ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 48 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ เวลำ 40 ชัว่ โมง คณิตศำสตร์ พนื้ ฐำน 1 รหสั วชิ ำ ค31101 ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ลำดับที่ ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง เวลำ นำ้ หนัก กำรเรียนรู้ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด (ช่วั โมง) คะแนน 1 เซต ค.1.1 ม.4/1 เซต 20 30 10 - ความรูเ้ บ้ืองต้นและสัญลักษณ์ พ้นื ฐานเกยี่ วกับเซต 10 - ยูเนียน อินเตอร์เซกชัน และคอม พลีเมนตข์ องเซต 2 ตรรกศำสตร์ ค.1.1 ม.4/1 ตรรกศำสตรเ์ บือ้ งต้น 20 30 เบื้องต้น - ประพจนแ์ ละตวั เชื่อม (นิเสธ และ หรอื ถา้ ...แล้ว... กต็ ่อเม่อื ) ทดสอบกลางภาคเรยี น 40 20 รวมคะแนนระหวา่ งเรียน 60 20 ทดสอบปลายภาค 100 รวม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 49 คำอธิบำยรำยวชิ ำ รำยวชิ ำคณิตศำสตร์พ้นื ฐำน 1 รหัสวชิ ำ ค31101 กล่มุ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรยี นที่ 1 เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษา และฝึกทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์อันไดแ้ ก่ การแก้ปญั หา การใหเ้ หตผุ ล การสอ่ื สาร การสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชือ่ มโยงความรู้ตา่ งๆ ทางคณิตศาสตร์และ เช่อื มโยงคณติ ศาสตร์กับศาสตร์อืน่ ๆ และมีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ ในสาระตอ่ ไปนี้ เซต ความร้เู บอื้ งต้นและสญั ลกั ษณพ์ นื้ ฐานเก่ยี วกบั เซต ยเู นยี น อนิ เตอร์เซกชัน และคอมพลเี มนต์ของเซต ตรรกศำสตร์เบือ้ งตน้ ประพจน์ และตัวเชื่อมประพจน์ ( นเิ สธ และ หรอื ถ้า...แล้ว ก็ตอ่ เม่ือ ) โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวันทใ่ี กล้ตัวให้ผูเ้ รียนไดศ้ กึ ษาคน้ คว้าโดย การปฏิบัติจรงิ ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพฒั นาทักษะและกระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การสอ่ื สารและการส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ การเชือ่ มโยง การให้เหตผุ ล และการคดิ สรา้ งสรรค์ การใชส้ ื่อ อุปกรณ์ เทคโนโลยีและแหลง่ ขอ้ มูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการทไี่ ด้ ไปประยุกต์ใชใ้ นการเรยี นรสู้ งิ่ ตา่ งๆ ในการดารงชวี ติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อย่างสรา้ งสรรค์ รวมทั้ง เห็นคณุ ค่าและมีเจตคติทีด่ ีตอ่ คณติ ศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเปน็ ระบบระเบยี บ มีความรอบคอบ มีความรบั ผิดชอบมี วจิ ารณญาณ การวดั และประเมนิ ผล ใช้วธิ กี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคล้องกับเน้อื หาและ ทกั ษะทต่ี ้องการวัด รหัสตัวช้ีวัด ค 1.1 ม. 4 / 1 รวมทั้งหมด 1 ตวั ชีว้ ัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 50 โครงสรำ้ งรำยวิชำ คณติ ศำสตรพ์ ื้นฐำน 2 รหัสวชิ ำ ค31102 ชั้นมัธยมศึกษำปที ี่ 4 ภำคเรียนท่ี 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต เวลำ 40 ชั่วโมง ชอ่ื หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง เวลำ นำ้ หนัก ลำดบั ท่ี เรยี นรู้ / ตัวชีว้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน กำรเรียนรู้ ค 3.2 ม.4/1 หลักกำรนับเบื้องต้น 20 30 - หลักการบวกและการคณู 10 1 หลกั กำรนบั - การเรยี งสบั เปลย่ี นเชิงเส้นกรณที ี่ 5 เบอ้ื งต้น สิ่งของแตกตา่ งกันทง้ั หมด 5 - การจัดหมู่กรณีทีส่ ิง่ ของแตกตา่ งกัน ทง้ั หมด 2 ควำมนำ่ จะเปน็ ค 3.2 ม.4/2 ควำมนำ่ จะเป็น 20 30 - การทดลองสุ่มและเหตุการณ์ 6 14 - ความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ ทดสอบกลางภาคเรยี น 20 รวมคะแนนระหว่างเรียน 60 ทดสอบปลายภาค 20 รวม 40 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 51 คำอธบิ ำยรำยวิชำ รำยวิชำคณิตศำสตร์พื้นฐำน 2 รหัสวิชำ ค31102 กล่มุ สำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 4 ภำคเรียนที่ 2 เวลำ 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ศกึ ษา และฝึกทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรอ์ นั ได้แก่ การแกป้ ญั หา การใหเ้ หตผุ ลการสื่อสาร การ ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละเชื่อมโยงคณติ ศาสตร์ กับศาสตร์อืน่ ๆ และมคี วามคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ ในสาระต่อไปนี้ หลักกำรนับเบอ้ื งตน้ หลักการบวกและการคูณ การเรียงสบั เปล่ียนเชิงเส้นกรณีท่ีสงิ่ ของแตกตา่ งกันท้งั หมด การจดั หม่กู รณีท่ีสิง่ ของแตกตา่ งกนั ท้ังหมด ควำมน่ำจะเปน็ การทดลองสุ่ม และเหตุการณ์ ความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์ โดยจัดประสบการณห์ รือสรา้ งสถานการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ทีใ่ กล้ตวั ให้ผเู้ รียนไดศ้ ึกษาค้นควา้ โดย การปฏบิ ัติจรงิ ทดลอง สรปุ รายงาน เพ่อื พัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปญั หา การสื่อสารและการสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ การเชื่อมโยง การให้เหตุผล และการคิดสรา้ งสรรค์ การใชส้ อ่ื อปุ กรณ์ เทคโนโลยีและแหล่งขอ้ มูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทักษะและ กระบวนการทไ่ี ด้ ไปประยุกตใ์ ช้ในการเรียนรู้สงิ่ ตา่ งๆ ในการดารงชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อย่างสรา้ งสรรค์ รวมทงั้ เหน็ คุณค่าและมเี จตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มคี วามรบั ผดิ ชอบมี วิจารณญาณ การวดั และประเมินผล ใช้วิธีการท่หี ลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงให้สอดคลอ้ งกบั เนอื้ หาและ ทักษะทต่ี อ้ งการวัด รหัสตวั ชี้วัด ค3.2 ม.4 /1 ค3.2 ม.4 /2 รวมท้ังหมด 2 ตัวชี้วัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 52 โครงสรำ้ งรำยวิชำ คณิตศำสตร์พน้ื ฐำน 3 รหสั วชิ ำ ค32101 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 5 ภำคเรยี นท่ี 1 จำนวน 1.0 หน่วยกิต เวลำ 40 ช่ัวโมง หน่วย หนว่ ยกำร มำตรฐำน สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั /สัดสว่ น ท่ี เรยี น กำรเรยี นรู/้ (ช่วั โมง) ของคะแนน ตัวชีว้ ัด 1 เลขยกกาลงั ค 1.1 ม.5/1 เลขยกกาลังทม่ี ีเลขชก้ี าลังเป็นจานวนเต็ม ถา้ 20 30 a และ b เปน็ จานวนจริง โดยท่ี a≠0 , b≠0 และ m,n เป็นจานวนเต็มแล้ว 1) aman = am an 2) am n = amn 3) abm= ambm 4) a m = am b bm 5) am = amn an การหารากท่ี n ของจานวนจรงิ โดยใชบ้ ทนิยาม และค่าหลักของรากที่ n ของจานวนจริงจะมี เพียงคา่ เดยี วเท่านัน้ การหาผลบวก ผลต่าง ผล คณู และผลหารของจานวนจริงทอ่ี ยู่ในรูปกรณฑ์ โดยใชส้ มบัติของรากที่ n ของจานวนจรงิ 2 ฟังกช์ ัน เลขยกกาลงั ท่ีมีเลขชี้กาลังเป็นจานวนตรรกยะ 20 20 เป็นเลขยกกาลังทม่ี ีเลขชก้ี าลงั เป็นเศษสว่ น 30 สอบกลำงภำค ค 1.2 ม.5/1 เขียนแทนความสัมพันธ์และฟังก์ชันในรูปต่าง ๆ เชน่ ตาราง สมการ และกราฟได้ รวมระหว่ำงภำค 40 80 ปลำยภำค - 20 รวม 40 100 ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 80:20
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 53 คำอธิบำยรำยวิชำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตรพ์ ้ืนฐำน 3 รหัสวชิ ำ ค32101 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 5 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ศกึ ษา และฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์อนั ได้แก่ การแกป้ ญั หา การให้เหตผุ ล การส่อื สาร การส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตร์และ เชอ่ื มโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตรอ์ นื่ ๆ และมคี วามคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ ในสาระตอ่ ไปน้ี ทาความเขา้ ใจความหมายของ เลขยกกำลงั รากที่ n ของจานวนจริง เมอ่ื n เป็นจานวนนับที่มากกวา่ 1 เลขยกกาลังทีม่ ีเลขช้ีกาลังเปน็ จานวนตรรกยะ ฟงั ก์ชัน ฟังก์ชันและกราฟของฟังกช์ ัน ( ฟงั กช์ ันเชิงเสน้ ฟงั กช์ ันกาลังสอง ฟังกช์ ันขั้นบนั ได ฟังก์ชนั เอกซ์ โพเนนเชยี ล ) โดยจดั ประสบการณ์หรอื สร้างสถานการณ์ในชวี ิตประจาวันทใี่ กลต้ ัวให้ผูเ้ รยี นได้ศึกษาคน้ คว้าโดย การปฏบิ ตั ิจรงิ ทดลอง สรุป รายงาน เพอื่ พฒั นาทักษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแก้ปัญหา การสือ่ สารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การเช่ือมโยง การใหเ้ หตผุ ล และการคิดสร้างสรรค์ การใชส้ อ่ื อปุ กรณ์ เทคโนโลยแี ละแหลง่ ขอ้ มลู และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการทไี่ ด้ ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการเรยี นรู้สงิ่ ต่างๆ ในการดารงชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง อย่างสร้างสรรค์ รวมทั้ง เห็นคุณคา่ และมเี จตคติที่ดตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบระเบียบ มคี วามรอบคอบ มคี วามรับผิดชอบมี วจิ ารณญาณ การวัดและประเมนิ ผล ใช้วธิ กี ารท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงใหส้ อดคลอ้ งกับเนอ้ื หาและ ทักษะท่ตี อ้ งการวดั รหัสตวั ชี้วัด ค 1.1 ม. 5 /1 ค 1.2 ม. 5 /1 รวมทงั้ หมด 2 ตัวชีว้ ัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 54 โครงสรำ้ งรำยวิชำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน 4 รหัสวชิ ำ ค32102 ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ่ี 5 ภำคเรียนที่ 2 จำนวน 1.0 หน่วยกติ เวลำ 40 ชั่วโมง หน่วยที่ ช่ือหนว่ ยกำร มำตรฐำน/ตวั ช้ีวดั สำระสำคญั /ควำมคดิ เวลำ คะแนน เรยี นรู้ รวบยอด (ชวั่ โมง) (100) 1 หลกั กำรนบั ค 3.2 ม.5/1 หลักการบวกและการคูณ 20 50 เบือ้ งต้น การเรียงสับเปลยี่ นเชงิ เสน้ กรณที ่ี ส่งิ ของแตกตา่ งกันทั้งหมด การจดั หม่กู รณีท่ีสิ่งของแตกตา่ งกัน ท้งั หมด 2 ควำมน่ำจะเปน็ ค 3.2 ม.5/2 การทดลองสุ่ม และเหตุการณ์ 20 50 ความนา่ จะเปน็ ของเหตกุ ารณ์ รวม 40 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 55 คำอธิบำยรำยวชิ ำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตร์พ้นื ฐำน 4 รหสั วิชำ ค 32102 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี 5 ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษา และฝกึ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์อนั ไดแ้ ก่ การแกป้ ัญหา การให้เหตผุ ล การสื่อสาร การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชอ่ื มโยงความร้ตู า่ งๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละ เชื่อมโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อน่ื ๆ และมคี วามคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ในสาระต่อไปนี้ ลำดบั และอนกุ รม ลาดบั เลขคณติ ลาดับเรขาคณิต อนุกรมเลขคณติ อนกุ รมเรขาคณิต ดอกเบีย้ และมูลค่ำของเงนิ ดอกเบีย้ มลู ค่าของเงิน คา่ รายงวด โดยจดั ประสบการณห์ รอื สรา้ งสถานการณใ์ นชวี ิตประจาวันที่ใกลต้ ัวให้ผเู้ รยี นได้ศกึ ษาคน้ ควา้ โดย การปฏบิ ัติจริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพอ่ื พฒั นาทกั ษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแก้ปญั หา การสื่อสารและการสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ การเชื่อมโยง การใหเ้ หตุผล และการคิดสรา้ งสรรค์ การใช้ส่ือ อปุ กรณ์ เทคโนโลยีและแหลง่ ข้อมลู และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการทไ่ี ด้ ไปประยกุ ต์ใช้ในการเรยี นรู้ส่ิงต่างๆ ในการดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อย่างสร้างสรรค์ รวมท้งั เห็นคุณค่าและมเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบระเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบมี วิจารณญาณ การวดั และประเมนิ ผล ใชว้ ธิ กี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ใหส้ อดคล้องกบั เนอ้ื หาและ ทกั ษะท่ีตอ้ งการวดั รหัสตัวชี้วดั ค 1.2 ม. 5/2 ค 1.3 ม. 5/1 รวมท้งั หมด 2 ตัวชวี้ ัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 56 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้นื ฐำน 5 รหัสวชิ ำ ค33101 ชัน้ มัธยมศึกษำปีท่ี 6 ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ เวลำ 40 ชั่วโมง หนว่ ย หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก/ ท่ี เรียน กำรเรยี นร้/ู (ชว่ั โมง) สดั ส่วนของ ตัวชีว้ ัด คะแนน 1 ความหมาย ค 3.1 ม. สถิตเิ ป็นศาสตรท์ ่ีว่าด้วยการรวบรวมขอ้ มลู การ 15 25 ของ 6/1 จัดการข้อมลู การวิเคราะห์ขอ้ มลู การแปลความหมาย สถิติศาสตร์ ผลลัพธ์ และการนาเสนอข้อมูลสถิตแิ บ่งเป็น 2 ประเภท และข้อมลู คือ สถิตเิ ชงิ พรรณนา และสถติ ิเชงิ อนมุ าน ข้อมลู เปน็ ข้อเทจ็ จริงเกย่ี วกบั เรื่องใดเร่อื งหนง่ึ ซง่ึ ประเภทของ ขอ้ มลู สามารถจาแนกได้ 2 ประเภท คือ จาแนกข้อมูล ตามวธิ เี กบ็ รวบรวมขอ้ มลู ประกอบด้วยข้อมูลปฐมภมู ิ และข้อมลู ทุตยิ ภูมิ และจาแนกขอ้ มูลตามลักษณะของ ข้อมลู ประกอบดว้ ยข้อมลู เชงิ ปรมิ าณและข้อมูลเชิง คณุ ภาพ ซ่งึ วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูลแบ่งเป็นวิธีเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ิและวธิ เี กบ็ รวบรวมข้อมลู ทุติยภูมิ ซงึ่ สถิติและขอ้ มูลเปน็ เคร่อื งมอื สาคญั ที่ชว่ ยในการ ตัดสนิ ใจและวางแผน รวมทั้งการศึกษาตวั อยา่ งของ กรณหี รือปญั หาทต่ี อ้ งใช้สถติ ิ สอบกลางภาค 20 35 2 การ ค 3.1 ม. การแจกแจงความถ่ีของข้อมูล เป็นวิธีการทางสถิติที่ใช้ใน 25 วิเคราะห์ 6/1 การเรียงลาดับข้อมูลตามความมากน้อย และจัดข้อมูลที่มี และ อยู่ให้เป็นพวกหรือหมวดหมู่ในรูปตารางหรือแผนภาพ นาเสนอ ประกอบด้วยการแจกแจงความถี่ของข้อมูลแบบไม่จัดกลุ่ม ขอ้ มลู เชิง การแจกแจงความถ่ีของข้อมูลแบบจัดกลุ่ม การแจกแจง คณุ ภาพ ความถี่สะสม การแจกแจงความถี่สัมพัทธ์ การแจกแจง ความถ่ีสะสมสัมพัทธ์ และการแจกแจงความถ่ีโดยใช้กราฟ เช่น ฮิสโทแกรม แผนภาพต้น-ใบ ซึ่งจะทาให้เห็นการ กระจายของข้อมูลได้ชัดเจน รวมระหว่ำงภำค 40 80 ปลำยภำค - 20 รวม 40 100 ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 80:20
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 57 คำอธิบำยรำยวิชำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตร์พนื้ ฐำน 5 รหสั วิชำ ค 33101 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ 6 ภำคเรยี นที่ 1 เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศกึ ษา และฝึกทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์อันไดแ้ ก่ การแกป้ ัญหา การให้เหตผุ ล การสือ่ สาร การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชอ่ื มโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตร์และ เชือ่ มโยงคณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ื่นๆ และมีความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ ในสาระต่อไปนี้ ควำมหมำยของสถิติศำสตร์และข้อมูล สถิตศิ าสตร์ คาสาคัญในสถติ ศิ าสตร์ ประเภทของข้อมูล สถติ ิศาสตร์ เชิงพรรณนาและสถติ ิศาสตร์เชงิ อนุมาน กำรวเิ ครำะห์และนำเสนอขอ้ มูลเชงิ คุณภำพ การวเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพด้วยตารางความถ่ี การวเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มูลเชิงคณุ ภาพดว้ ยแผนภาพ โดยจดั ประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชวี ิตประจาวนั ท่ใี กลต้ ัวใหผ้ เู้ รยี นได้ศึกษาคน้ คว้าโดย การปฏบิ ัตจิ รงิ ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพฒั นาทักษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแกป้ ัญหา การส่อื สารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ การเชอื่ มโยง การให้เหตผุ ล และการคดิ สรา้ งสรรค์ การใช้สอื่ อุปกรณ์ เทคโนโลยีและแหลง่ ข้อมูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการทไี่ ด้ ไปประยุกต์ใช้ในการเรยี นร้สู ่ิงต่างๆ ในการดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อย่างสรา้ งสรรค์ รวมทัง้ เห็นคุณคา่ และมเี จตคติท่ดี ีต่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มีความรับผิดชอบมี วิจารณญาณ การวัดและประเมนิ ผล ใชว้ ธิ ีการทหี่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาและ ทักษะที่ตอ้ งการวัด รหสั ตวั ชี้วัด ค 3.1 ม.6/1 รวมทั้งหมด 1 ตวั ชี้วัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 58 โครงสร้ำงรำยวิชำ คณติ ศำสตร์พื้นฐำน 6 รหสั วิชำ ค33102 ช้ันมธั ยมศึกษำปที ี่ 6 ภำคเรียนที่ 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต เวลำ 40 ชั่วโมง หน่วย ชอื่ หนว่ ยกำร มำตรฐำน/ สำระสำคัญ/ควำมคิด เวลำ คะแนน ท่ี เรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด รวบยอด (ชว่ั โมง) (100) 1 กำรวเิ ครำะห์ ค 3.1 การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ ปรมิ าณดว้ ย 40 100 และนำเสนอ ม.6/1 ตารางความถี่ การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอขอ้ มูล ขอ้ มูลเชงิ เชิงปริมาณดว้ ยแผนภาพ ค่าวัดทางสถติ ิ ( คา่ ปรมิ ำณ กลางของข้อมูล ค่าวดั การกระจาย คา่ วัดตาแหนง่ ทีข่ องข้อมลู ) รวม 40 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 59 คำอธบิ ำยรำยวิชำ รำยวิชำคณิตศำสตร์พื้นฐำน 6 รหสั วิชำ ค33102 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษำปีท่ี 6 ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา และฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์อนั ได้แก่ การแกป้ ัญหา การให้เหตผุ ล การสอื่ สาร การสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความรตู้ ่างๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละ เช่ือมโยงคณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ่นื ๆ และมีความคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ ในสาระตอ่ ไปนี้ กำรวเิ ครำะห์และนำเสนอขอ้ มูลเชงิ ปรมิ ำณ การวิเคราะหแ์ ละนาเสนอขอ้ มลู เชิงปรมิ าณดว้ ยตารางความถ่ี การวิเคราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณด้วยแผนภาพ ค่าวดั ทางสถิติ ( คา่ กลางของขอ้ มูล ค่าวดั การกระจาย คา่ วดั ตาแหน่งที่ของข้อมลู ) โดยจัดประสบการณ์หรอื สรา้ งสถานการณใ์ นชีวิตประจาวันทใี่ กลต้ ัวใหผ้ ูเ้ รียนไดศ้ ึกษาค้นคว้าโดย การปฏบิ ัตจิ ริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพฒั นาทกั ษะและกระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การส่ือสารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ การเชือ่ มโยง การให้เหตผุ ล และการคิดสรา้ งสรรค์ การใช้สอ่ื อุปกรณ์ เทคโนโลยแี ละแหล่งข้อมูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทักษะและ กระบวนการท่ีได้ ไปประยุกต์ใชใ้ นการเรยี นรูส้ ่งิ ตา่ งๆ ในการดารงชวี ติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทั้ง เหน็ คุณค่าและมีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบระเบยี บ มีความรอบคอบ มคี วามรบั ผดิ ชอบมี วจิ ารณญาณ การวัดและประเมนิ ผล ใช้วธิ ีการท่ีหลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงใหส้ อดคลอ้ งกบั เนื้อหาและ ทกั ษะท่ีตอ้ งการวดั รหัสตวั ชี้วัด ค 3.1 ม.6/1 รวมท้ังหมด 1 ตวั ชี้วัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 60 โครงสร้ำงรำยวิชำ คณติ ศำสตร์เพิ่มเติม1 รหัสวชิ ำ ค31201 ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 1 จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต เวลำ 80 ช่ัวโมง ลำดับท่ี ชอ่ื หน่วย ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง เวลำ นำ้ หนัก กำรเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน 1 เซต 1 เซต 10 10 - เซต 3 - การดาเนนิ การระหว่างเซต 4 - การแก้ปญั หาโดยใชเ้ ซต 2 2 ตรรกศำสตร์ 2 ตรรกศำสตร์ 35 25 - ประพจน์ 3 - การเช่อื มประพจน์ 5 - การหาค่าความจรงิ ของประพจน์ 2 - การสร้างตารางค่าความจรงิ 2 - รูปแบบของประพจนท์ ี่สมมูลกนั 3 - สัจนริ นั ดร์ 4 - การอา้ งเหตุผล 4 - ประโยคเปิด 2 - ตัวบ่งปรมิ าณ 3 3 - ค่าความจรงิ ของประโยคที่มตี ัวบง่ ปรมิ าณตวั เดยี ว - สมมูลและนเิ สธของประโยคท่ีมีตัว 4 บง่ ปริมาณ 3 จำนวนจริง 3,4,5,6 จำนวนจรงิ 35 25 - จานวนจริง 3 - ระบบจานวนจรงิ 3 - พหุนามตัวแปรเดียว 4 - การแยกตวั ประกอบของพหนุ าม 4 - สมการพหุนามตวั แปรเดียว 3 - เศษสว่ นของพหนุ าม 3 - สมการเศษส่วนของพหุนาม 3 - การไม่เท่ากันของจานวนจริง 2
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 61 ลำดับที่ ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำร สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง เวลำ นำ้ หนกั กำรเรียนรู้ เรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน - อสมการพหุนามตวั แปรเดยี ว - คา่ สัมบรู ณ์ 4 20 - สมการและอสมการค่าสมั บรู ณ์ 2 60 4 20 ของพหนุ ามตัวแปรเดียว 100 ทดสอบกลางภาคเรียน 80 รวมคะแนนระหว่างเรยี น ทดสอบปลายภาค รวม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 62 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตร์เพมิ่ เตมิ 1 รหัสวชิ ำ ค31201 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรียนท่ี 1 เวลำ 80 ช่วั โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษา และฝึกทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรอ์ นั ไดแ้ ก่ การแก้ปญั หา การให้เหตผุ ล การสอ่ื สาร การสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเช่ือมโยงความรตู้ า่ งๆ ทางคณิตศาสตร์และ เช่อื มโยงคณติ ศาสตร์กับศาสตรอ์ ่นื ๆ และมีความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ ในสาระต่อไปนี้ เซต ความร้เู บอื้ งตน้ และสัญลักษณพ์ ้นื ฐานเกีย่ วกบั เซต ยเู นียน อนิ เตอรเ์ ซกชันและคอมพลเี มนต์ของเซต ตรรกศำสตรเ์ บอ้ื งตน้ ประพจน์ และตัวเชอ่ื ม ประโยคทมี่ ีตวั บง่ ปริมาณตัวเดียว การอ้างเหตผุ ล จำนวนจริงและพหุนำม จานวนจรงิ และสมบัตขิ องจานวนจริง คา่ สมั บูรณข์ องจานวนจรงิ และสมบัตขิ องค่าสัมบูรณ์ ของจานวนจรงิ จานวนจรงิ ในรปู กรณฑ์ และจานวนจริงในรปู เลขยกกาลงั ตวั ประกอบของพหุนาม สมการและอสมการพหุ นาม สมการและอสมการเศษส่วนของพหนุ าม สมการและอสมการค่าสัมบรู ณข์ องพหนุ าม โดยจดั ประสบการณห์ รอื สรา้ งสถานการณใ์ นชวี ติ ประจาวันท่ใี กล้ตัวใหผ้ ู้เรยี นได้ศึกษาค้นควา้ โดย การปฏบิ ัตจิ ริง ทดลอง สรุป รายงาน เพอ่ื พฒั นาทักษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแก้ปญั หา การสื่อสารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ การเช่ือมโยง การให้เหตุผล และการคดิ สร้างสรรค์ การใชส้ ่อื อุปกรณ์ เทคโนโลยแี ละแหล่งขอ้ มูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทักษะและ กระบวนการที่ได้ ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการเรยี นรู้สิ่งต่างๆ ในการดารงชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อย่างสร้างสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คุณค่าและมีเจตคตทิ ่ดี ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเปน็ ระบบระเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความรบั ผิดชอบมี วิจารณญาณ การวัดและประเมินผล ใช้วธิ ีการทีห่ ลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ใหส้ อดคล้องกับเนอื้ หาและ ทกั ษะที่ต้องการวดั ผลกำรเรียนรู้ 1. เข้าใจและใช้ความรู้เก่ยี วกับเซต ในการส่ือสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ 2. เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกบั ตรรกศาสตรเ์ บอ้ื งตน้ ในการส่ือสาร ส่อื ความหมาย และอา้ งเหตุผล 3. เขา้ ใจจานวนจริง และใชส้ มบัตขิ องจานวนจรงิ ในการแก้ปัญหา 4. แก้สมการและอสมการพหุนามตัวแปรเดียวดีกรีไม่เกนิ สี่ และนาไปใชใ้ นการแก้ปัญหา 5. แก้สมการและอสมการเศษสว่ นของพหนุ ามตวั แปรเดยี ว และนาไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา 6. แก้สมการและอสมการค่าสมั บูรณข์ องพหุนามตวั แปรเดยี ว และนาไปใช้ในการแก้ปัญหา รวมทง้ั หมด 6 ผลกำรเรียนรู้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 63 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ คณติ ศำสตรเ์ พิม่ เติม 2 รหัสวชิ ำ ค30202 ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 2 จำนวน 2.0 หน่วยกิต เวลำ 80 ช่ัวโมง ช่ือหนว่ ย ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง เวลำ น้ำหนัก ลำดับท่ี กำรเรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ควำมสัมพันธ์ ข้อ 1-2 ควำมสัมพนั ธ์และฟงั ก์ชนั 10 20 และฟังกช์ นั 35 20 - ฟงั ก์ชันและกราฟของฟงั ก์ชัน 35 20 2 ฟงั กช์ ันเอกซ์ ข้อ 3-4 (ฟังกช์ นั เชิงเส้น ฟังก์ชนั กาลงั โพเนนเชยี ล สองฟงั กช์ นั ขนั้ บันได ฟงั กช์ ัน และฟังก์ชัน เอกซ์โพเนนเชียล) ลอกำริทึม ฟงั ก์ชนั เอกซ์โพเนนเชยี ลและ 3 เรขำคณิต ข้อ 5 ฟงั กช์ นั ลอกำรทิ ึม วิเครำะห์ - รากท่ี n ของจานวนจรงิ เม่อื n เปน็ จานวนนับทมี่ ากกวา่ 1 - เลขยกกาลงั ท่ีมีเลขช้ีกาลงั เปน็ จานวนตรรกยะ เรขำคณติ วิเครำะห์ - จดุ และเสนตรง - วงกลม - พาราโบลา - ไฮเพอรโบลา ทดสอบกลางภาคเรียน 80 20 รวมคะแนนระหว่างเรยี น 60 20 ทดสอบปลายภาค 100 รวม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 64 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตร์เพ่มิ เตมิ 2 รหัสวิชำ ค31202 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 80 ชั่วโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษา และฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรอ์ นั ได้แก่ การแกป้ ญั หา การใหเ้ หตุผล การสือ่ สาร การสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชอ่ื มโยงความรูต้ า่ งๆ ทางคณิตศาสตร์และ เช่อื มโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตร์อ่นื ๆ และมีความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ ในสาระต่อไปน้ี ฟงั กช์ ัน ฟังก์ชนั และกราฟ การบวก การลบ การคณู การหารฟงั ก์ชัน ฟังก์ชันประกอบ ฟังก์ชันผกผัน ฟังกช์ นั เอกซ์โพเนนเชยี ลและฟังกช์ ันลอกำริทมึ ฟังกช์ นั เอกซโ์ พเนนเชียล ฟังก์ชันลอการทิ มึ สมการเอกซ์ โพเนนเชียลและสมการลอการิทึม เรขำคณิตวเิ ครำะห์ จุด และเส้นตรง วงกลม พาราโบลา วงรี ไฮเพอรโ์ บลา โดยจดั ประสบการณห์ รือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวนั ท่ใี กล้ตัวใหผ้ ู้เรียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ โดย การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทกั ษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแก้ปัญหา การสอื่ สารและการส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ การเชื่อมโยง การใหเ้ หตผุ ล และการคิดสรา้ งสรรค์ การใช้สือ่ อปุ กรณ์ เทคโนโลยีและแหล่งขอ้ มูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการท่ไี ด้ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในการเรียนรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ ในการดารงชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อย่างสรา้ งสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คุณค่าและมีเจตคติที่ดตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มคี วามรับผิดชอบมี วิจารณญาณ การวดั และประเมนิ ผล ใช้วิธกี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงให้สอดคล้องกบั เนือ้ หาและ ทกั ษะทต่ี ้องการวัด ผลกำรเรยี นรู้ 1. หาผลลพั ธข์ องการบวก การลบ การคูณ การหารฟงั ก์ชันหาฟังก์ชันประกอบและ ฟงั ก์ชนั ผกผนั 2. ใช้สมบัตขิ องฟังกช์ ันในการแกป้ ญั หา 3. เข้าใจลักษณะกราฟของฟังกช์ นั เอกซ์โพเนนเชยี ลและฟังกช์ นั ลอการทิ ึม และนาไปใชใ้ นการแก้ปัญหา 4. แกส้ มการเอกซ์โพเนนเชียลและสมการ ลอการทิ มึ และนาไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา 5. เข้าใจและใช้ความรู้เก่ยี วกับ เรขาคณิตวเิ คราะห์ในการแกป้ ัญหา รวมท้งั หมด 5 ผลกำรเรียนรู้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 65 โครงสรำ้ งรำยวิชำ คณติ ศำสตร์เพิ่มเติม 3 รหัสวชิ ำ ค32201 ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ่ี 5 ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน 2.0 หน่วยกติ เวลำ 80 ช่ัวโมง หน่วย หนว่ ยกำร ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ เวลำ น้ำหนัก/สัดสว่ น ท่ี เรยี น (ชว่ั โมง) ของคะแนน 1 ฟังกช์ ัน ข้อ1 - ข้อ3 •ฟงั ก์ชันตรีโกณมติ ิ ตรโี กณมิติ 20 30 • ฟงั ก์ชันตรีโกณมิตผิ กผัน 2 เมทริกซ์ 20 • เอกลักษณ์และสมการตรโี กณมิติ 30 15 • กฎของโคไซนแ์ ละกฎของไซน์ สอบกลางภาค ข้อ 4- ขอ้ 6 • เมทรกิ ซ์และเมทริกซ์สลบั เปลี่ยน • การบวกเมทรกิ ซ์ การคณู เมทรกิ ซก์ ับ จานวนจรงิ การคูณระหว่างเมทริกซ์ • ดเี ทอร์มิแนนต์ • เมทรกิ ซผ์ กผัน • การแก้ระบบสมการเชงิ เสน้ โดยใช้ เมทริกซ์ 3 เวกเตอร์ ขอ้ 7- ขอ้ 8 • เวกเตอร์ นเิ สธของเวกเตอร์ 30 15 • การบวก การลบเวกเตอร์ การคูณ เวกเตอร์ดว้ ยสเกลาร์ • ผลคูณเชิงสเกลาร์ ผลคูณเชงิ เวกเตอร์ รวมระหวำ่ งภำค 80 80 ปลำยภำค - 20 รวม 80 100 ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 80:20
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 66 คำอธิบำยรำยวชิ ำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตร์เพ่มิ เติม 3 รหัสวชิ ำ ค32201 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษำปีท่ี 5 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษา และฝกึ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์อนั ได้แก่ การแกป้ ญั หา การให้เหตผุ ล การสื่อสาร การสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละ เชอ่ื มโยงคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตร์อ่นื ๆ และมีความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ ในสาระต่อไปนี้ ฟังก์ชันตรีโกณมติ ิ ฟังกช์ ันตรโี กณมติ ิ ฟังกช์ ันตรีโกณมติ ิผกผนั เอกลกั ษณแ์ ละสมการตรีโกณมิติ กฎของ โคไซนแ์ ละไซน์ เมทริกซ์ เมทรกิ ซแ์ ละเมทรกิ ซ์สลับเปลยี่ น การบวกเมทริกซ์ การคูณเมทริกซก์ ับจานวนจริง การคูณระหว่าง เมทรกิ ซ์ ดีเทอร์มิแนนต์ เมทริกซ์ผกผัน การแก้ระบบสมการเชิงเสน้ โดยใช้เมทรกิ ซ์ เวกเตอรใ์ นสำมมติ ิ เวกเตอร์ นเิ สธของเวกเตอร์การบวก การลบเวกเตอร์ การคณู เวกเตอร์ด้วย สเกลาร์ ผลคูณเชิงสเกลาร์ ผลคูณเชิงเวกเตอร์ โดยจัดประสบการณห์ รอื สร้างสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวันทีใ่ กล้ตวั ใหผ้ ูเ้ รียนได้ศกึ ษาคน้ ควา้ โดย การปฏิบตั ิจริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพัฒนาทกั ษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแก้ปญั หา การส่อื สารและการส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ การเช่อื มโยง การให้เหตุผล และการคิดสร้างสรรค์ การใชส้ ่ือ อปุ กรณ์ เทคโนโลยีและแหล่งข้อมูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทักษะและ กระบวนการท่ีได้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรยี นรูส้ ิง่ ต่างๆ ในการดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คณุ คา่ และมีเจตคตทิ ่ดี ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรบั ผิดชอบมี วิจารณญาณ การวดั และประเมินผล ใช้วิธีการท่ีหลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงใหส้ อดคลอ้ งกับเนื้อหาและ ทกั ษะที่ตอ้ งการวดั ผลกำรเรยี นรู้ 1. เข้าใจฟงั ก์ชนั ตรโี กณมติ แิ ละลักษณะกราฟของฟังกช์ นั ตรีโกณมติ ิ และนาไปใช้ ในการแก้ปัญหา 2. แกส้ มการตรีโกณมติ ิ และนาไปใช้ ในการแก้ปญั หา 3. ใชก้ ฎของโคไซนแ์ ละกฎของไซน์ ในการแก้ปัญหา 4. เข้าใจความหมายหาผลลพั ธข์ องการบวก เมทรกิ ซ์ การคณู เมทรกิ ซก์ บั จาานวนจรงิ การคูณระหวา่ งเมท รกิ ซ์ และหาเมทริกซ์สลับเปล่ียน หาดเี ทอร์มแิ นนตข์ องเมทรกิ ซ์ n×n เมอื่ nเปน็ จานวนนบั ที่ไมเ่ กนิ สาม 5. หาเมทริกซผ์ กผันของเมทรกิ ซ์ 2×2 6. แก้ระบบสมการเชงิ เสน้ โดยใช้เมทริกซผ์ กผัน และการดาเนินการตามแถว 7. หาผลลพั ธข์ องการบวก การลบเวกเตอร์ การคณู เวกเตอร์ด้วยสเกลาร์ หาผลคณู เชงิ สเกลาร์และผลคณู เชงิ เวกเตอร์ 8. นาความรู้เกี่ยวกับเวกเตอร์ในสามมติ ไิ ปใช้ ในการแก้ปญั หาได้ รวมทั้งหมด 8 ผลกำรเรยี นรู้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 67 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์เพิ่มเติม 4 รหสั วิชำ ค32202 ช้นั มัธยมศึกษำปีที่ 5 ภำคเรยี นท่ี 2 จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต เวลำ 80 ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ช่อื หนว่ ยกำร ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั /ควำมคิด เวลำ คะแนน เรียนรู้ รวบยอด (ชวั่ โมง) (100) 1 จำนวนเชงิ ซอ้ น 1,2,3 จานวนเชงิ ซอ้ นและสมบัตขิ อง 40 40 จานวนเชงิ ซอ้ น จานวนเชงิ ซ้อนใน รปู เชิงขว้ั รากท่ี n ของจานวน เชงิ ซ้อน เม่อื n เป็นจานวนนบั ที่ มากกว่า 1 สมการพหุนามตวั แปร เดียว 2 หลักกำรนับ 4 หลักการบวกและการคณู การเรยี ง 20 30 เบ้ืองต้น สบั เปล่ยี น การเรียงสบั เปลี่ยนเชิง เสน้ การเรียงสับเปล่ียนเชิง วงกลมกรณที ่ี ส่ิงของแตกต่างกัน ท้ังหมด การจัดหมูก่ รณีทส่ี ิ่งของ แตกต่างกนั ท้งั หมด ทฤษฎีบททวิ นาม 3 ควำมนำ่ จะเป็น 5 การทดลองสมุ่ และเหตกุ ารณ์ 20 30 ความน่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณ์ รวม 80 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 68 คำอธิบำยรำยวิชำ รำยวิชำคณิตศำสตรเ์ พ่มิ เตมิ 4 รหัสวิชำ ค32202 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 5 ภำคเรยี นท่ี 2 เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษา และฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์อันไดแ้ ก่ การแกป้ ญั หา การใหเ้ หตุผล การส่ือสาร การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความร้ตู ่างๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละ เช่ือมโยงคณิตศาสตรก์ บั ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และมคี วามคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ ในสาระตอ่ ไปน้ี จำนวนเชงิ ซอ้ น จานวนเชงิ ซ้อนและสมบตั ขิ องจานวนเชงิ ซอ้ น จานวนเชงิ ซ้อนในรูปเชงิ ขว้ั รากท่ี n ของ จานวนเชงิ ซอ้ น เมอื่ n เปน็ จานวนนบั ทีม่ ากกว่า 1 สมการพหนุ ามตัวแปรเดียว หลกั กำรนบั เบอ้ื งตน้ หลกั การบวกและการคูณ การเรียงสับเปลยี่ น การเรยี งสบั เปล่ยี นเชิงเส้น การเรยี ง สบั เปล่ียนเชิงวงกลมกรณที ี่ สง่ิ ของแตกต่างกนั ท้งั หมด การจดั หมู่กรณีที่ส่ิงของแตกต่างกนั ท้งั หมด ทฤษฎีบททวนิ าม ควำมนำ่ จะเปน็ การทดลองสุ่มและเหตกุ ารณ์ ความนา่ จะเป็นของเหตุการณ์ โดยจดั ประสบการณห์ รอื สรา้ งสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวนั ทใี่ กลต้ ัวให้ผู้เรยี นไดศ้ ึกษาค้นคว้าโดย การปฏบิ ัติจริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพ่อื พัฒนาทกั ษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแกป้ ัญหา การสอ่ื สารและการส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ การเชอื่ มโยง การให้เหตผุ ล และการคิดสร้างสรรค์ การใช้สอื่ อปุ กรณ์ เทคโนโลยีและแหลง่ ข้อมูล และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทักษะและ กระบวนการท่ไี ด้ ไปประยุกตใ์ ช้ในการเรยี นรู้สิ่งต่างๆ ในการดารงชวี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทง้ั เหน็ คุณค่าและมเี จตคติท่ดี ีตอ่ คณิตศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มคี วามรับผดิ ชอบมี วิจารณญาณ อย่างเป็นระบบระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบมีวิจารณญาณ และมีความเชอ่ื ม่นั ในตนเอง การวดั และประเมนิ ผล ใชว้ ธิ กี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคลอ้ งกับเนอื้ หาและ ทกั ษะท่ีตอ้ งการวดั ผลกำรเรียนรู้ 1. เขา้ ใจจานวนเชิงซอ้ นและใช้สมบัติของ จานวนเชิงซ้อนในการแก้ปญั หา 2. หารากท่ี n ของจานวนเชงิ ซอ้ น เม่ือ n เปน็ จานวนนับทม่ี ากกว่า 1 3. แกส้ มการพหนุ ามตัวแปรเดยี วดีกรีไมเ่ กนิ ส่ี ท่มี ีสัมประสิทธเ์ิ ปน็ จานวนเต็มและนาไปใช้ ในการแก้ปัญหา 4. เข้าใจและใช้หลกั การบวกและการคูณ การเรียงสับเปลย่ี นและการจัดหมู่ ในการแก้ปัญหา 5. หาความน่าจะเป็นและนาความรู้เกยี่ วกับ ความน่าจะเปน็ ไปใช้ รวมทั้งหมด 5 ผลกำรเรียนรู้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 69 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์เพมิ่ เตมิ 5 รหสั วิชำ ค33201 ชั้นมธั ยมศึกษำปที ี่ 6 ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน 2.0 หนว่ ยกิต เวลำ 80 ช่ัวโมง ชอ่ื หนว่ ย ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง เวลำ น้ำหนัก ลำดับที่ (ชว่ั โมง) คะแนน กำรเรียนรู้ 1 ลำดับและ ข้อ 1-4 ลำดบั และอนกุ รม 30 25 อนกุ รม - ลาดบั เลขคณิตและลาดบั เรขาคณิต - อนกุ รมเลขคณติ และอนุกรม เรขาคณิต - ดอกเบยี้ - มูลคา่ ของเงนิ - คารายงวด 2 แคลคูลสั ขอ้ 5-7 ตรรกศำสตร์ 50 35 เบ้ืองตน้ - ลิมิตและความต่อเนื่องของ ฟงกชนั - อนพุ นั ธข์ องฟงั กช์ ันพชี คณิต - ปริพนั ธข์ องฟงั กช์ ันพีชคณติ ทดสอบกลางภาคเรยี น 80 20 รวมคะแนนระหว่างเรยี น 60 20 ทดสอบปลายภาค 100 รวม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 70 คำอธบิ ำยรำยวิชำ รำยวชิ ำคณติ ศำสตร์เพิ่มเตมิ 5 รหัสวชิ ำ ค33201 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 6 ภำคเรยี นที่ 1 เวลำ 80 ชั่วโมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ ศึกษา และฝกึ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์อันได้แก่ การแก้ปญั หา การให้เหตุผล การส่ือสาร การสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชอ่ื มโยงความร้ตู า่ งๆ ทางคณิตศาสตร์และ เช่ือมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตรอ์ ่ืนๆ และมีความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ ในสาระตอ่ ไปน้ี ลำดับและอนกุ รม ลาดับ ลิมิตของลาดบั อนนั ต์ อนกุ รม สัญลักษณ์แสดงการบวก การประยุกต์ของลาดับ และอนุกรม แคลคูลัสเบื้องต้น ลิมติ ของฟังกช์ นั ความตอ่ เนื่องของฟังกช์ ัน อนพุ นั ธ์ของฟงั ก์ชนั การหาอนุพันธข์ องฟงั ก์ชัน โดยใช้สูตร อนพุ นั ธ์ของฟงั ก์ชันของประกอบ เสน้ สัมผัสเส้นโคง้ อนุพนั ธ์อันดับสูง การประยกุ ตข์ องอนพุ ันธ์ ปฏยิ านุ พนั ธแ์ ละปรพิ นั ธไ์ มจ่ ากดั เขต ปริพนั ธจ์ ากดั เขต พ้นื ทท่ี ่ีปิดลอ้ มด้วยเส้นโค้ง โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณใ์ นชวี ติ ประจาวนั ทีใ่ กลต้ วั ให้ผู้เรียนไดศ้ กึ ษาคน้ คว้าโดย การปฏิบัตจิ ริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพือ่ พัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ัญหา การสือ่ สารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ การเช่ือมโยง การให้เหตุผล และการคิดสร้างสรรค์ การใช้สื่อ อุปกรณ์ เทคโนโลยีและแหลง่ ข้อมลู และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการท่ไี ด้ ไปประยกุ ต์ใช้ในการเรยี นรสู้ ิ่งตา่ งๆ ในการดารงชวี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมทง้ั เห็นคณุ ค่าและมเี จตคตทิ ีด่ ตี อ่ คณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบมี วจิ ารณญาณ การวัดและประเมนิ ผล ใชว้ ิธกี ารท่ีหลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ใหส้ อดคล้องกับเนอ้ื หาและ ทกั ษะท่ีตอ้ งการวัด ผลกำรเรยี นรู้ 1. ระบไุ ด้วา่ ลาดับทกี่ าหนดใหเ้ ป็นลาดับลู่เขา้ หรือลู่ออก 2. หาผลบวก n พจนแ์ รกของอนกุ รมเลขคณิต และอนกุ รมเรขาคณติ 3. หาผลบวกอนกุ รมอนนั ต์ 4. เขา้ ใจและนาความร้เู กย่ี วกบั ลาดบั และอนุกรม ไปใช้ 5. ตรวจสอบความตอ่ เนอ่ื งของฟังกช์ นั ท่ีกาหนดให้ 6. หาอนพุ ันธ์ของฟงั กช์ ันพีชคณติ ทีก่ าหนดให้ และนาไปใชแ้ ก้ปญั หา 7. หาปรพิ ันธไ์ ม่จากดั เขตและจากดั เขตของ ฟงั กช์ ันพีชคณิตทก่ี าหนดให้และนาไปใช้ แก้ปญั หา รวมทงั้ หมด 7 ผลกำรเรียนรู้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 71 โครงสรำ้ งรำยวิชำ คณติ ศำสตรเ์ พิ่มเติม 6 รหัสวชิ ำ 33202 ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 6 ภำคเรียนที่ 2 จำนวน 2.0 หน่วยกิต เวลำ 80 ช่วั โมง หน่วย ชอ่ื หนว่ ยกำร ผลกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ เวลำ คะแนน ท่ี เรียนรู้ รวบยอด (ชั่วโมง) (100) 15 1 ควำมหมำยของ 1 สถิติศาสตร์ คาสาคญั ในสถิติศาสตร์ 10 20 สถติ ิศำสตร์และ ประเภทของข้อมูล สถิตศิ าสตรเ์ ชิง 15 ข้อมลู พรรณนาและสถิตศิ าสตรเ์ ชงิ อนุมาน 30 25 2 กำรวเิ ครำะหแ์ ละ 1 การวิเคราะห์และนาเสนอข้อมูลเชิง 35 30 นำเสนอข้อมลู เชิง คณุ ภาพดว้ ยตารางความถี่ การ คณุ ภำพ วเิ คราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชิง คุณภาพด้วยแผนภาพ 3 กำรวเิ ครำะหแ์ ละ 1 การวิเคราะหแ์ ละนาเสนอข้อมูลเชิง นำเสนอข้อมูลเชิง ปริมาณด้วยตารางความถ่ี การ ปรมิ ำณ วิเคราะห์และนาเสนอขอ้ มลู เชิงปรมิ าณ ดว้ ยแผนภาพ ค่าวดั ทางสถติ ิ 4 ตวั แปรสุ่มและกำร 2 การแจกแจงเอกรูป การแจกแจงทวิ แจกแจงควำม นาม การแจกแจงปกติ นำ่ จะเป็น รวม 80 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 72 รำยวิชำคณิตศำสตร์เพิม่ เตมิ 6 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ชนั้ มัธยมศึกษำปีท่ี 6 รหัสวิชำ ค33202 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 80 ช่ัวโมง จำนวน 2.0 หน่วยกติ ศึกษา และฝึกทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์อนั ได้แก่ การแกป้ ญั หา การใหเ้ หตุผล การส่ือสาร การส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชอ่ื มโยงความรตู้ ่างๆ ทางคณิตศาสตร์และ เชอ่ื มโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ และมีความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ ในสาระต่อไปนี้ ควำมหมำยของสถิตศิ ำสตรแ์ ละขอ้ มูล สถิติศาสตร์ คาสาคัญในสถติ ิศาสตร์ ประเภทของขอ้ มลู สถิติศาสตร์ เชิงพรรณนาและสถิตศิ าสตรเ์ ชงิ อนมุ าน กำรวิเครำะหแ์ ละนำเสนอขอ้ มลู เชิงคณุ ภำพ การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมูลเชิงคณุ ภาพด้วยตารางความถ่ี การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ คุณภาพดว้ ยแผนภาพ กำรวเิ ครำะหแ์ ละนำเสนอขอ้ มูลเชิงปริมำณ การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ ปรมิ าณดว้ ยตารางความถ่ี การวเิ คราะหแ์ ละนาเสนอข้อมลู เชงิ ปริมาณดว้ ยแผนภาพ คา่ วดั ทางสถิติ ( ค่ากลางของขอ้ มลู ค่าวดั การกระจาย คา่ วดั ตาแหนง่ ทีข่ องขอ้ มูล) ตัวแปรส่มุ และกำรแจกแจงควำมน่ำจะเปน็ ความหมายและชนิดของตวั แปรสุ่ม การแจกแจงความน่าจะเป็น ของตวั แปรสมุ่ ไมต่ ่อเนือ่ ง การแจกแจงความน่าจะเปน็ ของตัวแปรสุ่มต่อเนื่อง โดยจดั ประสบการณห์ รอื สร้างสถานการณใ์ นชีวิตประจาวนั ที่ใกลต้ วั ใหผ้ ู้เรยี นไดศ้ กึ ษาคน้ คว้าโดย การปฏิบัติจรงิ ทดลอง สรปุ รายงาน เพอ่ื พัฒนาทักษะและกระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ัญหา การสือ่ สารและการสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ การเชอื่ มโยง การให้เหตผุ ล และการคดิ สร้างสรรค์ การใช้สื่อ อปุ กรณ์ เทคโนโลยแี ละแหลง่ ขอ้ มลู และนาประประสบการณ์ ตลอดจนทกั ษะและ กระบวนการทไี่ ด้ ไปประยุกตใ์ ช้ในการเรยี นรูส้ ง่ิ ตา่ งๆ ในการดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมทง้ั เห็นคณุ คา่ และมีเจตคตทิ ่ดี ตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเปน็ ระบบระเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบมี วจิ ารณญาณ การวดั และประเมินผล ใช้วิธกี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคล้องกบั เนอ้ื หาและ ทกั ษะทีต่ อ้ งการวดั ผลกำรเรียนรู้ 1. เข้าใจและใช้ความร้ทู างสถติ ิในการนาเสนอข้อมูล และแปลความหมายของคา่ สถติ ิเพ่อื ประกอบการ ตัดสินใจ 2. หาความน่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณท์ ีเ่ กิด จากตวั แปรสุม่ ทมี่ กี ารแจกแจงเอกรปู การแจกแจงทวินาม และ การแจกแจงปกติ และนาไปใช้ในการแกป้ ัญหา รวมทัง้ หมด 2 ผลการเรียนรู้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 73 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดับมธั ยมศกึ ษำตอนตน้ รำยวิชำพืน้ ฐำน วทิ ยาศาสตร์1 จานวน ๖๐ ช่ัวโมง ๑.๕ หน่วยกติ วิทยาศาสตร์2 จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกติ รหสั วิชา ว๒๑๑๐๑ วิทยาการคานวณ ๑ จานวน ๒๐ ชัว่ โมง ๐.๕ หน่วยกิต รหัสวชิ า ว๒๑๑๐๒ รหสั วิชา ว๒๑๑๐๓ การออกแบบและเทคโนโลยี ๑ จานวน ๒๐ ชว่ั โมง ๐.๕ หนว่ ยกิต วิทยาศาสตร3์ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกิต รหัสวิชา ว๒๑๑๐๔ รหสั วชิ า ว๒๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์4 จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกติ วิทยาการคานวณ ๒ จานวน ๒๐ ชว่ั โมง ๐.๕ หนว่ ยกิต รหัสวิชา ว๒๒๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยี2 จานวน ๒๐ ชั่วโมง ๐.๕ หน่วยกิต รหัสวชิ า ว๒๒๑๐๓ รหสั วิชา ว๒๒๑๐๔ วิทยาศาสตร์5 จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกิต วิทยาศาสตร6์ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกติ รหสั วิชา ว๒๓๑๐๑ รหัสวชิ า ว๒๓๑๐๒ วทิ ยาการคานวณ ๓ จานวน ๒๐ ชั่วโมง ๐.๕ หน่วยกิต การออกแบบและเทคโนโลยี ๓ จานวน ๒๐ ชว่ั โมง ๐.๕ หน่วยกติ รหสั วชิ า ว๒๓๑๐๓ รหสั วิชา ว๒๓๑๐๔ รำยวิชำเพ่ิมเตมิ พฤษศาสตร์ในทอ้ งถน่ิ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกิต รหัสวิชา ว๒๑๒๐๑ สนกุ กบั โครงงานวิทยาศาสตร์ ของเลน่ เชงิ วทิ ยาศาสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกติ รหสั วิชา ว๒๑๒๐๒ สเตม็ ศึกษา จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกติ รหสั วชิ า ว๒๒๒๐๑ สารเคมีในชีวติ ประจาวนั จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ รหัสวิชา ว๒๒๒๐๒ พลังงานทดแทนกับการใช้ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต รหสั วชิ า ว๒๓๒๐๑ ประโยชน์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หนว่ ยกิต รหสั วชิ า ว๒๓๒๐๒
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 74 คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำน รำยวชิ ำ วิทยำศำสตร์๑ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว๒๑๑๐๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี ๑ เวลำ ๖๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษาวเิ คราะห์ การจาแนกสาร ธาตุโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ ธาตุกมั มันตรังสี สารบริสทุ ธ์ิและสารผสม ธาตุ และสารประกอบ โครงสรา้ งอะตอม เซลล์และส่วนประกอบของเซลล์ โครงสร้างและหน้าทีข่ องเซลลพ์ ืช การสรา้ ง อาหารของพืช การลาเลียงอาหารของพืช การเจรญิ เตบิ โตและการตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ การสืบพันธ์ขุ องพชื เทคโนโลยีชีวภาพเกย่ี วข้องกบั พชื โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบคน้ ข้อมูล การสังเกต วเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรปุ เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ มีทกั ษะปฏิบตั ิการทาง วิทยาศาสตร์ รวมท้งั ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี ๒๑ ในด้านการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการคดิ และการ แกป้ ัญหา ด้านการส่ือสาร สามารถสื่อสารส่ิงทเี่ รียนร้แู ละนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ของตนเอง มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม ตัวชวี้ ดั ว ๑.๒ ม. ๑/๑-๑๘ ว ๒.๑ ม. ๑/๑-๘ รวมท้ังหมด ๒๖ ตัวชี้วดั
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 75 โครงสร้ำงรำยวชิ ำพื้นฐำน รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์๑ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว๒๑๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๑ เวลำ ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ลำดบั ช่อื หนว่ ย รหสั มำตรฐำน/ สำระสำคญั เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด (สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง) (ชว่ั โมง) ๑ สารบรสิ ทุ ธ์ิ ว ๒.๑ ม. ๑/๑-๘ ธาตโุ ลหะ อโลหะ ๒๐ ๑๕ ก่ึงโลหะ ธาตกุ มั มนั ตรังสี สารบริสทุ ธิ์ สารผสม ธาตแุ ละสารประกอบ โครงสร้างอะตอม ๒ หนว่ ยพืน้ ฐานของ ว ๑.๒ ม. ๑/๑-๔ รปู ร่างของเซลล์ ๒๐ ๑๐ สง่ิ มีชวี ติ ส่วนประกอบและหนา้ ท่ี ของเซลล์ ๓ การดารงชีวิตของพืช ว ๑.๒ ม. ๑/๕-๑๘ กระบวนการแพรแ่ ละ ๒๐ ๒๕ ออสโมซสิ กระบวนการสงั เคราะห์ ด้วยแสง การลาเลยี งน้าและ แร่ ธาตขุ องพชื การลาเลียงอาหารของ พชื การสบื พันธุข์ องพชื การตอบสนองตอ่ สิ่งเร้า เทคโนโลยีชีวภาพ กลำงภำค ๒๐ ปลำยภำค ๓๐ ๖๐ ๑๐๐ รวม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 76 คำอธบิ ำยรำยวิชำพนื้ ฐำน รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์2 กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว๒๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี ๑ เวลำ ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษาวเิ คราะห์ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ การเปลย่ี นสถานะของสาร การคานวณปริมาณความร้อน การใช้ เทอรม์ อมเิ ตอร์ การถา่ ยโอนความร้อน บรรยากาศ ความดันอากาศ ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ การพยากรณอ์ ากาศ และผลกระทบการเปลีย่ นแปลงภูมิอากาศของโลก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การ สบื ค้นข้อมลู การสังเกต วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ อธิบาย อภปิ ราย และสรุป เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตดั สนิ ใจ มีทกั ษะปฏิบัตกิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ รวมทงั้ ทักษะการเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี ๒๑ ในด้านการ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ดา้ นการคิดและการแก้ปัญหา ดา้ นการสอ่ื สาร สามารถส่ือสารสง่ิ ทเี่ รยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใชใ้ น ชวี ติ ของตนเอง มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม ตวั ช้วี ัด ว ๒.๑ ม. ๑/๙-๑๐ ว ๒.๒ ม. ๑/๑ ว ๒.๓ ม. ๑/๑-๗ ว ๓.๒ ม. ๑/๑-๗ รวมทั้งหมด ๑๗ ตวั ช้ีวัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 77 โครงสร้ำงรำยวชิ ำพนื้ ฐำน รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์2 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ ำ ว๒๑๑๐๒ ชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี ๑ เวลำ ๖๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ลำดับ ช่ือหนว่ ย รหสั มำตรฐำน/ สำระสำคัญ เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด (สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง) (ช่ัวโมง) ๑๐ ๑ สถานะของสาร ๑๕ ว ๒.๑ ม. ๑/๙-๑๐ ของแขง็ ของเหลว แกส๊ ๑๒ ๒๕ ๒ พลงั งานความรอ้ น การเปลย่ี นสถานะของ ๑๘ ว ๒.๓ ม. ๑/๑-๗ สาร ๓๐ ๒๐ ๓ บรรยากาศ ๓๐ ว ๒.๒ ม. ๑/๑ ปริมาณความรอ้ น ๖๐ ๑๐๐ ว ๓.๒ ม. ๑/๑-๗ เทอร์มอมเิ ตอร์ การถ่ายโอนความร้อน กลำงภำค ปลำยภำค บรรยากาศ ความดันอากาศ รวม ปรากฏการณ์ลมฟา้ อากาศ การพยากรณอ์ ากาศ การเปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศ ของโลก
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 78 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน รำยวชิ ำ วทิ ยำกำรคำนวณ ๑ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว๒๑๑03 ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๑ เวลำ ๒๐ ชวั่ โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลือกคุณลักษณะท่ีจาเปนตอการแกปญหา ขน้ั ตอนการแกปญหา การเขียน รหัสจาลองและผังงาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอยางงายที่มี การใชงานตัวแปร เง่ือนไข และการวนซ้า เพอ่ื แกปญหาทางคณติ ศาสตรหรอื วิทยาศาสตร การรวบรวมขอมลู ปฐมภมู ิ การประมวลผลขอมลู การสรา งทางเลือกและประเมินผลเพื่อตัดสินใจ ซอฟตแวรและบรกิ ารบนอนิ เทอรเนต็ ที่ใชในการจัดการขอมูล แนวทางการใช งานเทคโนโลยีสารสนเทศใหปลอดภัย การจดั การอัตลักษณ การพิจารณาความเหมาะสมของเนือ้ หา ขอตก ลงและขอกาหนดการใชสื่อและแหลงขอมูล นาแนวคิดเชิงนามธรรมและขน้ั ตอนการแกปญหา ไปประยกุ ตใชในการเขียนโปรแกรม หรือการแก้ ป ญหาในชีวิตจริง รวบรวมขอมูลและสรางทางเลือก ในการตัดสินใจไดอยางมีประสิทธิภาพและตระหนักถึงการใชงาน เทคโนโลยีสารสนเทศอยางปลอดภยั เกิดประโยชนตอการเรียนรู และไมสรางความเสยี หายใหแกผอู ื่น ตัวช้วี ัด ว ๔.๒ ม. ๑/๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓ ม. ๑/๔ รวมท้งั หมด ๔ ตวั ช้ีวัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 79 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำพ้นื ฐำน รำยวิชำ วิทยำกำรคำนวณ ๑ กลมุ่ สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ ำ ว๒๑๑03 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๑ เวลำ ๒๐ ชั่วโมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ลำดบั ชื่อหน่วย รหสั มำตรฐำน/ สำระสำคัญ เวลำ คะแนน (สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง) (ช่วั โมง) ๑๐ ท่ี กำรเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัด ออกแบบอัลกอรทิ ึมที่ใช้แนวคิด ๔ ๓๐ ๑ การออกแบบและการ ว ๔.๒ ม.๑/๑ เชงิ นามธรรมเพอ่ื แก้ปัญหาหรือ ๑๐ อธิบายการทางานทีพ่ บในชวี ิต ๘ เขียนอัลกอรทิ ึม จริง ๑๐ ๔ ๒๐ ๒ การออกแบบและการ ว ๔.๒ ม.๑/๒ ออกแบบและเขียนโปรแกรม ๒๐ เขียนโปรแกรม อย่างง่าย เพอื่ แก้ปญั หาทาง ๒ ๑๐๐ เบื้องตน้ คณติ ศาสตร์หรือวทิ ยาศาสตร์ ๑ ๓ การจัดการขอ้ มูล ว ๔.๒ ม.๑/๓ รวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ ๑ สารสนเทศ ประมวลผล ประเมนิ ผล ๒๐ นาเสนอข้อมูล และสารสนเทศ ๔ การใชเ้ ทคโนโลยี ว ๔.๒ ม.๑/๔ ตามวัตถปุ ระสงคโ์ ดยใช้ สารสนเทศอยา่ ง ซอฟตแ์ วร์ หรือบริการบน ปลอดภยั กลำงภำค อินเทอร์เน็ตทห่ี ลากหลาย ปลำยภำค ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง รวม ปลอดภยั ใชส้ ่อื และแหลง่ ขอ้ มูล ตามขอ้ กาหนดและข้อตกลง
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 80 คำอธบิ ำยรำยวิชำพน้ื ฐำน รำยวชิ ำ กำรออกแบบและเทคโนโลยี ๑ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ ำ ว๒๑๑04 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๑ เวลำ ๒๐ ชัว่ โมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษา อธบิ ายความหมายของเทคโนโลยี วเิ คราะหส์ าเหตหุ รือปัจจัยท่สี ่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี การทางานของระบบทางเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบและเลือก ข้อมูลท่ีจาเป็นเพ่ือออกแบบวิธีการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันในด้านการเกษตรและ อาหาร และสร้างช้ินงานหรือ พัฒนาวิธกี ารโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทงั้ เลอื กใช้วสั ดุ อุปกรณ์ เครือ่ งมือในการแก้ปญั หาได้อย่าง ถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย ตัวชว้ี ัด ว ๔.๑ ม. ๑/๑ ม. ๑/๒ ม. ๑/๓ ม. ๑/๔ ม. ๑/๕ รวมทง้ั หมด ๕ ตัวชี้วัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 81 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำพืน้ ฐำน รำยวชิ ำ กำรออกแบบและเทคโนโลยี ๑ กลุม่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว๒๑๑๑04 ช้ันมธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๑ เวลำ ๒๐ ชวั่ โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกิต ลำดับ ชื่อหน่วย รหสั มำตรฐำน/ สำระสำคญั เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู้ (ชวั่ โมง) ๒๐ ๑ เทคโนโลยกี บั ตัวช้ีวัด (สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง) ๒๐ มนุษย์ ๗ ๒ กระบวนการ ว ๔.๑ ม.๑/๑ แนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีใน ๒๐ เทคโนโลยี ๗ ๒๐ ชวี ิตประจาวนั สาเหตหุ รือปจั จัยที่ ๒๐ ๓ ผลงานออกแบบ ๔ ๑๐๐ และเทคโนโลยี ส่งผลตอ่ การเปล่ียนแปลงของ ๑ เทคโนโลยี ๑ ๒๐ ว ๔.๑ ม.๑/๒-๔ ระบุปญั หาหรอื ความตอ้ งการใน ชวี ิตประจาวัน รวบรวม วเิ คราะห์ ข้อมูลและแนวคดิ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับ ปญั หา ออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หา โดยวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ และ ตดั สินใจเลือกขอ้ มูลทจ่ี าเปน็ นาเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาให้ ผู้อนื่ เข้าใจ วางแผนและดาเนนิ การ แกป้ ัญหา ทดสอบ ประเมนิ ผล และ ระบุข้อบกพร่องทเ่ี กิดข้นึ พรอ้ มทัง้ หาแนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ขและ นาเสนอผลการแก้ปัญหา ว ๔.๑ ม.๑/๕ ความรู้และทักษะเก่ียวกับวสั ดุ อุปกรณ์ เครือ่ งมือ กลไก ไฟฟ้า หรอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพ่อื แกป้ ัญหาไดอ้ ย่าง ถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภยั กลำงภำค ปลำยภำค รวม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 82 คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำน รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์3 กลุม่ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว22101 ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ 2 เวลำ 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ *************************************************************************** ศกึ ษา ทดลอง วเิ คราะห์ และอธิบายธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ศึกษา ทดลอง วเิ คราะห์ และอธิบายเกี่ยวกับ สารละลาย องค์ประกอบของสารละลาย สภาพละลายได้และปัจจัยที่มีผลต่อสภาพละลายได้ ความเข้มข้นของ สารละลาย การใช้สารละลายในชวี ติ ประจาวนั อธิบายโครงสรา้ งและการทางานของระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหายใจ ระบบขบั ถ่าย ระบบประสาท ระบบสืบพันธข์ุ องมนษุ ย์และสตั ว์ รวมท้งั อธบิ ายความสมั พันธข์ องระบบตา่ งๆ ของมนษุ ย์ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ศึกษาหลกั การ การเคลื่อนท่ี ตาแหน่งของวัตถุ ระยะทาง การกระจัด อตั ราเร็ว ความเร็ว และแรงใน ชวี ิตประจาวัน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล และการ อภิปรายเพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถสอื่ สารสง่ิ ที่เรียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่า ของการนาความรูไ้ ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม ตัวชี้วดั ว 1.2ม.2/1 ระบุอวัยวะและบรรยายหนา้ ที่ของอวยั วะทเี่ กี่ยวขอ้ งในระบบหายใจ ว 1.2ม.2/2 อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดยใช้แบบจาลอง รวมทง้ั อธบิ ายกระบวนการแลกเปล่ียนแก๊ส ว 1.2ม.2/3 ตระหนักถึงความสาคญั ของระบบหายใจโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจให้ ทางานเปน็ ปกติ ว 1.2ม.2/4 ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าทขี่ องอวยั วะในระบบขบั ถา่ ยในการกาจัดของเสยี ทางไต ว 1.2ม.2/5 ตระหนักถึงความสาคัญของระบบขบั ถา่ ยในการกาจัดของเสียทางไตโดยการบอกแนวทางในการปฏิบัติตน ท่ีช่วยให้ระบบขับถา่ ยทาหน้าท่ีได้อยา่ งปกติ ว 1.2ม.2/6 บรรยายโครงสร้างและหน้าทข่ี องหัวใจ หลอดเลือด และเลือด ว 1.2ม.2/7 อธิบายการทางานของระบบหมนุ เวยี นเลอื ดโดยใช้แบบจาลอง ว 1.2ม.2/8 ออกแบบการทดลองและทดลองในการเปรียบเทียบอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ ขณะปกตแิ ละหลังทากจิ กรรม ว 1.2ม.2/9 ตระหนักถงึ ความสาคัญของระบบหมุนเวียนเลือด โดยการบอกแนวทางในการดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบ หมุนเวยี นเลอื ดใหท้ างานเปน็ ปกติ ว 1.2ม.2/10 ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าท่ีของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุมการทางานต่าง ๆ ของร่างกาย ว 1.2ม.2/11 ตระหนักถึงความสาคญั ของระบบประสาทโดยการบอกแนวทางในการดูแลรกั ษา รวมถึงการปอ้ งกนั การ กระทบกระเทือนและอนั ตรายตอ่ สมองและไขสนั หลัง ว 1.2ม.2/12 ระบอุ วยั วะและบรรยายหน้าที่ของอวยั วะในระบบสืบพันธ์ุของเพศชายและเพศหญงิ โดยใช้แบบจาลอง ว 1.2ม.2/13 อธบิ ายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงท่ีควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เม่ือเข้าสวู่ ยั หน่มุ สาว ว 1.2ม.2/14 ตระหนกั ถึงการเปลย่ี นแปลงของร่างกายเมื่อเข้าส่วู ัยหนมุ่ สาว โดยการดแู ลรักษาร่างกายและจติ ใจของ ตนเองในชว่ งท่มี กี ารเปลีย่ นแปลง ว 1.2ม.2/ 15 อธิบายการตกไข่ การมปี ระจาเดอื นการปฏสิ นธิ และการพฒั นาของไซโกต จนคลอดเปน็ ทารก ว 1.2ม.2/16 เลือกวธิ กี ารคุมกาเนดิ ทเ่ี หมาะสมกับสถานการณ์ท่ีกาหนด ว 1.2ม.2/17 ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการต้งั ครรภ์ก่อนวยั อนั ควร โดยการประพฤติตนให้เหมาะสม
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 83 ว 2.1ม.2/4 ออกแบบการทดลองและทดลองในการอธิบายผลของชนิดตัวละลายชนิดตัวทาละลาย อุณหภูมิที่มตี ่อสภาพละลายได้ของ สาร รวมทงั้ อธิบายผลของความดนั ท่มี ตี ่อสภาพละลายได้ของสาร โดยใช้สารสนเทศ ว 2.1ม.2/5 ระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละปริมาตรต่อปริมาตร มวลต่อมวล และมวลต่อปรมิ าตร ว 2.1ม.2/6 ตระหนักถึงความสาคัญของการนาความรู้เร่ือง ความเข้มข้นของสารไปใช้ โดยยกตัวอย่างการใช้ สารละลายในชวี ติ ประจาวนั อย่างถูกตอ้ งและปลอดภยั ว 2.1ม.2/1 พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุท่ีเป็นผลของแรงลัพธ์ท่ีเกิดจากแรงหลายแรงที่กระทาต่อวัตถุในแนว เดยี วกันจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.2ม.2/2 เขยี นแผนภาพแสดงแรงและแรงลพั ธท์ เี่ กิดจากแรงหลายแรงทีก่ ระทาตอ่ วตั ถใุ นแนวเดยี วกัน ว 2.2ม.2/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธที ี่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยทมี่ ีผลต่อความดันของของเหลว ว 2.2ม.2/4 วเิ คราะหแ์ รงพยงุ และการจมการลอยของวตั ถุในของเหลวจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 2.2ม.2/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทาต่อวัตถใุ นของเหลว ว 2.2ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยท่มี ีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน ว 2.2ม.2/8เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงอื่น ๆ ท่ีกระทาต่อวตั ถุ ว 2.2ม.2/9 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรเู้ รื่องแรงเสียดทานโดยวิเคราะห์สถานการณป์ ัญหาและเสนอแนะวิธีการ ลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ การทากจิ กรรมในชีวิตประจาวัน ว 2.2ม.2/10 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายโมเมนต์ของแรง เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพ สมดลุ ต่อการหมุน และคานวณโดยใชส้ มการ M = Fl ว 2.2ม.2/11 เปรยี บเทยี บแหลง่ ของสนามแม่เหล็กสนามไฟฟา้ และสนามโนม้ ถว่ งและทิศทางของแรงท่กี ระทาต่อวัตถุ ท่ีอยู่ในแต่ละสนามจากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้ ว 2.2ม.2/12 เขียนแผนภาพแสดงแรงแม่เหลก็ แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถว่ งทีก่ ระทาต่อวัตถุ ว 2.2ม.2/13 วิเคราะห์ความสัมพันธร์ ะหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟา้ และแรงโน้มถ่วงท่ีกระทาต่อวตั ถุท่อี ยู่ ในสนามนนั้ ๆ กบั ระยะหา่ งจากแหล่งของสนามถงึ วัตถจุ ากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ ว 2.2ม.2/14 อธิบายและคานวณอัตราเรว็ และความเร็วของการเคลอื่ นที่ของวตั ถุโดยใช้สมการ v =s/t และ v⃑ = s⃑/t จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.2ม.2/15 เขียนแผนภาพแสดงการกระจดั และความเร็ว รวมท้งั หมด 34 ตวั ชวี้ ัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 84 โครงสรำ้ งรำยวิชำพ้ืนฐำน รำยวิชำ วิทยำศำสตร์3 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ ำ ว๒2๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี ๑ เวลำ ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู/้ ตัวชี้วดั (ช่วั โมง) 1 ธรรมชำติของ - วิทยาศาสตร์มีลักษณะเฉพาะตัวท่ี 3 5 วทิ ยำศำสตร์ แตกต่างจากศาสตร์แขนงอ่ืน ๆ โดย ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์จะให้ คว ามสาคัญ กั บก ารมอ งโลกใน มุมมองแบบวิทยาศาสตร์ที่ว่า เรา สามารถทาความเข้าใจปรากฏการณ์ ต่าง ๆ ได้โดยอาศัยกระบวนการหา หลักฐานลงความคิดเห็น ผสมผสาน กั บ ค ว า ม คิ ด ส ร้ า ง ส ร ร ค์ แ ล ะ จินตนาการ ในการสร้างแนวคิดและ คาอธบิ ายทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีมคี วาม น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามองค์ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ท่ีมีความคงทนก็ อ า จ จ ะ เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ไ ด้ เ มื่ อ มี หลักฐานเพ่ิมเติมท่ีมีความน่าเช่ือถือ มากกว่า วิทยาศาสตร์จึงเป็นวิถีทาง แห่งการเรียนรู้ส่ิงรอบตัวอย่างที่ไม่มี ท่ีส้ินสุดของมนุษย์และไม่ใช่แนวคิด จ า ก ค ว า ม เ ชื่ อ ฟั ง ที่ สื บ ต่ อ กั น ม า เท่านั้น อย่างไรก็ตามวิทยาศาสตร์ก็ ไม่สามารถให้คาตอบท่ีสมบูรณ์หรือ ตอบคาถามทุกคาถามได้ - ลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับความรู้สึกนึกคิดทางวิทยาศาสตร์ เ รี ย ก ว่ า จิ ต วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ซ่ึ ง แสดงออกได้หลายแนวทาง เช่น วิเคราะห์และให้เหตุผลแต่ละข้อมูล ก่อนการประเมนิ และตัดสินใจ
ช่ือหนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 85 หนว่ ย กำรเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี (ชวั่ โมง) 2 สำรละลำย ว 2.1ม.2/4 - สารละลายประกอบด้วยตัวทา 14 15 ว 2.1ม.2/5 ว 2.1ม.2/6 ละลายและตัวละลาย สารละลายมี ทั้งสถานะของแข็ง ของเหลว และ แ ก๊ ส ส า ร ล ะ ล า ย ท่ี เ กิ ด จ า ก ส า ร ที่ มี สถานะเดียวกัน สารท่ีมีปริมาณมาก ท่ีสุดจัดเป็นตัวทาละลาย กรณี สารละลายเกิดจากสารท่ีมีสถานะ ต่างกัน สารท่ีมีสถานะเดียวกันกับ สารละลายและมีปริมาณมากที่สุด จัดเป็นตัวทาละลาย สารละลายที่ตัว ละลายไม่สามารถละลายในตัวทา ละ ลายปริมาณหนึ่ง ๆ ไ ด้อี กที่ อณุ หภมู แิ ละความดนั หนึง่ ๆ เรยี กว่า สารละลายอ่ิมตัว สภาพละลายได้ ของสารในตัวทาละลายเปน็ ค่าที่บอก ปริมาณของสารเป็นกรัมท่ีละลายได้ ในตัวทาละลาย 100 กรัม จนได้ สารละลายอิ่มตัว ณ อุณหภูมิและ ความดันหน่ึง ๆ สภาพละลายได้ของ สารบ่งบอกความสามารถในการ ละลายของตัวละลายในตัวทาละลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวทาละลายและ ตัวละลาย อุณหภูมิ และความดัน สารชนิดหน่ึง ๆ มีสภาพละลายได้ แตกต่างกันในตวั ทาละลายทแี่ ตกต่าง กัน ส่วนสารต่างชนิดกันมีสภาพ ละลายได้ในตัวทาละลายหนึ่ง ๆไม่ เท่ากันเม่ืออุณหภูมิคงที่ แต่เมื่อ อุณหภูมิสูงข้ึน สภาพละลายได้ของ สารส่วนมากจะเพิ่มข้ึน ยกเว้นแก๊ส เมื่ออุณหภูมิสูงข้ึนสภาพการละลาย ไ ด้ จ ะ ล ด ล ง ส่ ว น ค ว า ม ดั น มี ผ ล ต่ อ สภาพละลายได้ของแก๊ส โดยเม่ือ ความดนั เพมิ่ ขนึ้ สภาพละลายไดข้ อง
หน่วย ชอื่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 86 ท่ี กำรเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน 3 รำ่ งกำยมนษุ ย์ (ช่ัวโมง) ว 1.2ม.2/1 แกส๊ จะเพิม่ ขึน้ ความรเู้ กี่ยวกับสภาพ 20 15 ละลายได้ของสารเมื่อเปล่ียนแปลง ว 1.2ม.2/2 ช นิ ด ตั ว ล ะ ล า ย แ ล ะ ตั ว ท า ล ะ ล า ย ว 1.2ม.2/3 อุณหภูมิและความดัน สามารถ ว 1.2ม.2/4 นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน ว 1.2ม.2/5 ว 1.2ม.2/6 - ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ ประกอบด้วยหัวใจ หลอดเลือด และ ว 1.2ม.2/7 เลือด โดยเลือดทาหน้าที่ลาเลียง ว 1.2ม.2/8 สารอาหาร แก๊ส ของเสยี และสารอื่น ว 1.2ม.2/9 ๆ ไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่าง กาย เลือดจะถูกลาเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ ว 1.2ม.2/10 ของร่างกายได้โดยการ ว 1.2ม.2/11 ทางานของหัวใจ ซ่ึงทาหน้าท่ีสูบฉีด เลือดไปท่ัวร่างกายโดยการบีบและ ว 1.2ม.2/12 คลายตัวเป็นจังหวะ เพื่อนาเลือดที่มี ว 1.2ม.2/13 แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไปยังปอด ว 1.2ม.2/14 เกิดการแลกเปล่ียนแก๊สท่ีปอด เลือด ท่มี ีปริมาณแกส๊ ออกซิเจนสูงจากปอด ว 1.2ม.2/15 จะเข้าสู่หัวใจอีกคร้ังก่อนสูบฉีดไป ว 1.2ม.2/16 เล้ยี งสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย ว 1.2ม.2/17 - ระบบหายใจประกอบด้วยจมกู ทอ่ ลม และปอด ทาหนา้ ท่ีนาแก๊สออก ซิ เจนจากการหายใจเข้า เพ่อื ทา ปฏกิ ิรยิ ากบั สารอาหารก่อให้เกดิ พลังงาน และกาจัดแก๊สคารบ์ อนได ออกไซด์ออกจากรา่ งกายโดยการ หายใจออก อากาศจะเคลื่อนเข้าสู่ ร่างกายทางจมูก ท่อลม หลอดลม หลอดลมฝอย และถุงลมภายในปอด กระบวนการหายใจเข้าและออกเกิด จากการทางานท่ีประสานกันของ กะบังลมและกระดูกซ่ีโครง การ แลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนและแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์
หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 87 ท่ี กำรเรียนร้/ู ตัวชี้วัด สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน (ชวั่ โมง) เกิดขึ้น 2 บริเวณ คือ ท่ีบริเวณถุง ลมในปอดกับหลอดเลือดฝอย และ ระหว่างหลอดเลอื ดฝอยกับเซลล์ - ระบบขับถ่ายของมนุษย์มีไตเป็น อวัยวะสาคัญในการกาจัดของเสีย ออกจากร่างกาย ไตประกอบด้วย หน่วยไตเล็ก ๆจานวนมาก ทาหน้าท่ี กรองของเสียออกจากเลือด และดูด สารท่ีมีประโยชน์และน้าบางส่วน กลับคนื สหู่ ลอดเลือด สว่ นของเหลวที่ เหลือซ่ึงประกอบด้วยยูเรีย กรดยูริก น้า และสารบางชนิด รวมเรียกว่านา้ ปสั สาวะจะถกู กาจดั ออกนอกรา่ งกาย - ร ะ บ บ ป ร ะ ส า ท ส่ ว น ก ล า ง ประกอบด้วยสมองและไขสันหลงั ทา หน้าท่ีร่วมกับเส้นประสาทซ่ึงเป็น ระบบประสาทรอบนอกในการ ควบคุมการทางานของอวัยวะต่าง ๆ ร ว ม ถึ ง ก า ร แ ส ด ง พ ฤ ติ ก ร ร ม เ พ่ื อ ตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้า - ระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบ ดว้ ยอวยั วะสาคัญ ได้แก่ อัณฑะซงึ่ ทา หน้าทผ่ี ลิตเอสุจแิ ละฮอร์โมนเพศชาย ส่ ว น ร ะ บ บ สื บ พั น ธุ์ เ พ ศ ห ญิ ง ประกอบด้วยอวัยวะสาคัญ ได้แก่ รัง ไ ข่ ซึ่ ง ท า ห น้ า ที่ ผ ลิ ต เ ซ ล ล์ ไ ข่ แ ล ะ ฮอร์โมนเพศหญิง ฮอร์โมนเพศทา หน้าท่ีควบคุมการแสดงออกของ ลักษณะทางเพศที่แตกต่างกัน การ รวมกนั ระหว่างนิวเคลยี สแตล่ ะเซลล์ ของอสุจิและเซลล์ไข่ เรียกว่า การ ปฏิสนธิ เกิดเป็นไซโกต ไซโกตมีการ แบง่ ตวั เพม่ิ จานวนเซลล์ และเจริญ
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 88 หน่วย ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นร้/ู ตัวช้ีวดั (ชั่วโมง) 4 กำรเคล่อื นท่ี ว 2.2ม.2/1 เป็นเอ็มบริโอซ่ึงมีการเปล่ียนแปลง และแรง ว 2.2ม.2/2 รปู รา่ งจนมอี วยั วะครบสมบูรณ์ ว 2.2ม.2/3 - การคุมกาเนิดเป็นวิธีป้องกันไม่ให้ ว 2.2ม.2/4 เกิดการตั้งครรภ์ โดยป้องกันไม่ให้ ว 2.2ม.2/5 เกิดการปฏิสนธิ ป้องกันไม่ให้มีการ ว 2.2ม.2/7 ตกไข่ หรือไม่ให้มีการฝังตัวของ ว 2.2ม.2/8 เอ็มบรโิ อ ซงึ่ สามารถทาไดห้ ลายวิธี ว 2.2ม.2/9 - ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมี ว 2.2ม.2/10 ความสาคัญมาก จึงต้องดูแลรักษา ว 2.2ม.2/11 อวัยวะในระบบต่าง ๆ ให้ทาหน้าท่ี ว 2.2ม.2/12 เปน็ ปกติ ว 2.2ม.2/13 ว 2.2ม.2/14 - การเคลื่อนที่ของวัตถุมีปริมาณต่าง 21 15 ว 2.2ม.2/15 ๆ ที่เก่ียวข้องหลายปริมาณ เช่น ระยะทาง การกระจดั เวลา อตั ราเรว็ ความเร็ว โดยเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ ตาแหน่งของวัตถุจะเปลี่ยนไป การ ระบุว่าวัตถุอยู่ทตี่ าแหนง่ ใดต้องมีการ เ ที ย บ กั บ ต า แ ห น่ ง อ้ า ง อิ ง โ ด ย ตาแหน่งอ้างอิงต้องเป็นตาแหน่งที่ สังเกตได้ง่ายและอยู่กับท่ี ในการ เคล่อื นทีจ่ ากตาแหน่งหน่งึ ไปยังอีก ตาแหน่งหนึ่ง ความยาวตามเส้นทาง ที่เคล่ือนท่ีจริง เรียกว่า ระยะทาง ส่วนระยะทางท่ีวัดในแนวตรงจาก ตาแหน่งเรมิ่ ตน้ ไปยังตาแหนง่ สุดท้าย โ ด ย มี ทิ ศ ชี้ ไ ป ยั ง ต า แ ห น่ ง สุ ด ท้ า ย เรียกว่า การกระจัด ซ่ึงการกระ จดั เป็นปริมาณทีต่ อ้ งระบุทั้งขนาด และทิศทาง ปริมาณท่ีต้องระบุท้ัง ขนาดและทิศทาง เรียกว่า ปริมาณ เวกเตอร์ เขียนแทนด้วยลูกศร ความยาว ของลูกศรแทนขนาด และหัวลูกศรแทน ทิศทาง ส่วนปริมาณที่ระบุเฉพาะขนาด อยา่ งเดยี ว เรยี กว่า ปรมิ าณสเกลาร์
หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 89 ท่ี กำรเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) - การเคล่ือนท่ีของวัตถุจะเคลื่อนที่ เร็วหรือช้าพิจารณาจากระยะทางที่ ได้หรือการกระจัดท่ีได้เทียบกับเวลา ที่ใช้ในการเคล่ือนท่ี โดยระยะทางที่ ไ ด้ใน หน่ึง หน่ว ยเว ลา เรียก ว่ า อัตราเร็ว เป็นปริมาณสเกลาร์ มี หน่วยในระบบ SI เป็นเมตรต่อวนิ าที ส่วนการกระจัดที่ได้ในหนึ่งหน่วย เวลาหรือการเปล่ียนตาแหน่งในหนงึ่ หน่วยเวลา เรียกว่า ความเร็วเป็น ปริมาณเวกเตอร์ มีหน่วยในระบบ SI เปน็ เมตรตอ่ วินาที รวม 58 50 สอบกลางภาค 1 20 สอบปลายภาค 1 30 รวมท้งั หมด 60 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 90 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์4 กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชำ ว๒๒๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๒ เวลำ ๖๐ ชั่วโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา วเิ คราะห์ วธิ กี ารแยกสาร การนาความรเู้ รื่องการแยกสารไปใช้ประโยชน์ งานและกาลงั เคร่ืองกลอย่าง ง่าย พลังงานกล กฎการอนุรักษ์พลังงาน ลักษณะของช้ันหน้าตัดดิน กระบวนการเกิดดิน ปัจจัยท่ีทาให้ดินมีลักษณะ และสมบัติแตกต่างกัน การตรวจวัดสมบัตบิ างประการของดินและการใช้ประโยชน์ดิน กระบวนการเกดิ แหล่งน้าผิวดิน และแหล่งน้าใต้ดิน การใช้น้าอย่างยั่งยนื ในท้องถิ่น กระบวนการเกิดเช้ือเพลิงซากดึกดาบรรพ์ สมบัติของเชื้อเพลิงซาก ดกึ ดาบรรพ์ การใชป้ ระโยชน์จากเชื้อเพลิงซากดกึ ดาบรรพ์ และผลกระทบจากการใช้เชือ้ เพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์ พลังงาน ทดแทน กระบวนการผุพังอยูก่ บั ท่ี การกรอ่ น และการสะสมตัวของตะกอน กระบวนการเกิดและผลกระทบของน้าท่วม การกัดเซาะชายฝัง่ ดนิ ถลม่ หลุมยบุ แผ่นดินทรดุ โครงสรา้ งภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมี โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การพฒั นาทักษา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และทักษะ ในศตวรรษที่ 21 การสบื ค้นขอ้ มูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหาการนา ความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม ตัวชี้วัด ว 2.1ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโท กราฟีแบบ กระดาษ การสกัดด้วยตวั ทาละลายโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.1ม.2/2 แ ย ก ส า ร โ ด ย ก า ร ร ะ เ ห ย แห้งการตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกดั ด้วยตวั ทาละลาย ว 2.1ม.2/3 นาวิธกี ารแยกสารไปใชแ้ กป้ ญั หาในชวี ิตประจาวัน โดยบรู ณาการวิทยาศาสตรค์ ณติ ศาสตร์ เทคโนโลยีและ วิศวกรรมศาสตร์ ว 2.3ม.2/1 วเิ คราะหส์ ถานการณ์และคานวณเกย่ี วกบั งานและกาลงั ทีเ่ กิดจากแรงทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ โดยใช้สมการ W = Fs และ P =W/t จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ ว 2.3ม.2/2 วิเคราะห์หลกั การทางานของเคร่ืองกลอย่างง่าย จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ ว 2.3ม.2/3 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของเครื่องกลอย่างง่าย โดยบอกประโยชน์และการประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ว 2.3ม.2/4 ออกแบบและทดลองด้วยวธิ ีท่ีเหมาะสมในการอธิบายปัจจยั ทีม่ ีผลต่อพลงั งานจลน์ และพลังงานศกั ย์โน้ม ถ่วง ว 2.3ม.2/5 แปลความหมายข้อมูลและอธิบายการเปลย่ี นพลงั งานระหว่างพลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วงและพลังงานจลน์ของ วัตถโุ ดยพลังงานกลของวัตถมุ คี ่าคงตวั จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ว 2.3ม.2/6 วเิ คราะห์สถานการณ์และอธิบายการเปล่ยี นและการถา่ ยโอนพลังงานโดยใช้กฎการอนุรกั ษ์พลังงาน ว 3.2ม.2/1 เปรียบเทียบกระบวนการเกิด สมบัติและการใช้ประโยชน์ รวมทั้งอธิบายผลกระทบจากการใช้เช้ือเพลงิ ซากดึกดาบรรพ์ จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ ว 3.2ม.2/2 แสดงความตระหนกั ถึงผลจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดาบรรพ์ โดยนาเสนอแนวทางการใช้เชื้อเพลิงซาก ดึกดาบรรพ์
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 91 ว 3.2ม.2/3 เปรยี บเทียบขอ้ ดีและข้อจากัดของพลงั งานทดแทนแต่ละประเภทจากการรวบรวมข้อมูลและนาเสนอแนว ทางการใช้พลังงานทดแทนทเ่ี หมาะสมในทอ้ งถิ่น ว 3.2ม.2/4 สร้างแบบจาลองที่อธิบายโครงสร้างภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมีจากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ ว 3.2ม.2/5 อธิบายกระบวนการผุพังอยู่กับที่การกร่อนและการสะสมตัวของตะกอนจากแบบจาลอง รวมท้ัง ยกตวั อยา่ งผลของกระบวนการดังกล่าวทที่ าใหผ้ วิ โลกเกิดการเปลยี่ นแปลง ว 3.2ม.2/6 อธบิ ายลกั ษณะของช้นั หน้าตัดดินและกระบวนการเกิดดนิ จากแบบจาลอง รวมทั้งระบุปจั จัยทีท่ าให้ดินมี ลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ว 3.2ม.2/7 ตรวจวัดสมบัติบางประการของดินโดยใช้เครื่องมือท่ีเหมาะสมและนาเสนอแนวทางการใช้ประโยชนด์ นิ จากข้อมูลสมบัตขิ องดนิ ว 3.2ม.2/8 อธบิ ายปัจจยั และกระบวนการเกดิ แหล่งนา้ ผิวดิน และแหลง่ นา้ ใตด้ นิ จากแบบจาลอง ว 3.2ม.2/9 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการใชน้ า้ และนาเสนอแนวทางการใชน้ ้าอย่างยงั่ ยืนในทอ้ งถิน่ ของตนเอง ว 3.2ม.2/10 สรา้ งแบบจาลองทีอ่ ธิบายกระบวนการเกิดและผลกระทบของน้าท่วม การกัดเซาะชายฝ่งั ดินถล่ม หลุม ยุบแผ่นดนิ ทรุด รวมท้ังหมด 19 ตัวชวี้ ัด
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 92 โครงสรำ้ งรำยวิชำพ้นื ฐำน รำยวชิ ำ วทิ ยำศำสตร์4 กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว๒2๑๐3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๑ เวลำ ๖๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต หนว่ ย ช่ือหนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั (ชว่ั โมง) 1 งำนและพลังงำน ว 2.3ม.2/2 - เมื่อออกแรงกระทาต่อวัตถุและทา 15 10 ว 2.3ม.2/3 ให้วตั ถเุ คลื่อนทไ่ี ปตามแนวแรงนั้นได้ ว 2.3ม.2/4 จะทาให้เกิดงานทางวิทยาศาสตร์ขึ้น ว 2.3ม.2/5 ถ้ามีแรงกระทาต่อวัตถุแล้ววัตถุไม่ ว 2.3ม.2/6 เคลื่อนท่ี หรือมีแรงกระทาในแนว หนึ่งแต่วัตถุเคลื่อนท่ีไปในทิศทางต้ัง ฉากกับแรงน้ัน ถือว่าไม่เกิดงานทาง วิทยาศาสตร์ งานจะมีค่ามากหรือ น้อยขึ้นอยู่กับขนาดของแรงและ ระยะทางท่ีเคล่ือนที่ในแนวเดียวกับ แรง โดยปริมาณงานที่ทาได้ในหน่ึง หนว่ ยเวลา เรยี กวา่ กำลงั - การทาให้เกิดงานบางอย่างต้องใช้ แรงมาก มนุษย์จึงคิดค้นเครื่องกล อย่างง่าย เพ่ือผ่อนแรงหรือทางานได้ สะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งไม่มีกลไก ซ้าซ้อน จึงสามารถนาไปประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ ได้แก่ พ้ืนเอียง คาน รอก ล้อและ เพลา สกรู ลิ่ม โดยมีหลักการสาคัญ คือ เมื่อไม่มีการสูญเสียพลังงาน งาน ท่ีให้กับเครื่องกลและงานท่ีได้จาก เครื่องกลจะมีค่าเท่ากัน โดยออกแรง กระทาต่อเคร่ืองกลน้อยกว่าแรงที่ เครื่องกลกระทาตอ่ วัตถุ แต่ระยะทาง ใ น ก า ร อ อ ก แ ร ง มี ค่ า ม า ก ก ว่ า ระยะทางทว่ี ัตถเุ คล่ือนท่ีได้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 93 หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด (ชั่วโมง) 2 กำรแยกสำร ว 2.1ม.2/1 - การแยกสารสามารถทาไดห้ ลายวิธี 15 10 ว 2.1ม.2/2 ว 2.1ม.2/3 ข้ึนอยู่กับสมบัติของสาร ได้แก่ การ ระเหยแห้งใช้แยกสารละลายซ่ึง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ตั ว ล ะ ล า ย ท่ี เป็น ขอ ง แข็ง ใน ตัว ทาละ ลายท่ีเป็น ของเหลว โดยใช้ความร้อนระเหยตัว ทาละลายออกไปจนหมดเหลือแต่ตัว ละลาย การตกผลกึ ใชแ้ ยกสารละลาย ท่ี ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ตั ว ล ะ ล า ย ท่ี เ ป็ น ขอ ง แข็ง ใน ตัว ทาละ ลายท่ีเป็น ของเหลว โดย ทาให้สารละลายมีความเข้มข้นเลย จุดอ่ิมตัวแล้วปล่อยให้อุณหภูมิลดลง อย่างช้า ๆ ตัวละลายจะค่อย ๆ แยก ออกมาเปน็ ผลกึ การกลน่ั อย่างงา่ ยใช้ แยกสารละลายท่ีประกอบด้วยตัว ละลายและตัวทาละ ลายท่ีเ ป็น ของเหลวที่มจี ุดเดือดต่างกนั มาก โดย ใหค้ วามรอ้ นแกส่ ารละลาย ของเหลว จะเดือดและกลายเป็นไอแยกจาก สารละลายแล้วควบแน่นกลับเป็น ของเหลวอีกครั้ง โครมาโท กราฟี แบบกระดาษใช้แยกสารท่ีเคล่ือนที่ บนกระดาษด้วยอัตราเร็วต่างกัน เ นื่ อ ง จ า ก มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ละลายต่างกนั และความ สามารถใน การดูดซับของตัวดูดซับต่างกัน การ สกดั ดว้ ยตัวทาละลายเปน็ วธิ ีการแยก สารทีล่ ะลายในตวั ทาละลายชนิดต่าง ๆ ได้ต่างกัน โดยชนิดของตัวทา ละลายมีผลต่อชนิดและปริมาณของ สารท่ีสกัดได้
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 94 หน่วย ชอ่ื หนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั (ช่วั โมง) 3 โลกและกำร ว 3.2ม.2/4 - โครงสร้างภายในโลกแบ่งออกเป็น 21 20 เปลย่ี นแปลง ว 3.2ม.2/5 ว 3.2ม.2/6 ชั้นตามองค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ ว 3.2ม.2/7 เปลือกโลก เนือ้ โลก และแก่นโลก ว 3.2ม.2/8 เปลือกโลกเป็นช้ันนอกสุดของโลก ว 3.2ม.2/9 ว 3.2ม.2/10 ประกอบด้วยสารประกอบของธาตุ ซลิ ิคอน อะลมู ิเนยี ม และออกซนิ เจน เป็นหลัก เนื้อโลกเป็นชั้นที่อย่ถู ัดจาก เ ป ลื อ ก โ ล ก ลึ ก เ ข้ า ไ ป ด้ า น ใ น ประกอบด้วยสารประกอบของธาตุ ซิลคิ อน แมกนเี ซียม เหลก็ และ ออกซิเจน และโครงสร้างชั้นในสุด คือ แก่นโลก มีองค์ประกอบเป็น โลหะผสมของธาตุเหล็กและนกิ เกิล - การผุพังอยู่กับท่ี การกร่อน และ ก าร สะ สมตัว ขอ ง ตะ ก อ น เป็น ก ร ะ บว น การ เปลี่ยน แปลงทาง ธรณีวทิ ยาหนึง่ ที่ทาให้ผวิ โลกเกิดการ เปล่ียนแปลงจนเกิดเป็นภูมิลักษณ์ ต่าง ๆ ข้ึน กระบวนการเกิดนั้นต้อง อาศัยตัวนาพาตามธรรมชาติ เช่น น้า ลม ธารน้าแขง็ และปจั จัยต่าง ๆ ตาม ธรรมชาติ เช่น แรงโน้มถ่วงของโลก ชนิดของดิน หิน แร่และตะกอน โครงสร้างทางธรณวี ทิ ยา ภูมปิ ระเทศ สิ่งมีชีวิต สภาพอากาศ อุณหภูมิ ปฏิกริ ยิ าเคมี และระยะเวลา
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 95 หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ คะแนน ท่ี กำรเรียนรู/้ ตัวช้ีวัด (ช่วั โมง) 4 ทรพั ยำกรพลงั งำน ว 3.2ม.2/1 - เชื้อเพลิงซากดึกดาบรรพ์เกิดจาก 7 10 ว 3.2ม.2/2 ว 3.2ม.2/3 ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ภ า พ ข อ ง ซ า ก ส่ิงมีชีวิตในอดีต โดยกระบวนการ ทางเคมีและธรณีวิทยา เชอื้ เพลงิ ซาก ดึกดาบรรพ์ ได้แก่ ถ่านหินและ ปิโตรเลียม ซึ่งเกิดจากวัตถุต้นกาเนิด แ ล ะ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ก า ร เ กิ ด ท่ี แตกต่างกนั ทาใหเ้ ช้ือเพลงิ ซากดึกดา บรรพ์แต่ละชนิดมีลักษณะ สมบัติ และการนาไปใช้ประโยชน์แตกต่าง กัน สาหรับการนาปิโตรเลียมมาใช้ ประโยชน์ต้องมีการนาไปผ่านการ กล่ันลาดับส่วนก่อนการใช้ง าน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ท่ีเหมาะสมต่อ การใช้ประโยชน์ นอกจากนั้นใน ธรรมชาติยังพบหินน้ามันซึ่งเป็นต้น กาเนิดของปิโตรเลียม เมื่อได้รับ ความร้อนสารอินทรีย์ภายในหินจะ สลายตัวให้น้ามันที่มีลักษณะคล้าย นา้ มันดิบ - เชื้อเพลิงซากดึกดาบรรพ์เป็นแหลง่ พลังงานที่สาคัญในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ และมีปริมาณจากัด เนอื่ งจากต้องใชเ้ วลานานหลายล้านปี จึงจะเกิดขึ้นใหม่ได้ อีกท้ังการเผา ไ ห ม้ เ ช้ื อ เ พ ลิ ง ซ า ก ดึ ก ด า บ ร ร พ์ ใ น กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์อาจทาให้ เกิดมลพิษทางอากาศและแก๊สเรือน ก ร ะ จ ก ซึ่ ง ส่ ง ผ ล ต่ อ ส่ิ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ ส่ิงแวดล้อม ดังน้ันการใช้เช้ือเพลิง ซากดึกดาบรรพ์จึงควรตระหนักถึง ผลกระทบในด้านต่าง ๆ รวมท้ังควร มีแนวทางการใช้เช้ือเพลิงซากดึกดา บรรพท์ ่ีเหมาะสมและเลอื กใช้
หนว่ ย ชอ่ื หนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 96 ท่ี กำรเรียนร/ู้ ตัวช้ีวัด สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ คะแนน (ช่วั โมง) เ ท ค โ น โ ล ยี ที่ ช่ ว ย ล ด ม ล พิ ษ ท า ง อากาศจากการใช้เช้ือเพลงิ ซากดึกดา บรรพ์ เพ่ือให้มีพลังงานซ่ึงเกิดจาก การใชป้ ระโยชน์จากเชอ้ื เพลงิ ซากดึก ดาบรรพ์ดังกล่าวได้อย่างย่ังยืนและ ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ สิ่ ง มี ชี วิ ต และ สงิ่ แวดลอ้ มน้อยทส่ี ดุ - ปจั จบุ นั มกี ารนาพลังงานทดแทนมา ใช้ประโยชน์เพอ่ื ทดแทนพลังงานจาก เช้อื เพลงิ ซากดึกดาบรรพ์ทม่ี ีแนวโน้ม ว่ากาลังจะหมดลง พลังงานทดแทน เป็นพลังงานที่นามาใช้แทนพลังงาน หลักหรือพลังงานจากเชื้อเพลิงซาก ดกึ ดาบรรพ์ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลงั งานนา้ พลังงานชวี มวล พลงั งาน คลื่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานไฮโดรเจน และพลังงาน นิวเคลียร์ โดยพลังงานทดแทนแต่ละ ประเภทมีข้อดีและข้อจากัดแตกต่าง กัน การเลือกใช้พลังงานทดแทนต้อง มีการวิเคราะห์ข้อดีและขอ้ จากัด เพือ่ เลือกใช้พลังงานทดแทนให้เหมาะสม กั บ ท้ อ ง ถ่ิ น แ ล ะ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ใ น พืน้ ท่ี รวม 58 50 สอบกลางภาค 1 20 สอบปลายภาค 1 30 รวมทงั้ หมด 60 100
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า | 97 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน รำยวิชำ วิทยำกำรคำนวณ ๒ กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชำ ว๒๒๑0๓ ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี ๒ เวลำ ๒๐ ชั่วโมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา ออกแบบอัลกอริทึมท่ีใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา หรือการทางานท่ีพบในชีวิตจรงิ ออกแบบ และเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทางานของระบบ คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการส่ือสาร เพ่ือประยุกต์ใช้งานหรือแก้ปัญหาเบื้องต้น ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง ปลอดภยั มีความรบั ผดิ ชอบ สรา้ งและแสดงสทิ ธใิ นการเผยแพร่ผลงาน ตัวชว้ี ัด ว ๔.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ รวมทั้งหมด ๔ ตวั ชว้ี ดั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 755
- 756
- 757
- 758
- 759
- 760
- 761
- 762
- 763
- 764
- 765
- 766
- 767
- 768
- 769
- 770
- 771
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 771
Pages: