Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนเกาะคาวิทยาคม

หลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนเกาะคาวิทยาคม

Published by kru.aromaomam, 2022-06-16 13:04:41

Description: โรงเรียนเกาะคาวิทยาคม มีความพร้อมในการใช้หลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๕ โดยนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง 2560) มาตรฐานการเรียนรู้และความต้องการของท้องถิ่นมาเป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย

Search

Read the Text Version

หน่วย ช่อื หนว่ ย ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 198 ท่ี กำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ชว่ั โมง) 3 เทคโนโลยีทำงดีเอน็ เอ 10. อธิบายหลักการสร้าง - การเพ่ิมจานวนของ DNA ท่ี 12 10 สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธกุ รรม เหมือน ๆ กันน้ันเรียกว่า การ โดยใช้ดเี อ็นเอรคี อบแิ นนท์ โคลนดีเอ็นเอและ ถ้า DNA 11. สืบค้นขอ้ มูล บริเวณดังกล่าวเป็นยีนเรียกว่า ยกตวั อย่าง และอภิปราย การโคลนยีน การเพ่ิมจานวน การนาเทคโนโลยีทางดี DNA อาจทาได้โดยใช้พลาสมิ เอน็ เอไปประยกุ ต์ ทั้งใน ดของแบคทเี รียและเทคนิคพอลิ ด้านส่ิงแวดล้อมนิติ เมอเรสเชนรแี อกชนั หรอื PCR วทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ - การโคลนยีนโดยใช้พลาสมิ การเกษตรและ ดของแบคทีเรียเพื่อสร้างดีเอ็น อุตสาหกรรม และข้อควร เอรีคอมบิแนนท์ อาจทาได้โดย คานงึ ถงึ ดา้ นชีวจรยิ ธรรม ใช้เอนไซม์ตัดจาเพาะตัดสาย DNA ท่ีมียีนทต่ี อ้ ง การและตัดพ ลาสมิดที่จุดตัดจาเพาะ เมื่อตัด สาย DNA ต่างโมเลกุลกันด้วย เอนไซม์ตดั จาเพาะชนิดเดียวกัน ปลายสาย DNA จะมีลาดับเบส ทีเ่ ข้าคู่กันได้ และเช่อื มตอ่ กันได้ ดว้ ยเอนไซมด์ ีเอน็ เอไลเกสทาให้ ไดเ้ ป็นดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ - ผลติ ภัณฑ์ DNA ที่ไดจ้ าก PCR สามารถตรวจสอบผลการเพ่ิม ปรมิ าณ DNA และหาขนาดของ โ ม เ ล กุ ล DNA ด้ ว ย วิ ธี เจลอิเล็กโทรฟอรีซิส ซ่ึงเป็น เทคนิคการแยกโมเลกุล DNA ที่ มีขนาดแตกตา่ งกัน ในสนามไฟฟ้าผา่ นตัวกลางที่ เปน็ วนุ้ แล้วเปรยี บเทยี บกบั การ เคลอื่ นทีข่ องโมเลกลุ ดเี อ็นเอ

หน่วย ชอ่ื หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 199 ท่ี สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ชั่วโมง) - เ ท ค โ น โ ล ยี ท า ง ดี เ อ็ น เ อ สามารถนาไปประยุกต์ใช้ใน ด้านการแพทย์ในการวินัจฉัย โ ร ค แ ล ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ส ร้ า ง ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม การ ประยุกต์ในด้านการเกษตรใน การสร้างพืชหรือสัตว์ที่มีสมบัติ ตามต้องการ รวมทั้งประยุกต์ใช้ ใ น ด้ า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม แ ล ะ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ใ น ด้ า น นิ ติ วิทยาศาสตร์สามารถใช้ลาย พิมพ์ดีเอ็นเอในการพิสูจน์ตัว บุคคลและหาความสัมพันธ์ทาง สายเลือด อย่างไรก็ตามการใช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ท า ง ดี เ อ็ น เ อ ต้ อ ง ค า นึ ง ถึ ง ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ท า ง ชวี ภาพและชวี จริยธรรม 4 วิวฒั นำกำร 12. สืบค้นข้อมูลแ ละ - ส่ิ ง มี ชี วิ ต ใ น ปั จ จุ บั น เป็ น 12 15 อธิบายเกี่ยวกับหลักฐานที่ ลูกหลานท่ีมีลักษณะที่แตกต่าง สนับสนุนและข้อมูลที่ใช้ จากบรรพบุรุษในอดีต โดยผ่าน อธบิ ายการเกิดวิวัฒนาการ การเปล่ยี น แปลงทางพนั ธกุ รรม ของสิ่งมชี วี ิต ทีละเล็กทีละน้อย มีการสะสม 13. อธิบายและเปรียบ ลั ก ษ ณ ะ ท่ี เ ห ม า ะ ส ม กั บ เทียบแน ว คิดเก่ี ยว กั บ สภาพแวดล้อมในขณะนั้น ๆ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เป็นเวลานานหลายชั่วรุ่น การ ของชอง ลามาร์กและ เปลี่ยนแปลงของส่ิงมีชีวิตจาก ทฤษฎีเก่ียวกบั ววิ ฒั นาการ อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกว่า ของส่ิงมีชีวิตของชาลส์ ววิ ัฒนาการของสง่ิ มชี ีวติ ดาร์วนิ

หนว่ ย ชือ่ หน่วย ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 200 ท่ี กำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) 14. อธิบายและเปรยี บเทียบ - แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการ แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการ ของส่ิงมีชีวิตที่สาคัญ ได้แก่ ของสิง่ มีชวี ิตของชอง ลามารก์ แนวคิดของชอง ลามาร์ก และ แ ล ะ ท ฤ ษ ฎี เ ก่ี ย ว กั บ ชาลส์ ดาร์วิน โดยลามารก์ เสนอ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการโดย ชาลส์ ดารว์ นิ อาศัยกฎการใช้และไม่ใช้ และ 15. สืบค้นข้อมูล อภิปราย กฎการถ่ายทอดลักษณะท่ีเกิด และอธิบายกระบวนการเกิด ข้ึนมาใหม่ ส่วนดาร์วินเสนอ สปชี ีส์ใหมข่ องส่ิงมีชีวติ แนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎีการ คัดเลอื กโดยธรรมชาติ - ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ ค ว า ม รู้ ท า ง พั น ธุ ศ า ส ต ร์ ประชากรในการอธิบายการเกดิ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตและ ปั จ จั ย ที่ ท า ใ ห้ เ กิ ด ก า ร เปล่ี ยนแปลงความถี่ แอลลี ลใน ประชากร ไดแ้ ก่ เจเนติกดรฟิ ท์แบบ ส่มุ การถ่ายเทยนี การผสมแบบ ไ ม่ สุ่ ม มิ ว เ ท ชั น แ ล ะ ก า ร คัดเลือกโดยธรรมชาติ โดย ปัจจัยดังกล่าวทาให้ยีนพูลใน ประชากรเปล่ียนแปลงหรือเกิด วิ วั ฒ น าก าร และ ทาให้เกิ ด สิ่งมีชีวิตสปชี ีส์ใหมข่ ึน้ รวม 58 50 สอบกลางภาค 1 20 สอบปลายภาค 1 30 รวมทงั้ หมด 60 100

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 201 คำอธบิ ำยรำยวิชำเพิ่มเตมิ รำยวิชำ ชีววทิ ยำ ๓ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ ำ ว๓๒๒๔๓ ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี ๕ เวลำ ๖๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเกีย่ วกบั วัฏจักรชีวิตแบบสลบั ของพืชดอก กระบวนการสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุเพศผู้ กระบวนการสร้างเซลล์ สืบพันธุ์เพศเมีย การเกิดเมล็ด การเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ด โครงสร้างของผล ศึกษาชนิดและลักษณะ ของเนื้อเยื่อพืช โครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเล้ยี งเดี่ยว โครงสร้างภายในของรากพืชใบเล้ยี งคู่ โครงสร้างภายในของ ลาต้นพืชใบเล้ียงเด่ียว โครงสร้างภายในของลาต้นพืชใบเล้ียงคู่ โครงสร้างภายในของใบพืช ศึกษากลไกการลาเลยี งนา้ กลไกการลาเลียงธาตุอาหาร ความสาคัญของธาตุอาหาร การแลกเปล่ียนแก๊ส การคายน้า กลไกการลาเลียงอาหาร การศึกษาผลท่ีได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง กระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช C3 กลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ในพืช C3 พืช C4 และ พืช CAM ความเข้มของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ศึกษาบทบาทและหน้าท่ีของ ฮอรโ์ มนพืช สิง่ เรา้ ภายนอกทีม่ ผี ลต่อการเจริญเตบิ โตของพชื ปจั จยั มผี ลตอ่ การงอกของเมล็ด และสภาพพักตัวของเมล็ด โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเข้าใจ ความคิด สามารถสื่อสารสงิ่ ที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคณุ คา่ ของการ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. อธิบายวฏั จักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก 2. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และอธิบายการ ปฏิสนธขิ องพชื ดอก 3. อธิบายการเกิดเมล็ด และการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอย่างการใช้ ประโยชนจ์ ากโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ของเมลด็ และผล 4. อธบิ ายเก่ียวกบั ชนิดและลักษณะของเนอ้ื เยือ่ พืช และเขียนแผนผงั เพือ่ สรปุ ชนดิ ของเนอื้ เยื่อพืช 5. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเล้ียงเดี่ยวและรากพชื ใบเลี้ยงคู่จากการตดั ตามขวาง 6. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลาต้นพืชใบเล้ียงเดี่ยวและลาต้นพืช ใบเล้ียงคูจ่ ากการตดั ตามขวาง 7. สังเกต และอธบิ ายโครงสรา้ งภายในของใบพชื จากการตดั ตามขวาง 8. สบื คน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายกลไกการลาเลยี งนา้ และธาตอุ าหารของพชื 9. สืบค้นข้อมูล อธิบายความสาคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สาคัญที่มีผลต่อการ เจริญเติบโตของพืช 10. สืบค้นข้อมูล สังเกต และอธิบายการแลกเปล่ยี นแกส๊ และการคายนา้ ของพืช 11. อธบิ ายกลไกการลาเลยี งอาหารในพืช 12. สืบค้นข้อมูล และสรุปการศึกษาที่ได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเก่ียวกับ กระบวนการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสง 13. อธิบายขนั้ ตอนทเี่ กดิ ขน้ึ ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช C3 14. เปรียบเทยี บกลไกการตรึงคารบ์ อนไดออกไซด์ ในพชื C3 พชื C4 และ พืช CAM

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 202 15. สบื คน้ ขอ้ มูล อภิปราย และสรุปปจั จยั ความเข้มของแสง ความเข้มขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์ และอณุ หภมู ทิ ่มี ีผลต่อ การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช 16. สืบค้นข้อมูล อธิบายบทบาทและหน้าท่ีของ ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีนและ กรดแอบไซซกิ และอภปิ รายเกีย่ วกับการนาไปใชป้ ระโยชนท์ างการเกษตร 17. สืบค้นขอ้ มลู ทดลอง และอภิปรายเก่ียวกบั สงิ่ เรา้ ภายนอกท่มี ผี ลตอ่ การเจริญเติบโตของพชื 18. ทดลอง และอธิบายเก่ียวกับปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัวของเมล็ด และบอก แนวทางในการแก้สภาพพักตัวของเมลด็ รวมทั้งหมด 18 ผลกำรเรียนรู้

โครงสร้างรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 203 รำยวิชำ ชีววทิ ยำ ๓ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว๓๒๒๔๓ ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ ๕ เวลำ ๖๐ ชั่วโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต หนว่ ย ช่ือหนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ชว่ั โมง) 1 กำรสบื พันธข์ุ องพืชดอก 1. อธบิ ายวัฏจกั รชีวติ แบบ - พืชดอกมีวัฏจักรชีวิตแบบสลับ 9 10 สลับของพชื ดอก ประกอบด้วยระยะท่ีสร้างสปอร์เรียก ระยะสปอโรไฟต์ (2n) และระยะที่ สร้างเซลล์สืบพันธ์ุ เรียกระยะแกมีโท ไฟต์ (n) - ส่วนประกอบของดอกที่เกี่ยวข้อง กับการสืบพันธ์ุ โดยตรงคือชั้นเกสร เพศผู้และช้ันเกสรเพศเมีย ซ่ึงจานวน รังไข่เกี่ยวข้องกับการเจริญเป็นผล ชนิดต่าง ๆ 2. อธิบาย และเปรียบ - พชื ดอกสรา้ งไมโครสปอรแ์ ละเม เทียบกระบวนการสร้าง กะสปอร์ ซึ่งอาจสร้างในดอก เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และ เดยี วกัน/ต่างดอกหรือต่างต้นกนั เพศเมียของพืชดอก และ - การสร้างไมโครสปอร์ของพืช อธิบายการปฏิสนธิของพชื ดอกเกิดข้ึนโดย ไมโครสปอร์มา ดอก เทอร์เซลล์แบง่ เซลลแ์ บบ ไมโอซสิ ไดไ้ มโครสปอร์ โดยไมโครสปอร์นี้ แ บ่ ง เ ซ ล ล์ แ บ บ ไ ม โ ท ซิ ส ได้ 2 เซลล์ คือ ทิวบ์เซลล์และเจ เนอเรทิฟเซลล์ เมอ่ื มกี ารถา่ ยเรณู ไปตกบน ยอดเกสรเพศเมีย ทิวบ์ เซลล์จะงอกหลอดเรณู และเจ เนอเรทิฟเซลล์แบ่งไมโทซิสได้ เซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผู้ 2 เซลล์ - การสร้างเมกะสปอร์เกิดข้ึน ภายในออวุลในรังไข่ โดยเซลล์ที่ เรียกว่า เมกะสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ แบ่งไมโอซิสได้เมกะสปอร์ ซ่ึงใน พชื ส่วนใหญจ่ ะเจรญิ พัฒนาตอ่ ไปได้ เพยี ง 1 เซลล์

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 204 หน่วย ชือ่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ช่วั โมง) ท่ีเหลืออีก 3 เซลล์จะฝ่อ เมกะ สปอร์จะแบ่งไมโทซิส 3 ครั้ง ได้ 8 นิวเคลียส ที่ประกอบด้วย 7 เซลล์โดยมี 1 เซลล์ ท่ีทาหน้าท่ี เป็นเซลล์สืบพันธ์ุ เรียก เซลล์ไข่ ส่วนอีก 1 เซลล์มี 2 นิวเคลียส เรียก โพลาร์นวิ คลไี อ - การปฏิสนธิของพชื ดอกเป็นการ ปฏิสนธิคู่ โดยคู่หน่ึงเป็นการ รวมกันของสเปิร์มเซลล์หนึ่ง กับ เซลล์ไข่ได้เป็นไซโกต ซ่ึงจะเจริญ และพัฒนาไปเป็นเอ็มบริโอ และ อีกคู่หนึ่งเป็นการรวมกัน ของ สเปิร์มอีกเซลล์หนึ่งกับโพลาร์นิ วคลีไอ ได้เป็นเอนโดสเปิร์ม นิวเคลียส ซึ่งจะเจริญและพัฒนา ตอ่ ไปเป็นเอนโดสเปริ ม์ 3. อธิบายการเกิดเมล็ด - ภายหลังการปฏิสนธิ ออวุลจะมี และการเกิดผลของพืช การเจรญิ และพฒั นาไปเป็นเมล็ด ดอก โครงสร้างของเมล็ด และรังไข่จะมีการเจริญ และ และผล และยกตัวอย่าง พัฒนาไปเป็นผล การใช้ประโยชน์จากโครง - โครงสร้างของเมล็ดประกอบ สร้างต่าง ๆ ของเมล็ดและ ด้วย เปลือกเมล็ด เอ็มบริโอ และ ผล เอนโดสเปิร์ม โครงสร้างของผล ประกอบด้วย ผนังผล และเมล็ด ซึ่งแต่ละส่วนของโครงสร้างจะมี ปร ะ โ ยชน์ต่อ พืชเอ งและต่อ สิง่ มีชีวิตอนื่ 2. โครงสรำ้ งและกำร 4. อธิบายเก่ียวกับชนิด - เนอื้ เยอ่ื พชื แบง่ เป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ คือ 17 10 เจริญเติบโตของ และลักษณะของเน้ือเย่ือ เนอื้ เยอ่ื เจริญ และเนื้อเยอ่ื ถาวร พืชดอก พืช และเขียนแผนผังเพื่อ - เนื้อเย่ือเจริญแบ่งเป็นเนื้อเยื่อเจรญิ สรุปชนดิ ของเนือ้ เยื่อพชื สว่ นปลาย เน้ือเย่ือเจริญเหนอื ข้อและ เนือ้ เยอ่ื เจริญด้านข้าง

หนว่ ย ชื่อหน่วย ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 205 ท่ี กำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) - เนื้อเย่ือถาวรเปล่ียนแปลงมา จากเนื้อเยื่อเจริญ เน้ือเยื่อถาวร อาจแบ่งได้เป็น 3 ระบบ คือ ระบบเนื้อเยื่อผิว ระบบเน้ือเย่ือ พ้ืน และระบบเน้อื เย่ือท่อลาเลียง ซ่งึ ทาหนา้ ท่ตี า่ งกนั 5. สังเกต อธิบาย และ - ราก คือ ส่วนแกนของพืชท่ี เปรียบเทียบโครงสร้าง โดยทว่ั ไปเจริญอยู่ ใตร้ ะดบั ผิวดิน ภายในของรากพืชใบเล้ียง ทาหน้าท่ียึดหรือค้าจุน ให้พืช เดีย่ วและรากพชื ใบเล้ยี งคู่ เจริญเติบโตอยู่กับท่ีได้ และยังมี จากการตัดตามขวาง หน้าที่สาคัญใน การดูดน้าและ ธาตุอาหารในดินเพื่อส่งไปยงั ส่วน ตา่ ง ๆ ของพชื - โครงสร้างภายในของปลายราก ท่ีตัดตามยาว ประกอบด้ว ย เน้ือเยื่อเจริญแบ่งเป็นบริเวณต่าง ๆ คือ บริเวณหมวกราก บริเวณ เซลล์กาลังแบ่งตัว บริเวณเซลล์ ขยายตัวตามยาว และบริเวณที่ เซลล์ มีการเปล่ียนแปลงไปทา หน้าที่เฉพาะและเจริญเติบโต เต็มท่ี - โครงสร้างภายในของรากระยะการ เติบโตปฐมภูมิ เม่ือตัดตามขวางจะ เห็นโครงสร้างแบ่งเป็น 3 ชั้น เรียง จากด้านนอกเข้าไป คือ ช้ันเอพิเดอร์ มิส ชั้นคอร์เทกซ์และช้ันสตีล ในช้ัน สตีลจะพบมัดท่อลาเลียงท่ีมีลักษณะ แตกต่างกันในพืชใบเลยี้ งเด่ยี วและพืช ใบเล้ยี งคู่

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 206 หนว่ ย ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ช่ัวโมง) - โครงสร้างภายในของรากระยะการ เติบโตทตุ ยิ ภูมิ ช้ันเอพิเดอร์มิสจะถูก แทนที่ด้วยชั้นเพริเดิร์ม ซึ่งมีคอร์ก เป็นเนื้อเย่ือสาคัญ ช้ันคอร์เทกซ์อาจ มีการเปล่ยี นแปลง เกิดเซลลท์ ่ที าให้ มีความแข็งแรงเพ่ิมข้ึน หรือเกิด เซลล์ท่ีสะสมอาหารเพิ่มข้ึน ส่วน ลั ก ษ ณ ะ มั ด ท่ อ ล า เ ลี ย ง จ ะ เปลี่ยนไป เนื่องจากมีการสร้าง เน้อื เยือ่ ลาเลียงเพ่มิ ขนึ้ 6. สังเกต อธิบาย และ - ลาต้น คือ ส่วนแกนของพืชท่ี เปรียบเทียบโครงสร้าง โดยทั่วไปเจริญอยู่เหนือระดับผิว ภายในของลาต้นพืชใบ ดินถัดขึ้นมาจากราก ทาหน้าที่ เลี้ยงเดี่ยวและลาต้นพืช สร้างใบและชูใบ ลาเลียงน้า ธาตุ ใบเล้ียงคู่จากการตัดตาม อาหาร และอาหารท่ีพืชสร้างขึ้น ขวาง สง่ ไปยังส่วนตา่ ง ๆ - โครงสร้างภายในของลาต้น ระยะการเติบโตปฐมภูมิ เม่ือตัด ตามขว าง จะ เห็น โ คร ง สร้าง แบง่ เป็น 3 ชัน้ เรยี งจากดา้ นนอก เข้าไ ป คือ ช้ัน เอ พิเดอ ร์มิ ส ชั้นคอร์เทกซ์ และช้ันสตีล ซ่ึงช้ัน สตีลจะพบมัด ท่อลาเลียงที่มี ลักษณะแตกต่างกนั ในพืชใบเลยี้ ง เดี่ยว และพืชใบเลีย้ งคู่ - ลาต้นในระยะการเติบโตทุติย ภมู ิ จะมเี ส้นรอบวง เพิม่ ข้ึนและมี โ คร ง สร้าง แตก ต่าง จากเดิม เนื่องจากมีการสร้างเน้ือเยื่อเพริ เดิร์ม และเน้อื เย่อื ทอ่ ลาเลียงทุติย ภมู ิเพ่ิมขน้ึ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 207 7. สังเกต และอธิบาย - ใบมีหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสง 10 โครงสร้างภายในของใบ แลกเปล่ียนแก๊ส และคายน้า ใบของ พืชจากการตัดตามขวาง พืชดอกประกอบด้วย ก้านใบ แผ่นใบ เส้นกลางใบ และเส้นใบ พืชบางชนิด อาจไม่มีก้านใบท่ีโคนก้านใบอาจพบ หรอื ไมพ่ บหูใบ - โครงสร้างภายในของใบตัด ตามขวาง ประกอบด้วย เน้ือเยื่อ 3 กลุ่ม ได้แก่ เอพิเดอร์มิส มีโซฟิลล์ และเน้ือเย่ือ ทอ่ ลาเลียง 3. กำรลำเลียงของพชื 8. สื บ ค้ น ข้ อ มู ล แ ล ะ - พืชดูดน้าและธาตุอาหารต่างๆ จาก 9 อธิบายกลไกการลาเลียง ดิน โดยเซลล์ขนรากแล้วลาเลียงผ่าน น้า และธาตุอาหารของพชื ช้ันคอร์เทกซ์เข้าสู่เนื้อเยื่อลาเลียงน้า 9. สืบค้นข้อมูล อธิบาย ในชั้นสตีล ซ่ึงเป็นการดูดนา้ จากดินสู่ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ธ า ตุ เน้อื เยอ่ื ลาเลยี งน้าในแนวระนาบ และ อาหาร และยกตัวอย่าง ลาเลียง ไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืชใน ธาตุอาหารท่ีสาคัญที่มีผล แนวด่ิง ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืช - ในสภาวะปกติการลาเลียงน้าจาก รากสยู่ อดของพืชอาศัยแรงดงึ จากการ คายน้า ร่วมกับแรงโคฮีชัน แรง แอดฮีชนั - ในภาวะท่ีบรรยากาศมีความช้ืน สัมพทั ธส์ ูงมาก จนไมส่ ามารถเกิดการ คายน้าได้ตามปกติ น้าท่ีเข้าไปใน เซลล์รากจะทาให้เกิดแรงดันเรียกว่า แรงดันราก ทาให้เกิปรากฏการณ์กัต เตชัน - พืชแต่ละชนิดต้องการปริมาณและ ชนิ ดของธาตุ อาหารแตกต่ างกั น สามารถนาความรู้เกี่ยวกับสมบัติของ ธาตุชนิดต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเจริญ เติบโตของพชื ในสารละลายธาตุอาหาร เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ตาม ท่ี ต้องการ 10. สืบค้นข้อมูล สังเกต - พืชมีการแลกเปลี่ยนแก๊สและการ แ ล ะ อ ธิ บ า ย ก า ร แ ล ก คายน้าผ่านทาง ปากใบเป็นส่วนใหญ่

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 208 เปล่ียนแก๊สและการคาย ปากใบพบได้ที่ใบและลาต้นออ่ นเมื่อ นา้ ของพืช ความช้ืนสัมพัทธ์ในอากาศ ภายนอก ต่ากว่าความชื้นสัมพัทธ์ภายในใบพืช ทาให้น้าภายในใบพืชระเหยเป็นไอ ออกมาทาง รูปากใบ เรียกว่าการคาย น้า - ความช้ืนในอากาศ ลม อุณหภูมิ สภาพนา้ ในดิน ความเขม้ ของแสง เป็น ปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การคายนา้ ของพืช 11. อธิบายกลไกการลา - อาหารท่ีได้จากกระบวนการ เลยี งอาหารในพืช สังเคราะห์ด้วยแสง จากแหล่งสร้าง จะถูกเปล่ียน แปลงเป็นซูโครส และ ลาเลยี งผา่ นทางท่อโฟลเอม็ โดยอาศัย กลไก การลาเลียงอาหารในพืชซึ่ง เกย่ี วขอ้ งกบั แรงดนั น้า ไปยังแหล่งรบั 4 กำรสงั เครำะห์ด้วยแสง 12. สืบค้นขอ้ มลู และสรปุ - ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า ข อ ง 14 10 การศึกษาที่ได้จากการ นักวิทยาศาสตร์ในอดีต ทาให้ได้ ทดลองขอนักวิทยาศาสตร์ ความรู้ เก่ี ยวกั บกระบวน การ ในอดีตเก่ียวกับกระบวน สังเคราะห์ ด้วยแสงมาเป็นลาดับขั้น การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง จนได้ข้อสรุปว่า คาร์บอนไดออกไซด์ และน้า เป็นวัตถุดิบที่พืชใช้ใน กระบวน การสังเคราะห์ด้วยแสงและ ผลผลติ ทีไ่ ด้ คอื น้าตาล ออกซเิ จน 13. อธบิ ายข้นั ตอนทเ่ี กดิ ขึ้น - กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงมี 2 ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วย ขั้นตอน คือ ปฏิกิริยาแสง และการ แสงของพืช C3 ตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ - ปฏิกิริยาแสงเป็นปฏิกิรยิ าที่เปลย่ี น พลังงานแสงเปน็ พลงั งานเคมี โดยแสง ออกซิไดส์โมเลกุลสารสี ท่ีไทลาคอยด์ ของคลอโรพลาสต์ ทาให้เกิดการ ถ่ายทอดอิเล็กตรอน ได้ผลิต ภัณฑ์ เป็น ATP และ NADPH+ H+ ใน สโตร มาของคลอโรพลาสต์ - การตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดใน สโตรมา โดยใช้ RuBP และเอนไซม์รู

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 209 14. เปรยี บเทียบกลไกการ บสิ โก ไดส้ ารท่ีประกอบด้วย คาร์บอน ตรึงคาร์บอนได- ออกไซด์ ใน 3 อะตอม คือ PGA โดยใช้ ATP และ พชื C3 พืช C4และ พืช CAM NADPH ท่ีได้จากปฏิกิริยาแสงไป รีดิวซ์ สารประกอบคาร์บอน 3 อะตอม ได้เป็นน้าตาล ท่ีมีคาร์บอน 3 อะตอม คือ PGAL ซ่ึงส่วนหนึง่ จะ ถูกนาไปสร้าง RuBP กลับคืนเป็นวัฏ จั กร โดยพื ช C3 จะมี การตรึ ง คารบ์ อนไดออกไซด์ด้วยวฏั จักร คลั วนิ เพียงอย่างเดยี ว - พืช C4 ตรึงคาร์บอนอนินทรีย์ 2 ครั้ง คร้ังแรกเกิดข้ึนที่เซลล์มีโซฟิลล์ โดย PEP และเอนไซม์ เพบคาร์บอก ซิเลส ได้สารประกอบท่ีมีคาร์บอน 4 อะตอม คือ OAA ซึ่งจะมีการเปลี่ยน แปลง ทางเคมีได้สารประกอบที่มี คาร์บอน 4 อะตอม คือ กรดมาลิก ซ่ึงจะถกู ลาเลยี งไปจนถึงเซลล์บันเดิล ชีทและปล่อยคาร์บอนได ออกไซด์ใน คลอโรพลาสตเ์ พ่อื ใชใ้ นวัฏจักรคัล วิ นต่อไป - พืช CAM มกี ลไกในการตรึงคารบ์ อน ไดออกไซด์คล้ายพืช C4 แต่มีการตรงึ คาร์บอนอนินทรีย์ ท้ัง 2คร้ังในเซลล์ เดี ยวกั น โดยเซลล์ มี การตรึ ง คาร์บอนอนินทรีย์คร้ังแรกในเวลา กลางคืน และปล่อยออกมาในเวลา กลางวันเพ่อื ใชใ้ น วัฏจักรคัลวนิ ต่อไป 15. สืบค้นข้อมูล อภิปราย - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการสังเคราะหด์ ้วย และสรุปปัจจัยความเข้มของ แสง เช่น ความเข้มของแสง ความ แสง ความเข้มขน้ ของคารบ์ อน เข้มข้นของ คาร์บอนไดออกไซด์ ได- ออกไซด์ และอณุ หภูมิทมี่ ี อณุ หภูมิ ปริมาณน้าในดนิ ธาตอุ าหาร ผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง อายุใบ ของพชื

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 210 5 กำรควบคุมกำร 16. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - พืชสร้างสารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โต 9 10 เจรญิ เติบโตและกำร บทบาทและหน้าท่ีของ ออก หลายชนิด ทีส่ ว่ นต่าง ๆ ซง่ึ สารนี้เป็น ตอบสนองของพืช ซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน ส่ิ ง เร้ าภายใน ที่ มี ผลต่ อ การ เอทิลีน และกรดแอบไซซิก เจรญิ เติบโตของพชื เชน่ ออกซิน ไซโท และอภิปรายเก่ียวกับการ ไคนิน จบิ เบอเรลลนิ เอทิลนี และกรด นาไปใช้ประโยชน์ทางการ แอบไซซิก เกษตร 17. สืบค้นข้อมูล ทดลอง - แสงสว่าง แรงโน้มถ่วงของโลก และอภิปรายเก่ียวกับสิ่งเร้า สารเคมี และน้า เปน็ ส่ิงเร้าภายนอกท่ี ภายนอกท่ี มี ผลต่ อการ มผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต ของพชื เจริญเติบโตของพืช - ความรู้เก่ียวกับการตอบสนองต่อสิง่ เร้าภายใน และส่ิงเร้าภายนอกท่ีมีผล ต่อการเจริญเติบโตของพืช สามารถ น ามาประยุ กต์ ใช้ ควบคุ มการ เจริญเติบโตของพืช เพิ่มผลผลิต และ ยดื อายุ ผลผลิตได้ 18. ทดลอง และอธิบายเกี่ยว - เมล็ดที่เจริญเต็มที่จะมีการงอกโดย กับปัจจัยต่าง ๆ ที่มี ผลต่อ มีปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการงอกของ การงอกของเมล็ด สภาพพัก เมล็ด เชน่ นา้ หรือความช้ืน ออกซิเจน ตัวของเมล็ด และบอกแนว อุณหภูมิ และแสง เมล็ดบางชนิด ทางในการแก้สภาพพักตัวของ สามารถงอกได้ทนั ที แตเ่ มลด็ บางชนิด เมลด็ ไม่สามารถงอกได้ทันทีเพราะอยู่ใน สภาพพกั ตัว - เมล็ดบางชนิดมีสภาพพั กตัว เน่ืองจากมีปัจจัย บางประการที่มีผล ยับย้ังการงอกของเมล็ด ซึ่งสภาพพัก ตัวของเมล็ดสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ตามปัจจยั ทยี่ ับย้ัง รวม 58 50 กลางภาค 1 20 ปลายภาค 1 30 รวมทัง้ หมด 60 100

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 211 คำอธิบำยรำยวชิ ำเพิม่ เตมิ รำยวชิ ำ ชีววทิ ยำ ๔ กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ ำ ว๓๒๒๔๔ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๕ เวลำ ๖๐ ชั่วโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเก่ียวกับระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารของส่ิงมีชีวิต ทั้งจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสัตว์ การ ย่อยอาหาร ของมนุษย์ อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารของมนุษย์ ความผิดปกติของทางเดินอาหารในมนุษย์ ศึกษาเกี่ยวกับระบบหายใจ การแลกเปลี่ยนแก๊สของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวและของสัตว์ การแลกเปล่ียนแก๊สของมนุษย์ โครงสร้างที่ใช้ในการแลกเปล่ียนแก๊ส การแลกเปลี่ยนแก๊ส กลไกการหายใจ การควบคุมการหายใจ การวัดอัตราการ หายใจ ความผิดปกตทิ ี่เกยี่ วข้องกับปอด และโรคระบบทางเดินหายใจ ศึกษาเกยี่ วกับระบบหมนุ เวยี นเลือด การลาเลียง สารในรา่ งกายของสัตว์และของมนุษย์ ระบบนา้ เหลือง ระบบภมู คิ มุ้ กัน กลไกการท้างานของระบบภูมิคุ้มกัน กลไกการ สร้างภมู คิ มุ้ กัน ความผดิ ปกตขิ องระบบภมู ิคุ้มกนั ศกึ ษาเก่ยี วกบั ระบบขบั ถา่ ย การขับถ่ายของสงิ่ มีชวี ิตเซลล์เดยี วและ ของสัตว์ การขับถ่ายของมนุษย์ ไตและอวัยวะในระบบขับถ่ายปัสสาวะ ไตกับการรักษาดุลยภาพของร่างกาย โรคที่ เก่ียวข้องกับไต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วเิ คราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรปุ เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถ ในการตัดสินใจ สื่อสาร สิ่งท่ีเรียนรู้ และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และ ค่านิยม ผลกำรเรียนรู้ 1. สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสตั ว์ท่ไี มม่ ี ทางเดนิ อาหาร สตั วท์ ่ีมที างเดนิ อาหารแบบไมส่ มบูรณ์และสตั ว์ทม่ี ที างเดนิ อาหารแบบสมบูรณ์ 2. สงั เกต อธบิ าย การกินอาหารของ ไฮดรา และพลานาเรีย 3. อธิบายเก่ียวกบั โครงสรา้ ง หนา้ ที่ และกระบวนการย่อยอาหาร และการดดู ซึมสารอาหาร ภายในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ 4. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างที่ทาหนา้ ท่ีแลกเปลี่ยนแก๊สของฟองน้าไฮดรา พลานาเรยี ไส้เดอื นดิน แมลง ปลา กบ และนก 5. สังเกต และอธิบายโครงสรา้ งของปอดในสตั ว์เล้ียงลกู ด้วยน้านม 6. สืบคน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายโครงสรา้ งที่ใช้ในการแลกเปล่ยี นแก๊สและกระบวนการแลกเปล่ียน แก๊สของมนษุ ย์ 7. อธบิ ายการทางานของปอด และทดลองวัดปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนษุ ย์ 8. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรยี บเทียบระบบหมุนเวียนเลอื ดแบบเปิดและระบบหมุนเวียน เลอื ดแบบปดิ 9. สังเกตและอธิบายทิศทางการไหลของเลอื ดและการเคลอื่ นที่ของเซลล์เม็ดเลอื ดในหางปลา และสรปุ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งขนาดของหลอดเลือดกบั ความเร็วในการไหลของเลือด 10. อธิบายโครงสร้างและการทางานของหัวใจและหลอดเลือดในมนษุ ย์ 11. สังเกตและอธิบายโครงสร้างหัวใจของสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม ทิศทางการไหลของเลือดผ่านหัวใจของ มนุษย์ และเขยี นแผนผงั สรปุ การหมนุ เวยี นเลือดของมนษุ ย์ 12. สบื ค้นขอ้ มูล ระบุความแตกต่างของเซลลเ์ ม็ดเลือดแดง เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว เพลตเลต และพลาสมา 13. อธิบายหมเู่ ลอื ดและหลักการใหแ้ ละรบั เลือดในหมู่เลอื ดระบบ ABO และหมู่เลอื ดระบบ Rh

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 212 14. อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและหน้าท่ีของน้าเหลือง รวมท้ังโครงสร้างและหน้าที่ของหลอด นา้ เหลอื ง และต่อมน้าเหลอื ง 15. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือทาลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ และ แบบจาเพาะ 16. สืบค้นข้อมลู อธิบาย และเปรียบเทยี บการสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ก่อเองและภูมคิ ุ้มกันรบั มา 17. สืบค้นข้อมูล และอธิบายเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันท่ีทาให้เกดิ เอดส์ ภูมิแพ้ การสร้างภมู ิ ตา้ นทานต่อเน้ือเยื่อตนเอง 18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าที่ในการกาจัดของเสีย ออกจากร่างกาย ของ ฟองนา้ ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน แมลง และสัตว์มีกระดูกสนั หลัง 19. อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ทีข่ องไต และโครงสรา้ งที่ใช้ลาเลียงปัสสาวะออกจากร่างกาย 20. อธบิ ายกลไกการทางานของหนว่ ยไต ในการกาจัดของเสยี ออกจากร่างกาย และเขยี นแผนผงั สรุป ข้นั ตอน การกาจดั ของเสยี ออกจากร่างกายโดยหน่วยไต 21. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบายและยกตัวอยา่ งเกีย่ วกับความผดิ ปกตขิ องไตอนั เนอื่ งมาจากโรคตา่ ง ๆ รวม 21 ผลกำรเรียนรู้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 213 โครงสรำ้ งรำยวิชำเพมิ่ เติม รำยวชิ ำ ชีววทิ ยำ ๔ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว๓๒๒๔๔ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ่ี ๕ เวลำ ๖๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ หน่วย ชอื่ หนว่ ย ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนรู้ (ชวั่ โมง) 1 ระบบย่อยอำหำร 1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - อาหารที่สิ่งมีชีวิตกินเข้าไป 14 10 แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ประกอบด้วยสารอาหารท่ี โครงสร้างและกระบวน จาเป็นต่อร่างกายของส่ิงมีชีวิต การย่อยอาหารของสัตว์ ซึ่งอาหารต่าง ๆ นั้นล้วนมี ท่ีไม่มี ทางเดินอาหาร โมเลกุลขนาดใหญ่ ในขณะที่ สัตว์ท่ีมีทางเดินอาหาร สารที่สามารถลาเลียง ผ่าน แบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ เซลล์ได้จะต้องมีโมเลกุลขนาด ที่มีทางเดินอาหารแบบ เ ล ็ก ด ัง นั ้น ร ่า ง ก า ย ข อ ง สมบรู ณ์ สิ่งมีชีวิตจึงมีกระบวนการย่อย 2. สังเกต อธิบาย การ อาหารเพ่ือให้มีขนาดโมเลกุลที่ กินอาหาร ของไฮดรา เล็กลง และสามารถลาเลียง และพลานาเรีย ส า ร เ ห ล ่า นั ้น ไ ป ใ ช ้ใ น 3. อธิบายเกี่ยวกับโครง ก ร ะ บ ว น ก า ร ต่า ง ๆ ข อ ง สร้างหน้าท่ี และ กระ ร่างกาย บวนการยอ่ ยอาหาร และ - สัตว์แต่ละชนิดมีระบบย่อย การดูดซึมสาร อาหาร อาหารแตกต่างกัน โดยสัตว์ ภายใน ระบบย่อยอาหาร บางชนิดไม่มีทางเดินอาหารที่ ของมนุษย์ แท้จริงแต่มีส่วนที่เป็นช่องว่าง อ ยู่ก ลาง ลา ตัว เพื่อ ใ ช้เ ป็น ทางเข้าและออกของอาหาร สัตว์บางชนิดมีทางเดินอาหาร ไม่สมบูรณ์ มีช่องเปิดเพียงทาง เดียว ทาหน้าที่เป็นทั้งปาก และทวารหนัก แต่สัตว์บาง ชนิดมีทางเดินอาหารสมบูรณ์ มีช่อง เปิดเพียง ทาง เดียว ประกอบ ด้วยปากเป็นทางเข้า ของอาหาร และทวารหนัก เป็นทางออกของของเสียต่าง ๆ

หนว่ ย ชือ่ หน่วย ผลกำรเรียนรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 214 ท่ี กำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) - อาหารท่ีมนุษย์จะกินจะผ่าน ทางเดินอาหารท่ีมีความยาว ประมาณ 9 เมตร เร่ิมตั้งแต่ ปาก ผ่านคอหอย ส่งต่อไปตาม หลอดอาหาร เข้าสู่กระเพาะ อาหาร ลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่ ไส้ ตรง และทวารหนัก ตามลาดับ อกี ทง้ั ยังมอี วยั วะทมี่ ีสว่ นช่วยใน กระบวนการย่อยอาหาร ได้แก่ ตบั และตบั อ่อน ซึง่ อวยั วะในแต่ ละส่วนจะมีโครงสร้างและหนา ทีแ่ ตกตา่ งกนั - กระเพาะอาหารจะอยู่ภายใน ช่องท้องค่อนไปทางด้านซ้าย ใต้กระบังลม มีกล้ามเนื้อหนา แข็งแรง และสามารถยืดหยุ่น ได้ - ลาไส้เล็กเป็นอวัยวะท่ีทา หน้าท่ีย่อยอาหารและดดู ซมึ อาหารมากที่สุดในทางเดิน อาหาร โดยรับอาหารต่อมา จากกระเพาะอาหาร 2 ระบบหำยใจ 4. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - ส่ิงมีชีวิตต้องการพลังงานจาก 12 10 แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ก าร สลายสาร อ า หา ร เ พ่ื อ โครงสร้างที่ทาหน้าท่ี นาไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของ แลก เปล่ียน แก๊ สของ ร่างกาย ซ่งึ การสลายสารอาหาร ฟองน้า ไฮดรา พลานา ส่วนใหญ่จาเป็นต้องใช้แก๊ส เรีย ไส้เดือนดิน แมลง ออกซิเจนดังนัน้ สิ่งมีชวี ติ จงึ ต้อง ปลา กบ และนก มี ก าร หา ย ใ จ เพ่ื อ แ ล ก เ ป ลี่ ย น 5. สังเกต และอธิบาย แ ก๊ ส อ อ ก ซิ เ จ น แ ล ะ แ ก๊ ส โครงสร้างของปอดใน ค า ร์ บ อ น ไ ด ร์ อ อ ก ไ ซ ด์ กั บ สตั ว์เลย้ี งลูกด้วยนา้ นม สงิ่ แวดลอ้ ม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 215 หน่วย ชือ่ หน่วย ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนรู้ (ช่วั โมง) 6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - เมื่อหายใจนาอากาศเข้าสู่ โครงสร้างที่ใช้ ในการ ร่างกาย อากาศจะเดินทางเขา้ สู่ แลกเปล่ียนแก๊ส และ ปอด ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยน กระบวนการแลกเปล่ียน แก๊สเพ่ือนาแก๊สออกซเิ จนไปใช้ แก๊สของมนษุ ย์ ในกิจกรรมต่าง ๆ ของเซลล์ 7. อธิบายการทางาน และนาแก๊สคาร์บอนไดออก ของปอด และทดลอง วัด ไซด์ท่ีเกิดจากกระบวนการเม ปริมาตรของอากาศใน แทบอลิซึมต่าง ๆ ออกจาก ก า ร ห า ย ใ จ อ อ ก ข อ ง ร่างกายสู่ส่ิงแวดล้อมผ่านการ มนษุ ย์ หายใจเข้าออก ซึ่งร่างกายจะมี กลไกควบคุมการหายใจให้อยู่ ในภาวะสมดุล - กลไกการหายใจ (Breathing) เ ป็ น ก า ร ท า ง า น ร่ ว ม กั น ข อ ง กล้ามเน้ือยึดกระดูกซ่ีโครงและ ก ล้ า ม เ น้ื อ ก ะ บั ง ล ม โ ด ย ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ก า ร ห า ย ใ จ เ ข้ า และการหายใจออก - ปกติการหายใจจะถูกควบคุม โดยระบบประสาทที่ศูนย์ควบ คุมการหายใจ (Respiratory centers) และสารเคมีในเลือด เช่น ความเป็นกรด-ด่าง จาก การเปล่ียนแปลงของ H+ CO2 และ O2 - โรคระบบทางเดินหายใจ ( Respiratory tract disease) หมายถึง โ ร ค หรือ คว าม ผิดปกติของอวัยวะในระบบ ทางเดินหาย ใจละปอด ซ่ึง ส่ ว น ม า ก เ กิ ด จ า ก ก า ร ติ ด เ ช้ื อ และการได้รับสารพิษ เช่น โรค ปอดบวม โรคถุงลมโป่งพอง เปน็ ตน้

หนว่ ย ช่อื หน่วย ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 216 ท่ี กำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ชั่วโมง) - อาหารท่ีมนุษย์จะกินจะผ่าน ทางเดินอาหารท่ีมีความยาว ประมาณ 9 เมตร เร่ิมตั้งแต่ ปาก ผ่านคอหอย ส่งต่อไปตาม หลอดอาหาร เข้าสู่กระเพาะ อาหาร ลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่ ไส้ ตรง และทวารหนัก ตามลาดับ อีกท้ังยังมอี วัยวะท่ีมีส่วนช่วยใน กระบวนการย่อยอาหาร ได้แก่ ตบั และตบั ออ่ น ซึ่งอวยั วะในแต่ ละส่วนจะมีโครงสร้างและหนา ท่แี ตกต่างกนั - กระเพาะอาหารจะอยู่ภายใน ช่องท้องค่อนไปทางด้านซ้าย ใต้กระบังลม มีกล้ามเนื้อหนา แข็งแรง และสามารถยืดหยุ่น ได้ - ลาไส้เล็กเป็นอวัยวะที่ทา หน้าที่ย่อยอาหารและดูดซึม อาหารมากท่ีสุดในทางเดิน อาหาร โดยรับอาหารต่อมา จากกระเพาะอาหาร 3 ระบบหมนุ เวียน 8.สืบค้นข้อมูล อธิบาย - ระบบหมุนเวียนเลือด ทา 15 10 เลอื ดและระบบ และเปรียบเทียบระบบ หน้าที่ลาเลียงสารอาหารและ น้ำเหลือง หมุนเวียนเลือดแบบเปิด แก๊สออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ และระบบหมุนเวี ยน และลาเลียงแก๊สคาร์บอนได เลอื ดแบบปดิ ออก ไซด์และของเสียต่างๆ ออกจากเซลล์ รวมทั้งช่วย รักษาสมดุลในร่างกายของ สิ่งมีชีวิต ซึ่งระบบหมุนเวียน เลือดแบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ ระบบหมุนเวียนเลือดแบบ เปิดและระบบหมุนเวียนเลือด แบบปิด

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 217 หน่วย ชื่อหน่วย ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนรู้ (ชัว่ โมง) 9. สังเกต และอธิบายทิศ - หัวใจเป็นอวยั วะที่ประกอบด้วย ทางการไหลของเลือดและ กลา้ มเนอื้ หัวใจ อยบู่ รเิ วณช่องอก การเคล่ือนท่ีของเซลล์เม็ด ค่อนไปทางด้านซ้าย ถูกห่อหุ้ม เลือดและการเคล่อื นที่ของ ด้วยถุงเย่ือหุ้มหัวใจ ซึ่งภายในถุง เซลล์เม็ดเลือดในหางปลา จะมีของเหลวบรรจุอยู่เล็กน้อย และสรุปความสัมพันธ์ ทาหน้าที่หล่อลื่นระหว่างถุงหุ้ม ระหวา่ งขนาดของเลือดกับ หัวใจและหัวใจเพ่ือป้องกันการ ความเร็วในการไหลของ เสียดสีขณะหวั ใจบบี ตัว เลอื ด - หลอดเลือด ทาหน้าที่ลาเลียง 10. อธบิ ายโครงสรา้ งและ เลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ใน การทางานของหัวใจและ ร่างกาย ซ่ึงจาแนกได้ 3 ประเภท หลอดเลือดในมนษุ ย์ ได้แก่ หลอดเลือดแดง หลอด 11. สังเกต และอธิบาย เลือดดา และหลอดเลือดฝอย โครงสร้างหัวใจของสัตว์ - หลอดเลือดท่ีมีอยู่ในร่างกายมี เลี้ยงลูกด้วยน้านม ทิศ เลือดอยู่ประมาณ 5 ลิตร หรือ ทางการไหลของเลือดผ่าน ปร ะ มาณร้อ ยละ 7 -8 ขอ ง หวั ใจ ของมนษุ ย์และเขียน น้าหนักตัว ประกอบด้วย 2 ส่วน แผนผังสรุป การหมนุ เวยี น คือ ส่วนที่เป็นของเหลว เรียกว่า เลอื ดของมนษุ ย์ น้าเลือด หรือพลาสมา ซึ่งมี 12. สืบค้นข้อมูล ระบุ ประมาณรอ้ ยละ 55 ของปรมิ าณ ความแตกต่างของเซลล์ เลอื ดทง้ั หมด และส่วนท่ีเป็นเซลล์ เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ด เม็ดเลือด ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือด เลือดขาวเพลตเลต และ แดง เซลล์เม็ดเลือดขาว และ พลาสมา เกล็ดเลือด ซ่ึงมีปริมาณร้อยละ 13. อธิบายหมู่เลือดและ 45 ของปริมาณเลือดทั้งหมด หลักการใหแ้ ละรับเลอื ดใน - ระบบน้าเหลือง เป็นระบบ ระบบ ABO และระบบ Rh ไ ห ล เ วี ย น ข อ ง น้ า เ ห ลื อ ง ซึ่ ง 14. อธิ บาย และ สรุป เกี่ยวข้องกับการสร้างภูมิคุ้มกัน เกี่ยวกับส่วนประกอบและ ของร่างกาย โครงสร้างของระบบ หน้าที่ของน้าเหลือง รวม น้าเหลือง ประกอบด้วยน้าเหลือง ทั้งโครงสร้างและหน้าที่ ทอ่ น้าเหลอื ง หรือหลอดนา้ เหลอื ง ของหลอดน้าเหลืองและ และอวัยวะน้าเหลือง ระบบ ต่อมนา้ เหลอื ง น้าเหลอื งตา่ งจากระบบ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 218 หน่วย ชอ่ื หนว่ ย ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนรู้ (ชว่ั โมง) หมุนเวียนเลือด คือ ไม่มีอวัยวะ สบู ฉีดตา่ ง ๆ แตน่ ้าเหลอื งสามารถ ลาเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายได้ โดยการหดตัวของ ก ล้ า ม เ นื้ อ เ รี ย บ บ ริ เ ว ณ ห ล อ ด น้าเหลือง 4 ระบบภมู ิคมุ้ กนั 15. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - ระบบภูมคิ ุ้มกันทาหน้าท่ปี อ้ งกัน 8 10 และเปรียบเทียบกลไกการ และทาลายเชื้อโรคต่าง ๆ ได้แก่ ต่อต้าน หรือ ทาลายส่ิง แบคทีเรีย เช้ือรา ไวรัส พยาธิ แ ป ล ก ป ล อ ม แ บ บ ไ ม่ หรือส่ิงแปลกปลอม เช่น ฝุ่น จาเพาะและแบบจาเพาะ ละออง เกสรดอกไม้ ควันพิษ 16. สืบค้นข้อมูล อธิบาย ละอองสารเคมี ท่ีเข้าสู่ร่างกายซ่งึ และเปรียบเทียบการสร้าง เรียกเชื้อโรคและส่ิงแปลกปลอม ภูมิคุ้มกั น ก่ อเอง และ เหล่านี้ว่าแอนติเจน โดยระบบ ภมู ิคมุ้ กันรับมา ภูมิคุ้มกันจะทาหน้าที่สร้างสารที่ 17. สืบค้นข้อมูลแ ละ เรียกว่า แอนติบอดี เข้าทาลาย อธิบายเก่ียวกับความผิด แอนติเจนที่ได้รับ นอกจากนั้น ปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ ระบบภูมิคุ้มกันยังทาหน้าท่ีกาจดั ทาให้เกิดเอดส์ ภูมิแพ้การ เซลลท์ ่เี ส่อื มสภาพ เชน่ เซลล์เม็ด สร้างภูมิต้านทานต่อเน้ือ เลือดแดงที่อายุมาก เป็นต้น และ เย่อื ตนเอง เซลล์ท่ีทางานผิดปกติ เช่น เซลล์ เ น้ื อ ง อ ก เ พ่ื อ ป้ อ ง กั น ก า ร กลายเป็นเซลล์มะเรง็ โดยรา่ งกาย จะมีกลไกต่อต้านหรือทาลายเช้ือ โรคและสิ่งแปลก ปลอมแต่ละที่ ชนดิ แตกตา่ งกนั - ระบบภูมคิ มุ้ กนั มคี วามสาคัญตอ่ การดารงชีวิตของมนุษย์ แต่ บางครงั้ ระบบภูมคุ้มกนั อาจมีการ ตอบสนองทผ่ี ดิ ปกติ จนก่อให้เกิด โรคในระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรค ภูมิแพ้ โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง โ ร คเอ ดส์ หรือ ก ลุ่มอ า ก าร ภูมคิ ุม้ กนั บกพร่อง เปน็ ต้น

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 219 หน่วย ชอ่ื หน่วย ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู้ (ชว่ั โมง) 5 ระบบขบั ถ่ำย 18. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - การขับถ่าย หมายถึง การกาจัด 9 10 และ เปรียบเทียบโครง ของเสียที่เกิดจากกระบวนการเม สร้างและหน้าที่ในการกา แทบอลิซึมออกจากร่างกาย โดย จัดของเสียออกจากร่าง ของเสียดังกล่าวอาจเป็นแก๊ส กายของฟองน้า ไฮดรา คาร์บอนไดออกไซด์ ไอน้า หรือ พลานาเรีย ไส้เดือนดิน ส า ร ท่ี มี ไ น โ ต ร เ จ น เ ป็ น แมลงและสัตว์มีกระดูกสนั องคป์ ระกอบ ได้แก่ แอมโมเนยี ยู หลงั เรีย และกรดยูริก ซึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ 19. อธิบายโครงสรา้ งและ ละชนิดจะมีวิธีการและอวัยวะท่ี ห น้ า ท่ี ข อ ง ไ ต แ ล ะ ทาหน้าท่ีกาจัดของเสียทีแตกต่าง โครงสร้างท่ีใช้ลาเลียง กนั ปสั สาวะออกจากร่างกาย - มนุษย์มีการขับถ่ายของเสียท่ี 20. อธิบายกลไกการ เกิดจากกระบวนการเมแทบอ ทางานของหน่วยไต ใน ลิซึมของร่างกายทั่วในรูปของ การกาจัดของเสียออกจาก ปสั สาวะ อุจจาระ เหง่อื และแก็ส ร่างกาย และเขียนแผนผัง คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งของเสีย สรุปขั้นตอนการกาจัดของ แต่ละชนิดจะถูกขับถ่ายผ่านทาง เสียออกจากร่างกายโดย อวัยวะที่แตกต่างกัน โดยไตเป็น หน่วยไต อวยั วะหลักในการขับถา่ ยของเสีย 21. สืบค้นข้อมูล อธิบาย ในรูปปัสสาวะ และยังทาหน้าท่ี และยกตัวอย่างเกี่ยวกับ รักษาสมดุลของน้าและแร่ธาตุใน ความผิดปกติของไต อัน ร่างกายอกี ดว้ ย เน่ืองมาจากโรคตา่ ง ๆ - โรคท่ีเกี่ยวข้องกับไต หมายถึง โรค หรือภาวะทีเ่ กิดความเสยี หาย ห รื อ ไ ต ท า ง า น ผิ ด ป ก ติ ใ น ก า ร กาจดั ของเสยี การรักษาดุลยภาพ ของน้า และกรด-เบสในร่างกาย ซ่ึงโรคท่ีเก่ียวข้องกับไต เช่น โรค นวิ่ โรคไตวาย เป็นตน้ รวม 58 50 สอบกลางภาค 1 20 สอบปลายภาค 1 30 รวมท้ังหมด 60 100

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 220 คำอธิบำยรำยวชิ ำเพ่ิมเติม รำยวชิ ำ ชีววิทยำ ๕ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ ำ ว๓๓๒๔๕ ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ ๖ เวลำ ๖๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งและหน้าที่ของระบบประสาทของไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ ก้งุ หอย แมลง และสัตว์มีกระดูกสันหลัง อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์ประสาท อธิบายเก่ียวกับการ เปลี่ยนแปลงของศักย์ไฟฟ้าท่ีเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทและกลไกการถ่ายทอดกระแสประสาท อธิบาย และสรุป เกี่ยวกับโครงสรา้ งของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ี ของสว่ นตา่ ง ๆ ในสมองส่วนหนา้ สมองส่วนกลาง สมองสว่ นหลังและไขสันหลงั สืบค้นข้อมลู อธิบาย เปรียบเทียบ และ ยกตวั อยา่ งการทางานของระบบประสาทโซมาติกและระบบประสาทอัตโนวัติสืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าท่ี ของ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอย่างโรคตา่ ง ๆท่ีเกี่ยวข้อง และบอกแนวทางในการดูแลป้องกันและ รักษาสังเกต และอธิบายการหาตาแหน่งของจุดบอด โฟเวีย และความไวในการรับสัมผัสของผิวหนัง สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนผังสรุปหนา้ ที่ของฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ท่อและเน้ือเย่ือที่สร้างฮอร์โมน สืบค้นข้อมูล อธิบาย และ ยกตัวอย่างการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศในสัตว์ สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและ หน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายและระบบสืบพันธุ์เพศหญิง อธิบายกระบวนการสร้างสเปิร์ม กระบวนการ สร้างเซลล์ไข่ และการปฏิสนธใิ นมนุษย์ อธิบายการเจริญเติบโตระยะเอ็มบรโิ อและระยะหลังเอ็มบริโอของกบ ไก่ และ มนุษย์ สืบค้นข้อมูล อธิบาย เปรียบเทียบและยกตัวอย่างพฤติกรรมท่ีเป็นมาแต่กาเนิดและพฤติกรรมท่ีเกิดจากการ เรียนร้ขู องสัตว์ สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตวั อยา่ งความสัมพันธร์ ะหว่างพฤติกรรมกับวิวัฒนาการของระบบประสาท สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และยกตวั อยา่ งการสือ่ สารระหว่างสัตวท์ ท่ี าใหส้ ัตว์แสดงพฤติกรรม ผลกำรเรยี นรู้ 1. สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของระบบประสาทของไฮดรา พลานาเรียไสเ้ ดือนดิน ก้งุ หอย แมลง และสัตวม์ ีกระดูกสนั หลงั 2. อธบิ ายเกย่ี วกับโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องเซลล์ประสาท 3. อธิบายเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงของศักย์ไฟฟ้าที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทและกลไกการถ่ายทอดกระแส ประสาท 4. อธบิ าย และสรุปเก่ียวกบั โครงสรา้ งของระบบประสาทสว่ นกลางและระบบประสาทรอบนอก 5. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างและหน้าทีข่ องส่วนต่าง ๆ ในสมองสว่ นหนา้ สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลังและไขสนั หลงั 6. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย เปรียบเทียบ และยกตวั อยา่ งการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบประสาทอตั โนวัติ 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังของมนุษย์ ยกตัวอย่างโรคต่าง ๆ ที่ เกี่ยวขอ้ ง และบอกแนวทางในการดูแลป้องกันและรักษา 8. สังเกต และอธิบายการหาตาแหน่งของจดุ บอด โฟเวีย และความไวในการรบั สัมผัสของผวิ หนัง 9. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนท่ีของแมงกะพรนุ หมึก ดาวทะเล ไสเ้ ดือนดนิ แมลง ปลา และนก

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 221 10. สืบค้นข้อมูลและอธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของกระดูกและกล้ามเนื้อที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนไหวและการ เคลือ่ นท่ขี องมนษุ ย์ 11. สังเกตและอธิบายการทางานของข้อต่อชนิดต่าง ๆ และการทางานของกล้ามเน้ือโครงร่างท่ีเก่ียวข้องกับการ เคลอ่ื นไหวและการเคลือ่ นท่ีของมนษุ ย์ 12. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย และเขยี นแผนผงั สรปุ หน้าท่ีของฮอร์โมนจากต่อมไรท้ ่อและเน้ือเยอื่ ท่ีสร้างฮอร์โมน 13. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และยกตวั อยา่ งการสืบพันธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศและการสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศในสตั ว์ 14. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างและหน้าทขี่ องอวยั วะในระบบสืบพนั ธุ์เพศชายและระบบสืบพันธเ์ุ พศหญงิ 15. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ และการปฏสิ นธิในมนษุ ย์ 16. อธิบายการเจริญเตบิ โตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลงั เอ็มบริโอของกบ ไก่ และมนษุ ย์ 17. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย เปรียบเทยี บและยกตัวอย่างพฤติกรรมทีเ่ ปน็ มาแต่กาเนิดและพฤติกรรมท่ีเกดิ จากการเรียนรู้ ของสัตว์ 18. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตวั อย่างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤตกิ รรมกบั วิวฒั นาการของระบบประสาท 19. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย และยกตวั อยา่ งการสื่อสารระหว่างสัตวท์ ีท่ าใหส้ ตั ว์แสดงพฤติกรรม รวมท้งั หมด 19 ผลกำรเรียนรู้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 222 โครงสรำ้ งรำยวิชำเพิ่มเตมิ รำยวิชำ ชีววิทยำ ๕ กลุม่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ ำ ว๓๓๒๔๕ ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๖ เวลำ ๖๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ หน่วย ช่อื หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ชัว่ โมง) 1 ระบบประสำท 1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - สัตว์ส่วนใหญม่ ีระบบประสาททาให้ 16 15 และเปรียบเทียบโครง สามารถรบั รู้ และตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ สร้างและหน้าที่ของระบบ ได้ เช่น ไฮดรา มีร่างแห ประสาท ประสาทของไฮดรา พลา พลานาเรยี ไส้เดอื นดนิ กุง้ หอย และ นาเรีย ไส้เดือนดิน กุ้ง แมลงมีปมประสาทและเส้นประสาท หอย แมลง และสัตว์มี ส่วนสัตว์ มีกระดูกสนั หลงั มีสมอง ไข กระดูกสันหลัง สั น ห ลั ง ป ม ป ร ะ ส า ท แ ล ะ เ ส้ น 2. อธิบายเกี่ยวกับโครง ประสาท สร้าง และ หน้าที่ข อ ง - หน่วยทางานของระบบประสาท เซลล์ประสาท คือ เซลล์ ประสาท ซึ่งประกอบด้วย 3. อธิบายเกี่ยวกับการ ตัวเซลล์ และเส้นใยประสาทที่ทา เปล่ียนแปลงของศักย์ หน้าที่รับและส่ง กระแสประสาท ไฟฟ้า ท่ีเย่ือหุ้มเซลล์ของ เรียกว่า เดนไดรต์และแอกซอน เซลล์ประสาท และกลไก ตามลาดบั ก าร ถ่ายทอดก ร ะ แส - เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าท่ี ได้ ประสาท เป็น เซลล์ประสาทรับความรู้สึก เซลล์ประสาทส่ังการ และเซลล์ ประสาทประสานงาน - เซลล์ประสาทจาแนกตามรูปร่างได้ เป็นเซลล์ ประสาทขั้วเดียว เซลล์ ประสาทขว้ั เดยี วเทียม เซลล์ประสาท สองขวั้ และเซลล์ประสาทหลายขวั้ - กระแสประสาทเกดิ จากการ เปลี่ยนแปลงศกั ย์ไฟฟ้าท่เี ย่อื หุม้ เซลล์ ของเดนไดรต์และแอกซอน ทาให้มี การถ่ายทอดกระแสประสาทจาก เซลล์ประสาท ไปยังเซลล์ประสาท หรอื เซลลอ์ ่ืน ๆ ผ่านทาง ไซแนปส์

หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 223 ท่ี สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ชวั่ โมง) - ระบบประสาทของมนุษย์แบ่งได้ เป็น 2 ระบบ ตามตาแหน่งและ โ คร ง สร้าง คือ ร ะ บบประสาท ส่วนกลาง ไดแ้ ก่ สมองและไขสนั หลัง และระบบ ประสาทรอบนอก ได้แก่ เส้นประสาทสมอง และเส้นประสาท ไขสนั หลัง 4. อธิ บาย และ สรุป - สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เกี่ยวกับโครงสร้างของ สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และ ระบบประสาทส่วนกลาง สมองส่วนหลัง สมองแต่ละส่วน จะ แ ล ะ ร ะ บ บ ป ร ะ ส า ท ควบคุมการทางานของร่างก าย รอบนอก แตกตา่ งกัน โดยมีเสน้ ประสาทที่แยก 5. สืบค้นข้อมูล อธิบาย ออกจากสมอง 12 คู่ ไปยังอวัยวะ โครงสร้างและหน้าท่ีของ ต่าง ๆ ซึ่งบางคู่ทาหน้าที่รับความ ส่วนต่าง ๆ ในสมองส่วน รู้สึกเข้าสู่สมอง หรือนาคาสั่งจาก หน้า สมองส่วน กลาง สมองไปยงั หนว่ ย ปฏบิ ัติงาน หรือทา สมองส่วนหลัง และไข หน้าที่ทงั้ สองอยา่ ง สันหลงั - ไขสันหลังเป็นส่วนท่ีต่อจากสมอง 6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย อยู่ภายในกระดูกสันหลัง และมี เปรียบเทียบ และยก เส้นประสาทแยกออกจาก ไขสันหลัง ตัวอย่างการทางานของ เป็นคู่ ซ่ึงทาหน้าท่ีประมวลผลการ ระบบประสาทโซมาติก ตอบสนองโดยไขสันหลัง เช่น การ แ ล ะ ร ะ บ บ ป ร ะ ส า ท เกิดรีเฟล็กซ์ ชนิดต่าง ๆ และการ อตั โนวตั ิ ถ่ายทอดกระแสประสาท ระหว่างไข สันหลังกบั สมอง - เส้นประสาทไขสันหลังทุกคู่จะทา หน้าที่รับ ความรู้สึกเข้าสู่ไขสันหลัง และนาคาสงั่ ออกจาก ไขสันหลัง - ระบบประสาทรอบนอกส่วนที่ส่ัง การแบ่งเป็น ระบบประสาทโซมาติก ซ่ึงควบคุมการทางาน ของกล้ามเนื้อ โครงร่างและระบบประสาท

หนว่ ยที่ ช่อื หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 224 สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) ซ่ึงควบคมุ การทางานของกล้ามเนื้อ หวั ใจ กลา้ มเน้ือเรยี บและตอ่ มอ่ืนๆ - ระบบประสาทอัตโนวัติแบ่งการ ทางานเป็น 2 ระบบ คือ ระบบ ประสาทซิมพาเทติก และระบบ ประสาทพาราซิมพาเทติก ซ่ึงส่วน ใหญ่ทางานตรงกันข้าม เพ่ือรักษา ดุลยภาพของกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย 7. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง เป็น โครงสรา้ งและหน้าที่ของ อวัยวะรับความ รู้สึกท่ีรับส่ิงเร้าที่ ตา หู จมูก ลิ้น และ แตกตา่ งกัน จึงมคี วามสาคญั ทค่ี วร ผิวหนังของมนุษย์ ยกตวั ดูแล ป้องกัน และรักษาให้สามารถ อย่างโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยว ทางาน ได้เปน็ ปกติ ข้อง และบอกแนวทางใน - ตาประกอบด้วย ชั้นสเคลอราโค การดูแลป้องกัน และ รอยดแ์ ละเรตินา เลนส์ตาเปน็ เลนส์ รักษา นูนอยู่ถัดจากกระจกตา ทาหน้าที่ 8. สังเกต และอธิบาย รวมแสงจากวัตถุไปที่เรตินา ซึ่ง การหาตาแหน่งของจุด ประกอบด้วย เซลล์รับแสง และ บอดโฟเวีย และความไว เซลล์ประสาท ที่นากระแสประสาท ใน ก าร รับสัมผั ส ข อ ง สูส่ มอง ผวิ หนัง - หปู ระกอบด้วย 3 สว่ น คอื หสู ่วน นอก หูส่วนกลาง และหูส่วนใน ภายในหูส่วนในมีคอเคลีย ซึ่งทา หน้าที่รับและเปล่ียนคล่ืนเสียงเป็น กระแส ประสาท นอกจากนี้ยังมี เซมิเซอร์คิวลาร์แคเเนล ทาหน้าที่ รบั รู้เก่ียวกับการทรงตัวของรา่ งกาย - จมูกมีเซลล์ประสาทรับกล่ินอยู่ ภายในเยื่อบุจมูก ที่เป็นตัวรับ สารเคมีบางชนิดแล้วเกิดกระแส ประสาทสง่ ไปยงั สมอง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 225 หนว่ ยที่ ชื่อหนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน 2 (ชัว่ โมง) กำรเคลอื่ นทข่ี อง สิง่ มีชีวิต - ล้ินทาหน้าที่รับรส โดยมีตุ่มรับรส กระจาย อยู่ทั่วผิวล้ินด้านบน ตุ่ม รับรสมีเซลล์รับรส อยู่ภายใน เม่ือ เซลล์รับรสถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี จ ะ ก ร ะ ตุ้ น เ ด น ไ ด ร ต์ ข อ ง เ ซ ล ล์ ประสาทเกิดกระแส ประสาทส่งไป ยังสมอง - ผิวหนัง มีหน่วยรับสิ่งเร้าหลาย ชนิด เช่น หนว่ ยรับสมั ผสั หน่วยรบั แรงกด หน่วยรับความเจ็บปวด หนว่ ยรับอุณหภูมิ 9. สืบค้นข้อมูล อธิบาย - ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวบางชนิด 8 5 และเปรียบเทียบโครง เคล่ือนที่โดยการไหลของไซโทพลา สร้าง และ หน้าที่ข อ ง ซึม บางชนิดใช้แฟลเจลลัม หรือซิ อวัยวะท่ีเก่ียวข้องกับ เลีย ในการเคล่ือนท่ี การเคลื่อนที่ของแมง - สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น กะพรุน หมึก ดาวทะเล แมงกะพรุน เคลอ่ื นท่โี ดยอาศัยการ ไส้เดือนดิน แมลง ปลา หดตัวของเนื้อเยื่อบริเวณขอบ และนก กระดิง่ และแรงดนั น้า 10. สืบค้นข้อมูล และ - หมึกเคล่ือนที่โดยอาศัยการหดตัว อธิบายโครงสร้างและ ของกล้ามเนื้อ บริเวณลาตัว ทาให้ หน้าท่ีของกระดูกและ น้าภายในลาตัวพ่นออกมาทางไซ กล้ามเนื้อที่เก่ียวข้องกับ ฟอน ส่วนดาวทะเลใช้ระบบท่อน้า การ เคลื่อนไหวและการ ในการเคลื่อนท่ี เคลื่อนทขี่ องมนษุ ย์ - ไส้เดือนดินมีการเคลื่อนท่ี โดย 11. สังเกต และอธิบาย อาศัยการหดตัว และคลายตัวของ การทางานของข้อต่อ กลา้ มเนือ้ วงและกลา้ มเน้ือ ตามยาว ชนิดต่าง ๆ และการ ซึ่งทางานในสภาวะตรงกนั ขา้ ม ทางานของกล้ามเนื้อ - แมลงเคลื่อนท่ีโดยใช้ปีกหรือขา โครงร่าง ที่เก่ียวข้องกับ ซึ่งมีกล้ามเนื้อ ภายในเปลือกหุ้ม การเคล่ือนไหวและการ ทางานในสภาวะตรงกนั ข้าม เคลือ่ นทขี่ องมนุษย์

หน่วย ชือ่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 226 ท่ี สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ชัว่ โมง) - สัตว์มีกระดูกสันหลัง เช่น ปลา เคลื่อนท่ีโดยอาศัยการหดตัวและ คลายตัวของกล้ามเนอ้ื ทีย่ ึดตดิ อยู่ กับกระดูกสันหลังทั้ง 2 ข้าง ทางานในสภาวะตรงกนั ข้าม และ มีครบี ที่อย่ใู นตาแหน่งตา่ ง ๆ ช่วย โบกพัดในการเคลื่อนท่ี ส่วนนก เคลื่อนท่ี โดยอาศัยการหดตัวและ คลายตัวของกล้ามเนื้อ กดปีกกับ ก ล้ า ม เ น้ื อ ย ก ปี ก ซึ่ ง ท า ง า น ใ น สภาวะตรงกนั ขา้ ม - มนุษย์เคล่ือนท่ีโดยอาศัยการ ทางานของกระดูก และกลา้ มเนื้อ ซ่ึงยึดกนั ด้วยเอน็ ยดึ กระดกู - บริเวณท่ีกระดูกตั้งแต่ 2 ชิ้นมา ต่อกัน เรียกว่า ข้อต่อ และยึดกนั ด้วยเอน็ ยดึ ขอ้ - กระดูกเป็นเนื้อเย่ือที่ใช้ค้าจุน และทาหน้าที่ในการ เคล่ือนไหว ของร่างกาย แบ่งตามตาแหน่งได้ เป็น กระดูกแกนและกระดูก รยางค์ - กล้ามเน้ือในร่างกายมนุษย์แบ่ง ออกเป็นกล้ามเน้ือโครงร่าง กล้าม เนื้อหัวใจ และกล้ามเนื้อเรียบ กล้าม เนื้อทั้ง 3 ชนิด พบใน ตาแหน่งที่ต่างกัน และมีหน้าที่ แตกต่างกนั - กล้ามเนื้อโครงร่างส่วนใหญ่ ทางานร่วมกันเป็นคู่ ๆ ในสภาวะ ตรงกันขา้ ม

หน่วย ชือ่ หน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 227 ท่ี สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) 3 ระบบต่อมไรท้ ่อ 12. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย - ฮอรโ์ มนเปน็ สารทค่ี วบคมุ สมดุล 12 10 และเขียนแผนผังสรุป ต่างๆ ของร่างกาย โดยผลิตจาก หน้าท่ีของฮอร์โมนจาก ต่อมไร้ทอ่ หรอื เน้อื เยอื่ โดยต่อมไร้ ต่อมไร้ท่อและเนื้อเย่ือท่ี ท่อน้ีจะกระจายอยู่ตามตาแหน่ง สร้างฮอรโ์ มน ต่างๆ ทั่วร่างกาย - ต่อมไร้ท่อที่สร้างหรือหลั่ง ฮอร์โมน ไม่มีท่อในการ ลาเลียง ฮอร์โมนออกจากต่อม จึง ถูก ลาเลยี ง โดยระบบหมุนเวียนเลือด ไปยังอวัยวะเป้าหมาย ที่จาเพาะ เจาะจง - ต่อมไพเนียลสรา้ งเมลาโทนินซึ่ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของอวยั วะ สืบพันธ์ุช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์ุ แ ล ะ ต อ บ ส น อ ง ต่ อ ก า ร เปลยี่ นแปลงของแสงในรอบวนั - ต่อมใต้สมองส่วนหนา้ สร้างและ หล่ังโกรทฮอร์โมน โพรแลกทิน ACTH TSH FSH LH เอนดอรฟ์ ิน ซึ่งทาหนา้ ทแ่ี ตกต่างกัน - ต่อมใต้สมองส่วนหลังหล่ัง ฮอร์โมนซึ่งสร้างจาก ไฮโพทา ลามัส คือ ADH และออกซิโทซิน ซง่ึ ทาหน้าท่ีแตกต่างกัน - ต่อมไทรอยด์สร้างไทรอกซินซึ่ง ควบคุมอัตรา เมแทบอลิซึมของ ร่างกาย และสรา้ งแคลซโิ ทนิน ซึ่ง ควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ใหป้ กติ - ต่อมพาราไทรอยด์สร้างพารา ท อ ร์ โ ม น ซ่ึ ง ค ว บ คุ ม ร ะ ดั บ แคลเซียมในเลอื ดให้ปกติ

หน่วย ช่อื หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 228 ท่ี สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ชวั่ โมง) - ตับอ่อนมีกลุ่มเซลล์ท่ีสร้าง อินซูลินและกลูคากอน ซึ่งควบ คุมระดับนา้ ตาลในเลอื ดใหป้ กติ - ต่อมหมวกไตส่วนนอกสร้าง กลูโคคอร์ติคอยด์ มิเนราโลคอร์ติ คอยด์ และฮอร์โมนเพศ ซ่ึงมี หน้าที่แตกต่างกัน สว่ นต่อมหมวก ไตส่วนในสร้าง เอพิเนฟรินและ น อ ร์เอ พิเน ฟ ริน ซ่ึงมีหน้าท่ี เหมอื นกัน - อัณฑะมีกลุ่มเซลล์สร้างเทสโท สเทอโรน สว่ นรังไข่ มกี ล่มุ เซลล์ที่ สร้างอีสโทรเจน และโพรเจสเทอ โรน ซ่ึงมีหน้าทแี่ ตกต่างกัน - เน้ือเย่ือบางบริเวณของอวัยวะ เช่น รก ไทมัส กระเพาะอาหาร และลาไส้เล็ก สามารถสร้าง ฮอร์โมนได้หลายชนิด ซึ่งมีหน้าท่ี แตกต่างกนั - การควบคุมการหลั่งฮอร์โมน จากต่อมไร้ท่อ มีท้ังการควบคุม แบบป้อนกลับยับย้ัง และการ ควบคุม แบบป้อนกลับกระตุ้น เพ่ือรักษาดุลยภาพ ของร่างกาย - ฟีโรโมนเป็นสารเคมีท่ีผลิตจาก ต่อมมีท่อของสัตว์ ซึ่งส่งผลต่อ สตั ว์ตวั อนื่ ทเ่ี ปน็ ชนิดเดียวกัน 4 ระบบสบื พนั ธุ์และกำร 13. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย - การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ 16 15 เจริญเติบโต แ ล ะ ย ก ตั ว อ ย่ า ง ก าร ของสัตว์เป็นการสืบพันธ์ุท่ีไม่มี สบื พันธ์แุ บบไมอ่ าศยั เพศ การรวมของเซลล์สืบพันธ์ุ เช่น และการสืบพันธ์ุแบบ การแตกหนอ่ และการงอกใหม่ อาศยั เพศในสัตว์

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 229 หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ชว่ั โมง) - การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศของ สัตว์เป็นการสืบพันธ์ุท่ีเกิดจาก ก า ร ร ว ม นิ ว เ ค ลี ย ส ข อ ง เ ซ ล ล์ สืบพันธุ์ ซ่ึงมีท้ังการปฏิสนธิ ภายนอกและการปฏิสนธิ ภายใน สัตว์บางชนิดมี 2 เพศในตัว เดียวกัน แต่การผสมพันธุ์ส่วน ใหญ่จะผสมข้ามตัว 14. อธิบายกระบวน - ก า ร สื บ พั น ธ์ุ ข อ ง ม นุ ษ ย์ มี ก า ร ส ร้ า ง ส เ ปิ ร์ ม กระบวน การสร้างสเปิร์ม จาก กระบวนการสร้างเซลล์ เซลล์สเปอร์มาโทโกเนียมภายใน ไข่ และการปฏิสนธิใน อัณฑะ และ กระบวนการสร้าง มนษุ ย์ เซลล์ไข่จากเซลล์โอโอโกเนียม 15. อธิบายการเจริญ ภายในรังไข่ เติบโตระยะเอ็มบริโอ - อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชาย และระยะหลังเอ็มบริโอ ประกอบด้วย อัณฑะ ทาหน้าท่ี ของกบ ไก่ และมนุษย์ สร้างสเปิร์มและฮอร์โมนเพศชาย และ มโี ครงสรา้ งอนื่ ๆ ทที่ าหน้าที่ ลาเลียงสเปิร์ม สร้างน้าเลี้ยง สเปิร์ม และ สาร หล่อ ล่ืน ท่อ ปสั สาวะ - อัณฑะประกอบด้วยหลอดสรา้ ง สเปิร์ม ซ่ึงภายใน มีเซลล์สเปอร์ มาโทโกเนียมท่ีเป็นเซลล์ตั้งต้น ของกระบวนการสร้างสเปิรม์ - อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง ประกอบด้วย รังไข่ ท่อนาไข่ มดลูก และช่องคลอด รังไข่ทา หน้าที่ สร้างเซลล์ไข่และฮอร์โมน เพศหญงิ

หนว่ ย ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 230 ท่ี สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ชั่วโมง) - กระบวนการสร้างสเปิร์มเร่ิมต้น จ า ก ส เ ป อ ร์ ม า โ ท โ ก เ นี ย ม แ บ่ ง เซลลแ์ บบไมโทซิสได้ สเปอรม์ าโท โกเนียมจานวนมาก ซ่ึงต่อมาบาง เซลล์พัฒนาเป็นสปอร์มาโทไซต์ ระยะแรก โดยสปอร์มาโทไซต์ ระยะแรกจะแบ่งเซลล์แบบไมโอ ซสิ I ไดส้ อร์มาโทไซต์ ระยะทส่ี อง ซ่ึงจะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส II ไดส้ เปอรม์ าทิดตามลาดับ จากนน้ั พฒั นาเปน็ สเปริ ม์ - กระบวนการสร้างเซลล์ไข่เร่ิม จากโอโอโกเนียม แบ่งเซลล์แบบ ไมโทซิสได้โอโอโกเนียม ซ่ึงจะ พัฒนาเป็นโอโอไซต์ระยะแรก แล้วแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิส I ไดโ้ อ โอไซต์ระยะที่สองซ่ึงจะเกิดการ ตกไข่ต่อไป เม่ือได้รับการกระตุ้น จากสเปิร์ม โอโอไซต์ระยะ ที่สอง จะแบ่งแบบไมโอซสิ II แลว้ พัฒนา เป็นเซลล์ไข่ - การปฏิสนธิเกิดขึ้นภายในท่อนา ไข่ ได้ไซโกต ซึ่งจะเจริญเป็น เ อ็ ม บ ริ โ อ แ ล ะ ไ ป ฝั ง ตั ว ที่ ผ นั ง ม ด ลู ก จ น ก ร ะ ท่ั ง ค ร บ ก า ห น ด คลอด 16. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย - การเจริญเติบโตของสัตว์ เช่น โครงสรา้ งและหน้าที่ของ กบ ไก่ และสัตว์ เล้ียงลูกด้วย อวัยวะในระบบสืบพันธ์ุ นา้ นมจะเริม่ ต้นด้วยการแบ่งเซลล์ เ พ ศ ช า ย แ ล ะ ร ะ บ บ ของไซโกต การเกิดเน้ือเยื่อ สบื พนั ธุเ์ พศหญงิ เอ็มบริโอ 3 ชั้น คือ เอกโทเดิร์ม เมโซเดิร์ม และเอนโดเดิร์ม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 231 หน่วย ชื่อหนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ช่ัวโมง) การเกิด อวัยวะ โดยมีการเพิ่ม จานวน ขยายขนาด และ การ เปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์เพ่อื ทาหน้าท่ีเฉพาะอย่าง ซึ่งพัฒนา การของอวัยวะต่าง ๆ จะทาให้มี การเกดิ รูปรา่ งทแ่ี น่นอนใรสตั ว์แต่ ละ - การเจริญเติบโตของมนุษย์จะมี ข้ันตอนคล้ายกับการเจริญเติบโต ของสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านมอ่ืน ๆ โดยเอ็มบริโอจะฝังตวั ทผ่ี นงั มดลูก และ มีก าร แลก เปลี่ย น ส า ร ระหวา่ งแมก่ ับลกู ผ่านทางรก 5 พฤตกิ รรมของสัตว์ 17. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย - พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมมีผล 6 5 เปรียบเทียบแ ล ะ ย ก ตอ่ การแสดง พฤติกรรม ตัวอย่างพฤติกรรมท่ีเป็น - พฤติกรรมท่ีเป็นมาแต่กาเนิด ม า แ ต่ ก า เ นิ ด แ ล ะ แบ่งออกได้เป็น หลายชนิด เช่น พฤติกรรมที่เกิดจากการ โอเรียนเตชัน (แทกซิสและไคนี เรยี นร้ขู องสตั ว์ ซิส) รีเฟลก็ ซ์ และฟกิ แอกชนั แพ 18. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย ทเทริ ์น แ ล ะ ย ก ตั ว อ ย่ า ง - พฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ ความสัมพันธ์ระหว่าง แบ่งได้เป็น แฮบบิชูเอชัน การฝัง พฤติกรรมกับวิวัฒนา ใจ การเช่ือมโยง (การลองผิดลอง การของระบบประสาท ถูกและการมีเงื่อนไข) และการใช้ 19. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย เหตุผล แ ล ะ ย ก ตั ว อ ย่ า ง ก าร - ระดับการแสดงพฤตกิ รรมที่สัตว์ ส่ือสารระหว่างสัตว์ท่ีทา แต่ละชนิด แสดงออกจะแตกต่าง ใหส้ ตั วแ์ สดงพฤติกรรม กันซึ่งเป็นผลมาจาก วิวัฒนาการ ของระบบประสาทท่ีแตกตา่ งกนั - การส่ือสารเป็นพฤติกรรมทาง สังคมแบบหน่ึง ซ่งึ มหี ลายวิธี เชน่ การสอื่ สารดว้ ยทา่ ทาง

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 232 หนว่ ย ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ช่วั โมง) รวม 50 สอบกลำงภำค การส่ือสารด้วยเสียง การสื่อสาร 20 สอบปลำยภำค ด้วยสารเคมี และการสื่อสารด้วย 30 รวมท้ังหมด การสัมผสั 100 58 1 1 60

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 233 คำอธิบำยรำยวิชำเพ่มิ เตมิ รำยวิชำ ชีววทิ ยำ 6 กลุม่ สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ ำ ว33246 ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 6 เวลำ 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ *************************************************************************** ศึกษาความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ ความเชื่อมโยงระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางสปีชีส์และความหลากหลายของระบบนิเวศ การเกิดเซลล์แรกเริ่มของส่ิงมีชีวิตและวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว สิ่งมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรีย โพรทิสต์ พืช ฟังไจและสัตว์ การจาแนกส่ิงมีชีวิตและการเขียนช่ือ วิทยาศาสตรใ์ นลาดบั ข้นั สปีชีส์ การสรา้ งไดโคโตมัสคยี ์ในการระบุสิง่ มชี วี ิต กระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ การเกิดและการลดการเกิดไบโอแมกนิฟิเคชัน วัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกามะถันและวัฏจักรฟอสฟอรัส ไบโอม การ เปลย่ี นแปลงแทนทแี่ บบปฐมภูมิและทุติยภูมิ ลกั ษณะเฉพาะของประชากรของสง่ิ มีชวี ติ บางชนดิ การเพิ่มของประชากร แบบเอ็กโพเนนเชียลและแบบลอจสิ ตกิ การควบคมุ การเตบิ โตของประชากร ทรัพยากรน้า ทรพั ยากรอากาศ ทรัพยากร ดิน ทรัพยากรป่าไมแ้ ละทรัพยากรสัตวป์ ่า โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ภาวะผู้นาและการทางานเป็นทีม เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความ เข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ นาความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน ดูแลรักษา สงิ่ มีชีวติ อ่นื ๆ เฝ้าระวงั และพฒั นาสิง่ แวดล้อมอยา่ งย่งั ยนื มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม ค่านิยมทเี่ หมาะสม มี คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์เทียบเคียงมาตรฐานสากลและมีศักยภาพเปน็ พลโลก วัดผลประเมินผลด้วยวธิ ีการที่หลากหลายตามสภาพความเป็นจริงของเน้ือหาและทกั ษะกระบวนการท่ีตอ้ งการ วดั ผลให้สอดคล้องกบั ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวัง ผลกำรเรียนรู้ 1. อภิปรายความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพและความเช่ือมโยงระหว่างความหลากหลายทาง พนั ธุกรรม ความหลากหลายของสปชี ีส์และความหลากหลายของระบบนเิ วศ 2. อธบิ ายการเกดิ เซลล์เรม่ิ แรกของส่ิงมชี วี ิตและววิ ฒั นาการของสิง่ มชี ีวติ เซลล์เดียว 3. อธิบายลักษณะสาคัญและยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตกลุ่มโพรทิสต์ ส่ิงมีชีวิตกลุ่มพื ช สิ่งมชี ีวิตกลมุ่ ฟงั ไจและสิง่ มีชีวติ กลุม่ สัตว์ 4. อธิบายและยกตัวอย่างการจาแนกส่ิงมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถึงหมวดหมู่ย่อยและวิธีการเขียนซื่อ วทิ ยาศาสตร์ในลาดบั ขั้นสปีซีส์ 5. สรา้ งไดโคโทมสั คีย์ในการระบสุ ่งิ มีชีวติ หรือตัวอยา่ งที่กาหนดออกเปน็ หมวดหมู่ 6. วิเคราะห์ อธบิ ายและยกตวั อยา่ งกระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ 7. อธิบาย ยกตัวอยา่ งการเกดิ ไบโอแมกนฟิ เิ คชันและบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอแมกนฟิ เิ คชนั 8. สบื ค้นขอ้ มลู และเขยี นแผนภาพ เพ่อื อธบิ ายวัฏจกั รไนโตรเจน วฏั จกั รกามะถันและวัฏจักรฟอสฟอรสั 9. สบื คน้ ขอ้ มูล ยกตวั อยา่ งและอธิบายลกั ษณะของไบโอมทก่ี ระจายอยตู่ ามเขตภมู ศิ าสตรต์ ่างๆบนโลก 10. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง อธิบายและเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิ และการ เปลย่ี นแปลงแทนที่แบบทตุ ยิ ภมู ิ 11. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย ยกตวั อย่างและสรปุ เกย่ี วกบั ลกั ษณะเฉพาะของประชากรของสิ่งมีชีวิตบางชนดิ 12. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ าย เปรียบเทยี บและยกตวั อยา่ งการเพมิ่ ของประชากรแบบเอก็ โพเนนเชียลและการเพิ่มของ ประชากรแบบลอจิสติก

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 234 13. อธิบายและยกตวั อยา่ งปจั จัยทีค่ วบคุมการเติบโตของประชากร 14. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหาการขาดแคลนน้า การเกิดมลพิษทางน้าและผลกระทบท่ีมีต่อมนุษย์ และส่งิ แวดลอ้ ม รวมท้งั เสนอแนวทางการวางแผนการจดั การนา้ และการแก้ไขปัญหา 15. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหามลพิษทางอากาศและผลกระทบท่ีมีต่อมนษุ ย์และสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง เสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา 16. วเิ คราะห์ อภปิ รายและสรปุ ปัญหาท่เี กดิ กับทรพั ยากรดินและผลกระทบทมี่ ีตอ่ มนษุ ยแ์ ละ ส่ิงแวดลอ้ ม รวมทัง้ เสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา 17. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการทาลายป่าไม้ รวมท้ังเสนอแนวทางในการ ป้องกันการทาลายป่าไม้และการอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ 18. วิเคราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหา ผลกระทบท่ีทาให้สัตว์ป่ามีจานวนลดลงและแนวทางในการอนุรักษ์ สตั ว์ปา่ รวมทั้งหมด 18 ผลกำรเรียนรู้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 235 โครงสรำ้ งรำยวิชำเพม่ิ เตมิ รำยวชิ ำ ชีววิทยำ ๕ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ ำ ว๓๓๒๔6 ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๖ เวลำ ๖๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต หนว่ ย ชื่อหนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั (ช่วั โมง) 1 ควำมหลำกหลำย 1. อภิปรายความสาคัญของ - ความหลากหลายทางชีวภาพ 27 20 ทำงชวี ภำพ ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย ท า ง มี 3 ระดับ ได้แก่ ความหลาก ชีวภาพและความเชื่อมโยง หลายทางพันธุกรรม ความ ระหว่างความหลากหลาย หลากหลายของสปีชีส์และ ท า ง พั น ธุ ก ร ร ม ค ว า ม ความหลากหลายของระบบ หลากหลายของสปีชีส์และ นิเวศ ซ่ึงมีความสัมพันธ์กันหาก ความหลากหลายของระบบ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ความ นเิ วศ หลากหลายระดับใดระดับหน่ึง 2. อธิบายการเกิดเซ ลล์ จะส่งผลกระทบไปท่ี คว าม เร่ิมแรกของส่ิงมีชีวิตและ หลากหลายในระดบั อ่นื ดว้ ย วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต - ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต เซลล์เดียว เ กิ ด จ า ก วิ วั ฒ น า ก า ร ข อ ง 3. อธิบายลักษณะสาคัญ ส่ิ ง มี ชี วิ ต ค ว บ คู่ ไ ป กั บ ก า ร และยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิต เปล่ียนแปลงของสิ่งแวดล้อม กลุ่มแบคทีเรยี สิง่ มชี ีวติ กลุ่ม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโดยมี โพรทิสต์ ส่ิงมีชีวิตกลุ่มพืช จุดเริ่มต้นจากวิวัฒนาการเกิด ส่ิง มีชีวิ ตก ลุ่มฟัง ไ จและ เซลลเ์ ร่ิมแรก จากนั้นพฒั นา สิ่งมชี ีวติ กล่มุ สตั ว์ ไปเป็นเซลล์โพรแคริโอต และ 4. อธิบายและยกตัวอย่าง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของ การจาแนกสิ่งมีชีวิตจาก ระดับออกซิเจนบนโลกที่เกิด ห ม ว ด ห มู่ ใ ห ญ่ จ น ถึ ง จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วย หมวดหมู่ย่อยและวิธีการ แสงของโพรแคริโอตบางกลุ่ม เขียนซื่อวิทยาศาสตร์ใน จึงนาไปสู่วิวัฒนาการของการ ลาดบั ขัน้ สปซี สี ์ เกิดเซลล์ยูแคริโอต ซ่ึงนับเป็น 5. สร้างไดโคโทมัสคีย์ในการ จุ ด เ ป ล่ี ย น ท่ี ท า ใ ห้ เ กิ ด ระบุสิ่งมีชีวิตหรือตัวอย่างท่ี วิวัฒนาการท่ีนามาซ่ึงความ กาหนตออกเป็นหมวดหมู่ หลากหลายของส่ิงมีชีวิตใน ปัจจุบัน - แบคทีเรียเป็นส่ิงมีชีวิตท่ีผนัง เ ซ ล ล์ มี เ พ ป ทิ โ ด ไ ก ล แ ค น เ ป็ น องค์ประกอบสาคัญ แบคทีเรีย ท่ั ว ไ ป ส ร้ า ง อ า ห า ร เ อ ง ไ ม่ ไ ด้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 236 ด า ร ง ชี วิ ต แ บ บ ผู้ ส ล า ย สารอินทรีย์ แบบปรสิต แต่ แบคทีเรียบางกลมุ่ สรา้ งอาหาร เ อ ง ไ ด้ จ า ก ก ร ะ บ ว น ก า ร สังเคราะห์ดว้ ยแสง - โพรทิสต์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี ลักษณะหลากหลาย มีทั้งเซลล์ เดียวและหลายเซลล์ที่ยังไม่ พัฒนาไปเป็นเนื้อเย่ือ อาจมี ห รื อ ไ ม่ มี ผ นั ง เ ซ ล ล์ เ ป็ น สว่ นประกอบของเซลล์ โดยอาจ แบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้ คือ กลุ่ม โพรโทซัว กลุ่มสาหร่าย กลุ่มที่ คล้ายรา - พืชเปน็ สิง่ มชี วี ติ หลายเซลล์ที่มี ผ นั ง เ ซ ล ล์ ซ่ึ ง มี เ ซ ล ลู โ ล ส เ ป็ น องค์ประกอบ มีวฏั จักรชีวิตแบบ สลบั และมีระยะเอ็มบรโิ อในการ สืบพันธแุ์ บบอาศยั เพศ พชื สรา้ ง อาหารเองได้จากกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง โดยอาจ แบ่งตามการมที ่อลาเลียงได้เป็น พืชไม่มีท่อลาเลียง และพืชมีท่อ ลาเลียงซ่ึงแบ่งเป็นไลโคไฟต์ และยูฟลิ โลไฟต์ - ฟังไจเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์เดียว และหลายเซลล์ เซลล์ของฟังไจยังไม่ พฒั นาไปเป็นเนอ้ื เยอื่ ผนงั เซลล์ มีไคทินเป็ นองค์ ประกอบส า คั ญ ฟังไจสร้างอาหารเองไม่ได้และ ดารงชีวิตแบบผู้สลาย สารอนนิ ทรียแ์ บบปรสิต - สัตว์เป็นยูแคริโอตท่ีมีหลาย เซลล์ ไม่มีผนังเซลล์ ส่วนใหญ่ เซลล์จดั เรียงตัวเป็นเนอ้ื เย่อื ซง่ึ ทาหน้าที่เฉพ าะ สัตว์ เ ป็ น สิ่งมีชีวิตท่ีสร้างอาหารเองไม่ได้ ดารงชีวิตเป็นผู้บริโภคในระบบ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 237 นิเวศ สัตว์หลายชนิดเป็นแหล่ง อ าหาร ท่ีสาคัญ ขอ ง มนุษย์ รวมทง้ั มคี ณุ ค่าทางเศรษฐกจิ - อนุกรมวิธานเป็นการศึกษา ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต ซ่ึ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร พื้ น ฐ า น ข อ ง ศาสตร์ทางด้านอนุกรมวิธาน ประกอบด้วยการจาแนก การ ตงั้ ชอื่ และการระบุ 2 ระบบนเิ วศและ 6. วิเคราะห์ อธิบายและ - ระบบนิเวศจะดารงอยู่ได้ต้อง 22 20 ประชำกร ยกตัวอย่างกระบวนการ มีกระบวนการต่าง ๆ เกิดขึ้น ถ่ายทอดพลังงานในระบบ โดยมีกระบวนการที่สาคัญ นเิ วศ ไดแ้ ก่ การถา่ ยทอดพลงั งานและ 7. อธิบาย ยกตัวอย่างการ การหมุนเวียนสาร การถา่ ยทอด เกิดไบโอแมกนิฟิเคชันและ พลังงานในระบบนิเวศสามารถ บอกแนวทางในการลดการ แสดงได้ด้วยแผนภาพที่เรียกว่า เกิดไบโอแมกนฟิ เิ คชนั โซ่อาหารและสายใยอาหาร โดย 8. สืบค้นข้อมูลและเขียน สามารถเขียนความสัมพันธ์ของ แผนภาพ เพ่ืออธบิ ายวฏั จกั ร ส่ิงมีชีวิตแต่ละลาดับขั้นการกิน ไนโตรเจน วัฏจักรกามะถัน อาหารได้ในรูปแบบของพีระมิด และวฏั จกั รฟอสฟอรสั ทางนเิ วศวทิ ยา 9. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง - ไบโอม คือระบบนิเวศขนาด และอธิบายลักษณะของไบ ใหญ่ท่ีก ร ะจายอยู่ตามเขต โอมท่ีกระจายอยู่ตามเขต ภูมิศาสตร์ต่าง ๆ บนโลก เช่น ภูมศิ าสตร์ตา่ งๆบนโลก ไบโอมทุนดรา ไบโอมสะวันนา 10. สบื ค้นข้อมลู ยกตัวอยา่ ง ไบโอมทะเลทราย โดยแต่ละไบ อธิบายและเปรียบเทียบการ โอมจะมีลักษณะเฉพาะของ เปล่ียนแปลงแทนที่แบบ ปัจจัยทางกายภาพชนิดของพืช ป ฐ ม ภู มิ แ ล ะ ก า ร และชนดิ ของสตั ว์ เปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบ - ระบบนิเวศมีการเปล่ียนแปลง ทตุ ยิ ภมู ิ ได้ตลอดเวลา การเปล่ียนแปลง 11. สืบค้นข้อมูล อธิบาย ของปัจจัยในระบบนิเวศอาจทา ยกตัวอย่างและสรุปเกี่ยวกับ ให้ขนาดของประชากรและชนดิ ลั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ข อ ง ของส่ิงมีชีวิตเปล่ียนแปลงไป ประชากรของส่ิงมีชีวิตบาง และทาให้เกิดการเปล่ียนแปลง ชนดิ แทนท่ีของส่ิงมีชีวิตข้ึน โดยการ เปล่ียนแปลงแทนท่ีทางนิเวศ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 238 12. สืบค้นข้อมูล อธิบาย วิทยา มีท้ังการเปลี่ยน แปลง เปรียบเทียบและยกตัวอยา่ ง แทนท่ีแบบปฐมภูมิและการ ก า ร เ พิ่ ม ข อ ง ป ร ะ ช าก ร เปลี่ยนแปลงแทนที่แบบทุติย แบบเอ็กโพเนนเชียลและ ภูมิ การเพ่มิ ของประชากรแบบ ลอจสิ ตกิ - ประชากรของส่ิงมีชีวิ ตมี ลักษณะเฉพาะ เช่น ขนาดของ 13. อธิบายและยกตัวอย่าง ประชากร ความหนาแน่นของ ปัจจัยที่ควบคุมการเติบโต ประชากรการกระจายตัวของ ของประชากร สมาชิกในประชากร โครงสร้าง อายุของประชากร อัตราส่วน ระหว่างเพศ อัตราการเกิดและ อัตราการตาย การอพยพเข้า การอพยพออก และกราฟการ ร อ ด ชี วิ ต ข อ ง ส ม า ชิ ก ใ น ประชากร ลักษณะเฉพาะของ ป ร ะ ช า ก ร มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข น า ด ข อ ง ประชากรซึง่ เปน็ กระบวนการ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 239 ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยการเพิ่ม 10 ประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล เป็นการเพ่ิมจานวนประชากร อย่างรวดเร็วแบบทวีคูณ ส่วน การเพมิ่ ประชากรแบบลอจิสตกิ เป็นการเพิ่มจานวนประชากรที่ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือมี ตัวต้านทานในส่ิงแวดล้อมมา เกย่ี วขอ้ ง - ประชากรมนุษย์มีอัตราการ เติบโตอย่างรวดเร็วแบบเอ็ก โพเนนเชียลหลังจากการปฏิวัติ ทางอุตสาหกรรม เม่ือพิจารณา โครงสร้างอายุและอัตราส่วน ร ะ ห ว่ า ง เ พ ศ ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร ส า ม า ร ถ แ ส ด ง ไ ด้ เ ป็ น พี ร ะ มิ ด อายุ ซงึ่ สามารถใช้คาดคะเนการ เติบโตของประชากรและขนาด ของประชากรในอนาคตได้ 3 มนุษยก์ ับควำมย่ังยืน 14. วิเคราะห์ อภิปรายและ - ทรัพยากรธรรมชาติแบ่งตาม 9 ของทรัพยำกร สรปุ ปัญหาการขาดแคลนน้า ลักษณะการนามาใช้ประโยชน์ ธรรมชำติและ การเกิดมลพิษทางน้าและ ไ ด้ เ ป็ น 3 ป ร ะ เ ภ ท คื อ สงิ่ แวดลอ้ ม ผลกระทบท่ีมีต่อมนุษย์และ ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ไม่หมด สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเสนอ ส้ิน ทรัพยากรธรรมชาติท่ีใช้ แนวทางการวางแผนการ แ ล้ ว เ กิ ด ท ด แ ท น ไ ด้ แ ล ะ จัดการน้าและการแก้ไข ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ใี ชแ้ ล้ว ปญั หา หมดไป เช่น ทรัพยากรน้า ดิน อากาศ ป่าไม้ และสัตว์ป่า เป็น 15. วเิ คราะห์ อภิปรายและ ต้น ซ่ึงทรัพยากรธรรมชาติ ส รุ ป ปั ญ ห า ม ล พิ ษ ท า ง เหล่าน้ีมีความสาคัญและจาเปน็ อากาศและผลกระทบที่มีต่อ ต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ เม่ือ ม นุ ษ ย์ แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม มนษุ ยน์ าทรพั ยากรธรรมชาติมาใช้ ร ว ม ทั้ ง เ ส น อ แ น ว ท า ง ก า ร แกไ้ ขปญั หา

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 240 16. วิเคราะห์ อภิปราย ถ้าใช้อย่างไม่เห็นคุณค่าจะ และสรุปปัญหาท่ีเกิดกับ ส่งผลให้ปริมาณของทรัพยากร ท รั พ ย า ก ร ดิ น แ ล ะ ผ ล ธรรมชาติลดลงและก่อให้เกิด กระทบทม่ี ีต่อมนุษย์และ มลพิษต่อส่ิงแวดล้อม รวมทั้ง สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเสนอ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ของมนุษย์ นอกจากน้ีก าร 17. วิเคราะห์ อภิปราย แพร่กระจายของชนิดพันธ์ุต่าง แ ล ะ ส รุ ป ปั ญ ห า ผ ล ถ่ินรุกรานก็ส่งผลกระทบต่อ ก ร ะ ทบที่เกิ ดจาก ก า ร ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ทาลายป่าไม้ รวมทั้งเสนอ สงิ่ แวดล้อมดว้ ย ดังนนั้ มนุษย์จึง แนวทางในการป้องกันการ ต้ อ ง มี ค ว า ม รู้ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ท า ล า ย ป่ า ไ ม้ แ ล ะ ก าร เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ อนุรกั ษป์ ่าไม้ แนวทางการจัดการทรัพยากร 18. วิเคราะห์ อภิปราย ธ ร ร ม ช า ติ โ ด ย ใ ช้ ห ลั ก ก า ร และสรุปปัญหาผลกระทบ อนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ ที่ทาให้สัตว์ป่ามีจานวน และสิ่งแวดล้อมเพื่อก่อให้เกิด ลดลงและแนวทางในการ ความย่ังยืนของสงิ่ แวดล้อม อนรุ ักษส์ ัตว์ป่า รวม 58 50 สอบกลำงภำค 1 20 สอบปลำยภำค 1 30 รวมทัง้ หมด 60 100

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 241 คำอธิบำยรำยวชิ ำเพม่ิ เติม วชิ ำ ว๓๑๒8๑ รำยวิชำ งำนกรำฟิก๑ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ เวลำ ๔๐ ชัว่ โมง จำนวน 1 หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาพกราฟิก และการใช้งานโปรแกรมวาดรูปแบบเวกเตอร์ เช่น โปรแกรม Adobe Illustrator CS๖ เป็นตน้ การสรา้ งรูปทรง ตา่ ง ๆ วตั ถุ (Object) และสญั ลักษณ์ (Symbol) การทางานกับ สี การจัดการภาพ การทางาน กับตัวอักษร การใช้งาน Pain Brush, Gradient และ Gradient Mesh และการ ปรับแตง่ ภาพดว้ ยฟลิ เตอร์ (Filter) และเอฟเฟกต์ (Effect) อธิบายความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับภาพกราฟิก และการใช้งานโปรแกรมวาดรูปแบบเวกเตอร์ เช่น โปรแกรม Adobe Illustrator CS๖ เปน็ ต้น การสร้างรูปทรงต่าง ๆ วัตถุ (Object) และสญั ลกั ษณ์ (Symbol) การทางานกบั สี การจดั การภาพ การทางานกับตัวอักษร การใชง้ าน Pain Brush, Gradient และ Gradient Mesh และการปรับแต่ง ภาพด้วยฟลิ เตอร์ (Filter) และเอฟเฟกต์ (Effect) และสร้างสรรคช์ ิน้ งานตามหัวขอ้ ทก่ี าหนดใหไ้ ด้อย่างน้อย ๑ ชิ้นงาน เพอื่ ให้เหน็ คุณค่าของการทางานเกี่ยวกับการใชโ้ ปแกรมสร้างภาพกราฟิกแบบเวกเตอร์ สามารถนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน และประยุกต์ใช้กับวิชาอื่น ๆ มีคุณธรรม จริยธรรม และคานิยมที่เหมาะสมในการทางาน ดา้ นกราฟิก ผลกำรเรยี นรู้ ๑. อธิบายความรูเ้ บือ้ งต้นเกีย่ วกับภาพกราฟกิ และการใช้งานโปรแกรมวาดรูป เชน่ โปรแกรม Adobe Illustrator CS๖ เปน็ ต้น ได้ ๒. ปฏบิ ัติการสร้างรูปทรงตา่ ง ๆ ได้ ๓. ปฏบิ ัติการสร้างวัตถุ (Object) และสัญลกั ษณ์ (Symbol) ได้ ๔. ปฏบิ ัติการทางานกบั สีได้ ๕. ปฏิบัติการจัดการภาพได้ ๖. ปฏบิ ัตกิ ารทางานกบั ตวั อกั ษรได้ ๗. ปฏิบัติการใช้งาน Pain Brush, Gradient และ Gradient Mesh ได้ ๘. สร้างสรรค์ช้นิ งานตามหวั ข้อท่กี าหนดใหไ้ ดอ้ ย่างน้อย 1 ชิ้นงานได้

โครงสร้างรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 242 รหสั วิชำ ว๓๑๒8๑ รำยวิชำ คอมพิวเตอรก์ รำฟิก๑ ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี ๔ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง ๑.๐ หน่วยกิต หน่วย ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน สำระสำคญั / เวลำ น้ำหนัก/ ท่ี กำรเรียนรู้/ กำรเรียนร/ู้ ควำมคิดรวบยอด (ชัว่ โมง) สัดสว่ นของ กิจกรรม ตัวช้ีวัด/ผลกำร คะแนน เรียนรู้ 4 llustrator คอื โปรแกรมท่ีใชใ้ น 8 การวาดภาพ โดยจะสรา้ งภาพท่มี ี 32 1 ประวัติความเปน็ มา อธิบายความรู้ ลกั ษณะเปน็ ลายเสน้ หรือที่เรียกว่า 2 8 ของโปรแกรม เบือ้ งต้นเกีย่ วกบั Vector Graphic จดั เป็นโปรแกรม ภาพกราฟกิ ระดบั มืออาชพี ท่ีใช้กนั เป็น มาตรฐานในการออกแบบระดับ สากลสามารถทางานออกแบบ ต่างๆ ไดห้ ลากหลาย การใช้งาน เครอ่ื งมือ Adobe Illustrator 2 เคร่ืองมอื Adobe โปรแกรมวาดรูป ไดแ้ ก่ - Selection tool 4 Illustrator CS6 เชน่ โปรแกรม - Create tool และ shortcut Adobe - Transform tool keys (คีย์ลดั ) Illustrator - tool CS6 เป็นต้น - Paint color tool ได้ - View tool 1. ปฏบิ ตั ิการ สร้างรปู ทรงต่าง ๆ ได้ การใช้งาน 2. ปฏิบัติการ โปรแกรม Adobe Illustrator น้ี 3 โปรแกรม Adobe สร้างวัตถุ และ จะนิยมใช้ในงานออกแบบต่างๆ 16 Illustrator สญั ลักษณ์ ได้ เช่น โลโก้ นามบัตร ออกแบบปก เบ้ืองต้น 3. ปฏิบตั กิ าร หนงั สอื ฉลากสินค้า ฯลฯ เปน็ ต้น ทางานกับสไี ด้ 4. ปฏิบัติการ จดั การภาพได้ ใชส้ าหรับกาหนด Layout ให้กบั การกาหนด สามารถกาหนด การสร้าง Artboards หลายชน้ิ ใน 4 Artboards Artboards หนง่ึ ช้ินงาน การสร้างนี้จะทา 4 Layout Layout ได้ ขณะทสี่ ร้างงานใหม่ แลว้ เลือก ไอคอนต่างๆ

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 243 หนว่ ย ชื่อหนว่ ย มำตรฐำน สำระสำคัญ/ เวลำ น้ำหนัก/ ท่ี กำรเรยี นร/ู้ กำรเรยี นรู้/ ควำมคิดรวบยอด (ช่ัวโมง) สดั สว่ นของ ตวั ช้วี ัด/ผลกำร กจิ กรรม 4 คะแนน เรยี นรู้ 8 8 มีวิธกี ารทาได้สองแบบ โดย 2 16 การคลิกที่ Object แล้วมาคลิก 40 - 4 5 การสร้าง Swatch สามารถสร้าง ไอคอน New Swatch บน 40 80 Color and Swatch Color Swatch Panel จะไดห้ น้าต่าง 20 and Global New Swatch ขึน้ มา จากนน้ั ทา 100 Global Swatch Swatch Color การตง้ั ชื่อ หรือ คลิกสบี นแถบ Color เคร่ืองมือแล้วลากไปท่ี Swatch Panel กจ็ ะไดส้ ีนั้นเกบ็ ไว้ท่ี Swatch Panel ตวั หนังสอื ของโปรแกรม Illustrator จะเปน็ ตวั หนังสอื ท่ี สร้างบนเสน้ Path ประกอบดว้ ย Point and Area text และ ปฏบิ ัติการ วธิ กี ารใชง้ านเหมือนกับโปรแกรม 6 การสรา้ งตัวหนังสอื ทางานกบั Test in Photoshop การปรบั ตวั อกั ษรได้ ขนาด และ Rotate เมอื่ พิมพ์ ตัวหนังสอื แล้วสามารถปรับขนาด โดยการการใช้ Selection Tool คลิก ท่ี Bounding box ลากปรับ ขนาดไดเ้ ลย สรา้ งสรรค์ ใช้เมนู File - Save As ทาการต้ัง ชน้ิ งานตาม ชอื่ ในสว่ นของ Save as type ให้ 7 การ Save ชนิ้ งาน หัวข้อที่ เลอื กเปน็ Adobe Illustrator กาหนดให้ได้ (*AI) เมื่อคลกิ Save จะไปท่หี นา้ อยา่ งนอ้ ย 1 Option ให้ปลอ่ ยตามคา่ Default ช้นิ งานได้ แล้วกด Save รวมระหว่ำงภำค ปลำยภำค (ผลงำน) รวม

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 244 คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม รหสั วิชำ ว๓๑๒8๒ รำยวิชำ งำนกรำฟิก ๒ กลุมสำระกำรเรียนรูวิทยำศำสตรและเทคโนโลยี ช้ัน มธั ยมศกึ ษำปท่ี ๔ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกจิ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ศกึ ษาความรเู้ บอ้ื งต้นเก่ยี วกบั ภาพกราฟกิ และการใชง้ านโปรแกรมวาดรูปแบบเวกเตอร์ เช่น โปรแกรม Adobe Illustrator CS๖ เปน็ ต้น การสรา้ งรปู ทรง ตา่ ง ๆ วัตถุ (Object) และสัญลกั ษณ์ (Symbol) การทางานกับ สี การจัดการภาพ การทางาน กับตวั อักษร การใช้งาน Pain Brush, Gradient และ Gradient Mesh และการ ปรับแต่งภาพด้วยฟลิ เตอร์ (Filter) และเอฟเฟกต์ (Effect) อธิบายความรู้เบื้องตน้ เก่ยี วกับภาพกราฟิก และการใชง้ านโปรแกรมวาดรูปแบบเวกเตอร์ เช่น โปรแกรม Adobe Illustrator CS๖ เป็นตน้ การสร้างรปู ทรงต่าง ๆ วัตถุ (Object) และสัญลักษณ์ (Symbol) การทางานกับสี การจดั การภาพ การทางานกับตัวอักษร การใช้งาน Pain Brush, Gradient และ Gradient Mesh และการปรับแตง่ ภาพดว้ ยฟลิ เตอร์ (Filter) และเอฟเฟกต์ (Effect) และสร้างสรรคช์ ิ้นงานตามหวั ข้อท่กี าหนดใหไ้ ดอ้ ย่างนอ้ ย ๑ ช้ินงาน เพ่อื ให้เห็นคุณคา่ ของการทางานเก่ียวกบั การใช้โปแกรมสร้างภาพกราฟิกแบบเวกเตอร์ สามารถนาความรไู้ ปใช้ ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน และประยุกตใ์ ช้กับวชิ าอ่นื ๆ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคานยิ มที่เหมาะสมในการทางาน ดา้ นกราฟิก ผลการเรียนรู้ ๑. อธบิ ายความรู้เบื้องตน้ เก่ยี วกบั ภาพกราฟกิ และการใชง้ านโปรแกรมวาดรปู เช่น โปรแกรม Adobe Illustrator CS6 เป็นต้น ได้ ๒. ปฏิบัตกิ ารสรา้ งรปู ทรงต่าง ๆ ได้ ๓. ปฏิบัตกิ ารสร้างวตั ถุ (Object) และสัญลกั ษณ์ (Symbol) ได้ ๔. ปฏิบัติการทางานกับสีได้ ๕. ปฏบิ ัติการจดั การภาพได้ ๖. ปฏบิ ัติการทางานกับตวั อกั ษรได้ ๗. ปฏิบัติการใชง้ าน Pain Brush, Gradient และ Gradient Mesh ได้ ๘. สร้างสรรค์ชนิ้ งานตามหัวขอ้ ทีก่ าหนดใหไ้ ด้อยา่ งน้อย ๑ ช้ินงานได้

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 245 โครงสร้ำงรำยวชิ ำเพ่ิมเตมิ รหัสวชิ ำ ว31282 รำยวชิ ำ งำนกรำฟกิ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ 4 เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกจิ หนว่ ย ชือ่ หนว่ ย มำตรฐำน สำระสำคญั / เวลำ น้ำหนัก/ ท่ี กำรเรียนร้/ู ควำมคดิ รวบยอด (ชัว่ โมง) สดั สว่ นของ กจิ กรรม กำรเรยี นร้/ู ตัวช้ีวัด/ผล คะแนน กำรเรียนรู้ มคี วามรู้ 1 ความรู้เบือ้ งต้น เบอ้ื งต้น มคี วามรู้เกี่ยวกบั ความหมายของ 2 5 คอมพวิ เตอร์ เกย่ี วกบั งาน คอมพิวเตอร์กราฟกิ หลักการทางาน กราฟฟิก กราฟกิ และ ของภาพกราฟกิ ประเภทของ จาแนก ภาพกราฟกิ ประเภทของ งานกราฟิก 2 การใช้งาน Adobe ใช้โปรแกรม การใชเ้ ครือ่ งมอื ในโปรแกรม Adobe 16 40 Adobe Illustrator Illustrator -หลักการทางานของ Layer เบ้อื งต้น Illustrator สรา้ งสรรค์ -การใชเ้ คร่ืองมือ Selection tool งานกราฟิก -การใชเ้ คร่อื งมือ Create tool -การใช้ paint color tool 3 การ Draft ภาพ ใชโ้ ปรแกรม การใชเ้ ครอ่ื งมือ Pentool ใน 10 15 ดว้ ยดปรแกรม Adobe โปรแกรม Adobe Illustrator Illustrator Adobe สรา้ งสรรค์ Illustrator งานกราฟกิ ใชโ้ ปรแกรม 4 สร้างสรรคผ์ ลงาน Adobe .ใช้ความรูแ้ ละทกั ษะต่างๆในการ 12 10 (Stickers) Illustrator สรา้ งสรรคผ์ ลงานกราฟกิ โดยใช้ สร้างสรรค์ โปรแกรม Adobe Illustrator งานกราฟิก รวมระหวำ่ งภำค 40 70 ปลำยภำค (ชิ้นงำน) - 30 รวม 40 100

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 246 คำอธิบำยรำยวิชำเพม่ิ เติม วิชำ ว๓๒๒8๓ รำยวชิ ำ คอมพวิ เตอรก์ รำฟิก ๓ กล่มุ สำระกำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษำปที ี่ ๕ เวลำ ๔๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑ หน่วยกติ …………………………………...................................................................................…………………………….. ความหมาย ประวัติ ประเภทของหนังสั้น ส่ือประเภทต่างๆ เทคนิควิธีเขียนบท และ story board การนา หลักการถ่ายภาพเคล่ือนไหว มุมกล้อง ขนาดของภาพ ลักษณะของภาพ หลักการกาหนดภาพ การเคลื่อนกล้อง การ จัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ มาใช้ในการ สร้างหนังสั้น เข้าใจหลักกระบวนการความหมาย ชนิด คุณสมบัติ ประโยชน์ แนวคิดของงานวิดีโอ อุปกรณ์ในการตัดต่อวิดีโอ รูปแบบไฟล์ภาพ ไฟล์เสียง ไฟล์วิดีโอ และรูปแบบวิดีโอ แบบต่างๆ ปฏบิ ตั ิการสร้างหนังสนั้ ด้วยโปรแกรมสาเรจ็ รูป สามารถเลือกใชโ้ ปรแกรมตัดต่อวีดโี อและ application บนมือ ถือ โดยใช้เทคนิคการตัดต่อในรูปแบบต่างๆ ผลิตหนังสั้นตามที่ได้เขียนบท และ storyboard ไว้ให้ออกมาในรูปแบบ ของวีดโี อเพ่อื นาไปใช้ประโยชนแ์ ละสามารถนาความรู้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นงานตา่ งๆได้ การผลิตและออกแบบหนังสั้นตามลาดับเน้ือเร่ือง โดยศึกษาแหล่งเรียนรู้ในท้องถ่ินสถานที่สาคัญ วัฒนธรรม ประเพณี นามาจดั ทาเปน็ สอ่ื วีดโี อด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปการสรา้ งงานและนาเสนอในรูปแบบท่ีเหมาะสมให้ผู้อ่นื เข้าใจ ตลอดจนมีคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางาน มีจิตสาธารณะ รักความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การ อนรุ ักษพ์ ลงั งานและสง่ิ แวดลอ้ ม จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ ๑. อธบิ ายความหมายและประวตั ขิ องหนงั ส้ันได้ ๒. ระบุประเภทและความแตกตา่ งของของสอื่ ภาพยนตร์ประเภทตา่ ง ๆได้ ๓. เขียนบทหนังส้ันได้ถูกต้องตามหลกั เกณฑ์ ๔. เขียน Story Board ตามข้ันตอนท่ถี กู ต้องไดด้ ว้ ยตนเอง ๕. อธบิ ายมมุ กล้องและขนาดของภาพประเภทต่าง ๆได้ ๖. อธบิ ายการเคลอื่ นกล้องแบบตา่ ง ๆได้ ๗. ปฏิบัตกิ ารจัดแสงและการจดั องคป์ ระกอบภาพได้ ๘. บอกประโยชนข์ องวิดโี อได้ ๙. บอกชนิด คณุ สมบัตแิ ละความหมายของวิดโี อได้ ๑๐. เลอื กรูปแบบของไฟล์ภาพ ไฟล์เสียง และไฟล์วิดีโอเพือ่ ใช้ในการสรา้ งวิดโี อได้อยา่ งเหมาะสม ๑๑. เลือกใช้อุปกรณ์ในการตดั ต่อวิดีโอไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๑๒. ปฏิบัติการตัดต่อวีดีโอในเชงิ สร้างสรรค์

ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 247 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำเพม่ิ เติม รหสั วชิ ำ ว32283 รำยวิชำ คอมพิวเตอรก์ รำฟิก 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 5 จำนวน ๔๐ ชัว่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต หน่วย ชือ่ หน่วย มำตรฐำน สำระสำคญั / เวลำ นำ้ หนัก/ ท่ี ควำมคดิ รวบยอด (ชั่วโมง) กำรเรยี นรู้/ กำรเรียนรู้/ สัดส่วนของ กิจกรรม ตัวช้วี ัด/ผล คะแนน กำรเรียนรู้ 1 หนงั สน้ั อธิบาย ความหมายและประวตั ขิ องหนงั สน้ั 4 8 ความหมาย ได้ และประเภทและความแตกต่าง และประวตั ิ ของของสื่อภาพยนตร์ ของหนงั ส้ันได้ บทภาพยนตร์ (SCREENPLAY) 2 การเขยี นบท เขยี นบทหนัง เปรียบเสมอื นแบบรา่ ง(Sketch 6 12 ภาพยนตร์ ส้นั ไดถ้ ูกต้อง design)ของการสร้างภาพยนตร์ บท ตาม ภาพยนตรจ์ ะมคี วามคลา้ ยคลึงกบั หลกั เกณฑ์ วรรณกรรมตรงที่การบอกเล่า เรอ่ื งราวว่า ใครทาอะไร ทีไ่ หน อย่างไร เขียน Story การเขียนกรอบแสดงเรื่องราวที่ Board ตาม สมบูรณข์ องภาพยนตร์หรือหนงั แต่ 3 Story Board ขนั้ ตอนที่ ละเรื่อง โดยมกี ารแสดงรายละเอียด 10 20 ถูกต้องไดด้ ว้ ย ท่จี ะปรากฏในแต่ละฉากหรือแตล่ ะ ตนเอง หนา้ จอ 4 การกากับภาพ อธิบายมมุ มุมกล้องและขนาดของภาพประเภท 10 20 ตา่ ง ๆ การเคลอ่ื นกล้องแบบต่าง ๆ กลอ้ งและ และการจดั แสงและการจดั ขนาดของภาพ องค์ประกอบภาพ ประเภทตา่ ง ๆได้ 5 การตดั ตอ่ วิดโี อ เลือกใช้ รปู แบบของไฟล์ภาพ ไฟลเ์ สียง และ 10 20 อปุ กรณ์ในการ ไฟลว์ ดิ ีโอเพื่อใช้ในการสรา้ งวดิ โี อได้ ตดั ตอ่ วิดโี อได้ อย่างเหมาะสม เลือกใช้อุปกรณใ์ น อย่าง การตัดตอ่ วิดีโอไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เหมาะสม รวมระหวำ่ งภำค 40 80 ปลำยภำค (ผลงำน) - 20 รวม 40 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook