Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-09-คู่มือครู สังคมศึกษา ป.5.-2

64-08-09-คู่มือครู สังคมศึกษา ป.5.-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-09 01:44:12

Description: 64-08-09-คู่มือครู สังคมศึกษา ป.5.-2

Search

Read the Text Version

คู่มือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมิน มครู กจิ กรรมนักเรียน การเรยี นรู้ ยกหลักฐาน 2) แนวคาตอบ - ภาพประกอบ - การประเมิน ณอ์ ักษรกบั หลักฐานประเภทลายลกั ษณ์ หลกั ฐานแบบตา่ ง ๆ คาตอบ ลายลักษณ์ อักษร - การสังเกต - ศลิ าจารกึ - คัมภรี ใ์ บลาน - หนงั สือพมิ พ์ - จดหมายสว่ นตวั หลกั ฐานประเภทไมเ่ ป็น ลายลกั ษณ์อกั ษร - ถ้วยชามสงั คโลก - วดั - เจดีย์ - ลูกปัด - เครื่องมอื เครอื่ งใช้ กเรียนวา่ 4. ใชล้ ายลักษณ์อกั ษร ถา้ มี การแบง่ ตวั หนงั สอื อา่ นไดเ้ ปน็ หลักฐาน ะวตั ศิ าสตร์ ประเภทเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร แบ่ง แต่ถา้ ไม่มีตวั หนังสือหรือ ตวั อกั ษรเป็นแบบไม่เป็น ลายลกั ษณ์อักษร

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เร่ือง วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ ลาดับท่ี จุดประสงค์ ขัน้ ตอนการจดั เวลาที่ การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ใช้ กจิ กรรม 2. 2. เกิดทักษะ ขั้นสอน 25 นาที 1. ครูต้ังประเด็นค อธบิ ายเกี่ยวกบั หล ในการสบื ค้น ประวตั ิศาสตร์ท่สี า เชอ่ื มโยงกับส่ิงของ หลักฐานทาง บุคคล ทนี่ กั เรยี นเค เหน็ และมคี วามเปล ประวัติศาสตร์ อยา่ งไรบ้าง มหี ลกั อะไรบา้ งทยี่ งั หลงเ ปจั จบุ นั 2. ครูใชค้ าถาม 1) หลกั ฐานทาง ประวัติศาสตร์มีคว อยา่ งไร 2) การแบง่ ประเ หลักฐานทางประว กแี่ บบ อะไรบา้ ง

๘๔๓ แนวการจดั การเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมิน การเรียนรู้ มครู กิจกรรมนกั เรียน - ภาพประกอบ หลักฐานแบบ - การประเมนิ คาถามและ 1. นกั เรยี นศึกษาขอ้ มลู ต่าง ๆ - การสงั เกต ลักฐานทาง จากการตง้ั ประเด็นคาถาม ามารถ ง สถานที่ เคยใช้ เคย ปล่ยี นแปลง กฐาน เหลอื อยใู่ น วามสาคญั 2. นักเรยี นตอบคาถาม - การประเมนิ 1) แนวคาตอบ ใชเ้ ปน็ คาตอบ เภทของ หลกั ฐานในการสืบคน้ ข้อมูล - การสงั เกต วัติศาสตรม์ ี เพอ่ื หาขอ้ เท็จจรงิ 2) แนวคาตอบ - หลักฐานทีเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์ อักษร - หลกั ฐานท่ไี มเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์ อักษร - หลกั ฐานชั้นต้น - หลักฐานช้ันรอง

๘๔๔ ค ลาดบั ท่ี จดุ ประสงค์ ข้ันตอนการจดั เวลาท่ี 3. การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ใช้ กิจกรรม ข้นั ปฏิบัติ 10 นาที 3) ยกตวั อย่างหล เปน็ ลายลกั ษณ์อกั มีอะไรบา้ ง 4) ยกตัวอยา่ งหล ไม่เปน็ ลายลักษณ์อ มอี ะไรบ้าง 5) หลักฐานชนั้ ต หมายถึงอะไร 6) หลกั ฐานช้นั ร หมายถึงอะไร 3. ครูให้นกั เรยี นเ เปิดภาพแล้วทาย อะไร เป็นหลักฐา ใด แข่งขนั กันเป็น 4. ครูให้นักเรยี นท แบบทดสอบ เรอื่ ทางประวตั ศิ าสตร

คู่มอื ครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ มครู กิจกรรมนักเรยี น การเรียนรู้ ลกั ฐานท่ี 3) แนวคาตอบ - แบบทดสอบ กษร ศิลาจารกึ หนังสอื พมิ พ์ ท่มี ีการยกตวั จดหมายเหตุ คมั ภรี ์ใบลาน ลกั ฐานท่ี หนังสอื เรียน สารานุกรม อย่างสถานที่ต่าง ๆ อักษร 4) แนวคาตอบ พระพทุ ธรูป ควรหาภาพมาใสไ่ ว้ เจดีย์ วัด เคร่ืองปนั้ ดนิ เผา ในบทเรยี นด้วย เครอื่ งประดบั ภาพถา่ ย เพ่ือนักเรียนจะได้ รู้จัก โครงกระดกู มนุษย์ ต้น 5) แนวคาตอบ ศิลาจารึก โครงกระดกู มนุษย์ รอง 6) แนวคาตอบ หนังสอื พมิ พ์ หนงั สอื เรียน สารานุกรม เล่นเกม 3. นกั เรยี นเลน่ เกมเปดิ ภาพ ยวา่ คอื ภาพ แล้วทายวา่ คือภาพอะไร านประเภท เปน็ หลกั ฐานประเภทใด นกลุ่ม ทา 4. นกั เรยี นทา แบบทดสอบ อง หลักฐาน เร่อื ง หลกั ฐานทาง ร์ ประวตั ิศาสตร์

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ ลาดับที่ จุดประสงค์ ขั้นตอนการจดั เวลาที่ กิจกรรม การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ใช้ ครใู ห้นกั เรียนรว่ ม 4. 3. เห็นความสาคญั ข้ันสรุป 5 นาที องค์ความรโู้ ดยแส คดิ เหน็ เก่ยี วกบั ห ของหลักฐานทาง ทางประวตั ศิ าสตร ของสง่ิ ของทมี่ นษุ ประวตั ศิ าสตร์ สามารถ ใช้เปน็ เคร่อื งนาท การศึกษา สืบคน้ ขอ้ เทจ็ จรงิ เกย่ี วก ในอดตี ของมนษุ ย

๘๔๕ แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ มครู กิจกรรมนกั เรียน - การประเมิน มกนั สรปุ นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปองค์ คาตอบ สดงความ ความรู้ โดยแสดงความคดิ - การสังเกต หลกั ฐาน เห็นเกีย่ วกบั หลกั ฐานทาง รร์ ่องรอย ประวัติศาสตร์ร่องรอยของ ษย์ ซงึ่ ส่งิ ท่ีมนษุ ย์ ซ่ึงสามารถใช้ เป็นเคร่ืองนาทางใน ทางใน การศึกษา สืบค้น แสวงหา นแสวงหา ข้อเทจ็ จรงิ เก่ยี วกบั เรอ่ื งราว กบั เรอ่ื งราว ในอดตี ของมนุษย์ได้ ยไ์ ด้

๘๔๖ คูม่ ือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) 8. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้ ๑. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น ๒. การค้นควา้ ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ๓. ภาพศิลาจารึก ภาพคัมภีร์ใบลาน ภาพถ้วยชามสังคโลก ภาพจดหมายส่วนตัว ภาพหนังสือพิมพ์ ภาพวัด ภาพเจดีย์ ภาพลูกปดั ภาพเคร่ืองมือเคร่อื งใช้ ๔. สือ่ PowerPoint **สามารถปรบั เปลีย่ นได้ตามบรบิ ทของทอ้ งถิน่ 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชนิ้ งานหรือภาระงาน เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชิน้ งานหรอื ภาระงาน ประเดน็ การวัด วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ และประเมินผล ความรู้ (K) - ศกึ ษาความรู้ เร่อื ง - ศกึ ษาความรู้ เรื่อง ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ทกั ษะ (P) หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ รอ้ ยละ 60 จาก PowerPoint - ตอบคาถาม - คาถาม ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ 60 เจตคติ (A) - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑป์ ระเมินระดับ คณุ ภาพพอใช้ข้นึ ไป คุณลักษณะ - ประเมินความมีวนิ ยั - แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ระดับ อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ใน การทางาน อนั พงึ ประสงค์ คณุ ภาพพอใช้ขึ้นไป สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน - ประเมินความสามารถ - แบบประเมนิ สมรรถนะ ผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ระดับ การคดิ การใช้ทกั ษะชวี ติ และการแกป้ ญั หา สาคัญของผูเ้ รยี น คุณภาพพอใชข้ ้ึนไป

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เร่อื ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ๘๔๗ 10. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการจัดการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ข้อจากดั การใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................ผ้สู อน (...........................................) วนั ท.่ี .......เดอื น.................พ.ศ............ 11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ............................................ผตู้ รวจ (...........................................) วันท.ี่ .......เดือน.................พ.ศ............

๘๔๘ คูม่ ือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมินการนาเสนอหน้าชนั้ เรียน เกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ การประเมนิ ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรุง (๑) 1. การ คลอ่ งแคล่วไมต่ ดิ ขัด คล่องแคล่วไมต่ ิดขัด ไม่คลอ่ งแคลว่ มี ติดขัด หยดุ ชะงักใน ถา่ ยทอดเน้อื หา ทาให้เข้าใจประเดน็ ทาใหเ้ ข้าใจประเด็น การหยุดชะงักบา้ ง หลายจังหวะ พูด ได้ง่ายและเรว็ ได้งา่ ย การพูดมี บางครัง้ จังหวะพูด เร็วหรือชา้ เกินไป การพูดมีการเว้น การเวน้ จังหวะอย่าง ชา้ จับประเดน็ ไมไ่ ด้ จงั หวะและเน้นคา เหมาะสม ความเรว็ เนน้ สาระสาคญั ในการพดู อยใู่ น อย่างเหมาะสม ระดบั เหมาะสม เพอื่ ใหผ้ ู้ฟังตดิ ตาม การนาเสนอ ความเรว็ ในการพดู อยูใ่ นระดบั เหมาะสม 2. บคุ ลกิ ภาพ มีความมน่ั ใจ สบสายตาผฟู้ งั สบสายตาผู้ฟังน้อย กม้ หนา้ ไมส่ บตา สบสายตา ผู้ฟงั พอสมควร นา้ เสยี ง น้าเสยี งส่ัน ขาด และน้าเสยี งสน่ั ตลอดเวลาเพอื่ สะทอ้ นถงึ ความ ความมน่ั ใจ เสยี ง และเบา ดงึ ดดู ให้ผูฟ้ ังสนใจ มน่ั ใจ เสยี งดัง เบาและดงั สลับไป ในเน้อื หาทถี่ า่ ยทอด พอเหมาะ เสยี งดงั พอเหมาะ 3. การใช้ คลอ่ งแคลว่ เชน่ แสดงกรยิ าทา่ ทาง ใช้ภาษากายสอ่ื สาร ไมใ่ ช้ภาษากาย ภาษากายใน ยกมือ/ผายมือ ประกอบการนาเสนอ น้อยครง้ั ส่อื สาร การสอื่ สาร แสดงกริยาทา่ ทาง พอสมควร ประกอบการนาเสนอ เพอื่ ดึงดูดความสนใจ 4. ความ ใชเ้ วลาในการ ใชเ้ วลาในการ ใช้เวลาในการ ใช้เวลาในการ เหมาะสมกบั นาเสนอเหมาะสม นาเสนอเกนิ เวลาท่ี นาเสนอเกินเวลาท่ี นาเสนอเกนิ เวลาที่ เวลา กาหนด ๑-๓ นาที กาหนด ๔-๕ นาที กาหนด มากกวา่ ๕ นาทีขึ้นไป เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 8-10 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 5-7 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 1-4 เกณฑก์ ารผ่าน ตง้ั แต่ 5 คะแนน ข้นึ ไป

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ๘๔๙ แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ปรับปรงุ (๑) ไมม่ ีความกระตือรอื ร้น เกณฑก์ ารประเมิน ดี (๓) ระดับคณุ ภาพ ในการรว่ มกิจกรรม 1. การร่วมกจิ กรรม มคี วามกระตือรอื ร้นใน พอใช้ (๒) การรว่ มกจิ กรรมอยา่ ง สมา่ เสมอ มีความกระตอื รอื รน้ ใน การร่วมกจิ กรรมใน บางครั้ง 2. การรับฟงั ความ รับฟังความคิดเหน็ ของ รับฟงั ความคิดเหน็ ของ ไมร่ ับฟงั ความคิดเห็น คดิ เหน็ ของผู้อน่ื ผู้อน่ื อย่างสม่าเสมอ ผู้อนื่ เปน็ บางคร้ัง ของผู้อ่ืน 3. ความรบั ผดิ ชอบ มีความรบั ผดิ ชอบในงาน มคี วามรับผิดชอบในงาน ไม่มคี วามรบั ผดิ ชอบใน ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอย่าง ท่ีไดร้ บั มอบหมายใน งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย สม่าเสมอ บางคร้งั 4. ขยนั หมั่นเพยี ร มีความขยนั หม่นั เพยี ร มคี วามขยันหม่นั เพียร ไม่มีความขยันหมั่นเพียร พยายามทางานใหส้ าเรจ็ พยายามทางานใหส้ าเร็จ พยายามทางานให้สาเร็จ อยา่ งสมา่ เสมอ เป็นบางครง้ั 5. ตรงต่อเวลา สง่ ชน้ิ งานภายในเวลาที่ สง่ ผลงานเสรจ็ ตรงเวลา สง่ ผลงานช้ากวา่ เวลา กาหนด กาหนด เกณฑก์ ารให้คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๑1-๑๕ คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 6-๑0 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 5-๑ คะแนน เกณฑก์ ารผา่ น ตงั้ แต่ 6 คะแนน ขนึ้ ไป

๘๕๐ คมู่ อื ครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนรายบุคคล ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ วันท่ี.......................เดอื น.........................................พ.ศ.................................. ลาดบั ท่ี ช่ือ-สกลุ ความ เกณฑก์ ารให้คะแนน มีสว่ น ระดบั ตง้ั ใจใน รว่ มใน คณุ ภาพ 1 การเรยี น ความ กิจกรรม 2 สนใจ (4) รวม 3 (4) และการ การตอบ (16) 4 ซกั ถาม คาถาม 5 (4) (4) 6 7 8 9 10 ลงชือ่ ................................................................ผู้ประเมนิ ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนนดังตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนรายบคุ คล ดังน้ี ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑ์การสรปุ ผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรบั ปรุง

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรือ่ ง วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ๘๕๑ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมนักเรยี นรายบุคคล (Rubric) ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดี (3) พอใช้ (2) ดีมาก (4) ตอ้ งปรับปรงุ (1) 1. ความต้ังใจในการ สนใจในการเรยี นไม่ สนใจในการเรียน สนใจในการเรยี น ไมส่ นใจในการเรยี น เรียน คุยหรอื เลน่ กัน คุยกันเลก็ น้อย คุยกนั และเลน่ กนั คุยและเล่นกัน ในขณะเรียน ในขณะเรียน ในขณะเรยี นเป็น ในขณะเรยี น บางครั้ง 2. ความสนใจและ มกี ารถามในหัวข้อ มกี ารถามในหวั ขอ้ มีการถามในหัวข้อ ไมถ่ ามในหวั ข้อที่ การซกั ถาม ทีต่ นไมเ่ ขา้ ใจทกุ ท่ตี นไมเ่ ข้าใจเปน็ ทตี่ นไม่เข้าใจเปน็ ตนไม่เข้าใจและไม่ เรอ่ื งและกลา้ สว่ นมากและกลา้ บางครง้ั และไมค่ ่อย กล้าแสดงออก แสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก 3. การตอบคาถาม รว่ มตอบคาถามใน รว่ มตอบคาถามใน ร่วมตอบคาถามใน ไม่ตอบคาถาม เรอ่ื งทค่ี รูถามและ เร่ืองทีค่ รถู ามและ เรอื่ งท่ีครูถามเปน็ ตอบคาถามถกู ทกุ ตอบคาถาม บางครัง้ และตอบ ข้อ สว่ นมากถูก คาถามถูกเป็น บางครง้ั 4. มีส่วนรว่ มใน รว่ มมอื และ ร่วมมอื และ ร่วมมอื และ ไม่มีความรว่ มมอื กจิ กรรม ชว่ ยเหลอื เพือ่ นใน ชว่ ยเหลอื เพื่อนเปน็ ช่วยเหลอื เพื่อนใน ในขณะทากจิ กรรม การทากิจกรรม ส่วนใหญ่ในการทา การทากจิ กรรมเป็น กิจกรรม บางครัง้

๘๕๒ ค่มู อื ครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด✓ลงในชอ่ งท่ตี รง กับระดบั คะแนน รายการ พฤตกิ รรมการแสดงออก ระดับการปฏบิ ตั ิ ประเมนิ ๓๒๑ ๑. มีวินัย รบั ผิดชอบ ๑.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั ๒. ใฝ่เรียนรู้ และโรงเรยี น มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจาวันมคี วามรับผิดชอบ 3. มงุ่ ม่ันใน การทางาน 2.1 ตง้ั ใจเรียน 2.2 เอาใจใส่ในการเรยี น และมคี วามเพยี รพยายามในการเรียน 2.3 เข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ 2.4 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความร้จู ากหนังสอื เอกสาร สงิ่ พมิ พ์ สอ่ื เทคโนโลยตี า่ ง ๆ แหลง่ การเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น และ เลือกใชส้ อ่ื ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2.5 บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบบางสงิ่ ทีเ่ รียนรู้ สรปุ เปน็ องค์ ความรู้ 2.6 แลกเปล่ยี นความรู้ ด้วยวธิ กี ารต่าง ๆ และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 3.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย 3.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ลงชื่อ................................................................ผู้ประเมนิ ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓ คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ๒ คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ๑ คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ดังนี้ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมิน 22-27 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพผ่านข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน 15-21 ดี 8-14 ผ่าน 1-7 ไม่ผา่ น

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่อื ง วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ ๘๕๓ แบบประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ตี รง กบั ระดับคะแนน รายการประเมนิ พฤตกิ รรมการแสดงออก ระดับการปฏบิ ตั ิ ๓๒๑ ๑. ความสามารถ ๑.1 มีความสามารถในการรบั -สง่ สาร ในการสื่อสาร 1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ ของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม 2. ความสามารถ 2.1 มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ ในการคดิ 2.2 มคี วามสามารถในการคดิ อย่างมรี ะบบ 3. ความสามารถ 3.1 สามารถทางานกล่มุ รว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้ ในการใชท้ กั ษะ 3.2 นาความรทู้ ่ีได้ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ชวี ิต ลงช่ือ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓ คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ๒ คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ๑ คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดังตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ดังน้ี ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑ์การสรปุ ผลการประเมนิ 14-16 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรับปรงุ

๘๕๔ คู่มือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 เรื่อง ความจรงิ กบั ข้อเท็จจรงิ ทางประวตั ิศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ เวลา 1 ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสาคญั ของเวลา และยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ สามารถใช้ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์มาวิเคราะหเ์ หตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วดั ส 4.1 ป.5/3 อธิบายความแตกตา่ งระหว่างความจริงกบั ข้อเทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั เร่อื งราวในทอ้ งถน่ิ 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ความจรงิ และข้อเท็จจริงวเิ คราะหไ์ ดจ้ ากแหลง่ ข้อมลู และหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั ความจรงิ กบั ข้อเท็จจริง 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - เกิดทักษะในการสืบคน้ ความแตกตา่ งระหวา่ งความจริงกับขอ้ เท็จจรงิ 3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) - เหน็ ความสาคัญของความจริงกบั ข้อเท็จจรงิ 4. สาระการเรยี นรู้ - ความจรงิ กบั ขอ้ เท็จจรงิ - ความแตกตา่ งระหว่างความจรงิ กบั ขอ้ เทจ็ จรงิ เก่ียวกบั เร่อื งราวในท้องถน่ิ 5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 5.1 ความสามารถในการคิด - ทักษะการคดิ สรา้ งสรรค์ - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 5.2 ความสามารถในการแกป้ ญั หา - กระบวนการสืบค้นขอ้ มลู 5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - กระบวนการทางานกลมุ่ - กระบวนการปฏบิ ตั ิ 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรื่อง วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ การจดั กจิ กรรมการเรยี น แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 เร่ือง ความ รายวิชาประวตั ศิ าสตร ลาดับที่ จดุ ประสงค์ ขั้นตอนการจดั เวลาทใ่ี ช้ แ 1. การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กิจกรรมครู ขั้นนา 10 นาที 1. ถามนักเรยี นถึงความห คาว่าความจรงิ และขอ้ เท 2. ครูต้งั ประเด็นคาถามเ ความจรงิ กับขอ้ เทจ็ จรงิ ท ศาสตร์ 3. ครใู ชค้ าถาม 1) ชุมชนของนักเรียนช ๒) ชุมชนของนกั เรียนต จังหวดั ใด

นรู้ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 ๘๕๕ มจรงิ กบั ข้อเทจ็ จรงิ ทางประวตั ศิ าสตร์ ร์ จานวน 1 ช่วั โมง การประเมิน การเรียนรู้ แนวการจดั การเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ - การประเมิน กจิ กรรมนักเรยี น คาตอบ - การสังเกต หมายของ 1. แนวการตอบ - PowerPoint ท็จจริง ความจริง หมายถึง เรื่องราว หรือเหตุการณ์ ที่มีการพิสูจน์ ตรวจสอบ ว่าถูกต้องเปน็ จรงิ ข้อเท็จจริง มีความหมาย 2 ประการ คือเรื่องราวเหตุการณ์ ข้ อ ค ว า ม ห รื อ ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ท่ี วินิจฉัยแล้วว่าเป็นจริง อีกความ หมายคือข้อมูลท่ีรวบรวมได้จาก ประสบการณ์ที่แตกต่างไปจาก ข้อสรุปทใ่ี หไ้ ว้ เกยี่ วกบั 2. นักเรียนศึกษาข้อมูลความจริง ทางประวัติ- กับข้อเทจ็ จริงทางประวัตศิ าสตร์ ชื่อว่าอะไร 3. นักเรียนตอบคาถาม ต้ังอยู่ท่ี 1) แนวคาตอบ ชุมชนบ้านสมอ โพรง, ชมุ ชนบ้านชะอา ฯลฯ 2) แนวคาตอบ ประจวบคีรขี ันธ,์ เพชรบุรี

๘๕๖ ค ลาดับท่ี จุดประสงค์ ขัน้ ตอนการจดั เวลาทใี่ ช้ แ การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 25 นาที กิจกรรมครู ขน้ั สอน 1. ครอู ธิบายและร่วมกนั 2. 1. มีความรู้ 10 นาที แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ความร ขน้ั ปฏบิ ตั ิ ความจรงิ กับข้อเท็จจริงท ความเข้าใจ ศาสตร์ 2. ครูให้นักเรียนอา่ นตวั อ เก่ยี วกบั ความ เรือ่ งราวจากเอกสารต่าง นัย ของความคิดเห็นกับข จริงกับ ตอนบทจากบทความของ ทรัพย์นริ นั ดร์ “ทางออก ขอ้ เท็จจริง เน้อื หา เรื่อง โดยการเปดิ แตกตา่ งระหว่างความจร 2. เกดิ ทกั ษะ ขอ้ เท็จจริง เรอื่ งเขาพระว แล้วรว่ มกันวเิ คราะห์ว่าบ ในการสืบคน้ วา่ ให้ความจริงหรอื ข้อเท อย่างไร ความแตกต่าง 3. ครแู จกใบความรู้ เรอ่ื ง กบั ข้อเทจ็ จริงทางประวัต ระหว่างความ ให้กับนกั เรียน 4. ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงา จรงิ กับ ความจริงกับขอ้ เท็จจรงิ ท ประวตั ศิ าสตร์ ขอ้ เท็จจริง 5. ครูให้นกั เรียนสรุปประ สาคญั ของความแตกต่างร 3.

คู่มอื ครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แนวการจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ กจิ กรรมนักเรยี น การเรยี นรู้ นสนทนา 1. นกั เรียนศกึ ษาความรู้ เรื่อง - PowerPoint - การสงั เกต รู้ เรือ่ ง ความจริงกับข้อเท็จจริงทาง ทางประวัต-ิ ประวตั ิศาสตร์ คลปิ ความแตกต่าง ระหว่างความจริง อย่าง 2. ร่วมกนั วเิ คราะห์ว่าบทความนี้ กบั ขอ้ เทจ็ จริง ๆ ท่ีแสดง วา่ ให้ความจริงหรอื ข้อเท็จจริง ข้อมลู (ตดั อย่างไร https://youtu.be/A ง เรืองชยั ก สรุป 2bkXcdK1aU ดคลิปความ ริงกับ - ใบความรู้ท่ี 3 วิหาร” บทความน้ี เร่ือง ความจริงกบั ทจ็ จริง ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ประวัติศาสตร์ - ใบงานท่ี 3 เรื่อง ความจรงิ กับ ข้อเทจ็ จรงิ ทาง งความจรงิ 3. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ ประวัติศาสตร์ ตศิ าสตร์ เร่ืองความจริงกับขอ้ เทจ็ จริง าน เรื่อง ทางประวตั ิศาสตร์ ทาง 4. นกั เรยี นทาใบงาน เรื่อง ความ ะเด็น จรงิ กับขอ้ เท็จจรงิ ทาง ระหวา่ ง ประวตั ิศาสตร์ 5. นักเรยี นสรุปประเดน็ สาคญั ของความแตกต่าง

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ลาดบั ที่ จุดประสงค์ ขั้นตอนการจดั เวลาทใ่ี ช้ แ การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กิจกรรมครู ขน้ั สรปุ ความจรงิ กับข้อเทจ็ จรงิ ท ประวตั ศิ าสตรล์ งในสมดุ บ 4. 3. เห็น 5 นาที ครใู ห้นกั เรียนรว่ มกนั สร ความสาคัญ ของความจริง เรอ่ื ง ความจรงิ กบั ขอ้ เท กบั ขอ้ เท็จจริง ประวตั ศิ าสตร์ โดยแสด คดิ เหน็ เกีย่ วกบั ความจร ขอ้ เทจ็ จรงิ ทางประวัตศิ เป็นกลุ่ม และสง่ ตวั แทน หน้าชัน้ เรยี น

๘๕๗ แนวการจดั การเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมนิ กิจกรรมนักเรียน การเรยี นรู้ ทาง ระหวา่ งความจริงกับขอ้ เทจ็ จริง บันทึก ทางประวัตศิ าสตรล์ งในสมุดบนั ทึก รปุ ความรู้ นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรเู้ รอ่ื ง - แผนผงั ความคดิ - การสังเกต ท็จจริงทาง ความจรงิ กับข้อเท็จจริงทาง สรุปเนือ้ หา ดงความ ประวตั ศิ าสตร์ โดยแสดงความ ริงกับ คิดเหน็ เกย่ี วกบั ความจรงิ กับ ศาสตร์ ข้อเท็จจริงทางประวัตศิ าสตร์ นนาเสนอ เป็นกลมุ่ และสง่ ตัวแทนนาเสนอ หน้าชนั้ เรียน

๘๕๘ คมู่ ือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) 8. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. หอ้ งสมดุ โรงเรียน ๒. การคน้ คว้าขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ 3. สื่อ PowerPoint **สามารถปรบั เปลี่ยนไดต้ ามบรบิ ทของทอ้ งถิน่ 9. การประเมินผลรวบยอด ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี 3 เร่อื ง ความจรงิ กับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชิ้นงานหรือภาระงาน ประเดน็ การวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ และประเมินผล - ศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง - ใบความรู้ เรอื่ ง ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ความรู้ (K) ความจรงิ กับข้อเทจ็ จรงิ ความจริงกบั ขอ้ เทจ็ จริง รอ้ ยละ 60 ทางประวตั ศิ าสตรใ์ ห้กับ ทางประวตั ิศาสตร์ใหก้ บั นกั เรยี น นกั เรยี น ทกั ษะ (P) - ตรวจใบงานที่ 3 เร่อื ง - ใบงานที่ 3 เรอื่ ง ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ เจตคติ (A) ความจรงิ กบั ข้อเท็จจริง ความจริงกับข้อเทจ็ จรงิ รอ้ ยละ 60 ทางประวตั ิศาสตร์ ทางประวัตศิ าสตร์ ผ่านเกณฑป์ ระเมินระดับ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินพฤติกรรม คณุ ภาพพอใช้ข้ึนไป คุณลักษณะ - ประเมนิ ความมีวินยั - แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑป์ ระเมินระดบั อันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่ันใน การทางาน อนั พึงประสงค์ คุณภาพพอใชข้ ึ้นไป สมรรถนะสาคัญ ของผูเ้ รียน - ประเมนิ ความสามารถ - แบบประเมนิ สมรรถนะ ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดับ การคดิ การใชท้ กั ษะชีวิต และการแก้ปญั หา สาคญั ของผเู้ รยี น คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไป

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรื่อง วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ๘๕๙ 10. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากดั การใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ............................................ผสู้ อน (...........................................) วนั ที.่ .......เดือน.................พ.ศ............ 11. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ............................................ผตู้ รวจ (...........................................) วันท่ี........เดอื น.................พ.ศ............

๘๖๐ คูม่ ือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) ใบความรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง ความจรงิ กบั ขอ้ เทจ็ จริงทางประวตั ศิ าสตร์ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรื่อง วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 เรื่อง ความจริงกบั ข้อเท็จจริงทางประวัตศิ าสตร์ รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ความจริงกับขอ้ เท็จจริง ความจริง หมายถงึ เร่ืองราวหรือเหตุการณ์ ทม่ี กี ารพสิ ูจน์ ตรวจสอบ วา่ ถกู ต้องเปน็ จริง ข้อเท็จจรงิ มีความหมาย ๒ ประการคอื เรอื่ งราว เหตุการณ์ ข้อความหรอื ความคิดเห็นทวี่ ินิจฉยั แลว้ วา่ เปน็ จริง อีกความหมายคอื ข้อมลู ท่ีรวบรวมไดจ้ ากประสบการณท์ แ่ี ตกตา่ งไป จากข้อสรุปที่ให้ไว้ ยกตัวอยา่ ง ความจรงิ ไทยเสยี กรงุ ศรีอยธุ ยา ครัง้ ที่ ๒ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๑๐ ขอ้ เทจ็ จรงิ ๑. กองทพั พมา่ ยกทัพมาเปน็ ทพั ใหญ่ มกี าลงั ทหารมหาศาล ๒. เกดิ ความแตกแยกในราชสานักอยธุ ยา ๓. กองทัพพมา่ ได้เตรียมพรอ้ มมาอยา่ งดี ปดิ ลอ้ มกรุงศรีอยธุ ยาจนทาใหภ้ ายในเมอื งหลวงขาดแคลนอาหาร ๔. กรงุ ศรอี ยธุ ยาไมไ่ ดท้ าสงครามนานแล้ว ทาใหท้ หารไม่ชานาญในการทาสงคราม สรปุ ความจรงิ คอื สง่ิ ท่เี กิดขึน้ จรงิ ขอ้ เทจ็ จริง คอื คาอธิบายหรอื เหตุผลเกยี่ วกับความจรงิ นน้ั แหล่งทีม่ า/อา้ งอิง https://akke1881.wordpress.com

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรือ่ ง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ๘๖๑ ใบงานท่ี 3 เรอื่ ง ความจรงิ กบั ข้อเท็จจรงิ ทางประวตั ศิ าสตร์ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรื่อง วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 เร่ือง ความจริงกบั ข้อเทจ็ จริงทางประวัตศิ าสตร์ รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนรว่ มกันวเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งระหว่างความจรงิ และข้อเทจ็ จริง ความจริง ข้อเท็จจรงิ ๏ การแยกแยะความจรงิ กบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทางประวตั ศิ าสตร์มีความสาคญั อยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๏ “สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราชสถาปนากรุงธนบุรเี ปน็ ราชธานี เม่ือ พ.ศ. ๒๓๑๐” จากขอ้ ความข้างต้น เปน็ ความจริงหรอื ข้อเทจ็ จรงิ เพราะอะไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ช่อื -นามสกุล........................................................................................ช้นั .....................เลขที่...................

๘๖๒ คู่มอื ครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) เฉลยใบงานที่ 3 เรอ่ื ง ความจริงกับข้อเทจ็ จริงทางประวตั ศิ าสตร์ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๑ เรื่อง วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง ความจริงกบั ขอ้ เทจ็ จริงทางประวัตศิ าสตร์ รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนร่วมกนั วิเคราะหค์ วามแตกตา่ งระหวา่ งความจริงและข้อเทจ็ จริง ความจรงิ ข้อเทจ็ จรงิ เรอ่ื งราวทเ่ี กดิ ข้ึนจรงิ มีหลักฐาน ขอ้ มลู ที่เป็นคาอธิบายส่งิ ทเี่ กดิ ข้ึนอาจเปน็ ยืนยนั ว่าเป็นความจริง ๏ การแยกแยะความจรงิ กบั ข้อเทจ็ จริงทางประวตั ศิ าสตรม์ คี วามสาคญั อยา่ งไร ...ท...า..ใ.ห...้เ.ข...า้ ..ใ.จ..เ..ร..ือ่ ..ง..ร..า..ว..ท..า..ง..ป...ร..ะ..ว..ัต...ศิ ..า..ส..ต...ร..แ์ ..ล..ะ...ส..า..ม..า..ร..ถ...แ..ย..ก...แ..ย..ะ..ไ..ด..ว้..่า..ข...้อ..ม...ูล..ใ.ด...เ.ป...็น..ค...ว..า..ม..จ...ร..งิ ...ข..้อ..ใ..ด..เ..ป..น็.................... ...ข...้อ..เ.ท...จ็ ..จ..ร..งิ............................................................................................................................................................ ๏ “สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน็ ราชธานี เมือ่ พ.ศ. ๒๓๑๐” จากขอ้ ความข้างตน้ เปน็ ความจรงิ หรอื ขอ้ เทจ็ จริง เพราะอะไร ...เ..ป..น็ ...ค..ว..า..ม...จ..ร..งิ ...เ.พ...ร..า..ะ....เ.ป..น็...ช..ว่...ง.เ..ว..ล..า..ท...่ีเ.ก..ิด...ข..ึ้น...จ..ร..ิง...ไ.ม...ส่ ..า..ม...า..ร..ถ..เ.ป...ล..่ีย...น..แ...ป..ล...ง.ไ..ด..้...................................................... ..............................................................................................................................................................................

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ ๘๖๓ แบบประเมนิ การนาเสนอหน้าชนั้ เรียน เกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ การประเมิน ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) 1. การถา่ ยทอด คล่องแคล่วไมต่ ดิ ขัด คลอ่ งแคลว่ ไม่ ไม่คลอ่ งแคลว่ มี ตดิ ขัด หยดุ ชะงกั ใน เน้อื หา ทาใหเ้ ขา้ ใจประเด็น ติดขดั ทาใหเ้ ขา้ ใจ การหยุดชะงกั บา้ ง หลายจงั หวะ พูด ไดง้ า่ ยและเร็ว ประเด็นได้ง่าย บางครัง้ จงั หวะพูด เร็วหรอื ช้าเกนิ ไป การพูดมีการเวน้ การพูดมกี ารเว้น ช้าจับประเดน็ ไม่ได้ จังหวะและเนน้ คา จังหวะอย่าง เนน้ สาระสาคญั อยา่ ง เหมาะสม ความเร็ว เหมาะสมเพอ่ื ให้ผฟู้ ัง ในการพดู อยใู่ น ติดตามการนาเสนอ ระดับเหมาะสม ความเรว็ ในการพดู อยู่ในระดับเหมาะสม 2. บุคลกิ ภาพ มคี วามมั่นใจสบ สบสายตาผฟู้ งั สบสายตาผูฟ้ ังนอ้ ย กม้ หนา้ ไม่สบตา สายตาผฟู้ ัง พอสมควร นา้ เสียง น้าเสียงสั่น ขาด และนา้ เสียงสน่ั ตลอดเวลาเพ่อื สะท้อนถึงความ ความม่นั ใจ เสยี ง และเบา ดงึ ดูดใหผ้ ู้ฟงั สนใจ มน่ั ใจ เสียงดัง เบาและดังสลบั ไป ในเนอ้ื หาท่ถี า่ ยทอด พอเหมาะ เสียงดงั พอเหมาะ 3. การใช้ภาษา คล่องแคล่ว เชน่ ยก แสดงกริยาท่าทาง ใช้ภาษากายสื่อสาร ไมใ่ ชภ้ าษากาย กายใน มือ/ผายมือ แสดง ประกอบการนาเสนอ นอ้ ยครัง้ สื่อสาร การสอ่ื สาร กริยาท่าทาง พอสมควร ประกอบการ นาเสนอเพือ่ ดงึ ดดู ความสนใจ 4. ความ ใช้เวลาในการ ใชเ้ วลาในการ ใช้เวลาในการ ใช้เวลาในการ เหมาะสมกบั นาเสนอเหมาะสม นาเสนอเกินเวลาที่ นาเสนอเกินเวลาที่ นาเสนอเกนิ เวลาที่ เวลา กาหนด ๑-๓ นาที กาหนด ๔-๕ นาที กาหนด มากกวา่ ๕ นาทขี ึ้นไป เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 8-10 คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 5-7 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ คะแนน 1-4 เกณฑก์ ารผ่าน ตง้ั แต่ 5 คะแนน ขน้ึ ไป

๘๖๔ คมู่ อื ครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมิน ดี (๓) ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง (๑) 1. การรว่ มกจิ กรรม มคี วามกระตือรอื รน้ ใน พอใช้ (๒) ไมม่ ีความกระตอื รอื รน้ การร่วมกจิ กรรมอย่าง ในการรว่ มกจิ กรรม สม่าเสมอ มคี วามกระตือรอื รน้ ใน การรว่ มกิจกรรมใน บางครง้ั 2. การรบั ฟงั ความ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของ รับฟังความคดิ เหน็ ของ ไม่รับฟงั ความคดิ เห็น คิดเหน็ ของผอู้ นื่ ผอู้ นื่ อย่างสม่าเสมอ ผู้อื่นเปน็ บางครั้ง ของผ้อู ื่น 3. ความรบั ผดิ ชอบ มีความรับผดิ ชอบในงาน มคี วามรบั ผดิ ชอบในงาน ไม่มคี วามรับผดิ ชอบใน ทีไ่ ด้รบั มอบหมายอยา่ ง ท่ไี ดร้ ับมอบหมายใน งานท่ีได้รับมอบหมาย สม่าเสมอ บางคร้งั 4. ขยนั หมั่นเพยี ร มคี วามขยันหมั่นเพียร มคี วามขยันหมัน่ เพียร ไม่มีความขยันหมน่ั เพียร พยายามทางานใหส้ าเร็จ พยายามทางานให้สาเรจ็ พยายามทางานใหส้ าเร็จ อย่างสม่าเสมอ เป็นบางคร้ัง 5. ตรงต่อเวลา สง่ ชน้ิ งานภายในเวลาที่ สง่ ผลงานเสร็จตรงเวลา ส่งผลงานชา้ กว่าเวลา กาหนด กาหนด เกณฑก์ ารให้คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๑1-๑๕ คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 6-๑0 คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง คะแนน 1-5 คะแนน เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแต่ 6 คะแนน ขนึ้ ไป

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ ๘๖๕ แบบประเมนิ ใบงาน คาชแ้ี จง : ใหค้ รผู ู้สอนประเมินใบงานของนักเรียนแล้วให้ทาเครื่องหมาย ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ-สกุล การร่วม การรบั ฟงั ความ ขยันหมนั่ เพยี ร ตรงตอ่ เวลา รวม กจิ กรรม ความคิดเห็น รบั ผิดชอบ 20 1 ของผอู้ นื่ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 2 3 4 5 ลงชอ่ื ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16-20 ดีมาก 11-15 ดี 6-10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง

๘๖๖ คูม่ อื ครแู ละแผนจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนรายบคุ คล ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ........................ ลาดบั ที่ ชอ่ื -สกลุ ความ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน มีสว่ น ระดับ ต้งั ใจใน ร่วมใน คณุ ภาพ 1 การเรียน ความ กจิ กรรม 2 สนใจ (4) รวม 3 (4) และการ การตอบ (16) 4 ซักถาม คาถาม 5 (4) (4) 6 7 8 9 10 ลงชอื่ ................................................................ผูป้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนนดังตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบคุ คล ดงั น้ี ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมิน 14-16 ดีมาก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรบั ปรงุ

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่ือง วิธีการทางประวัติศาสตร์ ๘๖๗ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมนักเรียนรายบคุ คล (Rubric) ประเดน็ ดีมาก (4) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ต้องปรบั ปรุง (1) การประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) 1. ความตง้ั ใจใน สนใจในการเรยี น สนใจในการเรยี น สนใจในการเรยี น ไมส่ นใจใน การเรยี น ไม่คุยหรอื เลน่ กัน คุยกนั เลก็ นอ้ ย คุยกันและเลน่ กนั การเรียน คยุ และ 2. ความสนใจและ การซกั ถาม ในขณะเรยี น ในขณะเรียน ในขณะเรยี นเปน็ เล่นกนั ในขณะ 3. การตอบคาถาม บางครัง้ เรยี น 4. มีส่วนรว่ มใน มกี ารถามในหวั ข้อ มกี ารถามในหวั ขอ้ มกี ารถามในหวั ข้อ ไมถ่ ามในหวั ขอ้ ท่ี กจิ กรรม ท่ตี นไม่เข้าใจทกุ ทีต่ นไมเ่ ข้าใจเป็น ทต่ี นไม่เขา้ ใจเป็น ตนไม่เข้าใจและไม่ เรอ่ื งและกล้าแสดง ส่วนมากและกลา้ บางครง้ั และไม่ กลา้ แสดงออก ออก แสดงออก คอ่ ยกลา้ แสดงออก รว่ มตอบคาถามใน ร่วมตอบคาถามใน ร่วมตอบคาถามใน ไม่ตอบคาถาม เร่ืองทีค่ รูถามและ เรอ่ื งที่ครถู ามและ เรื่องทคี่ รูถามเปน็ ตอบคาถามถกู ทุก ตอบคาถาม บางครั้งและตอบ ข้อ สว่ นมากถูก คาถามถกู เป็น บางครัง้ ร่วมมอื และ ร่วมมือและชว่ ย ร่วมมือและช่วย ไม่มคี วามร่วมมือ ช่วยเหลือเพ่อื นใน เหลือเพอ่ื นเป็น เหลือเพอ่ื นในการ ในขณะทากจิ กรรม การทากจิ กรรม ส่วนใหญใ่ นการทา ทากจิ กรรมเปน็ กจิ กรรม บางครงั้

๘๖๘ คูม่ ือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ประวตั ศิ าสตร์ ป.5) แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ วนั ที่.......................เดือน.........................................พ.ศ.................................. ลาดบั ท่ี ชอื่ กลุ่ม การ เกณฑก์ ารให้คะแนน พฤตกิ รรม ระดบั ปฏสิ ัมพันธ์ 1 การ การทางาน คณุ ภาพ 2 กนั สนทนา 3 (4) เรือ่ ง การตดิ ตอ่ กลมุ่ รวม 4 ทกี่ าหนด สื่อสาร 5 (4) (16) 6 (4) (4) 7 8 9 10 ลงชอ่ื ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ดังน้ี ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมิน 14-16 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 1-7 ปรับปรงุ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรือ่ ง วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ ๘๖๙ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายกล่มุ (Rubric) ประเดน็ ดมี าก (4) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ตอ้ งปรับปรุง (1) การประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) 1. การปฏิสมั พันธ์ ร่วมมอื และ ร่วมมือและ ร่วมมือและ ไม่ใหค้ วามรว่ มมอื กนั ชว่ ยเหลอื เพอ่ื นใน ในขณะทากจิ กรรม การทากิจกรรม ช่วยเหลอื เพื่อน ช่วยเหลอื เพอ่ื นใน 2. การสนทนา สนทนาไม่ตรง เรอ่ื งทก่ี าหนด สนทนาตรง เป็นส่วนใหญใ่ น การทากจิ กรรม ประเดน็ ประเด็น 3. การ ครอบคลุมเนื้อหา การทากจิ กรรม เปน็ บางครงั้ ไม่มีการปรึกษาครู ตดิ ต่อส่ือสาร และเพ่ือนกลุ่ม มกี ารปรกึ ษาครู สนทนาตรง สนทนาตรง อ่ืน ๆ 4. พฤตกิ รรม และเพอ่ื นกลุ่ม ไม่มีการวางแผน การทางาน อนื่ ๆ ประเด็น ประเดน็ อย่างเป็นระบบ มีการวางแผนอยา่ ง และไม่มกี ารแบง่ เปน็ ระบบ และ ครอบคลมุ เนื้อหา หนา้ ทข่ี องสมาชิก แบ่งหน้าทีข่ อง ในกล่มุ สมาชกิ ในกลมุ่ บางสว่ น มีการปรกึ ษาครูและ มีการปรกึ ษาครูและ เพือ่ นกลมุ่ อื่น ๆ เพือ่ นกลมุ่ อน่ื ๆ เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางครัง้ มีการวางแผนอย่าง มีการวางแผนอยา่ ง เป็นระบบ และ เป็นระบบ และ แบ่งหน้าท่ีของ แบ่งหน้าท่ีของ สมาชิกในกลมุ่ เปน็ สมาชกิ ในกลมุ่ เป็น สว่ นใหญ่ บางคร้ัง

๘๗๐ คู่มือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียนแลว้ ขีด✓ลงในชอ่ งที่ตรง กับระดบั คะแนน รายการ พฤตกิ รรมการแสดงออก ระดับการปฏบิ ตั ิ ประเมนิ ๓๒๑ ๑. มวี นิ ัย ๑.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั รบั ผิดชอบ และโรงเรียน มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ ง ๆ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ในชวี ิตประจาวนั มีความรับผดิ ชอบ 2.1 ตง้ั ใจเรียน 3. มงุ่ มน่ั ใน 2.2 เอาใจใสใ่ นการเรียน และมคี วามเพยี รพยายามในการเรียน การทางาน 2.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ 2.4 ศึกษาค้นควา้ หาความร้จู ากหนงั สอื เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สอ่ื เทคโนโลยตี ่าง ๆ แหล่งการเรยี นรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลอื กใช้สอื่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2.5 บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบบางส่งิ ทีเ่ รียนรู้ สรุปเปน็ องค์ ความรู้ 2.6 แลกเปลย่ี นความรู้ด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั 3.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทางานที่ได้รบั มอบหมาย 3.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ลงช่อื ................................................................ผูป้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ๓ คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ๒ คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ๑ คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคด์ งั นี้ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมนิ 22-27 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพผ่านขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น 15-21 ดี 8-14 ผ่าน 1-7 ไม่ผ่าน

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เร่ือง วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ๘๗๑ แบบประเมินสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด✓ลงในชอ่ งที่ตรง กับระดบั คะแนน รายการประเมิน พฤตกิ รรมการแสดงออก ระดบั การปฏบิ ตั ิ ๓๒๑ ๑. ความสามารถใน ๑.1 มคี วามสามารถในการรบั -ส่งสาร การสื่อสาร 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความ 2. ความสามารถใน เข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม การคดิ 2.1 มีทกั ษะในการคิดนอกกรอบอยา่ งสร้างสรรค์ 3. ความสามารถใน การใชท้ ักษะชวี ติ 2.2 มีความสามารถในการคดิ อยา่ งมรี ะบบ 3.1 สามารถทางานกลุ่มร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้ 3.2 นาความรทู้ ี่ได้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน ลงช่อื ................................................................ผูป้ ระเมนิ ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓ คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ๒ คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ๑ คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง เกณฑก์ ารให้คะแนนดังตารางแนบทา้ ย เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นดังน้ี ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การสรปุ ผลการประเมนิ 16-18 ดมี าก นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั คณุ ภาพผ่านขนึ้ ไป ถือว่า ผา่ น 13-15 ดี 10-12 ผา่ น 1-9 ไม่ผา่ น

๘๗๒ คูม่ อื ครแู ละแผนจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แบบประเมินตนเอง ชื่อ : _____________________________________วนั เดอื น ป_ี __________________________ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ๑. ประเมินการเรยี นร้ขู องตนเอง กาเครอ่ื งหมาย ✓ ในช่องระดบั ความสามารถของแตล่ ะกิจกรรมทนี่ กั เรียนคิดวา่ ทาไดต้ ามระดบั การ ประเมินเหลา่ นี้ ระดบั ความสามารถ : ดมี าก คอ่ นขา้ งดี ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ท่ี รายการ ระดับความสามารถ ดีมาก ค่อนขา้ งดี ดี พอใช้ ปรับปรุง นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและ ๑ เกดิ ทกั ษะในการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยใช้ วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ บอกความหมายและเหน็ ความสาคญั ๒ ของประเภทหลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ได้ ๓ นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ เกีย่ วกบั ความจริงกับขอ้ เทจ็ จริง 2. สิ่งท่ฉี นั ยงั ไมเ่ ข้าใจ/ยังทาไดไ้ มด่ ี คือ...... (สามารถเขียนไดม้ ากกวา่ 1 อย่าง)  ……………………………………………...................................................................................................... ...............................................................................................................................................................  ……………………………………………...................................................................................................... ...............................................................................................................................................................  ……………………………………………...................................................................................................... ............................................................................................................................................................. 3. ส่ิงท่ีฉันต้งั ใจจะทาให้ดขี น้ึ ในการเรียนหน่วยตอ่ ไป (สามารถเขียนไดม้ ากกวา่ 1 อย่าง) ……………………………………………......................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เรื่อง วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ ๘๗๓ บนั ทึกการเรยี นรู้ (Learning logs) ช่อื : ____________________ สกลุ : _________________วัน____ เดือน_____________ พ.ศ. _____ สงิ่ หนง่ึ ทีฉ่ นั ไดเ้ รียนรู้จากการเรยี นวิชานีใ้ นครึ่งภาคเรยี น คอื .......................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ........... ฉันน่าจะเรยี นรไู้ ดด้ กี ว่านีห้ าก ....................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ........... สง่ิ ท่ีฉนั อยากจะบอกคณุ ครู คอื ..................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ........... สิ่งทฉ่ี นั ควรปรับปรงุ ตวั เองใหด้ ขี ้ึน คอื .......................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ........... ปญั หาในการเรียนของฉนั คอื ....................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ...........

๘๗๔ คู่มอื ครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ อทิ ธิพลของอารยธรรม ตา่ งชาติที่มีต่อไทย

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง อทิ ธพิ ลของอารยธรรมตา่ งชาตทิ ม่ี ีตอ่ ไทย ๘๗๕ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ เรือ่ ง อทิ ธพิ ลของอารยธรรมตา่ งชาติทม่ี ตี ่อไทย รหสั วชิ า ส๑๕๑๐๒ รายวชิ าประวัตศิ าสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๑๒ ชั่วโมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด สาระท่ี ๔ ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดตี จนถึงปจั จบุ ันในด้านความสมั พนั ธแ์ ละการเปลี่ยนแปลง ของเหตกุ ารณ์อย่างตอ่ เน่ือง ตระหนักถึงความสาคญั และสามารถวิเคราะหผ์ ลกระทบที่เกิดขนึ้ ตวั ชว้ี ดั ป.๕/๑ อธบิ ายอิทธพิ ลของอารยธรรมอินเดียและจีนทม่ี ตี ่อไทย และเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ โดยสงั เขป ป.๕/๒ อภิปรายอิทธิพลของวฒั นธรรมตา่ งชาตทิ ่มี ีต่อสังคมไทยปจั จุบันโดยสงั เขป ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การศึกษาลักษณะอิทธิพลอารยธรรมของอินเดียและจีน สามารถศึกษาได้จากร่องรอยการต้ังหลัก แหล่งและพัฒนาการดารงชีวิตของมนุษย์ในยุคสมัยนั้น ๆ การเข้ามาของอารยธรรมอินเดียและจีนในดินแดน ไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอารยธรรมอินเดียและจีนท่ีมีต่อไทย เช่น ศาสนาและความเช่ือ ภาษา การแต่งกาย อาหาร ดนตรี ๓. สาระการเรียนรู้ ความรู้ ๑. อทิ ธิพลของอารยธรรมอนิ เดยี และจนี ๒. อิทธพิ ลของวัฒนธรรมต่างชาติในสงั คมไทย ๓. สภาพสังคม เศรษฐกิจ และการเขา้ มาของอารยธรรมอินเดียและจีนสปู่ ระเทศไทย ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. การวิเคราะห์สภาพสงั คม เศรษฐกจิ ของอารยธรรมอินเดยี และจนี ๒. ใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการสบื ค้นข้อมลู อิทธพิ ลของอารยธรรมอนิ เดียและจนี ๓. อภิปรายถึงประโยชนข์ องหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์และความเปน็ มาของทอ้ งถ่ินได้ เจตคติ ๑. เหน็ ประโยชน์ของการศกึ ษาอทิ ธขิ องอารยธรรมอินเดียและจีนทม่ี ีต่อสงั คมไทย ๒. เห็นความสาคญั การเขา้ มาของอารยธรรมอินเดียและจนี ส่ปู ระเทศไทย ๔. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ชวี ติ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

๘๗๖ คมู่ ือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) ๕. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซ่ือสตั ย์ ๓. มวี ินัย ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง ๖. มีจติ สาธารณะ ๗. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๘. รักความเป็นไทย ๖. การประเมนิ ผลรวบยอด ชน้ิ งานหรือภาระงาน ๑. แผนผังความคดิ ๒. ใบงานที่ 1 เรือ่ ง อารยธรรมอินเดยี ๓. ใบงานท่ี 2 เร่ือง อารยธรรมจนี ๔. ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง อารยธรรมอนิ เดยี และจนี ๕. ใบงานท่ี 4 เรอื่ ง การเขา้ มาและความสาคญั ของอารยธรรมอินเดีย ๖. ใบงานที่ 5 เรื่อง การเข้ามาและความสาคัญของอารยธรรมจนี ๗. ใบงานที่ 6 เรอ่ื ง อิทธิพลของอารยธรรมอนิ เดยี ที่มตี อ่ สังคมไทยและภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ๘. ใบงานท่ี 7 เรอ่ื ง อทิ ธิพลของอารยธรรมจนี ท่ีมีตอ่ สังคมไทยและภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ๙. ใบงานที่ 8 เรื่อง ความแตกตา่ งของอิทธิพลของอารยธรรมอนิ เดียและจนี ทม่ี ีตอ่ ไทย ๑๐. ใบงานที่ 9 เรื่อง การเขา้ มาของอารยธรรมต่างชาตทิ ่มี ตี อ่ สงั คมไทย ๑๑. ใบงานที่ 10 เรอ่ื ง อิทธพิ ลของวฒั นธรรมตา่ งชาติท่มี ีต่อสังคมไทย ๑๒. ใบงานท่ี 11 เรื่อง อิทธิพลของชาติตะวันตกที่มีต่อสังคมไทย (โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ) ๑๓. ใบงานท่ี 12 เรอ่ื ง ผลกระทบของวัฒนธรรมตา่ งชาตทิ ม่ี ีตอ่ สังคมไทย

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง อทิ ธิพลของอารยธรรมตา่ งชาตทิ ีม่ ตี ่อไทย ๘๗๗ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชนิ้ งานหรือภาระงาน ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 1. การบรรยาย ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) จดุ ประสงค์ บรรยายเกีย่ วกับ บรรยายเกีย่ วกับ บรรยายเกีย่ วกบั บรรยายเก่ยี วกบั 2. ความ ครอบคลุมของ จุดประสงคใ์ น จดุ ประสงคใ์ น จดุ ประสงคใ์ น จุดประสงค์ใน เนอ้ื หา การสรา้ งสรรค์ การสรา้ งสรรค์ การสร้างสรรค์ การสรา้ งสรรค์ ผลงานได้ถกู ต้อง ผลงานไดถ้ กู ตอ้ ง ผลงานได้ถกู ต้อง ผลงานไดถ้ ูกต้อง ชดั เจน เป็นส่วนใหญ่ เป็นบางส่วน เพยี งสว่ นนอ้ ย การนาเสนอเปน็ ไป การนาเสนอเปน็ ไป การนาเสนอเปน็ ไป การนาเสนอเปน็ ไป ตามลาดบั ขนั้ ตอน ตามลาดบั ขน้ั ตอน ตามลาดับขนั้ ตอน ตามลาดบั ขน้ั ตอน ความถกู ตอ้ งของ ความถูกตอ้ งของ ความถูกตอ้ งของ ความถูกต้องของ เน้อื หา ๑๐๐ % เนอื้ หา ๘๐ % เนอื้ หา ๗๐ % เน้อื หา ๕๐ % 3. ความสวยงาม ใชเ้ คร่อื งหมาย ใชเ้ ครือ่ งหมาย ใชเ้ ครอ่ื งหมาย ใช้เคร่ืองหมาย การตกแตง่ ชน้ิ งาน รปู ภาพ สมการ รปู ภาพ สมการ รปู ภาพ สมการ รปู ภาพ สมการ สญั ลกั ษณแ์ ทนกฎ สัญลกั ษณ์แทนกฎ สญั ลักษณ์แทนกฎ สญั ลกั ษณแ์ ทนกฎ ทฤษฎี หลักการ ทฤษฎี หลักการ ทฤษฎี หลักการ ทฤษฎี หลักการ นิยามตา่ ง ๆ ได้ นิยามต่าง ๆ ได้ นิยามต่าง ๆ ได้ นยิ ามตา่ ง ๆ ได้ ถูกตอ้ งและครบถ้วน ถกู ต้องแตค่ รบถ้วน ถูกต้อง ถูกตอ้ ง 4. ความถกู ต้อง ใชส้ ีทชี่ ่วยจดจา ใชส้ ที ่ีช่วยจดจา ใช้สีท่ชี ว่ ยจดจา ไมใ่ ช้สที ี่ช่วยจดจา เพลินตา สเี ดียว เพลินตา สีเดียว เพลินตา สีเดยี ว เพลินตา สีเดียว ตลอด แต่ละสไี ม่ซา้ ตลอด แต่ละสซี ้ากนั ตลอด แตล่ ะสี ตลอด กนั เดยี วกนั 5. ความตรงตอ่ ส่งงานครบถว้ นตรง ส่งงานครบถ้วนตรง ส่งงานครบถว้ นตรง ส่งงานครบถว้ นตรง เวลา ตามเวลาที่กาหนด ตามเวลาทก่ี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ กวา่ กาหนด ๑-๒ วนั ๓-๔ วนั 5 วนั ขน้ึ ไป เกณฑ์การตัดสิน คะแนน ๑๖-๒๐ หมายถึง ดีมาก ดี คะแนน ๑๓-๑๕ หมายถงึ พอใช้ ปรบั ปรงุ คะแนน ๑๐-๑๑ หมายถึง คะแนน 1-๙ หมายถึง เกณฑก์ ารผา่ น ตง้ั แต่ระดบั ๑๐ คะแนน ข้นึ ไปผ่าน

๘๗๘ คูม่ ือครแู ละแผนจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ประวัติศาสตร์ ป.5) แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื ง อารยธรรมอินเดีย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง อทิ ธพิ ลของอารยธรรมต่างชาตทิ ีม่ ตี อ่ ไทย เวลา 1 ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชาประวตั ศิ าสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ส ๔.2 เขา้ ใจพฒั นาการของมนษุ ยชาตจิ ากอดตี จนถึงปัจจุบัน ในด้านความสมั พันธ์ และ การเปลยี่ นแปลงของเหตุการณอ์ ยา่ งตอ่ เนื่อง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถ วเิ คราะหผ์ ลกระทบทเ่ี กดิ ขึน้ ตวั ช้ีวดั ส 4.2 ป.5/1 อธบิ ายอิทธิพลของอารยธรรมอนิ เดยี และจีนที่มตี ่อไทย และเอเชียตะวันออก- เฉยี งใต้ โดยสังเขป 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด อารยธรรมลุ่มแม่น้าสินธุเป็นแหล่งอารยธรรมเร่ิมแรกของอินเดีย อยู่บริเวณดินแดนภาคตะวันตก ของอินเดีย (ปากีสถานในปัจจุบัน) ที่แม่น้าสนิ ธุไหลผ่าน อาณาเขตลมุ่ แมน่ ้าสินธคุ รอบคลุมบริเวณกวา้ งกว่าล่มุ แม่น้าไนล์แห่งอิยิปต์ โดยทุก ๆ ปีกระแสน้าได้ไหลท่วมท้นฝ่ังทาให้ดินแดนลุ่มน้าสินธุอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่ การทากสิกรรม นักประวัติศาสตร์บางคนเรียกอารยธรรมในดินแดนนี้ว่า วัฒนธรรมฮารัปปา ซึ่งเป็นช่ือเมือง โบราณที่ตง้ั อยบู่ ริเวณล่มุ นา้ สินธเุ มื่อประมาณ 3,500-1,000 ปี กอ่ นพุทธศกั ราช 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั อารยธรรมอนิ เดยี 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - เกดิ ทักษะในการสบื ค้นความแตกต่างของอารยธรรมอินเดยี 3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) - เหน็ ความสาคัญเกี่ยวกับอารยธรรมอินเดยี 4. สาระการเรยี นรู้ - อารยธรรมอนิ เดยี 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 5.2 ความสามารถในการแกป้ ญั หา - กระบวนการสบื ค้นข้อมลู 5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ - กระบวนการทางานกลุม่ - กระบวนการปฏบิ ัติ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง อิทธพิ ลของอารยธรรมตา่ งชาตทิ ม่ี ตี ่อไทย ๘๗๙ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้

๘๘๐ ค ลาดบั ที่ จดุ ประสงค์ ข้ันตอนการจดั การจดั กิจกรรมการเรียน 1. การเรียนรู้ การเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 ขน้ั นา รายวิชาประวตั ศิ าสตร เวลาท่ี ใช้ กจิ กรรมคร 10 1. ใหน้ กั เรียนดแู ผนที่ป นาที อนิ เดีย ครูสนทนากบั น ประสบการณ์ของนักเร ความเกี่ยวข้องประเทศ หรอื ไม่ เช่น เคยไปแถว หรือเคยดภู าพยนตร์อิน เคยเห็นคนแขกหรอื ไม่ 2. ครูให้นักเรียนดภู าพ “ทัชมาฮาล” แลว้ ตงั้ ปร คาถาม 3. ครใู ชค้ าถาม 1) ภาพทนี่ ักเรยี นเหน็ อะไร เป็นอารยธรรม ของประเทศอะไร ๒) ทัชมาฮาลมคี วาม สาคัญอยา่ งไร

ค่มู ือครแู ละแผนจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวัตศิ าสตร์ ป.5) นรู้ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 1 เรอ่ื ง อารยธรรมอินเดยี ร์ จานวน 1 ช่ัวโมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนักเรียน การเรยี นรู้ ประเทศ 1. นักเรียนรว่ มกนั ตอบ ให้ - ภาพทัชมาฮาล - การประเมนิ นักเรยี นถงึ นกั เรยี นนึกภาพถงึ ประเทศอินเดยี - PowerPoint คาตอบ รยี นวา่ เคยมี หรือวัฒนธรรมของชาวอนิ เดีย ศอินเดยี - การสงั เกต ว พาหุรัด นเดยี หรือ 2. นกั เรยี นดภู าพ “ทชั มาฮาล” พ ประเดน็ นคือ ภาพ 3. นกั เรียนตอบคาถาม 1) แนวคาตอบ ทชั มาฮาล เปน็ อารยธรรมของประเทศอินเดีย 2) แนวคาตอบ ทชั มาฮาล สุสานหนิ ออ่ นท่ีผ้คู นเช่อื วา่ เป็นสถาปัตยกรรมแห่งความ รักที่สวยทีส่ ุดในโลก ถกู สร้างขึ้น โดยกษตั รยิ อ์ นิ เดยี ผู้มรี กั ม่ันคงต่อ พระมเหสีของพระองค์และถือ เป็นส่ิงมหัศจรรย์ของโลก

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง อทิ ธพิ ลของอารยธรรมต่างชาติท่มี ตี ่อไทย ลาดบั ท่ี จดุ ประสงค์ ข้ันตอนการจดั เวลาท่ี กจิ กรรมคร การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ใช้ ข้นั สอน 35 1. ครใู หน้ กั เรยี นดูวิดิโ 2. 1. มคี วามรู้ อารยธรรมอนิ เดยี พรอ้ สนทนาพูดคุยเกี่ยวกบั ความเข้าใจ นาที เกี่ยวกบั อารยธรรม อินเดยี 2. ครูใชค้ าถาม 1) จากวดิ โี อทีน่ กั เรีย ดูและศึกษานักเรยี นจับ ความสาคญั อะไรไดบ้ า้ 2) อารยธรรมอนิ เดีย เริม่ ต้นบรเิ วณใด 3) ระบบวรรณะในอ มีกี่วรรณะ อะไรบ้าง 3. ครูอธิบายและร่วมก สนทนากับนกั เรยี นแล เปลย่ี นเรยี นร้เู กย่ี วกบั ประเทศอนิ เดยี ตามที่ นักเรียนเคยรู้ เชน่ ท่ตี วฒั นธรรม ประเพณี ค ด้านศาสนา สังคม

๘๘๑ แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ รู กจิ กรรมนักเรยี น การเรียนรู้ ิโอ เรอ่ื ง 1. นกั เรยี นดวู ิดโิอ เรื่อง อารย - PowerPoint อมกับ ธรรมอินเดยี - การสังเกต บวดิ ิโอที่ดู 2. นกั เรียนตอบคาถาม ยนได้ 1) แนวคาตอบ อารยธรรมของ บใจ อินเดยี ระบบวรรณะในอารย าง ธรรมอนิ เดยี ความเปน็ อยู่ ย 2) แนวคาตอบ ลุม่ แม่นา้ สินธุ อนิ เดีย 3) แนวคาตอบ 4 วรรณะ คอื 1. วรรณะพราหมณ์ 2. วรรณะกษัตรยิ ์ 3. วรรณะแพศย์ 4. วรรณะศทู ร กัน 3. นักเรยี นศึกษาและ ลก แลกเปลย่ี นเรียนร้เู กีย่ วกบั ประเทศอนิ เดยี ตงั้ ความเปน็ อยู่

๘๘๒ ค ลาดบั ที่ จดุ ประสงค์ ขน้ั ตอนการจดั เวลาท่ี กจิ กรรมคร การเรียนรู้ การเรียนรู้ ใช้ 4. ครูแจกใบความรู้ เร 3. 2. มีทักษะในการ ขน้ั ปฏิบตั ิ ธรรมอนิ เดียและจีน ให สืบคน้ ความ รว่ มกนั ศกึ ษา แตกต่าง 5. ครูใหน้ ักเรยี นจบั คู่แ ของอารยธรรม ทาใบงาน เรื่อง อารยธร อินเดยี แล้วใหน้ กั เรียนแตล่ ะก ระดมสมอง ส่งตัวแทนก นาเสนอหน้าช้ันเรยี น 5 นาที 1. ครูสุ่มตัวแทนนักเรยี 4. 3. เห็นความสาคญั ข้นั สรุป กลุ่ม นาเสนอหน้าชน้ั เร เกย่ี วกับอารยธรรม ใบงาน เรื่อง อารยธรรม อินเดีย 2. ครใู ห้นักเรียนร่วมก องค์ความรู้เรอ่ื ง อารยธ การพฒั นาอารยธรรมอ โบราณของกลุ่มต่าง ๆ การปกครอง สังคม แล 3. ครสู อบถามนกั เรียน ไทยเราได้รับอารยธรรม ประเทศอินเดียอะไรบา้ นักเรยี นร่วมกนั สรปุ สร แผนผังความคิดถา้ ไม่ม อาจสรุปมาแลว้ ใหน้ กั เร

คู่มือครแู ละแผนจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ประวตั ิศาสตร์ ป.5) แนวการจดั การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ รู กิจกรรมนักเรียน การเรยี นรู้ รอื่ ง อารย 4. นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้เรื่อง - ใบความรทู้ ่ี 1 ห้นักเรียน อารยธรรมอนิ เดียและจีน เร่ือง อารยธรรม อินเดยี และจีน และ 5. นักเรยี นจับคูแ่ ละทาใบงาน - ใบงานท่ี 1 รรมอินเดยี เรอื่ ง อารยธรรมอินเดีย เรือ่ ง อารยธรรม กลุม่ ร่วมกนั อินเดยี นกลุ่ม ยน 2-3 1. นกั เรยี น 2-3 กลมุ่ นาเสนอ - PowerPoint - การสังเกต รียนใน หนา้ ชั้นเรยี นในใบงาน เรื่อง อารย มอนิ เดีย ธรรมอินเดยี กนั สรปุ 2. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ องค์ ธรรมอินเดีย ความรู้เร่อื ง อารยธรรมอนิ เดีย อินเดีย การพฒั นาอารยธรรมอนิ เดีย ด้าน โบราณของกลมุ่ ตา่ ง ๆ ด้านการ ละศาสนา ปกครอง สังคม และศาสนา นว่า ประเทศ 3. แนวการตอบ สิ่งท่ปี ระเทศ ไทยได้อิทธิพลจากอารยธรรม มจาก อินเดยี เช่น การนบั ถอื ศาสนา าง ให้ ตา่ ง ๆ ความเชอ่ื ต่าง ๆ อาหาร รุปเป็น บางชนดิ เชน่ โรตี ขา้ วหมกไก่ มเี วลาครู เป็นตน้ รียนดู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook