พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 286 สงิ่ อื่นซึ่งเปน บนั ไดข้นึ สวรรคท่เี สมอดวยศีลจะมี แตไหน ก็หรอื วา ศลี เปน ประตูเขาไปยังนครคอื พระ- นพิ พาน, ทานทงั้ หลาย จงรอู านิสงสอนั ยอดเย่ียมของศลี ซ่งึ เปนมูลแหง คณุ ทงั้ หลาย กําจดั กาํ ลังแหงโทษทงั้ หลาย ดงั กลา วมาฉะนี้. พระผูมพี ระภาคเจา ครั้นทรงแสดงอานสิ งสแหง ศลี อยา งน้ีแลว เพอ่ืทรงแสดงวา อาศัยศลี นยี้ อมไดสวรรคนี้ จงึ ตรัสสคั คกถาในลาํ ดับตอจากศีลนน้ั ธรรมดาสวรรคนี้ นา ปรารถนา นาใคร นาชอบใจ มแี ตสุขสวนเดยี วเทวดาทัง้ หลายยอ มไดการเลน ในสวรรคน น้ั เปนนิตย ไดส มบตั ทิ ง้ั หลายเปนนิตย เหลาเทวดาชนั้ จาตมุ หาราช ยอ มไดสขุ ทพิ ย สมบตั ิทพิ ยต ลอดเกา ลานป เทวดาชนั้ ดาวดงึ สไ ดสามโกฏิหกลานป ตรัสกถาประกอบดวยคณุ แหงสวรรคดังกลาวมาน้ีเปนตน ครัน้ ทรงประเลา ประโลมดวยสัคคกถาอยา งน้แี ลว กท็ รงประกาศโทษตาํ่ ทราม ความเศรา หมองแหง กามท้งั หลาย และอานิสงสในเนก-ขมั มะวา สวรรคแมน้กี ไ็ มเทีย่ ง ไมย ่ังยนื ไมควรทาํ ความยนิ ดดี ว ยอํานาจความพอใจในสวรรคน นั้ แลว ตรัสธรรมกถาท่จี บลงดว ยอมตธรรม ครัน้ ทรงแสดงธรรมแกมหาชนน้ันอยางน้แี ลว ใหบ างพวกตัง้ อยูในสรณะ บางพวกในศลี ๕ บางพวกในโสดาปตติผล บางพวกในสกทาคามิผล บางพวกในอนา-คามผิ ล บางพวกในผลแมท้ัง ๔ บางพวกในวิชชา ๓ บางพวกในอภญิ ญา ๖บางพวกในสมาบตั ิ ๘ ลกุ จากอาสนะแลว เสดจ็ ออกจากรมั มนคร เขา ไปยังสุทสั สนะมหาวิหารน่ันแล ดวยเหตุน้นั จงึ ตรสั วา
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 287 คร้งั น้ัน อบุ าสกชาวรัมมนครเหลานน้ั ใหพ ระ โลกนาถพรอมทง้ั พระสงฆเสวยแลว ก็ถึงพระทีปง กร ศาสดาพระองคนัน้ เปน สรณะ. พระตถาคตทรงยงั บางคนใหตงั้ อยูในสรณคมน บางคนในศีล ๕ บางคนในศีล ๑๐. พระองคประทานสามญั ผล ๔ อันสงู สุดแกบาง คน ประทานปฏสิ ัมภทิ า ในธรรมทีไ่ มม ีธรรมอ่นื เสมอ แกบ างคน. พระนราสภประทานสมาบัติ ๘ อันประเสรฐิ แก บางคน ทรงประทานวิชชา ๓ อภิญญา ๖ แกบางคน. พระมหามุนี ทรงส่ังสอนหมูชน ดวยนยั นั้น เพราะพระโอวาทนัน้ ศาสนาของพระโลกนาถจึงได แผไปอยางกวา งขวาง. พระพุทธเจา มีพระนามวาทปี ง กร ผมู ีพระหนุ ใหญ มพี ระวรกายงาม ทรงยงั ชนเปนอนั มากใหขา ม โอฆสงสาร ทรงเปลอื้ งมหาชนเสียจากทคุ ติ. พระมหามุนี ทรงเหน็ ชนผคู วรตรัสรไู ดไกลถึง แสนโยชน ก็เสดจ็ เขา ไปหาในทนั ใด ทาํ เขาใหต รัสรู. แกอ รรถ บรรดาบทเหลานั้น บทวา เต ไดแก อบุ าสกชาวรัมมนครเหลานน้ั . พึงทราบสรณะ สรณคมน และผูถ งึ สรณะในคาํ วา สรณ น้ี คณุ ชาตใดระลกึ เบียดเบียนกําจดั เหตนุ ั้นคุณชาตนัน้ จึงชือ่ วา สรณะ. สรณะนัน้ คอื อะไร
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 288คือพระรัตนตรัย ก็พระรตั นตรยั น้นั ทา นกลา ววา สรณะ เพราะ ตัด เบยี ดเบียนกําจัด ภัย ความหวาดกลัว ทกุ ข ทคุ ติ ความเศรา หมอง ดวยสรณคมนนน้ั นนั่ แหละของเหลา ผูถ งึ สรณะ สมจริงดงั ทีต่ รัสไววา ชนเหลาใดเหลา หนงึ่ ถงึ พระพุทธเจา เปนสรณะ ชนเหลานัน้ จกั ไมไปอบายภมู ิ ละกายมนษุ ยไปแลว จกั ยังกายเทพใหบ รบิ รู ณ. ชนเหลาใดเหลาหน่งึ ถงึ พระธรรมเปน สรณะ ชนเหลานัน้ จักไมไ ปอบายภูมิ ละกายมนุษยไปแลว จักยงั กายเทพใหบริบรู ณ. ชนเหลาใดเหลา หน่งึ ถงึ พระสงฆเปนสรณะ ชนเหลา นนั้ จักไมไ ปอบายภมู ิ ละกายมนุษยไปแลว จักยังกายเทพใหบ รบิ รู ณ. จติ ตปุ บาท ทีเ่ ปนไปโดยอาการมพี ระรตั นตรยั เปนเบือ้ งหนา ชื่อวาสรณคมน. บุคคลผพู รอ มเพรียงดวยสรณคมนน้นั ชอ่ื วา ผถู งึ สรณะ. ๓ หมวดน้ี คอื สรณะ สรณคมน ผถู ึงสรณะ พงึ ทราบดังกลา วมานก้ี อน. บทวาตสสฺ ไดแก พระทีปง กรน้ัน. พงึ ทราบวา ฉฏั ฐวี ิภัตตลิ งในอรรถทุติยวภิ ัตติ.ปาฐะวา อปุ คจฺฉุ สรณ ตตถฺ ดังนีก้ ็มี. บทวา สตฺถโุ น ไดแกซ่ึงพระศาสดา. บทวา สรณาคมเน กจฺ ิ ความวา ยงั บุคคลบางคนใหตง้ั อยูในสรณคมน. ตรสั เปน ปจจบุ ันกาลก็จริง ถึงอยางนั้นกพ็ ึงถอื เอาความเปน อดีตกาล แมใ นบทที่เหลือ กน็ ยั น้ี ปาฐะวา กสสฺ จิ สรณาคมเน ดงั นกี้ ม็ ี.แมป าฐะนน้ั ความกอ็ ยา งนั้นเหมือนกนั . บทวา กฺจิ ปฺจสุ สเี ลสุ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 289ความวา ยงั บุคคลบางคนใหต้ังอยูในวริ ตศิ ีล ๕. ปาฐะวา กสสฺ จิ ปจฺ สุสีเลสุ ความกอ็ ยา งนัน้ แหละ. บทวา สเี ล ทสวเิ ธ ปร ความวา ยังบคุ คลอื่นอกี ใหตง้ั อยใู นศลี ๑๐ ขอ. ปาฐะวา กสฺสจิ กสุ เล ทส ดงั นีก้ ็มี ปาฐะนนั้ ความวา ยังบุคคลบางคนใหส มาทานกุศลธรรม ๑๐ โดยปรมัตถมรรคทา นเรยี กวาสามญั ญะ ในคาํ น้วี า กสสฺ จิ เทติ สามฺ เหมือนอยางท่ีตรสั ไววา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย สามญั ญะคืออะไร อริยมรรคมอี งค ๘นี้คือ สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ ดกู อนภกิ ษุทั้งหลายน้เี รยี กวา สามญั ญะ. บทวา จตุโร ผลมตุ ตฺ เม ความวา ผลสงู สดุ ๔. ม อกั ษรทําบทสนธิ ทานกลา วเปน ลงิ ควปิ ลาส ความวา ไดประทานมรรค ๔ และสามญั ญผล ๔ แกบ างคน ตามอปุ นสิ ยั . บทวา กสสฺ จิ อสเม ธมฺเมความวา ไดป ระทานธรรมคอื ปฏสิ ัมภทิ า ๔ ที่ไมม ธี รรมอืน่ เหมอื น แกบางคน. บทวา กสฺสจี วรสมาปตฺตโิ ย ความวา อนงึ่ ไดประทานสมาบัติ ๘ทีเ่ ปนประธาน เพราะปราศจากนีวรณแกบางคน. บทวา ติสโฺ ส กสฺสจิวิชฺชาโย ความวา วิชชา ๓ คือ ทพิ ยจกั ษญุ าณ ปุพเพนิวาสานสุ สติญาณและอาสวกั ขยญาณ โดยเปนอปุ นสิ ัยแกบุคคลบางคน. บทวา ฉฬภิ ฺ าปเวจฺฉติ ความวา ไดประทานอภญิ ญา ๖ แกบางคน. บทวา เตน โยเคน ไดแก โดยนัยนั้นและโดยลาํ ดบั น้นั . บทวาชนกาย ไดแก ประชุมชน. บทวา โอวทติ แปลวา สั่งสอนแลว พึงเห็นวาทานกลา วเปนกาลวิปลาส ในคําเชน น้ตี อแตน ้ีไป กพ็ งึ ถือความเปนอดตี กาลทัง้ นั้น. บทวา เตน วติ ถฺ ารกิ อาสิ ความวา เพราะโอวาทคาํ พร่าํ สอนของพระผมู ีพระภาคเจาทปี งกรพระองคน ั้น พระศาสนาก็แผไป แพรไ ปกวา งขวาง.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 290 บทวา มหาหนุ ความวา เลา กนั วา พระมหาบรุ ุษทงั้ หลายมีพระหนุ [คาง] ๒ บริบูรณ มีอาการเสมือนดวงจันทรข น้ึ ๑๒ คา่ํ เหตุน้ันมหา-บุรุษพระองคใ ดมพี ระหนใุ หญ มหาบุรุษพระองคน น้ั ชอ่ื วา มีพระหนใุ หญทานอธบิ ายวา มพี ระหนดุ ังราชสหี . บทวา อุสภกขฺ นโฺ ธ ความวา มหาบรุ ษุ พระองคใ ดมีลําพระศอเหมือนโคอุสภ อธบิ ายวา มลี ําพระศองามเสมอื นแทง ทองกลมเกลา มีลาํ พระศองามกลมเสมอกัน. บทวา ทปี งกฺ รสนามโกไดแก พระนามวา ทีปงกร. บทวา พหู ชเน ตารยติ ความวา ยังชนทีเ่ ปน พุทธเวไนยเปน อนั มากใหขา มโอฆสงสาร. บทวา ปริโมจติ ไดแ กเปลอื้ งแลว. บทวา ทคุ คฺ ตึ แปลวา จากทคุ ติ ทตุ ยิ าวิภัตติ ลงในอรรถปญ จมวี ิภตั ติ. บัดน้ี เพอ่ื แสดงอาการคือทรงทําใหสัตว ขา มโอฆสงสารและเปล้ืองจากทุคติ จงึ ตรัสคาถาวา โพธเนยฺย ชน . ในคาถานนั้ บทวา โพธเนยยฺ ชน ไดแ ก หมูสตั วที่ควรตรัสรู หรือปาฐะกอ็ ยา งนีเ้ หมือนกนั . บทวา ทิสฺวาไดแ ก เหน็ ดว ยพทุ ธจกั ษหุ รอื สมนั ตจักษุ. บทวา สตสหสฺเสป โยชเนไดแก ซง่ึ อยไู กลหลายแสนโยชน. กค็ ําน้ี พงึ ทราบวา ทา นกลา วหมายถึงหมนื่โลกธาตนุ ่นั เอง. ไดย ินวา พระศาสดาทีปง กรทรงบรรลคุ วามเปนพระพทุ ธเจาแลวทรงยับย้งั อยู ๗ สปั ดาห ณ โคนโพธิพฤกษ ในสปั ดาหที่ ๘ กท็ รงประกาศพระธรรมจักร ณ สนุ นั ทาราม ตามปฏญิ ญาทที่ รงรบั อาราธนาแสดงธรรมของทาวมหาพรหม ทรงยงั เทวดาและมนษุ ยรอ ยโกฏิใหด ม่ื อมฤตธรรม นเี้ ปนอภิสมัย คือการตรสั รูธ รรมคร้ังแรก.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 291 ตอ มา พระศาสดาทรงทราบวา พระโอรส ผมู ลี าํ พระองคก ลมเสมอกนั พระนามวา อสุ ภักขันธะ มีญาณแกกลาจึงทรงทําพระโอรสน้นั ใหเปนหัวหนาทรงแสดงธรรมเชนเดยี วกับราหโุ ลวาทสตู ร ทรงยังเทวดาและมนษุ ยถงึ เกา สบิโกฏใิ หด มื่ อมฤตธรรม นเ้ี ปนอภสิ มัย คือการตรัสรธู รรมคร้ังทส่ี อง. ตอ มา พระศาสดาทรงทาํ ยมกปาฏิหาริย ณ โคนตนซกึ ใหญใกลประตูพระนครอมรวดี ทรงทาํ การเปล้ืองมหาชนจากเครอื่ งผูกพัน อนั หมเู ทพหอ มลอ มแลว ประทบั นั่งเหนือพ้นื บัณฑกุ มั พลศลิ า ซง่ึ เย็นอยางยง่ิ ใกลโคนตนปาริฉัตตกะ ในภพดาวดึงส อนั เปน ภพแผซ า นแหงความโชติชว งเหลือเกนิ ดังดวงอาทิตย ทรงทําพระนางสเุ มธาเทวพี ระชนนีของพระองค ผูใ หเ กดิ ปตแิ กหมูเทพทั้งปวงเปนหัวหนา ทรงเปน วิสทุ ธิเทพท่ีทรงรูโลกท้ังปวง เปน เทพยงิ่ กวาเทพ ทรงทาํ ดวงประทีป ทรงจําแนกธรรม ทรงแสดงพระอภิธรรมปฏก๗ ปกรณ อนั ทาํ ความบรสิ ุทธแิ์ หง ความรู อันสขุ ุมลุมลกึ อยา งยงิ่ กระทาํประโยชนเ กอ้ื กูลแกส ัตวท ้ังปวง ยังเทวดาเกาหมนื่ โกฏิใหด มื่ อมฤตธรรม น้ีเปน อภสิ มยั คอื การตรสั รธู รรมครั้งทส่ี าม ดวยเหตุนั้น จงึ ตรสั วา ในอภิสมยั ครัง้ แรก พระพทุ ธเจา ทรงยังเทวดา และมนษุ ยใ หตรสั รรู อยโกฏิ ในอภสิ มัยครั้งที่สอง พระ โลกนาถทรงยงั เทวดาและมนษุ ยใ หต รัสรูเกา สิบโกฏิ. ในสมยั ใด พระพุทธเจา ทรงแสดงธรรมในภพ เทวดา แกเ ทวดาเกา หมนื่ โกฏิ สมยั นั้นเปน อภสิ มัย ครั้งทีส่ าม. การประชุมสาวกของพระผูมพี ระภาคเจาทีปง กรมี ๓ คร้ัง ใน ๓ครั้งนนั้ ครง้ั แรกประชมุ เทวดาและมนษุ ยแ สนโกฏิ ณ สนุ นั ทาราม ดว ยเหตุนั้นจึงตรสั วา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 292 สาวกสันนิบาตของพระทีปง กรศาสดามี ๓ ครั้ง ครั้งที่หนึ่งประชมุ สัตวแ สนโกฏ.ิ สมยั ตอ ๆ มา พระทศพล อันภกิ ษุส่ีแสนรปู แวดลอม ทรงทาํการอนุเคราะหม หาชน ตามลาํ ดบั ตามนิคมและนคร เสด็จจารกิ มาโดยลําดบั ก็ลุถงึ ภเู ขาลูกที่นา รน่ื รมยอ ยา งยงิ่ ช่อื นารทกฏู มยี อดสูงจรดเมฆมียอดอบอวลดว ยไมตนไมด อกสงกล่ินหอมนานาชนิด มียอดที่ฝูงมฤคนานาพนั ธุทองเทย่ี วกนั อันอมนษุ ยห วงแหน นา กลัวอยา งยงิ่ เล่ืองลือไปในโลกทั้งปวง ทีม่ หาชนเชนสกั การะในประเทศแหงหนง่ึ เขาวาภูเขาลกู นน้ั ยักษมีชอ่ื นารทะหวงแหน ณ ท่ีนนั้ มหาชนนาํ มนุษยมาทําพลสี งั เวยแกย กั ษต นนั้นทกุ ๆ ป. ไดยินวา ครัง้ นัน้ พระผูมพี ระภาคเจา ทีปงกรทรงเหน็ อปุ นสิ ัยสมบตั ิของมหาชน แตนัน้ ก็ทรงสง ภกิ ษุไปสท่ี ิศ ไมมีเพอ่ื น ไมม ีสหาย มพี ระหฤทยัอันมหากรุณามีกําลังเขากาํ กับแลว เสด็จขนึ้ ภเู ขานารทะลูกนัน้ เพื่อทรงแนะนํายักษต นน้ัน. ลําดับน้นั ยักษท ม่ี มี นุษยเปน ภกั ษา ไมเ ล็งประโยชนเ กอื้ กูลแกตน ขยันแตฆาผูอ่ืนตนนน้ั ทนการลบหลไู มได มใี จอันความโกรธครอบงําแลว ประสงคจะใหพ ระทศพลกลัวแลวหนไี ปเสีย จึงเขยาภเู ขาลกู นั้น เลากนั วา ภูเขาลกู นัน้ ถกู ยักษตนนั้นเขยา กม็ ีอาการเหมอื นจะหลนทับบนกระ-หมอมยกั ษต นนน้ั น่ันแหละ เพราะอานภุ าพของพระผูมพี ระภาคเจา . แตนน้ั ยกั ษค นนน้ั กก็ ลวั คดิ วา เอาเถดิ เราจะใชไ ฟเผาสมณะน้ันแลว ก็บนั ดาลกองไฟทีด่ นู ากลวั ยิง่ กองใหญ ไฟกองนั้นกลบั ทวนลมกอทกุ ขแกตนเอง แตไมส ามารถจะไหมแ มเ พียงชายจีวรของพระผูมพี ระภาคเจา ไดฝา ยยักษต รวจดูวา ไฟไหมส มณะหรอื ไมไหม ก็เห็นพระผมู พี ระภาคเจา
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 293ทศพล เหมือนประทับน่ังเหนอื กลบี บัว ที่อยบู นผวิ นํา้ เยน็ ดจุ ดวงจนั ทร สองแสงนวลในฤดูสารททําความยนิ ดีแกชนทัง้ ปวง จงึ คิดไดว า โอ ! พระสมณะทานนมี้ ีอานภุ าพมาก เราทําความพินาศใด ๆ แกพ ระสมณะทา นน้ี ความพนิ าศน้นั ๆ กลบั ตกลงเหนอื เราผเู ดยี ว แตปลอ ยพระสมณะทา นนีไ้ ปเสยี เรากไ็ มม ีทพ่ี ่ึงทีช่ ักนาํ อยางอื่น คนทั้งหลายท่ีพล้งั พลาดบนแผน ดนิ ยังตอ งยนั แผน ดินเทานัน้ จงึ ลกุ ข้ึนได เอาเถิด จําเราจักถึงพระสมณะทา นน้ีแหละเปนสรณะ. ดงั นั้น ยักษต นนนั้ คร้ันคดิ อยา งนี้แลว จงึ หมอบศีรษะลงแทบเบือ้ งยคุ ลบาท ทฝ่ี า พระบาทประดับดว ยจกั รของพระผมู ีพระภาคเจา กราบทลู วาขา แตพระองคผูเ จรญิ ขา พระองคส ํานกึ ผิดในความลวงเกนิ ขอลุกะโทษพระ-เจา ขา แลว ไดถ งึ พระผูมพี ระภาคเจา เปนสรณะ. ลําดบั น้ัน พระผูม ีพระภาคเจากต็ รัสอนุบพุ พิกถาโปรดยกั ษต นนั้น จบเทศนา ยักษต นนน้ั กต็ ัง้ อยใู นโสดา-ปตตผิ ล พรอมดว ยยกั ษหนงึ่ หม่นื . ไดยนิ วาในวนั นั้น มนษุ ยส ิน้ ทง้ั ชมพทู วีปทาํ บุรุษแตล ะหมบู านๆ ละคนมาเพอ่ื พลสี งั เวยยกั ษต นนั้น และนําสิง่ อ่นื ๆ มีงา ขาวสาร ถัว่ พู ถวั่ เขียว และถ่วั เหลืองเปนตน เปนอนั มาก และมีเนยใสเนยขน นาํ้ มนั นํา้ ผง้ึ และนาํ้ ออย เปน ตน . ขณะนนั้ ยักษตนน้นั กใ็ หข องท้ังหมดทีน่ าํ มาวันนั้นคนื แกช นเหลาน้ัน แลว มอบมนษุ ยท ี่เขานาํ มาเพอ่ื พลสี งั เวยเหลาน้นั ถวายพระทศพล. ครั้งนนั้ พระศาสดาทรงใหม นษุ ยเ หลา น้นั บวชดวยเอหภิ กิ ษุอุป-สมั ปทา ภายใน ๗ วนั เทา นน้ั กท็ รงใหเ ขาตัง้ อยใู นพระอรหตั ทง้ั หมด ประทับทามกลางภิกษุรอยโกฏิ ทรงยกโอวาทปาติโมกขขึน้ แสดงในทีป่ ระชุมอันประ-กอบดว ยองค ๔ วันเพ็ญมาฆบูรณมี องค ๔ เหลานัน้ คือ ทกุ รปู เปน เอห-ิ
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 294ภิกขุ, ทกุ รปู ไดอภิญญา ๖, ทกุ รูปมิไดนัดหมายกัน มาเอง, และเปนวันอโุ บสถข้นึ ๑๕ คาํ่ ชือ่ วา มีองค ๔. น้เี ปนสนั นบิ าต การประชุมครัง้ ที่ ๒. ดวยเหตุนัน้ จึงตรัสวา เม่ือพระชนิ เจา ประทับสงดั ณ ภเู ขานารทกูฏ อีก ภิกษรุ อยโกฏิเปนพระขีณาสพ ปราศจากมลทนิ ก็ประชุมกนั . แกอรรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ปวเิ วกคเต ไดแก ละหมไู ป. บทวาสมึสุ แปลวา ประชมุ กันแลว. กค็ รัง้ ใด พระทีปง กรผนู ําโลก เสดจ็ จําพรรษา ณ ภเู ขาช่ือสทุ ัสสนะไดย นิ วา คร้ังน้นั มนษุ ยชาวชมพทู วปี จดั งานมหรสพกัน ณ ยอดเขา ทกุ ๆ ปเลากนั วา มนษุ ยที่ประชมุ ในงานมหรสพนั้น พบพระทศพลแลวก็ฟง ธรรม-กถา เล่ือมใสในธรรมกถานั้น ก็พากนั บวช ในวนั มหาปวารณา พระศาสดาตรัสวิปสสนากถา ทีอ่ นกุ ลู แกอ ธั ยาศัยของภกิ ษเุ หลา นั้น ภกิ ษเุ หลา นั้นฟง วิปส -สนากถานน้ั แลว พิจารณาสงั ขารแลว บรรลพุ ระอรหตั โดยลาํ ดบั วิปส สนาและโดยลําดับมรรคทุกรูป. ครัง้ นั้น พระศาสดาทรงปวารณาพรอมดว ยภกิ ษุเกาหมืน่ โกฏ.ิ นีเ้ ปนการประชุม คร้งั ท่ี ๓. ดวยเหตุนั้น จงึ ตรัสวา สมยั ใด พระมหาวีระผเู ปน มหามนุ ี ทรงปวารณา พรอ มดวยภกิ ษเุ กา หมื่นโกฏิ ณ ภูเขาสทุ สั สนะ. สมัยนนั้ เราเปนชฎลิ มตี บะสูง ถงึ ฝง ใน อภิญญา ๕ จารกิ ไปในอากาศ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 295 คาถาน้ี ทา นเขียนไวใ นทปี ง กรพุทธวงศ กถาพรรณานทิ านของอรรถกถาธรรมสังคหะชือ่ อัฏฐสาลนิ ี แตใ นพทุ ธวงศน ้ีไมมี ก็การทีค่ าถาน้นั ไมมีน่นั แหละเหมาะกวา ถา ถามวา เพราะเหตุไร กต็ อบไดว า เพราะกลา วมาแลวในสเุ มธกถาแตหนหลัง. ไดย ินวา เม่ือพระผูมพี ระภาคเจา ทีปง กรทรงแสดงธรรม ธรรมาภ-ิสมยั การตรัสรูธรรมก็ไดมีแกส ัตวห นงึ่ หมน่ื และสองหม่นื แตที่สุดแหงการตรสั รูมิไดม โี ดยจํานวนหนึง่ คน สองคน สาม และสค่ี นเปน ตน เพราะฉะนั้นศาสนาของพระผูมีพระภาคเจาทีปง กร จึงแผไ ปกวางขวาง มีคนรูกันมากดว ยเหตนุ ้ัน จงึ ตรสั วา ธรรมาภสิ มัย ไดมเี เกส ตั วห นง่ึ หม่ืน สองหม่นื ไมนบั การตรสั รขู องสตั ว โดยจํานวนหนงึ่ คน สองคน. แกอ รรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ทสวสี สหสฺสาน ไดแ ก หนึง่ หม่นื และสองหมนื่ . บทวา ธมฺมาภิสมโย ไดแก แทงตลอดธรรม คอื สัจจะ ๔. บทวาเอกทวฺ นิ ฺน ความวา ไมน บั โดยนยั เปนตนวา หนึง่ คนและสองคน สามคนสี่คน ฯลฯ สิบคน. ศาสนาชือ่ วา แผไปกวางขวาง ถึงความเปนจาํ นวนมากเพราะการตรัสรนู ับไมถ วนอยางน้ี อนั เทวดาและมนุษยผ เู ปน บัณฑติ เปนอันมากรู พึงรูว าเปน นิยยานิกธรรม อนั เปน ความสาํ เร็จแลวดว ยอธิศีลสกิ ขาเปนตนและเจริญแลวดวยสมาธเิ ปนตน ดว ยเหตนุ น้ั จงึ ตรัสวา ศาสนาของพระผมู พี ระภาคเจาทปี งกร อนั พระ- องคทรงชาํ ระบรสิ ทุ ธ์ดิ ีแลว แผไปกวา งขวาง คนเปน อนั มากรูกัน สาํ เรจ็ แลว เจรญิ แลวในคร้ังนนั้ .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 296 แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา สุวิโสธติ ไดแก อนั พระผูม พี ระภาคเจา ทรงชําระแลว ทาํ ใหห มดจดดวยดี ไดยนิ วา ภิกษุผูมีอภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก สแี่ สนรปู แวดลอมพระทีปง กรศาสดาอยทู ุกเวลา อธิบายวา สมัยนั้นภิกษเุ หลาใดเปนเสกขะ ทาํ กาลกริ ยิ า [มรณภาพ] ภิกษเุ หลา นน้ั ยอมถูกครหาภกิ ษทุ งั้ หมดจึงเปน พระขณี าสพ ปรนิ ิพพาน เพราะฉะนัน้ แล ศาสนาของพระผมู ีพระภาคเจาพระองคนน้ั จงึ บานเตม็ ท่ี สําเร็จดวยดี งดงามเหลือเกินดว ยภกิ ษขุ ีณาสพทง้ั หลาย ดว ยเหตุนั้น จึงตรัสวา ภิกษุส่แี สนรูป มีอภิญญา ๖ มฤี ทธมิ์ ากยอม แวดลอ ม พระทศพลทีปง กร ผูรูแจงโลกทกุ เมือ่ . สมยั นน้ั ภกิ ษุเหลาใดเหลา หนึ่ง เปน เสขะยงั ไม บรรลุพระอรหัต ละภพมนุษยไ ป ภกิ ษเุ หลา นั้นยอ ม ถูกครหา. ปาพจนค อื พระศาสนา อันพระอรหนั ตผ ูค งท่ี เปนขีณาสพ ไรมลทิน ทาํ ใหบานเตม็ ที่แลว ยอ ม งดงามทกุ เม่ือ. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา จตตฺ าริ สตสหสฺสานิ พึงถือความอยา งนว้ี า ทา นกลา ววา ฉฬภิฺ า มหิทธฺ กิ า ดังนก้ี เ็ พอ่ื แสดงวา ภิกษุเหลานี้ ท่ีทา นแสดงดว ยการนบั แลว มีจํานวนท่แี สดงไดอยางน้ี. อกี นัยหนึ่งคาํ วา ฉฬภิฺา มหทิ ธฺ กิ า พงึ ทราบวาเปน ปฐมาวิภตั ติ ลงในอรรถฉัฏฐวี ภิ ตั ติวา ฉฬภิฺาน มหิทธฺ กิ าน . บทวา ปรวิ าเรนตฺ ิ สพฺพทา
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 297ไดแ ก แวดลอ มพระทศพลตลอดกาลเปน นิตย อธบิ ายวา ไมล ะพระผมู ีพระ-ภาคเจา ไปเสียในท่ไี หน ๆ. บทวา เตน สมเยน แปลวา ในสมัยนัน้ ก็สมยศพั ทน ี้ ใชกนั ในอรรถ ๙ อรรถ มีอรรถวา สมวายะ เปนตน เหมอื นอยา งท่ที า นกลาวไววา สมยศัพท ใชใ นอรรถวา สมวายะ ขณะ กาล สมหู ะ เหตุ ทิฏฐิ ปฏิลาภะ ปหานะ และปฏเิ วธะ.แตใ นที่นี้ สมยศพั ทน้นั พงึ เห็นวาใชในอรรถวา กาล ความวา ในกาลนัน้ .บทวา มานุส ภว ไดแก ภาวะมนษุ ย. บทวา อปฺปตตฺ มานสา ความวา พระอรหตั อนั พระเสขะเหลา ใด ยังไมถ ึงแลวไมบ รรลุแลว. คําวา มานส เปนช่อืของราคะ ของจิต และของพระอรหัต. ก็ราคะทานเรียกวา มานสะ ไดใ นบาลนี ีว้ าอนฺตลิกขฺ จโร ปาโส ยฺวาย จรติ มานโส ราคะนนั้ ใด เปนบว ง เทยี่ วอยกู ลางหาว ยอมเทยี่ วไป. จติ ทานก็เรยี กวา มานสะ ไดใ นบาลีน้ีวา จติ ตฺ มโน มานส หทย ปณฑฺ ร แปลวา จิต ท้ังหมด. พระอรหัต ทานเรียกวามานสะ ไดในบาลนี ้วี า อปปฺ ตตฺ มานโส เสโข กาล กยริ า ชเนสตุพระเสขะมพี ระอรหัตอนั ยงั ไมบรรลุแลวจะพงึ ทาํ กาละเสยี พระชเนสุตะเจา ขา .แมใ นทน่ี ้ีกป็ ระสงคเอาพระอรหัต เพราะฉะนนั้ จงึ มคี วามวา ผูมีพระอรหตั -ผลอนั ยังไมบ รรลุแลว . บทวา เสขา ไดแ ก ชอื่ วาเสขะ เพราะอรรถวาอะไร.ช่อื วาเสขะ เพราะอรรถวาไดเสขธรรม. สมจริงดังทตี่ รสั ไววา ภิกษุทูลถามวาขา แตพระองคผ เู จรญิ ภกิ ษุเปน เสขะดว ยเหตเุ พยี งเทา ไร พระเจา ขา . ตรัสตอบวา ดกู อนภกิ ษุ ภกิ ษุในธรรมวนิ ัยนี้ ประกอบดว ยสมั มาทิฏฐิท่เี ปน เสขะฯลฯ ประกอบดวยสัมมาสมาธทิ ่เี ปนเสขะ ภกิ ษุเปน เสขะ ดว ยเหตุเพียงเทา นี.้อีกอยางหน่ึง ภกิ ษุทัง้ หลายยังศกึ ษาอยู เหตุนั้นจงึ ชอ่ื วาเสขะ. สมจริงดงั
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 298ทต่ี รัสไวว า ดกู อ นภกิ ษุ ภิกษยุ งั ศกึ ษาอยู ภกิ ษุยังศึกษาอยู ดงั น้แี ล เพราะฉะนั้น จึงเรยี กวาเสขะ ภกิ ษศุ กึ ษาอะไรเลา ภิกษศุ ึกษาอธศิ ลี บา ง ศกึ ษาอธจิ ิตบา ง ศกึ ษาอธปิ ญญาบาง ดังนี้แล ภกิ ษุ เพราะฉะนัน้ จงึ เรยี กวาเสขะ. บทวา สปุ ุปผฺ ติ ไดแก แยมดวยดีแลว . บทวา ปาวจน ไดแ กคาํ อันบณั ฑติ สรรเสริญแลว หรอื คําท่ีถงึ ความเจรญิ แลว ชอ่ื วา ปาวจนะ. คาํเปนประธานนน้ั แล ชอื่ วา ปาวจนะ อธิบายวา พระศาสนา. บทวาอปุ โสภติ ไดแ ก เรอื่ งรองย่ิง รงุ โรจนยงิ่ . บทวา สพพฺ ทา ไดแ ก ทกุกาล. ปาฐะวา อปุ โสภติ สเทวเก ดงั นก้ี ็มี. พระผมู พี ระภาคเจา ทีปงกรพระองคน น้ั ทรงมพี ระนคร ชื่อวารัมมวดีมพี ระชนกเปนกษัตริย พระนามวาพระเจา สเุ ทวะ พระชนนเี ปนพระเทวพี ระ-นามวา พระนางสุเมธา มพี ระอคั รสาวกคู ชอ่ื สุมังคละ และ ติสสะ มพี ระอปุ ฏ ฐากชือ่ สาคตะ มพี ระอคั รสาวกิ าคู ช่ือนนั ทา และสุนนั ทา ตนไมเปน ที่ตรัสรขู องพระผมู ีพระภาคเจา พระองคน ้นั คอื ตน เลยี บ. พระองคสูง ๘๐ ศอกพระชนมายแุ สนป. ถา จะถามวา ในการแสดงนครเกดิ เปน ตนเหลา นี้มีประโยชนอะไร. ขอชี้แจงดงั น้ี ผิวาพระพทุ ธเจาพระองคใด ไมพงึ ปรากฏพระนครเกดิ ไมพงึ ปรา-กฏพระชนก ไมพ งึ ปรากฏพระชนนไี ซร พระพทุ ธเจา พระองคน ี้ กย็ อมไมปรากฏพระนครเกิด พระชนก พระชนน.ี ชนทง้ั หลาย เมื่อสําคญั วา ผนู ้ีเห็นจะเปนเทพ สักกะ ยักษ มาร หรือพรหม ปาฏหิ าริยเ ชน น้แี มข องเทวดาทั้งหลายไมอศั จรรย ก็จะไมพงึ สําคัญพระดาํ รัสวาควรฟง ควรเช่ือถอื แตน ัน้ การตรัสรูก ไ็ มม ี ความเกิดขนึ้ แหงพระพุทธเจาก็ไรป ระโยชน พระศาสนาก็จะไมน ําสัตวออกจากทุกข เพราะฉะนัน้ จงึ ควรแสดงปริจเฉทขนั้ ตอน มีนครเกิดเปน ตน ของพระพุทธเจา ทุกพระองค ดว ยเหตุนน้ั จงึ ตรสั วา
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 299 พระทปี ง กรศาสดา ทรงมีพระนครชอื่ วารัมมวดีพระชนกพระนามพระเจา สเุ ทวะ พระชนนีพระนามพระนางสเุ มธา. พระพิชติ มารทรงครอบครองอาคารสถานอยูหมนื่ ป ทรงมีปราสาทอันอดุ ม ๓ หลัง ชอ่ื วา หงั สาปราสาท โกญจาปราสาท และมยรุ าปราสาท. มสี นมนารี ๓ แสนนาง ลวนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามวา ปทมุ า พระโอรสพระนามวา อสุ ภกั ขันธกุมาร. พระชนิ เจาทรงเห็นนมิ ิต ๔ ประการแลว ออกผนวชดวยคชยานคือ พระยาขา งตน ทรงบําเพ็ญเพยี รอยู ๑๐ เดอื นเตม็ . ครน้ั ทรงบาํ เพญ็ เพยี รแลว ก็ไดต รสั รพู ระสัม-โพธญิ าณ พระมหามนุ ที ีปง กร มหาวรี เจาอนั พรหมทลู อาราธนาแลว ทรงประกาศพระธรรมจักร ประทับอยทู น่ี นั ทาราม ประทับน่ังทีค่ วงไมซ ึก ทรงปราบปรามเดยี รถีย. พระทปี งกรศาสดา ทรงมีพระอัครสาวก ชอื่ วาสุมังคละ และติสสะ มีพทุ ธอปุ ฏฐาก ช่ือวา สาคตะ. พระอัครสาวิกา ชือ่ วา นนั ทาและสุนันทา ตน ไมตรัสรู ของพระผมู ีพระภาคเจา พระองคน ้นั เรียกกันวาตน เลียบ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 300 พระทปี ง กรมหามนุ ี สูง ๘๐ ศอก สงา งาม เหมือนตนไมประจําทวีป เหมอื นตน พระยาสาละออก ดอกบานเตม็ ตน. พระผแู สวงคณุ ยง่ิ ใหญพระองคน นั้ มีพระชน- มายุแสนป พระองคพระชนมยืนถงึ เพยี งนั้น จงึ ทรง ยงั หมชู นเปน อันมากใหข า มโอฆสงสารแลว ก็เสดจ็ ดบั ขันธป รนิ ิพพาน ทง้ั พระสาวก เหมือนกองไฟลกุ โพลงแลวก็ดบั ไป. พระวรฤทธดิ์ วย พระยศดวย จกั รรัตนะท่ีพระ ยคุ ลบาทดว ย ทั้งน้ันกอ็ นั ตรธานไปส้นิ สงั ขารทุกอยา ง ก็วา งเปลา แนแท. พระทีปง กรชินศาสดา เสด็จนิพพาน ณ นันทา- ราม พระสถูปของพระชินเจา พระองคนั้น ทนี่ นั ทาราม สูง ๓๖ โยชน. พระสถปู บรรจุบาตร จวี ร บรขิ ารและเครื่อง บริโภคของพระศาสดาประดิษฐานอยทู โี่ คนโพธพิ ฤกษ ในกาลนนั้ สูง ๓ โยชน. แกอรรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา สเุ ทโว นาม ขตฺติโย ความวา พระ-องคม ีพระชนกพระนามวา พระเจาสุเทวะ. บทวา ชนิกา ไดแ ก พระชนนี.บทวา ปปผฺ ลิ ไดแ ก ตนเลียบหรอื ตนมะกอกเปน ตน ไมเ ปนท่ตี รัสรู. บทวาอสีติหตฺถมุพเฺ พโธ แปลวาพระองคสงู ๘๐ ศอก. บทวา ทปี รุกโฺ ขว ความวา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 753
Pages: