๗๕๖ คู่มือครูและแผนจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) เปา้ หมายของการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ิศาสตร์ ๑. เพื่อให้ผ้เู รียนรูจ้ กั คิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ รู้จกั ใชเ้ หตผุ ลในการวเิ คราะหแ์ ละตัดสินใจ ๒. เพื่อจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความคิดโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ เพ่ือให้เข้าใจ อยา่ งคนคิดเป็น มีความรู้และมีทักษะในการใชว้ ธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์เพ่อื ใหเ้ ขา้ ถงึ ความจรงิ ๓. เพอื่ ให้เขา้ ใจถึงความเปน็ เหตเุ ป็นผลในสังคมมนษุ ย์ว่าเหตุการณ์ในอดีตย่อมมีอิทธิพลต่อ ภาวะความเปน็ อยขู่ องสงั คมในปัจจุบัน และสง่ิ ท่ีเป็นอยใู่ นปัจจุบันกม็ ีอทิ ธพิ ลตอ่ อนาคต ๔. ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความเป็นมาของชาติบ้านเมือง เห็นความเสียสละ ความมานะ บากบ่นั ความพยายามและความสามารถ อันก่อใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ รักชาติบ้านเมืองของตนเอง ๕. ช่วยให้ผู้เรียนมีความคุ้นเคยกับสิ่งที่เป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์ และเกิดความ สนกุ สนานสนใจในการสืบคน้ เรอื่ งราวในอดีต การจัดกระบวนการเรียนรู้ประวัติศาสตร์จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจและ ประสบการณ์เก่ียวกับประวัตศิ าสตร์ รวมทั้งได้ฝึกฝนทักษะการคิดและพัฒนาเจตคติท่ถี ูกต้องโดยการเช่ือมโยง เรื่องราวทางประวัติศาสตร์กับการคิดวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานที่เป็นข้อมูลที่เป็นจริงในอดีต คิดวิพากษ์วิจารณ์ อย่างมีเหตุผล และคิดตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ จากการโยงเข้าหากับปัญหาในปัจจุบัน ซึ่งหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ให้ความสาคัญกับการศึกษาแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ประวัติความเป็นมาในท้องถิ่น เพ่ือให้นักเรียนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและความ เข้าใจให้กับผู้เรียนได้มากยิ่งขึ้น ครูผู้สอนสามารถนามาจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนปฏิบัติได้ แนวทางการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์มีหลากหลายวิธีท่ีน่าสนใจ เช่น การจัดค่ายประวัติศาสตร์ โครงงาน ประวตั ศิ าสตร์ การทัศนศกึ ษา การแสดงบทบาทสมมตุ ิ การเรียนรู้วิชาประวัตศิ าสตร์ท่ีแท้จริงและมีประสิทธภิ าพ คือ การปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจ และ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนไดส้ มั ผสั และลงมือปฏิบัตกิ จิ กรรมอย่างหลากหลาย เป็นการเรียนรู้ทม่ี ีกระบวนการเพราะ การเรียนจะเริ่มต้นต้ังแต่การวางแผนการเรียน การดาเนินการตามแผนที่กาหนด การนาข้อมูลมาวิเคราะห์ การสรปุ และการเรยี บเรียงโดยใชว้ ิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ซึง่ ผ้เู รยี นจะตอ้ งลงมือสงั เกต ปฏิบตั ิ ศกึ ษา ค้นคว้า และถกเถียงในสิ่งที่พบเห็น ท้ังนี้ครูต้องดาเนินการจัดกิจกรรมในลักษณะที่ผู้เรียนสามารถทาได้ในระบบกลุ่ม หรือรายบุคคล ส่งเสริมการปฏิบัติกิจกรรมนอกเวลาเรียน ซ่ึงจะทาให้เกิดความหลากหลายในกระบวนการ เรียนรู้ และเกิดความรู้ใหม่ท่ีได้จากประสบการณ์ตรง เป็นความรู้ที่ทันสมัยและใกล้ตัวซึ่งสามารถนาไปใช้ใน ชีวิตจริง เพื่อสร้างสานึกความเป็นไทยและรักมาตุภูมิถ่ินฐานของตนเอง ตลอดจนการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของ ประเทศ การออกแบบและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์จะต้องคานึงถึงองค์ประกอบท้ัง ความรู้ ทักษะและเจตคติเพื่อใช้ในการปลูกฝังและส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดหรือมีวิธีการคิด ดังนน้ั การจัดการเรยี นรตู้ อ้ งเน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั และส่งเสริมการจัดแหล่งเรียนรูท้ ี่หลากหลายอันเป็นพน้ื ฐาน ของการเสริมสร้างความรู้ ความคิด ประสบการณแ์ ละปลกู ฝังเจตคติทด่ี ีในสังคมอยา่ งมีคณุ ภาพ เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ทัศนศึกษานอกสถานท่ี การเรียนรู้จากห้องสมุด แหล่งเรียนรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน งานวิเคราะห์จากการศึกษา
คาชแี้ จงรายวิชาประวัติศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๗๕๗ ภาคสนาม พิเคราะห์แหล่งข้อมูล การสอนแบบให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยอิสระจากศูนย์การเรียนรู้และการเรียนรู้ ตามความสนใจ การสอนวชิ าประวัติศาสตรไ์ มค่ วรจาเจอยูใ่ นหอ้ งเรยี นอยา่ งเดียว การเรียนรู้โดยผู้เรียนลงมือปฏิบัติ ได้แก่ เกม การศึกษาสถานการณ์จาลอง กรณีตัวอย่าง บทบาทสมมุติ โครงงาน การเรียนการสอนท่ีเน้นกระบวนการกลุ่ม ประกอบด้วย การอภิปรายกลุ่มย่อย การแกป้ ัญหากลมุ่ สืบค้นความรู้ กลุม่ สัมพนั ธ์ การเรยี นร้แู บบรว่ มมอื การอภปิ ราย การเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิด ได้แก่ การแก้สถานการณ์ การถามตอบ การสืบสอบ ความคิดรวบยอด การพัฒนากระบวนการคิด การใช้ทักษะกระบวนการ การสอนโดยกระบวนการวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ การสอนโดยใช้วิธีการตั้งประเด็นคาถามผู้เรียน การเรียนการสอนโดยใช้แผนผังความคิด (Graphic Organizers) การเรียนการสอนกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสอนกระบวนการคิด ๑๐ มิติ การคิดเปรียบเทียบ การคิดสังเคราะห์ การคิดประยุกต์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การคิดกลยุทธ์ การคดิ บรู ณาการ การคิดมโนทัศน์ การคดิ อนาคต การคดิ วพิ ากษ์ การเรียนร้ผู ่านส่อื เทคโนโลยี ไดแ้ ก่ โปรแกรมสาเรจ็ รปู ชดุ การสอน ชดุ การสอนรายบคุ คล ชุดการสอนสาหรบั การเรยี นเปน็ กลมุ่ ย่อย ชุดการสอนประกอบคาบรรยายของครู คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน และ การนาเสนอโดยวีดทิ ศั น์ นอกจากน้นั ครูผูส้ อนต้องจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทใ่ี ห้ผู้เรียนไดเ้ รียนรูอ้ ยา่ งมีความหมาย โดย การร่วมมือระหว่างครูกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้เรียน ครูต้องลดบทบาทในการสอนโดยเป็นผู้ชี้แนะ กระตุ้นให้ ผู้เรยี นกระตอื รือร้นทจ่ี ะเรียนรู้ และปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ มากขนึ้ และอย่างหลากหลาย ดงั นี้ ๑) ควรให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลาด้วย การกระตุ้นให้ นกั เรยี นลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละอภปิ รายผล เชน่ แบง่ กลมุ่ ใหอ้ ภปิ ราย แสดงบทบาทสมมตุ ิ จดั นทิ รรศการดว้ ยตนเอง โดยใชเ้ ทคนิคต่าง ๆ ของการสอน เช่น การนาเขา้ สู่บทเรียน การใช้คาถาม การเสริมพลังมาใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ทจ่ี ะทาให้การเรยี นการสอนนา่ สนใจและมชี วี ติ ชวี า ๒) ครูควรมีการวางแผนการใชค้ าถามอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ เพอื่ จะนานกั เรียนเขา้ สบู่ ทเรียน และลงขอ้ สรุปได้โดยท่ีไมใ่ ชเ้ วลานานเกินไป ครูควรเลือกใชค้ าถามทมี่ ีความยากง่ายพอเหมาะกบั ความสามารถ ของนักเรียน ๓) เมื่อนักเรียนถาม อย่าบอกคาตอบทันที ควรให้คาแนะนาที่จะช่วยให้นักเรียนหาคาตอบ ได้เอง ครูควรให้ความสนใจต่อคาถามของนักเรียนทุก ๆ คน แม้ว่าคาถามน้ันอาจจะไม่เก่ียวกับเรื่องที่กาลัง เรียนอยู่ก็ตาม ครูควรจะชี้แจงให้ทราบและเบนความสนใจของนักเรียนกลับมาสู่เรื่องที่กาลังอภิปรายอยู่ สาหรับปัญหาที่นักเรียนถามมานนั้ ควรจะได้หยิบยกมาอภิปรายในภายหลัง ๔) การสารวจตรวจสอบซ้า เป็นสิ่งจาเป็นเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือ ดังนั้น ในการจัด การเรยี นรคู้ รคู วรยา้ ใหน้ ักเรียนไดส้ ารวจตรวจสอบซ้าเพื่อนาไปสู่ข้อสรุปทถี่ กู ต้องและเชือ่ ถอื ได้ ครูควรเลือกเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนจริงหรือกาลังเกิดขึ้นกับสังคมมาเป็นตัวอย่างในการสอน วิชาประวัติศาสตร์ นักเรียนจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงเหตุการณ์ของคนทั่วไปมาเกร่ินนาเพื่อโยงสัมพันธ์กับ เรื่องท่ีสอน หรือนาเหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดขึน้ มาอภิปราย ร่วมกันกาหนดหวั ข้อให้ครอบคลุมเรื่องท่สี อน นักเรียนได้ ปฏบิ ัตจิ รงิ หรอื สร้างสถานการณจ์ าลองใหท้ ดลองปฏบิ ัติ
๗๕๘ คูม่ ือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) ๓. สอ่ื การจัดการเรยี นร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ สื่อการจัดการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนได้รับ ความรู้ ทักษะกระบวนการได้ง่ายในระยะเวลาส้ันและช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดอย่างถูกต้องและรวดเร็ว สือ่ ทป่ี รากฏในแผนการจดั การเรียนร้มู ีดังนี้ ๑) ใบความรู้ ใบงาน แผนภาพนาเสนอข้อมลู ๒) บัตรภาพ ๓) เกม/เพลง/นทิ าน ๔) คลปิ /วดิ ทิ ศั น์/ภาพขา่ วสถานการณป์ จั จุบนั ๕) สถานการณ์สมมุติ ๖) สือ่ บคุ คล แหลง่ เรียนรู้ เป็นเครอ่ื งมอื สรา้ งคุณลักษณะการใฝ่เรียนรทู้ ีท่ กุ คนตอ้ งใฝ่รู้ตลอดชวี ิต ดังน้ี ๑) แหลง่ เรียนรภู้ ายในโรงเรียน ๒) แหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรียน ได้แก่ ชุมชน ท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง หอ้ งสมดุ ประชาชน ห้องสมุดแห่งชาติ สถานท่ีสาคัญทางประวัติศาสตร์ ห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีสาคัญและเป็นหัวใจสาคัญของผู้เรียนในการศึกษาค้นคว้า โรงเรียน ควรจัดห้องสมุดกลาง ห้องสมุดหมวดวิชา มุมหนังสือในห้องเรียน ห้องสมุดเคล่ือนที่ รถเคลื่อนท่ี ห้องสมุด ประชาชน ล้วนเป็นแหล่งเรียนรู้จะทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีในการส่งเสริมนิสัยรัก การอ่าน ๓) แหลง่ เรียนรอู้ อนไลน์ - สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน - สานกั หอสมดุ มหาวิทยาลยั ต่าง ๆ - กระทรวงวัฒนธรรม ฯลฯ ๔. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์สาคัญของการประเมินการเรียนรู้คือการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ ท่ีผู้สอนหรือหลักสูตรวางไว้ ปัญหาที่พบในปัจจุบันก็คือ ผู้บริหาร ผู้สอน ตลอดจนผู้ปกครองเป็นจานวนมาก ยังให้ความสาคัญการเรียนรู้แบบท่องจาเพื่อสอบ หรือการเรียนรู้เพื่อแข่งขัน ซ่ึงถือเป็นการเรียนรู้แบบผิวเผิน มากกว่าการประเมินการเรียนรู้ระหว่างเรียน การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง ซ่ึงผลลัพธ์ของการเรียนรู้จะยั่งยืน กว่า (กุศลนิ มุสิกลุ , ๒๕๕๕; ขจรศกั ด,์ิ เพ็ญจนั ทร์ และวรรณทิพา รอดแรงคา้ , ๒๕๔๘) ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนนั้นจาเป็นต้องมีการประเมิน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ต้ังแต่เริ่มต้นระหว่างและส้ินสุดกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้การประเมินในรูปแบบที่ หลากหลายสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้รูปแบบการประเมินการเรียนรู้ ได้แก่ การประเมิน การเรียนรู้ระหว่างเรียน (Formative Assessment) การประเมินการเรียนรู้สรุปรวม (Summative Assessment) และการประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ในการประเมินเพ่ือ พัฒนาการเรียนรู้และการประเมินตามสภาพจริงน้ัน ผู้สอนจาเป็นต้องสะท้อนการประเมินให้ผู้เรียนรับทราบ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาตนเอง และผู้สอนต้องนาผลการประเมินมาพิจารณาเพื่อทบทวนและปรับแผนการจัด
คาช้แี จงรายวิชาประวตั ิศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๗๕๙ การเรียนรู้เพ่ือให้สามารถดาเนินการแก้ไข ชว่ ยเหลือ หรือหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนแตล่ ะคนเกิดการ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามแต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้หรือเป้าหมายของตัวช้ีวัดต่าง ๆ (กุศลิน มุสิกุล, ๒๕๕๕) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพ้ืนฐาน 2 ประการ คือ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน และเพื่อการตดั สินผลการเรียน ในการพฒั นาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบความสาเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซ่ึงเปน็ เป้าหมายหลักในการวดั และประเมินการเรียนรใู้ นทกุ ระดับ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๒) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ทป่ี รากฏในแผนการจดั การเรียนรู้ ให้ความสาคญั ของการประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏิบัติ ดังน้ี ๑) วิธกี ารประเมิน (๑) การวัดและประเมินก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อม และความรู้เดิมของผู้เรียน (ผสมผสานในกิจกรรมการเรียนรู้ขัน้ นา) (๒) การวดั และประเมนิ ระหว่างเรียน ได้แก่ ด้านความรู้ ทกั ษะการปฏบิ ตั ิ และคณุ ลักษณะ โดยวิธีการสังเกตพฤติกรรม ถามตอบพร้อมแสดงเหตผุ ล ตรวจช้ินงาน การนาเสนอ (ผสมผสานในกิจกรรม การเรยี นรู้ขนั้ สอน) จดุ มุ่งหมายของการประเมนิ ระหวา่ งเรยี น มดี ังน้ี (๒.๑) เพื่อค้นหาและวินิจฉัยว่าผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเนื้อหา มีทักษะความชานาญ รวมถึงมีเจตคติทางการเรียนรู้อย่างไรและในระดับใด เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สอนสามารถวางแผนการจัด กจิ กรรมการเรียนรูไ้ ด้อย่างเหมาะสม เพ่ือพฒั นาการเรยี นรูข้ องผู้เรียนได้อยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ (๒.๒) เพื่อใช้เป็นขอ้ มูลป้อนกลับใหก้ ับผูเ้ รยี นว่ามีผลการเรยี นร้อู ย่างไร (๒.๓) เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการสรุปผลการเรียนรู้และเปรียบเทียบระดับพัฒนาการด้าน การเรียนรู้ของผเู้ รียนแตล่ ะคน (๓) การวัดและประเมินหลังเรียน เพ่ือตรวจสอบความสาเร็จตามจุดประสงค์รายแผน เป็นการพัฒนาในจุดท่ีผู้เรียนอาจจะเข้าใจคลาดเคล่ือนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง (ผสมผสานในกิจกรรมขั้นสรุป) และเพื่อตัดสินผล การจัดการเรียนรู้ เป็นการประเมินหลังจากผู้เรียนได้เรียนไปแล้ว ผลจากการประเมิน ประเภทน้ีใช้ประกอบการตัดสินผลการจัดการเรียนการสอน หรือตัดสินใจว่าผู้เรียนคนใดควรจะได้รับ ระดับคะแนนใด (๔) ประเมนิ รวบยอดเมอื่ ส้นิ สุดหน่วยการเรยี นรู้ ดาเนนิ การดังน้ี การประเมินโดยครูผู้สอน เพ่ือตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนว่าบรรลุเป้าหมายของหน่วยการ เรียนรู้ตามมาตรฐาน ตัวช้ีวัด สมรรถนะ คุณลักษณะ และเจตคติ หรือไม่ เช่น การทาโครงงาน การนาความรู้ ไปใช้เพ่อื พัฒนาสงั คมในรูปแบบต่าง ๆ การประเมินโดยผู้เรียนแต่ละคน โดยการทาแบบบันทึกการเรียนรู้ (Learning logs) ควร ให้ผ้เู รียนได้ประเมินการเรยี นรู้ของตนเอง เพอื่ เปิดโอกาสได้สะท้อนคิดสง่ิ ที่เรียนรทู้ ัง้ ทที่ าได้ดีและยังต้องพัฒนา (ตัวอย่างแบบบันทึกการเรียนรู้ ดูภาคผนวก ค.) ควรให้ผู้เรียนได้ประเมินการเรียนรู้ย่อยหลังจบการเรียนรู้แต่ ละหน่วยการเรียนรู้ และประเมินการเรียนรู้รวมในช่วงกลางภาคเรียน และปลายภาคเรียน โดยครูสามารถ เลือกใชช้ ุดคาถามและจานวนข้อให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน ชว่ งเวลา และธรรมชาติของแต่ละวิชา ท้ังน้ี
๗๖๐ คมู่ อื ครูและแผนจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) ในคร้ังแรกครูควรทาร่วมกับนักเรียนเพื่อแนะนาวิธีการเขียนแบบสะท้อนคิด และควรอ่านสิ่งที่นักเรียนบันทึก พร้อมให้ข้อมูลย้อนกลับ เสนอแนะในเชิงบวกและสร้างสรรค์ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลในแบบบันทึกเพ่ือ พฒั นาการสอนของตัวเองและช่วยเหลือนักเรียนเป็นรายบุคคลต่อไป ๒) ผู้ประเมิน ได้แก่ เพื่อนประเมินเพื่อน ครูประเมินผู้เรียน ผู้เรียนประเมินตนเอง และ ผปู้ กครองรว่ มประเมิน ๕. คาแนะนาบทบาทครปู ลายทางในการจัดการเรยี นรู้ ครูปลายทางควรมีบทบาทการสอนคู่ขนานกับครูต้นทางในการกากับดูแลช่วยเหลือนักเรียนในทุก ข้ันตอนการสอน ดงั น้ี ๑) ขนั้ เตรียมตัวก่อนสอน (๑) ศึกษาทาความเข้าใจคาช้ีแจงและทาความเข้าใจเช่ือมโยง ทั้งเป้าหมาย กิจกรรมและการ วัดผลและประเมินผลระหว่างหนว่ ยการเรียนรกู้ บั แผนการจัดการเรียนรูร้ ายชว่ั โมง (๒) ศึกษาค้นคว้าความรู้เพ่ิมเติม จากแหล่งเรียนรู้ หน่วยงาน องค์กรที่ให้ความรู้ที่เชื่อถือได้ รวมทั้งเทคนคิ การจดั การเรียนรู้เพ่อื พฒั นาความสามารถของผู้เรยี นอยา่ งรอบดา้ น (๓) ปรับ/ประยุกต์หรือเพ่ิม เป้าหมายทั้งเนื้อหา ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะท่ีเป็นจุดเน้น และที่เป็นปัจจุบันตามบริบทของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน รวมถึงการวัดประเมินทักษะกระบวนการเรียนรู้ ตามศักยภาพของผ้เู รียน และตามสภาพจรงิ (๔) ศึกษาคลิปบทเรียนท่ีมีการอัปโหลดล่วงหน้าเพอื่ ทาความเข้าใจการจัดกจิ กรรม PowerPoint และส่อื ต่าง ๆ ท่ีครูใชป้ ระกอบการสอน โดยเฉพาะแนวการจัดกจิ กรรมในขั้นตอนชว่ งการปฏิบัติ ทั้งด้านวิธีการ ส่ือที่ใช้ และช่วงเวลาของการทาแต่ละกิจกรรมเพ่ือนามาวิเคราะห์และหาแนวทางเตรียมนักเรียน/ช่วยเหลือ ส่งเสริม/อานวยความสะดวกนักเรียนตามบริบทของห้องเรียนของตนให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตม็ ตามศกั ยภาพ (๕) เตรียมใบงาน (ท่ีคัดเลือกสาหรับมอบหมายให้นักเรียนได้ทาตามเห็นควรและเหมาะสม) รวมทง้ั การเตรียมอุปกรณต์ ามระบุในแผนฯและ/หรอื ทป่ี รากฏในคลิป (ในกรณมี กี ารปรับเปลย่ี นเพิม่ เตมิ ) (๖) ติดตามข้อมูลรายละเอียดการจัดกิจกรรมในช่วงการปฏิบัติตามกาหนดการสอนท่ีมี รายละเอียดของสอ่ื การสอน ใบงาน ใบความรู้ บนเวบ็ ไซต์ www.dltv.ac.th ๒) ข้ันการจดั การเรยี นรู้ (๑) สร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการทากิจกรรม เช่น กระตุ้นใหน้ ักเรียนคิด ตอบคาถามของ ครูตน้ ทาง ฟังเฉลยและช่วยเสรมิ /อธบิ าย/ในสิง่ ท่ีนกั เรยี นยังไมเ่ ข้าใจ ชมเชย/ใหก้ าลงั ใจหากนกั เรยี นทาไดด้ ี (๒) ให้ความช่วยเหลือนักเรียนท่ีตามไม่ทัน เช่นอธิบายเพ่ิมเติมเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ ตอ่ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
คาชีแ้ จงรายวิชาประวตั ศิ าสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๗๖๑ (๓) กากับดูแลให้มีวินัยในการเรียนเช่น ไม่เล่นหรือพูดคุยกัน ปฏิบัติตามคาสั่งในการทากิจกรรม ฯลฯ (๔) อานวยความสะดวกในการเรยี นรู้ เชน่ จัดเตรียมสอ่ื การเรียนร/ู้ อปุ กรณ์ (๕) สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนเช่น คุณลักษณะผู้เรียน, สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น การจัดการเรียนรู้/ การปฏิบัติงาน ความรู้ในบทเรียน และบันทึกข้อมูลตามแนวทางประเมินที่แนะนาไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อนาข้อมลู ไปพัฒนานักเรยี นและใหค้ วามชว่ ยเหลอื นักเรยี นท้งั ช้นั /กลุ่ม/รายบคุ คลตามกรณี ๓) ข้นั การปฏิบัติ (๑) ทบทวนขั้นตอนการทากิจกรรมตามที่ครูต้นทางแนะนา และตามข้อแนะนาการปฏิบัติท่ีระบุ ใน PowerPoint ตรวจสอบความเขา้ ใจ และเตรียมนกั เรยี นก่อนทากิจกรรม (การแบ่งกลมุ่ ฯลฯ) (๒) กากบั ใหก้ ารทากจิ กรรมเปน็ ไปตามลาดบั เวลาตามแนวทางทร่ี ะบุบน PowerPoint (๓) ให้ความช่วยเหลอื นักเรียนในระหวา่ งการทากจิ กรรม (๔) เตรียมพร้อมนักเรียนสาหรับกิจกรรมในขั้นตอนสรุปการเรียน (ถ้ามี) เช่น การสรุปผล ปฏิบตั ิงานเพ่อื เทียบเคียงกับผลงานที่นักเรยี นต้นทางจะนาเสนอ เปน็ ตน้ ๔) ขั้นสรปุ (๑) กากบั นกั เรยี นให้มีส่วนรว่ มในการเฉลยใบงาน/สรปุ ผลการทากิจกรรม ฯลฯ (๒) ทบทวนประเด็นสาคัญที่มีการสรุปท้ายช่ัวโมง และงาน/ใบงานท่ีครูต้นทางมอบหมายให้ทา เปน็ การบ้าน/หรือใบงานทค่ี รูปลายทางไดเ้ ลือกมาใชก้ บั ชั้นเรยี นของตน (๓) จัดให้นักเรียนไดท้ าแบบประเมินตามระบุในหัวข้อ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ (เฉพาะ หลังจบแต่ละหนว่ ยการเรียนรแู้ ละครง่ึ /ปลายภาคเรียน) ๕) การบันทกึ ผลหลงั สอน (๑) บันทึกการจัดการเรียนรู้ของตนเอง โดยใช้ข้อมูลจากแบบสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนระหว่าง เรียน และแบบประเมินตนเอง บันทึกการเรียนรู้ของนักเรียนเพ่อื วเิ คราะห์เทคนิค หรอื วธิ กี ารใด ทท่ี าใหผ้ เู้ รยี น มสี ว่ นร่วม มคี วามรู้ มที กั ษะ และคณุ ลักษณะตามจุดประสงค์ (๒) บันทึกสาเหตุของความสาเร็จ อุปสรรค และ/หรือข้อจากัดที่เกิดข้ึน เช่น เทคนิค หรือ วิธีการใด การบริหารจัดการชั้นเรียน การจัดบรรยากาศ ส่ิงแวดล้อมอย่างไร ฯลฯ ท่ีทาให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม มีความรู้ มีทักษะ และคุณลักษณะตามจุดประสงค์ โดยใช้คาถามที่ให้ไว้ใน “คาถามบันทึกผลหลังสอนสาหรับ ครูปลายทาง” (ดภู าคผนวก ค.) เป็นแนวทางในการย้อนคิด ไตร่ตรองสิ่งท่ีเกิดขึ้นและนาไปบนั ทึกผลหลังสอน ของชว่ั โมงน้ัน ๆ (๓) วิเคราะห์และสรุปผลจากข้อมูลตามปัญหา/ความสาเร็จท่ีเกิดข้ึน และเสนอแนวทาง การปรับปรุง เพ่ือนามาพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และช่วยเหลือ/ส่งเสริมนักเรียนในการจัดการเรียนรู้ในคร้ัง ต่อไป รวมทง้ั นาไปใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลเพ่อื พัฒนาเป็นงานวิจัยในช้ันเรยี นตอ่ ไป
๗๖๒ คูม่ ือครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ วิชาประวตั ศิ าสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษาสืบค้นความเป็นมาของท้องถ่ินจากหลักฐานท่ีหลากหลาย ทางประวัติศาสตร์ ความแตกต่าง ระหว่างความจริงกับข้อเท็จจริงเก่ียวกับเร่ืองราวในท้องถิ่น อารยธรรมของอินเดียและจีน และอิทธิพลของ วัฒนธรรมต่างชาติพฒั นาการของอาณาจักรอยุธยาและธนบุรี ปจั จัยที่ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกจิ และการปกครอง บอกประวตั ิและผลงานของบคุ คลสาคญั ทีน่ า่ ภาคภูมิใจอธบิ ายภมู ิปญั ญาไทยท่สี าคญั โดยวิเคราะห์ความสาคัญ สืบค้น ค้นคว้าความเป็นมาของท้องถ่ินโดยใช้หลักฐานที่หลากหลาย รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยาและธนบรุ ี ปัจจัยท่ีส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ทางเศรษฐกจิ และการปกครอง บอกประวัติและผลงานของบุคคลสาคญั ทน่ี า่ ภาคภูมใิ จอธบิ ายภูมิปญั ญาไทยที่ สาคัญ และมีความรู้ ความ เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วิธีการอย่างเป็นระบบ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพันธ์และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณอ์ ยา่ งต่อเน่อื ง ตระหนักถงึ ความสาคัญและสามารถวิเคราะห์ผลกระทบท่ีเกดิ ขนึ้ ได้ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภมู ิใจและธารงความเป็นไทย รหัสตัวช้ีวัด ส ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ส ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ส ๔.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ รวมทั้งหมด ๙ ตัวชีว้ ดั
คาช้แี จงรายวิชาประวตั ิศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๗๖๓ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด รหสั วิชา ส๑๕๑๐๒ รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี ๑ รวมเวลา ๒๐ ชั่วโมง สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสาคญั ของเวลาและยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ สามารถใช้วิธกี ารทาง ประวตั ิศาสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างเปน็ ระบบ ตวั ชว้ี ัด ป.๕/๑ สบื ค้นความเป็นมาของทอ้ งถ่ินโดยใชห้ ลักฐานทหี่ ลากหลาย ป.๕/๒ รวบรวมข้อมลู จากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพอื่ ตอบคาถามทางประวัติศาสตร์ อยา่ งมเี หตุผล ป.๕/๓ อธบิ ายความแตกต่างระหวา่ งความจรงิ กับข้อเทจ็ จริงเกีย่ วกับเรอ่ื งราวในทอ้ งถิ่น สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนษุ ยชาติจากอดตี จนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพนั ธ์และการเปล่ียนแปลง ของเหตกุ ารณ์อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถวิเคราะห์ผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ ตัวช้ีวัด ป.๕/๑ อธิบายอทิ ธพิ ลของอารยธรรมอินเดยี และจนี ที่มตี อ่ ไทย และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้โดยสงั เขป ป.๕/๒ อภปิ รายอิทธพิ ลของวฒั นธรรมต่างชาตทิ ม่ี ตี ่อสงั คมไทยปัจจบุ นั โดยสังเขป
๗๖๔ คูม่ ือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) โครงสร้างรายวิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส๑๕๑๐๒ รายวชิ าประวัติศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ รวมเวลา ๑๘ ชว่ั โมง หน่วย ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐานการ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนัก ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน ๑ ย้อนรอยไทย ส ๔.๑ : ป.๕/๑ การศกึ ษาเร่ืองราวทาง ๖ ๑๗ : ป.๕/๒ ประวตั ศิ าสตร์หรือความเปน็ มาของ : ป.5/3 ทอ้ งถ่ินมขี ้อมลู หลกั ฐานทีเ่ ปน็ จริง สามารถตรวจสอบท่มี าของหลกั ฐาน ได้ โดยใช้วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ จะทาใหข้ อ้ มูลทีไ่ ด้มคี วามถูกตอ้ ง และชัดเจน หลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์เป็นสิ่งที่ชว่ ยยนื ยนั เรอื่ งราวทางประวตั ศิ าสตร์ การ นาเสนอเรื่องราวทางประวตั ิศาสตร์ จะตอ้ งไมข่ ัดแย้งกบั หลกั ฐานทาง ประวัติศาสตร์ 2 อิทธพิ ลของ ส ๔.๒ : ป.๕/๑ การศึกษาลักษณะอทิ ธพิ ล ๑๒ ๓๓ อารยธรรม ป.๕/๒ อารยธรรมของอินเดยี และจนี ตา่ งชาตทิ ีม่ ีต่อ สามารถศกึ ษาไดจ้ ากร่องรอยการตั้ง ไทย หลักแหล่งและพฒั นาการดารงชวี ติ ของมนุษยใ์ นยุคสมยั น้นั ๆ การเข้า มาของอารยธรรมอินเดียและจีนใน ดนิ แดนไทยและภมู ภิ าคเอเชีย ตะวันออกเฉยี งใต้และอารยธรรม อินเดียและจนี ทมี่ ตี อ่ ไทย เช่น ศาสนาและความเชอ่ื ภาษา การแตง่ กาย อาหาร ดนตรี รวมตลอดภาคเรียน ๑๘ ๕๐
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เร่อื ง วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ ๗๖๕ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
๗๖๖ ค่มู ือครูและแผนจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ เรือ่ ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖ ช่วั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั สาระท่ี ๔ ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการ ทางประวตั ิศาสตรม์ าวเิ คราะห์เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ตวั ชวี้ ดั ป.๕/๑ สบื ค้นความเป็นมาของท้องถิน่ โดยใช้หลกั ฐานที่หลากหลาย ป.๕/๒ รวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพ่อื ตอบคาถามทางประวตั ศิ าสตร์อยา่ งมีเหตผุ ล ป.๕/๓ อธิบายความแตกตา่ งระหว่างความจริงกับข้อเทจ็ จรงิ เกย่ี วกับเรือ่ งราวในท้องถิน่ ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรือความเป็นมาของท้องถิ่นมีข้อมูลหลักฐานที่เป็นจริงสามารถ ตรวจสอบท่ีมาของหลักฐานได้ โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์จะทาให้ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องและชัดเจน หลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นส่ิงที่ช่วยยืนยันเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์ การนาเสนอเรื่องราวทาง ประวตั ศิ าสตร์จะตอ้ งไมข่ ดั แยง้ กบั หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. ความหมายและการสืบคน้ ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ๒. การสบื ค้นขอ้ มลู โดยการสืบค้นขอ้ มลู จากหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ ๓. แหลง่ ขอ้ มูลและหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ๔. การแยกแยะความจรงิ กบั ข้อเทจ็ จริง ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. นาความรู้เรอื่ งวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ๒. การวเิ คราะห์แยกแยะความจริงกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ๓. ใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการศึกษาวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เจตคติ ๑. ศกึ ษาใฝเ่ รยี นร้คู วามเปน็ มาของท้องถนิ่ โดยใชว้ ธิ ีการทางประวตั ิศาสตรด์ ว้ ยความภาคภูมใิ จ ๒. สามารถอภิปรายถึงประโยชน์ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์และความเป็นมาของ ประเทศเพ่อื นบา้ นได้อยา่ งถูกตอ้ งและมเี หตผุ ล ๓. เห็นประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ โดยใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์และ การสืบค้นการดารงชีวิตของคนในอดีตและปัจจุบันได้อย่างถูกต้องและมีเหตุผลโดยใช้หลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตรใ์ นการสืบคน้
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ๗๖๗ ๔. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ๑. ความสามารถในการสือ่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ชวี ติ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๕. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซ่อื สัตย์ ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. มจี ิตสาธารณะ ๖. มงุ่ มั่นในการทางาน ๖. การประเมนิ ผลรวบยอด ชนิ้ งานหรือภาระงาน ๑. แผนผงั ความคดิ ๒. ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง การสบื ขอ้ มูลโดยใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตร์ ๓. ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง ประเภทของหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ๔. ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง ความจริงกับข้อเท็จจรงิ ทางประวัติศาสตร์
๗๖๘ ค่มู ือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) เกณฑก์ ารประเมินผลช้นิ งานหรอื ภาระงาน ประเดน็ การ 4 (ดมี าก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) ประเมนิ 1. การบรรยาย บรรยายเกีย่ วกบั 3 (ด)ี 2 (พอใช้) บรรยายเกย่ี วกบั จุดประสงค์ จดุ ประสงค์ใน จุดประสงค์ใน การ การสร้างสรรค์ บรรยายเก่ยี วกับ บรรยายเก่ยี วกับ สร้างสรรคผ์ ลงาน 2. ความ ผลงานไดถ้ ูกต้อง จุดประสงค์ใน จุดประสงคใ์ น ได้ถกู ต้องเพยี งส่วน ครอบคลุมของ ชดั เจน การสร้างสรรค์ การสรา้ งสรรค์ นอ้ ย เนื้อหา ผลงานได้ถูกต้อง ผลงานได้ถูกตอ้ ง การนาเสนอเปน็ ไป เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน การนาเสนอเปน็ ไป ตามลาดับขน้ั ตอน ตามลาดับขน้ั ตอน ความถกู ต้องของ การนาเสนอเปน็ ไป การนาเสนอเปน็ ไป ความถกู ตอ้ งของ เน้อื หา ๑๐๐ % ตามลาดบั ขนั้ ตอน ตามลาดับขน้ั ตอน เน้อื หา ๕๐ % ความถกู ตอ้ งของ ความถกู ต้องของ เน้อื หา ๘๐ % เนือ้ หา ๗๐ % 3. ความสวยงาม ใชเ้ ครอ่ื งหมาย ใช้เครอื่ งหมาย ใช้เครอื่ งหมาย ใชเ้ ครอ่ื งหมาย การตกแต่งชิน้ งาน รปู ภาพ สมการ รูปภาพ สมการ รปู ภาพ สมการ รูปภาพ สมการ สัญลกั ษณแ์ ทนกฎ สญั ลักษณแ์ ทนกฎ สญั ลักษณแ์ ทนกฎ สัญลกั ษณแ์ ทนกฎ ทฤษฎี หลกั การ ทฤษฎี หลักการ ทฤษฎี หลกั การ ทฤษฎี หลกั การ นยิ ามตา่ ง ๆ ได้ นยิ ามต่าง ๆ ได้ นิยามตา่ ง ๆ ได้ นยิ ามต่าง ๆ ได้ ถูกต้องและครบถว้ น ถกู ตอ้ งแตค่ รบถ้วน ถูกต้อง ถูกตอ้ ง 4. ความถูกต้อง ใช้สที ี่ช่วยจดจา ใชส้ ีท่ชี ่วยจดจา ใช้สที ่ชี ่วยจดจา ไมใ่ ชส้ ที ชี่ ่วยจดจา เพลนิ ตา สีเดยี ว เพลินตา สีเดียว เพลนิ ตา สเี ดียว เพลินตา สเี ดียว ตลอด แตล่ ะสีไม่ซา้ ตลอด แต่ละสีซ้ากนั ตลอด แตล่ ะสี ตลอด กนั เดียวกนั 5. ความตรงตอ่ ส่งงานครบถ้วนตรง สง่ งานครบถ้วนตรง ส่งงานครบถว้ นตรง ส่งงานครบถว้ นตรง เวลา ตามเวลาทก่ี าหนด ตามเวลาท่กี าหนด ตามเวลาที่กาหนด แตช่ ้ากวา่ กาหนด ๑-๒ วัน ๓-๔ วนั 5 วันข้นึ ไป เกณฑก์ ารตัดสิน คะแนน ๑๖-๒๐ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๑๓-๑๕ หมายถงึ ดี คะแนน ๑๐-๑๑ หมายถึง พอใช้ คะแนน 1-๙ หมายถงึ ปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ น ตัง้ แต่ระดับ ๑๐ คะแนน ขน้ึ ไปผ่าน
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ ๗๖๙ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ขนั้ ตอนวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เวลา 1 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาประวัตศิ าสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสาคญั ของเวลา และยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถใช้วิธกี าร ทางประวตั ศิ าสตร์มาวิเคราะห์เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ ตัวชี้วดั ส 4.1 ป.5/1 สืบค้นความเปน็ มาของท้องถน่ิ โดยใชห้ ลกั ฐานทห่ี ลากหลาย 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การรวบรวม พิจารณาไตร่ตรอง วิเคราะห์และตีความจากหลักฐานแล้วนามาเปรียบเทียบอย่างเป็นระบบ เพอ่ื อธิบายเหตกุ ารณส์ าคัญทีเ่ กิดขน้ึ ในอดีตวา่ เหตใุ ดจงึ เกดิ ขึ้น หรอื เหตุการณ์ในอดีตนน้ั ได้เกดิ และคล่ีคลายอย่างไร 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในความหมายเก่ียวกับวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - เกิดทักษะในการคิดใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตร์ในการสบื คน้ ข้อมูล 3.3 ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) - เห็นความสาคัญของการใชว้ ธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ ข้นั ตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 5.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์ - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 5.2 ความสามารถในการแกป้ ญั หา - กระบวนการสืบค้นข้อมลู 5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ - กระบวนการทางานกล่มุ - กระบวนการปฏบิ ัติ 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๗๗๐ ค ลาดบั ที่ 1. การจดั กจิ กรรมการเรยี น 2. แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื ง ข รายวชิ าประวตั ศิ าสตร จุดประสงค์ ขัน้ ตอนการจดั เวลาทใ่ี ช้ แ การเรียนรู้ การเรียนรู้ กจิ กรรมคร ขัน้ นา 10 นาที 1. ครูตงั้ ประเดน็ คาถ ยกตัวอยา่ งบคุ คลสาค สมเด็จพระนเรศวรมห โดยใช้คาถามเพอ่ื ให้เ กับวิธกี ารทางประวัต 2. ครใู ชค้ าถาม 1) นกั เรยี นรู้จกั บคุ ภาพน้หี รอื ไม่ 2) บคุ คลในภาพน้ีน รู้จักมาจากทใ่ี ด 3) ถ้านกั เรยี นต้องก ขอ้ มลู ประวัตคิ วามเป สมเด็จพระนเรศวรม นกั เรียนควรศกึ ษาด้ว ใด ขั้นสอน 35 นาที 1. ครใู ห้นักเรยี นศึก ความรู้ เรอ่ื ง ข้ันตอ ทางประวตั ศิ าสตร์ 2. ครตู ้ังประเด็นคา
คู่มือครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) นรู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ข้ันตอนวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ ร์ จานวน 1 ชว่ั โมง แนวการจดั การเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนกั เรยี น การเรยี นรู้ ถามโดย 1. นักเรยี นดูภาพ สมเด็จพระ - ภาพสมเดจ็ พระ - การประเมนิ คญั เช่น นเรศวรมหาราช หาราช นเรศวรมหาราช คาตอบ เชอ่ื มโยง - การสังเกต ตศิ าสตร์ 2. นกั เรยี นตอบคาถาม คคลใน 1) แนวคาตอบ นกั เรยี น รู้จัก/ไม่รู้จัก นักเรียน 2) แนวคาตอบ จากการ อ่านหนังสอื /โทรทศั น์ การศกึ ษา 3) แนวคาตอบ การศกึ ษา ป็นมาของ คน้ ควา้ จากหนังสือ,วิธีการ มหาราช ทางประวัติศาสตร์ วยวิธกี าร กษา ใบ 1. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ - ใบความรู้ - การสังเกต อนวิธีการ เรื่อง ขน้ั ตอนวธิ กี ารทาง - PowerPoint ประวัตศิ าสตร์ าถาม 2. นักเรยี นตอบคาถาม
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ลาดับที่ จุดประสงค์ ข้ันตอนการจดั เวลาทใี่ ช้ แ 2. การเรยี นรู้ การเรียนรู้ กจิ กรรมคร 1. มีความรู้ความ เขา้ ใจและ 1) วิธกี ารทาง ความหมายเกี่ยวกบั ประวัตศิ าสตร์ประก วิธีการทาง ดว้ ยกี่ข้ันตอน อะไร ประวัติศาสตร์ 2. เกิดทักษะใน 3. ครใู ห้นกั เรยี นอภ การคดิ ใชว้ ธิ ีการ เก่ียวกบั ข้นั ตอนและ ทางประวตั ศิ าสตร์ ความสาคัญของวธิ ีก ในการสบื ค้นข้อมูล ทางประวตั ศิ าสตร์
แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ ๗๗๑ รู กจิ กรรมนักเรียน การประเมนิ 1) แนวคาตอบ วิธกี ารทาง - PowerPoint การเรยี นรู้ - การประเมิน กอบไป ประวตั ศิ าสตร์ประกอบไปดว้ ย คาตอบ - การสงั เกต รบา้ ง 5 ขัน้ ตอน คอื 1. การกาหนดหวั ข้อทีจ่ ะ ศกึ ษา 2. การรวบรวมขอ้ มลู และ หลักฐาน 3. การตรวจสอบข้อมูลและ หลกั ฐาน 4. การสรุปความรู้ 5. การนาเสนอ ภิปราย 3. นกั เรยี นอภปิ รายเกยี่ วกบั ะ ข้นั ตอนและความสาคญั ของ การ วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ - วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ คือ การรวบรวม พิจารณา ไตร่ตรอง วิเคราะหแ์ ละตคี วาม จากหลักฐานแลว้ นามา เปรยี บเทยี บอยา่ งเปน็ ระบบ เพ่ืออธบิ ายเหตกุ ารณส์ าคญั ที่ เกิดข้ึนในอดตี เหตใุ ดจงึ เกดิ ข้ึน
๗๗๒ จุดประสงค์ ขั้นตอนการจดั เวลาทใี่ ช้ ค การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ลาดบั ท่ี แ 3. กจิ กรรมคร ขั้นปฏิบัติ 4. 3. เห็น ขั้นสรุป 5. ครูใหน้ กั เรยี นสร ความสาคัญของ ประเดน็ สาคญั ขั้นต การใช้วธิ กี ารทาง วิธีการทางประวตั ิศ ประวัติศาสตร์ เป็นแผนผังความคดิ 5 นาที ครูใหน้ กั เรียนรว่ มก ความรู้ เร่ือง วิธกี าร ประวตั ศิ าสตร์ โดยใ นกั เรยี นยกตวั อยา่ ง ท้องถิน่ ของเราทสี่ น พร้อมศกึ ษาขอ้ มูลโด วิธีการทางประวัตศิ
คมู่ อื ครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แนวการจดั การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น - ใบงานแผนผงั ความคิด - ตรวจแผนผงั หรอื เหตุการณ์ในอดีตน้นั ได้ ความคดิ เกิดและคลค่ี ลายอยา่ งไร - การประเมิน รุป 5. นกั เรยี นสรปุ ประเดน็ - การสังเกต ตอนและ สาคญั ข้ันตอนและวธิ ีการทาง พฤตกิ รรม ศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์เป็นแผนผงั ด ความคิด กันสรปุ นกั เรยี นสรปุ ความรเู้ ก่ียว รทาง การศึกษาขอ้ มูลโดยใช้วิธีการ ให้ ทางประวัติศาสตร์ งเก่ียวกับ นใจ ดยใช้ ศาสตร์
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เร่อื ง วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ ๗๗๓ 8. สื่อการเรียนร้/ู แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น ๒. การคน้ คว้าขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต ๓. ภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๔. สือ่ PowerPoint ๕. ใบความรทู้ ่ี 1 เร่ือง ข้นั ตอนวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ **สามารถปรบั เปลยี่ นไดต้ ามบรบิ ทของทอ้ งถน่ิ 9. การประเมินผลรวบยอด ชิน้ งานหรือภาระงาน - ใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เกณฑก์ ารประเมนิ ผลช้นิ งานหรอื ภาระงาน ประเดน็ การวัด วิธกี าร เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ และประเมินผล ความรู้ (K) - ศึกษาจากใบความรู้ เรื่อง - ใบความรู้ เรอื่ ง ขนั้ ตอน ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ข้นั ตอนวิธีการทาง วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ รอ้ ยละ 80 ทกั ษะ (P) ประวตั ิศาสตร์ - แผนผังความคดิ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ - ตรวจแผนผังความคิด ร้อยละ 80 เจตคติ (A) - สงั เกต - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ระดบั คณุ ภาพพอใช้ขึ้นไป คณุ ลักษณะ - ประเมนิ ความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ประเมินระดบั อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ คุณภาพพอใชข้ ้นึ ไป สมรรถนะสาคัญ ของผู้เรยี น - ประเมนิ ความสามารถ - แบบประเมนิ สมรรถนะ ผา่ นเกณฑป์ ระเมินระดบั การคิด การใช้ทักษะชีวิต และการแก้ปญั หา สาคัญของผเู้ รยี น คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป
๗๗๔ คมู่ อื ครแู ละแผนจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) 10. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ............................................ผสู้ อน (...........................................) วันท่ี........เดือน.................พ.ศ............ 11. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ............................................ผูต้ รวจ (...........................................) วันที.่ .......เดอื น.................พ.ศ............
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอื่ ง วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ ๗๗๕ ใบความรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง ข้นั ตอนวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง ข้นั ตอนวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา ส๑๕๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ ขั้นตอนวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ คือ การรวบรวม พจิ ารณาไตร่ตรอง วเิ คราะห์และตีความจากหลักฐานแล้ว นามาเปรียบเทียบอย่างเป็นระบบ เพ่ืออธิบายเหตุการณ์สาคัญท่ีเกิดข้ึนในอดีตว่าเหตุใดจึงเกิดข้ึน หรือ เหตุการณใ์ นอดตี นนั้ ไดเ้ กิดและคลีค่ ลายอยา่ งไร ซง่ึ เปน็ ความมุง่ หมายทส่ี าคญั ของการศกึ ษาประวัติศาสตร์ ข้ันตอนวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ ขน้ั ตอนท่ี ๑ การกาหนดเปา้ หมาย ข้ันตอนแรก นักประวัตศิ าสตร์ต้องมีจุดประสงค์ชดั เจนว่าจะศึกษาอะไร อดีตส่วนไหน สมัยอะไร และ เพราะเหตใุ ด เป็นการต้ังคาถามที่ต้องการศึกษา นักประวัติศาสตร์ต้องอาศัยการอ่าน การสังเกต และควรต้อง มีความรู้กว้าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ในเรื่องน้ัน ๆ มาก่อนบ้าง ซ่ึงคาถามหลักท่ีนักประวัติศาสตร์ควรคานึงอยู่ ตลอดเวลากค็ ือทาไมและเกิดขึน้ อยา่ งไร ขนั้ ตอนท่ี ๒ การรวบรวมข้อมูล หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ให้ข้อมูลมีทั้งหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานที่ไม่เป็น ลายลักษณ์อักษร มีทั้งที่เป็นหลักฐานช้ันต้น (ปฐมภูมิ) และหลักฐานช้ันรอง (ทุติยภูมิ) การรวบรวมข้อมูลนั้น หลักฐานช้ันต้นมีความสาคัญและความน่าเช่ือถือมากกว่าหลักฐานชั้นรอง แต่หลักฐานชั้นรองอธิบายเร่ืองราว ให้เข้าใจได้ง่ายกว่าหลักฐานช้ันต้น ในการรวบรวมข้อมูลประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ควรเริ่มต้นจาก หลักฐานช้ันรองแล้วจึงศึกษาหลักฐานช้ันตน้ ถ้าเปน็ หลักฐานประเภทไม่เป็นลายลักษณ์อกั ษรก็ควรเริ่มตน้ จาก ผลการศึกษาของนักวิชาการท่ีเชี่ยวชาญในแต่ละด้านก่อนไปศึกษาจากของจริงหรือสถานที่จริง การศึกษา ประวัติศาสตร์ท่ีดีควรใช้ข้อมูลหลายประเภทขึ้นอยู่กับว่าผู้ศึกษาต้องการศึกษาเร่ืองอะไร ดังน้ัน การรวบรวม ข้อมูลที่ดีจะต้องจดบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งข้อมูลและแหล่งข้อมูลให้สมบูรณ์และถูกต้องเพื่อการอ้างอิง ทน่ี า่ เช่อื ถอื ขน้ั ตอนที่ ๓ การประเมินคุณค่าของหลักฐาน วิพากษ์ วิธีทางประวัติศาสตร์ คือ การตรวจสอบหลักฐานและข้อมูลในหลักฐานเหล่าน้ันว่ามีความ น่าเชื่อถือหรือไม่ ประกอบด้วยการวิพากษ์หลักฐานและวิพากษ์ข้อมูลโดยขั้นตอนท้ังสองจะกระทาควบคู่กัน ไป เน่ืองจากการตรวจสอบหลักฐานต้องพิจารณาจากเนื้อหาหรือข้อมูลภายในหลักฐานนั้น และในการวิพากษ์ ข้อมูลก็ต้องอาศัยรูปลักษณะของหลักฐานภายนอกประกอบด้วยการวิ พากษ์หลักฐานหรือวิพากษ์ภายนอก การวิพากษ์หลักฐาน (external criticism) คือ การพิจารณาตรวจสอบหลักฐานท่ีได้คัดเลือกไว้แต่ละชิ้นว่ามี ความน่าเช่ือถือเพียงใด แต่เป็นเพียงการประเมินตัวหลักฐาน มิได้มุ่งท่ีข้อมูลในหลักฐาน ดังนั้น ขั้นตอนน้ีเป็น การสกัดหลักฐานที่ไม่น่าเช่ือถือออกไปการวิพากษ์ ข้อมูลหรือวิพากษ์ภายในการวิพากษ์ข้อมูล (internal criticism) คือ การพิจารณาเน้ือหาหรือความหมายท่ีแสดงออกในหลักฐานเพื่อประเมินว่าน่าเชื่อถือเพียงใด โดยเนน้ ถงึ ความถกู ต้อง คุณค่า ตลอดจนความหมายทแ่ี ทจ้ ริง ซ่งึ นับวา่ มีความสาคญั ต่อการประเมินหลักฐานที่ เป็นลายลักษณ์อักษร เพราะข้อมูลในเอกสารมีทั้งท่ีคลาดเคลื่อน และมีอคติของผู้บันทึกแฝงอยู่ หาก นักประวัติศาสตร์ละเลยการวพิ ากษข์ อ้ มลู ผลที่ออกมาอาจจะผิดพลาดจากความเป็นจรงิ
๗๗๖ ค่มู อื ครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) ขนั้ ตอนที่ ๔ การตคี วามหลักฐาน การตีความหลักฐาน หมายถึง การพิจารณาข้อมูลในหลักฐานว่าผู้สร้างหลักฐานมีเจตนาที่แท้จริง อย่างไร โดยดูจากลีลาการเขียนของผู้บันทึกและรูปร่างลักษณะโดยทั่วไปของประดิษฐกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ได้ ความหมายที่แท้จริงซึ่งอาจแอบแฝงโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามในการตีความหลักฐาน นักประวัติศาสตร์จึงต้อง พยายามจับความหมายจากสานวนโวหาร ทัศนคติความเชื่อฯลฯ ของผู้เขียนและสังคมในยุคสมัยน้ัน ประกอบด้วยเพ่ือที่จะได้ทราบว่าถ้อยความนั้นนอกจากจะหมายความตามตัวอักษรแล้วยังมีความหมายท่ี แทจ้ ริงอะไรแฝงอยู่ ข้นั ตอนท่ี ๕ การสังเคราะหแ์ ละการวเิ คราะหข์ ้อมลู จัดเป็นข้ันตอนสุดท้ายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ซ่ึงผู้ศึกษาค้นคว้าจะต้องเรียบเรียงเรื่องหรือ นาเสนอข้อมูลในลักษณะท่ีเป็นการตอบหรืออธิบายความอยากรู้ ข้อสงสัยตลอดจนความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ที่ ได้จากการศึกษาค้นคว้าน้ันในข้ันตอนนี้ ผู้ศึกษาจะต้องนาข้อมูลที่ผ่านการตีความมาวิเคราะห์ หรือแยกแยะ เพ่ือจัดแยกประเภทของเร่ืองโดยเรื่องเดียวกันควรจัดไว้ด้วยกัน รวมทั้งเรื่องท่ีเก่ียวข้องหรือสัมพนั ธ์กัน เรื่องที่ เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน จากน้ันจึงนาเร่ืองท้ังหมดมาสังเคราะห์หรือรวมเข้าด้วยกัน คือ เป็นการจาลอง ภาพบุคคลหรือเหตุการณ์ในอดีตข้ึนมาใหม่ เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์และความต่อเน่ือง โดยอธิบายถึงสาเหตุ ต่าง ๆ ที่ทาให้เกิดเหตุการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผล ทั้งน้ีผู้ศึกษาอาจนาเสนอเป็นเหตุการณ์พ้ืนฐานหรือ เป็นเหตกุ ารณ์เชิงวิเคราะหก์ ไ็ ด้ ขนึ้ อยูก่ ับจดุ มุ่งหมายของการศกึ ษา แหลง่ ท่มี า/อา้ งองิ https://sites.google.com › site › withi-kar-thang-prawatisastr
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ๗๗๗ แบบประเมนิ การนาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น เกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ การประเมนิ ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) 1. การ คล่องแคล่วไมต่ ิดขดั คลอ่ งแคล่วไมต่ ิดขดั ไม่คลอ่ งแคลว่ มี ติดขัด หยดุ ชะงักใน ถา่ ยทอดเนอ้ื หา ทาใหเ้ ข้าใจประเด็น ทาให้เข้าใจประเด็น การหยดุ ชะงักบ้าง หลายจังหวะ พูด ไดง้ ่ายและเร็ว พดู มี ได้ง่าย พดู มกี ารเว้น บางครัง้ จังหวะพูด เรว็ หรือชา้ เกนิ ไป การเวน้ จังหวะและ จังหวะอย่าง ชา้ จับประเดน็ ไมไ่ ด้ เน้นคา เนน้ เหมาะสม ความเรว็ สาระสาคัญอยา่ ง ในการพดู อยใู่ น เหมาะสมเพอื่ ให้ ระดบั เหมาะสม ผูฟ้ ังตดิ ตามการ นาเสนอ ความเร็ว ในการพดู อยู่ใน ระดบั เหมาะสม 2. บุคลกิ ภาพ มีความมัน่ ใจ สบสายตาผฟู้ ัง สบสายตาผู้ฟังนอ้ ย ก้มหน้าไมส่ บตา สบสายตาผู้ฟงั พอสมควร นา้ เสยี ง น้าเสียงส่นั ขาด และ ตลอดเวลาเพ่ือ สะท้อนถึงความ ความมน่ั ใจ เสยี ง น้าเสยี งสัน่ และเบา ดงึ ดูดใหผ้ ฟู้ งั สนใจ มน่ั ใจ เสียงดงั เบาและดงั สลับไป ในเน้อื หาทถี่ ่ายทอด พอเหมาะ เสยี งดงั พอเหมาะ 3. การใช้ภาษา คล่องแคลว่ เชน่ แสดงกริยาทา่ ทาง ใช้ภาษากายสื่อสาร ไมใ่ ช้ภาษากาย กายในสื่อสาร ยกมอื /ผายมอื แสดง ประกอบการนาเสนอ น้อยครั้ง ส่อื สาร กรยิ าทา่ ทาง พอสมควร ประกอบการ นาเสนอเพื่อดงึ ดดู ความสนใจ 4. ความ ใชเ้ วลาในการนา ใช้เวลาในการนา ใชเ้ วลาในการนา ใช้เวลาในการ เหมาะสมกบั เสนอเหมาะสม เสนอเกนิ เวลาท่ี เสนอเกนิ เวลาที่ นาเสนอเกนิ เวลาที่ เวลา กาหนด ๑-๓ นาที กาหนด ๔-๕ นาที กาหนด มากกวา่ ๕ นาทขี ้นึ ไป เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 8-10 คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 5-7 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน 1-4 เกณฑก์ ารผา่ น ต้ังแต่ 5 คะแนน ขึ้นไป
๗๗๘ ค่มู อื ครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ดี (๓) ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง (๑) 1. การรว่ มกิจกรรม มคี วามกระตือรอื รน้ ใน พอใช้ (๒) ไมม่ คี วามกระตอื รอื รน้ การร่วมกจิ กรรมอย่าง ในการรว่ มกจิ กรรม สม่าเสมอ มคี วามกระตือรอื รน้ ใน การรว่ มกิจกรรมใน บางครง้ั 2. การรับฟงั ความ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของ รับฟังความคดิ เหน็ ของ ไม่รับฟงั ความคดิ เห็น คิดเห็นของผูอ้ นื่ ผู้อนื่ อย่างสม่าเสมอ ผู้อื่นเป็นบางครั้ง ของผู้อื่น 3. ความรบั ผดิ ชอบ มีความรับผดิ ชอบในงาน มคี วามรับผดิ ชอบในงาน ไม่มคี วามรับผดิ ชอบใน ที่ได้รบั มอบหมายอยา่ ง ท่ไี ดร้ ับมอบหมายใน งานท่ีได้รับมอบหมาย สม่าเสมอ บางคร้งั 4. ขยันหมน่ั เพยี ร มีความขยันหมั่นเพียร มคี วามขยนั หมัน่ เพียร ไม่มีความขยันหมน่ั เพียร พยายามทางานใหส้ าเร็จ พยายามทางานให้สาเรจ็ พยายามทางานใหส้ าเร็จ อย่างสม่าเสมอ เป็นบางครงั้ 5. ตรงตอ่ เวลา สง่ ชน้ิ งานภายในเวลาที่ สง่ ผลงานเสร็จตรงเวลา ส่งผลงานชา้ กว่าเวลา กาหนด กาหนด เกณฑก์ ารให้คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๑1-๑๕ คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 6-๑0 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน 1-5 คะแนน เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแต่ 6 คะแนน ขนึ้ ไป
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ๗๗๙ แบบประเมนิ แผนผงั ความคิด คาชี้แจง : ให้ครูผู้สอนประเมินแผนผังความคิดของนักเรียน แล้วให้ทาเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องท่ีตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ชือ่ -สกลุ การร่วม การรบั ฟัง ความ ขยันหมน่ั ตรงตอ่ เวลา รวม กิจกรรม ความคิดเหน็ รบั ผิดชอบ เพยี ร 20 ของผู้อื่น 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 1 2 3 4 5 ลงชือ่ ….............................................................ผู้ประเมิน …................../…................./…................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 16-20 ดีมาก 11-15 ดี 6-10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรงุ
๗๘๐ คู่มือครูและแผนจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมนักเรียนรายบคุ คล ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ วันที่.......................เดือน.....................................พ.ศ.................................. ลาดับท่ี ช่อื -สกลุ เกณฑ์การให้คะแนน มสี ่วน รวม ระดบั ร่วมใน (16) คุณภาพ 1 ความ กิจกรรม 2 ความ สนใจและ (4) 3 ต้ังใจใน การ การตอบ 4 การเรยี น ซกั ถาม คาถาม 5 (4) (4) (4) 6 7 8 9 10 ลงชอื่ ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดังตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล ดงั นี้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การสรุปผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรบั ปรุง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ ๗๘๑ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมนกั เรียนรายบคุ คล (Rubric) ประเดน็ การประเมนิ ดีมาก (4) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรับปรุง (1) 1. ความตงั้ ใจใน สนใจในการเรียน สนใจในการเรยี น สนใจในการเรียน ไม่สนใจใน การเรยี น ไมค่ ุยหรอื เลน่ กัน คยุ กนั เลก็ น้อย คุยกันและเล่นกนั การเรียน คยุ และ ในขณะเรยี น ในขณะเรยี น ในขณะเรยี นเป็น เล่นกนั ในขณะ บางครั้ง เรยี น 2. ความสนใจและ มกี ารถามในหวั ข้อ มีการถามในหวั ขอ้ มีการถามในหวั ข้อ ไม่ถามในหัวขอ้ ที่ การซกั ถาม ท่ตี นไม่เข้าใจทกุ ที่ตนไม่เข้าใจเปน็ ทต่ี นไม่เข้าใจเป็น ตนไมเ่ ข้าใจและไม่ เร่ืองและกล้า สว่ นมากและกลา้ บางคร้งั และไม่ กล้าแสดงออก แสดงออก แสดงออก ค่อยกล้าแสดงออก 3. การตอบคาถาม รว่ มตอบคาถามใน ร่วมตอบคาถามใน รว่ มตอบคาถามใน ไมต่ อบคาถาม เร่ืองทีค่ รถู ามและ เรอื่ งทคี่ รูถามและ เร่อื งที่ครูถามเป็น ตอบคาถามถกู ทุก ตอบคาถามสว่ น บางครั้งและตอบ ข้อ มากถูก คาถามถูกเป็น บางครั้ง 4. มีส่วนรว่ มใน รว่ มมือและ ร่วมมอื และ รว่ มมอื และ ไม่มคี วามร่วมมือ กจิ กรรม ช่วยเหลอื เพอื่ นใน ช่วยเหลือเพอ่ื น ช่วยเหลอื เพื่อนใน ในขณะทา การทากิจกรรม เป็นส่วนใหญใ่ น การทากิจกรรม กจิ กรรม การทากจิ กรรม เปน็ บางคร้ัง
๗๘๒ คมู่ อื ครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ วันท่ี.......................เดือน......................................พ.ศ.................................. ลาดบั ท่ี ช่ือกลุ่ม การ เกณฑก์ ารให้คะแนน พฤตกิ รรม รวม ระดับ ปฏสิ ัมพันธ์ การทางาน (16) คุณภาพ 1 การ 2 กนั สนทนา กลมุ่ 3 (4) เรื่อง การตดิ ตอ่ (4) 4 ทกี่ าหนด ส่ือสาร 5 6 (4) (4) 7 8 9 10 ลงชือ่ ................................................................ผปู้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมินในการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ดงั นี้ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน 14-16 ดีมาก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรับปรุง
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ๗๘๓ เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมนักเรยี นรายกลุ่ม (Rubric) ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน ต้องปรับปรงุ (1) ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การปฏสิ มั พนั ธ์ ร่วมมอื และ รว่ มมอื และ ร่วมมือและ ไม่ให้ความรว่ มมอื กนั ชว่ ยเหลือเพือ่ นใน ช่วยเหลือเพ่ือน ช่วยเหลือเพ่อื นใน ในขณะทากจิ กรรม การทากิจกรรม เป็นสว่ นใหญใ่ น การทากิจกรรม การทากิจกรรม เป็นบางคร้งั 2. การสนทนาเร่ือง สนทนาตรง สนทนาตรงประเดน็ สนทนาตรง สนทนาไม่ตรง ทก่ี าหนด ประเดน็ ครอบคลมุ เนอื้ หา ประเดน็ ประเดน็ ครอบคลุมเน้ือหา บางส่วน 3. การตดิ ต่อสื่อสาร มกี ารปรกึ ษาครู มกี ารปรึกษาครูและ มกี ารปรึกษาครูและ ไม่มีการปรกึ ษาครู และเพื่อนกลุ่ม เพื่อนกล่มุ อืน่ ๆ เพอื่ นกลุ่มอื่น ๆ และเพอื่ นกลุ่มอ่นื ๆ อ่ืน ๆ เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางครงั้ 4. พฤติกรรมการ มกี ารวางแผน มกี ารวางแผน มกี ารวางแผน ไม่มกี ารวางแผน ทางาน อยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ และแบ่งหนา้ ทข่ี อง และแบง่ หน้าทข่ี อง และแบง่ หนา้ ทขี่ อง และไมม่ ีการแบง่ สมาชกิ สมาชิกในกลมุ่ เป็น สมาชิกในกลมุ่ เปน็ หนา้ ท่ขี องสมาชกิ ในกลมุ่ ส่วนใหญ่ บางครงั้ ในกลุ่ม
๗๘๔ คู่มือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วขีด✓ลงในช่องท่ีตรง กับระดับคะแนน รายการ พฤตกิ รรมการแสดงออก ระดบั การปฏบิ ตั ิ ประเมนิ ๓๒๑ ๑. มวี ินยั ๑.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครวั และ รบั ผดิ ชอบ โรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจาวัน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ มคี วามรับผดิ ชอบ 2.1 ตั้งใจเรียน 3. มุ่งม่ันใน 2.2 เอาใจใส่ในการเรียน และมคี วามเพยี รพยายามในการเรียน การทางาน 2.3 เข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ต่าง ๆ 2.4 ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้จากหนงั สือ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สอื่ เทคโนโลยตี ่าง ๆ แหลง่ การเรียนรู้ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใชส้ อื่ ได้อยา่ งเหมาะสม 2.5 บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบบางสงิ่ ท่เี รยี นรู้ สรุปเปน็ องค์ ความรู้ 2.6 แลกเปลี่ยนความรู้ ด้วยวธิ ีการต่าง ๆ และนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั 3.1 มีความต้งั ใจและพยายามในการทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 3.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อให้งานสาเร็จ ลงชื่อ................................................................ผปู้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓ คะแนน หมายถงึ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ๒ คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ๑ คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดังตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ดงั นี้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน 22-27 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพผ่านข้นึ ไป ถือว่า ผ่าน 15-21 ดี 8-14 ผ่าน 1-7 ไม่ผา่ น
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ เรอื่ ง วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ ๗๘๕ แบบประเมินสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียนแลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ตี รง กับระดบั คะแนน รายการประเมิน พฤตกิ รรมการแสดงออก ระดับการปฏบิ ตั ิ ๓๒๑ ๑. ความสามารถ ๑.1 มคี วามสามารถในการรบั -ส่งสาร ในการสื่อสาร 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ ของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ ง เหมาะสม 2. ความสามารถ 2.1 มีทกั ษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ ในการคิด 2.2 มีความสามารถในการคดิ อยา่ งมรี ะบบ 3. ความสามารถ 3.1 สามารถทางานกลุม่ รว่ มกับผู้อนื่ ได้ ในการใชท้ กั ษะ 3.2 นาความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน ชวี ติ ลงช่ือ................................................................ผู้ประเมนิ ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓ คะแนน หมายถึง ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ๒ คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ๑ คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนดังนี้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การสรุปผลการประเมิน 16-18 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพผ่านขึน้ ไป ถอื ว่า ผ่าน 13-15 ดี 10-12 ผ่าน 1-9 ไมผ่ ่าน
๗๘๖ คูม่ ือครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง การสืบคน้ ข้อมูลโดยวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ เวลา 1 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลา และยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วิธีการทางประวตั ิศาสตรม์ าวเิ คราะห์เหตุการณต์ า่ ง ๆ อย่างเปน็ ระบบ ตัวช้ีวัด ส 4.1 ป.5/2 รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อตอบคาถามทางประวัติศาสตร์อย่างมี เหตผุ ล 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การรวบรวม พจิ ารณาไตรต่ รอง วิเคราะหแ์ ละตคี วามจากหลักฐานแล้วนามาเปรียบเทียบอย่างเปน็ ระบบ เพื่ออธิบายเหตุการณ์สาคัญท่ีเกิดขึ้นในอดีตว่าเหตใุ ดจึงเกิดข้ึน หรือเหตกุ ารณ์ในอดีตนั้นไดเ้ กิดและ คลคี่ ลายอย่างไร 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - บอกความหมายของวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ได้ 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - เกิดทกั ษะในการสืบค้นขอ้ มลู โดยใชว้ ิธกี ารทางประวัติศาสตร์ 3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) - เห็นความสาคัญของการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยใชว้ ธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ ข้ันตอนวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ 5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 5.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ สร้างสรรค์ - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 5.2 ความสามารถในการแกป้ ญั หา - กระบวนการสบื คน้ ข้อมลู 5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลุ่ม - กระบวนการปฏบิ ตั ิ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ การจดั กจิ กรรมการเรียน แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง การสืบ รายวิชาประวตั ศิ าสตร ลาดบั ท่ี จุดประสงค์ ข้ันตอนการจดั เวลาทใ่ี ช้ กจิ กรรมค การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 1. ขั้นนา 10 นาที 1. ครตู งั้ ประเด็นคา การสืบค้นข้อมลู โดย ประวตั ศิ าสตร์ เพื่อ ความรเู้ ดมิ ของนกั เร ให้นกั เรียนดูภาพ “ ราชวรารามราชวรม 2. ครูใชค้ าถาม 1) ภาพทค่ี รใู ห้นกั ภาพอะไร ๒) มีประวตั ิความ อย่างไร 3) ถา้ นกั เรียนตอ้ ง ขอ้ มูล ประวัติความ อรณุ ราชวรารามราช นกั เรยี นสามารถศึกษ
๗๘๗ นรู้ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 บคน้ ขอ้ มลู โดยวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ ร์ จานวน 1 ช่ัวโมง แนวการจดั การเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้ การประเมนิ ครู กจิ กรรมนกั เรยี น การเรียนรู้ าถามเกยี่ วกับ 1. นักเรยี นดภู าพ “วดั อรณุ - ภาพวัดอรณุ - การประเมิน ยวิธีการทาง ราชวรารามราชวรมหาวหิ าร” ราชวรารามราชวร คาตอบ อกระตนุ้ มหาวิหาร - การสังเกต รยี น โดยครู - PowerPoint “วัดอรุณ มหาวิหาร” 2. นักเรยี นตอบคาถาม กเรียนดเู ป็น 1) แนวคาตอบ วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร มเป็นมา 2) แนวคาตอบ วดั อรุณ ราชวราราม หรอื ท่ีนยิ มเรยี กกนั ในภาษาพดู ว่า วัดแจ้ง หรอื ที่ เรยี กส้นั ๆ ว่า วัดอรณุ เป็นวัด โบราณ สร้างในสมยั อยุธยา งการศกึ ษา 3) แนวคาตอบ หนังสอื มเป็นมาวดั สอบถามผู้รู้ อนิ เทอร์เน็ต ชวรมหาวหิ าร ษาได้จากที่ใด
๗๘๘ ค ลาดบั ท่ี จดุ ประสงค์ ขัน้ ตอนการจดั เวลาทใ่ี ช้ กจิ กรรมค การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 25 นาที 1. ครตู ั้งประเดน็ คาถ 2. 1. บอกความหมาย ขน้ั สอน วธิ ีการทางประวัติศา สามารถเช่อื มโยงกบั ส ของวธิ ีการทาง สถานท่ี บุคคล ทน่ี ักเ เคยเห็น (ตวั อยา่ ง ภา ประวัติศาสตร์ได้ ทอง) 2. ครใู ชค้ าถาม 1) วัดภเู ขาทองเกิด ๒) วดั ภเู ขาทองสร้างข และมคี วามเปลย่ี นแป บา้ ง
ค่มู อื ครแู ละแผนจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แนวการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ ครู กิจกรรมนักเรยี น - ภาพวดั ภเู ขา ทอง - การประเมนิ ถามเกี่ยวกับ 1. นักเรียนคาถามเกี่ยวกบั วิธีการ - PowerPoint คาตอบ าสตรท์ ่ี ทางประวตั ศิ าสตรท์ ี่สามารถ - การสงั เกต สิง่ ของ เช่ือมโยงกบั สิง่ ของ สถานที่ บุคคล กเรียนเคยใช้ ทีน่ ักเรยี นเคยใช้ เคยเห็น าพวัดภเู ขา 2. นักเรียนตอบคาถาม 1) แนวคาตอบ พระเจ้าหงสาวดี ดขนึ้ ได้อย่างไร บุเรงนองเปน็ ผูส้ ร้างภเู ขาทองข้ึน เมอ่ื พ.ศ. 2112 คราวยกทพั มาตี กรงุ ศรีอยุธยา ในเวลาทีป่ ระทับอยู่ พระนครศรี อยธุ ยาไดส้ ร้างพระ เจดยี ภ์ เู ขาทองใหญ่แบบมอญขน้ึ ไว้เป็นท่ีระลึกเมือ่ คราวรบชนะไทย งข้ึนท่ไี หน 2) แนวคาตอบ วัดภเู ขาทอง ปลงอยา่ งไร เป็นวัดโบราณในจงั หวดั พระนคร- ศรีอยุธยา สนั นิษฐานว่าสรา้ งขนึ้ ในรชั สมยั สมเดจ็ พระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 มีเจดยี ใ์ หญ่ ช่อื ว่า เจดีย์ภเู ขาทอง
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ ลาดบั ท่ี จุดประสงค์ ขนั้ ตอนการจดั เวลาทใ่ี ช้ กจิ กรรมค การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 3. ข้นั ปฏบิ ตั ิ 10 นาที ๓) วัดภเู ขาทองจากอ ปัจจบุ ัน มีหลกั ฐานอ หลงเหลืออย่ใู นปัจจบุ 2. นกั เรยี นเกดิ 3. ครูใหน้ กั เรียนสบื ค ทกั ษะในการสบื คน้ นักเรียนสนใจ (โดยท่ีค ข้อมลู โดยใช้วิธีการ นกั เรียนกาหนดเองวา่ ทางประวัตศิ าสตร์ สืบค้นข้อมูลเกยี่ วกับ ท้องถิน่ ของตนเอง เช สาคัญ บุคคลสาคญั ) นักเรียนหาขอ้ มูลท่สี น แล้วครูถึงแจกใบงานท สบื ขอ้ มลู โดยใชว้ ธิ กี า ประวตั ศิ าสตร์ 4. ครใู หน้ ักเรยี นทาใบ การสบื ขอ้ มูลโดยใชว้ ประวัตศิ าสตรโ์ ดยท่ีน ขอ้ มลู ทีส่ นใจมาเอง 4. 3. เห็นความสาคญั ข้ันสรปุ 5 นาที ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกัน ของการสืบคน้ ขอ้ มลู เร่อื ง การสบื คน้ ข้อม โดยใชว้ ิธกี ารทาง ทางประวตั ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์
๗๘๙ แนวการจดั การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ ครู กจิ กรรมนกั เรยี น การเรียนรู้ อดีตมาจนถึง 3) แนวคาตอบ เจดยี ์ วดั พระ อะไร บา้ งที่ยงั ราชพงศาวดารอยธุ ยา - การประเมิน บัน - การสังเกต ค้นข้อมูลท่ี 3. นกั เรยี นสืบค้นข้อมลู และสรปุ พฤตกิ รรม ครจู ะให้ ประเด็นสาคญั เพือ่ ทจี่ ะสบื ค้น านกั เรียนจะ ขอ้ มูลโดยใชว้ ธิ ีการทาง - ใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง บอะไรใน ประวตั ศิ าสตร์ การสบื ขอ้ มลู โดย ช่น สถานท่ี ใชว้ ิธกี ารทาง ) โดยให้ ประวตั ิศาสตร์ สนใจมาก่อน ที่ 1 เร่ือง การ 4. นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง - การสงั เกต ารทาง การสบื ขอ้ มลู โดยใชว้ ิธกี ารทาง พฤตกิ รรม ประวัติศาสตร์โดยทีน่ ักเรียน ใบงานท่ี ๑ เร่อื ง สืบค้นขอ้ มูลทส่ี นใจมาเอง วธิ ีการทาง นกั เรียนสบื ค้น นสรปุ ความรู้ นกั เรยี นสรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั มูลโดยวิธกี าร การสืบคน้ ขอ้ มลู โดยวิธีการทาง ประวตั ศิ าสตร์
๗๙๐ คู่มอื ครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) 8. ส่อื การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ ๑. หอ้ งสมุดโรงเรียน 2. การคน้ คว้าขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ 3. ภาพวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวหิ าร 4. ภาพวัดภเู ขาทอง 5. สอื่ PowerPoint **สามารถปรบั เปล่ียนไดต้ ามบรบิ ทของทอ้ งถ่ิน 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานที่ 1 เร่ือง การสบื ขอ้ มูลโดยใช้วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลช้นิ งานหรือภาระงาน ประเดน็ การวัด วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ และประเมนิ ผล - ศึกษาขอ้ มลู - ขอ้ มลู ความรู้ ความรู้ (K) ผา่ นเกณฑ์การประเมิน - ตรวจใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง - ใบงานท่ี ๑ เรื่อง การสืบ รอ้ ยละ 60 ทกั ษะ (P) ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ 60 การสืบขอ้ มูลโดยใช้วิธีการ ข้อมูลโดยใช้วธิ ีการทาง ทางประวัติศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เจตคติ (A) - สังเกต - แบบประเมนิ พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ประเมินระดบั คณุ ภาพพอใช้ขึ้นไป คุณลกั ษณะ - ประเมินความมวี ินยั - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ประเมินระดับ อันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทางาน อนั พึงประสงค์ คณุ ภาพพอใชข้ ึ้นไป สมรรถนะสาคัญ ของผู้เรยี น - ประเมนิ ความสามารถ - แบบประเมนิ สมรรถนะ ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ระดบั การคิด การใช้ทักษะชวี ิต และการแกป้ ญั หา สาคญั ของผ้เู รยี น คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรือ่ ง วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ ๗๙๑ 10. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อจากัดการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................ผูส้ อน (...........................................) วนั ท.ี่ .......เดือน.................พ.ศ............ 11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................ผตู้ รวจ (...........................................) วนั ที.่ .......เดอื น.................พ.ศ............
๗๙๒ ค่มู ือครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) ใบงานที่ ๑ เรอื่ ง การสบื ค้นข้อมลู โดยวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ เรื่อง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การสบื ค้นข้อมลู โดยวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ รายวิชาประวตั ิศาสตร์ รหัสวชิ า ส๑๕๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ การศกึ ษาเรอ่ื ง .................................................................................................................................................... ตดิ ภาพหรอื วาดภาพ การกาหนดหวั ข้อ .................................................................................... การรวบรวมขอ้ มูลและหลักฐาน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. การตรวจสอบข้อมูลและหลกั ฐาน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๑ เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ ๗๙๓ การสรปุ ความรู้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. การนาเสนอขอ้ มูล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ชอื่ -นามสกลุ ..................................................................................................ชนั้ ......................เลขท่.ี ................
๗๙๔ ค่มู ือครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) เฉลยใบงานที่ ๑ เรือ่ ง การสบื ค้นขอ้ มูลโดยวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง การสืบค้นขอ้ มลู โดยวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั วิชา ส๑๕๑๐๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ การศึกษาเรอื่ ง ............................................................................................................................................ คาตอบอยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครู ติดภาพหรอื วาดภาพ การกาหนดหวั ขอ้ .................................................................................... การรวบรวมขอ้ มลู และหลกั ฐาน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. การตรวจสอบขอ้ มลู และหลกั ฐาน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ ๗๙๕ การสรปุ ความรู้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. การนาเสนอขอ้ มลู .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
๗๙๖ คูม่ อื ครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) แบบประเมินการนาเสนอหน้าชน้ั เรียน เกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ การประเมิน ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรงุ (๑) 1. การถ่ายทอด คล่องแคลว่ ไมต่ ิดขดั คลอ่ งแคล่วไมต่ ดิ ขัด ไมค่ ลอ่ งแคล่วมี ตดิ ขัด หยุดชะงักใน เนอ้ื หา ทาให้เขา้ ใจประเดน็ ทาใหเ้ ข้าใจประเดน็ การหยดุ ชะงกั บา้ ง หลายจงั หวะ พูด ได้ง่ายและเรว็ ไดง้ ่าย การพูดมี บางครั้ง จังหวะพูด เรว็ หรือชา้ เกนิ ไป การพูดมีการเว้น การเว้นจังหวะอยา่ ง ชา้ จบั ประเด็นไมไ่ ด้ จงั หวะและเนน้ คา เหมาะสม ความเรว็ เนน้ สาระสาคญั อย่าง ในการพูดอยใู่ น เหมาะสมเพื่อใหผ้ ูฟ้ งั ระดับเหมาะสม ติดตามการนาเสนอ ความเร็วในการพูด อยใู่ นระดับเหมาะสม 2. บคุ ลกิ ภาพ มคี วามม่นั ใจ สบสายตาผฟู้ ัง สบสายตาผู้ฟงั นอ้ ย กม้ หน้าไมส่ บตา สบสายตาผ้ฟู งั พอสมควรนา้ เสยี ง น้าเสยี งสั่น ขาด และนา้ เสียงสน่ั ตลอดเวลาเพือ่ สะทอ้ นถงึ ความมนั่ ใจ ความมั่นใจ เสียง และเบา ดึงดูดใหผ้ ฟู้ ังสนใจ เสียงดงั พอเหมาะ เบาและดังสลับไป ในเนือ้ หาทถ่ี ่ายทอด เสยี งดังพอเหมาะ 3. การใชภ้ าษา คลอ่ งแคลว่ เชน่ ยก แสดงกรยิ าทา่ ทาง ใช้ภาษากายสอ่ื สาร ไมใ่ ช้ภาษากาย กายใน มือ/ผายมอื แสดง ประกอบการนาเสนอ น้อยครั้ง สอื่ สาร การส่ือสาร กรยิ าท่าทาง พอสมควร ประกอบการ นาเสนอเพอ่ื ดงึ ดูด ความสนใจ 4. ความ ใช้เวลาในการนา ใช้เวลาในการนา ใช้เวลาในการนา ใช้เวลาในการ เหมาะสมกบั เสนอเหมาะสม เสนอเกนิ เวลาที่ เสนอเกนิ เวลาท่ี นาเสนอเกินเวลาท่ี เวลา กาหนด ๑-๓ นาที กาหนด ๔-๕ นาที กาหนด มากกว่า ๕ นาทขี น้ึ ไป เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน หมายถึง ดี คะแนน 8-10 คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 5-7 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน 1-4 คะแนน เกณฑก์ ารผ่าน ต้ังแต่ 5 คะแนน ขน้ึ ไป
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ๗๙๗ แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ปรับปรงุ (๑) ไมม่ ีความกระตือรอื ร้น เกณฑก์ ารประเมิน ดี (๓) ระดับคณุ ภาพ ในการรว่ มกิจกรรม 1. การร่วมกจิ กรรม มคี วามกระตือรอื ร้นใน พอใช้ (๒) การรว่ มกจิ กรรมอยา่ ง สมา่ เสมอ มีความกระตอื รอื รน้ ใน การร่วมกจิ กรรมใน บางครั้ง 2. การรับฟงั ความ รับฟังความคิดเหน็ ของ รับฟงั ความคิดเหน็ ของ ไมร่ ับฟงั ความคิดเห็น คดิ เหน็ ของผู้อน่ื ผู้อน่ื อย่างสม่าเสมอ ผู้อนื่ เปน็ บางคร้ัง ของผู้อ่ืน 3. ความรบั ผดิ ชอบ มีความรับผดิ ชอบในงาน มคี วามรับผิดชอบในงาน ไม่มคี วามรบั ผดิ ชอบใน ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอย่าง ท่ีไดร้ บั มอบหมายใน งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย สม่าเสมอ บางคร้งั 4. ขยนั หมั่นเพยี ร มีความขยนั หม่นั เพยี ร มคี วามขยันหม่นั เพียร ไม่มีความขยันหมั่นเพียร พยายามทางานใหส้ าเรจ็ พยายามทางานใหส้ าเร็จ พยายามทางานให้สาเร็จ อยา่ งสมา่ เสมอ เป็นบางครง้ั 5. ตรงต่อเวลา สง่ ชน้ิ งานภายในเวลาที่ สง่ ผลงานเสรจ็ ตรงเวลา สง่ ผลงานช้ากวา่ เวลา กาหนด กาหนด เกณฑก์ ารให้คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๑1-๑๕ คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 6-๑0 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 1-5 คะแนน เกณฑก์ ารผา่ น ตงั้ แต่ 6 คะแนน ขนึ้ ไป
๗๙๘ คมู่ ือครูและแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมินใบงาน คาชแ้ี จง : ใหค้ รผู ้สู อนประเมินใบงานของนักเรยี น แลว้ ใหท้ าเครอื่ งหมาย ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ช่อื -สกุล การร่วม การรบั ฟัง ความ ขยนั หมั่น ตรงตอ่ เวลา รวม กจิ กรรม ความคิดเห็น รับผดิ ชอบ เพยี ร 20 1 ของผอู้ น่ื 2 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 3 4 5 ลงชอ่ื ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 16-20 ดีมาก 11-15 ดี 6-10 พอใช้ 1-5 ปรับปรงุ
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ เร่ือง วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ๗๙๙ แบบประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบุคคล ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ วนั ท่ี.......................เดอื น............................................พ.ศ.......................... ลาดับท่ี ช่ือ-สกลุ ความ เกณฑก์ ารให้คะแนน มสี ่วน ระดบั ต้ังใจใน ร่วมใน คุณภาพ 1 การเรียน ความ กจิ กรรม 2 สนใจ (4) รวม 3 (4) และการ การตอบ (16) 4 ซักถาม คาถาม 5 (4) (4) 6 7 8 9 10 ลงชอ่ื ................................................................ผปู้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นรายบคุ คล ดงั นี้ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมิน 14-16 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 728
Pages: