Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

Published by Aj.pan Rattanaumporn, 2021-11-08 04:14:04

Description: รายงานการวิจัย
การออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้
ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040
Policy Design for Transforming Learning Systems
Responsive to Future Global Changes in 2040

Search

Read the Text Version

160 การสมั ภาษณว์ ิสัยทศั น์การศกึ ษาไทยในปี 2040 เรียน สร้างความสามารถในการปรบั ตัวเขา้ กบั การเปล่ยี นแปลงเพื่อใหผ้ ู้เรียนสามารถเขา้ สู่สังคมการทางาน ผู้เรียนเป็นสื่อกลางการเปลี่ยนแปลง (Change agent) และสง่ เสรมิ การเข้าถงึ ทรพั ยากรความรู้อยา่ งเท่า ห้ไดร้ บั รใู้ นวงกวา้ งโดยทาหน้าทเี่ ปน็ สอื่ กลางระหวา่ งทรัพยากรและผ้เู รียน โดยเฉพาะผเู้ รียนท่ีขาดโอกาส คโนโลยที พ่ี ลิกผันเพ่อื แก้ไขปัญหาที่เผชญิ อยา่ งยงั่ ยนื เป็นทัง้ นักคดิ และนกั ปฏิบัติ เป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี ลาย ทงั้ ในและตา่ งประเทศเพอื่ เข้าใจและสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมที่ให้ความสาคัญกับเศรษฐกิจสีเขยี ว ลาย ทงั้ ในและตา่ งประเทศเพือ่ เข้าใจและสร้างสรรคน์ วัตกรรมทม่ี ีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต์ใชร้ ว่ มกับกระแสการเปลย่ี นแปลงเพอื่ สร้างสรรคว์ ิธีการหรือนวัตกรรมทมี่ คี ณุ คา่ ขา้ หาสงั คมท่ามกลางเทคโนโลยี และใช้เทคโนโลยีให้เกดิ ประโยชนท์ างเศรษฐกจิ บปัจเจกบคุ คล สรา้ งนสิ ยั การแยกขยะ มจี ิตสานึกในการใช้พนื้ ท่สี าธารณะ มการตระหนักรู้ถงึ ความแตกต่างและหลากหลายทางวัฒนธรรมในสังคม กบั บคุ คลท่มี ีความเช่อื และลกั ษณะภายนอกทแี่ ตกต่างได้อยา่ งสนั ติสขุ นให้สามารถเข้าใจและดารงชวี ิตอยใู่ นสถาการการเมอื งท่ีผันแปรได้ าญว่าตวั เองจะไปด้านไหน เป็นเรอ่ื งแรกทีจะชว่ ยยกระดับตัวเอง าการขา้ มสาขารายวชิ าเพอ่ื สร้างนวตั กรรมท่มี มี ูลค่าทางเศรษฐกิจ าให้กับผลผลติ ทเี่ หลือทิง้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผลผลิตในชมุ ชน วดลอ้ ม โดยใช้บรบิ ทของโรงเรียนหรอื ชุมชนเป็นหอ้ งเรียน ามหลกั กฎความและหลกั จริยธรรมคณุ ธรรม นกึ ในการเห็นคุณคา่ และอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม เขา้ ใจและอนรุ ักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มของชุมชน ร็ว คานึงถึงหลกั การกลไกเศรษฐกิจ ปญั ญาทอ้ งถนิ่ (Local wisdom) งการเปิดการค้าเสรแี ละบริการ ะกอบการ (Entrepreneurship) รอง การตรวจสอบ การพฒั นา

ท่ี กลุม่ ผทู้ รงคณุ วุฒิ/ ผลก ผ้มู ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย 25. การเรียนในหอ้ งเรียน 5 วันตอ่ สัปดาห์ยังมคี วามสาคัญจาเป็นต่อผู้เรยี 26. การศกึ ษาผลักดันแนวคดิ การบรโิ ภคสนิ ค้าสเี ขยี วและพัฒนาผลิตภณั ฑ 27. การศกึ ษาเปน็ ระบบทแี่ สดงใหเ้ หน็ รปู แบบและวธิ กี ารมีสว่ นรว่ มทางก 28. การศกึ ษาเป็นระบบทสี่ รา้ งความตระหนกั รู้ถงึ บทบาทและหนา้ ท่ที างก 29. ควรใหค้ วามสาคญั ถึงการเขา้ ถงึ ระบบสาธารณูประโภคขัน้ พน้ื ฐาน เชน่ 30. การศึกษาไทยเปน็ ระบบในการพฒั นาคณุ ภาพคนให้มีความคิดสรา้ งส 31. การศกึ ษาไทยเปน็ ระบบในการพฒั นาการมีสว่ นรวมระหว่างคน (Civi 32. การศึกษาไทยเป็นระบบในการพัฒนาคณุ ภาพคนใหเ้ ป็นพลเมอื งดี (G 33. สนบั สนนุ การจัดการปกครองแบบการจายอานาจ (Decentralizing g 34. การศกึ ษาปลกู ฝังความรับผิดชอบและความเคารพทีม่ ีตอ่ ตนเองและผ 35. เปดิ กวา้ งทางเทคโนโลยี เพอื่ ให้เกดิ ประโยชน์อยา่ งเท่าเทยี มในทุกระด 36. ส่งเสริมความตระหนักร้ทู างธรรมชาติ (Environmental awareness 37. ส่งเสริมความเท่าเทียมทางการเมือง (Political egalitarianism) 38. สามารถประยกุ ต์ใหเ้ ทคโนโลยใี หม่ (Technology Application) 39. ส่งเสริมการเป็นส่วนหนง่ึ ของชมุ ชน (Sense of belonging) 40. รูปแบบการเรยี นควรลดการทอ่ งจา เนน้ ความคดิ สร้างสรรค์ 41. ส่งเสริมแนวคดิ เศรษฐกจิ ยัง่ ยนื (Sustainable economy) 42. เสริมให้เข้าค้นหาตัวเองให้เรว็ ทส่ี ุด โดยเฉพาะเรอ่ื งใหมๆ่ 43. เอาการศกึ ษาไปอยูไ่ กลชมุ ชน เอาโรงเรยี นไปใกลช้ ุมชน 44. สง่ เสริมแนวคิดธุรกิจใหมท่ ี่แกป้ ัญหาสงั คม (Startup) 45. สื่อมผี ลอย่างมากในการสรา้ งการรบั รูใ้ นวงกวา้ ง 46. สร้างสงั คมผสมผสาน (Integrated society) 47. ตอบรบั การเปลย่ี นแปลงได้อย่างรวดเรว็ 48. สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื (Partnership) 49. การเสริมภาษา

161 การสัมภาษณ์วิสยั ทศั นก์ ารศึกษาไทยในปี 2040 ยนระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ฑท์ ่ีเป็นมิตรกับสง่ิ แวดล้อม การเมอื งอย่างสรา้ งสรรค์ การเมอื งของผู้เรียน น ทางเทา้ รถเมล์ สรรค์ (Creativity) ic engagement) Good citizen) governance) ผอู้ ่ืน ดบั s)

ที่ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ/ ผลก ผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสยี 1. โรงเรียนในอนาคตไมต่ ้องเรยี นแบบท่ีเปน็ อยู่ แตจ่ ะตอ้ งเปน็ ส่วนหนง่ึ ที่ข 2.3 พอ่ แม่-ผปู้ กครอง ของเด็กแตล่ ะคน 2. ควรเสรมิ สร้างการจัดการเรยี นร้ตู ัง้ แตท่ ีบ่ า้ น ให้ความสาคญั ตัง้ แต่กระบ กระแสสังคม 3. การเรยี นออนไลน์ จะตอ้ งมีคนควบคมุ ตลอด เพราะเดก็ ทุกคนมพี นื้ ฐาน 4. หลกั สูตรแกนกลางใหน้ ามาทบทวนใหมใ่ ห้ดี ในเชงิ โครงสรา้ ง ไม่ต้องเป 5. การศึกษาไทยเป็นการศกึ ษาทพี่ ฒั นาคุณภาพชีวิตของคนในโดยไมท่ าล 6. การศกึ ษาไทยเปน็ การศึกษาทพี่ ฒั นาคุณภาพชวี ติ ของคนในสังคมให้อย 7. การศกึ ษาไทยเปน็ การศกึ ษาในการใชเ้ ทคโนโลยไี ปในทางท่เี ป็นประโยช 8. การศึกษาสง่ิ แวดลอ้ มเป็นฐานในการเรยี นรเู้ พ่ือเช่ือมโยงสูก่ ารเรียนรแู้ ล 9. ไม่ควรเรียนออนไลน์ เพราะบางครอบครวั ไม่มอี ปุ กรณ์ และไม่สามารถ 10. การศึกษาทีส่ ง่ เสรมิ ให้เกดิ การเคารพสทิ ธิของตนเองและผ้อู ื่น เพ่ือการ 11. การศึกษาไทยเป็นการศกึ ษาทพ่ี ฒั นาทางการเมอื งใหเ้ กดิ ความเสมอภ 12. การศึกษาตอ้ งเอ้ือต่อการออกแบบอาชพี ที่สอดคลอ้ งกบั การเปลี่ยนแป 13. รฐั ตอ้ งมีระบบการจัดเก็บหนว่ ยกิต และเปดิ ให้เทยี บโอนการเรยี นรูปแ 14. การศึกษาต้องเป็นระบบการศกึ ษาทสี่ รา้ งสรรค์ภายใต้สภาพแวดลอ้ มท 15. การศึกษาไทยเปน็ การศึกษาท่สี ามารถทาใหค้ นพัฒนาอาชพี และพฒั น 16. การศึกษาไทยเป็นการศึกษาท่ีทาใหก้ ารเมอื งเปน็ ระบอบที่มีคณุ ธรรมจ 17. การศกึ ษาไทยเปน็ การศึกษาทพ่ี ฒั นาสังคมให้นา่ อยูใ่ นทุกด้าน และทกุ 18. เปิดโอกาสใหแ้ ต่ละเขตพืน้ ทีไ่ ด้ดูแลการจดั การศึกษาด้วยตนเองตามท 19. ผเู้ รยี นยงั ไปเรียนท่โี รงเรยี นตามปกติ แตค่ รูเปลย่ี นแนววธิ ีการสอน 20. ในทางกลบั กัน เรยี นทบี่ ้านกม็ ีขอ้ ดี คือ ลดค่าใช้จ่ายการเดนิ ทางลง 21. ใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งมวี จิ ารณ์ ไม่เกิดผลกระทบกบั สงิ่ แวดล้อม 22. รัฐควรให้การสนับสนุน ระบบ Home School มากยิ่งขน้ึ 23. ความเหล่ือมล้าทางการศึกษาต้องหมดไป 24. ความเสมอภาคทางการศึกษา 25. สง่ เสรมิ จรยิ ธรรม/ ความดี

162 การสมั ภาษณ์วสิ ยั ทศั น์การศกึ ษาไทยในปี 2040 ขน้ึ กบั วถิ ีชวี ิตของผ้เู รยี นต้องมรี ปู ร่างทแ่ี ตกตา่ งหลากหลาย เพอื่ ให้เดก็ เขา้ ไปเลือกเรียนท่ีเหมาะกบั สไตส์ บวนการแยกขยะ แต่เมอ่ื เข้ามาอยูใ่ นระบบของสังคมทาใหเ้ ขาใช้ชีวติ ไดย้ ากขึน้ เพราะตอ้ งไหลไปตาม นทแ่ี ตกต่างกนั ไม่สามารถที่จะน่งั อยูค่ นเดียวได้ (จึงจะตอ้ งมีคนคอยควบคมุ ดูแล) ปลย่ี นแปลงอะไรเลย ใหแ้ ต่ละเขต แตล่ ะพืน้ ทด่ี แู ลกันเอง ลายส่ิงแวดลอ้ มมคี วามตระหนักในเร่ืองสิ่งแวดลอ้ ม ยู่ร่วมกนั อยา่ งมีความสุขและมีความเสมอภาค ชน์และสร้างสรรคเ์ พอ่ื พฒั นาคณุ ภาพชีวิต ละทกั ษะในโลกของความเป็นจริง ถดแู ลบุตรหลานไดด้ ี (ไมม่ เี วลา) รอยู่รว่ มกนั และต้องอยู่ใหไ้ ด้ ภาคในระบอบประชาธิปไตย ปลงและอยไู่ ดอ้ ยา่ งยั่งยืน แบบตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งอิสระ ทีม่ คี วามแตกตา่ งกนั นาเศรษฐกิจ จรยิ ธรรม กช่วงอายุ ทอ้ งท่ี

ท่ี กล่มุ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ/ ผลก ผูม้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสีย 1. การศกึ ษาเน้นใหว้ ิเคราะหต์ ีความแกป้ ัญหาให้ผเู้ รยี นได้พบสง่ิ ต่าง ๆ เช 2.4 ผู้เรียน แกป้ ญั หาอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมตอ่ สถานการณบ์ า้ นเมือง 2. การศกึ ษาไทยเนน้ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ (Critical Thinking) พัฒน แกไ้ ข 3. การศึกษาเน้นให้ผเู้ รียนมจี ิตสานกึ ในการรักษาส่ิงแวดลอ้ มท้ังมลพิษทาง 4. การศึกษาไทยปลกู ฝังจติ สานึกตอ่ สิง่ แวดลอ้ มและสว่ นรวม สรา้ งใหผ้ ้เู รยี 5. การศกึ ษาไทยเปน็ ระบบการศึกษาฝกึ คิดวิเคราะห์ปญั หา ผลกระทบระ 6. การศึกษาเน้นให้ผเู้ รยี นได้ทราบถงึ ระบบเศรษฐกจิ และสามารถนามาปร 7. การศึกษาไทยปลูกฝงั ความรคู้ ่คู ุณธรรม จรยิ ธรรม มารยาททางสงั คม ท 8. การศึกษาไทยเปน็ ระบบการศกึ ษาอจั ฉรยิ ะ พัฒนาคนใหส้ ามารถปรับต 9. การศกึ ษาไทยสอนการทาบัญชเี พ่อื ปลกู ฝงั ทกั ษะการบรหิ ารจัดการเงนิ 10. การศกึ ษาไทยพฒั นาขีดความสามารถในการแข่งขันทางการคา้ ของผเู้ 11. การศกึ ษาไทยเนน้ ฝึกฝนทกั ษะประชาธปิ ไตยแบบมสี ว่ นรว่ มของภาคป 12. การศึกษาไทยเปน็ ระบบจาลองสงั คมประชาธิปไตยในหอ้ งเรยี น เปดิ ก 13. การศึกษาเปิดโลกทศั นด์ ้านการเมืองใหแ้ กป่ ระชาชน ให้ความรแู้ บะขอ้ 14. ระบบการศึกษาไทยประสาทความรู้จากห้องเรียนควบคกู่ บั การเรียนอ 15. การศึกษาทีม่ ่งุ เนน้ การเป็นมนุษยใ์ หผ้ ู้เรยี นมีคุณธรรม และจรยิ ธรรมใ 16. การศกึ ษาไทยเนน้ การค้นควา้ วจิ ยั นวัตกรรมสิ่งแวดลอ้ มเพื่อลดกรทาล 17. การศกึ ษาไทยเปน็ ระบบการสอนใหผ้ เู้ รียนมีทักษะแนวคดิ ตามทันและ 18. การศึกษาไทยใช้ระบบการปฏิบตั ิการทดลอง รเิ ริม่ ทาโครงงาน เพื่อส่ง 19. การศึกษาไทยใช้เทคโนโลยปี ัญญาประดิษฐแ์ ละห่นุ ยนต์ควบคกู่ ับการส 20. การศึกษาไทยเนน้ การใหค้ วามรูด้ า้ นพลงั งานทดแทน พลังงานสะอาด 21. การศกึ ษาไทยสอนการใช้และการเปน็ เจา้ นายเทคโนโลยเี พื่อลดปญั หา 22. การศึกษาไทยเน้นการใหค้ วามรูใ้ นภาวะฉกุ เฉินเม่ือเกดิ ภัยธรรมชาติเพ 23. การศึกษาพัฒนาบุคลากรให้มคี ุณภาพและมคี ุณธรรมเพือ่ พฒั นาคุณภ 24. การศึกษาไทยเน้นการสอนตรรกะ และกลไกตลาด สง่ เสริมการลงทุน 25 การศกึ ษาไทยสนับสนนุ การสร้างธรุ กจิ SME เน้นให้ผูเ้ รยี นสามารถปร 26. การศกึ ษาท่ผี ู้เรียนม่งุ เน้นใหเ้ คารพกฎหมายของประเทศตา่ ง ๆ เชน่ กฎ

163 การสมั ภาษณ์วสิ ยั ทศั นก์ ารศึกษาไทยในปี 2040 ชน่ สทิ ธทิ จี่ ะมีชีวติ ความเป็นธรรม ความยุตธิ รรม และใหเ้ กดิ ความขดั แย้งนอ้ ยท่ีสุด และให้ทราบถงึ วธิ ีการ นาคนใหม้ ีความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ปญั หา ความสาคัญ ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลกระทบและแนวทางการ งน้า เช่น ไมป่ ล่อยของเสยี ทาลายนา้ มลพษิ ทางอากาศ การทิ้งขยะในทสี่ าธารณะและการทาลายปา่ ไม้ ยนมจี ิตอาสา อนรุ กั ษธ์ รรมชาติ เลือกใช้ผลิตภณั ฑ์ทีม่ ีกระบวนการผลติ ทเ่ี ป็นมิตรกับสง่ิ แวดลอ้ ม ะยะสน้ั และระยะยาวเพื่อสนับสนุนการมสี ่วนร่วมทางความคิดเหน็ ของประชาชนต่อการเมอื ง ระยุกต์ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละสามารถสง่ เสริมเศรษฐกิจภายในประเทศได้ด้วยตัวผู้เรยี นเอง ทางปฏิบัตมิ ากกวา่ ทางทฤษฎี เพ่อื พฒั นาคนให้สามารถปรับใช้ความร้ใู นชีวิตประจาวนั ตัวเข้ากับเศรษฐกจิ ดิจิทัล สนบั สนุนการสร้ างอาชีพและประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีในอาชพี น การอดออม และการวางแผนลงทนุ เพอ่ื พฒั นาคนให้มคี ณุ ภาพสามารถจัดการหนี้สิน เรยี นเพอ่ื ปรับตวั ตอบรบั การเปดิ เสรีทางการคา้ ที่ส่งผลให้อัตราการแข่งขันสงู ประชาชนใหค้ วามรู้ในบทบาทหนา้ ทรี่ วมถงึ สิทธิเสรภี าพแก่ประชาชน กวา้ งทางความคดิ เห็น เพอ่ื พัฒนาคนใหก้ ลา้ แสดงออกอยา่ งสรา้ งสรรค์ อมลู เก่ยี วกบั การเมอื งของตา่ งประเทศเพ่ือศึกษาปญั หาและผลกระทบ ออนไลน์มีสือ่ การสอน แหลง่ สบื ค้นออนไลนท์ ี่นาเสนอข้อมลู ทันสมยั ให้เกยี รติผูอ้ ่นื ท้งั ในดา้ นเพศสภาพ ศาสนา ฐานะและชาติพันธ์ุ ลายสิ่งแวดล้อมหรอื ทดแทนกรรมวธิ กี ารทาลายสิง่ แวดล้อม ะนาหน้าเทคโนโลยี เนน้ ฝึกฝนทักษะการพัฒนาเทคโนโลยี งเสริมความคดิ สร้างสรรคแ์ ละการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี สอนเพอื่ พัฒนาคนให้สามารถปรบั ตวั เขา้ กับนวตั กรรม ดในอตุ สาหกรรมและกระบวนการการผลติ การขนส่ง าการถูกแทนทีใ่ นหนา้ ทห่ี รืออาชพี ดว้ ยเทคโนโลยี พอ่ื ลดความเสียหายทีเ่ กิดต่อชีวิตและทรัพย์สนิ ภาพการเมอื งใหโ้ ปรง่ ใสและสจุ รติ นในตลาดหุน้ ทอง bitcoin ฯลฯ ระยุกตใ์ ช้ความรูส้ ู่ธุรกจิ ไดจ้ รงิ ฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา

ท่ี กลุม่ ผทู้ รงคณุ วุฒิ/ ผลก ผ้มู ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย 27. การศึกษาทม่ี ่งุ เน้นให้ผเู้ รยี นสามารถประยกุ ตใ์ ชช้ วี ิตในดา้ นตา่ ง ๆ อย 28. การศึกษาไทยเนน้ การประยกุ ตใ์ ช้องคค์ วามรู้สู่การพัฒนาสังคมมากกว 29. การศกึ ษาไทยเป็นระบบการศกึ ษาอัจฉริยะ เน้นศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยแี 30. การศกึ ษาไทยส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นสามารถนานวัตกรรมสิ่งแวดลอ้ มไปพัฒ 31. การศึกษาเพ่ือจิตสานกึ จรยิ ธรรมในการเข้าถงึ การเมืองไม่เอาเปรยี บค 32. การศึกษาที่ม่งุ เนน้ ใหค้ านงึ ถึงความเหมาะสม และกาลเทศะตาวมสถา 33. การศึกษาไทยเปดิ เสรี เป็นแบบปัจเจกเพอ่ื ลดความตงึ เครียดและคา่ น 34. การศึกษาที่พฒั นาให้ผู้เรยี นรพู้ ้นภยั อนั ตรายในอนิ เตอร์เนต็ และไซเบอ 35. การศกึ ษาท่มี ุง่ เน้นใหผ้ ู้เรยี นตระหนกั ถึงหนา้ ทขี่ องตนเองในการรักษา 36. การศกึ ษาที่มุ่งเนน้ ให้ผเู้ รียนประยกุ ตใ์ ช้นวัตกรรมในการขับเคลือ่ นธุรก 37. การศึกษาที่มุ่งเน้นให้ผู้เรยี นเคารพกฎกตกิ าโลกไซเบอร์

164 การสัมภาษณว์ สิ ยั ทศั น์การศกึ ษาไทยในปี 2040 ยา่ งเหมาะสมและมคี ุณภาพ ว่าการเรียนรเู้ ชิงทฤษฎี และขอ้ มลู ที่ทันสมยั ฒนาชมุ ชนของตน คดโกงประชาชน านการณต์ า่ ง ๆ นยิ มของสังคม อร์ (Cyber) าธรรมชาติ กจิ ตา่ ง ๆ

165 จากตารางท่ี 4.5 สามารถจัดกลุ่มผลการสัมภาษณ์ได้เป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ระบบ การศึกษาไทยมีความเป็นผู้นาในการพัฒนาคนที่มีคุณภาพสูง ในการเป็นผู้นาการเปล่ียนแปลงให้มี ชีวิตท่ีมีคุณค่า กลุ่มท่ี 2 ระบบการศึกษาไทยมีความเป็นผู้นาในการพัฒนาคนท่ีมีคุณภาพสูง มีขีด ความสามารถในการสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่พึงประสงค์ กลุ่มที่ 3 ระบบการศึกษาไทยมีความเป็นผนู้ า ในการพัฒนาคนท่ีมีคุณภาพสูง มีขีดความสามารถในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ท่ีพึงประสงค์ กลุ่ม ที่ 4 ระบบการศึกษาไทยมีความเป็นผู้นาในการพัฒนาคนท่ีมีคุณภาพสูง มีขีดความสามารถในการ สร้างสรรค์เศรษฐกิจใหม่ที่พึงประสงค์ กลุ่มที่ 5 ระบบการศึกษาไทยมีความเป็นผู้นาในการพัฒนาคน ที่มีคุณภาพสูง มีขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ส่ิงแวดล้อมใหม่ท่ีพึงประสงค์ และกลุ่มท่ี 6 ระบบ การศึกษาไทยมีความเป็นผู้นาในการพัฒนาคนท่ีมีคุณภาพสูง มีขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ การเมืองใหม่ท่ีพึงประสงค์ สามารถสังเคราะห์ได้ดังตารางท่ี 4.6 (ร่าง) วิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040

166 1.3.2 ผลการ (รา่ ง) วสิ ยั ทัศนก์ ารศกึ ษาไทยในปี 2040 จากผลการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องผู้วิจัยได้นาผลการวิเคราะห์เน้ือหา มาสงั เคราะห์จดั กลุม่ เปน็ (ร่าง) วสิ ยั ทศั น์การศกึ ษาไทยในปี 2040 ดงั น้ี ตารางท่ี 4.6 (รา่ ง) วสิ ยั ทศั นก์ ารศึกษาไทยในปี 2040 ผลการจดั กลุ่มขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์ กลุ่มที่ 1 ระบบ 1. การศึกษาไทยสร้างสังคมแหง่ การเรียนรู้ ผเู้ รียนทกุ คนมีศักยภาพแหง่ การเรยี นรู้ ท่ีทุกภาคสว่ นมสี ่วน การศึกษาไทยมีความ ร่วมในการจดั การศกึ ษา สง่ เสริมการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย ลดบทบาทของการศกึ ษาในระบบและ เปน็ ผู้นาในการพฒั นา การศกึ ษาภาคบงั คบั โดยเพิ่มประสิทธภิ าพการเทยี บโอนคุณวฒุ ิเพื่อใหก้ ารศกึ ษาหลุดออกจากกรอบของ คนทีม่ คี ณุ ภาพสูง ใน หอ้ งเรียน สถานศึกษาเอกชนเปน็ หนว่ ยงานทสี่ ่งเสรมิ การจดั การศกึ ษาของภาครฐั และรัฐให้การ การเปน็ ผู้นาการ สนบั สนุนสถานศกึ ษาตามความตอ้ งการจาเปน็ ทีแ่ ทจ้ รงิ เปลี่ยนแปลงใหม้ ชี วี ติ 2. ผบู้ ริหารต้องเปน็ กรรมการผจู้ ดั การใหญ่ ตอ้ งเป็นนกั การตลาด นักประชาสัมพันธ์ นกั โฆษณา นัก ท่ีมีคุณคา่ เศรษฐศาสตร์ เพ่อื เตรยี มพรอ้ มส่โู ลกของการแขง่ ขัน เพราะกาไรของโรงเรียนคือคณุ ภาพของผเู้ รยี น แตก่ ็ ตอ้ งคานงึ ถึงมลู ค่าของเงนิ ท่ีนามาบรหิ ารให้การจัดการเรยี นรูม้ ีคณุ ภาพสงู สดุ 3. ระดบั โรงเรยี น การวัดและประเมนิ ผลตอ้ งเปลย่ี นเปน็ การประเมนิ จากการสงั เกตการพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรยี น โดยเรมิ่ จากการจัดทาหลักสตู รสถานศกึ ษา ทจ่ี ะตอ้ งมกี ารกระจายอานาจลงสู่ท้องถิ่น มคี วาม ยืดหยนุ่ ในช่ัวโมงการเรยี นรู้ ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งบังคับจานวนช่ัวโมงเพอ่ื จบหลกั สูตร 4. ระดับ กระทรวง รฐั มนตรีต้องเป็นนกั การศึกษาอยา่ งแท้จริง การเปลีย่ นแปลงต้องมนี ักการศกึ ษาตั้งแต่ ระดับสถานศึกษาเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั การกาหนดนโยบายอยา่ งแท้จรงิ ในระดับสถานศกึ ษาเปน็ การ สารวจเรอ่ื งของความตอ้ งการจาเป็น ระดับสภาเพือ่ การขออนุมัตงิ บประมาณตอ้ งมองดูวา่ มีความ เหมาะสมถูกตอ้ งหรือมีความเปน็ ไปได้หรือไมใ่ นหลกั การ 5. ระดับ สพฐ. โครงสร้างการบรหิ ารต้องสัน้ ลง ผปู้ ระสานงานสู่สถานศกึ ษาจะตอ้ งมีความชัดเจน รวดเรว็ มีผตู้ ดิ ตามและตรวจสอบ ฝา่ ยบริหารตอ้ งมีการสง่ เสริม สนบั สนุน ไมใ่ ชม่ หี น้าทีเ่ ปน็ ผบู้ งั คบั บัญชาเพ่อื ประมิน 6. โรงเรยี นในอนาคตไม่ตอ้ งเรียนแบบท่ีเป็นอยู่ แตจ่ ะตอ้ งเป็นส่วนหน่ึงทขี่ น้ึ กบั Learning Style ของ ผู้เรยี นตอ้ งมีรูปร่างท่แี ตกต่างหลากหลาย เพือ่ ให้เดก็ เขา้ ไปเลือกเรียนท่ีเหมาะกบั สไตส์ของเด็กแต่ละคน 7. การศกึ ษาไทยเน้นกระบวนการคดิ วิเคราะห์ (Critical Thinking) พัฒนาคนให้มีความสามารถดา้ นการ คิดวิเคราะห์ปัญหา ความสาคัญ ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลกระทบและแนวทางการแกไ้ ข 8. การศึกษาสรา้ งความตระหนักรู้ถงึ การมีอยู่ของทรพั ยากรและโอกาสใหไ้ ดร้ ับรู้ในวงกว้างโดยทาหน้าที่ เป็นส่ือกลางระหวา่ งทรัพยากรและผเู้ รียน โดยเฉพาะผเู้ รยี นที่ขาดโอกาส 9. เปิดการเรยี นการสอนในลักษณะคอรส์ วิชา ตาม level ที่ผ้เู รียนต้องการนาไปใช้ ตอบสนองความ ตอ้ งการของผเู้ รยี น ทาให้ผเู้ รยี นมสี มรรถนะตามความจาเปน็ ในอนาคต 10. การปรับระบบโครงสร้างเชิงอานาจภายในโรงเรียน การลดอานาจของผมู้ อี านาจ ผู้เรยี นไดใ้ ชอ้ านาจ ที่ตนเองมี และใช้ได้อยา่ งเหมาะสม ส่งผลให้ผู้เรียนคดิ เป็น 11. มีการประเมินการจัดการเรียนการสอนของครู ให้ดูท่ีกระบวนการจัดการเรยี นรขู้ องครู เพราะเชือ่ มนั่ วา่ ถา้ ครสู อนดกี จ็ ะสง่ ผลลัพธท์ ่ดี ีตอ่ ตวั ของผ้เู รียน 12. การศึกษาเป็นระบบท่ีส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รยี นนาประสบการณเ์ ดิมมาประยกุ ตใ์ ช้รว่ มกบั กระแสการ เปล่ยี นแปลงเพ่อื สรา้ งสรรคว์ ธิ กี ารหรือนวัตกรรมทมี่ ีคณุ ค่า 13. โรงเรียนในอนาคต จะมีลักษณะในการสอนศาสตร์เฉพาะทางมากยงิ่ ข้ึน มลี ักษณะคลา้ ยกบั สานกั วชิ า ท่ีใหผ้ ูเ้ รยี นท่ีสอนใจในศาสตร์นนั้ ๆ เขา้ มาเรียน 14. การเรยี นรู้ตลอดชีวิตทเี่ นน้ การปฏิบตั ลิ งมือทา การทางานรว่ มกนั เพ่ือสรา้ งสรรค์แนวคดิ ในการแกไ้ ข ปัญหาต่าง ๆ เรยี นร้อู ยา่ งมเี ป้าหมาย 15. การศกึ ษาสง่ เสริมให้ผู้เรยี นเปน็ ทูตสิ่งแวดล้อม มที ักษะการสื่อสารและทกั ษะระหวา่ งบคุ คล เห็นแก่ ประโยชนส์ ว่ นรวม มจี ติ ใจชว่ ยเหลอื 16. การศกึ ษาเพ่อื การดารงชีวิตอย่างมคี วามสุข สรา้ งการเรียนร้เู พือ่ ไปสู่ชีวิตทม่ี ีคุณค่าของตนเอง พึ่งพา ตนเองไดด้ ี ไม่ก่อปญั หาให้ผู้อ่นื

167 ผลการจัดกลุม่ ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสมั ภาษณ์ 17. คนอาชีวะต้องมวี นิ ยั และรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ตรงตอ่ เวลา มีความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา และมี สมั มาคารวะ ออ้ นนอ้ มถอ่ มตน 18. หลกั สตู รแกนกลางใหน้ ามาทบทวนใหมใ่ หด้ ี ในเชงิ โครงสร้าง ไมต่ อ้ งเปลีย่ นแปลงอะไรเลย ให้แต่ละ เขต แตล่ ะพน้ื ทีด่ ูแลกนั เอง 19. โรงเรยี นในอนาคตจะต้องมีลกั ษณะเปดิ มากขึน้ คือให้ผูเ้ รียนมีโอกาสได้เลอื กวา่ จะเรยี น/ไม่เรยี นอะไร ผู้เรยี นเจอตวั ตนเร็วขนึ้ 20. ครทู าหนา้ ทใี่ นการสร้างแรงบนั ดาลใจ ใหค้ าปรึกษา และควบคมุ ให้เกิดการปฏิบตั อิ ย่างตอ่ เนอ่ื ง (เหมือน fitness trainer) 21. ในอนาคต ระบบการศึกษาตอ้ งมคี วามยืดหยุ่นมากขน้ึ และจะตอ้ งควรคุมได้ดว้ ย มที างเลอื กท่ี หลากหลายใหก้ บั ผู้เรยี น 22. การจัดการให้เกิดการเรียนรู้ ผูจ้ ัดการเรียนรู้ตอ้ งเกง่ มีห้องเรียนทีแ่ ตกตา่ ง เด็กในแต่ละวยั เรียนตาม ศกั ยภาพ 23. การศกึ ษาตอ้ งสรา้ งเด็กให้เป็นผู้ใหญ่ทีเ่ ร็วขนึ้ ใหส้ ามารถเขา้ สวู่ ยั ทางานทีเ่ ร็วข้นึ มเี ปา้ หมายชวี ิตทีเ่ รว็ ขึ้น 24. การเรยี นในหอ้ งเรียน 5 วันตอ่ สัปดาห์ยงั มคี วามสาคัญจาเปน็ ตอ่ ผ้เู รียนระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 25. โรงเรยี นในอนาคต จะเปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ องคนทกุ คน รวมถึงแชรแ์ หลง่ เรียนรูร้ ะหว่างกันมากขนึ้ 26. รัฐต้องมรี ะบบการจัดเก็บหนว่ ยกิต และเปดิ ให้เทยี บโอนการเรยี นรปู แบบตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งอิสระ 27. ใชร้ ปู แบบการศกึ ษานอกระบบทั้งหมด โดยแบง่ เปน็ 2 สว่ น คือ สว่ นความรู้ และส่วนวชิ าชีพ 28. นยิ มในหลักคิดดา้ นพฤตกิ รรมนยิ ม สง่ ผลใหเ้ กดิ ชอ่ งวา่ ง (ความห่าง) ระหวา่ งครกู บั ผเู้ รียน 29. การศึกษาตอ้ งเปน็ ระบบการศกึ ษาท่สี ร้างสรรค์ภายใต้สภาพแวดลอ้ มทม่ี ีความแตกตา่ งกัน 30. ทบทวนแนวทางการผลิตครู โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในด้านการจดั การพฤตกิ รรมของผเู้ รยี น 31. ควรใหค้ วามสาคัญถึงการเขา้ ถึงระบบสาธารณูประโภคข้นั พืน้ ฐาน เช่น ทางเทา้ รถเมล์ 32. การศกึ ษาไทยเปน็ ระบบในการพฒั นาคุณภาพคนใหม้ ีความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 33. 4 drive: Drive to acquire, Drive to learn, Drive to relate, Drive to defend 34. โรงเรยี นต้องออกแบบหลกั สูตรไม่เนน้ ทผี่ ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผเู้ รียน 35. เปดิ โอกาสให้แตล่ ะเขตพื้นทีไ่ ดด้ ูแลการจดั การศกึ ษาดว้ ยตนเองตามทอ้ งที่ 36. ควรปรับลดระยะวลาในการศึกษา ม.1-ม.6 โดยอาจลดลงเหลือแค่ 4 ปี 37. ผเู้ รียนยังไปเรยี นทโ่ี รงเรียนตามปกติ แต่ครเู ปลย่ี นแนววิธกี ารสอน 38. อาชีวะสรา้ งคนดีสสู่ ังคม ปลูกฝงั จติ สาธารณะ เทา่ ทันเทคโนโลยี 39. การกาหนดคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และสมรรถนะที่จาเป็น 40. รูปแบบการเรียนควรลดการท่องจา เน้นความคิดสรา้ งสรรค์ 41. อานวยการจดั การให้เดก็ เกดิ การเรยี นรู้ เขา้ ใจโลกเขา้ ใจชวี ิต 42. รัฐควรให้การสนับสนนุ ระบบ Home School มากย่ิงขึน้ 43. ส่งเสรมิ การเปน็ สว่ นหน่ึงของชมุ ชน (Sense of belonging) 44. เสริมใหเ้ ขา้ คน้ หาตวั เองใหเ้ ร็วทีส่ ดุ โดยเฉพาะเร่อื งใหม่ ๆ 45. การสร้างการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ใหเ้ กดิ ข้นึ อยา่ งเป็นรูปธรรม 46. ลดรายวชิ าบังคบั ลง เพิ่มทางเลือกให้ผ้เู รียน 47. ควรลดขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ านของโรงเรียนลง 48. พอใจจะออกจากระบบการศึกษาเมอื่ ใดก็ได้ 49. ให้ความสาคัญกับการเรียนรแู้ บบรายบุคคล 50. เนน้ การพัฒนาทักษะทส่ี ามารถา่ ยโอนได้ 51. โรงเรียนตอ้ งเปน็ นติ ิบคุ คล โดยสมบรู ณ์ 52. ตอบรับการเปลย่ี นแปลงได้อยา่ งรวดเร็ว 53. การเรยี นรู้ทก่ี ระตนุ้ การคิดสรา้ งสรรค์ 54. เน้นการพัฒนาทกั ษะภายในตวั บคุ คล 55. เนน้ การฝึกภาษาท่มี ากกวา่ 2 ภาษา 56. สง่ เสริมความร่วมมอื (Partnership)

168 กลุ่มที่ 2 ระบบ ผลการจดั กลมุ่ ข้อมูลที่ไดจ้ ากการสมั ภาษณ์ การศึกษาไทยมคี วาม เปน็ ผนู้ าในการพัฒนา 57. พลกิ โฉมการจดั การศกึ ษาไทย คนทม่ี ีคณุ ภาพสูง มี 58. เนน้ การพัฒนาทกั ษะรว่ มสมัย ขีดความสามารถใน 59. ลดความร้เู นอื้ หา เชีย่ วชาญลง การสร้างสรรคส์ ังคม ใหมท่ ี่พึงประสงค์ 1. การศกึ ษาเปน็ เครอ่ื งมือในการลดความเหลอ่ื มลา้ ทางสงั คม ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนเป็นสือ่ กลางการ เปล่ยี นแปลง (Change agent) และส่งเสริมการเข้าถึงทรพั ยากรความรอู้ ย่างเท่าเทยี ม ไม่กระจกุ ตวั กลมุ่ ท่ี 3 ระบบ 2. การศึกษาไทยปลูกฝงั ความรูค้ ู่คุณธรรม จริยธรรม มารยาททางสังคม ทางปฏิบัตมิ ากกวา่ ทางทฤษฎี การศกึ ษาไทยมีความ เพ่ือพัฒนาคนใหส้ ามารถปรบั ใช้ความรู้ในชวี ิตประจาวัน เป็นผู้นาในการพฒั นา 3. เน้นการใชห้ ลักคดิ เกยี่ วกบั มนุษยนยิ มใหม้ ากข้นึ เพอ่ื สรา้ งพืน้ ทป่ี ลอดภยั ใหก้ บั ผเู้ รียน และทาให้ คนท่มี คี ณุ ภาพสูง มี ผู้เรียนมคี วามพร้อมในการใชช้ วี ิตในสงั คมอนาคต ขีดความสามารถใน 4. การศกึ ษาควรสร้างให้คนไทยมีปฏิสัมพนั ธ์กับผอู้ ่ืนและสิง่ แวดลอ้ มมากขนึ้ สรา้ งความเขา้ ใจในความ แตกตา่ ง ลดความเหล่อื มลา้ ระหวา่ งชนชนั้ 5. การศกึ ษาไทยสร้างความเปน็ ส่วนหนงึ่ ของสงั คมให้แก่ผู้เรียน สง่ เสริมการตระหนักรถู้ งึ ความแตกต่าง และหลากหลายทางวัฒนธรรมในสงั คม 6. การศึกษาสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนมคี วามสามารถในการทางานและอยูร่ ว่ มกบั บคุ คลทม่ี ีความเชอื่ และ ลกั ษณะภายนอกที่แตกต่างไดอ้ ยา่ งสนั ติสขุ 7. การศึกษาทมี่ งุ่ เนน้ การเปน็ มนุษย์ใหผ้ เู้ รยี นมีคุณธรรม และจรยิ ธรรมให้เกยี รตผิ อู้ ืน่ ทง้ั ในด้านเพศสภาพ ศาสนา ฐานะและชาติพันธ์ุ 8. ทกุ คนมีส่วนรว่ ม Social emotional well-being จิตใจ สงั คม เพื่อให้เขา้ ใจคนอ่นื มากขึน้ เพอื่ ให้อยู่ ร่วมกนั อยา่ งมีความสขุ 9. การศกึ ษาไทยเปน็ การศกึ ษาทีพ่ ฒั นาคุณภาพชวี ิตของคนในสังคมใหอ้ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุขและมี ความเสมอภาค 10. การศกึ ษาสงิ่ แวดล้อมเป็นฐานในการเรยี นรเู้ พอ่ื เช่ือมโยงสกู่ ารเรียนรแู้ ละทกั ษะในโลกของความเป็น จริง 11. การศกึ ษาไทยเปน็ ระบบในการพฒั นาคุณภาพคนผ่านแนวคิดของภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ (Local wisdom) 12. วิสัยทัศน์การศกึ ษาไทยควรสอดคลอ้ งกับวิสยั ทศั นก์ ารศึกษาของชาติ นั่นคอื ม่ันคง ม่ังค่ัง และยง่ั ยนื 13. การศึกษาท่ีผู้เรยี นมุ่งเน้นใหเ้ คารพกฎหมายของประเทศต่าง ๆ เช่นกฎหมายทรัพยส์ นิ ทางปัญญา 14. การศกึ ษาที่มงุ่ เน้นใหผ้ เู้ รียนสามารถประยกุ ต์ใช้ชวี ิตในด้านตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสมและมีคุณภาพ 15. การศึกษาไทยเนน้ การประยกุ ต์ใชอ้ งค์ความร้สู ู่การพฒั นาสงั คมมากกว่าการเรยี นรเู้ ชิงทฤษฎี 16. การศึกษาเพื่อพัฒนาความเช่อื ในความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล และเคารพความเป็นมนุษย์ 17. การศึกษาไทยเปน็ ระบบในการพฒั นาการมีส่วนรวมระหว่างคน (Civic engagement) 18. การศกึ ษาท่ีมุ่งเนน้ ให้คานงึ ถึงความเหมาะสม และกาลเทศะตาวมสถานการณต์ ่าง ๆ 19. การศกึ ษาไทยเปิดเสรี เป็นแบบปัจเจกเพื่อลดความตงึ เครียดและค่านยิ มของสังคม 20. การศึกษาไทยเปน็ การศึกษาทพี่ ฒั นาสงั คมใหน้ ่าอยู่ในทกุ ด้าน และทกุ ชว่ งอายุ 21. ตอ้ งตอบสนองในสง่ิ ทเ่ี รามแี ละปรับตวั ตอนสนองความเปน็ ชาตขิ องไทย 22. เอาการศึกษาไปอยไู่ กลชุมชน เอาโรงเรยี นไปใกลช้ ุมชน 23. สรา้ งสังคมผสมผสาน (Integrated society) 24. ความเหลอื่ มล้าทางการศึกษาต้องหมดไป 25. recognize ให้คนในชุมชนเปน็ ครู 26. ความเสมอภาคทางการศึกษา 27. ส่งเสริมจริยธรรม / ความดี 28. การเสรมิ ภาษา 1. การศกึ ษาไทยในนาคตเปน็ การศกึ ษาท่ีสร้างโอกาสในการเขา้ ถงึ การศกึ ษาทม่ี คี ุณภาพ และสอดคล้อง กับการพัฒนาของแตล่ ะบุคคล ใช้ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีนการจัดการศกึ ษา จัดการเรยี นรู้ได้ คุณภาพอยา่ งชาญฉลาด โดยคานึงถึงความเหลอ่ื มลา้ ทางโอกาสการศึกษา และสนองตอบต่อความ ตอ้ งการของบุคคลและสงั คม

169 การสรา้ งสรรค์ ผลการจัดกล่มุ ข้อมลู ทไี่ ด้จากการสัมภาษณ์ เทคโนโลยใี หมท่ พี่ งึ ประสงค์ 2. การศึกษาส่งเสรมิ การนาความรทู้ างดจิ ทิ ัลมาบูรณาการในการพัฒนาผเู้ รียน สร้างความสามารถในการ ปรบั ตวั เขา้ กับการเปล่ียนแปลงเพื่อให้ผเู้ รียนสามารถเขา้ สูส่ ังคมการทางานได้อยา่ งมีคณุ ภาพ กลุม่ ท่ี 4 ระบบ 3. การศึกษาตอ้ งเปน็ ในรูปแบบของโรงเรยี นดจิ ทิ ัล ท่ีผู้เรยี นสามารถเลือกเรียนในรายวชิ าทสี่ นใจได้ การศกึ ษาไทยมคี วาม สามารถสะสมหนว่ ยกิตและนาไปเทียบโอนเพื่อไดร้ บั วฒุ ิ/ความรู้ เพ่ือนาสูก่ ารประกอบอาชีพ เป็นผู้นาในการพฒั นา 4. การศึกษาเปน็ ระบบสรา้ งบุคคลท่มี ีความสามารถรอบด้านในการใชเ้ ทคโนโลยีที่พลิกผันเพ่อื แกไ้ ข คนทมี่ คี ุณภาพสงู มี ปญั หาท่ีเผชญิ อยา่ งย่ังยนื เป็นทง้ั นกั คดิ และนักปฏิบัติ เปน็ ผู้นาและผ้ตู ามทีด่ ี ขีดความสามารถใน 5. การศกึ ษาสนับการเรยี นรู้เพ่อื ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กับเทคโนโลยแี ละปรบั ตวั เขา้ หาสงั คมทา่ มกลางเทคโนโลยี การสรา้ งสรรค์ และใช้เทคโนโลยีใหเ้ กดิ ประโยชนท์ างเศรษฐกจิ 6. การศึกษาไทยเป็นระบบการศึกษาอจั ฉรยิ ะ พฒั นาคนใหส้ ามารถปรบั ตัวเขา้ กบั เศรษฐกจิ ดจิ ิทัล สนับสนนุ การสร้ างอาชีพและประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีในอาชพี 7. การเรียนออนไลน์ จะตอ้ งมีคนควบคมุ ตลอด เพราะเด็กทกุ คนมีพนื้ ฐานทแี่ ตกตา่ งกนั ไม่สามารถทจ่ี ะ นงั่ อยคู่ นเดยี วได้ (จึงจะตอ้ งมคี นคอยควบคมุ ดูแล) 8. ระบบการศกึ ษาไทยประสาทความรจู้ ากหอ้ งเรยี นควบค่กู บั การเรยี นออนไลน์มสี อื่ การสอน แหลง่ สบื ค้นออนไลน์ทน่ี าเสนอขอ้ มลู ทนั สมยั 9. เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนเขาถงึ ดิจิทัลเหล่าน้กี อ่ น แลว้ คอ่ ยหาความเชยี่ วชาญวา่ ตวั เองจะไปดา้ นไหน เป็น เรอื่ งแรกทจี ะช่วยยกระดบั ตัวเอง 10. การศกึ ษาไทยเป็นระบบการสอนใหผ้ ูเ้ รยี นมีทักษะแนวคิดตามทนั และนาหนา้ เทคโนโลยี เนน้ ฝึกฝน ทกั ษะการพฒั นาเทคโนโลยี 11. การศึกษาไทยใช้ระบบการปฏิบตั กิ ารทดลอง ริเริ่มทาโครงงาน เพื่อส่งเสริมความคดิ สร้างสรรค์และ การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี 12. การศึกษาไทยใช้เทคโนโลยปี ัญญาประดษิ ฐ์และหนุ่ ยนต์ควบคกู่ ับการสอนเพอื่ พัฒนาคนให้สามารถ ปรบั ตวั เขา้ กับนวตั กรรม 13. การศึกษาไทยสอนการใช้และการเปน็ เจา้ นายเทคโนโลยเี พ่อื ลดปญั หาการถูกแทนท่ีในหนา้ ทห่ี รอื อาชพี ด้วยเทคโนโลยี 14. การศกึ ษาสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถใช้สอ่ื เทคโนโลยีได้อยา่ งถูกต้องตามหลักกฎความและหลกั จริยธรรมคณุ ธรรม 15. การศึกษาไทยเป็นการศึกษาในการใชเ้ ทคโนโลยีไปในทางทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ละสร้างสรรคเ์ พอ่ื พัฒนา คณุ ภาพชวี ติ 16. ไม่ควรเรียนออนไลน์ เพราะบางครอบครัวไมม่ อี ปุ กรณ์ และไม่สามารถดูแลบุตรหลานได้ดี (ไมม่ เี วลา) 17. การนาความรู้ในหอ้ งเรียน มาใชใ้ นการทางาน ชวี ิตจริง การเรียนเรือ่ ง matrix เกีย่ วกับการแต่งรูป 18. การศึกษาไทยเปน็ ระบบการศึกษาอัจฉรยิ ะ เนน้ ศึกษาดว้ ยเทคโนโลยีและข้อมูลท่ที นั สมยั 19. สามารถประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ สรา้ งเสริมองค์ความร้แู ละโอกาสในการพฒั นาตนเอง 20. การศกึ ษาทพ่ี ัฒนาใหผ้ ู้เรยี นรู้พ้นภยั อนั ตรายในอนิ เตอรเ์ น็ตและไซเบอร์ (Cyber) 21. เรือ่ งของ Quantum Computing Genetics materials เข้ามาเกยี่ วขอ้ ง 22. เปดิ กว้างทางเทคโนโลยี เพอื่ ให้เกดิ ประโยชนอ์ ย่างเทา่ เทยี มในทกุ ระดบั 23. ในทางกลับกัน เรียนทบ่ี า้ นก็มีข้อดี คอื ลดค่าใช้จา่ ยการเดนิ ทางลง 24. สามารถประยกุ ตใ์ หเ้ ทคโนโลยีใหม่ (Technology Application) 25. ใชเ้ ทคโนโลยีอย่างมีวจิ ารณ์ ไมเ่ กิดผลกระทบกับสิง่ แวดล้อม 26. การศกึ ษาทีม่ ุง่ เน้นใหผ้ ู้เรยี นเคารพกฎกตกิ าโลกไซเบอร์ 27. คนไทยสามารถจัดการความรู้ไดเ้ อง ผ่านเทคโนโลยี 28. สอื่ มผี ลอย่างมากในการสร้างการรบั ร้ใู นวงกว้าง 1. การศกึ ษาไทยสง่ เสรมิ การต่อยอดนวตั กรรมและนานวัตกรรมมาปรบั ใชใ้ ห้เขา้ กับบริบทท้องทผ่ี า่ นการ พัฒนาความเช่ยี วชาญเฉพาะ สง่ เสรมิ ทักษะทเ่ี ป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรมเพือ่ สรา้ งโอกาสให้ แรงงาน เพมิ่ คุณภาพสินค้า ลดตน้ ทุน ดงึ ดูดการลงทนุ 2. การศึกษาเนน้ ใหผ้ เู้ รียนได้ทราบถึงระบบเศรษฐกิจและสามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และ สามารถสง่ เสริมเศรษฐกิจภายในประเทศได้ด้วยตวั ผู้เรยี นเอง

170 เศรษฐกิจใหม่ที่พึง ผลการจดั กลุ่มข้อมูลท่ีไดจ้ ากการสมั ภาษณ์ ประสงค์ 3. วิสนั ทศั นต์ ้องสอดรบั กบั วสิ ัยทัศน์ของภาพอุตสาหกรรมในการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์การเกษตรไทยให้มี กลุ่มที่ 5 ระบบ คณุ ภาพและราคาทัดเทยี มกับตลาดโลก เพ่อื เปน็ ’อาหารโลก’ การศกึ ษาไทยมีความ 4. การศกึ ษาไทยสอนการทาบญั ชีเพอ่ื ปลกู ฝงั ทกั ษะการบรหิ ารจัดการเงิน การอดออม และการวางแผน เปน็ ผ้นู าในการพฒั นา ลงทนุ เพอ่ื พัฒนาคนให้มคี ณุ ภาพสามารถจัดการหนส้ี นิ คนท่ีมีคณุ ภาพสูง มี 5. การศกึ ษาเปน็ ระบบท่ีสง่ เสริมให้ผูเ้ รียนเรียนร้จู ากแหลง่ ที่มาที่หลากหลาย ทงั้ ในและต่างประเทศเพื่อ ขีดความสามารถใน เขา้ ใจและสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมทม่ี ีมูลคา่ ทางเศรษฐกิจ การสร้างสรรค์ 6. การศกึ ษาสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื กับสถานประกอบการ สร้างประสบการณน์ อกหอ้ งเรยี น ส่งเสริมการ สง่ิ แวดล้อมใหม่ท่พี งึ คิดแกป้ ัญญาและมองภาพกว้างของเศรษฐกิจ ประสงค์ โลก 7. การศกึ ษาไทยพัฒนาขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ทางการคา้ ของผ้เู รียนเพอื่ ปรบั ตวั ตอบรบั การเปดิ เสรีทางการค้าทส่ี ่งผลใหอ้ ตั ราการแขง่ ขนั สูง 8. สถานประกอบการตอ้ งมสี ่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษา ทั้งทางตรง คอื ทาโรงเรยี นเอง หรอื การไปมี ส่วนรว่ ม เชน่ การทาหลกั สูตรทวภิ าคี 9. การศกึ ษาไทยส่งเสริมสมรรถนะทหี่ ลากหลาย และส่งเสริมการบรู ณาการขา้ มสาขารายวชิ าเพอื่ สร้าง นวัตกรรมทีม่ มี ูลค่าทางเศรษฐกิจ 10. การศึกษาไทยเปน็ ระบบท่สี ง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเห็นคณุ ค่าและสร้างมลู ค่าให้กับผลผลติ ท่เี หลือทงิ้ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ผลผลติ ในชมุ ชน 11. การศกึ ษาไทยเนน้ การใหค้ วามรดู้ ้านพลงั งานทดแทน พลงั งานสะอาดในอตุ สาหกรรมและ กระบวนการการผลิต การขนส่ง 12. การศึกษาเตรยี มพรอ้ มผเู้ รยี นใหร้ บั มอื การเปลี่ยนแปลงได้อยา่ งรวดเรว็ คานึงถงึ หลักการกลไก เศรษฐกิจ 13. การศกึ ษาไทยเนน้ การสอนตรรกะ และกลไกตลาด ส่งเสรมิ การลงทุนในตลาดห้นุ ทอง bitcoin ฯลฯ 14. พัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีความคิดรวบยอด เพื่อปรับตัวตอ่ ระบบเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงด้านอื่น ๆ 15. การศกึ ษาสร้างความเขา้ ใจเร่ืองหลักการ กระบวนการ ผลกระทบของการเปดิ การคา้ เสรีและบรกิ าร 16. การศกึ ษาไทยเปน็ ระบบในการพัฒนาคณุ ภาพคนใหม้ คี วามเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) 17 การศกึ ษาไทยสนับสนนุ การสรา้ งธุรกิจ SME เน้นให้ผูเ้ รียนสามารถประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ส่ธู ุรกิจไดจ้ ริง 18. การศกึ ษาตอ้ งเอ้ือตอ่ การออกแบบอาชพี ท่สี อดคลอ้ งกบั การเปลีย่ นแปลงและอย่ไู ด้อยา่ งยั่งยนื 19. การศกึ ษาไทยเป็นการศึกษาท่สี ามารถทาให้คนพฒั นาอาชพี และพฒั นาเศรษฐกิจ 20. สามารถบรู ณาการทกั ษะและความรเู้ พือ่ ตอบสนองลักษณะอาชพี ท่เี ปลี่ยนไป 21. การศึกษาทีม่ งุ่ เน้นใหผ้ ู้เรยี นประยกุ ตใ์ ช้นวัตกรรมในการขบั เคล่อื นธรุ กจิ ตา่ ง ๆ 22. อาชวี ะต้องเนน้ คุณภาพ (Quality) เอาจรงิ เอาจังในการวดั ประเมิน 23. สง่ เสรมิ แนวคิดเศรษฐกจิ ย่งั ยนื (Sustainable economy) 24. ส่งเสรมิ แนวคิดธรุ กิจใหมท่ แ่ี กป้ ญั หาสงั คม (Startup) 25. การทาหลกั สูตรตอ้ งตอบโจทยข์ องตลาดแรงงาน 26. สนับสนุนการผลติ คนอาชีวะ 1. การสร้างคนไทยรุ่นใหม่ที่เปน็ ผูป้ ระกอบการเศรษฐกิจสีเขียว บนฐานความรู้เทคโนโลยนี วตั กรรม สมยั ใหม่ ตอ่ ยอดจากพนื้ ฐานการเป็นประเทศเกษตรกรรม เพือ่ ให้เกิดเป็นนวัตกรรมทางการเกษตร และ การทอ่ งเทยี่ ว 2. ควรเสริมสรา้ งการจัดการเรยี นร้ตู ัง้ แต่ทบ่ี ้าน ใหค้ วามสาคญั ตัง้ แต่กระบวนการแยกขยะ แต่เมอ่ื เขา้ มา อยูใ่ นระบบของสงั คมทาให้เขาใชช้ ีวติ ไดย้ ากขน้ึ เพราะตอ้ งไหลไปตามกระแสสงั คม 3. การศกึ ษาเนน้ ใหผ้ เู้ รียนมจี ิตสานกึ ในการรกั ษาส่ิงแวดล้อมท้ังมลพิษทางนา้ เช่น ไม่ปลอ่ ยของเสีย ทาลายนา้ มลพษิ ทางอากาศ การทิ้งขยะในท่สี าธารณะและการทาลายปา่ ไม้ 4. การศกึ ษาไทยปลกู ฝงั จติ สานกึ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มและสว่ นรวม สรา้ งใหผ้ เู้ รียนมีจติ อาสา อนรุ ักษธ์ รรมชาติ เลอื กใช้ผลิตภัณฑ์ท่มี กี ระบวนการผลติ ทเี่ ป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม 5. การศกึ ษาเป็นระบบที่สง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนเรียนรจู้ ากแหล่งท่ีมาท่ีหลากหลาย ทง้ั ในและตา่ งประเทศเพอื่ เขา้ ใจและสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมทใี่ หค้ วามสาคญั กับเศรษฐกิจสเี ขยี ว

171 กลมุ่ ท่ี 6 ระบบ ผลการจดั กลุ่มข้อมูลทไ่ี ด้จากการสัมภาษณ์ การศึกษาไทยมีความ เปน็ ผู้นาในการพฒั นา 6. การศกึ ษาไทยเนน้ การคน้ ควา้ วจิ ัยนวตั กรรมสิ่งแวดล้อมเพอ่ื ลดกรทาลายสิ่งแวดลอ้ มหรือทดแทน คนทม่ี คี ณุ ภาพสูง มี กรรมวิธกี ารทาลายส่ิงแวดลอ้ ม ขีดความสามารถใน 7. การศึกษาแสดงให้เห็นความเช่อื มโยงระหวา่ งตัวผเู้ รียนกบั ปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม โดยใช้บริบทของโรงเรยี น การสร้างสรรค์ หรือชมุ ชนเป็นห้องเรยี น การเมืองใหม่ทพ่ี งึ 8. การศกึ ษาไทยเป็นการศกึ ษาทพ่ี ัฒนาคุณภาพชวี ติ ของคนในโดยไมท่ าลายส่งิ แวดลอ้ มมคี วามตระหนกั ประสงค์ ในเรอ่ื งสิ่งแวดลอ้ ม 9. การศึกษาไทยเน้นการใหค้ วามรู้ในภาวะฉกุ เฉนิ เม่อื เกดิ ภยั ธรรมชาติเพอื่ ลดความเสยี หายท่เี กิดต่อชวี ติ และทรพั ยส์ นิ 10. การศกึ ษาส่งเสริมการแกไ้ ขปญั หาสง่ิ แวดล้อมอยา่ งยั่งยืน สร้างจิตสานกึ ในการเห็นคณุ คา่ และอนุรกั ษ์ สงิ่ แวดล้อม 11. จัดประสบการณ์ (Environmental experience) เพือ่ สง่ เสริมให้คนเข้าใจและอนรุ ักษ์สง่ิ แวดลอ้ ม ของชุมชน 12. การศึกษาส่งเสรมิ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติทีม่ ีอยูใ่ หเ้ กิดคณุ คา่ มากท่สี ดุ และทาลายส่งิ แวดล้อมนอ้ ย ท่สี ุด 13. การศึกษาผลกั ดนั แนวคิดการบรโิ ภคสนิ ค้าสีเขียวและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ทเี่ ป็นมิตรกับส่งิ แวดลอ้ ม 14. การศกึ ษาไทยสง่ เสริมให้ผู้เรียนสามารถนานวตั กรรมสง่ิ แวดลอ้ มไปพัฒนาชมุ ชนของตน 15. การศกึ ษาท่ีมงุ่ เนน้ ให้ผเู้ รยี นตระหนกั ถึงหนา้ ทข่ี องตนเองในการรักษาธรรมชาติ 16. สง่ เสรมิ ความตระหนกั รูท้ างธรรมชาติ (Environmental awareness) 1. การศึกษาไทยตอ้ งสอดแทรกแนวคิดการปกครองทมี่ คี ณุ ค่าในการจดั การศกึ ษาและส่งเสริมการมสี ่วน ร่วมของผเู้ รยี นในกระบวนการประชาธปิ ไตย สรา้ งพลเมอื งทม่ี คี ุณภาพเพอ่ื เติมเติมสงั คม 2. การศึกษาไทยเปน็ ระบบการศึกษาฝกึ คดิ วิเคราะหป์ ัญหา ผลกระทบระยะสน้ั และระยะยาวเพ่ือ สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางความคดิ เห็นของประชาชนตอ่ การเมอื ง 3. การศกึ ษาไทยเป็นการศึกษาทท่ี าใหก้ ารเมืองเป็นระบอบที่มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมน้อยที่สดุ และให้ทราบ ถงึ วิธีการแก้ปญั หาอย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมตอ่ สถานการณ์บา้ นเมอื ง 4. การศึกษาเป็นระบบที่ส่งเสรมิ พฤติกรรมการอนุรักษส่งิ แวดลอ้ มในระดบั ปจั เจกบุคคล สรา้ งนิสยั การ แยกขยะ มีจิตสานกึ ในการใชพ้ ื้นทส่ี าธารณะ 5. การศึกษาเน้นใหว้ ิเคราะห์ตีความแกป้ ัญหาใหผ้ เู้ รียนไดพ้ บส่งิ ตา่ ง ๆ เช่นสิทธทิ ่จี ะมชี วี ติ ความเป็น ธรรม ความยตุ ิธรรม และใหเ้ กิดความขดั แยง้ 6. การศึกษาไทยเป็นระบบจาลองสงั คมประชาธิปไตยในหอ้ งเรียน เปิดกวา้ งทางความคดิ เห็น เพื่อพฒั นา คนให้กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ 7. การศึกษาเปดิ โลกทศั น์ดา้ นการเมอื งใหแ้ ก่ประชาชน ให้ความรู้แบะขอ้ มลู เกย่ี วกบั การเมืองของ ตา่ งประเทศเพือ่ ศึกษาปญั หาและผลกระทบ 8. การศึกษาไทยเนน้ ฝกึ ฝนทกั ษะประชาธปิ ไตยแบบมสี ่วนร่วมของภาคประชาชนใหค้ วามรู้ในบทบาท หน้าทร่ี วมถงึ สทิ ธิเสรีภาพแกป่ ระชาชน 9. การศึกษาเพิม่ การมีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง เรียนรจู้ ากการเมืองจริง เปรยี บเทยี บกบั การเมอื ง ต่างประเทศ สง่ เสรมิ ความเปน็ ธรรมในสงั คม 10. การศึกษาปลกู ฝังความเปน็ พลเมอื งคณุ ภาพใหแ้ ก่ผเู้ รยี น เตรยี มผ้เู รียนใหส้ ามารถเข้าใจและ ดารงชีวิตอย่ใู นสถาการการเมอื งทผ่ี นั แปรได้ 11. การเรยี นร้ทู ส่ี อนให้เด็กยอมรับและรบั ฟงั ความคดิ เห็น ความแตกต่าง เคารพในสทิ ธขิ องทุกคน เพอื่ เปน็ พื้นฐานของทกุ เรื่อง 12. การศกึ ษาพัฒนาบคุ ลากรให้มคี ุณภาพและมคี ุณธรรมเพื่อพฒั นาคณุ ภาพการเมืองใหโ้ ปร่งใสและ สจุ ริต 13. การศกึ ษาส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจและมสี ่วนร่วมในกระบวนการปกครอง การตรวจสอบ การพัฒนา 14. การศึกษาทสี่ ่งเสริมให้เกดิ การเคารพสทิ ธิของตนเองและผู้อื่น เพอ่ื การอย่รู ว่ มกนั และตอ้ งอยใู่ ห้ได้ 15. การศึกษาไทยเปน็ การศึกษาทพี่ ฒั นาทางการเมอื งให้เกดิ ความเสมอภาคในระบอบประชาธิปไตย 16. การศกึ ษาเป็นระบบทแี่ สดงใหเ้ หน็ รูปแบบและวิธกี ารมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งอยา่ งสร้างสรรค์ 17. การศกึ ษาเป็นระบบทสี่ รา้ งความตระหนกั รถู้ งึ บทบาทและหนา้ ทีท่ างการเมอื งของผ้เู รยี น

172 ผลการจดั กลมุ่ ข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการสมั ภาษณ์ 18. การศึกษาเพอื่ จิตสานกึ จรยิ ธรรมในการเข้าถงึ การเมอื งไม่เอาเปรยี บคดโกงประชาชน 19. สนับสนุนการจัดการปกครองแบบการจายอานาจ (Decentralizing governance) 20. การศึกษาไทยเป็นระบบในการพฒั นาคุณภาพคนใหเ้ ป็นพลเมืองดี (Good citizen) 21. การศึกษาปลกู ฝงั ความรบั ผิดชอบและความเคารพท่มี ตี อ่ ตนเองและผู้อืน่ 22. ส่งเสริมสภาพแวดลอ้ มท่มี สี ่วนร่วม โปรง่ ใส และเคารพซึ่งกนั และกัน 23. สง่ เสรมิ ความเทา่ เทียมทางการเมอื ง (Political egalitarianism) จากผลการวิเคราะห์การสัมภาษณ์ สามารถสรุปเป็น (ร่าง) วิสัยทัศน์การศึกษาไทยปี 2040 คือ “ระบบการศึกษาไทย มีความเป็นผู้นาในการพัฒนาคนที่มีคุณภาพสูง ในการเป็นผู้นาการ เปล่ียนแปลงให้มีชีวิตที่มีคุณค่า มีขีดความสามารถในการสร้างสรรค์สังคม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิ่งแวดลอ้ ม และการเมอื งใหม่ที่พึงประสงค์”

173 1.3.3 ผลการประเมินความเหมาะสมของวิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040 จากการ สนทนากล่มุ จากผลการ (รา่ ง) วิสยั ทศั น์การศึกษาไทยในปี 2040 จากน้นั นาผลท่ไี ดใ้ ชใ้ นการประกอบการ สนทนากลุ่มโดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถสรุปผลการประเมินความเหมาะสมได้ ดังนี้ ตารางท่ี 4.7 ผลการประเมินความเหมาะสมของ (รา่ ง) วสิ ัยทัศนก์ ารศึกษาไทยในปี 2040 (ร่าง) วิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040 ความคดิ เหน็ ผทู้ รงคุณวุฒิ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) ระบบการศกึ ษาไทย มีความเปน็ ผนู้ าในการพัฒนาคนทีม่ คี ณุ ภาพสูง ในการเป็น 12 5 ผู้นาการเปลี่ยนแปลงให้มชี ีวติ ทมี่ คี ณุ คา่ มีขดี ความสามารถในการสรา้ งสรรค์ (70.59) (29.41) สังคม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิง่ แวดล้อม และการเมอื งใหมท่ ่ีพงึ ประสงค์ ขอ้ เสนอแนะท่ีได้จากการประเมินความเหมาะสมจากการสนทนากลมุ่ คือ ควรปรบั วิสัยทัศน์ การศึกษาไทยในปี 2040 เป็น “ระบบการศึกษาไทย เป็นผู้นาในการเปล่ียนแปลงชีวิตผู้เรียนให้มี ความสุขอยา่ งมีคุณค่า สามารถสร้างสรรคส์ งั คมและเศรษฐกจิ ใหมท่ พ่ี งึ ประสงค์” 1.4 วสิ ัยทัศน์การศกึ ษาไทยและคณุ ภาพคนไทยทีพ่ งึ ประสงคใ์ นปี 2040 ฉบับสมบรู ณ์ วิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040 ฉบับสมบูรณ์ คือ “ระบบการศึกษาไทย เป็นผู้นาในการ เปล่ียนแปลงชีวิตผู้เรียนให้มีความสุขอย่างมีคุณค่า สามารถสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจใหม่ท่ี พงึ ประสงค์” คุณภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ 1) คุณภาพทั่วไป (General Qualities) 2) คุณภาพทางสังคม (Social Qualities) 3) คุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 4) คุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) 5) คุณภาพทาง ส่ิงแวดล้อม (Environment Qualities) และ 6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) มีรายละเอียด ดงั นี้ 1) คุณภาพท่ัวไป (General Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ผลลพั ธ์ มีรายละเอียดงั น้ี 1.1) ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 1.1.1) มีความฉลาดรู้ในการสื่อสารภาษาไทยและอังกฤษ การคิดคานวณ และการจินตนาการ 1.1.2) มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต 1.1.3) มีทักษะการบูรณาการข้ามศาสตร์ และการนาไปใช้ในชีวิตจริง 1.1.4) มีทักษะการปรับตัว ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต และ 1.1.5) มีทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ หรือการ คดิ เชิงวิพากษ์ (Critical thinking skill)

174 1.2) ผู้ออกแบบชีวิตท่ีมีคุณค่า (Valuable Life Designer) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธก์ าร เรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 1.2.1) ค้นพบส่ิงท่ีรักท่ีจะทา ทาอย่างมีความสุขและมีคุณค่า (Passion) 1.2.2) สามารถทาในส่ิงท่ีโลกต้องการ และมีคุณค่า (Mission) 1.2.3) สามารถสร้างคุณค่า จากส่ิงที่ทา (Vocation) 1.2.4) สามารถออกแบบชีวิตท่ีมีคุณค่า และวางแผนเส้นทางเพื่อไปสู่การได้ ทาในสิ่งที่รักได้ดีอย่างมืออาชีพ (Profession) และ 1.2.5) มีความฉับไวในการตอบสนองการ เปลย่ี นแปลง (Agility) 1.3) ผู้ น า ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท่ี ส ร้ า ง อ น า ค ต ( Change Leader Make the Future) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 6 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.3.1) มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 1.3.2) สามารถส่อื สารให้มวี สิ ัยทัศนร์ ่วม และสร้างสรรค์การเปล่ยี นแปลงท่ีพึงประสงค์ดว้ ยกลยุทธ์ท่ีดี 1.3.3) มีกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth mindset) และมองออกนอก (Outward mindset) 1.3.4) มที กั ษะการคิดนอกกรอบข้ามศาสตร์ 1.3.5) มีความสามารถในการเจรจาต่อรองและไกล่เกลี่ย และ 1.3.6) มคี วามสามารถในการสร้างสรรค์นวตั กรรมพลกิ ผัน 1.4) พลเมืองโลกที่มีคุณภาพ และความรบั ผดิ ชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.4.1) มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และจิตสานึกสากล 1.4.2) กล้าแสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล พรอ้ มท้งั เปดิ ใจรบั ฟงั ความ คิดเห็นที่แตกต่าง 1.4.3) ตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ส่วนรวม และสังคมโลก 1.4.4) เคารพในความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม และ 1.4.5) มคี วามซือ่ สตั ย์ มีวนิ ยั ในตนเอง รหู้ นา้ ทแี่ ละ เคารพสทิ ธขิ องผอู้ ื่น 1.5) ผู้มีสุขภาวะกายและใจท่ีดี (Well-being person) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การ เรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.5.1) มีความฉลาดรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy) 1.5.2) มีสุข ภาวะทางใจทีด่ ี และ 1.5.3) มีสขุ ภาวะทางกายทด่ี ี 2) คุณภาพทางสังคม (Social Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ผลลพั ธ์ มรี ายละเอยี ดงั นี้ 2.1) ผู้มีสมรรถนะทางอารมณ์ และสังคม ( Emotional & Social Competencies) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 2.1.1) เป็นผู้ตระหนักรู้ในตนเอง ผู้อ่ืน และมีมารยาททางสังคม 2.1.2) มีความฉลาดรู้ทางอารมณ์ และสัมพันธ์ภาพท่ีดี และ 2.1.3) สามารถสร้างสรรค์คา่ นิยม ตามวฒั นธรรมอันดีงามของไทยและวฒั นธรรมอนั เปน็ สากล 2.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมสังคม (Social Innovation Creator) ประกอบด้วย ตัวชี้วัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 2 ตัวช้ีวัด ไดแ้ ก่ 2.2.1) สามารถสร้างนวัตกรรมสงั คมจากความเขา้ ใจความ เป็นมนษุ ย์ ธรรมชาตขิ องโลก ประวัติศาสตร์ ความเป็นชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสากล เพ่ือความยัง่ ยืน ตามยุคสมัย และ 2.2.2) สามารถสร้างสรรค์สังคมหลังนวัตกรรมอย่างย่ังยืน (Post innovation society)

175 2.3) ผู้นาสังคมคุณธรรม (Social justice leader) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 4 ตวั ช้ีวดั ได้แก่ 2.3.1) มีความกล้าหาญทางจริยธรรม 2.3.2) เปน็ ผนู้ าในการสรา้ งสงั คมเสมอ ภาค และเป็นธรรม 2.3.3) เป็นผู้มีจิตสาธารณะ เอ้ือเฟ้ือ แบ่งปัน กตัญญู ดูแลผู้สูงอายุ และ 2.3.4) สามารถบรหิ ารความขดั แยง้ ทางสังคม 3) คณุ ภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) ประกอบดว้ ย ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ จานวน 2 ผลลัพธ์ มรี ายละเอยี ดังน้ี 3.1) ผู้พลิกผันดิจิทัล (Digital Disruptor) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 6 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 3.1.1) มีความฉลาดรู้ทางดิจิทัล (Digital Literacy) และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) 3.1.2) มีความฉลาดรู้ทางวิทยาการคานวณ (Computational Literacy) 3.1.3) สามารถ ใช้ดิจิทัลในการเปล่ียนชีวิต การเรียน และการทางานอย่างมีผลิตภาพ 3.1.4) มีความรู้ทางเทคโนโลยี หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ท่ีมีคุณธรรมเป็นฐาน 3.1.5) สามารถใช้เทคโนโลยีท่ีป้องกันและแก้ไข ปัญหาภัยพิบัติ และ 3.1.6) สามารถออกแบบระบบนิเวศใหม่ที่มนุษย์สามารถทางานร่วมกับ ปญั ญาประดิษฐ์ 3.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีสีเขียว (Green-Tech Innovator) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 3.2.1) มีทักษะการสร้างสรรค์นวัตกรรมและ เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3.2.2) มีทักษะการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็น ประโยชน์กับมนุษยชาติ และ 3.2.3) มีทักษะการต่อยอดภูมิปัญญาไทยเพ่ือสร้างสรรค์นวัตกรรม สีเขยี ว 4) คุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 4 ผลลพั ธ์ มีรายละเอยี ดงั นี้ 4.1) ผู้สร้างสรรค์งานและอาชีพ (Career and Job Creator) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์ การเรยี นรู้ จานวน 3 ตวั ชี้วัด ได้แก่ 4.1.1) มีทกั ษะการทางานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ 4.1.2) มีทักษะ การสร้างสรรคง์ าน หรืออาชีพที่ตอบสนองการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคต และ 4.1.3) มคี วามฉลาด รทู้ างการเงิน และเศรษฐกิจ 4.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจ (Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 4.2.1) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตรตามบริบท 4.2.2) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม อุตสาหกรรมตามบรบิ ท และ 4.2.3) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรมธุรกจิ ตามบริบท 4.3) ผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 4.3.1) มีความฉลาดรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจดิจิทัล 4.3.2) มีความฉลาดรู้ เกี่ยวกับการค้าเสรี และโลกาภิวัตน์ (Trade and Globalization) และ 4.3.3) มีทักษะสร้างสรรค์ เศรษฐกจิ ฐานนวัตกรรม

176 4.4) ผู้นาเชิงนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ จานวน 2 ตวั ช้ีวดั ได้แก่ 4.4.1) มที กั ษะผนู้ าเชิงนวัตกรรมท่ีมี คณุ ธรรมเปน็ ฐาน และ 4.4.2) มีทักษะผู้นาเชิงผู้ประกอบการท่ีมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ การพัฒนาทยี่ ั่งยืน 5) คุณภาพทางส่ิงแวดล้อม (Environment Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรยี นรู้ จานวน 2 ผลลัพธ์ มีรายละเอยี ดงั นี้ 5.1) ผู้มีวิถีชีวิตท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม (Sustainable Life Style) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 5.1.1) ตระหนักรู้ถึงคุณค่า ข้อจากัด และร่วมกันรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ 5.1.2) พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ 5.1.3) มีกรอบความคิดที่เป็นมิตรกับสง่ิ แวดล้อม 5.1.4) ใช้เทคโนโลยสี ีเขียวท่ีเป็นมิตรกับส่งิ แวดลอ้ ม และ 5.1.5) มีทักษะการสร้างสรรค์พลงั ร่วม (Synergy) ในวิถชี ีวิตทเี่ ปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดล้อม 5.2) ผู้สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมสีเขียว (Green Environment Creator) ประกอบด้วย ตัวช้ีวดั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ จานวน 2 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 5.2.1) มีทักษะการแกไ้ ขปญั หา และสร้างสรรคส์ ง่ิ แวดลอ้ ม อยา่ งยั่งยืน และ 5.2.2) มที กั ษะการสร้างสรรคน์ วตั กรรมท่ีเปน็ มติ รกับส่งิ แวดล้อม 6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ผลลพั ธ์ มรี ายละเอยี ดงั นี้ 6.1) ผู้ออกเสียงคุณภาพ (Quality Voter) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 6.1.1) มีทักษะการแสวงหา และรู้เท่าทันส่ือข้อมูลข่าวสารทางการเมือง และโจทย์ การพัฒนาประเทศ 6.1.2) มีทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ เปรียบเทียบข้อมูลข่าวสารทาง การเมือง และโจทย์การพัฒนาประเทศ และ 6.1.3) มีทักษะการตัดสินใจบนพื้นฐานของประโยชน์ สว่ นรวมทตี่ อบโจทยก์ ารพฒั นาประเทศอย่างมีอสิ ระโดยปราศจากการแทรกแซง 6.2) ผู้ปฏิบัติงานการเมืองคุณภาพ (Quality Political Actor) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์ การเรยี นรู้ จานวน 2 ตวั ชีว้ ัด ไดแ้ ก่ 6.2.1) มีทักษะการทางานทางการเมืองท่มี ีคุณภาพ และ 6.2.2) มี ทักษะผู้นาทางการเมืองทมี่ คี ุณธรรม จรยิ ธรรม 6.3) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเมืองคุณภาพ (Quality Political Innovation Creator) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ จานวน 2 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 6.3.1) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม การเมืองคุณภาพที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และ 6.3.2) มีค่านิยมการเมืองคุณภาพที่ยอมรับใน คณุ คา่ ของปจั เจกบุคคล

177 ตอนที่ 2 ระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 จากผู้ให้สัมภาษณ์ท้ังหมด 30 คน ผู้ประเมินความเหมาะสมทั้งหมด 17 คน และการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้จากสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานและอาชีวศึกษา รวม 7 แห่ง แบ่งผลการนาเสนอออกเปน็ 6 ตอน ดังน้ี 2.1 สถานภาพของผใู้ ห้ข้อมลู 2.2 ผลการสมั ภาษณ์ระบบการเรยี นรู้ท่พี ึงประสงคใ์ นการตอบสนองการเปลยี่ นแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 2.3 ผลการ (ร่าง) ระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 2.4 ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานและอาชวี ศกึ ษา 2.4.1) ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขัน้ พ้นื ฐานและอาชวี ศกึ ษา เชงิ ปรมิ าณ 2.4.2) ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรทู้ ่ีพึงประสงคใ์ นการตอบสนองการเปลี่ยนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐานและอาชวี ศึกษา เชิงคุณภาพ 2.5 ผลการประเมินความเหมาะสมของระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากการสนทนากลมุ่ 2.6 ระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบูรณ์ มรี ายละเอียดดงั นี้

178 2.1 สถานภาพของผ้ใู หข้ ้อมูล สถานภาพของผู้ใหข้ ้อมลู ระบบการเรียนรู้ท่ีพงึ ประสงค์ในการตอบสนองการเปลีย่ นแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 ประกอบด้วยผใู้ ห้ข้อมลู การสัมภาษณ์ ผใู้ ห้ข้อมูลกรณศี ึกษา และผูใ้ ห้ขอ้ มลู การ ประเมินความเหมาะสม รายละเอียดแสดงดงั ตารางที่ 4.8 ตารางท่ี 4.8 สถานภาพของผู้ให้ข้อมูลระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปลยี่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ท่ี ขน้ั ตอนการวิจัย ผู้ใหข้ ้อมลู การสัมภาษณ์ ผใู้ ห้ขอ้ มลู กรณศี ึกษา ผู้ใหข้ ้อมูลการประเมนิ กลุม่ ผ้ทู รงคุณวุฒิ/ ความเหมาะสม ผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสยี จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ 1 ผทู้ รงคุณวฒุ ิ 1.1 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิด้านการศกึ ษา 5 45.45 - - 6 100.00 1.2 ผทู้ รงคุณวุฒิดา้ นสงั คม 1 9.09 - - - - 1.3 ผ้ทู รงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยี 2 18.18 - - - - 1.4 ผู้ทรงคณุ วุฒดิ า้ นเศรษฐกิจ 1 9.09 - - - - 1.5 ผู้ทรงคณุ วฒุ ิดา้ นส่งิ แวดล้อม 1 9.09 - - - - 1.6 ผทู้ รงคุณวฒุ ิด้านการเมือง 1 9.09 - - - - รวม 11 100.00 - - 6 100.00 2 ผู้มีส่วนได้สว่ นเสยี 2.1 ผบู้ ริหารและครู 7 36.84 - - 7 63.64 2.2 ผปู้ ระกอบการภาคเกษตร 3 15.79 - - 4 36.36 อุตสาหกรรม และธุรกจิ 2.3 พ่อแม่-ผปู้ กครอง 5 26.32 - - - - 2.4 ผู้เรียน 4 21.05 - - - - รวม 19 100.00 - - 11 100.00 3 สถานศึกษา 3.1 สถานศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน - - 4 57.14 - - 3.2 สถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษา - - 3 42.86 - - รวม - - 7 100.00 - - รวมทั้งสิน้ 30 100.00 7 100.00 17 100.00 จากตารางท่ี 4.8 แสดงสถานภาพของผู้ให้ข้อมูลระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 โดยการสัมภาษณ์ระบบการเรียนรู้ ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จานวน 30 คน โดยเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 11 คน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จานวน 19 คน ผู้ให้ข้อมูลกรณีศึกษาท่ีเป็น สถานศึกษา รวมจานวน 7 แห่ง เป็นสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน 4 แห่ง และสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา จานวน 3 แห่ง และ ผู้ทรงคุณวุฒิจากการสนทนากลมุ่ ในการประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของร่างระบบการ เรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 รวมจานวน 17 คน เปน็ ผู้ทรงคณุ วุฒิจานวน 6 คน และผมู้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสยี จานวน 11 คน

179 2.2 ผลการสัมภาษณ์ระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 ตารางท่ี 4.9 ผลการสัมภาษณ์ระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 ท่ี กลมุ่ ผลการสมั ภาษณ์ระบบการเรยี นรู้ทพ่ี งึ ประสงค์ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ/ ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผูม้ สี ว่ นได้ สว่ นเสีย 1. รปู แบบการเรยี นรู้ 2. ทรพั ยากรการเรยี นรู้ 3. การประเมินการเรยี นรู้ 1 ผูท้ รงคณุ วุฒิ 1.1 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 1. การจัดการเรียนรู้ร่วมกนั 1. ภาคสว่ นธุรกิจ สังคม และ 1. การประเมนิ ตามมาตรฐาน ด้านการศกึ ษา ระหว่างสถานศกึ ษากบั ภาคธุรกิจ ส่ือสารมวลชน (f=3) อาชพี (f=3) โดยเรยี นร้โู ดยตรงจากเจา้ ของ 2. สถาบนั การศึกษาดิจิทัล (f=2) 2. การประเมินผู้เรียนรายบุคคล อาชีพ ซึง่ ราวมถึงการศกึ ษา 3. ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ดว้ ยเกณฑ์ทีแ่ ตกต่างกนั วัฒนธรรมองค์กร (f=6) ที่มีคณุ ภาพ (f=2) รายบุคคล (f=2) 2. การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ 4. ทรพั ยากรแบบไร้ขีดจากดั 3. การประเมนิ ตามสภาพจริง (f=3) (Infinity) (f=1) (f=1) 3. การเรยี นรู้รายบุคคล (f=3) 5. เทคโนโลยีทางการศกึ ษา 4. การประเมินเพอ่ื พัฒนา (f=1) 4. การเรียนรทู้ ่ีผเู้ รียนไดล้ งมอื (f=1) กระทา การทาซา้ จนเกิดความ 6. ศนู ย์ความเปน็ เลศิ (f=1) ชานาญ (f=2) 7. การโคช้ ทางไกลผ่านระบบ 5. การเรยี นรตู้ ามความชอบ/รัก VDO Conference (f=1) (f=2) 8. Connected Campus ที่ 6. การเรยี นรู้เปน็ โมดูล/หลกั สตู ร เชือ่ มโยง สถานศึกษา-สถาน ระยะสัน้ (f=2) ประกอบการ-มหาวิทยาลยั (f=1) 7. การเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์ 9. หน่วยงานเทียบโอนคณุ วุฒิท่มี ี จรงิ (f=2) เกณฑย์ ืดหย่นุ (f=1) 8. การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็น 10. ตารางเรียนแบบยดื หยนุ่ ศนู ยก์ ลางอยา่ งแท้จริง (f=2) (f=1) 9. เรยี นรูต้ ามความเร็วในการ 11. ศูนยก์ ารเรียนรู้ (f=1) เรยี นรรู้ ายบคุ คล (f=1) 12. ครูที่เป็นผ้อู านวยความ 10. การเรยี นรแู้ บบลงมือทา สะดวกในการเรยี นรู้(f=1) (f=1) 11. การเรียนแบบ Credit Banking ทสี่ ามารถสะสม ความกา้ วหนา้ ในการเรียนรูไ้ ด้ หลายแบบ (f=1) 12. หอ้ งเรียนกลบั ดา้ น (f=1) 13. การเรยี นรู้โดยใช้ความคิด สร้างสรรค์ (f=1) 14. การเรยี นรู้ และคน้ ควา้ ดว้ ย ตนเอง (f=1) 15. การเรยี นรู้แบบบรู ณาการ สาระ (f=1) 16. การเรยี นรู้ท่ียดึ กับมาตรฐาน ของอาชพี (f=1)

180 ท่ี กลุ่ม ผลการสัมภาษณ์ระบบการเรยี นรู้ท่พี งึ ประสงค์ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ/ ในการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผมู้ ีสว่ นได้ 1. รปู แบบการเรยี นรู้ 2. ทรพั ยากรการเรยี นรู้ 3. การประเมนิ การเรยี นรู้ สว่ นเสยี 1.2 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 1. การสรา้ งโอกาสเรียนรู้อยา่ ง 1. ทรพั ยากรแบบไรข้ ีดจากดั 1. การประเมินด้วยขอ้ สอบ ด้านสงั คม เต็มศักยภาพ ในดา้ นทต่ี นเอง (f=1) อัตนัย (f=1) สนใจแบบผสมผสาน (f=1) 2. เทคโนโลยีทางการศกึ ษา 2. การเรียนร้โู ดยใช้สถานการณ์ (f=2) จรงิ (f=1) 3. การเรยี นร้ใู นห้องเรยี นเพยี ง 50% (f=1) 4. การเรยี นรู้ท่ีเนน้ การ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ผเู้ รียนกบั ผ้เู รยี น และครกู ับผู้เรียน หรอื ครู กบั ครู (f=1) 5. การประยกุ ต์ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการเรียนรู้ (f=1) 1.3 ผู้ทรงคุณวุฒิ 1. การเรียนรรู้ ายบุคคล ที่มี 1. สถาบนั การศึกษาดจิ ิทลั 1. การประเมนิ ผู้เรยี นรายบุคคล ดา้ น ความหลากหลายของรูปแบบ (Digital College) (f=1) (f=1) เทคโนโลยี การเรยี นรู้ (f=3) 2. เทคโนโลยที างการศึกษา 2. การประเมินการเรียนรูข้ อง 2. การเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์ (f=1) ผเู้ รียนเป็นรายบคุ คลอยา่ ง จรงิ หรอื ประสบการณ์จรงิ (f=2) 3. ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา แท้จริง ผ่านการเกบ็ รอ่ งรอย 3. การเรียนรตู้ ามความเร็วใน ท่ีเปน็ Co-learner แลเป็นผู้ ดจิ ิทัล (f=1) การเรียนรรู้ ายบุคคล (f=1) อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ 4. การเรียนรตู้ ามความชอบ/รกั (f=1) (f=1) 4. แพลตฟอร์มการเรียนรู้ (f=1) 5. เนน้ ผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลางอย่าง 5. ปญั ญาประดิษฐ์เพื่อการ แท้จรงิ (f=1) เรยี นรู้ (f=1) 6. ห้องเรยี นกลับดา้ น (f=1) 6. เทคโนโลยเี สมอื นเพอื่ การ 7. การเรยี นรู้ที่เด็กมีส่วนร่วม เรียนรู้ (f=1) มากขนึ้ เปน็ พาร์ทเนอรร์ ะหวา่ ง เดก็ กบั ครู เดก็ ครู ผู้ปกครอง (f=1) 8. การเรยี นเป็นธมี (f=1) 9. การเรียนร้ทู ี่ใหเ้ ดก็ สามารถ เชือ่ มตอ่ สร้างหนุ่ ยนต์ (f=1) 10. การเรยี นนรผู้ ่านการ ปฏิสมั พนั ธท์ างสงั คม (f=1) 11. การเรียนรโู้ ดยใชก้ ารทางาน เปน็ ฐาน (f=1) 12. การเรียนรู้ที่เน้นการแสดง ความคดิ เหน็ (f=1) 1.4 ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ 1. การเรียนรู้ท่นี ากิจกรรมนอก 1. ครทู เ่ี ป็นผ้อู านวยความสะดวก 1. การวดั ประเมนิ แบบรายบุคคล ดา้ นเศรษฐกจิ หลักสูตร มาเปน็ กจิ กรรมใน (f=1) (f=1) หลักสตู ร (f=1) 2. ครู อาจารยท์ ่ีมกี ารปรับปรงุ 2. การประเมินการสะสม Credit 2. การเรียนรู้ท่ีมีหลากหลายวธิ ี พฒั นาตนเองอยตู่ ลอดเวลา ตามความสนใจ และความเรว็ ใน มากขน้ึ โดยท่ีผเู้ รยี นสามารถ (f=1) การเรียนรูท้ แี่ ตกตา่ งกนั (f=1)

181 ที่ กลมุ่ ผลการสัมภาษณ์ระบบการเรยี นรู้ท่พี งึ ประสงค์ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ/ ในการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้มสี ว่ นได้ 1. รูปแบบการเรยี นรู้ 2. ทรพั ยากรการเรยี นรู้ 3. การประเมินการเรยี นรู้ ส่วนเสีย เลอื กวธิ กี ารเรยี นรทู้ เี่ หมาะสมกับ 3. สถานประกอบการณ์ (f=1) 3. การประเมินฐานสมรรถนะ ตนเอง (f=1) 4. วัสดอุ ุปกรณ์ท่เี พียงพอ (f=1) (f=1) 3. การเรียนเรยี นรู้ผา่ น 4. การประเมนิ เปน็ Module ประสบการณ์ (f=1) (f=1) 4. การเรยี นรู้ท่ีสถานบัน การศกึ ษารว่ มมือกบั สถาน ประกอบการ (f=1) 5. การเรยี นรูท้ ่ีทนั ต่อการ เปลยี่ นแปลง (f=1) 6. การเรยี นแบบสะสม Credit Banking (f=1) 7. การเรียนเป็น Module (f=1) 8. การเรยี นเป็นกลุม่ ยอ่ ย (f=1) 1.5 ผู้ทรงคุณวุฒิ 1. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (f=1) - - ด้าน 2. การเรียนรู้นอกระบบ (f=1) สิ่งแวดลอ้ ม 1.6 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 1. การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ 1. ผูม้ ีความรูด้ า้ นการเมอื ง เช่น - ดา้ นการเมอื ง ตรง เขา้ ไปสัมผสั การเมืองจริง นกั การเมอื งท้องถ่ิน (f=1) (f=1) 2. การเรียนรจู้ ากหลากหลาย แหลง่ เรียนรู้จากในและ ต่างประเทศ และจากหลาย แหล่งข่าว (f=1) 2 ผ้มู ีสว่ นไดส้ ่วนเสีย 2.1 ผู้บรหิ ารและ 1. การเรยี นรู้ที่ตอบสนองต่อ 1. ภาคอสุ าหกรรม สถาน 1. การประเมนิ การเรียนร้โู ดย ครู ความถนัดของผูเ้ รยี น โดยมกี าร ประกอบการ (f=6) ภาคอุสาหกรรม หรือสถาน สรา้ งระบบนเิ วศการเรียนรใู้ ห้ 2. ครทู มี่ ีบทบาท วธิ สี อน วิธีคิด ประกบอการ (f=4) ผูเ้ รยี น ให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ ทยี่ อมรบั การเปลี่ยนแปลง 2. การประเมนิ ตนเองและ ได้อยา่ งต่อเนือ่ งตามความ สามารถสร้าง และพัฒนา ประเมนิ เพอ่ื น (f=3) แตกต่างระหวา่ งบคุ คล (f=5) เครือ่ งมือ (f=3) 3. การประเมินการเรยี นร้โู ดย 2. การเรยี นรู้ท่เี นน้ การลงมือ 3. ระบบครทู ป่ี รกึ ษาเพื่อให้ ภาคชมุ ชน (f=2) ปฏบิ ัติ (f=5) คาปรึกษาปญั หาการเรยี นและ 4. การประเมินผลงานการ 3. การเรียนรู้แบบทวิภาคี ทเ่ี น้น การดาเนนิ ชวี ติ (f=2) สรา้ งสรรค์ตอ่ ยอดนวตั กรรม การปฏิบตั งิ านจริงในสถาน 4. เทคโนโลยีดจิ ิทัลทาง พาณิช (f=2) ประกอบการ (f=3) การศึกษา (f=2) 5. การประเมินจากผลงาน (f=1) 4. การเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ความ 5. ภาคชมุ ชน (f=2) 6. การประเมนิ การมีสว่ นร่วมใน สรา้ งสรรค์ และการคดิ เชิง 6. เครอื ข่ายอาชวี ะระดบั ภาค การตัดสินใจและดาเนินการ ออกแบบ (f=3) และประเทศ (f=1) (f=1) 5. การเรยี นรู้ที่เน้นการตงั้ คาถาม 7. ห้องฝึกปฏบิ ตั กิ าร (f=1) 7. การประเมินระยะยาว (f=1) ทีม่ ีบรรยากาศแบบ 8. ผเู้ ชย่ี วชาญ (f=2) 8. การประเมินสมรรถนะ (f=1) ประชาธปิ ไตย (f=2) 9. หอ้ งเรียนเสมอื นจริง (f=1) 9. การวดั และประเมินผลท่ี 6. การเรียนรู้ทเี่ นน้ การปฏบิ ตั ิ 10. หลักสูตรทที่ ันสมยั (f=1) ยืดหยุ่น และเปดิ กวา้ ง (f=1) เช่ือมโยงส่สู ถานประกอบการ 11. ระบบ AI ที่ชว่ ยจดั การขอ้ มูล 10. การประเมนิ ดว้ ยการสะท้อน และธรุ กิจ ได้เรียนรเู้ หมือนโลก สารสนเทศ (f=1) คดิ เชงิ สรา้ งสรรค์ (f=1)

182 ท่ี กลมุ่ ผลการสัมภาษณ์ระบบการเรยี นรทู้ ีพ่ งึ ประสงค์ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ/ ในการตอบสนองการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผมู้ สี ว่ นได้ 1. รปู แบบการเรยี นรู้ 2. ทรัพยากรการเรียนรู้ 3. การประเมินการเรยี นรู้ ส่วนเสีย เสมือนจริง แต่เกิดขึ้นภายใน โรงเรยี น (f=2) 7. การเรยี นรไู้ ด้ทกุ สถานท่ี และ ทุกเวลา ผา่ นการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยี (f=2) 8. การเรยี นรู้ทมี่ ีชมุ ชน และภาค สว่ นเปน็ ฐาน (f=2) 9. การเรยี นรทู้ ่ีผ้เู รียนสามารถ ออกแบบการเรียนรู้ไดด้ ้วยตนเอง (f=1) 10. การเรยี นรูเ้ ชิงสาธิต (f=1) 11. การเรียนรู้ผ่านกจิ กรรมเวที ประกวดนวัตกรรมเชงิ พาณิช (f=1) 12. การเรียนรเู้ ชิงการคดิ และ พฒั นา (f=1) 13. การเรยี นรูผ้ ่านกิจกรรมจิต อาสาช่วยเหลอื ผู้อ่นื (f=1) 14. การเรยี นร้ผู ่านการอบรมโดย ผูเ้ ช่ยี วชาญ (f=1) 15. การเรียนรู้ทีใชผ้ ลลัพธก์ าร เรียนรเู้ ปน็ ฐาน (f=1) 16. การเรยี นรู้โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (f=1) 17. การเรยี นรู้แบบ Open approach การหาคาตอบดว้ ย วธิ แี บบเปิด (f=1) 2.2 ผู้ประกอบการ 1. การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัตจิ ริง 1. ชุมชน (f=6) 1. การประเมนิ หลักฐานเชงิ ภาคเกษตร (f=4) 2. ผู้เช่ียวชาญหรือทป่ี รึกษา ประจักษ์ (f=1) อตุ สาหกรรม 2. การเรยี นรูผ้ ่านศึกษาดงู าน ณ โครงงาน (f=3) 2. การประเมนิ ตนเองและเพื่อน และธุรกิจ แหล่งเรียนรู้ (f=4) 3. สถานประกอบการ (f=3) รว่ มช้ัน (f=1) 3. การเรียนรโู้ ดยใชก้ ารวิเคราะห์ 4. สง่ิ แวดลอ้ ม หรอื 3. การประเมินความพงึ พอใจ ปจั จยั ภายนอก หรอื การ ทรพั ยากรธรรมชาติ (f=2) ของผู้มสี ว่ นเกีย่ วขอ้ ง (f=1) วเิ คราะห์ตลาด (f=3) 5. สถานการณ์จรงิ (f=2) 4. การประเมินโครงการสาหรับ 4. การเรยี นรโู้ ดยใช้ชมุ ชนเปน็ 6. เทคโนโลยีสง่ เสรมิ งาน ผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสยี (f=1) ฐาน (f=3) ประดิษฐ์ (f=1) 5. การประเมินความร้แู ละ 5. การเรียนรู้ผา่ นกรณีตัวอยา่ งที่ 7. สอ่ื สาธารณะ เช่น รายการ เจตคตคิ วามเปน็ ประชาธปิ ไตย ดี (f=2) ข่าว ละคร (f=1) (f=1) 6. การเรียนรู้โดยใชว้ จิ ยั เปน็ ฐาน 8. สงั คมออนไลนจ์ ริง (f=1) (f=3) 9. อนิ เตอรเ์ นต็ (f=1) 7. การเรียนรูโ้ ดยใชป้ ญั หาเป็น 10. บุคคลตน้ แบบ (f=1) ฐาน (f=3) 8 การเรียนรู้เชิงวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ (f=2)

183 ท่ี กลุ่ม ผลการสมั ภาษณ์ระบบการเรยี นรทู้ ่ีพึงประสงค์ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ/ ในการตอบสนองการเปลยี่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้มสี ว่ นได้ 1. รปู แบบการเรยี นรู้ 2. ทรัพยากรการเรยี นรู้ 3. การประเมนิ การเรยี นรู้ สว่ นเสยี 9. การเรียนรู้เชงิ บรู ณาการข้าม สาขาวชิ า (f=2) 10. การเรียนรูผ้ ่านกิจกรรมกลุม่ หรือการระดมสมอง (f=2) 11. การเรียนรผู้ ่านการสารวจ (f=1) 12. การเรยี นรกู้ ารอนุรักษ์ ธรรมชาติ (f=1) 13. การเรียนรผู้ ่านสถานการณ์ จาลอง (f=1) 14. การเรียนรผู้ ่านโครงงานเพอื่ พัฒนาชมุ ชน (f=1) 15. การเรียนรู้ผา่ นโครงงานการ ประดษิ ฐ์ (f=1) 16. การเรยี นรู้โดยใชแ้ นวคิดเชงิ ออกแบบ (f=1) 17. การเรยี นรแู้ บบค้นพบ (f=1) 18. การเรียนร้ดู ้วยตนเอง (f=1) 19. การคิดต่อยอดเพิม่ มลู ค่า สินคา้ (f=1) 20. การเรียนรู้ท่ีเนน้ การ ออกแบบการแกไ้ ขปญั หาสงั คม (f=1) 2.3 พอ่ แม่- 1. การเปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รียน ได้ 1. ครูทม่ี ีคณุ ภาพ (f=2) 1. การประเมนิ ผลทเ่ี น้น ผู้ปกครอง สรา้ งความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองมากข้ึน 2. ผปู้ กครองทม่ี ีส่วนชว่ ยในการ จรยิ ธรรม ความดี (f=1) เนน้ การมีสว่ นร่วม และการแสดง ช้ีนาให้ผู้เรียนมปี ระสทิ ธภิ าพ ความคิดเหน็ (f=3) (f=2) 2. รปู แบบการเรยี นรทู้ ส่ี ามารถ เขา้ ถงึ ผู้เรยี นไดท้ ุกคน (f=2) 3. การเรียนรทู้ ผี่ ลกั ดัน กระบวนการคิดวิเคราะห์ และ สรา้ งสรรค์ (f=1) 4. การเรยี นรู้ท่ีมกี ารแลกเปลย่ี น เรยี นรเู้ ชอื่ มโยงในทุกภมู ภิ าค ใน เรื่องส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม เศรษฐกจิ (f=1) 5. การเรียนรผู้ า่ นการจาลอง สังคมต้นแบบในโรงเรียนที่ ใกล้เคยี งกับสภาพจรงิ ในสงั คม เชน่ เรื่องของทรงผม ใหเ้ จอ ผลกระทบโดยตรง จะไดเ้ รียนรู้ การแกป้ ญั หาและจดั การการกบั ปัญหาดว้ ยตนเอง (f=1)

184 ท่ี กลุม่ ผลการสัมภาษณร์ ะบบการเรยี นรูท้ ีพ่ ึงประสงค์ ผู้ทรงคุณวุฒิ/ ในการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้มีสว่ นได้ 1. รูปแบบการเรยี นรู้ 2. ทรพั ยากรการเรยี นรู้ 3. การประเมนิ การเรยี นรู้ สว่ นเสยี 6. การเรยี นรูท้ ่ีไม่เนน้ การท่องจา (f=1) 7. การเรยี นรู้ที่ม่งุ สร้าง คุณลักษณะของคนในอนาคต (f=1) 8. การพฒั นาด้านภาษาโดยให้ เขาเรยี นโดยธรรมชาติเขาเหน็ ความสาคญั ก็จะเรียนรเู้ อง โดย ไมต่ ้องบังคับ (f=1) 9. การเรียนรู้โดยใชว้ จิ ยั เป็นฐาน (f=1) 10. การลงมอื ปฏิบตั จิ ริง สมั ผัส กบั วิถชี วี ิตจริง (f=1) 11. การเรียนรู้ผ่านสงั คม ประชาธิปไตยภายในโรงเรยี น (f=1) 12. การเรียนรทู้ ี่เน้นทักษะทาง กาย ทางอารมณ์/จติ ใจ (ทา ความร้จู ักกบั อารมณ)์ กระบวนการทางกาย และ สามารถทีจ่ ะจัดการกบั สถานการณ์ได้ (f=1) 2.4 ผู้เรียน 1. การจดั การเรยี นรทู้ ี่ยดึ ความ 1. ควรมีการสนับสนนุ ดา้ น 1. การตดั สนิ เกรด ควร ตอ้ งการของผเู้ รียนเปน็ สาคญั ให้ ทรัพยากรทางเทคโนโลยตี ่าง ๆ เปล่ียนเปน็ ผา่ นหรือไมผ่ ่านแทน ผูเ้ รยี นไดเ้ รยี นในส่งิ ท่ีรกั /ชอบ เขา้ มาใช้ในการเรยี นการสอน เพือ่ ลดการแข่งขนั การยดึ ติดกับ (f=2) มากยิ่งข้นึ (f=1) เกรดหรอื การตัดสนิ ผู้เรยี นจาก 2. การเรียนรู้เพื่อการคน้ หา 2. แหล่งสบื ค้น ขอ้ มลู ขา่ วสาร ตัวเลขของเกรดเฉล่ยี (f=1) ตัวตนของตวั เอง (f=2) บนโลกอนิ เตอรเ์ น็ต (f=1) 2. การวัดประเมินผลตรงจดุ กับ 3. การเรียนรทู้ ี่ให้ผเู้ รยี นสามารถ สง่ิ ท่ีเรียน (f=1) เลือกวิชาเลือกทจี่ ะลงได้ด้วย ตนเองตามความสนใจหรอื ความ ถนัด และมวี ชิ าเอกหรือวชิ าหลกั เพ่มิ อีกไมม่ ากนกั เพือ่ ให้ผูเ้ รียน ไดม้ เี วลาตามหา passion ในการ ใชช้ ีวิตของตนเอง (f=2) 4. การเรยี นรู้ที่ปลกู จิตสานกึ ทง้ั เดก็ เยาวชน และประชาชน (f=1) 5. การเรียนรเู้ พ่ืออนาคตท่ีเรียน แลว้ ตอ้ งไดใ้ ชใ้ นอนาคต (f=1) 6. การเรยี นรูท้ ่ีเพ่ิมวชิ าทีส่ อน เกยี่ วกบั กระบวนการการทางาน (f=1)

185 ท่ี กล่มุ ผลการสมั ภาษณ์ระบบการเรยี นรูท้ ีพ่ งึ ประสงค์ ผทู้ รงคุณวุฒิ/ ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้มีส่วนได้ 1. รปู แบบการเรยี นรู้ 2. ทรพั ยากรการเรยี นรู้ 3. การประเมนิ การเรยี นรู้ สว่ นเสีย 7. การเรยี นรู้ที่สามารถนาไปใช้ ในชีวิตจริง เช่น ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม การเงนิ สว่ นบคุ คล หรือความรู้พน้ื ฐานดา้ นการเงนิ วชิ าทีส่ อนให้ผู้เรยี นรู้จกั การ ปรับตัวใหเ้ ข้ากบั สถานการณ์หรอื เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ (f=1) 8. ระบบการเรยี นท่สี อดคล้องกับ การวดั ประเมนิ ผล (f=1) 9. การเรยี นรวมสายวิทย์คณติ และศิลป์ (f=1) 10. การเรยี นรู้ท่ีครูมเี วลาพดู คุย กบั ผ้เู รยี นมากยิ่งขึ้นเพอ่ื ช่วยลด ช่องวา่ งระหวา่ งผู้เรียนและครูลง (f=1) จากตารางท่ี 4.9 ผลการสัมภาษณ์ระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุปผลการสัมภาษณ์ระบบการเรียนรูท้ ีพ่ ึงประสงค์ใน การตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ตามกรอบการสมั ภาษณ์ 3 ประเดน็ ดังนี้ 1) รูปแบบการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 การเรียนรู้อย่างมีความหมาย (Purposeful learning) กลุ่มที่ 2 การเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalized Learning) กลุ่มที่ 3 การ ริเร่ิมเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-initiated learning, Heutagogy) กลุ่มที่ 4 การเรียนรู้สร้างสรรค์ นวัตกรรม (Innovation Creation Learning) และกลุ่มท่ี 5 การเรียนรู้เพ่ือประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง (Real life Application Learning) 2) ทรัพยากรการเรียนรู้ ประกอบด้วย 11 ประเภท คอื 11 ประเภท ดงั นี้ 1) ระบบสนบั สนุน ความเปน็ เลศิ ของผเู้ รียน (Student Excellence Support System) 2) แหล่งเรียนรู้ชีวิตจริง (Real World Learning Space) 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalize Learning Space) 4) แหล่ง เรียนรู้ออนไลน์ (Online Learning Space) 5) แหล่งเรียนรู้ในการทางาน (Hands on Learning Space) 6) แหล่งเรียนรู้ร่วม (Co-learning Space) 7) แหล่งเรียนรู้สังคมประกิต (Socialization Learning Space) 8) แหล่งเรียนรู้นักประดิษฐ์หรือนวัตกร (Maker Space) 9) แหล่งเรียนรู้จาลอง (Simulation Learning Space) 10) แหล่งเรียนรู้เชิงจินตนาการ (Imagination Learning Space) และ 11) แหล่งเรียนรูท้ ย่ี ดื หยนุ่ (Flexible Learning Space) 3) การประเมินการเรียนรู้ ประกอบด้วย 6 วิธี คือ 1) การประเมินเพ่ือพัฒนา (Formative assessment) 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวติ จริง (Authentic assessment) 3) การประเมินด้วย การให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ ( Creative feedback) 4) การประเมินตนเอง (Self assessment) 5) การประเมินแบบร่วมมือ (Collaborative evaluation) 6) การประเมินผลงาน (Performance-based assessment) และ 7) การประเมินโดยผเู้ ชยี่ วชาญ (Expert evaluation)

186 2.3 ผลการ (รา่ ง) ระบบการเรยี นร้ทู พี่ ึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ผลการ (ร่าง) ระบบการเรียนรทู้ พ่ี ึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลยี่ นแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ประกอบด้วย (ร่าง) รูปแบบการเรียนรู้ (ร่าง) ทรพั ยากรการเรยี นรู้ และ (รา่ ง) การประเมิน การเรียนรู้ มรี ายละเอียด ดงั นี้ ตารางท่ี 4.10 ผลการ (ร่าง) รูปแบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 ผลการจัดกลุม่ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสัมภาษณ์ ช่อื กลมุ่ รูปแบบ รูปแบบการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. การเรยี นรโู้ ดยใชว้ จิ ัยเป็นฐาน (f=4) กลุ่มที่ 1 การ 1.1) การเรยี นรอู้ ย่างมี 2. การเรียนรูเ้ ป็นโมดลู /หลกั สูตรระยะสน้ั (f=3) เรยี นรู้อย่างมี ความหมาย (Purposeful 3. การเรียนรทู้ ่ีเนน้ การแสดงความคิดเหน็ เน้นการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ความหมาย learning; 4 forms of life ผู้เรียนกับผเู้ รียน และครกู บั ผู้เรียน หรอื ครูกับครู (f=3) (Purposeful learning: Life deep, Life 4. การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผ้เู รียนเป็นศนู ย์กลางอยา่ งแทจ้ รงิ (f=3) learning) wide, Life wise, Life long) 5. การเรยี นรูแ้ บบเปิดท่ีเนน้ การหาคาตอบดว้ ยวธิ แี บบเปดิ จากหลากหลาย 1.2) การเรียนรสู้ กู่ าร แหล่งเรยี นรจู้ ากในและตา่ งประเทศ และจากหลายแหลง่ ข่าว (f=2) เปลยี่ นแปลง 6. การเรยี นรเู้ พอ่ื อนาคตท่ีเรียนแลว้ ตอ้ งได้ใช้ในอนาคต มุง่ สร้าง (Transformative learning) คณุ ลักษณะของคนในอนาคต (f=2) 7. การเรยี นรู้ทีเ่ น้นการตงั้ คาถาม ท่ีมีบรรยากาศแบบประชาธิปไตย (f=2) 1.3) การเรียนรู้วงจรทสี่ าม 8. รปู แบบการเรียนรทู้ ่สี ามารถเขา้ ถงึ ผ้เู รยี นได้ทกุ คน (f=2) (Triple loop learning) 9. การเรยี นรผู้ ่านกจิ กรรมกลมุ่ หรอื การระดมสมอง (f=2) 10. การเรยี นรเู้ ชงิ สาธิต หรอื สถานการณจ์ าลอง (f=2) 1.4) การเรียนรแู้ นวมนุษยนยิ ม 11. การเรียนรู้เพ่อื การคน้ หาตวั ตนของตวั เอง (f=2) (Humanistic learning) 12. การเรยี นรูเ้ ชงิ วเิ คราะห์เปรียบเทยี บ (f=2) 1.5) การเรียนรู้การออกแบบ ชวี ิต (Life design learning) 13. การเรียนรผู้ า่ นกรณตี ัวอย่างทดี่ ี (f=2) 14. การเรยี นรทู้ ่มี กี ารแลกเปลย่ี นเรียนรเู้ ช่ือมโยงในทุกภูมภิ าค ในเร่ือง ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม เศรษฐกจิ (f=1) 15. การพัฒนาด้านภาษาโดยใหเ้ ขาเรียนโดยธรรมชาตเิ ขาเหน็ ความสาคญั กจ็ ะเรียนรเู้ อง โดยไม่ต้องบงั คับ (f=1) 16. การเรยี นรทู้ ่ีนากิจกรรมนอกหลกั สูตร มาเป็นกจิ กรรมในหลกั สูตร (f=1) 17. การเรียนรทู้ ่ีปลกู จติ สานกึ ทง้ั เดก็ เยาวชน และประชาชน (f=1) 18. ระบบการเรยี นทส่ี อดคลอ้ งกับการวดั ประเมินผล (f=1) 19. การเรยี นรู้ทใี ชผ้ ลลพั ธ์การเรยี นรเู้ ปน็ ฐาน (f=1) 20. การเรียนรวมสายวทิ ยค์ ณติ และศิลป์ (f=1) 21. การเรยี นรกู้ ารอนุรกั ษธ์ รรมชาติ (f=1) 22. การเรยี นรผู้ า่ นการสารวจ (f=1) 23. การเรยี นรู้ตลอดชีวิต (f=1) 24. การเรยี นรูน้ อกระบบ (f=1) 25. การเรียนเปน็ ธีม (f=1)

187 ผลการจัดกล่มุ ขอ้ มลู ท่ีได้จากการสมั ภาษณ์ ช่อื กลมุ่ รูปแบบ รูปแบบการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. การจัดการเรยี นรทู้ ่ยี ดึ ความตอ้ งการของผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ ใหผ้ เู้ รียนได้ 2.1) การเรยี นรเู้ ฉพาะบุคคล เรยี นในสง่ิ ทีร่ กั /ชอบ สร้างโอกาสเรียนรอู้ ยา่ งเต็มศกั ยภาพ (f=6) กลุม่ ท่ี 2 การ (Personalized learning) 2. การเรียนรู้ทต่ี อบสนองต่อความถนัดของผเู้ รยี น โดยมกี ารสรา้ งระบบ เรยี นรเู้ ฉพาะ 2.2) การเรยี นรอู้ ยา่ งทั่วถึงทกุ นิเวศการเรียนรใู้ ห้ผเู้ รียน ให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรไู้ ด้อยา่ งต่อเนอื่ งตาม บคุ คล คน (Inclusive learning, ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล (f=5) (Personalized Universal design for 3. การเรียนรทู้ ี่มหี ลากหลายวธิ มี ากข้นึ โดยท่ีผ้เู รียนสามารถเลือกวธิ กี าร Learning) learning) เรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกบั ตนเอง (f=4) 4. การเรยี นรรู้ ายบคุ คล (f=3) กลมุ่ ท่ี 3 การ 3.1) การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง 5. การเรยี นรู้ท่ีให้ผู้เรยี นสามารถเลอื กวชิ าเลือกที่จะลงไดด้ ว้ ยตนเองตาม ริเรม่ิ เรียนรดู้ ว้ ย (Self learning) ความสนใจหรือความถนดั และมีวิชาเอกหรอื วิชาหลกั เพิ่มอีกไม่มากนกั ตนเอง (Self- เพื่อให้ผ้เู รยี นไดม้ ีเวลาตามหา passion ในการใชช้ วี ติ ของตนเอง (f=2) initiated 3.2) การเรียนรู้ในการทาสิ่ง 6. เรยี นรู้ตามความเร็วในการเรียนรู้รายบคุ คล (f=2) learning, ต่าง ๆ ไดถ้ ูกต้อง (Single 7. การเรยี นรู้ทค่ี รมู เี วลาพูดคุยกบั ผเู้ รยี นมากยง่ิ ขึน้ เพอ่ื ชว่ ยลดช่องวา่ ง Heutagogy) loop learning) ระหว่างผูเ้ รยี นและครูลง (f=1) 8. การเรียนรูผ้ า่ นการอบรมโดยผเู้ ช่ียวชาญ (f=1) กลมุ่ ที่ 4 การ 3.3) การเรยี นรกู้ ารทาสิ่งทค่ี วร 9. การเรยี นเป็นกลุ่มยอ่ ย (f=1) เรียนรสู้ ร้างสรรค์ ทา (Double loop learning) 1. การเปดิ โอกาสให้ผ้เู รียน ได้สรา้ งความรูไ้ ด้ดว้ ยตนเองมากข้นึ เน้นการมี นวัตกรรม ส่วนรว่ ม และการแสดงความคดิ เหน็ (f=3) (Innovation 3.4) การเรียนรรู้ ะบบเปดิ 2. การเรยี นแบบ Credit Banking ทส่ี ามารถสะสมความกา้ วหนา้ ในการ Creation (Open system learning) เรียนร้ไู ด้หลายแบบ (f=2) Learning) 3. การเรยี นรู้แบบหอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น (f=2) 3.5) การเรยี นรู้ทม่ี เี ปา้ หมาย 4. การเรยี นรู้ และคน้ ควา้ ด้วยตนเอง (f=2) ชดั แจง้ (Visible learning) 5. การเรยี นรู้ท่ีผู้เรียนสามารถออกแบบการเรียนรูไ้ ด้ด้วยตนเอง (f=1) 3.6) การเรียนรู้แบบมงุ่ 1. การเรยี นรู้ท่เี นน้ ความสรา้ งสรรค์ และการคดิ เชงิ ออกแบบ (f=5) ยกระดบั ศักยภาพ หรือ 2. การเรียนรู้โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (f=4) ไฮสโคป (High scope 3. การเรยี นรู้ผา่ นโครงงานเพ่ือพฒั นาชมุ ชน แก้ไขปญั หาสังคม และ learning) ช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ (f=3) 4. การเรียนรู้แบบบรู ณาการสาระขา้ มสาขาวชิ า (f=3) 4.1) การเรยี นรูส้ ู่การ 5. การเรียนรู้ผา่ นโครงงานการประดิษฐ์ หรือเวทปี ระกวดนวตั กรรมเชงิ เปลี่ยนแปลง พาณชิ (f=2) (Transformative learning) 6. การเรียนรูไ้ ด้ทุกสถานที่ และทกุ เวลา ผ่านการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี (f=2) 4.2) การเรียนรู้วงจรที่สาม 7. การเรียนร้ทู ี่เนน้ กระบวนการคิดวเิ คราะห์เพ่ือสรา้ งสรรคแ์ ละพฒั นา (Triple loop learning) (f=2) 8. การเรยี นรทู้ ี่ใหเ้ ด็กสามารถเชือ่ มต่อ หรือสร้างหุ่นยนต์ (f=1) 4.3) การเรียนรโู้ ดยการทางาน 9. การเรยี นรทู้ ่ีทนั ต่อการเปลีย่ นแปลง (f=1) จรงิ (Hands on learning) 10. การคิดตอ่ ยอดเพิ่มมูลค่าสินค้า (f=1) 11. การเรียนรู้แบบคน้ พบ (f=1) 4.4) การเรยี นรู้ท่ีสรา้ งรายได้ ระหว่างเรยี น (Income generating learning) 4.5) การเรยี นรกู้ ารคน้ พบ (Discovery learning) 4.6) การเรยี นรกู้ ารคิดเชิง ออกแบบ (Design thinking learning)

188 ผลการจดั กลุม่ ข้อมลู ทไ่ี ด้จากการสมั ภาษณ์ ช่อื กลุม่ รปู แบบ รูปแบบการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 1. การเรยี นรู้ด้วยการปฏบิ ตั ิจริง ทาซา้ จนเกิดความชานาญ (f=13) 4.7) การเรยี นรจู้ นิ ตนาการ 2. การเรียนรแู้ บบทวิภาคี ที่สถานบันการศึกษารว่ มมือกบั สถาน กลุ่มที่ 5 การ (Imagination learning) ประกอบการ เน้นการเรียนภาคทฤษฎรี อ้ ยละ 50 และการฝกึ ปฏบิ ัติงาน เรียนรู้เพื่อ 5.1) การเรียนรูแ้ บบรว่ มมือ จรงิ ในสถานประกอบการร้อยละ 50 โดยมีผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ยึดกับ ประยุกต์ใช้ใน (Collaborative learning) มาตรฐานของอาชีพ (f=7) ชวี ิตจรงิ (Real 5.2) การเรียนรู้การประยุกต์ใช้ 3. การเรยี นรโู้ ดยใชส้ ถานการณ์จรงิ หรอื ประสบการณ์จรงิ (f=6) life ในชวี ิตจรงิ (Real life 4. การจัดการเรียนรู้ร่วมกันระหวา่ งสถานศึกษากบั ภาคธรุ กิจ โดยเรียนรู้ Application application learning) โดยตรงจากเจ้าของอาชพี ซงึ่ ราวมถงึ การศกึ ษาวฒั นธรรมองค์กร (f=6) Learning) 5.3) การเรียนรกู้ ารแกป้ ัญหา 5. การเรยี นรู้ที่มีชมุ ชน และภาคสว่ นเปน็ ฐาน (f=5) (Problem solving learning) 6. การเรียนรผู้ ่านศกึ ษาดงู าน ณ แหล่งเรียนรู้ (f=4) 5.4) การเรียนรู้ทางอารมณ์ 7. การเรยี นรู้โดยใช้การวิเคราะหป์ จั จัยภายนอก หรอื การวเิ คราะหต์ ลาด และสังคม (Social (f=3) emotional learning) 8. การเรียนรู้ทจี่ าลองโลกแห่งความเปน็ จรงิ แตเ่ กิดข้ึนภายในโรงเรยี น 5.5) การเรียนร้ทู กั ษะชวี ิต (f=3) (Life skill learning) 9. การเรยี นรู้ฐานสมรรถนะ (f=3) 10. การเรียนรู้ทสี่ ามารถนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ เช่น ผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม การเงนิ ส่วนบุคคลหรือความร้พู ้นื ฐานดา้ นการเงนิ วชิ าท่สี อนให้ผู้เรยี นร้จู กั การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กับสถานการณ์หรือเหตุการณต์ ่าง ๆ (f=1) 11. การเรยี นรจู้ ากประสบการณต์ รง เขา้ ไปสัมผัสการเมอื งจรงิ (f=1) 12. การเรียนรู้ที่เน้นทักษะทางกาย ทางอารมณ์/จติ ใจ กระบวนการทาง กาย และสามารถท่จี ะจัดการกบั สถานการณ์ได้ (f=1) 13. การเรียนรู้ทเ่ี นน้ วชิ าท่ีสอนเกย่ี วกบั กระบวนการการทางาน (f=1) 14. การเรียนรู้ผา่ นสงั คมประชาธิปไตยภายในโรงเรยี น (f=1) 15. การเรียนรูผ้ ่านปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (f=1) 16. การเรียนนรู้ผ่านการปฏสิ ัมพันธ์ทางสังคม (f=1) 17. การเรียนรทู้ ี่ไมเ่ นน้ การทอ่ งจา (f=1) จากตารางที่ 4.10 ผลการ (ร่าง) รูปแบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุป (ร่าง) รูปแบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ไดเ้ ปน็ 6 กลุม่ ดังน้ี กลุ่มท่ี 1 การเรียนรู้อย่างมีความหมาย (Purposeful learning) ประกอบด้วย 5 รปู แบบ การเรียนรู้รอง คือ 1.1) การเรียนรู้อย่างมีความหมาย (Purposeful learning; 4 forms of life learning: Life deep, Life wide, Life wise, Life long) 1.2) การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative learning) 1.3) การเรียนรู้วงจรท่ีสาม (Triple loop learning) 1.4) การเรียนรู้ แนวมนุษยนิยม (Humanistic learning) และ 1.5) การเรียนรู้การออกแบบชีวิต (Life design learning) กลุม่ ที่ 2 การเรียนรู้เฉพาะบคุ คล (Personalized Learning) ประกอบดว้ ย 2 รปู แบบการ เรียนรู้รอง คือ 2.1) การเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalized learning) และ 2.2) การเรียนรู้อย่าง ทั่วถึงทุกคน (Inclusive learning, Universal design for learning)

189 ก ลุ่ ม ที่ 3 ก า ร ริ เ ริ่ ม เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง ( Self-initiated learning, Heutagogy) ประกอบด้วย 6 รูปแบบการเรียนรู้รอง คือ 3.1) การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self learning) 3.2) การ เรียนรู้ในการทาส่ิงต่าง ๆ ได้ถูกต้อง (Single loop learning) 3.3) การเรียนรู้การทาส่ิงท่ีควรทา (Double loop learning) 3.4) การเรียนรู้ระบบเปิด (Open system learning) 3.5) การเรียนรู้ท่ีมี เป้าหมายชัดแจ้ง (Visible learning) และ 3.6) การเรียนรู้แบบมุ่งยกระดับศักยภาพ หรือไฮสโคป (High scope learning) กลุ่มท่ี 4 การเรียนรู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ( Innovation Creation Learning) ประกอบด้วย 7 รูปแบบการเรียนรู้รอง คือ 4.1) การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative learning) 4.2) การเรียนรู้วงจรท่ีสาม (Triple loop learning) 4.3) การเรียนรู้โดยการทางานจริง (Hands on learning) 4.4) การเรียนรู้ที่สร้างรายได้ระหว่างเรียน (Income generating learning) 4.5) การเรียนรู้การค้นพบ (Discovery learning) 4.6) การเรียนรู้การคิดเชิงออกแบบ (Design thinking learning) และ 4.7) การเรยี นรจู้ นิ ตนาการ (Imagination learning) กลุ่มที่ 5 การเรียนรู้เพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง (Real life Application Learning) ประกอบด้วย 5 รูปแบบการเรียนรู้รอง คือ 5.1) การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning) 5.2) การเรียนรู้การประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง (Real life application learning) 5.3) การเรียนรู้การ แก้ปัญหา (Problem solving learning) 5.4) การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social emotional learning) และ 5.5) การเรยี นรทู้ กั ษะชวี ิต (Life skill learning)

190 ตารางท่ี 4.11 ผลการ (รา่ ง) ทรพั ยากรการเรียนรทู้ ่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลยี่ นแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 ผลการจดั กล่มุ ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการสัมภาษณ์ ทรัพยากรการเรียนรู้ 1. ศนู ยก์ ารเรียนรู้ (f=1) 1) ระบบสนับสนุนความเปน็ เลศิ ของผเู้ รยี น 2. ศนู ย์ความเป็นเลิศ (f=1) (Student Excellence Support System) 1. สถานการณจ์ ริง (f=2) 2) แหลง่ เรียนรู้ชวี ติ จรงิ (Real World Learning 2. สงิ่ แวดล้อม หรอื ทรัพยากรธรรมชาติ (f=2) Space) 1. ผเู้ ชยี่ วชาญหรือทปี่ รึกษาโครงงาน (f=5) 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalize 2. ระบบครทู ่ีปรกึ ษาเพือ่ ให้คาปรึกษาปญั หาการเรยี นและการดาเนินชีวติ Learning Space) (f=2) 3. ผู้มคี วามรดู้ า้ นการเมือง เช่น นกั การเมืองทอ้ งถิ่น (f=1) 1. เทคโนโลยีดิจิทัลทางการศึกษา (f=6) 4) แหลง่ เรียนรู้ออนไลน์ (Online Learning Space) 2. แหล่งสบื ค้น ข้อมลู ขา่ วสารบนโลกอนิ เตอรเ์ นต็ (f=2) 3. ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการเรยี นรู้ (f=2) 4. แพลตฟอรม์ การเรียนรู้ (f=1) 5. สื่อสงั คมออนไลน์ (f=1) 1. ภาคอุสาหกรรม สถานประกอบการ (f=10) 5) แหล่งเรียนรใู้ นการทางาน (Hands on Learning 2. Connected Campus ทีเ่ ช่อื มโยง สถานศกึ ษา-สถานประกอบการ- Space) มหาวิทยาลยั (f=1) 1. เครือข่ายอาชวี ะระดบั ภาคและประเทศ (f=1) 6) แหลง่ เรยี นรรู้ ว่ ม (Co-learning Space) 1. ครทู ีม่ คี ณุ ภาพ มีบทบาท วธิ ีสอน วิธคี ดิ ทย่ี อมรบั การเปลี่ยนแปลง เป็น 7) แหล่งเรยี นรสู้ ังคมประกติ (Socialization ผูร้ กั การเรียนรู้ คอยอานวยความสะดวกในการเรียนรูแ้ ก่ผู้เรยี น (f=11) Learning Space) 2. ภาคชุมชน (f=8) 3. ภาคสว่ นธุรกิจ สงั คม และสอ่ื สารมวลชน (f=4) 4. ผู้ปกครองทมี่ ีส่วนชว่ ยในการชี้นาใหผ้ เู้ รียนมปี ระสิทธิภาพ (f=2) 5. บคุ คลต้นแบบ (f=1) 1. เทคโนโลยีที่ส่งเสรมิ สนับสนุนงานประดิษฐ์ทเ่ี พยี งพอ (f=2) 8) แหล่งเรยี นรู้นกั ประดษิ ฐห์ รอื นวตั กร (Maker 2. ห้องฝึกปฏบิ ัตกิ าร (f=1) Space) 1. สถาบนั การศึกษาดจิ ทิ ัล (Digital College) (f=3) 9) แหล่งเรยี นรจู้ าลอง (Simulation Learning 2. เทคโนโลยีเสมอื นเพื่อการเรียนรู้ หอ้ งเรยี นเสมอื น (f=2) Space) 3. การสนบั สนุนดา้ นทรัพยากรทางเทคโนโลยตี า่ ง ๆ เข้ามาใชใ้ นการเรยี น การสอนมากยิ่งขึน้ (f=1) 10) แหลง่ เรียนรู้เชิงจินตนาการ (Imagination 4. การโค้ชทางไกลผ่านระบบ VDO Conference (f=1) Learning Space) 1. ทรัพยากรแบบไรข้ ดี จากัด (Infinity) (f=2) 11) แหลง่ เรยี นรู้ทย่ี ืดหยุน่ (Flexible Learning Space) 1. หลักสูตรทีท่ ันสมยั (f=1) 2. ตารางเรยี นแบบยดื หยุ่น (f=1) 3. หน่วยงานเทียบโอนคุณวฒุ ิท่มี เี กณฑย์ ดื หยุน่ (f=1) จากตารางท่ี 4.11 ผลการ (ร่าง) ทรัพยากรการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุป (ร่าง) ทรัพยากรการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ไดเ้ ปน็ 11 ประเภท ดังนี้ 1) ระบบสนบั สนนุ ความเปน็ เลิศของผูเ้ รยี น (Student Excellence Support System) 2) แหล่งเรียนรู้ชีวติ จรงิ (Real World Learning Space)

191 3) แหล่งเรียนร้เู ฉพาะบคุ คล (Personalize Learning Space) 4) แหล่งเรยี นรูอ้ อนไลน์ (Online Learning Space) 5) แหล่งเรียนรใู้ นการทางาน (Hands on Learning Space) 6) แหล่งเรยี นรู้ร่วม (Co-learning Space) 7) แหลง่ เรยี นรสู้ งั คมประกติ (Socialization Learning Space) 8) แหลง่ เรียนรนู้ ักประดิษฐห์ รอื นวตั กร (Maker Space) 9) แหล่งเรยี นรจู้ าลอง (Simulation Learning Space) 10) แหลง่ เรยี นร้เู ชงิ จินตนาการ (Imagination Learning Space) 11) แหลง่ เรียนรู้ทยี่ ดื หยนุ่ (Flexible Learning Space)

192 ตารางที่ 4.12 ผลการ (ร่าง) การประเมินการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 ผลการจัดกลุ่มข้อมลู ทไ่ี ด้จากการสมั ภาษณ์ การประเมินการเรียนรู้ 1. การประเมนิ ผ้เู รียนรายบคุ คล ดว้ ยเกณฑ์ที่แตกตา่ งกนั รายบคุ คล (f=4) 1) การประเมนิ เพ่ือพฒั นา (Formative assessment) 2. การตัดสนิ เกรดควรเปล่ยี นเป็นผา่ นหรอื ไมผ่ ่านแทน เพื่อลดการแข่งขนั และการยดึ ตดิ กบั เกรดหรือการตัดสินผู้เรยี นจากตวั เลขของเกรดเฉลี่ย (f=1) 3. การประเมนิ การเรียนรู้ของผู้เรียนเปน็ รายบคุ คลอย่างแทจ้ รงิ ผา่ นการ เก็บร่องรอยดิจทิ ัล (f=1) 4. การประเมนิ การสะสม Credit ตามความสนใจ และความเร็วในการ เรียนรทู้ ี่แตกต่างกัน (f=1) 5. การประเมินเพอื่ พัฒนา (f=1) 6. การประเมนิ ระยะยาว (f=1) 1. การประเมินการมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจและดาเนินการ (f=1) 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวติ จริง (Authentic 2. การประเมนิ ความรู้และเจตคติความเปน็ ประชาธปิ ไตย (f=1) assessment) 3. การวัดและประเมินผลท่ยี ืดหยนุ่ และเปิดกว้าง (f=1) 4. การประเมินด้วยหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ (f=1) 5. การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (f=1) 1. การประเมินดว้ ยการสะทอ้ นคดิ เชิงสร้างสรรค์ (f=1) 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เชิง 2. การประเมินผลทีเ่ นน้ จริยธรรม ความดี (f=1) สรา้ งสรรค์ (Creative feedback) 1. การประเมินตนเอง (f=4) 4) การประเมินตนเอง (Self assessment) 1. การประเมินเพื่อน (f=4) 5) การประเมินแบบรว่ มมือ (Collaborative 2. การประเมนิ ความพงึ พอใจของผ้มู สี ่วนเก่ยี วขอ้ ง (f=1) evaluation) 3. การประเมินโครงการสาหรบั ผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสีย (f=1) 4. การประเมนิ การเรียนรู้โดยภาคชมุ ชน (f=2) 1. การประเมนิ ตามมาตรฐานอาชพี (f=3) 6) การประเมินผลงาน (Performance-based 2. การประเมนิ ผลงานการสร้างสรรค์ต่อยอดนวัตกรรมพาณชิ (f=2) assessment) 3. การประเมินฐานสมรรถนะ (f=2) 4. การประเมินจากผลงาน (f=2) 5. การวัดประเมนิ ผลตรงจุดกบั สง่ิ ท่ีเรยี น (f=1) 6. การประเมินเปน็ Module (f=1) 1. การประเมนิ การเรยี นรู้โดยภาคอสุ าหกรรม หรือสถานประกบอการ 7) การประเมินโดยผเู้ ชยี่ วชาญ (Expert evaluation) (f=4) จากตารางที่ 4.12 ผลการ (ร่าง) การประเมินการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุป (ร่าง) การประเมินการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ใน การตอบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ได้เป็น 7 วิธี ดงั นี้ 1) การประเมินเพื่อพฒั นา (Formative assessment) 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชีวติ จริง (Authentic assessment) 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมลู ย้อนกลับเชิงสรา้ งสรรค์ (Creative feedback) 4) การประเมนิ ตนเอง (Self assessment) 5) การประเมินแบบรว่ มมือ (Collaborative evaluation) 6) การประเมนิ ผลงาน (Performance-based assessment) 7) การประเมินโดยผเู้ ช่ียวชาญ (Expert evaluation)

193 2.4 ผลการศกึ ษาตวั อย่างระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 จากสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานและอาชีวศกึ ษา การนาเสนอผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและอาชีวศึกษา แบ่งผลการ นาเสนอออกเป็น 2 ตอน ประกอบด้วย 2.4.1) ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรทู้ ี่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลีย่ นแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐานและอาชีวศกึ ษา เชิงปรมิ าณ 2.4.2) ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรทู้ ่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานและอาชีวศึกษา เชงิ คุณภาพ มีรายละเอียดดังน้ี 2.4.1 ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานและอาชีวศกึ ษา เชงิ ปรมิ าณ ผลการศึกษาตัวอยา่ งระบบการเรียนรู้ทีพ่ งึ ประสงคใ์ นการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา เชิงปริมาณ ได้มาจากการศึกษา ตัวอย่างระบบการเรียนรู้จากสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและอาชีวศึกษา รวม 7 แห่ง แบ่เป็นสถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน จานวน 4 แห่ง และสถานศึกษาอาชีวศึกษา จานวน 3 แห่ง โดยใช้แบบสัมภาษณ์ เก็บขอ้ มูลกับกลุม่ ผใู้ หข้ ้อมลู ท้ังสิ้นจานวน 31 คน เพื่อการศกึ ษาตัวอย่างระบบการเรยี นรู้ที่พงึ ประสงค์ ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ประกอบดว้ ย 4 ประเดน็ คือ 1) ผลลัพธ์ การเรยี นรู้ (Learning Outcome)/ ตวั ชี้วดั ผลลพั ธ์การเรียนรู้ (Assessment Evidences) 2) รปู แบบ การเรียนรู้ (Learning design) 3) ทรพั ยากรการเรยี นรู้ (Learning resources) และ 4) การประเมิน การเรียนรู้ (Learning assessment) โดยประเด็นทรัพยากรการเรียนรู้ และการประเมินการเรียนรู้ ศึกษาโดยจัดกลุ่มของข้อมูลตามความสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ 6 รูปแบบหลัก มีรายละเอียด ดงั น้ี

ตารางที่ 4.13 ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสน อาชีวศกึ ษา เชิงปรมิ าณ ภาพรวม สถานศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ผลการศกึ ษาตัวอยา่ งระบบการเรียนรทู้ พี่ ึงประสงคใ์ นการ สภาพ สภาพพงึ คว ตอบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ปัจจุบนั ประสงค์ ������̅ SD ������̅ SD PN 1. ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ (Learning Outcome)/ ตวั ชว้ี ัดผลลพั ธ์การเรยี นรู้ (Assessment Evidences) 1.1) คุณภาพท่ัวไป (General Qualities) 3.32 0.72 3.86 0.38 0.1 1.2) คณุ ภาพทางสังคม (Social Qualities) 3.34 0.70 3.86 0.37 0.1 1.3) คณุ ภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 3.05 0.92 3.68 0.50 0.2 1.4) คณุ ภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) 2.90 0.98 3.69 0.69 0.2 1.5) คณุ ภาพทางสิ่งแวดล้อม (Environment Qualities) 3.29 0.73 3.82 0.45 0.1 1.6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) 2.88 0.93 3.64 0.63 0.2 2. ด้านรปู แบบการเรยี นรู้ (Learning design) กลุม่ ท่ี 1 การเรียนรู้อย่างมคี วามหมาย และมีคุณคา่ (Purposeful 3.42 0.67 3.86 0.36 0.1 and Valuable learning) กลมุ่ ที่ 2 การเรียนรคู้ วามตอ้ งการเฉพาะบคุ คล (Personalized 3.58 0.59 3.95 0.22 0.1 Learning) กลุ่มที่ 3 การรเิ รม่ิ เรยี นร้ดู ้วยตนเอง (Self-initiated learning, 3.45 0.65 3.90 0.31 0.1 Heutagogy) กลุ่มที่ 4 การเรยี นรู้สร้างสรรค์นวตั กรรม (Innovation Creation 3.34 0.71 3.81 0.40 0.1 Learning) กล่มุ ที่ 5 การเรยี นรกู้ ารนาความรู้ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ (Real life 3.49 0.67 3.96 0.13 0.1 Application Learning) กลุ่มที่ 6 การเรยี นรทู้ ีส่ ร้างรายได้ระหวา่ งเรียน (Income 3.42 0.62 3.85 0.34 0.1 generating learning) 3. ด้านทรัพยากรการเรยี นรู้ (Learning resources) กลมุ่ ท่ี 1 การเรียนรู้อยา่ งมีความหมาย และมคี ุณค่า (Purposeful 3.54 0.60 3.85 0.37 0.0 and Valuable learning)

194 นองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและ สถานศกึ ษาอาชีวศึกษา รวม สภาพพึง วามตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความต้องการ สภาพ ประสงค์ ความตอ้ งการ จาเปน็ ปจั จบุ นั จาเปน็ ปจั จุบัน ������̅ SD จาเปน็ ประสงค์ ������̅ SD NI อนั ดบั 3.84 0.41 PNI อันดบั ) ������̅ SD ������̅ SD PNI อนั ดับ 3.34 0.70 3.83 0.41 3.37 0.68 3.59 0.63 0.154 5 166 4 3.37 0.65 3.81 0.42 0.135 4 2.96 0.95 3.68 0.66 0.138 6 157 6 3.43 0.64 3.78 0.44 0.105 6 2.91 0.92 3.80 0.47 0.219 2 212 3 2.79 1.02 3.43 0.81 0.238 2 3.27 0.72 3.64 0.63 0.273 1 279 1 2.92 0.81 3.66 0.59 0.265 1 3.02 0.91 0.164 4 163 5 3.22 0.72 3.76 0.50 0.167 3 0.207 3 268 2 3.26 0.81 3.64 0.61 0.117 5 129 4 3.32 0.76 3.79 0.49 0.143 2 3.39 0.69 3.83 0.42 0.134 2 103 6 3.48 0.67 3.82 0.52 0.096 5 3.55 0.61 3.90 0.36 0.100 6 131 3 3.34 0.76 3.76 0.65 0.133 3 3.41 0.69 3.85 0.46 0.131 3 140 1 2.97 0.77 3.72 0.61 0.256 1 3.21 0.75 3.78 0.49 0.176 1 138 2 3.57 0.55 3.91 0.25 0.102 4 3.52 0.64 3.95 0.20 0.123 4 128 5 3.61 0.42 3.91 0.30 0.087 6 3.49 0.59 3.87 0.33 0.112 5 089 6 3.59 0.66 3.82 0.49 0.066 5 3.56 0.62 3.84 0.41 0.081 6

ผลการศกึ ษาตัวอยา่ งระบบการเรยี นรทู้ ่พี ึงประสงค์ในการ สถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ตอบสนองการเปลยี่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สภาพ สภาพพงึ คว ปจั จบุ นั ประสงค์ กลุ่มท่ี 2 การเรยี นรคู้ วามตอ้ งการเฉพาะบคุ คล (Personalized ������̅ SD ������̅ SD PN Learning) กลมุ่ ที่ 3 การรเิ รม่ิ เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (Self-initiated learning, 3.44 0.69 3.90 0.30 0.1 Heutagogy) กลมุ่ ท่ี 4 การเรยี นรู้สร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Creation 3.43 0.71 3.90 0.30 0.1 Learning) กลุ่มท่ี 5 การเรยี นรู้การนาความรู้ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ (Real life 3.38 0.68 3.89 0.31 0.1 Application Learning) กล่มุ ที่ 6 การเรียนรู้ทส่ี ร้างรายได้ระหวา่ งเรยี น (Income 3.50 0.58 3.90 0.29 0.1 generating learning) 4. ดา้ นการประเมนิ การเรียนรู้ (Learning assessment) 3.33 0.93 3.95 0.22 0.1 กลุม่ ท่ี 1 การเรียนรอู้ ย่างมคี วามหมาย และมีคุณคา่ (Purposeful and Valuable learning) 3.43 0.63 3.90 0.30 0.1 กลุ่มท่ี 2 การเรยี นรู้ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) 3.45 0.60 3.93 0.27 0.1 กลมุ่ ที่ 3 การริเร่ิมเรียนร้ดู ้วยตนเอง (Self-initiated learning, Heutagogy) 3.50 0.67 4.00 0.00 0.1 กลมุ่ ท่ี 4 การเรียนรสู้ รา้ งสรรคน์ วัตกรรม (Innovation Creation Learning) 3.28 0.78 3.89 0.33 0.1 กลุ่มที่ 5 การเรียนรกู้ ารนาความรปู้ ระยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ (Real life Application Learning) 3.43 0.72 3.90 0.31 0.1 กลมุ่ ที่ 6 การเรียนรทู้ ่ีสรา้ งรายได้ระหว่างเรียน (Income generating learning) 3.33 0.86 3.83 0.52 0.1

195 สถานศกึ ษาอาชีวศึกษา รวม สภาพพงึ วามตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความตอ้ งการ สภาพ ประสงค์ ความตอ้ งการ จาเป็น ปัจจบุ ัน จาเปน็ ปัจจุบนั จาเปน็ ประสงค์ ������̅ SD NI อันดบั ������̅ SD PNI อนั ดับ ������̅ SD ������̅ SD PNI อนั ดับ 3.86 0.40 134 4 3.42 0.72 0.131 2 3.36 0.76 3.80 0.52 0.130 2 137 3 3.54 0.66 3.82 0.42 0.079 3 3.47 0.69 3.87 0.35 0.116 4 154 2 3.33 0.91 3.87 0.34 0.166 1 3.36 0.76 3.88 0.34 0.157 1 115 5 3.60 0.57 3.87 0.37 0.079 3 3.53 0.58 3.89 0.33 0.102 5 188 1 3.91 0.20 3.96 0.15 0.012 6 3.53 0.82 3.96 0.22 0.121 3 138 5 3.27 0.72 3.79 0.47 0.158 1 3.37 0.66 3.86 0.38 0.145 3 138 5 3.50 0.67 3.78 0.44 0.079 5 3.47 0.63 3.87 0.34 0.117 5 143 3 3.30 0.57 3.82 0.39 0.158 1 3.43 0.64 3.93 0.24 0.148 2 189 1 3.44 0.79 3.78 0.50 0.096 3 3.33 0.78 3.85 0.40 0.155 1 139 4 3.60 0.68 3.78 0.44 0.051 6 3.49 0.70 3.86 0.36 0.107 6 150 2 3.51 0.75 3.84 0.37 0.096 3 3.39 0.81 3.83 0.47 0.130 4

ตารางท่ี 4.14 ผลการศึกษาตัวอย่างระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสน อาชีวศกึ ษา เชงิ ปริมาณ รายดา้ น ดา้ นคณุ ภาพคนไทยที่พึงประสงคใ์ นปี 2040 สถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (n=2 ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ (Learning Outcome)/ สภาพ สภาพพงึ คว ตัวชว้ี ัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ (Assessment Evidences) ปจั จบุ นั ประสงค์ ������̅ SD ������̅ SD PN 1. คณุ ภาพท่วั ไป (General Qualities) 1) ผเู้ ช่ียวชาญการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ (Lifelong expert learner) 3.34 0.67 3.82 0.42 0.1 1.1) มคี วามฉลาดรใู้ นการอ่าน เขียน ภาษาไทยอังกฤษ คดิ คานวณ และ 3.30 0.57 3.80 0.41 0.1 จนิ ตนาการ 1.2) มีทกั ษะการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และการเรยี นรตู้ ลอดชวี ิต 3.55 0.51 3.95 0.22 0.1 1.3) มที ักษะการบรู ณาการขา้ มศาสตร์ และการนาไปใชใ้ นชวี ิตจริง 3.25 0.79 3.75 0.55 0.1 1.4) มีทกั ษะการปรบั ตัวตอบสนองการเปลยี่ นแปลงของโลกอนาคต 3.45 0.69 3.85 0.37 0.1 1.5) มที กั ษะการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณหรอื การคดิ เชงิ วพิ ากษ์ (Critical 3.15 0.81 3.75 0.55 0.1 thinking skill) 2) ผอู้ อกแบบชีวิตทีม่ คี ณุ คา่ (Valuable Life Designer) 3.24 0.76 3.85 0.38 0.1 2.1) คน้ พบสิ่งทร่ี กั ทจี่ ะทา มคี วามสุขอยา่ งมคี ณุ คา่ (Passion) 3.10 0.85 3.85 0.37 0.2 2.2) สามารถทาในสิ่งทโี่ ลกตอ้ งการ และมคี ณุ คา่ (Mission) 3.25 0.72 3.85 0.37 0.1 2.3) สามารถสร้างคณุ ค่าจากสิ่งทที่ า (Vocation) 3.20 0.77 3.90 0.31 0.2 2.4) สามารถออกแบบชีวิตทมี่ ีคุณคา่ และวางแผนเส้นทางเพอ่ื ไปสู่การได้ 3.35 0.75 3.75 0.55 0.1 ทาในส่งิ ที่รกั ไดด้ อี ย่างมอื อาชีพ (Profession) 2.5) มีความฉับไวในการตอบสนองการเปลยี่ นแปลง (Agility) 3.30 0.73 3.90 0.31 0.1 3) ผ้นู าการเปล่ียนแปลงท่สี ร้างอนาคต (Change Leader Make the 3.18 0.83 3.81 0.43 0.2 Future) 3.1) มวี ิสยั ทศั นก์ ว้างไกล 3.10 0.79 3.80 0.41 0.2 3.2) สามารถสือ่ สารให้มวี ิสัยทัศนร์ ่วม และสร้างสรรคก์ ารเปลยี่ นแปลงท่ี 3.00 0.92 3.65 0.49 0.2 พึงประสงคด์ ว้ ยกลยทุ ธท์ ่ดี ี 3.3) มีกรอบความคิดแบบเตบิ โต (Growth mindset) และมองออกนอก 3.40 0.68 3.90 0.45 0.1 (Outward mindset) 3.4) มีทักษะการคิดนอกกรอบข้ามศาสตร์ 3.20 0.83 3.90 0.31 0.2 3.5) มคี วามสามารถในการเจรจาตอ่ รองและไกล่เกลีย่ 3.10 0.91 3.80 0.41 0.2

196 นองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานและ 20) สถานศกึ ษาอาชวี ศึกษา (n=11) รวม วามต้องการ สภาพ สภาพพงึ ความตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความต้องการ จาเป็น ปจั จบุ ัน จาเป็น ปจั จบุ นั ประสงค์ จาเปน็ ประสงค์ ������̅ SD NI อนั ดบั ������̅ SD PNI อนั ดับ ������̅ SD ������̅ SD PNI อนั ดบั 145 4 3.31 0.68 3.86 0.39 0.166 3 3.33 0.68 3.83 0.44 0.153 3 152 3 3.27 0.47 3.91 0.30 0.194 2 3.29 0.53 3.84 0.37 0.167 2 113 5 3.36 0.92 3.82 0.60 0.135 4 3.48 0.68 3.90 0.40 0.121 5 154 2 3.55 0.52 4.00 0.00 0.128 5 3.35 0.71 3.84 0.45 0.146 4 116 4 3.09 0.83 3.73 0.65 0.206 1 3.32 0.75 3.81 0.48 0.148 3 190 1 3.27 0.65 3.82 0.40 0.167 3 3.19 0.75 3.77 0.50 0.182 1 189 2 3.24 0.70 3.77 0.41 0.166 3 3.24 0.74 3.82 0.41 0.179 2 242 1 3.55 0.52 4.00 0.00 0.128 5 3.26 0.77 3.90 0.30 0.196 3 185 3 2.82 0.87 3.55 0.52 0.258 1 3.10 0.79 3.74 0.44 0.206 1 219 2 3.27 0.65 3.82 0.40 0.167 2 3.23 0.72 3.87 0.34 0.198 2 119 5 3.27 0.65 3.73 0.47 0.139 3 3.32 0.70 3.74 0.51 0.127 5 182 4 3.27 0.79 3.73 0.65 0.139 3 3.29 0.74 3.84 0.45 0.167 4 201 1 3.20 0.76 3.73 0.57 0.168 1 3.18 0.81 3.78 0.49 0.188 1 226 1 3.27 0.65 3.82 0.60 0.167 4 3.16 0.73 3.81 0.48 0.206 1 217 4 3.00 0.77 3.55 0.82 0.182 2 3.00 0.86 3.61 0.62 0.203 3 147 6 3.45 0.52 3.91 0.30 0.132 5 3.42 0.62 3.90 0.40 0.140 6 219 3 3.45 0.52 3.91 0.30 0.132 5 3.29 0.74 3.90 0.30 0.185 5 226 1 3.18 0.87 3.73 0.47 0.171 3 3.13 0.88 3.77 0.43 0.204 2

ผลลพั ธ์การเรียนรู้ (Learning Outcome)/ สถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน (n=2 ตวั ชว้ี ัดผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ (Assessment Evidences) สภาพ สภาพพงึ คว ปจั จุบนั ประสงค์ 3.6) มคี วามสามารถในการสร้างสรรคน์ วัตกรรมพลกิ ผนั ������̅ SD ������̅ SD PN 4) พลเมืองโลกทม่ี ีคณุ ภาพ และความรับผดิ ชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) 3.25 0.85 3.80 0.52 0.1 4.1) มีคณุ ธรรม จริยธรรม และจติ สานกึ สากล 3.46 0.62 3.89 0.31 0.1 4.2) กล้าแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล พร้อมท้งั เปดิ ใจรบั ฟังความ คิดเหน็ ทแี่ ตกตา่ ง 3.35 0.59 3.95 0.22 0.1 4.3) ตัดสินใจอย่างมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง สว่ นรวม และสังคมโลก 3.60 0.50 3.90 0.31 0.0 4.4) เคารพในความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม 4.5) มคี วามซ่อื สตั ย์ มวี ินยั ในตนเอง และเคารพสิทธขิ องผอู้ ื่น 3.25 0.72 3.80 0.41 0.1 5) ผมู้ ีสุขภาวะกายและใจที่ดี (Well-being person) 3.65 0.59 3.90 0.31 0.0 5.1) มคี วามฉลาดรทู้ างสขุ ภาพ (Health literacy) 3.45 0.69 3.90 0.31 0.1 5.2) มีสขุ ภาวะทางใจ 3.45 0.65 4.00 0.32 0.1 5.3) มสี ขุ ภาวะทางกาย 3.40 0.75 4.00 0.32 0.1 2. คณุ ภาพทางสงั คม (Social Qualities) 3.50 0.69 4.00 0.32 0.1 1) ผมู้ สี มรรถนะทางอารมณ์ และสงั คม (Emotional & Social 3.45 0.51 4.00 0.32 0.1 Competencies) 1.1) เป็นผูต้ ระหนกั รใู้ นตนเอง ผู้อน่ื และมมี ารยาททางสงั คม 3.30 0.70 3.90 0.31 0.1 1.2) มคี วามฉลาดรู้ทางอารมณ์ และสัมพนั ธ์ภาพที่ดี 1.3) สามารถสร้างสรรคค์ ่านิยม ตามวัฒนธรรมอันดงี ามของไทยและ 3.30 0.80 3.90 0.31 0.1 วัฒนธรรมอนั เปน็ สากล 3.25 0.72 3.90 0.31 0.2 2) ผู้สรา้ งสรรคน์ วัตกรรมสังคม (Social Innovation Creator) 3.35 0.59 3.90 0.31 0.1 2.1) สามารถสรา้ งนวัตกรรมสงั คมจากความเข้าใจความเปน็ มนุษย์ ธรรมชาตขิ องโลก ประวตั ศิ าสตร์ ความเป็นชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และสากล 3.15 0.85 3.75 0.54 0.1 เพอ่ื ความยั่งยนื ตามยคุ สมัย 3.15 0.81 3.65 0.59 0.1 2.2) สามารถสร้างสรรคส์ งั คมหลังนวตั กรรมอยา่ งยงั่ ยืน (Post innovation society) 3.15 0.88 3.85 0.49 0.2 3) ผนู้ าสังคมคณุ ธรรม (Social justice) 3.1) มีความกล้าหาญทางจริยธรรม 3.48 0.64 3.89 0.33 0.1 3.40 0.60 3.90 0.31 0.1

197 20) สถานศึกษาอาชวี ศกึ ษา (n=11) รวม วามตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความต้องการ จาเป็น ปัจจุบัน จาเปน็ ปัจจบุ ัน ประสงค์ จาเป็น ประสงค์ ������̅ SD ������̅ SD NI อันดับ PNI อนั ดับ ������̅ SD ������̅ SD PNI อันดบั 3.10 1.01 3.68 0.70 169 5 0.187 4 126 5 2.82 1.25 3.45 0.93 0.226 1 3.53 0.57 3.90 0.30 0.105 5 3.66 0.47 3.91 0.26 0.071 4 179 1 3.64 0.50 3.82 0.40 0.050 3 3.45 0.57 3.90 0.30 0.130 2 083 4 3.55 0.52 3.91 0.30 0.103 2 3.58 0.50 3.90 0.30 0.089 3 169 2 3.45 0.52 3.91 0.30 0.132 1 3.32 0.65 3.84 0.37 0.157 1 068 5 3.82 0.40 4.00 0.00 0.048 4 3.71 0.53 3.94 0.25 0.062 5 130 3 3.82 0.40 3.91 0.30 0.024 5 3.58 0.62 3.90 0.30 0.089 3 159 3 3.58 0.56 3.82 0.45 0.068 5 3.49 0.62 3.94 0.38 0.127 4 176 1 3.64 0.50 3.91 0.30 0.075 2 3.48 0.68 3.97 0.31 0.141 1 143 3 3.45 0.69 3.73 0.65 0.079 1 3.48 0.68 3.90 0.47 0.121 2 159 2 3.64 0.50 3.82 0.40 0.050 3 3.52 0.51 3.94 0.36 0.119 3 182 2 3.55 0.50 3.91 0.16 0.103 2 3.39 0.65 3.91 0.29 0.153 2 182 2 3.64 0.50 4.00 0.00 0.100 2 3.42 0.72 3.94 0.25 0.152 2 200 1 3.64 0.50 4.00 0.00 0.100 2 3.39 0.67 3.94 0.25 0.162 1 164 3 3.36 0.50 3.73 0.47 0.108 1 3.35 0.55 3.84 0.37 0.146 3 191 1 3.00 1.00 3.41 0.98 0.137 1 3.10 0.89 3.63 0.73 0.171 1 159 2 3.00 1.00 3.36 1.03 0.121 2 3.10 0.87 3.55 0.77 0.145 2 222 1 3.00 1.00 3.45 0.93 0.152 1 3.10 0.91 3.71 0.69 0.197 1 121 3 3.55 0.57 3.87 0.39 0.092 3 3.50 0.61 3.88 0.35 0.111 3 147 2 3.64 0.50 3.91 0.30 0.075 3 3.48 0.57 3.90 0.30 0.121 2

ผลลัพธ์การเรยี นรู้ (Learning Outcome)/ สถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน (n=2 ตัวชว้ี ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ (Assessment Evidences) สภาพ สภาพพงึ คว ปจั จุบนั ประสงค์ 3.2) เปน็ ผนู้ าในการสร้างสงั คมเสมอภาค และเป็นธรรม ������̅ SD ������̅ SD PN 3.3) เป็นผเู้ ออ้ื เฟอ้ื แบ่งปัน กตญั ญู ดแู ลผสู้ งู อายุ 3.4) สามารถบรหิ ารความขดั แยง้ ทางสงั คม 3.60 0.60 3.95 0.22 0.0 3. คณุ ภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 3.70 0.57 3.95 0.22 0.0 1) ผพู้ ลกิ ผันดิจิทัล (Digital Disruptor) 3.20 0.77 3.75 0.55 0.1 1.1) มีความฉลาดรทู้ างดิจทิ ลั (Digital Literacy) และวทิ ยาศาสตรข์ อ้ มลู (Data Science) 2.96 0.96 3.62 0.55 0.2 1.2) มคี วามฉลาดรู้ทางวิทยาการคานวณ (Computational Literacy) 3.25 0.72 3.90 0.31 0.2 1.3) สามารถใช้ดจิ ทิ ัลในการเปลีย่ นชวี ิต การเรยี น และการทางานอยา่ งมี ผลติ ภาพ 3.10 0.79 3.70 0.57 0.1 1.4) มคี วามรทู้ างเทคโนโลยีห่นุ ยนต์ และปญั ญาประดษิ ฐท์ ม่ี ีคุณธรรมเป็น 3.25 0.72 3.75 0.44 0.1 ฐาน 1.5) สามารถใช้เทคโนโลยที ี่ป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาภัยพิบัติ 2.90 1.02 3.45 0.69 0.1 1.6) สามารถออกแบบระบบนเิ วศใหมท่ ีม่ นษุ ย์สามารถทางานรว่ มกบั ปัญญาประดิษฐ์ 2.65 1.18 3.45 0.69 0.3 2) ผู้สร้างสรรคน์ วตั กรรม และเทคโนโลยสี เี ขยี ว (Green-Tech 2.60 1.31 3.45 0.60 0.3 Innovator) 2.1) มีทกั ษะการสร้างสรรคเ์ ทคโนโลยีและนวตั กรรมทเี่ ป็นมติ รกับ 3.23 0.84 3.80 0.40 0.1 สงิ่ แวดลอ้ ม 2.2) มที กั ษะการสร้างสรรค์เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทเ่ี ป็นประโยชนก์ ับ 3.45 0.76 3.90 0.31 0.1 มนุษยชาติ 2.3) มีทักษะการตอ่ ยอดภมู ปิ ญั ญาไทยเพื่อสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมสีเขยี ว 2.95 1.10 3.75 0.44 0.2 4. คณุ ภาพทางเศรษฐกจิ (Economic Qualities) 3.30 0.66 3.75 0.44 0.1 1) ผ้สู รรคส์ รา้ งงานและอาชพี (Career and Job creator) 1.1) มที ักษะการทางานร่วมกับปญั ญาประดิษฐ์ 2.93 0.90 3.83 0.41 0.3 1.2) มที ักษะการสรา้ งสรรคง์ าน หรอื อาชพี ทตี่ อบสนองการเปล่ียนแปลง 2.55 1.19 3.70 0.47 0.4 ของโลกอนาคต 3.00 0.86 3.90 0.31 0.3 1.3) มีความฉลาดรู้ทางการเงนิ และเศรษฐกิจ 3.25 0.64 3.90 0.45 0.2

198 20) สถานศึกษาอาชวี ศึกษา (n=11) รวม วามตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความต้องการ สภาพ สภาพพงึ ความต้องการ จาเปน็ ปจั จบุ นั จาเป็น ปจั จบุ ัน ประสงค์ จาเป็น ประสงค์ ������̅ SD ������̅ SD NI อันดบั PNI อนั ดับ ������̅ SD ������̅ SD PNI อันดับ 3.58 0.56 3.94 0.25 097 3 0.101 3 068 4 3.55 0.52 3.91 0.30 0.103 2 3.71 0.53 3.94 0.25 0.062 4 172 1 0.158 1 3.73 0.47 3.91 0.30 0.049 4 3.23 0.76 3.74 0.58 3.27 0.79 3.73 0.65 0.139 1 228 1 2.70 1.03 3.42 0.83 0.275 1 2.87 0.98 3.55 0.66 0.243 1 200 3 3.18 0.75 3.73 0.65 0.171 6 3.23 0.72 3.84 0.45 0.189 6 194 4 2.82 0.87 3.45 0.52 0.226 5 3.00 0.82 3.61 0.56 0.203 4 154 6 2.82 1.08 3.64 0.67 0.290 3 3.10 0.87 3.71 0.53 0.197 5 190 5 2.55 1.29 3.27 1.19 0.286 4 2.77 1.12 3.39 0.88 0.224 3 302 2 2.45 1.04 3.27 0.79 0.333 2 2.58 1.12 3.39 0.72 0.314 2 327 1 2.36 1.12 3.18 1.17 0.346 1 2.52 1.23 3.35 0.84 0.329 1 179 2 2.97 1.00 3.45 0.77 0.163 2 3.14 0.89 3.68 0.58 0.173 2 130 3 3.00 1.00 3.55 0.82 0.182 1 3.29 0.86 3.77 0.56 0.146 2 271 1 2.91 1.22 3.36 0.81 0.156 2 2.94 1.12 3.61 0.62 0.228 1 136 2 3.00 0.77 3.45 0.69 0.152 3 3.19 0.70 3.65 0.55 0.144 3 317 2 2.97 0.92 3.64 0.63 0.232 3 2.95 0.89 3.76 0.50 0.286 2 451 1 2.55 1.13 3.36 1.03 0.321 1 2.55 1.15 3.58 0.72 0.404 1 300 2 3.09 0.83 3.82 0.4 0.235 2 3.03 0.84 3.87 0.34 0.277 2 200 3 3.27 0.79 3.73 0.47 0.139 3 3.26 0.68 3.84 0.45 0.178 3

ผลลัพธ์การเรยี นรู้ (Learning Outcome)/ สถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน (n=2 ตวั ชีว้ ัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ (Assessment Evidences) สภาพ สภาพพงึ คว ปัจจุบนั ประสงค์ 2) ผสู้ รา้ งสรรค์นวัตกรรมการเกษตร อตุ สาหกรรม และธรุ กจิ ������̅ SD ������̅ SD PN (Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) 2.1) มที ักษะสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมการเกษตรตามบรบิ ท 3.03 0.94 3.77 0.53 0.2 2.2) มที ักษะสร้างสรรคน์ วัตกรรมอุตสาหกรรมตามบรบิ ท 2.3) มีทกั ษะสร้างสรรคน์ วตั กรรมธุรกิจตามบริบท 3.20 0.89 3.85 0.49 0.2 3) ผปู้ ระกอบการดจิ ทิ ัล (Digital Entrepreneur) 2.80 0.95 3.65 0.59 0.3 3.1) มคี วามฉลาดรู้เกีย่ วกบั ระบบเศรษฐกจิ ดิจทิ ลั 3.10 0.97 3.80 0.52 0.2 3.2) มีความฉลาดรู้เกย่ี วกบั การค้าเสรี และโลกาภิวตั น์ (Trade and 2.56 1.07 3.43 1.11 0.3 Globalization) 2.58 1.07 3.45 1.10 0.3 3.3) มที กั ษะสร้างสรรคเ์ ศรษฐกจิ ฐานนวัตกรรม 2.58 1.07 3.50 1.10 0.3 4) ผู้นาเชงิ นวตั กรรมและผปู้ ระกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) 2.53 1.07 3.35 1.14 0.3 4.1) มีทักษะผนู้ าเชิงผปู้ ระกอบการที่มีความรับผดิ ชอบตอ่ การพัฒนาที่ 3.16 1.04 3.73 0.73 0.1 ย่งั ยนื 4.2) มที ักษะผนู้ าเชงิ นวัตกรรมที่มีคณุ ธรรมเปน็ ฐาน 3.26 0.99 3.70 0.73 0.1 5. คณุ ภาพทางส่งิ แวดลอ้ ม (Environment Qualities) 1) ผมู้ ีวิถชี วี ิตที่เป็นมติ รกับสง่ิ แวดล้อม (Sustainable Life Style) 3.05 1.08 3.75 0.72 0.2 1.1) ตระหนกั รู้ถงึ คณุ คา่ ขอ้ จากัด และรว่ มกนั รักษาทรพั ยากรธรรมชาติ 1.2) พร้อมรบั มอื กบั ภยั พบิ ัติ และการเปลย่ี นแปลงของธรรมชาติ 3.28 0.76 3.81 0.48 0.1 1.3) ใช้เทคโนโลยสี เี ขียวทเี่ ปน็ มิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม 3.5 0.61 3.85 0.49 0.1 1.4) มีทกั ษะการสร้างสรรค์พลงั รว่ ม (Synergy) ในวถิ ชี ีวติ ที่เปน็ มิตรกับ 3 0.97 3.7 0.73 0.2 สง่ิ แวดลอ้ ม 3.15 0.99 3.75 0.55 0.1 1.5) มกี รอบความคิดที่เปน็ มิตรกับสงิ่ แวดลอ้ ม 3.25 0.64 3.8 0.41 0.1 2) ผสู้ ร้างสรรค์ส่ิงแวดลอ้ มสีเขยี ว (Green Environment Creator) 2.1) มีทกั ษะการสร้างสรรคก์ ารแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มอย่างยั่งยืน 3.5 0.61 3.95 0.22 0.1 2.2) มีทกั ษะการสร้างสรรคน์ วัตกรรมทเี่ ป็นมิตรกับส่ิงแวดลอ้ ม 3.33 0.65 3.85 0.37 0.1 3.45 0.6 3.85 0.37 0.1 3.2 0.7 3.85 0.37 0.2

199 20) สถานศึกษาอาชวี ศึกษา (n=11) รวม วามตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความตอ้ งการ สภาพ สภาพพงึ ความต้องการ จาเป็น ปจั จบุ ัน จาเป็น ปัจจบุ นั ประสงค์ จาเปน็ ประสงค์ ������̅ SD ������̅ SD NI อนั ดับ PNI อันดับ ������̅ SD ������̅ SD PNI อนั ดับ 2.99 0.95 3.74 0.51 244 3 0.253 3 2.91 0.97 3.70 0.47 0.272 2 203 3 2.82 0.98 3.64 0.5 0.290 1 3.06 0.93 3.77 0.5 0.232 3 304 1 3.09 0.94 3.82 0.4 0.235 3 2.9 0.94 3.71 0.53 0.279 1 226 2 2.82 0.98 3.64 0.5 0.290 1 3 0.97 3.74 0.51 0.247 2 340 1 2.58 0.63 3.54 0.72 0.377 1 2.57 0.92 3.47 0.98 0.353 1 338 2 2.55 0.52 3.73 0.65 0.464 1 2.57 0.9 3.55 0.96 0.381 1 357 1 2.64 0.67 3.45 0.82 0.310 3 2.6 0.93 3.48 1 0.338 3 326 3 2.55 0.69 3.45 0.69 0.357 2 2.53 0.94 3.39 0.99 0.340 2 181 4 3.36 0.67 3.82 0.50 0.135 4 3.24 0.92 3.76 0.65 0.161 4 134 2 3.36 0.67 3.82 0.4 0.135 1 3.3 0.88 3.74 0.63 0.133 2 228 1 3.36 0.67 3.82 0.6 0.135 1 3.17 0.95 3.77 0.67 0.189 1 164 1 3.23 0.71 3.75 0.53 0.160 2 3.26 0.74 3.79 0.50 0.162 2 100 5 3.36 0.67 3.73 0.47 0.108 4 3.45 0.62 3.81 0.48 0.104 5 233 1 3.27 0.65 3.73 0.47 0.139 3 3.1 0.87 3.71 0.64 0.197 2 190 2 3 0.89 3.73 0.65 0.242 1 3.1 0.94 3.74 0.58 0.206 1 169 3 3.09 0.83 3.73 0.65 0.206 2 3.19 0.7 3.77 0.5 0.182 3 129 4 3.45 0.52 3.82 0.4 0.105 5 3.48 0.57 3.9 0.3 0.121 4 160 2 3.18 0.75 3.78 0.44 0.186 1 3.27 0.68 3.83 0.39 0.170 1 116 2 3.18 0.75 3.82 0.4 0.200 1 3.35 0.66 3.84 0.37 0.146 2 203 1 3.18 0.75 3.73 0.47 0.171 2 3.19 0.7 3.81 0.4 0.194 1