Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

Published by Aj.pan Rattanaumporn, 2021-11-08 04:14:04

Description: รายงานการวิจัย
การออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้
ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040
Policy Design for Transforming Learning Systems
Responsive to Future Global Changes in 2040

Search

Read the Text Version

397 ความคดิ เหน็ ผู้ทรงคณุ วุฒิ อ (1) ประเมินผลผลติ หมายถงึ ผลลพั ธ์ที่เกดิ กบั ผเู้ รียน (2) ประเมนิ ผลลัพธ์ หมายถงึ การประเมนิ ส่ิงท่ผี เู้ รยี น ลกระทบ หมายถึง การประเมนิ ส่ิงที่ผ้เู รยี นนาสงิ่ ที่ไดจ้ ากการเรยี นไปใชป้ ระโยชนต์ ่อในระดบั ชมุ ชน สังคม ครเป็นผู้สานต่อ รับสิง่ ท่ีเกดิ จากการเรียนรู้ต่อยอดตอ่ ไปหรือไม่ อยา่ งไร

398 ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ ท่ีได้จากการสมั ภาษณ์ ประกอบดว้ ย 1) การประเมินต้องสอดคล้องกับบริบทของแต่ละองค์กร เน้นหลักการ Top down and Bottom up 2) ควรให้การประเมินควรให้หลายภาคส่วนมาร่วมประเมิน และทุกคนสามารถตรวจสอบ การประเมินนโนบายได้ 3) เน้นเรือ่ งคณุ ธรรม จรยิ ธรรมทพี่ ึงประสงค์ใหม้ ากขนึ้ 4) การเปล่ียนแปลงสังคมไทยและสงั คมโลกใหท้ ันกัน ในอีก 20 ปีข้างหน้า ท่วี างแผนจะตอบ โจทย์ได้อย่างไร มีความยดื หยุ่นแคไ่ หน 5) ควรมแี ผนอนาคตเพ่ือให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบายมีความสาคัญ ตอ้ งปรบั ตัวให้ได้กับ สถานการณ์ทเี่ ปลี่ยนไป 6) การประเมนิ ผลลพั ธก์ ารเรียนร้คู วรประเมินในส่งิ ทีผ่ เู้ รยี นถนัดหรอื สนใจ 7) การเข้าถงึ และความเทา่ เทียมเป็นส่งิ สาคัญ นโยบายตอ้ งมคี วามยดื หยุน่ คานงึ ถึงศักยภาพ ของผเู้ รยี นและโรงเรียน

399 4.3 ผลการ (ร่าง) เครือ่ งมือการนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั แิ ละการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบ การเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผลการร่างเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบ การเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ได้องค์ประกอบของเคร่ืองมือ การนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการ เปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 มีรายละเอยี ด ดงั นี้ 1) เคร่ืองมือการนานโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 ส่กู ารปฏิบตั ิ เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย เครื่องมือสาคัญ 4 เคร่ืองมือ คือ 1) การ ส่ังการ (Mandates) 2) การรณรงค์ (Inducement/Campaign) 3) การสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) และ 4) การเปล่ียนแปลงระบบการเรียนรู้ (Learning System Change) มีรายละเอยี ดของเครื่องมอื ดังนี้ 1.1) การสงั่ การ (Mandates) ประกอบดว้ ย 1.1.1) การส่งั การโดยหน่วยงานระดับกระทรวง 1.1.2) การสง่ั การโดยหนว่ ยงานระดบั เขตพื้นท่กี ารศึกษา 1.1.3) การสงั่ การโดยหน่วยงานระดับสถานศกึ ษา 1.1.4) การสัง่ การโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 1.2) การรณรงค์ (Inducement/Campaign) ประกอบด้วย 1.2.1) การรณรงคโ์ ดยหน่วยงานระดบั กระทรวง 1.2.2) การรณรงค์โดยหน่วยงานระดบั เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา 1.2.3) การรณรงค์โดยหน่วยงานระดับสถานศกึ ษา 1.3) การสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) ประกอบด้วย 1.3.1) การจัดทาคมู่ อื การนานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิแบบออฟไลน์ (Offline) 1.3.2) การจัดทาคมู่ อื การนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั แิ บบออนไลน์ (Online) 1.3.3) การเสรมิ พลังของผูบ้ รหิ ารการศึกษาระดับกระทรวงในการนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 1.3.4) การเสรมิ พลังของผู้บริหารการศึกษาระดบั เขตพืน้ ท่ีในการนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ 1.3.5) การเสริมพลงั ของผ้บู ริหารสถานศึกษาในการนานโยบายสู่การปฏบิ ัติ 1.3.6) การเสริมพลังของครใู นการนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ 1.4) การเปล่ยี นแปลงระบบการเรยี นรู้ (Learning System Change) ประกอบดว้ ย 1.4.1) เปลี่ยนแปลงระบบหลกั สตู รเป็นหลักสตู รตามบรบิ ท เปา้ หมายชวี ิตของผเู้ รยี น 1.4.2) เปลย่ี นแปลงระบบหอ้ งเรียนเปน็ หอ้ งเรยี นสรา้ งสรรคช์ ีวติ ในโลกกวา้ ง และนวตั กร 1.4.3) เปลี่ยนแปลงระบบการเรียนการสอนเป็นการสร้างสรรค์จินตนาการชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมใหม่ทพ่ี ึงประสงค์

400 1.4.4) เปล่ียนแปลงระบบจัดสรรทรัพยากร และงบประมาณฐานโรงเรียน และค่าใช้จ่าย ทางตรง 2) การกากับติดตาม และประเมินนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการ เปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 การกากับติดตาม และประเมินนโยบาย ประกอบด้วย 1) การกากับติดตามการนานโยบายสู่ การปฏิบัติ 2) การประเมินเพื่อพัฒนาการนานโยบายสู่การปฏิบัติ และ 3) การประเมินเพ่ือพัฒนา นโยบาย มีรายละเอียด ดงั น้ี 2.1) การกากับติดตามการนานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิ ประกอบดว้ ย 2.1.1) การกากับตดิ ตามการส่ังการ (Mandates) 2.1.2) การกากับติดตามการรณรงค์ (Inducement/Campaign) 2.1.3) การกากับติดตามการสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) 2.1.4) การกากบั ติดตามการเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนรู้ (Learning System Change) 2.2) การประเมินเพื่อพัฒนาการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 1) การประเมิน ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ และ 2) การประเมนิ แนวทาง/ รปู แบบการเรยี นรู้ มีรายละเอียดดงั นี้ 2.2.1) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 6 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านคุณภาพทั่วไป (General Qualities) 2) ด้านคุณภาพทางสังคม (Social Qualities) 3) ด้านคุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 4) ด้านคุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) 5) ด้านคุณภาพ ทางสง่ิ แวดล้อม (Environment Qualities) และ 6) ด้านคุณภาพทางการเมอื ง (Political Qualities) 2.2.1.1) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ด้านคุณภาพท่ัวไป (General Qualities) ซ่ึงประกอบด้วย 5 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้เช่ียวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) 2) ผู้ออกแบบชีวิตท่ีมีคุณค่า (Valuable Life Designer) 3) ผู้นาการเปลี่ยนแปลงท่ีสร้าง อนาคต (Change Leader Make the Future) 4) พลเมืองโลกท่ีมีคุณภาพ และความรับผิดชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) และ 5) ผู้มีสุขภาวะกายและใจที่ดี (Well-being person) 2.2.1.2) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ด้านคุณภาพทางสังคม (Social Qualities) ซ่ึงประกอบด้วย 3 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้มีสมรรถนะทางอารมณ์ และสังคม (Emotional & Social Competencies) 2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมสังคม (Social Innovation Creator) และ 3) ผูน้ าสงั คมคณุ ธรรม (Social justice leader) 2.2.1.3) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ด้านคุณภาพทางเทคโ นโ ลยี (Technological Qualities) ซ่ึงประกอบดว้ ย 2 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผพู้ ลิกผันดิจทิ ัล (Digital Disruptor) และ 2) ผสู้ ร้างสรรค์นวตั กรรม และเทคโนโลยีสีเขียว (Green-Tech Innovator) 2.2.1.4) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ด้านคุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) ซึ่งประกอบด้วย 4 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้สรรค์สร้างงานและอาชีพ (Career and

401 Job creator) 2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจ ( Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) 3) ผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) และ 4) ผู้นาเชิงนวัตกรรมและผปู้ ระกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) 2.2.1.5) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ด้านคุณภาพทางสิ่งแวดล้อม (Environment Qualities) ซ่ึงประกอบด้วย 2 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้มีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับ ส่งิ แวดลอ้ ม (Sustainable Life Style) และ 2) ผู้สร้างสรรคส์ ิง่ แวดลอ้ มสเี ขียว (Green Environment Creator) 2.2.1.6) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ด้านคุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) ซ่ึงประกอบด้วย 3 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเมืองคุณภาพ ( Quality Political Innovation Creator) 2 ) ผู้ อ อ ก เ สี ย ง คุ ณ ภ า พ ( Quality Voter) แ ล ะ 3) ผปู้ ฏิบัตงิ านการเมอื งคุณภาพ (Quality Political Actor) 2.2.2) การประเมินแนวทาง/ รูปแบบการเรียนรู้ จานวน 6 รูปแบบ ประกอบด้วย รูปแบบท่ี 1 การเรียนรู้อย่างมีความหมาย และมีคุณค่า (Purposeful and valuable learning) รูปแบบท่ี 2 การเรียนรู้ที่เสริมสร้างศักยภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) รูปแบบที่ 3 การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning, Heutagogy) รูปแบบที่ 4 การเรียนรู้การสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Creation Learning) รปู แบบท่ี 5 การเรยี นรกู้ ารนาความรู้ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง (Real life Application Learning) และรูปแบบที่ 6 การเรียนรู้ท่ีสร้างรายได้ระหว่างเรียน (Income generating learning) 2.2.2.1) การประเมินรูปแบบการเรียนรู้ที่ 1 การเรียนรู้อย่างมีความหมาย และมี คุณค่า (Purposeful and valuable learning) ซึ่งประกอบด้วย 6 รูปแบบการเรียนรู้รอง ได้แก่ 1) การเรียนรู้การออกแบบชีวิต (Life design learning) 2) การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง (Transformative learning) 3) การเรียนรู้แนวมนุษยนิยม (Humanistic learning) 4) การเรียนรู้ การบริการสังคม (Service learning) 5) การเรียนรู้เพื่อสร้างค่านิยม และวัฒนธรรมใหม่ท่ีดี (New values & culture creation learning) และ 6) การเรียนร้อู ย่างมีความสขุ (Happy learning) 2.2.2.2) การประเมินรูปแบบการเรียนรู้ท่ี 2 การเรียนรู้ที่เสริมสร้างศักยภาพเฉพาะ บุคคล (Personalized Learning) ซึ่งประกอบด้วย 3 รูปแบบการเรียนรู้รอง ได้แก่ 1) การเรียนรู้ใน ส่งิ ท่รี ักจะเรียน (Passion based learning) 2) การเรยี นรเู้ พอ่ื สร้างประโยชน์ต่อมนษุ ยชาติ (Mission based learning) และ 3) การเรยี นรู้อย่างทั่วถึงทุกคน (Inclusive learning, Universal design for learning) 2.2.2.3) การประเมินรูปแบบการเรียนรู้ท่ี 3 การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning, Heutagogy) ซึ่งประกอบด้วย 7 รูปแบบการเรียนรู้รอง ได้แก่ 1) การเรียเป็นเจ้าภาพในการเรียนรู้ (Ownership to learning) 2) การเรียนรู้ในการทาสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกต้อง (Single loop learning) 3) การเรียนรู้การทาสิ่งท่ีควรทา (Double loop learning) 4) การเรียนรู้ระบบเปิด (Open system

402 learning) 5) การเรียนรู้ท่ีมีเป้าหมายชัดแจ้ง (Visible learning) 6) การเรียนรู้แบบมุ่งยกระดับ ศักยภาพ หรอื ไฮสโคป (High scope learning) และ 7) การเรยี นร้วู ิธกี ารเรียนรู้ (Meta learning) 2.2.2.4) การประเมินรูปแบบการเรียนรู้ท่ี 4 การเรียนรู้การสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Creation Learning) ซึ่งประกอบด้วย 6 รูปแบบการเรียนรู้รอง ได้แก่ 1) การเรียนรู้ สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative learning) 2) การเรียนรู้เหตุผลที่ต้องทาส่ิงท่ีควรทา (Triple loop learning) 3) การเรียนรู้การค้นพบส่ิงใหม่ (Discovery learning) 4) การเรียนรู้การคิดเชิง ออกแบบ (Design thinking learning) 5) การเรียนรู้การสร้างจินตนาการ (Imagination learning) และ 6) การเรียนร้กู ารเป็นนวตั กร (Innovation learning) 2.2.2.5) การประเมินรูปแบบการเรียนรู้ท่ี 5 การเรียนรู้การนาความรู้ประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตจรงิ (Real life Application Learning) ซงึ่ ประกอบดว้ ย 4 รูปแบบการเรียนรู้รอง ไดแ้ ก่ 1) การ เรียนรู้การนาความรู้ไปใช้แก้ปัญหา (Problem solving learning) 2) การเรียนรู้ทางอารมณ์และ สงั คม (Social emotional learning) 3) การเรยี นรู้การนาความรู้ไปใช้ในการพัฒนาทักษะชีวิต (Life skill learning) และ 4) การเรยี นรู้การบริหารจดั การ (Management learning) 2.2.2.6) การประเมินรูปแบบการเรียนรู้ท่ี 6 การเรียนรู้ท่ีสร้างรายได้ระหว่างเรียน (Income generating learning) ซึ่งประกอบด้วย 4 รูปแบบการเรียนรู้รอง ได้แก่ 1) การเรียนรู้การ ทางานสร้างผลิตภัณฑ์ (Work-based learning) 2) การเรียนรู้การทางานในสถานประกอบการ หรือสหกิจศึกษา (Co-operative/ Work-based Education) 3) การเรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial learning) และ 4) การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative learning) 2.3) การประเมินเพอ่ื พฒั นานโยบาย ประกอบด้วย 2.3.1) การประเมินความเหมาะสมของช่อื นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรียนรู้ 2.3.2) การประเมนิ ความเหมาะสมของผลลัพธด์ า้ นคณุ ภาพคนไทยท่ีพึงประสงค์ 2.3.3) การประเมนิ ความเหมาะสมของรปู แบบการเรยี นรู้ 2.3.4) การประเมนิ ความเหมาะสมของทรัพยากรการเรยี นรู้ 2.3.5) การประเมนิ ความเหมาะสมของการประเมินผลการเรยี นรู้ 2.3.6) การประเมนิ ความเหมาะสมของเคร่ืองมือนโยบาย

403 4.4 ผลการประเมินความเหมาะสมของเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผล นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ท่ีตอบสนองตอ่ การเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ตารางท่ี 4.27 ผลการประเมินความเหมาะสมของเคร่ืองมือการนานโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ทีต่ อบสนองตอ่ การเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สกู่ ารปฏิบตั ิ (รา่ ง) เครอื่ งมือการนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ความคดิ เห็นผทู้ รงคณุ วฒุ ิ (Policy Implementation) เหมาะสม ไม่เหมาะสม 1. การส่ังการ (Mandates) (รอ้ ยละ) (ร้อยละ) 1.1) การสง่ั การโดยหนว่ ยงานระดบั กระทรวง 11 4 1.2) การสัง่ การโดยหนว่ ยงานระดบั เขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา (73.33) (26.67) 1.3) การสง่ั การโดยหน่วยงานระดบั สถานศึกษา 1.4) การสัง่ การโดยผูม้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย 15 0 2. การรณรงค์ (Inducement/Campaign) (100.00) (0.00) 11 4 (73.33) (26.67) 11 4 (73.33) (26.67) 2.1) การรณรงค์โดยหนว่ ยงานระดับกระทรวง 15 0 2.2) การรณรงค์โดยหนว่ ยงานระดับเขตพื้นที่การศกึ ษา (100.00) (0.00) 2.3) การรณรงค์โดยหนว่ ยงานระดับสถานศึกษา 3. การสรา้ งขดี ความสามารถ (Capacity Building) 15 0 (100.00) (0.00) 15 0 (100.00) (0.00) 3.1) การจดั ทาคูม่ อื การนานโยบายสู่การปฏิบัติแบบออฟไลน์ (Offline) 14 1 (93.33) (6.66) 3.2) การจดั ทาคมู่ อื การนานโยบายสกู่ ารปฏิบัติแบบออนไลน์ (Online) 14 1 3.3) การเสริมพลังของผูบ้ ริหารการศึกษาระดบั กระทรวงในการนานโยบายสกู่ าร (93.33) (6.66) ปฏบิ ตั ิ 15 0 (100.00) (0.00) 3.4) การเสรมิ พลังของผ้บู รหิ ารการศกึ ษาระดับเขตพื้นทใี่ นการนานโยบายสกู่ าร 15 0 ปฏิบัติ (100.00) (0.00) 3.5) การเสริมพลังของผ้บู ริหารสถานศึกษาในการนานโยบายสู่การปฏบิ ตั ิ 15 0 3.6) การเสริมพลงั ของครูในการนานโยบายส่กู ารปฏิบตั ิ (100.00) (0.00) 4. การเปลีย่ นแปลงระบบการเรยี นรู้ (Learning System Change) 15 0 (100.00) (0.00) 4.1) เปลีย่ นแปลงระบบหลกั สูตรเป็นหลักสตู รตามบรบิ ท เปา้ หมายชีวติ ของผเู้ รยี น 15 0 (100.00) (0.00) 4.2) เปล่ยี นแปลงระบบหอ้ งเรยี นเป็นหอ้ งเรยี นสรา้ งสรรค์ชีวิตในโลกกว้าง และ นวัตกร 15 0 4.3) เปล่ยี นแปลงระบบการเรยี นการสอนเปน็ การสร้างสรรคจ์ ินตนาการชวี ิต (100.00) (0.00) เศรษฐกจิ และสงั คมใหม่ที่พึงประสงค์ 15 0 (100.00) (0.00)

404 (รา่ ง) เครอ่ื งมอื การนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ ความคดิ เหน็ ผู้ทรงคุณวุฒิ (Policy Implementation) เหมาะสม ไม่เหมาะสม 4.4) เปลี่ยนแปลงระบบจดั สรรทรพั ยากร และงบประมาณฐานโรงเรยี น และ คา่ ใช้จ่ายทางตรง (ร้อยละ) (รอ้ ยละ) 15 0 (100.00) (0.00) ข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ทไ่ี ด้จากการสนทนากลมุ่ ประกอบด้วย 1. การสัง่ การ (Mandates) มขี ้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ ได้แก่ 1.1) กระทรวงไม่ควรส่งั การ ควรต้องปรบั รปู แบบการบริหารเป็นแบบกระจายอานาจ เพราะ การจะพลิกโฉมได้ต้องเร่ิมจากการกระจายอานาจให้สถานศึกษา สามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตร เทคโนโลยี และวิธีการบริหารจดั การให้สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของสถานศึกษาเอง (Area-based) 1.2) เพมิ่ บทบาทให้กับเขตพื้นที่ กับผ้อู านวยการเป็นคนสั่งการ 1.3) เปลี่ยนคาว่า “สั่งการ” เป็น “ประชาสัมพันธ์ ส่ือสาร และสร้างความเข้าใจร่วมกันของ คนในองค์กรให้เห็นความจาเป็นและตระหนกั ถึงประโยชน์” หรืออาจเปลี่ยนเป็น “อานวยการ ช้ีแนะ กากับ ตรวจสอบ” 2. การรณรงค์ (Inducement/Campaign) มขี อ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ไดแ้ ก่ 2.1) อาจเปล่ยี นคาท่ใี ช้เป็น “การสื่อสาร ประชาสมั พันธ์” หรอื “ส่อื สารสังคม” 3. การสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) มีข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ ได้แก่ 3.1) เน้นที่การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และปรับเจตคติของครู ในการนาระบบการเรียนรู้ ใหมไ่ ปปฏบิ ตั ใิ หเ้ กิดผลในห้องเรยี น เสรมิ ให้ครมู เี จตคติ และความสามารถในการสอนตามรปู แบบใหม่ 3.2) สร้างความร่วมมอื กับภาคประชาสงั คมรว่ มด้วย 3.3) ควรมกี ารสร้างขีดความสามารถในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนด้วย 4. การเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนรู้ (Learning System Change) มีข้อเสนอแนะ เพม่ิ เตมิ ได้แก่ 4.2) ตอ้ งเริ่มตัง้ แตก่ ารปรบั หลักสตู รใหม่ ให้มคี วามสอดคล้องกบั การเปล่ียนแปลงในอนาคต 4.3) ควรเน้นการพูดเร่ืองการบริหารทรพั ยากรการเรยี นรู้ด้วย 4.4) เนน้ การเข้ามามสี ว่ นร่วมของสถานประกอบการ

405 ตารางท่ี 4.28 ผลการประเมนิ ความเหมาะสมของการกากับติดตาม และประเมนิ ผลนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรยี นรูท้ ต่ี อบสนองตอ่ การเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 (ร่าง) การกากบั ตดิ ตาม และประเมนิ นโยบาย ความคิดเห็นผู้ทรงคณุ วุฒิ (Policy Monitoring and Evaluation) เหมาะสม ไม่เหมาะสม 1. การกากบั ติดตามการนานโยบายส่กู ารปฏบิ ตั ิ (ร้อยละ) (รอ้ ยละ) 1.1) การกากับตดิ ตามการสั่งการ (Mandates) 14 1 1.2) การกากบั ติดตามการรณรงค์ (Inducement/Campaign) (93.33) (6.66) 1.3) การกากับติดตามการสร้างขดี ความสามารถ (Capacity Building) 1.4) การกากบั ตดิ ตามการเปลยี่ นแปลงระบบการเรยี นรู้ (Learning System Change) 2. การประเมนิ เพ่ือพฒั นาการนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ัติ 2.1) การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 6 ด้าน ประกอบดว้ ย 1) ดา้ น 14 1 คุณภาพทว่ั ไป (General Qualities) 2) ด้านคณุ ภาพทางสังคม (Social (93.33) (6.66) Qualities) 3) ด้านคุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 4) ด้าน คณุ ภาพทางเศรษฐกจิ (Economic Qualities) 5) ดา้ นคุณภาพทางสงิ่ แวดลอ้ ม (Environment Qualities) และ 6) ด้านคณุ ภาพทางการเมือง (Political Qualities) 2.1.1) การประเมินผลลัพธ์การเรยี นร้ดู า้ นคุณภาพท่วั ไป (General 14 1 Qualities) ซึ่งประกอบดว้ ย 5 ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผเู้ ชีย่ วชาญการ (93.33) (6.66) เรยี นรตู้ ลอดชวี ิต (Lifelong expert learner) 2) ผอู้ อกแบบชีวิตทมี่ ีคณุ คา่ (Valuable Life Designer) 3) ผนู้ าการเปล่ียนแปลงทสี่ ร้างอนาคต (Change Leader Make the Future) 4) พลเมอื งโลกทม่ี ีคณุ ภาพ และความรบั ผดิ ชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) และ 5) ผู้มสี ุขภาวะกายและ ใจทด่ี ี (Well-being person) 2.1.2) การประเมนิ ผลลพั ธ์การเรยี นรดู้ ้านคณุ ภาพทางสงั คม (Social 14 1 Qualities) ซึ่งประกอบดว้ ย 3 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ไดแ้ ก่ 1) ผูม้ ีสมรรถนะทาง (93.33) (6.66) อารมณ์ และสังคม (Emotional & Social Competencies) 2) ผูส้ ร้างสรรค์ นวตั กรรมสงั คม (Social Innovation Creator) และ 3) ผนู้ าสงั คมคณุ ธรรม (Social justice leader) 2.1.3) การประเมินผลลพั ธก์ ารเรียนรูด้ า้ นคณุ ภาพทางเทคโนโลยี 14 1 (Technological Qualities) ซง่ึ ประกอบดว้ ย 2 ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ได้แก่ (93.33) (6.66) 1) ผู้พลกิ ผันดิจิทลั (Digital Disruptor) และ 2) ผสู้ รา้ งสรรคน์ วตั กรรม และ เทคโนโลยสี เี ขยี ว (Green-Tech Innovator) 2.1.4) การประเมินผลลัพธก์ ารเรยี นรดู้ า้ นคณุ ภาพทางเศรษฐกจิ (Economic 14 1 Qualities) ซึ่งประกอบด้วย 4 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1) ผสู้ รรคส์ รา้ งงานและ (93.33) (6.66) อาชีพ (Career and Job creator) 2) ผูส้ รา้ งสรรคน์ วตั กรรมการเกษตร อุตสาหกรรม และธรุ กิจ (Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) 3) ผ้ปู ระกอบการดิจทิ ลั (Digital Entrepreneur) และ 4) ผนู้ าเชิง นวัตกรรมและผปู้ ระกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader)

406 (รา่ ง) การกากบั ติดตาม และประเมินนโยบาย ความคดิ เห็นผู้ทรงคณุ วฒุ ิ (Policy Monitoring and Evaluation) เหมาะสม ไม่เหมาะสม 2.1.5) การประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรยี นร้ดู ้านคณุ ภาพทางสิ่งแวดล้อม (Environment Qualities) ซึ่งประกอบดว้ ย 2 ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 1) ผู้มี (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) วถิ ชี วี ติ ทเี่ ป็นมติ รกบั ส่งิ แวดล้อม (Sustainable Life Style) และ 2) ผูส้ ร้างสรรค์ สง่ิ แวดลอ้ มสเี ขียว (Green Environment Creator) 14 1 2.1.6) การประเมินผลลัพธก์ ารเรียนรูด้ า้ นคณุ ภาพทางการเมอื ง (Political (93.33) (6.66) Qualities) ซึ่งประกอบด้วย 3 ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผสู้ ร้างสรรค์ นวตั กรรมการเมืองคณุ ภาพ (Quality Political Innovation Creator) 2) ผู้ออก 14 1 เสยี งคณุ ภาพ (Quality Voter) และ 3) ผู้ปฏบิ ตั งิ านการเมืองคณุ ภาพ (Quality (93.33) (6.66) Political Actor) 11 4 2.2) การประเมินแนวทาง/ รปู แบบการเรียนรู้ 6 รูปแบบหลัก จานวน 6 (73.33) (26.67) รปู แบบ ประกอบดว้ ย รูปแบบที่ 1 การเรียนรอู้ ย่างมคี วามหมาย และมคี ณุ คา่ (Purposeful and valuable learning) รูปแบบท่ี 2 การเรยี นรูท้ ่ีเสรมิ สรา้ ง 14 1 ศักยภาพเฉพาะบคุ คล (Personalized Learning) รปู แบบที่ 3 การเรยี นรูด้ ้วย (93.33) (6.66) ตนเอง (Self-learning, Heutagogy) รปู แบบท่ี 4 การเรยี นรู้การสรา้ งสรรค์ นวตั กรรม (Innovation Creation Learning) รปู แบบท่ี 5 การเรียนรู้การนา 14 1 ความรปู้ ระยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจริง (Real life Application Learning) และรปู แบบที่ (93.33) (6.66) 6 การเรยี นรูท้ ่ีสรา้ งรายไดร้ ะหว่างเรยี น (Income generating learning) 14 1 2.2.1) การประเมนิ รูปแบบการเรยี นรทู้ ี่ 1 การเรยี นรู้อย่างมคี วามหมาย และมี (93.33) (6.66) คณุ คา่ (Purposeful and valuable learning) ซ่งึ ประกอบด้วย 6 รูปแบบ การเรยี นรรู้ อง ได้แก่ 1) การเรยี นรกู้ ารออกแบบชีวิต (Life design learning) 2) การเรยี นรู้สู่การเปลย่ี นแปลง (Transformative learning) 3) การเรียนรู้แนว มนษุ ยนิยม (Humanistic learning) 4) การเรียนรู้การบรกิ ารสงั คม (Service learning) 5) การเรยี นรูเ้ พ่ือสรา้ งค่านิยม และวฒั นธรรมใหม่ที่ดี (New values & culture creation learning) และ 6) การเรยี นร้อู ย่างมคี วามสุข (Happy learning) 2.2.2) การประเมินรปู แบบการเรยี นรู้ที่ 2 การเรียนรู้ท่เี สริมสรา้ งศกั ยภาพ เฉพาะบุคคล (Personalized Learning) ซงึ่ ประกอบด้วย 3 รปู แบบการ เรียนรรู้ อง ได้แก่ 1) การเรยี นรู้ในส่ิงท่รี กั จะเรยี น (Passion based learning) 2) การเรยี นรเู้ พอ่ื สร้างประโยชนต์ ่อมนษุ ยชาติ (Mission based learning) และ 3) การเรยี นรอู้ ยา่ งทัว่ ถงึ ทกุ คน (Inclusive learning, Universal design for learning) 2.2.3) การประเมนิ รปู แบบการเรียนรู้ท่ี 3 การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง (Self- learning, Heutagogy) ซง่ึ ประกอบด้วย 7 รูปแบบการเรยี นรรู้ อง ไดแ้ ก่ 1) การเรียเป็นเจา้ ภาพในการเรยี นรู้ (Ownership to learning) 2) การเรยี นรู้ในการทาส่ิงตา่ ง ๆ ได้ถูกตอ้ ง (Single loop learning) 3) การเรียนรูก้ ารทาส่งิ ท่ีควรทา (Double loop learning) 4) การเรยี นรู้ระบบเปดิ (Open system learning) 5) การเรียนร้ทู ี่มเี ปา้ หมายชัด

407 (รา่ ง) การกากับติดตาม และประเมนิ นโยบาย ความคดิ เหน็ ผู้ทรงคณุ วุฒิ (Policy Monitoring and Evaluation) เหมาะสม ไม่เหมาะสม แจ้ง (Visible learning) 6) การเรยี นร้แู บบมงุ่ ยกระดบั ศกั ยภาพ หรอื ไฮสโคป (High scope learning) และ 7) การเรยี นรวู้ ธิ ีการเรยี นรู้ (Meta learning) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 2.2.4) การประเมินรปู แบบการเรยี นรู้ท่ี 4 การเรียนรกู้ ารสรา้ งสรรค์นวตั กรรม (Innovation Creation Learning) ซึ่งประกอบดว้ ย 6 รูปแบบการเรยี นรู้รอง 14 1 ไดแ้ ก่ 1) การเรยี นรสู้ ู่การเปลยี่ นแปลง (Transformative learning) 2) การ (93.33) (6.66) เรยี นรเู้ หตผุ ลทต่ี ้องทาสิ่งทค่ี วรทา (Triple loop learning) 3) การเรียนรูก้ าร ค้นพบส่งิ ใหม่ (Discovery learning) 4) การเรียนรู้การคิดเชงิ ออกแบบ (Design 14 1 thinking learning) 5) การเรียนรกู้ ารสรา้ งจนิ ตนาการ (Imagination learning) (93.33) (6.66) และ 6) การเรยี นร้กู ารเปน็ นวตั กร (Innovation learning) 2.2.5) การประเมินรูปแบบการเรยี นรู้ที่ 5 การเรียนรกู้ ารนาความรปู้ ระยุกตใ์ ช้ 14 1 ในชวี ติ จริง (Real life Application Learning) ซงึ่ ประกอบด้วย 4 รูปแบบ (93.33) (6.66) การเรยี นรู้รอง ไดแ้ ก่ 1) การเรยี นรกู้ ารนาความรไู้ ปใช้แกป้ ัญหา (Problem solving learning) 2) การเรียนรทู้ างอารมณแ์ ละสังคม (Social emotional 14 1 learning) 3) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช้ในการพฒั นาทักษะชวี ิต (Life skill (93.33) (6.66) learning) และ 4) การเรียนรกู้ ารบรหิ ารจดั การ (Management learning) 2.2.6) การประเมินรปู แบบการเรยี นรู้ท่ี 6 การเรียนรูท้ ่สี รา้ งรายได้ระหว่าง เรียน (Income generating learning) ซึ่งประกอบดว้ ย 4 รปู แบบการเรยี นรู้ รอง ไดแ้ ก่ 1) การเรยี นรกู้ ารทางานสร้างผลิตภณั ฑ์ (Work-based learning) 2) การเรยี นรกู้ ารทางานในสถานประกอบการ หรอื สหกิจศกึ ษา (Co-operative/ Work-based Education) 3) การเรยี นร้กู ารเป็น ผปู้ ระกอบการ (Entrepreneurial learning) และ 4) การเรยี นรู้แบบรว่ มมอื (Collaborative learning) 3. การประเมินเพือ่ พัฒนานโยบาย 3.1) การประเมนิ ความเหมาะสมของชื่อนโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ 3.2) การประเมินความเหมาะสมของผลลัพธ์ด้านคุณภาพคนไทยที่พงึ ประสงค์ 3.3) การประเมนิ ความเหมาะสมของรปู แบบการเรยี นรู้ 3.4) การประเมนิ ความเหมาะสมของทรัพยากรการเรยี นรู้ 3.5) การประเมนิ ความเหมาะสมของการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3.6) การประเมินความเหมาะสมของเคร่อื งมอื นโยบาย ข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ ทไี่ ด้จากการสนทนากล่มุ ประกอบด้วย 1) ควรมีการประเมินความพรอ้ มของหนว่ ยงานดว้ ย เช่น โรงเรียน 2) การประเมินนโยบายที่ดี ตอ้ งหลกั ว่า เราจะประเมนิ อะไร เชน่ 2.1) ประเมนิ อะไร หมายถงึ เช่นต้องการประเมินคุณภาพคน หรือประเมินความสาเร็จ หรือต้องการประเมินผลกระทบ 2.2) ประเมินอยา่ งไร หมายถงึ ใชร้ ปู แบบอะไร ตอ้ งใช้เครอ่ื งมือเทคโนโลยี หรอื ไม่ 3) ประเมินโดยใคร มนุษย์ หรือระบบ

408 3) ตอ้ งเพม่ิ การประเมินกระบวนการดว้ ยหรือไม่ 4) อาจใช้ระบบ EMENSCR ใหป้ ระชาชนเข้ามาตรวจสอบได้

409 4.5 เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ ตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบรู ณ์ เคร่ืองมือการนานโยบายสกู่ ารปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนร้ทู ่ี ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบูรณ์ มีเนื้อหาประกอบด้วย 1) เครื่องมือและแนวทางการนานโยบายสู่การปฏิบัติ และ 2) การกากับติดตามและประเมินเพ่ือ พฒั นานโยบาย มีรายละเอียดดังน้ี 4.5.1 เครอ่ื งมือและแนวทางการนานโยบายสู่การปฏิบัติ เคร่ืองมือและแนวทางการนานโยบายสู่การปฏบิ ัติ มีเนอ้ื หาประกอบด้วย 1) เครือ่ งมือการนา นโยบายสู่การปฏิบตั ิ และ 2) แนวทางการนานโยบายสกู่ ารปฏิบัติ มรี ายละเอียดดังน้ี 4.5.1.1) เคร่อื งมือการนานโยบายสูก่ ารปฏบิ ัติ เครื่องมือการนานโยบายส่กู ารปฏิบตั ิประกอบด้วย 4 ชดุ คือ 1) การประกาศนโยบาย 2) การ ส่ือสารและรณรงค์การนานโยบายส่กู ารปฏิบัติ 3) การเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรในการ นานโยบายสู่การปฏิบัติ และ 4) การเปล่ียนแปลงระบบที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการนานโยบายสู่ การปฏิบตั ิ ดงั แสดงในภาพประกอบที่ 4.14 1. การประกาศนโยบาย 2. การสอื่ สารและรณรงค์ นโยบายพลิกโฉม 3. การเสรมิ สร้างขดี ความสามารถ ระบบการเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์ชวี ิต ทางสงั คมและเศรษฐกิจใหม่ ทีม่ ีความสขุ อย่างมคี ณุ คา่ 4. การเปลีย่ นแปลงระบบ ภาพประกอบที่ 4.14 เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติ

410 ลกั ษณะของเครอื่ งมอื การนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ มดี ังต่อไปนี้ 1) การประกาศนโยบาย เป็นการประกาศของผู้บริหารสถานศึกษาและหน่วยงาน ต้นสังกัด ของสถานศึกษาทุกระดับ ทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับจังหวัด และระดับกระทรวง รวมท้งั หน่วยงานพฒั นานโยบายคือ สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาทจ่ี ะใชน้ โยบายพลิกโฉมระบบ การเรยี นรูเ้ พ่อื สร้างสรรค์ชีวติ ทางสงั คมและเศรษฐกจิ ใหม่ท่ีมีความสขุ อยา่ งมีคุณค่า มีแนวทางดังน้ี 1.1) ผู้บริหารสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา จัดการประชุมผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับนโยบาย เพอื่ เตรยี มการนานโยบายพลกิ โฉมระบบการเรียนรไู้ ปสู่การปฏิบตั ิ 1.2) ผู้บริหารการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและการอาชีวศึกษาระดับกระทรวง และระดับเขตพ้ืนที่ การศึกษา มีมติยอมรับเป็นนโยบาย ประกาศนโยบาย และกาหนดสาระสาคัญของนโยบายตาม แนวทางในแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ พร้อมแนวปฏิบัติในการส่งเสริม สนับสนุน สถานศึกษาในการนานโยบายนี้ไปสู่การปฏิบัติเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยมีการเปล่ียนแปลง หลักสูตรแกนกลาง และการจัดสรรงบประมาณให้เอือ้ ตอ่ การพลิกโฉมระบบการเรียนรใู้ หม่ 1.3) ผู้บริหารสถานศึกษามีมตยิ อมรับเปน็ นโยบาย ประกาศนโยบาย และกาหนดสาระสาคัญ ของนโยบายตามแนวทางในแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่เป็นระยะ ๆ ระยะละ 4 ปี พร้อมท้ังปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาและระบบการเรียนรู้ตามนโยบายน้ี ไปสู่การปฏิบัติให้ เหมาะสมกับปรัชญาและบริบทของสถานศึกษา รวมทั้งความต้องการของผู้เรียนท่ีมีความแตกต่างกนั ตามเปา้ หมายชีวิตอนาคต 2) การสื่อสารและการรณรงค์ เป็นการประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าใจและตระหนักในความสาคัญของนโยบาย รวมท้ังการให้ความร่วมมือในการนานโยบายสู่การ ปฏิบัตอิ ยา่ งเข้มแขง็ และจรงิ จัง มีแนวทางดงั น้ี 2.1) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจัดการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบาย เพอ่ื ประสานแผนการส่อื สารและรณรงคน์ โยบายใหม่ 2.2) ผู้บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานและการอาชีวศึกษา ระดับกระทรวง และระดับเขตพ้ืนที่ การศึกษา จัดให้มีการสื่อสารและรณรงค์ให้สถานศึกษาทุกแห่ง ตระหนักในความจาเป็นของการ เปล่ยี นแปลงระบบการเรียนรู้ใหม่ รวมทง้ั สาระสาคัญของนโยบาย และร่วมกนั นาไปสกู่ ารปฏิบตั ิ 2.3) ผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่ง สื่อสาร และรณรงค์ให้บุคลากรภายใน ผู้เรียน รวมทั้งพ่อ แม่ ผปู้ กครอง และผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสียทุกฝ่าย ตระหนักในความจาเป็นของการเปลี่ยนแปลงระบบการ เรียนร้ใู หม่ รวมท้งั สาระสาคญั ของนโยบาย และรว่ มกันพฒั นาการเรียนร้ตู ามระบบการเรียนรู้ใหม่ 3) การเสริมสร้างขีดความสามารถ เป็นการเสริมพลังของบุคลากร วัสดุ อุปกรณ์และ สิ่งอานวยความสะดวกท่ีจะเก้ือหนุนให้การนานโยบายสู่การปฏิบัติประสบความสาเร็จในระดับสูง มแี นวทางดงั น้ี

411 3.1) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จัดทาโครงการวิจัยนาร่องการนานโยบายพลิกโฉม ระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สู่การปฏิบัติ ร่วมกับ สพฐ. สอศ. และสถานศึกษาในสงั กดั 3.2) ผู้บริหารการศึกษาข้ันพื้นฐานและการอาชีวศึกษา ระดับกระทรวง และระดับเขตพ้ืนท่ี การศึกษา สนับสนุนทั้งทางวิชาการ และงบประมาณ ให้มีการพัฒนาและเสริมพลังผู้สอน และ ผู้บริหารระดับสถานศึกษา ในการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนตามระบบการเรียนรู้ใหม่ท่ี เหมาะกับบริบทของสถานศึกษาและการพฒั นาศักยภาพเฉพาะบุคคลของผ้เู รียน 3.3) ผู้บริหารสถานศึกษาทางานร่วมกับบุคลากรภายในสถานศึกษาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายนอก อย่างใกล้ชิดในการยกระดับพลังความสามารถของสถานศึกษาในการพลิกโฉมระบบการ เรยี นรูใ้ หม่ ท่ตี อบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตอยา่ งไมห่ ยดุ นิง่ 3.4) หน่วยงานต้นสังกัดพัฒนาครูให้สามารถพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ใหม่ในฐานะของ ผู้อานวยการการเรียนรู้ท่ีมุ่งเสริมสร้างให้ผู้เรียนเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ผ่านการ พัฒนาด้วยรูปแบบผสมผสานท้ังออฟไลน์/ออนไลน์ การพัฒนาระหว่างปฏิบัติงาน/นอกเวลา ปฏบิ ัติงาน และการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง/ชมุ ชนการเรียนร้ทู างวชิ าชพี 4) การเปล่ยี นแปลงระบบ เปน็ การพลกิ โฉมระบบการบรหิ ารและระบบการสนับสนุนตา่ ง ๆ เช่น ระบบหลักสูตร การเรียนการสอน การประเมินผล ระบบห้องเรียน ระบบความดีความชอบ การเลื่อนวิทยฐานะ รวมท้ังระบบการเงินและงบประมาณท่ีสนับสนุนการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ใหม่ มีแนวทางดังน้ี 4.1) พลิกโฉมระบบการบริหารบุคคลด้านการพิจารณาแต่งต้ังผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหาร เขตพ้ืนที่การศึกษา และผู้บริหารการศึกษาระดับต่าง ๆ โดยให้ความสาคัญกับคุณสมบัติด้านผลงาน และความสามารถในการพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ใหม่ 4.2) พลิกโฉมระบบการบริหารงานบุคคลด้านการพิจารณาความดีความชอบ และการเล่ือน ขั้นตาแหน่งบุคลากรครู ผู้สอน รวมทั้งบุคลากรสนับสนุน โดยให้ความสาคัญกับ ผลงานและ ความสามารถในการพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ 4.3) พลิกโฉมการสรรหาครูใหม่ โดยให้ความสาคัญกับความรู้ ความสามารถในการพลิกโฉม ระบบการเรียนรูใ้ หม่ 4.4) พลิกโฉมการจัดสรรงบประมาณสถานศึกษา โดยเปล่ียนแปลงเกณฑ์การจัดสรร งบประมาณทใ่ี หค้ วามสาคญั กับการสนับสนนุ การพลกิ โฉมระบบการเรียนรู้ 4.5.1.2) แนวทางการนานโยบายส่กู ารปฏิบัติ แนวทางการนานโยบายสู่การปฏิบัติมี 4 แนวทางหลักคือ 1) การเริ่มนานโยบายส่กู ารปฏิบตั ิ โดยสถานศึกษา 2) การเร่ิมนานโยบายสู่การปฏิบัติโดยเขตพื้นที่การศึกษาและจังหวัด 3) การเร่ิมนา นโยบายสู่การปฏบิ ัติโดยมีหน่วยงานระดับกระทรวงท่ีมีสถานศึกษาสังกัด และ 4) การเริ่มนานโยบาย สู่การปฏิบตั โิ ดยสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ดังแสดงในภาพประกอบที่ 4.15

412 การเร่ิมนานโยบายสู่การปฏบิ ัติโดยสถานศกึ ษา นโยบายพลกิ โฉม การเรม่ิ นานโยบายสูก่ ารปฏิบัตโิ ดยเขตพื้นที่การศึกษาและจงั หวดั ระบบการเรยี นรู้ การเรม่ิ นานโยบายสกู่ ารปฏบิ ัตโิ ดยกระทรวงที่มสี ถานศึกษา เพอื่ สร้างสรรคช์ ีวติ ทางสงั คมและเศรษฐกิจใหม่ ท่ีมคี วามสขุ อย่างมคี ณุ ค่า การเริม่ นานโยบายสกู่ ารปฏิบัติโดยสานกั งานเลขาธกิ ารสภาศกึ ษา ภาพประกอบท่ี 4.15 แนวทางการนานโยบายส่กู ารปฏิบตั ิ การนานโยบายสู่การปฏบิ ตั ิแต่ละแนวทาง มดี งั นี้ 1) การเริม่ นานโยบายสู่การปฏบิ ัตโิ ดยสถานศึกษา 1.1) ผู้บริหารสถานศึกษาจัดทานโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตทาง สังคมและเศรษฐกิจใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมีคุณค่า เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สถานศกึ ษา และประกาศให้ผู้เกย่ี วข้องทราบอย่างเท่ยี วถงึ 1.2) ผู้บริหารสถานศึกษา จัดทาแผนปฏิบัติการเป็นระยะ ๆ ละ 4 ปี ตามนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรียนรู้ใหม่ ที่ประกอบด้วยแผนการสอื่ สารและรณรงค์ แผนการเสริมสร้างขีดความสามารถ และแผนการเปลยี่ นแปลงระบบของสถานศกึ ษา 1.3) ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา นาแผนปฏบิ ัติการส่กู ารปฏบิ ัติ โดยมกี ารกากบั ตดิ ตามและประเมิน เพ่ือพัฒนานโยบายระดับสถานศึกษาเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเน่ือง พร้อมทั้งมีการรายงานผลการนาโย บายสู่การปฏิบัติต่อคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหน่วยงานต้นสังกัดท้ังในระดับ เขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา จังหวัดและกระทรวง 2) การเรม่ิ นานโยบายสู่การปฏบิ ตั โิ ดยเขตพ้นื ที่การศกึ ษาและจงั หวดั 2.1) ผู้บริหารเขตพ้ืนท่ีการศึกษา อาศัยการบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และจังหวัด จัดทา นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมและเศรษฐกิจใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมี คุณค่า สาหรับสถานศึกษาในสังกัด เพ่ือขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพร้อมท้ัง ประกาศใหส้ ถานศกึ ษาและผู้เกย่ี วข้องทราบอย่างท่วั ถึง

413 2.2) ผู้บริหารเขตพ้ืนที่การศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และจังหวัด จัดทา แผนปฏิบัติการเป็นระยะ ๆ ละ 4 ปี ตามนโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ฯ ท่ีประกอบด้วยแผนการ ส่อื สารและรณรงค์ แผนการเสริมสร้างขีดความสามารถ และแผนการเปลย่ี นแปลงระบบของเขตพื้นท่ี การศึกษา องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด เทศบาล และจงั หวัด 2.3) ผู้บริหารเขตพื้นท่ีการศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลและจังหวัด นา แผนปฏิบัติการสู่การปฏิบัติ โดยมีการกากับติดตามและประเมินเพื่อพัฒนานโยบายระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาและจังหวัด เป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมท้ังมีการรายงานผลการนานโยบายสู่การ ปฏิบตั ติ อ่ คณะกรรมการของหน่วยงาน ผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสยี และหน่วยงานต้นสังกดั ระดับกระทรวง 3) การเริ่มนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั โิ ดยกระทรวงท่มี ีสถานศึกษา 3.1) ผู้บริหารระดับกระทรวงที่มีสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและอาชีวศึกษา จัดทานโยบายพลิก โฉมระบบการเรียนร้เู พื่อสรา้ งสรรค์ชีวติ ทางสังคมและเศรษฐกิจใหม่ ท่ีมีความสขุ อยา่ งมคี ุณค่า เพื่อขอ ความเห็นชอบจากคณะกรรมการท่ีเกี่ยวข้องและผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้งประกาศให้หน่วยงานที่ เกย่ี วข้องและประชาชนทราบอยา่ งกวา้ งขวาง 3.2) ผู้บริหารระดับกระทรวงท่ีมีสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษาจดั ทาแผนปฏิบัตกิ าร เป็นระยะ ๆ ละ 4 ปี เพื่อสนับสนุนเขตพ้ืนที่การศึกษา จังหวัด และสถานศึกษาตามนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรยี นรู้ฯ ประกอบดว้ ยแผนการส่อื สารและรณรงค์ แผนการเสริมสร้างขีดความสามารถ และ แผนการเปลยี่ นแปลงระบบของกระทรวง 3.3) ผู้บริหารระดับกระทรวงที่มีสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานและอาชีวศึกษานาแผนปฏิบัติการ สู่การปฏิบัติ โดยมีการกากับติดตามและประเมินเพื่อพัฒนานโยบายระดับกระทรวง เป็นระยะ ๆ อยา่ งต่อเนือ่ ง พรอ้ มท้งั มกี ารรายงานผลการนานโยบายสู่การปฏบิ ัติต่อคณะกรรมการท่ีเกี่ยวข้อง และ ผบู้ ังคบั บญั ชา 4) การเร่ิมนานโยบายสกู่ ารปฏิบัติโดยสานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 4.1) ผู้บริหารสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจัดทาแผนปฏิบัติการนานโยบายพลิกโฉม ระบบการเรียนรู้ฯ สู่การปฏิบัติเป็นระยะ ๆ ละ 4 ปี ประกอบด้วย แผนการส่ือสาน และการรณรงค์ แผนการเสริมสร้างขีดความสามารถ และแผนการเปล่ียนแปลงระบบของหน่วยงานต้นสังกัดของ สถานศึกษาทุกกระทรวง 4.2) ผู้บริหารสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา นาแผนปฏิบัติการสู่การปฏิบัติโดยมีการ กากับตดิ ตามและประเมินเพอื่ พัฒนานโยบายในภาพรวมระดับประเทศเป็นระยะ ๆ อย่างตอ่ เนือ่ ง

414 4.5.2 การกากบั ตดิ ตามและประเมินเพื่อพฒั นานโยบาย การกากับติดตามและประเมนิ ผลนโยบาย มีเน้อื หาประกอบด้วย 1) หลักการและความสาคัญ ของการกากับติดตามและประเมินผลนโยบาย และ 2) แนวทางการกากับติดตามและการประเมินผล นโยบาย มีรายละเอยี ดดังนี้ 4.5.2.1) หลักการและความสาคัญของการกากบั ตดิ ตามและประเมินผลนโยบาย การกากับติดตามและการประเมินผลนโยบายเป็นเคร่ืองมือสาคัญท่ีมีผลต่อสัมฤทธิ์ผลของ นโยบาย มีหลักการ 2 ข้อ คือ 1) การกากับติดตามการนานโยบายสู่การปฏิบัติ เป็นการเก็บรวมรวม ข้อมูลการประกาศนโยบาย และการนาแผนปฏิบัติการนโยบายสู่การปฏิบัติ และ 2) การประเมินผล นโยบาย เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสัมฤทธ์ิผลด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนตามนโยบาย ดงั แสดงในภาพประกอบ 4.16 และ 4.17 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู การกากบั ตดิ ตาม การนานโยบาย 1. การประกาศนโยบายใหม่ สู่การปฏบิ ัติ 1.1 ผลลัพธ์การเรียนร้ใู หม่ 1.2 การประเมินการเรยี นรู้ใหม่ 1.3 รปู แบบการเรียนรู้ใหม่ 1.4 ทรัพยากรการเรียนรใู้ หม่ 2. แผนปฏิบัติการตามนโยบาย 2.1 แผนการสอ่ื สาร 2.2 แผนการเสรมิ สร้างขีดความสามารถ 2.3 แผนการเปลีย่ นแปลงระบบ 2.4 อ่นื ๆ (โปรดระบ)ุ 3. ความต้องการจาเป็นในการปรับปรงุ การนา นโยบายสู่การปฏบิ ัติ ภาพประกอบท่ี 4.16 การกากบั ติดตามการนานโยบายสู่การปฏบิ ัติ ผลสมั ฤทธ์ดิ ้านผลลพั ธก์ ารเรยี นร้ขู องนักเรยี น การประเมินผล ตามนโยบายใหม่ นโยบาย 1. ผลลัพธ์ด้านการสร้างสรรค์ชีวติ ทางสังคมฯ 1.1 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้หลกั 1.2 ผลลัพธ์การเรียนรู้เฉพาะ 2. ผลลพั ธ์ดา้ นการสรา้ งสรรคช์ ีวติ ทางเศรษฐกิจฯ 1.1 ผลลัพธ์การเรยี นรู้หลัก 1.2 ผลลพั ธ์การเรียนรู้เฉพาะ 3. ความตอ้ งการจาเปน็ ในการพัฒนานโยบาย ภาพประกอบท่ี 4.17 การประเมินผลนโยบาย

415 4.5.2.2) แนวทางการกากบั ตดิ ตามและการประเมินผลนโยบาย แนวทางการกากับติดตามและการประเมินผลนโยบายมี 4 แนวทางหลัก คือ 1) การกากับ ติดตามและประเมินผลระดับสถานศึกษา 2) การกากับติดตามและประเมินผลระดับเขตพื้นท่ี การศึกษา สานักงานศึกษาธิการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และจังหวัด 3) การ กากับตดิ ตามและประเมนิ ผลระดบั กระทรวงที่มีสถานศกึ ษา และ 4) การกากับตดิ ตามและประเมินผล ในภาพรวมท้งั ประเทศ ดังแสดงในภาพประกอบท่ี 4.18 ระดับสถานศึกษา 1. การกากับติดตาม ระดบั เขตพื้นที่, หนว่ ยงานต้นสังกัดระดับจังหวัด การนานโยบายส่กู ารปฏบิ ตั ิ ระดบั กระทรวงที่มสี ถานศึกษา ระดบั ประเทศ 1.1 ประกาศนโยบาย 1.2 แผนปฏิบตั ิการ 2. การประเมินผลนโยบาย 2.1 ผลลพั ธด์ ้านการสรา้ งสรรค์ ชวี ิตทางสงั คมฯ 2.2 ผลลัพธด์ า้ นการสรา้ งสรรค์ ชวี ิตทางเศรษฐกิจฯ ภาพประกอบที่ 4.18 แนวทางการกากบั ตดิ ตามและการประเมนิ ผลนโยบาย การกากับตดิ ตามประเมินผลนโยบายแต่ละแนวทางมีดังน้ี 1) การกากับติดตามและประเมนิ ผลนโยบายระดับสถานศกึ ษา สถานศึกษามแี นวทาง ดังน้ี 1.1) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์สาระสาคัญของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ฯ ของ สถานศกึ ษาในมิตขิ องผลลัพธ์การเรียนรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ รูปแบบการเรียนรู้ และทรัพยากรการ เรยี นรู้ใหม่ 1.2) เก็บรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมลู การดาเรินการตามแผนปฏิบัติการของนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรยี นร้ฯู รายปี และราย 4 ปี ของสถานศกึ ษา 1.3) วิเคราะห์หาความต้องการจาเป็นในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการ การนานโยบายสู่การ ปฏบิ ัตแิ ละนาไปใช้ในการปรบั ปรุงแผนปฏบิ ัตกิ ารของสถานศกึ ษา

416 1.4) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนตาม นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรูฯ้ ของสถานศึกษา 1.5) วเิ คราะห์หาความต้องการจาเปน็ ในการปรับปรุงผลสัมฤทธขิ์ องผลลัพธ์การเรียนรู้ฯ และ นาไปใชใ้ นการปรบั ปรงุ นโยบายและแผนปฏบิ ตั ิการของสถานศกึ ษา 2) การกากับติดตามและประเมินผลนโยบายระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และหน่วยงาน ต้นสังกดั ของสถานศึกษาระดับจังหวดั หน่วยงานมแี นวทาง ดงั นี้ 2.1) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์สาระสาคัญของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ฯ ของ หน่วยงานเปรียบเทียบกับสารสาคัญ ของสถานศึกษาในสังกัด ในมิติของผลลัพธ์การเรียนรู้ การ ประเมินการเรียนรู้ รปู แบบการเรยี นรู้ และทรัพยากรการเรียนรใู้ หม่ 2.2) เกบ็ รวบรวมและวิเคราะหข์ ้อมลู การดาเนนิ การตามแผนปฏบิ ัติการของนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรียนรฯู้ รายปแี ละราย 4 ปี ของหนว่ ยงานและสถานศึกษาในสงั กดั 2.3) วิเคราะห์ความต้องการจาเป็นในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการการนานโยบายสู่การ ปฏิบัติการของหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัด และนาไปใช้ในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของ หนว่ ยงานและสถานศึกษาในสงั กดั 2.4) เก็บรวบรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลสัมฤทธ์ิของผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนตาม นโยบายพลิกโฉมการเรยี นรูข้ องหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกดั 2.5) วิเคราะห์หาความต้องการจาเป็นในการปรับปรุงผลสัมฤทธิ์ของผลลัพธ์การเรียนรู้และ นาไปใชใ้ นการปรับปรงุ นโยบายและแผนปฏิบัติการของหนว่ ยงานและสถานศึกษาในสังกดั 3) การกากับติดตามและประเมินผลนโยบายระดับกระทรวงท่ีมีสถานศึกษา กระทรวง มแี นวทาง ดังนี้ 3.1) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์สาระสาคัญของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ฯ ของกระทรวงเปรยี บเทียบกับสาระสาคญั ของหนว่ งงานระดับเขตพน้ื ท่ีการศึกษาและจงั หวัดในมิติของ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ รูปแบบการเรยี นรู้ และทรัพยากรการเรียนรูใ้ หม่ 3.2) เก็บรวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มูลการดาเนนิ การตามแผนปฏิบตั ิการของนโยบายพลิกโฉม การเรียนรรู้ ายปี และราย 4 ปี ของกระทรวงและเขตพื้นที่การศึกษาและจงั หวัด 3.3) วิเคราะหค์ วามตอ้ งการจาเปน็ ในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ของกระทรวง และนาไปใช้ในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของกระทรวงและเขตพ้ืนท่ีการศึกษา/ จังหวดั 3.4) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลสัมฤทธ์ิของผลลัพธ์การเรียนรู้และนาไปใช้ในการ ปรับปรงุ นโยบายและแผนปฏิบตั ิการของกระทรวง เขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา/จังหวัด 3.5) วิเคราะห์ความต้องการจาเป็นในการปรับปรุงผลสัมฤทธ์ิของผลลัพธ์การเรียนรู้และการ นาใช้ในการปรบั ปรุงนโยบายและแผนปฏิบตั ิการของกระทรวง เขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา/จงั หวดั

417 4) การกากับติดตามและประเมินผลนโยบายในภาพรวมทั้งประเทศ สานักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา มแี นวทาง ดังน้ี 4.1) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์สาระสาคัญของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ฯ ของสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเปรียบเทียบกับของกระทรวงและหน่วยงานท่ีมีสถานศึกษา ในสงั กัดจาแนกตามประเภทการศึกษา 4.2) เกบ็ รวบรวมและวเิ คราะห์ขอ้ มลู การดาเนนิ การตามแผนปฏบิ ัติการของนโยบายพลิกโฉม การเรียนรู้ฯ รายปี และราย 4 ปี ของสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงและหน่วยงานทม่ี ี สถานศึกษาในสังกัดจาแนกตามประเภทการศึกษา 4.3) วเิ คราะห์ความต้องการจาเป็นในการปรบั ปรงุ แผนปฏิบัตกิ ารการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ของสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงและหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดและนาไปใช้ ในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงและหน่วยงานที่มี สถานศึกษาในสังกดั 4.4) เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของผลลัพธ์การเรียนรู้และนาไปใช้ในการ ปรับปรุงนโยบายและแผนปฏบิ ัติการของสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงและหน่วยงาน ทม่ี สี ถานศกึ ษาในสังกดั 4.5) วิเคราะห์ความต้องการจาเป็นในการปรับปรุงผลสัมฤทธิ์ของผลลัพธ์การเรียนรู้และการ นาใชใ้ นการปรับปรงุ นโยบายและแผนปฏิบตั กิ ารของสานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา

418 บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยเรื่อง การออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการ เปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 คร้ังน้ีเป็นการวิจัยเชิงออกแบบ (Design Research) ใช้การ ออกแบบพหุระยะ (Multi-phase design) มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพ่ือ 1) ศึกษาและออกแบบ วสิ ัยทัศน์การศึกษาไทยและคณุ ภาพคนไทยที่พงึ ประสงค์ในปี 2040 2) ศกึ ษาและออกแบบระบบการ เรียนรูท้ ี่พึงประสงคใ์ นการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 3) ออกแบบนโยบาย พลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 และ 4) ออกแบบ เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ี ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้ให้ข้อมูลของการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) นักวิชาการทางด้านการศึกษา 2) ผู้บริหารสถานศึกษาและครู 3) ผู้ประกอบการภาคเกษตร อุตสาหกรรมและธรุ กิจ 4) ผู้ปกครอง และ 5) ผู้เรียนขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการ วิจัยคร้ังน้ีมี 7 ฉบับ ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง (Semi – structured interview) เกย่ี วกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 2) แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไป ได้ของวิสัยทัศน์การศึกษาไทยและคุณภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 3) แบบสัมภาษณ์กึ่ง โครงสรา้ ง (Semi – structured interview) เก่ียวกบั ระบบการเรียนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ และการ วัดและประเมนิ ผลการเรียนที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 4) แบบสังเกตและแบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง (semi – structured interview) เกี่ยวกับระบบการ เรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 5) แบบประเมิน ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการ เปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 6) แบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง (Semi – structured interview) เก่ียวกับนโยบาย เคร่ืองมือการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติ และการประเมินผลนโยบาย การพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 และ 7) แบบ ประเมินความเหมาะสมและความเปน็ ไปได้ของนโยบาย เครือ่ งมอื การนานโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ัติ และ การประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถ่ี (Frequency) ร้อยละ ค่าเฉล่ีย (Mean) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (SD) ความต้องการจาเป็น (PNImodified) ในบทน้ีจะ นาเสนอการสรุปผลการวิจัย การอภปิ รายผลการวจิ ยั และข้อเสนอแนะในการวจิ ัย มรี ายละเอียดดังน้ี

419 5.1 สรปุ ผลการวจิ ัย 5.1.1 วิสยั ทัศน์การศึกษาไทยและคุณภาพคนไทยที่พึงประสงคใ์ นปี 2040 วิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040 คือ “ระบบการศึกษาไทย เป็นผู้นาในการเปล่ียนแปลง ชีวิตผู้เรียนให้มีความสุขอยา่ งมีคุณค่า สามารถสรา้ งสรรคส์ ังคมและเศรษฐกจิ ใหม่ทพ่ี ึงประสงค์” คุณภาพคนไทยท่ีพึงประสงค์ในปี 2040 ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ 1) คุณภาพท่ัวไป (General Qualities) 2) คุณภาพทางสังคม (Social Qualities) 3) คุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 4) คุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) 5) คุณภาพทาง ส่ิงแวดล้อม (Environment Qualities) และ 6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) มีรายละเอยี ดดงั น้ี 1) คุณภาพท่ัวไป (General Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ผลลพั ธ์ มรี ายละเอียดังนี้ 1.1) ผู้เช่ียวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 1.1.1) มีความฉลาดรู้ในการสอ่ื สารภาษาไทยและอังกฤษ การคิดคานวณ และการจินตนาการ 1.1.2) มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต 1.1.3) มีทักษะการบูรณาการข้ามศาสตร์ และการนาไปใช้ในชีวิตจริง 1.1.4) มีทักษะการปรับตัว ตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต และ 1.1.5) มีทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ หรือการ คดิ เชงิ วิพากษ์ (Critical thinking skill) 1.2) ผู้ออกแบบชีวิตทีม่ ีคุณค่า (Valuable Life Designer) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การ เรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 1.2.1) ค้นพบส่ิงที่รักที่จะทา ทาอย่างมีความสุขและมีคุณค่า (Passion) 1.2.2) สามารถทาในส่ิงท่ีโลกต้องการ และมีคุณค่า (Mission) 1.2.3) สามารถสร้างคุณค่า จากสิ่งที่ทา (Vocation) 1.2.4) สามารถออกแบบชีวิตที่มีคุณค่า และวางแผนเส้นทางเพ่ือไปสู่การได้ ทาในส่ิงที่รักได้ดีอย่างมืออาชีพ (Profession) และ 1.2.5) มีความฉับไวในการตอบสนองการ เปลย่ี นแปลง (Agility) 1. 3) ผู้นาการเปลี่ยนแปลงที่สร้างอนาคต ( Change Leader Make the Future) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 6 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.3.1) มีวิสั ยทัศน์กว้างไกล 1.3.2) สามารถสอ่ื สารให้มวี ิสัยทัศน์รว่ ม และสรา้ งสรรค์การเปลย่ี นแปลงท่ีพึงประสงค์ด้วยกลยุทธ์ท่ีดี 1.3.3) มีกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth mindset) และมองออกนอก (Outward mindset) 1.3.4) มที กั ษะการคิดนอกกรอบข้ามศาสตร์ 1.3.5) มคี วามสามารถในการเจรจาต่อรองและไกล่เกล่ีย และ 1.3.6) มีความสามารถในการสร้างสรรคน์ วัตกรรมพลิกผัน 1.4) พลเมอื งโลกท่ีมีคณุ ภาพ และความรับผิดชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 1.4.1) มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และจิตสานกึ สากล 1.4.2) กลา้ แสดงความคิดเห็นอย่างมเี หตผุ ล พร้อมท้ังเปิดใจรับฟงั ความ คิดเห็นท่ีแตกต่าง 1.4.3) ตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ส่วนรวม และสังคมโลก 1.4.4) เคารพในความแตกต่างทางวฒั นธรรม และ 1.4.5) มีความซอ่ื สัตย์ มวี นิ ยั ในตนเอง รูห้ น้าที่และ เคารพสิทธิของผอู้ ่ืน

420 1.5) ผู้มีสุขภาวะกายและใจที่ดี (Well-being person) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การ เรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1.5.1) มีความฉลาดรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy) 1.5.2) มีสุข ภาวะทางใจทีด่ ี และ 1.5.3) มสี ขุ ภาวะทางกายที่ดี 2) คุณภาพทางสังคม (Social Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ผลลพั ธ์ มรี ายละเอยี ดังน้ี 2.1) ผู้มีสมรรถนะทางอารมณ์ และสังคม ( Emotional & Social Competencies) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 2.1.1) เป็นผู้ตระหนักรู้ในตนเอง ผู้อื่น และมีมารยาททางสังคม 2.1.2) มีความฉลาดรู้ทางอารมณ์ และสัมพันธ์ภาพท่ีดี และ 2.1.3) สามารถสร้างสรรคค์ า่ นิยม ตามวัฒนธรรมอนั ดีงามของไทยและวฒั นธรรมอนั เป็นสากล 2.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมสังคม (Social Innovation Creator) ประกอบด้วย ตัวชี้วัด ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ จานวน 2 ตัวชวี้ ดั ไดแ้ ก่ 2.2.1) สามารถสรา้ งนวัตกรรมสังคมจากความเข้าใจความ เปน็ มนุษย์ ธรรมชาตขิ องโลก ประวตั ิศาสตร์ ความเปน็ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสากล เพ่ือความย่ังยืน ตามยุคสมัย และ 2.2.2) สามารถสร้างสรรค์สังคมหลังนวัตกรรมอย่างยั่งยืน (Post innovation society) 2.3) ผู้นาสังคมคุณธรรม (Social justice leader) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 4 ตัวชว้ี ดั ได้แก่ 2.3.1) มีความกล้าหาญทางจริยธรรม 2.3.2) เป็นผ้นู าในการสร้างสงั คมเสมอ ภาค และเป็นธรรม 2.3.3) เป็นผู้มีจิตสาธารณะ เอ้ือเฟ้ือ แบ่งปัน กตัญญู ดูแลผู้สูงอายุ และ 2.3.4) สามารถบรหิ ารความขัดแย้งทางสังคม 3) คุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) ประกอบดว้ ย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 2 ผลลัพธ์ มีรายละเอียดงั น้ี 3.1) ผู้พลิกผันดิจิทัล (Digital Disruptor) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลพั ธ์การเรยี นรู้ จานวน 6 ตัวชี้วัด ได้แก่ 3.1.1) มีความฉลาดรู้ทางดิจิทัล (Digital Literacy) และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) 3.1.2) มีความฉลาดรู้ทางวิทยาการคานวณ (Computational Literacy) 3.1.3) สามารถ ใช้ดิจิทัลในการเปลี่ยนชีวิต การเรียน และการทางานอย่างมีผลิตภาพ 3.1.4) มีความรู้ทางเทคโนโลยี หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ท่ีมีคุณธรรมเป็นฐาน 3.1.5) สามารถใช้เทคโนโลยีที่ป้องกันและแก้ไข ปัญหาภัยพิบัติ และ 3.1.6) สามารถออกแบบระบบนิเวศใหม่ที่มนุษย์สามารถทางานร่วมกับ ปัญญาประดษิ ฐ์ 3.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีสีเขียว (Green-Tech Innovator) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 3.2.1) มีทักษะการสร้างสรรค์นวัตกรรมและ เทคโนโลยีท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3.2.2) มีทักษะการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมท่ีเป็น ประโยชน์กับมนุษยชาติ และ 3.2.3) มีทักษะการต่อยอดภูมิปัญญาไทยเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสี เขยี ว

421 4) คุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 4 ผลลัพธ์ มรี ายละเอยี ดังนี้ 4.1) ผู้สร้างสรรค์งานและอาชีพ (Career and Job Creator) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์ การเรยี นรู้ จานวน 3 ตัวชีว้ ดั ไดแ้ ก่ 4.1.1) มที ักษะการทางานรว่ มกับปัญญาประดษิ ฐ์ 4.1.2) มีทักษะ การสรา้ งสรรค์งาน หรืออาชีพท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต และ 4.1.3) มีความฉลาด รู้ทางการเงนิ และเศรษฐกจิ 4.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจ (Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 4.2.1) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตรตามบริบท 4.2.2) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม อตุ สาหกรรมตามบริบท และ 4.2.3) มีทักษะสร้างสรรคน์ วัตกรรมธรุ กจิ ตามบริบท 4.3) ผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ จานวน 3 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 4.3.1) มีความฉลาดรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจดิจิทัล 4.3.2) มีความฉลาดรู้ เก่ียวกับการค้าเสรี และโลกาภิวัตน์ (Trade and Globalization) และ 4.3.3) มีทักษะสร้างสรรค์ เศรษฐกิจฐานนวตั กรรม 4.4) ผู้นาเชิงนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) ประกอบด้วย ตวั ชว้ี ัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ จานวน 2 ตวั ช้วี ดั ไดแ้ ก่ 4.4.1) มที ักษะผู้นาเชิงนวตั กรรมที่มี คุณธรรมเป็นฐาน และ 4.4.2) มที กั ษะผูน้ าเชิงผูป้ ระกอบการที่มคี วามรบั ผิดชอบต่อการพัฒนาท่ยี ัง่ ยืน 5) คุณภาพทางส่ิงแวดลอ้ ม (Environment Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 2 ผลลพั ธ์ มรี ายละเอียดงั นี้ 5.1) ผู้มีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม (Sustainable Life Style) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 5 ตัวช้ีวัด ได้แก่ 5.1.1) ตระหนักรู้ถึงคุณค่า ข้อจากัด และร่วมกันรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ 5.1.2) พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแ ปลงของธรรมชาติ 5.1.3) มีกรอบความคิดท่ีเป็นมิตรกับส่งิ แวดลอ้ ม 5.1.4) ใช้เทคโนโลยีสีเขียวท่เี ป็นมิตรกับส่งิ แวดล้อม และ 5.1.5) มีทักษะการสร้างสรรค์พลงั ร่วม (Synergy) ในวถิ ชี ีวติ ท่ีเปน็ มติ รกบั ส่งิ แวดลอ้ ม 5.2) ผู้สร้างสรรค์ส่ิงแวดล้อมสเี ขียว (Green Environment Creator) ประกอบด้วย ตัวชว้ี ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ จานวน 2 ตัวชว้ี ดั ไดแ้ ก่ 5.2.1) มที ักษะการแก้ไขปัญหา และสรา้ งสรรคส์ งิ่ แวดลอ้ ม อย่างยงั่ ยนื และ 5.2.2) มที กั ษะการสร้างสรรคน์ วัตกรรมทเี่ ป็นมติ รกบั สิ่งแวดลอ้ ม 6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ผลลพั ธ์ มรี ายละเอียดังนี้ 6.1) ผู้ออกเสียงคุณภาพ (Quality Voter) ประกอบด้วย ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ จานวน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ 6.1.1) มีทักษะการแสวงหา และรู้เท่าทันสื่อข้อมูลข่าวสารทางการเมือง และโจทย์ การพัฒนาประเทศ 6.1.2) มีทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ เปรียบเทียบข้อมูลข่าวสารทาง การเมือง และโจทย์การพัฒนาประเทศ และ 6.1.3) มีทักษะการตัดสินใจบนพ้ืนฐานของประโยชน์ ส่วนรวมท่ตี อบโจทย์การพฒั นาประเทศอยา่ งมอี สิ ระโดยปราศจากการแทรกแซง

422 6.2) ผู้ปฏิบัติงานการเมืองคุณภาพ (Quality Political Actor) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดผลลพั ธ์ การเรียนรู้ จานวน 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ 6.2.1) มีทักษะการทางานทางการเมืองที่มีคุณภาพ และ 6.2.2) มีทักษะผนู้ าทางการเมืองทีม่ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 6.3) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเมืองคุณภาพ (Quality Political Innovation Creator) ประกอบดว้ ย ตวั ชี้วัดผลลพั ธ์การเรียนรู้ จานวน 2 ตวั ช้วี ดั ไดแ้ ก่ 6.3.1) มีทกั ษะสร้างสรรค์นวัตกรรม การเมืองคุณภาพที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และ 6.3.2) มีค่านิยมการเมืองคุณภาพท่ียอมรับ ในคุณค่าของปัจเจกบุคคล สามารถสรุปวิสัยทัศน์การศึกษาไทยและคุณภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 ได้ดัง ภาพประกอบท่ี 5.1

423 ภาพประกอบท่ี 5.1 วสิ ัยทศั นก์ ารศกึ ษาไทยและคณุ ภาพคนไทยที่พึงประสงคใ์ นปี 2040

424 5.1.2 ระบบการเรยี นรู้ที่พงึ ประสงคใ์ นการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ใช้ชื่อว่า “พลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมและเศรษฐกิจใหม่ที่มีความสุข อย่างมีคุณค่า” ซึ่งประกอบด้วย 1) รูปแบบการเรียนรู้ (Learning design) จานวน 6 รูปแบบการ เรียนรู้หลัก 30 รูปแบบการเรียนรู้รอง 2) ทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning resources) จานวน 11 ประเภท และ 3) การประเมินการเรียนรู้ (Learning assessment) จานวน 6 วิธี มีรายละเอียด ดังน้ี 1) รูปแบบการเรียนรู้ (Learning design) จานวน 6 รูปแบบการเรียนรู้หลัก 30 รูปแบบ การเรยี นรรู้ อง ดงั นี้ รูปแบบที่ 1 การเรียนรู้อย่างมีความหมาย และมีคุณค่า (Purposeful and valuable learning) ประกอบด้วย 6 รูปแบบการเรียนรู้รอง คือ 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชีวิต (Life design learning) 1.2) การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง (Transformative learning) 1.3) การเรียนรู้ แนวมนุษยนิยม (Humanistic learning) 1.4) การเรียนรู้การบริการสังคม (Service learning) 1.5) การเรียนรู้เพื่อสร้างค่านิยม และวัฒนธรรมใหม่ที่ดี (New values & culture creation learning) และ 1.6) การเรยี นรู้อยา่ งมคี วามสุข (Happy learning) รูปแบบที่ 2 การเรียนรู้ที่เสริมสร้างศักยภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) ประกอบดว้ ย 3 รปู แบบการเรยี นรรู้ อง คือ 2.1) การเรียนรู้ในส่ิงท่ีรักจะเรียน (Passion based learning) 2.2) การเรียนรู้เพ่ือสร้างประโยชน์ต่อมนุษยชาติ (Mission based learning) และ 2.3) การเรยี นรอู้ ยา่ งทัว่ ถงึ ทุกคน (Inclusive learning, Universal design for learning) รูปแบบท่ี 3 การริเริ่มเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-initiated learning, Heutagogy) ประกอบด้วย 7 รูปแบบการเรียนร้รู อง คือ 3.1) การเรียนรู้การเป็นเจ้าภาพใน การเรีย นรู้ (Ownership to learning) 3.2) การเรียนรู้ในการทาสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกต้อง (Single loop learning) 3.3) การเรียนรู้การทาส่ิงที่ควรทา (Double loop learning) 3.4) การเรียนรู้ระบบเปิด (Open system learning) 3.5) การเรียนรู้ที่มีเป้าหมายชัดแจ้ง (Visible learning) 3.6) การเรียนรู้แบบมุ่ง ยกระดับศักยภาพ หรือไฮสโคป (High scope learning) และ 3.7) การเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ (Meta learning) รูปแบบท่ี 4 การเรียนรู้การสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Creation Learning) ประกอบดว้ ย 6 รูปแบบการเรียนรรู้ อง คือ 4.1) การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง (Transformative learning) 4.2) การเรียนรู้เหตุผลที่ต้องทาส่ิงท่ีควรทา (Triple loop learning) 4.3) การเรียนรู้การ ค้นพบส่ิงใหม่ (Discovery learning) 4.4) การเรียนรู้การคิดเชิงออกแบบ (Design thinking learning) 4.5) การเรียนรู้การสร้างจินตนาการ (Imagination learning) และ 4.6) การเรียนรู้การ เป็นนวัตกร (Innovation learning)

425 รูปแบบที่ 5 การเรียนรู้การนาความรู้ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง (Real life Application Learning) ประกอบด้วย 4 รูปแบบการเรียนรู้รอง คือ 5.1) การเรียนรู้การบริหารจัดการ (Management learning) 5.2) การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social emotional learning) 5.3) การเรยี นรูก้ ารนาความรไู้ ปใชใ้ นการพฒั นาทกั ษะชวี ิต (Life skill learning) และ 5.4) การเรียนรู้ การนาความรไู้ ปใช้แก้ปัญหา (Problem solving learning) รูปแบบท่ี 6 การเรียนรู้ท่ีสร้างรายได้ระหว่างเรียน (Income generating learning) ประกอบด้วย 4 รูปแบบการเรียนรู้รอง คือ 6.1) การเรียนรู้การทางานในสถานประกอบการ หรือ ส ห กิ จ ศึ ก ษ า ( Co-operative/ Work-based Education) 6 . 2 ) ก า ร เ รี ย น รู้ แ บ บ ร่ ว ม มื อ (Collaborative learning) 6.3) การเรยี นรูก้ ารทางานสร้างผลิตภัณฑ์ (Work-based learning) และ 6.4) การเรียนรกู้ ารเป็นผปู้ ระกอบการ (Entrepreneurial learning) 2) ทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning resources) จานวน 11 ประเภท ดังนี้ 1) ระบบ สนับสนุนความเป็นเลิศของผู้เรียน (Student Excellence Support System) 2) แหล่งเรียนรู้ชีวิต จริง (Real World Learning Space) 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Personalize Learning Space) 4) แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ (Online Learning Space) 5) แหล่งเรียนรู้การลงมือทางาน (Hands on Learning Space) 6) แหล่งเรียนรู้ร่วม (Co-learning Space) 7) แหล่งเรียนรู้สังคมประกิต (Socialization Learning Space) 8) แหล่งเรยี นร้นู กั ประดิษฐ์หรือนวัตกร (Maker Space) 9) แหลง่ เรียนรู้จาลอง (Simulation Learning Space) 10) แหล่งเรียนรู้เชิงจินตนาการ (Imagination Learning Space) และ 11) แหลง่ เรยี นร้ทู ีย่ ดื หยุ่น (Flexible Learning Space) 3) การประเมินการเรียนรู้ (Learning assessment) จานวน 6 วิธี ดังนี้ 1) การประเมิน ตนเอง (Self Assessment) 2) การประเมินแบบร่วมมือ (Collaborative Evaluation) 3) การ ประเมินด้วยการให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ (Creative feedback) 4) การประเมินการนาไปใช้ ในชีวิตจริง (Real life application Assessment) 5) การประเมินเพื่อพัฒนา ( Formative Assessment) และ 6) การประเมินผลลัพธ์-ผลกระทบ (Outcome-Impact Assessment) 5.1.3 นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรทู้ ี่ตอบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ประกอบด้วยองค์ประกอบของนโยบาย ได้แก่ 1) นโยบายระบบการเรียนรู้ใหม่ 2) ขอบข่ายและ ลักษณะสาคัญของนโยบาย 3) หลักการของระบบการเรียนรู้ใหม่ 4) เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของ ระบบการเรียนรใู้ หม่ และ 5) แนวทางเชงิ ยทุ ธศาสตร์ของระบบการเรยี นรูใ้ หม่ ซึง่ มรี ายละเอียดดังนี้ 1) นโยบายระบบการเรียนรู้ใหม่ คือ “พลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพ่ือสร้างสรรค์ชีวิตทาง สงั คมและเศรษฐกิจใหม่ทีม่ ีความสุขอย่างมีคุณคา่ ” 2) ขอบข่ายและลักษณะสาคัญของนโยบาย ประกอบด้วย 1) นโยบายน้ีมคี วามสาคัญอย่าง ยิ่งยวดสาหรับการปฏิบัติในสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และสถานศึกษาอาชีวศึกษาทุกระดับ และทุก

426 สังกัด 2) นโยบายน้ีมลี ักษณะเปน็ พลวัต (Dynamic Policy) คือ กาหนดเปา้ ประสงค์ และแนวทางเชิง ยุทธศาสตร์ไว้กว้าง ๆ เพ่ือจุดประกายเป็นแนวทางให้สถานศึกษานาไปใช้ในการออกแบบผลลัพธก์ าร เรียนรู้ การประเมินการเรยี นรู้ รูปแบบการเรียนรู้ และทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีลกั ษณะเฉพาะ ท่ีตอบ โจทย์การพัฒนาประเทศท่ีย่ังยืน และเหมาะสมกับปรัชญา และบริบทของสถานศึกษา รวมท้ัง เป้าหมายชีวิตของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และ 3) นโยบายน้ีมีลักษณะเป็นนโยบายที่สนับสนุนให้ สถานศึกษาเป็นเจ้าของนโยบาย (Policy Owner) ไม่จาเป็นต้องรอให้กระทรวงสั่งการไปยังเขตพ้ืนท่ี การศึกษาหรือจังหวัด แต่สถานศึกษาสามารถนานโยบายน้ีไปสู่การปฏิบัติได้เอง รวมท้ังสามารถ พัฒนา ปรับปรุง และสร้างสรรค์นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ใหม่ (Redesign) ได้เองอย่าง ต่อเนอ่ื งตามบริบทของผเู้ รยี นและสถานศึกษา 3) หลักการของระบบการเรียนรู้ใหม่ ประกอบด้วย 1) ระบบการเรยี นรู้ใหม่น้ีออกแบบตาม แนวคิดและหลักการของการออกแบบย้อนกลับ (Backward design) และระบบนิเวศการเรียนรู้ (Learning Ecosystem) 2) ระบบการเรยี นร้ใู หม่จะพลิกโฉมเปา้ ประสงค์การจดั การศึกษาจากเนื้อหา เป็นฐาน (Content-based) ไปสู่ผลลัพธ์เป็นฐาน (Outcome-based) 3) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะ พลิกโฉมแนวทางการจัดการศึกษาจากการเรยี นในห้องเรยี นและโรงเรยี น เป็นการเรยี นรู้จากโลกกว้าง ด้วยระบบนเิ วศการเรียนรู้ทห่ี ลากหลาย (Learning Ecosystem) 4) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะพลิกโฉม ศกั ยภาพของผเู้ รียนจากการเรียนรู้เนื้อหาตามท่ีครูเป็นผู้ถ่ายทอดเป็นผ้เู รียนเปน็ ผู้ออกแบบการเรียนรู้ ได้ด้วยตนเอง (Student as learning designer) และ 5) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะพลิกโฉมศักยภาพ ของครูจากการเป็นผถู้ ่ายทอดเนอื้ หา เป็นผอู้ อกแบบการเรียนรู้ (Teacher as learning designer) 4) เปา้ ประสงคเ์ ชงิ ยุทธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรใู้ หม่ คือ การพลกิ โฉมผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ใหม่ทเ่ี น้น 2 ดา้ นสาคัญ ไดแ้ ก่ 1) ความสามารถในการสร้างสรรคช์ วี ิตทางสังคมใหม่ที่มีความสุขอย่าง มคี ุณค่าในระดับปัจเจกบคุ คลและระดบั ประเทศ 2) ความสามารถในการสรา้ งสรรค์ชีวิตทางเศรษฐกิจ ใหมท่ ่ีมคี วามสุขอยา่ งมีคุณค่าในระดับปจั เจกบุคคลและระดบั ประเทศ ซง่ึ สามารถจาแนกเป้าประสงค์ เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรใู้ หม่ตามสังกัดของสถานศึกษา คอื 1) เปา้ ประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานทุกสังกัด และ 2) เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ของระบบการเรียนรใู้ หม่สาหรบั สถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษาทุกสงั กัด 5) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนร้ใู หม่ คือ การพลิกโฉมระบบการเรยี นรูใ้ หม่ 3 ด้าน คือ 1) การพลิกโฉมการประเมินการเรียนรู้ใหม่ 2) การพลิกโฉมรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ และ 3) การพลิกโฉมทรัพยากรการเรียนรู้ใหม่ ซึ่งสามารถจาแนกแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการ เรียนรู้ใหม่ตามสังกัดของสถานศึกษา คือ แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับ สถานศึกษาข้ันพื้นฐานทุกสังกัด และแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับ สถานศึกษาอาชวี ศึกษาทกุ สังกดั สามารถสรปุ นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ทีต่ อบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ได้ดงั ภาพประกอบที่ 5.2

427 ภาพประกอบท่ี 5.2 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

5.1.4 เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ ตอบสนองตอ่ การเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุปผลการวิจัยได้เป็น 2 ตอน คือ 1) เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติ และ 2) การกากับติดตามและประเมินเพ่ือพัฒนานโยบาย มีรายละเอยี ดดงั น้ี 1) เครอื่ งมือการนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ เคร่ืองมือและแนวทางการนานโยบายสู่การปฏิบัติ มีเนือ้ หาประกอบด้วย 1) เครื่องมอื การนานโยบาย สู่การปฏิบัติ และ 2) แนวทางการนานโยบายสูก่ ารปฏบิ ัติ มีรายละเอยี ดดงั นี้ 1.1) เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 4 ชุด คือ 1) การประกาศนโยบาย 2) การ ส่ือสารและรณรงค์การนานโยบายสู่การปฏิบัติ 3) การเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรในการนา นโยบายสูก่ ารปฏบิ ตั ิ และ 4) การเปลยี่ นแปลงระบบทเี่ กีย่ วข้องในการสนับสนุนการนานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิ 1.2) แนวทางการนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ัติ มี 4 แนวทางหลักคอื 1) การเร่ิมนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิโดย สถานศึกษา ประกอบด้วย 3 แนวทางย่อย 2) การเริ่มนานโยบายสู่การปฏิบัติโดยเขตพื้นท่ีการศึกษาและ จังหวัด ประกอบด้วย 3 แนวทางย่อย 3) การเร่ิมนานโยบายสู่การปฏิบัติโดยมีหน่วยงานระดับกระทรวงที่มี สถานศึกษาสังกัด ประกอบด้วย 3 แนวทางย่อย และ 4) การเริ่มนานโยบายสู่การปฏิบัติโดยสานักงาน เลขาธกิ ารสภาการศึกษา ประกอบด้วย 2 แนวทางยอ่ ย 2) การกากับติดตามและประเมินเพอ่ื พฒั นานโยบาย การกากับตดิ ตามและการประเมินผลนโยบาย มีเนอ้ื หาประกอบด้วย 1) หลกั การและความสาคัญของ การกากับติดตามและประเมินผลนโยบาย และ แนวทางการกากับติดตามและการประเมินผลนโยบาย มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 2.1) หลักการและความสาคัญของการกากับติดตามและประเมินผลนโยบาย มีหลักการ 2 ข้อ คือ 1) การกากับติดตามการนานโยบายสู่การปฏิบัติ เป็นการเก็บรวมรวมข้อมูลการประกาศนโยบาย และการนา แผนปฏิบัติการนโยบายสู่การปฏิบัติ และ 2) การประเมินผลนโยบาย เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสัมฤทธ์ิผล ดา้ นผลลพั ธก์ ารเรียนร้ขู องนักเรยี นตามนโยบาย 2.2) แนวทางการกากับติดตามและการประเมินผลนโยบาย มี 4 แนวทางหลัก คือ 1) การกากับ ติดตามและประเมินผลระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย 5 แนวทางย่อย 2) การกากับติดตามและประเมินผล ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา สานักงานศึกษาธิการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และจังหวัด ประกอบด้วย 5 แนวทางย่อย 3) การกากับติดตามและประเมินผลระดับกระทรวงที่มีสถานศึกษา ประกอบด้วย 5 แนวทางย่อย และ 4) การกากับติดตามและประเมินผลในภาพรวมทั้งประเทศ ประกอบด้วย 5 แนวทางย่อย

429 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 5.2.1 วสิ ัยทศั นก์ ารศึกษาไทยและคุณภาพคนไทยทพ่ี ึงประสงคใ์ นปี 2040 วิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040 คือ “ระบบการศึกษาไทย เป็นผู้นาในการเปลี่ยนแปลงชีวติ ผู้เรียน ใหม้ คี วามสขุ อย่างมีคุณค่า สามารถสร้างสรรคส์ งั คมและเศรษฐกิจใหม่ที่พงึ ประสงค์” ซ่ึงการจะบรรลุวิสัยทัศน์ การศึกษาไทยในปี 2040 ได้ จาเป็นตอ้ งกาหนดคณุ ภาพคนไทยทพ่ี งึ ประสงค์ที่สอดคล้องกบั วิสยั ทัศน์การศึกษา ไทย ท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความสุขอย่างมีคุณค่าทั้งด้านปัจเจกบุคคลและประเทศ โดย คุณภาพคนไทยท่ีพึงประสงค์ในปี 2040 ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ 1) คุณภาพทั่วไป (General Qualities) 2) คุณภาพทางสังคม (Social Qualities) 3) คุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 4) คุณภาพ ทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) 5) คุณภาพทางส่ิงแวดล้อม (Environment Qualities) และ 6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) ท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต และจะทาให้ ผ้เู รยี นเปน็ ผูร้ ว่ มสร้างสรรคส์ งั คมและเศรษฐกิจใหม่ทพี่ ึงประสงค์ได้ในอนาคต จากผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงท่ีพึงประสงค์ของโลกอนาคตในปี 2040 ใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านสังคม 2) ด้านเทคโนโลยี 3) ด้านเศรษฐกิจ 4) ด้านส่ิงแวดล้อม และ 5) ด้านการเมือง ซึ่งเม่ือนาผล การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตมากาหนดเป็นคุณภาพคนไทยท่ีพึงประสงค์ในปี 2040 ผลการศึกษา พบว่า คณุ ภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 มีการกาหนดคุณภาพทวั่ ไป (General Qualities) เพิ่มเติมจาก การเปล่ียนแปลงท้ัง 5 ด้าน ซ่ึงคุณภาพท่ัวไปที่เป็นผลจากการศึกษาในครัง้ นี้ ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ หลัก 5 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) 2) ผู้ออกแบบชีวิตที่มีคุณค่า (Valuable Life Designer) 3) ผู้นาการเปล่ียนแปลงที่สร้างอนาคต (Change Leader Make the Future) 4) พลเมืองโ ลกท่ีมีคุณภ า พ และคว ามรับผิดช อบ ( Responsible & Competence Global Citizen) และ 5) ผู้มีสุขภาวะกายและใจท่ีดี (Well-being person) เป็นพ้ืนฐานของ การเรียนรู้สาหรบั ผู้เรยี นทุกช่วงวัย สอดคล้องกบั ผลลัพธท์ ี่พึงประสงค์ของการศึกษา (Desired Outcomes of Education, DOE Thailand) (สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2561) ทไ่ี ด้กาหนดคุณลักษณะของคนไทย 4.0 ทีต่ อบสนองวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศสคู่ วามมั่นคง มั่งคงั่ ย่ังยนื โดยคนไทย 4.0 จะตอ้ งธารงความเป็น ไทยและแข่งขันได้ในเวทีโลก นั่นคือเป็นคนดี มีคุณธรรม ยืดค่านิยมร่วมของสังคมเป็นฐานในการพัฒนาตนให้ เป็นบคุ คลท่มี ีคณุ ลกั ษณะ 3 ดา้ น ประกอบดว้ ย 1) ผู้เรียนรู้ หมายถงึ เปน็ ผมู้ คี วามเพยี ร ใฝ่เรียนรู้ และมที ักษะการเรียนรู้ตลอดชวี ิตเพื่อก้าวทันโลกยุค ดิจิทลั และโลกในอนาคตและมสี มรรถนะ (Competency) ทเี่ กิดจากความรู้ ความรอบรูด้ า้ นตา่ ง ๆ มสี ุนทรียะ รักษ์และประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย มีทักษะชีวิต เพ่ือสร้างงานหรือสัมมาอาชีพ บนพ้ืนฐนของความพอเพียง ความม่ันคงในชีวิต และคุณภาพชีวิตท่ีดีต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม สอดคล้องกับคุณภาพคนไทยที่พึง ประสงคใ์ นปี 2040 ในด้านคุณภาพท่วั ไป (General Qualities) ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ใหม่ คอื 1) ผเู้ ช่ียวชาญการ เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) 2) ผู้ออกแบบชีวิตท่ีมีคุณค่า (Valuable Life Designer) และ 3) ผมู้ สี ุขภาวะกายและใจทดี่ ี (Well-being person) 2) ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม หมายถึง เป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษที่ 21 ความฉลาดดิจิทัล (Digital intelligence) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะการบูรณา การข้ามศาสตร์ และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพ่ือร่วมสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมทาง เทคโนโลยีหรือสังคม เพิ่มโอกาสและมูลค่าให้กับตนเองและสังคม สอดคล้องกับคุณภาพคนไทยท่ีพึงประสงค์ ในปี 2040 ในดา้ นคณุ ภาพทว่ั ไป (General Qualities) ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ใหม่ คือ 1) ผู้ออกแบบชีวติ ที่มีคณุ ค่า

430 (Valuable Life Designer) และ 2) ผู้นาการเปลี่ยนแปลงท่ีสร้างอนาคต (Change Leader Make the Future) 3) พลเมอื งท่ีเขม้ แขง็ หมายถึง เป็นผูม้ คี วามรักชาติ รักทอ้ งถิน่ รู้ถกู ผิด มีจติ สานกึ เป็นพลมืองไทยและ พลโลก มีจิตอาสา มีอุดมการณ์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ บนหลักการประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความเท่าเทียม เสมอภาค เพ่ือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ียั่งยืน และการอยู่ร่วมกันใน สังคมไทยและประชาคมโลกอย่างสันติ สอดคล้องกับคุณภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 ในด้านคุณภาพ ท่ัวไป (General Qualities) ผลลัพธ์การเรียนรู้ใหม่ คือ พลเมืองโลกท่ีมีคุณภาพ และความรับผิดชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) นอกจากน้ี ผลการศึกษาความต้องการจาเป็น (Piority needs index) ของคุณภาพคนไทย ทพี่ งึ ประสงคใ์ นปี 2040 จากสถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐานและอาชีวศึกษา พบวา่ คุณภาพทางเศรษฐกจิ (Economic Qualities) เป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ท่ีมีความต้องการจาเป็น (PNImodified) สูงที่สุดท้ังจากสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และอาชีวศึกษา ในขณะที่สภาวการณ์และแนวโน้มภายในประเทศไทยท่ีมีสภาพเศรษฐกิจขยายตัวต่า มีระดับ การเติบโตปานกลาง เศรษฐกิจโลกมีปัญหาการชะลอตัว ความขัดแย้งในประเทศต่าง ๆ ในประเทศได้รับ ผลกระทบจากปัญหาการเมอื งและการบรหิ ารในประเทศ ปัญหาการกระจายทรัพยส์ นิ และรายได้ที่ไมเ่ ป็นธรรม ค่าครองชีพเพิ่มสูง ตลอดจนปัญหาหน้ีสินครัวเรือนเพ่ิมสูงกว่ารายได้ (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2562) จึงได้มีการกาหนดรปู แบบการพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศเป็นนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” เพ่ือแก้ไข ปัญหาดังกล่าว โดยมีการใช้กลไกการขับเคล่ือนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้นวัตกรรมเป็นฐาน ดังที่ปรากฎใน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างย่ังยืน ได้แก่ 1) การยกระดับการผลิตสินค้าด้านการเกษตร และอาหารเข้าสู่ระบบมาตรฐาน 2) การต่อยอดความเข้มแข็ง ของอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพปัจจุบันเพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรมท่ีใช้เทคโนโลยีชั้นสูง 3) วางอนาคต รากฐานการพัฒนาอุตสาหกรรม 4) เสริมสร้างขัดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจของภาคบริการ 5) ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการค้าท่ีเป็นธรรม และอานวยความสะดวกการค้า การ ลงทนุ และ 6) เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของระบบการเงนิ และสถาบันการเงนิ ทง้ั ในตลาดเงนิ และตลาดทนุ ใหส้ ามารถ สนบั สนนุ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ลดตน้ ทุนในการใหบ้ ริการ ท้ังนี้ การทีจ่ ะยกระดบั การเจริญเตบิ โตทางด้าน เศรษฐกิจได้ จาเป็นต้องอาศัยคุณภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 ด้านเศรษฐกิจ ที่ประกอบด้วยผลลัพธ์ การเรียนรู้ คือ 1) ผู้สร้างสรรค์งานและอาชีพ (Career and Job Creator) 2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม การเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจ ( Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) 3) ผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) และ 4) ผู้นาเชิงนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) 5.2.2 ระบบการเรยี นรู้ท่พี งึ ประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ระบบการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ใช้ชื่อว่า “พลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ ชีวิตทางสังคมและเศรษฐกิจใหม่ ที่มีความสุขอย่าง มีคุณค่า” ซึ่งจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การศึกษาไทยในปี 2040 คือ “ระบบการศึกษาไทย เป็นผู้นา ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้เรียนให้มีความสุขอย่างมีคุณค่า สามารถสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจใหม่ที่พึง ประสงค์” โดยหลักการของระบบการเรียนรู้ใหม่น้ีออกแบบตามแนวคิดและหลักการของการออกแบบ ย้อนกลับ (Backward design) ท่ีนาผลลัพธ์การเรียนรู้มากาหนดเป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ (Outcome-based) จากนั้นจึงออกแบบวิธีการประเมินการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ และทรัพยากร

431 การเรียนรู้ตามแนวคิดระบบนิเวศการเรียนรู้ (Learning Ecosystem) โดยเป็นการเรียนรู้จากโลกกว้างด้วย ระบบนเิ วศการเรียนรู้ท่หี ลากหลาย (Learning Ecosystem) ซง่ึ ผูเ้ รียนเป็นผอู้ อกแบบการเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเอง (Student as learning designer) (Holgado and Penalvo, 2017 อ้างถึงใน สิโรดม มณีแฮด และปณิตา วรรณพริ ณุ , 2562) ระบบการเรียนรู้ใหม่น้ี ประกอบด้วยการประเมินการเรียนรู้ (Learning assessment) จานวน 6 วิธี รูปแบบการเรียนรู้ (Learning design) จานวน 6 รูปแบบการเรียนรู้หลัก 30 รูปแบบการเรียนรู้รอง และ ทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning resources) จานวน 11 ประเภท ซ่ึงจากผลการศึกษาตัวอย่างระบบการ เรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และอาชีวศึกษา ด้านรูปแบบการเรียนรู้และทรัพยากรการเรียนรู้ พบว่า การเรียนรู้สร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Creation Learning) เป็นรปู แบบการเรียนรู้ที่มีความต้องการจาเปน็ (PNImodified) สงู ทสี่ ดุ อันดับ ท่ี 1 ของท้ังสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและอาชีวศึกษา รวมทั้งเป็นกลุ่มของทรัพยากรการเรียนรู้ท่ีมีความต้องการ จาเป็น (PNImodified) สูงท่ีสุดอันดับที่ 1 ของสถานศึกษาอาชีวศึกษา ซึ่งสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานมีความต้องการ จาเปน็ (PNImodified) สูงท่ีสุดอนั ดับที่ 2 รวมทั้งยังมคี วามต้องการจาเป็น (PNImodified) สูงที่สดุ อนั ดับที่ 1 ในด้าน การประเมนิ การเรยี นร้ใู นภาพรวมด้วยเชน่ กัน สอดคล้องกับดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index) ท่ีจัดทาโดยมหาวิทยาลัย Cornell สถาบัน INSEAD และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization- WIPO) (Dutta, Lanvin, & Wunsch-Vincent, 2019) รายงานว่า ในปี ค.ศ. 2019 ประเทศไทยมีศักยภาพ ด้านนวัตกรรมเป็นอันดับท่ี 43 ของโลก เปน็ รองประเทศในภูมิภาคทงั้ มาเลเซยี และเวียดนาม โดยประเทศไทย ยังมีข้อด้อยส่วนใหญ่เก่ียวกับปัจจัยนาเข้าทางนวัตกรรม เช่น อัตราส่วนของครูและนักเรียนระดับมัธยมศึกษา สภาพแวดล้อมท่ีเก่ียวข้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ รวมทั้งการนาเข้า-ส่งออก การบริการด้าน เทคโนโลยสี ารสนเทศ จากปรากฎการณข์ ้างต้นแสดงถงึ ความต้องการดา้ นการพัฒนาดา้ นนวัตกรรมในประเทศ ไทย ซ่ึงการพัฒนาคุณภาพคนไทยในปี 2040 ด้านการเรียนรู้สร้างสรรค์นวัตกรรมจะเป็นจุดเน้นท่ีสาคัญของ ระบบการเรยี นรู้ใหม่ท่ีตอบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคต โดยเฉพาะเปา้ หมายเชิงยุทธศาสตร์ด้านการ สร้างสรรค์ชวี ติ ทางเศรษฐกจิ ใหมท่ ่มี คี วามสุขอย่างมีคุณค่า 5.2.3 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรทู้ ีต่ อบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 คือ “พลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมและเศรษฐกิจใหม่ที่มีความสุขอย่างมีคุณค่า” โดยนโยบายใหม่น้ีมีความสาคัญอย่างยิ่งยวดสาหรับการปฏิบัติในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษา อาชีวศึกษาทุกระดับและทุกสังกัด ซึ่งเป็นระดับการศึกษาที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้เป็นกาลังของชาตใิ ห้เปน็ มนุษย์ทม่ี คี วามสมดลุ ท้ังด้านรา่ งกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ิตสานกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและเปน็ พลโลก ยดึ ม่ันในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภ า พ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553) โดยนโยบายน้ีมีลักษณะเป็นพลวตั (Dynamic Policy) คือ กาหนดเป้าประสงค์ และแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ไว้กว้าง ๆ เพ่ือจุดประกายเป็นแนวทางให้สถานศึกษานาไปใช้ในการออกแบบ ผลลัพธ์การเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนรู้ และทรัพยากรการเรียนรู้ท่ีมีลักษณะเฉพาะ

432 ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศท่ีย่ังยืน และเหมาะสมกับปรัชญาและบริบทของสถานศึกษา รวมทั้งเป้าหมาย ชีวิตของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ซ่ึงจะเป็นการสนับสนุนให้สถานศึกษาเป็นเจ้าของนโยบาย (Policy Owner) ไม่จาเป็นต้องรอให้กระทรวงส่ังการไปยังเขตพื้นที่การศึกษาหรือจังหวัด แต่สถานศึกษาสามารถ นานโยบายน้ีไปสูก่ ารปฏิบตั ิได้เอง รวมท้ังสามารถพัฒนา ปรับปรุง และสร้างสรรค์นโยบายพลิกโฉมระบบการ เรียนรู้ใหม่ (Redesign) ได้เองอย่างต่อเนื่องตามบริบทของผู้เรียนและสถานศึกษา สอดคล้องกับแนวคิดการ กระจายอานาจ (Decentralization) สอดคลอ้ งกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไป เพ่มิ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 9 การจดั ระบบโครงสร้าง และกระบวนการจดั การศกึ ษา ทก่ี าหนดหลกั ของการจัดการศึกษาให้มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ รวมทั้งกาหนดให้มีการ กระจายอานาจไปสู่เขตพ้ืนท่ีการศึกษา สถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซ่ึงการกระจายอานาจท่ี สามารถนาสู่การปฏิบัติได้ในทันที คอื การกระจายอานาจทางวิชาการไปยังสถานศึกษาให้สถานศึกษาสามารถ ออกแบบรายวิชาหลักและรายวิชาเพิ่มเติม รวมถึงตัดสินใจเก่ียวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบท และความต้องการจาเปน็ ของผู้เรยี นรายบคุ คล หลักการของระบบการเรียนรู้ใหม่ท่เี ปน็ ผลการวิจยั ประกอบด้วย 5 ขอ้ โดยข้อท่ีมีความสาคัญมาเป็น อันดับแรก คือ “ระบบการเรยี นรู้ใหม่จะพลิกโฉมศักยภาพของครจู ากการเปน็ ผู้ถ่ายทอดเนื้อหา เปน็ ผ้อู อกแบบ การเรียนรู้ (Teacher as learning designer)” เน่ืองจากครูเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการออกแบบการเรียนรู้ ท้ังนี้ เพ่ือพลิกโฉมศักยภาพของผู้เรียนจากการเรียนรู้เน้ือหาตามที่ครูเป็นผู้ถ่ายทอดเป็นผู้เรียนเป็นผู้ออกแบบ การเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Student as learning designer) สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (12) ประเด็น การพัฒนาการเรียนรู้ (พ.ศ. 2561 – 2580) ท่ีมีจุดเน้นที่การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในทุกระดับช้ันต้ังแต่ปฐมวัย จนถึงอุดมศึกษาที่ใช้ฐานความรู้และระบบคิดในลักษณะสหวิทยาการ พัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ทุกระดับการศึกษา โดยการเปล่ียนโฉมบทบาท “ครู” ให้เป็นครูยุคใหม่ โดยปรับบทบาทจาก “ครูสอน” เป็น “โค้ช” หรือ “ผู้อานวยการการเรียนรู้” ทาหน้าท่ีกระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจ แนะนาวิธีเรียนรู้และวิธีจัด ระเบียบการสร้างความรู้ออกแบบกิจกรรมและสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียน และมีบทบาทเป็นนักวิจัย พฒั นากระบวนการเรยี นรเู้ พ่ือผลสัมฤทธ์ิของผเู้ รียน ทั้งน้ี เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ คือ การพลิกโฉมผลลัพธ์การเรียนรู้ใหม่ที่ เน้น 2 ด้านสาคัญ คือ 1) ความสามารถในการสร้างสรรค์ชีวติ ทางสังคมใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมีคุณค่าในระดับ ปัจเจกบุคคลและระดับประเทศ และ 2) ความสามารถในการสร้างสรรค์ชีวิตทางเศรษฐกิจใหม่ท่ีมีความสุข อย่างมีคุณค่าในระดับปัจเจกบุคคลและระดับประเทศ ซึ่งนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการ เปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 มงุ่ พฒั นาผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ของผูเ้ รียนในระดับปัจเจกบคุ คล ซงึ่ จะเป็น พ้ืนฐานสาหรับการพัฒนาในระดับประเทศต่อไป การพัฒนาคุณภาพคนไทยโดยใช้มิติทางสังคมเป็นตัวนา ทิศทางจะเป็นตัวนาความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและความก้าวหน้าในด้านอื่น ๆ สอดคล้องกับทิศทางการ พัฒนาประเทศของไทยที่ได้มีการเตรียมการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตด้านสังคม ปรากฏ ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ได้แก่ 1) ปรับเปลี่ยนค่านิยมคนไทยให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัย จิตสาธารณะ และพฤติกรรม ท่ีพึงประสงค์ 2) ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยพัฒนาทักษะทางสมอง และทักษะทางสังคมท่ี เหมาะสม

433 3) พัฒนาเด็กวัยเรียนให้มีทักษะคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ทักษะทางาน การใช้ชีวิตพร้อมเข้าสู่ ตลาดงาน 4) ลดปัจจัยเส่ียงด้านสุขภาพและให้ทุกภาคสว่ นคานงึ ถึงผลกระทบต่อสุขภาพ 5) พัฒนาระบบการ ดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับสังคมสูงวัย และ 6) ผลักดันให้สถาบันทางสังคมมีส่วนร่วมพัฒนา ประเทศอย่างเข้มแข็ง ได้แก่ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สื่อมวลชน และภาคเอกชน ซึ่งจะเปน็ การผลักดนั ให้คนไทยมชี ีวติ ทางสังคมและเศรษฐกิจใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมีคณุ ค่า 5.2.4 เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ี ตอบสนองต่อการเปลยี่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ประกอ บด้วย 1) เครื่องมือและ แนวทางการนานโยบายสู่การปฏิบัติ และ 2) การกากับตดิ ตามและประเมินเพอื่ พัฒนานโยบาย ท้ังนี้ เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติท่ีจะเป็นกุญแจสาคัญของการนานโยบายสู่การปฏิบัติที่ สาเร็จก็คือ การเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) เนื่องจากการเสรมิ สร้างขีดความสามารถจะ เป็นกลไกการลงทุนระยะยาวในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความสามารถทางปัญญาและทรัพยากรการ ส่งเสริมนโยบาย ซ่ึงจะส่งผลให้นโยบายที่นาสู่การปฏิบัตินั้นเกิดความยั่งยืนสูงสุด ทั้งน้ี การเสริมสร้างขีด ความสามารถที่จะส่งเสริมให้เกิดการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้จะต้องปฏิบัติใน 2 ระดับ คือ 1) เสริมสร้างขีด ความสามารถของผู้บริหารทั้งผู้บริหารระดับกระทรวง ผู้บริหารระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาและจังหวัด และ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสถานศึกษา ซ่ึงพลิกโฉมจากเดิมที่ผู้บริหารเป็นผู้รับนโยบาย (Policy Receiver) ให้เปน็ ผูอ้ อกแบบนโยบาย (Policy Designer) ให้สามารถนานโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรูท้ ี่ตอบสนองการ เปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตไปออกแบบเป็นนโยบายของสถานศึกษาท่ีสอดคล้องตามบริบทของผู้เรียนและ สถานศึกษา สามารถสร้างวิสัยทัศน์ร่วมในนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคตเพอ่ื สรา้ งการเปล่ยี นแปลงให้เกิดขึน้ ในระดับปฏบิ ตั ิการ ตลอดจนสามารถนาผลการนานโยบายพลิก โฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตมาพัฒนาต่อยอดเป็นนโยบายใหม่ของ สถานศึกษา (Policy Redesign) และ 2) เสรมิ สร้างขดี ความสามารถของของครู โดยพลกิ โฉมจากผูส้ อนใหเ้ ป็น ผู้ออกแบบการเรียนรู้ (Learning Designer) เป็น “โค้ช” เป็น “ผู้อานวยการการเรียนรู้” และเป็น “ผู้สร้าง แรงบันดาลใจ\" รวมถึงการพลิกโฉมทักษะครูประจาการให้มีสมรรถนะในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตาม ระบบการเรยี นรูใ้ หม่เพื่อเพ่ิมศักยภาพของผู้เรียนในการออกแบบการเรียนรขู้ องตนเอง (Upskill) สามารถพลิก โฉมผลลพั ธก์ ารเรยี นรดู้ ้วยระบบการเรยี นรู้ใหม่ สอดคลอ้ งกับบทบาทการจดั การเรยี นรู้ของครูในศตวรรษท่ี 21 ที่ครูต้องผันบทบาทจากผู้ถ่ายทอดความรู้ สู่การเป็นโค้ช (Coach) โดยครูจะมีหน้าท่ีในการวิเคราะห์ความ ต้องการของผู้เรียนรายบุคคล จากนั้นจึงทาหน้าที่ในการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ การเรียนรู้ และ ได้รบั การฝกึ ฝนทกั ษะตา่ ง ๆ จนเกดิ เป็นสมรรถนะที่แตกตา่ งกนั ตามความต้องการของผู้เรียนรายบคุ คล ซงึ่ การ จัดการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 นัน้ ครจู ะต้องจดั การเรยี นรู้ที่ให้ผู้เรียนเปน็ ศนู ย์กลางของการเรียนรู้ (Student- directed learning) ผา่ นกระบวนการเรียนร้แู บบร่วมมอื ระหว่างผ้เู รยี นรายบุคคลและรายกลมุ่ ซ่ึงบทบาทของ ครูจะไม่ได้ถูกลดความสาคัญลง กลับกันจะเป็นการเพ่ิมความสาคัญยิ่งข้ึนในฐานะของครผู ู้ออกแบบการเรียนรู้ ตามแนวคิดท่ีว่า “สอนใหน้ ้อยลง เรียนรูใ้ หม้ ากขนึ้ ” (Teach less, Learn more) ซึ่งตัวผ้เู รยี นเองจะได้เรียนรู้

434 สิ่งต่าง ๆ มากข้ึน จากเดิมที่เป็นการจัดการเรียนรู้แบบเน้นเนื้อหาจะพลิกโฉมเป็นการเรียนรู้ท่ีมุ่งพัฒนา สมรรถนะสาคญั ผ่านการเรยี นรู้แบบลงมือปฏิบตั ิ (Hands-on learning) (Ken Kay, 2011) นอกจากน้ี การพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ใหม่ต้องอาศัยเครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติ การเปลี่ยนแปลงระบบ (System Change) ซึ่งหมายถึง การเปล่ียนแปลงระบบการบรหิ ารบคุ คลทุกด้านอยา่ ง บูรณาการ เริ่มตั้งแต่การพิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารเขตพื้นท่ีการศึกษา และผู้บริหาร การศึกษาระดับต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงระเบียบและเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบและการเลื่อนขั้น ตาแหน่งบุคลากรครูผู้สอนรวมทั้งบุคลากรสนับสนุน รวมทั้งเปล่ียนแปลงวิธีการสรรหาครูใหม่ โดยต้องพลิก โฉมระเบียบวธิ ีการตา่ ง ๆ ให้มุง่ เน้นการให้ความสาคัญกับความรู้ความสามารถในการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ใหม่ สอดคล้องกับแนวคิดการบริหารบุคคลเชิงกลยุทธ์ (Strategic human resources management) ท่ีเน้นกระบวนการบริหารบุคคลต้ังแต่ในขั้นตอนของการดึงดูดบุคลากรโดยใช้วิธีการสรรหาเชิงรุก มีการ กระจายอานาจการสรรหา การใช้สื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงประกอบกับการใช้กระบวนการสรรหาคัดเลือก ที่หลากหลายและเน้นสมรรถนะหรือพฤติกรรมเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเป็นหลักมา กกว่าการสอบความรู้ (Walker, P., 2008) สอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหารบุคคลท่ีประเทศต่าง ๆ นามาประยุกต์ใช้ในลักษณะที่ คลา้ ยคลงึ กนั (OECD, 2001) ไดแ้ ก่ การยกระดบั ค่าตอบแทนและแรงจูงใจ ปรบั ปรุงระบบการประเมนิ ผลงาน ของบุคลากร และปรับเปล่ียนภาพลักษณ์ขององค์กร รวมถึงอาจมีการตั้งคณะกรรมการ (Taskforce) เพ่ือ ปรับปรุงระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์เพ่ือให้มั่นใจได้ว่าระบบท่ีออกแบบมาน้ันจะมีความสามารถในการ ดึงดูดทรัพยากรบุคคล ตลอดจนสามารถธารงรกั ษาบุคลากรที่มคี ุณภาพไว้กบั องค์กรได้ นอกจากนีย้ ังตอ้ งมีการ เปล่ียนแปลงระบบการจัดสรรงบประมาณ โดยเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณให้มีเป้าหมายเพื่อ สนับสนนุ การพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ จากเดิมทเี่ ป็นการจัดสรรงบประมาณไปทห่ี นว่ ยงานโดยอา้ งองิ จากการ ใช้งบประมาณในปีก่อนหน้า ให้เปล่ียนแปลงระบบเป็นการจัดสรรงบประมาณตามความต้องการของผู้เรียน รายบุคคลทม่ี คี วามเป็นพลวัตร ตลอดจนให้มกี ารจัดสรรงบประมาณใหก้ ับสถานศึกษาตามความต้องการจาเป็น ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคลด้วยวิธีการที่หลากหลายและยืดหยุ่น รวมท้ัง เปลี่ยนแปลงระบบให้มีการกากับติดตามและรายงานผลการใช้งบประมาณเพ่ือพัฒนาผู้เรียนตามผลลัพธ์การ เรียนรู้ใหม่โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใช้งบประมาณเพ่ือพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ใหม่ที่สอดคล้อง กับเป้าหมายชีวิตของผู้เรียนเป็นรายบุคคล สอดคล้องกับแนวคิดการบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (Performance-based Budgeting) ซ่ึงเป็นระบบการบริหารท่ีกระจายอานาจการบริหารงบประมาณสู่ โรงเรียน โดยใหโรงเรียนมีอิสระในการดาเนินงาน สามารถกาหนดวิสัยทัศน พันธกิจ เป้าหมาย รวมถึงมีการ บริหารงบประมาณอย่างเป็นระบบภายใตหลักธรรมมาภิบาล โดยมตี ัวชีว้ ัดผลงานเพื่อประเมินความสาเร็จของ การดาเนินงานท่ีชัดเจนและเป็นรูปธรรม (วรการญจน์ สุขสดเขียว, 2556) ท้ังนี้ ในระดับนโยบาย การจัดสรร งบประมาณจะต้องแสวงหารูปแบบวิธี แนวทาง และกลไกลที่เหมาะสมในการจ่ายงบประมาณให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผลตอ่ ผู้เรยี นมากที่สดุ (ชยั มงคล สพุ รมอนิ ทร์, 2557)

435 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ 1) ผู้บริหารการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและการอาชีวศึกษาระดับกระทรวง นาผลลัพธ์การเรียนรู้หลักและ ผลลพั ธ์การเรียนรเู้ ฉพาะไปกาหนดเปน็ สมรรถนะของผเู้ รยี นในหลักสตู รแกนกลาง 2) ผู้บริหารการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและการอาชีวศึกษาระดับกระทรวง ส่งเสริมให้มีการนานโยบายพลิก โฉมระบบการเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติ โดยกระจายอานาจทางวิชาการสู่สถานศึกษา ให้ผู้บริหารสถานศึกษา สามารถกาหนดนโยบายและพัฒนานโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ใหม่ให้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน รายบุคคลและสถานศึกษา 3) ผู้บริหารสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและการอาชีวศึกษา นาระบบการเรียนรู้ใหม่มาใช้เป็นแนวทางใน การออกแบบการประเมินการเรียนรู้ใหม่ รูปแบบการเรยี นรู้ใหม่ และทรัพยากรการเรียนรู้ใหม่ที่ใชผ้ ลลัพธก์ าร เรยี นรู้หลักและผลลัพธ์การเรียนร้เู ฉพาะเป็นฐาน 4) ผู้บริหารสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและการอาชีวศึกษา เสริมสร้างขีดความสามารถของครู ในการเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้หลัก 6 รูปแบบ และการประเมินการเรียนรู้ 6 วธิ ี 5) ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและการอาชีวศึกษา สนับสนุนทรัพยากรการเรียนรู้ 11 ประเภท โดยจัดให้มีทรัพยากรการเรียนรู้ที่เหมาะสมสอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้ของผู้เรียน รายบุคคลและบริบทของสถานศกึ ษา กอ่ ใหเ้ กิดเป็นระบบนเิ วศการเรยี นรู้ทีส่ มบูรณ์ 6) ผู้บริหารสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและการอาชีวศึกษา นาผลลัพธ์การเรียนรู้ใหม่มาเป็นเกณฑ์ในการ พิจารณาความดีความชอบและการเลื่อนขั้นตาแหน่ง โดยให้ความสาคัญกับความสามารถและผลงานในการ พลกิ โฉมระบบการเรยี นร้ใู หม่ 7) ครผู สู้ อนออกแบบการเรียนรู้และส่งเสริมให้ผู้เรยี นเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้ตามรปู แบบการเรียนรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรม ประกอบด้วย การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้เหตุผลท่ีต้องทาส่ิงที่ควรทา การเรียนรู้การค้นพบสิ่งใหม่ การเรียนรู้การคิดเชิงออกแบบ การเรียนรู้การสร้างจินตนาการ และการเรียนรู้ การเปน็ นวัตกร เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนเกดิ คุณลักษณะและสมรรถนะของนวตั กร 8) ผู้บริหารสถาบันผลิตครูกาหนดแนวทางในการผลิตครูใหม่ให้มีความสามารถในการออกแบบการ เรียนรู้ตามระบบการเรียนรู้ใหม่ มีสมรรถนะในการประเมินการเรียนรู้ใหม่ 6 วิธี ออกแบบการเรียนรู้ตาม รูปแบบการเรยี นรใู้ หม่ 6 รปู แบบ และสามารถบรหิ ารจัดการทรพั ยากรการเรียนรใู้ หม่ 11 ประเภท 5.3.2 ข้อเสนอแนะในการวจิ ัยคร้งั ตอ่ ไป 1) ควรมีการศึกษานาร่องการนานโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมและ เศรษฐกิจใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมีคุณค่า สู่การปฏิบัติในระดับสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและการอาชีวศึกษา โดยการทาวจิ ัยปฏิบตั ิการโดยการออกแบบเปน็ ฐาน (Design-based Implementation Research) 2) ควรมีการศึกษาระบบการผลิตและพัฒนาครูการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและการอาชีวศึกษา โดยใชผ้ ลลพั ธ์การเรยี นรใู้ หม่เป็นแนวทางในการออกแบบหลักสูตรการผลติ ครู และการพัฒนาครใู ห้มสี มรรถนะ

436 การสอนและออกแบบการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีผลลัพธ์การเรียนรู้ใหม่ที่ตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคต 3) ควรมกี ารศกึ ษานวัตกรรมการบรหิ ารสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและการอาชีวศกึ ษาทสี่ ่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียน มีผลลพั ธ์การเรียนร้ใู หม่ท่ตี อบสนองการเปลยี่ นแปลงของโลกอนาคต 4) ควรมกี ารศึกษาระบบการเรียนรู้ใหม่ของสถานศึกษาระดับปฐมวยั และระดับอดุ มศึกษาท่ีตอบสนอง การเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

437 รายการอ้างอิง Ahmad, T. (2019). Scenario based approach to re-imagining future of higher education which prepares students for the future of work. Higher Education, Skills and Work-Based Learning. Andrade, H. (2008). Self-Assessment Through Rubrics. Educational Leadership, 65(4), 60–63. Bakhshi, H., Downing, J. M., Osborne, M. A., & Schneider, P. (2017). The future of skills: Employment in 2030. Pearson. Baldwin, R. E. (2019). The globotics upheaval: Globalization, robotics, and the future of work. Oxford University Press. Ball, S. J. (2012). Global education inc: New policy networks and the neo-liberal imaginary. Routledge. Barbat, G., Boigey, P., & Jehan, I. (2011). Triple-loop learning: Theoretical framework, methodology & illustration: (An example from the railway sector). Projectics / Proyéctica / Projectique, 8(2), 129. https://doi.org/10.3917/proj.008.0129 Barker. (2010). Using Metanotation as a Tool for Describing Learning Systems. In F. L. Wang, J. Fong, & R. Kwan (Eds.), Handbook of research on hybrid learning models: Advanced tools, technologies, and applications. Information Science Reference. Ben. (2019). What is Factor, Efficiency or Innovation driven economy ? https://www.answertabs .com/what-is-factor-efficiency-or-innovation-driven-economy/ Burnett, W., & Evans, D. J. (2016). Designing your life: How to build a well-lived, joyful life (First edition). Alfred A. Knopf. Cacoveanu, A. (2018), “Must have skills in the age of AI: stay relevant and competitive as a developer”, available at: https://medium.com/@OPTASY.com/must-have-skills-in-the- age-of-ai-stay-relevant-and-competitive-as-a-developer-7e7e29f9ff30 (accessed April 3, 2020). Caliskan, H. (2012). Open Learning. 1007, 978–1. https://doi.org/10.1007/978-1-4419-1428-6_52 Cannon, S., Morrow-Fox, M., & Metcalf, M. (2015). The Strategist Competency Model: The Future Of Leadership Development. In Leadership 2050: Critical Challenges, Key Contexts and Emerging Trends. Emerald Group Publishing Limited. Casoliva, G. (2019). Understanding and measuring ethical culture. https://compliancecosmos .org/understanding-and-measuring-ethical-culture Century Welfare Association. (n.d.). Innovation-based Economy. https://www. centuryassociation.org/assad-bhuglah-toc/2490-innovation-based-economy

438 Cherewka, A. (n.d.). \"What’s in a Learning Theory? A Comparison of Contemporary Learning Theories, Their Shared Elements, and Their Vision of Society’s Role in Learning,. 2019. Adult Education Research Conference. https://newprairiepress.org/aerc/2019/papers/12 Collaborative for Academic, Social, and Emotional Learning. (2016). CASEL education hearts inspiring minds. https://casel.org Drachsler, H., & Kirschner, P. A. (2012). Learner Characteristics. In N. M. Seel (Ed.), Encyclopedia of the Sciences of Learning (pp. 1743–1745). Springer US. https://doi.org/10.1007/978-1- 4419-1428-6_347 Faculty of Public Health. (2020). Concepts of Mental and Social Wellbeing. https://www. fph.org.uk/policy-campaigns/special-interest-groups/special-interest-groups-list/public- mental-health-special-interest-group/better-mental-health-for-all/concepts-of-mental- and-social-wellbeing/ Freeman, R. B. (2018). Ownership when AI robots do more of the work and earn more of the income. Journal of Participation and Employee Ownership. Friess, H. L., & Weingartner, F. (1981). Felix Adler and ethical culture: Memories and studies. Columbia University Press. International Telecommunication Union. (2018). Digital Skills Toolkit. International Telecommunication Union. http://handle.itu.int/11.1002/pub/8110cd77-en Kaplan, R. S., & Norton, D. P. (1996). The balanced scorecard: Translating strategy into action. Harvard Business School Press. Kaufman, R. A. (2000). Mega planning: Practical tools for organizational success. SAGE. KENTON, W. (2020). Green Tech. https://www.investopedia.com/terms/g/green_tech.asp Khine, M. S., & Areepattamannil, S. (2016). Non-cognitive Skills and Factors in Educational Attainment. SensePublishers. Kingsinger, P., & Walch, K. (2012). Living and leading in a VUCA world. Retrieved from http://www.lawenforcementtoday.com/2015/12/02/capturing-the-moment-counter- vucaleadership-for-21st-century-policing/#sthash.IKYJInr4.dpuf Koh, T. S., & Hung, D. (2018). Leadership for Change: The Singapore Schools’ Experience. WORLD SCIENTIFIC. https://doi.org/10.1142/10633 Komives, S. R., & Wagner, W. (2017). Leadership for a better world: Understanding the social change model of leadership development (Second edition). Jossey-Bass. Macayan, J. (2017). Implementing Outcome-Based Education (OBE) Framework: Implications for Assessment of Students’ Performance. Educational Measurement and Evaluation Review, 8, 1–10.

439 Magno, C. (2010). Magno, C.: The role of metacognitive skills in developing critical thinking. Metacogn. Learn. 5(2), 137-156. Metacognition and Learning, 5, 137–156. https:// doi.org/10.1007/s11409-010-9054-4 Makridakis, S. (2017). The forthcoming Artificial Intelligence (AI) revolution: Its impact on society and firms. Futures, 90, 46-60. McDonnell, L. M., & Elmore, R. F. (1987). Getting the Job Done: Alternative Policy Instruments. Educational Evaluation and Policy Analysis, 9(2), 133–152. https://doi.org/10.3102 /01623737009002133 McKinsey Global Institute. (2018). SKILL SHIFT AUTOMATION AND THE FUTURE OF THE WORKFORCE. https://www.mckinsey.com/~/media/McKinsey/Featured%20Insights/ Future%20of%20Organizations/Skill%20shift%20Automation%20and%20the%20future %20of%20the%20workforce/MGI-Skill-Shift-Automation-and-future-of-the-workforce- May-2018.ashx McKone-Sweet, K., Greenberg, D., & Wilson, J. (2011). The New Entrepreneurial Leaders: Developing Leaders Who Shape Social and Economic Opportunity. Merriam, S. B. (Ed.). (2018). Adult learning theory: Evolution and future directions. In Contemporary theories of learning: Learning theorists... In their own words (Second edition). Routledge. Mill, J. S. (1984). Utilitarianism, on liberty and considerations on representative government. Dent. Moffat, J. (n.d.). SUMMARY OF JOHN HATTIES BOOK VISIBLE LEARNING FOR TEACHERS. https:// www.egfl.org.uk/sites/default/files/School_effectiveness/5a%20What%20is%20Visible% 20Learning.pdf Mundy, K. (2005). Globalization and Educational Change: New Policy Worlds. In N. Bascia, A. Cumming, A. Datnow, K. Leithwood, & D. Livingstone (Eds.), International Handbook of Educational Policy (Vol. 13, pp. 3–17). Springer Netherlands. https://doi.org/10.1007/1- 4020-3201-3_1 Nancarrow, C. (2006). Profile of a Quality Learner. http://www.facultyguidebook.com/4th/ demo/1/1_2_2.htm OECD. (2019). Future of Education and Skills 2030: OECD Learning Compass 2030 (CC BY-NC- SA 3.0 IGO). http://www.oecd.org/education/2030-project/teaching-and- learning/learning/transformative-competencies/Transformative_Competencies_for_ 2030_concept_note.pdf Ostrom, V., & Ostrom, E. (1971). Public Choice: A Different Approach to the Study of Public Administration. Public Administration Review, 31(2), 203. https://doi.org/10.2307/974676

440 Owen, P., & Hall, J. (2010). Blended Learning Systems: New Directions in Graduate Management Education. In F. L. Wang, J. Fong, & R. Kwan (Eds.), Handbook of Research on Hybrid Learning Models: Advanced Tools, Technologies, and Applications. IGI Global. https://doi.org/10.4018/978-1-60566-380-7 Pareto, V. (1935). MIND AND SOCIETY. Harcourt Brace. https://openlibrary.org/books/ OL6319598M/The_mind_and_society Rahayu, A. (2018). The Analysis of Students’ Cognitive Ability Based on Assesments of the Revised Bloom’s Taxonomy on Statistic Materials. European Journal of Multidisciplinary Studies, 7, 80. https://doi.org/10.26417/ejms.v7i2.p80-85 Rivas, A., Cobo, C., & Zucchetti, A. (2018). Redesigning education landscapes for the future of work: Third-space literacies and alternative learning models. Rouse, M. (2014). Digital disruption. https://searchcio.techtarget.com/definition/digital- disruption Rousseau, J.-J. (1968). The social contract. CreateSpace. Rychen, D., & Salganik, L. (2003). Key Competencies for A Successful Life and Well-functioning Society. Cambridge, MA: Hogrefe & Huber Publishers. Salamon, L. M., & Elliott, O. V. (Eds.). (2002). The tools of government: A guide to the new governance. Oxford University Press. Schunk, D. H. (2012). Learning theories: An educational perspective (6th ed). Pearson. Scotland, Scottish Government, & Scottish Community Development Centre. (2007). LEAP: A manual for learning evaluation and planning in community learning and development. Scottish Government. Siddiqui, A. H. (2018). A Sustainable Society: Its Meaning and Objectives. Smith, M., & Firth, J. (2018). Psychology in the classroom: A teacher’s guide to what works. Routledge, Taylor & Francis Group. Spady, W. G. (1994). Outcome-based education: Critical issues and answers. American Association of School Administrators. Stanley, A. (2003). The next generation leader: 5 essentials for those who will shape the future. Multnomah. Sullivan, J. (2012). VUCA: The new normal for talent management and workforce planning. Retrieved from http://www.lawenforcementtoday.com/2015/12/02/capturing-the- momentcounter-vuca-leadership-for-21st-century-policing/#sthash.IKYJInr4.dpuf Sustainabilitydegrees. (2020). Sustainable Society. https://www.sustainabilitydegrees.com /what-is-sustainability/sustainable-society Taras Shevchenko National University of Kyiv, & Voloshina, V. (2014). THE STRATEGIC MANAGEMENT TOOLS FOR HIGHER EDUCATION INSTITUTIONS. Bulletin of Taras

441 Shevchenko National University of Kyiv Economics, 155, 55–60. https://doi.org/10.17721 /1728-2667.2014/155-2/11 Tomlinson, C. A. (2015). Leading for differentiation: Growing teachers who grow kids. ASCD. Tosey, P., Visser, M., & Saunders, M. N. (2012). The origins and conceptualizations of ‘triple- loop’ learning: A critical review. Management Learning, 43(3), 291–307. https://doi.org /10.1177/1350507611426239 Tran, N. (2016). Design Thinking Playbook for Change Management in K12 Schools. ISSUU. https://issuu.com/normantran2001/docs /design_thinking_playboo Tran, N. (2016). Design Thinking Playbook for Change Management in K12 Schools. ISSUU. Retrieved from https://issuu.com/normantran2001/docs/design_thinking_playboo (accessed April 3, 2020). Trueplookpanya. (2019). High-scope learning. https://www.trueplookpanya.com/education /content/72049/-teaartedu-teaart-teamet- UKEssays. (2018). High Scope Approach | Overview and Implementation. https://www. ukessays.com/essays/education/the-philosophy-under-the-scope-curriculum-approach- education-essay.php?vref=1 UNICEF. (2000). Defining Quality in Education. UNICEF/PD/ED/00/02. The International Working Group on Education Florence, Italy. https://www.right-to-education.org/sites/right-to- education.org/files/resource-attachments/UNICEF_Defining_Quality_Education_ 2000.PDF United Nations. (2017). Evaluation Handbook Guidance for designing, conducting and using independent evaluation at UNODC. UNITED NATIONS OFFICE ON DRUGS AND CRIME. https://www.unodc.org/documents/evaluation/Evaluation_Handbook_new/UNODC_Eva luation_Handbook_chapters_1-3_overall_context_for_evaluation.pdf UNSENCO. (2015). Rethinking Education: Towards a global common good. the United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: Paris, France.

442 Van den Akker, J., Gravemeijer, K., McKenney, S., & Nieveen, N. (Eds.). (2006). Educational design research. Routledge. World Economic Forum. (2020). Schools of the Future Defining New Models of Education for the Fourth Industrial Revolution (January 2020). World Economic Forum. Yusof, R., Othman, N., Norwani, N. M., Ahmad, N. L. B., & Jalil, N. B. A. (2017). Implementation Of Outcome- Based Education (OBE) In Accounting Programme In Higher Education. International Journal of Academic Research in Business and Social Sciences, 7(6), Pages 1186-1200. https://doi.org/10.6007/IJARBSS/v7- i6/3352 โชติชวัล ฟูกิจกาญจน์. (2556). กระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์. วรสารมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์, 1. โชติมา หนูพริก, และกลมุ่ พัฒนาและส่งเสรมิ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู.้ (20162559). เทคนิค การประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้: การตั้งคาถามและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพ่ือส่งเสริมการ เรียนรู้. สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. http://www.curriculumandlearning.com /upload/สรุป%20concept%20QF_1426389005.pdf นรรัชต์ ฝันเชียร. (2562). การสง่เสรมิการศึกษาไทยเพ่ือรับมือกับโลกยุค VUCA. สืบค้น 8 มีนาคม 2 5 6 3 , จ า ก http://www.trueplookpanya.com/blog/content/7 6 1 3 4 / - blog- teaartedu-teaart- ประนอม พันธ์ไสว. (2556). การพัฒนาระบบการประเมินนักศึกษาสหกิจศึกษาตามแนวคิดการ ประเมินแบบรว่ มมือรวมพลัง. SDU Research Journal Humanities and Social Sciences, 9(2). https://so03.tci-thaijo.org/index.php/sduhs/article/view/29297/25186 ประหยัด พิมพา. (2561). การศึกษาไทยในปัจจุบัน. Academic Journal of Mahamakut Buddhist University Roi Et Campus, 7. ผู้จัดการออนไลน์. (2562). สพฐ.นาทฤษฎีไฮสโคปนาร่องพัฒนาห้องเรียนอนุบาล 82 โรงเรียน. https://mgronline.com/qol/detail/9620000001088 พฤทธิ์ ศิรบิ รรณพิทักษ.์ (2563). กฎแหง่ ความสาเรจ็ ในยคุ หนุ่ ยนตโ์ ลกาภวิ ัตน์ (Rules for successin the Age of Globotics). วรสารการบริหารและนวัตกรรมการศึกษา, 3(1). https://so01.tci- thaijo.org/index.php/emi/article/view/241511/164127 รัชภูมิ สมสมัย. (2559). รูปแบบการประเมินและการตัดสินโดยผู้เชี่ยวชาญ. https://sornorpoom .files.wordpress.com/2016/07/e0b8a3e0b8b9e0b89be0b981e0b89ae0b89ae0b8 81e0b8b2e0b8a3e0b89be0b8a3e0b8b0e0b980e0b8a1e0b8b4e0b899e0b981e0b 8a5e0b8b0e0b881e0b8b2e0b8a3.pdf

443 ลิขิต ธีรเวคิน. (2551). สังคมการเมืองท่ีพึงประสงค์. https://mgronline.com/daily/detail/ 9510000062166 วสันต์ สทุธาวาศ, และธีระวัฒน์ จันทึก. (2559). วิธีพัฒนาศักยภาพความเป็นนวัตกรการศึกษา. Veridian E-Journal, Silpakorn University, 1. วจิ ารณ์ พานชิ . (2560). ศาสตรแ์ ละศิลป์ของการสอน: ๔๙. ใหม้ ั่นใจว่าหลกั สตู รเอาใจใส่ทักษะการคิด (cognitive) และทักษะควบคุมการคิด (meta-cognitive skills). https://www.gotoknow. org/posts/634181 สมเกียรติ อินทสิงห.์ (2559). การศกึ ษาทางเลือก: หลกั สูตรและการเรียนการสอนที่เน้นความแตกต่าง ระหว่างบุคคล Alternative Education: Differentiated Curriculum and Instruction. Veridian E-Journal, Silpakorn University. สมมาตร ทับทิมแก้ว. (2552). การประเมินการปฏิบัติชิ้นงาน (Performance-Based/Task-Based Assessment). Education. http://martvadee.blogspot.com/2009/05/performance- based-task-based-assessment.html สัญญา เคณาภูมิ. (2559). การกาหนดนโยบายสาธารณะ: ทฤษฎี และกระบวนการ. วารสาร มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 7(2). https://so01.tci- thaijo.org/index.php/humanjubru/article/view/206584/143619 สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ. (2540). การวัดและ ประเมินผล สภาพแท้จรงิ ของนักเรียน. โรงพมิ พค์ รุ ุสภาลาดพรา้ ว. สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต.ิ (2561). “ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี พ.ศ.2561 - 2580”. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). กรอบสมรรถนะหลักผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และระดบั ประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑-๓). สานักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม, และสานักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2562). การ ติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้ละพัฒนา (พิมพ์คร้ังที่ 1). สานักสร้างสรรค์โอกาสและ น วั ต ก ร ร ม . https://dol.thaihealth.or.th/Media/Index/9cdfb974-c09e-e911-80e8- 00155d09b41f?ReportReason=3# อิสระ กุลวุฒิ, สุรีพร อนุศาสนนันท์, และสมพงษ์ ปั้นหุ่น. (2561). รูปแบบการประเมินผลระหว่าง เรยี น. Academic Journal of Buriram Rajabhat University, 10(2).

444 ภาคผนวก

445 ภาคผนวก ก รายนามผ้ทู รงคณุ วุฒแิ ละผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทใ่ี ห้สัมภาษณ์ วิสยั ทศั นก์ ารศกึ ษาไทยและคุณภาพคนไทยท่ีพงึ ประสงค์ในปี 2040 และระบบการเรยี นรู้ทพี่ ึงประสงคใ์ นการตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 กลมุ่ ท่ี 1 นักวชิ าการด้านการศกึ ษา 1) ดร.สภุ ทั ร จาปาทอง เลขาธกิ ารสภาการศึกษา 2) ดร.อานาจ วชิ ยานุวัติ เลขาธิการสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน 3) นายณรงค์ แผว้ พลสง เลขาธกิ ารสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา 4) นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธกิ ารสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน 5) ดร.ศริ พิ รรณ ชมุ นมุ ที่ปรึกษาสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กลมุ่ ท่ี 2 นักวิชาการดา้ นสงั คม 6) นายแพทยอ์ าพล จนิ ดาวฒั นะ กรรมการปฏริ ูปประเทศดา้ นสังคม ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยทุ ธศาสตร์ (ป.ย.ป.) ประธานคณะอนุกรรมการตดิ ตามและขบั เคล่ือนการดาเนนิ งานตาม นโยบายรฐั บาลเชงิ พน้ื ที่ กลุม่ ที่ 3 นักวชิ าการด้านเทคโนโลยี 7) รศ.ดร.อตวิ งศ์ สชุ าโต รองคณบดี คณะวศิ วกรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั 8) นายสุพจน์ ศรนี ตุ พงษ์ ผจู้ ดั การฝ่ายการศกึ ษา บรษิ ัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จากดั กลุ่มท่ี 4 นกั วิชาการดา้ นเศรษฐกจิ 9) รศ.ดร.สิทธเิ ดช พงศก์ จิ วรสิน คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย กลุ่มที่ 5 นกั วิชาการด้านส่งิ แวดล้อม 10) ดร.อรทยั พงศ์รกั ธรรม ผ้อู านวยการฝา่ ยพัฒนาโครงการ สถาบนั สิ่งแวดลอ้ มไทย กลมุ่ ท่ี 6 นักวิชาการด้านการเมือง 11) ผศ.ดร.พรรณชฎา ศริ ิวรรณบุศย์ อาจารย์ คณะสังคมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ มหาวิททยาลยั มหดิ ล กลมุ่ ที่ 7 ผ้บู รหิ ารและครู 12) ดร.ภมู ิสษิ ฐ์ สคุ นธวงศ์ ผอู้ านวยการ โรงเรียนโพธิสานพทิ ยาคาร 13) วา่ ทีเ่ รอื ตรชี ูชีพ อรุณเหลอื ง ผอู้ านวยการ วทิ ยาลัยเทคนคิ ระยอง 14) นายวเิ ชยี ร เนยี มน้อม ผู้อานวยการ วทิ ยาลัยเทคโนโลยปี ญั ญาภวิ ฒั น์ 15) ดร.จินตนา ศรสี ารคาม ผอู้ านวยการ โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต 16) นายศภุ โชค ปยิ ะสนั ต์ิ ผู้อานวยการ โรงเรยี นบา้ นห้วยไร่ 17) นายรม่ เกล้า ชา้ งนอ้ ย ครูผสู้ อน โรงเรยี นมัธยมวัดดสุ ติ าราม 18) นายศภุ วจั น์ พรมตนั ครูผสู้ อน โรงเรียนนครวิทยาคม กลุ่มที่ 8 ผปู้ ระกอบการภาคเกษตร อตุ สาหกรรม และธรุ กิจ 19) นายอาทติ ย์ จนั ทร์นนทชัย ผรู้ ว่ มก่อตัง้ บรหิ ารงานฝ่ายเกษตร ฟารม์ โตะ (FarmTo) 20) นายสธิ ธตั ถะ เซกาล เจา้ ของร้านอาหารเกท็ เฟรช (GetFresh) 21) นายพิชเยนทร์ หงษ์ภกั ดี กรรมการผู้จดั การบรษิ ัท สมาร์ท ไอดี กรุป๊

446 กลุ่มที่ 9 พ่อแม-่ ผ้ปู กครองนกั เรยี น 22) นางจารุพนั ธ์ วิไลจารุวรร 23) คณุ นพพร อนิ สวา่ ง 24) ดร. ชนกสุดา สดุ สาคร 25) นางสาวจันทมิ า ด้วงสงค์ 26) นายจุมพฎ ศรยี ะพนั ธ์ กลุม่ ที่ 10 นักเรียน 27) นายปัณณวิชญ์ โชติวัตสิ ริ วิ รกุล 28) นางสาวพิชาวรรณ คาไล้ 29) นายพงศส์ ถิต สาราญมนั่ คง 30) นางสาวสิรินดา มกุ ดาวรรณกร