Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ED-APHEIT 2018

ED-APHEIT 2018

Published by ED-APHEIT, 2019-04-05 09:41:45

Description: ED-APHEIT 2018

โครงการประชุมทางวิชาการและเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ :

สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย
(สสอท.)

Search

Read the Text Version

การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 0

สารบัญ หน้า ฆ บทความปรทิ ศั น๑ …………………………………………......................………………. 4 ทิศทางการจดั การศกึ ษาเรยี นรสู้ กู่ ารศึกษา 4.0 ในยุคดิจิทลั ……………………………………………….... 8 ครูต้องเปล่ียนกระบวนทัศนใ์ หม่: จงึ จะสอนเด็กไทย 4.0 ใหไ้ ด้ผล………………………………………… 24  การบรู ณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่อื สงั คมออนไลนเ๑ พอ่ื การจดั การเรยี นร๎ขู องโรงเรยี นบา๎ นการบนิ 36 อาจารย๑นกิ 46  การพัฒนาความคดิ สรา๎ งสรรค๑ทางภาษาโดยใชน๎ วตั กรรมการศึกษาชัน้ เรยี น (Lesson Study) ด๎วยการ จัดการเรียนร๎ูแบบเปดิ (Open Approach) ในรายวิชาภาษาองั กฤษ สาหรับนกั เรยี นในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษา 57 ปีที่ 2 67  กระบวนการใหบ๎ ริการยคุ การศึกษาไทย 4.0 กรณีศึกษามหาวิทยาลยั เอกชนแหงํ หนงึ่ ศนู ยก๑ ารศกึ ษาอโศก แคมป๓ส กรุงเทพมหานคร 81 98  สมรรถนะครูทีส่ ํงผลตอํ ทักษะของผเ๎ู รียนในศตวรรษที่ 21 โรงเรยี นในสงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา 110 บุรรี มั ย๑ เขต 4 130  การบรหิ ารโรงเรียนในชมรมผูบ๎ ริหารโรงเรยี นฆราวาสคาทอลกิ อัครสงั ฆมณฑลกรุงเทพฯตามหลกั ปรัชญาของ 143 เศรษฐกจิ พอเพยี ง 150 167  การประเมินหลักสตู รประกาศนยี บตั รบณั ฑติ วิชาชพี ครขู องบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ธนบรุ ี 184  การเปรียบเทยี บผลการจดั ประสบการณท๑ างดนตรรี ะหวํางการใช๎กลองชดุ และการใช๎ เปียโนท่ีสงํ ผลตํอชวํ ง 193 209 ความสนใจของเด็กอนบุ าล 224  การศึกษาในยคุ Thailand 4.0 : ทกั ษะการเรยี นร๎ทู จ่ี าเป็น 238  การศกึ ษาผลการพฒั นากลา๎ มเนอ้ื เลก็ ดา๎ นการประสานสัมพนั ธ๑ระหวํางมือกับตา และพฤติกรรมความมวี นิ ยั 248 ในตนเองดา๎ นความรับผดิ ชอบ โดยใชก๎ ิจกรรมศิลปสร๎างสรรคส๑ าหรับเดก็ ปฐมวยั 253  คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข๑ องมหาบัณฑติ M.B.A. ยุค THAILAND 4.0  การศกึ ษาเชงิ เปรยี บเทยี บระหวํางประเทศไทยและประเทศสงิ คโปร๑  การมสี ํวนรํวมในการประกันคณุ ภาพการศกึ ษาภายในของสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กรณศี ึกษาโรงเรยี นราชวนิ ิต  การพัฒนาทกั ษะการส่ือสารภาษาอังกฤษของคณาจารยแ๑ ละบคุ ลากรวิทยาลยั นครราชสมี า  การเรียนรเ๎ู ฉพาะบุคคลและการกากับตนเองในการเรยี นร๎ู  การศึกษาความเป็นผ๎นู าจิตสาธารณะ : กรณศี ึกษา อาธิวราห๑ คงมาลัย  รปู แบบหนํวยงานกลางสะสมผลการเรียนร๎ู สาหรับการศกึ ษาตลอดชีวติ  การพฒั นาความร๎ูด๎านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารของขา๎ ราชการครู สงั กัดสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) ในพนื้ ท่ภี าคตะวันออก ประเทศไทย โดยการฝกึ อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร  Reflection over My Journey of Learning from Bhutan to Thailand  Challenges in Education in Thailand 4.0 Era Building a Community of Writers (Teachers) in Education การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 1

สารบัญ (ตอ่ )  ภาวะผนู๎ าเชงิ นวตั กรรมของผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา โรงเรียนในอาเภอบางกรวย จงั หวัดนนทบรุ ี หนา้ 260  การฝึกประสบการณ๑วิชาชีพครูสาหรับหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั (5 ป)ี คณะศึกษาศาสตร๑ มหาวิทยาลยั วงษช๑ วลติ กุล 270 280  การบริหารจดั การความขดั แยง๎ ของผ๎ูบริหารโรงเรียนมธั ยมศึกษาใน จงั หวดั อทุ ัยธานี 294  การบริหารโรงเรียนในชมรมผ๎ูบรหิ ารโรงเรียนฆราวาสคาทอลิกอคั รสังฆมณฑลกรงุ เทพฯตามหลักปรัชญาของ 308 เศรษฐกจิ พอเพียง 317 326  การสงั เคราะห๑งานวิจยั การจดั การเรยี นการสอนด๎วยเทคโนโลยีคลาวด๑ 335  การสํงเสรมิ การบรหิ ารจัดการกิจกรรมลูกเสอื ในโรงเรยี นสังกัดสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต3 347  การศกึ ษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตํอการจัดการเรียนรูแ๎ บบสถานการณ๑จาลองเร่อื ง อาหารปลอดภัย ของนักเรยี นชั้น 360 มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นเตรียมอดุ มศึกษา 379  การบรหิ ารศนู ย๑พัฒนาเดก็ เล็ก อาเภอบางบัวทอง จังหวดั นนทบรุ สี ูํมาตรฐานศูนยเ๑ ดก็ เล็กแหงํ ชาติ 395  การสร๎างและหาประสทิ ธิภาพชุดฝกึ ทักษะการเช่อื มไฟฟาู เชือ่ มแก๏สเบอ้ื งตน๎ เพอ่ื ใชใ๎ นรายวิชางานเชื่อมและโลหะ 409 แผํนเบอ้ื งต๎น (2100-1005) 428  การประยุกตใ๑ ชเ๎ ทคโนโลยอี ินเทอร๑เน็ต ออฟ ธงิ (IoT) และคลาวด๑ คอมพิวตง้ิ เพอื่ สร๎างระบบนเิ วศดจิ ทิ ลั ทาง 440 การศกึ ษาสาหรบั การเรียนรู๎แบบปรบั เหมาะแกํผ๎เู รียน  การเรียนรู๎ระหวํางวัยเพอ่ื การศกึ ษาฐานรากทย่ี ่งั ยนื  ความสัมพนั ธ๑ระหวาํ งการมีสํวนรวํ มของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐานกับการ บรหิ ารวชิ าการของโรงเรยี น ประถมศึกษาในจังหวัดปทมุ ธานี  การพัฒนาการจดั การเรยี นรู๎แบบผสมผสาน เพ่ือเสริมสร๎างทักษะการเรียนรแ๎ู ละนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 ของ ผ๎ูเรยี นรายวชิ าคณิตศาสตรเ๑ พ่ือพัฒนาคุณภาพชวี ิต  การบรหิ ารสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในกรงุ เทพมหานครสสูํ งั คมคุณธรรม  การบรหิ ารความเสย่ี งด๎านงานวชิ าการในสถานศึกษา การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 2

สารบญั (ตอํ ) หน๎า 453  ขอ๎ ควรระวงั ทางด๎านกฎหมายเก่ยี วกับงานการสอนตามพระราชบัญญัติลขิ สิทธ์ิ 2558 471  แนวทางการวเิ คราะหป๑ จ๓ จยั และองคป๑ ระกอบในการสร๎างสขุ ในสถานศึกษา 486  กลยุทธ๑ของผ๎ูบรหิ ารสถานศึกษาในการบรหิ ารงานวิชาการของโรงเรยี นในสังกัดเมอื งพทั ยา 495  การวเิ คราะหค๑ ุณภาพของศูนยพ๑ ฒั นาเด็ก สังกดั สานักงานการศึกษาสวํ นท๎องถิ่น จงั หวัดนนทบรุ ี 511  รูปแบบการเสรมิ สรา๎ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค๑ ของนักเรยี นโรงเรียนบ๎านขามหนองแวง สานักงานเขตพ้ืนท่ี 522 การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6  ตวั แปรทีส่ ํงผลตอํ ความเป็นชุมชนแหงํ การเรียนรทู๎ างวิชาชีพ ของโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา 534 542 มัธยมศึกษาเขต 32 554  การศกึ ษาเชงิ เปรยี บเทียบการศึกษาระหวํางประเทศไทยกบั ประเทศฟนิ แลนด๑  การเสรมิ สร๎างสมรรถนะในงานของครูกรณีโรงเรยี นเอกชนเขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 568  ความสัมพันธร๑ ะหวํางภาวะผ๎ูนาทางวิชาการของผูบ๎ รหิ ารโรงเรยี นกบั ประสิทธิผลการบริหารโรงเรยี นสามโคก สังกัด 578 องค๑การบริหารสวํ นจงั หวัดปทุมธานี  การพัฒนาความสามารถการเขยี นภาษาอังกฤษของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โดยจัดกจิ กรรมการเรยี นรแ๎ู บบ 595 606 PWIM  แนวทางการพัฒนาการจัดการการมสี ํวนรํวมของแหลงํ ทํอง เที่ยวชมุ ชน กรณีศึกษาชมุ ชนยาํ นเมอื งเกาํ ภเู กต็ จังหวัด 622 637 ภูเกต็  การบรหิ ารความเสี่ยงของโรงเรยี นขนาดเล็ก สงั กัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาจงั หวัดปทมุ ธานี 644  การบริหารตามหลักธรรมาภบิ าลของผ๎ูบรหิ ารสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กลมุํ โรงเรยี นนาง้ิวโนนสมบรู ณ๑ สงั กดั สานักงาน 656 671 เขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาขอนแกํน เขต 4 681  การวเิ คราะห๑องค๑ประกอบเชงิ สารวจป๓จจัยท่ีสํงผลตํอการเรียนการสอน วิชาฟิสิกส๑พ้ืนฐานระดบั อุดมศึกษา 694  การมสี ํวนรํวมในการจัดการศึกษาของภาคเี ครือขาํ ยระหวาํ งศูนย๑การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั กบั การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั  เจตคตขิ องนักศกึ ษาท่ีมตี ํอการเรียนร๎เู ชงิ กรณีศึกษา  ระบบการจดั การการเรยี นรูแ๎ บบออนไลน๑สาหรบั ผบู๎ รหิ ารสถานศึกษาเอกชน  การนานโยบายไปปฏิบัติในยคุ Thailand 4.0  การพฒั นาสิ่งแวดล๎อมอยํางย่ังยืนในวิทยาลยั อาชีวศึกษา  การพัฒนาครูด๎วยกระบวนการจัดการเรยี นร๎ูแบบรวมพลงั 5 ข้ันตอนผาํ นชุมชนแหงํ การเรยี นรูเ๎ ชงิ วิชาชพี ของ โรงเรยี นในสงั กดั เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 3

ทิศทางการจดั การศึกษาเรยี นรสู้ ู่การศกึ ษา 4.0 ในยคุ ดิจิทลั ศาสตราจารย๑ ดร. ธรี ะรญุ เจริญ ศาสตราจารย๑ประจาวทิ ยาลยั นครราชสีมา โลกยคุ นี้ กระแสการเปลี่ยนแปลงอยํางรวดเร็วของโลกยุคดิจิทัลซ่ึงเป็นแรงผักดันอยํางก๎าวกระโดดของ เทคโนโลยีดิจิทัลนาไปสํูการเปลีย่ นแปลงท้ังทางเศรษฐกจิ สงั คมวฒั นธรรมและการจัดการการศึกษาอยํางมาก ทีส่ ดุ ยากทจี่ ะหยดุ ยง้ั ทั้งนี้เพราะทิศทางกระแสโลกยุคนี้ จะต๎องขับเคล่ือนด๎วยเศรษฐกิจและเทคโนโลยีดิจิทัลใช๎ ความก๎าวหนา๎ ทางเทคโนโลยีเชื่อมโยงทวั่ โลกบทบาททางด๎านภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศท่ีเจริญทาง เศรษฐกจิ เชนํ จีนญ่ีปุนเกาหลมี มี ากขนึ้ และวัฒนธรรมแพรขํ ยายอยํางรวดเรว็ ลักษณะเศรษฐกิจจะอิงเทคโนโลยีดิจิทัลมากข้ึนคือจะอิงความร๎ูและพื้นฐานวิทยาศาสตร๑จาต๎อง คานงึ ถงึ ความค๎ุมคาํ ในการใชแ๎ ละรกั ษาทรพั ยากรโดยต๎องพึ่งพานวตั กรรมเป็นสาคญั เม่ือเปน็ เชํนนี้ระบบการจดั การการศึกษาจาต๎องปรบั เปลยี่ นอยํางมากกลําวคือการศกึ ษาในระบบจะลด บทบาทและความสาคญั ลงมากสถานศกึ ษาในระบบจะเสอ่ื มสลายไปภายใน 20 ปขี า๎ งหน๎า(ศ.นพ.วิจารณ๑พานชิ , 2560) กระทรวงศึกษาอยาํ ผูกขาดการจดั การศกึ ษา (สมเกยี รตติ ง้ั กิจวาณชิ ,TDRI, 2560) ระบบการศึกษาตามอัธยาศัย(Informal Education)จะมีบทบาทในการศึกษาเรียนรู๎มากขึ้นอยําง ประเทศสงิ คโปรจ๑ ะเนน๎ การจัดการศึกษาแบบ student centric values driven ซ่งึ ทาให๎คุณภาพการศึกษา อยูํในระดับนาของโลก ท้ังน้ีเพราะปรับระบบการจัดโรงเรียนเป็นthinking shoolโดยยึดอุดมการณ๑วํา “Do beyond the best” ซึ่งคล๎ายคลึงกับอุดมการณ๑ศึกษาเรียนร๎ูของSteve Jobs ท่ีวํา “Stayhungry, stay foslish” น่ันคือการศกึ ษาเรียนรู๎จะก๎าวหน๎าด๎วยการเป็นบุคคลแหํงการเรียนร๎ู (learning Person)ในลักษณะ Self-directed Learning นั่นคือความเป็นครูตนเองใช๎กิจกรรมพัฒนาสมองเพ่ือการเรียนรู๎ (Brain-based Learning) ยุทธศาสตรเ์ ปาู หมายคอื นวัตกรรม เมอ่ื วิเคราะหย๑ ุทธศาสตร๑เปาู หมายของการศึกษาเรียนรู๎ซึ่งจะสร๎างความก๎าวหน๎าและชีวิตท่ีดีก็คือทุก คนจะต๎องมีความรู๎ความสามารถในการผลิตนวัตกรรมซึ่งเป็นเปูาประสงค๑ของในป๓จจุบันทุกส่ิงทุกอยําง การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 4

จาเป็นต๎องอาศัยนวัตกรรมไมํวําจะเป็นด๎านเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมรวมทั้งการจัดการศึกษาดังจะพบใน นโยบายThailand 4.0 นั่นเอง ดังนั้นทุกคนทุกฝุายท้ังผู๎บริหารการศึกษาผู๎บริหารสถานศึกษาครูและคณะกรรมการสถานศึกษา จะตอ๎ งปรับบทบาทของตนให๎ทนั กบั การเปลยี่ นแปลงซ่ึงเปน็ ไปอยาํ งรวดเรว็ และเกดิ ข้ึนตลอดเวลาน่ันคอื จะตอ๎ ง เป็นผู๎บริหารดิจิทัลครูดิจิทัลผู๎ปกครองดิจิทัลนักเ รียนดิจิทัลเป็นต๎นซ่ึงทุกคนจะต๎องตระหนักและเห็นความ จาเป็น ความสาคญั ในการสรา๎ งนวัตกรรมท้ังการบรหิ ารการสอนและการเรียนร๎ู ความจาเป็นของผทู๎ ีเ่ ก่ยี วข๎องกบั การจดั การศกึ ษาเรียนรู๎ในการปรับเปลี่ยนบทบาทและสมรรถนะท้ัง คุณลักษณะทเ่ี ออื้ ทกั ษะและองค๑ความร๎ใู นความก๎าวหน๎าของเทคโนโลยีดิจิทัลจึงจะนาไปสูํความสาเร็จในการ พฒั นาและสรา๎ งนวัตกรรมสอดคล๎องกบั ยุทธศาสตรเ๑ ปาู หมายตํอไป ทิศทางการจัดการศึกษาเรียนรู้ ตั้งแตํน้ีตํอไป (2560) ทุกคนจาต๎องมีความเป็นพลเมืองดิจิทัลและมีความร๎ูความสามารถในการใช๎ เทคโนโลยตี ํางๆสถานศึกษาจาเปน็ ตอ๎ งเข๎าใจการเปลี่ยนแปลงดงั กลาํ วมีวสิ ยั ทัศนท๑ ี่สอดคล๎องกับภาพอนาคตที่ จะเป็นไป และที่จะเกิดข้ึนเป็นอยํางดีสถานศึกษาสามารถจัดก ารศึกษาโดยการบูรณาการและนาไปใช๎ใน ห๎องเรียนจนเกดิ ประโยชน๑สูงสุดและการตอํ ยอดวิธีการจดั การเรียนร๎ู (สกุ ญั ญาแชมํ ช๎อย, 2560) คุณลักษณะท่ีพึงประสงค๑ด๎านยุคดิจิทัลอยํางน๎อยต๎องครอบคลุม 7 ลักษณะ (ธีระรุญเจริญ, 2560) ได๎แกํ (1) หนึ่งเปน็ ผท๎ู ่ียอมรบั การเปล่ยี นแปลง) dynamic( (2) มคี วามยดื หยํนุ ไมํตดิ กรอบเกินไป )flexible( (3) มีความคิดรเิ ร่ิมสร๎างสรรค๑)creative( (4) มีความสามารถในการบรู ณาการองคค๑ วามร๎ใู นศาสตร๑หลากหลาย)integrated( (5) มคี วามสามารถในการปรับการปฏิบัติให๎สอดคล๎องและเหมาะสมกับสภาพป๓ญหาและความต๎องการ จาเปน็ ของตน)tailor-jnade( (6) มีความสามารถในการมองภาพอนาคตได๎ถูกตอ๎ ง)visional( (7) มีความฉลาดในการใช๎ดิจิทลั ดจิ ทิ ลั ขอลิตีโ้ ดยคิดคน๎ ป๓ญญาประดิษฐ๑ได๎ (artificial intelligence:AI) นั่นคอื ทกุ คนจะตอ๎ งมีความร๎ูความเข๎าใจในองค๑ความรู๎เทคโนโลยีดิจิทัลมีทักษะดิจิทัลและมีคุณลักษณะท่ี เอ้ือตอํ ดิจิทัลดงั น้ันสถานศกึ ษาจาเป็นจะต๎องมีแนวทางในการจัดการศึกษาเรยี นร๎ูดังน้ี (1) จัดทาหลักสูตรที่มคี วามยดื หยนํุ สอดคล๎อง และอูต๎ อํ ความกา๎ วหนา๎ ในเทคโนโลยดี ิจเิ ทํ (2) เนน๎ การเรยี นร๎หู ลากหลายและสอดคล๎องกับสภาพป๓ญหาความสนใจความต๎องการของทั้งเปน็ ราย กลุมํ และรายบุคคล (3) จัดกิจกรรมการเรียนรู๎โดยเน๎นการใชส๎ ือ่ เทคโนโลยีได๎อยํางตอํ เน่ือง (4) พฒั นาสมรรถนะในการเรียนรข๎ู องทงั้ ผบู๎ รหิ ารครูและนักเรยี นตลอดทง้ั ผูป๎ กครองใหเ๎ ป็นบคุ คลแหงํ การเรียนร๎ู )learning Person( การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 5

(5) สํงเสริมการหาทางออกหรือแก๎ป๓ญหาแปลกใหมํโดยการคิดพัฒนาสร๎างนวัตกรรม (6) สํงเสริมโดยเน๎นกระบวนการคิดหลากหลาย (7) จัดหาแหลงํ ศกึ ษาเรยี นรู๎หลากหลาย (8) สนบั สนุนใหค๎ รูนกั เรยี นบูรณาการศาสตร๑ทอ่ี บุ ตั ขิ นึ้ ใหมใํ หมใํ นการศึกษาเรียนร๎ู (9) พฒั นาทักษะดจิ ทิ ัลหลายหลายอยําง (10) สรา๎ งสงิ่ แวดล๎อมให๎เออื้ ตํอการเรียนร๎ู บทบาทของผบู้ ริหารและครูเปล่ยี นแปลงจากเดิม ในการดาเนนิ การศกึ ษาเรยี นรูผ๎ ู๎บริหารและครูจะต๎องปรับเปล่ียนบทบาทใหมํๆ โดย (ธีระ รุญเจริญ, 2560) (1) มีภาวะผนู๎ าการเรยี นรู๎ )learning leadership( (2) รวํ มกันพฒั นาสมรรถนะในการเรยี นรูข๎ องนักเรยี น (3) เนน๎ การใหโ๎ อกาสนกั เรยี นสรา๎ งสันสงิ่ ใหมใํ หมํสอดคลอ๎ งกบั ความตอ๎ งการความสนใจและให๎ปฏิบัติ จริง (4) จัดหาเทคโนโลยีทเี่ อ้อื ตอํ การจดั กจิ กรรมการเรียนรูต๎ าํ งๆ (5) พฒั นาทักษะพืน้ ฐานของนกั เรยี นเชนํ การคดิ รเิ ริ่มสรา๎ งสรรค๑การคดิ อยํางพินจิ พิเคราะห๑ (critical thinking) การสร๎างสรรค๑นวัตกรรมการพัฒนาทักษะการเรียนรู๎การพัฒนาทักษะที่ เหมาะสมกับตนเองฯลฯ (6) พฒั นาการ ติดตอํ ส่อื สารโดยใช๎Smart phone,google classroom การใช๎ส่ือสังคม on line ทั้ง website และ Smart phone,การจัดe -class room เป็นต๎น ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษายุคดจิ ทิ ัล ลักษณะของผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษายคุ น้ี (ธีระรุญเจริญ) ที่ควรมีไดแ๎ กํ (1) มีวิสัยทัศน๑ ICT (2) จดั หาโครงสรา๎ งพ้นื ฐาน hardware, software, network และWi-Fi (3) สรา๎ งวฒั นธรรมการทางานและบรรยากาศการใช๎ ICTให๎ทกุ คนเข๎าถงึ แหลํงขอ๎ มลู หลากหลาย (4) พัฒนาตนเองใหส๎ ามารถใช๎ ICTในการบริหาร (5) สงํ เสริมสนับสนนุ จงู ใจใหค๎ รูและนกั เรียนใช๎ ICT (6) ติดตามประเมินให๎คาปรกึ ษาครแู ละนักเรียนในการใช๎ไอซที ี (7) พัฒนาทกุ คนใหม๎ คี วามรูแ๎ ละทาใด๎deLacดงั นี้ - รสู๎ ่อื ) media literacy( - รู๎เทคโนโลยี) Technologyliteracy( - ร๎สู ่ิงทเี่ ห็น)visionliteracy( - รสู๎ าระสนเทศ)Information technology( การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 6

- ร๎ูการสอ่ื สาร)Communicationliteracy( - ร๎ูสังคม )social literacy( สรุปท้าย ความกา๎ วหน๎าของ สือ่ เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลซง่ึ เป็นไปอยํางรวดเร็วทาใหเ๎ กดิ ศาสตร๑และนวัตกรรมใหมํๆ มี อิทธิพลตอํ ท้งั เศรษฐกจิ สังคมและการศกึ ษาอยํางหลีกเลี่ยงไมไํ ด๎ สถานศึกษาจะต๎องปรับเปล่ียนโครงสร๎างระบบบริหารและการจัดการการศึกษาเรียนร๎ูใหมํใหมํจน นาไปสํูการเกิดนวตั กรรมตามเปาู หมายไทยแลนด๑ 4.0 หรอื การจัดการศึกษา 4.0 บทบาทของผู๎บริหารครูนักเรยี นตลอดท้ังบุคคลท่เี ก่ยี วข๎องจะต๎องปรับเปล่ียนพัฒนาให๎เอื้อตํอโลกยุค ดจิ ิทัลกลําวคือมภี าวะผูน๎ าการเรยี นรภู๎ าวะผู๎นาเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลจดั การศึกษาทเ่ี นน๎ พัฒนานักเรยี นให๎เออ้ื ตํอการ ดาเนินชวี ติ และการทางานกลําวคอื เปน็ ผทู๎ ่ีมีความรู๎ในวทิ ยาศาสตรแ๑ ละเทคโนโลยี มีความคิดเชิงวิเคราะห๑และ พัฒนาอยํางตํอเน่ืองมีสมรรถนะความเป็นสากลรอบรู๎หลายภาษาอยํางน๎ อยใช๎ภาษาอังกฤษได๎เป็นอยํางดี จดั การในสงิ่ ท่ีซับซ๎อนได๎มจี รยิ ธรรมจิตบริการจงึ จะทาใหช๎ วี ติ กา๎ วหน๎าอยาํ งมีความสขุ ตอํ ๆไป เอกสารอา้ งอิง ธรี ะ รุญเจริญ (2560). การศึกษาเรยี นร้ยู คุ ดจิ ทิ ัลเอกสารประมวล องค๑ความร๎ปู ระกอบการศกึ ษา ศรญั ญา แชํมช๎อย(2560). การบรหิ ารสถานศึกษาในยุคดิจิทลั สานักพิมพม๑ หาวิทยาลัยนเรศวร วิจารณ๑ พานชิ (2560). เอกสารบรรยายเร่อื งทเ่ี กีย่ วกบั อนาคตสถานศกึ ษาในระบบ สมเกยี รติ ตง้ั กิจวาณิช (2560). กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเลิกเป็นเจา้ ของโรงเรยี นTDRI การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 7

ครูตอ้ งเปล่ียนกระบวนทัศน์ใหม่: จงึ จะสอนเด็กไทย 4.0 ให้ได้ผล ศาตราจารยก์ ิตตคิ ณุ ดร.ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ อาจารย์อาวโุ ส มหาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบณั ฑติ ย์ นาเร่อื ง ที่นาํ ยินดีเพราะเมือ่ คุรุสภาใหค๎ วามสาคัญการที่ครูและโรงเรียนจะถึงเวลาท่ีครูและผ๎ูบริหาร โรงเรยี นตอ๎ งให๎ความสาคญั กบั นโยบายประเทศไทย 4.0 และการศกึ ษา 4.0 แลว๎ เพราะเป็นนโยบายของรฐั บาลที่ จะนาการเปล่ียนแปลงมาสูํสังคมไทย และการศกึ ษาไทยได๎อยํางดีย่ิง (ขอแทรกในวงเล็บวําผมเป็นข๎าราชการ เกษียณไมํมีผลประโยชน๑ใดๆ กับราชการโดยตรงอีกแล๎ว) แตํรัฐบาลต๎องเอาจริง ทาจริง และผลักดันอยําง จริงจงั และจะเป็นจดุ พลกิ ผนั ในทางบวกตอํ การศึกษาไทยอยํางมากทีเดียวแม๎วํารัฐบาลยังไมํสนใจจริงผ๎ูเขียน เหน็ วํา เราในฐานะผรู๎ ับผดิ ชอบการศึกษาจะด๎วยสนใจและลงมือทาด๎วยตนเอง เหตทุ ี่ผเู๎ ขยี นกลําวเชํนน้ีเพราะวําการศึกษา 4.0 นั้นคือการศึกษาท่ีจะสอนให๎ผ๎ูเรียนได๎สร๎างผล ผลิต หรือผลิตภณั ฑ๑ (Products) คอื และถ๎าเปน็ Productsในเชงิ “นวตั กรรม” ด๎วยแล๎ว Products น้นั กจ็ ะมคี ณุ คํา มหาศาลกับสงั คมไทย ป๓จจุบันนักเรียนมัธยมปลาย อาชีวศึกษาของรัฐและเอกชนรวมกันแล๎วเป็นล๎านๆ คน ถ๎า ผเ๎ู รยี นเพียงแตํสรา๎ งผลผลติ กนั คนละช้นิ เราจะไดผ๎ ลผลิตเป็นล๎านชิ้น ซึง่ ประเทศจะได๎ประโยชนอ๑ ยํางมหาศาล “เม่ือดอกไมบ้ านลา้ นต้น อะไรจะเกิดขน้ึ กับสังคมไทย” อยําปลํอยใหป๎ ระเทศไทยและการศกึ ษาไทยอยํูในมือผบ๎ู รหิ ารประเทศเทาํ นั้น การศึกษาไทย เด็กไทย และประเทศไทยต๎องอยํใู นมอื ของเรา ในบทความน้ี ผู๎เขยี นจะแบงํ ประเด็นเสนอเปน็ 3 สํวนใหญคํ อื 1. การศึกษา ท่มี าและท่ีไป 4.0 2. นวัตกรรมศึกษา ถึงเวลาของกระบวนทศั น๑ใหมํ 3. การศึกษาเพื่อสร๎างนวัตกรรมทาอยาํ งไร ทั้งสามเรื่องนีเ้ ม่ือรวมกนั แลว๎ จะทาใหเ๎ พือ่ นครูเหน็ ได๎ชดั เจนวํา ครูยคุ ใหมจํ ะสอนและสรา๎ งเดก็ ไทย 4.0 ได๎อยาํ งไร รวมท้ังผ๎บู ริหารกจ็ ะไดเ๎ หน็ ภาพวําทที่ ํานจะบริหารการศกึ ษาไทย 4.0 ทาํ นจะบริหารอยาํ งไร 1. การศึกษา 4.0 ที่มาและที่ไป การศึกษา4.0 มีที่มาอยํู 3 กลุํมคือ กลํุมที่ 1 การศึกษาเชิงสร๎างสรรค๑และผลิตภาพ กลุํมท่ี 2 การศึกษาเพอ่ื สร๎างนวัตกรรม และกลุํมที่ 3 การศึกษาเพ่ือสนองตอบการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และท้ัง 3 กลมํุ นจ้ี ะเปน็ ไปในทางเดียวกนั ------------- *ปรับปรงุ จากบทความท่ีเขียนให๎แกํครุ ุสภาในการประชุมวชิ าการประจาปี 2560 กนั ยายน 10 -9 วนั ที่ 2560 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 8

1.1การศกึ ษาเชิงสร้างสรรค์และผลิตภาพ โดยใช๎ชื่อแนวคิดนี้วํา 2556 ในแนวคิดนี้พัฒนาโดยกลํุมนักการศึกษาไทยต้ังแตํปี 4.0 การศึกษา ”ปรัชญาการศกึ ษาเชิงสร๎างสรรคแ๑ ละผลิตภาพ 4.0 ปรัชญาการศึกษา“1 ผู๎พฒั นาได๎แบํงการศึกษาไทยเป็น 4 ยุคผลิตภาพ และ 3.0 ยุคอุตสาหกรรม การศึกษา 2.0 ยุคเกษตรกรรม การศึกษา 1.0 ยุคคือการศึกษา ยคุ เทคโนโลยี 4.0 การศึกษา การศึกษาไทย 1.0 การศึกษาไทย การศึกษาไทย 2.0 ยคุ เกษตรกรรม 1.0, 2.0, 3.0 ยคุ อุตสาหกรรรม การศึกษาไทย 3.0 และ 4.0 การศึกษาไทย 4.0 ยคุ ผลคิ ภาพ ยคุ เทคโนโลยี ภาพประกอบ 1 โดยการท่ีคนไทยมักซื้อ กิน ใช๎ และจํายอยํางไมํคิดวิเคราะห๑มาก ชอบทาตามคนอื่น นักวิชาการใน กลํุมนี้จึงเห็นวําคนไทยในยุค 4.0 โดยเฉพาะเด็กไทย 4.0 จึงควรมีคุณสมบัติหลัก 4 ประการคือ คิดวิเคราะห์ )Critical Mind)คิดสร้างสรรค์) Creative Mind) คิดผลิตภาพ) Productive Mind) และคิดรับผิดชอบ )Responsible Mind) ซงึ่ ได๎นาคาสาคัญ2 คา คอื คิดสร๎างสรรค๑ มาต้ังช่ือ (คิดทาอะไรที่เป็นผลผลิต) คิดผลิตภาพ (คิดอะไรใหมํๆ) ปรัชญา“ เป็นปรัชญาวาํ การศึกษาเชงิ สร๎างสรรค๑และผลิตภาพซ่ึงหมายถึงการศึกษาที่สอนให๎เด็กมีความคิด ” วิเคราะห๑ มีความคิดสร๎างสรรค๑ คดิ สร๎างผลงานและมคี วามรับผิดชอบซง่ึ ถ๎าเด็กไทยมคี ุณสมบตั เิ พยี ง4 ประการ นี้ เขาจะลดการบริโภคลงและสามารถเพ่มิ ผลผลิตมากขนึ้ การศึกษาไทย 4.0 กลุมํ แรกจงึ เปน็ การศกึ ษาเพ่ือใหผ๎ ๎ูเรียนสร๎างผลงาน จัดทาและสาเร็จเป็นผลผลิต ออกมาให๎ได๎ เพอ่ื แกป๎ ญ๓ หาบรโิ ภคนยิ มท่เี กาะกินคนไทยและสังคมไทยมานาน 1.2การศึกษาเพอื่ สร้างนวัตกรรม กลํุมที่สองน้ีเป็นแนวคิดของทางอเมริกา โดยเฉพาะกลํุม 4.0 การศึกษาไทยLeapfrog หรือกลุํม ปีนี้เอง โดยเขาแบํงการศึกษา 5-4 แตํเพิ่งมาสมบูรณ๑ใน 2551 กบกระโดด เขาพัฒนาแนวคิดนี้มาตั้งแตํปี โดย 4.0 และ 3.0 มานานแล๎ว ตอนหลังเขาจึงมาพัฒนา 2.0 และ 1.0 กลุมํ คลา๎ ยๆ กับที่เราแบํง 4 ออกเปน็ เร่ิมใช๎เทคโนโ 2.0 ของอเมริกาน้ันเป็นการบอกของครู 1.0 การศึกษาลยีมาชํวยการศึกษา เขาเน๎นให๎ 3.0 นักเรียนผลิตหรอื สร๎างความรรู๎ ํวมกับครูแล๎ว เมื่อมาถึง (ยังเพียงแคํเรียนร๎ูยังไมํถึงการสร๎างความร๎ู 3.0 ของเรา) 1ไพฑูรย๑ สินลารัตน.๑ (2560). การศกึ ษาไทย 4.0: ปรัชญาการศึกษาเชิงสร้างสรรค์และผลติ ภาพ. (พิมพค๑ รั้งท่ี 4), กรงุ เทพ ฯ: วทิ ยาลยั ครุศาสตร๑ มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบัณฑิตย.๑ การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 9

4.0 การศึกษา ของอเมรกิ า เขามีจุดมงํุ หมายใหน๎ กั เรียน หรือนักเรียนกับครูรํวมกันสามารถสร๎างนวัตกรรมได๎ แล๎ว และไดร๎ ับการปฏิบัตอิ ยาํ งกวา๎ งขวางอยํางเชํนโรงเรยี น High Tech High ทีน่ ักการศึกษาไทยคนุ๎ กันอยํู เขา ) จงึ ได๎ชอ่ื วาํ เป็นประเทศแหํงการสร๎าง (อเมรกิ า)Country of the Maker) และเขากย็ ังเป็นอยูํในป๓จจุบัน และ จะยังคงเป็นไปในอนาคตตราบเทําที่ประชาชน นักการศึกษาและผู๎นาของเขายังสนใจการศึกษาอยํูอยําง ปจ๓ จุบัน 1.0 ระดับ คือ การศกึ ษา 4 องอเมรกิ านัน้ เขาแบํงการศึกษาเปน็ วธิ ีการข, 2.0, โดยแยก 4.0 และ 3.0 ประเด็นคอื ความหมายของการศกึ ษา บทบาทของการศกึ ษา บทบาท 8 และอธิบายประเด็นทางการศึกษาเปน็ ด๎านการสอน ลักษณะโรงเรียน มุมมองผ๎ูปกครองที่มีตํอโรงเรียน บทบาทครู Hardware และ Software ใน โรงเรยี น ภาพลักษณ๑บณั ฑิตในมุมของผ๎ใู ชใ๎ นบทความน้ีจะขอยกมาใหด๎ เู ปน็ ตวั อยาํ ง ประเดน็ คอื 32 ความหมาย บทบาทของเทคโนโลยีและภาพลกั ษณข๑ องบณั ฑติ การศกึ ษา 1.0 การศกึ ษา 2.0 การศกึ ษา 3.0 การศกึ ษา 4.0 ลักษณะของการศกึ ษา ยุคDownload ยุคOpen Access ยคุ สร้างองคค์ วามรู้ ยคุ สรา้ งนวตั กรรม ความหมายของการศึกษา ครบู อกให๎เชื่อตาม Knowledge InnovvtionDevelopment นักเรยี นกบั ครู Production บทบาทของเทคโนโลยี ยึดตดิ กบั หอ๎ งเรียน สรา๎ งองคค๑ วามรดู๎ ว๎ ยกนั รวํ มกันสรา๎ ง สร๎างองค๑ความรู๎ ผ๎ูลภี้ ัยสูํโลกดจิ ิทลั องคค๑ วามรู๎และสรา๎ ง ของแตํละคนแล๎วมารวมตวั เร่ิมใชเ๎ ทคโนโลยี ความรูเ๎ ดมิ ขึ้นมาใหมํ กนั เพอื่ ให๎เกดิ เป็นแนวทาง อยํางมีความระวัง สาหรับสร๎างนวตั กรรม ทกุ ๆ ที่ เทคโนโลยยี งั มีอยูํ เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง ในทกุ ท่ีเพ่ือการสร๎างองค๑ ในตัวผ๎เู รียนเพราะผเู๎ รียน ความร๎ู จะต๎องใช๎ สรา๎ งนวัตกรรมใหมํ ภาพลักษณ๑บณั ฑติ คนงานตามสายงาน คนทางานทย่ี งั ไมพํ ร๎อมใน เปน็ เสมอื นระบบงานและ เปน็ เพอื่ นรวํ มงาน ในมมุ มองของนายจา๎ ง ทรี่ บั มาตามสาขา สภาพสงั คมใหมํ การ ผ๎ูประกอบการ และผ๎ูประกอบการ ทเ่ี ขาเรียน สรา๎ งองค๑ความรู๎ ท่ีสามารถสนับสนุนการ ที่สามารถรักษานวัตกรรมท่ีมีอยํู สรา๎ งองค๑ความร๎ู ให๎ย่ังยืน ภาพประกอบ 2 ของ 4.0 แนวคิดและแนวปฏิบัติเก่ียวกับการศึกษาLeapfrog น้ัน แม๎เขาจะกาหนดบทบาทของ การศกึ ษาไว๎ชัดเจนแตํเขาจะจัดหลักสตู รใหเ๎ ด็ก เยาวชนและผ๎ูใหญํได๎เรียนไปด๎วยกัน ในการจัดการเรียนการ สอนทัง้ จะเนน๎ ให๎มีแนวคดิ ข้นั สงู และนาเอาวิชาทางดา๎ นสงั คมศาสตรม๑ าชวํ ย โดยใหเ๎ ด็กคิดอยําง 4.0 และ 3.0 เป็นระบบคดิ อยาํ งมจี นิ ตนาการ มองข๎ามการทา๎ ทาย พฒั นามุมมองท่ีกว๎างไกล และจัดการกบั ความไมแํ นํนอน 2 ผ๎สู นใจจะดูตน๎ ฉบบั ที่ ดร.เฉลิมชัย มนูเสวต ไดถ๎ อดความเปน็ ภาษาไทยไว๎แล๎วไดท๎ ี่ เฉลมิ ชยั มนเู สวต “Leapfrog 4.0”“พลวัต การจัดการเพ่ือพฒั นาผ๎ูเรียน” ใน ไพฑูรย๑ สนิ ลารตั น๑ (บรรณาธิการ). (2560).การศกึ ษาไทย 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา.พิมพ๑ครงั้ ที่ 4.กรุงเทพฯ: วิทยาลยั ครศุ าสตร๑ มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑิตย๑ นอกจากนั้น ผู๎อํานอาจจะอํานเพิ่มเตมิ แนวคดิ น้ีได๎อีกจาก หนังสือ Yong Zhao. (2012).World Class Learners: Educating Creative and Entrepreneurial Students. California: SAGE Publication. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 10

แสวงหาโอกาสสรา๎ งและใชค๎ วามรใู๎ ห๎ตรงกบั บรบิ ท รวมถึงการใช๎ ICT มาใชเ๎ พื่อวเิ คราะห๑ความหลากหลายให๎ผ๎ูเรยี น เขา๎ ใจ Big Pictureด๎วยพร๎อมกันไป 4 การศึกษาเพื่อสนองตอบการปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรมคร้งั ที่ 1.3 การศึกษา เขาสามารถ (เริม่ โดยประเทศเยอรมนี) กลํุมนี้เปน็ กลุํมของทางยโุ รป โดยยุโรปในยคุ นี้ 4.0 ใช๎แรงผลกั จากเทคโนโลยดี ๎านDigital, Physical และ Biological มาผสมผสานกนั ซึง่ นาไปสกํู ารเปลี่ยนแปลง อยํางมหาศาลในการผลติ และการสงํ ตํอหรือเผยแพรสํ งิ่ ของอยาํ งสาคัญโดยระบบใหมจํ ะเรยี กวาํ อุตสาหกรรม“ ”4.0ซ่ึงมปี ระสทิ ธิภาพสูง สามารถผลติ สนิ ค๎าได๎เรว็ กวําเดิมหลายเทํา ใช๎ต๎นทุนถูกกวําที่เป็นอยูํหลายเทํา สนอง ความต๎องการของผ๎ูซื้อเป็นล๎านๆ คนได๎โดยไมํต๎องมีรูปแบบเหมือนกันเลย และเมื่อคิดระบบ IOT ขึ้นมาได๎ด๎วย ระบบการผลติ และการสงํ สนิ ค๎าจะงาํ ยขึน้ เมอ่ื ผลติ แล๎วระบบ IOT จะสามารถสํงของท่ผี ลิตจากเคร่ืองจกั รและโรงงาน ไปสูํลูกค๎า และสามารถตดิ ตอํ ถงึ กนั ได๎เอง แตํท่ีสาคัญคอื เราจะเอาอะไรมาผลติ และผลิตอะไร ถา๎ เราเอาของเดิมมา ผลติ และเป็นของที่มอี ยูํแลว๎ กไ็ มํมปี ระโยชน๑อะไร ระบบน้ีจงึ นาไปสกํู ารผลติ สนิ คา๎ นวตั กรรม ดังนนั้ เม่อื พดู ถึง 4.0 จึงตอ๎ งเกยี่ วขอ๎ งกบั Productsหรือนวัตกรรม )Innovation) เสมอ แนวคิดน้ีเองท่ีผู๎เขียนคิดวํารัฐบาลไทยนําจะ นามาใชเ๎ ป็นนโยบายประเทศไทย 4.0 คือประเทศจะเปล่ียนระบบเศรษฐกิจแบบเดิมมาเป็นระบบนวัตกรรม3 และใชเ๎ ทคโนโลยเี ปน็ หลกั ซึง่ ผูเ๎ ขียนเห็นด๎วยและจะเปล่ียนประเทศได๎จริงถ๎าเราสามารถทาได๎สาเร็จ และจะ สาเรจ็ ไดก๎ ด็ ๎วยการศกึ ษา ของรัฐบาล 4.0 คือ จะสาเร็จได๎ด๎วยเพ่ือนครูของเราน่ีแหละครับจะทาให๎นโยบาย 4.0 ระสบความสาเรจ็ ป การปฏวิ ัติอตุ สาหกรรมของโลกไดม๎ มี า 3 คร้งั แล๎ว ดงั นี้ (3 ดภู าพประกอบ) คร้ังที่ 1 ค.ศ. 1760-1860 : พลงั ไอน้า คร้ังท่ี 2 ค.ศ. 1860-1960 : พลงั ไฟฟ้ า คร้ังที่ 3 ค.ศ. 1860-2013 : พลงั คอมพวิ เตอร์ คร้ังที่ 4 ค.ศ. 2014 - ปัจจุบนั : พลงั ผสมผสาน เริ่มใช้ Industry 4.0 ในงาน Hannover Fair in 2011 ภาพประกอบ 3 4 หรือระบบที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4.0 โดยเหตุน้ีถ๎าจะให๎ระบบอุตสาหกรรม บรรลุผลจริงแล๎วประเทศไทยจะต๎องสรา๎ งนวตั กรรมไปปูอนโรงงานเหลํานี้ การศึกษาจึงต๎องมีหน๎าท่ีที่จะต๎อง สร๎าง Product คือ ผลผลิตหรือนวัตกรรมไปปูอนระบบนี้ให๎ตรงตามท่ีนักการศึกษาเยอรมันได๎กลําวไว๎วํา Industry 4.0needs Education 4.0 แตจํ ะทาอยํางไรให๎การศกึ ษาสามารถสรา๎ งคนใหส๎ ร๎างProducts หรอื นวัตกรรมได๎ เม่ือได๎กลําวถึงที่มาของแนวคิด กลํุมน้ีแล๎วจะเห็นวําเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เป็น 3 ทั้ง 4.0 การศึกษาเพ่ือสรา๎ งผลผลิตข้ึนมาแล๎วผลผลิตนั้นเมื่อผลิตข้ึนมาแล๎วก็จะใช๎ได๎เพ่ือประโยชน๑ของสั งคมทั้งด๎าน 3 สุวิทย๑ เมษินทรยี ๑. (2559). “Thailand 4.0 กบั อนาคตประเทศไทยเมือ่ โลกไมใ่ ช่ใบเดมิ ”. เอกสารเผยแพรํประกอบแนวคิด ประเทศไทย 4.0. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 11

ธุรกจิ และดา๎ นอน่ื ๆ ในสังคม ขอให๎มีผลผลิตขึ้นมากํอน ในบทความน้ีจะขอใช๎ผลผลิตและนวัตกรรมแทนกัน) เป็นแนวคิดเดยี วกนั กอํ นนั่นคือ ทุกกลมุํ ของการศึกษาจะตอ๎ งมแี ละสร๎างProduct เชนํ เดยี วกัน( โดยเหตนุ ี้เราจึงอาจกลําวได๎วําเมื่อพูดถึง 4.0 แล๎วจะต๎องเป็นการพูดถึงผลผลิตหรือ Product เสมอ ไมใํ ชํเพยี งแคยํ ุค4.0 (ซงึ่ จะมี Product หรอื ไมกํ ็ได๎และไมํใชคํ วามทนั สมยั ท่ีได๎ใช๎เทคโนโลยีเทาํ นนั้ ( 1 แนวคดิ การศึกษาเชิงสร้างสรรคแ์ ละผลติ ภาพ ->การศึกษาตอ้ งสร้างผลผลิต 2 แนวคดิ การศึกษาเพอื่ สร้างนวตั กรรม ->การศึกษาทสี่ ่งเสริมใหส้ ร้างนวตั กรรม Products หรือ Innovation 3 การศึกษาเพื่อสนองตอบการปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมคร้ังท่ี 4 ->ผลิตและขายสินคา้ นวตั กรรม ภาพประกอบ 4 เม่ือดทู ั้ง3 แนวคดิ 4.0 แลว๎ จึงเห็นได๎ชดั เจนวําแนวคิดของการสรา๎ งนวตั กรรมทั้ง 3 กลุํม เป็นแนวคิด เพื่อสร๎างผลผลติ )Product) หรือสรา๎ งนวตั กรรมนนั่ เอง ไมวํ าํ จะเปน็ 4.0 ในกลํุมหรอื เรือ่ งอะไรก็ตาม นวตั กรรมหรือผลผลติ )Products) จึงเปน็ หัวใจของ 4.0 2. นวตั กรรมศึกษา ถึงเวลาของกระบวนทศั น์ทางการศกึ ษาใหม่ 2.1 นวัตกรรมศกึ ษาคอื อะไร คาวาํ นวัตกรรมศึกษาในทีน่ ใี้ ชต๎ รงกบั คาภาษาอังกฤษวํา Innovation Education หมายถึงการศึกษา เพอื่ เรยี นรู๎ เขา๎ ใจ สามารถนามาใชห๎ รอื นาไปสํูการสร๎างนวตั กรรมข้ึนได๎ ซง่ึ ในประเทศไทยเราเอง ผู๎เขียนยังไมํ แนํใจวํามีใครเคยใช๎คาและแนวความคิดน้ีหรือยัง ผู้เขียนยังไม่แน่ใจนักแตํผ๎ูเขียนขอใช๎คาวํา “นวัตกรรม การศึกษา” เพอื่ อธิบายการศกึ ษา 4.0 ของไทยเราขึน้ มาโดยเฉพาะทํานผูอ๎ ํานจะเห็นดว๎ ยไมเํ หน็ ดว๎ ยอยํางไร แสดง ความคิดเหน็ ให๎เต็มท่นี ะครบั 2.2 นวัตกรรมคืออะไร เราเร่มิ คานยิ ามของนวัตกรรมกอํ น แม๎จะยังไมํเปน็ ท่ียอมรับกันท่ัวไป แตํก็พออนุมานได๎วํานวัตกรรม คือส่ิงประดิษฐ์ท่ีคิดขึ้นใหม่หรือปรับมาจากของเก่าก็ได้ แล๎วนาออกมาสูํสาธารณชนเพื่อใช๎ประโยชน๑ได๎อยําง กว๎างขวาง โดยเหตุนี้นวัตกรรมจึงประกอบไปด๎วยของที่ประดิษฐ๑ข้ึนใหมํ (Invention) แล๎วนาไปใช๎ในสังคม (Diffusion) จึงจะกลายเป็นนวัตกรรมซ่ึงอาจเป็น ส่ิงของ (Products)กระบวนการ (Process)แนวคิด (Position)และ กระบวนทศั น๑ (Paradigm)อยาํ งใดอยาํ งหนง่ึ 2.3 กระบวนการหรือขั้นตอนของนวตั กรรมมอี ะไรบา้ ง โดยทั่วไปแล๎วการพัฒนานวัตกรรมมี 4 ข้ันตอน คือ ระบบ SSIC (Search, Select, Implement, และ Capture)สํวนของสิงคโปร๑ใช๎ระบบ CDIO ซ่ึงมี 4 ข้ันตอนเหมือนของไทยซ่ึงมีรายละเอียดขั้นตอนสาคัญดังนี้(ดู ภาพประกอบ 5) การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 12

4 ขั้นของนวัตกรรมและทกั ษะท่ใี ช้ ข้ันท่ี 1 แสวงหาโอกาส ข้ันที่ 2 เลือกใช้ที่ ขั้นท่ี 3 ลงมือทา ขั้นที่ 4 นาไปสู่สังคม Search เหมาะสมSelect กจิ กรรม Implement Capture ดูวําเราจะเอานวัตกรรม เ ลื อ ก แ ล๎ ว อ อ ก แ บ บ นาส่ิงทอ่ี อกแบบไปลงมือ น า ไ ป ใ ช๎ ป ร ะ โ ย ช น๑ เข๎าไปตรงไหนได๎และ นวตั กรรมนั้นอยาํ งไร ปฏบิ ัติ และเผยแพรํ อยาํ งไร ใช๎ทกั ษะ ใชท๎ กั ษะ ใช๎ทกั ษะ ใชท๎ ักษะ Critical Thinking Design Thinking Productive Thinking Entrepreneurial Creative Thinking Selective Thinking Problems - Solving Thinking Thinking Leadership Thinking ในสํวนของไทยเราน้ันตอ๎ งเพ่ิมทักษะความรบั ผิดชอบและความสานกึ ทางสังคมไวด๎ ว๎ ย 4 ข้นั ของนวตั กรรมของสงิ คโปร์ ประกอบด้วย Conceive Design Implement Operation ดูวาํ ผู๎ใช๎ตอ๎ งการอะไร ออกแบบให๎สอดคล๎องกัน นาไปปฏบิ ัตใิ ห๎มผี ล เผยแพรใํ ช๎ประโยชน๑ กบั ความตอ๎ งการของผใ๎ู ช๎ ภาพประกอบ 5 2.4 ปัญจวธิ ีของนวัตกรรมศกึ ษา เมือ่ เรารู๎และเข๎าใจกระบวนการ ข้ันตอนและวิธีการของนวัตกรรมแล๎ว เราจะนามาใช๎กับการศึกษา อยาํ งไร จงึ จะสามารถสรา๎ งคนให๎มคี วามสามารถในการสรา๎ งผลงาน (สรา๎ ง Product หรือนวตั กรรม) เพ่ือให๎มี ความพรอ๎ มในการพฒั นา “ประเทศไทย 4.0” ผูเ๎ ขียนเหน็ วํามีอยูํ 5 ขน้ั ตอนใหญํ คือ 1. ต๎องเร่มิ ด๎วยการพฒั นาหรือฝึกทกั ษะ10 ประการให๎ชัดเจน แนํนอน และปฏิบัติได๎(หรอื เพ่ิมทักษะอื่น ๆ) กํอน 2. เปิดโอกาสอยาํ งกวา๎ งขวางใหน๎ กั เรยี นแสวงหาความรใู๎ นเรอื่ งท่ีตนเองสนใจอยํางเต็มที่ อยํางลึกซ้ึง ความเข๎าใจในเร่ืองนนั้ อยาํ งลกึ ซึ้ง และจรงิ จัง เพราะเป็นไปไมํไดท๎ ีจ่ ะพัฒนานวตั กรรมโดยไมํมคี วามรู๎ 3. วางแผนและจัดการให๎ผู๎เรียนลงมือปฏิบัติเพ่ือให๎ได๎ผลผลิต )Product) ท่ีเราวางไว๎อยํางตํอเนื่อง )มกี ารตรวจสอบคุณภาพตลอดเวลาและรบั ฟ๓งขอ๎ คดิ ทเ่ี ป็นวิจารณ๑comments)จากเพ่ือนและอาจารย๑ผู๎สอน 4. เสร็จเป็นผลงานแล๎วนามาแสดง “Show” ให๎กับเพ่ือนและสถาบันท่ีเรียนและท่ีเกี่ยวข๎องมา วิพากษว๑ จิ ารณ๑วาํ เหมาะหรือไมเํ หมาะ 5. ประสานกบั กลมํุ และชุมชนท่จี ะใช๎ผลงานนั้นให๎มา Comment และ Feedback อยํางละเอียดวํา ผลงานน้นั เปน็ ประโยชนก๑ ับชุมชนและกับสังคมมากน๎อยแคํไหน แล๎วนามาปรับปรุงจนได๎ผลงานทด่ี ี การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 13

2.5 กระบวนการฝึกทกั ษะ การฝึกทกั ษะต๎องทาอยาํ งสมา่ เสมอตอํ เนื่องและยาวนานพอสมควร ผ๎ูเขียนได๎เรียนรู๎ตัวอยํางการฝึก ทักษะจากการฝกึ ปฏิบัตแิ ละทดลองการสอนทกั ษะและแนวคิดของเมืองอคีตะในญป่ี ุนวําต๎องใช๎เวลาไมนํ อ๎ ยกวํา 3 ปขี ึ้นไป ทักษะตํางๆ ทฝ่ี ึกจงึ จะเห็นผลและปลูกฝ๓งในตัวเดก็ ไดแ๎ ละเมื่อญป่ี นุ เขาทดลองทา 3 ปี แล๎วเขาสงํ เข๎า สอบPisaเห็นชดั วาํ คะแนนเพิม่ ข้นึ อยาํ งมนี ัยสาคัญเพราะเขาฝึกทักษะการคิดอยํางจริงจังผลการคิดพัฒนาข้ึน อยํางมาก (การฝึกคิดด๎วยการ “ติว” เพียง 2 วัน หรือ 2 เดือนไมํได๎ผลหรอกครับที่ประเทศไทยทากันอยูํ) นอกจากน้ันตอ๎ งปฏิบัติพรอ๎ มกันทั้งโรงเรยี น โดยทัว่ ไปการฝึกทกั ษะจะมี 5 ขนั้ ตอน คือ 1. กาหนดจุดมํุงหมายให๎ชัดเจนวําจะฝึกทักษะอะไร จะฝึกพร๎อมกันทีเดียว ทักษะหรือไมํ 3 ,2 ,1 แตํโดยทว่ั ไปควรเน๎นทักษะเดียวในระยะแรก 2. ใหแ๎ ตลํ ะคนได๎ฝึกทักษะนั้นด๎วยตนเอง ด๎วยการจัดการสอนให๎ผู๎เรียนได๎ฝึกทักษะให๎ตรงตามที่จะ เน๎น เชํน การคิดวเิ คราะห๑ กจ็ ะตอ๎ งทากจิ กรรมใหผ๎ ๎เู รยี นคิดวเิ คราะหโ๑ ดยตรง อาจจะตั้งปญ๓ หาแลว๎ ให๎เด็กคิดวิเคราะห๑ วาํ ดไี มดํ ีเหมาะไมเํ หมาะอยํางไร ถ๎าฝึกทักษะการคดิ ออกแบบก็ให๎ผู๎เรียนออกแบบบํอยๆหลักคือต๎องการให๎เด็กมี ทักษะอะไรก็ใหฝ๎ ึกทักษะนัน้ บํอยๆ (มาก สม่าเสมอ และตํอเนอื่ ง) 3. เม่ือเดก็ แตลํ ะคนคิดฝึกด๎วยตนเองแลว๎ กใ็ ห๎แลกเปล่ยี นกบั กลมุํ ยอํ ย 6 คนหรือ 5 อยํางน๎อยไมํเกนิ ) เพื่อให๎ผูเ๎ รียนทดสอบตวั เอง ฝกึ การสือ่ ความหมายและเรียนรู๎จากผ๎ูอ่ืนได๎ (คน ถา๎ มากกวํานี้จะไมเํ ปน็ กลมํุ ยํอย เชนํ ถ๎าตอ๎ งการฝกึ ทักษะการวจิ ัยกใ็ หแ๎ ลกเปลีย่ นกนั จะได๎เกดิ มที ักษะการวิจัยใหว๎ จิ ยั แลว๎ นามาแลกเปล่ียน แลว๎ คดิ เขียน จดั ทาเป็นรายงานบคุ คล 4. หลังจากทาเป็นกลํุม คิดเป็นกลํุม เขียนเป็นกลํุมแล๎วก็ให๎แตํละกลุํมยํอยรายงานให๎กับกลุํมใหญํ เพือ่ แลกเปล่ยี นเรียนร๎ูกันอกี ครงั้ หนึ่ง 5. ใหผ๎ เู๎ รยี นประเมินตนเองทุกครั้งท้ังตัวผู๎สอนเองก็ต๎องคอยสังเกต ประเมินนักเรียนแตํละคร้ังด๎วย เพ่ือดวู าํ มพี ฒั นาการไปมากนอ๎ ยอยํางไร ขั้นตอนท้ัง 5 น้ีจะชํวยให๎ผู๎เรียนได๎พัฒนาทักษะที่ฝึกนั้นได๎ดีมาก แตํผู๎สอนต๎องคอยสังเกตให๎ผ๎ูเรียนได๎ ปฏบิ ัติการฝกึ น้นั จริงจงั ในแตํละขัน้ ตอนควรใหผ๎ ๎เู รยี นบนั ทกึ ความคิดของตนเองไวเ๎ สมอ ทกุ ครั้งผู๎สอนต๎องให๎ผเู๎ รยี นไดฝ๎ ึกคิดหรือแสดงเสมอ แลว๎ ผส๎ู อนตอ๎ งมีหน๎าทีใ่ นการวิพากษ๑หรือวิจารณ๑ทุก ครง้ั หลักคือ Practices make perfect ความจริงแล๎วยังมีรูปแบบและวธิ กี ารอนื่ ๆ อกี มาก หลกั สาคัญคือตอ๎ งการฝึกทักษะอะไรก็ให๎ฝึกส่ิงน้ัน บอํ ยท่ีสุดเทําที่จะบอํ ยได๎ การเรียนรู๎และฝึกฝนทักษะนวัตกรรม 10 ประการดังกลําวคือเป็นนวัตกรรมการศึกษาหลักและ นวตั กรรมการศกึ ษาแรกของการศึกษา 4.0 การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 14

2.6 สี่เสาหลกั ของการศึกษา 4.0 นวตั กรรมศกึ ษาหรือการศึกษาเพื่อสรา๎ งนวัตกรรมนน้ั ก็คือ การเรียนรู๎ ทาความเข๎าใจ และแก๎ไขส่ีเสา หลักของการศึกษา (4 Pillars of Education 4.0) ซึ่งประกอบไปด๎วยอะไรบ๎าง ส่ีเสาหลักประกอบไปด๎วย (1)IncentiveHigher Education (2)Innovative Higher and Vocation Education (3) Productive Secondary and VocationEducation(4) Imaginative and Creative Elementary Education 1. อุดมศกึ ษาเพ่อื การคิดค๎น 2. อดุ มศึกษาและอาชวี ศกึ ษาเพ่ือพฒั นานวตั กรรม Incentive Higher Education Innovative Higher and Vocation Education 3. มัธยมศึกษาและอาชีวศึกษาเชิงนวตั กรรม 4. ประถมศกึ ษาจินตนาการและการคดิ สร๎างสรรค๑ Productive Secondary and Vocation Imaginative and Creative Elementary Education Education ภาพประกอบ 6 เมอื่ ได๎มกี ารฝกึ ฝนทักษะอยํางสม่าเสมอ ตํอเน่ือง และเอาจริงเอาจังแล๎ว ถ๎าจะให๎นโยบายประเทศไทย 4.0และการศึกษาไทย 4.0 ประสบความสาเรจ็ เราจะขาด 4 ทกั ษะเสาหลักอยาํ งใดอยาํ งหนึ่งไมํได๎ นัน่ คอื 1. เราต๎องมีอุดมศกึ ษาหรอื มหาวิทยาลัยเพ่ือการคิดค๎น สามารถสร๎างสรรค๑สิ่งประดิษฐ๑(Incentive) ใหมํๆขนึ้ มาให๎ได๎ ให๎เป็นมากกวาํ อดุ มศึกษาบรโิ ภคนิยมท่ีเรียนร๎ู แกไ๎ ข ทาตามคนอื่นเทาํ น้นั 2. อุดมศกึ ษาและอาชีวศึกษาเพ่ือพัฒนานวตั กรรมคือ จดั การอาชวี ศึกษา อุดมศกึ ษาเพื่อสร๎างผลผลิต และนาไปใช๎ประโยชน๑ได๎จรงิ 3. อาชวี ศกึ ษาและมัธยมศึกษาเพื่อการสรา๎ งผลผลิต )Products) เราต๎องใหผ๎ ูจ๎ บอาชวี ะและมธั ยมศกึ ษาซ่ึง เปน็ คนสวํ นใหญํของประเทศมีจติ สานึก ทักษะ และความสามารถที่จะสร๎างผลงานได๎อยํางจริงจัง )Producer) ทั้ง ประเทศ ให๎คนทงั้ ประเทศเห็นคณุ คําและดาเนินการเพื่อใหไ๎ ดม๎ าซงึ่ ผลผลติ กันทกุ คน 4. อนุบาลศึกษา ประถมศึกษาต๎องเป็น Imaginative คือ Creative and Innovative Education คอื สอนให๎เด็กมคี วามคดิ สรา๎ งสรรค๑ มีจินตนาการ และหลอํ เลยี้ งความคดิ สร๎างสรรคใ๑ ห๎เติบโตขึ้นเรือ่ ยๆ ขาดอู ยาํ ให๎เ) ถกู วําถ๎าจะให๎เด็กมีความคิดสร๎างสรรค๑อยําสํงเด็กมาเรยี นในไทย( ถ๎าจะให๎การศกึ ษา 4.0 เกดิ ข้นึ จรงิ และเด็กไทย 4.0 เกดิ ข้ึนจริง ทุกระดับและทุกคนในวงการศึกษา. ต๎องปรับเปล่ียนการศึกษาใหมํน้ีทั้งหมด เราต๎องปฏิรังสรรค๑การศึกษา ( Reinventing Education)ให๎กับ เด็กไทย โดยเฉพาะเพือ่ นครูทุกทาํ นทกุ ระดบั จะเป็นผรู๎ เิ ร่มิ ได๎กํอนผอ๎ู ่นื 3. การศึกษาเพ่อื สรา้ งนวัตกรรมทาอยา่ งไร 3.1 หลักคดิ พืน้ ฐาน: ถึงเวลาคิดใหมท่ างการศกึ ษา ในวงการศึกษาของเรานกั สถิตแิ ละนกั วัดผลไดล๎ า๎ งสมองเรามานานแล๎ววําคนเรานน้ั จะแบํงออกได๎เป็น กลุํมๆ คือกลํมุ คนฉลาด คนปานกลาง และคนดอ๎ ยความสามารถ โดยอธิบายดว๎ ยทฤษฎีระฆังคว่า เราจึงตัดสิน เด็กหรอื ผูเ๎ รยี นไปตามกลุมํ ของเขา เชํน เราให๎ A B C D ไปตามกลุมํ ด๎วย และเชือ่ วาํ เดก็ ทีอ่ ยํูท๎ายๆ เป็นเดก็ ออํ น การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 15

แกย๎ ากหรอื แกไ๎ มํได๎ เปลี่ยนแปลงไมํได๎ แนวคิดนีท้ าให๎เรามองเด็กบางกลุํมวาํ ไปไหนไมไํ ด๎ ก๎าวหน๎าไมํได๎ เกํงข้ึน ไมไํ ด๎ เดก็ จงึ ไมํเทําเทยี มกันในความคดิ ความเข๎าใจของพํอแมผํ ๎ูปกครองและครู ปจ๓ จุบันความคดิ นีไ้ ดร๎ บั การพิสจู นด๑ ๎วยทฤษฎีและงานวิจัยแล๎ววําเปน็ ความเช่อื ทผ่ี ิด ดังทน่ี กั วชิ าการรุนํ ใหมํอธิบายวํา “The Theory and research of the last 35 years has urged a reconsideration of the believe in the bell curve of intelligence and of academic ability. The research is quite convincing that belief in the bell curve as innate and unchangeable is wrong.”4 3.2 ต้องสง่ เสริมใหเ้ ตบิ โตเต็มตามศักยภาพ ดงั ทีไ่ ด๎กลาํ วแล๎ววําความเชือ่ ในวงการศึกษาท้ังของไทยและของตาํ งประเทศมานาน ที่บอกวําคนเรามี ความสามารถตาม curve ปกติ (Bell Curve) คือมีคนเกํง คนกลาง และคนอํอน ดังน้ันได๎มีการพิสูจน๑และ ยืนยันกันใหมํแล๎ววําเป็นแนวคิดที่ผิด คนทุกคนสามารถเกํง ฉลาดได๎เทํากันทุกคนถ๎าให๎โอกาสและให๎การ สนับสนุน การศึกษา 4.0 และการเรยี นการสอนตามแนว 4.0 คือการสอนใหเ๎ ขาเตบิ โตเต็มตามศักยภาพของเขา และเขาจะเรียนศึกษา ค๎นคว๎า ทางาน ทากิจกรรมตามเส๎นทางท่ีเขาถนัดและสนใจได๎อยํางเต็มท่ี ดังหลักคิด พื้นฐาน 5 ประการนี้ 1. คนมศี ักยภาพแตกตาํ งกนั ทุกคนเกงํ ไดต๎ ามแบบทีเ่ ขาถนัดและสนใจ 2. การเตบิ โตไปตามท่ชี อบ ถนดั และสนใจ โดยไมชํ ้นี าจะทาใหเ๎ ขาเตบิ โตได๎เตม็ ที่ 3. การจดั การศึกษาต๎องยดื หยุํน ปรบั ได๎ และรบั ผิดชอบ )Flexible, Adaptable, Responsible) 4. หลกั คิดคือสรา๎ งแรงจงู ใจ สร๎างพลงั ในใจ และมีความมงุํ ม่นั ข้ึน )Motivation Compulsion Intention) 5. ครยู ังสาคญั )Teachers are still important) โดยเนน๎ การกระต๎นุ สงํ เสรมิ และพฒั นา หลกั พ้ืนฐานการคดิ ภาพประกอบ 7 เพอื่ ให๎ผู๎เรยี นไดเ๎ ตบิ โตเตม็ ตามศักยภาพของเขา ครคู วรสํงเสรมิ ใหผ๎ ูเ๎ รยี นไดพ๎ ัฒนาและรจ๎ู กั ตัวเองอยาํ งดี พอ สร๎างผลงานให๎มคี ณุ ภาพสูงด๎วยขนั้ ตอนอยํางน๎อย 5 ประการนี้ 1. ร๎ูจกั ตนเอง เขา๎ ใจตนเอง มนั่ ใจตนเอง 2. คดิ วางแผนตามท่ีชอบ ถนัด และสนใจ 3. ทาให๎เต็มที่ มผี ลผลิต )Products) ชดั เจน 4. ปรงุ แตํงใหด๎ งี าม เหมาะสม มคี ณุ คาํ มากทส่ี ุด 5. ทบทวน ทดสอบ สูสํ งั คม เร่มิ ต๎นสง่ิ ใหมํอยํเู สมอ 4Jon Suphier. (2017) High Expectations Teaching: How we PersuadeStudents to Believe and Act on“Smart Is Something You CanGet”. A joint Publication of Corwin, Learning Forward, and P.D.K การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 16

โดยเหตนุ ีท้ กุ อยาํ งของการศึกษาจงึ ต๎องต้ังความหวังให๎สูงไว๎เสมอ เพราะการศึกษาเป็นเรื่องของการพัฒนา มนษุ ย๑มนุษยต๑ ๎องได๎รับการสํงเสริมให๎ใชศ๎ กั ยภาพสูงสุดของความสามารถ การศึกษาจึงเป็นเร่ืองของอุดมคติ ของ ความมุํงมนั่ และเอาจรงิ ของเพ่อื นครแู ละผ๎ูเก่ยี วขอ๎ งทุกคน เราควรทาอย่างไร ครยู คุ ใหมตํ อ๎ งสรา๎ งเด็กไทย 4.0 ให๎เติบโตและพัฒนาข้นึ ไปสกํู ารสร๎างผลผลติ และนวัตกรรมดว๎ ยสานึก ที่มุํงมั่น มีความแนํวแนํ และมีอุดมคติ สูตรของการสํงเสริมให๎ผู๎เรียนก๎าวขึ้นสํูการเรียนรู๎ท่ีมีความสาเร็จสูงจะ พิจารณาจากกระบวนการ5 ดังน(้ี ดูภาพประกอบ 8) โอกาส ศักยภาพ แรงจงู ใจ การสนับสนนุ ความสาเร็จ ภาพประกอบ 8 ครูตอ๎ งสนใจ เขา๎ ใจและใสํใจตอํ ศักยภาพของเด็กท่ีแตกตํางกัน ทุกศักยภาพมีคําเสมอ สร๎างแรงจูงใจให๎ ผ๎เู รียนพัฒนาศักยภาพของเขาให๎เต็มที่ ให๎โอกาสและให๎ความสนบั สนุนอยาํ งจรงิ จังจรงิ ใจ 3.3 เม่อื การศกึ ษาก้าวข้นึ อกี 1 ขนั้ ในทศั นะของผู๎เขียนเห็นวาํ จุดมุํงหมายหรอื ความปรารถนาของการศกึ ษา 4.0 น้ัน เนน๎ กา๎ วข้ึนไปสํูส่ิงท่ี สงู ขน้ึ อกี ข้ันหน่งึ โดยท่ัวไปการศึกษาจะมีอยูํ 4 ขั้นใหญํคือ ขั้นท่ี 1 ขน้ั รู้ ขนั้ นคี้ รูจะหาความร๎ูมาให๎ ตระเตรยี มการหรอื การอธิบายให๎พร๎อม เม่ือผู๎เรียนเรียบร๎อย เมือ่ พรอ๎ มแลว๎ ครจู ะบรรยายเพอื่ ให๎เด็กรแู๎ ละรใู๎ หม๎ าก เด็กก็จด ทอํ งและจาให๎ได๎เน้ือหาเพื่อใช๎สอน คือครูที่นา ความร๎ูมาให๎นักเรียนอยํางกว๎างขวางลึกซึ้ง เตรียมมาเป็นขั้นตอนอยํางดี บรรยายได๎อยํางกระจํางแจ๎ง เป็น ข้ันตอน เด็กคดิ ตามไดง๎ าํ ย เขยี นหวั ข๎อบนกระดานชัดเจน มีเรอื่ งแทรกบ๎าง เพื่อไมํให๎เด็กงํวงหรือหลับในช้ันเรียน และมกี ารออกข๎อสอบตามท่ีบรรยาย ขนั้ ที่ 2 ขั้นเข้าใจ ในขน้ั น้ีครูทางานเพม่ิ ขน้ึ อีกหนึ่งขั้นคอื ความพยายามแล๎วสอบถามประเมินเด็กเป็น ระยะวาํ เข๎าใจหรอื ไมบํ างคร้งั บางคนกใ็ ช๎วธิ กี ารสอนแบบอภิปรายเปน็ กลมํุ บา๎ งหรอื บางครัง้ กใ็ หเ๎ ดก็ อธิบายใหฟ๎ ง๓ เพ่ือจะใหแ๎ นํใจวาํ เด็กเข๎าใจเรอื่ งท่ีเรียนจริง ท้งั น้กี ็แลว๎ แตเํ ทคนิคของครูแตลํ ะคน 5ปรับปรงุ จากDeborah Eyre. (2016). High Performance Learning: How To Become A World Class School. New York: Routledge. P.17. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 17

ข้นั ท่ี 3 ขน้ั วเิ คราะห์ ขัน้ นีถ้ ือเป็นข้นั ที่สูงข้ึนคอื ใหผ๎ ูเ๎ รยี นหรอื เด็กไมํรับความร๎ูไปเฉยๆ แตํต๎องอธิบายได๎ ดว๎ ย แลว๎ ยงั ไมํพอตอ๎ งบอกทมี่ าทีไ่ ป ผลได๎ผลเสยี ประโยชน๑โทษบางครง้ั ทเ่ี รยี นหรอื บอกเหตุการณ๑ตํางๆ ได๎วํามี สาเหตุมาจากอะไร เหมาะสมไมเํ หมาะสม จะให๎สมควรทาไมํสมควรทาด๎วยเหตุผลอะไร ท้ังสามข้ันนี้เป็นสิ่งท่ีครูไทยเราพยายามทาและทาได๎ผลพอสมควรในป๓จจุบัน แตํเมื่อสูงขึ้นในข้ัน อาชวี ศกึ ษาและอดุ มศึกษากจ็ ะมถี ึงขน้ั ท่ี 4 ขั้นท่ี 4 ขัน้ ทาได้ ขัน้ น้ีเป็นระดับสูงข้ึน คือผู๎เรียนเรียนแล๎วทาส่ิงท่ีเรียนได๎ แตํมักจะเป็นการทาตาม อยําง ทาตามคนอ่ืนบอก ทาตามท่ีเหน็ คนอืน่ เขาทานนั้ ท่นี าํ สนใจของการศกึ ษาในแนวนก้ี ค็ ือทวภิ าคหี รอื สหกจิ ศึกษาซึ่งเป็นท่นี ิยมและเปน็ ประโยชน๑มาก แตํสาหรบั อนาคตการศกึ ษาต๎องถึง ขั้นท่ี 5 ขั้นสร้างผลผลิต (Products)นั่นคือการที่เราจะต๎องพยายามให๎ผ๎ูเรียนร๎ู เข๎าใจ วิเคราะห๑ ฝึกการทาตามได๎ แล๎วต๎องสรา๎ งผลงานได๎ มีความรู๎ มีทักษะ มีฝมี ือทีจ่ ะสรา๎ งผลงานขึ้นมา และเป็นผลงานที่เป็น ประโยชน๑ มีคุณคาํ กับสังคมดว๎ ยก็จะเปน็ ประโยชน๑ย่งิ โดยสิ่งท่ีสร๎างข้ึนควรจะเป็นงานใหมํ คิดและจัดทาให๎มี ผลผลติ หรือคิดและสรา๎ งส่ิงทีเ่ ปน็ ของใหมทํ เ่ี รียกวํา นวตั กรรม (Innovation) 3.4 การเรยี นรูเ้ ชิงผลติ ภาพคือหัวใจ การเรียนรเ๎ู ชงิ ผลติ ภาพ (Product - Oriented Learning) หรือ Productivity - Based Learning ถือ ไดว๎ าํ เปน็ กระบวนการเรยี นรู๎หลงั การศึกษา 4.0 เพราะการเรียนรูค๎ อื การสร๎างผลผลิต เป็นการเรียนร๎ูเพ่ือให๎สร๎าง ผลงานขึ้นมาใหไ๎ ด๎โดยตรง การเรยี นรเู๎ ชิงผลิตภาพหรอื สร๎างผลผลติ มีกระบวนการอะไรบา๎ ง6 ผเู๎ ขยี นมองวาํ มี 3 ระยะ ระยะแรก ข้ันเตรียมการ 1. นาทักษะเข๎ามา 2. คดิ เนอ้ื หา 3. พฒั นาตนเอง ระยะสอง ขน้ั ปฏิบัติการ 4. ลงมือทา 5. สาเรจ็ เปน็ งาน 6. ประสานชุมชน ระยะสาม ขนั้ ตรวจการ 7. ยอยลยินดี 8. ทบทวนอกี ที 9. เปรมปรเี ปรมใจ ระยะแรกนั้นผูส๎ อนตอ๎ งสงํ เสริมและพฒั นาให๎ผ๎ูเรียนไดฝ๎ ึกทักษะพื้นฐานดังที่กลําวมาให๎เข๎มข๎นจริงจัง หลังจากนน้ั จึงใหผ๎ เ๎ู รียนเสนอวําอยากจะทาผลงานท่ีจะเป็น Product ของตนเองในเรื่องใด โดยผู๎สอนซักถามจน ผูเ๎ รียนแนํใจวําเป็นส่งิ ทผี่ ู๎เรียนสนใจจริงแล๎ว จึงสํงเสรมิ ใหไ๎ ปทาความรใ๎ู นเร่อื งนน้ั ดว๎ ยตนเอง เมือ่ มีทักษะดีแล๎ว มคี วามร๎ูในเรอื่ งทเี่ ขาดาเนินการไป ผสู๎ อนต๎องให๎เขาประเมินตนเองวําผู๎เรียนจะทาอะไรและจะเป็นไปได๎อยํางไร โดยใหผ๎ เ๎ู รียนเลอื กของเขาเอง ระยะสองลงมอื ทา ตามแผนงานตาํ งๆ ทีว่ างไวโ๎ ดยโรงเรยี นทม่ี คี รคู อยสอน โดยให๎คาปรึกษาหรือช้ีแนะ ให๎กาลังใจอยํูตลอดเวลา เมือ่ สาเร็จแลว๎ จึงเชญิ ให๎ชุมชน ใหม๎ ารวํ มชม เพราะผลผลติ ท่ีเปน็ นวัตกรรมจะตอ๎ งเปน็ ผลผลิตท่ใี ชใ๎ นชมุ ชนได๎ ดังน้นั ขั้นตอนแรกๆ จงึ ตอ๎ งใหผ๎ ๎ูเรยี นลงมอื ทาแลว๎ ให๎ชุมชนตชิ ม 6 ผู๎สนใจจะมีวิธีการและกระบวนการเรียนร๎ูเชงิ ผลติ ภาพได๎จากบทความ 2 เร่อื งคอื 1) สมพร โกมารทตั . (2559).“การเรยี นรู๎ เชงิ ผลติ ภาพ: Productivity-Based Learning”ใน ไพฑูรย๑ สินลารตั น๑ และอัญชลี ทองเอม บรรณาธกิ าร. (2559)การเรียนรู้ เชิงก้าวหน้า: 10 วธิ เี พื่อสง่ เสริมศักยภาพของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21. กรงุ เทพฯ: วทิ ยาลัยครุศาสตร๑ มหาวิทยาลัยธุรกิจ บัณฑิตย๑. เรอื่ งท่ี 2 ชยั วัฒน๑ สุทธริ ัตน๑. (2559).“การสอนเพ่ือสํงเสริมการคดิ ผลติ ภาพ” ใน ไพฑรู ย๑ สนิ ลารัตน๑ และคณะ. (2559).คิดผลติ ภาพ: สอนและสรา้ งไดอ้ ย่างไร. กรงุ เทพฯ: วทิ ยาลยั ครศุ าสตร๑ มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บัณฑิตย๑. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 18

ระยะสาม ขน้ั ประเมินคอื ใหช๎ ุมชนมาดใู หก๎ าลงั ใจสนับสนุนแล๎วให๎พจิ ารณาความเหมาะสม ความเปน็ ไปได๎ ในการวิเคราะห๑ประเมนิ ครูจะตอ๎ งอยํดู ๎วยเพอ่ื ประเมนิ แลว๎ ผู๎เรียนก็จะนาไปปรับปรุงเพื่อให๎นาไปใช๎ได๎ดี เป็นที่นํา พอใจ และมคี วามภาคภูมิใจกบั ทกุ ฝุาย ดงั ท่คี นไทยมวี ลอี ยํวู าํ “คาํ ของคนอยูํที่ผลของงาน” 3.5 การเรียนรู้เสรมิ ยงั มอี ีกมาก การจะลงมอื ทาอะไรได๎ไมใํ ชํจะสรา๎ งหรอื ลงมือทาไดท๎ นั ที สวํ นใหญแํ ล๎วจะเร่มิ จากการปูทกั ษะเบ้ืองต๎น มากอํ นอยาํ งนอ๎ ยการเรียนการสอน 3 เรอ่ื ง ให๎ปกู ค็ ือ การเรยี นรู้เสรมิ เพอื่ เตรยี มความพร้อม 1. กระบวนการเรยี นร๎ทู กั ษะพ้ืนฐานเรมิ่ จาก Creativity-Based Learning หลังจากนนั้ จงึ มีการพัฒนา ทักษะอ่ืนๆ อยาํ งน๎อยควรฝกึ ทกั ษะ ประการของการพัฒนานวัตก 10รรมใหค๎ รบ 2. กระบวนการเรียนร๎ูเพ่อื หาความร๎ู สรา๎ งความรู๎ กํอนท่ีจะเรียนรู๎เพ่ือสร๎างผลผลิตได๎ต๎องร๎ูจักการสร๎าง ความร๎ูด๎วยตนเอง self - directed learningผู๎เรียนได๎พัฒนาความร๎ูรํวมกับคนอื่น )Collaborative Learning ( การพฒั นาทกั ษะในการหาความร๎ู วเิ คราะห๑ กล่นั กรองความรทู๎ ไ่ี ด๎ในแนวของ Self- Studyจึงควรได๎ใชม๎ ากขึน้ 3. กระบวนการที่เข๎าใจและเรียนร๎ูเร่ืองการทาโครงการตํางๆ การเรียนร๎ูเร่ืองของชุมชนศึกษา )Community-Based Education) ไมํจบสิ้น เชํนProject Based, Outcome-Based เป็นส่ิงที่ควรพัฒนาขึ้น ด๎วย การเรียนรเู้ พอ่ื สนับสนนุ การตรวจสอบ เม่ือได๎ผลงาน (Products) หรือได๎นวัตกรรม (Innovation) มาแล๎ว ผ๎ูเรียนจะต๎องมีการทบทวน ตรวจสอบ และตชิ มงานดีไมดํ ี ได๎ผลไมไํ ด๎ผลอยํางไร เป็นไปตามเปาู หมายที่วางไว๎หรือไมํ จงึ ตอ๎ งมีกระบวนการ เรยี นรเู๎ สรมิ ในสวํ นน้ีด๎วย 4. การเรียนรเู๎ พอ่ื ตรวจสอบติชม เชํน Critical-Based Learning, Application-Based Learning, ดว๎ ยการ สอนให๎ผ๎เู รยี นจดั การวิเคราะห๑ 5. กระบวนการเรียนร๎ูเพื่อการประเมิน ด๎วยการเรียนร๎ูกระบวนการประเมินแบบตํางๆ เพ่ือให๎แนํใจวํา Productsที่เราทาข้นึ สมบูรณแ๑ ล๎ว เชํน การเรยี นร๎ูแบบ Evaluation -Based Learningเป็นตน๎ 6. กระบวนการเรยี นรท๎ู ่นี าไปสํูการปรบั ปรุงแก๎ไขหลังจากได๎ข๎อมูลที่จะวิเคราะห๑มาแล๎ว Remodel- Based Learn หรอื - eeProductive nssed Lesrn - เปน็ ต๎น 3.6 สตั ตวิธขี องการเรยี นรูส้ กู่ ารศกึ ษา 4.0 ในการวิจัยเร่ืองสัตตศิลา: การเปล่ียนผํานการศึกษาสํูเศรษฐกิจฐานความรู๎ของผ๎ูเขียนและคณะได๎ นาเสนอแนวทางการจัดหลักสูตร Fun Find Focus& Fulfillment ไว๎ก็สามารถนามาใช๎ในการพัฒนาการศึกษา 4.0 ได๎มากพอสมควร รวมถึงกระบวนการสอนแบบ CRP (Crystal – Based, Research – Based & Productivity - Based) จะสามารถนามาใชก๎ ับการสอนให๎กับผ๎ูเรียน 4.0 ในนวัตกรรมการศึกษา 4.0 ได๎เป็น อยํางดี การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 19

โดยภาพรวมแลว๎ เพ่อื ให๎ผเ๎ู รียนทกุ คนสามารถลงมอื ทาได๎ กระบวนการ7 ขน้ั ตอนหลักตํอไปนจ้ี ะเปน็ พ้นื ฐานใหผ๎ ู๎สอนและผูเ๎ รียนได๎ปฏบิ ัตใิ หเ๎ หมาะสมกบั ผลงานของตนตํอไป 1. วิเคราะห๑ปญ๓ หาโอกาสใหมํๆ/แสวงหาทางเลอื ก/ 2. ควรจะทาอะไรไดบ๎ า๎ งมที างเลอื กอะไรบา๎ ง/ 3. ทางเลอื กใดดีทีส่ ดุ จะทาโครงการอะไรได๎/ 4. ลงมือทาตามแผนและโครงการท่คี ิดว่าดีทีส่ ุด 5. ตรวจสอบแตลํ ะข้นั ตอนให๎ถกู ต๎องตามหลักการและความรู๎ เหมาะสม และตํอเน่ืองกันทกุ ขนั้ ตอน 6. วเิ คราะห๑ผลที่ไดเ๎ ป็นประโยชน๑ตํอสังคมและตํอตวั บคุ คลเพียงใด มีคณุ คาํ ตํอวิชาการ/ 7. ประเมิน Products ที่ไดแ๎ ละกระบวนการ )Capstone, Products) และปรับปรงุ แกไ๎ ข ภาพประกอบ 9 ในการพัฒนาและดาเนินการสอนเด็กไทย 4.0 นั้น ในสภาพของสังคมไทยได๎มีการปฏิบัติกันอยํูอยําง หลากหลายพอสมควร หากกลําวโดยเฉพาะเพ่ือนครู ได๎มีการศึกษาและวิเคราะห๑อยํางจริงจังแล๎ว เราจะได๎ รูปแบบที่นําสนใจอีกมาก ดังที่ ดร.สุวิทย๑ เมษินทรีย๑ รัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรี กลําวไว๎วํา “การ ขับเคลื่อนทางด๎านสังคม เพื่อไปสูํประเทศไทย 4.0 จาเป็นต๎องพัฒนาคูํขนานไปกับระบบการศึกษาซึ่งมี ความสาคัญและจะต๎องขับเคลอื่ นอยํางรวดเร็ว เนอ่ื งจากการแกไ๎ ขปญ๓ หาในทุกเร่ือง รวมทัง้ การสร๎างโอกาสจะตอ๎ ง เริ่มจากระบบคดิ และความร๎ขู องคนไทยดังน้นั การปรบั ระบบการศึกษาจะต๎องปรับเปล่ียนกระบวนทัศน๑และปรับ แนวคิดในการเรียนการสอนจากเน๎นการเรียนร๎ูของผู๎เรียนเป็นหลักเปล่ียนเป็นการเรียนรู๎ด๎วยตนเองมากข้ึน การ เสริมสรา๎ งกิจกรรม การทางานกลมํุ เพอื่ ลดการแขํงขัน/การได๎เปรียบเสียเปรยี บเน่ืองจากโลกอนาคตเปน็ สังคมแหํง การแบงํ ป๓น (shsring)... ซ่ึงจะเห็นได๎วาํ ระบบการศึกษาของไทยยงั ไมปํ ระสบความสาเรจ็ เทําท่ีควร เนื่องจากมี ต๎นแบบด๎านการศกึ ษาท่ดี มี ากมาย (InnovativeModel)แตยํ ังไมมํ กี ารถอดรหัสหรือเผยแพรํในบริบทของการ เรียนรู๎รํวมกนั ”7 7 สุวิทย๑ เมษินทรีย.๑ (2559). “ประเทศไทย 4.0 โมเดลขับเคลอื่ นสู่ความมนั่ คง ม่ังคงั่ และยงั่ ยืน”. การบรรยายและ แลกเปล่ยี นประสบการณ๑ในหวั ข๎อ “แผนประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายรฐั บาล” วันที่ 27 กรกฎาคม 2559 ณ ห๎องประชุม ชั้น 8 กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย๑. การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 20

3.7 โมเดล: เปูาหมายทางการศกึ ษา 4.0 มเี ป้ าหมายชัดเจน รู้จกั ตวั เอง รู้วา่ ตอ้ งการอะไร จะทาอะไรต่อไป รู้จักชีวิต เป้ าหมาย จดั ให้เลือกชีวิต เขา้ ใจชีวิต/ ความดีงาม สร้างผลผลติ เพอื่ การ แสวงหาส่ิงท่ดี ีทสี่ ุด พฒั นานวตั กรรม เตบิ โตเตม็ ตาม ทบทวน/ เรียนรู้/ ประเมนิ ชวี ติ ศกั ยภาพ แบ่งปันอย่างมเี หตุผล ภาพประกอบ 10 ส่งเสริ มความเป็ น เขา้ ใจคน/เขา้ ใจสภาพการณ์ อสิ ระ ร่วมมือทางานกบั คนอื่น อยา่ งกวา้ งขวางและ เห็นแกส่ ่วนรวม สดุ ท๎ายแล๎วเราในฐานะครูผ๎ูสอน ผสู๎ รา๎ งเดก็ ไทย 4.0 เราคาดหวงั อะไร เด็กไทยและสังคมไทยของเรา ถูกระบบ “บริโภคนิยม” มานานทาใหเ๎ ราตดิ กับดักตาํ งๆ มาก นโยบายประเทศไทย 4.0 และการศึกษา 4.0 นี้ ผ๎ูเขียนเหน็ วําเป็นความหวังของประเทศไทยและการศกึ ษาไทยทีจ่ ะทาให๎เราพ๎นจากกบั ดักและบํวงตาํ งๆ ทเ่ี กาะ กินสงั คมไทยเรามาเปน็ เวลานาน แตํจะเปน็ ไปไดแ๎ คไํ หนอยํทู ่ีคนไทยและครูไทย (รวมถึงผู๎บริหารทุกตาแหนํง) ทกุ คนตอ๎ งสนใจ เอาจรงิ และมุํงม่ันใหเ๎ กิดผลขน้ึ ได๎อยํางจริงจังซึ่งเทําท่ีเป็นอยูํในขณะน้ี ผ๎ูเขียนสังเกตวําการ ตื่นตัวและเอาจริงเอาจัง สนใจจริงจังกับการศึกษาของเรายังไมํเห็นภาพที่ชัดเจนนัก นําที่ผ๎ูบริหารในระดับ สถานศกึ ษาจะได๎ลกุ ข้ึนมาแสดงความสนใจอยาํ งจรงิ จงั แมว๎ ําในระดับนโยบายยงั ไมแํ สดงออกมามากนักก็ตาม เม่อื เราเริ่มต๎นเรอ่ื ง 4.0 อยาํ งจริงจงั เราตอ๎ งมองเร่อื งของ 4.0 ในฐานะเปน็ สํวนหน่ึงของชวี ติ เด็กซง่ึ เป็น สํวนทีค่ ดิ เพื่อให๎ผ๎ูเรียนไปเปน็ คนทส่ี มบรู ณแ๑ ตตํ อ๎ งมีคุณสมบัติอ่ืนๆ ผสมกันเพ่ือเป็นโมเดลทางการศึกษาเพื่อสร๎าง คนให๎เป็นคนที่สมบูรณ๑ ท่ีคม เข๎ม ลกึ และดังที่ผ๎ูเขียนจะขอแลกเปลย่ี นแนวคิดกับผู๎อํานไวต๎ รงนี้ เมอ่ื มเี ปูาหมายหลักเพ่อื การสรา๎ งนวัตกรรมแล๎วในฐานะการศึกษาเราต๎องให๎เขาแสวงหาสงิ่ ท่ดี งี ามและ มคี วามสมบรู ณส๑ าหรับชีวิต และใช๎ชีวิตอยํางมีคุณคํา มีเหตุผล มีความดีงาม เพื่อคนอื่นควบคูํกันไปด๎วยดังท่ี ดร.สุวิทย๑ เมษินทรีย๑ ได๎สรุปไว๎วํา “คนไทยต๎องเปล่ียน ตัวเอง ใน 4 มิติคือ 1) ต๎องเป็นคนมีความร๎ู ความสามารถ 2) คนไทยตอ๎ งรบั ผิดชอบตอํ สงั คม 3) เปน็ Global-Thai และ 4) Digital Thai”8 8 สุวิทย๑ เมษนิ ทรยี .๑ (2559). อ๎างใน “ลมเปล่ียนทศิ ”. “คนไทย 4.0 สังคม 4.0 การศึกษา ?.0”. คอลัมภ๑ หมายเหตุประเทศ ไทย. ไทยรฐั . 4 สิงหาคม 2559. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 21

ในขณะที่การศึกษาเปน็ เรอ่ื งของอนาคต เราตอ๎ งคดิ ถงึ การมีชีวติ และสังคมหลงั 4.0 ที่ดดี ว๎ ย แตํความร๎ู ใน.อนาคตทีด่ ีงามเป็นอยาํ งไร จะเปน็ การศึกษา 5.0หรือไมํอยํางไร นั้นคอื อะไรจะเกดิ ขน้ึ กับการศกึ ษาไทยหลัง 4.0 (Post 4.0 Education) ในทสี่ ุดแล๎วผเ๎ู ขยี นเชื่อวํา จากป๓จจุบันเราอยูํท่ี 4.0 แตํเราต๎องก๎าวไป 5.0 เราต๎องให๎เด็กเราก๎าวไปสูํ ความดคี วามงามเปน็ หลกั เพราะสุดทา๎ ยแลว๎ มนุษยแ๑ ละสังคมจะแสวงหาส่ิงท่ีมีคํา ส่ิงที่เป็นความดีความงามที่จะเกิด ขึน้ กบั มนษุ ยท๑ ุกคน เราต๎องไปใหพ๎ น๎ กบั ดกั ของประเทศด๎อยพัฒนา และต๎องข๎ามกับดักของประเทศที่พัฒนาแล๎วด๎วย เชํนเดยี วกัน เราจะต้องทาความหวังของสังคมไทยให้ประสบความสาเร็จ อย่างดีงามในขั้นปัจจุบันคือจัด การศึกษาเพอื่ เด็กไทย 4.0 ของเราใหด้ ที ่ีสุด ใหม๎ คี ําสูงท่ีสดุ และใหป๎ ระสบความสาเร็จสูงสุด เพื่อท่ีจะทาให๎เราเข๎า สูํการศึกษา 5.0 อยาํ งมีคณุ คํา เหมาะสม และดีงามตํอไป น่คี ือภาระหนา้ ทขี่ องเราในฐานะครู 4.0 เอกสารอ้างอิง ไพฑรู ย๑ สินลารตั น.๑ (2560). การศึกษาไทย 4.0 ปรชั ญาการศึกษา เชิงสร้างสรรคแ์ ละผลิตภาพ. พิมพ๑คร้ังที่ 4. กรงุ เทพ ฯ: วิทยาลยั ครุ ศุ าสตร๑ มหาวิทยาลัยธุรกจิ บณั ฑติ ย.๑ ไพฑูรย๑ สินลารัตน๑ และคณะ. (2560). การศึกษา 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา. พิมพ๑คร้ังที่ 4. กรุงเทพ ฯ: วทิ ยาลยั ครุ ศุ าสตร๑ มหาวิทยาลัยธุรกิจบณั ฑติ ย๑. ไพฑูรย๑ สินลารตั น๑ และคณะ. (2560). ก่อนถึงโรงเรียน 4.0: โรงเรียนสร้างสรรค์. พิมพ๑คร้ังท่ี 2. กรุงเทพ ฯ: วิทยาลัยคุรศุ าสตร๑ มหาวทิ ยาลัยธุรกิจบณั ฑิตย๑. ไพฑรู ย๑ สนิ ลารัตน๑ และคณะ. (2560). โรงเรยี น 4.0: โรงเรียนผลิตภาพ. พมิ พ๑คร้งั ท่ี 2. กรุงเทพ ฯ: วิทยาลัย ครุ ุศาสตร๑ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย๑. ไพฑูรย๑ สนิ ลารัตน๑ และนักรบ หมแี้ สน บรรณาธกิ าร. (2560). ความเป็นผู้นาทางการศึกษา. พิมพ๑คร้ังที่ 1. กรุงเทพ ฯ: วิทยาลัยครุ ุศาสตร๑ มหาวทิ ยาลัยธุรกิจบณั ฑิตย๑. สุวิทย๑ เมษินทรีย๑. (2560). การบริหารการศึกษาเพ่ือร่วมสร้างประเทศไทย 4.0. บรรยายพิเศษในงาน ปาฐกถา ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ๎าน คร้ังที่ 8 ประจาปี 2560. 22 มกราคม 2560. ณ คณะครุศาสตร๑ จุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลยั . สวุ ิทย๑ เมษนิ ทรีย๑. (2559). ประเทศไทย 4.0 โมเดลขับเคลือ่ นสู่ความมน่ั คง มง่ั ค่งั และยงั่ ยืน. บรรยายพิเศษ ณ ห๎องประชุมกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย๑ ชัน้ 8. 27 กรกฎาคม 2559. สวุ ทิ ย๑ เมษินทรีย๑. (มปป.). Thvilvnd 4.0 กับอนาคตประเทศไทย. เอกสารบรรยายในการประชุมวิชาการ เกยี่ วกับประเทศไทย 4.0. Chappuis Steve, Carol Commodore and Rick Stiggins. (2017). Balanced Assessment Systems Leadeship, Quality, and the role of Classroom Assessment. Corwins. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 22

Crisspin Lisa and Janet Gregory. (2009). Agile Testing Apractical Guide for Testers and Agile Teams. Crispin: gregory. Dsvies eschel, snd Liz Sedley. (2009). Agile Covching. Edied by Jscquelyn Csrter. Eyre Deborsh. (2016). High Performvnce Levrning. How to Become v World Clvss School. High Performsnce Lesrning. Gill Scherto snd Gsrrett Thomson. (2017). Humvn - Centred Educvtion. A Prvcticvl Hvndbook vnd Guide. eoutledge. Lsrson Josnne snd Jsckie Msrsh. (2015). Mvking Litervcy Revl. Theories vnd Prvctices for Levrning vnd Tevching. Second Edition. SAGE Publicstions Ltd. Lest Dsvid. (2017). EnQuiry vnd Project Bvsed Levrnig. Students, School vnd Society . eoutledge. Tsylor&Frsncis Group. Miller Michael. (2015). The Internet of Things. How Smart TVs, Smart Cars, Smart Homes, and Smart cities Are Changing the World. Pearson Education, Inc. O’nrien Henry. (2016). Agile Project Management A Quick Start Beginner’s Guide to Mastering Agile Project Management. 3rd Edition. eies Msrcus snd Disns Summers. (2016). Agile Project Management. A Complete Beginner’s Guide to Agile Project Management. Schwab Klaus. (2016). The Fourth Industrial Revolution. Portfolio Penguin. Zhao Yong. (2012). World Class Learners. Educating Creative and Entrepreneurial Students. A joint Publication. การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 23

การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคมออนไลน์เพื่อการจัดการเรียนรู้ของ โรงเรียนบ้านการบนิ อาจารย์นิก The Integration of Information Technology and Online Social Media for Learning Management of Baankanbin Ajarn-Nix School อรภทั รกาญจน์ ชัยวฒั น์จตพุ ร และ ชดิ ชไม วสิ ตุ กลุ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรังสิต e-mail: [email protected] and [email protected] บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งน้มี ีวัตถปุ ระสงค๑เพ่อื (1ศกึ ษาการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคมออนไลน๑ เพอื่ การจดั การเรยี นร๎ูของโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก และ (2ศึกษาความคิดเห็นของผ๎ูเรียนจากการใช๎ การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคมออนไลน๑ของโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก โดยประชากร คือผ๎ูเรียนวิชาฟิสิกส๑จานวนท้ังหมด 15 คน เคร่ืองมือท่ีใช๎ในการวิจัยครั้งนี้คือแบบสัมภาษณ๑ลักษณะก่ึงมี โครงสรา๎ งและแบบการศึกษาความคดิ เหน็ ทงั้ นี้ผเ๎ู ช่ยี วชาญจานวนสามทาํ นได๎ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือจาก การประเมินความสอดคล๎องของข๎อคาถามและวัตถุประสงค๑ ซ่ึงได๎คําสอดคล๎องของแตํละรายข๎ออยูํระหวําง 0.67-1.00 วเิ คราะห๑ขอ๎ มลู การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพโดยการวเิ คราะหเ๑ น้อื หา และวิเคราะหข๑ ๎อมลู การวิจัยเชิงปรมิ าณ โดยใช๎สถิติเชงิ บรรยาย ได๎แกคํ ําเฉล่ียเลขคณิตและสํวนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ผลการวิจัยพบวํา 1) การบูรณา การเทคโนโลยีสารสนเทศรวํ มกบั ส่อื สังคมออนไลน๑เพือ่ การจดั การเรยี นร๎ูทาให๎เกดิ ประโยชน๑สูงสุดสามประเด็น หลกั คือ 1.1) สามารถลดคาํ ใช๎จํายในการบรหิ ารจดั การเรียนรู๎ 1.2) สามารถยกระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ตามศักยภาพของผู๎เรียนได๎ และ 1.3) สามารถสํงเสริมให๎ผู๎เรียนทุกคนเกิดการเรียนร๎ูแบบท่ีมีผ๎ูเรียนเป็น ศนู ย๑กลาง และ 2) ผลการศกึ ษาความคิดเหน็ ของผ๎เู รียนมคี ําเฉลี่ย 4.35 และสํวนเบ่ียงเบนมาตราฐาน 0.46 อยูํ ในระดับมาก คาสาคัญ: เทคโนโลยสี ารสนเทศ, สอ่ื สังคมออนไลน๑, การจดั การเรยี นร๎ู การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 24

ABSTRACT This research aimed to study 1) the integration of information technology and online social media for learning management of Baankanbin Ajarn-Nix School, and 2) to assess the opinion of students about using the integration of information technology and online social media in this school. The participants were the fifteen students who enrolled in Physics Course. There were two research instruments in this study: 1) the semi-structured interview form, and 2) the opinion assessment form. The IOC value was between 0.67 – 1.00 by three experts in educational studies. The data analysis was divided into two parts: 1) qualitative data were analyzed by content analysis, and 2) quantitative data were analyzed by arithmetic mean and standard deviation. The results were shown as follows: 1) The benefits of using the integration of information technology and online social media for learning management in this school were revealed in three aspects: 1.1) to reduce the cost of learning management, 1.2) to increase the students’ learning achievement scores by their potential, and 1.3) to promote and encourage all students to have the student-centered learning, 2) The assessment of students’ opinion was in the high level (mean =4.35, S.D.=0. 46). KEYWORDS: Information technology, Online social media, Learning management บทนา ในชํวงทศวรรษที่ผํานมา กระแสการเข๎าถึงโลกแหํงเทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยําง รวดเรว็ มาก ซึง่ ความก๎าวหนา๎ ทางวิทยาศาสตร๑และเทคโนโลยีน้ี ทาให๎คนทั่วไปสามารถเข๎าถึงและรับรู๎ข๎อมูล ขําวสารไดอ๎ ยํางสะดวก รวดเร็ว ไรข๎ ๎อจากัดเร่อื งเวลาและสถานที่ ภาครัฐและภาคเอกชนจึงได๎พยายามปรับตัว เพื่อรองรบั การเขา๎ สูยํ ุคไทยแลนด๑ อยาํ งเต็มรูปแบบ 4.0ดงั นนั้ การเตรียมคนใหม๎ ีความพร๎อมเกย่ี วกบั การรับมอื เรื่องการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศในศตวรรษที่ 21 จึงมีความสาคัญอยํางย่ิง ท้ังน้ีแผนพัฒนา การศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 12 พ.ศ. 2560 -2564 จึงเป็นแผนแมํบทหลักในการสํงเสริมและ สนับสนุนการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศให๎เป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาการศึกษา เพ่ือให๎ก๎าวทันตํอการ เปล่ียนแปลงในประชาคมโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560, น. 10-17) ฉะนั้นการพัฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศจึงมีสํวนอยํางสาคัญอยํางมากตํอการพัฒนาระบบการศึกษาไทย ซึ่ง ณ ป๓จจุบันเทคโนโลยี สารสนเทศและสอื่ สงั คมออนไลนไ๑ ด๎ถูกนามาใช๎สนับสนนุ การจดั การเรยี นรู๎ของการศกึ ษาในระบบและการศึกษา นอกระบบ โดยเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสงั คมออนไลน๑นีไ้ ดร๎ บั การศึกษา การวิจัย เพ่ือการนาไปใช๎ให๎เกิด ประโยชน๑ และพฒั นาประสทิ ธภิ าพเพื่อกอํ ให๎เกิดประสทิ ธผิ ล ในการตอบสนองตํอวัตถุประสงค๑ทางการศึกษา ไทยได๎เป็นอยํางดี (กัญจน๑ ผลภาษี, 2554; เอกราช เครือศรี และคณะ, 2558; Ua-Umakul and Chaiwatchatuphon, 2017) การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 25

เมือ่ เป็นเชนํ น้ันจึงสอดคล๎องกบั พระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติ พุทธศักราช 2542 แก๎ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ที่ 3) พุทธศักราช 2553 หมวดที่ 4 มาตราที่ 22-24 วาํ ด๎วยการจัดการศกึ ษา จาเป็นตอ๎ งยดึ หลกั ใหผ๎ ๎ูเรียน ทุกคนมีความสามารถในการเรียนร๎ูและพัฒนาตนเองได๎ และถือวําผ๎ูเรียนมีความสาคัญท่ีสุด นอกจากน้ี กระบวนการจัดการเรียนร๎ูต๎องสํงเสริมให๎ผู๎เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ หมวดท่ี 5 มาตราที่ 39-43 ที่วําด๎วยเรอ่ื งการบรหิ ารจัดการศึกษาโดยรวมมีทั้งหมด 4 ด๎าน คืองานวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบคุ คล การบริหารท่ัวไป และหมวดท่ี 9 มาตราท่ี 64-67 วําดว๎ ยรฐั ตอ๎ งสํงเสริมใหม๎ ีการวิจัยและ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา นวัตกรรมการศึกษา รวมท้ังการติดตามและประเมินผลการใช๎ เทคโนโลยีสารสนเทศนนั้ ๆ เพือ่ กอํ ให๎เกดิ การนาไปใช๎ท่คี มุ๎ คาํ และเหมาะสมกบั การจดั การเรียนรู๎เพื่อประชาชน คนไทย (ราชกจิ จานเุ บกษา, 2553) ด๎วยหลักดังกลําวทาให๎เห็นได๎วําผ๎ูบริหารโรงเรียนต๎องมีค วามสามารถในการเลือกใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศดา๎ นตํางๆ อยาํ งถกู ตอ๎ งและเหมาะสมกับผูเ๎ รยี น ซ่ึงการบริหารการศึกษาท่ีกลําวมาได๎ระบุถึงเกณฑ๑ การบริหารเรือ่ งการจดั การโรงเรียนไว๎ 4 ด๎านได๎แกํ งานวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการ บรหิ ารทว่ั ไป โดยทส่ี ามารถแยกเปน็ ข๎อยอํ ยในการบริหารโรงเรียนไวท๎ ัง้ หมด 7 ด๎าน คอื 1) ดา๎ นพฒั นาหลักสตู ร และการจัดการเรียนรู๎ 2) ด๎านอาคารสถานที่ และส่ิงแวดล๎อม 3) ด๎านบริหารกิจการนักเรียน งานรับและ ลงทะเบียนนักเรียน 4) ด๎านการสอ่ื สารและสงํ เสริมการตลาด 5) ด๎านธุรการและบริหารทั่วไป 6) ด๎านบริหาร ทรพั ยากรบุคคล และ 7) ด๎านความสัมพนั ธช๑ มุ ชนและสังคมภายนอก (ราชกจิ จานุเบกษา, 2553; ทิพวัลย๑ นนท เภท, 2559; เอกอมร เอ่ยี มศริ ริ กั ษ๑ และคณะ, 2556) ทั้งนเี้ พอื่ กอํ ให๎เกิดการตอบสนองตํอทิศทางการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยตามที่ได๎อ๎างถึงใน แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 12 พ.ศ. 2560 -2564 และพระราชบัญญัติการศึกษา แหงํ ชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 แก๎ไขเพ่มิ เติม (ฉบับที่ 3) พุทธศกั ราช 2553 ข๎างตน๎ โรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑ นิก ซ่ึงเปน็ โรงเรยี นนอกระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ประเภทกวดวิชาทางด๎านการ เรียนการสอนเก่ยี วกับการบรหิ ารจดั การทาํ อากาศยาน การควบคมุ จราจรทางอากาศ และการซํอมบารงุ อากาศ ยาน โรงเรียนบ๎านการบนิ อาจารย๑นกิ มีโรงเรยี นในสังกดั ท้ังหมด 6 แหํง ต้งั อยํูใน 6 จังหวัด ได๎แกํ 1) เชียงใหมํ 2) ลาปาง 3) กรงุ เทพมหานคร 4) สุราษฎรธ๑ านี 5) นครศรธี รรมราช และ 6) สงขลา เมื่อโรงเรียน ฯ ตั้งอยูํใน หลายจงั หวดั จงึ ทาใหเ๎ กิดปญ๓ หาและขอ๎ จากดั ในดา๎ นระยะทาง ด๎านเวลาในการเรียนการสอน ด๎านการพัฒนา วชิ าการ และด๎านการควบคุมคุณภาพในการจัดการเรียนร๎ูที่ขาดความตํอเน่ือง ทางโรงเรียน ฯ มีความเข๎าใจ และเหน็ ถึงความสาคัญของป๓ญหา จงึ เกิดแนวคิดการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศและสอื่ สังคมออนไลนเ๑ ขา๎ มาใชใ๎ น งานบริหารการศึกษาอยํางจรงิ จังเร่อื งการพัฒนางานวิชาการและการจัดการเรียนร๎ู ท่ีมีแนวโน๎มการขยายตัว อยาํ งตํอเนอื่ ง (โรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นกิ , 2560) ซึ่งกระบวนการจัดการเรียนร๎ูน้ีมีหลากหลายวิธีเพ่ือให๎ ผเ๎ู รียนไดร๎ บั ประโยชน๑จากการเรยี นมากทส่ี ดุ ทางโรงเรียน ฯ จงึ บูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคม ออนไลน๑รํวมกนั เพือ่ นามาใชส๎ นบั สนุนการจดั การเรยี นรู๎ เชนํ การจดั การเรียนรู๎โดยผํานการใชร๎ ะบบเทคโนโลยี การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 26

การเรียนทางไกล (Video Conference) ที่มจี ดุ เดํนอยทํู ี่ผส๎ู อนและผ๎เู รียนสามารถมองเห็นกันเสมือนวําอยํูใน สถานท่ีเดียวกัน ทาให๎สามารถรับรู๎การแสดงออกทางสีหน๎า ทําทาง ได๎อยํางชัดเจน การประมวลผลแบบ แบํงป๓นทรัพยากรผํานเครือขํายลักษณะคอมพิวเตอร๑คลาวด๑ (Cloud Computing) และการเรียนรู๎ผํานสื่อ สังคมออนไลน๑ท่ีนาเข๎ามาชํวยสนับสนุนการสอนของอาจารย๑ เพ่ือเปิดโอกาสให๎ผู๎เรียนได๎ทบทวนเนื้อหาที่ เก่ียวข๎องกับการเรียนผาํ นเครอื ขาํ ยสงั คมบนอนิ เตอรเ๑ น็ท รวมถงึ การแลกเปล่ียนความรู๎กับเพ่ือนๆ ผํานระบบ ออนไลนไ๑ ดอ๎ ยํางทันทํวงที (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560; กัญจน๑ ผลภาษี, 2554; ฉลองรัตน๑ เสนาะเสียง และ คณะ, 2559; ทรงลักษณ๑ สกุลวิจิตร๑สินธุ, 2560; Honeychurch and Ahmed, 2015; Ua-Umakul and Chaiwatchatuphon, 2017) ดังนน้ั การบูรณาการใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศและสอ่ื สังคมออนไลนน๑ ้ี จึงเปน็ สํวน ทีส่ ามารถชํวยสํงเสรมิ ในเรือ่ งการจดั การเรียนร๎ใู ห๎สมบูรณเ๑ ตม็ ประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ขน้ึ การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและสอ่ื สงั คมออนไลน๑ จงึ มีบทบาทสาคัญตํอการพฒั นา ปรบั ปรงุ และ สํงเสริมกิจกรรมตําง ๆ ของโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก ซึ่งตรงกับหลักการและแนวคิดของ กัญญรัตน๑ อํอนศรี (2553) และ ศิริวัฒน๑ เปล่ียนบางยาง (2558) ท่ีได๎กลําวไว๎ในทิศทางเดียวกันวําการนาเทคโนโลยี สารสนเทศและการสอ่ื สารทุกประเภทมาชํวยในการปฏิบัติงานและการบริหารงานนั้น ยํอมต๎องมีการพัฒนา ความร๎ูความสามารถของผู๎บริหาร ผ๎ูสอน และเจ๎าหน๎าที่ควบคํูกันไป เพื่อให๎การปฏิบัติงานเป็นไปอยํางมี ประสิทธิภาพและกํอให๎เกิดประสิทธิผลตํอผู๎เรียนในเชิงประจักษ๑มากท่ีสุด โดยเฉพาะอยํางยิ่งกระแสของ เทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคมออนไลน๑ครั้งนี้ กํอให๎เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายส่ิงหลายอยําง ทั้งใน ชวี ิตประจาวนั การเรยี น และความสัมพันธร๑ ะหวาํ งบคุ คล ฯลฯ ซึ่งในงานวชิ าการกเ็ ชํนเดียวกนั กระแสของของ เทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคมออนไลน๑ สามารถกํอให๎เกิดการเปล่ียนแปลงอยํางก๎าวกระโดดในยุค การศกึ ษาไทยแลนด๑ 4.0 ได๎ นอกจากน้ีราชบัณฑิตยสถานได๎บัญญัติคาเพื่อความเข๎าใจตรงกันของทุกภาคสํวน ในงานวิจัยนี้มี ทั้งหมด 4 คา คือ Information, Technology, Social Network, Social Media ซึ่งราชบัณฑิตยสถานได๎ ระบุคาวํา Information หมายถงึ การแสดงหรือชีแ้ จงขําวสารขอ๎ มูลตําง ๆ Technology หมายถึงวิทยาการท่ี นาเอาความร๎ูทางวิทยาศาสตร๑มาใช๎ให๎เกิดประโยชน๑ในทางปฏิบัติ Social Network ใช๎คาไทยวํา เครือขําย สังคม ที่หมายถงึ กลํมุ บุคคลผต๎ู ดิ ตํอสือ่ สารกันโดยผาํ นสือ่ สงั คม นอกจากจะสงํ ขําวสารขอ๎ มลู แลกเปลี่ยนกนั แลว๎ ยังอาจจะรํวมกันทากิจกรรมที่สนใจด๎วยกัน สํวนคาวํา Social Media ใช๎คาไทยคือ ส่ือสังคม หมายถึงส่ือ อิเลก็ ทรอนกิ ส๑ ใชเ๎ ป็นสอื่ กลางทีใ่ ห๎บคุ คลท่วั ไปมีสวํ นรวํ มสร๎างและแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ตํางๆ ผํานอินเทอร๑ เนท็ ได๎ (ผจ๎ู ดั การออนไลน๑, 2554; ราชบัณฑติ ยสถาน, 2554; Aroonpiboon, 2012) การบริหารการศึกษา การจัดการเรียนรู๎ ด๎วยการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคม ออนไลน๑น้ี จึงเป็นการสํงเสริมให๎ผู๎บริหาร อาจารย๑ และผ๎ูเรียน ได๎เรียนร๎ูผํานระบบเทคโนโลยีเครือ ขําย คอมพิวเตอรอ๑ นิ เทอรเ๑ นท็ ระบบปฏิบัติการตาํ งๆในสมารท๑ โฟน แท็บเลต็ รวํ มกันได๎ การเรียนรู๎ผํานเน้ือหาของ บทเรียนซึ่งประกอบด๎วย เอกสาร ข๎อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และ มัลติมีเดียตําง ๆ จึงจัดได๎วําเป็นสื่อ การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 27

ประสมออนไลนท๑ ่ถี ูกนามาบรู ณาการการเรยี นการสอนเขา๎ ไวด๎ ๎วยกนั ไดเ๎ ปน็ อยํางดี ซึง่ การใชส๎ ื่อประสมรูปแบบ เครอื ขํายออนไลน๑นี้ ถือได๎วําเป็นการชํวยในเรื่องการประมวลผลสารสนเทศของผ๎ูเรียนในการเรียนรู๎ดีขึ้น ได๎ (เอกราช เครือศรี และคณะ, 2558; Sorana, 2011) จากทีม่ าและความสาคัญของป๓ญหาท่ีได๎กลําวมาทั้งหมด ผวู๎ ิจยั จึงมคี วามตอ๎ งการศกึ ษาเรอ่ื งการบรู ณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคมออนไลน๑เพื่อการจัดการ เรียนร๎ูของโรงเรียนบ๎านการบนิ อาจารยน๑ กิ วัตถุประสงคข์ องการวิจัย 1. เพื่อศึกษาการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคมออนไลน๑เพื่อการจัดการเรียนร๎ู ของ โรงเรยี นบา๎ นการบนิ อาจารย๑นกิ 2. เพ่ือศึกษาความคิดเห็นของผ๎ูเรียนจากการใช๎การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคม ออนไลน๑ของโรงเรียนบา๎ นการบนิ อาจารยน๑ ิก ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั 1. ได๎ทราบผลการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคมออนไลน๑เพ่ือการจัดการเรียนร๎ู ของ โรงเรยี นบา๎ นการบนิ อาจารย๑นกิ 2. ไดท๎ ราบผลการศึกษาความคดิ เห็นของผเ๎ู รยี นจากการใชก๎ ารบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่อื สงั คมออนไลน๑ของโรงเรยี นบา๎ นการบินอาจารยน๑ ิก วธิ ดี าเนินการวิจยั วิธีดาเนนิ การวจิ ัยในครง้ั น้ีเปน็ งานวจิ ัยเชงิ ผสมผสาน (Mixed Methods Research) ระหวํางการวิจัย เชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ ซ่ึงได๎ข๎อมูลเชิงคุณภาพจากผ๎ูให๎ข๎อมูลหลัก (Key Informants) และได๎ ข๎อมูลเชงิ ปริมาณจากการศกึ ษาความคิดเห็นท่ีได๎จดั ทาในลกั ษณะคาํ การประเมิน 5 ระดบั ประชากรคือผ๎ูเรียน วิชาฟิสิกส๑ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2560 ทงั้ หมด 15 คน ซงึ่ ไดเ๎ ลอื กทกุ หนวํ ยของประชากร โดยอ๎างอิงและ ประยุกต๑การเลอื กประชากรของ Krejcie and Morgan, 1970 เครือ่ งมือการวิจัยได๎แกํ 1) แบบสัมภาษณ๑ลักษณะ กึ่งมีโครงสรา๎ งตอํ ผใ๎ู ห๎ขอ๎ มูลหลัก และ 2) แบบการศกึ ษาความคิดเหน็ ของผู๎เรยี นวิชาฟสิ ิกส๑จากการใช๎การบรู ณา การเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสงั คมออนไลน๑ของโรงเรยี นบา๎ นการบินอาจารย๑นกิ ซึง่ เครือ่ งมอื ชุดนปี้ ระยุกต๑ จากงานวิจยั ของกัญจน๑ ผลภาษี, 2554 ทัง้ นี้ไดเ๎ ริม่ ดาเนินการวจิ ัยในภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2560 ระหวาํ งเดือน ตุลาคม - ธันวาคม พ.ศ. 2560 และเก็บข๎อมูลตั้งแตํวันท่ี 22 - 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560 รวมเป็นระยะเวลา 3 วัน ชํวงเวลา 10.30 – 11.30 น. วนั ละ 60 นาที ซง่ึ การดาเนนิ งานด๎านการเก็บข๎อมูลมที ้ังหมด 5 ขั้น ดังน้ี 1) วันท่ี 15 ธนั วาคม 2560 ทาการตดิ ตํอผ๎บู รหิ ารโรงเรยี นบา๎ นการบนิ อาจารย๑นกิ ผาํ นจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส๑ 2) วนั ท่ี 22 ธนั วาคม 2560 ได๎รบั อนุญาตใหด๎ าเนนิ การเก็บข๎อมูลวิจัย 3) วันที่ 23 ธันวาคม 2560 นาจดหมายฉบับจริงสํงให๎ฝุายบริหาร โรงเรียนบา๎ นการบนิ อาจารย๑นกิ 4) วนั ท่ี 23 - 24 ธันวาคม 2560 ทาการเลอื กประชากรทต่ี ๎องใช๎ในการวิจัย 5) การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 28

ทาการเก็บรวบรวมข๎อมูล และเม่อื ทาการเก็บขอ๎ มลู การวิจัยเสร็จส้นิ จงึ นาผลที่ได๎มาทาการวิเคราะห๑และแปล ผลตํอไป การสรา้ งเครื่องมือการวจิ ยั ผู๎วิจัยสามารถแสดงการสร๎างเคร่ืองมือการวิจัยได๎ทั้งหมด 4 ข้ันตอน ดังน้ี 1) ศึกษาแผนพัฒนา การศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 12 พ.ศ. 2560 -2564 และศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เก่ียวข๎อง 2) ออกแบบเคร่อื งมือการวจิ ยั ซง่ึ เปน็ แบบสมั ภาษณ๑ลักษณะกง่ึ มโี ครงสรา๎ งตอํ ผูใ๎ ห๎ขอ๎ มลู หลัก จานวนทั้งหมด 5 ข๎อ และแบบการศึกษาความคดิ เหน็ ของผู๎เรียนวิชาฟิสิกส๑จากการใช๎การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือ สังคมออนไลน๑ของโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก จานวน 7 ข๎อ 3) นาเครื่องมือวิจัยท่ีสร๎างข้ึนไปให๎ ผู๎เช่ียวชาญในสาขาการศึกษาจานวน 3 ทําน ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือด๎านความเที่ยงตรงของเนื้อหาที่ นามาใช๎ในงานวิจัย โดยใช๎การประเมินคําความสอดคล๎องของข๎อคาถามและวัตถุประสงค๑ ( Index of Item- Objective Congruence: IOC) ไดค๎ าํ สอดคล๎องของแตลํ ะรายข๎ออยรูํ ะหวาํ ง 0.67-1.00 4) นาเครื่องมือวิจัยท่ี ผํานการตรวจสอบคณุ ภาพแล๎ว ไปทดลองใช๎เคร่อื งมือ (try out) กบั ผ๎เู รียนทม่ี ีความใกล๎เคียงกบั ประชากร และ ทาการเกบ็ รวบรวมขอ๎ มูลตอํ ไป การวเิ คราะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห๑ข๎อมูลในการวิจัยครั้งนี้ แบํงเป็น 2 สํวน คือ 1) วิเคราะห๑ข๎อมูลเชิงคุณภาพจากการ สัมภาษณ๑ลักษณะกึ่งมีโครงสร๎างกับผู๎ให๎ข๎อมูลหลักจานวน 3 คน โดยทาการวิเคราะห๑เน้ือหา (Content Analysis) และแสดงการรายงานผลแบบการบรรยายในตาราง 2) วิเคราะห๑ข๎อมูลเชิงปริมาณจาก แบบ การศกึ ษาความคดิ เหน็ ของผเู๎ รยี นกลมุํ วชิ าฟสิ กิ ส๑จากการใชก๎ ารบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคม ออนไลนข๑ องโรงเรยี นบ๎านการบินอาจารยน๑ กิ ดว๎ ยการใช๎สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) คือ คําเฉลี่ย และสํวนเบี่ยงเบนมาตราฐาน โดยการวิเคราะห๑ได๎เลือกใช๎เกณฑ๑การวัดของเบสท๑ (Best, 1977) ซึ่งมี รายละเอียดดังนี้ คือ คําเฉลี่ยระหวําง 4.50-5.00 หมายถึง ระดับมากท่ีสุด คําเฉล่ียระหวําง 3.50-4.49 หมายถึง ระดับมาก คําเฉลี่ยระหวําง 2.50-3.49 หมายถึง ระดับปานกลาง คําเฉลี่ยระหวําง 1.50-2.49 หมายถงึ ระดับนอ๎ ย คาํ เฉลยี่ ระหวําง 1.00-1.49 หมายถึง ระดับนอ๎ ยทสี่ ดุ สรุปผลการวิจยั และอภปิ รายผล ผลการศึกษาคร้ังน้ีมีท้ังหมด 2 สํวน ได๎แกํ 1) สรุปผลการวิจัยจากแบบสัมภาษณ๑ลักษณะกึ่งมี โครงสรา๎ งจานวนทงั้ หมด 5 ขอ๎ เพอื่ ตอ๎ งการทราบแนวทางการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคม ออนไลนม๑ าใชใ๎ นโรงเรียนบ๎านการบินอาจารยน๑ ิก ซึ่งสามารถแสดงการรายงานผลในรูปแบบตารางบรรยายการ วเิ คราะหเ๑ นอื้ หา ดังตอํ ไปนี้ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 29

ตารางท่ี 1 การรายงานผลจากแบบสัมภาษณ๑ลกั ษณะกึง่ มีโครงสรา๎ งจานวนทง้ั หมด 5 ขอ๎ ประเด็นขอ๎ คาถาม การวิเคราะหเ๑ นอื้ หาจากผ๎ูใหข๎ อ๎ มลู หลัก 1) โรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑ โรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก มีการบูรณาการ นิกมีการบูรณาการเทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคมออนไลน๑ มาใช๎ในโรงเรียน สารสนเทศและส่ือสังคมออนไลน๑ ผํานการเชื่อมตํอของระบบปฏิบัติการตํางๆ เชํน การ มาใช๎ในโรงเรียนหรือไมํมี โปรด ถํายทอดสดเม่ือมีการเรียนการสอนทางไกล ( Video อธบิ าย Conference) การเก็บข๎อมูลและแบํงป๓นทรัพยากรทาง วิชา การ ตํา งผํา นระ บบ คอม พิวเ ตอ ร๑คล าวด๑ ( Could Computing) เชํน กูเก้ิลไดร๑ฟ เฟสบ๎ุค ไลน๑ ยูทูป และทวิต เตอร๑ เปน็ ตน๎ 2) เพราะเหตุใดจึงต๎องมีการนา เน่ืองจากสังคมป๓จจุบันนี้เป็นสังคมยุคการศึกษาไทย เทคโนโลยสี ารสนเทศบูรณาการกบั แลนด๑ 4.0 เป็นยุคท่ีข๎อมูลขําวสารตํางๆสามารถสํงให๎กัน ส่ือ สั ง คม อ อ น ไล น๑ เ พ่ื อ ใช๎ ใน แบํงป๓นกันได๎อยํางรวดเร็ว จึงทาให๎ทางโรงเรียนบ๎านการบิน โรงเรียนบา๎ นการบนิ อาจารย๑นกิ อาจารย๑นกิ มกี ารประชมุ วางแผนงาน นาเทคโนโลยีสารสนเทศ บรู ณาการกบั สื่อสังคมออนไลน๑มาใชใ๎ นโรงเรียน เพ่ือให๎งํายตํอ การบริหารจัดการด๎านหลักสูตร ด๎านการจัดการเรียนรู๎ และ อานวยความสะดวกตํออาจารย๑ผสู๎ อน ผูเ๎ รียนในวิชาตํางๆ รวม ไปถึงการแจ๎งขาํ วสารและกจิ กรรมของโรงเรียนตํอผ๎ูปกครอง 3) ทํานคิดวําการบูรณาการ จดุ เดนํ ในดา๎ นการจดั การเรยี นร๎ขู องโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑ เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อ นิก มีทั้งหมด 6 ประเด็น คือ 1) สามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุกับ สัง คมออนไลน๑รํวมกัน มี ผ๎ูเรียนระหวํางการเดินทาง เชํนในบางวิชาผู๎เรียนสามารถเรียนผํานส่ือ จุดเดํนในด๎านการจัดการ สงั คมออนไลน๑ได๎ซง่ึ ทางโรงเรยี นสามารถตรวจสอบการเข๎าเรียนได๎ทนั ที จึง เ รี ย น ร๎ู ( Learning ทาใหผ๎ ๎ูเรยี นไมตํ ๎องเดินทางมาที่โรงเรียนในวันน้ันๆ 2) ในกรณีที่ผู๎สอนไมํ Management) อยาํ งไร สามารถเดนิ ทางมาสอนท่โี รงเรียนได๎ ทางโรงเรียนสามารถใช๎การเรียนการ สอนทางไกล (Video Conference) ควบคํูไปกับการถํายทอดสดผํานส่ือ สังคมออนไลน๑ 3) สามารถลดภาระคําใช๎จํายด๎านวิชาการให๎กับผ๎ูเรียน ผู๎ปกครอง เชนํ การแนบไฟล๑เอกสารประกอบการบรรยาย หรือการให๎ QR code กับผู๎เรียนค๎นหาความร๎ูเพ่ิมเติม 4) สามารถแจ๎งข๎อมูลขําวสาร วิชาการ เกี่ยวกับการเรียนร๎ูในแตํละบทเรียนได๎อยํางสะดวก รวดเร็ว เพราะเปน็ การจัดการเรยี นร๎ูที่สามารถโต๎ตอบกันได๎ทันที 5) สามารถชํวย สรา๎ งบรรยากาศในการเรยี นการสอนใหเ๎ ป็นไปอยํางสนุกสนาน เสริมสร๎าง สมั พนั ธท๑ ีด่ ีระหวาํ งผู๎สอนกับผูเ๎ รยี น ทาให๎ผเ๎ู รียนกลา๎ สอบถาม แลกเปล่ียน ความเห็นทางวชิ าการได๎มากข้ึนกวําแตํเดมิ และ 6) สามารถจดั การเรียนรู๎ ที่มีผู๎เรียนเป็นศูนย๑กลาง พร๎อมทั้งสํงเสริมให๎ผ๎ูเรียนทุกคนสามารถใช๎ อุปกรณส๑ มารท๑ โฟนท่มี ีอยํใู ห๎เกดิ ประโยชน๑สงู สุด การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 30

ประเดน็ ข๎อคาถาม การวิเคราะห๑เนอ้ื หาจากผ๎ใู ห๎ข๎อมลู หลกั 4) ทํานคิดวําสามารถนา สามารถนาการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคม การบูรณาการเทคโนโลยี ออนไลน๑มาใช๎ในการจัดการเรียนร๎ูได๎อยํางมีประสิทธิภาพและเห็น สารสนเทศและสื่อสัง คม ประสิทธผิ ลอยาํ งชัดเจนในเรือ่ งการยกระดับผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ดังน้ี ออนไลน๑ มาใช๎ในการจัดการ 1) ใช๎เพ่ือทบทวนบทเรียนประจาสัปดาห๑ เชํน การอัดคลิปการเรียนการ เรียนรไ๎ู ดอ๎ ยาํ งไร สอนไวแ๎ ลว๎ ให๎ผ๎เู รยี นเข๎าใชส๎ ่อื สงั คมออนไลนเ๑ พ่ือดูย๎อนหลัง 2) ใช๎เพ่ือแจ๎ง ขําวของบทเรียนท่ีกาลังศึกษาผําน Video Conference 3) ใช๎เพื่อเปิด โอกาสให๎ผเู๎ รยี นสามารถซักถาม โตต๎ อบข๎อสงสัยเพิ่มเติมระหวํางการเรียน การสอน 4) ใช๎เพื่อกํอให๎เกิดการอภิปรายรํวมกันระหวํางครูผ๎ูสอนกับ ผู๎เรียน ผู๎เรียนกับผ๎ูเรียนเอง เชํน การเขียนประเด็นคาถามไว๎ท่ีหน๎าแรก ของส่ือสงั คมออนไลน๑ แลว๎ ให๎ผ๎เู รยี นเข๎ามารํวมแสดงความคิดเห็น และ 5) ใช๎เพ่ือกํอให๎เกิดการสร๎างสรรค๑ผลการเรียนรู๎รํวมกัน เชํนการแบํงป๓น ความรห๎ู รือทรัพยากรทางการศึกษาจากแหลํงข๎อมูลความร๎ูจากภายนอก ห๎องเรยี นผํานระบบคอมพวิ เตอร๑คลาวด๑ (Could Computing) เปน็ ตน๎ 5) โดยสรุปภาพรวมของการบูรณา ภาพรวมของการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและ การเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือ สอ่ื สงั คมออนไลนม๑ าใช๎ในโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิกครั้งนี้ สังคมออนไลน๑มาใช๎ในโรงเรียน กํอให๎เกดิ ประโยชนส๑ ูงสดุ คือ 1) สามารถลดคําใช๎จํายตํางๆใน บา๎ นการบนิ อาจารย๑นิก ทํานคิดวํา การบริหารจัดการเรียนร๎ู เชํน คําเดินทาง คําเอกสาร ทาให๎เกิดประโยชน๑สูงสุดจากการ ประกอบการบรรยาย เนื่องจากระบบ Video Conference ใช๎ครง้ั นีใ้ นด๎านใด เพราะอะไร ระบบคอมพิวเตอรค๑ ลาวด๑ (Could Computing) และส่ือสงั คม ออนไลน๑ สามารถแบํงป๓นข๎อมูลขําวสาร เอกสารตํางๆ ให๎กับ ผูเ๎ รียนไดอ๎ ยํางทนั ทวํ งที และทสี่ าคญั อีกประการหนึง่ คอื การลด อตั ราความเสย่ี งจากอุบตั เิ หตุขณะเดนิ ทาง 2) สามารถยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามศักยภาพของผู๎เรียนได๎ และ 3) สามารถสํงเสริมใหผ๎ ู๎เรยี นทกุ คนมีสํวนรวํ มในการเรียนการสอน และเกดิ การเรียนร๎แู บบทมี่ ีผู๎เรียนเปน็ ศูนย๑กลางมากทสี่ ดุ จากตารางที่ 1 สามารถสรุปไดว๎ ํา การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศรํวมกับสื่อสังคมออนไลน๑เพื่อ การจดั การเรียนรท๎ู าให๎เกิดประโยชน๑สงู สดุ สามประเด็นหลัก คอื 1.1) สามารถลดคําใช๎จํายในการบริหารจัดการ เรียนร๎ู 1.2) สามารถยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นตามศักยภาพของผเ๎ู รยี นได๎ และ 1.3) สามารถสงํ เสริมให๎ ผู๎เรียนทุกคนเกิดการเรยี นร๎ูแบบท่ีมีผ๎เู รียนเป็นศูนยก๑ ลาง 2) สรุปผลการวิจัยจากการศึกษาความคิดเห็นของผ๎ูเรียนวิชาฟิสิกส๑จากการใช๎การบูรณาการ เทคโนโลยสี ารสนเทศและส่ือสงั คมออนไลน๑ของโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก จานวน 7 ข๎อ ทาการศึกษา การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 31

เมอื่ วนั ท่ี 23 - 24 ธันวาคม 2560 เวลา 10.30 - 11.30 น. ซึ่งสามารถแสดงการรายงานผลในรูปแบบตาราง ดังตํอไปน้ี ตารางที่ 2 การรายงานผลการศกึ ษาความคดิ เห็นของผูเ๎ รียนวิชาฟิสิกส๑จากการบูรณาการเทคโนโลยี สารสนเทศและสือ่ สงั คมออนไลนข๑ องโรงเรยี นบา๎ นการบนิ อาจารย๑นิก N=15 ผ๎ูเรียน ข๎อที่ คาํ เฉลี่ย S.D. แปลผล คนท่ี 1 5 5 4 4 5 5 4 4.57 0.53 มากที่สุด 2 5 5 5 5 5 5 5 5.00 0.00 มากท่ีสุด 3 4 4 3 3 4 4 5 3.86 0.69 มาก 4 4 4 4 4 4 5 5 4.29 0.49 มาก 5 5 4 4 3 4 4 5 4.14 0.69 มาก 6 5 4 4 3 4 5 5 4.29 0.76 มาก 7 5 4 3 5 5 5 5 4.57 0.79 มากทีส่ ดุ 8 5 5 5 4 5 5 5 4.86 0.38 มากทส่ี ุด 9 5 5 5 5 5 5 5 5.00 0.00 มากที่สุด 10 4 4 4 4 4 4 4 4.00 0.00 มาก 11 4 5 4 3 5 4 4 4.14 0.69 มาก 12 4 5 4 4 4 4 4 4.14 0.38 มาก 13 4 5 4 4 4 4 4 4.14 0.38 มาก 14 5 4 4 4 4 4 5 4.29 0.49 มาก 15 5 4 3 4 4 4 4 4.00 0.58 มาก รวมทั้งหมด 4.35 0.46 มาก จากตารางที่ 2 การรายงานผลการศึกษาความคิดเห็นผู๎เรียนวิชาฟิสิกส๑จากการใช๎การบูรณาการ เทคโนโลยีสารสนเทศและสอ่ื สงั คมออนไลนข๑ องโรงเรียนบ๎านการบนิ อาจารย๑นิกจานวน 15 คน สามารถสรุปได๎ วาํ ผลการศกึ ษาความคิดเหน็ มคี าํ เฉลยี่ 4.35 และสํวนเบยี่ งเบนมาตราฐาน 0.46 อยใูํ นระดบั มาก อภปิ รายผล การศกึ ษาวจิ ยั เกีย่ วกบั การบูรณาการเทคโนโลยสี ารสนเทศและสือ่ สงั คมออนไลน๑เพ่ือการจัดการเรียนร๎ู ของโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑ พบวํา 1) มีการบรู ณาการเทคโนโลยสี ารสนเทศและส่อื สงั คมออนไลนเ๑ พอื่ การ จัดการเรยี นร๎ูในโรงเรยี นผํานระบบปฏิบัติการตํางๆ เชํน การเรยี นการสอนทางไกล (Video Conference) การ เกบ็ ขอ๎ มูลและแบํงปน๓ ทรัพยากรทางวิชาการตํางผํานระบบคอมพิวเตอร๑คลาวด๑ ( Could Computing) กูเกิ้ล ไดร๑ฟ เฟสบ๎ุค ไลน๑ ยูทูป และทวิตเตอร๑ ซึ่งภาพรวมของการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคม การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 32

ออนไลน๑มาใช๎แลว๎ กอํ ให๎เกิดประโยชนส๑ งู สดุ 3 ประเดน็ หลกั คือ สามารถลดคําใชจ๎ าํ ยตํางๆในการบรหิ ารจัดการ เรียนร๎ู สามารถยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นตามศกั ยภาพของผู๎เรียนได๎ และสามารถสงํ เสริมให๎ผู๎เรียนทุก คนเกดิ การเรยี นรู๎แบบทม่ี ีผ๎ูเรยี นเป็นศูนยก๑ ลาง 2) ผลการศกึ ษาความคดิ เห็นมคี ําเฉลย่ี อยํูในระดับมาก ผลการวิจยั ทั้งหมดท่ีกลําวมาจึงสามารถอภิปรายได๎วํา การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือ สังคมออนไลน๑เพอื่ การจัดการเรียนร๎ูในคร้งั นี้ มคี วามเหมาะสมกบั สังคมการศกึ ษาป๓จจุบันท่ีอยํูในยุคการศึกษา เทคโนโลยสี ารสนเทศ 4.0 ซงึ่ สามารถชวํ ยทาให๎ผูเ๎ รยี นประหยัดคําใช๎จํายทางการศึกษา และได๎รับการจัดการ เรยี นร๎ผู าํ นเครือขํายอินเทอรเ๑ นท็ โดยการเขา๎ ใชร๎ ะบบปฏบิ ัตกิ ารตํางๆในคอมพิวเตอร๑ และสมาร๑ทโฟนรํวมกนั ได๎ ทั้งนเ้ี น้ือหาของบทเรียนนนั้ ๆ ประกอบไปดว๎ ย ข๎อความ รปู ภาพ เสียง วิดโี อ และ มัลติมีเดีย รูปแบบตํางๆ ซ่ึง การใช๎สื่อประสมน้ีเป็นการชํวยในการประมวลผลสารสนเทศของผู๎เรียนในการเรียนร๎ูดีขึ้นอยํางเป็นลาดับ (ฉลองรัตน๑ เสนาะเสียง และคณะ, 2559; ทรงลักษณ๑ สกุลวิจิตร๑สินธุ, 2560; เอกราช เครือศรี และคณะ, 2558; Honeychurch and Ahmed, 2015; Sorana, 2011) ซ่ึงมีความสอดคล๎องกับกัญญรัตน๑ อํอนศรี (2553) และศิริวัฒน๑ เปลยี่ นบางยาง (2558) ท่ไี ดก๎ ลาํ วไวใ๎ นทศิ ทางเดยี วกนั วําการนาเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสอื่ สารทกุ ประเภทมาชํวยในการปฏิบตั งิ านและบริหารงานนั้นกระทาเพ่ือให๎การปฏิบัติงานเป็นไปอยํางมี ประสิทธิภาพและกอํ ให๎เกดิ ประสทิ ธิผลเชิงประจกั ษ๑ได๎มากที่สุด นอกจากน้ีการบูรณาการเทคโนโลยสี ารสนเทศ และสือ่ สงั คมออนไลน๑เพอื่ การจดั การเรียนรู๎ ยงั กอํ ใหเ๎ กิดนวัตกรรมทางการศกึ ษาที่สงํ ผลดีตํอตัวผู๎เรียน เพราะ นวัตกรรมน้ีทาให๎ผ๎ูเรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียนร๎ู เกิดการเรียนรู๎ท่ีเพิ่มข้ึนอยํางรวดเร็ว จึงถือได๎วําเป็น นวตั กรรมทางการศกึ ษาท่ีตรงกบั การศึกษาไทยยคุ 4.0 อยํางแทจ๎ รงิ (เนาวนติ ย๑ สงคราม, 2557; Das, 2015) ขอ้ เสนอแนะ สาหรบั การศึกษาคร้ังน้มี ขี ๎อเสนอแนะทั้งหมด 2 ประเดน็ คือ 1) ขอ๎ เสนอแนะจากงานวจิ ัย ผ๎ูวิจัยพบวํา ทางโรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก ควรมี การอธิบายตํอผู๎เรียนให๎ทราบถึงเร่ืองวิธีการเข๎าใช๎งาน ระบบปฏิบตั ิการตาํ งๆทเี่ ก่ยี วขอ๎ งใหค๎ รบทกุ องค๑ประกอบ 2) ข๎อเสนอแนะในการทาวิจัยครั้งตํอไป ผ๎ูวิจัยพบวํา ควรมีการเปรียบเทียบการใช๎งานของระบบปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือสังคมออนไลน๑วํา ระบบปฏิบตั ิการใดมีความเหมาะสมมากทส่ี ดุ ในการนามาใช๎จดั การเรยี นร๎ขู องโรงเรยี นบา๎ นการบินอาจารย๑นิก กิตตกิ รรมประกาศ ผู๎วจิ ยั ขอขอบพระคณุ อาจารยป๑ รนิก แตงทองคา ผ๎บู รหิ ารโรงเรยี นบ๎านการบินอาจารย๑นกิ และผู๎เรียน ทกุ คนทสี่ ละเวลาทาแบบการศึกษาความคดิ เห็นในครัง้ น้ี ผ๎วู ิจยั ขอขอบคณุ ครอบครัวและกัลยาณมติ รทุกทํานที่ คอยสนบั สนนุ สงํ เสริมใหผ๎ ๎ูวจิ ัยสามารถสรา๎ งผลงานทางวชิ าการไดเ๎ ป็นอยํางดี การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 33

เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564). สืบค๎นจาก http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php? NewsID=47194& Key=news20 กัญจน๑ ผลภาษี. (2554). แนวทางการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ (Facebook) ในการเรียนการสอน. สืบค๎นจาก http://lib.dtc.ac.th/research/Gunn.pdf กัญญรัตน๑ ออํ นศร.ี (2553). การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของบุคลากรโรงพยาบาลชุมชน สังกัดกระทรวง สาธารณสุข จงั หวดั สระบุร.ี สบื คน๎ จาก http://libdoc.dpu.ac.th/thesis/141511.pdf ฉลองรัตน๑ เสนาะเสยี ง และคณะ. (2559). โครงงานนวัตกรรม Video Conferencing Anytime Anywhere. เอกสารการนาเสนอการประชมุ หวั ขอ้ โครงงานนวตั กรรม (น. 1-14). อัดสาเนา. ม.ป.ป. ทรงลกั ษณ๑ สกลุ วิจิตรส๑ นิ ธุ. (2560). การใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การเรียนรร๎ู ํวมกนั ทางออนไลน๑. Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทยสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และ ศิลปะ. 10(2), 437-450. ทิพวัลย๑ นนทเภท. (2559). การใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การบริหารสถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 3. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สาขามนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร.์ 3(1), 47-56. เนาวนิตย๑ สงคราม. (2557). การสร้างนวัตกรรม: เปลี่ยนผู้เรียนให้เป็นผู้สร้างนวัตกรรม (พิมพ์คร้ังที่ 2) . กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ๑มหาวทิ ยาลัย. ราชกิจจานุเบกษา. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 3) พทุ ธศกั ราช 2553. สบื ค๎น จาก http://ratchakitcha.soc.go.th ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554. สืบค๎นจาก http://www.royin.go.th/dictionary/index.php โรงเรียนบ๎านการบินอาจารย๑นิก. ( 2560). ข่าวสารและภาพบรรยากาศในชั้นเรียน. สืบค๎นจาก http://www.echo-aviation.com/ ศิริวัฒน๑ เปลี่ยนบางยาง. (2558). ประสิทธิผลของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติงานของ เ จ้ า ห น้ า ท่ี อ ง ค์ ก ร ปก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น . สื บ ค๎ น จ า ก https://www.tci- thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/view/47964/39796 เอกราช เครือศรี และคณะ. (2558). การใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานของผู๎บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 32. การประชุมวิชาการระดับชาติครั้งท่ี 2 สรา้ งสรรคแ์ ละพฒั นาเพอ่ื กา้ วหนา้ สู่ประชาคมอาเซียน (น. 202-210). นครราชสีมา: วิทยาลัย นครราชสีมา. เอกอมร เอย่ี มศิรริ กั ษ๑ และคณะ. (2556). กลยุทธ๑การบรหิ ารโรงเรยี นกวดวิชาเพ่ือสํงเสริมความรับผิดชอบตํอ สังคม. วารสารวชิ าการมหาวทิ ยาลัยอีสเทริ ์นเอเชยี . 3(2), 195-207. การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 34

Aroonpiboon, B. (2012). Social Media and Social Network. Retrieved from http://www.thailibrary.in.th/2012/01/10/socialmedia-social-network/ Best, J. W. (1977). Research in Education (3rd ed.). Englewood Cliffs. New Jersey: Prentice Hall, Inc. Das, M. (2015). Innovative Practices in Teacher Education: An Overview. International Research Journal of Interdisciplinary & Multidisciplinary Studies, 1(5), 15-18. Honeychurch, S. and Ahmed, S. (2015). Using Social Media to Promote Deep Learning and Increase Student Engagement. Retrieved from http://eprints.gla.ac.uk/132368 /1/132368.pdf Krejcie, R. V. and Morgan, E. W. (1970). Educational and Psychological Measurement. US: SAGE Publications. Sorana, W. (2011). Integration of teaching and learning by Social Network. Retrieved from http://www.social.rbru.ac.th/pageNew/research/budget%20year%2054/11.Integratio n%20of%20teaching%20and%20learning%20by%20Social%20Network.pdf Ua-Umakul, A. and Chaiwatchatuphon, O. (2017). The Application of Online Social Media in a Thai Tutorial School: A Case Study of Echo Aviation, Thailand. International Journal of Educational Science and Research, 7(6), 123-130. การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 35

การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทางภาษาโดยใช้นวัตกรรมการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบเปิด (Open Approach) ในรายวิชา ภาษาอังกฤษ สาหรบั นักเรียนในระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 DEVELOPING CREATIVE THINKING IN ENGLISH LANGUAGE THROUGH LESSON STUDY WITH THE OPEN APPROACH IN AN ENGLISH LANGUAGE COURSE FOR GRADE 8 STUDENTS นางสาววันวสิ าข์ ชัยชนะ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น e-mail [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั ครง้ั นมี้ ีวตั ถุประสงค๑เพอื่ 1) เพือ่ พัฒนาความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษาในรายวิชาภาษาอังกฤษ พ้นื ฐาน ของนักเรยี นระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใชน๎ วัตกรรมการศึกษาชัน้ เรียน (Lesson Study) ดว๎ ยการ จัดการเรยี นรู๎แบบเปดิ (Open Approach) ใหน๎ กั เรยี นร๎อยละ 70 มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นร๎อยละ 70 ข้ึนไป 2) เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตํอการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎นวัตกรรมการศึกษาช้ันเรียน ( Lesson Study) ด๎วยการจัดการเรียนรู๎แบบเปิด (Open Approach) ซ่ึงผู๎วิจัยดาเนินการตามแบบแผนการวิจัยเชิง ปฏิบัติการในช้ันเรียน (Classroom Action Research) กลุํมเปูาหมาย คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 2/1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแกํน (มอดินแดง) ที่กาลังศึกษาอยํูในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 จานวน 34คน สถิติทใี่ ช๎ในการวิเคราะห๑ข๎อมูล ได๎แกํ คําร๎อยละและคําเฉล่ีย ผลการวิจัยพบวํา 1) การพัฒนา ความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษา โดยประกอบไปด๎วย ความคิดคลํอง คิดยืดหยํุน และคิดริเร่ิม ทาให๎นักเรียน พัฒนาความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษาสูงขึ้นตามลาดับ ในแตํละวงจรปฏิบัติดังน้ี วงจรที่ 1 พบวําคะแนนเฉลี่ย ของช้ันเรียนคิดเป็นร๎อยละ 54.84 และมีนักเรียนที่ผํานเกณฑ๑คิดเป็นร๎อยละ 17.64 ซ่ึงเพ่ิมข้ึนในวงจรที่ 2 คะแนนเฉล่ยี ของชนั้ เรยี นคิดเปน็ ร๎อยละ 66.75 และมนี กั เรียนท่ีมคี ะแนนผาํ นเกณฑ๑คดิ เปน็ ร๎อยละ 38.23 และ ในวงจรท่ี 3 พบวําคะแนนเฉล่ยี ของช้นั เรียนคิดเปน็ ร๎อยละ 70.05 และมีนักเรียนที่มีคะแนนผํานเกณฑ๑คิดเป็น ร๎อยละ 50 2) ผลการวเิ คราะห๑ความพงึ พอใจของนักเรยี นมีตอํ การจดั การเรียนร๎ู โดยภาพรวมทงั้ 4 ด๎าน พบวํา นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจในระดบั มากทส่ี ดุ คาสาคัญ: นวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียน การจัดการเรียนร๎ูแบบเปิด ความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษา ความ พึงพอใจตอํ การจัดการเรียนการสอน การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คดั สรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 36

ABSTRACT The purposes of this research were to 1) develop creative thinking in English language through lesson study with the open Approach in an English language course for grade 8 students. The passing criterion was 70 and the criterion for passing students was 70 2) study students’ satisfaction in learning and teaching using lesson Study with the open Approach in an English language course for grade 8 students. The research design was classroom action research. The target group was a total of 34 students in 2/1 who were studying in semester 1 of academic year 2016 of the Demonstration School of Khon Kaen University (Mor Din Daeng). The data was analyzed by mean (̅) and percentage. The findings were as follows: 1) The development of creative thinking in English language, concluded fluency, flexibility, and originality showed that the students had continuously developed their creative thinking in English language in each of the spirals. They made an average of 54.84 percent and the number of students who passed the criterion was 17.64 percent at the end of the first spiral. They made an average of 66.75 percent and the number of students who passed the criterion was 38.23 percent at the end of the second spiral. And they made an average of 70.05 percent and the number of students who passed the criterion was 50 percent at the end of the third spiral.2) the satisfaction of students towards learning and teaching was at highly satisfied. KEYWORDS: lesson study, open approach, creative thinking in English language, students’ satisfaction in learning and teaching การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 37

บทนา ความคิดสร๎างสรรค๑คือปรากฏการณ๑ท่ีบุคคลสร๎างสรรค๑ส่ิงใหมํ ความเข๎าใจและการมองป๓ญหาใน รูปแบบใหมํ ซึ่งเกิดขึ้นได๎ด๎วยการศึกษา การฝึกฝน และการระดมสมอง ใช๎ความคิดท่ีหลากหลาย คัดสรร หาทางเลอื กใหมํและพยายามปรบั ปรงุ ใหด๎ ขี นึ้ เรอื่ ยๆ ความคิดสร๎างสรรค๑จึงมีความสาคัญตํอ โลกป๓จจุบันและ เปน็ หนึง่ ในเปูาหมายของการจัดการเรียนรใ๎ู นศตวรรษท่ี 21 ซึง่ สอดคลอ๎ งกับพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหํงชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก๎ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 หมวด 4 เรื่องแนวทางจัดการศึกษา การจัด กระบวนการเรยี นรู๎ สถานศกึ ษาและหนวํ ยงานทเี่ ก่ียวขอ๎ งดาเนนิ การ ในข๎อท่ี 2 การฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ๑ และการประยกุ ตค๑ วามรมู๎ าใช๎เพ่ือปูองกันและแกไ๎ ขปญ๓ หา ขอ๎ 3 จัดกิจกรรม ใหผ๎ เู๎ รียนไดเ๎ รยี นร๎ูจากประสบการณ๑จริง ฝึกการปฏิบัติให๎ทาได๎ คิดเป็น ทาเป็น รักการอํานและเกิดการใฝุรู๎ อยํางตอํ เนอ่ื ง และข๎อ 4 จดั การเรยี นการสอนโดยผสมผสานสาระความร๎ูด๎านตําง ๆ อยํางได๎สัดสํวนสมดุลกัน รวมท้ังปลูกฝง๓ คณุ ธรรม คาํ นยิ มที่ดีงามและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค๑ไวใ๎ นทุกวชิ า การเรยี นร๎ูภาษาตํางประเทศมคี วามสาคัญและจาเปน็ อยาํ งยง่ิ ในชวี ติ ประจาวัน เน่ืองจากเปน็ เคร่อื งมอื สาคญั ในการติดตอํ สือ่ สาร การศกึ ษา การแสวงหาความรู๎ การสรา๎ งความเขา๎ ใจเก่ียวกับวฒั นธรรมและวสิ ยั ทศั น๑ ของชุมชมโลก ชํวยพฒั นาผ๎เู รยี นให๎มคี วามเข๎าใจตนเองและผูอ๎ ื่นดีขนึ้ เรยี นรแ๎ู ละเข๎าใจความแตกตาํ งของภาษา และวฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี การคดิ และสามารถถํายทอดความคดิ และวัฒนธรรมไทยไปยังสังคม โลกได๎ ซ่ึงความสามารถในการคิดเป็นสมรรถนะสาคัญที่ถูกกาหนดไว๎ใน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ในการจัดการเรยี นการสอนของโรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแกํน ฝุายมัธยมศกึ ษา (มอดนิ แดง) ใน รายวิชาภาษาอังกฤษพ้ืนฐานระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 กลุํมสาระการเรียนร๎ูภาษาตํางประเทศได๎มีการ ดาเนินการสารวจป๓ญหารํวมกนั ระหวํางครู เพ่ือให๎ได๎ป๓ญหาท่ีสาคัญท่ีต๎องการแก๎ไข วางแผนเพ่ือนาไปปฏิบัติ จริงในช้ันเรียน หาแนวทางการแก๎ไข และปรับปรุงให๎ดีขึ้น ซ่ึงสอดคล๎องกับการเรียนรู๎โดยใช๎นวัตก รรม การศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ซ่ึงเป็นนวัตกรรม (Innovation) ที่เป็นวิธีการ (Method) หลักในการ พัฒนาวิชาชีพครู ในประเทศญ่ีปุนเกิดขึ้นเม่ือร๎อยกวําปีที่ผํานมา (Shimizu, 2006; Lewis,2002; Yoshida, 2005) และได๎รับการยอมรับตลอดมาวําเป็นวิธีการที่ทาให๎การสอนดีขึ้นอยํางยั่งยืนและมั่นคง ( Lewis and Berry, 2006) เป็นแนวทางการพัฒนาวิชาชีพครู ท่ีเป็นการปรับปรุงการสอนด๎วยตัวของครูเอง ( Teacher – led instructional improvement ) และเปน็ วธิ กี ารทค่ี รเู ปน็ ผผู๎ ลกั ดันใหเ๎ กิดการปรับปรุงการสอนดว๎ ยตัวของ ครู โดยไมํตอ๎ งรอผเ๎ู ช่ียวชาญจากภายนอก โดยจดุ ประสงค๑หลกั หรือจดุ เน๎นก็คอื นักเรียน (Student- focused) ดงั นั้นการนาแนวทางน้ีมาใชใ๎ นการพฒั นาวชิ าชีพครู จงึ กอํ ให๎เกิดประโยชน๑อยํางมากตํอการสอนของครู ไมํวํา จะเป็นด๎านเนื้อหา วิธีการสอนและตํอการเรียนรู๎ของนักเรียน ( Lewis, 2002; Lewis and Berry, 2006; Shimizu, 2006; Isoda, 2006; Wang, 2006) เพ่ือมาพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน การนานวัตกรรม การศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) เป็นแนวทางหน่ึงซึ่งสามารถระดมความคิดสะท๎อนประสบการณ๑ จาก ผ๎ูสอนและผ๎ูรํวมสร๎างแผนมาพัฒนาเป็นแผนการเรียนรู๎ท่ีเหมาะสมตามสภาพป๓ญหาท่ีพบในแตํละชั้นเรียน เพ่ือใหก๎ ารเรยี นการสอนบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค๑ การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 38

การจดั การเรยี นร๎ูตามหลกั การของกลํุมสาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศ วิชาภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 มงุํ เน๎นให๎นกั เรยี นฝึกฝนทักษะความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษา สร๎างสรรค๑ทางเลือก ใหมๆํ ในการแกไ๎ ขปญ๓ หา สรา๎ งองคค๑ วามรรู๎ ํวมกนั และลงมือปฏิบัติด๎วยกัน ซึ่งสอดคล๎องกับการจัดการเรียนร๎ู แบบเปิด (Open Approach) โดยนกั เรยี นตอ๎ งศกึ ษาสถานการณ๑ เรียนร๎ูด๎วยตนเองตามสถานการณ๑ที่กาหนด พรอ๎ มทงั้ นาเสนอวธิ กี ารคิดแกป๎ ๓ญหาของตนเอง โดยอยํูภายใตค๎ าแนะนาของครผู ๎สู อน ซึง่ จะสามารถสงํ เสรมิ ให๎ เกิดกระบวนการคิดมากขึ้นโดยผํานกระบวนการทางภาษา การจัดการเรียนร๎ูแบบเปิด ( Open Approach) เป็นนวัตกรรมใหมํของการเรียนการสอนท่ี เน๎นการแก๎ป๓ญหาโดยใช๎กิจกรรมการแก๎ป๓ญหาปลายเปิด โดย แบํงเป็น 4 ขั้นตอน ตามแนวคิดของ Inprasitha (2010) ดังนี้ 1) การนาเสนอป๓ญหาปลายเปิด เป็นการ นาเสนอป๓ญหาปลายเปิดในรูปแบบ งานหรือกิจกรรมให๎กับนกั เรยี น 2) การเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเองของนกั เรยี น เป็น การใหน๎ ักเรียนเรยี นร๎ู แกป๎ ๓ญหา 3) การอภปิ รายท้ังชัน้ และการเปรียบเทียบ เป็นการนาแนวคิดท่ีหลากหลาย ของนกั เรยี น มาอภปิ รายท้ังชั้นเพ่ือให๎นักเรียนคนอ่ืนๆ ในชั้นได๎มีโอกาสเรียนร๎ูจากแนวคิดของเพ่ือน 4) การ สรุป โดยการเชื่อมโยงแนวคิดของนักเรียนท่ีเกิดขึ้นในช้ันเรียน เป็นการขยายแนวคิดโดยการเชื่อมโยง จาก แนวคิดตํางๆ ของนักเรียนที่เกิดข้ึนในห๎องเรียน ซึ่งการจัดการเรียนรู๎โดยใช๎วิธีการแบบเปิดนี้ จะชํวยให๎ นักเรยี นไดค๎ ดิ อยาํ งหลากหลาย สํงผลใหน๎ กั เรียนไดฝ๎ กึ กระบวนการคดิ การเรยี นร๎โู ดยใชก๎ ารจดั การเรียนร๎ูแบบ เปิดจึงเป็นนวัตกรรมหนึ่งท่ีสามารถพัฒนานักเรียนด๎านการคิดได๎ ดังที่ เอ้ือจิตร พัฒนจั กร, ไมตรี อินทร๑ ประสทิ ธ์ิและนฤมล อนิ ทร๑ประสิทธิ์ (2554) ไดท๎ าการวิจัยและพฒั นานวัตกรรมเร่ืองการจัดการเรยี นร๎แู บบเปิด เพื่อพัฒนาระบบฝึกหัดครูคณิตศาสตร๑แบบใหมํ ของนักศึกษา ปริญญาตรี ชั้นปีท่ี 4 สาขาวิชาคณิตศาสตร ศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแกํน และได๎พบวํา จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สํงผลให๎นักศึกษามีการ เปลี่ยนแปลงจากคุณลักษณะท่ีมีพฤติกรรม มุํงเน๎นการเรียนรู๎เพียงลาพังไปสูํการมีจุดเริ่มต๎นในการมีความ ตระหนกั ถงึ ความรับผิดชอบของตนเองตอํ กลุํม สามารถสร๎างองค๑ความรด๎ู ๎วยตนเองและนักเรียนมีลักษณะชําง สังเกต ชาํ งคดิ และใช๎ กระบวนการแกป๎ ญ๓ หาและกล๎าแสดงออก ป๓ญหาทเ่ี กดิ ข้ึนในช้นั เรียนภาษาองั กฤษมีหลายประเด็นที่นําสนใจ ไมํวําจะเป็นผู๎เรียนขาดความม่ันใจ ไมํกล๎าแสดงออก มที ัศนคติที่ไมดํ กี บั การเรยี นภาษาองั กฤษ ขาดการฝกึ ฝน การคดิ และลงมือปฏิบัติเอง เพื่อให๎ ผูเ๎ รยี นไดเ๎ รยี นร๎ู ได๎ลงมือปฏิบัตเิ องและฝึกฝนความคิดสร๎างสรรค๑ ผว๎ู ิจยั จงึ สนใจทีจ่ ะพฒั นาความคิดสร๎างสรรค๑ ทางภาษาโดยใช๎นวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ด๎วยการจัดการเรียนร๎ูแบบเปิด (Open Approach) เพ่ือเปน็ การเตรยี มความพร๎อมของนักเรยี นให๎เปน็ ผ๎มู คี วามสามารถในการคิดสร๎างสรรค๑ มีทักษะ การใช๎ชีวติ เพ่ือพัฒนาสงั คมใหเ๎ ปน็ สงั คมทด่ี ีในอนาคตตํอไป วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย 1 เพอ่ื พัฒนาความคดิ สรา๎ งสรรค๑ทางภาษาในรายวชิ าภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน ของนกั เรียนระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 โดยใชน๎ วตั กรรมการศกึ ษาช้ันเรยี น (Lesson Study) ดว๎ ยการจัดการเรียนร๎แู บบเปดิ (Open Approach) ใหน๎ กั เรยี นรอ๎ ยละ 70 มผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรียนรอ๎ ยละ 70 ขน้ึ ไป 2 เพอ่ื ศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียนทมี่ ตี อํ การจดั การเรียนรโู๎ ดยใช๎นวตั กรรมการศกึ ษาชั้นเรียน (Lesson Study) ดว๎ ยการจัดการเรยี นรูแ๎ บบเปดิ (Open Approach) การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 39

วธิ ดี าเนนิ การวิจยั การวิจัยคร้ังนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการในช้ันเรียน ( Classroom Action Research) โดยใช๎ นวัตกรรมการศึกษาชัน้ เรียน (Lesson Study) ดว๎ ยการจัดการเรียนรูแ๎ บบเปดิ (Open Approach) ในรายวิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐานของนกั เรียนระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลัยขอนแกํน (มอดินแดง) มีวัตถุประสงคค๑ อื 1) พัฒนาความคิดสรา๎ งสรรค๑ทางภาษาในรายวชิ าภาษาอังกฤษพื้นฐานของนักเรียนระดับชั้น มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นตํอการจดั การเรียนรูแ๎ บบเปดิ (Open Approach) กลมุ่ เปูาหมาย กลุํมเปูาหมาย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ห๎องเรียนท่ี 2/1 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยขอนแกํน ฝุายมัธยมศึกษา (มอดินแดง) ที่กาลังศึกษาอยูํในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 จานวน 34 คน ซ่ึงได๎มาโดยการเลอื กกลมํุ ตวั อยาํ งแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เครือ่ งมอื สาหรับเครอ่ื งมือทใ่ี ชใ๎ นการดาเนินการวิจยั มี 2 สวํ นคือ 1 เครื่องมือท่ีใชใ้ นการปฏบิ ตั ิการวจิ ัย เครื่องมือที่ใช๎ในการปฏิบัติการวิจัยประกอบด๎วย แผนการจัดการเรียนรู๎วิชาภาษาอังกฤษ พ้ืนฐาน โดยใช๎นวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ด๎วยการจัดการเรียนรู๎แบบเปิด (Open Approach) ระดบั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โดยในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2560 หนวํ ยการเรียนร๎ปู ระกอบด๎วย 10 หนวํ ยการเรยี นรู๎ ซึ่งผวู๎ ิจยั ได๎ทาการทดลองใน 3 หนํวยแรก ประกอบด๎วย 5 แผนการจัดเรียนร๎ู โดยมี รายละเอยี ดดังนี้ วงจรท่ี หนว่ ยที่ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี จานวนคาบเรียน 1 1. Make a difference (คาบเรยี นละ 50 นาที) 2 2. The world we live in 1. Health problems and First aids 5 3 3. Ambitions 1. Materials and Objects 3 2. Garbage 3 1. Jobs 3 2. Know your future 3 2 เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู เพอ่ื สะทอ้ นผล 2.1 เคร่ืองมอื เพ่ือสะท๎อนการจัดการเรยี นรู๎ของครู 2.1.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรจ๎ู ากผรู๎ วํ มวิจยั 2.2 เครอื่ งมือประเมนิ ผลการเรยี นรูข๎ องนกั เรยี น 2.2.1 แบบทดสอบผลงานความคิดสรา๎ งสรรคท๑ างภาษา การประชุมทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 40

2.2.2 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจตํอการจัดการเรียนรู๎ สรปุ ผลการวิจัย 1 ผลพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทางภาษาในรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ของนักเรียน ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ตารางที่ 1 รอ๎ ยละคะแนนเฉล่ยี และรอ๎ ยละของนกั เรยี นทผี่ าํ นเกณฑข๑ องวงจรท่ี 1-3 วงจร ร้อยละคะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละนกั เรียนทผี่ า่ นเกณฑ์ วงจรที่ 1 54.84 17.64 วงจรท่ี 2 66.75 38.23 วงจรท่ี 3 70.05 50 แผนภาพท่ี 1 แสดงรอ้ ยละคะแนนเฉล่ียและรอ้ ยละนักเรียนท่ีผา่ นเกณฑ์ จากแผนภาพท่ี 1 พบวําในวงจรท่ี 1 มีคะแนนเฉล่ียของช้ันเรียนเทํากับ 26.32 จากคะแนนเต็ม 48 คะแนน คดิ เปน็ รอ๎ ยละ 54.84 และมีนกั เรยี นทม่ี คี ะแนนผาํ นเกณฑ๑ 6 คน จากนักเรียนท้ังหมด 34 คน คิดเป็น ร๎อยละ 17.64 ซ่ึงเพม่ิ ข้ึนในวงจรท่ี 2 คะแนนเฉลี่ยของชั้นเรียนเทาํ กับ 22.02 จากคะแนนเต็ม 33 คะแนน คิด เป็นร๎อยละ 66.75 และมีนักเรียนท่ีมีคะแนนผํานเกณฑ๑ 13 คน จากนักเรียนทั้งหมด 34 คน คิดเป็นร๎อยละ 38.23 และในวงจรที่ 3 พบวาํ คะแนนเฉลีย่ ของช้นั เรียนเทํากบั 15.41 จากคะแนนเตม็ 22 คะแนน คดิ เป็นร๎อย ละ 70.05 และมีนกั เรียนที่มคี ะแนนผํานเกณฑ๑ 17 คน จากนักเรยี นทง้ั หมด 34 คน คิดเปน็ ร๎อยละ 50.00 สรปุ ได๎วําการสอนโดยใช๎นวัตกรรมการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ด๎วยการจัดการเรียนรู๎แบบเปิด (Open Approach) ทาให๎นักเรียนมีความคิดสรา๎ งสรรคท๑ างภาษาเพมิ่ ขึ้น การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพร่ผลงานวิจยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 41

2 ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนท่มี ีต่อการจดั การเรียนรู้โดยใชน้ วตั กรรมการศึกษาชนั้ เรียน (Lesson Study) ด้วยการจดั การเรยี นรูแ้ บบเปดิ (Open Approach) ตารางที่ 2 ความพึงพอใจของนักเรยี นท่มี ตี ํอการจัดการเรียนร๎โู ดยภาพรวม รายการประเมนิ คา่ เฉล่ีย ระดับความคดิ เห็น 4.48 S.D. การแปลความหมาย ด๎านการจดั การเรียนรู๎ 4.68 0.65 มาก ด๎านการใชส๎ อื่ การสอน 4.62 0.56 มากทส่ี ุด ด๎านบคุ ลกิ ภาพความเป็นครู 4.56 0.59 มากที่สดุ ด๎านการประเมินผล 4.58 0.60 มากทส่ี ุด ความพงึ พอใจรวมทุกดา้ น 0.60 มากทส่ี ดุ จากผลการวเิ คราะห๑ความพงึ พอใจของนักเรียนมีตํอการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎นวัตกรรมการศึกษาช้ัน เรียน (Lesson Study) ด๎วยการจดั การเรยี นรแ๎ู บบเปิด (Open Approach) พบวาํ มีคะแนนเฉล่ยี เทํากบั 4.58 แสดงวํานักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ตํอการจัดการเรียนร๎ูโดยใช๎ นวัตกรรมการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ด๎วยการจดั การเรียนรแ๎ู บบเปดิ (Open Approach) ท่ีผู๎วิจัยนาไปใช๎ในการจัดการเรียนการ สอน โดยสรุปเป็นรายด๎าน ดงั นี้ 2.1 ด้านการจดั การเรียนรู้ นักเรียนมีความพึงพอใจระดับโดยรวมในระดับมาก เรียงลาดับได๎แกํ เนอ้ื หาถูกตอ๎ งโดยมี รองลงมาคือครูมีคาถามเพื่อกระต๎ุนให๎นักเรียนเกิดความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษา และมี ความพึงพอใจในลาดบั สุดทา๎ ย มี 2 ขอ๎ ได๎แกํ นกั เรยี นมโี อกาสไดบ๎ ันทกึ ความรค๎ู วามเข๎าใจ เก็บหลักฐานชิ้นงาน นักเรยี นในสมดุ บันทกึ ของตนเอง และ นักเรยี นเขา๎ ใจคาส่ังมากขึน้ เมอื่ ครอู ธิบายคาส่ังอีกครั้งในชั้นเรียน หรือ เมื่อมภี าพประกอบ/หรอื สถานการณใ๑ กล๎เคยี งกับชวี ิตประจาวัน 2.2 ดา้ นการใช้สอ่ื การสอน นักเรียนมีความพึงพอใจระดับโดยรวมในระดับมากท่ีสุด เรียงลาดับ ได๎แกํ นักเรียนมีความเห็นวําครูมีการใช๎ส่ือที่หลากหลายเหมาะสมกับการเรียนร๎ู รองลงมาคือนักเรียนมี ความเห็นวาํ ครใู ช๎สื่อได๎เหมาะสมกบั เนอ้ื หาบทเรยี นและสภาพห๎องเรียน และมีความพึงพอใจในลาดับสุดท๎าย ได๎แกํ นักเรียนมคี วามเหน็ วาํ ครูมลี าดบั การใช๎สอื่ ท่ีเหมาะสม 2.3 ด้านบุคลิกภาพความเป็นครู นักเรียนมีความพึงพอใจระดับโดยรวมในระดับมากที่สุด เรียงลาดบั ได๎แกํ นักเรียนมีความเห็นวําครูพยายามให๎นักเรียนแสดงความคิดเห็นอยํางอิสระและสร๎างสรรค๑ รองลงมาคอื นกั เรียนมีความเหน็ วําครมู บี ุคลิกภาพแสดงออกเหมาะสมกบั ความเป็นครู มี และมีความพึงพอใจ ในลาดับสุดท๎าย ไดแ๎ กํ นกั เรยี นมคี วามเห็นวําครูยอมรับและตอบสนองตํอความคิดเห็นที่แตกตํางที่เกิดข้ึนใน ห๎องเรยี น 2.4 ด้านการประเมนิ ผล นักเรยี นมคี วามพึงพอใจระดับโดยรวมในระดับมากท่สี ดุ เรียงลาดับได๎แกํ นักเรยี นมคี วามเหน็ วาํ มีการทดสอบเพอื่ เกบ็ คะแนนอยํางตํอเนอ่ื ง รองลงมาคือนักเรียนมีความเห็นวําครูมีการ ทดสอบผลการเรียนท่ีหลากหลาย การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 42

อภิปรายผล 1 การจดั การเรยี นรู้โดยใชน้ วตั กรรมการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ด้วยการจัดการเรียนรู้ แบบเปิด (Open Approach) ชํวยพัฒนาความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษาของนักเรียน ดังน้ี (1) ขั้นสร๎าง สถานการณ๑ปลายเปิด เป็นการระบุสถานการณ๑ท่ีชํวยกระต๎ุนให๎นักเรียนคิดอยํางสร๎างสรรค๑ และมีความ หลากหลายนกั เรยี นมแี รงขับเชงิ บวกในการเรียนร๎ู เนื่องจากการมีภาวะพร๎อมเรียนร๎ูการซึมซับคุณคํา เกิดแรง บันดาลใจและการมีจุดมุํงหมายที่ชัดเจน (2) ขั้นเรียนรู๎ด๎วยตนเองของนักเรียน นักเรียนทางานโดยผําน กระบวนการทางานกลมุํ และทางานเด่ียว มกี ารนาเสนอท้ังทางการพูด การเขียน นักเรียนได๎ฝึกการคิดอยําง เป็นอสิ ระโดยครูทาหน๎าท่ีเป็นผ๎อู านวยความสะดวก จัดเตรยี มส่ือและอปุ กรณ๑ตาํ งๆ (3) ขนั้ อธิปรายรํวมกันทั้ง ช้ันเรียนและขยายแนวคิดในชั้นเรียน นักเรียนได๎นาเสนอวิธีการ และผลของการแก๎ป๓ญหา และ/หรือ การ สร๎างสรรค๑ของตนกับเพ่ือน และแลกเปลี่ยนเรียนร๎ูวิธีการและผลลัพธ๑ที่แตกตํางกันเพื่อรํวมกันศึกษา เปรียบเทียบ พิจารณา ประเมิน รวมถึงจัดระเบียบวิธีการและผลลัพธ๑ท่ีแตกตํางเหลํานั้นขั้นนาเสนอและ แลกเปลย่ี นเรยี นรเ๎ู ปน็ การเปิดศักยภาพและเปน็ การเรียนร๎ูที่แตกตํางกันอยํางสรา๎ งสรรค๑ (4) ขั้นการสรุปโดย การเชื่อมโยงแนวคิดของนักเรยี นที่เกิดข้ึนในช้นั เรียน เป็นชวํ งเวลาที่นักเรยี นแลกเปลี่ยนเรียนรู๎เพื่อสังเคราะห๑ และยกระดบั ความร๎ใู หมรํ วํ มกนั จากผลการวจิ ัยพบวํากลํมุ เปาู หมายมคี วามคิดสร๎างสรรคท๑ างภาษาเพม่ิ ขึ้น จากกระบวนการเรียนการ สอนทใี่ ชน๎ วัตกรรมการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ด๎วยการจัดการเรียนรู๎แบบเปิด (Open Approach) นักเรยี นมีทักษะในการแก๎ไขป๓ญหา ได๎ฝึกการคิด มคี วามคิดที่หลากหลายและแปลกใหมํ ทั้งด๎านคิดคลํอง คิด ยืดหยนํุ และคิดรเิ ริ่ม ซงึ่ ผลวจิ ัยน้คี ล๎ายกับ ศิรภัสสร ศรเสนา (2557) ทไ่ี ด๎ทาการวจิ ยั เรอ่ื ง ความสามารถในการ แก๎ป๓ญหาอยํางสร๎างสรรค๑ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนบ๎านดงน๎อย อาเภอกุมภวาปี จังห วัด อุดรธานี ทีเ่ รียนด๎วยวธิ กี ารแบบเปิด ผลการศกึ ษาพบวาํ นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ทเี่ รียนด๎วยวิธีแบบเปิด มีความสามารถในการแกป๎ ๓ญหาอยาํ งสรา๎ งสรรค๑ขึน้ กวํากํอนได๎รับการจัดประสบการณ๑เรียนรู๎ด๎วยวิธีการแบบ เปดิ นกั เรียนสามารถวิเคราะหป๑ ๓ญหาและแสวงหาแนวทางในการแก๎ป๓ญหาท่ีหลากหลายแล๎วนามาใช๎ในการ แก๎ปญ๓ หาได๎อยํางมีประสทิ ธิภาพ มคี วามกระตือรือรน๎ และสนใจการเรยี น กลา๎ คิดกล๎าแสดงออกมากขึ้น มีการ แลกเปลี่ยนเรียนร๎ูซ่ึงกันและกันและยอมรับฟ๓งความเป็นของผ๎ูอ่ืน อีกท้ังยังสอดคล๎องกับ จุฑารัตน๑ ภูมีศรี (2558) ทไ่ี ดศ๎ ึกษากระบวนการเขียนเชงิ สรา๎ งสรรคข๑ องนักเรียนทีเ่ รียนด๎วยวธิ ีการแบบเปิด โดยสรุปผลวํา การ จดั กิจกรรมการเรยี นการสอนแบบเปดิ (Open Approach) เปน็ วธิ ีการสาคญั ทีก่ ํอใหเ๎ กิดกระบวนการเขยี นเชิง สร๎างสรรคข๑ องนกั เรยี นไดเ๎ ป็นอยํางดี มคี ุณลกั ษณะที่พึงประสงค๑ นักเรียนไดเ๎ รียนรูจ๎ ากการคดิ และลงมอื ปฏบิ ตั ิ จริง ซง่ึ เป็นการฝึกทักษะการคิด สามารถแกป๎ ญ๓ หา และเป็นคนมเี หตุผล การประชุมทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 43

2 ความพึงพอใจของนักเรยี นท่มี ีตอ่ การจดั การเรียนรู้โดยใชน้ วตั กรรมการศกึ ษาช้นั เรยี น (Lesson Study) ดว้ ยการจดั การเรียนร้แู บบเปดิ (Open Approach) จากผลการวิจัยพบวาํ นกั เรยี นมีความพึงพอใจในระดับมากทสี่ ดุ ตอํ การจัดการเรยี นร๎ูโดยใช๎นวัตกรรม การศกึ ษาช้ันเรียน (Lesson Study) ด๎วยการจัดการเรียนรู๎แบบเปิด (Open Approach) ที่ผ๎ูวิจัยนาไปใช๎ใน การจัดการเรียนการสอน มีประเด็นท่สี ามารถนามาอภปิ รายผลได๎ ดงั น้ี 2.1 ด้านการจดั การเรยี นรู้ นกั เรียนมีความพึงพอใจโดยรวมในระดับมาก ทั้งนอี้ าจเปน็ เพราะผู๎วิจัย และผูร๎ ํวมวิจัยได๎สร๎างเครอ่ื งมือทีใ่ ชใ๎ นการวิจยั โดยพิจารณาอยํางรอบคอบ และผํานการแลกเปลี่ยนเรียนรู๎จาก ทีมผ๎ูวจิ ัยทัง้ ในดา๎ นเนอื้ หา ความถูกต๎อง และความหลากหลายของกิจกรรมในชัน้ เรยี น 2.2 ดา้ นการใช้สอ่ื การสอน นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมในระดบั มากท่ีสุด เน่ืองจากผ๎ูวิจัยเอา ใจใสํรายละเอียด ข๎อผิดพลาดในการใช๎สื่อเพื่อนามาปรับปรุงให๎ดีข้ึนตลอดเวลา ท้ังน้ีส่ือท่ีใช๎ยังมีความ หลากหลาย และมคี วามเหมาะสมกับบทเรยี น 2.3 ดา้ นบคุ ลกิ ภาพความเป็นครู นกั เรียนมีความพึงพอใจโดยรวมในระดับมากท่ีสุด ทั้งนี้อาจเป็น เพราะผวู๎ จิ ยั ตรงตอํ เวลา มคี วามต้งั ใจในการสอน อีกทงั้ ในขณะปฏิบัติการสอนได๎พยายามให๎นักเรียนได๎แสดง ความคดิ เห็นอยํางอสิ ระและสร๎างสรรค๑ 2.4 ด้านการประเมินผล นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมในระดับมากท่ีสุด เน่ืองจากผ๎ูวิจัยได๎ มอบหมายแบบทดสอบท่มี คี วามหลากหลายในแตํละแผนการจดั การเรยี นร๎ู ข้อเสนอแนะ 1 ข้อเสนอแนะสาหรับครผู สู้ อน ผลการพฒั นาความคิดสร๎างสรรค๑ทางภาษาในรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ของนักเรียนระดับช้ัน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 โดยใช๎นวัตกรรมการศกึ ษาชนั้ เรียน (Lesson Study) ด๎วยการจดั การเรยี นร๎ูแบบเปดิ (Open Approach) ให๎นกั เรียนรอ๎ ยละ 70 มีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นรอ๎ ยละ 70 ขน้ึ ไป ตามวัตถปุ ระสงค๑ขอ๎ ที่ 1 พบวาํ นกั เรยี นไมํผํานเกณฑต๑ ามทก่ี าหนดไว๎ ผ๎ูวิจัยมีแนวทางในการพฒั นางานวิจยั ดังน้ี 1.1 สถานการณ๑ปลายเปิดมีความสาคัญเป็นอยํางมากในการสอนด๎วยวิธีการแบบเปิด ( Open Approach) ซึ่งจะตอ๎ งเกย่ี วขอ๎ งกบั ชวี ิตประจาวันของนักเรียน เพราะจะทาให๎นักเรียนสามารถจินตนาการได๎ และสถานการณ๑ปลายเปดิ จะต๎องมคี าสัง่ ที่ชัดเจน และความนําสนใจ ท๎าทายให๎นักเรียนเข๎ าไปแก๎ป๓ญหาหรือ สรา๎ งสรรคภ๑ ายใต๎เงื่อนไขนน้ั 1.2 เนอ่ื งจากวัตถปุ ระสงค๑การวจิ ัยเพ่อื พัฒนาทักษะการเขยี นของนักเรียน ดังนั้น ในกระบวนการ สอนควรเพม่ิ ทกั ษะการเขียนและการพฒั นาความคดิ สร๎างสรรค๑ให๎มากข้ึน เชนํ กิจกรรมแลกการเปล่ียนเรียนร๎ู จากกระบวนการทางานกลํุม โดยมีการเปล่ียนสมาชิกในกลุํมอยํางสม่าเสมอ เพื่อให๎นักเรียนได๎เรียนร๎ูอยําง หลากหลายจากนกั เรียนที่มีแนวคดิ ท่แี ตกตํางกนั 1.3 ควรเปิดโอกาสให๎นกั เรยี นไดแ๎ ลกเปลยี่ นเรยี นรู๎และศกึ ษาผลงานของเพอ่ื นในชนั้ เรียน เพ่ือเป็น การสะทอ๎ นผลและเรียนรก๎ู ระบวนการในการพัฒนาผลงานรํวมกัน การประชมุ ทางวชิ าการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจยั คัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 44

1.4 ผ๎สู อนควรมีการปรับปรงุ และแกไ๎ ขงานของนักเรียน อยํางนอ๎ ย 2 คร้ัง กํอนการเก็บคะแนน ท้ัง ในภาพรวมและรายบุคคลเพือ่ ใหน๎ ักเรียนได๎เรียนรู๎ข๎อบกพรํอง มีโอกาสปรับปรุงและพัฒนาผลงานเขียนของ ตนเองกอํ นการสํงผลงาน 1.5 ควรมกี ารวางแผนการสอนใหร๎ ดั กมุ มากยิ่งข้ึน เน่ืองจากในชํวงท่ีทาการวิจัย นักเรียนต๎องเข๎า รวํ มกจิ กรรมอ่นื ๆ และมวี ันหยดุ ราชการในบางชวํ ง ทาใหไ๎ มํสามารถจดั กระบวนการเรียนรใ๎ู นห๎องเรยี นได๎อยําง ตํอเน่ือง 2 ข้อเสนอแนะในการทาวิจัยครั้งตอ่ ไป 2.1 ควรนาวธิ ีการแบบเปิด (Open Approach) ไปบรู ณากับวชิ าอืน่ ๆ อาจรํวมทาแผนกับอาจารย๑ กลมํุ สาระอน่ื ๆภายในโรงเรยี น 2.2 ควรมีการศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแนวคิดของนักเรียนที่ไมํได๎คาดการณ๑ไว๎ และนาไปใช๎และ ปรบั ปรุงในแผนการสอนครง้ั ตํอไปใหส๎ มบรู ณย๑ ิง่ ขนึ้ เอกสารอ้างอิง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2546). พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และท่แี กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ๑องคก๑ ารรบั สํงสินคา๎ และพสั ดภุ ณั ฑ๑. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ. ไมตรี อินทรป๑ ระสิทธ์ิ , นฤมล อินทรป๑ ระสิทธ์ิ , เอ้อื จิตร พฒั นจกั ร . (2555). การศกึ ษาการสือ่ สารทาง คณิตศาสตรข์ องนักเรียนในกระบวนการพฒั นาวชิ าชพี ครทู ใ่ี ช้การศึกษาชั้นเรียน )Lesson Study). กรงุ เทพมหานคร .สานกั งานคณะกรรมการวิจัยแหงํ ชาติ : ศริ สสร ศรเสนา. (2557). ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หาอย่างสรา้ งสรรคข์ องนกั เรียนช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ท่ีเรยี นด้วยวิธแี บบเปิด วทิ ยานิพนธป๑ รญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาหลกั สูตรและการสอน บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั ขอนแกนํ . จุฑารตั น๑ ภมู ศี ร.ี (2558). กระบวนการเขียนเชิงสร้างสรรคข์ องนกั เรียนทเี่ รยี นดว้ ยวิธีการแบบเปิด วิทยานพิ นธ๑ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลัยขอนแกํน. Inprasitha, M. (2010). One feature of adaptive lesson study in Thailand: designing learning unit. In Cheong, S.C., Sang, G.L., & Young, H.C. (Eds.). Proceedings of the 45th Korean National Meeting of Mathematics Education. (pp.193-206) Gyeongju: Dongkook University. การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวิจัยคดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 45

กระบวนการให้บริการยคุ การศึกษาไทย 4.0 กรณีศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ศนู ย์การศกึ ษาอโศกแคมปสั กรงุ เทพมหานคร The Process of Service in Thai Education 4.0 Era: A Case Study of Private University Asoke Campus Learning Center Bangkok พัชรภรณ์ คามณเี ลศิ และ อรภทั รกาญจน์ ชัยวัฒน์จตุพร มหาวทิ ยาลยั นานาชาตแิ สตมฟอร์ด และ มหาวิทยาลยั รงั สิต e-mail : [email protected] and [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค๑เพ่ือศึกษากระบวนการให๎บริการยุคการศึกษาไทย 4.0 กรณีศึกษา มหาวทิ ยาลยั เอกชนแหงํ หน่ึง ศูนยก๑ ารศึกษาอโศกแคมป๓ส กรงุ เทพมหานคร กลุํมตัวอยํางได๎มาการเลือกแบบ เจาะจง ซึง่ เปน็ เจา๎ หน๎าที่ระดบั ผู๎บริหารขน้ั ต๎นขึ้นไป จานวน 3 คน เครื่องมือท่ีใช๎ในการวิจัย คือแบบสัมภาษณ๑ ลกั ษณะก่ึงมีโครงสรา๎ งที่ไดผ๎ ํานการตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมอื จากผู๎เชี่ยวชาญสาขาการศกึ ษาจานวนสามทําน ในด๎านความตรงของเน้ือหามีคาํ เฉลย่ี 4.67-5.00 อยใูํ นระดบั มากทสี่ ดุ ทั้งนท้ี าการวิเคราะห๑ข๎อมูลการวิจัยเชิง คุณภาพโดยการวิเคราะห๑เนื้อหาและนาเสนอในลักษณะการบรรยายความเรียง ผลการวิจัยพบวํา 1) กระบวนการใหบ๎ รกิ ารยคุ การศึกษาไทย 4.0 ครั้งนี้ เลือกใช๎กระบวนการ PDCA – Plan Do Check Act เป็น หลกั ในการวางแผนงานการใหบ๎ ริการ และ 2) กระบวนการให๎บรกิ ารยคุ การศกึ ษาไทย 4.0 กํอใหเ๎ กิดประโยชน๑ สงู สดุ เรอื่ งการให๎บริการท่เี ป็นเลศิ ในมหาวทิ ยาลัยเอกชนแหํงนซ้ี ง่ึ มที ้งั หมด 2 สํวน ไดแ๎ กํ 2.1) การบริการด๎าน การจัดการธุรกจิ การศกึ ษาในสํวนการบริหารการศึกษา และ 2.2) การบริการดา๎ นการจดั การเรียนรู๎ผํานการใช๎ เทคโนโลยสี ารสนเทศและระบบปฏิบัติการตาํ งๆ คาสาคญั : กระบวนการใหก๎ ารบริการ, การศกึ ษาไทย 4.0, การบรหิ ารการศกึ ษา, มหาวทิ ยาลยั เอกชน การประชุมทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรรสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศกึ ษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 46

ABSTRACT This research aimed to study on the process of service in Thai education 4.0 era: a case study of Private University, Asoke Campus Learning Center, Bangkok. Purposive sampling was employed. The participants were the three officers who worked in senior level onwards. The semi-structured interview form was conducted as a research instrument, and the content validity was assessed and examined by three experts in educational studies, with a content validity of 4.67 to 5.00 in highest level. The data analysis was conducted via qualitative data, analyzed by content analysis. The results were shown in this study: 1) the process of service in Thai education 4.0 era: a case study of Private University, Asoke Campus Learning Center, Bangkok was used the PDCA–Plan Do Check Act as a process in the planning systems and 2) the use of the process of service in Thai education 4.0 era was most beneficial to this University, as provided excellent service in two areas; 2.1) business administration in the field of educational administration, and 2.2) learning management services with the information technology and operating systems. KEYWORDS: Process of service, Thai education 4.0, Educational administration, Private university บทนา จากยุคการปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมที่สที่ ่ัวโลก (the fourth industrial revolution) ทาใหเ๎ กิดส่งิ ประดิษฐ๑ ใหมๆํ เก่ยี วกับกระบวนการผลติ การกระจายสินค๎า และการบริการลูกค๎าอยํางมากมายผํานการใช๎ประโยชน๑ จากเทคโนโลยีสารสนเทศ ดงั ปรากฏการณ๑ท่ีเรยี กวําอินเตอร๑เนท็ เปน็ ทกุ สิ่ง (internet of things) ซ่ึงในทิศทาง ที่สมั พันธก๑ ับการพฒั นาประเทศ ตามแนวทางของแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหํงชาติฉบับที่ 1- 11 ที่ผําน มา สงํ ผลใหป๎ ระเทศไทยมีการขยายโอกาสทางดา๎ นการศกึ ษา การค๎า และการลงทุนเพิ่มข้ึนตามลาดับเชํนกัน ทั้งน้ีการศึกษาในป๓จจุบันและในอนาคตของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้นจึงพยายามมุํงเน๎นถึงการ พัฒนาระบบและกระบวนการให๎บริการทางการศึกษาเพ่ือเตรียมความพร๎อมรวมถึงการรับมือกับความ เปลย่ี นแปลงของความทา๎ ทายในยุคการศกึ ษาที่ 4.0 ภายใตก๎ รอบการดาเนินงานของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแหํงชาตฉิ บบั ท่ี 12 พ.ศ. 2560 – 2564 ซง่ึ เป็นแผนท่ีสอดคล๎องกับยุทธศาสตร๑ชาติ 20 ปี และแผนการ ปฎิรูปของประเทศในด๎านตํางๆเพื่อใชเ๎ ปน็ แผนแมบํ ทหลักในการพัฒนาระบบการศึกษาไทยตํอไป (สานักงาน คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหงํ ชาติ สานกั นายกรฐั มนตรี, 2560; Baxte, 2017; The World Economic Forum, 2016) ดังนน้ั การจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหํงชาติฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564 ครัง้ นี้ จึงได๎มุํง เปูาหมายไปสํูการพัฒนาอยํางย่ังยืนในทุกภาคสํวน (sustainable development goals: SDGs) ภาครัฐได๎ วางนโยบายปรับโครงสร๎างประเทศไทยไปสูํยุคประเทศไทย 4.0 พร๎อมทั้งได๎ให๎ความสาคัญกับการมีสํวนรํวม การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความท้าทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 47

ของภาคเอกชนในการพัฒนาทุกข้ันตอนของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯอยํางกว๎างขวางและตํอเนื่อง เพ่ือรํวม กาหนดวิสัยทัศน๑และทิศทางการพัฒนาประเทศ (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังค ม แหํงชาติ สานักนายกรัฐมนตรี, 2560) โดยเฉพาะอยํางย่ิงการกาหนดทิศทางการพัฒนาระบบการศึกษาของ สถาบันการอุดมศึกษาเอกชนไทย ดังพบได๎จากพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชนพ.ศ. 2546 แก๎ไข เพ่มิ เตมิ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 หมวดที่ 1 วําด๎วยเรื่องการจัดต้ังและดาเนินการ มาตรา ที่ 11 (8-9) บัญญัติวํา สถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนต๎องจดั โครงการการศึกษาและจัดหาอุปกรณ๑หลักทางการศึกษาแกํนักศึกษา รวมถึง ต๎องจัดโครงการพัฒนาผู๎บริหาร คณาจารย๑บุคลากรในสถาบันฯ และหมวดที่ 3 วําด๎วยเรื่องการดาเนินการ มาตราท่ี 34 (20-24) บัญญัติวํา สถาบันอุดมศึกษาเอกชนมีอานาจหน๎าท่ีในการวางนโยบายแผนการพัฒนา ความสามารถของคณาจารย บุคลากร และคุณภาพของบัณฑิต ท้ังน้ีต๎องมีการสงเสริมระบบการศึกษา การ ประกันคุณภาพภายในของสถาบัน การวิจัย การฝกอบรมพัฒนา คณาจารยและบุคลากรใหสอดคลองกับ ความตองการของสังคม ประเทศชาติเพอื่ นาไปสูการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาเอกชนให๎มีความเป็นเลิศและมี ความเจรญิ กาวหนาสืบไป (สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา, 2550) เมือ่ เปน็ เชํนนัน้ การขบั เคล่ือนสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนใหม๎ คี วามเปน็ เลิศในเรอื่ งกระบวนการใหบ๎ รกิ าร ทางการศกึ ษาจึงต๎องมีการปรับปรงุ และพัฒนาระบบการปฏบิ ัติงานภายใตบ๎ รบิ ทแหงํ การเปลีย่ นแปลงดา๎ น เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยทฝ่ี าุ ยบริหารสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนตอ๎ งสามารถเชอื่ มโยงวิสยั ทัศน๑ กลยทุ ธ๑ และ เปูาหมายการบรกิ ารเชิงนวตั กรรมในยุคการศกึ ษา 4.0 รวมถึงต๎องมกี ารกาหนดนโยบาย วตั ถปุ ระสงค๑ ทศิ ทางการปฏิบตั ิงานอยาํ งชัดเจน ดังน้ันการบรหิ ารงานเกย่ี วกบั กระบวนการใหบ๎ ริการ จงึ เป็นหนง่ึ ในงานหลกั ของการจัดการศึกษาภายในสถาบนั อุดมศึกษาเอกชน ตลอดจนสามารถใชก๎ ระบวนการให๎บรกิ ารเปน็ เครอื่ งช้ี วัดถึงความสาเรจ็ ของการจัดการศกึ ษาซงึ่ แสดงถงึ ประสทิ ธภิ าพของการบรหิ ารจัดการเชิงประจักษ๑ทม่ี ีคุณภาพ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหงํ ชาตฉิ บบั ที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564 และพระราชบญั ญตั ิ สถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนพ.ศ. 2546 แก๎ไขเพมิ่ เตมิ ฉบบั ที่ 2 พ.ศ. 2550 (สจวี รรณทรรพวสุ และไสวศริ ทิ อง ถาวร, 2555; สมนกึ เอื้อจริ ะพงษพ๑ นั ธ๑, 2554; สริ ิชัย ดีเลศิ , 2558; สานักงานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา, 2550; สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหํงชาติ สานกั นายกรัฐมนตรี, 2560) ดว๎ ยหลักการทงั้ หมดท่ีอ๎างถึงแล๎วข๎างต๎น สถาบันอุดมศึกษาเอกชนในประเทศไทยจึงได๎เน๎นบทบาท ของตนเองในการสร๎างและเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช๎ในกระบวนการให๎บริการด๎านการศึ กษา ยกตัวอยําง เชนํ มหาวทิ ยาลัยนานาชาติแสตมฟอรด๑ ซึ่งในรอบหลายปที ่ีผํานมา มหาวิทยาลัยนานาชาติแหํงน้ี ไดป๎ ระสบปญ๓ หาด๎านผลการประเมนิ จากสานักงานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา (สมศ.) ดว๎ ย ระดับคะแนนทอ่ี ยูํในเกณฑไ๑ มสํ ูงนกั อกี ทัง้ ปญ๓ หาของนกั ศึกษาที่พบได๎บํอยคือ เร่ืองความไมํสะดวกในการเข๎า รบั บริการดา๎ นการศึกษา โดยทางมหาวทิ ยาลยั ฯ มคี วามเขา๎ ใจในเรอ่ื งน้ีเป็นอยํางดี จึงได๎พัฒนาศูนย๑เพ่ือความ เป็นเลิศด๎านการศึกษา (center for academic excellence) ข้ึนเพ่ือชํวยเหลือและสนับสนุนนักศึกษาให๎ ประสบความสาเร็จในการเรียนระดับอุดมศึกษาตอํ ไป (ประชาชาติธุรกจิ ออนไลน๑, 2555; เอดดูเคช่ัน โซน ทีวี, 2559) การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรรสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ : ความทา้ ทายการจัดการศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 48

มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร๑ดเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนท่ีมีวิทยาเขต 2 วิทยาเขต และ 1 ศนู ยก๑ ารศึกษา ไดแ๎ กํ วทิ ยาเขตพระรามเกา๎ จังหวัดกรุงเทพมหานคร วทิ ยาเขตหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ และศนู ยก๑ ารศกึ ษาอโศกแคมปส๓ จงั หวดั กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัย ฯ จึงได๎นาระบบปฏิบัติการที่เรียกวํา Blackboard Collaborate และระบบการบริการออนไลน๑ตํางๆผํานโครงขํายอินเตอร๑เน็ท มาให๎บริการกับ นักศึกษา คณาจารย๑ผู๎สอน บุคลากร และผู๎เข๎ารับบริการทุกทําน ทั้งน้ีในทิ ศทางที่สัมพันธ๑กันกับการใช๎ เทคโนโลยีสารสนเทศให๎เกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสดุ สถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนจงึ มีความจาเป็นทีต่ ๎องใหค๎ วามสาคญั เชิงลึกเกีย่ วกบั กระบวนการให๎บรกิ ารยุคการศึกษา 4.0 อยํางแท๎จริง เนือ่ งจากสถาบันฯต๎องมีการเตรียมความ พร๎อมกับการเปลีย่ นแปลงในทกุ สถานการณไ๑ ดอ๎ ยาํ งทนั ทํวงที (มหาวิทยาลยั นานาชาตแิ สตมฟอรด๑ , 2560; The World Economic Forum, 2016) ความท๎าทายของสถาบนั การศึกษาเอกชนในยุคการศึกษา 4.0 อีกประการหน่ึง คือความสามารถใน การจดั ระบบปฏิบตั กิ ารด๎านตํางๆในกระบวนการใหบ๎ รกิ าร ทงั้ ทางดา๎ นวชิ าการ ดา๎ นเอกสารงานทะเบียน และ ด๎านบรหิ ารกิจการสวํ นอ่ืนๆ เพอ่ื สงํ เสรมิ ให๎ผ๎รู ับบรกิ ารมีความความพึงพอใจและได๎รับประโยชน๑สูงสุด ดังน้ัน สถาบันฯ จาเป็นต๎องมีความสามารถในการตอบสนองความต๎องการเรอื่ งน้ใี ห๎ได๎ ซ่ึงปจ๓ จุบันหนํวยงานตํางๆ ใน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนได๎มีการพัฒนาระบบการทางานเพื่ อปรับตัวให๎สอดคล๎องกับยุคสมัยที่มีความ เปลีย่ นแปลงอยาํ งรวดเรว็ เพื่อการกา๎ วเปน็ ผน๎ู านวัตกรรมในด๎านตาํ งๆ โดยเฉพาะอยาํ งย่ิงการเป็นผู๎นาด๎านการ ให๎การบริการที่เป็นเลิศผํานเทคโนโลยีสารสนเทศ เรียกได๎วําเม่ือสถาบันฯ มีกระบวนการให๎บริการท่ีดี ผูร๎ บั บริการจะเกดิ ความประทับใจ และเกดิ ความพงึ พอใจ ซึ่งการได๎มาของมาตรฐานกระบวนการให๎บริการนี้ ฝุายบริหารของสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนสามารถกาหนดแผนงานในการปรับปรุงแก๎ไขป๓ญหา และพัฒนางาน บริการ โดยหน่งึ ในเครือ่ งมือทใ่ี ชใ๎ นการกาหนดแผนงานนั้น คือการนากระบวนการPDCA – Plan Do Check Act มาใช๎ได๎อยํางเต็มประสิทธิภาพ เน่ืองจาก PDCA เป็นกระบวนการวางแผน รวมถึงการออกแบบ กระบวนการ การถํายทอดเพ่ือนาข๎อกาหนดไปปฏิบัติ ดาเนินการตามแผนที่วางไว๎ มีการตรวจประเมิน ความก๎าวหนา๎ และมกี ารปรบั ปรุงงานโดยอาศัยผลของการตรวจประเมนิ รวมถึงความต๎องการของผู๎รับบริการ (ตรีเพ็ชร๑ อา่ เมอื ง, 2555; สานกั งานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลยั ศรปี ทุม, 2554; Kim et al., 2017) จากทมี่ าและความสาคญั ของปญ๓ หาทง้ั หมดทไ่ี ด๎อา๎ งถึงแล๎ว คณะผ๎ูวิจัยจึงมีความสนใจศึกษาเกี่ยวกับ กระบวนการให๎บริการยุคการศึกษาไทย 4.0 กรณีศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแหํงหน่ึง ศูนย๑การศึกษาอโศก แคมป๓ส กรงุ เทพมหานคร วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย เพ่ือศึกษากระบวนการให๎บริการยุคการศึกษาไทย 4.0 ของมหาวิทยาลัยเอกชนแหํงหนึ่ง ศูนย๑ การศกึ ษาอโศกแคมป๓ส กรงุ เทพมหานคร คาถามการวจิ ยั กระบวนการให๎บริการยุคการศึกษาไทย 4.0 ของมหาวิทยาลัยเอกชนแหํงหนึ่ง ศูนย๑การศึกษาอโศก แคมป๓ส กรุงเทพมหานครเป็นอยํางไร การประชมุ ทางวิชาการ และเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรรสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ : ความท้าทายการจดั การศึกษาไทยยคุ 4.0ประจาปี 2560 สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย (สสอท.) หนา้ 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook