ปThรaะiวlaัตnิศdา:สAตรS์ไhทoยrtฉHบiับsสtoังrเyขป การแปลนไี้ ดร้ ับอนุญาตจากเจา้ ของลขิ สิทธิ์แลว้ ลิขสิทธิ์ภาษาไทยเปน็ ของมูลนธิ ิโครงการต�ำ ราสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ ผ้เู ขียน : เดวดิ เค. วัยอาจ บรรณาธกิ าร : กาญจนี ละอองศรี คณะผแู้ ปล : ชาญวิทย์ เกษตรศิริ / กาญจนี ละอองศรี / ชนิดา เผือกสม ภาวรรณ เรอื งศลิ ป์ / วรางคณา นพิ ทั ธ์สุขกจิ / อภริ าดี จันทรแ์ สง กณั ฐกิ า ศรอี ดุ ม / พีรศรี โพวาทอง / วลิ ลา วิลัยทอง มรกต เจวจนิ ดา ไมยเออร์ / โสภา ชานะมูล โคล พมิ พ์ครัง้ แรก : มกราคม 2556 จำ�นวนพิมพ์ : 3,000 เล่ม ราคา : 500 บาท ออกแบบปกและรปู เล่ม : DREAM CATCHER GRAPHIC CO., LTD. Tel. 0 2455 3932, 0 2455 3995 ISBN : 978-616-7202-38-9 จดั พมิ พโ์ ดย มูลนธิ โิ ครงการต�ำ ราสงั คมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ The Foundation for The Promotion of Social Science and Humanities Textbooks Project 413/38 ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพฯ 10700 โทร/โทรสาร 0 2433 8713 413/38 Arun-amarin Road, Bangkoknoi, Bangkok, Siam 10700 Tel./Fax. 0 2433 8713 http://www.textbooksproject.com | http://www.textbooksproject.org มลู นิธโิ ตโยตา้ ประเทศไทย Toyota Thailand Foundation 186/1 หมู่ 1 ถนนทางรถไฟเก่า ต.ส�ำ โรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมทุ รปราการ 10130 โทรศพั ท์ 0 2386 1393-5 โทรสาร 0 2386 2880 186/1 Moo 1 Old Railway Road, T. Samrong Tai, A. Prapadaeng, Samutprakan 10130 Tel. 0 2386 1393-5 Fax. 0 2386 2880 ศนู ย์หนงั สือจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ถนนพญาไท เขตปทุมวนั กรุงเทพฯ 10330 โทร. 0 2218 9872 โทรสาร 0 2254 9495 Call Center (จดั สง่ ทั่วประเทศ) โทร. 0 2255 4433 http://www.chulabook.com ร้านค้าติดตอ่ แผนกขายสง่ สาขารัตนาธเิ บศร์ (แยกแคราย) โทร. 0 2950 5408-9 โทรสาร 0 2950 5405 ผ้จู ดั จ�ำ หนา่ ย
สารบญั ภาพประกอบ (8) ตาราง (11) ค�ำ น�ำ ในการตีพิมพฉ์ บบั ที่ 2 (12) คำ�นำ�ในการตีพิมพฉ์ บบั ท่ี 1 (13) ประวัตศิ าสตราจารย์ เดวิด เค. วัยอาจ (17) ค�ำ น�ำ ของบรรณาธกิ าร (21) บทท่ี 1 เบอื้ งแรกประวัตศิ าสตร์ไท-ไต 2 หม่บู ้านและเมืองของคนไท-ไต 11 น่านเจ้า 18 แผ่นดินใหญ่เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต ้ 23 ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 9 และ 10 บทท่ี 2 คนไท-ไตและอาณาจักรโบราณต่างๆ 29 ทวารวดี 30 บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศรี (3)
เมืองพระนครและคนไท-ไต 37 นครโยนก ณ แม่น�ำ้ โขงตอนบน 43 โลกของคนไท-ไตใน พ.ศ. 1743 (1200) 48 บทท่ี 3 ศตวรรษของคนไท-ไต 52 พ.ศ. 1762-1893 (1219-1350) 57 อาณาจกั รล้านนา 69 ชาวสยาม สโุ ขทยั และภาคใต ้ บทท่ี 4 อยธุ ยาและเพื่อนบ้าน 89 พ.ศ. 1893-2112 (1351*-1569) 92 อยุธยาผงาด 112 ลา้ นนารงุ่ เรอื ง 128 กำ�เนิดล้านชา้ ง-หลวงพระบาง 129 กษัตรยิ ์สากล สงครามสากล บทที่ 5 ราชอาณาจักรอยธุ ยา 154 พ.ศ. 2112-2310 (1569-1767) อยธุ ยา พมา่ และชาวตะวันตก 155 ลา้ นนาในหว้ งแหง่ ความวนุ่ วาย 187 อยธุ ยา : ท่มี าแหง่ ความแข็งแกร่งและไร้เสถียรภาพ 193 พมา่ และโลกของคนไท-ไต 207 บทที่ 6 กรุงรตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ 218 พ.ศ. 2310-2394 (1767-1851) 219 การรอื้ ฟน้ื ราชอาณาจกั รของพระเจา้ ตากสนิ (4) ประวัตศิ าสตร์ชาติไทยฉบบั สงั เขป
สยามยคุ ใหมใ่ นรชั กาลท่ี 1 232 ช่วงสงบท่ามกลางวิกฤต : สมยั รัชกาลที่ 2 263 พ.ศ. 2352-2367 (1809-1824) รัชกาลที่ 3 : นกั อนุรักษ์หรอื นกั ปฏริ ูป 274 บทท่ี 7 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าฯ 308 และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ ฯ พ.ศ. 2394-2453 (1851-1910) การปฏริ ูปอยา่ งระมดั ระวัง 309 ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ ฯ พระเจา้ แผน่ ดนิ องคใ์ หม่ปะทะกับพวก “หัวโบราณ” 325 อ�ำ นาจภายในกบั การท้าทายจากภายนอก 344 จากการปฏริ ูปสูก่ ารเป็นสมยั ใหม ่ 360 สยามใน พ.ศ. 2453 (1910) 369 บทที่ 8 ก�ำ เนิดลทั ธชิ าตินิยมชนชน้ั น�ำ 392 พ.ศ. 2453-2475 (1910-1932) 394 พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ ฯ กบั ชาตไิ ทย 416 เจ้าชวี ิตพระองค์สุดทา้ ย บทที่ 9 อำ�นาจทหาร พ.ศ. 2475-2500 (1932-1957) 437 ช่วงต้นสมัยรฐั ธรรมนญู 441 ลัทธชิ าตนิ ิยมของจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม 455 และสงครามโลกคร้ังท่ี 2 พ.ศ. 2481-2487 (1938-1944) ระหวา่ งสงครามรอ้ นกับสงครามเยน็ 471 บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (5)
รัฐบาลจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม สมัยท่ี 2 483 พ.ศ. 2491-2500 (1948-1957) บทที่ 10 การพัฒนาและการปฏิวัติ 502 พ.ศ. 2500-2525 (1957-1982) 505 ความขดั แยง้ ในลกั ษณะทวลิ ักษณ ์ 521 ของระบอบสฤษด์ิ 529 ใต้เงอื้ มเงาของสงครามเวียดนาม 540 พ.ศ. 2506-2516 (1963-1973) ราคาทางสังคมและการเมืองของการพฒั นา การปฏวิ ัติและปฏกิ ิริยา พ.ศ. 2516-2519 (1973-1976) บทท่ี 11 การเร่มิ ต้นใหม ่ 552 พ.ศ. 2519-2545 (1976-2002) 552 ความลงั เลและความไม่แน่นอน 562 พ.ศ. 2519-2523 (1976-1980) 572 ความมั่นคงและความมงั่ คั่ง 575 ในทศวรรษ 1980 (2523-2532) วกิ ฤตการณ ์ พ.ศ. 2534-2535 (1991-1992) สมัยประชาธปิ ไตยยง่ิ กว่า ภาคผนวก 580 ภาคผนวก ก รายนามกษัตรยิ ์สุโขทัย 581 ภาคผนวก ข รายนามกษัตริยล์ ้านนา เชยี งใหม่ และน่าน 581 ภาคผนวก ค รายนามกษัตริยอ์ ยุธยา ธนบรุ ี และ กรุงเทพฯ 584 (6) ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทยฉบับสังเขป
ภาคผนวก ง รายนามนายกรัฐมนตรขี องประเทศไทย 587 พ.ศ. 2475-ปจั จบุ ัน (1932-) คำ�แนะน�ำ ในการอา่ นเพ่มิ เติม 589 ดัชนี 609 มูลนิธิโตโยตา้ ประเทศไทย 632 รายนามคณะกรรมการมูลนิธโิ ตโยต้าประเทศไทย 633 รายนามคณะกรรมการบรหิ ารมลู นธิ ิโตโยตา้ ประเทศไทย 634 กจิ กรรมของมลู นิธิโตโยต้าประเทศไทย 635 คำ�แถลงมูลนธิ ิโครงการตำ�ราสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร ์ 637 รายนามคณะกรรมการบริหารมูลนธิ ิโครงการต�ำ รา 640 สงั คมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (7)
ภาพประกอบ ตัวยอ่ WLB ภาพจากวลิ เลียม แอล บรดั เลย์ FAD ภาพจากกรมศลิ ปากร ประเทศไทย PVE ภาพจากเพนนี วนั เอสเตอริค DKW ภาพจากเดวดิ เค. วัยอาจ DSW ภาพจากดคั ลาส เอส วยั อาจ CUL ภาพจากหอสมดุ มหาวทิ ยาลยั คอร์แนล ภาชนะบ้านเชยี งยุคปลาย สมบตั ขิ องเอกชน 7 กรงุ เทพฯ (PVE) ใบเสมาสมัยทวารวดี (ประมาณครสิ ต์ศตวรรษท่ี 6-9) 34 จากเมอื งฟา้ แดดสงยาง จงั หวัดกาฬสินธ์ุ (DKW) พระพทุ ธรปู สำ�ริด (FAD) 83 ภาพการสถาปนากรงุ ศรีอยธุ ยา ภาพเขียนของชาวไทยใน 98 ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 ในพิพิธภัณทสถานแหง่ ชาติ กรุงเทพฯ (FAD) พระธาตุเจดยี ห์ ลวง เชยี งใหม่ บูรณะใหมเ่ ม่ือ พ.ศ. 2543 122 (2000) (DSW) สงครามยทุ ธหัตถีทห่ี นองสาหร่าย ภาพจิตรกรรมในสมัย 161 ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 19 (FAD) พระนารายณ์ทรงรว่ มสงั เกตปรากฏการณจ์ นั ทรุปราคาร่วม 178 กับคณะบาทหลวงเยซอู ิตชาวฝรงั่ เศส และขุนนาง สยาม ใน พ.ศ. 2228 (1685) (CUL) (8) ประวัตศิ าสตร์ชาติไทยฉบับสังเขป
ภาพเมอื งในกรุงเทพฯ ช่วงตน้ คริสตศ์ ตวรรษที่ 19 (DKW) 275 “ผดู้ ีชาวสยามก�ำ ลงั บอกจดหนังสอื ราชการ” (WLB) 317 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั ประทบั บน 322 พระเสลี่ยงเสดจ็ พระราชดำ�เนนิ สูว่ ัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธ)์ิ พ.ศ. 2408 (1865) (WLB) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั และสมเดจ็ เจา้ ฟ้า 324 จฬุ าลงกรณ์ พระราชโอรส พ.ศ. 2408 (1865) (WLB) สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุรยิ วงศ์ (ช่วง บุนนาค) 326 พ.ศ. 2408 (1865) (WLB) ระบบการศาลภายใต้สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต 357 ประมาณ พ.ศ. 2443 (1900) (FAD) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั 388 เสดจ็ ออกมหาสมาคม ทพี่ ระราชวัง ในพระนครศรอี ยธุ ยา (FAD) พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว เสด็จประทบั ยนื 398 บนเรือประพาส (FAD) พฤติกรรมไมเ่ หมาะสมของตำ�รวจในสมยั รชั กาลที่ 7 430 (DKW) สมาชกิ ฝ่ายทหารในกลุ่มคณะราษฎรในการปฏิวัติของไทย 438 พ.ศ. 2475 (1932) (FAD) จอมพล ป. พบิ ลู สงครามผู้นำ�ในช่วงสงครามโลกครัง้ ที่ 2 464 กำ�ลงั ประดับยศใหน้ ายทหาร (FAD) นายกรัฐมนตรี ควง อภัยวงศ์ กล่าวค�ำ ปราศรัย 481 ตอ่ สาธารณชน (FAD) กบฏแมนฮัตตัน พ.ศ. 2491 (1951) เรอื หลวงศรอี ยธุ ยา 489 ถกู กองทพั อากาศโจมตี (FAD) บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (9)
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวภมู พิ ลอดลุ ยเดชฯ 512 และนายกรัฐมนตรี จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ (FAD) 545 การปฏวิ ตั ิ 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 (1973) ฝงู ชนท่ีชุมนุม กันท่อี นสุ าวรีย์ประชาธปิ ไตยซึง่ สร้างขนึ้ เพ่อื เป็น 564 อนสุ รณก์ ารปฏวิ ัติ พ.ศ. 2475 (1932) (FAD) สหาย 561 กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย แผนที่ แผนท่ลี ักษณะกายภาพทั่วๆ ไป (28) เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ภาคพื้นทวปี 24 ในชว่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ 9-10 กลมุ่ เมืองทวารวดี 31 อาณาจักรโบราณ : เมอื งพระนครและพุกาม 47 ใน พ.ศ. 1743 (1200) รัฐสำ�คัญๆ ของคนไท-ไต ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 133 โลกของคนไท-ไตประมาณ พ.ศ. 2083 (1540) การบุกรกุ ของกองทพั พมา่ ใน พ.ศ. 2135-36 (1592-93) 160 และสงครามยทุ ธหัตถที ีห่ นองสาหร่าย การลกุ รุกของกองทัพพม่าใน พ.ศ. 2306-2310 (1763-67) 213 การบกุ รุกของกองทพั พมา่ ใน พ.ศ. 2328 (1785) 241 กรุงรตั นโกสนิ ทร์ สมยั รชั กาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2352 (1809) 258 การเสยี ดนิ แดนของไทย พ.ศ. 2328-2452 (1785-1909) 361 แผนท่ีประเทศไทยปัจจุบนั 506 (10) ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทยฉบับสังเขป
ตาราง ความช่วยเหลอื ทางเศรษฐกจิ และทางทหารของสหรฐั 517 อเมรกิ าต่อประเทศไทย พ.ศ. 2501-2510 (1958-1967) 535 ลำ�ดับของสนิ คา้ สง่ ออกท่สี ำ�คัญๆ 536 พ.ศ. 2504-2521 (1961-1978) 565 ระดับการศกึ ษา พ.ศ. 2480-2523 (1937-1980) 569 จำ�นวนประชากรท้ังหมดในประเทศไทย 571 พ.ศ. 2453-2543 (1910-2000) จำ�นวนประชากรในเมือง พ.ศ. 2490-2543 (1947-2000) ล�ำ ดบั ของสินคา้ ส่งออกท่สี �ำ คัญๆ พ.ศ. 2521-2544 (1978-2001) บรรณาธกิ าร : กาญจนี ละอองศรี (11)
คำ�นำ�ในการตพี มิ พ์ฉบบั ที่ 2 ผมใช้เวลา 20 ปีในการแก้ไขหนังสือเล่มน้ี และผมก็เขลาท่ี หลงเช่ือวา่ จะมีจดุ จบ หรือมีหัวเลย้ี วหัวตอ่ อนั มหัศจรรยเ์ กดิ ขนึ้ แต่ กาลเวลาเช่นนนั้ ก็หาบังเกิดมขี ึน้ ไม่ ผมได้ทำ�แผนท่โี ดยใช้คอมพิวเตอรใ์ หมท่ ัง้ หมด และตดั ตอน สว่ นใหญข่ องหนงั สอื ออก เพอ่ื ทจี่ ะไดม้ เี นอ้ื ทเี่ พม่ิ ส�ำ หรบั บทสรปุ ใหมๆ่ ในชว่ งเวลานน้ั ผมเปน็ หนบ้ี ญุ คณุ เพม่ิ ขนึ้ มากมาย ผมตอ้ งขอ ขอบคุณอย่างยงิ่ ตอ่ ม.ร.ว. รุจยา อาภากร อาจารยอ์ รุณรตั น์ วิเชยี ร เขยี ว คณุ ตรสั วนิ จติ ตเิ ดชารกั ษ์ ผมยงั เปน็ หนต้ี อ่ อาลนี ตอ่ บตุ รชาย ของเรา และเพ่ือนๆ เกา่ อีกหลายต่อหลายคน จริ ะนนั ท์ พิตรปรชี า ทาเกโกะ อีนุมา กมลา ติยะวนิช ทามารา ลูส์ เบทซี เชอร์เมอร์ ฮอร์น และ เทเรซา โซบสี ซซ์ คี ดร. อดมั ลอว์ และ ดร. เดวิด ชเวด คงจะร้ดู วี ่า ทำ�ไมผมถงึ ขอบคุณท่านอกี ครั้ง เดวิด เค. วัยอาจ ลานซงิ นิวยอร์ก ธนั วาคม 2545 (2002) (12) ประวตั ิศาสตร์ชาติไทยฉบับสงั เขป
คำ�นำ�ในการตพี ิมพ์ฉบบั ที่ 1 ความพยายามที่จะประมวลระยะเวลาหลายพันปีลงไว้ใน หนังสือไม่ก่ีร้อยหน้านั้น เสมือนกับความพยายามท่ีจะสัมผัสสาระ สำ�คัญของรูปประติมากรรมด้วยภาพถ่ายเพียงภาพเดียว ในเกือบ ทุกหน้าของหนังสอื เล่มน้ี อาจจะนำ�ไปขยายต่อด้วยผลงานของนกั วิชาการอกี หลายๆ รุ่น อยา่ งไรก็ดี หนังสอื เล่มนี้ต้งั เป้าหมายไปยัง ผ้อู ่านท่วั ๆ ไป ผู้ท่ีได้พฒั นาความสนใจของตนตอ่ ประเทศไทย ไม่ วา่ จะด้วยเหตผุ ลใดๆ กต็ าม และก็ตอ่ นกั ศึกษาท่เี พ่งิ จะเริม่ ต้น และ ตอ่ ผอู้ า่ นเชน่ วา่ นี้ กลไกอนั ใหญห่ ลวงตา่ งๆ ทางวชิ าการ พรอ้ มดว้ ย เมฆหมอกของการอา้ งองิ เชงิ อรรถ วา่ ดว้ ยหลกั ฐานไทย กบั หนงั สอื เล่มโตๆ อันลำ�้ ลึก อาจจะไม่จ�ำ เปน็ และอาจสร้างความสับสนข้ึนได้ นักศกึ ษาทีส่ นใจประเทศไทยอย่างจรงิ จงั คงจะทราบดถี งึ หลกั ฐาน ทผ่ี มไดใ้ ชใ้ นการท�ำ งานนี้ หรอื อาจจะไดร้ บั การชน้ี �ำ จาก “ค�ำ แนะน�ำ ใน การอา่ นเพม่ิ เตมิ ” ในตอนทา้ ยของหนงั สอื การตงั้ เปา้ ใหป้ ระวตั ศิ าสตร์ เลม่ นเ้ี พอื่ ผอู้ า่ นทวั่ ๆ ไปนนั้ ผมเชอื่ มนั่ วา่ เพอ่ื นรว่ มงานทางวชิ าการ คงไมค่ ดิ ว่าผมได้เพิกเฉยตอ่ พวกเขา เพ่ือนคนหน่ึงของผมเสนอว่าผมจะทำ�ได้ดีกว่า หากจะจัด บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศรี (13)
โครงสร้างของหนังสือเล่มนี้ให้แปลกออกไป คือ เขียนเป็นแต่ละ บทๆ ว่าด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจของแต่ละยุคแต่ละสมัย ฯลฯ ถ้า ผมทำ�เช่นนั้น หนังสือเล่มน้ีก็คงยาวข้ึนอีกหลายเท่าจากขนาดเล่ม น้ี แต่ผมก็เลือกที่จะถักร้อยอย่างมีศิลปะเท่าท่ีผมจะสามารถทำ�ได้ ทำ�ให้สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแกนเรื่องอย่างกว้างขวางหลากหลาย ผ่าน กรอบของลำ�ดับเหตุการณ์พ้ืนฐาน หัวข้อแต่ละหัวข้อผุดข้ึนมาเม่ือ มีความจำ�เป็นท่ีจะต้องกล่าวถึง และสำ�หรับชาวไร่ชาวนาผู้ต่ำ�ต้อย ผมก็เกรงว่าจะโผล่ออกมาจากเงามืดก็เพียงบางครั้งบางคราว ใน ช่วงหลายต่อหลายศตวรรษท่ีเราพดู ถงึ กนั ผมหวังว่า หลายๆ ข้อบกพร่องที่ยังคงมีอยู่ในหนังสือเล่มนี้ กม็ าจากตวั ผมนน่ั เอง หาไดม้ าจากนามของหลายๆ ทา่ นทผี่ มอา้ งองิ ในการเขยี นครง้ั นไ้ี ม่ ตลอดเวลา 20 ปที ผ่ี า่ นมา ผมไดค้ วามคดิ ความ เหน็ ขอ้ มูล ขอ้ เสนอแนะ และแม้แต่ความบนั ดาลใจ จากเพอื่ นสนิท มติ รสหายจ�ำ นวนมาก คนพเิ ศษจ�ำ นวนหนงึ่ ไดก้ ลายเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ทพ่ี รอ้ มเสมอทจ่ี ะชว่ ยเหลอื แมว้ า่ ผมจะไดพ้ บปะกนั แตล่ ะครงั้ กส็ าม ถงึ หา้ ปี กม็ ี ดร. ขจร สุขพานิช ผลู้ ่วงลับไปแล้ว เปน็ หนึง่ ในจ�ำ นวน น้ี ทเี่ ปน็ ทง้ั เพอื่ นทด่ี ี ทง้ั คนดี ทพ่ี รอ้ มจะถกเถยี งดว้ ย ตรี อมาตยกลุ ประพฒั น์ ตรณี รงค์ และ กลุ ทรัพย์ เกษแม่นกิจ กพ็ รอ้ มชว่ ยเหลอื อยเู่ สมอๆ ชารลส์ คายส์ เอ โทมสั เคอรส์ และลอรสิ ตนั ชาร์ป ได้ ให้ความละเอียดอ่อนทางด้านมานษุ ยวิทยากับผม นิธิ เอียวศรวี งศ์ เปน็ ผู้ติดตอ่ กนั ทางจดหมาย เป็นแหลง่ ข้อมูลมีคา่ และช่วยกระต้นุ เตอื นทางปญั ญาอยา่ งดยี ิ่ง มีบางทา่ นกใ็ ห้ผมอา่ นงานเขยี น ทแ่ี มจ้ ะ ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ และในเร่ืองนี้ ผมก็เป็นหนี้ต่อเชสเตอร์ กอร์ แมน ผู้ลว่ งลบั ไปแล้ว ผมไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งมากจากนกั ศกึ ษาระดบั บณั ฑติ ของผม โดย เฉพาะอยา่ งยงิ่ แมจ้ ะไมท่ งั้ หมด กค็ อื ผทู้ เี่ รยี นทางดา้ นประวตั ศิ าสตร์ (14) ประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทยฉบับสังเขป
ไทย วทิ ยานพิ นธโ์ ทและเอกของนกั ศกึ ษาเหลา่ นน้ั กอ็ ยบู่ นหง้ิ หนงั สอื ของผม ดา้ นหนงึ่ ก็เพราะผมภมู ใิ จศิษย์เหลา่ นน้ั แต่ในอกี ด้านหน่งึ กเ็ พราะผมใชม้ นั อยเู่ ปน็ ประจ�ำ และรายชอื่ กถ็ กู จดั ไวใ้ นบรรณานกุ รม ทา้ ยเลม่ นี้ และนก่ี ร็ วมถงึ ศษิ ยเ์ กา่ ของสามสถาบนั ทผ่ี มไดม้ โี อกาสไป สอน ทงั้ School of Oriental and African Studies มหาวทิ ยาลยั ลอนดอน มหาวิทยาลยั มชิ ิแกน และมหาวทิ ยาลัยคอรแ์ นล เม่ือเรา พูดและถกเถียงกันและกัน สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ปีแล้วปีเล่า ก็ เป็นการยากย่งิ ทีจ่ ะจดจ�ำ กันไดว้ ่า ใครเปน็ คนเริ่มข้นึ กอ่ น ความคิด ไหน แนวคิดใหม่ๆ แนวไหน ที่จะใช้มองปรากฏการณ์อันสลับซับ ซอ้ นนั้นๆ ผมเป็นหนีต้ ่อบรรดาเขาและเธอทั้งหมด มีผู้คนจำ�นวนหนึ่งท่ียอมเสียเวลากับความยุ่งยาก ช่วยอ่าน ชว่ ยใหค้ วามเห็น ท้ังบางส่วนและทัง้ เล่มของหนังสอื น้ี แอนโทนี ดิล เลอร์ ชว่ ยเหลอื โดยเฉพาะในดา้ นปญั หาภาษาศาสตร์ ไฮแรม วดู๊ เวริ ด์ กบั ลอรเ์ รน เกสคิ ชว่ ยบางประเดน็ ของประวตั ศิ าสตรย์ คุ ตน้ สว่ นค�ำ วจิ ารณต์ อ่ งานเขยี นนที้ งั้ เลม่ มาจากเครก็ เรยโ์ นลด์ นธิ ิ เอยี วศรวี งศ์ เบนจามิน แบตสัน เดวดิ แชนเลอร์ และ รู๊ธ แมคเวย์ ทงั้ หลายท้งั ปวงขอใหค้ วามชนื่ ชมเปน็ พเิ ศษ และกไ็ มใ่ ชค่ วามผดิ พลาดของทา่ น ท้งั หลายเหลา่ นนั้ ที่หนังสือเลม่ นจ้ี ะไม่ดไี ปกว่าน้ี งานเขยี นหนงั สอื เลม่ นเ้ี รมิ่ ดว้ ยเมอ่ื ไดร้ บั ทนุ ผอู้ าวโุ ส จากกองทนุ แห่งชาติสำ�หรับมนุษยศาสตร์ ระหว่าง พ.ศ. 2519-17 (1973-74) และผมกเ็ ปน็ หนบ้ี ญุ คณุ ทไ่ี ดร้ บั การสนบั สนนุ ตลอดจนทงั้ ความชว่ ย เหลือจากโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยคอร์แนล ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ หอสมดุ มหาวทิ ยาลยั กบั หอ้ งรวบรวมเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ จอหน์ เอ๊กโคลส์ ส�ำ หรบั ภาพประกอบนนั้ ไดม้ าโดยยากยง่ิ เกนิ กวา่ ความคาด หมายของผม เพอื่ นเกา่ ๆ สามคนไดช้ ว่ ยเหลอื เปน็ พเิ ศษ คอื กลุ ทรพั ย์ บรรณาธกิ าร : กาญจนี ละอองศร ี (15)
เกษแมน่ กจิ ทเ่ี ปน็ ตวั แทนของหอสมดุ แหง่ ชาติ ประเทศไทย กบั กรม ศลิ ปากร รวมทงั้ เพเนโลป วนั เอสเตอรคิ กบั วลิ เลยี ม บรดั เลย์ สว่ น แผนท่ีก็วาดข้ึนด้วยความชำ�นิชำ�นาญ ต้องตามความประสงค์ของ ผมเป็นอยา่ งยิ่ง โดยสเตฟานนี สว่ นดกั ลาส แอนดรู และเจมส์ วยั อาจ ได้ช่วยกู้ภัยให้ผมคร้ังแล้วคร้ังเล่า ให้พ้นจากความประหลาด พสิ ดารลกึ ล�ำ้ ของคอมพวิ เตอร์ โดยเฉพาะการใชซ้ อฟตแ์ วรน์ านเปน็ แรมปี และผมก็เป็นหน้ีกับร้านคอร์แนลซาวอยยาร์ด ทีมงานแห่ง ชวี ติ เพอ่ื นดๆี สองสามคนทใ่ี หก้ �ำ ลงั ใจ ความสม�่ำ เสมอ และรอยยม้ิ เดวดิ เค. วยั อาจ อิธากะ นวิ ยอรก์ ตลุ าคม 2524 (1981) (16) ประวตั ิศาสตร์ชาติไทยฉบบั สังเขป
ประวัติของศาสตราจารยเ์ ดวดิ เค. วยั อาจ พ.ศ. 2480-2549 (1937-2006) ศ. เดวดิ เค. วยั อาจ หรอื ที่รู้จกั กนั ดใี นนามของ อาจารยว์ ัย อาจน้ัน เป็นนักประวัติศาสตร์คนสำ�คัญของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ เช่ียวชาญประวตั ศิ าสตร์ไทย และเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ท่านเกดิ เมอ่ื 21 กันยายน พ.ศ. 2480 (1937) เป็นอาจารยป์ ระจ�ำ มหาวิทยา ลยั คอรแ์ นล มลรฐั นวิ ยอรก์ ระหวา่ ง พ.ศ. 2512-2545 (1969-2002) ทา่ นเคยเปน็ คณบดคี ณะประวตั ศิ าสตร์ และเปน็ ผอู้ �ำ นวยการโครงการ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ หนงั สอื ของทา่ น คอื Thailand: A Short History หรอื ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยฉบบั สงั เขป นน้ั ถอื ไดว้ า่ เปน็ ผล งานชนิ้ เยย่ี มสดุ ของทา่ น อาจารยว์ ยั อาจทง้ั อา่ นและพดู ภาษาไทยได้ คลอ่ งแคลว่ ตามแบบฉบบั ของนกั วชิ าการ “อาณาบรเิ วณศกึ ษา” ที่ ควรจะรู้ดีอยา่ งน้อยสามภาษา บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (17)
อาจารยว์ ยั อาจ เกดิ ในมลรฐั แมสซาชเู ซต แตไ่ ปเตบิ โตในมลรฐั ไอโอวา ทา่ นเรยี นจบปรญิ ญาตรดี า้ นปรชั ญา จากมหาวทิ ยาลยั ฮาวารด์ เมอ่ื พ.ศ. 2502 (1959) อายุได้ 22 ปี และเรยี นต่อทีม่ หาวิทยาลัย บอสตัน กับมหาวิทยาลัยคอร์แนล จนได้ปริญญาโทและเอก ทาง ด้านประวัติศาสตร์ ใน พ.ศ. 2503 (1960) และ 2509 (1966) ตาม ลำ�ดับ วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของท่านเกี่ยวกับการปฏิรูปสยาม ในสมยั รชั กาลที่ 5 เรอ่ื งของการเมอื งการปกครองในราชส�ำ นกั ของ สมัยน้นั ตลอดจนเร่ืองราวของตระกูลขุนนางส�ำ คญั ๆ เช่น บุนนาค เร่อื ง Thailand: The Politics of Reform ไดร้ ับการตีพมิ พ์ เม่ือ พ.ศ. 2512 (1969) ซงึ่ ท�ำ ใหท้ า่ นไดร้ บั ชื่อเสยี งมาก อาจารย์วัยอาจ แตง่ งานกบั Arlene Wilson มีบุตรและธิดาดว้ ยกนั 3 คน และมี หลาน 5 คน ถึงแม้ว่าก่อนจะได้รับปริญญาเอก อาจารย์วัยอาจก็ได้เร่ิม อาชพี สอนหนงั สอื แลว้ โดยเรมิ่ ที่ School of Oriental and African Studies มหาวทิ ยาลยั ลอนดอน จนกระทงั่ พ.ศ. 2511 (1968) ทา่ นก็ ยา้ ยไปประจำ�อยู่ทมี่ หาวทิ ยาลัยมิชิแกนหนึง่ ปี ก่อนที่จะไปประจ�ำ ที่ คอร์แนล นับตง้ั แต่ พ.ศ. 2512 (1969) อาจารยว์ ยั อาจปว่ ยดว้ ยโรค MS (multiple sclerosis) ตงั้ แต ่ พ.ศ. 2538 (1995) แตท่ า่ นกม็ จี ติ ใจเขม้ แขง็ ยงั ท�ำ งานสอน งานเขยี น งานพูด ตลอดจนการเดนิ ทาง (ด้วยรถเขน็ ) ไปมาระหว่างสหรัฐฯ กบั อษุ าคเนย์ ไทย ลาว พม่า อยู่ตลอดเวลา ในบน้ั ปลายชีวิต เมอ่ื พ.ศ. 2548 (2005) ในวัยที่รู้ดีว่าจะต้องละสังขาร ท่านได้บริจาค หนงั สอื ท้งั หมด จากหอ้ งสมุดสว่ นตัวของทา่ นใหก้ ับโครงการเอเชีย ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ของมหาวทิ ยาลยั โอไฮโอ หนงั สอื นนั้ มจี �ำ นวนถงึ 15,000 เลม่ ส่วนใหญ่เปน็ เรอื่ งไทยศกึ ษา เปน็ ภาษาไทย เกีย่ วกบั เรอื่ งของรชั กาลท่ี 5 เรอ่ื งพงศาวดาร จดหมายเหตุ ตลอดจนหนงั สอื (18) ประวัตศิ าสตรช์ าติไทยฉบับสังเขป
งานศพท่ีหายาก อาจารย์วัยอาจ จากวงวิชาการและพวกเราไป ณ เมืองอิธา กะ นิวยอร์ก โดยมีศรีภริยาอาลีน ผู้อยู่เคียงข้างสามีผู้เจ็บป่วยมา ถงึ 7 ปี อยขู่ า้ งเตยี งในยามสุดทา้ ย เมือ่ 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2549 (2006) รวมอายไุ ด้ 69 ปี ในสยามประเทศไทย ลูกศิษย์ลูกหา และมิตรสหายของ อาจารย์วยั อาจ ได้จดั งานไว้อาลัยใหท้ า่ นเมือ่ 30 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2549 (2006) โดยมสี มาคมจดหมายเหตไุ ทย ส�ำ นกั หอจดหมายเหตุ แหง่ ชาติ และสมาคมประวตั ศิ าสตรใ์ นพระราชปู ถมั ภฯ์ เปน็ เจา้ ภาพ “รำ�ลึกคุณูปการศาสตราจารย์เดวิด วัยอาจ” ในภาคเช้า เป็นพิธี ถวายสงั ฆทาน ณ วดั มกฏุ กษตั รยิ าราม กรงุ เทพฯ ภาคบา่ ย เปน็ การ เสวนา “ศ. เดวดิ วยั อาจ กับประวตั ศิ าสตร์ และจดหมายเหตุไทย” โดย แถมสขุ นุ่มนนท,์ ชาญวทิ ย์ เกษตรศิร,ิ สเุ นตร ชุตนิ ทรานนท,์ จริ ะนนั ท์ พติ รปรชี า, ธวชั ชยั ตง้ั ศริ วิ านชิ , กณั ฐกิ า ศรอี ดุ ม และ สมฤทธิ์ ลือชัย ในตา่ งเวลา และตา่ งโอกาสเดียวกันน้ี ทกั ษ์ เฉลิมเตียรณ ผู้ อ�ำ นวยการโครงการเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ มหาวทิ ยาลยั คอรแ์ นล กล่าวว่า “แมจ้ ะเกษยี ณไปแลว้ และยามเจบ็ ปว่ ย เดวดิ กย็ งั คงทง้ั เขยี น ทง้ั บรรยาย ทงั้ น�ำ ทางใหน้ กั ศกึ ษา ทา่ นเปน็ แมแ่ บบและความบนั ดาล ใจให้เราทง้ั หลาย ทัง้ ปวง” ธงชยั วนิ จิ จะกลู แหง่ มหาวทิ ยาลยั วสิ คอนซนิ กลา่ วในท�ำ นอง เดียวกนั วา่ “ตอ่ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เดวดิ วยั อาจ เปน็ เสมอื น ด.ี จ.ี อ.ี ฮอลล์ ตอ่ ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ทา่ นท�ำ ใหส้ าขาวชิ าน้มี ี ความสำ�คัญขึน้ มา” บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (19)
“เดวิด วัยอาจ เป็นอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ปราศจากท่าน ประวตั ศิ าสตร์ไทยคงมาไม่ได้ไกลเทา่ น้”ี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ศิษยไ์ ทยคนแรกของอาจารย์วัยอาจ ณ มหาวทิ ยาลัยคอร์แนล กล่าว “ท่านคือเสาหลักของไทย และอษุ าคเนย์ศกึ ษา” จิระนันท์ พิตรปรชี า ศิษย์ไทยคนสดุ ทา้ ย ณ มหาวทิ ยาลัย คอร์แนล รำ�พงึ ปิดท้าย ศษิ ยค์ นแรก ณ คอรแ์ นล อิธากะ นิวยอร์ก 12 สงิ หาคม 2555 (2012) หนังสือแนะนำ� - The Politics of Reform in Thailand (1969) - Thailand: A Short History (1984, 2003) - Siam in Mind (2002) - ต�ำ นานพนื้ เมอื งเชยี งใหม่ (รว่ มกบั อรณุ รตั น์ วเิ ชยี รเขยี ว) (20) ประวตั ิศาสตร์ชาติไทยฉบบั สงั เขป
ค�ำ น�ำ ของบรรณาธกิ าร ในหมู่นักวชิ าการชาวตา่ งประเทศทีศ่ ึกษาประวัตศิ าสตร์ของ ประเทศไทย นามของ เดวดิ เค. วยั อาจ (David K. Wyatt) มคี วาม สำ�คัญย่ิง เทา่ ๆ กบั นามของ ด.ี จ.ี อี. ฮอลล์ (D. G. E. Hall) และ ยอร์ช เซเดส์ (George Cedès) ผศู้ กึ ษาประวัติศาสตร์เอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ ในโลกภาษาองั กฤษ และภาษาฝรั่งเศสตามล�ำ ดบั ซงึ่ ทง้ั สามท่านลว้ นมสี านุศิษย์อย่ใู นวงวิชาการเกอื บจะทวั่ โลก หนงั สอื Thailand: A Short History ของ เดวดิ เค. วยั อาจ เมื่อแปลเปน็ ชื่อภาษาไทยคอื ประวตั ิศาสตรไ์ ทยฉบับสังเขป ซึ่งไม่ ตรงตวั กบั ชอื่ ในภาษาองั กฤษนกั แตน่ นั่ เปน็ เพราะไดร้ บั การบอกเลา่ อยา่ งยนื ยนั จากศษิ ยข์ อง เดวดิ เค. วยั อาจ คนแรก ณ มหาวทิ ยาลยั คอรแ์ นลว่า อาจารยว์ ยั อาจตงั้ ใจจะเลยี นช่ือ พงศาวดารฉบบั สังเขป ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสังเขป เป็นการนำ�เสนอเร่ืองราวใน ประวัติศาสตร์ของดินแดนประเทศไทย ในลกั ษณะ “ประวตั ศิ าสตร์ บรรณาธกิ าร : กาญจนี ละอองศร ี (21)
ชว่ งยาว” (l’ histoire longue dureé) ดว้ ยกาลเวลาทล่ี กึ ลงในอดตี นบั หมนื่ ปมี าแลว้ ถอยขนึ้ มาเรอื่ ยๆ จนถงึ ตน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 21 (ถงึ พ.ศ. 2545 (2002)) บนเส้นทางแห่งกาลอันยาวนาน มีเร่ืองราว เหตุการณ์ของ กลุ่มคนไท-ไต/คนสยาม/คนไทย พร้อมๆ กับคนกลุ่มอื่นๆ ในดิน แดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในโลก ท่ีมีปฏิสัมพันธ์กันทั้งเชิง สรา้ งสรรค-์ รว่ มมอื กนั -เกย่ี วดองเปน็ เครอื ญาตกิ นั จนท�ำ ใหค้ นไท- ไต-สยาม-ไทยสรรค์สรา้ งหนว่ ยสังคมของตนข้นึ เปน็ หมบู่ ้าน เมือง แวน่ แควน้ อาณาจักร และประเทศชาตติ ามลำ�ดับ พร้อมกับความ รงุ่ โรจนแ์ ละเรืองรองของสถาบันทางสงั คม เศรษฐกิจ และการเมือง และกลุ่มคนดังกล่าวข้างต้น ยังมีปฏิสัมพันธ์กันในเชิงทำ�ลายล้าง ด้วยการครอบง�ำ ข่มขู่ คกุ คาม เข่นฆ่า และทำ�สงครามกัน จนนำ�ไป สู่การสนิ้ สญู ท้งั อัตลักษณ์ ชาติพันธุ์ และบา้ นเกดิ เมอื งนอนแหง่ ตน ประวตั ิศาสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป มีท้ังหมด 11 บท บทท่ี 1 เบ้ืองแรกของประวตั ิศาสตร์ไท-ไต น�ำ เสนอเร่ืองการ ตงั้ บา้ นแปงเมอื งหมบู่ า้ นของคนไท-ไต เรอ่ื งกลมุ่ คนในนา่ นเจา้ และ กลมุ่ คนในแผน่ ดนิ ใหญข่ องเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ้ นครสิ ตศ์ ตวรรษ ท่ี 9-10 บทท่ี 2 คนไท-ไตกบั อาณาจกั รโบราณตา่ งๆ คอื ทวารวดี ใน ลมุ่ น�ำ้ เจา้ พระยา และนครโยนกในลมุ่ น�ำ้ โขง ทอ่ี ยทู่ า่ มกลางจกั รวรรดิ พระนคร และจักรวรรดพิ กุ าม บทที่ 3 ศตวรรษของคนไท-ไต ซ่ึงคนไท-ไตเจรญิ ถึงขนั้ กอ่ ตงั้ อาณาจกั รไดใ้ นราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 13 นน่ั คอื ลา้ นนา สโุ ขทยั และ นครศรีธรรมราช และตดิ ต่อสมั พันธก์ บั โลกภายนอก บทที่ 4-5 อยธุ ยาผงาด และรงุ่ เรอื งเปน็ ราชอาณาจกั ร พรอ้ ม (22) ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทยฉบับสังเขป
กบั ลา้ นนา ลา้ นช้าง และก้าวพน้ จากโลกคนไท-ไตสโู่ ลกสากล ดว้ ย การคา้ นานาชาติ แตแ่ ลว้ เกดิ ปญั หาการแยง่ ชงิ ผลประโยชน์ และน�ำ ไป สกู่ ารแตกแยก จนถงึ ขน้ั สญู สน้ิ ราชอาณาจกั รทเ่ี รอื งรองมาถงึ 417 ปี บทที่ 6 กรงุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ พรอ้ มๆ กบั ความพยายาม รื้อฟน้ื ความเปน็ ราชอาณาจกั รข้นึ มาใหม่ บทที่ 7 สมยั รชั กาลที่ 4 และรชั กาลที่ 5 ทแ่ี รงกดดนั ของลทั ธิ จกั รวรรดนิ ยิ ม ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ การปฏริ ปู สคู่ วามทนั สมยั แบบตะวนั ตก พรอ้ มกบั การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของการปกครองในระบอบกษตั รยิ ์ บทที่ 8 กำ�เนิดลทั ธชิ าตนิ ิยมชนช้ันนำ� ทใ่ี ชอ้ ุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เปน็ หม้อหลอมกลมุ่ คนนานาชาตพิ ันธุใ์ ห้ เป็น คนสยาม พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ กษตั ริยเ์ ป็นระบอบประชาธิปไตย บทที่ 9 อำ�นาจของทหาร ซึ่งเป็นการขดั แย้ง แย่งชิงกันใน คนกลุ่มที่ทำ�การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์มา เป็นระบอบประชาธปิ ไตย บทที่ 10 การพัฒนาและการปฏิวัติที่ว่าด้วยการพัฒนาตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พร้อมๆ กับการครองอำ�นาจของ ทหาร และตามมาดว้ ย การโค่นลม้ อ�ำ นาจทหารของนสิ ิตนักศึกษา และประชาชน บทที่ 11 บทสดุ ทา้ ยจบลงด้วยความร่งุ โรจนส์ ดใสด้วยความ ฝันที่จะเป็นเสือตัวที่ 5 ในเอเชีย พร้อมๆ กับเกิดการแบ่งฝักแบ่ง ฝ่ายทางการเมอื ง ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยฉบบั สงั เขป เปน็ ผลงานทท่ี รงคณุ คา่ ยง่ิ ใน สว่ นหน่งึ เพราะการวางโครงเรื่อง (Plot) ของเดวิด เค. วยั อาจ ล�ำ้ หนา้ ดว้ ยการเจาะไปทเี่ รอื่ งของผคู้ น/กลมุ่ คน วฒั นธรรม สงั คม และ บรรณาธกิ าร : กาญจนี ละอองศร ี (23)
สภาพแวดลอ้ ม และตปี ญั หาในประวตั ศิ าสตรไ์ ทยทสี่ งั่ สมสบื ทอดมา ยาวนาน โดยเฉพาะปฐมบทของประวัติศาสตร์ไทย ที่ว่าด้วยเรื่อง คนไทยมาจากไหน เร่ืองน่านเจ้า เรือ่ งคนไท-ไต แม้ในเรอื่ งราวทาง ประวตั ศิ าสตรท์ นี่ กั วชิ าการไทยรบั รู้ เพราะมที มี่ าจากแหลง่ ขอ้ มลู ใน ภาษาไทยเชน่ เดยี วกนั แตเ่ ดวดิ เค. วยั อาจกย็ งั วเิ คราะหข์ อ้ มลู นนั้ ๆ ดว้ ยมุมมองทต่ี ่างกัน ความทรงคุณคา่ ของหนงั สือเลม่ น้ใี นอกี ส่วนหนงึ่ เปน็ เพราะ เดวิด เค. วยั อาจ ทง้ั คุ้นเคยและคลกุ คลกี ับหลักฐานของไทยอย่าง ดีเยยี่ ม ไม่วา่ ตำ�นาน พงศาวดาร จารึก จดหมายเหตุ และเอกสาร สมัยใหม่ประเภทต่างๆ อย่างไม่มีอุปสรรคด้านภาษา ยังได้ร่วม ปรวิ รรตตำ�นานพ้ืนเมอื งเชยี งใหม่ ร่วมกบั อาจารย์อรุณรัตน์ วิเชยี ร เขียว จากสาขาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ ดังนั้นในการเขียน หนงั สือเร่อื งนี้ ท่านไดเ้ ข้าถงึ และใช้ขอ้ มูลเชิงลึก ขณะเดียวกนั ท่าน ยังได้แลกเปลี่ยนทางความคิดกับนักวิชาการชั้นเอกอุ ท้ังของไทย และเทศ ทั้งศาสตร์เดียวกันและข้ามศาสตร์ เช่น นิธิ เอียวศรีวงศ์ แอนโทนี รดี (Anthony Reid) และ เครก็ เจ. เรโนลด์ (Craig J. Reynold) เป็นต้น ตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษของหนงั สอื เลม่ นตี้ พี มิ พค์ รงั้ แรกใน พ.ศ. 2525 (1982) ผ่านไป 20 ปี เดวิด เค. วยั อาจ ไดศ้ กึ ษาเพม่ิ เติม และ น�ำ มาปรบั ปรงุ เปน็ ฉบบั ตพี มิ พค์ รงั้ ทส่ี อง ใน พ.ศ. 2546 (2003) 3 ปี ก่อนทีท่ ่านจะถึงแกก่ รรม แมห้ นงั สอื เลม่ นจ้ี ะมอี ายคุ รบ 30 ปใี นปนี ี้ (พ.ศ. 2555 (2012)) และเป็นทรี่ จู้ กั อา้ งอิงกันในหมู่นกั วิชาการของไทย แต่กเ็ พียงระดบั หนง่ึ /กลมุ่ หนงึ่ เทา่ นนั้ การแปลเปน็ ภาษาไทยและการตพี มิ พเ์ ผยแพร่ ยงั จ�ำ เปน็ อยา่ งยงิ่ ยวด ทยี่ อ่ มท�ำ ใหห้ นงั สอื เลม่ นกี้ า้ วขา้ มอปุ สรรคทาง (24) ประวัตศิ าสตร์ชาติไทยฉบบั สงั เขป
ดา้ นภาษา อนั เปน็ เสน้ ขวางกนั้ ความงอกงามของวงการอา่ นหนงั สอื วชิ าการของผคู้ นในสังคมไทย ดว้ ยขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ วมาน้ี มลู นธิ โิ ครงการสงั คมศาสตรแ์ ละ มนษุ ยศาสตร์ ซง่ึ มเี จตนารมณอ์ นั แนว่ แนท่ จี่ ะท�ำ หนา้ ทเี่ ปน็ แหลง่ ชมุ นมุ ผลงานเขยี นของนกั วชิ าการตา่ งๆ เพอื่ ใหผ้ ลงานวชิ าการทม่ี คี ณุ ภาพ ไดเ้ ป็นท่ีรจู้ ัก และเผยแพรอ่ อกไปโดยทวั่ ถงึ ในหมู่ผูส้ อน ผเู้ รยี นและ ผู้สนใจงานวิชาการ จึงได้สง่ เสรมิ ให้มกี ารแปลหนังสอื เล่มน้ี โดยได้ รบั อนุญาตจาก Alene Wyatt และได้รบั ความร่วมมอื รว่ มกันแปล จากคณาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ทว่ั ประเทศ ดังรายนามตอ่ ไปน้ี บทท่ี 1 ศาตราจารย์ (พเิ ศษ) ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศริ ิ ข้าราชการบ�ำ นาญ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ บทที่ 2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กาญจนี ละอองศรี ขา้ ราชการบำ�นาญ ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บทท่ี 3 อาจารย์ ชนดิ า เผอื กสม ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก บทท่ี 4 อาจารย์ ดร. ภาวรรณ เรืองศิลป์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั บทท่ี 5 ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. วรางคณา นพิ ทั ธ์สขุ กิจ ภาควิชาประวัตศิ าสตร์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัด นครปฐม บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (25)
บทท่ี 6 อาจารย์ ดร. อภิราดี จันทรแ์ สง ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม จังหวดั มหาสารคาม (แปลร่วมกับ ผศ. กาญจนี ละอองศรี และ ดร. กัณฐิกา ศรอี ดุ ม) บทที่ 7 อาจารย์ ดร. กณั ฐกิ า ศรีอดุ ม ภาควิชามนษุ ยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั รงั สติ จังหวัดปทมุ ธานี บทท่ี 8 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พรี ศรี โพวาทอง ภาควชิ าสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะสถาปตั ยกรรม จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั บทที่ 9 อาจารย์ ดร. วิลลา วลิ ัยทอง ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั บทท่ี 10 อาจารย์ ดร. มรกต เจวจินดา ไมยเออร์ วิทยาลยั นานาชาตปิ รดี ี พนมยงค์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ บทท่ี 11 อาจารย์ ดร. โสภา ชานะมลู โคล นักวชิ าการอิสระ เมลเบริ น์ วิคตอเรยี ออสเตรเลีย ในการแปลจากตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษเปน็ ภาษาไทยนน้ั ยอ่ ม เปน็ ทต่ี ระหนกั กนั ดวี า่ วฒั นธรรมการใชภ้ าษาของทง้ั สองภาษาแตก ต่างกนั และดว้ ยการรว่ มกันแปล 11 บท 11 คน ยอ่ มมคี วามหลาก หลายในการใชส้ �ำ นวนภาษา จงึ เปน็ หนา้ ทข่ี องบรรณาธกิ ารทจ่ี ะตอ้ ง เกลาให้กลมกลืน และเพื่อเติมเต็มความรู้ต่อผู้อ่าน ทั้งผู้แปลและ (26) ประวัตศิ าสตร์ชาติไทยฉบับสังเขป
บรรณาธิการจึงได้ทำ�วงเล็บและเครื่องหมายดอกจัน (*………) ไว้ อกี ทง้ั เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นไดอ้ า่ นประวตั ศิ าสตรไ์ ทยอยา่ งเขา้ ใจถงึ บรบิ ท ประวัติศาสตร์โลก การใช้ระบบศักราชในหนังสือเล่มนี้ จึงเร่ิมด้วย พุทธศกั ราช (พ.ศ.) และวงเลบ็ ครสิ ตศ์ กั ราช (ค.ศ.) กำ�กบั ไว้ หวังว่า ประวัติศาสร์ไทยฉบับสังเขป จะเป็นประโยชน์ต่อ ครบู าอาจารย์ และนกั ศกึ ษาทางดา้ นประวตั ศิ าสตร์ รวมทงั้ ประชาชน ทวั่ ไปทสี่ นใจประวตั ศิ าสตรข์ องประเทศตนเองสมดงั เจตนารมณข์ อง ผ้เู ขยี น และคาดหวงั ว่า หนังสือเล่มนคี้ งช่วยให้ผ้อู ่านตาสว่าง และ เกิดแรงบันดาลใจท่ีจะศึกษา และทำ�ความเข้าใจประวัติศาสตร์ของ ประเทศตนเอง ทก่ี า้ วพน้ จากมุมมองวรี บุรุษนยิ ม และชาตินยิ ม ที่ เปน็ พันธนาการทางการศกึ ษาประวตั ิศาสตรไ์ ทยมากวา่ 100 ปีเศษ กาญจนี ละอองศรี พฤศจิกายน 2555 บรรณาธิการ : กาญจนี ละอองศร ี (27)
แผนทล่ี กั ษณะกายภาพทั่วๆ ไป (28) ประวัตศิ าสตรช์ าติไทยฉบบั สังเขป
บทท่ี 1 เบื้องแรกประวัติศาสตร์ไท-ไต ประชากรของประเทศไทยสมัยใหม่น้ัน มีความหลากหลาย เชน่ เดยี วกบั ชาตอิ น่ื ๆ คอื มที กุ รปู ทกุ รา่ งและทกุ ขนาด ทงั้ ผวิ พรรณ ทั้งลักษณะ และก็มีท้ังที่เป็นชาวไร่ชาวนา เป็นนักทำ�โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ เปน็ ทหาร เปน็ พนักงานขบั รถ เป็นพอ่ ค้าแมค่ ้า เปน็ นักเรียนนิสิตนักศึกษา เป็นเจ้าเป็นนายกับเป็นพระสงฆ์ ทั้งหลาย ทงั้ ปวงน้เี รียกตนเองวา่ “คนไทย” และกจ็ ะนิยามค�ำ ว่า “ไทย” ใน แงข่ องการเมอื งการปกครอง คอื “ไทย” ทเี่ ปน็ พลเมอื งของประเทศไทย เปน็ ขา้ ราชบรพิ ารของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทย ค�ำ ค�ำ นอี้ าจมคี วามหมาย ทางด้านวัฒนธรรมและภาษาศาสตร์ ท่ีว่า “ไทย” ก็คือ คนท่ีพูด ภาษาไทย และเป็นผู้ที่ร่วมอยู่ในวัฒนธรรมไทย แต่อย่างไรก็ตาม อตั ลกั ษณ์ไทยกบั องคป์ ระกอบทางการเมือง วัฒนธรรม และภาษา นน้ั ตอ้ งใชเ้ วลายาวนานหลายศตวรรษทจ่ี ะพฒั นาขนึ้ มาได้ และสง่ิ ที่ พลเมืองสมัยใหม่น้ีอ้างว่า “เป็นไทย” นัน้ กเ็ พิ่งมขี นึ้ มาเมือ่ ไมน่ าน
น้ีเอง อันท่ีจริงแล้ว ประชากรท่ีเป็นปัจจัยหลักของอัตลักษณ์ไทย รว่ มสมยั นี้ ยงั ไมไ่ ดเ้ ขา้ มาอยใู่ นประเทศไทยปจั จบุ นั อนั เปน็ ดนิ แดน สว่ นกลางของคาบสมุทรอินโดจีน จนกระทง่ั เมอื่ หนง่ึ พนั ปีท่ีแลว้ มา ส�ำ หรบั ชนกลมุ่ นเี้ รามคี �ำ ทร่ี กั ษารปู แบบค�ำ ดง้ั เดมิ วา่ “ไท-ไต”* (Tai) ทีใ่ ช้แสดงถงึ ประชากรทเ่ี ป็นไท-ไตกลุม่ ตา่ งๆ โดยทั่วไป ทีม่ ีภาษา และอตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรมรว่ มกนั ซง่ึ ในหว้ งเวลาทางประวตั ศิ าสตร์ ไดแ้ ตกแยกกระจดั กระจายกนั ไปกลายเป็นผู้คนจำ�นวนมากมาย ท่ี แมจ้ ะแยกออกจากกนั ไป แตก่ ย็ งั มอี ตั ลกั ษณเ์ ชอื่ มโยงกนั อยู่ คนไทย สมยั ใหมน่ อ้ี าจจะเปน็ หรอื ไมเ่ ปน็ ผทู้ สี่ บื ตอ่ มาจากคนไท-ไตทเี่ ขา้ มา ทหี ลงั แตอ่ าจจะสบื ตอ่ มาจากชนชาวมอญ หรอื เขมรทอี่ ยใู่ นดนิ แดน นี้มาก่อนก็ได้ หรือไม่ก็สืบมาจากผู้อพยพชาวจีนหรือชาวอินเดียที่ เข้ามาทีหลังก็เป็นได้เช่นกัน เป็นเวลานับศตวรรษๆ ที่วัฒนธรรม “ไทย” กลายเป็นอารยธรรม และอัตลักษณ์ อันเป็นผลพวงของ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมของคนไท-ไตกับวัฒนธรรมของชน พ้นื เมืองด้ังเดมิ และผ้ทู ี่อพยพเข้ามาใหม่ ในการสืบค้นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทย เราต้องเน้นท่ี ประชากร วัฒนธรรม และสังคม แต่เราก็จะต้องให้ความสนใจกับ สภาพแวดลอ้ มด้วย ประวัตศิ าสตร์ไทยนน้ั สลับซบั ซอ้ น เพราะเกิด ขนึ้ มาในสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปน็ ทง้ั เรอื่ งของสงั คมกบั วฒั นธรรม เทา่ ๆ กับสภาพทางภมู ิศาสตร์ เราอาจจะเรมิ่ ต้นจากประสบการณข์ องคน ไท-ไต ทอี่ ยนู่ อกประเทศไทย ตงั้ แตก่ อ่ นครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 11 เปน็ ตน้ มา หลังจากนั้นแล้ว เราก็จะต้องตั้งคำ�ถามว่า โลกแบบไหนกันที่ ทำ�ให้คนเหล่านน้ั ไดเ้ คลือ่ นยา้ ยเข้ามาอย่ใู นลมุ่ แมน่ ้�ำ เจ้าพระยา ประชากรไท-ไตในปจั จบุ นั นนั้ กระจายตวั กนั อยอู่ าศยั ในพนื้ ท่ี หลายลา้ นตารางกโิ ลเมตรทางดา้ นทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องผนื แผน่ 1 | เบอ้ื งแรกประวัตศิ าสตร์ไท-ไต 3
ดนิ เอเชยี อนั กวา้ งใหญ่ ตวั แทนทสี่ �ำ คญั ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั คอื คนไทย (หรอื สยาม) แห่งประเทศไทย ซึ่งมีจำ�นวน 35 ถงึ 40 ลา้ นคน (*ตวั เลข ปจั จบุ นั มเี กอื บ 70 ลา้ น) มผี คู้ นจ�ำ นวนมากทพ่ี ดู ภาษาไท-ไตทเี่ ชอ่ื ม โยงสัมพันธ์กัน และก็ถือว่าเป็นคนไท-ไตเช่นกัน แต่กลับเรียก ชาตพิ นั ธแ์ุ ละภาษาของตนเองดว้ ยชอื่ อนื่ ๆ เชน่ ลาว ฉาน ลอ้ื ไตด�ำ จว้ ง และนงุ ผู้คนทีม่ ภี าษาและวฒั นธรรมเดยี วกนั ในดนิ แดนแถบนี้ มจี �ำ นวนถงึ 100 ล้านคน ถอื ไดว้ ่ามจี ำ�นวนมากพอๆ กบั คนฝรงั่ เศส หรอื คนเยอรมนั ทเี ดยี ว ลกั ษณะทจ่ี ะท�ำ ใหเ้ ราเหน็ ถงึ อตั ลกั ษณข์ องผคู้ นทเ่ี ปน็ คนไท- ไตเหลา่ นไ้ี ดเ้ ดน่ ชดั สดุ กค็ อื ภาษา ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตระกลู ภาษา ไท-ไตกบั ภาษาเพอ่ื นบา้ นอนื่ ๆ ในเอเชยี ตะวนั ออก กบั เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้นน้ั ยงั หาได้มกี ารสรปุ ก�ำ หนดให้แนน่ อนไดไ้ ม่ และเรา ก็ยังไม่สามารถจะบอกได้ว่ากลุ่มภาษาไท-ไตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มภาษาใหญ่ๆ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่ชัด เหมือนอย่างท่ีเรา สามารถพูดได้วา่ นนั่ เป็นกลมุ่ ภาษาโรมานซ์ หรือนเี่ ป็นกลุ่มภาษา อนิ โดยูโรเปยี น เป็นต้น แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ความสัมพันธ์ในระหวา่ ง กลุม่ ภาษาไท-ไตด้วยกันเองนั้นเป็นทีเ่ ดน่ ชัด เช่น เราสามารถช้ีได้ วา่ ในระดบั หนง่ึ คอื สามารถท�ำ ความเขา้ ใจกนั ไดใ้ นหมคู่ นพดู ภาษา ลาว ภาษาไทยสยาม และภาษาฉาน แตค่ วามสมั พนั ธ์เช่นนกี้ ไ็ มม่ ี อยู่ในระหว่างภาษาไท-ไตกับภาษาของเพื่อนบ้าน อย่างในพม่า กัมพูชา เวยี ดนาม หรอื จนี ภาษาตระกูลไท-ไต เป็นภาษาท่ีเป็น “คำ�โดด” และมี “วรรณยกุ ต”์ กล่าวคอื คำ�ศพั ท์พื้นฐานของภาษาไท-ไตใดๆ ก็ตาม ถกู สรา้ งขน้ึ มาดว้ ยการผสม “พยางค”์ และจากพฒั นาการอนั ยาวนาน ของภาษาไท-ไตยุคต้นๆ พยัญชนะหลายต่อหลายตัวท่ีเคยช่วย ให้เห็นความแตกต่างของคำ�หนึ่งๆ น้ันได้สูญหายไป เหลืออยู่ก็แต่ 4 ประวตั ิศาสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป
วรรณยุกตท์ ่ีทำ�ใหเ้ หน็ ความแตกต่างกนั นัน้ ได้ ดังนนั้ คำ�ว่า “มา” (maa) ซ่งึ หมายถึง “to come” ท่พี ูดกนั ด้วยเสยี งวรรณยกุ ตห์ นง่ึ ในภาษากรงุ เทพฯ กท็ �ำ ใหแ้ ตกตา่ งกนั ไดจ้ ากค�ำ วา่ “มา้ ” (horse-maa เสียงสูง) กับค�ำ วา่ “หมา” (maa-dog ออกเสียงสูงขึ้นไปอกี ระดบั หนงึ่ ) จ�ำ นวนของวรรณยกุ ตซ์ ึ่งอาจมไี ด้ถงึ 9 เสยี งนัน้ จะแตกต่าง กนั จากภาษาไท-ไตหนึ่งไปสอู่ ีกภาษาไท-ไตหนงึ่ แต่แม้จะมคี วาม แตกต่างหลากหลายก็ตาม ภาษาพื้นฐานท้ังในด้านโครงสร้างของ ไวยากรณ์และคำ�ศัพท์ก็จะคล้ายคลึงกันในกลุ่มภาษาไท-ไตด้วย กนั เอง1 อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มคนไท-ไตนั้นนิยามได้ไม่ ง่ายนัก ท้ังนี้เพราะคนไท-ไตมีวัฒนธรรมร่วมกันเป็นอย่างมากกับ ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซ่ึงเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่าง ชัดเจนจากอินเดียและจีน ต้นกำ�เนิดของวัฒนธรรมและภาษาของ คนไท-ไตนนั้ นา่ จะอธบิ ายไดด้ สี ดุ ดว้ ยการอา้ งองิ ไปถงึ สภาพทม่ี อี ยู่ มาแล้วในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของบ่อเกิดหรือแกนกลางทาง วัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อาจจะต้ังอยู่ในดินแดน เหนือสดุ ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ หรือไมก่ บ็ ริเวณจนี ตอนกลาง กบั ตอนใตน้ ัน่ เอง เม่ือประมาณส่ีหมื่นปีนานมาแล้ว บรรพชนของชาวเอเชีย ตะวนั ออกเฉยี งใตไ้ ดต้ งั้ หลกั ปกั ฐานทอ่ี ยอู่ าศยั คอ่ นขา้ งเปน็ การถาวร กนั แลว้ ทว่ั บรเิ วณแถบนที้ �ำ การลา่ สตั วแ์ ละเกบ็ อาหารกนิ จากแหลง่ นำ้�ลำ�ธาร ป่าดง แล้วกใ็ ช้เครือ่ งมือท่ีทำ�ด้วยเน้อื ไมห้ รอื ไม้ไผท่ ่ีกย็ ัง ใชก้ นั อยู่ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ถึงปัจจบุ ัน และก็ด้วยการใช้มีด หรอื เครอื่ งตดั แตง่ กส็ ามารถประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งมอื อยา่ งเชน่ ไมซ้ าง ธนู และลูกศร เครอื่ งดักสตั วแ์ ละปลา กบั บรรดากระบงุ ตะกรา้ และเมือ่ หนง่ึ หรอื สองหมน่ื ปมี าแลว้ ผคู้ นเหลา่ นก้ี เ็ รม่ิ ตน้ การกสกิ รรม ทำ�การ 1 | เบอื้ งแรกประวตั ิศาสตรไ์ ท-ไต 5
ปลกู ถวั่ แลว้ กเ็ ลย้ี งสตั ว์ เชน่ ไก่ เปน็ ตน้ ดเู หมอื นวา่ เมอ่ื สกั ประมาณ หนง่ึ หมน่ื ปที แ่ี ลว้ ทผ่ี คู้ นกลมุ่ ชาตพิ นั ธตุ์ า่ งๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี ง ใต้จะแตกแยกกนั ออกไป ท้งั ทางดา้ นภาษาและวัฒนธรรม และแผ่ กระจายกันอยู่ในดินแดนอันกว้างขวาง จากพ้ืนท่ีราบของจีนตอน กลางลงไปจนถงึ คาบสมทุ รอินโดนีเซีย อยา่ งไรกต็ าม กระบวนการ สร้างความแตกตา่ งและแยกยา้ ยจากกนั ไปนี้เกดิ ขึ้นบนพ้ืนฐานของ วฒั นธรรมรว่ มทก่ี อ่ ตวั กนั มาแลว้ ถงึ สามหมน่ื ปี พน้ื ทบี่ รเิ วณนน้ี แ่ี หละ ทเี่ รามเี ทคนคิ วทิ ยาส�ำ คญั ๆ ของอารยธรรมเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ รว่ มไปกบั วฒั นธรรมหลกั เช่น การเล้ียงหมู ววั ควาย เปด็ ไก่ รวม ทง้ั การเพาะปลกู ขา้ ว และชนชาวเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ กป็ ระดษิ ฐ์ เรอื ทมี่ กี ราบกนั การโคลง ท�ำ ใหส้ ามารถแลน่ ไปในทะเลไกลไปจนถงึ ญป่ี นุ่ เมลานเี ซยี อนิ เดีย และแมแ้ ตแ่ อฟรกิ าตะวันออก โลหวทิ ยา ชั้นเยี่ยมก็พัฒนาข้ึนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่เริ่มแรก เหมือนๆ กับที่อื่นๆ ในโลก การหล่อทองแดงและสำ�ริดน้ันก็ได้รับ การพิสูจน์จากการขุดค้นที่แหล่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย (*บา้ นเชยี ง อดุ รธาน)ี พบแมพ่ มิ พห์ ลอ่ ขวานส�ำ รดิ ซ่ึงมีอายุกว่าห้าพันปี ทั้งยังมีการทำ�เหล็กหล่อในบริเวณเดียวกัน เมอื่ ประมาณสามพนั ปมี าแลว้ รวมทงั้ มเี ทคนคิ ในการท�ำ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา เมื่อสองพนั ปีมาแลว้ ประชากรของเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ มีอารยธรรมร่วมท่ีก้าวหน้าและเด่นชัด คนไท-ไตก็เหมือนๆ กับ เพื่อนบ้านท่ีทำ�การเกษตร เพาะปลูกข้าวเพ่ือยังชีพ เสริมด้วยการ หาปลาและเก็บของป่า และก็อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ในหมู่บ้าน เล็กๆ ที่มีการติดต่อกัน ค้าขายแลกเปล่ียนสินค้ากัน เช่น สิ่งทอ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชท้ �ำ ดว้ ยโลหะ เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา และเกลอื เนอื่ งจาก ดนิ แดนนมี้ ปี ระชากรนอ้ ย แรงงานจงึ มคี า่ และสตรกี ม็ สี ถานะสงู ทาง สังคมและเศรษฐกิจ แตกตา่ งจากสตรขี องจีนและอินเดยี ทีม่ ฐี านะท่ี 6 ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป
ภาชนะบา้ นเชยี งยุคปลาย สมบตั ขิ องเอกชน กรุงเทพฯ 1 | เบอ้ื งแรกประวตั ศิ าสตร์ไท-ไต 7
ตำ่�กว่า ตัวอย่างเช่น ในการสืบทอดมรดกนั้นก็แบ่งอย่างเท่าๆ กัน ทงั้ ทางสายมารดากบั สายบดิ า บตุ รชายและบตุ รสาวมกั จะไดร้ บั สว่ น แบ่งอสังหาริมทรัพย์ของพ่อแม่เท่าๆ กัน ตลอดท่ัวภูมิภาคนี้ยังมี ความเชอ่ื สอดคลอ้ งกนั อยา่ งน่าพศิ วง คอื เปน็ โลกที่เตม็ ไปด้วยจติ วญิ ญาณทม่ี ที งั้ ดแี ละรา้ ย มอี ำ�นาจทจี่ ะชว่ ยเหลอื หรอื จะทำ�รา้ ยมนษุ ย์ ได้ ดังนั้น จงึ ต้องท�ำ ใหจ้ ติ วิญญาณพอใจด้วยพิธีกรรมและการเซน่ ไหว้ ดว้ ยเครอ่ื งเคราขา้ วปลาอาหาร และกเ็ ชอื่ วา่ สตรมี อี �ำ นาจพเิ ศษ ทจ่ี ะเปน็ สอื่ กลางระหวา่ งมนษุ ยธ์ รรมดากบั โลกทางจติ วญิ ญาณ และ กม็ กั ไดร้ บั เชญิ ใหป้ ระกอบพธิ ชี ว่ ยรกั ษาโรค หรอื ไมก่ พ็ ธิ เี กย่ี วกบั ดนิ ฟา้ อากาศทเ่ี ปลยี่ นแปลงจนไมน่ า่ พงึ พอใจ พวกเขาเชอื่ กนั วา่ ธรรมชาติ และโลกนน้ั คาดคะเนไมไ่ ดแ้ ละเปน็ ภัยอันตราย มนษุ ยจ์ ะต้องด�ำ รง อยู่และเผชิญหนา้ กับมนั ให้ดีทส่ี ุด หลักฐานเก่าแก่สุดของจีนกล่าวถึงกลุ่มคนไท-ไตในภาพท่ี สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมกอ่ นประวตั ศิ าสตรข์ องเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี ง ใต้ กลุ่มคนไท-ไตที่คนจีนประสบพบเห็นมักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็น ผคู้ นทอี่ าศยั อยใู่ นหบุ เขาและทรี่ าบลมุ่ มากกวา่ ทจี่ ะอยเู่ ชงิ เขาหรอื ที่ สงู และกเ็ ป็นผู้คนทีม่ พี ้ืนฐานเศรษฐกิจอยทู่ กี่ ารปลกู ขา้ วดว้ ยระบบ ทดน�ำ้ คนไท-ไตหลายๆ กลมุ่ ถอื วา่ สตั วเ์ ลย้ี งประเภทววั ควาย (โดย เฉพาะอยา่ งยงิ่ ควาย) มคี วามส�ำ คญั พเิ ศษ เปน็ ทงั้ ตวั วดั สถานะความ ม่ังคัง่ ร�ำ่ รวย และใชป้ ระกอบพธิ กี รรม นอกเหนือไปจากทีเ่ ป็นสัตว์ เล้ยี งทีม่ ปี ระโยชน์ คนไท-ไตถูกกล่าวถงึ ว่าอาศัยอยู่ในเรือนท่มี เี สา สูง เหนือพื้นดิน ซ่ึงต่างจากเพ่ือนบ้านจีนหรือเวียดนาม และตาม ขนบประเพณนี น้ั คนหนมุ่ สาวมกั จะไดร้ บั อสิ ระในการเลอื กคแู่ ตง่ งาน และได้รับอนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์ได้ในฤดูกาลประจำ�ปี การสัก รา่ งกายในหมเู่ พศชายถอื วา่ เปน็ การเปลยี่ นผา่ นเขา้ สวู่ ยั ฉกรรจ์ อนง่ึ วิชาพอ่ มดหมอผี การทำ�ตุ๊กตาคณุ ไสย กแ็ พร่หลายไปทวั่ ในหมคู่ น 8 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบบั สงั เขป
ไท-ไต ในศตวรรษปลายๆ ของหนง่ึ พนั ปแี รกกอ่ นครสิ ตกาล ตระกลู ทางภาษา และวฒั นธรรมหลกั ๆ ของผคู้ นในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ได้ปรากฏความแตกตา่ งซ่งึ กนั และกัน ผคู้ นในหมูเ่ กาะเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ จากฟลิ ปิ ปนิ สถ์ งึ แหลมมลายพู ดู ภาษาตระกลู มาเลย-์ โป ลนิ เี ซยี น (Malayo-Polynesian) หรอื ออสโตรนเี ซยี น (Austronesian) ซง่ึ ตา่ งกบั กลมุ่ ภาษาออสโตรเอเชยี ตกิ (Austroasiatic) เชน่ ภาษา มอญและภาษาเขมร ใชพ้ ดู กนั ในตอนกลางและตอนใตข้ องแหลมอนิ โดจีน จากพม่าตอนล่างไปจนถึงดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำ�โขงใน เวยี ดนามใต้ ส่วนคนพมา่ นัน้ ยงั อยทู่ างตอนเหนือของพม่ากบั ตะวนั ตกเฉียงใต้ของจีน ส่วนคนเวียดนามยังคงอยู่ตามชายฝั่งทะเล ซึ่ง ปัจจุบันน้ีก็คือเวียดนามเหนือกับจีนตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง และ ดนิ แดนระหวา่ งผคู้ นทพ่ี ดู ภาษาเวยี ดนามกบั พดู ภาษาเขมรน้ี กม็ ดี นิ แดนของคนจามท่พี ดู ภาษาตระกลู ออสโตรนีเซียนท่อี ยูใ่ นเวียดนาม กลางกบั เวยี ดนามใต้ ในช่วงเวลาเดยี วกนั น้ี มกี ลมุ่ ประชากรขนาดใหญ่ทอ่ี าศยั อยู่ ในบริเวณท่ีราบลุ่มน้ำ�ทางตะวันออกเฉียงใต้สุดของจีน คือ กุ้ยโจว กบั กวางสี ทพี่ ดู ภาษาทเี่ ราอาจเรยี กวา่ “กอ่ นภาษาไท” (Proto Tai) ประชากรกลุ่มนี้อาศัยอยู่ภายใต้แรงกดดันของจำ�นวนประชากรที่ เพมิ่ ขน้ึ ๆ เรอื่ ยๆ และแรงกดดนั ทางเศรษฐกจิ และการเมอื งทม่ี าจาก เพ่ือนบ้าน คือจีนและเวียดนาม ท่ีอยู่ถัดไปทางด้านทิศตะวันออก กับด้านทิศเหนือ เม่ือประชากรเพิ่มข้ึนๆ กลุ่มชนต่างๆ ก็แยกโดด เด่ียวจากกันและกัน ภาษาทีพ่ ดู ก็แตกต่างหลากหลายกนั ไป บางที ในตอนศตวรรษต้นๆ ของคริสตกาล นั่นแหละ ท่ีการแผ่ขยายของ จักรวรรดิจีนลงมาตามแนวชายฝั่งทะเลจีนใต้สู่ดินแดนสามเหล่ียม ปากแมน่ ำ้�แดงท่ีเปน็ เวียดนามเหนอื ในปัจจุบนั นไี้ ด้กลายเปน็ ตัวเรง่ 1 | เบื้องแรกประวตั ศิ าสตรไ์ ท-ไต 9
สถานการณเ์ ชน่ ว่าน้นั การแผ่ขยายของจีนคงจะเป็นทั้งตัวเร่ง และมาพร้อมๆ กัน กับขบวนการเคล่ือนลงทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกลุ่มชนพูดภาษา ไท-ไตใหเ้ ขา้ ไปในดนิ แดน ซงึ่ ปจั จบุ นั นก้ี ค็ อื สว่ นทเ่ี ปน็ เวยี ดนามเหนอื และกค็ งเขา้ ไปในสว่ นตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สดุ ของลาวด้วย เมอ่ื ถึง สองสามศตวรรษแรกๆ ของครสิ ตกาล จนี กับเวียดนามก็ผนึกกำ�ลัง ทางการทหารและการปกครอง และแผเ่ ขา้ ไปในบรเิ วณตะวนั ตกเฉยี ง เหนือของท่ีราบลุ่มแม่น้ำ�แดง มีผลทำ�ให้กลุ่มคนไท-ไตยุคเร่ิมแรก นัน้ แตกออกเปน็ สองกล่มุ ใหญ่ คือ กลุม่ หน่งึ ยังคงอาศัยอยทู่ างด้าน เหนือกับตะวันออกเฉยี งเหนือของที่ราบล่มุ แม่น�้ำ แดง เชน่ กลมุ่ ชน ชาวจ้วง (Zhaung) ในกวางสี กบั กลุ่มโท้และนงุ (Tho-Nung) ใน เวียดนาม ท่พี ัฒนาภาษาของตนแยกออกไป โดยอย่ภู ายใตอ้ ทิ ธพิ ล วัฒนธรรมของจนี กับเวยี ดนาม ส่วนกลมุ่ ทส่ี อง คือกลุ่มไท-ไตทางใต้น้ัน คงรวมอยู่ในทอ้ งท่ี ของหุบเขาแม่นำ้�ดำ� กับส่วนของตะวันออกเฉียงเหนือสุดของลาว กบั บรเิ วณจนี ขา้ งเคยี ง ในชว่ งของศตวรรษที่ 5 ถงึ 8 ของครสิ ตกาล คนไท-ไตกลุ่มนี้ ซ่ึงมีความเช่อื มโยงกบั อาณาบริเวณเดียนเบียนฟู (เมอื งแถง) นน้ั เราประมาณไดว้ า่ คอื บรรพชนของคนไท-ไตทง้ั มวล ทอ่ี ยใู่ นประเทศลาว ประเทศไทย ประเทศพมา่ กบั อนิ เดยี ตะวนั ออก เฉียงเหนือ และยูนนานใต้ ซึ่งก็คือคนลาว คนสยาม คนไตใหญ่ (*ฉาน หรือเงยี้ ว) กับคนไท-ไตท่สี ูงน่ันเอง และในสภาพแวดลอ้ ม ใหมเ่ ชน่ น้ี ท�ำ ใหค้ วามสนใจ อปุ นสิ ยั ตลอดจนความนกึ คดิ ไดห้ นั เห ไปในทิศทางใหม่ท่ีจะทำ�ให้ต้องโดดเดี่ยวแยกไปจากเครือญาติใน ทางทศิ เหนอื จนกระทงั่ ในทส่ี ดุ กจ็ ะลมื ความเกยี่ วขอ้ งเชอื่ มโยงทเี่ คย มกี ันไปหมดเลย ดเู หมอื นวา่ ในศตวรรษต่อๆ มา คือ ระหว่างคริสต์ ศตวรรษท่ี 7 กับ 13 นน้ั คนไท-ไตก็กระจายตวั กันเปน็ ระยะทางไป 10 ประวตั ิศาสตรไ์ ทยฉบบั สังเขป
ไกล 700 ถึง 1,000 ไมล์ (1,126-1,609 กโิ ลเมตร) ไปทางทิศตะวัน ตก กบั ทางทศิ ใต้ กระน้นั กต็ าม เราจะเหน็ ไดว้ า่ คนไท-ไตเหลา่ นี้ ตา่ งก็รกั ษาความทรงจ�ำ และขนบธรรมเนียมพน้ื บ้านทมี่ ีนยั ของการ สบื ทอดรว่ มกนั มา ซงึ่ กป็ รากฏเดน่ ชดั ในความเชอ่ื มโยงกนั ทางดา้ น ภาษา หมบู่ า้ นและเมืองของคนไท-ไต ในชว่ งหนง่ึ พนั ปแี รกของครสิ ตกาล พนื้ ฐานชวี ติ ของคนไท-ไต ขนึ้ อยกู่ บั ครวั เรอื นทางกสกิ รรม และอยกู่ นั เปน็ ครอบครวั ขนาดใหญ่ อย่างเรยี บง่าย แต่ละครอบครัวตา่ งกผ็ ลติ แตพ่ อเพียง คือ ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงวัวควาย กับเล้ียงสัตว์อื่นๆ ในบ้าน หาปลาในแม่นำ้� ลำ�ธารใกล้เคียง ล่าสัตว์ในป่า ทอผ้า หรือไม่ก็ปั้นหม้อไห กับทำ� เครอื่ งมอื เครอ่ื งใชต้ า่ งๆ ครอบครวั เหลา่ นร้ี วมกนั เปน็ แรงงาน ท�ำ การ เกบ็ เกย่ี ว หรอื ไมก่ ช็ ว่ ยกนั ปลกู สรา้ งบา้ นเรอื น ซอ่ มแซมสะพาน การ รวมตัวกันได้เช่นน้ีก็โดยมีผู้ใหญ่ในหมู่บ้านที่จัดรวมเป็นกลุ่มเป็น ก้อนกันอย่างไม่เป็นทางการ ทำ�การประสานงานและช่วยจัดการ แกไ้ ขปัญหาความขดั แย้งกับจัดงานพิธีกรรมร่วมกัน แตห่ มบู่ า้ นเชน่ นกี้ ห็ าไดอ้ ยไู่ ดอ้ ยา่ งโดดเดย่ี วไม่ คนไท-ไตใน ชนบทพ่ึงพากบั การคา้ ขายกัน เชน่ ค้าเกลือ หรอื โลหะ และตา่ งก็ เสี่ยงภัยอยา่ งย่ิงในช่วงทีม่ ีสงคราม สิ่งทเ่ี รยี กวา่ “เมือง” นั้น เป็น หนว่ ยเรมิ่ แรกทอี่ ยเู่ หนอื ระดบั ของหมบู่ า้ นขน้ึ ไป ค�ำ วา่ “เมอื ง” แปล ความได้ยาก เพราะหมายถึงความสัมพันธ์ทั้งในทางสังคมและทั้ง ทางพ้ืนท่ี คำ�ว่าเมืองอาจหมายถึงสถานที่ท่ีเป็นจุดศูนย์กลางของ เครือข่ายของหมู่บ้านท่ีเช่ือมโยงกัน หรือหมายถึงสถานที่ที่รวม หมู่บา้ นเข้าดว้ ยกัน ซ่งึ มี “เจา้ ” หนงึ่ ตนปกครองอยู่ เมอื งเชน่ น้ถี ือ 1 | เบอื้ งแรกประวัติศาสตรไ์ ท-ไต 11
กำ�เนิดขนึ้ มาจากความสัมพันธร์ ว่ มกนั ทางการเมือง เศรษฐกิจ และ สงั คม หมบู่ า้ นตา่ งๆ ของคนไท-ไตรวมตวั กนั ขน้ึ เพอ่ื รว่ มกนั ปอ้ งกนั ตนเองทั้งน้ี ภายใต้ผู้นำ� หรือ เจ้าจากหมู่บ้าน หรือครอบครัวที่มี อำ�นาจมากสุด และมีทรัพยากรเพียงพอที่จะจัดหาอาวุธและจัดตั้ง กองทพั เพอ่ื เปน็ การตอบแทนตอ่ การปกปอ้ งคมุ้ ครองเชน่ นี้ หมบู่ า้ น อ่ืนๆ ก็จะตอบแทนเป็นแรงงานให้กับผู้นำ�หรือเจ้าแห่งหมู่บ้านนั้น หรอื ไมก่ จ็ า่ ยเปน็ ผลติ ผลของทอ้ งถนิ่ หรอื ไมก่ ด็ ว้ ยผลงานหตั ถกรรม นเ่ี ปน็ ความสมั พนั ธท์ มี่ ผี ลประโยชนร์ ว่ มกนั ทใ่ี นเวลาตอ่ ๆ มา ก็จะเกิดผลประโยชน์ตามมา และก็เป็นเรื่องธรรมชาติท่ีศูนย์กลาง ของเมอื งซง่ึ เรมิ่ ตน้ จากเปน็ เพยี งหมบู่ า้ นหนงึ่ อาจไมใ่ หญโ่ ตไปกวา่ หมู่บ้านรอบๆ ที่จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น และมีอำ�นาจมากกว่าหมู่บ้าน อนื่ ๆ การจดั ระบบสงั คมของคนไท-ไตในพนื้ ทส่ี งู เชน่ นอ้ี าจถอื ไดว้ า่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ จกั รวรรดมิ หาอ�ำ นาจ เชน่ เวยี ดนามกบั จนี ทพ่ี อใจ ทจ่ี ะตดิ ต่อและมปี ฏิสมั พันธก์ ับเมอื งเพยี งสองสามเมอื งมากกว่ากบั หมู่บ้านที่มีจำ�นวนมากมายนับไม่ถ้วน ท้ังเวียดนามและจีนต่างก็ ปฏิบัติและรับรองเจ้าของคนไท-ไตเหล่าน้ันว่าเป็นผู้นำ�ของชุมชน ไม่ว่าจะในฐานะศัตรูหรือพันธมิตร หรือผู้ส่งบรรณาการ และเพ่ือ เปน็ การตอบแทนทเ่ี จา้ ของคนไท-ไตยอมรบั นบั ถอื ความยงิ่ ใหญข่ อง จนี พรอ้ มๆ กบั สง่ บรรณาการใหเ้ ปน็ ประจ�ำ ทกุ ปี เจา้ ไท-ไตเหลา่ นนั้ ก็ถกู ปล่อยใหด้ ำ�เนนิ ชีวิตความเปน็ อยูข่ องตนในดินแดนห่างไกล ที่ ในทศั นะของขา้ ราชส�ำ นกั จนี ถอื วา่ เปน็ ชมุ ชนทไ่ี มส่ ลกั ส�ำ คญั นกั และ นกี่ เ็ ปน็ ความสมั พนั ธท์ ต่ี า่ งกไ็ ดป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั ทช่ี มุ ชนชนบทของ คนไท-ไต ซึง่ เริม่ จะรวมตัวกนั ผูกโยงกนั อย่างหลวมๆ ในการท่ีจะ เผชญิ กับโลกภายนอกที่ใหญโ่ ตกวา่ ยังมีโลกอีกโลกใกล้ๆ กัน และเป็นท่ีชัดเจนว่า นับตั้งแต่ยุค เรมิ่ แรกเลยทคี่ นไท-ไตเหลา่ นนั้ หาไดอ้ ยอู่ าศยั อยา่ งโดดเดย่ี วในดนิ 12 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบับสังเขป
แดนทสี่ งู ทางตอนในไม่ การกสิกรรม ท�ำ นาทดนำ้� ท�ำ ให้คนไท-ไต ต้องติดต่อกับผู้คนในหุบเขาท่ีราบลุ่มลงไป พร้อมๆ กับติดต่อกับ ผคู้ นบนเขาสูงขึน้ ไปอกี ซึง่ ในพื้นทเี่ หล่านีก้ ็เตม็ ไปด้วยผู้คนท่หี ลาก หลายเผ่าพันธ์ุและภาษา ต้ังแต่ยุคแรกเร่ิม เจ้านายของคนไท-ไต กไ็ ดส้ ถาปนาความสมั พนั ธก์ บั กลุ่มชนใกล้เคียง เอามาเปน็ ทาสบา้ ง เอามาเป็นแรงงานบา้ ง เอาหวั หนา้ มาเปน็ “เมืองข้ึน” เหมือนๆ กบั ที่คนไท-ไตเองก็ “ขน้ึ ” ต่อผูป้ กครองจีน ระบบเช่นนมี้ ีความสำ�คญั ทั้งในบริบทของความอยู่รอดในท่ีสูงในศตวรรษแรกๆ และในระยะ ตน้ ๆ ของการทเ่ี จา้ ไท-ไตในพน้ื ทส่ี งู ดงั กลา่ วพฒั นาขดี ความสามารถ ทางการเมืองของตนท่จี ะกลายเปน็ “เทคนคิ วทิ ยา” ในการกอ่ รา่ ง สร้างรฐั โครงสรา้ งของ “เมอื ง” ของคนไท-ไตในทส่ี งู กค็ อ่ ยๆ พฒั นา ข้ึนๆ เมืองท่ีประสบความสำ�เร็จก็ป้องกันตนเองไว้ได้จากเมืองข้าง เคยี ง จากคนภเู ขา และจากรฐั ใหญๆ่ สามารถรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ในอาณาบริเวณของตน และบงั คบั ใช้ระบบยตุ ิธรรม ท�ำ การลงโทษ คนรา้ ย และตดั สนิ คดีความข้อพพิ าทระหว่างหมูบ่ ้าน เช่น ในเรื่อง สทิ ธเิ หนือท่ีดนิ -นำ�้ หรอื การลักขโมยสัตว์เล้ยี ง เมืองเหลา่ น้อี ำ�นวย ให้เกิดกรอบทางเศรษฐกิจ ทำ�ให้เกิดการแลกเปล่ียนผลิตผลและ ผลิตภณั ฑ์ และแน่นอน เมืองก็ไดป้ ระโยชนจ์ ากการจา่ ยภาษอี ากร จากหมู่บ้านเป็นการตอบแทนต่อการรักษาไว้ซึ่งระเบียบและความ ม่ันคง ตระกูลผู้ปกครองเมืองเหล่าน้ีได้รับการรับรองให้มีสถานะ เหนือบรรดาหมู่บ้านรอบๆ ขึ้นไปอย่างน้อยก็อีกชั้นหน่ึง พวกเจ้า ไท-ไต สรา้ งกลไกของการบรหิ าร เพอ่ื เกบ็ รายไดภ้ าษอี ากร และยตุ ิ คำ�ฟ้องร้องทางกฎหมาย พวกเจ้าไท-ไตสร้างกฎเกณฑ์ของการ สบื ทอดตำ�แหนง่ ของตน ทำ�การแตง่ ตงั้ ทายาท ซ่ึงแม้จะไม่เสมอไป แตต่ ามปกตกิ ค็ อื ลกู ชายคนโตใหม้ ตี �ำ แหนง่ บรหิ ารชน้ั สงู เพอื่ ทล่ี กู ชาย 1 | เบอื้ งแรกประวตั ิศาสตร์ไท-ไต 13
เจา้ หนมุ่ ตนนนั้ จะไดค้ นุ้ เคยและควบคมุ ความสมั พนั ธส์ ว่ นของตนให้ เข้ากับความเปน็ ปกึ แผ่นของเมือง เมืองของคนไท-ไตเป็นกลไกในการบริหารแรงงานให้มี ประสทิ ธภิ าพ ในทซ่ี ง่ึ ทดี่ นิ มจี �ำ นวนมาก แตแ่ รงงานมอี ยนู่ อ้ ย ในโลก เช่นน้ี ความม่ังคง่ั รำ�่ รวย ไม่วา่ จะเปน็ ปศสุ ัตว์ โลหะมคี ่า หรอื เมล็ด พนั ธพ์ุ ชื อาจสญู หายไปในเพยี งชว่ั คนื ดว้ ยการถกู โจรปลน้ สะดมหรอื ไมก่ จ็ ากการสงคราม ความม่ันคง ความมง่ั คั่ง และชวี ติ ท้ังหมดข้ึน อยกู่ บั ความสมั พนั ธใ์ นหมบู่ คุ คลของตระกลู ทที่ �ำ การรกั ษากฎระเบยี บ และแม้ว่าสังคมเมืองจะมีลำ�ดับขั้นสูงต่ำ� แต่ผู้คนก็ต้องอาศัยซ่ึงกัน และกัน พวกเจ้านั้น หากถูกกดดันให้ต้องเผชิญหน้าก็สามารถหัน ไปพง่ึ พากองก�ำ ลงั ทเี่ หนอื กวา่ ได้ แตส่ �ำ หรบั ชาวบา้ น ชาวไร่ ชาวนา ทางออกคือหลบหนีเข้าป่ารกรอบๆ หรือไม่ก็ไปหาเมืองท่ีต้องการ แรงงานของตน ทางออกสดุ ขวั้ สองแบบนมี้ กั จะหลกี เลย่ี งกนั และหนั ไปใชก้ ารประนปี ระนอมกับรว่ มปรองดองกนั เสยี มากกวา่ ในชว่ งหนง่ึ พนั ปแี รกของยคุ สมยั นี้ จ�ำ นวนประชากรของกลมุ่ คนไท-ไตในพื้นที่สูงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนในนั้นจะเพ่ิม ข้ึนๆ อย่างสม�ำ่ เสมอ ในสภาพทางการเมอื งและระบบนเิ วศเช่นนนั้ กเ็ ปน็ ธรรมชาตทิ จ่ี ะมกี ารแพรข่ ยายประชากรนอี้ อกไป กระนน้ั กต็ าม พ้ืนท่ีราบริมทะเลด้านตะวันออกและด้านตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้ ถกู ควบคมุ จบั จองอยา่ งหนาแนน่ โดยรฐั ของชาวจนี และชาวเวยี ดนาม ทม่ี ที ง้ั อ�ำ นาจและการจดั การทดี่ ี สว่ นบรเิ วณหบุ เขากบั แมน่ �ำ้ บนพนื้ ที่ สงู ทง้ั ทางตะวนั ตกกบั ทางตะวนั ตกเฉยี งใตม้ ปี ระชากรเบาบาง และ ผูค้ นก็ยงั มรี ะบบการจัดการทางสังคม การเมือง อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ และเทคนิควิทยาที่ด้อยกวา่ ที่จะแขง่ ขันกับกลมุ่ คนไท-ไต ในต�ำ นานเรอ่ื งเลา่ ยคุ แรกๆ ของคนไท-ไต จะเตม็ ไปดว้ ยเรอื่ ง ราวของการเคล่ือนไหวทางการเมอื งและประชากร ซงึ่ ลกั ษณะโดย 14 ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสงั เขป
ทว่ั ๆ ไป ก็คอื เจ้าตนหนง่ึ รวบรวมผคู้ นในเมืองของตน ตั้งเปน็ กอง ทพั ส่งออกไป โดยมเี หล่าเจ้าลูกชายเปน็ ผูน้ �ำ พวกเจ้าลูกๆ เหล่านี้ กจ็ ะท�ำ การพิชิตยดึ ครองดนิ แดนทไ่ี กลออกไป แลว้ นำ�เอาครัวเรือน จากเมืองเดมิ ของบรรพชนมาสรา้ งบ้านแปงเมอื ง ถางปา่ ดง ใหเ้ ป็น ทน่ี าท�ำ กนิ ใหอ้ ยใู่ ตป้ กครองของเจา้ หนมุ่ เจา้ ไท-ไตตนดงั กลา่ วขา้ ง ต้นอาจด�ำ เนินการรณรงคใ์ หเ้ จา้ ลกู ชายของตนทัง้ หมด ให้แตล่ ะตน ได้มีแว่นแคว้นของตน เพื่อช่วยเพ่ิมอำ�นาจให้กับเจ้าเมืองพ่อไปใน เวลาเดียวกัน บรรดาลกู ชายอาจถูกสง่ ออกไปครองเมอื งตา่ งๆ ตาม ล�ำ ดบั อาวโุ ส ปล่อยใหล้ ูกชายเลก็ สุดรบั มรดกแวน่ แคว้นของเจ้าตน พ่อ ในตอนเหนือของเวียดนามและลาวเป็นพื้นที่ในหุบเขาท่ีแม้จะ เหมาะกับการเพาะปลูกข้าว แต่พื้นที่ก็จะเล็กและคับแคบ ถูกแยก ออกจากกนั ดว้ ยภเู ขาทย่ี ากตอ่ การเดนิ ทาง ดงั นนั้ ศนู ยก์ ลางทางการ เมอื งและประชากรของกลมุ่ ไท-ไตน้จี ึงเคลอ่ื นยา้ ยอย่างรวดเรว็ ไป ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเจ้าตนพ่อตายลง พ่ีน้องลูก หลานก็จะรักษาแว่นแคว้นเอาไว้ได้ยาก และไม่สามารถจะป้องกัน ตนเองจากการเข้าครอบครองของจีนหรือเวียดนามได้ โดยท่ัวไป แล้ว เจ้าตนพ่อก็มักจะปรารถนาให้เจ้าลูกๆ ได้รับสืบทอดอำ�นาจ อยา่ งที่ตนไดร้ บั ต่อๆ มา และกด็ ว้ ยกระบวนการเช่นนแี้ หละ ที่แวน่ แควน้ ของคนไท-ไตจะแผข่ ยายอยา่ งชา้ ๆ เขา้ มายงั บรเิ วณทางตอน เหนือของแหลมอนิ โดจีน ในความทรงจ�ำ พน้ื บา้ นนนั้ การแพรข่ ยายของกลมุ่ คนไท-ไต ยคุ เรม่ิ แรกน้ี จะจดจ�ำ กนั ไวเ้ ปน็ ต�ำ นานเรอื่ งขนุ บรม ซงึ่ คนลาวจะเลา่ ขานกันต่อๆ มา มีท้องเร่ืองว่า ในประวัติศาสตร์ยุคแรกของโลก มนษุ ยชาตหิ าเปน็ อารยะไม่ ยงั หยาบกระดา้ ง ยงั โหดรา้ ย ยงั ท�ำ การ เกษตรไม่เป็น มนุษย์ไม่สำ�นึกบุญคุณของผีฟ้า ทำ�ให้หัวหน้าผีเจ้า โกรธขงึ้ เลยบนั ดาลให้น้�ำ ท่วมโลก มีหัวหน้าเผา่ หนรี อดไปไดเ้ พยี ง 1 | เบ้อื งแรกประวัติศาสตรไ์ ท-ไต 15
สามคน ขึ้นไปยอมสยบต่อหัวหน้าผีเจ้า และก็พำ�นักอยู่บนสวรรค์ จนกระท่ังน้ำ�ลด เมื่อถึงตอนนี้ หัวหน้าเผ่าทั้งสามก็กลับลงมายัง พื้นโลก นำ�เอาควายลงมาด้วย ให้ช่วยไถนาปลูกข้าวในพ้ืนท่ีราบ อนั กวา้ งใหญ่ แถบเมอื งเดยี นเบยี นฟู เมอื่ ควายตายลง กจ็ ะมนี �้ำ เตา้ หรอื ฟักทอง ต้นมหึมา ผดุ เกิดออกมาจากรจู มกู ควาย มเี สยี งดงั อ้อื อึงอยู่ในนั้น และเมื่อแทงลูกน้ำ�เต้าเข้าไปก็ปรากฏมีมนุษย์ไหลบ่า ออกมา กลายเปน็ ประชากรทว่ มโลก ชาวลาวเลา่ กนั วา่ มนษุ ยท์ อี่ อก มาทางรู ทถ่ี กู แทงด้วยเหล็กร้อนเผาไฟแดงนั้น จะเป็นคนพ้นื เมอื ง ทมี่ ผี วิ พรรณด�ำ สว่ นผทู้ อ่ี อกมาทางรทู ใ่ี ชส้ ว่ิ เจาะ กค็ อื คนลาวทมี่ ผี วิ พรรณขาวกว่า ดว้ ยความอปุ ถมั ภ์ของผีเจา้ หัวหน้ากลุม่ คนไท-ไตก็สั่งสอน ใหค้ นไท-ไต (เท่าน้ัน) ร้จู กั ปลูกบ้านเรอื นอยู่อาศยั ทำ�นาปลูกขา้ ว เป็น และประกอบพิธีกรรมอันเหมาะอันควร ประชากรก็เพ่ิมข้ึนๆ มากจนกระทั่งจำ�เป็นต้องมีการปกครองกันขึ้น ดังน้ัน ผีเจ้าก็ส่ง ลกู ชาย คอื ขนุ บรม ลงมาพรอ้ มดว้ ยผตู้ ดิ ตาม ครบู า เครอ่ื งใชไ้ มส้ อย และศลิ ปะ เมอ่ื ปกครองไดเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งเปน็ เวลา 25 ปี ขนุ บรมกแ็ ตง่ ตั้งลูกชายท้ังเจ็ดให้ปกครองโลกของคนไท-ไต ลูกคนโตไปครอง หลวงพระบาง คนอ่ืนๆ ไปเชียงขวาง ละโว้-อยธุ ยา เชยี งใหม่ สบิ สองปันนา (ในยูนนานใต)้ หงสาวดี (เมอื งพะโคของมอญ ในพมา่ ตอนลา่ ง) กบั ดนิ แดนทนี่ า่ จะเปน็ เวยี ดนามกลางตอนเหนอื (จงั หวดั เงอ่ าน ?) ต�ำ นานฉบับหนึ่งของเชียงขวางกล่าวว่า เหตุการณ์นีต้ ก อยูใ่ น พ.ศ. 1241 (698) ตำ�นานขุนบรมฉายภาพสำ�คัญให้เห็นประวัติศาสตร์ยุคเร่ิม แรกของกลุม่ ไท-ไต รฐั จ�ำ นวนมากท่ตี ำ�นานน้กี ล่าวถงึ น้ันสถาปนา ข้ึนในศตวรรษต่อจากนั้น แต่หลักฐานทางโบราณคดีก็บันทึกถึง วัฒนธรรมไท-ไตไวก้ ่อนหนา้ นั้นอกี อยา่ งไรก็ตาม ตำ�นานน้ีก็บอก 16 ประวตั ิศาสตร์ไทยฉบับสังเขป
เราเกยี่ วกบั ความสมั พนั ธใ์ นหมคู่ นไท-ไตทอี่ ยกู่ นั กระจดั กระจาย ทง้ั ยงั สะทอ้ นใหเ้ หน็ จากการคน้ ควา้ ในหมวู่ งวชิ าการปจั จุบนั ดว้ ย หลกั ฐานทางภาษาและทางเอกสารชใ้ี หเ้ หน็ วา่ การแยกกนั ไป การกระจาย ตัวกันไปของกล่มุ คนไท-ไต เกดิ ข้ึนระหวา่ งครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 7 ถงึ 10 หรือ 11 ตามแนวเสน้ ทางภูมศิ าสตร์ กบั ตามตำ�นานเร่อื งน้ัน เรา สังเกตเห็นอกี ว่า แมข้ ุนบรมจะถูกกล่าวอ้างว่าลงมาสพู่ น้ื โลกที่แถบ เมอื งเดยี นเบยี นฟู แตก่ ห็ าไดม้ ลี กู ชายตนใดอยคู่ รอบครองเมอื งแถบ นั้นไม่ และโลกของคนไท-ไตบนท่สี งู ซงึ่ ตอนนี้ก็คอื เวยี ดนามเหนอื นน้ั กไ็ มอ่ ยใู่ นรายชอ่ื ของดนิ แดนทบ่ี รรดาลกู ชายถกู สง่ ใหไ้ ปปกครอง เลย กลุม่ ไตด�ำ ไตขาว ไตแดง และกลมุ่ คนท�ำ นองเดียวกันนี้คงถกู ตดั ขาดจากกลมุ่ คนทม่ี ีภาษาแม่ที่เป็นลาว หรือเป็นสยามมาแตเ่ นนิ่ นานแรกเร่ิมแล้ว รวมท้ังตัดขาดจากกลุ่มภาษาฉาน ทางทิศตะวัน ตกเฉยี งเหนอื ภาษาอาหม ภาษาลอ้ื กบั ไตเหนอื (ไตโยน) ดว้ ย คอื ในชว่ งระหวา่ งคริสตศ์ ตวรรษท่ี 8 และท่ี 11 ในราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 8 โลกของกลมุ่ ไท-ไตไดแ้ ผข่ ยายขา้ ม ตอนเหนอื ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตแ้ ลว้ ไดแ้ ยกกนั เปน็ กลมุ่ ภาษา 5 กลุ่ม กลุ่มท่ีหน่ึง คือ กลุ่มทางทิศเหนือ ท่ีเป็นคนกลุ่มน้อยใน ประเทศจนี และไดว้ ิวฒั นาการกลายเป็นบรรพชนของกลุ่มชาวจว้ ง ในปจั จบุ นั กลมุ่ ทสี่ อง ยงั คงเปน็ กลมุ่ คนไท-ไตบนทส่ี งู ในเวยี ดนามเหนอื ที่เป็นบรรพชนของไตดำ� ไตขาว และไตแดง กลุ่มที่สาม คือ คน ไท-ไตท่ีอยู่ในท้องถ่ินระหว่างลาวตะวันออกเฉียงเหนือ กับส่วนที่ ตดิ กบั เวยี ดนาม ซง่ึ กค็ อื บรรพชนของคนไท-ไตในเชยี งขวาง กบั คน สยามอยธุ ยา กลุ่มทส่ี ่ี อย่ทู างเหนอื ของลาว คอื ในแถบหลวงพระ บาง กลมุ่ ทห่ี า้ สดุ ทา้ ย อยไู่ ปทางทศิ ตะวนั ตก เหนอื สดุ ของประเทศไทย และในสว่ นทเี่ ปน็ ลาว ยูนนาน และพมา่ เราจะทราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ คนทพ่ี ดู ภาษาไท-ไต ภาษาใดภาษา 1 | เบอ้ื งแรกประวตั ิศาสตรไ์ ท-ไต 17
หน่ึงนั้นได้เคยอยู่อาศัยอยู่ในดินแดนดังกล่าวน้ัน ในอดีตอันไกล โพ้น? เรารู้ได้อย่างไรว่าอยู่ไม่ไปไกลไปกว่ายูนนานข้ึนไปในช่วง ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 8 นับตง้ั แตข่ ้นึ ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ใหมๆ่ มขี อ้ ถก เถียงกันว่ากลุ่มคนไท-ไต เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เม่ือ ล่วงเข้าสู่คริสตศ์ ตวรรษที่ 13 แล้ว กอ่ นหน้านน้ั คนไท-ไตเคยเป็น ประชากรของรฐั เรอื งอำ�นาจ คอื นา่ นเจ้า ในยนู นาน แตเ่ มือ่ ชนเผา่ มองโกลพชิ ิตยนู นานได้ใน พ.ศ. 1796 (1253) ก็มขี อ้ ถกเถยี งกันวา่ กลุ่มไท-ไตแตกกระจัดกระจายลงมา การจะจัดการกับข้อถกเถียง อนั นี้ กบั การทจ่ี ะชใ้ี หเ้ หน็ ชดั ถงึ สภาวะแวดลอ้ มทคี่ นไท-ไตยคุ แรกๆ พฒั นาวฒั นธรรมและสถาบนั ของตนขน้ึ มานน้ั กจ็ �ำ เปน็ จะตอ้ งกลา่ ว ถึง “ปัญหาน่านเจา้ ” และชีใ้ หเ้ ห็นถงึ โลกทีก่ ล่มุ คนไท-ไต อยู่อาศัย กนั ในยุคสมัยที่สำ�คญั ทางประวัติศาสตรน์ ้ี นา่ นเจ้า ต้ังแต่ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 2 แล้วท่ีชาวจีนได้เข้ามาครอบครอง เหนอื ดนิ แดนทเี่ ปน็ มณฑลยนู นานในปจั จบุ นั ณ ทนี่ นั้ ชาวจนี ไดพ้ บ กบั ความหลากหลายของบรรดาผคู้ น ทจ่ี นี เรยี กวา่ “คนปา่ คนเถอื่ น” (หม่าน Man) ท่บี างพวกกย็ อมรับอารยธรรมจีน ตระกลู ผูป้ กครอง ท้องถิ่นหนง่ึ นามวา่ จ้วน (Zuan) มศี ูนย์กลางอย่ใู นอาณาบริเวณ ทางทศิ ใตข้ องเมอื งคนุ หมงิ ตอ่ ไปจนจรดชายแดนเวยี ดนามปจั จบุ นั ภายหลังการล่มสลายของราชวงศฮ์ ั่น ในคริสตศ์ ตวรรษที่ 3 ตระกูล น้ีได้กลายเป็นเจ้าปกครองมณฑล น่ีคือดินแดนที่มีกลุ่มคนไท-ไต และแม้ว-เย้าอาศัยอยู่ ส่วนด้านทางตะวันตกกับตะวันตกเฉียงใต้ ของมณฑลนก้ี ม็ ผี คู้ นทค่ี รอบครองอยแู่ ลว้ และจนี เรยี กวา่ หว-ู หมา่ น (Wu-man) หรือ “คนปา่ -คนเถ่ือนดำ�” พวกนพ้ี ูดภาษาในตระกูล 18 ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสงั เขป
ทิเบต-พมา่ คล้ายกบั พวก “โลโล่” หรอื “ละหุ” ท่กี ็ยังอาศัยอยูใ่ น ดนิ แดนแถบน้ี พวกหว-ู หมา่ นแหง่ ยนู นานตะวนั ตกนแ่ี หละทใ่ี นครสิ ต์ ศตวรรษท่ี 7 ไดก้ ลายเป็นศนู ย์กลางของรฐั น่านเจา้ ภายในคริสต์ศตวรรษท่ี 7 ชาวจีนก็ได้เข้ามาครอบครอง ยนู นานไดถ้ งึ ครง่ึ หนงึ่ การปกครองของจนี ขยายไปทางตะวนั ตกจน จรดแมน่ �้ำ โขง แตใ่ นไม่ช้าจนี กต็ ้องต้งั รบั การขยายตวั ของทิเบต ซึง่ คกุ คามตอ่ จนี ตามชายแดนตะวนั ตกเฉยี งใตใ้ นยนู นานและในเสฉวน จนี พยายามรกั ษาความมนั่ คงทางชายแดนดว้ ยการเปน็ พนั ธมติ รกบั แว่นแคว้นในท้องถิ่น พันธมิตรหน่ึงดังกล่าวก็คือ พระเจ้าพีล่อโก๊ะ หน่ึงในหกของเจ้าแว่นแคว้นเล็กๆ รอบทะเลสาบต้าลี่ ในยูนนาน ตะวนั ตก พระเจ้าพลี ่อโกะ๊ ถอื ว่ารฐั เลก็ รฐั น้อย 6 รฐั นอี้ ยูภ่ ายใตก้ าร ปกครองของตน ตงั้ แตป่ ระมาณ พ.ศ. 1273 (730) และเมอ่ื พ.ศ. 1281 (738) กไ็ ดร้ บั การรบั รองจากราชส�ำ นกั จนี ใหเ้ ปน็ “เจา้ แหง่ ยนู นาน” ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจีนกับ “เจา้ ทางใต้ (น่านเจ้า)” ด�ำ เนินไปฉัน มติ ร จนกระทงั่ ประมาณ พ.ศ. 1283 (740) แตก่ ก็ ลบั เลวรา้ ยลงอยา่ ง รวดเร็ว ในทศวรรษต่อมา ภายใตล้ ูกชายของพลี ่อโกะ๊ เอง คอื โก๊ะ ล่อฝง ระหวา่ ง พ.ศ. 1295-97 (752-54) จีนส่งทัพไปโจมตีน่านเจา้ ถงึ 4 ครง้ั แตท่ กุ ครงั้ กถ็ กู กองก�ำ ลงั ของโกะ๊ ลอ่ ฝงตแี ตกกลบั มา และ น่านเจ้าก็ขยายการปกครองของตนเหนือยูนนานตะวันออกกับ กยุ้ โจวตะวนั ตก และเมอื่ จนี ยงุ่ อยกู่ บั การกบฏ แรงกดดนั ตอ่ นา่ นเจา้ ก็ลดถอยลง และการสถาปนาจักรวรรดิใหม่นี้ในเขตตะวันตกเฉียง ใต้ กเ็ กดิ ขนึ้ ดว้ ยการตงั้ เมอื งหลวงทส่ี องทเี่ มอื งคนุ หมงิ ใน พ.ศ. 1307 (764) จดหมายเหตุร่วมสมัยท่ีครอบคลุมเร่ืองน่านเจ้าได้ดีสุด คือ “หมา่ นช”ู (Man Shu) ทเี่ ขยี นขนึ้ โดยขา้ ราชส�ำ นกั จนี เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 1403 (860) เอกสารนช้ี ้ใี หเ้ หน็ ถงึ รัฐก่งึ ทหารท่ไี ด้รบั การจัดต้ัง 1 | เบ้ืองแรกประวัติศาสตร์ไท-ไต 19
เปน็ อย่างดี ปกครองอยูเ่ หนอื หลายกลมุ่ ชาติพันธุ์ ในแง่การบริหาร นั้น แบ่งเป็น 6 “คณะกรรมการ” หรือ กรม ต่างรับผิดชอบการ สงคราม การประชากรและรายได้ การรับรองแขกต่างประเทศ การ ลงโทษทณั ฑ์ การแรงงาน และการระดมพล เหนอื อ�ำ นาจและสถานะ ของคณะกรรมการชุดน้ี กจ็ ะมี “อคั รเสนา 12” ซึง่ “แต่ละวนั ๆ ..... ตอ้ งเขา้ เฝา้ “นา่ นเจา้ ” เพอื่ พจิ ารณาขอ้ ราชการ และยงั มี “ขา้ ราชการ บริสทุ ธ์ยิ ุตธิ รรม” ท้ัง 6 ท่ีทำ�หนา้ ทเี่ สมือนเปน็ องคมนตรีของเจา้ อีก ดว้ ย”2 การปกครองนร้ี วมถงึ ล�ำ ดบั ขน้ั ของเจา้ หนา้ ท่ี จากระดบั หวั หนา้ ทดี่ แู ลหนง่ึ รอ้ ยครวั เรอื น ไปจนถงึ เจา้ เมอื งทคี่ วบคมุ ครวั เรอื นถงึ หนง่ึ หมื่น หวั หน้าครอบครวั ทเ่ี ปน็ ชายจะต้องชำ�ระภาษเี ป็นขา้ วปริมาณ 18 ลิตร รวมทงั้ ยังอาจตอ้ งถูกเกณฑ์ไปไพรพ่ ลทหาร กองทพั ดึงดูด เด็กหนุ่มให้มาร่วมฝึกฝนเมื่อว่างจากงานการเกษตร กองทัพน่าน เจา้ มปี ระสทิ ธภิ าพ มพี ลงั มวี นิ ยั ดี และมผี ลสำ�เรจ็ เปน็ อยา่ งดใี นการ สู้รบ น่านเจ้าเป็นมหาอำ�นาจใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทาง ตอนเหนอื และทางเอเชยี ตะวนั ออกทางตอนใตเ้ ปน็ เวลาหลายศตวรรษ กองทัพน่านเจ้าสร้างแรงกดดันต่ออาณาจักรพยูในพม่าภาคกลาง จโู่ จมตดี นิ แดนทใี่ นปจั จบุ นั คอื พมา่ ตอนใต้ กบั ไทยตอนเหนอื นา่ น เจ้ายังส่งกองทัพไปโจมตีเขมรเจนละ และมีบันทึกกล่าวไว้ว่า “ไป ไกลถึงชายฝ่ังทะเล” ทัง้ ยงั ส่งกองทพั ไปตีอนั นมั (เวยี ดนามเหนอื ) ดินแดนในอารักขาของจีน ต่อจากน้ันอำ�นาจของน่านเจ้าก็ค่อยลด ลง จนี กลบั ฟนื้ ตวั ขน้ึ มาใหม่ เวยี ดนามเปน็ อสิ ระ (พ.ศ. 1482 (939)) และพัฒนาการใหม่ก็เร่ิมก่อรูปขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอน เหนือ ความส�ำ คญั ของนา่ นเจา้ ตอ่ ประวตั ศิ าสตรข์ องกลมุ่ คนไท-ไต ไม่ได้อยทู่ ่ีว่า ใครคือเจ้าผปู้ กครอง ซึ่งก็ไมใ่ ชเ่ ปน็ คนไท-ไต เจา้ ของ 20 ประวัตศิ าสตร์ไทยฉบับสังเขป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 687
Pages: