิ พระนามของพระองค กไ็ ดทรงเฉลมิ พระนามวา สชุ าตะ เพราะเกดิ มาแลว ยังสุขใหเ กดิ แกสัตวท้งั หลาย ทั่วชมพูทวปี . พระองคท รงครองฆราวาสวิสัยเกา พนั ป ทรงมปี ราสาท ๓ หลัง ชื่อวาสริ ี อุปสริ ี และสิรินันทะ๑ปรากฏพระสนมนารีสองหมืน่ สามพันนาง มี พระนางสริ นิ นั ทาเทวี เปนประมุข. เม่ือพระโอรสพระนามวา อุปเสน ของพระนางสริ นิ ันเทวที รงสมภพแลว พระองคก ็ทรงเห็นนมิ ิต ๔ ทรงมา ตนช่อื วา หงั สวหัง เสดจ็ ออกมหา-ภิเนษกรมณ ทรงผนวช มนษุ ยโ กฏิหน่ึง กบ็ วชตามพระองคผทู รงผนวชอยูลาํ ดบั นัน้ พระมหาบรุ ุษนน้ั อนั มนุษยเหลาน้ันแวดลอมแลว ทรงบาํ เพญ็เพียร ๙ เดอื น ในวนั วสิ าขบรู ณมี เสวยขาวมธุปายาส รสอรอย ทธี่ ิดาของสริ ินนั ทนเศรษฐีแหงสริ นิ ันทนนคร ถวายแลว ทรงยับยงั้ พักกลางวัน ณ สาลวัน๑. บาลเี ปน สริ ิ อุปสิริ และจนั ทะ

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 500เวลาเย็น ทรงรับหญา ๘ กาํ ทส่ี ุนันทอาชวี กถวายแลว เสด็จเขาไปยงั โพธ-ิพฤกษ ช่อื เวฬุ ตนไผ ทรงลาดสันถัตหญากวา ง ๓๓ ศอก เม่อื ดวงอาทิตยยงั คงอยู กท็ รงกําจดั กองกาํ ลังมาร พรอมท้ังตัวมาร ทรงแทงตลอดพระสมั มา-สมั โพธิญาณ กท็ รงเปลงพระอุทานทพี่ ระพุทธเจา ทกุ พระองคทรงประพฤติมาแลว ทรงยบั ยง้ั อยูใกลโ พธิตนพฤกษน ั่นแล ตลอด ๗ สัปดาห อันทาวมหาพรหมทูลอาราธนาแลว ทรงเหน็ พระสทุ ัสสนกุมาร พระกนิษฐภาดาของพระองคและเทวกมุ าร บตุ รปโุ รหิต เปน ผูสามารถแทงตลอดธรรมคอื สจั จะ ๔เสด็จไปทางอากาศ ลงท่ี สุมงั คลราชอทุ ยาน กรุงสุมงคล ใหพนกั งานเฝา ราชอุทยาน เรียก พระสทุ ัสสนกุมาร กนิษฐภาดาและ เทวกุมาร บตุ รปุโรหติ มาแลว ประทับนัง่ ทามกลางกุมารท้งั สองนั้น พรอ มดวยบรวิ าร ทรงประกาศพระธรรมจกั ร ณ ทน่ี นั้ ธรรมาภิสมยั ไดม แี กส ตั วโกฏิหน่งึ นเ้ี ปนอภิสมยั ครง้ั ที่ ๑. ครง้ั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทํายมกปาฏหิ าริย ณ โคน มหาสาล-พฤกษ ใกลประตูสุทัสสนราชอทุ ยานเสดจ็ เขา จําพรรษา ณ ดาวดึงสเทวโลกธรรมาภสิ มยั ไดมแี กส ัตวส ามลานเจ็ดแสน นเี้ ปน อภิสมยั ครงั้ ท่ี ๒. คร้ังพระสชุ าตทศพลเสดจ็ เขาเฝา พระชนก ธรรมาภิสมัยไดมีแกส ตั วหกลาน นเ้ี ปนอภสิ มัยคร้งั ที่ ๓. ดวยเหตุน้ัน จงึ ตรสั วา ในมัณฑกัปน้นั นั่นแล มพี ระพทุ ธเจาพระนามวา สุชาตะ ผนู าํ มพี ระหนดุ งั คางราชสหี  มพี ระศอดังโค อุสภะ มีพระคุณหาประมาณมิได เขาเฝาไดย าก. พระสมั พุทธเจา รุง เรอื งดว ยพระสริ ิ ยอ มงาม สงา ทกุ เมือ่ เหมือนดวงจนั ทรห มดจดไรมลทนิ เหมอื น ดวงอาทิตย สอ งแสงแรงรอน ฉะน้ัน.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook