Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

Published by Aj.pan Rattanaumporn, 2021-11-08 04:14:04

Description: รายงานการวิจัย
การออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้
ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040
Policy Design for Transforming Learning Systems
Responsive to Future Global Changes in 2040

Search

Read the Text Version

355 (Vocation) 2.4) สามารถออกแบบชวี ติ ท่ีมีคุณค่า และวางแผนเส้นทางเพ่ือไปสู่การได้ทาในส่ิงทร่ี ักได้ ดีอยา่ งมืออาชีพ (Profession) และ 2.5) มีความฉับไวในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลง (Agility) 2.1.3) ผู้นาการเปล่ียนแปลงที่สร้างอนาคต (Change Leader Make the Future) ประกอบด้วย 6 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 3.1) มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 3.2) สามารถสื่อสารให้มี วสิ ัยทัศน์ร่วม และสร้างสรรคก์ ารเปลีย่ นแปลงที่พึงประสงค์ด้วยกลยุทธ์ท่ีดี 3.3) มกี รอบความคิดแบบ เติบโต (Growth mindset) และมองออกนอก (Outward mindset) 3.4) มีทักษะการคิดนอกกรอบ ข้ามศาสตร์ 3.5) มีความสามารถในการเจรจาต่อรองและไกล่เกล่ีย และ 3.6) มีความสามารถในการ สร้างสรรคน์ วัตกรรมพลกิ ผนั 2.1.4) พลเมืองโลกท่ีมีคุณภาพ และความรับผิดชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) ประกอบด้วย 5 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 4.1) มีคุณธรรม จริยธรรม และจิตสานึกสากล 4.2) กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล พร้อมทั้งเปิดใจรับฟังความ คิดเห็นทแ่ี ตกต่าง 4.3) ตดั สินใจอย่างมีความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง สว่ นรวม และสังคมโลก 4.4) เคารพ ในความแตกต่างทางวัฒนธรรม และ 4.5) มีความซ่อื สัตย์ มวี ินัยในตนเอง และเคารพสทิ ธิของผู้อ่นื 2.1.5) ผู้มีสุขภาวะกายและใจที่ดี (Well-being person) ประกอบด้วย 3 ตัวช้ีวัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 5.1) มีความฉลาดรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy) 5.2) มีสุขภาพวะทางใจ และ 5.3) มีสขุ ภาวะทางกาย 2.2) คุณภาพทางสังคม (Social Qualities) ประกอบด้วย 3 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้มีสมรรถนะทางอารมณ์ และสังคม (Emotional & Social Competencies) 2) ผู้สร้างสรรค์ นวัตกรรมสงั คม (Social Innovation Creator) และ 3) ผู้นาสังคมคณุ ธรรม (Social justice leader) 2 . 2 . 1 ) ผู้ มี ส ม ร ร ถ น ะ ท า ง อ า ร ม ณ์ แ ล ะ สั ง ค ม ( Emotional & Social Competencies) ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1.1) เป็นผู้ตระหนักรู้ในตนเอง ผู้อื่น และมีมารยาททางสังคม 1.2) มีความฉลาดรูท้ างอารมณ์ และสัมพนั ธ์ภาพทด่ี ี และ 1.3) สามารถ สร้างสรรค์คา่ นยิ ม ตามวัฒนธรรมอนั ดีงามของไทยและวฒั นธรรมอันเป็นสากล 2.2.2) ผู้สร้างสรรค์นวตั กรรมสังคม (Social Innovation Creator) ประกอบดว้ ย 2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 2.1) สามารถสร้างนวัตกรรมสังคมจากความเข้าใจความเป็นมนุษย์ ธรรมชาติของโลก ประวัติศาสตร์ ความเป็นชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสากล เพ่ือความยั่งยืนตามยุค สมยั และ 2.2) สามารถสรา้ งสรรคส์ งั คมหลังนวัตกรรมอย่างยั่งยนื (Post innovation society) 2.2.3) ผู้นาสังคมคุณธรรม (Social justice leader) ประกอบด้วย 4 ตัวชี้วดั ผลลพั ธ์ การเรียนรู้ ได้แก่ 3.1) มีความกล้าหาญทางจริยธรรม 3.2) เป็นผู้นาในการสร้างสังคมเสมอภาค และ เป็นธรรม 3.3) เป็นผู้เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน กตัญญู ดูแลผู้สูงอายุ และ 3.4) สามารถบริหารความขัดแย้ง ทางสังคม

356 2.3) คุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) ประกอบด้วย 2 ผลลัพธ์การ เรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้พลิกผันดิจิทัล (Digital Disruptor) และ 2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยี สีเขียว (Green-Tech Innovator) 2.3.1) ผู้พลิกผันดิจิทัล (Digital Disruptor) ประกอบด้วย 6 ตัวชี้วัดผลลัพธ์การ เรียนรู้ ได้แก่ 1.1) มีความฉลาดรู้ทางดิจิทัล (Digital Literacy) และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) 1.2) มีความฉลาดรู้ทางวิทยาการคานวณ (Computational Literacy) 1.3) สามารถใช้ ดิจิทัลในการเปลี่ยนชีวิต การเรียน และการทางานอย่างมีผลิตภาพ 1.4) มีความรู้ทางเทคโนโลยี หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ท่ีมีคุณธรรมเป็นฐาน 1.5) สามารถใช้เทคโนโลยีที่ป้องกันและแก้ไข ปัญหาภัยพิบัติ และ 1.6) สามารถออกแบบระบบนิเวศใหม่ท่ีมนุษย์สามารถทางานร่วมกับ ปัญญาประดษิ ฐ์ 2.3.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีสีเขียว (Green-Tech Innovator) ประกอบด้วย 3 ตัวชว้ี ัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 2.1) มีทักษะการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวตั กรรม ท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2.2) มีทักษะการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมท่ีเป็นประโยชน์กับ มนุษยชาติ และ 2.3) มที กั ษะการต่อยอดภมู ปิ ญั ญาไทยเพื่อสรา้ งสรรค์นวัตกรรมสีเขยี ว 2.4) คุณภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Qualities) ประกอบด้วย 4 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้สรรคส์ ร้างงานและอาชพี (Career and Job creator) 2) ผู้สร้างสรรค์นวตั กรรมการเกษตร อุ ต ส า ห ก ร ร ม แ ล ะ ธุ ร กิ จ ( Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) 3) ผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) และ 4) ผู้นาเชิงนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) 2.4.1) ผู้สรรค์สร้างงานและอาชีพ (Career and Job creator) ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1.1) มีทักษะการทางานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ 1.2) มีทักษะการ สร้างสรรค์งาน หรืออาชีพที่ตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต และ 1.3) มีความฉลาดรู้ ทางการเงิน และเศรษฐกจิ 2.4.2) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจ (Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) ประกอบด้วย 3 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 2.1) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรมการเกษตรตามบริบท 2.2) มีทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรม อตุ สาหกรรมตามบรบิ ท และ 2.3) มีทกั ษะสร้างสรรคน์ วัตกรรมธุรกิจตามบริบท 2.4.3) ผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัด ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 3.1) มีความฉลาดรู้เก่ียวกับระบบเศรษฐกิจดิจิทัล 3.2) มีความฉลาดรู้ เก่ียวกับการค้าเสรี และโลกาภิวัตน์ (Trade and Globalization) และ 3.3) มีทักษะสร้างสรรค์ เศรษฐกจิ ฐานนวตั กรรม

357 2.4.4) ผู้นาเชิงนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Innovative and Entrepreneurial Leader) ประกอบด้วย 2 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 4.1) มีทักษะผู้นาเชิงผู้ประกอบการที่มี ความรับผดิ ชอบตอ่ การพฒั นาท่ียงั่ ยนื และ 4.2) มีทกั ษะผู้นาเชงิ นวตั กรรมทมี่ คี ุณธรรมเป็นฐาน 2.5) คุณภาพทางส่ิงแวดล้อม (Environment Qualities) ประกอบด้วย 2 ผลลัพธ์การ เรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้มีวิถีชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม (Sustainable Life Style) และ 2) ผู้สร้างสรรค์ ส่ิงแวดล้อมสเี ขียว (Green Environment Creator) 2.5.1) ผูม้ ีวถิ ีชีวติ ทเี่ ปน็ มติ รกับส่งิ แวดลอ้ ม (Sustainable Life Style) ประกอบด้วย 5 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1.1) ตระหนักรู้ถึงคุณค่า ข้อจากัด และร่วมกันรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ 1.2) พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และการเปล่ียนแปลงของธรรมชาติ 1.3) ใช้ เทคโนโลยสี เี ขียวทเี่ ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 1.4) มที กั ษะการสร้างสรรค์พลังรว่ ม (Synergy) ในวิถีชวี ิต ที่เปน็ มิตรกบั ส่งิ แวดลอ้ ม และ 1.5) มกี รอบความคิดท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2. 5. 2) ผู้สร้างสรรค์สิ่งแว ดล้อมสี เขี ยว ( Green Environment Creator) ประกอบด้วย 2 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 2.1) มีทักษะการสร้างสรรค์การแก้ไขปัญ หา สง่ิ แวดล้อมอยา่ งยง่ั ยนื และ 2.2) มที ักษะการสร้างสรรคน์ วตั กรรมท่ีเป็นมติ รกบั สิง่ แวดล้อม 2.6) คุณภาพทางการเมือง (Political Qualities) ประกอบด้วย 3 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเมืองคุณภาพ (Quality Political Innovation Creator) 2) ผู้ ออกเสยี งคณุ ภาพ (Quality Voter) และ 3) ผ้ปู ฏิบัตงิ านการเมืองคณุ ภาพ (Quality Political Actor) 2.6.1) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเมืองคุณภาพ (Quality Political Innovation Creator) ประกอบดว้ ย 2 ตัวชว้ี ัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1.1) มีทักษะสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมการเมือง คุณภาพที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และ 1.2) มีค่านิยมการเมืองคุณภาพท่ียอมรับในคุณค่าของ ปัจเจกบุคคล 2.6.2) ผู้ออกเสียงคุณภาพ (Quality Voter) ประกอบด้วย 3 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การ เรียนรู้ ได้แก่ 2.1) มีทักษะการแสวงหา และรู้เท่าทันสื่อข้อมูลข่าวสารทางการเมือง และโจทย์การ พัฒนาประเทศ 2.2) มีทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ เปรียบเทียบข้อมูลข่าวสารทางการเมอื ง และโจทย์การพัฒนาประเทศ และ 2.3) มีทักษะการตัดสินใจบนพื้นฐานของประโยชนส์ ่วนรวมท่ีตอบ โจทยก์ ารพัฒนาประเทศอยา่ งมีอสิ ระโดยปราศจากการแทรกแซง 2.6.3) ผู้ปฏิบัติงานการเมืองคุณภาพ (Quality Political Actor) ประกอบด้วย 2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 3.1) มีทักษะการทางานทางการเมืองท่ีมีคุณภาพ และ 3.2) มีทักษะ ผ้นู าทางการเมอื งท่มี คี ุณธรรม จริยธรรม

358 3) รูปแบบการเรยี นรู้ รูปแบบการเรียนรู้ (Learning design) จานวน 6 รูปแบบหลัก 30 รปู แบบรอง มีรายละเอยี ด ดังน้ี รูปแบบที่ 1 การเรียนรู้อย่างมีความหมาย และมีคุณค่า (Purposeful and valuable learning) ประกอบด้วย 6 รูปแบบรอง ได้แก่ 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชีวิต (Life design learning) 1.2) การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง (Transformative learning) 1.3) การเรียนรู้แนว มนุษยนิยม (Humanistic learning) 1.4) การเรียนรู้การบริการสังคม (Service learning) 1.5) การ เรียนรู้เพื่อสร้างค่านิยม และวัฒนธรรมใหม่ที่ดี (New values & culture creation learning) และ 1.6) การเรียนรอู้ ย่างมคี วามสุข (Happy learning) รูปแบบท่ี 2 การเรียนรู้ที่เสริมสร้างศักยภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) ประกอบด้วย 3 รูปแบบรอง ได้แก่ 2.1) การเรียนรู้ในส่ิงท่ีรักจะเรียน (Passion based learning) 2.2) การเรียนรู้เพื่อสร้างประโยชน์ต่อมนุษยชาติ (Mission based learning) และ 2.3) การเรียนรู้ อย่างทั่วถึงทกุ คน (Inclusive learning, Universal design for learning) รูปแบบท่ี 3 การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning, Heutagogy) ประกอบด้วย 7 รูปแบบรอง ได้แก่ 3.1) การเรียเป็นเจ้าภาพในการเรียนรู้ (Ownership to learning) 3.2) การ เรียนรู้ในการทาส่ิงต่าง ๆ ได้ถูกต้อง (Single loop learning) 3.3) การเรียนรู้การทาส่ิงท่ีควรทา (Double loop learning) 3.4) การเรียนรู้ระบบเปิด (Open system learning) 3.5) การเรียนรู้ท่ีมี เป้าหมายชัดแจ้ง (Visible learning) 3.6) การเรียนรู้แบบมุ่งยกระดับศักยภาพ หรือไฮสโคป (High scope learning) และ 3.7) การเรียนรูว้ ธิ กี ารเรียนรู้ (Meta learning) รูปแบบที่ 4 การเรียนรู้การสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Creation Learning) ประกอบด้วย 6 รูปแบบรอง ได้แก่ 4.1) การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง (Transformative learning) 4.2) การเรียนรู้เหตุผลที่ต้องทาส่ิงท่ีควรทา (Triple loop learning) 4.3) การเรียนรู้การค้นพบสิ่ง ใหม่ (Discovery learning) 4.4) การเรียนรู้การคิดเชิงออกแบบ (Design thinking learning) 4.5) การเรียนรู้การสร้างจินตนาการ (Imagination learning) และ 4.6) การเรียนรู้การเป็นนวัตกร (Innovation learning) รูปแบบท่ี 5 การเรียนรู้การนาความรู้ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง (Real life Application Learning) ประกอบด้วย 4 รูปแบบรอง ได้แก่ 5.1) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช้แก้ปัญหา (Problem solving learning) 5.2) การเรียนรู้ทางอารมณ์และสงั คม (Social emotional learning) 5.3) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใชใ้ นการพัฒนาทักษะชวี ติ (Life skill learning) และ 5.4) การเรยี นรู้ การบริหารจัดการ (Management learning) รูปแบบท่ี 6 การเรียนรู้ท่ีสร้างรายได้ระหว่างเรียน (Income generating learning) ประกอบด้วย 4 รูปแบบรอง ได้แก่ 6.1) การเรียนรู้การทางานสร้างผลิตภัณฑ์ (Work-based learning) 6.2) การเรยี นร้กู ารทางานในสถานประกอบการ หรือสหกิจศึกษา (Co-operative/ Work-

359 based Education) 6.3) การเรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial learning) และ 6.4) การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative learning) 4) ทรัพยากรการเรยี นรู้ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ (Learning resources) จานวน 11 ประเภท ประกอบด้วย 1) ระบบสนับสนุนความเปน็ เลิศของผเู้ รยี น (Student Excellence Support System) 2) แหล่งเรียนรู้ชีวติ จรงิ (Real World Learning Space) 3) แหลง่ เรยี นรเู้ ฉพาะบคุ คล (Personalize Learning Space) 4) แหล่งเรยี นรูอ้ อนไลน์ (Online Learning Space) 5) แหลง่ เรยี นรใู้ นการทางาน (Hands on Learning Space) 6) แหล่งเรยี นรรู้ ว่ ม (Co-learning Space) 7) แหล่งเรยี นรสู้ งั คมประกิต (Socialization Learning Space) 8) แหล่งเรียนรนู้ กั ประดิษฐห์ รือนวตั กร (Maker Space) 9) แหล่งเรียนรจู้ าลอง (Simulation Learning Space) 10) แหลง่ เรยี นรเู้ ชงิ จินตนาการ (Imagination Learning Space) 11) แหล่งเรยี นรู้ท่ียดื หยนุ่ (Flexible Learning Space) 5) การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (Learning assessment) จานวน 6 วธิ ี 1) การประเมินเพอ่ื พัฒนา (Formative Assessment) 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ (Real life application Assessment) 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลับเชิงสร้างสรรค์ (Creative feedback) 4) การประเมนิ ตนเอง (Self Assessment) 5) การประเมินแบบร่วมมอื (Collaborative Evaluation) 6) การประเมนิ ผลลัพธ์-ผลกระทบ (Outcome-Impact Assessment)

360 3.4 ผลการประเมินความเหมาะสมของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการ เปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ตารางที่ 4.21 ผลการประเมินความเหมาะสมของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการ เปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 (รา่ ง) นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรียนรู้ ความคดิ เห็น ทตี่ อบสนองการเปล่ยี นแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 ผทู้ รงคณุ วุฒิ ข้อเสนอแนะ 1. ชอื่ นโยบาย เหมาะสม ไม่ เหมาะสม “พลิกโฉมระบบการเรยี นรู้เพือ่ สรา้ งสรรคช์ ีวิตเศรษฐกจิ 11 4 - ชือ่ นโยบายควรสะทอ้ น และสงั คมใหม่ ที่มคี วามสขุ อย่างมคี ุณคา่ ” (73.33) (26.67) ผลลพั ธก์ ารเรยี นรทู้ ง้ั 6 ดา้ น โดยใหเ้ พมิ่ คาอธิบาย เปา้ หมายของนโยบายที่ แสดงความสอดคล้องกบั ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ทัง้ 6 ด้าน 2. ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ และตัวชีว้ ัดผลลพั ธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes and Assessment Evidences) 2.1) คุณภาพทว่ั ไป (General Qualities) ประกอบด้วย 5 15 0 - ปรมิ าณตัวชีว้ ดั มาก ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 1) ผู้เชย่ี วชาญการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ (100.00) (0.00) เกนิ ไป อาจจัดกลุ่ม (Lifelong expert learner) 2) ผู้ออกแบบชวี ิตทม่ี คี ุณค่า ตวั ชีว้ ดั ได้ในบางตัว (Valuable Life Designer) 3) ผนู้ าการเปลี่ยนแปลงทส่ี ร้าง อนาคต (Change Leader Make the Future) 4) พลเมอื ง โลกท่มี คี ณุ ภาพ และความรับผดิ ชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) และ 5) ผ้มู สี ุขภาวะกาย และใจท่ดี ี (Well-being person) 2.1.1) ผเู้ ชย่ี วชาญการเรียนรตู้ ลอดชวี ิต (Lifelong 15 0 - ตวั ชี้วัดผลลพั ธก์ าร (100.00) (0.00) เรียนรู้ “1.1) มีความ expert learner) ประกอบดว้ ย 5 ตัวช้ีวดั ผลลัพธ์การ เรยี นรู้ ได้แก่ 1.1) มีความฉลาดร้ใู นการอ่าน เขียน ภาษาไทย ฉลาดรู้ในการอา่ น เขยี น อังกฤษ คดิ คานวณ และจนิ ตนาการ ภาษาไทย องั กฤษ คดิ 1.2) มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต คานวณ และ 1.3) มีทักษะการบรู ณาการข้ามศาสตร์ และการนาไปใช้ใน จินตนาการ” ควรปรบั ชีวิตจรงิ 1.4) มที ักษะการปรับตวั ตอบสนองการเปลี่ยนแปลง เป็นคาวา่ “อ่าน เขียน” ของโลกอนาคต และ เปน็ “สอ่ื สาร” เพอื่ ให้ 1.5) มีทกั ษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ หรือการคดิ เชงิ ครอบคลมุ การฟังและ วิพากษ์ (Critical thinking skill) การพดู 2.1.2) ผู้ออกแบบชวี ติ ท่ีมีคุณค่า (Valuable Life 14 1 - ตวั ชี้วดั ผลลพั ธก์ าร Designer) ประกอบด้วย 5 ตวั ชว้ี ดั ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ไดแ้ ก่ (93.33) (6.66) เรยี นรู้ “2.1) ค้นพบสิง่ ท่ี 2.1) คน้ พบส่ิงท่รี ักท่จี ะทา มีความสขุ อยา่ งมีคุณค่า รกั ทจี่ ะทา มีความสุข (Passion) 2.2) สามารถทาในส่งิ ที่โลกต้องการ และมคี ณุ คา่ อย่างมีคุณค่า (Passion)”

361 (รา่ ง) นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ความคดิ เหน็ ทตี่ อบสนองการเปลย่ี นแปลง ผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อเสนอแนะ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ไม่ เหมาะสม (Mission) 2.3) สามารถสรา้ งคณุ คา่ จากสง่ิ ทีท่ า (Vocation) ควรปรบั เปน็ คาว่า “2.1) 2.4) สามารถออกแบบชวี ิตทม่ี ีคุณคา่ และวางแผนเสน้ ทาง ค้นพบสงิ่ ท่ีรักท่ีจะทา ทา เพอื่ ไปสู่การได้ทาในสงิ่ ทีร่ กั ได้ดีอยา่ งมืออาชพี (Profession) อย่างมีความสุขและมี และ 2.5) มคี วามฉบั ไวในการตอบสนองการเปลีย่ นแปลง คุณค่า (Passion)” (Agility) 2.1.3) ผู้นาการเปลย่ี นแปลงท่สี ร้างอนาคต (Change 14 1 - ไมเ่ ขา้ ใจความหมายของ Leader Make the Future) ประกอบด้วย 6 ตัวชี้วัด (93.33) (6.66) คาว่า “มองออกนอก ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ไดแ้ ก่ 3.1) มวี สิ ยั ทัศนก์ ว้างไกล 3.2) (Outward mindset)” สามารถสอื่ สารใหม้ วี สิ ัยทัศนร์ ่วม และสรา้ งสรรคก์ าร เปลี่ยนแปลงทีพ่ งึ ประสงคด์ ว้ ยกลยุทธ์ท่ีดี 3.3) มกี รอบ ความคดิ แบบเตบิ โต (Growth mindset) และมองออกนอก (Outward mindset) 3.4) มที ักษะการคดิ นอกกรอบข้าม ศาสตร์ 3.5) มคี วามสามารถในการเจรจาต่อรองและไกล่ เกลีย่ และ 3.6) มคี วามสามารถในการสร้างสรรคน์ วัตกรรม พลกิ ผัน 2.1.4) พลเมืองโลกท่ีมีคณุ ภาพ และความรับผดิ ชอบ 15 0 - ตัวชีว้ ัดผลลัพธ์การ (Responsible & Competence Global Citizen) (100.00) (0.00) เรยี นรู้ “4.5) มคี วาม ประกอบด้วย 5 ตวั ชว้ี ัดผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 4.1) มี ซื่อสตั ย์ มวี ินยั ในตนเอง คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจิตสานกึ สากล 4.2) กล้าแสดงความ และเคารพสทิ ธิของผู้อ่ืน” คิดเห็นอยา่ งมเี หตผุ ล พร้อมทัง้ เปิดใจรบั ฟังความคดิ เหน็ ท่ี ควรปรับเป็นคาวา่ “4.5) แตกต่าง 4.3) ตัดสนิ ใจอย่างมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินยั ใน ส่วนรวม และสงั คมโลก 4.4) เคารพในความแตกต่างทาง ตนเอง รูห้ น้าท่แี ละเคารพ วัฒนธรรม และ 4.5) มคี วามซื่อสตั ย์ มวี นิ ัยในตนเอง และ สทิ ธิของผอู้ ่ืน” เคารพสทิ ธขิ องผอู้ ่นื 2.1.5) ผู้มีสขุ ภาวะกายและใจทดี่ ี (Well-being person) 14 1 - ตวั ชว้ี ัดผลลัพธก์ าร ประกอบด้วย 3 ตวั ช้วี ัดผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ได้แก่ 5.1) มคี วาม (93.33) (6.66) เรยี นรู้ “5.2) มสี ุขภาวะ ฉลาดรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy) 5.2) มีสุขภาพวะทาง ทางใจ” ควรปรบั เป็นคา ใจ และ 5.3) มสี ขุ ภาวะทางกาย วา่ “5.2) มสี ขุ ภาวะทาง ใจท่ดี ี” - ตัวช้ีวดั ผลลพั ธ์การ เรยี นรู้ “5.3) มีสุขภาวะ ทางกาย” ควรปรบั เปน็ คาวา่ “5.3) มสี ุขภาวะ ทางกายทดี่ ี” 2.2) คณุ ภาพทางสงั คม (Social Qualities) ประกอบด้วย 15 0 ไมม่ ีขอ้ เสนอแนะ 3 ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 1) ผู้มสี มรรถนะทางอารมณ์ และ (100.00) (0.00) สังคม (Emotional & Social Competencies) 2) ผู้

362 (รา่ ง) นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ความคดิ เหน็ ทต่ี อบสนองการเปล่ยี นแปลง ผู้ทรงคณุ วุฒิ ขอ้ เสนอแนะ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ไม่ เหมาะสม สร้างสรรคน์ วตั กรรมสังคม (Social Innovation Creator) และ 3) ผนู้ าสงั คมคุณธรรม (Social justice leader) 2.2.1) ผู้มีสมรรถนะทางอารมณ์ และสงั คม (Emotional 15 0 ไมม่ ีข้อเสนอแนะ (100.00) (0.00) & Social Competencies) ประกอบด้วย 3 ตัวชีว้ ัด ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 1.1) เปน็ ผตู้ ระหนักรใู้ นตนเอง ผอู้ ืน่ และมมี ารยาททางสังคม 1.2) มคี วามฉลาดรทู้ างอารมณ์ และสมั พนั ธ์ภาพทดี่ ี และ 1.3) สามารถสรา้ งสรรค์คา่ นยิ ม ตามวัฒนธรรมอนั ดงี ามของไทยและวัฒนธรรมอนั เป็นสากล 2.2.2) ผู้สร้างสรรคน์ วัตกรรมสังคม (Social Innovation 15 0 ไม่มขี อ้ เสนอแนะ Creator) ประกอบดว้ ย 2 ตัวชีว้ ดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ (100.00) (0.00) 2.1) สามารถสรา้ งนวตั กรรมสงั คมจากความเขา้ ใจความเป็น มนษุ ย์ ธรรมชาติของโลก ประวตั ศิ าสตร์ ความเปน็ ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และสากล เพ่อื ความยั่งยืนตามยคุ สมยั และ 2.2) สามารถสรา้ งสรรคส์ ังคมหลังนวตั กรรมอยา่ งยง่ั ยนื (Post innovation society) 2.2.3) ผู้นาสงั คมคณุ ธรรม (Social justice leader) 13 2 - ตวั ชีว้ ดั ผลลพั ธก์ าร ประกอบดว้ ย 4 ตวั ช้วี ัดผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ได้แก่ 3.1) มคี วาม (86.66) (13.34) เรียนรู้ “3.3) เปน็ ผู้ กล้าหาญทางจรยิ ธรรม 3.2) เปน็ ผนู้ าในการสรา้ งสงั คมเสมอ เออ้ื เฟ้ือ แบง่ ปนั กตญั ญู ภาค และเป็นธรรม 3.3) เปน็ ผเู้ ออื้ เฟื้อ แบง่ ปนั กตัญญู ดูแล ดแู ลผสู้ งู อายุ” ควรปรบั ผูส้ ูงอายุ และ 3.4) สามารถบริหารความขัดแย้งทางสงั คม เป็นคาว่า “3.3) เปน็ ผมู้ ี จติ สาธารณะ เออื้ เฟอ้ื แบ่งปนั กตัญญู ดแู ล ผสู้ งู อายุ” 2.3) คณุ ภาพทางเทคโนโลยี (Technological 15 0 ไม่มีข้อเสนอแนะ Qualities) ประกอบด้วย 2 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1) ผู้ (100.00) (0.00) พลิกผันดจิ ิทลั (Digital Disruptor) และ 2) ผูส้ ร้างสรรค์ นวตั กรรม และเทคโนโลยีสเี ขียว (Green-Tech Innovator) 2.3.1) ผพู้ ลกิ ผนั ดจิ ทิ ัล (Digital Disruptor) ประกอบด้วย 15 0 ไม่มีข้อเสนอแนะ 6 ตวั ชี้วดั ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1.1) มคี วามฉลาดร้ทู าง (100.00) (0.00) ดจิ ทิ ลั (Digital Literacy) และวิทยาศาสตรข์ อ้ มลู (Data Science) 1.2) มคี วามฉลาดรู้ทางวิทยาการคานวณ (Computational Literacy) 1.3) สามารถใชด้ จิ ทิ ลั ในการ เปลี่ยนชีวิต การเรียน และการทางานอยา่ งมีผลติ ภาพ 1.4) มีความรู้ทางเทคโนโลยีห่นุ ยนต์ และปัญญาประดษิ ฐ์ท่ีมี คุณธรรมเป็นฐาน 1.5) สามารถใช้เทคโนโลยที ปี่ อ้ งกันและ แก้ไขปัญหาภยั พิบัติ และ 1.6) สามารถออกแบบระบบนเิ วศ ใหมท่ ีม่ นุษยส์ ามารถทางานร่วมกบั ปัญญาประดษิ ฐ์

363 (รา่ ง) นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ ความคดิ เห็น ทต่ี อบสนองการเปล่ยี นแปลง ผทู้ รงคณุ วุฒิ ขอ้ เสนอแนะ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ไม่ เหมาะสม 2.3.2) ผ้สู รา้ งสรรคน์ วตั กรรม และเทคโนโลยีสเี ขียว 12 3 - ตัวช้วี ดั ผลลัพธก์ าร (Green-Tech Innovator) ประกอบดว้ ย 3 ตัวชวี้ ดั (80.00) (20.00) เรียนรู้ “2.1) มที กั ษะการ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 2.1) มีทกั ษะการสรา้ งสรรค์ สร้างสรรคเ์ ทคโนโลยีและ เทคโนโลยีและนวตั กรรมทเ่ี ปน็ มติ รกับสิ่งแวดล้อม 2.2) มี นวตั กรรมทเ่ี ปน็ มิตรกับ ทกั ษะการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยีและนวัตกรรมทเ่ี ป็น สิง่ แวดลอ้ ม” ควรปรับ ประโยชนก์ ับมนษุ ยชาติ และ 2.3) มที กั ษะการตอ่ ยอดภูมิ เปน็ คาว่า “2.1) มที ักษะ ปัญญาไทยเพอื่ สร้างสรรค์นวตั กรรมสเี ขยี ว การสร้างสรรคน์ วตั กรรม และเทคโนโลยีที่เป็นมติ ร กับสง่ิ แวดลอ้ ม” 2.4) คณุ ภาพทางเศรษฐกจิ (Economic Qualities) 14 1 - ตัวชวี้ ัดผลลัพธ์การ ประกอบด้วย 4 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1) ผู้สรรคส์ รา้ งงาน (93.33) (6.66) เรยี นรู้ “1) ผสู้ รรสรา้ ง และอาชีพ (Career and Job creator) 2) ผู้สร้างสรรค์ งานและอาชพี (Career นวัตกรรมการเกษตร อตุ สาหกรรม และธรุ กจิ (Agricultural, and Job Creator)” Industrial and Business Innovation Creator) 3) ควรปรับเปน็ คาว่า ผู้ประกอบการดิจิทลั (Digital Entrepreneur) และ 4) ผูน้ า “1) ผู้สรา้ งสรรคง์ านและ เชิงนวัตกรรมและผู้ประกอบการ (Innovative and อาชีพ (Career and Job Entrepreneurial Leader) Creator)” 2.4.1) ผสู้ รรคส์ รา้ งงานและอาชีพ (Career and Job 15 0 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ creator) ประกอบดว้ ย 3 ตวั ชว้ี ดั ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ไดแ้ ก่ (100.00) (0.00) 1.1) มที กั ษะการทางานรว่ มกบั ปญั ญาประดิษฐ์ 1.2) มีทกั ษะ การสร้างสรรค์งาน หรอื อาชีพทตี่ อบสนองการเปลย่ี นแปลง ของโลกอนาคต และ 1.3) มีความฉลาดรทู้ างการเงิน และ เศรษฐกิจ 2.4.2) ผู้สร้างสรรคน์ วตั กรรมการเกษตร อตุ สาหกรรม 15 0 ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ และธรุ กจิ (Agricultural, Industrial and Business (100.00) (0.00) Innovation Creator) ประกอบด้วย 3 ตัวช้ีวดั ผลลพั ธก์ าร เรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 2.1) มที กั ษะสร้างสรรคน์ วัตกรรมการเกษตร ตามบรบิ ท 2.2) มีทกั ษะสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมอตุ สาหกรรม ตามบรบิ ท และ 2.3) มที กั ษะสร้างสรรคน์ วตั กรรมธุรกจิ ตาม บรบิ ท 2.4.3) ผปู้ ระกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) 15 0 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ ประกอบด้วย 3 ตวั ชีว้ ัดผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 3.1) มีความ (100.00) (0.00) ฉลาดร้เู กีย่ วกับระบบเศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั 3.2) มีความฉลาดรู้ เกี่ยวกับการคา้ เสรี และโลกาภวิ ัตน์ (Trade and Globalization) และ 3.3) มีทกั ษะสรา้ งสรรค์เศรษฐกจิ ฐาน นวัตกรรม

364 (ร่าง) นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ ความคิดเหน็ ทตี่ อบสนองการเปลีย่ นแปลง ผ้ทู รงคณุ วุฒิ ข้อเสนอแนะ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ไม่ เหมาะสม 2.4.4) ผนู้ าเชงิ นวตั กรรมและผู้ประกอบการ (Innovative 15 0 - จัดอนั ดับใหมโ่ ดยนา and Entrepreneurial Leader) ประกอบด้วย 2 ตวั ชว้ี ดั (100.00) (0.00) ตวั ชี้วดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ ไดแ้ ก่ 4.1) มที กั ษะผ้นู าเชิงผปู้ ระกอบการ ข้อ 4.2 ขน้ึ กอ่ น ที่มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ การพฒั นาท่ียง่ั ยนื และ 4.2) มที ักษะ ผูน้ าเชงิ นวตั กรรมทม่ี ีคณุ ธรรมเป็นฐาน 2.5) คณุ ภาพทางสงิ่ แวดลอ้ ม (Environment 15 0 ไมม่ ีขอ้ เสนอแนะ Qualities) ประกอบด้วย 2 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ได้แก่ 1) ผมู้ ี (100.00) (0.00) วถิ ีชวี ิตทีเ่ ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม (Sustainable Life Style) และ 2) ผู้สรา้ งสรรคส์ ง่ิ แวดลอ้ มสีเขยี ว (Green Environment Creator) 2.5.1) ผ้มู วี ถิ ีชวี ิตที่เปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดล้อม (Sustainable 15 0 - ปรบั 1.3 เปน็ 1.4 (100.00) (0.00) - ปรบั 1.4 เปน็ 1.5 Life Style) ประกอบด้วย 5 ตัวชี้วดั ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ได้แก่ 1.1) ตระหนักรู้ถงึ คณุ คา่ ขอ้ จากดั และร่วมกนั รกั ษา - ปรับ 1.5 เปน็ 1.3 ทรพั ยากรธรรมชาติ 1.2) พรอ้ มรบั มือกับภยั พิบัติ และการ เปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ 1.3) ใชเ้ ทคโนโลยสี ีเขียวทเ่ี ปน็ มิตรกบั ส่งิ แวดลอ้ ม 1.4) มที ักษะการสร้างสรรค์พลงั ร่วม (Synergy) ในวิถีชีวิตท่เี ปน็ มิตรกบั สง่ิ แวดล้อม และ 1.5) มี กรอบความคิดทเี่ ป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม 2.5.2) ผูส้ ร้างสรรค์ส่งิ แวดล้อมสเี ขยี ว (Green 13 2 - ตัวชวี้ ัดผลลพั ธ์การ Environment Creator) ประกอบดว้ ย 2 ตัวชีว้ ดั ผลลพั ธ์ (86.66) (13.34) เรยี นรู้ “2.1) มีทกั ษะการ การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 2.1) มีทักษะการสรา้ งสรรค์การแกไ้ ข สร้างสรรคก์ ารแกไ้ ข ปญั หาสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งยง่ั ยนื และ 2.2) มีทกั ษะการ ปญั หาสง่ิ แวดล้อมอย่าง สรา้ งสรรค์นวตั กรรมทีเ่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ย่ังยืน” ควรปรับเป็นคา วา่ “2.1) มีทกั ษะการ แกไ้ ขปญั หา และ สร้างสรรคส์ ง่ิ แวดล้อม อยา่ งยงั่ ยนื ” 2.6) คุณภาพทางการเมอื ง (Political Qualities) 15 0 - ปรับ 1 เปน็ 3 ประกอบด้วย 3 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 1) ผสู้ ร้างสรรค์ (100.00) (0.00) - ปรับ 2 เปน็ 1 นวัตกรรมการเมืองคุณภาพ (Quality Political Innovation - ปรับ 3 เป็น 2 Creator) 2) ผอู้ อกเสยี งคณุ ภาพ (Quality Voter) และ 3) ผ้ปู ฏบิ ัตงิ านการเมอื งคณุ ภาพ (Quality Political Actor) 2.6.1) ผู้สร้างสรรค์นวตั กรรมการเมอื งคณุ ภาพ (Quality 15 0 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ Political Innovation Creator) ประกอบดว้ ย 2 ตัวชี้วัด (100.00) (0.00) ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ได้แก่ 1.1) มีทักษะสร้างสรรคน์ วัตกรรม การเมอื งคณุ ภาพที่ตอบโจทยก์ ารพฒั นาประเทศ และ 1.2) มี ค่านิยมการเมอื งคณุ ภาพท่ยี อมรบั ในคณุ ค่าของปัจเจกบุคคล

365 (รา่ ง) นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ความคิดเหน็ ทต่ี อบสนองการเปล่ียนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้ทรงคุณวุฒิ ขอ้ เสนอแนะ ไม่มขี ้อเสนอแนะ 2.6.2) ผอู้ อกเสียงคุณภาพ (Quality Voter) เหมาะสม ไม่ ประกอบดว้ ย 3 ตัวชี้วดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 2.1) มี เหมาะสม ทักษะการแสวงหา และรเู้ ท่าทันสอ่ื ข้อมลู ข่าวสารทาง การเมอื ง และโจทยก์ ารพัฒนาประเทศ 2.2) มีทักษะการคิด 15 0 วเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ เปรียบเทยี บข้อมูลข่าวสารทาง การเมอื ง และโจทยก์ ารพัฒนาประเทศ และ 2.3) มที กั ษะ (100.00) (0.00) การตัดสนิ ใจบนพนื้ ฐานของประโยชน์สว่ นรวมท่ตี อบโจทย์ การพฒั นาประเทศอย่างมีอิสระโดยปราศจากการแทรกแซง 15 0 ไม่มขี อ้ เสนอแนะ 2.6.3) ผูป้ ฏบิ ัตงิ านการเมืองคณุ ภาพ (Quality Political Actor) ประกอบดว้ ย 2 ตัวช้วี ดั ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ไดแ้ ก่ (100.00) (0.00) 3.1) มที กั ษะการทางานทางการเมอื งท่มี ีคณุ ภาพ และ 3.2) มที ักษะผนู้ าทางการเมอื งทม่ี คี ณุ ธรรม จริยธรรม 15 0 ไมม่ ีข้อเสนอแนะ 3. รูปแบบการเรยี นรู้ (Learning design) รูปแบบท่ี 1 การเรียนรู้อยา่ งมีความหมาย และมคี ุณคา่ (100.00) (0.00) (Purposeful and valuable learning) 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ิต (Life design learning) 15 0 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ 1.2) การเรยี นรสู้ ู่การเปลยี่ นแปลง (Transformative learning) (100.00) (0.00) 1.3) การเรียนรแู้ นวมนุษยนิยม (Humanistic learning) 1.4) การเรียนรูก้ ารบรกิ ารสังคม (Service learning) 15 0 ไมม่ ขี ้อเสนอแนะ 1.5) การเรียนรเู้ พื่อสรา้ งค่านยิ ม และวัฒนธรรมใหม่ทด่ี ี (New values & culture creation learning) (100.00) (0.00) 1.6) การเรียนรอู้ ยา่ งมคี วามสุข (Happy learning) รปู แบบท่ี 2 การเรยี นรู้ทีเ่ สริมสร้างศักยภาพเฉพาะบคุ คล (Personalized Learning) 2.1) การเรยี นรใู้ นส่งิ ทร่ี กั จะเรียน (Passion based learning) 2.2) การเรยี นรเู้ พือ่ สรา้ งประโยชน์ตอ่ มนุษยชาติ (Mission based learning) 2.3) การเรียนรู้อยา่ งทัว่ ถึงทุกคน (Inclusive learning, Universal design for learning) รูปแบบท่ี 3 การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (Self-learning, Heutagogy) 3.1) การเรยี เปน็ เจ้าภาพในการเรยี นรู้ (Ownership to learning) 3.2) การเรียนรใู้ นการทาส่งิ ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง (Single loop learning)

366 (ร่าง) นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรียนรู้ ความคิดเหน็ ทตี่ อบสนองการเปลย่ี นแปลง ผู้ทรงคณุ วุฒิ ข้อเสนอแนะ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ไม่ เหมาะสม 3.3) การเรยี นร้กู ารทาสิง่ ทค่ี วรทา (Double loop learning) 3.4) การเรียนรรู้ ะบบเปดิ (Open system learning) 3.5) การเรียนร้ทู มี่ เี ป้าหมายชัดแจง้ (Visible learning) 3.6) การเรียนร้แู บบมุง่ ยกระดับศกั ยภาพ หรือไฮสโคป (High scope learning) 3.7) การเรยี นรู้วธิ ีการเรยี นรู้ (Meta learning) รปู แบบท่ี 4 การเรียนรู้การสร้างสรรคน์ วัตกรรม 15 0 ไม่มีข้อเสนอแนะ (Innovation Creation Learning) (100.00) (0.00) 4.1) การเรียนรสู้ ่กู ารเปลยี่ นแปลง (Transformative learning) 4.2) การเรียนรเู้ หตผุ ลทต่ี ้องทาสิง่ ท่ีควรทา (Triple loop learning) 4.3) การเรยี นรกู้ ารคน้ พบส่ิงใหม่ (Discovery learning) 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชิงออกแบบ (Design thinking learning) 4.5) การเรยี นรู้การสร้างจินตนาการ (Imagination learning) 4.6) การเรียนรู้การเป็นนวตั กร (Innovation learning) รปู แบบท่ี 5 การเรียนรกู้ ารนาความรูป้ ระยุกตใ์ ช้ในชีวิต 15 0 - ให้สลับอนั ดับ รูปแบบที่ (100.00) (0.00) 5.1 กบั รูปแบบที่ 5.4 จริง (Real life Application Learning) 5.1) การเรยี นรูก้ ารนาความรู้ไปใช้แก้ปญั หา (Problem solving learning) 5.2) การเรียนรู้ทางอารมณแ์ ละสงั คม (Social emotional learning) 5.3) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใชใ้ นการพัฒนาทักษะชวี ิต (Life skill learning) 5.4) การเรียนรู้การบรหิ ารจดั การ (Management learning) รูปแบบท่ี 6 การเรยี นรู้ท่ีสรา้ งรายได้ระหว่างเรียน 15 0 - ให้สลบั อันดับ รปู แบบที่ (Income generating learning) (100.00) (0.00) 6.1 เป็น 6.3 6.1) การเรยี นรู้การทางานสรา้ งผลติ ภณั ฑ์ (Work-based - ใหส้ ลบั อนั ดบั รูปแบบที่ learning) 6.2 เป็น 6.1 6.2) การเรียนรู้การทางานในสถานประกอบการ หรือสหกจิ - ให้สลบั อนั ดบั รปู แบบที่ ศึกษา (Co-operative/ Work-based Education) 6.3 เป็น 6.4 6.3) การเรียนรูก้ ารเปน็ ผปู้ ระกอบการ (Entrepreneurial - ให้สลับอันดับ รปู แบบท่ี learning) 6.4 เปน็ 6.2

367 (ร่าง) นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ ความคิดเห็น ทต่ี อบสนองการเปล่ยี นแปลง ผูท้ รงคณุ วุฒิ ข้อเสนอแนะ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ไม่ เหมาะสม 6.4) การเรียนรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative learning) 4. ทรพั ยากรการเรยี นรู้ (Learning resources) 1) ระบบสนับสนนุ ความเป็นเลศิ ของผูเ้ รยี น (Student 15 0 ไม่มขี ้อเสอนแนะ Excellence Support System) (100.00) (0.00) 2) แหล่งเรยี นรู้ชวี ติ จริง (Real World Learning Space) 15 0 (100.00) (0.00) 3) แหล่งเรยี นรเู้ ฉพาะบคุ คล (Personalize Learning 15 0 Space) (100.00) (0.00) 4) แหลง่ เรียนรอู้ อนไลน์ (Online Learning Space) 15 0 (100.00) (0.00) 5) แหล่งเรียนรูใ้ นการทางาน (Hands on Learning Space) 15 0 (100.00) (0.00) 6) แหลง่ เรียนรรู้ ว่ ม (Co-learning Space) 15 0 (100.00) (0.00) 7) แหล่งเรียนรสู้ ังคมประกติ (Socialization Learning 15 0 Space) (100.00) (0.00) 8) แหลง่ เรียนรู้นกั ประดิษฐห์ รือนวัตกร (Maker Space) 15 0 (100.00) (0.00) 9) แหลง่ เรียนรจู้ าลอง (Simulation Learning Space) 15 0 (100.00) (0.00) 10) แหล่งเรียนร้เู ชงิ จินตนาการ (Imagination Learning 15 0 (100.00) (0.00) Space) 11) แหล่งเรียนรู้ท่ียดื หยนุ่ (Flexible Learning Space) 15 0 (100.00) (0.00) 5. การประเมินการเรยี นรู้ (Learning assessment) 1) การประเมนิ เพอื่ พฒั นา (Formative Assessment) 15 0 - ใหส้ ลบั อันดับ รปู แบบท่ี (100.00) (0.00) 1 เป็น 5 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ิตจริง (Real life 15 0 application Assessment) (100.00) (0.00) - ให้สลับอันดบั รปู แบบท่ี 3) การประเมนิ ดว้ ยการให้ข้อมูลยอ้ นกลับเชงิ สร้างสรรค์ 2 เปน็ 4 (Creative feedback) 15 0 4) การประเมนิ ตนเอง (Self Assessment) (100.00) (0.00) - ใหส้ ลับอันดับ รปู แบบท่ี 4 เป็น 1 5) การประเมนิ แบบร่วมมือ (Collaborative Evaluation) 15 0 (100.00) (0.00) - ให้สลบั อันดับ รปู แบบที่ 5 เปน็ 2 15 0 (100.00) (0.00) 6) การประเมนิ ผลลพั ธ์-ผลกระทบ (Outcome-Impact 15 0 Assessment) (100.00) (0.00)

368 ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติมท่ไี ดจ้ ากการสนทนากลุ่ม ประกอบดว้ ย 1) นโยบายที่ดีควรประกอบด้วย 1) นโยบายระบบการเรียนรู้ใหม่ 2) เป้าประสงค์เชิง ยุทธศาสตร์ของนโยบาย 3) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของนโยบาย 4) ขอบข่ายและลักษณะสาคัญของ นโยบาย และ 5) สาระสาคัญของนโยบาย 2) ควรจัดกลุ่มผลลัพธ์การเรียนรู้ที่มีจานวนมากให้สอดคล้องกับชื่อนโยบาย โดยอาจจัดกลุ่ม เป็น 1) ความสามารถในการสร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมีคุณค่า และ 2) ความสามารถในการสร้างสรรค์ชวี ติ ทางเศรษฐกจิ ใหมท่ ีม่ ีความสุขอยา่ งมีคณุ ค่า หรือจัดเป็น 2 กลุม่ คือ 1) ผลลัพธ์การเรียนรู้หลัก และ 2) ผลลัพธ์การเรียนรู้เฉพาะ เพ่ือให้การนาเสนอข้อมูลมีความ กระชับมากย่ิงข้ึน

369 3.5 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบูรณ์ นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบูรณ์ ประกอบด้วยองค์ประกอบของนโยบาย ได้แก่ 1) นโยบายระบบการเรียนรู้ใหม่ 2) ขอบข่ายและลักษณะสาคัญของนโยบาย 3) หลักการของระบบการเรียนรู้ใหม่ 4) เป้าประสงค์เชิง ยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ และ 5) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดังนี้ 3.5.1 นโยบายระบบการเรียนรู้ใหม่ นโยบายระบบการเรียนรู้ใหม่ คือ “พลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพ่ือสรา้ งสรรคช์ ีวิตทางสังคม และเศรษฐกิจใหมท่ ี่มีความสขุ อยา่ งมีคุณคา่ ” โดยมกี รอบนโยบายระบบการเรยี นรใู้ หม่ แสดงดังภาพประกอบที่ 4.1 ภาพประกอบท่ี 4.1 กรอบนโยบายระบบการเรียนรใู้ หม่

370 3.5.2 ขอบข่ายและลักษณะสาคญั ของนโยบาย ขอบขา่ ยและลกั ษณะสาคัญของนโยบาย ประกอบดว้ ย 3 ข้อ คอื 1) นโยบายนี้มีความสาคัญอย่างยิ่งยวดสาหรับการปฏิบัติในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ สถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษาทกุ ระดบั และทุกสงั กัด 2) นโยบายนี้มีลักษณะเป็นพลวัต (Dynamic Policy) คือ กาหนดเป้าประสงค์ และแนวทาง เชิงยุทธศาสตร์ไว้กว้าง ๆ เพ่ือจุดประกายเป็นแนวทางให้สถานศึกษานาไปใช้ในการออกแบบผลลัพธ์ การเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนรู้ และทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีลักษณะเฉพาะ ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน และเหมาะสมกับปรัชญา และบริบทของสถานศึกษา รวมทั้ง เปา้ หมายชวี ติ ของผู้เรียนเปน็ รายบคุ คล 3) นโยบายนี้มีลักษณะเป็นนโยบายที่สนับสนุนให้สถานศึกษาเป็นเจ้าของนโยบาย (Policy Owner) ไม่จาเป็นต้องรอให้กระทรวงสั่งการไปยังเขตพื้นที่การศึกษาหรือจังหวัด แต่สถานศึกษา สามารถนานโยบายนี้ไปสู่การปฏิบัติได้เอง รวมท้ังสามารถพัฒนา ปรับปรุง และสร้างสรรค์นโยบาย พลิกโฉมระบบการเรยี นร้ใู หม่ (Redesign) ไดเ้ องอย่างตอ่ เน่ืองตามบรบิ ทของผ้เู รียนและสถานศึกษา 3.5.3 หลักการของระบบการเรยี นรใู้ หม่ หลกั การของระบบการเรียนรใู้ หมน่ ้ี “ครู” จะเปน็ ผูท้ ม่ี ีบทบาทสาคญั อย่างยิง่ ยวดต่อการพลิก โฉมระบบการเรียนรู้ใหม่ในฐานะของผู้อานวยการการเรียนรู้ที่มุ่งเสริมสร้างให้ผู้เรียนเป็นผู้ออกแบบ การเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ตลอดจนเป็นผู้เช่ียวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิตภายใต้ระบบนิเวศการเรียนรู้ ใหมท่ ่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต โดยครจู ะตอ้ งเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ถา่ ยทอด เน้อื หาหรือความรตู้ ามตารา สู่การเปน็ “โคช้ ” หรือ “ผูอ้ านวยการการเรียนรู้” ทาหนา้ ที่กระตุน้ สรา้ ง แรงบันดาลใจ แนะนาวิธีเรียนรู้และวิธีจัดระเบียบการสร้างความรู้ ออกแบบกิจกรรมและสร้าง นวัตกรรมการเรยี นรู้ใหผ้ ู้เรียน และมบี ทบาทเป็นนักวิจัยพัฒนากระบวนการเรียนร้เู พื่อผลสัมฤทธ์ิของ ผู้เรียน นอกจากน้ีครูยังต้องเป็นผู้ท่ีมีกรอบแนวคิดแบบเติบโต (Growth mindset) และสามารถ ปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงและนาการเปลี่ยนแปลงเพ่ือเตรียมผเู้ รยี นให้พรอ้ มสาหรบั โลกอนาคตในปี 2040 ประกอบดว้ ย 5 ข้อ คอื 1) ระบบการเรียนรู้ใหม่นี้ออกแบบตามแนวคิดและหลักการของการออกแบบย้อนกลับ (Backward design) และระบบนเิ วศการเรียนรู้ (Learning Ecosystem) 2) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะพลิกโฉมเป้าประสงค์การจัดการศึกษาจากเน้ือหาเป็นฐาน (Content-based) ไปสู่ผลลพั ธ์เปน็ ฐาน (Outcome-based) 3) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะพลิกโฉมแนวทางการจัดการศึกษาจากการเรียนในห้องเรียนและ โรงเรียน เป็นการเรียนรู้จากโลกกว้างด้วยระบบนิเวศการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย (Learning Ecosystem) 4) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะพลิกโฉมศักยภาพของผู้เรียนจากการเรียนรู้เนื้อหาตามท่ีครู เปน็ ผู้ถา่ ยทอดเปน็ ผู้เรียนเป็นผู้ออกแบบการเรยี นรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง (Student as learning designer) 5) ระบบการเรียนรู้ใหม่จะพลิกโฉมศักยภาพของครูจากการเป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหา เปน็ ผู้ออกแบบการเรียนรู้ (Teacher as learning designer)

371 สรุปด้ดงั ภาพประกอบที่ 4.2 ภาพประกอบที่ 4.2 หลักการของระบบการเรียนรู้ใหม่ 3.5.4 เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตรข์ องระบบการเรียนรูใ้ หม่ เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ คือ การพลิกโฉมผลลัพธ์การเรียนร้ใู หม่ ทเ่ี นน้ 2 ดา้ นสาคญั คอื 1) ความสามารถในการสร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมใหม่ท่ีมีความสุขอย่างมีคุณค่าในระดับ ปัจเจกบคุ คลและระดบั ประเทศ 2) ความสามารถในการสร้างสรรค์ชีวิตทางเศรษฐกิจใหม่ที่มีความสุขอย่างมีคุณค่าในระดับ ปจั เจกบุคคลและระดบั ประเทศ โดยเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ ได้จากการจัดอันดับสภาพท่ีพึง ประสงค์ของผลลัพธ์การเรียนรู้รอง จาแนกตามสังกัดของสถานศึกษา ซึ่งสามารถจาแนกเป้าประสงค์ เชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรียนรู้ใหมต่ ามสังกดั ของสถานศึกษา มรี ายละเอียดดังนี้

372 3.5.4.1) เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานทกุ สังกัด เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาข้ันพื้นฐานทุกสังกัด มรี ายละเอียดดังน้ี เปา้ ประสงค์เชงิ ยุทธศาสตร์ของระบบการเรยี นรู้ใหม่ “พลิกโฉมระบบการเรยี นรู้เพ่ือสร้างสรรคช์ ีวิตทางสังคมและเศรษฐกจิ ใหม่ ท่ีมคี วามสขุ อย่างมีคณุ ค่า” สาหรบั สถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานทุกสงั กัด ดา้ นผลลัพธก์ ารเรยี นรหู้ ลัก (Core Learning Outcome) ภาพประกอบที่ 4.3 เปา้ ประสงคเ์ ชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรู้ใหม่ สาหรับสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานทกุ สงั กัด ด้านผลลัพธก์ ารเรยี นรู้หลกั

373 เปา้ ประสงค์เชิงยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรู้ใหม่ “พลกิ โฉมระบบการเรียนรู้เพอ่ื สรา้ งสรรค์ชีวติ ทางสังคมและเศรษฐกจิ ใหม่ ที่มคี วามสุขอยา่ งมีคุณคา่ ” สาหรบั สถานศึกษาข้นั พน้ื ฐานทกุ สังกดั ดา้ นผลลพั ธ์การเรยี นรเู้ ฉพาะ (Specific Learning Outcome) ภาพประกอบที่ 4.4 เปา้ ประสงค์เชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรียนรู้ใหม่ สาหรับสถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานทุกสังกัด ด้านผลลัพธก์ ารเรยี นรเู้ ฉพาะ

374 3.5.4.2) เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษา อาชีวศึกษาทกุ สังกดั เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาอาชีวศึกษาทุกสังกดั มรี ายละเอยี ดดงั นี้ เปา้ ประสงคเ์ ชงิ ยทุ ธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ “พลิกโฉมระบบการเรียนรู้เพื่อสรา้ งสรรค์ชีวติ ทางสังคมและเศรษฐกจิ ใหม่ ทม่ี ีความสุขอย่างมีคุณคา่ ” สาหรบั สถานศกึ ษาอาชีวศึกษาทกุ สังกัด ด้านผลลัพธ์การเรยี นร้หู ลัก (Core Learning Outcome) ภาพประกอบท่ี 4.5 เป้าประสงค์เชงิ ยทุ ธศาสตร์ของระบบการเรยี นรใู้ หม่ สาหรบั สถานศึกษาอาชวี ศึกษาทุกสงั กัด ดา้ นผลลัพธ์การเรียนรหู้ ลกั

375 เป้าประสงค์เชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรู้ใหม่ “พลิกโฉมระบบการเรยี นรเู้ พือ่ สร้างสรรค์ชีวิตทางสังคมและเศรษฐกจิ ใหม่ ทม่ี คี วามสุขอย่างมีคุณคา่ ” สาหรบั สถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษาทุกสงั กดั ดา้ นผลลพั ธก์ ารเรยี นรเู้ ฉพาะ (Specific Learning Outcome) ภาพประกอบที่ 4.6 เป้าประสงค์เชงิ ยุทธศาสตร์ของระบบการเรยี นรู้ใหม่ สาหรับสถานศึกษาอาชีวศึกษาทกุ สังกัด ดา้ นผลลพั ธก์ ารเรียนร้เู ฉพาะ ท้งั น้ี ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ใหม่ตามเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ สาหรับ ถานศึกษาข้ันพื้นฐานและสถานศึกษาอาชีวศึกษาทุกสังกัด ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้หลัก ดงั ภาพประกอบท่ี 4.7 และผลลพั ธก์ ารเรยี นรเู้ ฉพาะ ดังภาพประกอบที่ 4.8

376 ภาพประกอบที่ 4.7 ผลลัพธ์การเรยี นรู้หลัก ภาพประกอบที่ 4.8 ผลลพั ธก์ ารเรยี นร้เู ฉพาะ

377 ผลลัพธ์การเรียนรู้ใหม่ ประกอบด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้หลัก (Core Learning Outcomes) และผลลัพธก์ ารเรยี นรเู้ ฉพาะ (Specific Learning Outcomes) มรี ายละเอียดดังนี้ ผลลัพธ์การเรียนรู้หลัก คือ ความสามารถท่ัวไป ประกอบด้วยผลลัพธ์การเรียนรู้หลัก 5 ผลลัพธ์ และตัวช้ีวัดผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ 21 ตวั ชวี้ ดั มรี ายละเอียดดงั น้ี ตารางที่ 4.22 ผลลัพธ์การเรียนรหู้ ลัก (Core Learning Outcomes) และตัวชวี้ ัดผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ผลลัพธ์การเรียนรูห้ ลัก ตัวชีว้ ดั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ความสามารถทั่วไป (General Qualities) 1) ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ (1) มคี วามฉลาดรใู้ นการสอื่ สารภาษาไทยและอังกฤษ การคิด ตลอดชีวติ (Lifelong คานวณ และการจนิ ตนาการ expert learner) (2) มีทักษะการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง และการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ (3) มีทักษะการบูรณาการขา้ มศาสตร์ และการนาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ (4) มีทักษะการปรับตัวตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคต (5) มที ักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ หรอื การคดิ เชิงวิพากษ์ (Critical thinking skill) 2) ผู้ออกแบบชีวติ ที่มี (1) คน้ พบสง่ิ ทีร่ ักท่ีจะทา ทาอยา่ งมีความสุขและมคี ุณค่า (Passion) คุณค่า (Valuable (2) สามารถทาในสิ่งทีโ่ ลกตอ้ งการ และมีคุณคา่ (Mission) Life Designer) (3) สามารถสร้างคุณค่าจากสิ่งทีท่ า (Vocation) (4) สามารถออกแบบชีวติ ทีม่ ีคุณค่า และวางแผนเส้นทางเพื่อไปสู่ การได้ทาในสงิ่ ที่รักได้ดอี ยา่ งมอื อาชีพ (Profession) (5) มีความฉบั ไวในการตอบสนองการเปล่ยี นแปลง (Agility) 3) ผนู้ าการเปล่ียนแปลง (1) มีวสิ ัยทศั น์กวา้ งไกล ที่สร้างอนาคต (2) สามารถส่ือสารใหม้ วี ิสัยทัศนร์ ่วม และสร้างสรรค์การ (Change Leader เปล่ยี นแปลงทพี่ ึงประสงค์ด้วยกลยทุ ธ์ท่ดี ี Make the Future) (3) มีกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth mindset) และมองออก นอก (Outward mindset) (4) มีทักษะการคดิ นอกกรอบข้ามศาสตร์ (5) มีความสามารถในการเจรจาต่อรองและไกล่เกลย่ี (6) มีความสามารถในการสรา้ งสรรค์นวตั กรรมพลิกผัน 4) พลเมืองโลกท่ีมคี ุณภาพ (1) มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และจติ สานึกสากล และความรบั ผดิ ชอบ (2) กลา้ แสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล พร้อมทง้ั เปิดใจรบั ฟงั (Responsible & ความคิดเห็นท่ีแตกต่าง Competence (3) ตดั สนิ ใจอย่างมีความรบั ผิดชอบต่อตนเอง สว่ นรวม และ Global Citizen) สังคมโลก (4) เคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรม (5) มีความซ่อื สัตย์ มวี นิ ยั ในตนเอง รหู้ น้าทีแ่ ละเคารพสิทธิของผู้อนื่

378 ผลลัพธ์การเรียนรูห้ ลกั ตวั ชว้ี ัดผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ 5) ผู้มสี ุขภาวะกายและ (1) มคี วามฉลาดรดู้ ้านสุขภาพ (Health literacy) ใจท่ีดี (Well-being (2) มสี ขุ ภาวะทางใจท่ดี ี person) (3) มีสุขภาวะทางกายทด่ี ี ผลลพั ธ์การเรียนร้เู ฉพาะ ประกอบด้วย ความสามารถ 5 ดา้ น ได้แก่ ความสามารถทางสังคม ความสามารถทางเทคโนโลยี ความสามารถทางเศรษฐกิจ ความสามารถทางส่ิงแวดล้อม และ ความสามารถทางการเมือง ซึ่งประกอบด้วยผลลพั ธ์การเรียนรเู้ ฉพาะ 14 ผลลัพธ์ และตัวช้ีวดั ผลลัพธ์ การเรยี นรู้ 43 ตัวชีว้ ัด มรี ายละเอยี ดดังน้ี ตารางที่ 4.23 ผลลพั ธ์การเรยี นร้เู ฉพาะ (Specific Learning Outcomes) และตัวชว้ี ัดผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ผลลัพธ์การเรยี นร้เู ฉพาะ ตัวช้วี ัดผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ 1) ความสามารถทางสงั คม (Social Qualities) 1.1) ผ้มู สี มรรถนะทาง (1) เปน็ ผู้ตระหนักรใู้ นตนเอง ผูอ้ น่ื และมีมารยาททางสังคม อารมณ์ และสังคม (2) มคี วามฉลาดรู้ทางอารมณ์ และสัมพนั ธภาพทดี่ ี (Emotional & (3) สามารถสร้างสรรคค์ ่านิยม ตามวัฒนธรรมอนั ดีงามของไทย Social และวฒั นธรรมอนั เปน็ สากล Competencies) 1.2) ผู้สร้างสรรค์ (1) สามารถสรา้ งนวตั กรรมสังคมจากความเขา้ ใจความเป็นมนษุ ย์ นวตั กรรมสังคม ธรรมชาติของโลก ประวัติศาสตร์ ความเป็นชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ (Social Innovation และสากล เพ่ือความย่ังยืนตามยคุ สมัย Creator) (2) สามารถสร้างสรรค์สงั คมหลงั นวัตกรรมอยา่ งยั่งยนื (Post innovation society) 1.3) ผู้นาสังคมคุณธรรม (1) มีความกลา้ หาญทางจริยธรรม (Social justice (2) เป็นผูน้ าในการสรา้ งสงั คมเสมอภาค และเป็นธรรม leader) (3) เปน็ ผู้มีจิตสาธารณะ เอ้ือเฟอ้ื แบ่งปนั กตญั ญู ดูแลผู้สงู อายุ (4) สามารถบรหิ ารความขัดแย้งทางสังคม 2) ความสามารถทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 2.1) ผู้พลกิ ผันดจิ ิทัล (1) มีความฉลาดรูท้ างดิจทิ ลั (Digital Literacy) และวทิ ยาศาสตร์ (Digital Disruptor) ขอ้ มูล (Data Science) (2) มคี วามฉลาดร้ทู างวิทยาการคานวณ (Computational Literacy) (3) สามารถใช้ดิจทิ ลั ในการเปลยี่ นชีวิต การเรียน และการทางาน อยา่ งมีผลิตภาพ (4) มคี วามรทู้ างเทคโนโลยหี ุ่นยนต์ และปญั ญาประดษิ ฐท์ ี่มี คณุ ธรรมเป็นฐาน

379 ผลลัพธ์การเรียนร้เู ฉพาะ ตัวช้วี ดั ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ (5) สามารถใช้เทคโนโลยีทป่ี อ้ งกนั และแก้ไขปญั หาภยั พบิ ัติ (6) สามารถออกแบบระบบนิเวศใหม่ท่มี นุษยส์ ามารถทางาน ร่วมกบั ปัญญาประดษิ ฐ์ 2.2) ผูส้ ร้างสรรคน์ วัตกรรม (1) มที ักษะการสร้างสรรคน์ วตั กรรมและเทคโนโลยที เ่ี ป็นมิตรกบั และเทคโนโลยีสเี ขียว สิง่ แวดลอ้ ม (Green-Tech (2) มที ักษะการสร้างสรรค์เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมท่เี ปน็ ประโยชน์ Innovator) กับมนษุ ยชาติ (3) มที ักษะการต่อยอดภมู ิปัญญาไทยเพื่อสร้างสรรคน์ วตั กรรม สีเขียว 3) ความสามารถทางเศรษฐกจิ (Economic Qualities) 3.1) ผูส้ ร้างสรรคง์ านและ (1) มที ักษะการทางานรว่ มกบั ปัญญาประดิษฐ์ อาชีพ (Career and (2) มีทักษะการสรา้ งสรรคง์ าน หรอื อาชีพท่ตี อบสนองการ Job Creator) เปลีย่ นแปลงของโลกอนาคต (3) มีความฉลาดร้ทู างการเงนิ และเศรษฐกจิ 3.2) ผูส้ รา้ งสรรคน์ วัตกรรม (1) มที ักษะสรา้ งสรรค์นวัตกรรมการเกษตรตามบรบิ ท การเกษตร (2) มที ักษะสรา้ งสรรค์นวตั กรรมอุตสาหกรรมตามบรบิ ท อตุ สาหกรรม และ (3) มีทักษะสรา้ งสรรค์นวตั กรรมธุรกจิ ตามบริบท ธุรกจิ (Agricultural, Industrial and Business Innovation Creator) 3.3) ผปู้ ระกอบการดิจทิ ัล (1) มคี วามฉลาดรเู้ กยี่ วกับระบบเศรษฐกิจดิจิทลั (Digital (2) มีความฉลาดรเู้ กี่ยวกับการค้าเสรี และโลกาภิวตั น์ (Trade and Entrepreneur) Globalization) (3) มีทักษะสร้างสรรค์เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม 3.4) ผนู้ าเชงิ นวตั กรรมและ (1) มีทักษะผูน้ าเชิงนวัตกรรมท่มี คี ุณธรรมเป็นฐาน ผู้ประกอบการ (2) มีทักษะผ้นู าเชงิ ผูป้ ระกอบการทม่ี ีความรบั ผดิ ชอบต่อการ (Innovative and พฒั นาท่ียง่ั ยืน Entrepreneurial Leader) 4) ความสามารถทางสิ่งแวดลอ้ ม (Environment Qualities) 4.1) ผู้มีวถิ ีชีวติ ที่เปน็ มติ ร (1) ตระหนักรู้ถงึ คณุ คา่ ข้อจากดั และรว่ มกันรักษา กับสงิ่ แวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ (2) พร้อมรับมือกบั ภยั พบิ ตั ิ และการเปล่ียนแปลงของธรรมชาติ

380 ผลลพั ธก์ ารเรยี นรเู้ ฉพาะ ตวั ช้วี ดั ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ (Sustainable Life (3) มีกรอบความคดิ ทเ่ี ปน็ มิตรกบั สิง่ แวดล้อม Style) (4) ใช้เทคโนโลยสี ีเขียวท่เี ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (5) มีทักษะการสรา้ งสรรค์พลังร่วม (Synergy) ในวิถีชวี ติ ทเ่ี ป็นมติ ร กับสงิ่ แวดล้อม 4.2) ผูส้ ร้างสรรค์ (1) มที ักษะการแก้ไขปัญหา และสรา้ งสรรคส์ ิง่ แวดลอ้ มอย่างยั่งยืน สิ่งแวดล้อม (2) มที ักษะการสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมท่เี ป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม สีเขยี ว (Green Environment Creator) 5) ความสามารถทางการเมือง (Political Qualities) 5.1) ผอู้ อกเสียงคุณภาพ (1) มที ักษะการแสวงหา และรูเ้ ท่าทันสื่อขอ้ มูลขา่ วสารทาง (Quality Voter) การเมือง และโจทย์การพัฒนาประเทศ (2) มีทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ เปรยี บเทียบข้อมูล ขา่ วสารทางการเมือง และโจทย์การพัฒนาประเทศ (3) มที ักษะการตดั สนิ ใจบนพื้นฐานของประโยชนส์ ว่ นรวมท่ตี อบ โจทยก์ ารพฒั นาประเทศอย่างมอี ิสระโดยปราศจากการแทรกแซง 5.2) ผู้ปฏบิ ตั ิงานการเมือง (1) มที ักษะการทางานทางการเมอื งที่มีคุณภาพ คุณภาพ (Quality (2) มีทักษะผ้นู าทางการเมืองทม่ี คี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม Political Actor) 5.3) ผสู้ ร้างสรรค์นวัตกรรม (1) มที ักษะสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมการเมืองคุณภาพทต่ี อบโจทยก์ าร การเมืองคณุ ภาพ พฒั นาประเทศ (Quality Political (2) มคี ่านยิ มการเมืองคุณภาพท่ียอมรบั ในคณุ ค่าของปัจเจกบคุ คล Innovation Creator) 3.5.5 แนวทางเชงิ ยุทธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรู้ใหม่ แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ คือ การพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ใหม่ 3 ด้าน คือ 1) การพลิกโฉมการประเมินการเรียนรู้ใหม่ 2) การพลิกโฉมรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ และ 3) การพลิกโฉมทรัพยากรการเรียนรู้ใหม่ สามารถสรุปกรอบแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการ เรยี นร้ใู หม่ไดด้ ังภาพประกอบท่ี 4.9

381 3.5.5.1) กรอบแนวทางเชงิ ยทุ ธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่ ภาพประกอบท่ี 4.9 กรอบแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรยี นรูใ้ หม่ จากกรอบแนวทางเชิงยุทธศาสตรข์ องระบบการเรียนรู้ใหม่ เมื่อจัดอันดับสภาพท่ีพึงประสงค์ ของการประเมินการเรียนรู้ใหม่ รูปแบบการเรียนรู้ใหม่ และทรัพยากรการเรียนรู้ใหม่ จึงสามารถ จาแนกแนวทางเชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรู้ใหม่ ตามสงั กัดของสถานศกึ ษา มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 3.5.5.2) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ทกุ สงั กัด แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานทุกสั งกัด จาแนกเป็น แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ด้านการพลิกโฉมการประเมินการเรียนรู้ และด้านการพลิกโฉม รูปแบบการเรยี นรู้ มรี ายละเอียดดงั นี้

382 3.5.5.2.1) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาข้ัน พน้ื ฐานทกุ สังกัด ด้านการพลกิ โฉมการประเมินการเรียนรู้ ประกอบด้วย การประเมินการเรยี นรู้ใหม่ 6 วธิ ี ซ่งึ ใชส้ าหรบั ประเมนิ รูปแบบการเรียนรู้ แสดงดงั ภาพประกอบท่ี 4.10 ภาพประกอบท่ี 4.10 แนวทางเชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรใู้ หม่ สาหรบั สถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานทกุ สงั กดั ดา้ นการพลิกโฉมการประเมินการเรยี นรู้

383 3.5.5.2.2) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษา ขัน้ พ้นื ฐานทุกสังกดั ด้านการพลกิ โฉมรูปแบบการเรยี นรู้ ประกอบด้วย รูปแบบการเรยี นรู้ใหม่ 6 วธิ ี ซึง่ มที รพั ยากรการเรียนรทู้ สี่ นบั สนุนสง่ เสริม แสดงดงั ภาพประกอบที่ 4.11 ภาพประกอบท่ี 4.11 แนวทางเชงิ ยุทธศาสตรข์ องระบบการเรยี นรู้ใหม่ สาหรบั สถานศึกษาขนั้ พ้นื ฐานทุกสงั กัด ดา้ นการพลิกโฉมรปู แบบการเรียนรู้

384 3.5.5.3) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรใู้ หมส่ าหรับสถานศกึ ษาอาชีวศึกษา ทุกสังกัด แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษาอาชีวศึกษาทุกสังกัด จาแนกเป็น แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ ด้านการพลิกโฉมการประเมินการเรียนรู้ และด้านการพลิกโฉม รปู แบบการเรียนรู้ มีรายละเอยี ดดังนี้ 3.5.5.3.1) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรับสถานศึกษา อาชีวศกึ ษาทุกสังกัด ดา้ นการพลกิ โฉมประเมนิ การเรียนรู้ ประกอบด้วย การประเมนิ การเรียนรู้ใหม่ 6 วิธี ซง่ึ ใชส้ าหรบั ประเมนิ รูปแบบการเรียนรู้ แสดงดงั ภาพประกอบที่ 4.12 ภาพประกอบที่ 4.12 แนวทางเชิงยทุ ธศาสตรข์ องระบบการเรียนรใู้ หม่ สาหรับสถานศึกษาสงั กัด สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้านการพลิกโฉมการประเมินการเรยี นรู้

385 3.5.5.3.2) แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรู้ใหม่สาหรั บสถานศึกษา อาชีวศึกษาทุกสังกัด ด้านการพลิกโฉมรูปแบบการเรียนรู้ ประกอบด้วย รูปแบบการเรียนรู้ใหม่ 6 วธิ ี ซง่ึ มที รัพยากรการเรยี นร้ทู สี่ นบั สนนุ ส่งเสรมิ แสดงดงั ภาพประกอบท่ี 4.13 ภาพประกอบท่ี 4.13 แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบการเรียนรใู้ หม่ สาหรับสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาทกุ สงั กัด ดา้ นการพลิกโฉมรูปแบบการเรียนรู้

386 ตอนท่ี 4 เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการ เรียนรทู้ ่ีตอบสนองต่อการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเคร่ืองมอื การนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ัติและการประเมินผลนโยบายพลิก โฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากผู้ให้สัมภาษณ์ ทั้งหมด 30 คน และผู้ประเมินความเหมาะสมทั้งหมด 15 คน แบ่งผลการนาเสนอออกเป็น 5 ตอน ดงั นี้ 4.1 สถานภาพของผู้ใหข้ ้อมูล 4.2 ผลการสัมภาษณ์เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิก โฉมระบบการเรยี นรทู้ ี่ตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 4.3 ผลการ (ร่าง) เครื่องมือการนานโยบายส่กู ารปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 4.4 ผลการประเมินความเหมาะสมของเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการ ประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 4.5 เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการ เรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบรู ณ์ มีรายละเอียดดังน้ี

387 4.1 สถานภาพของผู้ใหข้ ้อมลู สถานภาพของผู้ให้ข้อมูลเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบาย พลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ประกอบด้วย ผู้ให้ข้อมูลการสัมภาษณ์ และผู้ให้ข้อมูลการประเมินความเหมาะสม รายละเอียดแสดงดังตารางท่ี 4.23 ตารางท่ี 4.24 สถานภาพของผู้ให้ข้อมูลเครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผล นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรูท้ ่ีตอบสนองตอ่ การเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ที่ ข้นั ตอนการวิจัย ผ้ใู หข้ อ้ มลู การสัมภาษณ์ ผใู้ ห้ข้อมลู การประเมินความ จานวน ร้อยละ เหมาะสม กลมุ่ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ/ ผู้มสี ่วนได้สว่ นเสีย 11 100.00 จานวน รอ้ ยละ 1 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 1.1 ผ้ทู รงคุณวฒุ ิด้านการศึกษา 7 100.00 รวม 11 100.00 7 100.00 2 ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสีย 2.1 ผบู้ รหิ ารและครู 6 26.09 6 75.00 2.2 ผปู้ ระกอบการภาคเกษตร อุตสาหกรรม 6 2 25.00 และธรุ กจิ 26.09 2.3 พอ่ แม่-ผู้ปกครอง 3 13.04 - - 2.4 ผู้เรียน 8 34.78 - - รวม 23 100.00 8 100.00 รวมทั้งส้ิน 34 100.00 15 100.00 จากตารางที่ 4.23 แสดงสถานภาพของผู้ให้ข้อมูลเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและ การประเมินผลนโยบายพลกิ โฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 โดยการสัมภาษณ์เครื่องมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จานวน 34 คน โดยเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 11 คน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จานวน 23 คน และการสนทนากลุ่มในการ ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของร่างเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการ ประเมินผลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จานวน 15 คน เปน็ ผู้ทรงคุณวฒุ จิ านวน 7 คน และผูม้ สี ่วนไดส้ ่วนเสีย จานวน 8 คน

388 4.2 ผลการสัมภาษณ์เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบายพลิกโฉม ระบบการเรยี นรูท้ ตี่ อบสนองตอ่ การเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จากผลการศึกษานโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 ผู้วิจัยจึงนาข้อมูลที่ได้มาสร้างเป็นเป็นแบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง (Semi – structured interview) เก่ียวกับเคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผลนโยบาย พลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุปผล การสมั ภาษณ์ได้ดงั ตารางท่ี 4.24

ตารางที่ 4.25 ผลการสัมภาษณ์เคร่อื งมือการนานโยบายสกู่ ารปฏิบตั นิ โยบายพลิก เครอ่ื งมอื การนานโยบายสู่การปฏบิ ตั ิ ระดบั (Policy Implementation) ความ เหมาะสม 1. การสั่งการ 1.1) การสง่ั การโดยหน่วยงาน 3.94 1) ควรลดการสง่ั จาก (Mandates) ระดบั กระทรวง อยากให้เป็นเรื่องของ สั่งการตอ้ งเรม่ิ จากกร และความตอ่ เนื่องขอ 2) ควรขอความรว่ มม ตอ้ งการท่ีแท้จริง (f= 3) เหน็ ดว้ ยกับการสั่ง 4) ควรเพิ่ม กระทรวง 1.2) การสง่ั การโดยหนว่ ยงาน 4.21 1) เขตพน้ื ทค่ี วรมหี น ระดบั เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา 2) ในการอาชีวศึกษา อาชีวศึกษา (f=1) 3) เขตพนื้ ท่อี าจไมท่ ร 1.3) การสง่ั การโดยหนว่ ยงาน 4.52 1) กระจายอานาจให ระดบั สถานศกึ ษา 2) เนน้ การสัง่ งานจาก 3) การรณรงค์ในสถา 2. การรณรงค์ 2.1) การรณรงค์โดยหน่วยงาน 4.48 1) ควรคานึงถึงความ (Inducement/ ระดบั กระทรวง 2) รณรงคใ์ นภาพกวา้ Campaign) 3) ถา้ การส่ังการระดบั 4) ควรเพมิ่ บทบาทข 5) ควรเน้นการชี้ใหเ้ ห

389 กโฉมระบบการเรยี นรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ความคดิ เห็นผทู้ รงคณุ วฒุ ิ กสว่ นกลาง ไมจ่ าเปน็ ต้องให้ระดับกระทรวง เขตพืน้ ที่ หรือสถานศึกษาสงั่ การทุกอย่าง แต่ งชมุ ชน ในการทาความตกลงกับโรงเรียน ว่าจะใหด้ าเนินไปในทศิ ทางและลกั ษณะใด การ ระทรวงขับเคลื่อน แต่ตอ้ งเปิดปลายใหส้ ถานศกึ ษามสี ทิ ธิอ์ อกแบบ รปู แบบ การดาเนินการ องนโยบายในระยะยาว (f=3) มือจากหน่วยงานอ่ืน ๆ ในชุมชน ในการนานโยบายไปสู่การปฏิบตั ิ เพอื่ ใหต้ อบสนองความ =1) งการเพราะทาใหเ้ ป็นระบบและมีระเบยี นในการดาเนนิ การ (f=1) ง/กรม (f=1) นา้ ทใี่ นการกากบั ตดิ ตามด้วย ควรเพมิ่ ระดับเขตพน้ื ท่ีการศึกษา/จังหวดั (f=2) า มันข้นึ กับสถาบันอาชีวิศกึ ษา ท่อี ยู่ตามภาคตา่ ง ๆ ควรเป็น เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา/สถาบนั ราบสภาพจรงิ ในการปฏบิ ตั ิ (f=1) ห้สถานศึกษามากท่ีสดุ (f=1) กสถานศึกษาให้มากขน้ึ (f=1) านศึกษาถอื ว่าสาคัญทส่ี ุด (f=1) มเข้าใจเกี่ยวกบั นโยบายให้ตรงกันในทกุ ระดบั การสอ่ื สารต้องมีประสิทธิภาพ (f=1) าง ผา่ นนโยบายสาธารณะ (f=1) บกระทรวงมบี ทบาทนอ้ ยลง การรณรงค์ระดับกระทรวงก็น้อยลงเหมอื นกนั (f=1) ของ กระทรวง/กรม (f=1) ห็นคณุ คา่ และความสาคญั ของการเปลีย่ นแปลงระบบการเรยี นรู้ (f=1)

เครอื่ งมือการนานโยบายสูก่ ารปฏบิ ัติ ระดบั (Policy Implementation) ความ เหมาะสม 2.2) การรณรงค์โดยหนว่ ยงาน 4.55 1) ในการอาชวี ศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศกึ ษา อาชีวศึกษา (f=1) 3. การสรา้ งขดี 2.3) การรณรงค์โดยหนว่ ยงาน 2) ในระดับเขตพน้ื ทีม่ ความสามารถ ระดบั สถานศกึ ษา แบบบูรณาการ (f=1) (Capacity 3) ควรเพมิ่ ระดบั เขต Building) 3.1) การจัดทาคู่มือ และการนา 4.73 1) สถานศกึ ษาไม่จาเ นโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั แิ บบ ส่อื สารเชิงนโยบายใน ออฟไลน์ (Offline) 4.30 1) บุคลากรสว่ นใหญ 2) ควรพัฒนาครูใหเ้ ป 3.2) การจัดทาคู่มือ และการนา 3) ควรประเมนิ ประส นโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิแบบ 4) การสร้างขดี ความ ออนไลน์ (Online) สามารถทาไดด้ ี (f=1) 5) การสรา้ งขีดความ 3.3) การเสรมิ พลงั ของผู้บริหาร ตอ่ การนานโยบายไป การศกึ ษาระดบั กระทรวงในการ ทักษะเกยี่ วกับการนา นานโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 6) ควรตดั คาว่า “แล 4.61 1) ควรตัดคาว่า “แล 4.52 1) เน้นการเสริมพลังข 2) เสริมพลงั ผูบ้ รกิ าร 3) ควรเพม่ิ บทบาทข

390 ความคิดเห็นผูท้ รงคณุ วฒุ ิ า มนั ข้ึนกบั สถาบันอาชวี ิศึกษา ที่อยู่ตามภาคตา่ ง ๆ ควรเป็น เขตพ้ืนที่การศกึ ษา/สถาบัน มคี วามกว้างของพื้นที่ และมหี น่วยงานหลาย ๆ อยู่รว่ มกนั ต้องเน้นรูปแบบการทางาน ) ตพ้ืนที่การศึกษา/จงั หวัด (f=1) เป็นต้องทาแบบ campaign เพราะเปน็ หนว่ ยงานเล็ก น่าจะเขา้ ใจได้เลย แต่ตอ้ งมีการ นระดับสถานศกึ ษาชดั ๆ (f=1) ญย่ ังต้องอาศัยการใชแ้ บบ offline อยู่ (f=2) ปน็ Professional Coaching และ Expert Coaching (f=2) สิทธิภาพของค่มู ือวา่ สามารถนาไปใช้จรงิ ไดไ้ หม มีความเหมาะสมจริงไหม (f=1) มสามารถ จะตอ้ งสรา้ งใหเ้ กดิ ความรสู้ ึกอยากทา และมกี ารพัฒนาใหม้ คี วามเข้าใจและ ) มสามารถ ควรมีมากกว่าการทาคมู่ อื และการเสรมิ พลัง โดยควรสรา้ งระบบและกลไกทเี่ อ้ือ ปส่กู ารปฏิบตั ิ สง่ เสรมิ การเรียนรู้รว่ มกัน (อาจจะอย่ใู นคมู่ อื ) และการพัฒนาองคค์ วามร้แู ละ านโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ัติ (f=1) ละ” ออก เพราะไมส่ ่อื ความหมาย (f=1) ละ” ออก เพราะไมส่ ่ือความหมาย (f=1) ของผ้บู รหิ ารการศึกษาระดบั กระทรวงในการนานโยบายสกู่ ารปฏบิ ัติ (f=1) รสถานศึกษาและครูใหม้ ากทสี่ ดุ เพราะผลมาจากห้องเรียนและสถานศึกษา (f=1) ของ กระทรวง/กรม (f=1)

เครือ่ งมอื การนานโยบายส่กู ารปฏิบตั ิ ระดับ 4) ควรเนน้ การเสริมพ (Policy Implementation) ความ ไมไ่ ดเ้ ป็นผ้ปู ฏิบตั งิ าน เหมาะสม 1) ควรเพ่มิ ระดับเขต 3.4) การแสริมพลงั ของผบู้ ริหาร 4.64 การศกึ ษาระดบั เขตพื้นทใี่ นการ 4.82 - นานโยบายสกู่ ารปฏิบัติ 4.82 3.5) การแสรมิ พลังของผ้บู ริหาร 4.55 - สถานศึกษาในการนานโยบายสู่ การปฏิบตั ิ 4.79 1) ควรแยกออกเปน็ 3.6) การแสรมิ พลังของครูในการ ความสขุ และ 2. ตาม นานโยบายสู่การปฏบิ ัติ 2) อาจสร้างความวุ่น 4. การ 4.1) เปลีย่ นแปลงระบบหลักสูตร การสรา้ งการเปลี่ยนแ เปลย่ี นแปลง เปน็ หลักสตู รตามบรบิ ท 3) การเปล่ยี นแปลงเ ระบบ (System เป้าหมายชวี ิตของผเู้ รยี น โดยใชแ้ ผนระยะยาว Change) 4) การเปลย่ี นแปลงค การจัดสรรทรพั ยากร 4.2) เปลย่ี นแปลงระบบหอ้ งเรยี น 5) ควรปรบั คาท่ีใช้เป เปน็ หอ้ งเรียนสร้างสรรค์ชวี ิตใน ผูเ้ รยี น” (f=1) โลกกว้าง และนวตั กร 1) ควรปรบั คาที่ใช้เป สรา้ งนวัตกร” (f=1)

391 ความคดิ เห็นผูท้ รงคณุ วฒุ ิ พลงั ทีเ่ ขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาลงไปมากกวา่ การเน้นการเสริมพลงั ในกระทรวง เพราะกระทรวง นในสถานการณ์จริง (f=1) ตพืน้ ทก่ี ารศึกษา/จงั หวัด (f=2) 1. ตามบรบิ ททอ้ งถ่นิ ของผเู้ รยี น จดั การศึกษาและทางานในพืน้ ทขี่ องตนเองอยา่ งมี มเปา้ หมายชวี ิตและสอดคล้องความต้องการของชมุ ชน (f=1) นวายในการจดั การ ควรคานึงถงึ ความปลอดภัยและเปดิ โอกาสใหท้ ุกคนเข้ามามีบทบาทใน แปลงเชิงระบบ (f=1) เชงิ ระบบมีความเสย่ี งสูงเพราะยากในการควบคมุ ตวั แปรท้ังหมด ควรค่อย ๆ เปลย่ี นแปลง เปลยี่ นในส่วนทสี่ าคญั กับตวั นกั เรียนกอ่ น (f=1) ควรเรมิ่ ทีห่ ลกั สตู ร ตามดว้ ยการจดั การเรียนการสอน การวดั ผลการบรหิ ารชั้นเรยี น และ รอยา่ งเปน็ ธรรม (f=1) ปน็ “เปลยี่ นแปลงระบบหลักสตู รเปน็ หลกั สูตรตามบรบิ ทและสอดคล้องเป้าหมายชวี ิตของ ปน็ “เปล่ียนแปลงระบบหอ้ งเรียนเปน็ หอ้ งเรียนสร้างสรรค์ชีวติ ในโลกกว้างและส่งเสรมิ การ

เคร่อื งมือการนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ ระดับ (Policy Implementation) ความ เหมาะสม 4.3) เปลี่ยนแปลงระบบการเรยี น 4.73 - การสอนเปน็ การสรา้ งสรรค์ จินตนาการชวี ิต เศรษฐกจิ และ 4.79 1) เปลี่ยนแปลงระบบ สังคมใหมท่ ่ีพงึ ประสงค์ ความเปน็ ไปได้ การบ 4.4) เปลีย่ นแปลงระบบจัดสรร 2) ส่งิ ทสี่ าคัญมาก ๆ ทรพั ยากร และงบประมาณฐาน ของตัวเลข ควรมีการ โรงเรยี น และคา่ ใช้จา่ ยทางตรง 3) จดั สรรเงินตรงมาท เป็นสว่ นหนงึ่ ในการจ

392 ความคดิ เหน็ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ บจัดสรรทรพั ยากร และงบประมาณฐานโรงเรียน และคา่ ใช้จ่ายทางตรง เร่ืองคานงึ ถงึ บริหารงบประมาณอาจเผชิญกับความเส่ยี งเพมิ่ หากมกี ารเปล่ยี นแปลงเชิงระบบ (f=1) คือการเรยี นการสอน การจดั สรรครู สอนใหต้ รงวุฒิ อย่าใชเ้ พยี งความเท่าเทียมในเร่ือง รควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ (f=1) ทโ่ี รงเรยี น ควรเพ่ิมเทา่ กันทุกโรงเรยี น และควรมีฐานคดิ โดยเอากิจกรรมทีจ่ ะพัฒนามา จดั สรรงบประมาณ (f=1)

393 ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมทีไ่ ด้จากการสมั ภาษณ์ ประกอบด้วย 1) ควรมีเคร่ืองมือท่ีทาใหน้ โยบายมคี วามยดื หย่นุ ในแงข่ องการนาไปปฏิบตั ิ การใหภ้ าคปฏบิ ัติ การเสนอหรือออกแบบวธิ ีการการนานโยบายส่กู ารปฏิบัติตามบรบิ ท 2) ข้อความที่ใช้ขาดความชัดเจน เคร่ืองมือการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ควรประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสาคัญ 2.1) การส่ือขอ้ ความ หมายถึง การถ่ายทอดคาส่ังด้วยวิธีการตา่ ง ๆ 2.2) การจดั สรร ทรัพยากรท่ีจาเป็น หมายถึง การสนับสนุนสถานศึกษา หรือโรงเรียนเก่ียวกับทรัพยากรท่ีเขาต้องการ โดยพยายามให้การสนบั สนุนลงไปทโ่ี รงเรยี นโดยตรง และใหผ้ า่ นหน่วยงานต่าง ๆ นอ้ ยทีส่ ดุ 2.3) การ พัฒนาสมรรถนะของหน่วยงาน หมายถึง การสร้างค่านิยม และทักษะ ความสามารถต่าง ๆ ของ หน่วยงาน เพื่อให้เกิดเจตคติที่ดี และสามารถนานโยบายสู่การปฏิบัติได้ และ 2.4) การเปล่ียนแปลง ระบบ เปน็ ขั้นตอนสุดทา้ ยทจี่ ะนานโยบายส่กู ารปฏบิ ัติ

ตารางที่ 4.26 ผลการสัมภาษณ์การกากับตดิ ตาม และประเมินผลนโยบายพลิกโฉ การประเมินผลนโยบาย ระดับ (Policy Evaluation) ความ เหมาะสม 1. การกากบั 1.1) การกากับตดิ ตามการส่ังการ 4.42 1) ควรกากับติด ตดิ ตาม (Mandates) 2) ให้ใชเ้ ทคโนโ (Monitoring) 1.2) การกากับตดิ ตามการรณรงค์ 4.58 1) Inducemen การนานโยบาย (Inducement/Campaign) สกู่ ารปฏบิ ตั ิ 1.3) การกากบั ติดตามการสร้างขดี 4.67 1) เนน้ เพือ่ สร้า ความสามารถ (Capacity Building) 1.4) การกากับตดิ ตามการเปล่ยี นแปลง 4.73 1) อยา่ ใช้เพยี งค ระบบ (System Change) 2) มีการกากบั ต ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ 1) กระบวนการกากบั ตดิ ตามอาจทาไดโ้ ดย 1. กากับติดตามวธิ กี ารจัดกา ดว้ ยตนเองของผมู้ ีอานาจ 3.2) ให้ผปู้ ฏบิ ัตริ ายงานผลการปฏบิ ตั กิ าร 3.3 2. การ 2.1) ประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ดา้ น 4.61 1) ควรคานงึ ถึง ประเมินผลเพอ่ื ผู้เช่ยี วชาญการเรียนร้ตู ลอดชีวติ 2) ไมค่ วรซบั ซ้อ พฒั นาการนา 3) อาจไมเ่ หมาะ นโยบายสู่การ 2.2) ประเมินผลลัพธ์การเรยี นรดู้ า้ น 4.67 - ปฏบิ ัติ ผู้ออกแบบชวี ติ ที่มคี ุณคา่ 2.3) ประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ดา้ น 4.64 - ผนู้ าการเปลยี่ นแปลงท่ีสรา้ งอนาคต 2.4) ประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ดา้ น 4.70 1) ควรเน้นจาก พลเมืองโลกทม่ี คี ณุ ภาพ และความ พลเมืองโลก (f= รบั ผิดชอบ

394 ฉมระบบการเรยี นรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ความคิดเหน็ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ ดตามท่กี ระบวนการปฏิบตั ิ ไม่ใชว้ ิธีการ (f=1) โลยเี ปน็ เครอื่ งมือในการกากบั ติดตามการสง่ั การ จะมีประสิทธิภาพมากกว่า (f=1) nt เปน็ สงิ่ ทส่ี าคญั (f=1) างขีดความสามารถมากกวา่ การส่งั การหรือรณรงค์ (f=1) ความเท่าเทียมในเรื่องของตวั เลข ควรมกี ารควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก (f=1) ติดตามแล้วควรมขี น้ั ตอนของการวางแนวทางในการแกป้ ัญหาดว้ ย (f=1) ารเรยี นรู้ 2. ระยะเวลาในการกากับตดิ ตาม 3. เทคนิคการกากบั ตดิ ตาม ประกอบด้วย 3.1) กากับติดตาม 3) ดูการปฏบิ ตั จิ ริง งบรบิ ทโรงเรยี นและผู้เรยี นในการประเมินดว้ ย (f=1) อน เน้นทค่ี ณุ ลักษณะและผลการเรยี นรเู้ ปน็ สาคญั (f=1) ะสมสาหรบั เดก็ เลก็ (f=1) กความเป็นพลเมอื งของชาติก่อน เพราะหากมคี วามเปน็ พลเมอื งของชาตแิ ล้ว ย่อมส่งผลตอ่ เนอ่ื งถึงความเป็น =1)

การประเมนิ ผลนโยบาย ระดบั (Policy Evaluation) ความ เหมาะสม 2.5) ประเมินผลลพั ธก์ ารเรยี นรดู้ า้ นผมู้ ี 4.70 - สขุ ภาวะกายและใจที่ดี 4.73 1) มันเป็นพื้นฐา 2.6) ประเมนิ ผลลัพธ์การเรยี นรู้ดา้ นผู้มี 4.64 - สมรรถนะทางอารมณ์ และสังคม 4.67 1) เพมิ่ คาวา่ “ค 2.7) ประเมินผลลพั ธ์การเรยี นร้ดู า้ นผู้ 4.55 - สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมสังคม 4.70 - 2.8) ประเมินผลลพั ธ์การเรยี นรดู้ า้ น ผนู้ าสงั คมคุณธรรม 4.67 - 2.9) ประเมินผลลัพธ์การเรยี นรดู้ า้ นผู้ 4.61 - พลิกผนั ดิจทิ ลั 2.10) ประเมินผลลัพธก์ ารเรียนรู้ดา้ นผู้ 4.48 - สรา้ งสรรคน์ วตั กรรม และเทคโนโลยีสี 4.58 - เขยี ว 2.11) ประเมนิ ผลลัพธ์การเรียนรดู้ า้ นผู้ สรรคส์ รา้ งงานและอาชพี 2.12) ประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรยี นรดู้ า้ นผู้ สรา้ งสรรค์นวตั กรรมการเกษตร อุตสาหกรรม และธรุ กิจ 2.13) ประเมินผลลัพธก์ ารเรียนรดู้ า้ น ผปู้ ระกอบการดิจทิ ลั 2.14) ประเมนิ ผลลพั ธ์การเรียนรดู้ า้ น ผูน้ าเชิงนวตั กรรมและผปู้ ระกอบการ

395 ความคดิ เหน็ ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ านทกุ คนต้องมี สังคมจะสงบสุขและไปตอ่ ได้ง่าย (f=1) คุณธรรมและจรยิ ธรรม” (f=1)

การประเมินผลนโยบาย ระดับ (Policy Evaluation) ความ เหมาะสม 2.15) ประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรียนรดู้ า้ นผู้ 4.70 1) เพิม่ คา เปน็ ม มีวถิ ชี วี ติ ทเ่ี ป็นมติ รกบั ส่งิ แวดล้อม 2.16) ประเมนิ ผลลพั ธก์ ารเรียนรดู้ า้ นผู้ 4.67 1) เพิ่มคา ส่งิ แว สรา้ งสรรคส์ ่ิงแวดลอ้ มสเี ขียว 2.17) ประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรยี นรดู้ า้ นผู้ 4.58 - สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมการเมืองคณุ ภาพ 2.18) ประเมินผลลพั ธ์การเรียนรูด้ า้ นผู้ 4.48 1) ทุกวันนีม้ ีคน ออกเสยี งคณุ ภาพ 2.19) ประเมินผลลัพธก์ ารเรียนรู้ดา้ น 4.48 1) ไม่จาเป็นทุก ผปู้ ฏบิ ัตงิ านการเมอื งคณุ ภาพ ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ 1) มันควรเป็นเร่อื งกระบวนการมากกวา่ ผลลัพธ์ อาจจะปรบั ช่อื หัวข้อเป 3. การ 3.1) นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ 4.73 1) ควรสลับเอา ประเมนิ ผลเพ่ือ 2) ปรบั วิธกี ารเข พัฒนานโยบาย ใหม่ เก่ียวกับกา ระบบการเรยี นรู้ 3.2) คุณภาพคนไทยท่ีพึงประสงค์ 4.58 1) คาวา่ คณุ ภาพ ชาตพิ ันธใ์ นประ 3.3) รูปแบบการเรียนรู้ 4.76 - 3.4) ทรัพยากรการเรยี นรู้ 4.79 - 3.5) การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4.70 -

396 ความคิดเหน็ ผู้ทรงคุณวุฒิ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม\"และพลงั งาน\" (f=1) วดล้อมสีเขียว\"และพลงั งาน\" (f=1) นกาลังสรา้ งนวัตกรรมทางการเมอื ง และเราขอให้การเมืองทค่ี ณุ ภาพ (f=1) กคนจะตอ้ งเป็นผูป้ ฏบิ ัติงานการเมือง แต่บางทีเราเปน็ ผู้ออกเสยี งเยอะ (f=1) ปน็ ประเมนิ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ เพอื่ ใหส้ อดคล้องข้อคาถาม าขอ้ 3 มาเป็นข้อ 2 การประเมินผลเพื่อพฒั นานโยบาย (f=1) ขยี นข้อท่ี 3 มาเปน็ ข้อ 2 แลว้ เพ่ิมเนอื้ หา การประเมนิ ผลเพ่ือพฒั นาการนานโยบายสูก่ ารปฏบิ ตั ิ ขอ้ คาถาม ารประเมินเคร่อื งมอื ของตอนท่ี 2 เชน่ การประเมนิ เพือ่ การสงั่ การ (f=1) พคนไทย ฟงั ดูเป็นการสร้างบรรทดั ฐานสาหรับคนไทยเกนิ ไป นยิ ามหรอื คาควรคานึงถงึ ความหลายหลายทาง ะเทศ (f=1)

การประเมนิ ผลนโยบาย ระดับ (Policy Evaluation) ความ เหมาะสม ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ 1) การประเมินผลนโยบาย ควรมองแยกเป็น 4 ระดับ ตามนโยบาย คอื นาสิง่ ที่ไดจ้ ากการเรียนไปใช้ประโยชนต์ ่อในระดับตนเอง (3) ประเมนิ ผล ประเทศชาติ และ (4) ประเมินความยง่ั ยืน หมายถึง การประเมินวา่ มใี ค