พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 571ฯ เป ฯ ตณหฺ าน ขยมชฌฺ คา ทรงเห็นพระราชโอรสกรุงยสวดสี องพระองคพระนามวา พรหมเทวะ และ อทุ ยะ พรอมดว ยบรวิ าร ถงึ พรอมดว ยอุปนสิ ัยสมบัติเสด็จไปทางอากาศ เสด็จลงทย่ี สวดีมคิ ทายวนั โปรดใหพ นกั งานเฝา พระราชอุทยานเชิญพระราชโอรสมาแลว ทรงยังหม่ืนโลกธาตุใหเ ขาใจดวยพระสรุ เสยี งดงั พรหมไมพ ราไพเราะซาบซึง้ ประกาศพระธรรมจักรแกพระราชโอรสทัง้ สองพระองคน ้นั กบั ท้งั บริวาร คร้งั นนั้ ธรรมาภิสมยั ครัง้ ท่ี ๑ไดม ีแกสัตวรอยโกฏ.ิ ดว ยเหตุน้นั จึงตรสั วา ตอจากสมยั ของพระสทิ ธตั ถพุทธเจา พระพุทธเจา พระนามวา ติสสะ ผไู มมีผเู สมอ ไมมีผูเ ทียบ มีพระ- เดชไมม ีทีส่ ดุ มีพระบรวิ ารยศหาประมาณมิได เปน ผูนําเลศิ แหง โลก. พระมหาวีระผูประกอบดวยความเอน็ ดู ผูม ีจักษุ ทรงกาํ จัดอนธการคือความมดื ยังโลกทง้ั เทวโลกให สวาง ทรงอุบัติขนึ้ แลวในโลก. พระวรฤทธ์ขิ องพระองค กช็ ่ังไมไ ด ศีลและ สมาธิกช็ ่งั ไมได ทรงบรรลุพระบารมใี นธรรมท้งั ปวง ทรงใหพระธรรมจักรเปน ไปแลว . พระพุทธเจาพระองคน ั้น ทรงประกาศพระวาจา อันสะอาด ใหสัตวร อยโกฏใิ นหม่ืนโลกธาตตุ รสั รูธ รรม ในการแสดงธรรมคร้ังท่ี ๑. แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สพพฺ ตถฺ ความวา ถงึ ฝงในธรรมทัง้ปวง. บทวา ทสสหสฺสมิ ฺหิ ก็คอื ทสสหสสฺ ยิ ในหมน่ื โลกธาต.ุ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 572 ภายหลังสมัยตอ มา ในสมยั ทพี่ ระมหาบุรษุ ทรงละการอยูเปนหมูแลวเสด็จเขา ไปยังโคนโพธิพฤกษ ภิกษทุ บ่ี วชกบั พระตสิ สศาสดาจํานวนโกฏหิ นง่ึก็แยกไปเสียท่ีอื่นแลว คร้ันภิกษุโกฏหิ นึ่งน้นั ทราบขาววา พระติสสสัมมาสมั -พุทธเจาทรงประกาศพระธรรมจักร ก็พากนั มาท่ยี สวดมี คิ ทายวนั ถวายบงั คมพระทศพลแลว ก็นงั่ ลอ มพระองค พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงธรรมโปรดภิกษุเหลาน้นั ครั้งนน้ั อภสิ มัยครง้ั ท่ี ๒ ไดม แี กส ัตวเ กา สิบโกฏิ. ตอมาอีกในมหามงคลสมาคม ในเม่อื จบมงคล อภิสมัยครั้งที่ ๓ กไ็ ดม ีแกสัตวหกสบิ โกฏ.ิดว ยเหตนุ ัน้ จงึ ตรสั วา อภสิ มัยครงั้ ที่ ๒ การตรัสรูธ รรม ไดมแี กส ัตว เกา สบิ โกฏิ อภสิ มยั ครัง้ ที่ ๓ การตรสั รูธ รรมไดม ีแก สัตวห กสบิ โกฏิ ในครง้ั นั้น พระติสสพุทธเจา ทรง เปล้อื งสัตวคือมนษุ ยแ ละเทวดาท้ังหลายจากเครือ่ งผกู . แกอรรถ บรรดาบทเหลานนั้ บทวา ทุตโิ ย นวตุ โิ กฏนิ ความวา อภิสมัยครงั้ ท่ี ๒ ไดมแี กสตั วเกาสบิ โกฏิ. บทวา พนฺธนาโต กค็ ือ พนฺธนโตแปลวา จากเคร่ืองผกู ความวา ทรงเปล้ืองจากสังโยชน ๑๐. บดั น้ี เม่ือจะทรงแสดงถึงสตั วที่ทรงเปล้อื ง โดยสรปุ จึงตรสั วา นรมร.ู บทวา นรมรูกค็ ือ นรามเร ไดแ ก มนษุ ยและเทวดา. ไดยินวา พระตสิ สพุทธเจา อันพระอรหันตทบี่ วชภายในพรรษา ในยสวดีนครแวดลอมแลว ทรงปวารณาพรรษาแลว นั้น เปน สนั นบิ าตครั้งที่ ๑. เมื่อพระโลกนาถพระผูมพี ระภาคเจาเสด็จถึง นาริวาหนนคร นาริ-วาหนกมุ าร โอรสของ พระเจา สชุ าตะ ผูเกดิ ดที งั้ สองฝา ย พรอมดว ย
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 573บรวิ าร เสดจ็ ออกไปรบั เสด็จ นมิ นตพ ระทศพลพรอ มท้งั ภิกษุสงฆ ถวายอสทิสทาน ๗ วนั จึงมอบราชสมบัตขิ องพระองคแ กพระโอรส พรอ มดว ยบรวิ ารก็ทรงผนวชดว ยเอหิภิกขบุ รรพชา ในสาํ นกั ของพระติสสสมั มาสัมพทุ ธ-เจาผูเ ปน ใหญแหงโลกท้งั ปวง. นยั วา การบรรพชาของพระองคป รากฏโดง ดังไปทกุ ทิศ. เพราะฉะนน้ั มหาชนมาจากทิศนนั้ ๆ บวชตามเสดจ็ พระนารวิ าหน-กมุ าร ครง้ั น้ัน พระตถาคตเสด็จไปทา มกลางภิกษุเกา ลาน ทรงยกปาติ-โมกขขน้ึ แสดง น้ันเปน สนั นิบาตครั้งท่ี ๒. ตอมาอกี ชนแปดลา นฟง ธรรมกถาเรือ่ งพทุ ธวงศ ในสมาคมพระญาติ กรงุ เขมวดี ก็พากันบวชในสาํ นักของพระองคแ ลว บรรลพุ ระอรหตั . พระสคุ ตเจา อนั ภกิ ษุเหลาน้ันแวดลอ มแลว ทรงยกปาตโิ มกขข ึน้ แสดง น้นั เปน สนั นิบาตครัง้ ท่ี ๓. ดวยเหตุนน้ัจึงตรสั วา พระตสิ สพุทธเจา ผูแสวงคณุ ยิ่งใหญ ทรงมี สนั นบิ าตประชุมพระสาวกขณี าสพ ผไู รม ลทิน มีจติ สงบ คงที่ ๓ ครั้ง. การประชุมพระสาวกขณี าสพแสนหน่ึง เปน สนั นิบาตครง้ั ท่ี ๑ ประชุมพระสาวกขณี าสพเกาลา น เปนสนั นบิ าตครง้ั ที่ ๒. ประชมุ พระสาวกขณี าสพ ผูไรม ลทนิ ผูบ าน แลวดวยวมิ ตุ ติแปดลาน เปนสนั นบิ าตครั้งที่ ๓. สมัยน้ัน พระโพธิสัตวของเรา เปนพระราชาพระนามวา สุชาตะกรุงยสวดี ทรงสละราชอาณาจักรทีม่ น่ั คงรุงเรือง กองทรัพยหลายโกฏิ และคนใกลชิดท่ีมีใจจงรกั ภักดี สังเวชใจในทุกขม ชี าตทิ ุกขเปนตน จึงออกผนวชเปน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 574ดาบส มฤี ทธานภุ าพมาก สดบั ขา ววา พระพุทธเจา อุบัตขิ ้ึนแลวในโลก ก็มีพระวรกายอนั ปติ ๕ อยางถูกตองแลว มีความยาํ เกรง ก็เขา เฝา พระผูมพี ระภาคเจาติสสะถวายบังคมแลวดาํ ริวา จาํ เราจกั บูชาพระผูมพี ระภาคเจาดว ยดอกไมทิพย มดี อกมณฑารพ ดอกปาริฉัตตกะ เปนตน ครัน้ ดาํ รอิ ยา งน้นั แลว ก็ไปโลกสวรรคดวยฤทธ์ิ เขาไปยงั สวนจิตรลดา บรรจุผอบ ทีส่ าํ เรจ็ ดวยรัตนะขนาดคาวุตหนงึ่ ใหเ ต็มดว ยดอกไมท ิพยมดี อกปทมุ ดอกปาริฉัตตกะและดอกมณฑารพ เปน ตน พามาทางทอ งนภากาศ บูชาพระผมู ีพระภาคเจา ดว ยดอกไมท ิพยทม่ี ีกลน่ิ หอม และกนั้ ดอกปทุมตา งฉัตรคันหนึ่ง ซึง่ มีดา มเปน มณี มีเกสรเปน ทอง มใี บเปนแกวทบั ทมิ เหมือนฉตั รทส่ี าํ เรจ็ ดวยเกสรหอม ไวเ หนอืพระเศียรของพระผมู ีพระภาคเจา ยนื อยูทา มกลางบรษิ ัท ๔. ครง้ั นน้ั พระผูมีพระภาคเจา ทรงพยากรณพระโพธสิ ตั วนน้ั วาเกา สบิ สองกปั นบั แตกัปนี้ จกั เปนพระพุทธเจา พระนามวา โคตมะ. ดวยเหตุน้นั จงึ ตรสั วา สมัยนัน้ เราเปน กษตั รยิ นามวา สชุ าตะ สละ โภคสมบัตยิ ่งิ ใหญ บวชเปนฤษี. เมือ่ เราบวชแลว พระผนู าํ โลกกอ็ ุบัตเิ พราะสดับ เสียงวาพทุ โธ เราก็เกดิ ปติ. เราใชม ือทง้ั สองประคองดอกไมท ิพย คือดอก มณฑารพ ดอกปทุม ดอกปาริฉตั ตกะ สะบัดผา คากรองเขา ไปเฝา. เราถือดอกไมน้ัน กนั้ พระติสสชินพทุ ธเจา ผู นําเลิศแหงโลก อันบรษิ ทั ๔ แวดลอมแลวไวเหนือ พระเศยี ร.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 575 พระพทุ ธเจา พระองคนนั้ ประทับนัง่ ทามกลาง ชน ทรงพยากรณเ ราวา เกา สบิ สองกัปนับแตกัปน้ี ทานผนู ี้จกั เปนพระพุทธเจา. พระตถาคตทรงทาํ ความเพยี ร ฯ ล ฯ จกั อยูตอ หนา ของทานผนู ้ี. เราฟงพระดาํ รสั ของพระองคแลว กย็ ิง่ เลอ่ื มใส จึงอธิษฐานขอ วตั รยง่ิ ยวดข้ึนไป เพือ่ บําเพ็ญบารมี ๑๐ ใหบ ริบูรณ. แกอรรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา มยิ ปพพฺ ชิเต ไดแ ก เมือ่ เราเขาถงึความเปนนกั บวช. อาจารยทง้ั หลายเขียนไวในคัมภรี วา มม ปพฺพชิตสนตฺ ปาฐะนน้ั พึงเห็นวา เขยี นพลั้งเผลอ. บทวา อปุ ปชชฺ ถ กค็ ืออปุ ฺปชชฺ ติ ถฺ อุบัตขิ ึ้นแลว . บทวา อุโภ หตฺเถหิ ก็คอื อุโภหิหตเฺ ถห.ิ บทวา ปคคฺ ยหฺ แปลวา ถอื แลว . บทวา ธนุ มาโน ไดแกสะบัดผาเปลอื กไม. บทวา จาตุวณฺณปริวุต แปลวา อนั บริษัท ๔แวดลอ มแลว อธิบายวา อันบรษิ ัทคอื กษัตริย พราหมณ คฤหบดแี ละสมณะแวดลอ มแลว อาจารยบ างพวกกลา ววา จตุวณฺเณหิ ปริวตุ อนั วรรณะ ๔แวดลอมแลว . พระผมู ีพระภาคเจาพระองคน้นั ทรงมพี ระนครช่ือ เขมะ พระชนกพระนามวา พระเจาชนสนั ธะ พระชนนีพระนามวา พระนางปทุมา คูพระอคั รสาวกชือ่ วา พระพรหมเทวะ และ พระอุทยะ พระพทุ ธอุปฏฐาก ชอ่ื วาพระสมังคะ คูพระอคั รสาวิกาชอ่ื พระผุสสา และ พระสทุ ัตตา โพธิ-
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 576พฤกษ ช่อื อสนะตนประดู พระสรรี ะสงู ๖๐ ศอก พระชนมายุแสนป พระอัครมเหสีพระนามวา พระนางสุภัททา พระโอรสพระนามวา อานนั ทะเสดจ็ ออกอภเิ นษกรมณด ว ยยานคือมา. ดว ยเหตุนั้น จึงตรัสวา พระตสิ สพทุ ธเจา ผแู สวงคุณยิ่งใหญ ทรงมี พระนครช่ือเขมกะ พระชนกพระนามวา ชนสันธะ พระชนนพี ระนามวา พระนางปทมุ า. พระติสสพทุ ธเจา ผแู สวงคณุ ยิ่งใหญ มีพระอคั ร สาวก ชื่อพระพรหมเทวะ และพระสุทตั ตาโพธิพฤกษ ของพระผูมพี ระภาคเจาพระองคนนั้ เรียกวา อสนะ ตน ประดู. พระชินพทุ ธเจา พระองคน ้ัน โดยสว นสงู ๖๐ ศอก ไมม ีผูเปรยี บ ไมม ีผูเสมือน ปรากฏดังภูเขา หมิ วนั ต. พระผูม จี ักษุดํารงอยูในโลก แสนป พระผมู ี พระเดชไมมผี ูเ ทยี บพระองคน ้นั กม็ ีพระชนมายุเทา นั้น. พระองคท ้งั พระสาวก เสวยพระยศยงิ่ ใหญ อัน สงู สุด เลศิ ประเสริฐ รุง เรอื งแลว ก็ปรินพิ พานไป ดงั กองไฟทดี่ บั ไปฉะน้ัน. พระองคท ั้งพระสาวกก็ปรนิ ิพพานไป เหมือน พลาหกเมฆฝน หายไปเพราะลม เหมอื นนํ้าคางเหือด หายไปเพราะดวงอาทติ ย เหมือนความนดิ หายไปเพราะ ดวงประทีปฉะน้นั .
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 577 แกอ รรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา อุจจฺ ตฺตเน ก็คอื อุจฺจภาเวน โดยสว นสงู . บทวา หิมวา วยิ ทิสสฺ ติ ไดแก ปรากฏเดนเหมอื นภเู ขาหิมวันตหรือปาฐะก็อยา งนี้เหมือนกนั ความวา หมิ วนั ตป ญ จบรรพต สงู รอยโยชนปรากฏเดน ชดั นา รื่นรมยย่งิ เพราะแมแตอ ยูไ กลแสนไกล ก็สูง และสงบเรียบรอย ฉนั ใด แมพ ระผูมพี ระภาคเจา ก็ปรากฏเดน ชัดฉันนัน้ . บทวาอนตุ ฺตโร ไดแ ก ไมยืนนัก ไมส้ันนกั อธิบายวา พระชนมายุแสนป. บทวาอุตฺตม ปวร เสฏ เปนไวพจนของกันและกัน. บทวา อุสสฺ โว ไดแ กหยาดหมิ ะ อธิบายวา พระผูมพี ระภาคเจา ท้งั พระสาวกอันลมดวงอาทติ ยและดวงประทปี คอื ความเปน อนิจจัง เบียดเบียนแลว ก็ปรนิ พิ พาน เหมอื นพลาหกนํ้าคางและความมืด อนั ลมดวงอาทิตยและดวงประทปี เบียดเบยี นกเ็ หอื ดหายไป ไดย ินวา พระผูมีพระภาคเจา ตสิ สะ เสด็จดับขันธปรินพิ พาน ณพระวหิ ารสนุ นั ทาราม กรุงสนุ นั ทวดี คําทเี่ หลือในคาถาทงั้ หลายทกุ แหง ชดัแลว ทัง้ นั้นแล. จบพรรณนาวงศพระติสสพุทธเจา
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 578 ๑๘. วงศพระปสุ สพทุ ธเจาท่ี ๑๘ วาดวยพระประวัตขิ องพระปสุ สพุทธเจา [๑๙] ในมัณฑกัปน้นั นนั่ เอง กไ็ ดมีพระศาสดา พระนามวา ปุสสะ ผูย อดเย่ียม ไมม ีผเู ปรียบ ไมมผี ู เสมอ พระผนู าํ เลิศของโลก. แมพ ระองค ก็ทรงกําจัดความมดื ทุกอยา ง ทรงสางรกชัฏขนาดใหญ เม่ือทรงยังโลกท้ังเทวโลกใหอ ่มิก็ทรงหล่ังนํา้ อมฤตใหตกลงมา. เม่ือพระปุสสพุทธเจา ทรงประกาศพระธรรม-จักรในสมยั นักขัตมงคล อภสิ มยั ครั้งที่ ๑ ก็ไดมแี กสตั วแปดลาน. อภสิ มยั ครั้งท่ี ๒ ก็ไดม ีแกส ัตวเ กา ลา น อภสิ มยั - ครง้ั ที่ ๓ กไ็ ดมีแกส ตั วแ ปดลา น. พระปสุ สพทุ ธเจา ผแู สวงคณุ ยงิ่ ใหญ ทรงมีสันนบิ าต ประชุมพระสาวกขีณาสพ ผไู รม ลทนิ มีจติสงบ คงท่ี ๓ ครั้ง. ประชมุ พระสาวกหกลาน เปนสนั นบิ าตครัง้ท่ี ๑ ประชมุ พระสาวกหา ลาน เปนสนั นิบาตคร้ังที่ ๒. ประชุมพระสาวก ผูห ลดุ พนเพราะไมยดึ ม่ัน ผูขาดปฏสิ นธแิ ลว สี่ลา น เปนสนั นิบาตครง้ั ท่ี ๓.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 579 สมยั นน้ั เราเปน กษัตรยิ นามวา พระเจา วิชิตะ(วชิ ติ าวี) ละราชสมบตั ิใหญ บวชในสาํ นักของพระ-องค. พระปสุ สพุทธเจา ผนู าํ เลิศแหงโลกพระองคน้ันทรงพยากรณเ ราวา เกาสบิ สองกัปนบั แตกัปนไี้ ป ทา นผนู ี้จกั เปน พระพทุ ธเจา . พระตถาคต ออกอภเิ นษกรมณ จากกรงุ กบิล-พัสดุอนั นารน่ื รมย ทรงต้งั ความเพียร ทาํ ทกุ กรกริ ยิ า. พระตถาคต ประทบั นั่ง ณ โคนตนอชปาล-นิโครธ ทรงรบั ขา วมธุปายาส ณ ทีน่ ้นั แลว เสด็จเขาไปยงั แมน้ําเนรญั ชรา. พระชินเจา พระองคนน้ั เสวยขาวมธุปายาสท่ีรมิ ฝง แมน าํ้ เนรัญชรา เสด็จดาํ เนินตามทางอันดีทเี่ ขาจดั แตงไว ไปทโ่ี คนโพธพิ ฤกษ. แตน ัน้ พระผมู ีพระยศย่ิงใหญ ทรงทําประทกั -ษิณโพธิมณั ฑสถานอนั ยอดเยย่ี ม ตรสั รู ณ โคนโพธิพฤกษ ชอ่ื ตน อสั สตั ถะ. ทานผนู ี้ จกั มีพระชนนีพระนามวา พระนางมายาพระชนก พระนามวา พระเจาสุทโธทนะ ทา นผนู ้ีจกัมพี ระนามวา โคตมะ. จกั มีพระอัครสาวกชื่อวา พระโกลิตะ และ พระอุปติสสะ ผไู มมีอาสวะ ปราศจากราคะ มจี ิตสงบ
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 580ตง้ั มนั่ พระพุทธอุปฏ ฐาก ชื่อวาพระอานนั ทะ จกับํารงุ พระชนิ เจา พระองคน ้.ี จกั มีพระอคั รสาวิกา ชอ่ื วา พระเขมา และพระอบุ ลวรรณา ผไู มม ีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบตั้งมน่ั โพธิพฤกษของพระผมู พี ระภาคเจา พระองคน นั้เรยี กวา ตน อสั สตั ถะ. จักมีอัครอปุ ฏฐาก ซึ่งจติ ตะ และ หัตถกะอาฬวกะอัครอุปฏ ฐายกิ า ช่ือ นนั ทมาตา และ อตุ ตรา พระ-โคดม ผมู พี ระยศ มีพระชนมายุ ๑๐๐ ป. มนษุ ยและเทวดาท้ังหลาย ฟงพระดํารัสน้ี ของพระปสุ สพุทธเจา ผไู มมีผเู สมอ ผูแสวงคณุ ยิง่ ใหญแลว กป็ ลาบปลื้มใจวา ทานผนู เี้ ปน หนอพทุ ธางกูร. หม่นื โลกธาตุ ทง้ั เทวโลก ก็พากันโหร อ ง ปรบมือ หัวรอราเริง ประคองอัญชลีนมสั การกลาววา ผิวา พวกเราจักพลาดพระศาสนา ของพระ-โลกนาถพระองคน ้ไี ซร ในอนาคตกาล พวกเรากจ็ ักอยตู อ หนา ของทา นผนู ี.้ เราฟง พระดาํ รสั ของพระองคแ ลว ก็ย่งิ เลือ่ มใสจงึ อธษิ ฐานขอ วัตรยง่ิ ยวดขนึ้ ไป เพือ่ บาํ เพญ็ บารมี ๑๐ใหบริบรู ณ. เราเลา เรียนพระสตู ร พระวนิ ยั และนวังคสตั ถุ-ศาสนทุกอยา ง ยังพระศาสนาของพระชนิ พทุ ธเจาใหงาม.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 581 เราอยอู ยางไมประมาทในพระศาสนานน้ั เจริญพรหมวิหารภาวนา ถึงฝง ในอภญิ ญา กไ็ ปสูพรหม-โลก. พระปสุ สพทุ ธเจา ผูแ สวงคณุ ยิ่งใหญ ทรงมีพระนครชือ่ กาสิกะ พระชนก พระนามวา พระเจาชยั เสน พระชนนพี ระนามวา พระนางสิริมา. พระองคทรงครองฆราวาสวิสยั อยูเกาพนั ป มีปราสาทชั้นเยีย่ ม ๓ หลัง ช่อื วา ครุฬะ หงั สะ สุวณั ณ-ดารา. มีพระสนมนารี สามหม่ืนสามพนั นาง พระอัครมเหสีพระนามวา พระนางกสี าโคตมี พระโอรสพระนามวา อานันทะ. พระผเู ปนยอดบุรุษ ทรงเหน็ นิมิต ๔ ทรงออกอภเิ นษกรมณดวยยานคือชาง ทรงบาํ เพ็ญเพียร ๗ วัน. พระมหาวรี ปสุ สพทุ ธเจา ผนู ําเลศิ แหงโลกผูสงู สุดในนรชน อนั ทา วมหาพรหมทูลอาราธนาแลวทรงประกาศพระธรรมจักร ณ ปา มคิ ทายวนั . พระปุสสพทุ ธเจา ผูแสวงคณุ ย่ิงใหญ มพี ระอคั รสาวกชื่อวา พระสุรักขติ ะ และ พระธมั มเสนะพระพทุ ธอุปฏฐาก ชอ่ื วา พระสภยิ ะ. มพี ระอคั รสาวิกาชอื่ พระจาลา และพระอุปจาลาโพธิพฤกษข องพระผมู พี ระภาคเจาพระองคนัน้ เรยี กวาตนอามลกะ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 582 มีอคั รอุปฏฐาก ซึ่งวาธนญั ชยะ และวสิ าขะ อคั รอปุ ฏ ฐายกิ าชอื่ วา ปทมุ า และสริ ินาคา. พระมหามุนพี ระองคนนั้ สงู ๕๘ ศอก ทรงงามเหมอื นดวงอาทิตย เต็มเหมอื นดวงจนั ทร. ในยคุ นั้น มนุษยมีอายเุ กา หมืน่ ป พระปุสส-พทุ ธเจา พระองคน้ัน ทรงมีพระชนมย นื ถงึ เพยี งนน้ัจงึ ทรงยงั ชนเปน อันมากใหข ามโอฆะ. พระศาสดาแมพ ระองคนน้ั ทรงสงั่ สอนสตั วเปน อนั มาก ยังชนเปน อันมากใหข า มโอฆะ พระองคทงั้ พระสาวก มีพระยศทไ่ี มม ใี ครเทียบ กย็ ังปร-ินพิ พาน. พระศาสดา ชินวรปสุ สพทุ ธเจา เสดจ็ ดบั ขันธ-ปรินิพพาน ณ พระวิหารเสนาราม พระบรมสารีริกธาตุก็แผกระจายไปเปน สว น ๆ ในประเทศนนั้ ๆ. จบวงศพ ระปสุ สพทุ ธเจา ที่ ๑๘
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 583 พรรณนาวงศพระปุสสพทุ ธเจาที่ ๑๘ ภายหลังตอ มาจากสมัยของพระผูมีพระภาคเจา ติสสะพระองคน ้ัน เมอ่ืมนษุ ยท้ังหลาย เสือ่ มลงโดยลําดับและเจรญิ ขึ้นอีก จนมีอายุมากหาประมาณไมได แลว กเ็ สอื่ มลงโดยลาํ ดบั จนมอี ายุไดเ กา หมื่นป ในกัปน้ันนนั่ เอง พระ-ศาสดาพระนามวา ปุสสะ กอ็ ุบัตขิ ึ้นในโลก พระผูม พี ระภาคเจา แมพ ระองคนั้น ทรงบาํ เพ็ญบารมที ้งั หลาย กบ็ งั เกดิ ในสวรรคช ั้นดุสติ จุติจากนัน้ แลว ก็ทรงถอื ปฏสิ นธิในพระครรภข อง พระนางสริ มิ าเทวี อคั รมเหสขี องพระเจาชัยเสนะ กรุงกาสี ถว นกาํ หนดทศมาส ก็ประสตู จิ ากพระครรภพ ระชนนี ณสิริมาราชอุทยาน พระองคทรงครองฆราวาสวสิ ัยอยเู กาพนั ป ไดยนิ วา ทรงมปี ราสาท ๓ หลัง ช่อื วา ครฬุ ปก ขะ หงั สะ และ สุวรรณภาระ. ปรากฏพระสนมกํานลั สามหมน่ื นาง มี พระนางกีสาโคตมี เปน ประมุข เมอื่ พระโอรสพระนามวา อนูปมะ ของ พระนางกสี าโคตมี ทรงสมภพ พระมหาบรุ ุษทรงเห็นนมิ ติ ๔ ก็ขึ้นทรงชางพระท่นี ่ังทป่ี ระดับแลวเสดจ็ ออกมหาภิเนษกรมณท รงผนวช ชนโกฏหิ นึ่งออกบวชตามเสด็จ พระองคอนั ภกิ ษเุ หลา นั้นแวดลอ มแลว ทรงบําเพญ็ เพยี ร ๖ เดอื น แตนั้น ก็ทรงละหมู ทรงเพมิ่ ความประพฤติแตล าํ พงั พระองคอยู ในวันวสิ าขบูรณมี เสวยขาวมธุปายาสที่ นางสริ วิ ัฑฒา ธิดาของเศรษฐผี หู นึง่ ณ นครแหง หนง่ึ ถวายทรงยับยงั้ พกั กลางวัน ณ ปา สสี ปาวนั เวลาเย็น ทรงรบั หญา ๘ กําทอ่ี ุบาสกช่อื สิรวิ ฑั ฒะ ถวาย เสดจ็ เขา ไปยงั โพธิพฤกษช่ือ อามลกะคือ ตน มะขามปอ ม ทรงกําจดั กองกาํ ลงั มาร พรอ มทัง้ ตวั มาร บรรลุพระสพั พญั ุตญาณทรงเปลงพระอุทานวา อเนกชาตสิ สาร ฯ เป ฯ ตณฺหาน ขยมชฺฌคายับยัง้ อยูใ กลต นโพธิพ์ ฤกษ ๗ วนั ทรงเห็นภกิ ษโุ กฏหิ นง่ึ ซ่ึงบวชกับพระองค
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 584เปนผูสามารถแทงตลอดธรรมไดจงึ เสดจ็ ไปทางอากาศ ลงท่ีอสิ ปิ ตนะมิคทายวันสังกสั สนคร ทรงประกาศพระธรรมจักร ทา มกลางภกิ ษเุ หลาน้นั ครั้งน้ันอภสิ มัยครงั้ ที่ ๑ ไดม ีแกส ตั วแ สนโกฏ.ิ ดว ยเหตนุ นั้ จึงตรัสวา ในมณั ฑกปั นน้ั น่นั เอง ไดมีพระศาสดาพระนาม วา ปุสสะ ผูยอดเย่ยี ม ไมมผี ูเปรียบ เสมอดว ยพระ- พทุ ธเจาผไู มมีผเู สมอ ผูนําเลศิ ของโลก. แมพ ระองค ทรงกาํ จดั ความมืดท้ังหมดแลวทรง สางรกชฏั ขนาดใหญ เมื่อทรงยังโลกท้ังเทวโลกใหอ่มิ ทรงหลั่งนา้ํ อมฤตใหตกลงมา. เมอื่ พระปสุ สพทุ ธเจา ทรงประกาศพระธรรมจักร ในสมัยนกั ขตั มงคล อภสิ มยั ครง้ั ที่ ๑ ก็ไดมีแกส ัตว แสนโกฏ.ิ แกอ รรถ บรรดาบทเหลานนั้ บทวา ตตฺเถว มณฑฺ กปปฺ มหฺ ิ ความวาในกัปใด มพี ระพทุ ธเจาทรงอุบตั ิ ๒ พระองค กปั นั้นเราเรยี กมาแตหนหลงั วามัณฑกัป. บทวา วิชเฏตวฺ า ไดแ ก แก. คาํ วา ชฏา ในคําวา มหาชฏน้ี เปน ชื่อของตัณหา ทา นกลาววา จริงอยตู ัณหาน้ัน ชื่อวา ชฏา เพราะเปน เหมือนชฏั กลา วคือขนมรา งแหทร่ี อ ยดวยกลุมดาย เพราะเกิดบอยๆ รอยไวดวยตัณหา เบอื้ งลางเบื้องบนในอารมณท ้งั หลายมีรูปเปน ตน ซ่ึงรกชัฏขนาดใหญนั้น. บทวา สเทวก ไดแก โลกทัง้ เทวโลก. บทวา อภิวสฺสิแปลวา ใหต กลงมาแลว. บทวา อมตมฺพนุ า ความวา เมอ่ื ใหอ ม่ิ จงึ หลง่ัน้ําคือธรรมกถา กลาวคืออมตธรรม ใหตกลงมา.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 585 คร้ัง พระเจา สริ ิวฑั ฒะ กรุงพาราณสี ทรงละกองโภคสมบตั ิใหญ ทรงผนวชเปน ดาบส ไดม ีดาบสทบ่ี วชกับพระองคจํานวนเกา ลานพระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงธรรมโปรดดาบสเหลาน้ัน ครั้งน้ัน อภิสมยั ครงั้ท่ี ๒ ไดม แี กสตั วเ กา ลา น สวนครง้ั ทรงแสดงธรรมโปรดอนปุ มกมุ าร พระโอรสของพระองค ธรรมาภิสมยั ครงั้ ที่ ๓ ไดม แี กส ตั วแ ปดลา น. ดวยเหตุน้นั จึงตรัสวา อภสิ มัยคร้งั ท่ี ๒ ไดมแี กส ตั วเกา ลาน อภสิ มยั คร้ังที่ ๓ ไดมแี กสตั วแปดลา น. แตน ้ัน สมัยตอมา พระสุรกั ขติ ะราชโอรส และธมั มเสนกุมาร บตุ รปุโรหิต ณ กัณณกชุ ชนคร เม่อื พระปสุ สสมั มาสมั พุทธเจา เสด็จถึงนครของตนก็ออกไปรบั เสดจ็ พรอ มดวยบรุ ษุ หกลา น ถวายบงั คมแลว นมิ นตถ วายมหาทาน๗ วัน สดบั ธรรมกถาของพระทศพลแลว เลอ่ื มใส พรอมกบั บรวิ ารก็พากนั บวชแลวบรรลพุ ระอรหัต. พระผูมีพระภาคเจา ทรงยกปาตโิ มกขข น้ึ แสดง ทามกลางภิกษหุ กลา นเหลา น้นั นนั้ เปน สันนิบาตครั้งท่ี ๑. ตอ มาอกี พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงพทุ ธวงศ ในสมาคมพระญาตปิ ระมาณหกสิบ ของพระเจาชยั เสน กรงุ กาสี ชนหาลานฟง พทุ ธวงศน ัน้ พากันบวชดว ยเอหิภิกขบุ รรพชา แลวบรรลพุ ระอรหตั พระผูมีพระภาคเจาทรงอยูในทามกลางภิกษุเหลาน้ัน ทรงยกปาติโมกขข้ึนแสดง. น้นั เปน สนั นบิ าตครัง้ ท่ี ๒.ตอมาอีก บุรษุ สล่ี า นฟงมงคลกถาในมหามงคลสมาคมพากนั บวชแลว บรรลุพระอรหตั พระสคุ ตเสด็จอยูในทา มกลางภกิ ษุเหลา นั้น ทรงยกปาตโิ มกขขน้ึแสดง นั้น เปน สนั นิบาตคร้ังท่ี ๓. ดวยเหตนุ ้นั จงึ ตรัสวา
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 586 พระปสุ สพุทธเจา ผแู สวงคุณยิง่ ใหญ ทรงมี สันนบิ าตประชุมพระสาวกขีณาสพ ผไู รม ลทิน มจี ิต สงบ คงที่ ๓ ครงั้ . ประชุมพระสาวกหนึ่งลา น เปนสันนิบาตครงั้ ที่ ๑ ประชมุ พระสาวกหาลาน เปนสันนิบาตครัง้ ที่ ๒. ประชุมพระสาวก ผหู ลดุ พนเพราะไมยึดมัน่ ผู ขาดปฏิสนธิแลว สลี่ า น เปน สันนบิ าตคร้ังท่ี ๓. ครัง้ น้ัน พระโพธิสตั วของเรา ทรงเปน กษัตริยพระนามวา พระเจาวชิ ิตาวี นครอรินทมะ ทรงสดับธรรมของพระปุสสพทุ ธเจาพระองคน ั้น ทรงเลือ่ มใสในพระผูมพี ระภาคเจา ถวายมหาทานแดพระองค ทรงละราชสมบัติใหญทรงผนวชในสํานักพระผูมีพระภาคเจา ทรงเรยี นพระไตรปฎ กทรงพระไตรปฏ ก ตรสั ธรรมกถาแกมหาชน และทรงบาํ เพญ็ ศลี บารมี พระปสุ ส-พุทธเจาแมพ ระองคน น้ั กท็ รงพยากรณพระโพธสิ ตั วน ้ันวา จักเปนพระพทุ ธเจาดว ยเหตุนั้น จึงตรัสวา สมัยนั้น เราเปน กษัตริยน ามวา วิชิตาวี ละราช- สมบัตใิ หญ บวชในสํานกั ของพระองค. พระปุสสพุทธเจา ผนู ําเลศิ แหงโลกพระองคน ้ัน ทรงพยากรณเ ราวา เกาสิบสองกปั นปั แตกัปน้ี ทา นผู น้จี กั เปน พระพทุ ธเจา. พระตถาคตทรงตั้งความเพียร ฯ ล ฯ เพือ่ บาํ เพญ็ บารมี ๑๐ ใหบ ริบูรณ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 587 เราเลา เรียนพระสตู ร พระวนิ ยั และนวงั คสัตถ-ุ ศาสนท งั้ หมด ยังพระศาสนาของพระชนิ พุทธเจาให งาม. เราอยอู ยา งไมประมาท ในพระศาสนาน้นั เจริญ พรหมวิหารภาวนา ถึงฝง แหงอภญิ ญากไ็ ปสพู รหม- โลก. พระผูมพี ระภาคเจา พระองคน้ัน ทรงมีพระนครชื่อวา กาสี พระชนกพระนามวา พระเจา ชัยเสน พระชนนพี ระนามวา พระนางสิรมิ า คพู ระอัครสาวกชอ่ื วา พระสรุ กั ขิตะ และ พระธมั มเสนะ พระพุทธอปุ ฏ ฐากชือ่ วาพระสภยิ ะ คูพระอคั รสาวกิ า ช่ือวา พระจาลา และ พระอปุ จาลา โพธิ-พฤกษช อื่ วา อามลกะ คอื ตน มะขามปอม พระสรรี ะสงู ๕๘ ศอก พระชนมายุเกาหมนื่ ป พระอัครมเหสีพระนามวา พระนางกีสาโคตมี พระโอรสพระนามวา พระอนปุ มะ เสด็จออกอภิเนษกรมณดว ยยานคือชาง. ดว ยเหตนุ ้ัน จึงตรัสวา พระปุสสพุทธเจา ผแู สวงคุณยงิ่ ใหญ มีพระนคร ชื่อกาสี พระชนกพระนามวาพระเจาชยั เสน พระชนนี พระนามวา พระนางสริ ิมา ฯ ล ฯ โพธพิ ฤกษข องพระ ผมู พี ระภาคเจาพระองคน้นั เรยี กวาอามณั ฑะ ตน มะขามปอม ฯ ล ฯ . พระมุนแี มพระองคน ั้นสงู ๕๘ ศอก งามเหมือน ดวงอาทิตย เต็มเหมอื นดวงจนั ทร. ในยคุ น้นั มนุษยม อี ายเุ กา หมน่ื ป พระปุสส- พุทธเจา พระองคน นั้ เมอื่ ทรงพระชนมถ ึงเพยี งนัน้ จึง ทรงยังหมูช นเปนอันมากใหขามโอฆะ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 588 พระศาสดา แมพ ระองคน ั้น ทรงสั่งสอนสัตว เปนอันมาก ใหช นเปน อนั มากขา มโอฆะ พระองคทงั้ พระสาวก มีพระยศที่ไมม ีผเู ทยี บ กย็ งั ปรนิ พิ พาน. แกอ รรถ บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา อามณโฺ ฑ๑ แปลวา ตนมะขามปอม.บทวา โอวทติ ฺวา ไดแ ก ใหโอวาท อธบิ ายวา พราํ่ สอน. บทวา โสปสตฺถา อตลุ ยโส ความวา พระศาสดา ผูมีพระยศทช่ี ่งั มไิ ด แมพระองคน ้ัน. ปาฐะวา โส ชหติ วฺ า อมิตยโส ดังนีก้ ม็ ี ปาฐะนน้ั มีความวา พระองคจําตอ งละคณุ วเิ ศษดังกลาวแลว ทุกอยา ง. ไดยินวา พระปุสสสมั มาสมั พุทธเจา ดับขนั ธปรินิพพาน ณ พระวหิ ารเสนาราม กรุงกสุ นิ ารา ไดยนิ วา พระบรมสารีริกธาตุของพระองคแผก ระจายไป. ในคาถาท่เี หลอื ทกุ แหงชดั แลว ทัง้ นั้นแล. จบพรรณนาวงศพระปสุ สพทุ ธเจา๑. บาลเี ปน อามลโก
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 589 ๑๙. วงศพระวปิ ส สีพุทธเจา ๑๙ วา ดวยพระประวัติของพระวปิ สสีพุทธเจา [๒๐] ตอ จากสมยั ของพระปุสสพุทธเจา พระ- สมั พุทธเจาพระนามวา วิปส สี ผสู งู สุดแหง สัตวส อง เทา พระผมู ีจักษุ กท็ รงอบุ ัตขิ นึ้ ในโลก. ทรงทาํ ลาย กะเปาะไขค อื อวชิ ชา๑ บรรลพุ ระสมั - โพธิญาณ เสด็จไปกรุงพันธุมดี เพอ่ื ประกาศพระ ธรรมจกั ร. พระผนู ํา ทรงยังพระโอรส และ บตุ รปุโรหิตทง้ั สองใหต รัสรู อภสิ มยั ครั้งที่ ๑ กลาวไมไ ดถ ึงจํานวน ผูตรัสรูธรรม. ตอ มาอีก พระผมู ีพระยศหาประมาณมิได ทรง ประกาศสัจจะ ณ เขมมคิ ทายวนั น้นั อภสิ มยั ครัง้ ที่ ๒ ไดม แี กสัตวแปดหมืน่ ส่ีพัน. บรุ ุษแปดหมื่นส่ีพนั บวชตามเสด็จพระสัมพุทธ- เจา พระผมู พี ระจักษุทรงแสดงธรรมโปรดบรรพชิต เหลา นั้นที่มาถงึ พระอาราม. บรรพชติ แมเหลา นั้น ฟง ธรรมของพระองค ซงึ่ ตรสั ประทานโดยอาการทง้ั ปวง กบ็ รรลุธรรมอนั ประเสริฐ อภิสมัยคร้งั ท่ี ๓ กไ็ ดมแี กบ รรพชิตเหลาน้นั .๑. อรรถกถาวา อวชิ ชาทง้ั ปวง
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 590 พระวิปสสพี ุทธเจา ผูแสวงคุณย่ิงใหญ ทรงมีสันนบิ าตประชมุ พระสาวกขีณาสพ ผไู รม ลทนิ มจี ติสงบ คงท่ี ๓ ครง้ั . ประชุมพระสาวกแสนแปดหม่นื หกพนั เปนสนั -นิบาต คร้ังท่ี ๑ ประชุมพระสาวกแสนหน่ึงเปน สันน-ิบาตครงั้ ท่ี ๒. ประชมุ พระสาวกแปดหมนื่ เปนสนั นบิ าตคร้ังที่๓ พระสัมพุทธเจาทรงรงุ โรจนอ ยทู ามกลางหมภู ิกษุ ณเขมมคิ ทายวนั น้ัน. สมยั นัน้ เราเปนพญานาค ชือ่ วา อตุละ มีฤทธ์ิมากมีบญุ ทรงรศั มรี งุ โรจน แวดลอมดว ยนาคหลายโกฏิบรรเลงดนตรที ิพย เขาไปเฝา พระผเู จรญิ ทส่ี ุดในโลก. ครั้นเขาเฝาแลว ก็นิมนตพระวปิ สสีสมั พุทธเจา พระพทุ ธเจา แมพ ระองคน ้ัน ประทับนง่ั ทามกลางสงฆ ทรงพยากรณเราวา เกาสิบเอด็ กปั นปั แตก ัปนี้ ทา นผูนจ้ี กั เปน พระพุทธเจา. พระตถาคตออกอภเิ นษกรมณ จากกรุงกบิลพัสดุอันนา รน่ื รมย ทรงต้ังความเพยี ร ทาํ ทุกกรกริ ิยา. พระตถาคต ประทบั นั่งทีโ่ คนตน อชปาลนโิ ครธทรงรับขาวมธปุ ายาสแลว เสด็จเขา ไปยงั แมนา้ํ เนรัญ-ชรา.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 591 พระชนิ เจา พระองคน ั้น เสวยขา วมธุปายาสที่ริม ฝง แมน า้ํ เนรญั ชรา เสดจ็ ดาํ เนินตามทางอันดที ่เี ขาจัดแตงไว เขา ไปยังโคนโพธพิ ฤกษ. แตน้ัน พระผูม ีพระยศใหญ ทรงทาํ ประทกั ษณิโพธิมณั ฑสถานอนั ยอดเยย่ี ม ตรัสรู ณ โคนโพธิพฤกษ ช่ืออสั สตั ถะ. ทา นผนู ี้จักมพี ระชนนพี ระนามวา พระนางมายาพระชนกพระนามวา พระเจาสุโธทนะ ทานผูน้ีจกั มีพระนามวา โคตมะ. จกั มีพระอัครสาวก ช่อื วา พระโกลติ ะ และ พระอปุ ตสิ สะ ผูไมมอี าสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตงั้มั่น พระพทุ ธอุปฏ ฐาก ช่ือวา พระอานนั ทะ จกั บํารงุพระชินเจา ผนู ้ี. จกั มอี คั รสาวิกา ช่อื วา พระเขมา และ พระอุบล-วรรณา ผไู มม อี าสวะ ปราศจากราคะ มจี ิตสงบตง้ั มั่น โพธิพฤกษของพระผมู ีพระภาคเจา พระองคนน้ัเรียกวาตน อัสสตั ถะ. อัครอุปฏฐาก ชื่อวา จติ ตะ และ หัตถะอาฬวกะอคั รอปุ ฏฐายิกา ชอ่ื วา นันทมาตา และ อุตตรา พระ-โคดมผูม พี ระยศพระองคน ั้น มพี ระชนมายุ ๑๐๐ ป. มนษุ ยแ ละเทวดาทั้งหลาย ฟง พระดาํ รัสน้ีของพระวปิ ส สีพุทธเจา ผไู มมีผูเสมอ ผูแสวงคุณย่ิงใหญ กป็ ลาบปลื้มใจวา ทา นผนู เ้ี ปน หนอ พทุ ธางกูร.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 592 หมื่นโลกธาตุ ทัง้ เทวโลก ก็โหร อ ง ปรบมือหัวรอรา เริง ประคองอญั ชลีนมัสการ กลา ววา ผิวา พวกเราพลาดพระศาสนาของพระโลกนาถพระองคน ไ้ี ซร ในอนาคตกาล พวกเรากจ็ กั อยูตอ หนาของทานผนู ้ี. มนษุ ยท้งั หลาย เมอื่ ขามแมน ้าํ พลาดทา น้าํ ขา งหนา ก็ถือเอาทา นา้ํ ขา งหลงั ขามแมน ํ้าใหญ ฉันใด. พวกเราท้งั หมด ผวิ า ผา นพนพระชินพทุ ธเจาพระองคน ไ้ี ซร ในอนาคตกาล พวกเรากจ็ กั อยูต อ หนาของทานผูน้ี ฉันน้ัน. เราฟง พระดาํ รสั ของพระองคแลว ก็ย่ิงมจี ติ เลื่อมใส จงึ อธษิ ฐานขอวัตรย่ิงยวดข้ึนไป เพื่อบาํ เพ็ญบารมี ๑๐ ใหบ ริบรู ณ. พระวิปสสพี ุทธเจา ผูแสวงคุณยง่ิ ใหญ ทรงมี พระนคร ช่ือวาพนั ธมุ ดี พระชนกพระนามวา พระเจาพนั ธุมะ พระชนนพี ระนามวา พระนางพันธุมดี. พระองคทรงครองฆราวาสวิสยั อยูแ ปดพันป มีปราสาทช้ันเยย่ี ม ๓ หลงั ชื่อวา นันทะ สนุ ันทะ และสิริมา มีพระสนมกาํ นัลทีแ่ ตง กายงามสีห่ มืน่ สามพนั นางมีพระอคั รมเหสพี ระนามวา พระนางสทุ ัสสนา [สตุ นู]มพี ระโอรสพระนามวา พระสมวฏั ฏขันธะ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 593 พระชนิ พทุ ธเจา ทรงเห็นนมิ ิต ๔ ทรงออกอภ-ิเนษกรมณด วยยานคอื รถ ทรงตง้ั ความเพียร ๘ เดือนเตม็ . พระมหาวรี ะ วิปสสี ผนู ําโลก สูงสุดในนรชนอันทาวมหาพรหมทลู อาราธนาแลว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ มคิ ทายวนั . พระวปิ สสพี ุทธเจา ผแู สวงคุณยิง่ ใหญ ทรงมีพระอคั รสาวกชื่อวา พระขัณฑะ และ พระตสิ สะ พระพทุ ธอปุ ฏฐาก ชือ่ วาพระอโสกะ. มพี ระอัครสาวกิ าชือ่ วา พระจนั ทา และ พระจนั ท-มติ ตา โพธิพฤกษของพระผมู ีพระภาคเจาพระองคน้ันเรยี กวา ตนปากลี. มีอคั รอปุ ฏ ฐากชื่อวา ปุนพั พสุมิตตะ และนาคะมีอัครอปุ ฏ ฐายกิ า ชื่อ สริ ิมา และอุตตรา. พระวิปส สพี ุทธเจา ผนู ําโลก สงู ๘๐ ศอกพระรัศมีของพระองคแ ผซา นไปโดยรอบ ๗ โยชน. ในยุคนน้ั มนษุ ยม อี ายแุ ปดหม่นื ป พระพุทธเจามพี ระชนมย ืนตลอดกาลเทา นน้ั จงึ ทรงยังหมชู นเปนอนั มากใหข า มโอฆะ. ทรงเปลื้องเทวดาและมนษุ ยจากเครอื่ งผูก และทรงบอกปุถชุ นนอกน้นั ถงึ ทางและมใิ ชท าง.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ที่ 594 พระองคท ้งั พระสาวก คร้ันแสดงแสงสวางแลวจึงทรงแสดงอมตบท รุงเรอื งแลว กด็ บั ขันธปรินพิ พานเหมอื นกองไฟลกุ โพลงแลว ดับฉะนน้ั . พระวรฤทธ์อิ นั เลิศ พระบุญญาธกิ ารอันประเสรฐิพระวรลกั ษณอันบานเต็มทีแ่ ลว ท้ังส้ินนั้น ก็อนั ตรธานไปสนิ้ สังขารทัง้ ปวงกว็ างเปลา แนแ ท. พระวิปสสีพทุ ธเจา ผเู ลิศในนรชน ทรงเปน วรี -บรุ ุษเสด็จดบั ขันธปรินพิ พาน ณ พระวหิ ารสมุ ิตตารามพระวรสถปู ของพระองค ณ พระวิหารนั้น สูง ๗ โยชน. จบวงศพ ระวปิ ส สพี ทุ ธเจา ท่ี ๑๙
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนา ท่ี 595 พรรณนาวงศพ ระวิปสสีพทุ ธเจาที่ ๑๙ ภายหลงั ตอ มาจากสมยั ของ พระปสุ สพุทธเจา กปั นัน้ พรอมทง้ัอนั ตรกัปลวงไป ในเกาสบิ เอด็ กัปนัปแตกัปน้ไี ป พระศาสดาพระนามวาวิปส สี ผเู ห็นแจงในธรรมทั้งปวง ทรงทราบกปั ทง้ั ปวง ทรงมีความดาํ ริยินดีแตป ระโยชนข องสตั วอ่นื อุบตั ิขน้ึ ในโลก. พระองคทรงบาํ เพ็ญบารมีท้ังหลายและบังเกิดในภพสวรรคช ้นั ดุสติ อนั เปนทรี่ งุ โรจนด ว ยแสงซา นแหง รตั นะมณีเปนอนั มาก จตุ จิ ากน้นั แลว กท็ รงถอื ปฏสิ นธิในพระครรภข อง พระนางพนั ธมุ ดี อคั รมเหสีของ พระเจา พันธุมะ ผมู ีพระญาติมาก กรงุ พนั ธมุ ดีถว นกําหนดทศมาส พระองคก ็ประสตู ิจากพระครรภพระชนนี ณ เขมมคิ -ทายวนั เหมอื นดวงจันทรเพญ็ ออกจากกลบี เมฆสเี ขยี วคราม ในวนั รบั พระ-นามของพระองคโ หรผูท ํานายลักษณะ และพระประยูรญาตทิ ั้งหลาย แลเห็นพระองคห มดจด เพราะเวนจากความมดื ทเี่ กิดจากกระพรบิ ตา ในระหวางๆ ท้งักลางวนั ท้งั กลางคนื จึงเฉลิมพระนามวา วิปสสี เพราะเห็นไดดวยตาทเี่ ปด แลวอาจารยบ างพวกกลา ววา หรอื พระนามวา วิปสสี เพราะพึงวิจัยคน หายอ มเห็นพระองคท รงครองฆราวาสวิสยั อยแู ปดพนั ป ทรงมีปราสาท ๓ หลงั ช่ือวา นันทะสนุ นั ทะและสริ ิมา มีพระสนมกํานัลแสนสองหม่ืนนาง มพี ระนางสุทสั สนาเทวีเปน ประมขุ . พระนางสุทัสสนา เรยี กกันวา พระนางสตุ นู ก็มี. ลว งไปแปดพันป เมอ่ื พระโอรสของพระนางสตุ นูเทวี พระนามวาทรงสมภพ พระองคก ็ทรงเห็นนิมติ ๔ จึงเสดจ็ ออกมหาภเิ นษ-กรมณ ดวยรถเทียมมา ทรงผนวช บุรษุ แปดหมน่ื สีพ่ นั คน ออกบวชตามเสดจ็ พระมหาบรุ ุษน้นั อันภิกษเุ หลานนั้ แวดลอ มแลว ทรงบําเพ็ญเพยี ร ๘
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 596เดอื น ในวันวสิ าขบรู ณมเี สวยขา วมธปุ ายาส ท่ี ธิดาสทุ ัสสนเศรษฐี ถวายทรงพกั กลางวัน ณ สาลวนั ที่ประดับดวยดอกไม ทรงรับหญา ๘ กาํ ทีค่ นเฝา ไรขา วเหนียวชือ่ สชุ าตะ ถวาย ทรงเหน็ โพธิพฤกษช อ่ื วา ปาฏลี คือตนแคฝอย ทีอ่ อกดอก จงึ เสด็จเขา ไปยงั โพธิพฤกษนั้น ทางทิศทกั ษิณ วนั น้ันลาํ ตนอันเกลากกลมของตนปาฏลีน้นั ชะลูดข้นึ ไป ๕๐ ศอก กง่ิ ๕๐ ศอก สูง๑๐๐ ศอก วันนั้นนั่นเอง ตนปาฏลนี ้ัน ออกดอกดารดาษไปหมดทัง้ ตน เริ่มแตโคนตน ดอกท้งั หลายมกี ล่นิ หอมอยา งยิง่ เหมอื นผูกไวเปนชอ มใิ ชปาฏลีตน น้ีตนเดียวเทาน้ัน ท่ีออกดอกในเวลานั้น ตน ปาฏลที ง้ั หมดในหมน่ื จักรวาล ก็ออกดอกดว ย มิใชต น ปาฏลอี ยางเดยี วเทานน้ั แมไมต นไมกอและไมเ ถาทงั้หลายในหม่ืนจกั รวาลก็ออกดอกบาน. แมม หาสมทุ ร กด็ ารดาษไปดว ยปทมุบวั สาย อุบล และโกมทุ ๕ สี มนี ้าํ เย็นอรอ ย ระหวา งหมน่ื จกั รวาลท้งั หมดก็เกลอื่ นกลน ไปดวยธงและมาลัย พ้ืนแผน ธรณีอกั ตกแตง ดวยดอกไมกล่ินหอมนานาชนิด กเ็ กลื่อนกลน ดวยพวงมาลัย มืดมวั ไปดว ยจุรณแหงธปู พระองคเสดจ็ เขา ไปยังตนปาฏลีนัน้ ทรงลาดสนั ถัตหญากวา ง ๕๓ ศอก ทรงอธษิ ฐานความเพียรประกอบดว ยองค ๔ ประทบั น่งั ทาํ ปฏิญาณวา ยงั ไมเปน พระพทุ ธ-เจา เพยี งใด กจ็ ะไมย อมลกุ จากทีน่ ี้เพียงนน้ั ครน้ั ประทบั นั่งอยางน้ีแลว ทรงกาํ จดั กองกําลังมาร พรอ มท้ังตวั มาร ทรงทาํ มรรคญาณ ๔ โดยลาํ ดับมรรคผลญาณ ๔ ในลาํ ดับตอ จากมรรค ปฏสิ มั ภิทา ๔ จตโุ ยนปิ ริจเฉทกญาณญาณเครื่องกําหนดรูคติ ๕ เวสารชั ชญาณ ๔ อสาธารณญาณ ๖ และพระพทุ ธคุณทั้งสิน้ ไวในพระหตั ถ ทรงมคี วามดํารบิ ริบรู ณ ประทับนงั่ เหนอื โพธบิ ัลลังกนน่ั เอง ทรงเปลง พระอทุ านอยางนวี้ า
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 597อเนกชาติส สาร ฯ ล ฯ ตณหฺ าน ขยมชฺฌคา.อโยฆนหตสเฺ สว ชลโต ชาตเวทโสอนปุ ุพฺพูปสนฺตสฺส ยถา น ายเต คต.ิใครๆ ยอ มไมร ูคติ ความไปของดวงไฟ ทีล่ กุโพลง ถูกฟาดดวยคอนเหล็ก แลวสงบลงโดยลําดบัฉนั ใด.เอว สมฺมา วมิ ุตตฺ าน กามพนฺโธฆตารินปฺ าเปตุ คตี นตฺถิ ปตฺตาน อจล สขุ .ไมมีใครจะลว งรคู ตคิ วามไป ของทานผูหลุดพนโดยชอบ ผขู ามพันธะและโอฆะ คอื กาม ผูถ ึงสุขอนัไมหวน่ั ไหวไดก็ฉนั น้ัน.ทรงยบั ยัง้ อยู ๗ สปั ดาห ใกลโ พธพิ ฤกษน นั่ เอง ทรงรบั อาราธนาของทาวมหาพรหม ทรงตรวจดอู ปุ นิสสัยสมบตั ิ ของ พระขัณฑกมุ าร กนษิ ฐภาดาตา งพระมารดาของพระองค และ ตสิ สกุมาร บตุ รปโุ รหติ เสด็จไปทางอากาศ ลงท่ี เขมมิคทายวนั ทรงใชพ นักงานเฝา อุทยานไปเรยี กทานท้งั สองนนั้ มาแลว ทรงประกาศพระธรรมจกั ร ทา มกลางบริวารเหลานัน้ คร้งั นั้นธรรมาภิสมัยไดแกเทวดาทง้ั หลาย ประมาณมไิ ด. ดว ยเหตุนั้น จงึ ตรสั วาตอ จากสมยั ของพระปสุ สพทุ ธเจา พระสมั พทุ ธ-เจาพระนามวา วิปส สี ผูส ูงสุดแหงสตั วส องเทา ผมู ีจกั ษุ กอ็ ุบัติขึน้ ในโลก.ทรงทาํ ลาย อวิชชาท้ังหมด๑ บรรลุพระโพธ-ิญาณอันสงู สดุ เสดจ็ ไปยงั กรุงพันธุมดี เพ่อื ประกาศพระธรรมจักร.๑. บาลีวา อวิชฺชณฺฑ กะเปาะไขคืออวชิ ชา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย พุทธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 598 พระผนู ํา ครัน้ ทรงประกาศพระธรรมจกั รแลว ยงั กุมารท้ังสองใหตรสั รูแ ลว อภิสมยั ครง้ั ท่ี ๑ ไมจาํ ตองกลา วจํานวนผูบรรลุ. แกอ รรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา ปทาเลตวฺ า แปลวา ทาํ ลาย อธบิ ายวาทาํ ลายความมืดคอื อวชิ ชา. ปาฐะวา วตฺเตตฺวา จกกฺ มาราเม ดังนีก้ ม็ ีปาฐะนน้ั บทวา อาราเม ความวา ณ เขมมิคทายวนั . บทวา อุโภ โพเธสิไดแ ก ทรงยังกมุ ารทงั้ สองคอื พระขัณฑราชโอรส กนษิ ฐภาดาของพระองคและตสิ สกมุ าร บุตรปโุ รหิต ใหต รสั ร.ู บทวา คณนา น วตฺตพโฺ พความวา ไมมีการกําหนดจํานวนเทวดาและมนษุ ยท ้ังหลาย โดยอภิสมยั . สมัยตอมา ทรงยงั ภิกษแุ ปดหมนื่ ส่ีพนั ซึง่ บวชตามพระขัณฑราช-โอรส และตสิ สกมุ ารบตุ รปุโรหิตใหด ม่ื อมฤตธรรม นน้ั เปน อภสิ มัยครั้งท่ี ๒ดว ยเหตนุ ้ัน จงึ ตรสั วา ตอ มาอีก พระผมู พี ระยศประมาณมิได ทรง ประกาศสจั จะ ณ เขมมคิ ทายวันนั้น อภิสมัยครงั้ ที่ ๒ ไดมแี กส ัตวแ ปดหมนื่ ส่พี ัน. แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ตตถฺ ไดแก ณ เขมมคิ ทายวนั ในคาํ วา จตุราสีติสหสฺสานิ สมพฺ ทุ ฺธมนุปพฺพชุ น้ี บรุ ุษท่ีนบั ไดแ ปดหมืน่ สี่พนั เหลา น้ี กค็ อื พวกบุรุษที่รบั ใชพ ระวิปส สกี มุ ารนนั่ เอง บรุ ษุ เหลานน้ั ไปยังท่ีรับใชพระวปิ ส สีกมุ ารแตเชา ไมเห็นพระกุมาร กก็ ลบั ไปเพ่ือกนิ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาท่ี 599อาหารเชา กินอาหารเขาแลว ถามกันวา พระกุมารอยูไ หน แตน น้ั ไดฟงขา ววา เสด็จไปยงั ท่รี าชอทุ ยาน จึงพากนั ออกไปดว ยหวังวาจักพบพระองค ณทรี่ าชอทุ ยานน้นั เห็นสารถขี องพระองคกลบั มา ฟงวาพระราชกุมารทรงผนวชแลว กเ็ ปลอื้ งอาภรณทัง้ หมดในท่ีฟงขา วนน่ั เอง ใหน าํ ผากาสายะมาจากภายในตลาด ปลงผมและหนวดพากนั บวช บุรษุ เหลาน้นั คร้ันบวชแลว กพ็ ากนั ไปแวดลอมพระมหาบรุ ุษ. แตน ้ัน พระวปิ ส สีโพธิสตั ว ทรงพระดํารวิ า เราเมอื่ จะบําเพ็ญความเพียร ยงั คลกุ คลอี ยู ขอ นไี้ มส มควร คนเหลา น้ี แตกอ น เปน คฤหัสถก็พากันมาแวดลอ มเราอยางนัน้ ประโยชนอ ะไรดวยคนหมูน้ี ทรงระอาในการคลุกคลีดวยหมู ทรงพระดํารวิ า จะไปเสียวนั น้แี หละ ทรงพระดําริอกี วา วันนีย้ งั ไมใชเ วลา ถาเราจกั ไปในวนั นี้ คนเหลา นน้ั จกั รกู นั หมด พรุงนีจ้ ึงจักไป ในวันนน้ั นนั่ เอง มนษุ ยช าวบาน ในบา นตาํ บลหนง่ึ เชน เดยี วกับอรุ เุ วลคาม ไดจัดแจงขาวมธปุ ายาสอยางเดยี ว เพอ่ื บรรพชิตแปดหมื่นส่ีพนั เหลาน้นั และ พระ-มหาบรุ ุษ. ในวนั รุงข้ึน เปน วันวิสาขบรู ณมี พระวปิ สสมี หาบรุ ุษ เสวยภตั ตาหารกับชนทบ่ี วชเหลา นั้นในวันนั้นแลว ก็เสด็จไปยังสถานทปี่ ระทบั อยู ณ ที่นน้ับรรพชิตเหลา นั้น แสดงวัตรปฏบิ ัติแดพระมหาบรุ ุษแลว ก็พากนั เขาไปยังสถานท่ีอยูก ลางคืนและทพ่ี กั กลางวันของตนๆ. แมพ ระโพธิสัตว ก็เสด็จเขาไปสบู รรณศาลา ประทับน่งั ทรงพระดําริวา น้เี ปน เวลาเหมาะที่จะออกไปได จงึ เสดจ็ ออกอภเิ นษกรมณ ทรงปดประตูบรรณศาลา เสด็จบายพระพักตรไ ปยังโพธมิ ณั ฑสถาน นยั วา บรรพชติ เหลานน้ั เวลาเยน็ ก็พากันไปยังทป่ี รนนิบัตพิ ระโพธสิ ัตว น่งั ลอ มบรรณศาลา กลาววา วกิ าลมดื คํ่าแลว ตรวจกนั ดูเถิด จึงเปด ประตูบรรณศาลากไ็ มพบพระองค
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย พทุ ธวงศ เลม ๙ ภาค ๒ - หนาที่ 600คดิ กันวา พระมหาบรุ ษุ เสดจ็ ไปไหนหนอ ยงั ไมพากันติดตาม คิดแตว าพระมหาบุรษุ เหน็ ทจี ะเบอ่ื การอยูเปน หมู ประสงคจ ะอยูแตล ําพงั เราจะพบพระองคเ ปน พระพุทธเจา เทา นนั้ จึงพากันออกจารกิ มงุ หนาไปภายในชมพทู วปีลําดับน้ัน บรรพชิตเหลา น้ันฟง ขาววา เขาวา พระวปิ สสถี งึ ความเปนพระพุทธเจาแลว ประกาศพระธรรมจักร จึงประชมุ กันทีเ่ ขมมิคทายวัน กรุงพนั ธุมดีราชธานี โดยลําดบั . แตน้ัน พระผมู ีพระภาคเจากท็ รงแสดงธรรมโปรดบรรพชิตเหลานนั้ ครัง้ น้นั ธรรมภสิ มัย ไดม ีแกภ ิกษแุ ปดหมืน่ ส่พี นั นน้ั เปนอภสิ มยั คร้งั ท่ี ๓. ดว ยเหตุน้นั จงึ ตรสั วา บรุ ุษแปดหมน่ื สี่พัน บวชตามเสด็จพระวิปสสี สัมพุทธเจา พระผูมีจักษุทรงแสดงธรรมโปรดบรรพ- ชิตเหลานัน้ ซ่ึงมาถงึ อาราม. บรรพชิตแมเ หลานน้ั ฟงธรรมของพระองค ซ่ึง ตรสั ประทาน โดยอาการทั้งปวง ก็บรรลุธรรมอัน ประเสริฐ อภสิ มัยครั้งที่ ๓ กไ็ ดม แี กบ รรพชิตเหลา- น้นั . แกอรรถ ในคําวา จตรุ าสตี สิ หสฺสานิ สมฺพทุ ฺธ อนุปพพฺ ชุ นี้ ในคาถานัน้ พงึ ทราบวา ทานทําเปน ทตุ ิยาวภิ ัตติวา สมพฺ ทุ ธฺ โดยประกอบนคิ คหติไว ความวา บวชภายหลงั พระสมั พุทธเจา พงึ ถือลกั ษณะตามศัพทศาสตรปาฐะวา ตตฺถ อารามปตตฺ าน ดังนก้ี ม็ ี. บทวา ภาสโต แปลวา ตรัสอยู.บทวา อุปนสิ าทิโน ความวา ผเู สดจ็ ไปประทานธรรมทานถามอปุ นสิ สัย !เตป ไดแ ก บรรพชิตนับไดแปดหมน่ื สี่พันเหลา น้ัน เปน ผรู บั ใชพระวปิ สสี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 753
Pages: