Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

รายงานการวิจัยการออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040

Published by Aj.pan Rattanaumporn, 2021-11-08 04:14:04

Description: รายงานการวิจัย
การออกแบบนโยบายการพลิกโฉมระบบการเรียนรู้
ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040
Policy Design for Transforming Learning Systems
Responsive to Future Global Changes in 2040

Search

Read the Text Version

ตารางที่ 4.18 ระบบการเรียนรทู้ พ่ี ึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงขอ ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ค่าความ (Learning ตัวชว้ี ดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ รูปแบบการเรยี Outcomes) จาเป็น (Learning desi (Assessment Evidences) (PNI) 1. คณุ ภาพทั่วไป (General Qualities) 1) ผเู้ ช่ยี วชาญการ 1.1) มีความฉลาดรใู้ นการ 0.167 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ิต เรียนรู้ตลอดชวี ติ สอ่ื สารภาษาไทยและองั กฤษ 1.2) การเรยี นร้สู ู่การเปลี่ยนแปลง (Lifelong expert การคดิ คานวณ และการ 1.3) การเรยี นรแู้ นวมนุษยนิยม learner) จินตนาการ 1.4) การเรยี นรกู้ ารบริการสังคม 1.5) การเรียนรูเ้ พ่ือสร้างคา่ นยิ มแ 2.1) การเรยี นรู้ในส่ิงท่ีรกั จะเรยี น 2.3) การเรียนรู้อยา่ งทั่วถึงทกุ คน 3.1) การเรยี นรกู้ ารเป็นเจ้าภาพใน 3.7) การเรียนรูว้ ธิ กี ารเรยี นรู้ 4.4) การเรยี นรู้การคิดเชงิ ออกแบ 5.3) การเรยี นรูก้ ารนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชวี ิต 6.4) การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื 1.2) มีทักษะการเรียนรดู้ ว้ ย 0.121 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ติ ตนเอง และการเรยี นรู้ตลอด 1.3) การเรยี นรู้แนวมนุษยนยิ ม ชวี ติ 3.1) การเรียนรูก้ ารเป็นเจา้ ภาพใน 3.2) การเรียนรกู้ ารทาส่งิ ตา่ ง ๆ ไ 3.3) การเรียนรกู้ ารทาสิ่งทคี่ วรทา 3.4) การเรยี นรรู้ ะบบเปดิ 3.5) การเรียนรู้ที่มีเป้าหมายชดั แจ 3.6) การเรยี นร้แู บบมงุ่ ยกระดบั ศ 3.7) การเรยี นร้วู ิธกี ารเรียนรู้ 5.1) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช

328 องโลกอนาคตในปี 2040 ฉบับสมบูรณ์ การประเมินการเรียนรู้ (Learning assessment) ยนรู้ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) ต 2) แหลง่ เรยี นรู้ชวี ิตจรงิ 1) การประเมนิ เพอื่ พฒั นา 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ง 3) แหลง่ เรียนร้เู ฉพาะบคุ คล 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เชงิ สร้างสรรค์ 4) แหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์ 4) การประเมนิ ตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมอื 5) แหลง่ เรียนรูก้ ารลงมอื ทางาน 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ และวัฒนธรรมใหม่ท่ดี ี 6) แหลง่ เรยี นรรู้ ว่ ม 7) แหลง่ เรยี นรสู้ งั คมประกติ 9) แหลง่ เรยี นรจู้ าลอง นการเรียนรู้ 10) แหล่งเรยี นรู้เชิงจินตนาการ บบ ชใ้ นการพัฒนา ต 1) ระบบสนับสนนุ ความเปน็ เลิศ 1) การประเมนิ เพอื่ พฒั นา ของผู้เรียน 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นการเรยี นรู้ 2) แหลง่ เรียนรชู้ วี ติ จริง 3) การประเมินด้วยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั ได้ถกู ตอ้ ง 3) แหลง่ เรยี นรเู้ ฉพาะบคุ คล เชิงสร้างสรรค์ า 4) แหล่งเรยี นรูอ้ อนไลน์ 4) การประเมนิ ตนเอง 5) แหลง่ เรียนรู้ในการทางาน 5) การประเมินแบบรว่ มมือ จง้ 7) แหลง่ เรยี นรูส้ งั คมประกิต 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ ศักยภาพหรอื ไฮสโคป 8) แหล่งเรยี นรู้นกั ประดษิ ฐ์หรือ นวัตกร ช้แก้ปญั หา 9) แหลง่ เรียนรู้จาลอง 10) แหลง่ เรยี นรเู้ ชิงจินตนาการ

ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ค่าความ รปู แบบการเรยี (Learning ตัวช้วี ดั ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเปน็ (Assessment Evidences) (PNI) 5.3) การเรียนรกู้ ารนาความรู้ไปใช ทักษะชวี ติ 5.4) การเรียนรกู้ ารบรหิ ารจดั การ 6.1) การเรยี นรกู้ ารทางานสร้างผล 6.2) การเรียนรกู้ ารทางานในสถา หรือสหกิจศึกษา 1.3) มีทักษะการบูรณาการ 0.146 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ิต ข้ามศาสตร์ และการนาไปใช้ 1.2) การเรยี นรสู้ กู่ ารเปลี่ยนแปลง ในชวี ติ จริง 2.1) การเรยี นรู้ในสง่ิ ที่รกั จะเรียน 2.3) การเรยี นรูอ้ ย่างทว่ั ถึงทุกคน 3.1) การเรยี นร้กู ารเป็นเจา้ ภาพใน 3.6) การเรียนรแู้ บบมุ่งยกระดบั ศ 3.7) การเรียนรูว้ ธิ กี ารเรยี นรู้ 4.1) การเรียนรูส้ ู่การเปล่ียนแปลง 4.2) การเรียนรู้เหตุผลท่ีตอ้ งทาสิง่ 4.3) การเรยี นรกู้ ารค้นพบส่ิงใหม่ 4.4) การเรยี นรกู้ ารคดิ เชิงออกแบ 4.6) การเรียนรกู้ ารเป็นนวัตกร 5.1) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช 5.3) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชวี ติ 6.1) การเรียนรูก้ ารทางานสรา้ งผล 6.2) การเรียนรกู้ ารทางานในสถา หรือสหกจิ ศึกษา 1.4) มที กั ษะการปรบั ตวั 0.148 1.1) การเรียนร้กู ารออกแบบชวี ิต ตอบสนองการเปลีย่ นแปลง 1.2) การเรียนรู้สู่การเปลยี่ นแปลง ของโลกอนาคต 1.5) การเรียนรู้เพ่อื สร้างคา่ นยิ มแ

329 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ชใ้ นการพฒั นา 1) การประเมนิ เพือ่ พฒั นา 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ติ จริง ร 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั ลิตภัณฑ์ เชิงสรา้ งสรรค์ านประกอบการ 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมอื ต 2) แหล่งเรยี นรชู้ วี ิตจริง 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ ง 3) แหล่งเรยี นรเู้ ฉพาะบุคคล 4) แหลง่ เรียนรอู้ อนไลน์ 1) การประเมินเพอื่ พัฒนา นการเรยี นรู้ 5) แหลง่ เรียนรกู้ ารลงมือทางาน 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ศักยภาพหรือไฮสโคป 6) แหลง่ เรยี นรู้รว่ ม 7) แหลง่ เรยี นรู้สงั คมประกิต ง 8) แหล่งเรยี นรู้นักประดิษฐ์ งทค่ี วรทา 9) แหล่งเรียนร้จู าลอง 11) แหล่งเรียนรทู้ ่ยี ดื หยนุ่ บบ ช้แกป้ ญั หา ช้ในการพัฒนา ลิตภัณฑ์ านประกอบการ ต 1) ระบบสนบั สนนุ ความเป็นเลศิ ง ของผู้เรียน และวัฒนธรรมใหม่ท่ีดี 2) แหล่งเรยี นรู้ชีวติ จรงิ

ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ค่าความ รูปแบบการเรีย (Learning ตัวช้ีวดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเปน็ (Assessment Evidences) (PNI) 2.1) การเรียนรใู้ นสิ่งท่รี ักจะเรียน 2.3) การเรียนรู้อย่างทัว่ ถึงทุกคน 3.4) การเรียนรู้ระบบเปิด 1.5) มที ักษะการคดิ อยา่ งมี 0.182 1.1) การเรียนรูก้ ารออกแบบชวี ติ วจิ ารณญาณ หรอื การคิดเชงิ 1.2) การเรียนรสู้ ่กู ารเปล่ียนแปลง วิพากษ์ (Critical thinking 1.5) การเรยี นรูเ้ พื่อสร้างคา่ นิยมแ skill) 1.6) การเรียนรู้อย่างมคี วามสุข 2.1) การเรยี นรูใ้ นสิง่ ท่รี ักจะเรียน 2) ผ้อู อกแบบชีวิตท่ีมี 2.1) 1.2.1) ค้นพบสิ่งที่รกั ที่ 0.196 2.3) การเรยี นรู้อยา่ งทวั่ ถงึ ทุกคน คณุ ค่า (Valuable จะทา ทาอย่างมีความสุขและ 3.1) การเรยี นรกู้ ารเปน็ เจ้าภาพใน Life Designer) มีคุณค่า (Passion) 3.3) การเรยี นร้ใู นการทาสิ่งท่ีควร 3.7) การเรียนร้วู ิธกี ารเรียนรู้ 4.2) การเรียนรู้เหตุผลทีต่ อ้ งทาสิ่ง 4.6) การเรียนรกู้ ารเปน็ นวตั กร 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความรไู้ ปใช 5.3) การเรยี นรู้การนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชีวติ 5.4) การเรียนรู้การบริหารจดั การ 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ติ 1.3) การเรยี นรแู้ นวมนุษยนิยม 1.6) การเรยี นรอู้ ยา่ งมีความสุข 3.3) การเรียนร้กู ารทาส่งิ ทคี่ วรทา 4.2) การเรยี นรูเ้ หตผุ ลท่ีต้องทาสิ่ง

330 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ การประเมินการเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) 3) การประเมินด้วยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบคุ คล เชิงสรา้ งสรรค์ 4) การประเมินตนเอง 4) แหล่งเรียนรอู้ อนไลน์ 5) การประเมินแบบรว่ มมอื 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ 5) แหล่งเรยี นรู้การลงมอื ทางาน 1) การประเมินเพอื่ พฒั นา 6) แหล่งเรียนรูร้ ่วม 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชีวิตจริง 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั 7) แหลง่ เรยี นรสู้ งั คมประกติ เชิงสรา้ งสรรค์ 4) การประเมินตนเอง 9) แหลง่ เรยี นรจู้ าลอง 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ 10) แหล่งเรยี นร้เู ชิงจินตนาการ 1) การประเมินเพือ่ พฒั นา 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชีวิตจริง ต 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลิศ 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั เชงิ สรา้ งสรรค์ ง ของผู้เรยี น 4) การประเมินตนเอง และวฒั นธรรมใหมท่ ี่ดี 2) แหลง่ เรียนรู้ชวี ติ จริง 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบคุ คล 4) แหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์ 5) แหล่งเรียนรใู้ นการทางาน นการเรยี นรู้ 8) แหล่งเรยี นรู้นักประดิษฐ์หรอื รทา นวตั กร 11) แหลง่ เรยี นรู้ท่ยี ืดหยนุ่ งทีค่ วรทา ช้แกป้ ญั หา ชใ้ นการพัฒนา ร 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลิศ ต ของผ้เู รียน 2) แหล่งเรียนรู้ชวี ติ จริง า 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบคุ คล งที่ควรทา 4) แหล่แหล่งเรียนรอู้ อนไลน์

ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ คา่ ความ (Learning ตัวช้วี ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ต้องการ รปู แบบการเรีย Outcomes) จาเปน็ (Learning desi (Assessment Evidences) (PNI) 5.3) การเรียนรู้การนาความร้ไู ปใช ทักษะชวี ิต 6.4) การเรียนรแู้ บบรว่ มมือ 2.2) สามารถทาในสงิ่ ทโี่ ลก 0.206 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ติ ตอ้ งการ และมคี ณุ ค่า 0.198 1.5) การเรียนรเู้ พอ่ื สรา้ งค่านยิ มแ (Mission) 2.2) การเรียนรู้เพอื่ สรา้ งประโยชน 2.3) สามารถสรา้ งคุณค่าจาก 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชวี ิต สง่ิ ทท่ี า (Vocation) 1.6) การเรียนรูอ้ ย่างมีความสุข 1.4) การเรยี นรกู้ ารบรกิ ารสงั คม 2.4) สามารถออกแบบชวี ิตท่ี 0.127 2.1) การเรยี นรู้ในส่ิงทรี่ กั จะเรียน มีคณุ ค่า และวางแผนเสน้ ทาง 2.3) การเรยี นรู้อย่างท่ัวถึงทุกคน เพอื่ ไปสูก่ ารไดท้ าในสง่ิ ทรี่ ักได้ 3.1) การเรียนรู้การเปน็ เจ้าภาพใน ดีอย่างมอื อาชพี 3.2) การเรียนรู้ในการทาสงิ่ ต่าง ๆ (Profession) 3.7) การเรยี นรู้วิธกี ารเรียนรู้ 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความร้ไู ปใช 5.3) การเรียนรู้การนาความรูไ้ ปใช ทักษะชวี ิต 5.4) การเรยี นรกู้ ารบรหิ ารจดั การ 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชวี ติ 1.3) การเรยี นรแู้ นวมนุษยนยิ ม 1.4) การเรียนรกู้ ารบรกิ ารสังคม 1.6) การเรียนรู้อยา่ งมคี วามสขุ 3.3) การเรียนรู้การทาส่งิ ทีค่ วรทา 4.2) การเรยี นรูเ้ หตุผลที่ต้องทาสงิ่

331 ยนรู้ ทรัพยากรการเรยี นรู้ การประเมินการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ช้ในการพัฒนา 5) แหลง่ เรยี นรใู้ นการทางาน 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ 6) แหลง่ เรยี นร้รู ่วม 1) การประเมินเพื่อพัฒนา 7) แหลง่ เรียนรู้สังคมประกติ 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั เชิงสรา้ งสรรค์ 8) แหลง่ เรยี นรู้นักประดษิ ฐ์ 1) การประเมินเพ่อื พฒั นา 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ 9) แหล่งเรยี นรู้จาลอง 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เชงิ สรา้ งสรรค์ 10) แหล่งเรียนรู้เชงิ จนิ ตนาการ 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื ต 2) แหลง่ เรยี นรู้ชีวติ จรงิ 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ และวัฒนธรรมใหมท่ ่ีดี 7) แหล่งเรียนรสู้ ังคมประกติ 1) การประเมนิ เพ่ือพฒั นา 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชีวิตจริง น์ต่อมนษุ ยชาติ 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื ต 1) ระบบสนับสนนุ ความเป็นเลิศ 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ของผ้เู รยี น 2) แหล่งเรียนรชู้ ีวิตจรงิ 3) แหล่งเรียนรเู้ ฉพาะบคุ คล 4) แหลง่ เรยี นรอู้ อนไลน์ นการเรยี นรู้ 5) แหลง่ เรยี นรู้การลงมือทางาน ๆ ได้ถกู ตอ้ ง 7) แหลง่ เรยี นรสู้ ังคมประกิต 9) แหลง่ เรียนรู้จาลอง ชแ้ ก้ปญั หา ชใ้ นการพฒั นา ร 1) ระบบสนับสนนุ ความเปน็ เลิศ ต ของผเู้ รียน 2) แหลง่ เรียนรชู้ วี ติ จรงิ า 5) แหลง่ เรยี นรใู้ นการทางาน งท่คี วรทา 7) แหลง่ เรียนร้สู ังคมประกติ

ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ คา่ ความ รปู แบบการเรยี (Learning ตวั ชีว้ ดั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเปน็ (Assessment Evidences) 3) ผู้นาการ (PNI) เปล่ยี นแปลงทสี่ ร้าง อนาคต (Change 5.3) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใช Leader Make the Future) ทกั ษะชีวติ 2.5) มีความฉบั ไวในการ 0.167 1.6) การเรยี นรอู้ ย่างมคี วามสุข ตอบสนองการเปลยี่ นแปลง 2.1) การเรียนรู้ในสงิ่ ท่รี ักจะเรยี น (Agility) 2.3) การเรยี นรู้อยา่ งทั่วถึงทุกคน 3.1) การเรยี นรกู้ ารเปน็ เจา้ ภาพใน 3.4) การเรียนรู้ระบบเปดิ 3.5) การเรยี นรู้ที่มเี ป้าหมายชัดแจ 3.7) การเรียนรู้วธิ กี ารเรยี นรู้ 5.4) การเรียนรู้การบริหารจดั การ 3.1) มวี สิ ยั ทัศน์กวา้ งไกล 0.206 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ติ 1.2) การเรยี นรู้สู่การเปลีย่ นแปลง 4.3) การเรยี นรู้การคน้ พบสง่ิ ใหม่ 5.3) การเรยี นรกู้ ารนาความรไู้ ปใช 5.4) การเรยี นรู้การบรหิ ารจัดการ 3.2) สามารถสอ่ื สารใหม้ ี 0.203 5.2) การเรียนรทู้ างอารมณแ์ ละสงั วสิ ัยทศั น์ร่วม และสร้างสรรค์ 5.4) การเรยี นรกู้ ารบริหารจัดการ การเปลี่ยนแปลงที่พงึ ประสงคด์ ้วยกลยุทธท์ ี่ดี 3.3) มกี รอบความคิดแบบ 0.140 3.1) การเรยี นรู้การเป็นเจา้ ภาพใน เตบิ โต (Growth mindset) 3.3) การเรียนรกู้ ารทาส่งิ ที่ควรทา และมองออกนอก (Outward 3.7) การเรยี นรูว้ ธิ กี ารเรยี นรู้ mindset) 4.3) การเรยี นรู้การคน้ พบสิ่งใหม่ 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชิงออกแบ 4.5) การเรยี นรู้การสร้างจนิ ตนาก 4.6) การเรยี นรู้การเปน็ นวัตกร

332 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ การประเมินการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ช้ในการพัฒนา 1) การประเมินเพื่อพัฒนา 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ิตจริง นการเรยี นรู้ 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลศิ 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั ของผู้เรียน เชิงสรา้ งสรรค์ จง้ 2) แหลง่ เรยี นรูช้ ีวติ จริง 4) การประเมนิ ตนเอง 3) แหล่งเรียนรเู้ ฉพาะบคุ คล 5) การประเมินแบบรว่ มมอื ร 5) แหลง่ เรียนรูก้ ารลงมอื ทางาน ต 9) แหลง่ เรยี นรู้จาลอง 1) การประเมินเพื่อพัฒนา ง 11) แหลง่ เรยี นรูท้ ี่ยดื หยนุ่ 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวติ จริง 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั ชพ้ ัฒนาทักษะชวี ิต 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวิตจริง เชงิ สร้างสรรค์ ร 4) แหลง่ เรยี นรู้ออนไลน์ 4) การประเมนิ ตนเอง งคม 9) แหลง่ เรียนรูจ้ าลอง 3) การประเมินด้วยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั ร 10) แหลง่ เรียนรเู้ ชิงจินตนาการ เชงิ สร้างสรรค์ 4) การประเมินตนเอง 2) แหลง่ เรยี นร้ชู วี ติ จริง 7) แหล่งเรียนรสู้ งั คมประกิต 1) การประเมินเพอ่ื พฒั นา 9) แหลง่ เรียนรู้จาลอง 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ิตจริง 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั นการเรียนรู้ 2) แหลง่ เรยี นรชู้ ีวติ จริง เชิงสร้างสรรค์ า 3) แหล่งเรยี นรู้เฉพาะบคุ คล 5) การประเมินแบบรว่ มมือ 5) แหลง่ เรยี นรกู้ ารลงมอื ทางาน 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ บบ 10) แหลง่ เรยี นร้เู ชงิ จินตนาการ การ

ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ค่าความ รูปแบบการเรยี (Learning ตัวช้วี ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ (Learning desi Outcomes) จาเปน็ (Assessment Evidences) 4) พลเมอื งโลกที่มี (PNI) คุณภาพ และความ รบั ผิดชอบ 3.4) มที กั ษะการคดิ นอก 0.185 2.1) การเรยี นรใู้ นสงิ่ ทร่ี กั จะเรยี น (Responsible & Competence กรอบขา้ มศาสตร์ 2.3) การเรยี นรู้อยา่ งทวั่ ถงึ ทกุ คน Global Citizen) 3.1) การเรียนรู้การเป็นเจ้าภาพใน 3.5) การเรยี นรู้ท่มี เี ปา้ หมายชัดแจ 3.7) การเรียนรวู้ ธิ กี ารเรยี นรู้ 4.2) การเรยี นรู้เหตุผลที่ตอ้ งทาสิง่ 4.3) การเรยี นรู้การค้นพบส่งิ ใหม่ 4.4) การเรียนรู้การคิดเชงิ ออกแบ 4.6) การเรียนรู้การเป็นนวัตกร 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรู้ไปใช 3.5) มคี วามสามารถในการ 0.204 3.1) การเรยี นรู้การเปน็ เจ้าภาพใน เจรจาตอ่ รองและไกล่เกลยี่ 3.2) การเรียนรใู้ นการทาสิ่งตา่ ง ๆ 3.3) การเรยี นร้กู ารทาสง่ิ ท่คี วรทา 3.4) การเรียนรู้ระบบเปิด 3.7) การเรยี นรู้วิธกี ารเรยี นรู้ 5.4) การเรยี นรกู้ ารบริหารจัดการ 3.6) มีความสามารถในการ 0.187 4.1) การเรียนรู้ส่กู ารเปล่ยี นแปลง สร้างสรรคน์ วตั กรรมพลิกผัน 4.4) การเรียนรกู้ ารคดิ เชงิ ออกแบ 4.6) การเรยี นรกู้ ารเปน็ นวตั กร 4.1) มคี ณุ ธรรม จริยธรรม 0.130 1.1) การเรียนร้กู ารออกแบบชวี ติ และจติ สานึกสากล 1.3) การเรยี นรู้แนวมนษุ ยนยิ ม 1.4) การเรยี นร้กู ารบริการสังคม 1.5) การเรียนรู้เพอ่ื สรา้ งค่านิยมแ 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความรูไ้ ปใช 5.2) การเรยี นรู้ทางอารมณแ์ ละสงั 5.3) การเรยี นรู้การนาความรไู้ ปพ 5.4) การเรียนรู้การบรหิ ารจดั การ

333 ยนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) นการเรยี นรู้ 1) ระบบสนับสนุนความเป็นเลศิ 1) การประเมินเพอ่ื พฒั นา จง้ ของผูเ้ รียน 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวิตจรงิ งทค่ี วรทา 2) แหล่งเรยี นรูช้ วี ติ จริง 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั บบ 3) แหลง่ เรียนรู้เฉพาะบุคคล เชิงสรา้ งสรรค์ 4) แหลง่ เรยี นรู้ออนไลน์ 4) การประเมินตนเอง 5) แหล่งเรียนรู้ในการทางาน 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ 6) แหล่งเรยี นรรู้ ว่ ม 8) แหลง่ เรยี นรู้นกั ประดิษฐ์ 1) การประเมินเพ่ือพัฒนา 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวิตจริง ช้แก้ปญั หา 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวิตจรงิ 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั 5) แหลง่ เรยี นรกู้ ารลงมอื ทางาน เชิงสร้างสรรค์ นการเรยี นรู้ 6) แหลง่ เรยี นรรู้ ว่ ม 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื ๆ ได้ถกู ตอ้ ง 7) แหลง่ เรียนรสู้ งั คมประกติ 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ า 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ ร 1) การประเมนิ เพอื่ พฒั นา ง 1) ระบบสนบั สนนุ ความเป็นเลิศ 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ิตจริง บบ ของผู้เรียน 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมือ 5) แหลง่ เรยี นรู้ในการทางาน ต 2) แหลง่ เรยี นรู้ชวี ิตจริง 7) แหล่งเรยี นรสู้ ังคมประกติ และวฒั นธรรมใหมท่ ี่ดี ชแ้ ก้ปญั หา งคม พฒั นาทักษะชีวิต ร

ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ค่าความ รปู แบบการเรีย (Learning ตวั ชีว้ ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ (Learning desi Outcomes) จาเปน็ (Assessment Evidences) (PNI) 4.2) กลา้ แสดงความคิดเหน็ 0.089 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ิต อย่างมีเหตผุ ล พร้อมทั้งเปิด 1.3) การเรยี นรู้แนวมนษุ นยิ ม ใจรับฟังความคิดเห็นท่ี 1.5) การเรยี นรู้เพ่ือสร้างค่านยิ มแ แตกต่าง 3.2) การเรียนรใู้ นการทาส่ิงตา่ ง ๆ 3.3) การเรียนรกู้ ารทาสง่ิ ท่คี วรทา 4.3) ตดั สนิ ใจอย่างมีความ 0.157 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ิต รับผดิ ชอบต่อตนเอง สว่ นรวม 0.062 1.4) การเรียนรู้การบรกิ ารสังคม และสังคมโลก 1.5) การเรียนรูเ้ พอื่ สร้างค่านยิ มแ 4.4) เคารพในความแตกต่าง 1.3) การเรยี นรู้แนวมนษุ ยนยิ ม ทางวฒั นธรรม 1.4) การเรยี นรกู้ ารบรกิ ารสังคม 1.5) การเรียนรเู้ พื่อสรา้ งค่านยิ มแ 3.4) การเรยี นรู้ระบบเปิด 4.5) มคี วามซือ่ สตั ย์ มวี นิ ยั ใน 0.089 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ิต ตนเอง รู้หนา้ ท่แี ละเคารพ 1.3) การเรียนรู้แนวมนษุ ยนิยม สิทธขิ องผอู้ ่ืน 1.5) การเรยี นรเู้ พื่อสรา้ งค่านิยมแ 3.3) การเรยี นรกู้ ารทาส่งิ ที่ควรทา 5) ผมู้ สี ุขภาวะกายและ 5.1) มคี วามฉลาดรดู้ า้ น 0.141 5.1) การเรยี นรู้การนาความรู้ไปใช ใจทด่ี ี (Well-being สขุ ภาพ (Health literacy) 5.2) การเรียนรทู้ างอารมณแ์ ละสงั person) 5.3) การเรียนร้กู ารนาความรไู้ ปพ 5.4) การเรยี นรกู้ ารบรหิ ารจดั การ 1.5) การเรียนรเู้ พ่อื สร้างค่านยิ มแ 5.2) การเรียนร้ทู างอารมณแ์ ละสัง 5.3) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชีวติ

334 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ต 2) แหล่งเรยี นรูช้ วี ติ จรงิ 1) การประเมนิ เพอื่ พัฒนา 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ 5) แหล่งเรยี นรกู้ ารลงมือทางาน 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั เชงิ สร้างสรรค์ และวฒั นธรรมใหมท่ ่ดี ี 6) แหลง่ เรียนรู้ร่วม 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ ๆ ได้ถกู ตอ้ ง 7) แหลง่ เรียนรสู้ ังคมประกติ 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ า 9) แหล่งเรยี นร้จู าลอง 1) การประเมนิ เพือ่ พฒั นา ต 5) แหล่งเรยี นรใู้ นการทางาน 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จริง 7) แหลง่ เรียนรู้สงั คมประกิต 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั เชิงสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมใหม่ทด่ี ี 4) การประเมินตนเอง 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลิศ 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั ของผ้เู รยี น เชงิ สร้างสรรค์ และวัฒนธรรมใหมท่ ด่ี ี 2) แหล่งเรยี นรชู้ วี ติ จริง 4) การประเมินตนเอง 7) แหลง่ เรียนรสู้ ังคมประกติ 5) การประเมินแบบรว่ มมือ 9) แหลง่ เรยี นรู้จาลอง 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จริง ต 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวติ จริง 4) การประเมินตนเอง 7) แหลง่ เรยี นรสู้ ังคมประกิต และวฒั นธรรมใหมท่ ่ดี ี 9) แหลง่ เรียนรจู้ าลอง า ชแ้ กป้ ญั หา งคม พฒั นาทักษะชวี ิต ร และวัฒนธรรมใหมท่ ่ดี ี 1) ระบบสนับสนุนความเปน็ เลิศ งคม ของผู้เรียน ช้ในการพฒั นา 2) แหลง่ เรยี นรู้ชวี ิตจริง 3) แหลง่ เรยี นรเู้ ฉพาะบุคคล 6) แหลง่ เรียนรรู้ ว่ ม

ผลลัพธ์การเรียนรู้ ค่าความ (Learning ตัวชว้ี ดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ รูปแบบการเรีย Outcomes) จาเปน็ (Learning desi (Assessment Evidences) (PNI) 5.2) มสี ขุ ภาพวะทางใจทด่ี ี 0.121 1.1) การเรยี นร้กู ารออกแบบชวี ิต 1.2) การเรยี นรสู้ กู่ ารเปลยี่ นแปลง 1.3) การเรยี นรู้แนวมนษุ ยนยิ ม 1.6) การเรยี นรู้อย่างมคี วามสุข 5.2) การเรยี นรูท้ างอารมณแ์ ละสัง 5.3) มสี ุขภาวะทางกายทด่ี ี 0.119 1.6) การเรียนรอู้ ย่างมคี วามสขุ 2.1) การเรียนรู้ในส่ิงท่รี กั จะเรียน 2.3) การเรยี นรู้อยา่ งท่ัวถึงทุกคน 3.3) การเรียนรกู้ ารทาสง่ิ ที่ควรทา 3.6) การเรยี นรู้มงุ่ ยกระดับศกั ยภ 5.3) การเรยี นรกู้ ารนาความรูไ้ ปใช ทกั ษะชวี ติ 2. คณุ ภาพทางสงั คม (Social Qualities) 1) ผู้มสี มรรถนะทาง 1.1) เปน็ ผตู้ ระหนักรใู้ น 0.152 1.5) การเรยี นรเู้ พื่อสร้างคา่ นยิ มแ อารมณ์ และสงั คม ตนเอง ผ้อู น่ื และมีมารยาท 2.2) การเรียนรู้เพือ่ สร้างประโยชน (Emotional & Social ทางสงั คม 3.3) การเรยี นรกู้ ารทาสง่ิ ทคี่ วรทา Competencies) 3.4) การเรยี นรู้ระบบเปดิ 5.2) การเรียนรู้ทางอารมณ์และสัง 1.2) มคี วามฉลาดร้ทู าง 0.162 1.5) การเรยี นรู้เพ่อื สรา้ งค่านิยมแ อารมณ์ และสัมพันธภ์ าพทีด่ ี 3.3) การเรยี นรกู้ ารทาสิ่งที่ควรทา 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรู้ไปใช 5.2) การเรียนรทู้ างอารมณแ์ ละสัง

335 ยนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ต 7) แหล่งเรียนรู้สงั คมประกิต 1) การประเมนิ เพอ่ื พัฒนา ง 1) ระบบสนับสนนุ ความเป็นเลศิ 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวิตจริง ของผู้เรยี น 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั งคม 2) แหลง่ เรยี นรชู้ วี ิตจริง เชิงสรา้ งสรรค์ 3) แหล่งเรยี นรู้เฉพาะบคุ คล 4) การประเมินตนเอง า 6) แหลง่ เรียนรรู้ ่วม 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ ภาพหรอื ไฮสโคป 7) แหล่งเรียนรู้สงั คมประกติ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ชใ้ นการพัฒนา 10) แหล่งเรียนร้เู ชิงจนิ ตนาการ 1) การประเมินเพอื่ พฒั นา 1) ระบบสนับสนุนความเป็นเลิศ 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จริง ของผ้เู รียน 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั 2) แหล่งเรยี นรชู้ วี ิตจรงิ เชงิ สร้างสรรค์ 3) แหล่งเรยี นรเู้ ฉพาะบคุ คล 4) การประเมนิ ตนเอง 6) แหล่งเรยี นรู้ร่วม 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ 7) แหลง่ เรยี นรสู้ ังคมประกิต 8) แหล่งเรียนรูน้ กั ประดษิ ฐ์หรอื 1) การประเมนิ เพอ่ื พัฒนา นวตั กร 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวติ จรงิ 4) การประเมนิ ตนเอง และวฒั นธรรมใหมท่ ด่ี ี 2) แหล่งเรยี นรชู้ ีวิตจริง 5) การประเมินแบบรว่ มมอื น์ตอ่ มนุษยชาติ 7) แหล่งเรียนรู้สังคมประกิต 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ า 9) แหลง่ เรยี นรู้จาลอง 1) การประเมินเพอ่ื พฒั นา 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวิตจริง งคม 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เชิงสรา้ งสรรค์ และวัฒนธรรมใหม่ทด่ี ี 2) แหล่งเรียนรู้ชีวติ จริง 4) การประเมินตนเอง า 5) แหล่งเรียนรใู้ นการทางาน ช้แก้ปญั หา 6) แหลง่ เรียนรูร้ ว่ ม งคม 7) แหลง่ เรียนรสู้ งั คมประกิต

ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ คา่ ความ รปู แบบการเรยี (Learning ตัวชวี้ ดั ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเป็น (Assessment Evidences) 2) ผู้สรา้ งสรรค์ (PNI) นวัตกรรมสังคม (Social Innovation 5.3) การเรยี นรกู้ ารนาความร้ไู ปใช Creator) ทักษะชีวิต 5.4) การเรยี นรู้การบรหิ ารจดั การ 1.3) สามารถสร้างสรรค์ 0.146 1.5) การเรียนรเู้ พอื่ สรา้ งคา่ นยิ มแ ค่านิยม ตามวัฒนธรรมอันดี 3.3) การเรยี นรู้การทาส่ิงทีค่ วรทา งามของไทยและวฒั นธรรม 5.2) การเรยี นรู้ทางอารมณ์และสัง อันเปน็ สากล 5.3) การเรยี นรู้การนาความรู้ไปใช ทกั ษะชีวิต 2.1) สามารถสรา้ งนวัตกรรม 0.145 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชวี ติ สังคมจากความเขา้ ใจความ 1.3) การเรียนรแู้ นวมนษุ ยนยิ ม เปน็ มนษุ ย์ ธรรมชาตขิ องโลก 2.2) การเรยี นรู้เพอ่ื สร้างประโยชน ประวตั ศิ าสตร์ ความเป็นชาติ 3.6) การเรียนรู้แบบมุ่งยกระดบั ศ ศาสน์ กษตั ริย์ และสากล ไฮสโคป เพอื่ ความยง่ั ยนื ตามยุคสมยั 4.2) การเรียนรู้เหตผุ ลทตี่ อ้ งทาสงิ่ 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชิงออกแบ 4.6) การเรียนรู้การเปน็ นวัตกร 5.1) การเรยี นร้กู ารนาความรไู้ ปใช 2.2) สามารถสรา้ งสรรค์สงั คม 0.197 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ิต หลงั นวตั กรรมอย่างย่ังยนื 1.3) การเรยี นรู้แนวมนุษยนยิ ม (Post innovation society) 2.2) การเรียนรเู้ พ่อื สรา้ งประโยชน 4.2) การเรยี นรู้เหตุผลที่ตอ้ งทาสิ่ง 4.3) การเรยี นร้กู ารคน้ พบสงิ่ ใหม่ 4.4) การเรียนรู้การคดิ เชิงออกแบ 4.6) การเรียนรกู้ ารเปน็ นวัตกร 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความรู้ไปใช 3.1) มคี วามกล้าหาญทาง 0.121 1.3) การเรียนรแู้ นวมนุษยนยิ ม จรยิ ธรรม 1.5) การเรียนรเู้ พื่อสรา้ งคา่ นยิ มแ

336 ยนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) 5) การประเมินแบบรว่ มมอื ชใ้ นการพฒั นา 1) การประเมินเพือ่ พฒั นา ร 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมอื และวฒั นธรรมใหม่ทด่ี ี 2) แหล่งเรียนรู้ชวี ติ จริง า 7) แหล่งเรียนรู้สังคมประกติ 1) การประเมนิ เพอื่ พฒั นา งคม 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวติ จริง ช้ในการพฒั นา 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั เชิงสรา้ งสรรค์ ต 2) แหล่งเรียนรู้ชวี ิตจรงิ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ 4) แหลง่ เรียนรู้ออนไลน์ น์ต่อมนษุ ยชาติ 5) แหลง่ เรียนรใู้ นการทางาน 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื ศักยภาพ หรอื 7) แหลง่ เรียนรู้สังคมประกติ 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ 8) แหลง่ เรยี นรนู้ กั ประดิษฐห์ รอื งทคี่ วรทา นวตั กร 1) การประเมนิ เพ่อื พัฒนา บบ 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ช้แก้ปญั หา 2) แหลง่ เรียนรู้ชวี ติ จรงิ ต 5) แหลง่ เรยี นรู้การลงมือทางาน 8) แหลง่ เรียนรู้นกั ประดิษฐห์ รอื นต์ ่อมนษุ ยชาติ นวัตกร งท่คี วรทา บบ ช้แก้ปญั หา 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวิตจริง และวฒั นธรรมใหม่ท่ีดี 3) แหลง่ เรยี นรเู้ ฉพาะบุคคล

ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ ค่าความ (Learning ตวั ช้ีวดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ รปู แบบการเรีย Outcomes) จาเปน็ (Learning desi (Assessment Evidences) 3) ผ้นู าสงั คมคณุ ธรรม (PNI) (Social justice leader) 3.3) การเรียนรใู้ นการทาส่งิ ที่ควร 5.2) การเรียนรทู้ างอารมณแ์ ละสงั 3.2) เป็นผ้นู าในการสร้าง 0.101 1.3) การเรียนรู้แนวมนุษยนยิ ม สงั คมเสมอภาค และเปน็ 0.062 1.5) การเรยี นรเู้ พ่ือสรา้ งค่านิยมแ ธรรม 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ิต 3.3) เป็นผูม้ ีจิตสาธารณะ 1.3) การเรียนร้แู นวมนุษนยิ ม เออื้ เฟ้อื แบง่ ปัน กตัญญู ดูแล 1.4) การเรียนรู้การบริการสงั คม ผู้สงู อายุ 1.5) การเรียนรู้เพอ่ื สรา้ งคา่ นยิ มแ 3.4) สามารถบรหิ ารความ 0.158 1.2) การเรียนรู้สู่การเปลยี่ นแปลง ขัดแย้งทางสงั คม 1.3) การเรยี นรู้แนวมนุษยนิยม 2.2) การเรยี นรเู้ พ่อื สรา้ งประโยชน 3. คุณภาพทางเทคโนโลยี (Technological Qualities) 2.3) การเรยี นรูอ้ ย่างทวั่ ถงึ ทกุ คน 1) ผู้พลิกผนั ดิจทิ ลั 1.1) มคี วามฉลาดร้ทู างดจิ ทิ ัล 0.189 3.3) การเรียนรู้การทาสง่ิ ทคี่ วรทา (Digital Disruptor) (Digital Literacy) และ 5.1) การเรยี นรู้การนาความรไู้ ปใช 5.2) การเรยี นรทู้ างอารมณ์และสัง วทิ ยาศาสตร์ขอ้ มูล (Data 5.4) การเรยี นรู้การบริหารจัดการ Science) 4.1) การเรยี นรู้ส่กู ารเปลีย่ นแปลง 4.3) การเรียนรกู้ ารคน้ พบสิง่ ใหม่ 4.4) การเรยี นรู้การคดิ เชงิ ออกแบ 4.6) การเรยี นรู้การเป็นนวตั กร

337 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) รทา 4) แหล่งเรียนรูอ้ อนไลน์ 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั งคม 5) แหลง่ เรยี นรกู้ ารลงมือทางาน เชิงสร้างสรรค์ 4) การประเมนิ ตนเอง 6) แหลง่ เรียนรู้ร่วม 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ 7) แหลง่ เรยี นรู้สงั คมประกติ 5) การประเมินแบบรว่ มมือ 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวิตจริง และวฒั นธรรมใหมท่ ่ีดี 7) แหลง่ เรียนรู้สังคมประกิต 1) การประเมินเพื่อพฒั นา 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ต 1) ระบบสนบั สนนุ ความเป็นเลศิ 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั ของผเู้ รียน เชงิ สร้างสรรค์ 2) แหล่งเรียนรชู้ วี ิตจรงิ 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมือ และวฒั นธรรมใหม่ทด่ี ี 3) แหล่งเรยี นรู้เฉพาะบุคคล 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ 5) แหลง่ เรยี นรูก้ ารลงมอื ทางาน ไม่ปรากฎการประเมนิ การเรยี นรู้ท่ีเป็น 7) แหลง่ เรยี นรู้สงั คมประกิต ตัวอยา่ งกรณีศกึ ษา ง ไม่ปรากฎทรัพยากรการเรยี นรู้ที่ 1) การประเมินเพอื่ พัฒนา นต์ ่อมนษุ ยชาติ เป็นตัวอย่างกรณีศึกษา 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชีวติ จริง 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั า เชงิ สร้างสรรค์ ชแ้ ก้ปญั หา งคม ร ง 1) ระบบสนบั สนนุ ความเป็นเลิศ ของผ้เู รียน บบ 2) แหลง่ เรียนรู้ชวี ิตจริง 4) แหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์

ผลลัพธ์การเรียนรู้ คา่ ความ (Learning ตวั ช้ีวดั ผลลัพธ์การเรยี นรู้ ต้องการ รูปแบบการเรีย Outcomes) จาเปน็ (Learning desi (Assessment Evidences) (PNI) 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความรไู้ ปใช 1.2) มคี วามฉลาดรทู้ าง 0.203 1.1) การเรยี นรูก้ ารออกแบบชวี ิต วิทยาการคานวณ 5.3) การเรียนรู้การนาความรูไ้ ปใช (Computational Literacy) ทกั ษะชีวิต 1.3) สามารถใช้ดิจิทลั ในการ 0.197 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ติ เปลีย่ นชีวติ การเรยี น และ 2.1) การเรยี นรู้ในส่ิงท่รี กั จะเรยี น การทางานอย่างมผี ลติ ภาพ 2.3) การเรยี นร้อู ย่างทว่ั ถงึ ทกุ คน 5.3) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช ทกั ษะชีวิต 5.4) การเรยี นรกู้ ารบรหิ ารจัดการ 1.4) มีความรทู้ างเทคโนโลยี 0.224 2.1) การเรยี นรู้ในส่งิ ที่รกั จะเรียน หุน่ ยนต์ และปัญญาประดษิ ฐ์ 2.3) การเรียนรอู้ ยา่ งท่ัวถงึ ทุกคน ทมี่ ีคุณธรรมเปน็ ฐาน 4.2) การเรยี นรู้เหตุผลทตี่ อ้ งทาสิ่ง 5.3) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช ทกั ษะชีวติ 5.4) การเรยี นรูก้ ารบริหารจัดการ 1.5) สามารถใชเ้ ทคโนโลยีท่ี 0.314 2.2) การเรยี นรู้เพ่ือสรา้ งประโยชน ป้องกนั และแก้ไขปัญหาภยั 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความรู้ไปใช พบิ ตั ิ 1.6) สามารถออกแบบระบบ 0.329 2.2) การเรยี นรเู้ พ่อื สรา้ งประโยชน นเิ วศใหม่ท่ีมนุษย์สามารถ 3.1) การเรยี นรูก้ ารเปน็ เจา้ ภาพใน

338 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ การประเมินการเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ช้แกป้ ญั หา ต 11) แหลง่ เรยี นรทู้ ่ียืดหยนุ่ 1) การประเมินเพอื่ พัฒนา ช้ในการพฒั นา 1) ระบบสนบั สนนุ ความเปน็ เลิศ 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ของผูเ้ รยี น 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั ต 2) แหลง่ เรยี นรชู้ ีวติ จริง เชิงสร้างสรรค์ 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบุคคล 4) การประเมินตนเอง ชใ้ นการพฒั นา 4) แหลง่ เรียนรอู้ อนไลน์ 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ ร 6) แหล่งเรยี นรรู้ ว่ ม 1) การประเมินเพอ่ื พัฒนา 1) ระบบสนบั สนนุ ความเป็นเลศิ 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชวี ิตจริง งท่คี วรทา ของผู้เรียน 3) การประเมนิ ด้วยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั ช้ในการพฒั นา 2) แหล่งเรียนรู้ชวี ติ จริง เชิงสรา้ งสรรค์ ร 3) แหล่งเรียนรู้เฉพาะบคุ คล 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ 4) แหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์ นต์ อ่ มนุษยชาติ 7) แหลง่ เรียนรสู้ งั คมประกิต 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ชแ้ ก้ปญั หา 9) แหลง่ เรยี นรู้จาลอง 5) การประเมินแบบรว่ มมอื นต์ อ่ มนุษยชาติ 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลิศ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ นการเรยี นรู้ ของผูเ้ รยี น 2) แหลง่ เรยี นรู้ชีวิตจริง 5) การประเมินแบบรว่ มมอื 5) แหลง่ เรียนรกู้ ารลงมอื ทางาน 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ 8) แหลง่ เรยี นรนู้ ักประดษิ ฐ์หรอื นวัตกร 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ 9) แหล่งเรียนรจู้ าลอง 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ 11) แหล่งเรยี นร้ทู ี่ยดื หยนุ่ 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวติ จรงิ 8) แหล่งเรยี นรนู้ ักประดษิ ฐห์ รือ นวตั กร 2) แหลง่ เรียนรชู้ วี ติ จริง 5) แหล่งเรยี นรกู้ ารลงมอื ทางาน

ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ คา่ ความ (Learning ตัวชว้ี ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ รปู แบบการเรีย Outcomes) จาเปน็ (Learning desi (Assessment Evidences) 2) ผู้สรา้ งสรรค์ (PNI) นวัตกรรม และ เทคโนโลยสี ีเขยี ว ทางานรว่ มกับ 3.7) การเรยี นรู้วิธกี ารเรียนรู้ (Green-Tech Innovator) ปญั ญาประดิษฐ์ 2.1) มที กั ษะการสรา้ งสรรค์ 0.146 1.5) การเรยี นรเู้ พือ่ สร้างค่านยิ มแ นวตั กรรมและเทคโนโลยีท่ี 2.2) การเรยี นรเู้ พอื่ สร้างประโยชน เปน็ มิตรกับสง่ิ แวดลอ้ ม 3.2) การเรียนรู้ในการทาส่งิ ต่าง ๆ 3.4) การเรียนรรู้ ะบบเปิด 4.1) การเรียนรู้สกู่ ารเปลี่ยนแปลง 4.3) การเรียนรู้การค้นพบสิง่ ใหม่ 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชงิ ออกแบ 4.5) การเรียนร้กู ารสร้างจินตนาก 4.6) การเรียนรู้การเปน็ นวตั กร 5.1) การเรยี นรู้การนาความรไู้ ปใช 2.2) มีทกั ษะการสร้างสรรค์ 0.228 2.2) การเรยี นรู้เพอ่ื สร้างประโยชน เทคโนโลยีและนวตั กรรมท่ี 4.4) การเรยี นรกู้ ารคิดเชงิ ออกแบ เป็นประโยชน์กบั มนุษยชาติ 4.5) การเรยี นรู้การสรา้ งจินตนาก 4.6) การเรียนรู้การเป็นนวตั กร 2.3) มที กั ษะการต่อยอดภมู ิ 0.144 4.6) การเรยี นรกู้ ารเป็นนวตั กร ปัญญาไทยเพอื่ สรา้ งสรรค์ 5.3) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช นวัตกรรมสเี ขียว ทักษะชีวิต 4. คณุ ภาพทางเศรษฐกจิ (Economic Qualities) 0.404 5.3) การเรียนรกู้ ารนาความรู้ไปใช ทกั ษะชวี ิต 1) ผ้สู ร้างสรรค์งานและ 1.1) มที กั ษะการทางาน 5.4) การเรียนรู้การบริหารจดั การ อาชพี (Career and รว่ มกับปัญญาประดิษฐ์ Job Creator)

339 ยนรู้ ทรัพยากรการเรยี นรู้ การประเมินการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) และวฒั นธรรมใหม่ทีด่ ี 3) แหลง่ เรียนรเู้ ฉพาะบคุ คล 1) การประเมินเพือ่ พฒั นา 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ น์ต่อมนุษยชาติ 4) แหลง่ เรยี นรอู้ อนไลน์ 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ๆ ได้ถกู ตอ้ ง 5) แหล่งเรยี นรู้การลงมือทางาน 1) การประเมนิ เพ่อื พัฒนา 6) แหล่งเรียนรรู้ ่วม 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมือ ง 7) แหล่งเรียนรสู้ ังคมประกิต 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ติ จริง 8) แหล่งเรียนรู้นักประดิษฐห์ รอื 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั เชิงสร้างสรรค์ บบ นวัตกร 4) การประเมนิ ตนเอง 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื การ 9) แหล่งเรยี นรู้จาลอง 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวิตจริง ชแ้ กป้ ญั หา 4) แหลง่ เรียนรูอ้ อนไลน์ 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื 8) แหลง่ เรยี นรู้นกั ประดษิ ฐ์หรือ นต์ อ่ มนุษยชาติ นวัตกร บบ การ ชใ้ นการพฒั นา 2) แหลง่ เรียนร้ชู วี ิตจริง 5) แหลง่ เรยี นรกู้ ารลงมอื ทางาน 7) แหลง่ เรยี นร้สู ังคมประกติ ชใ้ นการพัฒนา 2) แหล่งเรียนรชู้ วี ิตจรงิ ร 8) แหล่งเรยี นรู้นกั ประดษิ ฐห์ รอื นวัตกร 9) แหล่งเรยี นรู้จาลอง

ผลลัพธ์การเรียนรู้ ค่าความ รปู แบบการเรีย (Learning ตัวชี้วดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ (Learning desi Outcomes) จาเป็น (Assessment Evidences) (PNI) 1.2) มที ักษะการสรา้ งสรรค์ 0.277 4.1) การเรียนรูส้ ู่การเปล่ียนแปลง งาน หรอื อาชพี ที่ตอบสนอง 4.2) การเรยี นรู้เหตุผลท่ตี อ้ งทาสิ่ง การเปล่ยี นแปลงของโลก 4.3) การเรียนรกู้ ารค้นพบสิง่ ใหม่ อนาคต 4.4) การเรยี นรกู้ ารคดิ เชิงออกแบ 4.5) การเรียนรู้การสรา้ งจินตนาก 4.6) การเรียนรกู้ ารเปน็ นวัตกร 5.3) การเรยี นรกู้ ารนาความรู้ไปใช ทกั ษะชวี ติ 5.4) การเรียนรกู้ ารบรหิ ารจัดการ 6.1) การเรียนรกู้ ารทางานสรา้ งผล 6.2) การเรียนรูก้ ารทางานในสถา หรอื สหกิจศึกษา 6.3) การเรียนร้กู ารเป็นผ้ปู ระกอบ 1.3) มคี วามฉลาดรทู้ างการ 0.178 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชวี ิต เงิน และเศรษฐกจิ 2.1) การเรยี นรใู้ นส่งิ ที่รกั จะเรียน 5.1) การเรยี นรูก้ ารนาความรู้ไปใช 5.3) การเรียนรู้การนาความรู้ไปพ 5.4) การเรยี นรู้การบรหิ ารจัดการ 6.1) การเรยี นรกู้ ารทางานสร้างผล 6.3) การเรียนรกู้ ารเป็นผู้ประกอบ 2) ผสู้ ร้างสรรค์ 2.1) มที กั ษะสรา้ งสรรค์ 0.232 1.1) การเรยี นร้กู ารออกแบบชวี ติ นวัตกรรมการเกษตร นวัตกรรมการเกษตรตาม 1.2) การเรยี นรูส้ ู่การเปล่ยี นแปลง อุตสาหกรรม และธุรกิจ บริบท 3.2) การเรยี นรู้ในการทาสิง่ ตา่ ง ๆ (Agricultural, 4.4) การเรยี นรกู้ ารคดิ เชิงออกแบ Industrial and 4.6) การเรยี นรกู้ ารเป็นนวัตกร 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรูไ้ ปใช

340 ยนรู้ ทรัพยากรการเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ง 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลิศ 1) การประเมนิ เพอ่ื พฒั นา งท่ีควรทา ของผู้เรยี น 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ิตจริง 2) แหลง่ เรียนรู้ชวี ติ จริง 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั บบ 3) แหล่งเรยี นร้เู ฉพาะบคุ คล เชงิ สร้างสรรค์ การ 4) แหล่งเรยี นรู้ออนไลน์ 4) การประเมินตนเอง 5) แหล่งเรยี นรู้การลงมอื ทางาน 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื ช้ในการพฒั นา 7) แหลง่ เรียนรู้สังคมประกติ 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ 9) แหล่งเรยี นรจู้ าลอง ร 10) แหล่งเรยี นรเู้ ชิงจินตนาการ 1) การประเมนิ เพื่อพฒั นา ลิตภัณฑ์ 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ติ จริง านประกอบการ 1) ระบบสนับสนุนความเปน็ เลศิ 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั ของผเู้ รียน เชิงสรา้ งสรรค์ บการ 2) แหล่งเรยี นรชู้ ีวติ จรงิ 4) การประเมินตนเอง ต 3) แหลง่ เรยี นรู้เฉพาะบุคคล 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ 5) แหลง่ เรียนรู้การลงมือทางาน ชแ้ กป้ ญั หา 8) แหล่งเรียนรู้นักประดษิ ฐห์ รือ 1) การประเมนิ เพอ่ื พัฒนา พัฒนาทักษะชวี ิต นวตั กร 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวิตจรงิ ร 9) แหล่งเรยี นร้จู าลอง 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั ลิตภัณฑ์ 2) แหลง่ เรยี นรู้ชวี ติ จรงิ เชงิ สร้างสรรค์ บการ 5) แหล่งเรียนรู้ในการทางาน 5) การประเมินแบบรว่ มมือ 8) แหลง่ เรยี นรนู้ ักประดษิ ฐ์หรือ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ต นวตั กร ง ๆ ได้ถกู ตอ้ ง บบ ช้แก้ปญั หา

ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ คา่ ความ รปู แบบการเรยี (Learning ตวั ชวี้ ดั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเป็น (Assessment Evidences) (PNI) Business Innovation 5.3) การเรยี นรกู้ ารนาความรู้ไปใช Creator) ทักษะชวี ติ 6.1) การเรยี นรู้การทางานสร้างผล 6.3) การเรยี นรู้การเป็นผปู้ ระกอบ 6.4) การเรียนรู้แบบร่วมมือ 2.2) มีทกั ษะสร้างสรรค์ 0.279 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ิต นวัตกรรมอตุ สาหกรรมตาม 1.2) การเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง บริบท 1.4) การเรยี นรกู้ ารบรกิ ารสงั คม 3.6) การเรียนรู้แบบมุ่งยกระดบั ศ 4.2) การเรยี นรู้เหตผุ ลทีต่ ้องทาสิ่ง 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชิงออกแบ 4.6) การเรยี นรกู้ ารเปน็ นวตั กร 5.1) การเรยี นรู้การนาความรไู้ ปใช 5.3) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช ทักษะชีวิต 5.4) การเรียนรกู้ ารบรหิ ารจดั การ 6.1) การเรยี นรู้การทางานสร้างผล 6.4) การเรยี นรู้แบบร่วมมอื 2.3) มที กั ษะสรา้ งสรรค์ 0.247 2.1) การเรยี นรู้ในสิง่ ท่ีรกั จะเรยี น นวตั กรรมธรุ กจิ ตามบรบิ ท 2.3) การเรียนรู้อยา่ งทัว่ ถงึ ทุกคน 4.3) การเรียนรู้การคน้ พบส่ิงใหม่ 4.4) การเรยี นรกู้ ารคิดเชิงออกแบ 5.4) การเรียนรูก้ ารบรหิ ารจัดการ 6.1) การเรยี นรู้การทางานสรา้ งผล 6.3) การเรียนรู้การเปน็ ผปู้ ระกอบ 6.4) การเรยี นร้แู บบร่วมมือ

341 ยนรู้ ทรพั ยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ช้ในการพัฒนา 1) การประเมินเพ่ือพฒั นา 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ ลิตภัณฑ์ 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั บการ เชงิ สร้างสรรค์ 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื ต 2) แหลง่ เรยี นรชู้ ีวิตจริง 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ง 5) แหลง่ เรยี นรูก้ ารลงมอื ทางาน 8) แหลง่ เรียนรู้นกั ประดษิ ฐ์หรอื 1) การประเมินเพื่อพัฒนา ศกั ยภาพหรอื ไฮสโคป นวัตกร 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวิตจริง งทคี่ วรทา 11) แหลง่ เรียนรูท้ ่ียดื หยุน่ 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั บบ เชิงสร้างสรรค์ 5) การประเมินแบบรว่ มมอื ช้แกป้ ัญหา 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ ช้ในการพัฒนา ร ลติ ภณั ฑ์ บบ 2) แหล่งเรยี นรู้ชีวิตจรงิ ร 3) แหล่งเรียนรเู้ ฉพาะบคุ คล ลติ ภัณฑ์ 5) แหลง่ เรยี นรู้การลงมือทางาน บการ 7) แหลง่ เรียนรูส้ ังคมประกติ 8) แหล่งเรียนรู้นักประดษิ ฐห์ รอื นวัตกร 9) แหลง่ เรียนรู้จาลอง 11) แหล่งเรียนรู้ทีย่ ืดหยุ่น

ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ คา่ ความ (Learning ตวั ชว้ี ดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ตอ้ งการ รูปแบบการเรยี Outcomes) จาเปน็ (Learning desi (Assessment Evidences) (PNI) 3) ผปู้ ระกอบการดจิ ิทลั 3.1) มคี วามฉลาดรูเ้ กี่ยวกับ 0.381 6.1) การเรียนรกู้ ารทางานสร้างผล (Digital ระบบเศรษฐกิจดจิ ทิ ัล 6.3) การเรยี นรกู้ ารเปน็ ผปู้ ระกอบ Entrepreneur) 6.4) การเรียนรู้แบบร่วมมอื 3.2) มคี วามฉลาดรู้เกยี่ วกบั 0.338 3.4) การเรยี นรรู้ ะบบเปดิ การค้าเสรี และโลกาภวิ ัตน์ 5.3) การเรยี นรู้การนาความรู้ไปใช (Trade and Globalization) ทักษะชวี ิต 6.3) การเรียนรกู้ ารเป็นผปู้ ระกอบ 3.3) มีทักษะสรา้ งสรรค์ 0.340 3.4) การเรยี นรู้ระบบเปิด เศรษฐกจิ ฐานนวัตกรรม 4.5) การเรยี นรู้การสร้างจนิ ตนาก 5.3) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชีวิต 6.3) การเรียนรกู้ ารเปน็ ผูป้ ระกอบ 4) ผู้นาเชิงนวัตกรรม 4.1) มีทักษะผนู้ าเชงิ 0.189 1.4) การเรียนร้กู ารบริการสงั คม และผูป้ ระกอบการ นวตั กรรมทมี่ คี ุณธรรม 4.1) การเรยี นรู้สกู่ ารเปลย่ี นแปลง (Innovative and เป็นฐาน 4.2) การเรยี นรู้เหตุผลท่ีต้องทาส่งิ Entrepreneurial 4.3) การเรียนรกู้ ารค้นพบสิ่งใหม่ Leader) 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชิงออกแบ 4.5) การเรียนรู้การสรา้ งจินตนาก 4.6) การเรียนรู้การเป็นนวัตกร 4.2) มีทกั ษะผู้นาเชงิ 0.133 2.2) การเรียนร้เู พ่ือสร้างประโยชน ผู้ประกอบการท่มี คี วาม 5.1) การเรยี นรกู้ ารนาความรไู้ ปใช รบั ผดิ ชอบต่อการพฒั นาท่ี 5.3) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช ย่ังยืน ทักษะชวี ิต 5.4) การเรยี นรู้การบริหารจดั การ 6.1) การเรยี นรกู้ ารทางานสร้างผล 6.3) การเรียนรู้การเปน็ ผปู้ ระกอบ

342 ยนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ลติ ภณั ฑ์ 2) แหล่งเรยี นร้ชู ีวติ จริง 2) การประเมินการนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ บการ 5) แหล่งเรียนรู้ในการทางาน 5) การประเมินแบบรว่ มมือ 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ ชใ้ นการพฒั นา 2) แหล่งเรยี นรชู้ วี ติ จริง 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ติ จริง 5) แหลง่ เรยี นรู้ในการทางาน บการ 2) แหล่งเรียนร้ชู ีวติ จริง 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวิตจริง การ 5) แหล่งเรยี นรใู้ นการทางาน ชใ้ นการพฒั นา 8) แหลง่ เรยี นรู้นกั ประดิษฐ์หรอื 1) การประเมนิ เพ่ือพฒั นา บการ นวัตกร 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชวี ติ จริง ง 2) แหล่งเรียนรู้ชีวิตจรงิ 1) การประเมนิ เพอ่ื พฒั นา งท่ีควรทา 5) แหล่งเรยี นรใู้ นการทางาน 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ 8) แหลง่ เรยี นร้นู กั ประดษิ ฐห์ รอื 4) การประเมินตนเอง บบ นวัตกร 5) การประเมินแบบรว่ มมือ การ นต์ อ่ มนษุ ยชาติ ช้แกป้ ญั หา ชใ้ นการพัฒนา ร ลติ ภัณฑ์ บการ

ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ค่าความ (Learning ตวั ชีว้ ดั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ตอ้ งการ รูปแบบการเรีย Outcomes) จาเป็น (Learning desi (Assessment Evidences) (PNI) 1.1) การเรียนร้กู ารออกแบบชวี ติ 1.2) การเรียนรสู้ ูก่ ารเปลยี่ นแปลง 5. คณุ ภาพทางสิ่งแวดลอ้ ม (Environment Qualities) 1.5) การเรียนรู้เพอื่ สรา้ งคา่ นยิ มแ 2.2) การเรยี นร้เู พ่อื สรา้ งประโยชน 1) ผู้มีวิถชี วี ิตทเี่ ป็นมติ ร 1.1) ตระหนกั ร้ถู งึ คณุ คา่ 0.104 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรู้ไปใช 5.2) การเรียนรู้ทางอารมณแ์ ละสงั กบั สิ่งแวดลอ้ ม ขอ้ จากดั และรว่ มกันรักษา 5.3) การเรยี นรู้การนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชวี ิต (Sustainable Life ทรพั ยากรธรรมชาติ 5.4) การเรียนรู้การบริหารจัดการ 6.1) การเรียนรู้การทางานสรา้ งผล Style) 1.2) การเรียนรู้ส่กู ารเปลี่ยนแปลง 4.4) การเรียนรกู้ ารคิดเชิงออกแบ 1.2) พร้อมรบั มือกบั ภัยพบิ ตั ิ 0.197 5.1) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช และการเปลย่ี นแปลงของ 0.121 1.1) การเรียนรู้การออกแบบชวี ิต ธรรมชาติ 3.3) การเรยี นรู้การทาสงิ่ ทคี่ วรทา 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใช 1.3) มีกรอบความคดิ ทเ่ี ป็น มติ รกบั สิ่งแวดล้อม 1.4) ใช้เทคโนโลยสี เี ขียวท่ี 0.206 1.5) การเรียนรเู้ พ่อื สรา้ งคา่ นิยมแ เปน็ มติ รกับส่ิงแวดลอ้ ม 2.2) การเรยี นรเู้ พื่อสร้างประโยชน 1.5) มีทักษะการสร้างสรรค์ 0.182 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ติ พลังรว่ ม (Synergy) ในวถิ ี 2.2) การเรยี นรเู้ พ่อื สรา้ งประโยชน ชีวติ ที่เปน็ มติ รกับสิง่ แวดลอ้ ม 3.3) การเรยี นรู้การทาส่งิ ท่คี วรทา

343 ยนรู้ ทรัพยากรการเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ต 2) แหลง่ เรียนรู้ชวี ติ จรงิ 1) การประเมนิ เพ่ือพัฒนา 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ง 5) แหล่งเรยี นรใู้ นการทางาน 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั เชงิ สรา้ งสรรค์ และวัฒนธรรมใหม่ท่ีดี 7) แหลง่ เรียนรสู้ ังคมประกติ 4) การประเมนิ ตนเอง 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ นต์ อ่ มนษุ ยชาติ 8) แหลง่ เรยี นรู้นกั ประดษิ ฐ์หรอื 6) การประเมนิ ผลลัพธ-์ ผลกระทบ ชแ้ กป้ ญั หา นวตั กร 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ งคม 11) แหล่งเรยี นรู้ทย่ี ดื หย่นุ 1) การประเมินเพอ่ื พัฒนา ชใ้ นการพัฒนา 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวิตจริง 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั ร เชิงสรา้ งสรรค์ 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ ลติ ภณั ฑ์ 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ง 8) แหลง่ เรยี นรู้นกั ประดษิ ฐ์หรือ 2) การประเมินการนาไปใช้ในชีวติ จรงิ 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ บบ นวตั กร 1) การประเมนิ เพื่อพัฒนา 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ชแ้ กป้ ญั หา 11) แหล่งเรียนรู้ทีย่ ดื หยนุ่ ต 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลิศ า ของผูเ้ รียน ชแ้ กป้ ญั หา 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวติ จรงิ 5) แหล่งเรยี นรกู้ ารลงมือทางาน 8) แหล่งเรียนรู้นักประดษิ ฐห์ รอื นวัตกร 9) แหลง่ เรียนรู้จาลอง 11) แหล่งเรียนรทู้ ี่ยดื หยุ่น และวัฒนธรรมใหม่ท่ดี ี 9) แหล่งเรยี นรู้จาลอง น์ตอ่ มนษุ ยชาติ ต 1) ระบบสนับสนุนความเป็นเลศิ น์ตอ่ มนุษยชาติ ของผู้เรยี น า 2) แหล่งเรยี นรชู้ วี ติ จรงิ

ผลลัพธ์การเรียนรู้ ค่าความ รูปแบบการเรีย (Learning ตวั ชี้วดั ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเป็น (Assessment Evidences) (PNI) 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความร้ไู ปใช 6.4) การเรียนรู้แบบร่วมมือ 2) ผู้สร้างสรรค์ 2.1) มที ักษะการแก้ไขปัญหา 0.146 1.1) การเรยี นรกู้ ารออกแบบชวี ติ สิง่ แวดล้อมสเี ขยี ว (Green และสร้างสรรค์ส่ิงแวดล้อม 4.2) การเรียนรู้เหตผุ ลทีต่ ้องทาส่งิ Environment Creator) อย่างยงั่ ยนื 4.6) การเรยี นรกู้ ารเปน็ นวตั กร 5.1) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช 5.3) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใช ทกั ษะชวี ิต 2.2) มที ักษะการสร้างสรรค์ 0.194 1.1) การเรียนรกู้ ารออกแบบชวี ติ นวัตกรรมทเ่ี ปน็ มิตรกบั 2.2) การเรียนรู้เพื่อสรา้ งประโยชน สิ่งแวดล้อม 4.3) การเรียนร้กู ารค้นพบสิง่ ใหม่ 4.6) การเรยี นรูก้ ารเป็นนวัตกร 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใช 6. คณุ ภาพทางการเมอื ง (Political Qualities) 1) ผ้อู อกเสยี งคุณภาพ 1.1) มีทักษะการแสวงหา 0.232 1.1) การเรยี นรู้การออกแบบชวี ิต 2.2) การเรยี นรเู้ พ่อื สรา้ งประโยชน (Quality Voter) และรู้เทา่ ทันสือ่ ข้อมูลขา่ วสาร 3.1) การเรียนรู้การเปน็ เจา้ ภาพใน 3.7) การเรียนรวู้ ิธกี ารเรียนรู้ ทางการเมือง และโจทยก์ าร พัฒนาประเทศ 1.2) มที ักษะการคิดวเิ คราะห์ 0.265 2.2) การเรียนร้เู พื่อสร้างประโยชน คดิ สงั เคราะห์ เปรยี บเทียบ 3.4) การเรียนร้รู ะบบเปดิ

344 ยนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) ช้แกป้ ญั หา 5) แหลง่ เรียนรกู้ ารลงมือทางาน 3) การประเมนิ ดว้ ยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั ต 8) แหล่งเรียนรนู้ ักประดษิ ฐ์หรอื เชงิ สร้างสรรค์ งท่ีควรทา นวัตกร 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ ชแ้ ก้ปญั หา 11) แหลง่ เรยี นรทู้ ย่ี ืดหยนุ่ 6) การประเมนิ ผลลพั ธ-์ ผลกระทบ ชใ้ นการพฒั นา 1) ระบบสนับสนนุ ความเป็นเลิศ 1) การประเมนิ เพอ่ื พัฒนา ของผู้เรียน 2) การประเมินการนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ต 2) แหลง่ เรียนรู้ชีวิตจริง 3) การประเมินด้วยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั นต์ ่อมนษุ ยชาติ 5) แหล่งเรยี นรกู้ ารลงมือทางาน เชงิ สรา้ งสรรค์ 8) แหล่งเรียนรู้นักประดิษฐห์ รอื 5) การประเมินแบบรว่ มมือ ช้แก้ปญั หา นวัตกร 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ 11) แหลง่ เรียนรู้ทยี่ ืดหยนุ่ ต 1) ระบบสนับสนุนความเปน็ เลิศ 1) การประเมินเพอื่ พัฒนา นต์ ่อมนษุ ยชาติ ของผู้เรียน 2) การประเมนิ การนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นการเรยี นรู้ 2) แหล่งเรยี นรูช้ วี ติ จริง 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั 5) แหลง่ เรยี นรู้การลงมอื ทางาน เชงิ สร้างสรรค์ นต์ อ่ มนษุ ยชาติ 6) แหลง่ เรียนรูร้ ว่ ม 6) การประเมินผลลพั ธ-์ ผลกระทบ 8) แหลง่ เรียนรนู้ ักประดิษฐห์ รอื นวตั กร 1) การประเมินเพอ่ื พฒั นา 3) การประเมินดว้ ยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั 3) แหล่งเรียนรเู้ ฉพาะบุคคล เชงิ สร้างสรรค์ 6) แหล่งเรยี นรรู้ ว่ ม 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ 11) แหลง่ เรียนรูท้ ่ียดื หยุน่ ไม่ปรากฎการประเมนิ การเรยี นรู้ทเี่ ป็น ไม่ปรากฎทรัพยากรการเรยี นรู้ท่ี ตวั อยา่ งกรณีศกึ ษา เปน็ ตวั อยา่ งกรณีศึกษา

ผลลัพธ์การเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ค่าความ รปู แบบการเรีย (Learning (Assessment Evidences) ต้องการ (Learning desi Outcomes) จาเป็น ขอ้ มลู ขา่ วสารทางการเมือง 2.2) การเรยี นรเู้ พื่อสรา้ งประโยชน 2) ผู้ปฏิบตั งิ าน และโจทยก์ ารพัฒนาประเทศ (PNI) การเมอื งคุณภาพ 1.3) มที กั ษะการตดั สินใจบน 2.2) การเรียนร้เู พ่อื สร้างประโยชน (Quality Political พืน้ ฐานของประโยชน์ 0.203 5.1) การเรียนรกู้ ารนาความรไู้ ปใช Actor) ส่วนรวมท่ีตอบโจทยก์ าร 5.2) การเรยี นรู้ทางอารมณ์และสงั พัฒนาประเทศอย่างมีอสิ ระ 0.185 5.3) การเรยี นรู้การนาความรู้ไปพ 3) ผสู้ รา้ งสรรค์ โดยปราศจากการแทรกแซง 5.4) การเรียนรู้การบริหารจัดการ นวตั กรรมการเมือง 2.1) มีทักษะการทางานทาง 2.2) การเรียนรู้เพ่ือสร้างประโยชน คุณภาพ (Quality การเมืองทีม่ คี ุณภาพ Political Innovation 2.2) การเรียนรเู้ พื่อสร้างประโยชน Creator) 2.2) มีทักษะผ้นู าทาง 0.133 5.1) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใช การเมืองท่มี ีคณุ ธรรม 0.244 5.2) การเรยี นรทู้ างอารมณ์และสงั จริยธรรม 5.3) การเรยี นร้กู ารนาความร้ไู ปพ 5.4) การเรยี นรกู้ ารบริหารจดั การ 3.1) มที ักษะสร้างสรรค์ 1.3) การเรียนรู้แนวมนุษยนยิ ม นวตั กรรมการเมืองคณุ ภาพที่ 3.4) การเรียนรรู้ ะบบเปิด ตอบโจทยก์ ารพัฒนาประเทศ 3.2) มีคา่ นิยมการเมอื ง 0.187 คณุ ภาพทย่ี อมรับในคณุ คา่ ของปัจเจกบคุ คล

345 ยนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ ign) (Learning resources) (Learning assessment) นต์ ่อมนุษยชาติ ไม่ปรากฎทรพั ยากรการเรยี นรทู้ ี่ ไม่ปรากฎการประเมนิ การเรยี นรู้ที่เป็น เป็นตัวอยา่ งกรณีศกึ ษา ตัวอยา่ งกรณีศึกษา นต์ ่อมนุษยชาติ 2) แหลง่ เรียนรชู้ ีวิตจรงิ 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชีวิตจริง ชแ้ กป้ ญั หา 6) แหลง่ เรยี นรรู้ ่วม 3) การประเมินด้วยการใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั งคม 7) แหล่งเรียนรู้สงั คมประกิต เชงิ สร้างสรรค์ พฒั นาทกั ษะชีวิต 5) การประเมนิ แบบรว่ มมือ ร ไม่ปรากฎทรพั ยากรการเรยี นร้ทู ี่ นต์ อ่ มนุษยชาติ เป็นตวั อย่างกรณศี กึ ษา ไม่ปรากฎการประเมนิ การเรียนรู้ทเี่ ปน็ ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา นต์ อ่ มนุษยชาติ 6) แหล่งเรยี นรู้รว่ ม ช้แก้ปญั หา 7) แหลง่ เรยี นรสู้ ังคมประกิต 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั งคม 9) แหล่งเรียนรู้จาลอง เชงิ สรา้ งสรรค์ พฒั นาทักษะชีวิต 5) การประเมินแบบรว่ มมอื ร 6) แหล่งเรียนรู้รว่ ม 6) การประเมินผลลัพธ-์ ผลกระทบ 7) แหล่งเรยี นรสู้ งั คมประกิต 4) การประเมินตนเอง 5) การประเมินแบบรว่ มมือ

346 ตอนที่ 3 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 จากผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมด 30 คน และผู้ประเมินความเหมาะสมท้ังหมด 15 คน แบ่งผลการนาเสนอออกเป็น 5 ตอน ดงั นี้ 3.1 สถานภาพของผ้ใู หข้ ้อมูล 3.2 ผลการสัมภาษณ์นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 3.3 ผลการ (ร่าง) นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 3.4 ผลการประเมินความเหมาะสมของนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการ เปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 3.5 นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ฉบบั สมบรู ณ์ มีรายละเอียดดงั นี้

347 3.1 สถานภาพของผูใ้ ห้ข้อมลู สถานภาพของผู้ให้ข้อมูลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ยี นแปลงของ โลกอนาคตในปี 2040 ประกอบด้วยผู้ให้ข้อมูลการสัมภาษณ์ และผู้ให้ข้อมูลการประเมินความ เหมาะสม รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 4.19 ตารางที่ 4.19 สถานภาพของผู้ให้ข้อมูลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการ เปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ท่ี ข้ันตอนการวิจัย ผ้ใู หข้ ้อมูลการสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมลู การประเมินความ กลุม่ ผู้ทรงคณุ วุฒิ/ เหมาะสม ผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ 1 ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ 1.1 ผูท้ รงคณุ วุฒิด้านการศึกษา 11 100.00 7 100.00 รวม 11 100.00 7 100.00 2 ผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี 2.1 ผู้บริหารและครู 6 26.09 6 75.00 2.2 ผปู้ ระกอบการภาคเกษตร อุตสาหกรรม 6 2 25.00 และธรุ กจิ 26.09 2.3 พอ่ แม่-ผปู้ กครอง 3 13.04 - - 2.4 ผู้เรียน 8 34.78 - - รวม 23 100.00 8 100.00 รวมทง้ั ส้นิ 34 100.00 15 100.00 จากตารางท่ี 4.19 แสดงสถานภาพของผู้ให้ข้อมูลนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 โดยการสัมภาษณ์นโยบายพลิกโฉมระบบการ เรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 จานวน 34 คน โดยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 11 คน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จานวน 23 คน และจากการสนทนากลมุ่ ในการประเมินความ เหมาะสมและความเป็นไปได้ของร่างนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปล่ียนแปลง ของโลกอนาคตในปี 2040 จานวน 15 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 7 คน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จานวน 8 คน

348 3.2 ผลการสัมภาษณ์นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลก อนาคตในปี 2040 จากผลการศึกษาวิสัยทัศน์การศึกษาไทยและคุณภาพคนไทยที่พึงประสงค์ในปี 2040 และ ระบบการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ในการตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ผู้วิจัย จึงนาข้อมูลที่ได้มาสร้างเป็นเป็นแบบสัมภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง (Semi – structured interview) เก่ียวกับนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 สามารถสรุปผลการสัมภาษณ์ได้ดังตารางท่ี 4.20

ตารางที่ 4.20 ผลการสัมภาษณน์ โยบายพลกิ โฉมระบบการเรียนรทู้ ต่ี อบสนองการ 1) ชือ่ นโยบาย นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ ระดับ ผลการ ทตี่ อบสนองการเปลี่ยนแปลง ความ 2) รูปแบบการ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม 1) ควรปรบั เรียนรู้ 4.32 2) ควรปรบั (Learning “พลิกโฉมการเรยี นรูเ้ พอื่ สรา้ งสรรค์ชวี ติ เศรษฐกิจและ 3) ควรใช้ค design) สงั คมใหม่ที่มคี วามสขุ อยา่ งมคี ณุ คา่ และการพัฒนาที่ 4.79 1) คาทใ่ี ช้ค จานวน 6 กลุ่ม ยั่งยนื ” 2) อาจเติม 30 รูปแบบ กลุม่ ท่ี 1 การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมาย และมีคุณค่า 4.76 1) ชือ่ รูปแ (Purposeful and valuable learning) 1.1) การเรียนร้อู ย่างมคี วามหมาย (Purposeful learning; 4.71 - 4 forms of life learning: Life deep, Life wide, Life wise, Life long) 4.71 1) ควรปรบั 1.2) การเรียนรสู้ ูก่ ารเปลี่ยนแปลง (Transformative 4.76 1) ควรปรบั learning) 4.76 - 1.3) การเรยี นรู้วงจรทสี่ าม (Triple loop learning) 1.4) การเรียนรแู้ นวมนษุ ยนิยม (Humanistic learning) 4.74 1) อาจเปน็ 1.5) การเรียนรู้การออกแบบชวี ติ ใหม้ คี วามสุขอย่างมี 4.62 1) ควรตัด คุณคา่ (Life design learning) 2) ไมจ่ าเป 1.6) การเรียนรกู้ ารบรกิ ารสังคม (Service learning) 4.78 1) เป็นรปู แ 1.7) การเรียนรเู้ พ่อื สร้างค่านยิ ม และวฒั นธรรมใหมท่ ีด่ ี (f=2) (New values & culture creation learning) 4.79 2) อาจเพ่มิ กล่มุ ท่ี 2 การเรยี นรตู้ ามความต้องการเฉพาะบุคคล 1) ควรมีก (Personalized Learning) 4.65 ไมม่ ีความจ 1) ควรเพ่มิ 2.1) การเรยี นรใู้ นสงิ่ ท่รี กั จะเรยี น (Passion based 2) ผ้เู รียนแ learning) 2.2) การเรยี นรู้อยา่ งท่ัวถงึ ทุกคน (Inclusive learning, Universal design for learning)

349 รเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 รสมั ภาษณน์ โยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ท่ตี อบสนองการเปลีย่ นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 บการวรรคคาใหช้ ดั เจน เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจง่ายขนึ้ (f=3) บคาทบี่ ง่ บอกผลลัพธ์ของนโยบายให้มีความครอบคลมุ คณุ ภาพคนท้งั 6 ด้าน (f=3) คาใหม้ ีความเป็นรูปธรรม ชัดเจน เชน่ อาจตัดคาวา่ “อยา่ งมคี ณุ คา่ ” ออก (f=1) คอ่ นขา้ งเป็นนามธรรมมาเกินไป (f=1) มรปู แบบการเรยี นรู้แบบจิตแห่งการสังเคราะห์ (Synthesis Learning) ลงไปอีก 1 รูปแบบ (f=1) แบบการเรยี นรรู้ อง ตรงกันกบั ช่อื กลมุ่ การเรยี นรใู้ หญ่ อาจทาใหเ้ กดิ ความสับสน (f=1) บภาษาทใ่ี ช้ เพราะคาแปลทใี่ ชไ้ ม่สือ่ ความหมาย (f=1) บภาษาทใี่ ชค้ าวา่ “มนษุ ยนิยม” (f=1) นรูปแบบท่ไี ม่เหมาะกบั ผู้เรยี นทกุ คน (f=1) ดคาว่า “ทดี่ ”ี ออก เพราะการสร้างค่านยิ มและวัฒนธรรมเปน็ ความหมายทีด่ ีอยูแ่ ล้ว (f=1) ป้นต้องสรา้ งคา่ นิยมใหม่ เพราะค่านยิ มเปน็ ส่งิ ที่เกิดขน้ึ เองโดยธรรมชาติ (f=1) แบบการเรียนร้ทู ีเ่ หมาะสมมาก เพราะการไดเ้ รียนร้ตู ามตอ้ งการ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพและความสุข มเรือ่ ง Growth Mindset ในข้อ 2.1 หรือเพิม่ ขอ้ ใหม่เปน็ 2.4 (f=1) การระบุขอ้ จากดั หรอื จดุ ม่งุ หมายของการใช้รปู แบบการเรยี นรนู้ ้นั ๆ เพราะบางครงั้ สง่ิ ท่ีเป็น passion อาจ จาเป็นมาก (f=1) มการเรียนรใู้ นแนวราบ ท่จี ะตอบสนองการเรยี นรใู้ นระยะยาว ซง่ึ เป็นการเรยี นรูต้ ลอดชีวติ (f=1) แต่ละคนมีความสามารถแตกตา่ งกนั ควรมุ่งเนน้ ให้ผู้เรยี นคน้ พบตนเองได้เร็วท่สี ุด (f=1)

นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ ระดบั ผลการ ทตี่ อบสนองการเปลยี่ นแปลง ความ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม 2.3) การเรยี นร้อู ยา่ งมคี วามสุข (Happy learning) 3) ในสภาพ 4) รูปแบบ กลุ่มท่ี 3 การรเิ รมิ่ เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (Self-initiated learning, Heutagogy) 4.68 1) ในความ 3.1) การเรยี เป็นเจ้าภาพในการเรียนรู้ (Ownership to 2) รปู แบบ learning) 4.72 1) ผู้เรียนบ 3.2) การเรยี นร้ใู นการทาสิ่งตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง (Single 2) อาจเพิม่ loop learning) 3.3) การเรยี นรู้การทาส่งิ ที่ควรทา (Double loop 4.71 1) ควรหาค learning) 2) อาจสาม 3.4) การเรยี นรรู้ ะบบเปดิ (Open system learning) การเรยี นร 3.5) การเรียนร้ทู มี่ ีเป้าหมายชัดแจง้ (Visible learning) 3.6) การเรียนรแู้ บบม่งุ ยกระดบั ศักยภาพ หรือไฮสโคป 4.68 1) ควรปรบั (High scope learning) กลุ่มที่ 4 การเรยี นรู้สร้างสรรคน์ วัตกรรม (Innovation 4.76 1) รปู แบบ Creation Learning) 4.1) การเรียนรู้สกู่ ารเปล่ียนแปลง (Transformative 4.88 - learning) 4.85 - 4.2) การเรยี นรเู้ หตุผลในการตดั สินใจทาสิง่ ทคี่ วรทา 4.82 - (Triple loop learning) 4.3) การเรียนรูก้ ารคน้ พบสงิ่ ใหม่ (Discovery learning) 4.73 1) อาจเกิด 4.4) การเรยี นรู้การคิดเชิงออกแบบ (Design thinking 2) อาจเพ่มิ learning) 4.71 - 4.71 1) การเรยี สรา้ งสรรค 4.76 - 4.82 -

350 รสัมภาษณ์นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นร้ทู ต่ี อบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 พจริง แต่ละโรงเรยี นอาจติดขดั เร่ืองครู วสั ดุ อปุ กรณ์ ท่ีไม่เพียงพอ (f=1) บการเรยี นรู้ดังกล่าว อาจไปเหล่อื มกบั กล่มุ รปู แบบการเรียนรอู้ ื่น (f=1) มเปน็ จรงิ ผเู้ รียนอาจไม่ไดม้ คี วามสขุ กบั ทกุ บทเรยี นที่เจอ (f=1) บการเรยี นรดู้ ังกลา่ ว อาจไปเหลื่อมกบั กลมุ่ รูปแบบการเรยี นรูอ้ ่ืน (f=1) บางคนไม่ถนัดทจ่ี ะเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ต้องมผี แู้ นะนา (f=1) มการเรยี นรู้แบบ hybrid learning เปน็ ข้อท่ี 3.7 (f=1) คาแปลแทนคาวา่ “เจ้าภาพการเรยี นรู้” เพราะอาจไม่สอ่ื ความหมาย (f=2) มารถทาไดย้ ากในผเู้ รยี นทีเ่ ปน็ เด็กเลก็ ที่ต้องมคี นคอยสนับสนุน ต้องสรา้ งสภาพแวดล้อมให้พรอ้ มสาหรบั รู้ และเดก็ อาจโดนบงั คับดว้ ยบริบทของสถานศึกษา (f=1) บภาษาที่ใช้ เพราะคาแปลท่ีใช้ไม่สื่อความหมาย (f=1) บการเรยี นรู้ดงั กล่าว อาจไปเหลอ่ื มกับกลุ่มรปู แบบการเรยี นรอู้ ืน่ (f=1) ดอปุ สรรคในการนาสกู่ ารปฏบิ ตั ิ เพราะบริบทของโรงเรียนแตล่ ะแห่งแตกต่างกัน (f=1) มการเรียนรแู้ บบ Creative Team Learning (ทีมการเรียนรูส้ รา้ งสรรค์) เปน็ ขอ้ ท่ี 4.7 (f=1) ยนรู้สรา้ งสรรค์นวัตกรรมไม่นา่ จะเกี่ยวกบั การเรียนร้เู หตุผลในการตดั สนิ ใจทาส่งิ ทคี่ วรทา ควรเน้นการ คน์ วตั กรรม เชน่ การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี ุณคา่ (f=1)

นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ ระดับ ผลการ ที่ตอบสนองการเปลีย่ นแปลง ความ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม - 4.76 - 4.5) การเรยี นรจู้ นิ ตนาการ (Imagination learning) 4.74 1) ผลการเ 4.6) การเรียนรู้การเปน็ นวตั กร (Innovation learning) 4.88 2) ปรับภา กลุ่มที่ 5 การเรยี นรูก้ ารนาความรปู้ ระยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ 4.76 - (Real life Application Learning) 4.91 5.1) การเรียนรู้การนาความรู้ไปใชแ้ กป้ ญั หา (Problem 4.88 1) เห็นด้วย solving learning) 4.82 2) ควรเน้น 5.2) การเรยี นร้ทู างอารมณแ์ ละสงั คม (Social emotional 4.79 - learning) 5.3) การเรียนรู้การนาความรไู้ ปใช้ในการพัฒนาทักษะชีวิต 4.71 1) ควรเนน้ (Life skill learning) 4.71 5.4) การเรยี นรู้การบรหิ ารจัดการ (Management 1) ควรมีน learning) 4.76 ทางานเรยี กลมุ่ ท่ี 6 การเรยี นรู้ทส่ี รา้ งรายได้ระหวา่ งเรียน (Income 4.70 2) เน้นการ generating learning) 3) ปรับชอ่ื 4) อาจเพ่มิ 6.1) การเรียนรู้การทางานสรา้ งผลติ ภัณฑ์ (Work-based 1) ปรับคา learning) 2) ในระดบั 6.2) การเรียนรูก้ ารทางานในสถานประกอบการ หรือสห 1) เป็นการ กิจศึกษา (Co-operative/ Work-based Education) 2) อาจตอ้ แต่ไม่เหมา 6.3) การเรียนรูก้ ารเปน็ ผูป้ ระกอบการ (Entrepreneurial 3) ถา้ เปน็ ก learning) 1) ควรใหผ้ 6.4) การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning) 1) เห็นดว้ ย

351 รสมั ภาษณ์นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ทต่ี อบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 เรียนรตู้ ้องนาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ สร้างสรรคช์ ีวิต เศรษฐกจิ และสังคม (f=1) าษาเปน็ \"การเรยี นรู้ท่ีนาความร้ปู ระยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั \" (f=1) ย ผอู้ อกแบบนโยบายนคี้ วรเขา้ ใจและคานงึ ถึงหลกั จติ วิทยา (f=1) นเรอ่ื งการสรา้ งสัมพันธภาพทด่ี แี ละปรบั ตวั ได้ในทุกสถานการณ์ (f=1) น และให้ความสาคัญกบั ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ดา้ นนี้อยา่ งมาก (f=1) นโยบายทีใ่ หโ้ รงเรยี นมรี ะบบสนับสนุนการการเรยี นรู้ทีส่ ร้างรายได้ ให้ผเู้ รียนทุกคนมโี อกาสในการออกไป ยนรู้ประสบการณ์ (f=1) รเรียนรดู้ ว้ ยการปฏบิ ตั ิจริง สรา้ งผลติ ภัณฑ์ เป็นผปู้ ระกอบการดว้ ยตนเองในอนาคต (f=1) อเปน็ “กลมุ่ ท่ี 6 การเรยี นรเู้ พอ่ื สรา้ งความมั่นคงในชวี ติ ” (f=1) มรูปแบบการเรยี นรู้ Work Instigated Learning สาหรบั กลุ่มอาชวี ะ เปน็ ขอ้ ท่ี 6.5 าแปลไทยเป็น “การเรยี นร้โู ดยใช้การทางานเปน็ ฐาน” (f=2) บ สพฐ. ควรเน้นไปท่กี ารพฒั นาดา้ นวิชาการและทักษะชีวิต (f=1) รเรยี นรู้แบบทที่ ากันอยูใ่ นทุกวนั น้ี จงึ ไม่มนั่ ใจวา่ จะเหมาะสมกบั ในอนาคตหรือไม่ (f=1) องระบุใหช้ ดั เจนวา่ ในระดับไหน เป็นรปู แบบการเรยี นท่สี รา้ งแรงจงู ใจ รูปแบบนอี้ าจเหมาะกับบางโรงเรยี น าะกับโรงเรียนท่เี น้นด้านวชิ าการ (f=1) การทางานที่ใช้เวลานานระหวา่ งเรียน อาจไม่เหมาะสม (f=1) ผู้เรียนรจู้ ักการประกอบการทสี่ ุจริตหรือเปน็ การประกอบการท่ีสร้างสรรค์สงั คม (f=1) ย ในอนาคตผเู้ รียนต้องทางานร่วมกันเป็นเครือขา่ ยมากยิง่ ขึน้ (f=2)

นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ ระดบั ผลการ ท่ตี อบสนองการเปลยี่ นแปลง ความ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ 1) ควรเพิ่มการเรียนรอู้ ีก 4 รูปแบบ 1. การเรียนร้แู บบสรา้ งสรรค์ความรู้ (Constructiv การเรียนร้ทู ่เี นน้ กระบวนการคดิ (Thinking skill) 2) ทรัพยากร 1) ระบบสนบั สนุนความเป็นเลศิ ของผเู้ รียน (Student 4.79 1) ทรัพยา การเรยี นรู้ (Learning Excellence Support System) ไดท้ กุ เวลา resources) จานวน 11 2) แหลง่ เรยี นรู้ชวี ติ จริง (Real World Learning Space) 4.71 - ประเภท 3) แหลง่ เรยี นรเู้ ฉพาะบคุ คล (Personalize Learning 4.74 - Space) 4) แหลง่ เรยี นรอู้ อนไลน์ (Online Learning Space) 4.68 1) ควรเพ่มิ 2) ผเู้ รียนต 5) แหลง่ เรยี นรู้การลงมอื ทางาน(Hands on Learning 4.82 - Space) 6) แหล่งเรยี นรรู้ ว่ ม (Co-learning Space) 4.82 1) เพราะม 7) แหลง่ เรยี นรู้สงั คมประกิต (Socialization Learning 4.71 1) อาจมผี Space) 8) แหลง่ เรียนร้นู ักประดิษฐ์หรอื นวัตกร (Maker Space) 4.71 - 9) แหล่งเรยี นรจู้ าลอง (Simulation Learning Space) 4.74 - 10) แหล่งเรยี นรเู้ ชงิ จนิ ตนาการ (Imagination Learning 4.56 1) อยู่ในแห Space) 11) แหล่งเรียนรทู้ ีย่ ดื หยุ่น (Flexible Learning Space) 4.74 1) จะมขี ้อ ขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ 1) ควรเพิ่มแหล่งเรียนรู้ทางวชิ าการ เชน่ พพิ ธิ ภัณฑ์ 2) ควรเพิ่มแหลง่ เรยี นรู้ธรรมชาติ 3) ควรเพ่มิ แหลง่ เรียนรู้ออนไลน์ทเี่ ป็น Google Classroom 4) ควรมี keyword ถา้ มคี าวา่ ส่งิ แวดล้อม จะต้องมีคาวา่ พลังงาน ควรมีคาวา่ จติ อาสา จ

352 รสัมภาษณน์ โยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรทู้ ่ตี อบสนองการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 vism) 2. การเรยี นรแู้ บบบูรณาการ (Integration) 3. การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ (Experimental) 4. ากรตอ้ งคานงึ ถงึ ความเสมอภาคและเท่าเทยี มในการเข้าถงึ ตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคล เข้าถงึ า (f=2) มเติมการปรับแตง่ แหล่งการเรยี นรู้ให้ผูเ้ รียนสนใจ เช่น เรียนรภู้ าษาจากการดู Netflix (f=1) ต้องรู้จกั การไตร่ตรอง ก่อนเชอื่ และนาไปใช้ (f=1) มแี หลง่ เรยี นรอู้ ื่นทมี่ ลี กั ษณะคล้ายกนั และในอนาคต แหลง่ เรียนรรู้ ่วมอาจไมจ่ าเปน็ มาก (f=1) ผไู้ ม่เข้าใจภาษาท่ีใช้ หรือชอ่ื ของความหมายของแหล่งเรยี นรู้ (f=1) หลง่ อื่น ๆ เช่น Maker space, simulation learning space (f=1) อจากัดเรอื่ งห้องเรยี น ในการจดั แหล่งเรียนรูใ้ นลักษณะน้ีภายในโรงเรียน (f=2) จติ สาธารณะ การสือ่ สาร เป็นตน้

นโยบายพลกิ โฉมระบบการเรยี นรู้ ระดับ ผลการ ที่ตอบสนองการเปล่ยี นแปลง ความ ของโลกอนาคตในปี 2040 เหมาะสม 3) การประเมิน 1) การประเมินเพ่ือพฒั นา (Formative Assessment) 4.79 1) ควรเนน้ การเรียนรู้ (Learning 2) การประเมนิ การนาไปใช้ในชวี ติ จริง (Authentic 4.62 1) จากอังก assessment) จานวน 7 Assessment) 360 องศา รูปแบบ 3) การประเมินด้วยการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เชิงสรา้ งสรรค์ 4.65 1) ควรเนน้ (Creative feedback) 4) การประเมินตนเอง (Self Assessment) 4.76 - 5) การประเมนิ แบบรว่ มมอื (Collaborative Evaluation) 4.76 - 6) การประเมินผลงาน (Performance-based 4.85 1) ควรใช้ค Assessment) 2) ต้องคาน เน่ืองจาก 7) การประเมนิ โดยผู้เชยี่ วชาญ (Expert Evaluation) 4.61 1) เพราะใ มากไป (f= 2) อาจมขี ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ 1) ควรเพ่มิ การประเมนิ ตามสภาพจรงิ ทอี่ า้ งองิ จากพฒั นาการตนเอง 2) ควรเรียงลาดับจากการประเมินตนเองไปสกู่ ารประเมนิ ผูอ้ น่ื จากใกล้ตัวไปไกลตวั

353 รสมั ภาษณน์ โยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรทู้ ่ตี อบสนองการเปล่ยี นแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 นการประเมินเพื่อพัฒนามากกวา่ การตดั สนิ (f=1) กฤษ แปลวา่ การประเมินตามสภาพจรงิ โดยใช้เครอ่ื งมอื ดจู ากหลกั ฐาน การเกบ็ รอ่ งรอย การเกบ็ ขอ้ มลู า (f=1) นการสร้างพลงั ใหผ้ เู้ รยี นจากการประเมิน (f=3) คาแปลไทยเป็น “การประเมินโดยอิงผลการปฏบิ ัติงาน” (f=1) นงึ ว่าผู้เรียนอาจมขี ้อจากดั ควรเนน้ ท่ีกระบวนการ และใหค้ วามสาคัญกับกระบวนการมากกวา่ Output Input แตล่ ะสถานศึกษาตา่ งกัน (f=1) ในอนาคตเปน็ การเรยี นรู้เฉพาะตวั บุคคลมาก การให้ผเู้ ช่ียวชาญมาประเมนิ จะเปน็ การตีกรอบการเรยี นรู้ =1) ขอ้ จากัดเรื่องทรัพยากรบคุ คลในแต่ละทอ้ งที่ (f=1)

354 3.3 ผลการ (ร่าง) นโยบายพลิกโฉมระบบการเรยี นรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ผลการร่างนโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคต ในปี 2040 ได้องค์ประกอบของนโยบาย ประกอบด้วย 1) ชื่อนโยบาย 2) ผลลัพธ์การเรียนรู้ และ ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes and Assessment Evidences) ซึ่งครอบคลุม คุณภาพ 6 ด้าน 19 ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ 67 ตวั ชี้วัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ 3) รูปแบบการเรยี นรู้ (Learning design) จานวน 6 รูปแบบหลัก 30 รูปแบบรอง 4) ทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning resources) จานวน 11 ประเภท และ 5) การประเมินผลการเรียนรู้ (Learning assessment) จานวน 6 รูปแบบ มีรายละเอยี ด ดงั น้ี 1) ชื่อนโยบาย นโยบายพลิกโฉมระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองการเปล่ียนแปลงของโลกอนาคตในปี 2040 ใช้ชื่อว่า “พลิกโฉมระบบการเรยี นรูเ้ พ่อื สร้างสรรค์ชีวิตเศรษฐกิจและสังคมใหม่ ที่มีความสุขอย่าง มีคุณค่า” 2) ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ และตัวชวี้ ัดผลลัพธ์การเรยี นรู้ ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ และตวั ช้วี ัดผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ (Learning Outcomes and Assessment Evidences) ซึ่งครอบคลุมคุณภาพ 6 ด้าน 19 ผลลัพธ์การเรียนรู้ 67 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ มรี ายละเอียด ดังนี้ 2.1) คุณภาพท่ัวไป (General Qualities) ประกอบด้วย 5 ผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) 2) ผู้ออกแบบชีวิตท่ีมีคุณค่า (Valuable Life Designer) 3) ผู้นาการเปล่ียนแปลงที่สร้างอนาคต (Change Leader Make the Future) 4) พลเมืองโลกท่ีมีคุณภาพ และความรับผิดชอบ (Responsible & Competence Global Citizen) และ 5) ผมู้ สี ุขภาวะกายและใจทีด่ ี (Well-being person) 2.1.1) ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong expert learner) ประกอบด้วย 5 ตัวชี้วัดผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ได้แก่ 1.1) มีความฉลาดรใู้ นการอา่ น เขยี น ภาษาไทย อังกฤษ คดิ คานวณ และจินตนาการ 1.2) มที กั ษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ 1.3) มีทกั ษะการบูรณา การข้ามศาสตร์ และการนาไปใช้ในชีวิตจริง 1.4) มีทักษะการปรับตัวตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของ โลกอนาคต และ 1.5) มีทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ หรือการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical thinking skill) 2.1.2) ผู้ออกแบบชีวิตที่มีคุณค่า ( Valuable Life Designer) ประกอบด้วย 5 ตัวช้ีวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ได้แก่ 2.1) ค้นพบสิ่งท่ีรักท่ีจะทา มีความสุขอย่างมีคุณค่า (Passion) 2.2) สามารถทาในส่ิงท่ีโลกต้องการ และมีคุณค่า (Mission) 2.3) สามารถสร้างคุณค่าจากสิ่งที่ทา