Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64 รายงานผลการวิจัย

64 รายงานผลการวิจัย

Published by วิจัย แม่โจ้, 2022-06-10 04:17:13

Description: 64 รายงานผลการวิจัย

Search

Read the Text Version

รายงานผลการวิจยั เร่ือง การสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสตปิ ัฏฐาน 4 Doctrine Extraction of Mahāsatipaṭṭhāna IV โดย สรัญญา โชตริ ัตน์ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ 2565 รหัสโครงการวจิ ยั มจ.1-64-008

รายงานผลการวิจัย เรื่อง การสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสตปิ ัฏฐาน 4 Doctrine Extraction of Mahāsatipaṭṭhāna IV ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ประจาปี 2564 จานวน 130,000 บาท หวั หน้าโครงการ สรัญญา โชติรัตน์ งานวจิ ยั เสร็จสิ้นสมบูรณ์ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565

การสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสตปิ ัฏฐาน ๔ Doctrine Extraction of Mahāsatipaṭṭhāna IV สรัญญา โชติรัตน์ Saranyar Chotirat นกั วิจยั ชำนำญกำร มหำวทิ ยำลยั แม่โจ-้ แพร่ เฉลิมพระเกียรติ อำเภอร้องกวำง จงั หวดั แพร่ Researcher Professional Level, Maejo University Phrae Campus, Rongkwang District, Phrae, Province. E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ งำนวิจยั วตั ถุประสงค์เพ่ือสกดั หลกั คำสอนเร่ืองมหำสติปัฏฐำน 4 ตำมแนวทำงของครูบำอำจำรย์ จำนวน 12 รูป / คน และศึกษำหลกั ควำมเป็ นสำกล กลุ่มตวั อย่ำงเป็ นคลิปขอ้ มูลออนไลน์ผ่ำนช่องทำง YouTube จำนวน 154 คลิปขอ้ มูล วิธีกำรวิจยั เชิงคณุ ภำพ วิเครำะห์เชิงพรรรณนำ ผลกำรศึกษำพบวำ่ หลกั คำ สอนตำมแนวทำงปฏิบตั ิครูบำอำจำรย์ ประกอบดว้ ย 1) ฐำนกำยำนุปัสสนำ : แนวทำงหลวงป่ ูมนั่ ภูริทตฺโต, พระธรรมโกศำจำรย์ (พุทธทำสภิกขุ), พระครูภำวนำนุศำสก์ (แป้น ธมฺมธโร), พระธรรมธีรรำชมหำมุนี (โชดก ญำณฺสิทธิ), พระธรรมสิงหบุรำจำรย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) เนน้ ฝึ กฐำนกำยนำทำง เทคนิควิธีกำรอำศยั ใช้ คำบริกรรมภำวนำพุทโธ บริกรรมยบุ หนอพองหนอ กำรเคล่ือนไหวอิริยำบถ และหลกั อำนำปำนสติ กำหนด ลมหำยใจเขำ้ ออก 16 ข้นั กำหนดรูปนำมตำมสภำวธรรมตำมจริง 2) ฐำนเวทนำนุปัสสนำ : แนวทำงท่ำน สัตยำ นำรำยนั โกเอ็นกำ้ เทคนิควิธีกำรอำศยั นำควำมรู้สึกเกิดข้ึนตำมร่ำงกำยดว้ ยจิตเป็ นอุเบกขำ พิจำรณำ องคธ์ รรม อำตำปี (มีควำมเพยี ร) สติมำ(มีสติระลึกรู้อยู่เสมอ) สมั ปชำโน (รู้สึกตวั ทกุ ขณะ) คอยกำกบั ไม่มีคำ บริกรรม 3) ฐำนจิตตำนุปัสสนำ : แนวทำงพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร), พระรำชพรหมยำน(หลวงพ่อ ฤำษีลิงดำ) เทคนิควิธีกำรปฏิบตั ิวิชำธรรมกำย(รูปแบบพฒั นำจิต) กรรมฐำนวิชำมโนยิทธิ (มีฤทธ์ิทำงใจ) ลักษณะรู้เห็น สัมผสั ควำมจริงด้วยกำรใช้ใจ กำรเพ่งจิต 4) ฐำนธรรมำนุปัสสนำ : แนวทำงสมเด็จ พระญำณสังวร สมเด็จพระสังฆรำช สกลมหำสังฆปริณำยก (เจริญ สุวฑฺตโน), หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ, พระรำชสังวรญำณ(พุธ ฐำนิโย), สมเด็จพระพุทธโฆษำจำรย์ (ประยุทธ์ ปยตุ ฺโต) เทคนิควิธีกำรปฏิบตั ิตำม ขอ้ ธรรม ฝึกสติแบบเคลื่อนไหวเพือ่ ตดั ตวั ควำมคิดปรุงแตง่ ท้งั หลำย ทำใหเ้ ขำ้ ใจอริยสจั 4 เนน้ ใชส้ ติจบั ควำม เคล่ือนไหว ไมเ่ นน้ คำบริกรรม ใชส้ ติอยกู่ บั ปัจจุบนั ขณะ ทำสติตำมรู้ควำมคดิ หลกั กำรสำกลเรื่องมหำสติปัฏฐำน พบวำ่ เทคนิคกำรหำยใจ รู้สึกกำรรับรู้ร่ำงกำย ควำมเมตตำ พ้ืนที่ กำรรับรู้ สแกนควำมรู้สึก สัมผสั อำรมณ์ควำมรู้สึก วิธีกำรฝึ กจิตเป็ นระบบ กำรรับรู้ระดับลึกจิตใตส้ ำนึก วิทยำศำสตร์กำรทำสมำธิ เช่ือมต่อทฤษฏีและวิธีปฏิบตั ิ กำรประยุกต์ใช้โดยส่วนมำกเน้นวิธีกำรสมถะ รูปแบบวธิ ีกำรอยำ่ งงำ่ ย กระบวนพิสูจน์กำรเป็นวทิ ยำศำสตร์ มุ่งใหเ้ กิดผลประโยชน์หลำกหลำย คาสาคัญ : มหำสติปัฏฐำน 4, แนวทำงปฏิบตั ิครูบำอำจำรย,์ สกดั หลกั คำสอน

Abstract This research aimed not only to extract the doctrine of Mahāsatipaṭṭhāna IV following the Instructor's guideline of 12 teacher/person, but also to study universal principles from the past, present to the future. Samples included 154 online information clips from YouTube channel. This qualitative research was analyzed by using the descriptive statistics. The study found that 1) Kāyānupassanā base : Following the guideline of PhraAjarn Mun Bhuritatto, Phra Dhammakosajarn (Buddhadasa Bhikkhu), Phrakhrubhavananusat (Paen Dhammadharo), Phra Dham madhirarajmahamuni (Jhodoka Nanasidhhi), Phra Dhamsinghaburacharya (Charan Dhidhadhammo) which emphasize on body awareness practice. Techniques and methods used saying the prayers Buddhadho, Yubnorpongnor and set the breath in and out of 16 steps, set form and appellation based on principle of nature as truth. 2) Vedanānupassanā base : Satya Narayan Goenka method, a technique depended on feelings on along with the body with the mind as equanimity, considered the Dhamma, Atapi (perseverance), satimā (continually conscious), sampajāno (conscious at all times), directing, without blessings. 3) Cittānupassanā base: the way of Phra Mongkolthebmuni (Sodn Candasaro), Phraratchaphromyan (Luang Pho RusiLingdam). Techniques and methods used practice Dhammakaya (mental development model), meditation (mental power), perception experience, the feeling truth by using the mind and focusing the mind. 4) Dhammānupassanā Base : Somdet Phra Yannasangvara Patriarch Sakolmahasangkhaparinayok (Charoen Suwatano), Luang Por Tien Cittasubho, Phraratsangworayan (Phut Thaniyo), Somdej Phra Buddhakosajarn (Prayut Payutto). Techniques used practicing along with Dhamma principle, items, practiced mindfulness by movements to cut off all artificial thoughts. Made understand the 4 Noble Truths, focus on using consciousness to detect movement, not focusing on blessings, stay mindful in the present moment and concentrated the consciousness to know the mind As for the study of the universal principle of Mahāsatipaṭṭhāna IV from the past to the present and the future, it was found that breathing, techniques feel body, awareness, compassion, space perception, scan feelings, feel the emotion, how to train the mind systematically, deep perception meditation science connect theory and practice most of its applications focus on modesty, simple methods. scientific proof process aim for a variety of benefits. Keywords : Mahāsatipaṭṭhāna IV; Guideline of Instructor's, Practice Doctrine Extraction

กติ ติกรรมประกาศ งานวิจยั เร่ือง การสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นความสนใจส่วนตวั ของผวู้ ิจัย โดยมี ความสงสัยและอยากรู้เขา้ ใจเก่ียวการฝึ กสมาธิและการฝึ กวิปัสสนา จึงไดต้ ้งั โจทยว์ ิจยั อาศยั กรอบหลกั การ จากพระสูตรมหาสติปัฏฐาน ซ่ึงตน้ ทางจากวิทยานิพนธ์ปริญญาโท สาขาพระพทุ ธศาสนา มหาวิทยาลยั มหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ผวู้ ิจยั นามาศึกษาอย่างต่อเนื่องพฒั นาระเบียบวิธีวิจยั เพื่อเป็นผลงานดา้ นวิจยั หรือ เป็ นบทความวิจยั สาหรับงานวิจยั เรื่องน้ี ความยากลาบากอยู่ที่การฟังคลิปขอ้ มูลดว้ ยตวั ผูว้ ิจยั เอง จานวน 154 คลิป เพื่อสกดั หลกั คาสอนซ่ึงเป็ นท้งั ศพั ท์คาบาลีและศพั ทภ์ าษาองั กฤษนาไปสู่ขอ้ สรุป ซ่ึงถือว่ายากมากสาหรับ ผวู้ จิ ยั เองเพราะไมไ่ ดเ้ ป็นผเู้ ช่ียวชาญภาษาท้งั สองอยา่ งใด อีกท้งั อาศยั เวลามากมายในทาความเขา้ ใจประเด็น ต่างๆ ดว้ ยความพยายามภายใตเ้ วลาเป็ นข้อจากัดตามเง่ือนไขสัญญาทุนวิจยั อาจทาให้งานวิจัยเล่มน้ีมี จุดบกพร่องหลายประการ ถือว่าเป็นความต้งั ใจผวู้ ิจยั อยากรู้เรื่องราวอะไรก็แสวงหาคาตอบดว้ ยงานวจิ ยั ซ่ึง คาตอบบางอยา่ งไดร้ ู้แลว้ แต่ไม่อาจอธิบายเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งไร งานวิจยั เร่ืองน้ี สาเร็จลุล่วงลงไปได้ ตอ้ งขอขอบคุณงบประมาณจาก กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม (กองทนุ ววน.) ใหก้ ารสนบั สนุนทุนประจาปี งบประมาณ พ.ศ.2564 ขอบคุณสานกั วิจยั และส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลยั แม่โจ้ จงั หวดั เชียงใหม่ ขอบคุณมหาวิทยาลยั แม่โจ-้ แพร่ เฉลิม พระเกียรติ จงั หวดั แพร่ ใหก้ ารสนบั สนุนอานวยความสะดวกในการทางานวิจยั เร่ืองดงั กล่าว กราบขอบพระคุณท่ีปรึกษาโครงการวิจยั พระครูสังฆรักษ์บุญเสริม กิตฺติวณฺ โณ (บุญเสริม ศรีทา) มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตแพร่ ใหค้ าแนะนาและใหก้ าลงั ใจตลอดโครงการวิจยั จน สาเร็จลุลว่ งไปไดด้ ว้ ยดี ขอบคุณ อาจารย์ ดร.วิลาสีนี บุญธรรม และ อาจารย์ ดร. วชั รี เลขะวิพฒั น์ ให้คาแนะนาปรึกษา โครงการวิจยั เก่ียวกบั กระบวนการดาเนินงานวิจยั ขอบคุณ คุณศกั ดา ปิ นตาวงค์ ให้ความช่วยเหลือในการ ดูแลระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดโครงการวิจยั และขอบคุณ คุณอญั ชลี ปิ นตาวงค์ ประสานนกั ศึกษาช่วย งานวจิ ยั จนทาใหส้ าเร็จลุลว่ งไปได้ ขอบคุณ คุณปริศนา ยาสิทธ์ิ เจา้ หนา้ ที่ประสานงานวิจยั สานกั วิจยั และส่งเสริมวิชาการการเกษตร จงั หวดั เชียงใหม่ ไดช้ ่วยเหลือประสานโครงการวิจยั เป็นอยา่ งดี สรัญญา โชติรัตน์ 31 มีนาคม 2565

สารบัญ ก บทคัดย่อภาษาไทย หน้า บทคัดย่อภาษาองั กฤษ กติ ตกิ รรมประกาศ 1 สารบญั 1 สารบัญตาราง 5 สารบัญภาพ 6 6 บทท่ี 1 บทนา 6 1.1 ความสาคญั ของปัญหา 8 1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั 8 1.3 ขอบเขตของการวจิ ยั 8 1.4 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ 10 1.5 นิยามศพั ท์ 10 15 บทท่ี 2 การตรวจเอกสารทีเ่ ก่ียวข้อง 17 2.1 แนวคิดและทฤษฎี เกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 22 2.2 ความหมายมหาสติปัฏฐาน 4 2.3 ผลงานวจิ ัยท่เี กย่ี วข้อง 23 2.3.1 ผลงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง : หลวงป่ มู นั่ ภรู ิทตฺโต 26 2.3.2 ผลงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง : พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 32 2.3.3 ผลงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง : พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ 33 2.3.4 ผลงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง : สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช 37 สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 38 2.3.5 ผลงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง : พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) 41 2.3.6 ผลงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง : หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ 44 2.3.7 ผลงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง : พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) 51 2.3.8 ผลงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง : พระธรรมธีรราชมหามนุ ี (โชดก ญาณฺสิทธิ) 2.3.9 ผลงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง : พระราชสงั วรญาณ (พธุ ฐานิโย) 2.3.10 ผลงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง : ท่านสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ (ท่านโกเอน็ กา้ ) 2.3.11 ผลงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง : พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 2.3.12 ผลงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง : สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 2.4 กรอบแนวคดิ งานวจิ ัย

สารบัญ (ต่อ) ข เร่ือง หน้า บทท่ี 3 ระเบยี บวิธีวิจัย 52 52 3.1 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 55 3.2 เคร่ืองมือในการวจิ ยั 57 3.3 วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 57 3.4 การวิเคราะหข์ อ้ มลู 60 บทท่ี 4 ผลการวจิ ัย 60 ตอนที่ 4.1 หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางครูบาอาจารย์ [1] หลวงป่ ูมัน่ ภูริทตโฺ ต 62 4.1.1) ประวตั ิ : หลวงป่ ูมน่ั ภูริทตฺโต 62 4.1.2) ธรรมบรรยายคาสอน : หลวงป่ ูมน่ั ภูริทตฺโต [2] พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร) 105 4.2.1) ประวตั ิ : พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร) 105 4.2.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) [3] พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ขุ) 114 4.3.1) ประวตั ิ : พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ 116 4.3.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ [4] สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 254 4.4.1) ประวตั ิ : สมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 254 4.4.2) ธรรมบรรยายคาสอน : สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 306 [5] พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษลี ิงดา) 309 4.5.1) ประวตั ิ : พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) 4.5.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) 342 [6] หลวงพ่อเทยี น จิตตฺ สุโภ 342 4.6.1) ประวตั ิ : หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ 4.6.2) ธรรมบรรยายคาสอน : หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ 355 [7] พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) 356 4.7.1) ประวตั ิ : พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) 4.7.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร)

สารบัญ (ต่อ) ค เรื่อง หน้า [8] พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณฺสิทธิ) 391 4.8.1) ประวตั ิ : พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณฺสิทธิ) 392 4.8.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระธรรมธีรราชมหามนุ ี (โชดก ญาณฺสิทธิ) [9] พระราชสังวรญาณ (พธุ ฐานโิ ย) 409 4.9.1) ประวตั ิ : พระราชสงั วรญาณ (พธุ ฐานิโย) 410 4.9.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระราชสงั วรญาณ (พุธ ฐานิโย) [10] ท่านสัตยา นารายัน โกเอ็นก้า (ท่านโกเอ็นก้า) 432 4.10.1) ประวตั ิ : ท่านสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ (ทา่ นโกเอน็ กา้ ) 432 4.10.2) ธรรมบรรยายคาสอน : ท่านสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ (ทา่ นโกเอน็ กา้ ) [11] พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 491 4.11.1) ประวตั ิ : พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 493 4.11.2) ธรรมบรรยายคาสอน : พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) [12] สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยตุ โฺ ต) 508 4.12.1) ประวตั ิ : สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 510 4.12.2) ธรรมบรรยายคาสอน : สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 538 ตอนท่ี 4.2 ความเป็ นสากลองค์ความรู้เรื่องมหาสตปิ ัฏฐาน 4 573 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ [1] หลวงป่ ูมน่ั ภูริทตโฺ ต 573 5.1.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน : หลวงป่ ูมน่ั ภูริทตฺโต 580 5.1.2 สรุปผลและอภิปรายผล : หลวงป่ ูมนั่ ภูริทตฺโต 583 5.1.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : หลวงป่ ูมน่ั ภูริทตฺโต [2] พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร) 584 5.2.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน : พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 586 5.2.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 587 5.2.3 ขอ้ เสนอแนะการวจิ ยั : พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร)

สารบัญ (ต่อ) ง เร่ือง หน้า [3] พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกขุ) 5.3.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน 588 : พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ 609 5.3.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ 612 5.3.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ 613 [4] สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 624 626 5.4.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน : สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 627 633 5.4.2 สรุปผลและอภิปรายผล : สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช 637 สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 638 640 5.4.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : สมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช 645 สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) 645 656 [5] พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษลี ิงดา) 662 5.5.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน 662 667 : พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) 671 5.5.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษีลิงดา) 5.5.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) [6] หลวงพ่อเทยี น จิตฺตสุโภ 5.6.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ืองมหาสติปัฏฐาน : หลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ 5.6.2 สรุปผลและอภิปรายผล : หลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ 5.6.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ [7] พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) 5.7.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน : พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) 5.7.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) 5.7.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) [8] พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสฺ ิทธิ) 5.8.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน : พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณฺสิทธิ) 5.8.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณฺสิทธิ) 5.8.3 ขอ้ เสนอแนะการวจิ ยั : พระธรรมธีรราชมหามนุ ี (โชดก ญาณฺสิทธิ)

สารบญั (ต่อ) จ เรื่อง หน้า [9] พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานโิ ย) 672 5.9.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน 677 677 : พระราชสงั วรญาณ (พธุ ฐานิโย) 5.9.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระราชสงั วรญาณ (พุธ ฐานิโย) 681 5.9.3 ขอ้ เสนอแนะการวจิ ยั : พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) [10] ท่านสัตยา นารายนั โกเอ็นก้า (ท่านโกเอน็ ก้า) 702 5.10.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน 702 : ทา่ นสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ (ทา่ นโกเอน็ กา้ ) 703 5.10.2 สรุปผลและอภิปรายผล : ท่านสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ (ท่านโกเอน็ กา้ ) 5.10.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : ทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ (ท่านโกเอน็ กา้ ) 706 [11] พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 710 5.11.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน 710 : พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 717 5.11.2 สรุปผลและอภิปรายผล : พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 723 5.11.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) [12] สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยุตโฺ ต) 723 5.12.1 สรุปการสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายมหาสติปัฏฐาน 724 727 : สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 5.12.2 สรุปผลและอภิปรายผล : สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 5.12.3 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) ตอนท่ี 5.2 สรุปผลการศึกษาการสกดั หลักความเป็ นสากลเรื่องมหาสติปัฏฐาน 5.13.1 สรุปผลและอภิปรายผล : หลกั ความเป็นสากล 5.13.2 ขอ้ เสนอแนะการวิจยั : หลกั ความเป็นสากล บรรณานุกรม

ฉ สารบญั ตาราง ตารางท่ี เรื่อง หน้า 3.1 4.1 กลมุ่ ตวั อยา่ งรายช่ือครูบาอาจารยจ์ านวน 12 รูป/คน จาแนกตามระหว่างปี พทุ ธศกั ราช 52 4.1.1 ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงป่ มู น่ั ภูริทตั โต 63 4.1.2 ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแหลง่ ท่ีมาขอ้ มลู 64 4.1.3 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “วิธีทาสมาธิแบบหลวงป่ มู นั่ เลา่ โดยหลวงตามหาบวั ” 80 4.1.4 ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงป่ ูมนั่ ภรู ิทตั โต จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N1] 82 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ประสบการณ์โลกทิพยใ์ นการออกธุดงค”์ 4.2 ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงป่ ูมน่ั ภูริทตั โต จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N2] 93 4.2.1 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มุตโตทยั (ฉบบั รวม)” ตามแนวทางปฏิบตั ิ 105 4.2.2 หลวงป่ มู น่ั ภูริทตั โต จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N3] 106 4.3 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “แนะนาใหฟ้ ังเป็นอยา่ งย่งิ หลวงป่ ูมนั่ สอน 112 4.3.1 ปฏิบตั ิกรรมฐานแบบเริ่มตน้ จนถึงละเอียด” ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงป่ ูมน่ั ภรู ิทตั โต จา 116 แนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N4] 4.3.2 ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระมงคลเทพมุนี 120 4.3.3 (หลวงพอ่ สด จนฺทสโร) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพและรายละเอียดแหล่งที่มาขอ้ มลู 128 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “นานง่ั สมาธิ ฉบบั สมบูรณ”์ ตามแนวทางปฏิบตั ิ 4.3.4 พระมงคลเทพมนุ ี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั O1] 137 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “สมาธิ หยดุ เป็นตวั สาเร็จ วชิ าธรรมกาย”ตามแนวทางปฏิบตั ิ 4.3.5 พระมงคลเทพมนุ ี (หลวงพอ่ สด จนฺทสโร) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั O2] 146 4.3.6 ขอ้ มูลธรรมบรรยายเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิพระธรรมโกศาจารย์ 154 (พทุ ธทาสภิกข)ุ ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแหล่งที่มา 163 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “โพธิปักขยิ ธรรมประยกุ ต์ สติปัฏฐานส่ีประยกุ ต์ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั R1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมะในฐานะเป็นเครื่องมือ สติปัฏฐานส่ี” ตามแนวทาง ปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั R2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “การปฏิบตั ิอานาปานสติหมวดที่ 4ธมั มานุปัสสนา” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั R3] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อานาปานสติ การปฏิบตั หิ มวดที่ 3 จิตตานุปัสสนา” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R4] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “การปฏิบตั ิอานาปานสตหิ มวดท่ี 2 เวทนานุปัสสนา” ตาม แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ ผล [รหสั R5] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อานาปานสติในอริ ิยาบถ” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม โกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R6]

ช สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางที่ เรื่อง หน้า 4.3.7 4.3.8 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ศึกษาพทุ ธศาสนาจากเวทนา” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระ 171 4.3.9 ธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั R7] 182 4.3.10 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ทุกเรื่องต้งั ตน้ มาจากเวทนา” ตามแนวทางปฏิบตั ิ 193 4.3.11 พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R8] 203 4.3.12 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “สรุปการปฏิบตั ิอานาปานสติ” ตามแนวทางปฏิบตั ิ 212 4.3.13 พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั R9] 220 4.3.14 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “การปฏิบตั ิอานาปานสติหมวดท่ี 1 ภาคทฤษฎี” ตามแนวทาง 231 4.3.15 ปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R10] 237 4.4 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “การปฏิบตั ิอานาปานสติหมวดที่ 1 ภาคปฏิบตั ิ” ตามแนวทาง 246 ปฏิบตั ิ พระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R11] 4.4.1 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สนทนาเรื่องสติปัฏฐาน” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 254 โกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั R12] 4.4.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 257 โกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R13] 4.4.3 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 260 โกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R14] 4.4.4 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธมั มานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 264 โกศาจารย์ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั R15] 4.4.5 ขอ้ มูลธรรมบรรยายเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิสมเดจ็ พระญาณสังวร 267 สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตาม รหสั รูปภาพ และรายละเอียดแหลง่ ท่ีมาขอ้ มลู 270 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “สรุปมหาสติปัฏฐานสูตร” แนวทางปฏิบตั ิ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั A1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “แนวทางปฏิบตั ิสติปัฏฐาน 4 โดยอาศยั ลมหายใจ” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั A2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สติปัฏฐานสี่ โสฬสปัญหา 16” แนวทางปฏิบตั ิ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั A3] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “สรุปสติปัฏฐาน4” แนวทางปฏิบตั ิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั A4] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “พิจารณากาหนดดูภายในภายนอกกาย เวทนา จิต ธรรม” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการและผล [รหสั A5]

ซ สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เรื่อง หน้า 4.4.6 4.4.7 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สมาธิในสติปัฏฐาน” แนวทางปฏิบตั ิ 273 4.4.8 สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) 276 4.4.9 จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั A6] 279 4.4.10 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สัมปชญั ญบรรพ” แนวทางปฏิบตั ิ 283 4.4.11 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) 287 4.4.12 จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั A7] 290 4.4.13 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “พิจารณากายโดยความเป็นธาตุ ธาตุบรรพ” แนวทางปฏิบตั ิ 295 4.5 สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) 303 4.5.1 จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั A8] 309 4.5.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “แนวปฏิบตั ิสติปัฏฐาน 4 โดยอาศยั ลมหายใจ” 313 4.5.3 แนวทางปฏิบตั ิสมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสงั ฆราช กลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) 315 จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการและผล [รหสั A9] 316 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “สรุปธมั มานุปัสสนาสติปัฏฐาน”แนวทางปฏิบตั ิ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั A10] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สรุปมหาสติปัฏฐานสูตร” แนวทางปฏิบตั ิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั A11] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “การบริหารจิตสติปัฏฐาน 4” แนวทางปฏิบตั ิ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั A12] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อุเบกขา” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑั ฒโน) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั A13] ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแหล่งท่ีมา [รหสั L1-16] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐานสูตร-01 มหาสติปัฏฐานสูตร” แนวทาง ปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั L1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐานสูตร-02 กายานุปัสสนา-อานาปานบรรพ” แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน(หลวงพอ่ ฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั L2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐานสูตร-03 กายานุปัสสนา อริ ิยาบถบรรพ” แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั L3]

ฌ สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เร่ือง หน้า 4.5.4 4.5.5 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐาน-04 กายานุปัสสนาสมั ปชญั ญะบรรพ” 318 4.5.6 แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษลี ิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ ผล[รหสั L4] 320 4.5.7 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐาน-05 กายานุปัสสนา ปฏิกูลมนสิการบรรพ” 322 4.5.8 แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ ผล [รหสั L5] 324 4.5.9 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐาน-06 กายานุปัสสนา ธาตบุ รรพ” แนวทาง 326 4.5.10 ปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั L6] 328 4.5.11 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐานสูตร-07 กายานุปัสสนา นวสีถิกาบรรพ” 329 4.5.12 แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ ผล [รหสั L7] 331 4.5.13 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐานสูตร-08 สรุปกายานุปัสสนา” แนวทางปฏิบตั ิ 333 4.5.14 พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั L8] 335 4.5.15 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐานสูตร 09 เวทนานุปัสสนา” แนวทางปฏิบตั ิ 336 4.5.16 พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั L9] 338 4.6 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐานสูตร-10 จิตตานุปัสสนา” แนวทางปฏิบตั ิ 339 4.6.1 พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั L10] 342 4.6.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐานสูตร-11 ธมั มานุปัสสนา-นิวรณ์บรรพ” 345 4.6.3 แนวทางปฏิบตั ิพระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษีลิงดา) จาแนก แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ ผล [รหสั L11] 347 4.6.4 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐาน - 12 ธมั มานุปัสสนา ขนั ธบรรพ” แนวทาง 347 ปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั L12] 348 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐาน-13 ธรรมานุปัสสนา-อายตนะบรรพ”แนวทาง ปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ ผล [รหสั L13] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐานสูตร-14 ธรรมานุปัสสนา-โพฌชงค์ 7” แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษลี ิงดา) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ ผล [รหสั L14] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “มหาสติปัฏฐาน - 15 ธรรมานุปัสสนา- สัจจบรรพ” แนวทาง ปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั L15] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “มหาสติปัฏฐาน -16 ธรรมานุปัสสนา- สัจจบรรพ (สรุป)” แนวทางปฏิบตั ิ พระราชพรหมยาน(หลวงพอ่ ฤาษีลิงดา) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ ผล [รหสั L16] ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั หิ ลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อินท ผิว) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพและรายละเอยี ดแหลง่ ท่ีมา [รหสั N1-10] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “เจริญสติปัฏฐาน 4 รู้ซื่อซ่ือ” แนวทางปฏิบตั ิหลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผวิ ) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วิธีเขา้ ถึงพระนิพพานกระแสพระนิพพาน” แนวทางปฏิบตั ิ หลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อินทผิว) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อยา่ ลืมตวั - ทาเหมือนกนั แตไ่ มเ่ หมือนกนั ” ตามแนวทาง ปฏิบตั ิหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผวิ ) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N3] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ขอ้ ปฏิบตั ิธรรมที่ลดั ส้นั ” ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผวิ ) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N4]

ญ สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เรื่อง หน้า 4.6.5 4.6.6 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “วิธีการเจริญสติ” ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ 350 4.6.7 (พนั ธ์ อนิ ทผวิ ) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N5] 350 4.6.8 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “รู้เอง เห็นเอง เขา้ ใจเอง สัญญากบั ปัญญา” ตามแนวทาง 351 4.6.9 ปฏิบตั ิหลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผิว) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N6] 352 4.6.10 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ตอ้ งรู้ตอ้ งสัมผสั เอง” ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงพอ่ เทียน จิตฺต 353 4.7 สุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผวิ ) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N7] 354 4.7.1 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “การเจริญสติกบั การใชช้ ีวติ จริง” ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวง 356 4.7.2 พอ่ เทียน จิตฺตสุโภ(พนั ธ์ อนิ ทผิว) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั N8] 358 4.7.3 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “เห็นความคิด คอื เห็นตน้ ทางดบั ทกุ ข”์ ตามแนวทางปฏิบตั ิ 360 4.7.4 หลวงพอ่ เทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผวิ ) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N9] 362 4.7.5 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “หลวงพอ่ เทียนสอบอารมณ”์ ตามแนวทางปฏิบตั ิหลวงพอ่ 367 4.7.6 เทียน จิตฺตสุโภ (พนั ธ์ อนิ ทผิว) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั N10] 370 4.7.7 ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั พิ ระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธ 375 4.7.8 โร) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตาม รหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแห่งท่ีมาขอ้ มูล [รหสั Y1-8 ] 380 4.8 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ทางเขา้ สู่วปิ ัสสนาญาณ 1 มหาสติปัฏฐาน 4” แนวทางปฏิบตั ิ 385 4.8.1 พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Y1] 392 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “อธิบาย สติปัฏฐานธรรมในธรรม” แนวทางปฏิบตั ิพระครู 394 ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Y2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “อธิบายมหาสติปัฏฐานส่ี ตอน 01” แนวทางปฏิบตั ิพระครู ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Y3] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อธิบายมหาสติปัฏฐานสี่ ตอน 02” แนวทางปฏิบตั ิพระครู ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ ธีการ และผล [รหสั Y4] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อธิบายมหาสติปัฏฐานสี่ ตอน 03” แนวทางปฏิบตั ิพระครู ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Y5] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อธิบายมหาสติปัฏฐานส่ี ตอน 04” แนวทางปฏิบตั ิพระครู ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั Y6] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อธิบายมหาสติปัฏฐานส่ี ตอน 05” แนวทางปฏิบตั ิพระครู ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Y7] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “อธิบายมหาสติปัฏฐานสี่ ตอน 06” แนวทางปฏิบตั ิพระครู ภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Y8] ขอ้ มูลธรรมบรรยายเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพและรายละเอียดแหล่งที่มา [รหสั S1-10] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สติปัฏฐาน 4” แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั S1]

ฎ สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เร่ือง หน้า 4.8.2 4.8.3 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ทางสายเอก” แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามนุ ี 395 4.8.4 (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S2] 397 4.8.5 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “วิปัสสนาที่ถูกตอ้ ง” แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามุนี 398 4.8.6 (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S3] 401 4.8.7 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “พระพทุ ธเจา้ ทรงสอนพอง ยบุ ไวอ้ ยา่ งไร” แนวทางปฏิบตั ิ 403 4.8.8 พระธรรมธีรราชมหามนุ ี (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S4] 404 4.8.9 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ทางไปนิพพาน” แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามุนี 406 4.8.10 (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S5] 407 4.9 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “พระไตรลกั ษณ์ (อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา )” แนวทางปฏิบตั ิพระ 408 4.9.1 ธรรมธีรราชมหามนุ ี (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S6] 410 4.9.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “คนเราเป็นพระโสดาบนั ไดอ้ ยา่ งไร” แนวทางปฏิบตั ิพระ 413 4.9.3 ธรรมธีรราชมหามนุ ี (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S7] 415 4.9.4 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วปิ ัสสนาเบ้ืองตน้ 1”แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามนุ ี 418 4.9.5 (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S8] 419 4.9.6 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “วปิ ัสสนาเบ้ืองตน้ 2”แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามุนี 421 4.9.7 (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั S9] 422 4.9.8 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วปิ ัสสนาเบ้ืองตน้ 3”แนวทางปฏิบตั ิพระธรรมธีรราชมหามนุ ี 424 (โชดก ญาณสิทธิ ) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั S10] 425 ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิพระราชสงั วรญาณ (พุธ ฐานิโย) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแหล่งทม่ี า [รหสั Pu1-10] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “เทศนาธรรมหลกั ของสติปัฏฐาน 4” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ฝึกสมาธิดว้ ยตนเอง” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พธุ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั Pu2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วธิ ีการทา สมาธิ ภาวนา พทุ โธ” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสงั วรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu3] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “จิตเพ่งจิต” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั Pu4] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วิธีสร้างพลงั จิต” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั Pu5] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ฐานการภาวนา ½” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พธุ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu6] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “หลกั ของสติปัฏฐาน 4” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พธุ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu7] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สร้างพลงั งานทางจิต” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั Pu8]

ฏ สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เร่ือง หน้า 4.9.9 4.9.10 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สติตามรู้จิต” ตามแนวทางปฏิบตั ิ 427 4.9.11 พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu9] 428 4.10 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “บริกรรม ภาวนาและตามกาหนดรู้” ตามแนวทางปฏิบตั ิ 430 4.10.1 พระราชสังวรญาณ (พธุ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu10] 432 4.10.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วิธีการฝึกสมาธิ หลวงป่ ูเสาร์” ตามแนวทางปฏิบตั ิ พระราช 435 4.10.3 สังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั Pu11] 437 4.10.4 ขอ้ มูลธรรมบรรยายเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิทา่ นสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ ผา่ น 442 4.10.5 ช่องทาง YouTube (ภาษาไทย) จาแนกตามรหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแหลง่ ท่ีมาขอ้ มูล [รหสั G1-8] 446 4.10.6 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ท่ี 1” 453 4.10.7.1 ตามแนวทางปฏิบตั ิทา่ นสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั G1] 461 4.10.7.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐานวนั ท่ี 2” 472 4.10.8 ตามแนวทางปฏิบตั ิทา่ นสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั G2] 479 4.11 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ท่ี 3” 488 4.11.1 ตามแนวทางปฏิบตั ิทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ ผล[รหสั G3] 493 4.11.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ที่ 4” 495 4.11.3 ตามแนวทางปฏิบตั ิท่านสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั G4] 497 4.11.4 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ท่ี 5” 499 ตามแนวทางปฏิบตั ิท่านสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั G5] 500 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ที่ 6” ตามแนวทางปฏิบตั ิทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั G6] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ที่ 7-1” ตามแนวทาง ปฏิบตั ิท่านสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตาม แนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั G7-1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ท่ี 7-2” ตามแนวทาง ปฏิบตั ิทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั G7-2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ธรรมบรรยายหลกั สูตรสติปัฏฐาน วนั ท่ี 8” ตามแนวทางปฏิบตั ิท่านสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ จาแนกตาม แนวคดิ หลกั การ วิธีการ ผล[รหสั G8] ขอ้ มลู ธรรมบรรยายเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั พิ ระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพ และรายละเอียดแหลง่ ท่ีมา [รหสั N1-9] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “แนะนาสติปัฏฐาน 4” แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมสิงหบรุ า จารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหัส J1] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สอนกรรมฐาน : วปิ ัสนากรรมฐาน สติปัฏฐาน 4” แนวทาง ปฏิบตั ิ พระธรรมสิงหบุราจารย(์ จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั J2] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “สติปัฏฐาน 4 หลวงพอ่ จรัญ 1/7”แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั J3] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “การกาหนดเวทนา / กาหนดปวดหนอ” แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั J4]

ฐ สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เรื่อง หน้า 4.11.5 4.11.6 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “สอนกรรมฐานสติปัฏฐาน4”แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 502 4.11.7 สิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั J5] 503 4.11.8 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ปฏิบตั ิกรรมฐาน 22 ม.ค.31”แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 505 4.11.9 สิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั J6] 506 4.12 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ปัญญาภายนอกปัญญาภายใน”แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรม 507 4.12.1 สิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั J7] 510 4.12.2 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ขนั ติจากกรรมฐาน” แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ 513 (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั J8] 4.12.3 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “กรรมฐาน แกก้ รรม” แนวทางปฏิบตั ิ พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ 515 4.12.4 (จรัญ ฐิตธฺมโม) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั J9] 517 4.12.5 ขอ้ มูลธรรมบรรยายเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางปฏิบตั ิสมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ 520 4.12.6 (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) ผา่ นช่องทาง YouTube จาแนกตามรหสั รูปภาพและรายละเอยี ดแหล่งท่ีมา [รหสั P1-15] 522 4.12.7 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “หลกั การทวั่ ไปของสติปัฏฐาน” แนวทางปฏิบตั ิ 525 4.12.8 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั P1] 526 4.12.9 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “อยากไดส้ มาธิกนั นกั หนา ถา้ ไมเ่ อาสติมานาหนา้ ทางสาเร็จก็ 527 4.12.10 ไมม่ ี” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 528 4.12.11 จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P2] 528 4.12.12 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ปัญญาภาวนา ดว้ ยสติปัฏฐาน 1/1” แนวทางปฏิบตั ิสมเดจ็ พระ 530 พุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P3] 531 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “อานาปานสติ โยงสู่สติปัฏฐาน ตอนที่ 1” แนวทางปฏิบตั ิ สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั P4] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “อานาปานสติ โยงสู่สติปัฏฐานตอนที่ 2”แนวทางปฏิบตั ิ สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P5] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “หมวดท่ี 1 กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” แนวทางปฏบิ ตั ิสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P6] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “หมวด 2 เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน” แนวทางปฏบิ ตั ิสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยุตฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P7] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง“หมวด 3 จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั P8] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “หมวดท่ี 4 ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน” แนวทางปฏบิ ตั ิสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล[รหสั P9] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ความสาเร็จการปฏิบตั ิ” แนวทางปฏิบัติสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั P10] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “วิปัสสนาภมู ิ 6” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P11] การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ความหมายของสติปัฏฐาน” แนวทางปฏิบตั ิสมเดจ็ พระพทุ ธ โฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P12]

ฑ สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ เรื่อง หน้า 4.12.13 4.12.14 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเร่ือง “ขีดข้นั ของความสาเร็จที่กรรมฐานจะใหไ้ ด”้ แนวทางปฏิบตั ิ 533 4.12.15 สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P13] 533 4.13 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ญาณ 16” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ 535 4.13.1 (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วิธีการ และผล [รหสั P14] 538 การสกดั หลกั คาสอนจากธรรมบรรยายเรื่อง “ โพธิปักขยิ ธรรม 37” แนวทางปฏิบตั ิสมเด็จพระพุทธโฆษา 4.13.2 จารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) จาแนกตามแนวคิด หลกั การ วธิ ีการ และผล [รหสั P15] 546 4.13.3 ขอ้ มูลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ผา่ นช่องทาง YouTube เก่ียวกบั คาวา่ “Mindfulness” และ 547 “Meditation” จาแนกตาม รหสั รูปภาพ และรายละเอยี ดแหลง่ ขอ้ มูล 4.13.4 ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 548 4.13.5 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง The Power of Mindfulness: What You Practice Grows 549 Stronger [รหสั B1] 4.13.6 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 550 4.13.7 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง Self-Transformation Through Mindfulness [รหสั B2] 551 4.13.8 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 552 4.13.9 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง How mindfulness changes the emotional life of our brains 553 4.13.10 [รหสั B3] 554 ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 4.13.11 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง Meditation [รหสั B4] 555 4.13.12 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 556 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง How Does Mindfulness Work? Framework for Understanding the Neurobiology of Self-Transformation [รหสั B5] 557 ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง How mindfulness can help you to live in the present [รหสั B6] ผลการวิเคราะห์หลักความเป็ นสากลเกี่ยวกับเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคัญ “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง The Science of Mindfulness [รหสั B7] ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง From Mindfulness to Action [รหสั B8] ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Meditation and Going Beyond Mindfulness [รหสั B9] ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Gelong Thubten explains how to develop a daily mindfulness practice [รหสั B10] ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง Mindfulness with Jon Kabat-Zinn [รหสั B11] ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง How mindfulness meditation redefines pain, happiness & satisfaction [รหสั B12]

ฒ สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี เรื่อง หน้า 4.13.13 4.13.14 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 558 4.13.15 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง How Mindfulness Creates Understanding [รหสั B13] 559 4.13.16 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั 560 “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง The Science of Meditation [รหสั B14] 4.13.17 ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั 561 4.13.18 “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Mindfulness & Compassion [รหสั B15] 562 4.13.19 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั 563 “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง Mindfulness Meditation - A Complete 4.13.20 Guide With Techniques & Examples [รหสั B16] 564 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 4.13.21 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง The Mindful Way Through Depression [รหสั B17] 565 ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 4.13.22 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง The mindful way through depression [รหสั B18] 566 4.13.23 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ 567 4.13.24 “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง 20 Minute Mindfulness Meditation for Being Present / 568 4.13.25 Mindful Movement [รหสั B19] 569 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั 4.13.26 “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Bhante Sujatha: Buddhist Mindfulness 570 4.13.27 Meditation [รหสั B20] 571 ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Ajahn Brahm: Mindfulness, Bliss, and 572 Enlightenment [รหสั B21] ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Mindfulness Meditation for Beginners [รหสั B22] ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง Discover Psychology-The Mindfulness Revolution[รหสั B23] ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง Cognitive Neuroscience of Mindfulness Meditation [รหสั B24] ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง The Power of MEDITATION-Awesome BBC Documentary[รหสั B25] ผลการวิเคราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เร่ือง hich Nhat Hanh - Zen Buddhism [รหสั B26] ผลการวเิ คราะห์หลกั ความเป็นสากลเกี่ยวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากคาสาคญั “Mindfulness” และ “Meditation” ผา่ นช่องทาง YouTube เรื่อง A Joyful Mind | Meditation and Mindfulness Documentary [รหสั B27]

สารบัญภาพ ณ ภาพที่ เรื่อง หน้า 2.1 กรอบแนวคดิ งานวจิ ยั เร่ือง การสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 51 3.1 รูปภาพกลมุ่ ตวั อยา่ งศึกษาการสกดั หลกั คาสอนของครูบาอาจารยจ์ านวน 12 รูป/คน 53 แนวทางปฏิบตั ิเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 3.2 ภาพท่ี 3.2 การคน้ หาขอ้ มูลออนไลน์ผา่ นช่องทาง Youtube จากคาสาคญั 54 54 “Mindfulness” หรือ “Meditation” จาแนกตามรหสั ช่ือเร่ืองบรรยาย 55 3.3 รูปภาพกลมุ่ ตวั อยา่ งจากคลิปขอ้ มูลออนไลนช์ ่องทาง YouTube 56 3.4 เครื่องมือการเก็บรวบรวมขอ้ มูลวจิ ยั ตามวตั ถุประสงคข์ อ้ ท่ี 1 58 3.5 เครื่องมือการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลวิจยั ตามวตั ถปุ ระสงคข์ อ้ ท่ี 2 574 3.6 กระบวนการวเิ คราะห์ขอ้ มลู งานวจิ ยั สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคง์ านวจิ ยั 580 5.1.1 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดยหลวงป่ ูมนั่ ภูริทตั โต 5.1.2 แผนท่ีความคดิ การสกดั หลกั คาสอนของหลวงป่ มู น่ั ภรู ิทตั โต : มหาสติปัฏฐาน 4 584 5.2.1 แผนที่ความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 586 โดยพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) 588 5.2.2 แผนท่ีความคดิ การสกดั หลกั คาสอนของพระมงคลเทพมนุ ี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) : มหาสติปัฏฐาน 4 5.3.1 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 591 โดยพระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ : ดา้ นแนวคิด 594 5.3.2 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 606 โดยพระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ : ดา้ นหลกั การ 609 5.3.3 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 613 โดยพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกข)ุ : ดา้ นวธิ ีการ 5.3.4 ภาพท่ี แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 615 โดยพระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ : ดา้ นผล 616 5.3.5 แผนท่ีความคดิ การสกดั หลกั คาสอนของพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ข)ุ : มหาสติปัฏฐาน 4 5.4.1 แผนท่ีความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดยสมเด็จพระญาณสงั วร 622 สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) : ดา้ นแนวคิด 624 5.4.2 แผนท่ีความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดยสมเด็จพระญาณสงั วร 627 สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) : ดา้ นหลกั การ 5.4.3 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย โดยสมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) : ดา้ นวิธีการ 5.4.4 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย โดยสมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) : ดา้ นผล 5.4.5 แผนที่ความคิดการสกดั หลกั คาสอนของสมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺตโน) : มหาสติปัฏฐาน 5.5.1 แผนที่ความคดิ การสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานจากแนวคดิ หลกั การ วธิ ีการ ผล โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพอ่ ฤาษี ลิงดา)

ด สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ เรื่อง หน้า 5.5.2 แผนที่ความคดิ การสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จาแนกตามฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม 633 โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี ลิงดา) 639 640 5.6.1 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดยหลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ 5.6.2 แผนท่ีความคดิ การสกดั หลกั คาสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ : มหาสติปัฏฐาน 4 646 5.7.1 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 647 โดยพระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) : ดา้ นแนวคดิ 5.7.2 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 649 โดยพระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) : ดา้ นหลกั การ 655 5.7.3 แผนท่ีความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 656 โดยพระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) : ดา้ นวธิ ีการ 5.7.4 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 663 667 โดยพระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) : ดา้ นผล 5.7.5 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 672 677 โดยพระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธมฺมธโร) : มหาสติปัฏฐาน 4 5.8.1 แผนท่ีความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 682 โดยพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ) 684 5.8.2 แผนที่ความคิดการสกดั หลกั คาสอนของพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ) : มหาสติปัฏฐาน 4 5.9.1 แผนที่ความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย 685 โดย พระราชสงั วรญาณ (พุธ ฐานิโย) 694 5.9.2 แผนที่ความคดิ การสกดั หลกั คาสอน ของพระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) : มหาสติปัฏฐาน 4 696 5.10.1 แผนท่ีความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดย 703 ท่านสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ : ดา้ นแนวคดิ 706 5.10.2 แผนที่ความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดย 711 ท่านสตั ยา นารายนั โกเอน็ กา้ : ดา้ นหลกั การ 717 5.10.3 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดย 723 724 ทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ : ดา้ นวิธีการ 5.10.4 แผนภาพความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดย ทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ : ดา้ นผล 5.10.5 แผนที่ความคิดการสกดั หลกั คาสอนมหาสติปัฏฐานของทา่ นสัตยา นารายนั โกเอน็ กา้ : มหาสติปัฏฐาน 4 5.11.1 แผนท่ีความคิดจากการสกดั หลกั คาสอนเรื่องมหาสติปัฐานธรรมบรรยาย โดย พระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) 5.11.2 แผนที่ความคิดการสกดั หลกั คาสอนของพระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธฺมโม) : มหาสติปัฏฐาน 4 5.12.1 แผนท่ีความคดิ จากการสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฐานธรรมบรรยายโดยสมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) 5.12.2 แผนที่ความคดิ การสกดั หลกั คาสอนของ สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) : มหาสติปัฏฐาน 4 5.13.1 กระบวนการสกดั หลกั ความเป็นสากลมหาสติปัฏฐาน 5.13.2 แผนที่ความคิดการสกดั หลกั ความเป็นสากลตามแนวทางมหาสติปัฏฐาน

1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ควำมสำคัญของปัญหำ งานวิจยั เรื่องกำรสกัดหลักคำสอนเรื่องมหำสติปัฏฐำน 4 ตน้ ทางสืบมาจากงานวิทยานิพนธ์ของผู้ ศึกษาวิจยั เป็นจุดเริ่มตน้ เรื่อง กำรสังเครำะห์วิทยำนิพนธ์เรื่องมหำสติปัฏฐำนของมหำวิทยำลยั มหำจุฬำลง กรณรำชวิทยำลัยระหว่ำงปี พุทธศักรำช 2540-2555 1 วตั ถุประสงค์เพื่อรวบรวมและประมวลสาระความรู้ และวิเคราะห์สังเคราะห์แนวทางปฏิบตั ิเรื่องมหาสติปัฏฐาน เป็นการวิจยั เชิงคุณภาพจากการศึกษาเอกสาร งานวิทยานิพนธ์เก่ียวกบั มหาสติปัฏฐานสารวจ 55 เรื่องวทิ ยานิพนธ์ ผลการศึกษาวิจยั พบวา่ ลกั ษณะระเบียบ วิธีวิจยั ของงานวิทยานิพนธ์เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ของมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั มากที่สุด เป็นลกั ษณะระเบียบวิธีวิจยั เชิงคุณภาพ จานวน 47 เรื่อง ร้อยละ 85.45 และเป็ นลกั ษณะการวิจยั เชิงเอกสาร จานวน 28 เรื่อง ร้อยละ 50.91 การวิเคราะห์สาระความสอดคลอ้ งงานวิทยานิพนธ์กบั หลกั การมหาสติปัฏ ฐาน 4 พบวา่ ดา้ นธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน มากท่ีสุด จานวน 48 เรื่อง ร้อยละ 52.75 และเป็นการศึกษา ดา้ นธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพียงอย่างเดียวจานวน 20 เร่ือง ร้อยละ 36.36 รองลงมาไดแ้ ก่ ดา้ นกายา นุปัสสนาสติปัฏฐาน จานวน 28 เร่ือง ร้อยละ 31.77 ดา้ นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน จานวน 11 เร่ือง ร้อยละ 12.08 ดา้ นเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จานวน 4 เรื่อง ร้อยละ 4.39 ผลการสงั เคราะห์สาระเร่ืองมหาสติปัฏ ฐาน 4 จาแนกเป็ น 1)การสังเคราะห์ด้านกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน พบว่า วิธีการเจริญอานาปานสติฝึ ก กาหนดลมหายใจเป็นคาสอนและวธิ ีการปฏิบตั ิสมบูรณ์ เป็นท้งั ปริยตั ิและปฏิบตั ิ เป็นท้งั สมถะกรรมฐานและ วิปัสสนากรรมฐาน อานาปานสติเป็นพ้นื ฐานการเขา้ ฌานออกฌานรวดเร็วจึงเป็นบาทฐานการเจริญวปิ ัสสนา ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ระบบ “ยบุ หนอ พองหนอ” เนน้ ธาตลุ มเป็นหลกั ในการกาหนดคาว่า “หนอ” แยกรูปนามทา ใหส้ มาธิชดั เจน สติกาหนดรู้รูปนาม ความรู้สึกตวั ชดั ตรงกบั สภาวธรรมเป็นจริง ไดป้ ัญญาญาณ หลกั การ กาหนดสติอยู่กบั ลมหายใจ อาการพองยุบ เคลื่อนไหวกาย คาบริกรรม กาหนดต่อเนื่อง 2) การสังเคราะห์ ดา้ นเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน พบว่า การมีสติรู้เท่าทนั เวทนาขณะเกิดข้ึน กาลงั แปรปรวน ดบั ไป ต้งั สติ จาแนกเวทนาขณะเสวยอารมณ์ ทางกายและทางใจ ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา สอดคลอ้ งความเป็นจริง ปัจจุบนั อารมณ์ เห็นความเกิดดบั เวทนา ฝึกสติกากบั ควบคมุ ความรู้สึกและความคิด เกิดวิปัสสนาปัญญา 3) การสังเคราะห์ดา้ นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน พบว่า การปฏิบตั ิให้จิตอยู่ในฌาน สร้างฌานให้เกิด โดยการเจริญสมถกรรมฐานเพ่งอารมณ์บรรลุฌาน จิตแนบไปกับอารมณ์เดียวทาให้ วิปัสสนาภาวนาเกิดข้ึน แทเ้ ดิมธรรมชาติจิตมีความบริสุทธ์ิ จิตถูกปรุงแต่งดว้ ยกิเลสความคิด จึงตอ้ งกาหนด 1 สรัญญา โชติรัตน.์ 2558. กำรสังเครำะห์วทิ ยำนิพนธ์เร่ืองมหำสติปัฏฐำนของมหำวทิ ยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวทิ ยำลัย ระหว่ำงปี พุทธศักรำช 2540-2555 . วทิ ยานิพนธป์ ริญญาพุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาพระพทุ ธศาสนา.พระนครศรีอยธุ ยา : มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั .

2 รู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง กาหนดจิตเขา้ ไปรับรู้ จิตต้งั มน่ั รู้เท่าทนั 4) การสังเคราะห์ดา้ นธรรมานุปัสส นาสติปัฏฐาน พบวา่ มหาสติปัฏฐาน เป็นวชิ าแห่งความพน้ ทุกขท์ ี่พระพทุ ธเจา้ คน้ พบแลว้ นามาสอนเพ่ือการ ปฏิบตั ิภาวนาใหเ้ กิดสติปัญญาความรู้แจง้ ไตรลกั ษณ์ สติปัฏฐานท่ีต้งั สติกาหนดรู้รูปนามจุดมุ่งหมายเพื่อดบั ทุกข์ กาหนดอารมณ์ท่ีเกิดข้ึนตามการต้งั สติรู้ตรงตามสภาวะปัจจุบนั อารมณ์ตรงตามสมมติบญั ญตั ิตามลาดบั ญาณ 16 การสร้างความรู้ความเขา้ ใจปริยตั ิธรรมทาใหก้ ารปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐาน นาเขา้ สู่ฐานกาย ฐาน เวทนา ฐานจิต เช่ือมโยงครบท้งั 4 ฐาน องค์ธรรมเคร่ืองเก้ือหนุน คือ อาตาปี สัมปชาโน สติมา การปฏิบตั ิ วิปัสสนากรรมฐาน มี 2 หลกั คือ 1)แบบสมถยานิกะ (สมถะ) เป็ นอุบายสงบใจ 2)แบบวิปัสสนายานิกะ (วปิ ัสสนา) เป็นอุบายเรืองปัญญา ไดป้ ัญญาเรียกวา่ “วปิ ัสสนาปัญญา” กำรสังเครำะห์วรรณกรรมเรื่องมหำสติปัฏฐำน 42 ผูศ้ ึกษาวิจยั ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ดาเนินงานวิจยั ปี พ.ศ. 2559 วตั ถุประสงคเ์ พื่อรวบรวมและประมวลสาระความรู้จากวรรณกรรมปัจจุบนั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน เนน้ การสารวจเพ่ือนาไปสู่การวิเคราะห์เน้ือหาสาระจากวรรณกรรม โดยกลุ่มตวั อย่าง คือ วรรณกรรมยุคปัจจุบนั เร่ืองสติปัฏฐาน ท่ีไดร้ ับการตีพิมพใ์ นปี พุทธศกั ราช 2549-2559 (10 ปี ) จานวน 100 เล่ม ผลการศึกษาพบวา่ ประเภทตามลกั ษณะ 4 ประเภทวรรณกรรม 1)วรรณกรรมแนววิชาการ หมายถึง หนังสือวิชาการ แนวเขียนแบบตาราต่าง ๆ และเก่ียวกบั พระไตรปิ ฎก มกั อา้ งอิงคาบาลีเพื่ออธิบายความ เน้ือหาสาระ ร้อยละ 15 ประเภท 2)วรรณกรรมแนวคาสอนครูบาอาจารย์ หมายถึง คาสอนครูบาอาจารยท์ ่ี อธิบายวิธีการภาคทฤษฎีและแนวปฏิบตั ิเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ร้อยละ 45 ประเภท 3)วรรณกรรมแนว นักเขียนคน้ คิด หมายถึง งานเขียนท่ีผูเ้ ขียนไดค้ น้ คิดศึกษาเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 จากการศึกษาของผเู้ ขียน ร้อยละ 25 ประเภท 4)วรรณกรรมแนวบูรณาการศาสตร์สมยั ใหม่ หมายถึง หนงั สือที่ผเู้ ขียนไดน้ าหลกั การ เร่ืองมหาสติปัฏฐานไปบูรณาการเขียนกับศาสตร์สมัยใหม่หรือการนาหลักการมหาสติปัฏฐาน ไป ประยกุ ตใ์ ชก้ บั ศาสตร์สมยั ใหม่ ร้อยละ 15 เมื่อวิเคราะห์ประเภทแนวคำสอนครูบำอำจำรย์ พบวา่ 1) แนวคดิ เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นการปฏิบตั ิธรรม คอื ความดบั ทกุ ขเ์ ป็นทางสายเอกทางเดียวไปสู่การพน้ ทุกข์ โดย เห็นส่ิงท้งั หลายถูกตอ้ งตามความเป็นจริง ตามแนวทางไตรลกั ษณ์ แนวทางสร้างศีล สมาธิ ปัญญา ทางแห่ง ปัญญาเจริญวิปัสสนา รู้แจ้งชัดเพ่ือความหลุดพน้ 2) หลักการเรื่ องมหาสติปัฏฐาน สาระสาคญั ปฏิบตั ิ แนวทางปฏิบตั ิเนน้ การเจริญภาวนาบริกรรมพุทโธ เมื่อปฏิบตั ิจิตสงบต้งั มนั่ แลว้ ยกข้ึนพิจารณาองค์ธรรม การเจริญอานาปานสติกาหนดลมหายใจ สร้างหลกั การตอ้ งชานาญท้งั ปริยตั ิและปฏิบตั ิ ด้วยแนวทางศีล สมาธิ ปัญญา เจริญปัญญาเนน้ อริยสัจ 4 เป็ นหลกั การและมรรค 8 เป็นทางแห่งความพน้ ทุกข์ ดงั น้นั หลกั การ สติปัฏฐาน ทาให้เกิดสติและเกิดปัญญา จิต ปี ติปราโมทยท์ ุกลมหายใจเขา้ ออก เป็นการฝึ กจิตตามหลกั การ กายคตาสติ ให้สมาธิเป็ นฐานกาหนดจิต พิจารณากายอิริยาบถยืนเดินน่ังนอน ให้จิตใส่ใจในอิริยาบถ 3) วิธีการเป็นการปฏิบตั ิให้บรรลุตามหลกั การ มีลกั ษณะวิธีการเจริญสมาธิแบบธรรมชาติ หรือตามแบบแผน เทคนิควิธีเพื่อเป็ นอุบายให้เกิดสมาธิ เช่น การเดินจงกรม กาหนดลมหายใจ ใช้คาบริกรรม ใช้คาภาวนา 2 สรัญญา โชติรัตน.์ 2561. กำรสังเครำะห์วรรณกรรมเรื่องมหำสตปิ ัฏฐำน 4. รายงานผลวจิ ยั . มหาวิทยาลยั แมโ่ จ.้ เชียงใหม.่

3 กาหนดลมหายใจพร้อมคาบริกรรมว่า “พุทโธ” ใชป้ ัญญาในการปฏิบตั ิธรรม สร้างความรู้สึกรู้ตวั สติและ สมาธิความต้งั มนั่ จิตมีสมาธิคือ เป็ นผูด้ ู ผูร้ ู้ ทาด้วยความรู้สึกตวั จิตเป็ นกาลงั พฒั นาอริยสัจ 4 ใช้สมาธิ กาหนดจิตต้งั มน่ั หยงั่ รู้ในฌาน เห็นไตรลกั ษณ์ ความไมเ่ ท่ียง จึงมีขอ้ สงสัยว่า งานวรรณกรรมปัจจุบนั เร่ือง มหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางการปฏิบตั ิของครูบาอาจารยม์ ีความหลากหลายสาระประเด็นและรูปแบบ ปี พ.ศ. 2561 ศึกษาเร่ือง รูปแบบกำรเข้ำถึงปัญญำเร่ืองมหำสตปิ ัฏฐำน 4 3 วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ วิเคราะห์ และสร้างรูปแบบการเขา้ ถึงปัญญาเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ระเบียบวิธีการวิจยั เชิงคุณภาพ กลุ่มตวั อย่าง ไดแ้ ก่ ผูเ้ ขียนผลงานวรรณกรรมและผลงานวิทยานิพนธ์ พระวิปัสสนาจารยท์ ว่ั ไป เจา้ สานักศูนยป์ ฏิบตั ิธรรม ทว่ั ไป วิธีเก็บรวบรวมขอ้ มูล จากแบบสอบถาม จานวน 40 รูป/คน จากการสัมภาษณ์ จานวน 27 รูป/คน จาก การศึกษาเฉพาะกรณีศึกษา ประกอบดว้ ย 1) แบบสมาธิบาบดั รักษาโรคไดด้ ว้ ยตนเอง (SKT) ศึกษา 2) แบบ NLP (Neuro Linguistic Programming) 3) แบบแนวทางปฏิบตั ิท่านโกเอ็นกา้ 4)การศึกษาจากปฏิบตั ิธรรม ดว้ ยตวั เอง ผลการศึกษาพบวา่ 1) ลกั ษณะรูปแบบเป็นปัญญาเกิดจากการปฏิบตั ิ ฝึกฝน สะสม ประสบการณ์ ท้งั สมถและวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อนาไปสู่การพน้ ทกุ ข์ นาสติที่ต้งั มน่ั ในปัญญาเขา้ ใจธรรมชาติเป็นจริง ทกุ ขณะจิตเกิดดบั เห็นไตรลกั ษณ์ตลอดเวลา สอดคลอ้ งกบั “ปัญญาระดบั ภาวนามยปัญญา”การไดป้ ระจกั ษ์ดว้ ย ตนเอง เห็นตามลกั ษณะความไม่เท่ียง อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา พบความจริงสูงสุด เป็นความจริงเหนือประสาท สัมผสั เหนือขอบเขตจกั รวาล เรียกวา่ “ปัญญาจริงแท”้ 2) ลกั ษณะรูปแบบเป็นการฝึ กฝนปฏิบตั ิ ควบคู่ไปกบั การเรียนรู้แนวคิด ทฤษฎี ไปดว้ ยกนั โดยสาธยายธรรมท่ีมีความรู้ความเขา้ ใจ สู่บุคคลอื่นไดบ้ างส่วนความ เป็ นจริงไม่เป็ นปัญญาแทจ้ ริง แหล่งที่มาของรูปแบบปัญญาจากตกผลึกความคิดท่ีไดค้ น้ คิดดว้ ยตนเอง ท้งั การบูรณาการศาสตร์สมยั ใหม่ นาไปประยุกตใ์ ช้ หรือแนวคาสอนครูบาอาจารย์ หรือแนวทางการปฏิบตั ิ และเช่ือมโยงแนวคิดหลกั การและวิธีการคาสอนครูบาอาจารย์ สอดคลอ้ งกบั “ระดบั ปัญญาสุตมยปัญญา” ที่ เกิดจากศึกษาเล่าเรียน ผสานกบั “ระดบั ปัญญาจิตตามยปัญญา” ที่เกิดจากการคิดคน้ การตรึกตรอง เรียกว่า “ปัญญาเกือบเป็ นจริง” 3) ลกั ษณะรูปแบบเป็นเพียงความคิดเห็น การพิจารณาจากการฟัง การอ่าน การเล่า เรียน เป็นไปตามแนวทางท่ีคิดวา่ ควรจะเป็น แหล่งท่ีมาจากพระไตรปิ ฎก คมั ภีร์ ตารา เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร อา้ งอิงคาบาลีเพื่ออธิบายความเน้ือหาสาระ ความรู้ความเขา้ ใจระดบั เชาวน์ปัญญาเกี่ยวกบั คาสอนเท่าน้นั แต่ ยงั ไม่ลงปฏิบตั ิ สอดคลอ้ งกบั “ระดบั ปัญญาสุตมยปัญญา” ที่เกิดจากศึกษาเล่าเรียน เท่าน้ัน การอนุมาน ตรรกะ เป็ นความจริงท่ีเกิดจากการคาดคะเนเอาเอง ไม่ใช่ความจริงแท้ จึงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เรียกวา่ “ปัญญาท่ีคาดวา่ จะเป็นจริง” จากท้งั หมดผลงานวิจยั มาจากกรอบมำจำกพระสูตรมหำสติปัฏฐำน โดยอำศัยเป็ นเคร่ืองมือศึกษำวิจัย กล่าวไวใ้ นพระไตรปิ ฎกเป็ นหลกั การลายลกั ษณ์อกั ษร เพ่ิมเติมการขยายความอธิบายความ ตอ้ งอาศยั และ พ่งึ พาคาสง่ั สอนอบรมจากครูบาอาจารยท์ ี่ปฏิบตั ิดีและปฏิบตั ิชอบ ในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะดา้ นการอธิบาย ความหมายแนวทางปฏิบตั ิดา้ นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานหรือสติปัฏฐาน 4 ตอ้ งเขา้ ใจทฤษฎีมาเป็ น 3 สรัญญา โชติรัตน.์ 2562. รูปแบบกำรเข้ำถงึ ปัญญำเร่ืองมหำสตปิ ัฏฐำน 4. รายงานผลวจิ ยั มหาวิทยาลยั แม่โจ้ เชียงใหม.่

4 เบ้ืองตน้ และแนวทางทางปฏิบตั ิท่ีถกู ตอ้ งตามมา ส่วนผลการปฏิบตั ิก็จะไดบ้ รรลุผลตามความเพยี ร หาทาง พน้ ทุกขแ์ ทจ้ ริงเดินทางตามคาสัง่ สอนของพระพุทธองค์ มหาสติปัฏฐาน 4 เป็นทางสายเอก ทางน้ีเป็นทางสายเดียว เพ่ือความหมดจดวิเศษของสัตวท์ ้งั หลาย เพ่ือความกา้ วล่วงซ่ึงความโศกและความร่าไร เพื่ออสั ดงคด์ บั ไปแห่งทุกขแ์ ละโทมนสั เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อกระทาพระนิพพานให้แจง้ พระผูม้ ีพระภาคเจา้ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุท้งั หลาย ทางน้ีเป็นทางสายเดียว เพื่อ ความหมดจดวิเศษของสัตวท์ ้งั หลาย เพอื่ ความกา้ วล่วงซ่ึงความโศกและความร่าไร เพือ่ อสั ดงดบั ไปแห่งทุกข์ และโทมนสั เพ่ือบรรลุญายธรรม เพ่ือกระทาพระนิพพานให้แจง้ ทางน้ีคือสติปัฏฐาน 4 อยา่ ง สติปัฏฐาน 4 อย่างเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษุในธรรมวินยั น้ี ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ นาอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียให้พินาศ เธอย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ นาอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียใหพ้ ินาศ เธอยอ่ มพิจารณาเห็นจิตใน จิตเนืองๆอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ นาอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียให้พินาศ เธอย่อมพิจารณา เห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ นาอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสียใหพ้ ินาศ ทางน้ี คือ สติปัฏฐำน แปลว่า ธรรมเป็ นที่ต้ังแห่งสติ หรือการปฏิบตั ิมีสติเป็นประธาน 4 ประการ อะไรบา้ ง คอื 1) พิจารณาเห็น กายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ 2)พิจารณาเห็น เวทนาในเวทนา ท้งั หลาย อยู่ มีความเพยี ร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกได้ 3 )พจิ ารณาเห็น จิตในจิตอยู่ มีความ เพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติกาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกได้ 4) พิจารณาเห็น ธรรมในธรรม ท้งั หลายอยู่ มี ความเพียร มีสัมปชญั ญะมีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกได้ จากพระสูตรเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 เป็น พระสูตรในพระไตรปิ ฎกฉบบั ภาษาไทยฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั พระสุตตนั ตปิ ฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [9.มหาสติปัฏฐานสูตร] ที.ม. เล่มที่ 10ขอ้ 372 ถึง ขอ้ 405 หนา้ 301-340 กล่าวถึง ทางสายเอกที่ นาไปสู่หนทางพน้ ทกุ ข์ จากงานวทิ ยานิพนธ์ และหนงั สือวรรณกรรมปัจจุบนั ที่ปรากฏ ตลอดจนการลงพ้ืนที่สัมภาษณ์เก็บมูล วิจยั พบช่องวา่ งของขอ้ คน้ พบเป็นปัญหางานวิจยั คือ ระดบั ความรู้ทางธรรมหรือการนาธรรมไปบูรณาการ เขา้ ถึงปัญญา ผวู้ จิ ยั เห็นวา่ ควรไดไ้ ปศึกษาการธรรมบรรยายจากครูบาอาจารย์ โดยการศึกษาจากสื่อออนไลน์ ผ่านช่องทาง YouTube เป็ นการศึกษาจากแหล่งขอ้ มูล เป็ นโจทยป์ ัญหางานวิจยั จากธรรมบรรยายท้งั จาก น้าเสียงของครูบาอาจารย์อธิบายความเกี่ยวกับมหาสติปัฏฐาน 4 หรือเกี่ยวขอ้ งกับมหาสติปัฏฐาน 4 เป็ น อย่างไร น้าเสียงการบรรยายธรรมเป็ นอย่างไร ขยายขอบเขตงานเดิมจากการศึกษางานสังเคราะห์ วิทยานิพนธ์ และสงั เคราะห์หนงั สือวรรณกรรมท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน เพ่มิ เติมขยายขอบเขตงาน ไปศึกษาการไดร้ ับฟังธรรมบรรยายเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 จากนาเสียงครูบาอาจารย์ จึงเป็นที่มาและ ช่องว่างของปัญหางานวิจยั นาไปสู่วิธีการปฏิบตั ิเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 เนน้ เกี่ยวกบั การปฏิบตั ิเกี่ยวกบั มหา สติปัฏฐานเป็ นหลัก เป็ นที่มาโครงการวิจยั เรื่อง กำรสกัดหลักคำสอนเรื่องมหำสติปัฏฐำน 4 เหตุผล เบ้ืองหลงั การศึกษา คือ

5 ขอ้ 1 หลักคำสอนที่เป็ นการอธิบายความ ตามพระสูตรมหาสติปัฏฐาน 4 เป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร ยงั ตอ้ งการคาอธิบายเน้ือความใหไ้ ปสู่แนวทางการปฏิบตั ิ ผวู้ จิ ยั มีสมมติฐานวา่ ยงั ไม่สามารถเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งถ่อง แทห้ ากปราศจากการอธิบายความจากครูบาอาจารยผ์ ูม้ ีความยอดเยี่ยมดา้ นการเจริญวิปัสสนาในยุคก่อนๆ เป็นที่ยอมรับโดยมีลูกศิษยน์ าคาสอนมาเป็นแนวทางการปฏิบตั ิ การเขา้ ถึงความรู้อยา่ งเกิดปัญญา ภาษาธรรม คือ การไม่มีภาษาอาศยั ความรู้สึกวิญญาณขนั ธ์ ความลึกซ้ึงระดบั นามธรรม ดงั น้นั ผูว้ ิจยั จึงสนใจศึกษาคา สอนของครูบาอาจารยบ์ รรยายธรรมเกี่ยวกับเรื่องมหาสติปัฏฐาน ฐานกาย ฐานเวทนา ฐานจิต ฐานธรรม เป็นการเนน้ ย้าที่ท่านกล่าวเป็นหลกั การเพ่ือเป็นฐานการเขา้ สู่การปฏิบตั ิตามแนวทางมหาสติปัฏฐาน 4 เขา้ ถึง จนเกิดปัญญาแทจ้ ริง เป็นอดีต สู่ปัจจุบนั นาไปสู่อนาคต โดยการเทียบหลกั การสากล วเิ คราะห์ ขอ้ 2 คาสอนแนวทางปฏิบตั ิ จากครูบาอาจารยใ์ นการอธิบายความเก่ียวกบั เรื่องการปฏิบตั ิกรรมฐาน ท่ีอย่เู น้ือหาสาระเบ้ืองหลงั จากพระไตรปิ ฏก ตามพระสูตรมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ลกั ษณะ การอธิบายเป็นอย่างไร หมายความวา่ เพียงเฉพาะการอ่านจากหนงั สือ งานวรรณกรรม หรือจากเน้ือหาพระ ไตรปิ ฏก ยงั ไม่อาจเขา้ ใจเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 ไดอ้ ยา่ งถ่องแท้ การฟังธรรมอย่างเป็ นงานวิจยั คน้ ควา้ เพิ่ม จาเป็นตอ้ งศึกษาจากคาสอนคาช้ีแนะและคาสอนจากครูบาอาจารยท์ ี่มีความรู้ความสามารถเช่ียวชาญ แนะนา แลว้ จะช่วยใหเ้ กิดปัญญานาไปสู่ ปัญญาดา้ นการภาวนา นาไปสู่การแสวงหาความทนั สมยั เก่ียวกบั สาระสติ สาระเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ในความหมาย ภาษาองั กฤษท่ีวา่ Meditation (สติ) และ Mindfullness (สมาธิ) ขอ้ 3 ผวู้ ิจยั มีสมมติฐานเชื่อวา่ การอธิบายการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลกั การมหาสติปัฏฐาน 4 ตอ้ งพ่ึงพาคาสอนของครูบาอาจารยใ์ นยุคสมยั ก่อนซ่ึงท่านไดม้ รณภาพไปแลว้ แต่เน้ือหาคาสอนท่านยงั ทรงซ่ึงประโยชน์ไม่ไดบ้ ิดเบือนคาสอน ขยาความหรือตดั ทอน โดยการฟังเสียงธรรมบรรยาย การไดฟ้ ังคา สอนครูบาอาจารย์ จะช่วยให้มีความรู้ความเขา้ ใจเรื่องแนวทางการปฏิบตั ิมหาสติปัฏฐาน 4 ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และเป็นไปอยา่ งถอ่ งแท้ เป็นการยอ้ นไปในอดีตเพ่ือสู่ปัจจุบนั และปรับตามความทนั สมยั ในอนาคต ความ โหยหาองคค์ วามรู้ในอดีตซ่ึงเป็นของจริงแทโ้ ดยเฉพาะจากนาเสียงบรรยายเพื่อนาไปสู่อนาคต ความรู้หลาย ความรู้กลายเป็นองคค์ วามรู้ ขอ้ 4 ความเขา้ ใจในบริบทเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 อยา่ งเป็นสากล โดยอาศยั ช่องทางการเขา้ ถึงสื่อสาร สังคมออนไลน์ผ่านช่องทาง YouTube เป็นเครื่องมือทนั สมยั ในยุคปัจจุบนั เทียบเคียงคู่ขนานประกอบเพ่ือ การสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ให้หาความเป็ นสากลในการปฏิบตั ิและการกล่าวอา้ งถึง เพ่ือ นาไปสู่โจทยง์ านวิจยั เร่ืองต่อไป นาไปสู่การวางแผนดาเนินงานวิจยั ลกั ษณะเชิงโครงสร้างอาศยั พระสูตร มหาสติปัฏฐานเป็นหลกั เป็นสาระสาคญั อาจทาใหม้ องเห็นงานวจิ ยั วตั ถุประสงคเ์ ชิงกวา้ ง 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของกำรวจิ ยั 1) เพ่ือสกดั หลกั คาสอนเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางของครูบาอาจารย์ 2) เพอื่ ศึกษาความรู้เร่ืองสติปัฏฐาน 4 จากอดีต ปัจจุบนั สู่ความเป็นอนาคต

6 1.3 ขอบเขตของกำรวิจัย 1) ดา้ นสาระ กรอบแนวคิดจากพระสูตรเรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นพระสูตรในพระไตรปิ ฎกฉบบั ภาษาไทยฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั เป็นกรอบการศึกษาสาระและวิเคราะหส์ งั เคราะหส์ าระ เอกสาร งานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 2) ดา้ นกลุ่มตวั อย่าง เป็ นขอ้ มูลออนไลน์คลิปขอ้ มูลบนช่องทาง YouTube เป็ นคลิปขอ้ มูลเสียงคา บรรยายธรรมของครูบาอาจารย์ เป็นหลกั และคลิปเก่ียวกบั คาวา่ สติ ในความหมายเป็นสากล และการศึกษา สืบคน้ เอกสารที่เก่ียวขอ้ งเป็นส่วนเสริมธรรมบรรยายของครูบาอาจารยต์ ามขอ้ มลู ที่คน้ หาได้ 3) ดา้ นระยะเวลา ดาเนินงานเกบ็ ขอ้ มูลระหวา่ ง 1 มกราคม พ.ศ.2564 ถึง 30 กนั ยายน พ.ศ.2564 1.4 ประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รับ 1. งานวิจยั สามารถสร้างผลผลิตตวั ช้ีวดั ที่จะเกิดข้ึนจากงานวิจยั ได้บทความวิจยั จานวน 4 เรื่อง นาเสนอบทความวิจยั ท้งั ในวารสารระดบั ชาติ และนาเสนอบทความวิจยั งานประชุมวิชาการระดบั ชาติ และ หลงั จากเสร็จเล่มรายงานผลการวจิ ยั สามารถนาไปขยายผลวจิ ยั เป็นบทความวิจยั ไดอ้ ีกหลายเรื่องต่อไป 2. การได้องค์ความรู้ที่มีความทนั สมยั การเปล่ียนแปลงความรู้ความเขา้ ใจ ระดบั แนวความคิด ทฤษฎีเดิม การปรับเปลี่ยนความทนั สมยั ใหเ้ ขา้ ใจสังคมโลกมาก ผศู้ ึกษาวิจยั ไดค้ วามกา้ วหนา้ ทางองคค์ วามรู้ เร่ืองศึกษามากยงิ่ ข้ึน แนวทางการนาผลงานไปขยายผลใชป้ ระโยชน์ การเขยี นบทความเพือ่ เผยแพร่ 3. นาผลงานวิจยั ไปสู่การเขยี นขอ้ เสนอโครงการวิจยั ต่อไปเพอ่ื การสร้างรูปแบบการอธิบายความเชิง วิทยาศาสตร์การนาไปสู่นวตั กรรมทางความรู้เรื่องมีความทนั สมยั ในยคุ ปัจจุบนั เขา้ ถึงสภาวธรรมแยกรูป นามและเช่ือมโยงการสร้างผลงานวิจยั ใหเ้ กิดทางวิชาการ บรูณาการไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ขา้ มศาสตร์ไดอ้ ย่าง ดี ในเรื่องสติ และการฝึกสมาธิ และการประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่ือใหเ้ กิดประโยชน์ ศึกษาเชิงวทิ ยาศาสตร์ 4. แนวทางการขบั เคลื่อนผลงานวิจยั และนวตั กรรมไปสู่ผลลพั ธ์และผลกระทบเป็ นการเช่ือมโยง วิทยาการองคค์ วามรู้ดา้ นวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภายในกาหนดสู่ภายนอกสามารถเขา้ ถึง ทานายอนาคต เพ่ือสร้างองคค์ วามรู้และนวตั กรรมท่ีตอบสนองต่อโจทยท์ า้ ทายในอนาคต 1.5 นิยมศัพท์ มหำสติปัฏฐำน 4 หมายถึง พระสูตรในพระไตรปิ ฏกฉบบั ภาษาไทยฉบบั มหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลยั กล่าวถึง พระพุทธเจา้ ตรัสสอนว่า เพ่ือทาให้แจง้ นิพพาน ทางน้ี คือ สติปัฏฐาน แปลวา่ ธรรมเป็ น ที่ต้งั แห่งสติ 1) ต้งั สติพิจารณากายในกาย พิจารณาเห็น กายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ 2) ต้งั สติพิจารณาเวทนาในเวทนา พิจารณาเห็น เวทนาในเวทนา ท้งั หลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกได้ 3) ต้งั สติกาหนดพิจารณาจิตในจิต พิจารณาเห็น จิตในจิตอยู่ มีความ เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกาจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้ 4) ต้ังสติกาหนดพิจารณาธรรมในธรรม

7 พจิ ารณาเห็น ธรรมในธรรม ท้งั หลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชญั ญะมีสติ กาจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกได้ อาศยั หลกั การมหาสติปัฏฐาน 4 เป็ นแนวคิด ทฤษฏี และกรอบแนวคิด ตลอดจนเป็ นเคร่ืองมือในการ ศึกษาวจิ ยั กำรสกัดหลกั คำสอน หมายถึง ศึกษาแนวทางและวิธีการปฏิบตั ิเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 ตามแนวทาง คาสอนของครูบาอาจารยย์ งั ปรากฎคาสอนและการสืบทอดแนวทางการปฏิบตั ิตามสายการปฏิบัติใน สังคมไทย และคาสอนท่ียงั สามารถทาการสืบค้นหลักฐานหรือข้อมูลได้ บนออนไลน์ผ่านช่องทาง YouTube ตลอดจนการเทียบเคยี งคาสอนเกี่ยวกบั สติ ในการอธิบายความเป็นหลกั การสากล เทียบเคียง สกัด หมายถึง วิธีการย่อยสลายขอ้ มูลนามธรรมไปสู่รูปธรรมและยอ้ นความหมายต้งั ขอ้ มูลท่ีเป็ น รูปธรรมไปสู่นามธรรม เป็ นกระบวนการอุปนยั (Inductive Method) และนิรนยั (Deductive Method) ไปสู่ ความเป็ นกลางที่มองเห็นภาพย่อยและมองหาภาพใหญ่ ขอ้ มูลกลบั ไปมาได้ จุดแกนร่วมกนั และจุดความ ตา่ งกนั ของคาสอนซ่ึงเป็นชุดขอ้ มลู ที่ไดศ้ ึกษาเกบ็ รวบรวม การมองเห็นลกั ษณะเป็นโครงสร้าง จะคน้ หาจุด ร่วมกนั จุดแตกตา่ งกนั จุดคลา้ ยคลึงกนั และจุดเชื่อมโยงสมั พนั ธ์กนั ไดช้ ดั เจน ครูบำอำจำรย์ หมายถึง ครูบาอาจารยผ์ ูถ้ ่ายทอดองค์ความรู้สายการปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐานใน สังคมไทยตามหลกั การแนวคิดและทฤษฎี และครูบาอาจารย์ปรากฏคาสอนจากงานเดิมของผูศ้ ึกษาวิจยั ท้งั จากงานวิทยานิพนธ์ วิจยั และหนงั สือวรรณกรรมปัจจุบนั ตลอดครูบาอาจารยท์ ี่ยงั คงปรากฏร่องรอยแสดง ธรรมเก่ียวกบั เรื่องมหาสติปัฏฐาน 4 อาศยั การสืบคน้ ท้งั จากช่องทาง YouTube และผลงานหนงั สือ ตารา และงานวิจยั งานวิทยานิพนธ์ ตลอดจนการลงพ้ืนท่ีเก็บขอ้ มูลงานวิจยั ที่ผ่านมาของผูว้ ิจยั จากผูใ้ ห้ขอ้ มูล ยงั คงกลา่ วถึงและใชว้ ธิ ีการปฏิบตั ิของทา่ น หลกั ควำมเป็ นสำกล หมายถึง ความเป็นแนวคิดสากลเก่ียวกบั เร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นกรอบโดย เป็ นการศึกษาแบบเทียบเคียงความคิดหลากหลายรูปแบบ ผ่านการเก็บขอ้ มูลบนออนไลน์ผ่านช่องทาง YouTube นาไปสู่ความเขา้ ใจโดยวิธีการเทียบเคียง ความเขา้ ใจโดยผ่านผูว้ ิจยั รวมท้งั คาว่า Mindfulness และ Meditation เพื่อการสืบคน้ บนออนไลนผ์ า่ นช่องทาง YouTube หาความเชื่อมโยงเร่ืองมหาสติปัฏฐาน 4 นาไปสู่ความเป็นหลกั สากล นิยำมคำว่ำ “สำกล” ตำมควำมหมำยผู้วจิ ัย หมายถึง เน้ือหาสาระ ความคดิ หลกั การเรื่องสติปัฏฐาน ไม่ว่า ชาติ ศาสนา ภาษา หรือวฒั ธรรม แตกต่างกนั มนุษยชาติจะมีจุดร่วมเดียวกนั ซ่ึงใชก้ นั ทว่ั โลก เก่ียวกบั เรื่องราวสติปัฏฐาน เปรียบเทียบเช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บและความตาย เป็นตน้ ทกุ ชาติ ทุกภาษา ทุก วฒั นธรรม ฯลฯ ไม่วา่ ยากดีมีจน เรียนสูงเรียนต่า ประเทศร่ารวย ประเทศยากจน มีความเหมือนกนั

8 บทท่ี 2 กำรตรวจเอกสำรท่เี กยี่ วข้อง 2.1 แนวคิด และทฤษฎี เกยี่ วกบั มหำสตปิ ัฏฐำน 4 ควำมหมำยมหำสตปิ ัฏฐำน 4 พระพรหมคุณำภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)4 ไดใ้ ห้ความหมายสำระมหำสติปัฏฐำนสูตร ในพจนานุกรม พุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม) ให้ความหมาย สติปัฏฐาน 4 หมายถึง ที่ต้งั ของสติ การต้งั สติกาหนด พิจารณาสิ่งท้ังหลายให้รู้เห็นตามความเป็ นจริง คือ ตามท่ีสิ่งน้ันๆ มันเป็ นของมันเอง foundations of mindfulness) ประกอบดว้ ย 1) กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การต้งั สติกาหนดพิจารณากายใหร้ ู้เห็นตามเป็ น จริง ว่า เป็ นเพียงกาย ไม่ใช่สัตวบ์ ุคคลตวั ตนเราเขา contemplation of the body; mindfulness as regards the body) ท่านจาแนกปฏิบตั ิไวห้ ลายอยา่ ง คือ อานาปานสติ กาหนดลมหายใจ อิริยาบถกาหนดรู้ทนั อิริยาบถ สัมปชัญญะ สร้างสัมปชัญญะในการกระทาความเคลื่อนไหวทุกอย่าง ปฏิ กูลมนสิการ พิจารณา ส่วนประกอบอนั ไม่สะอาดท้งั หลายที่ประชุมเขา้ เป็นร่างกายน้ี ธาตุมนสิการ พิจารณาเห็นร่างกายของตน โดยสักว่าเป็นธาตุแต่ละอยา่ งๆ นวสีวถิกา พิจารณาซากศพในสภาพต่างๆ อนั แปลกกนั ไปใน 9 ระยะเวลา ให้เห็นคติธรรมดาของร่างกาย ของผูอ้ ่ืนเช่นใด ของตนก็จกั เป็ นเช่นน้ัน 2) เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การต้งั สติกาหนดพิจารณาเวทนา ใหร้ ู้เห็นตามเป็นจริงวา่ เป็นแต่เพียงเวทนา ไม่ใช่สัตวบ์ ุคคลตวั ตนเราเขา contemplation of feelings; mindfulness as regards feelings) คือ มีสติรู้ชดั เวทนาอนั เป็นสุขก็ดี ทกุ ขก์ ด็ ี เฉยๆ ก็ดี ท้งั ที่เป็นสามิส และเป็นนิรามิสตามท่ีเป็นไปอยใู่ นขณะน้นั ๆ 3) จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การต้งั สติ กาหนดพจิ ารณาจิต ใหร้ ู้เห็นตามเป็นจริงวา่ เป็นแต่เพยี งจิต ไม่ใช่สตั วบ์ ุคคลตวั ตนเราเขา - contemplation of mind; mindfulness as regards thoughts) คือ มีสติรู้ชัดจิตของตนที่มีราคะ ไม่มีราคะ มีโทสะ ไม่มีโทสะ มี โมหะ ไม่มีโมหะ เศร้าหมองหรือผ่องแผว้ ฟุ้งซ่านหรือเป็ นสมาธิ ฯลฯ อย่างไรๆ ตามท่ีเป็ นไปอยู่ใน ขณะน้นั ๆ 4) ธมั มานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การต้งั สติกาหนดพิจารณาธรรม ใหร้ ู้เห็นตามเป็นจริงวา่ เป็นแต่ เพียงธรรม ไม่ใช่สัตวบ์ ุคคลตวั ตนเราเขา - contemplation of mind-objects; mindfulness as regards ideas) คอื มีสติรู้ชดั ธรรมท้งั หลาย ไดแ้ ก่ นิวรณ์ 5 ขนั ธ์ 5 อายตนะ 12 โพชฌงค์ 7 อริยสัจ 4 วา่ คืออะไร เป็นอยา่ งไร มี ในตนหรือไม่ เกิดข้ึน เจริญบริบรู ณ์ และดบั ไปไดอ้ ยา่ งไร เป็นตน้ ตามที่เป็นจริงของมนั อยา่ งน้นั ๆ. 4 พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยตุ ฺโต). พจนำนุกรมพทุ ธศำสตร์ ฉบับประมวลธรรม) . พิมพค์ ร้ังที่ 18. โรงพิมพ์ เพมิ่ ทรัพยก์ ารพมิ พ.์ นนทบรุ ี.

9 สุชีพ ปุญญำนุภำพ5 กล่าวถึงโครงสร้างเร่ือง มหำสติปัฏฐำนสูตร สูตรว่าดว้ ยการต้งั สติอย่างใหญ่ กล่าวถึง พระผูม้ ีพระภาคประทบั ณ นิคม ช่ือกมั มาธัมมะ แควน้ กุรุ ตรัสสอนพระภิกษุท้งั หลายว่า หนทาง เป็นที่ไปอนั เอกเพ่ือความบริสุทธ์ิของสตั ว์ เพือ่ กา้ วลว่ งความโศก ความคร่าครวญ เพอ่ื ใหค้ วามทกุ ขก์ ายทุกข์ ใจต้งั อยู่ไม่ได้ เพ่ือบรรลุธรรมที่ถูกตอ้ ง เพื่อทาให้แจง้ พระนิพพาน คือ กำรต้ังสติ 4 อย่างไดแ้ ก่ 1) ต้งั สติ พิจารณากายในกาย (กายส่วนยอ่ ยในกายส่วนใหญ่) 2) ต้งั สติพิจารณาเวทนาในเวทนา (ความรู้สึกอารมณ์ ส่วนยอ่ ยในความรู้สึกอารมณ์ส่วนใหญ่) 3) ต้งั สติกาหนดพิจารณาจิตในจิต (จิตส่วนยอ่ ยในจิตส่วนใหญ่ คือ จิตดวงใดดวงหน่ึง ในจิตที่เกิดข้ึนดบั ไปมากดวง) 4) ต้งั สติกาหนดพิจารณาธรรมในธรรม (ธรรมส่วนย่อย ในธรรมส่วนใหญ่) ประกอบดว้ ย 1) กำรพิจำรณำกำยในกำย แบ่งออกเป็ น 6 ส่วน 1.พิจารณากาหนดลม หายใจเขา้ ออก (อานาปานบรรพ) 2.พิจารณาอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน นัง่ นอน (อิริยาปนบรรพ) 3.พิจารณา รู้ตวั ในความเคล่ือนไหวต่าง ๆ เช่น กา้ วไป กา้ วมา คูแ้ ขน เหยียดแขน กิน ดื่ม เป็นตน้ (สัมปชญั ญบรรพ) 4. พิจารณาในความน่าเกลียดของร่างกาย แบง่ ออกเป็นส่วนย่อยต่างๆ มีผม ขน เป็นตน้ (ปฏิกลู มนสิการบรรพ) 5.พจิ ารณาร่างกายโดยความเป็นธาตุ (ธาตุบรรพ) 6.พิจารณาร่างกายท่ีเป็นศพ ลกั ษณะต่างๆ ๙ อยา่ ง (นวสีวถิ กาบรรพ) 2) กำรพิจำรณำเวทนำ (ควำมรู้สึกอำรมณ์) 9 อย่ำง 1.สุข 2.ทุกข์ 3.ไม่ทุกข์ไม่สุข 4.สุข ประกอบดว้ ยอามิส (เหย่อื ล่อมีรูป เสียง เป็นตน้ ) 5.สุขไม่ประกอบดว้ ยอามิส 6.ทุกขป์ ระกอบดว้ ยอามิส 7. ทุกขไ์ ม่ประกอบดว้ ยอามิส 8.ไม่ทุกขไ์ ม่สุขประกอบดว้ ยอามิส 9.ไม่ทุกขไ์ ม่สุขไม่ประกอบดว้ ยอามิส 3) กำรพจิ ำรณำจิต 16 อย่ำง 1.จิตมีราคะ 2.จิตปราศจากราคะ 3.จิตมีโทสะ 4.จิตปราศจากโทสะ 5.จิตมีโมหะ 6.จิตปราศจากโมหะ 7.จิตหดหู่ 8.จิตฟ้งุ สร้าน 9.จิตใหญ(่ จิตในฌาน) 10.จิตไมใ่ หญ่(จิตไม่ถึงฌาน) 11.จิตมี จิตอื่นยง่ิ กวา่ 12.จิตไม่มีจิตอ่ืนยงิ่ กวา่ 13.จิตต้งั มน่ั 14.จิตไมต่ ้งั มน่ั 15.จิตหลุดพน้ 16.จิตไมห่ ลดุ พน้ 4)กำร พิจำรณำธรรมในธรรม 5 ส่วน พิจารณาธรรมท่ีกล้นั จิตไม่ให้บรรลุสมาธิ เรียกว่า นิวรณ์ 5 (นีรวรรณบรรพ) พิจารณาขนั ธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ (ขนั ธบรรพ) พิจารณาอำยตนะภำยใน 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อายตนบรรพ) พิจารณาธรรมท่ีเป็ นองค์แห่งการตรัสรู้ 7 เรียกว่า โพชฌงค์ (โพชฌงค์บรรพ) พิจารณาอริยสัจ 4 (สัจจบรรพ) การพจิ ารณากาย เวทนา จิต ธรรม ท้งั ส่ีขอ้ น้ี นอกจากมีรายการพิเศษดงั กล่าว มาแลว้ ยงั มีรายการพิจารณาที่ตรงกันอีก 6 ประการ คือ 1.ที่อยู่ภายใน 2.ท่ีอยู่ภายนอก 3.ท่ีอยู่ท้งั ภายใน ภายนอก 4.ท่ีมีความเกิดข้ึนเป็นธรรมดา 5.ที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา 6.ท่ีมีความเกิดข้ึนและเสื่อมไปเป็น ธรรมดา อำนิสงส์สตปิ ัฏฐำน สรุปผลการปฏิบตั ิ ในการต้งั สติ 4 อยา่ งน้ีวา่ จะเป็นเหตใุ หไ้ ดบ้ รรลุผลอยา่ งใด อย่างหน่ึง คือ บรรลุอรหตั ตผลในปัจจุบนั ถา้ ยงั มีเช้ือเหลือ ก็จะไดบ้ รลุความเป็นพระอนาคามี (ผูไ้ ม่กลบั มา เกิดอีกในโลกน้ีอีก) ภายใน 7 ปี หรือลดลงโดยลาดบั ถึงภายใน 7 วนั 5 สุชีพ ปุญญานุภาพ. 2550. พระไตรปิ ฎกฉบับประชำชน. พมิ พค์ ร้ังที่ 17. โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั กรุงเทพมหานคร.

10 2.2 ผลงำนวิจยั ทเี่ กยี่ วข้อง 2.2.1 ผลงำนวจิ ัยทเี่ กย่ี วข้อง : หลวงป่ มู ่ัน ภูริทัตโต [1] สุเชาวน์ พลอยชุม6 (2549) ไดศ้ ึกษาเรื่อง สำนักวิปัสสนำสำยพระอำจำรย์ม่ัน ภูริทัตโต เป็นการ วิจยั เชิงคุณภาพโดยการศึกษาเอกสารและเก็บขอ้ มูลภาคสนาม วตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาอิทธิพลของสานัก วิปัสสนาสายพระอาจารยม์ นั่ ภริทตั โต ท่ีมีตอ่ สงั คมไทย เน้ือหาของการศึกษาประกอบดว้ ยการศึกษาประวตั ิ และคาสอนของพระอาจารยม์ นั่ ภูริทตั โต การศึกษาประวัติและคำสอนของศิษย์พระอำจำรย์มั่น จานวน 7 รูป และการศึกษาประวตั ิและกจิ กรรมของวัดกรรมฐำนสำยพระอำจำรย์มั่น จานวน 10 วดั ใน 7 จงั หวดั ภาค อีสาน พบวา่ พระอาจารยม์ นั่ ภูริทตั โต ซ่ึงเป็นศิษยร์ ุ่นท่ี 3 ท่ีสืบเน่ืองมากจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั เมื่อคร้ังทรงผนวชเป็นพระภิกษุอยู่ มีควำมรอบรู้เช่ียวชำญในวปิ ัสสนำกรรมฐำน ท้งั เชิงปริยัติและ เชิงปฏบิ ัติ ไดร้ ับความเคารพยกยอ่ งจากพระภิกษสุ ามเณร ผเู้ ป็นศิษยว์ า่ “พระอำจำรย์ใหญ่” มีศิษยานุศิษยท์ ้งั ในคณะธรรมยตุ และในคณะมหานิกาย ซ่ึงศิษยท์ ้งั 2 คณะ ตา่ งปฏิบตั ิ ยดึ มน่ั ตามแนวคาสอนและปฏิปทาของ พระอาจารยม์ นั่ คอื เคร่งครัดในพระวนิ ยั สมาทานธุดงควตั และปฏิบตั ิกรรมฐานอยา่ งจริงจงั และปฏิบตั ิสมณ วตั รต่างๆ อย่างสม่าเสมอ โดยไม่แตกต่างกนั ศิษยานุศิษยข์ องพระอาจารยม์ นั่ ท้งั 2 นิกายต่างไดร้ ับความ นิยมนบั ถือจากพุทธบริษทั ทวั่ ไป เหมือนกนั เป็นเหตุให้เกิดวดั หรือสานกั วิปัสสนาตามพระอาจารยม์ น่ั ท้งั ฝ่ายธรรมยตุ และฝ่ายมหานิกายกระจายไปทวั่ ทุกภูมิภาคของประเทศ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นสาขาของสานกั สาคญั 2 สานกั คือ วดั ประชาคมวนารม และวดั หนองป่ าพง และส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90 อย่ใู นภาคอีสาน ความ นิยมนบั ถือในสานกั วิปัสสนาสายพระอาจารย์มนั่ ภูริทตั โต น้ีเองก่อใหเ้ กิดการตื่นตวั และนิยมปฏิบตั ิสมาธิ กรรมฐานข้ึนในหมพู่ ุทธบริษทั ท้งั ฝ่ายบรรพชิตและคฤหสั ถไ์ ปทว่ั ประเทศ [2] พระมหายุทธนา นรเชฏฺโฐ7 (2557) ไดศ้ ึกษาวิจยั เร่ือง กำรปฏิบัติวิปัสสนำกรรมฐำนตำมแนว ของหลวงป่ ูมั่น ภูริทตฺโต พบว่า การปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐานของหลวงป่ ูมนั่ ท่านเน้นเฉพำะกำรเจริญ ภำวนำว่ำ พุท-โธ เท่าน้นั จึงดูเหมือนวา่ ท่านเน้นวิธีการปฏิบตั ิน้ีเพียงอย่างเดียว หลวงป่ ูมนั่ ไดเ้ ลือกวิธีการ เจริญหรือการปฏิบตั ิที่เหมาะสมกบั ท่าน เม่ือการปฏิบตั ิมาถึงข้นั ท่ีจิตสงบน่ิงแลว้ การพิจารณาองคธ์ รรมอื่นๆ ก็สามารถทาได้ เพราะท่ำนสอนไม่ให้ยึดติดหรือดื่มด่ำกับอำรมณ์ที่เกิดจำกควำมสงบเพียงอย่ำงเดียว เช่น การพิจารณาอสุภกรรมฐาน การพิจารณาปฏิจจสมุปบาท การเจริญมรณานุสสติ การแผ่เมตตา เป็ นตน้ หลกั กำรทีม่ มี ำกมำยในพระไตรปิ ฎกท่ำนกไ็ ม่ได้ละเลย เห็นไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ การฟังธรรมเทศนาและ การแสดงธรรมของท่าน เรื่องการเจริญสมถภำวนำ 40 วิธี ท่านอธิบายอยา่ งละเอียดลึกซ้ึง เพียงแต่ในขณะ 6 สุเชาวน์ พลอยชุม. 2549. สำนักวิปัสสนำสำยพระอำจำรย์ม่ัน ภูริทัตโต. รายงานการวิจัย. ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั : กรุงเทพมหานคร. 7 พระมหายทุ ธนา นรเชฏฺโฐ. 2557. กำรปฏบิ ตั ิวปิ ัสสนำกรรมฐำนตำมแนวของหลวงป่ มู น่ั ภูริทตฺโต. รายงานการวิจยั . พิมพค์ ร้ังท่ี 2 . โรงพมิ พบ์ ริษทั สหธรรมมิก จากดั : กรุงเทพมหานคร.

11 ปฏิบตั ิ จะตอ้ งไมว่ ติ กกงั วลหรือคานึงถึงหลกั การเชิงปริยตั ิมากเกินไป จนดูประหน่ึงวา่ ทา่ นละเลยหลกั ปริยตั ิ ดา้ นการปฏิบตั ิธรรม เพราะความท่ีท่านเป็นเคร่งครัดในพระธรรมวินยั ปฏิบตั ิอย่างจริงจงั และบรรลุธรรม เบ้ืองสูงให้เป็ นตวั อย่างแก่ศิษยท์ ้งั หลาย พระสงฆ์ผูป้ ฏิบตั ิดีปฏิบตั ิชอบ และมีความชานาญในปริยตั ิและ ปฏิบตั ิดว้ ย จึงสามารถสร้างศรัทธา ความเลื่อมใสแก่พระสงฆแ์ ละประชาชนทว่ั ไปไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ทาให้ แนวการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของท่านได้รับกำรสื บทอด แนวทำงกำรปฏิบัติที่ถูกต้องของ พระพุทธศาสนา คือ การดาเนินชีวิตดว้ ยกำรยึดม่ันในทำง ศีล และภำวนำมากกว่าเดิมท่ีเคยดาเนินชีวิตไป ตามอานาจของกิเลส และการเป็นชาวพุทธตามประเพณีเพียงอย่างเดียว อยา่ งไรก็ตาม แมว้ า่ ท่านและแนว ทางการปฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐานของท่าน จะไดร้ ับการยอมรับจากคนทว่ั ไปในสังคม สรุปไดว้ า่ มีศิษยำนุ ศิษย์สืบทอดกำรปฏิบัติตำมท่ีท่ำนเคยสอนมำกระจำยอยู่ตำมวัด หรือสำนักสงฆ์ต่ำงๆ ทั่วประเทศ และ กระจายไปในต่างประเทศดว้ ย และศิษยานุศิษยเ์ หล่าน้ันไม่ว่าจะอยู่ในสถานท่ีใด ก็จะเทิดทูนบูชำท่ำนใน ฐำนะบูรพำจำรย์ เป็ นพระอาจารยใ์ หญ่ฝ่ ายวิปัสสนาธุระคุณความดีของท่านจะแผ่ขจรกระจายไปตามการ กระจายตวั ของศิษยด์ ว้ ย ดังน้ัน จานวนผูป้ ฏิบตั ิวิปัสสนากรรมฐานจึงมีมาก และมีแนวโน้มท่ีจะเพิ่มข้ึน เร่ือยๆ เพราะการทางานอย่างเข็มแข็งของบรรดาศิษยท์ ้งั หลาย อย่างไรก็ตาม แมว้ ่าจะมีกำรเจริญรอยตำม ปฏิปทำของท่าน ไม่ว่าจะเป็ นการเจริญสมาธิภาวนา พุทโธ ความเป็ นผูเ้ คร่งครัดในพระธรรมวินยั การสม ทานธุดงค์ การทากิจวตั ร และการทาวินยั กรรม เป็นตน้ แต่ในดา้ นการปฏิบตั ิเพื่อฝึกหดั จิตขดั เกลากิเลสออก โดยตรงไม่เขม้ ขน้ นกั ส่วนมากมกั จะทาหน้าท่ีเพียงรักษาความเป็ นสมณะให้บริบูรณ์ และการรักษาเกียรติ คณุ คณุ ความดี โดยการเผยแผป่ ระวตั ิ ปฏิปทา หลกั คาสอนของท่านใหแ้ ก่พุทธศาสนิกชนท้งั หลายในวดั และ ผ่านช่องทางของสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อสมยั ใหม่ท้งั หลาย และมีส่ิงที่น่าสังเกตอีกประการหน่ึงคือ การเผยแผ่ ชีวประวตั ิ ปฏิปทา และหลกั คาสอนของท่านในปัจจุบนั เป็ นไปอย่างกวา้ งขวางและรวดเร็วผ่านทางส่ือ สมยั ใหม่ ทาให้มีกลุ่มคนเขา้ มาศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั ท่านมากข้ึน ซ่ึงดูเหมือนจะดี เพราะได้ทาให้คนได้ เรียนรู้เรื่องราวของท่านโดยท่าน แต่สิ่งที่เร่ิมเป็ นปัญหาในปัจจุบนั ก็คือ พระสงฆใ์ นวดั ที่เป็ นศิษยข์ องท่าน ไดถ้ กู ดึงเขา้ สู่สงั คมส่ือสารยคุ ใหม่ และพยายามที่จะอาศยั คณุ ความดีของท่านในอดีตน้นั เป็นส่ิงเก้ือหนุนใน กำรดึงดดู ศรัทธำจากคนช้นั กลางในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ๆ ท้งั หลาย เพอ่ื มาสร้างถาวรวตั ถุ ภายใน วดั ของตนเอง เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของเจา้ สานกั น้นั ซ่ึงดูเหมือนจะขดั แยง้ กบั ปฏิปทาของหลวงป่ ู มน่ั ที่ตอ้ งการใหพ้ ระสงฆท์ ้งั หลายมีวิถีชีวิตเรียบง่าย และหมน่ั บาเพญ็ เพียรทางจิตเพื่อหลุดพน้ จากกิเลสอา สวะท้งั หลาย เป็นประการสาคญั โดยไม่เน้นให้มีสิ่งก่อสร้ำงใหญ่โต เห็นไดจ้ ากกุฏิท่ีอยูอ่ าศยั ของท่านในวดั หรือสานักปฏิบตั ิธรรมท้งั หลายท่ีท่านเคยไปพกั อาศยั แมจ้ ะมีหลายคนกล่าวแยง้ ว่า เป็ นเพราะในสมยั ของ ท่านบา้ นเมืองยงั ไมไ่ ดพ้ ฒั นา ผคู้ นไม่มีมาก จึงไมม่ ีความจาเป็นตอ้ งสร้างถาวรวตั ถุท่ีใหญ่โตเช่นปัจจุบนั ซ่ึง กเ็ ป็นเหตผุ ลที่รับฟังได้ แต่กท็ าใหเ้ ห็นวา่ ความเป็นอยขู่ องพระสงฆท์ ่ีเป็นศิษยข์ องท่านท้งั หลาย เริ่มห่ำงไกล จำกวถิ ชี ีวติ และหลกั คำสอนของหลวงป่ มู ่นั มำกไปตามลาดบั

12 [3] บรรพต แคไธสง และ ภิรัฏฐกรณ์ อสุมาลี8 (2558) ไดศ้ ึกษาวจิ ยั เร่ือง กำรศึกษำวิเครำะห์เชิงจริย ศำสตร์ในกำรปฏิบัติกรรมฐำนสำยหลวงป่ ูมั่น ภูริทัตโตพบว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหน่ึงท่ีมีการวาง หลกั การปฏิบตั ิท่ีชดั เจน คาสอนทางพระพุทธศาสนาจึง เป็นระบบจริยธรรมท่ีหยง่ั รากลึกลงไปในพ้ืนฐาน การดาเนินชีวิตของผูค้ นในโลกและโดยเฉพาะอย่างย่ิงใน สังคมไทย หลกั จริยธรรมทางพระพุทธศาสนา นอกจากจะบนั ทึกไวเ้ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษรตามเอกสารตาราทาง วิชาการและคมั ภีร์ทางพระพุทธศาสนาแลว้ ยงั สามารถศึกษาวิเคราะห์จากแนวทำงกำรปฏิบัติของพระสงฆ์ ผูป้ ฏิบตั ิดีปฏิบตั ิชอบ ซ่ึงเป็ นตน้ แบบทาง ศีลธรรมท่ีสังคมให้การยอมรับแลว้ สังเคราะห์มาเป็ นรูปแบบทาง จริยธรรมท่ีสอดรับกับสังคมไทยจากท่ี สังคมไทยมีกำรเปล่ียนแปลงเป็ นแบบพลวัตทำงสังคม จึงทาให้พฤติกรรมทางจริยธรรมของคน ไทย เปล่ียนแปลงไม่เหมือนอดีตท่ีผา่ นมา เพอื่ ใหไ้ ดห้ ลกั จริยธรรมที่เป็นแนวทางการปฏิบตั ิท่ีถูกตอ้ งตามหลกั คา สอนของพระพุทธเจา้ และสอดคล้องกบั ความเปลี่ยนแปลงของสังคม ผวู้ ิจยั จึงเห็นว่าควรจะศึกษา วิเคราะห์ ประสบการณ์ของพระสงฆ์ผูท้ ี่ปฏิบตั ิดีปฏิบัติชอบในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างย่ิงแนวทางการ ปฏิบัติของพระธุดงค์กรรมฐานสายหลวงป่ ูม่ัน ภูริทัตโต แล้วนามาเป็ นต้นแบบทางจริยธรรมในการ แกป้ ัญหา จริยธรรมในสังคมไทย สาเหตุท่ีผวู้ จิ ยั ศึกษาวเิ คราะห์แนวทำงกำรปฏิบตั ิธุดงค์กรรมฐำนสำยหลวง ป่ ูมน่ั ภูริทัตโต เพราะเป็น สายปฏิบตั ิกรรมฐานท่ีประสบความสาเร็จ เป็นที่เช่ือถือศรัทธาของสงั คมไทย และ เป็ นต้นแบบในกำรปฏิบัติ ธรรมของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย และมีอิทธิพลต่อความเจริญของ พระพุทธศาสนาในสังคมไทย งานวิจยั น้ีตอ้ งการศึกษาจริยศาสตร์ในทางพระพุทธศาสนา โดยวิเคราะห์จาก แนวการปฏิบตั ิของพระธุดงค์ กรรมฐานสายหลวงป่ ูมนั่ ภูริทตั โต เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูลในการวิเคราะห์เพื่อสร้าง รูปแบบจริยธรรมท่ีพึงประสงคเ์ พื่อ แกป้ ัญหาจริยธรรมในสังคมไทยตอ่ ไป [4] พระมหาสมศกั ด์ิ ญาณโพโธ และพระครูสุพฒั นกาญจนกิจ9 (2558) ไดศ้ ึกษาเร่ือง กัมมัฏฐำน สำยพุทโธในสังคมไทย พบวา่ กมั มัฏฐำนสำยพุทโธ คือ การฝึกสติเพอื่ ให้เกิดสมาธิและปัญญาตามสายพระ อาจารย์ เสาร์ กนั ตสีโล และพระอาจารยม์ น่ั ภรู ิทตั โต โดยเริ่มตน้ กาหนดคาบริกรรมพุทโธจนเกิดสมาธิ แลว้ ใชส้ มาธิเป็นฐานเจริญวิปัสสนาโดยพิจารณาโครงกระดูก เมื่อสงเคราะห์ตามวิธีการของสติปัฏฐาน จดั เขา้ ได้ กบั กายานุปัสสี คือ ตามดูกายดูการเกิดดบั ของกาย ในส่วนของกระดูกซ่ึงเป็นอาการหน่ึงในอาการ 32 อนั จะ ทาใหเ้ กิดความรู้เชื่อมโยงไปถึงการรู้อาการส่วนอื่นๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั ร่างกายไดห้ มดจนกระทงั่ ปล่อยวางได้ นอกจากน้นั ความเป็นวิปัสสนากมั มฏั ฐานอยทู่ ่ีการเห็นนามรูปว่าไม่เที่ยง คือ มีเกิดแลว้ ดบั เป็นทุกขค์ ือถูก ความเกิดและความดับบีบค้นั ให้อยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และเป็ นอนตั ตาคือนามรูป ไม่มีตวั ตนไม่สามารถ บงั คบั ใหเ้ ป็นไปตามใจปรารถนาได้ 8 บรรพต แคไธสง และ ภิรัฏฐกรณ์ อสุมาลี. 2558. กำรศึกษำวิเครำะห์เชิงจริยศำสตร์ในกำรปฏิบัติกรรมฐำนสำยหลวงป่ ู มน่ั ภูริทตั โต. รายงานการวิจยั . วทิ ยาลยั สงฆบ์ ุรีรัมย์ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั : พระนครศรีอยธุ ยา. 9 พระมหาสมศกั ด์ิ ญาณโพโธ และพระครูสุพฒั นกาญจนกิจ. 2558. กมั มฏั ฐานสายพทุ โธในสังคมไทย. ว. มจร.บำฬีศึกษำ พุทธโฆษปริทรรศน์. 1 (2) : 3-20.

13 [5] พระครูสุพฒั นกาญจกิจ10 (2559) ได้ศึกษาเรื่อง กัมมัฏฐำนสำยพุทโธในสังคมไทยพบว่า กัมมัฏฐานสายพุทโธ คือ การฝึ กสติเพื่อให้เกิดสมาธิและปัญญาตามสายพุทโธ โดยเร่ิมต้นกาหนดคา บริกรรมพุทโธจนเกิดสมาธิ แลว้ ใชส้ มาธิเป็นฐานเจริญวิปัสสนาโดยพิจารณาโครงกระดูก เมื่อสงเคราะห์ ตามวิธีการของสติปัฏฐาน จดั เขา้ ไดก้ บั กายานุปัสสี คอื ตามดูกาย ดูการเกิดดบั ของกาย ในส่วนของกระดูก ซ่ึงเป็นอาการหน่ึงในอาการ 32 อนั จะทาให้เกิดความรู้เช่ือมโยงไปถึงการรู้อาการส่วนอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ร่างกายไดห้ มดจนกระทงั่ ปล่อยวางได้ นอกจากน้นั ความเป็นวิปัสสนากมั มฏั ฐานอยู่ที่การเห็นนามรูปว่า ไม่เท่ียง คือ มีเกิดแลว้ ดบั เป็ นทุกข์คือถูกความเกิดและความดบั บีบค้นั ให้อยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และเป็ น อนตั ตาคือนามรูป ไมม่ ีตวั ตนไม่สามารถบงั คบั ใหเ้ ป็นไปตามใจปรารถนาได้ [6] ภทั ระ ไมตระรัตน์ และ ทรงยศ วีระทวีมาศ11 (2559) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กำรสถำปนำพระมหำเจดีย์ ต้นพุทธศตวรษท่ี 26 ในวัดสำยหลวงป่ ูมั่น ภูริทัตตะเถระ พบว่า ปลายพุทธศตวรรษที่ 25 เป็ นเวลาที่การ ก่อสร้างพระมหาเจดียใ์ นสังคมไทยหยดุ ชะงกั และถูกทิ้งช่วงไปหลายสิบปี การเปล่ียนแปลงของสังคมร่วม สมยั ย่อมส่งผลต่อแนวความคิดในการก่อสร้าง และเม่ือเขา้ สู่พุทธศตวรรษท่ี 26 การสถาปนาพระมหาเจดีย์ จึงปรากฏข้ึนภายใตบ้ ริบทใหม่ของสงั คมไทย การศึกษาน้ี มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อตรวจสอบคติการสถาปนาพระ มหาเจดียช์ ่วงตน้ พุทธศตวรรษที่ 26 ในวดั สายหลวงป่ ูมน่ั ภูริทตั ตะเถระ ดว้ ยวิธีการศึกษาเปรียบเทียบ กบั จารีตทางพุทธศาสนาโดยทาการศึกษาจากกรณีพระธุตงั คเจดีย์ (พ.ศ.2503)และพระวิริยะมงคลมหาเจดียศ์ รี รัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2518) ในเชิงความหมาย พบว่า การเปลี่ยนแปลงทางสังคมมีผลต่อแนวคิดการสถาปนา พระมหาเจดียท์ ่ีเปลี่ยนแปลงไปจากแบบจารีตพุทธศาสนาและมีการสร้างสรรคส์ ิ่งใหมผ่ สมผสาน ซ่ึงเม่ือคติ การบูชาถูกปรับเปลี่ยนก็ย่อมส่งผลต่อแบบแผนการใช้พ้ืนท่ีศาสนสถาน และแนวคิดที่เกิดข้ึนใหม่น้ี ได้ กลายเป็ นสัญลกั ษณ์ของพระป่ ากรรมฐานอีกท้งั ยงั เป็ นตน้ แบบให้กบั แนวคิดในการสถาปนาเจดียใ์ นเวลา ตอ่ มา [7] ภทั ระ ไมตระรัตน์ และ ทรงยศ วีระทวีมาศ12 (2561) ไดศ้ ึกษาเรื่อง ควำมหมำยของอนุสรณ์ สถำนพระอริยสงฆ์ในวัดป่ ำสำยหลวงป่ ูมั่น ภูริทัตตเถระ พบว่า พิพิธภณั ฑบ์ ริขารหลวงป่ ูมนั่ ภูริทตั โต ถือ กาเนิดข้ึนภายใตบ้ ริบทความเปล่ียนแปลงของสังคมไทยโดยเฉพาะเหตุการณ์บา้ นเมืองท่ีเกิดจากปัจจยั ท้งั ภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลตอ่ ความนึกคิดของผคู้ นในสังคมเป็นอยา่ งมาก ไม่เวน้ แมแ้ ต่แบบแผนการ บชู าสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิทางพุทธศาสนาที่ถูกปรับปรุงใหเ้ ขา้ กบั บริบทการเปล่ียนแปลงของยคุ สมยั โดยมีจุดเปลี่ยน ที่ก่อให้เกิดท้งั รูปแบบและแนวความคิดการออกแบบทางสถาปัตยกรรมเน่ืองดว้ ยการบูชาพระธาตุต่างไป 10 พระครูสุพฒั นกาญจกิจ. 2559. กมั มฏั ฐานสายพุทโธในสงั คมไทย. ว.พุทธจิตวิทยำ ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . 1 (2) : 39-54. 11 ภทั ระ ไมตระรัตน์ และ ทรงยศ วรี ะทวมี าศ. 2556. การสถาปนาพระมหาเจดียต์ น้ พทุ ธศตวรษท่ี 26 ในวดั สายหลวงป่ มู น่ั ภูริทตั ตะเถระ. ว.ส่ิงแวดล้อมสรรค์สร้ำงวนิ ิจฉัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ . 15(2) : 53-70. 12 ภทั ระ ไมตระรัตน์ และ ทรงยศ วีระทวีมาศ. 2561. ความหมายของอนุสรณ์สถานพระอริยสงฆ์ในวดั ป่ าสายหลวงป่ ูมน่ั ภูริทตั ตเถระ. ว.สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้ำงวนิ ิจฉัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. 17(1) : 43-59.

14 จากจารีตเดิมท่ียงั ไม่เคยปรากฏในสังคมไทยก่อนหนา้ น้นั ซ่ึงถือวา่ เป็นจุดเริ่มตน้ ความคิดการสร้างอนุสรณ์ สถานพระอริยสงฆ์ในเวลาต่อมา การศึกษามุ่งหมายเพื่อตรวจสอบปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างพ้ืนท่ีพิพิธภณั ฑ์ บริขารหลวงป่ ูมน่ั ภูริทตั โต ในฐานะอนุสรณ์สถานกบั บริบทที่ต้งั ในช่วงเวลาท่ีก่อสร้าง (ราว พ.ศ. 2510- 2520) โดยมองพิพิธภณั ฑ์เป็ นพ้ืนท่ีพิเศษแบบหน่ึง ท่ีไม่เพียงแค่หยุดน่ิงตายตวั หรือเป็ นกลางเสมอไป แต่ กลบั เตม็ ไปดว้ ยความหมายท่ีก่อตวั เพ่ิมข้ึนและไม่เคยหยดุ นิ่งจึงตอ้ งไดร้ ับการตีความพ้นื ท่ีผา่ นช่วงเวลาที่ผนั แปรของสังคมร่วมสมยั โดยคาดว่าจะเห็นภำพสะท้อนแนวคิดร่วมสมัยที่มีต่อพิพิธภณั ฑบ์ ริขารฯ แห่งน้ี การศึกษายงั พบว่า แนวคิด “ธาตุบูชา” ต่างไปจากประเพณีเดิม ณ ช่วงเวลาหน่ึง ซ่ึงเม่ือเวลาเคลื่อนที่ไป แนวคิดก็ไดถ้ ูกปรับปรุงตามไปดว้ ย อีกท้งั ไม่สามารถคาดการณ์การเกิดข้ึนของอนุสรณ์สถานแต่ละแห่งได้ อย่างแน่ชดั ซ่ึงต่างเป็ นอิสระไม่ผูกติดกบั ความต่อเน่ืองของเวลาในเหตุการณ์ แต่สามารถดารงอยู่ได้ดว้ ย ตวั เอง ก่อเกิดเป็นความหมายเฉพาะตวั ของอนุสรณ์สถานแห่งน้ีที่อาจมีผลต่อแนวคิดการนาเสนอธาตบุ ูชาใน เวลาตอ่ มา [8] พระมหาเขมานนั ท์ ปิ ยสีโล13 (2562) ไดศ้ ึกษาเร่ือง อำนำปำนสติกรรมฐำนสำยพระอำจำรย์มั่น ภูริทัตโต ในประเทศไทย วตั ถุประสงคเ์ พ่ือนาเสนอหลกั การปฏิบตั ิอานาปานสติกรรมฐาน สายพระอาจารย์ มน่ั ภูริทตั โต โดยผปู้ ฏิบตั ิตอ้ งต้งั สติไวก้ บั ลมหายใจเขา้ -ออก พร้อมบริกรรมว่า พุท-โธ กล่าวคือ หายใจเขา้ ภาวนาว่า พุท หายใจออกภาวนาว่า โธ ให้มีสติตามลมเขา้ และออก ในขณะที่เจริญอานาปานสติใช้วิธี กาหนดจิตในฐาน 5 คือ จมูก หน้าผาก กลางกระหม่อมขา้ งนอก ในสมองตรงกลาง กะโหลกศีรษะ และ ทรวงอก มีหลกั ปฏิบตั ิคือ กาจดั อารมณ์ความชว่ั ทาจิตใหอ้ ยใู่ นอารมณ์ท่ีดี เป็นเอกคั คตารมณ์ พิจารณาความ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนตั ตา ส่วนปฏิปทาเก่ียวกบั การปฏิบตั ิอานาปานสติกรรมฐานแบบพุท-โธ ตามแนว พระอาจารยม์ น่ั ท่ีสั่งสอนศิษยอ์ ยู่เสมอคือ การปฏิบตั ิทางใจ การถ่ายถอนตอ้ งสมเหตุสมผล การเดินตาม อริยสัจจ์ 4 การปฏิบตั ิอานาปานสติกรรมฐานสายพระอาจารยม์ น่ั มีอิทธิพลต่อพระสงฆท์ ่ีสืบทอดหลกั การ ปฏิบตั ิแก่ลูกศิษยอ์ ย่างกวา้ งขวางในสังคมไทย อีกท้งั ดา้ นคุณธรรมของพระอาจารยม์ นั่ ท่ีทาให้ท่านเป็ นท่ี เคารพเทิดทูน ซ่ึงท่านเนน้ การปฏิบตั ิใหซ้ ื่อตรงต่อพระธรรมวินยั ดว้ ยการปฏิบตั ิตนให้เคร่งครัดต่อศีลหรือ พระวินยั [9] ภฏั ชวชั ร์ สุขเสน และ คณะ14 (2563) ไดศ้ ึกษาเร่ือง คำสอนและแนวกำรปฏิบัติกรรมฐำนของ หลวงป่ ูม่ัน ภูริทัตโต เพื่อศึกษาหลกั คาสอนและแนวการปฏิบตั ิกรรมฐาน อิทธิพลท่ีมีต่อสังคมไทยและ คุณคา่ เป็นงานวิจยั เชิงคุณภาพ พบวา่ หลกั คาสอนและแนวการปฏิบตั ิกรรมฐานของท่านมี 2 ลกั ษณะ คือ 1) คาสอนที่ท่านประพนั ธ์ คือขนั ธะวิมุติสะมงั คีธรรมและบทธรรมบรรยาย 2)คาสอนท่ีศิษยานุศิษยจ์ ดบนั ทึก 13 พระมหาเขมานนั ท์ ปิ ยสีโล. 2562. อานาปานสติกรรมฐาน สายพระอาจารยม์ นั่ ภูริทตั โต ในประเทศไทย. ว.บัณฑิต ปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . 15(3) : 167-182. 14 ภฏั ชวชั ร์ สุขเสน และ คณะ. 2563. คาสอนและแนวการปฏิบตั ิกรรมฐานของหลวงป่ มู นั่ ภูริทตั โต. ว.วนมั ฎองแหรก พทุ ธศำสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณาวิทยาลยั . 7(2) : 53-62.

15 ไว้ เช่น มุตโตทัย ส่วนแนวทางการปฏิบตั ิกรรมฐานของท่านจดั อยู่ ในสำนักปฏิบัติธรรมแบบพุทโธตำม แนววิธีกำรปฏิบัติมหำสติปัฏฐำน อิทธิพลหลักคาสอนและแนวการปฏิบตั ิกรรมฐานของท่านท่ีมีต่อ สังคมไทย แบ่งเป็ น 2 ดา้ นใหญ่ๆ คือ 1) อิทธิพลต่อคณะสงฆ์ท้งั ฝ่ ายธรรมยุติและมหานิกาย 2) อิทธิพลต่อ พุทธศาสนิกชนท้งั ในและตา่ งประเทศ คณุ ค่าจากหลกั คาสอนและแนวการปฏิบตั ิกรรมฐาน เกิดจากขอ้ วตั ร ปฏิบตั ิของท่านกล่าวคือความเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย ปฏิปทาในการปฏิบตั ิกรรมฐาน ทาให้มีสานัก วิปัสสนากรรมฐานสายหลวงป่ ูมน่ั ท้งั ฝ่ายธรรมยตุ ิกนิกายและฝ่ายมหานิกายเกิดข้ึนมากมาย 2.2.2 ผลงำนวจิ ยั ท่ีเกย่ี วข้อง : พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) [10] พิชิต อวิรุทธพาณิชย์ และ พูนชยั ปันธิยะ15 (2560) ไดแ้ นะนาหนงั สือ ชนิดำ จันทรำศรีไศล (2557) หลักฐำนธรรมกำยในคัมภีร์พุทธโบรำณฉบับวิชำกำร 1 พบว่า การทาภาวนาเพื่อการหลุดพน้ จาก ความทุกข์ เป็นหลกั ปฏิบตั ิที่สาคญั ของพระพทุ ธศาสนา สืบเน่ืองมาจากพระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร) ได้ คน้ พบกำรปฏิบัติธรรมวิชชำธรรมกำยจากการทาภาวนาในยุคสมยั ก่อนสงครามโลกคร้ังท่ี 2 เป็นแนวทาง การปฏิบตั ิท่ีสามารถกา้ วลว่ งสู่ความพน้ ทกุ ขไ์ ด้ ซ่ึงการปฏิบตั ิธรรมตามแนววิชชาธรรมกาย ไดข้ าดช่วงการ ปฏิบตั ิธรรมท่ีต่อเนื่องหลังพุทธปรินิพพาน จึงทาให้คนในสังคมท้งั ท่ีเป็ นฝ่ ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ต่างมี ความสนใจและสงสยั ในแนวทางการปฏิบตั ิวา่ เป็นแนวทางท่ีพระพุทธเจา้ ไดท้ รงสั่งสอนหรือไม่ หนงั สือเลม่ น้ีจึงเป็ นส่วนหน่ึงที่ผูว้ ิจยั คือ ดร.ชนิดำ จันทรำศรีไศลไดม้ ีความพยายามท่ีจะรวบรวมและนาเสนอข้อมูล หลกั ฐาน หลักคำสอนและหลักกำรปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ว่า สิ่งท่ีพระมงคลเทพมุนีไดค้ น้ พบเป็ นแนวทางการ ปฏิบตั ิธรรมเช่นเดียวกบั ท่ีพระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงสัง่ สอนไว้ [11] พิชฎชมพู ธูปบูชา16 (2562) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กำรศึกษำเปรียบเทียบกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำ ของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กบั พระธรรมสิงหบุรำจำรย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) วตั ถปุ ระสงค์ 4 ประการ คือ 1) การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจา้ 2) การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 3) การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระธรรมสิงหบรุ าจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) 4) เปรียบเทียบการเผย แผ่พระพุทธศาสนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กบั พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) วิธีการดาเนินวจิ ยั เชิงคุณภาพ โดยศึกษาการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กบั พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) โดยรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ผลการวิจัยพบว่า การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจา้ เป็นหลกั คาสอนท่ีมีอยจู่ ริงในปัจจุบนั ยงั ยดึ เหน่ียวจิตใจของประชาชนให้ หลุดพน้ จากทุกข์ ไดน้ าแนวทางการเผยแผ่ของพระพุทธเจา้ ไปใชอ้ ย่างหลากหลายท้งั ใน อดีตและปัจจุบนั 15 พชิ ิต อวริ ุทธพาณิชย์ และ พูนชยั ปันธิยะ. 2560. อา้ งในหนงั สือ ชนิดา จนั ทราศรีไศล (2557) หลกั ฐานธรรมกายใน คมั ภรี ์พทุ ธโบราณฉบบั วิชาการ 1. ว. สงขลำนครินทร์ ฉบับสังคมศำสตร์และมนุษย์ศำสตร์. 23(2) : 209-215. 16 พชิ ฎชมพู ธูปบูชา. 2562. การศึกษาเปรียบเทียบการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กบั พระ ธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม). ว.บณั ฑิตศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลัย. 17 (2) : 817-206 .

16 ส่วนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ใช้หลกั การศึกษาของ ธรรมกาย เพ่ือใหพ้ น้ ทุกข์ ตลอดชีวิตการเผยแผข่ องท่านไดป้ ฏิบตั ิ ศึกษาตามทางสายกลาง บุคคลทว่ั ไป จึงศรัทธา ใน ชื่อเสียงและกล่าวถึงความศกั ด์ิ ในดา้ นการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺ โม) จะเนน้ เร่ืองกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบตั ิ ประสบการณ์ตรงจากตวั ทา่ นเองและคนอื่น หลกั ความดีความชวั่ และหลกั ธรรม ของพระพุทธศาสนา การศึกษาเปรียบเทียบการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กบั พระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) พบว่าพระท้งั สองมีความสัมพนั ธ์กนั ในฐานะ ศิษยแ์ ละอาจารย์ ทาให้พระท้งั สอง เป็นนกั เผยแผม่ ีช่ือเสียงท้งั อดีตและปัจจุบนั ที่ประสบความสาเร็จในการ เผยแผ่ อีกท้งั เป็นพระนกั ปฏิบตั ิธรรมมีผลงานเผย แผท่ ี่ประจกั ษ์ ต่อยอดคาสอนที่สืบทอดพระพุทธศาสนา ตามแนวทางของพระท้งั สอง สามารถหาฟังไดใ้ นปัจจุบนั ไม่เลือนหายไป และมีลกั ษณะคาสอนท่ีมีความ เป็นตวั เองสูง [12] พระมหาวุฒิชยั วุฑฺฒิชโย17 (2563) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กำรศึกษำเปรียบเทียบรูปแบบกำรพัฒนำจิต ของกรรมฐำน 5 สำยในสังคมไทย วตั ถุประสงค์ 1) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกบั การพฒั นาจิตในคมั ภีร์ พระพุทธศาสนาเถรวาท 2) ศึกษารูปแบบการพัฒนาจิตของกรรมฐาน 5 สายในสังคมไทย และ 3) เปรียบเทียบรูปแบบการพัฒนาจิตของกรรมฐาน 5 สายในสังคมไทย เป็ นการวิจัยเชิงเอกสารจาก พระไตรปิ ฎก คมั ภีร์วสิ ุทธิมรรค และหนงั สือดา้ นการปฏิบตั ิของ 5 สาย ผลการวิจยั พบวา่ ในพระไตรปิ ฎกมี การอธิบายหลกั การพฒั นาจิตในรูปของกระบวนการที่เป็ นไปตามระบบศีล สมาธิ ปัญญา มีวิธีการปฏิบตั ิ อย่างเป็ นข้ันตอนปรากฏอยู่ในอานาปานสติสูตร และสติปัฏฐานสูตร เป็ นการปฏิบัติแบบวิถีนักบวช นอกจากน้ีในคมั ภีร์วิสุทธิมรรคปรากฏการอธิบายข้นั ตอนในการปฏิบตั ิตามระบบศีล สมาธิ ปัญญา มีวธิ ีการ เจริญสมาธิดว้ ยกรรมฐาน 40 วิธี ต่อดว้ ยการเจริญวิปัสสนาตามหลกั ญาณ 16 ซ่ึงเป็นการปฏิบตั ิแบบเขม้ ตาม แบบแผน การปฏิบตั ิในพระไตรปิ ฎกและวิสุทธิมรรคต่างก็มีเป้าหมายเพ่ือการบรรลุมรรค ผล และนิพพาน จากการศึกษารูปแบบการพฒั นาจิตของกรรมฐาน 5 สายในสังคมไทย พบว่า 1) สายพุทโธ ใชว้ ิธีการภาวนา ในระดบั สมถะและพิจารณาธาตุขนั ธใ์ นระดบั วิปัสสนา เป็นการปฏิบตั ิแบบเขม้ 2) สายอานาปานสติใชห้ ลกั อานาปานสติ 16 ข้นั เป็นการปฏิบตั ิแบบพ้ืนฐานและแบบเขม้ 3) สายพองหนอ-ยุบหนอ ใชห้ ลกั สติปัฏฐาน เนน้ ดูอาการพองยุบของทอ้ ง เป็นการปฏิบตั ิแบบเขม้ อย่างมีแบบแผน 4) สายรูปนาม ใชห้ ลกั สติปัฏฐานเนน้ อิริยาบถ 4 เป็ นการปฏิบตั ิแบบเขม้ และ 5) สายสัมมาอะระหัง ใช้นิมิตและคาภาวนา เป็ นการปฏิบตั ิแบบ ทว่ั ไปและแบบเขม้ รูปแบบการพฒั นาจิตของกรรมฐานท้งั 5 สายต่างมีตน้ กาเนิดในพุทธศตวรรษที่ 25 มี รูปแบบการปฏิบตั ิท่ีสอดคลอ้ งกบั หลกั ปฏิบตั ิในคมั ภีร์ และมุ่งเป้าหมายไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพาน เช่นเดียวกนั โดยมีความแตกต่างกนั เพียงเทคนิควิธีการปฏิบตั ิ ขอ้ วตั ร วิธีการสอน และวิธีการวดั ผล บาง ประการเท่าน้นั 17 พระมหาวุฒิชยั วุฑฺฒิชโย. 2563. การศกึ ษาเปรียบเทียบรูปแบบการพฒั นาจิตของกรรมฐาน 5 สายในสงั คมไทย. ว.ธรรม ธำรำ สานกั การศกึ ษา วดั พระธรรมกาย. 6(1) : 4-50.

17 2.2.3 ผลงำนวิจัยที่เกยี่ วข้อง : พระธรรมโกศำจำรย์ (พทุ ธทำสภิกขุ) [13] พระครูปริยตั ิธรรมาภรณ์18 (2557) ไดศ้ ึกษาเร่ือง ศึกษำวิเครำะห์วิธีกำรเผยแผ่หลักธรรมของ พุทธทำสภิกขุ วตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาวิธีการเผยแผ่หลกั ธรรมของพระพุทธเจา้ เพ่ือศึกษาวิธีการเผยแผ่ หลักธรรมของพระพุทธทาสภิกขุ เพ่ือศึกษาวิเคราะห์วิธีการเผยแผ่หลกั ธรรมของพระพุทธทาสภิกขุ ผลการวิจยั พบวา่ วิธีการเผยแผ่หลกั ธรรมของพระพุทธเจา้ เป็นการเผยแผห่ ลกั ธรรมท่ีมีเป้าหมาย คือ บุคคล โดยใชว้ ิธีการสอนตามจริตของบุคคล และใชห้ ลกั โอวาทปาติโมกข์ คือการไม่เบียดเบียน ไม่ทาบาป ทา จิตใจให้บริสุทธ์ิผ่องใส และส่งพระสาวกไปประกาศชุดแรก จานวน 60 รูป เป็ นการปลูกฝังอบร มให้ พุทธศาสนิกชนเป็นคนดีมีศีลธรรมน้นั ถือวา่ เป็นหนา้ ที่โดยตรงของพระสงฆส์ าวกต้งั แต่คร้ังพุทธกาลจนถึง ปัจจุบนั วิธีการเผยแผห่ ลกั ธรรมของพุทธทาสภิกขุ ท่านพุทธทาส มีนามเดิมวา่ เง่ือม นามสกุล พานิช เกิด เมื่อ วนั อาทิตย์ ข้ึน 7 ค่า เดือน 7 ปี มะเมีย วนั ท่ี 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ในสกุลของพ่อคา้ ท่ีตลาด พุมเรียง ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี บิดา ชื่อ เซ้ียง มารดาชื่อ เคล่ือน มีน้องสองคน เป็ นชายชื่อยี่เกย้ และเป็ นหญิงชื่อกิม ซ้อย บิดาของท่านมีเช้ือสายจีน ประกอบอาชีพหลกั คือการคา้ ขายของชา บวชเป็ นพระ ตามคตินิยมของ ชายไทยท่ีวดั โพธาราม ไชยา ไดร้ ับฉายาวา่ \"อินทปัญโญ\" แปลวา่ ผมู้ ีปัญญา อนั ยง่ิ ใหญ่ เดิมท่านต้งั ใจจะบวช เรียน ตามประเพณี เพียง 3 เดือน แต่ ความสนใจ ความซาบซ้ึง ความรู้สึกเป็นสุข และสนุกในการศึกษาและ เทศน์แสดงธรรม ตลอดชีวิต ของ ท่านอาจารยพ์ ุทธทาส ท่านย้าอยู่เสมอว่า \"ธรรมะ คือ หน้าที่\" ผลของ วิธีการเผยแผห่ ลกั ธรรมของพทุ ธทาสภิกขุ ไดเ้ ริ่มงานศึกษาคน้ ควา้ หลกั พุทธธรรมและงานเผยแผม่ าต้งั แต่ ปี พ.ศ. 2473 ผลงานเขียนเร่ืองแรกเป็ นบทความช่ือ ประโยชน์แห่งทาน ต่อมาเมื่อท่านเดินทางกลบั ถึงบา้ น เกิดแลว้ ไดเ้ ขียนบทความ วิจารณ์สภาพพระพุทธศาสนาและบทบาทของพระสงฆ์เรื่องการปฏิบตั ิธรรม หนงั สือ แก่นพุทธศาสน์ ผลงานเร่ืองน้ีเป็ นผลงานที่สาคญั และเป็ นหัวใจสาคญั ของผูส้ นใจศึกษาธรรมะ ท้งั หลาย หนงั สือเรื่องน้ีไดร้ ับรางวลั ขององคก์ ารศึกษาวิทยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ ยเู นสโก เมื่อปี พ.ศ. 2508 [14] พกุล แองเกอร์19 (2555) ไดศ้ ึกษาเร่ือง พุทธทำสภิกขุ : พุทธปรัชญำเมธีไทย พบวา่ ท่านพุทธ ทาสภิกขุไดร้ ับยกย่องในฐานะพุทธ ปรัชญาเมธีไทยซ่ึงเป็ นฝ่ ายปรัชญาตะวนั ออก คาวิจารณ์ของท่านพุทธ ทาสภิกขุต่อวิชาปรัชญาในเชิงไม่เห็นดว้ ยว่ามีเน้ือหาท่ีอุดมไปดว้ ยการต้งั คาถามต่อคาอธิบายหลกั ความรู้ และความจริง ซ่ึงไม่นาไปสู่การพน้ ทกุ ข์ จึงเป็นคาวิจารณ์ต่อฝ่ายปรัชญาตะวนั ตก เน้ือหาของบทความน้ีเป็น การทดลองนาความเห็นของนกั วิชาการท่านหน่ึงที่เสนอการให้ความหมายใหม่ แก่“ปรัชญา” ว่า หมายถึง กระบวนการของการโตเ้ ถียง และการคน้ ควา้ ดว้ ยเหตุผลเพื่อแก้ปัญหาในเชิงมโนทศั น์ท่ีมีความสาคญั อย่าง 18 พระครูปริยตั ิธรรมาภรณ์. ศึกษาวิเคราะหว์ ธิ ีการเผยแผห่ ลกั ธรรมของพุทธทาสภิกขุ. ว.วนมั ฎองแหรกพุทธศำสตร์ ปริทรรศน์ บณั ฑิตศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตสุรินทร์. 1(1) : 143-150. 19 พกุล แองเกอร์. 2555. พุทธทาสภกิ ขุ : พทุ ธปรัชญาเมธีไทย. ว.สถำบันวัฒนธรรมและศิลปะ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. 13(2) : 19-23.

18 ยง่ิ ยวดต่อทิศทางของชุมชนน้นั ๆ ความหมายเช่นน้ีใหค้ วามสาคญั แก่ตรรกศาสตร์มากข้นึ และใหค้ วามหมาย “นกั ปรัชญา” วา่ หมายถึง ผสู้ ร้างจิตวญิ ญาณการวิพากษว์ ิจารณ์ให้แก่สงั คม ความหมายของคาวา่ ปรัชญาและ นักปรัชญาดังกล่าว เป็ นการกาหนดขอบเขตของวิชาปรัชญาท่ีจะไม่ให้น้าหนกั ไปท่ีความขดั แยง้ ของนัก ปรัชญาเร่ืองความจริงที่แน่นอนคืออะไร แต่ให้น้าหนักแก่กระบวนการของการโตเ้ ถียงด้วยเหตุผลและ ผลกระทบของการถกเถียงที่จะตอ้ งเป็นประโยชนแ์ ก่สังคม ความหมายของคาวา่ ปรัชญาและนกั ปรัชญาเป็น การแกไ้ ขปัญหาของเน้ือหาวิชาปรัชญาท่ีท่านพุทธทาสภิกขุสะทอ้ นไว้ และสนบั สนุนบทบาทนกั ปรัชญา ของท่านพุทธทาสภิกขุ ในฐานะพุทธปรัชญาเมธีไทย [15] พระมหาพุทธิวงศ์ ณฏฺ ฐญฺญู (สุวรรณรัตน์)20 (2561) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กำรวิเครำะห์นิพพำนใน ทัศนะของพุทธทำสภิกขุตำมแนวคัมภีร์พระพุทธศำสนำเถรวำท วตั ถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษานิพพานใน พระพุทธศาสนาเถรวาท 2) เพ่ือศึกษานิพพานในทศั นะของพุทธทาสภิกขุ และ 3) เพ่ือวิเคราะห์นิพพานใน ทศั นะของพุทธทาสภิกขุตามแนวคมั ภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท โดยใช้ระเบียบวิธีวิจยั เชิงเอกสาร พบว่า นิพพานตามทศั นะพระพุทธศาสนาเถรวาทหมายถึง ภาวะที่จิตหลุดพน้ จากกิเลสโดยประการท้งั ปวง โดย ภาวะนิพพานเป็นอสังขตธรรมแต่เป็ นสิ่งท่ีมีอยแู่ ละดารงอยไู่ ดเ้ องโดยปราศจากการปรุงแต่งจากส่ิงใด ใน พระพุทธศาสนาเถรวาทไดแ้ บ่งนิพพานออกเป็ น 2 ประการ คือสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ และอนุปาทิเสสนิ พพานธาตุ นอกจากน้นั พระพุทธองคย์ งั ตรัสอธิบายภาวะท่ีกิเลสถูกระงบั ดว้ ยฌานสมาบตั ิหรือดว้ ยปัญญาว่า เป็ นสันทิฏฐิก นิพพานบา้ ง ทิฏฐธัมมนิพพานบา้ ง และตทงั คนิพพานบา้ ง นิพพำนในทัศนะของพุทธทำส ภิกขุหมายถึง ภาวะที่จิตใจว่างจากกิเลสคือตวั กู-ของกูไม่เกิดข้ึนมาในขณะน้นั ซ่ึงเป็นลกั ษณะของความวา่ ง ทางปัญญาไม่ใช่ความว่างทางวตั ถุหรือว่างทางจิต พุทธทาสภิกขุแบ่งนิพพานออกเป็ น 3 ระดบั คือตทงั ค นิพพาน วิกขมั ภนนิพพาน และสมุจเฉทนิพพาน ซ่ึงสามารถสรุปย่นยอ่ ลงเป็นนิพพาน 2 ระดบั คือตทงั ค นิพพานและวิกขมั ภนนิพพานจดั เป็นนิพพานชว่ั คราว ส่วนสมุจเฉทนิพพานจดั เป็นนิพพานท่ีแทท้ ่ีสมบูรณ์ ซ่ึงได้แก่นิพพานธาตุท้งั สอง ดังน้ัน เม่ือวิเคราะห์นิพพานในทศั นะของพุทธทาสภิกขุตามแนวคัมภีร์ พระพุทธศาสนาเถรวาทจะพบว่า ท่านพุทธทาสภิกขุมิไดอ้ ธิบายนิพพานธาตุต่างไปจากคมั ภีร์แต่อย่างใด ส่วน ตทงั คนิพพาน และวิกขมั ภนนิพพานที่ท่านพุทธทาสภิกขุนามาอธิบายก็มิไดข้ ดั แยง้ กบั คมั ภีร์โดยตรง แต่ท่านนามาอธิบายโดยออ้ มหรือในความหมายบางแง่บางดา้ น จุดมุ่งหมายของท่านในเรื่องน้ีก็เพื่อจะให้ พัฒนานาไปสู่การบรรลุถึงนิพพานที่แท้ จึงกล่าวได้ว่า ท่านพุทธทาสภิกขุให้ความสนใจนิพพานใน ความหมายทางจริยศาสตร์ซ่ึงสามารถเขา้ ถึงไดใ้ นสภาวะที่เป็นปัจจุบนั 20 พระมหาพทุ ธิวงศ์ ณฏฺฐญฺญู (สุวรรณรัตน์). 2562. การวเิ คราะหน์ ิพพานในทศั นะของพทุ ธทาสภกิ ขตุ ามแนวคมั ภีร์ พระพทุ ธศาสนาเถรวาท. ว. พทุ ธศำสน์ศึกษำ จุฬำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย. 26 (1) : 27-69.

19 [16] พระชวลิต อุตฺตโม สุวรรณจนั ทร์21 (2561) ไดศ้ ึกษาเรื่อง ศึกษำวิเครำะห์คุณค่ำแนวคำสอน เร่ืองธัมมิกสังคมนิยมของท่ำนพุทธทำสภิกขุคำสำคัญ: พุทธทำสภิกขุ วตั ถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ แนวคาสอนเรื่อง ธมั มิกสงั คมของทา่ นพทุ ธทาสภิกขุ 2) เพื่อวิเคราะห์คุณคา่ ของแนวคดิ ธมั มิกสังคมนิยมของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ศึกษาวิเคราะห์คุณค่าแนวคาสอนเรื่องธมั มิกสังคมนิยม ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ผลการวิจยั พบวา่ สังคมสงเคราะห์อนั สูงสุดของหลวงพ่อพุทธทาส คือ การช่วยกนั ถอย หลงั เขา้ คลองอีกคร้ังหน่ึง เป็ นการช่วยกนั หรืออนุเคราะห์ต่อกนั ให้เขา้ มาต้งั อยู่ในความถูกตอ้ งตามหลกั ศีลธรรม เขา้ มาในศาสนา เขา้ มาในปรมตั ถธรรม ท่านพทุ ธทาสเห็นวา่ ทางรอดทางเดียว คอื การถอยหลงั เขา้ คลองเสียใหม่ แลว้ จึงคอ่ ยเดินต่อไป นอกจากน้ีท่านพทุ ธทาสเห็นวา่ สงั คมสงเคราะห์ควรสงเคราะหก์ นั ให้มี สัมมาทิฏฐิ คือเห็นวา่ “การเจียดส่วนเกินออกไปให้สังคม” ท่านพุทธทาสมองว่าศาสนากาลงั จะหายไปจาก โลก เพราะความเห็นแก่ตวั ดาเนินชีวิตโดยยึดตวั กูของกูเป็นหลกั เช่ือปรัชญามากกว่าศาสนา ให้คนท่ีไม่มี ธรรมมาแกป้ ัญหาการไม่มีธรรม มีวิญญาณพ่ายแพต้ ่อสิ่งยวั่ ยวน และการใช้ส่ิงประดิษฐ์ หรือท่ีเรียกว่า นวตั กรรมให้เกิดอนั ตราย แทนท่ีจะเกิดประโยชน์ ท่านยงั เรียกว่าสังคมนิยมว่า คือ การจดั ระบบที่ทาให้ สังคมเป็นปกติหรือเป็นปกติสุขน้นั แหละจึงจะเรียกว่า สังคมนิยม ธมั มิกสังคมนิยมของท่านพุทธทาสภิกขุ มีอิทธิพลต่อสังคมอนั ทาให้สังคมสงบ เป็ นสังคมที่มีความเมตตาต่อกนั เป็ นธรรมะท่ีใช้อบรมขา้ ราชการ และประชาชน ให้ต้งั อยู่ในความเมตตา มีจิตสาธารณะ เป็ นหลกั การในการอยู่ร่วมกนั ของมนุษยใ์ นสังคม เป็นแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาสันติภาพของโลก ส่วนดา้ นเศรษฐกิจ ธมั มิกสังคมนิยมของท่านพุทธทาส ไดก้ ล่าวถึงหลกั ธรรมท่ีใช้อธิบายระบบเศรษฐกิจพ่ึงพาอาศยั กนั และกนั สอนให้คนในสังคมดาเนินอาชีพ แบบพอเพียง คุณค่าต่อการเมือง คุณค่าดา้ นการเมืองของท่านพุทธทาสพิจารณาได้ 2 ส่วน คือ ในฐานะ หลกั การหรือคณุ ค่าดา้ นจิตใจ ทา่ นพทุ ธทาสเสนอวา่ ระบบการเมืองใดก็ตาม ถา้ หากประกอบดว้ ยธรรมแลว้ ถือว่าเป็นระบบการเมืองท่ีถูกตอ้ ง ท่านไดเ้ สนอระบบการเมืองแบบ “ธมั มิกสังคมนิยม” เป็นระบบการเมือง ในอุดมคติของท่าน เราอาจนาความคิดของท่านในส่วนน้ี ไปเผยแพร่เพื่อเป็ นรากฐานของความเชื่อหรือ อุดมการณ์ทางการเมืองได้ ส่วนที่สอง ในด้านของระบบการปกครอง การที่ท่านพุทธทาสเห็นว่า การ ปกครองที่ผูป้ กครองใช้วิธีการปกครองแบบเผด็จการโดยมีธรรมกากับ เป็ นการปกครองท่ีดีและได้ผล รวดเร็ว จะเห็นไดจ้ ากรูปแบบการปกครองของสงฆ์ของพระพุทธเจา้ ซ่ึงใช้พระธรรมวินัยในการปกครอง พทุ ธบริษทั ซ่ึงกม็ ีลกั ษณะเป็นสังคมนิยมแบบเดียวกบั แนวทางของท่านพทุ ธทาสภิกขุ [17] พระมหาพุทธิวงศ์ ณฏฺ ฐญฺญ (สุวรรณรัตน์) และคณะ22 (2562) ได้ศึกษาเร่ือง นิพพำนตำม ทัศนะของท่ำนพุทธทำสภิกขุ พบวา่ นิพพานตามทศั นะของท่านพุทธทาสภิกขุหมายถึง ภาวะท่ีจิตดบั เยน็ เพราะวา่ งจากกิเลสคือตวั กู-ของกูไม่เกิดข้ึนมาในขณะน้นั ซ่ึงเป็นลกั ษณะของ ความว่างทางปัญญาหรือว่าง 21 พระชวลิต อุตฺตโม สุวรรณจนั ทร์. 2561. ศึกษาวเิ คราะหค์ ณุ คา่ แนวคาสอนเร่ืองธมั มิกสังคมนิยมของท่านพุทธทาสภิกขุ คาสาคญั : พุทธทาสภิกข.ุ ว.วำรสำรวชิ ำกำร มจร บุรีรัมย์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . 3(1) : 25-41. 22 พระมหาพุทธิวงศ์ ณฏฺฐญฺญ (สุวรรณรัตน)์ และคณะ. 2561 . นิพพานตามทศั นะของทา่ นพทุ ธทาสภิกขุ. ว.มหำจุฬำ นำคทรรศน์ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตนครศรีธรรมราช. 5(3) : 539-550.

20 ทางวิญญาณ ไม่ใช่ความว่างทางวตั ถุหรือวา่ งทางจิต ท่านพุทธทาสภิกขไุ ดแ้ บ่งนิพพานออกเป็น 3 ระดบั คือ ตทงั คนิพพาน วิกขมั ภน นิพพาน และสมุจเฉทนิพพาน ท้งั สามระดบั น้ีสามารถสรุปย่นยอ่ ลงเป็นนิพพาน 2 ระดบั คือนิพพานช่ัวคราวและนิพพานท่ีแท้ ตทงั คนิพพานและวิกขมั ภนนิพพาน จดั เป็ นนิพพานชว่ั คราว ส่วนสมุจเฉทนิพพานเป็ นนิพพานท่ีแทซ้ ่ึงได้แก่นิพพานธาตุ ท้งั สอง ส่วนหลักเกณฑ์ที่ใช้แบ่งนิพพาน ออกเป็นสามระดบั นน่ั คือแนวคิดเร่ืองจิต ประภสั สรตามหลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนาเถรวาท [18] พระมหายศธนา ปภากโร (ศรีวฒั นปภา)23 (2562) ไดศ้ ึกษาเร่ือง วิเครำะห์หลักกำรสอนตำม แนวปฏิบัติของพระธรรมโกศำจำรย์(พุทธทำสภิกขุ) วตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือศึกษาพุทธวิธีการสอนอานาปาน สติท่ีปรากฏอยใู่ นคมั ภีร์พระพทุ ธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาหลกั การสอนอานาปานสติตามแนวปฏิบตั ิของ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) และ 3) เพื่อศึกษาวิเคราะห์หลกั การสอนอานาปานสติตามแนวปฏิบตั ิ ของพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ดาเนินการศึกษาโดยวิธีการวิจยั เชิงคุณภาพ เน้นการวิเคราะห์ เอกสารนาเสนอขอ้ มูลแบบเชิงพรรณนา มีรูปประกอบ ผลการวิจยั พบว่า 1.พระพุทธเจา้ ไดท้ รงสอนการ เจริญอานาปานสติ 2 แบบ คือ อย่างส้ัน และแบบแผนที่มีการเตรียมความพร้อมเฉพาะหนา้ และมีวตั ถุ 16 เป็ นอารมณ์เป็ นหลัก ส่วนพระสารีบุตรได้ขยายความอย่างกวา้ งขวา้ ง และแสดงว่าอานาปานสติแต่ล่ะ อารมณ์ย่อมทาให้ถึงความหลุดพน้ ได้เช่นกัน ขณะที่ในอรรถกถาและในคัมภีร์วิสุทธิมรรคมีเน้ือความ เหมือนกนั และนาคาอธิบายของพระสารีบุตรมาประกอบ และอานาปานสติมีประโยชน์มีการให้ความสุข และความสงบ เป็ นตน้ 2.“อำนำปำนสติ” ของพระธรรมโกศำจำรย์ (พุทธทำสภิกขุ) คือ การระลึกหรือ กระทาส่ิงหน่ึง ทุกลมหายใจเขา้ ออก ท่านไดศ้ ึกษากรรมฐานในมหาสติปัฏฐานสูตรก่อน ต่อมาเห็นว่า อานา ปานสติเป็นกรรมฐานที่ละเอียดอ่อน มีประโยชนม์ าก จึงใชอ้ านาปานสติสูตรเป็นหลกั ในการสอน แลว้ ขยาย อธิบาย ทาให้เขา้ ใจง่าย และใช้สานวนเหมาะแก่การปฏิบตั ิ และไดป้ ระยุกต์เขา้ กบั ธรรมอ่ืน ๆ ให้นาไป ปฏิบตั ิง่าย พร้อมท้งั นาเสนอการประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในทางคุณธรรม จิตใจ ร่างกาย จนถึงสังคมใน วงกวา้ ง 3. หลกั การสอนอานาปานสติตามแนวปฏิบตั ิของพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) มีความ เหมือนกบั พุทธวิธีการสอนอานาปานสติ คือ ใจความของอานาปานสติมีวตั ถุ 16 เป็นอารมณ์ และคาอธิบาย ซ่ึงส่วนใหญ่ทา่ นนามาจากคมั ภีร์วิสุทธมิ รรค ส่วนความแตกต่าง คอื คาอธิบายที่มาจากหลกั พระพุทธศาสนา ในแห่งอื่น ๆ การวิเคราะห์และประสบการณ์ และการประยกุ ตใ์ ชใ้ นสงั คมปัจจุบนั โดยใชส้ านวนใหง้ ่ายต่อ ความเขา้ ใจและนาไปปฏิบตั ิ และคณุ ค่าคาสอนของท่านมี 9 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นระบบการพฒั นาจิตใจ เป็นตน้ 23 พระมหายศธนา ปภากโร (ศรีวฒั นปภา). 2562. วเิ คราะห์หลกั การสอนตามแนวปฏิบตั ิของพระธรรมโกศาจารย(์ พทุ ธ ทาสภิกข)ุ . ว.มหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลยั วิทยาเขตนครศรีธรรมราช. 6(5) : 2194-2212.

21 [19] กรวิชญ์ จิตวิบูลย์ และคณะ24 (2562) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กำรวิเครำะห์เนื้อหำสมรรถนะพลเมือง ประชำธิปไตยผ่ำนแนวคิด พระธรรมโกศำจำรย์ พุทธทำส อนิ ทปัญโญ (พุทธทำสภิกขุ) ทปี่ รำกฏอย่ใู น สำระ พุทธทำสศึกษำ จงั หวดั สุรำษฎร์ธำนี วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื วิเคราะห์เน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตยผ่าน แนวคิดพระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาส อินทปัญโญ ที่ปรากฏอยใู่ นสาระพุทธทาสศึกษา และเพือ่ ศึกษาความ สอดคลอ้ งระหวา่ งเน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตยกบั สาระและมาตรฐาน การเรียนรู้ที่ปรากฏอย่ใู น สาระพทุ ธทาสศึกษา ซ่ึงเครื่องมือที่ใชใ้ นการวิจยั คือ แบบวิเคราะห์เน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตย และแบบวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งระหว่างเน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตย ผลการวิจยั พบว่า 1) เน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตยท่ีปรากฏอยใู่ น สาระพทุ ธทาสศึกษาท้งั 5 สาระ โดยสมรรถนะที่พบ มากที่สุด ไดแ้ ก่ สมรรถนะดา้ นความรู้และความเขา้ ใจเชิงวิพากษ์ มีความถี่เท่ากบั 49 ประโยค สมรรถนะท่ี พบรองลงมา ไดแ้ ก่ สมรรถนะดา้ นทกั ษะ มีความถี่เท่ากบั 24 ประโยค สมรรถนะท่ีพบในลาดบั ที่สาม ไดแ้ ก่ สมรรถนะดา้ นทศั นคติ มีความถ่ีเท่ากบั 15 ประโยค และสมรรถนะท่ีพบนอ้ ยที่สุด ไดแ้ ก่ สมรรถนะดา้ น คุณคา่ มีความถ่ีเท่ากบั 6 ประโยค 2) ค่าความสอดคลอ้ งระหวา่ งเน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตยกบั สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ที่ปรากฏอยู่ในสาระพุทธทาสศึกษา พบว่า สาระและมาตรฐานที่ 1 ผลรวม สมรรถนะท้งั 4 ด้าน มีค่าความถ่ีเท่ากับ 29ร้อยละ 30.85 ค่า (IOC) เท่ากบั 0.99 สาระและมาตรฐานท่ี 2 ผลรวมสมรรถนะท้งั 4 ดา้ น มีค่าความถี่เท่ากบั 23 ร้อยละ 24.46 ค่า (IOC) เท่ากบั 1 สาระและมาตรฐานท่ี 3 ผลรวมสมรรถนะท้งั 4 ดา้ น มีคา่ ความถี่เทา่ กบั 11 ร้อยละ 11.70 คา่ (IOC) เทา่ กบั 0.94 สาระและมาตรฐานที่ 4 ผลรวมสมรรถนะท้งั 4 ดา้ น มีค่าความถี่เทา่ กบั 20 ร้อยละ 21.27 ค่า (IOC) เท่ากบั 0.92 สาระและมาตรฐาน ท่ี 5 ผลรวมสมรรถนะท้งั 4 ดา้ น มีคา่ ความถี่เท่ากบั 11 ร้อยละ 11.70 ค่า (IOC) เท่ากบั 1 [20] พระครูมหาเจติยารักษ์ เข็มนาค25 (2563) ไดศ้ ึกษาเรื่อง รูปแบบกำรสร้ำงสันติภำพของพระ ธรรมโกศำจำรย์ (พุทธทำสภิกขุ) วตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือศึกษาบริบทของสังคมไทยและมุมมองดา้ นสันติภาพ ของพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) 2) เพื่อวิเคราะห์แนวคิด วิธีการ และวิถีปฏิบัติในการสร้าง สันติภาพของพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) และ 3) เพ่ือสังเคราะห์รูปแบบการสร้างสันติภาพของ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ที่นาไปสู่การเกิดสันติภาพในสังคมไทย การวิจยั น้ีเป็ นการวิจยั เชิง คุณภาพ ดาเนินงานวิจยั การสัมภาษณ์เชิงลึกกบั ผทู้ ่ีทางานใกลช้ ิดหรือผไู้ ดร้ ับอิทธิพลจากคาสอนของพระ ธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) พบว่า 1) มุมมองบริบทปัญหาดา้ นสันติภาพในสังคม คือ สังคมมีความ ขดั แยง้ เกิดข้ึนทางความคิด ออกมาทางวาจา ทางกายมนั ก็เกิดการขดั แยง้ ต่อตา้ นกนั เกิดเป็นความวุน่ วายใน สังคมเล็ก ลุกลามเป็ นสังคมใหญ่ชาติ และการสร้างสันติภาพของหลวงพ่อพุทธทาสกล่าวโดยสรุปได้ว่า 24 กรวชิ ญ์ จิตวิบูลย์ และคณะ. การวิเคราะห์เน้ือหาสมรรถนะพลเมืองประชาธิปไตยผา่ นแนวคิด พระธรรมโกศาจารย์ พทุ ธ ทาส อินทปัญโญ (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ ท่ปี รากฏอยใู่ น สาระพทุ ธทาสศึกษา จงั หวดั สุราษฎร์ธานี. ว.บณั ฑิตศึกษำปริทรรศน์ มหาวทิ ยาลยั หมาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . 15(3) : 27-41. 25 พระครูมหาเจติยารักษ์ เขม็ นาค. 2563. รูปแบบการสร้างสนั ติภาพของพระธรรมโกศาจารย์ (พทุ ธทาสภิกข)ุ . ว.สันติ ศึกษำ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . 8 (ฉบบั เพมิ่ เติม) : 331-342.

22 “เม่ือไหร่ท่ีเยาวชนมีศีลธรรม เมื่อน้ันเด็กจะลดความขดั แยง้ \" เม่ือไหร่ไม่ยอมกนั จะเกิดความขดั แยง้ ความ ขดั แยง้ เกิดจากกิเลส 2) วิธีการ แนวคิด และกระบวนสร้างสันติภาพของของพระธรรมโกศาจารย์ ประกอบ ไปดว้ ยรูปแบบยอ่ ย 8 ประการ ดงั น้ี การพฒั นาตน การยดึ หลกั ตามปณิธาน 3 เขา้ ถึงหวั ใจของศาสนาของตน ทาความเข้าใจระหว่างศาสนา และออกจากวัตถุนิยม ,สัปปายะ 7 สันติเสวนา การสื่อสารธรรมะ ธรรมาธิษฐาน การเทศน์และอบรมและความเรียบงา่ ย และ 3) ไดร้ ูปแบบเรียกวา่ การสร้างสันติภาพของพระ ธรรมโกศาจารย(์ พทุ ธทาสภิกข)ุ [21] พระครูปริยตั ิธารงคณุ (กาธร สญฺญโต/ทองประดู่)26 (2564) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กระบวนทศั น์ใหม่ใน กำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำตำมแนวพุทธทำสภิกขุ วตั ถุประสงคเ์ พ่ือ 1) ศึกษากระบวนทศั น์ใหม่ในการเผย แผพ่ ระพุทธศาสนา 2) ศึกษาการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตามแนวพุทธทาสภิกขุ 3) สร้างกระบวนทศั น์ใหม่ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวพุทธทาสภิกขุ และ 4) นาเสนอองคค์ วามรู้กระบวนทศั น์ใหม่ในการ เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาตามแนวพทุ ธทาสภิกขุ เป็นการวจิ ยั เชิงคุณภาพ มีขอบเขตเน้ือหา 4 ดา้ น ประกอบดว้ ย 1) ดา้ นบุคคล 2) เน้ือหาสาระ 3) ช่องทางการสื่อสาร 4) ดา้ นผูร้ ับสาร ผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคญั ประกอบดว้ ยกลุ่ม พระภิกษุ/นักวิชาการ จานวน 4 รูป กลุ่มอุบาสก จานวน 4 ท่าน กลุ่มอุบาสิกา จานวน 4 ท่าน รวมท้งั สิ้น จานวน 12 รูป/คน เครื่องมือที่ใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่แบบสัมภาษณ์เชิงลึก โดยผวู้ ิจยั เป็นผสู้ ัมภาษณ์ดว้ ยตนเอง โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เน้ือหาเชิงพรรณนา พบว่า 1) กระบวนทัศน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประกอบดว้ ยหลกั การในการดาเนินชีวิต 3 ประการ อุดมการณ์ดาเนินชีวิต 4 ประการ และวิธีการในการ ดาเนินชีวิต 6 ประการ มุ่งเนน้ การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตามแนวพุทธทาสภิกขุ 4 ดา้ น คือ 1) ดา้ นกระบวน ทศั นใ์ หมด่ า้ นการเทศนา ปาฐกถา การบรรยาย 2) ดา้ นการเขียน - การแปลหนงั สือ 3) ดา้ นบทประพนั ธ์ร้อย กรอง และ 4) ด้านโรงมหรสพทางวิญญาณ และมุ่งเน้นถึงการสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาตามแนวพุทธทาสภิกขุ ดว้ ยคิดวเิ คราะห์ ปัญหา สาเหตุ เป้าหมาย วิธีการ วิธีปฏิบตั ิ เรียนให้ รู้ ทาให้ดูอยู่ให้เห็น ปฏิบตั ิให้เป็ นตวั อย่าง และ 4) นาเสนอองค์ความรู้ด้วย “เอส ดบั เบิ้ลยู พี ดี โมเดล” (SWPD MODEL) ประกอบดว้ ย S: SERMON (ธรรมเทศนา) W: WRITING (งานเขยี นหนงั สือ) P: POETRY (บทกวนี ิพนธ์ร้อยกรอง) D: DHAMMA PUZZLE (โรงมหรสพทางวิญญาณ) 2.2. 4 ผลงำนวิจัยที่เกยี่ วข้อง : สมเด็จพระญำณสังวร สมเดจ็ พระสังฆรำช สกลมหำสังฆปริณำยก (เจริญ สุวฑฺฒโน) 26 พระครูปริยตั ิธารงคณุ (กาธร สญฺญโต/ทองประดู่). 2564. กระบวนทศั น์ใหมใ่ นการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาตามแนวพทุ ธ ทาสภกิ ข.ุ ว.สังคมศำสตร์และมำนุษยวิทยำเชิงพุทธ วดั วงั ตะวนั นตก . 6(5) : 425-441.

23 [22] จุลศกั ด์ิ ชาญณรงค์ 27 (2556) ไดศ้ ึกษาวจิ ยั เร่ือง กรอบควำมประพฤติจำกพระธรรมเทศนำและ พระโอวำทเน่ืองในวันวิสำขบูชำของ สมเด็จพระญำณสังวร สมเด็จพระสังฆรำช สกลมหำสังฆปริณำยก (เจริญ สุวฑฺฒโน) พบว่า บทความน้ีมีวตั ถุประสงค์หลกั 3 ประการ ประกอบดว้ ย 1) สรุปรวมขอ้ ธรรมที่ ควรปฏิบตั ิในวนั วิสาขบูชา 2) เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ผ่านงานพระนิพนธ์ท่ีเป็ นพระธรรมเทศนาหรือ พระโอวาทเน่ืองในวนั วิสาขบูชา และ 3) เพ่ือนอ้ มนาขอ้ ธรรมจากพระธรรมเทศนาและพระโอวาทอนั จะนอ้ มนาไปปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ ง เป็ น ระบบ ท้งั น้ีไดข้ อ้ สรุปเพื่อตอบสนองวตั ถุประสงคต์ ามลาดบั เริ่มจากวตั ถุประสงค์ขอ้ แรก พบว่าขอ้ ท่ี ควรปฏิบตั ิเนื่องในวนั สาคญั น้ีคือ การปฏิบตั ิตนให้เป็ นไปตามสารัตถะของวนั วิสาขบูชาและมีขอ้ ธรรมท่ี ควรน้อมนาไปปฏิบัติ ประกอบด้วย ความกตัญญูกตเวที อริยสัจ 4 และความไม่ประมาท สาหรับผล การศึกษาเพ่ือตอบสนองวตั ถุประสงค์การเขียนข้อต่อมาพบว่าเจ้าประคุณสมเด็จได้ทรงเน้นย้าในสาม ประเด็นใหญ่ๆ ประกอบดว้ ย การระลึกถึงพระพุทธเจา้ ผ่านความมหัศจรรยแ์ ห่งพุทธบารมีการน้อมนาไป ปฏิบัติ และการกระทาท้ังปวง มีเป้าหมายเพ่ือความสงบเย็นไม่ใช่เพียงแต่กับตนเอง แต่หมายถึง แก่ ประเทศชาติ และแก่โลก ตอบสนองวตั ถุประสงค์ขอ้ สุดทา้ ย ดว้ ยการจดั ทาเป็ นกรอบความประพฤติเป็ น แผนภาพ 2.2.5 ผลงำนวจิ ัยที่เกยี่ วข้อง : พระรำชพรหมยำน หลวงพ่อฤๅษีลงิ ดำ [23] พระอธิการพรชยั วิชฺชโย28 (2554) ไดศ้ ึกษาเรื่อง กำรศึกษำวิเครำะห์ผลงำนด้ำนกำรเผยแพร่ พระพุทธศำสนำของพระรำชพรหมยำน (หลวงพ่อฤำษีลิงดำ) วตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาพุทธวิธีการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา เพ่ือศึกษาประวตั ิและผลงานของพระราชพรหมยาน เพื่อศึกษาผลงานด้านการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระราชพรหมยาน พบวา่ 1) พระพทุ ธองคท์ รงเป็นตน้ แบบในการเผยแผ่ท่ีเรียกวา่ แบบ ตวั ต่อตวั จึงทาให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ ผูฟ้ ังไดร้ ับประโยชน์และสารประโยชน์จากพระธรรมคาสั่งสอน ขณะเดียวกนั ได้ทรงแสดงคุณสมบตั ิของผูเ้ ผยแผ่ไวอ้ ย่างเป็ นระบบ ทรงใช้เทคนิควิธีในการเผยแผ่อย่าง หลากหลายและที่สาคญั พระองค์ทรงเป็ นผูเ้ ลิศในการใชภ้ าษาเพ่ือการเผยแผ่ 2) พระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษลี ิงดา เป็นพระเถระ ไดศ้ ึกษาพระพุทธศาสนาจากครอบครัว ต่อมาไดศ้ ึกษาพระกมั มฏั ฐานจาก พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน สุนันโท) และอาจารยพ์ ระกัมมฏั ฐานท้งั บรรพชิตและคฤหัสถ์ จานวนมาก จนเป็ นท่ีเพียงพอต่อความตอ้ งการจากน้นั ได้เริ่มการเผยแผ่ความรู้จากประสบการณ์ของท่าน 27 จุลศกั ด์ิ ชาญณรงค.์ 2556. กรอบความประพฤติจากพระธรรมเทศนาและพระโอวาทเน่ืองในวนั วสิ าขบูชาของ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน). ว.มหำวิทยำลยั นครพนม. 3(3) : 7-13. 28 พระอธิการพรชยั วชิ ฺชโย. 2554. การศึกษาวเิ คราะหผ์ ลงานดา้ นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดา). วทิ ยานิพนธ์ พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาพระพุทธศาสนา. มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั : พระนครศรีอยธุ ยา.

24 ไดร้ ับความศรัทธาเล่ือมใสเป็นอนั มาก และทา่ นไดท้ าคณุ ประโยชน์เป็นอนั มากตอ่ พระพทุ ธศาสนา ท้งั ที่เป็น รูปธรรมและนามธรรม 5 ดา้ น คือ การศึกษาของสงฆ์ การก่อสร้าง การศึกษาของเยาวชนและสงเคราะห์ ประชาชน ปรากฏเป็นที่เด่นชดั และยงั คงสืบถอดมาถึงปัจจุบนั 3) ผลงานดา้ นการเผยแผพ่ ระราชพรหมยาน ที่เด่นชดั ไดแ้ ก่ การสอนพระกรรมฐานมโนยิทธิ ประกอบกบั บุคลิกลกั ษณะที่เป็ นคนพูดเสียงดงั ชดั เจน มี เสียงไพเราะ ชวนฟัง ใบหน้ายิ้มแยม้ และความสารวมระวงั เป็ นภาพท่ีก่อให้เกิดความศรัทธาแห่ผูพ้ บเห็น การอธิบายธรรมะที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นไปท่ีพระนิพพานเป็ นเป้าหมายหลกั คาสอนเก่ียวกบั นรก สวรรค์ และพระอรหันต์ ไดเ้ ป็ นเร่ืองที่ไดร้ ับความสนใจมาก เพราะท่านแสดงให้เห็นธูปธรรมเป็ นบุคคลาธิษฐาน และสะทอ้ นออกมาเป็นการก่อสร้างอาคารถาวรวตั ถุที่วิจิตรพิสดาร เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะของวดั จนั ทาราม ขณะเดียวกนั ท่านไดจ้ ดั ต้งั ศูนยส์ งเคราะห์ผยู้ ากจนในแหล่งทุรกนั ดารตามพระราชประสงค์ มูลนิธิหลวงพ่อ ปาน-พระมหาวีระ ถาวโร ธานาคารขา้ ว โรงสีขา้ ว หนงั สือธรรมะ นิตยสารธรรมะ ส่ือธรรมะในรูปแบบเทป บนั ทึกเสียง ซีดี และวีซีดี เป็ นจานวนมากและสร้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา ท่ีคณะศิษยย์ งั คง ดาเนินการและสืบทอดเจนนารมณ์มาถึงปัจจุบนั [24] เสถียร ทงั่ ทองมะดนั และคณะ29 (2558) ไดศ้ ึกษาเร่ือง สมถกัมมัฏฐำนในฐำนะเป็ นบำทฐำน ของมโนยิทธิ วัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาสมถกัมมัฏฐานในพระพุทธศาสนา เพื่อศึกษา มโนยิทธิใน พระพุทธศาสนา เพื่อวิเคราะห์สมถกมั มฏั ฐานในฐานะเป็นบาทฐานของมโนมยทิ ธิ เป็นการวจิ ยั แบบคุณภาพ โดยใช้วีธีการวิจยั เชิงพรรณนา พบว่า สมถกัมมัฏฐำนในพระไตรปิ ฎกเป็ นวิธีการปฏิบตั ิกรรมฐานในพระ พุทธศานา 4 วีธีคอื 1)วธิ ีปฏิบตั ิสมถะนาหนา้ วิปัสสนา 2)วิธีปฏิบตั ิวิปัสสนานาหนา้ สมถะ 3)วิธีปฏิบตั ิสมถะ และวิปัสสนาคูก่ นั ไป 4) วธิ ีปฏิบตั ิเมื่อจิตถกู ชกั ใหไ้ ขวเ้ ขวเพราะธรรมธุ จั จ์ ซ่ึงผปู้ ฏิบตั ิอาจจะเลือกเอำวิธีกำร ท่ีเหมำะสมกับตนมำใช้ในกำรปฏิบัติได้ตามสมควร ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค กล่าวถึง สมถกมั มฏั ฐาน เป็นการ ปฏิบตั ิไวต้ ้งั แต่กิจเบ้ืองตน้ ก่อนเจริญพระกมั มฏั ฐาน การชาระศีลให้บริสุทธ์ิ ต้งั มนั่ อยใู่ นศีลท่ีบริสุทธ์ิดีแลว้ การตดั ปลิโพธ อนั เป็นเครื่องกงั วล 10 ประการ ในคัมภีร์วิมุตติมรรคจะเป็นไปในแนวเดียวกบั คมั ภีร์วสิ ุทธิ มรรคทุกประการ ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ ใหก้ าหนดดูจิตเป็นที่ต้งั ในการเกิดดบั อยใู่ นกระแสของภวงั ค์ เรียกวา่ ภวังคจติ อยา่ งหน่ึง เกิดดบั ในวถิ ีแห่งการรับรู้โลกภายนอกทาง ตา หู ลิน้ กาย ใจ และในคมั ภีร์อภิธัม มำวตำร เป็ นการเจริญกมั มฏั ฐานโดยใช้กสิณเป็ นฐำนเพื่อให้เกิดฌานให้บรรลุฌาน จากน้นั พิจารณาอรูป ฌานไปอภิญญา และสู่วิปัสสนาไปตามลาดบั เพ่ือความสิ้นไปแห่งกิเลสคือ กำรบรรลุถึงพระนิพพำนนงั่ เอง เน่ืองจาก มโนยิทธิ คือ กำรมีฤทธ์ิทำงใจ คือ การรู้เห็น สัมผสั ตามความเป็นจริงดว้ ยการใชใ้ จ เป็นกาลงั ใน การเพง่ จิตไปภายในตวั ของ ตนเองเป็นผลการอบรมฌาน จนถึงความชานาญคล่องแคล่ว การวเิ คราะห์สมถ กัมมัฏฐำนในฐานะเป็ นบาทฐานของมโนมยิทธิ ไดแ้ ก่ 1)สมถกมั มฏั ฐานในฐานะเป็ นบาทฐานของมโนมยิ ทธิ เป็ นกำรใช้อำรมณ์ของสมถกมั มฏั ฐานเพื่อเป็ นบาทฐานมโนมยิทธิกล่าวคือ เม่ือฝึ กปฏิบตั ิโดยการใช้ 29 เสถียร ทง่ั ทองมะดนั และคณะ. 2558. สมถกัมมัฏฐำนในฐำนะเป็ นบำทฐำนของมโนยิทธิ. รายงานการวิจยั . วิทยาเขต นครราชสีมา. มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั : นครราชสีมา.

25 อารมณ์ของสมถกมั มฏั ฐานอยา่ งในอยา่ งหน่ึง 2) องค์ฌำนในฐานะเป็นอำรมณ์ มโนมยิทธิ เป็นการทาฌาน ใหเ้ กิดข้นึ หรือเข้ำฌำน เพอื่ ใชก้ าลงั สมาธิของฌานน้นั เตรียมจิตใหอ้ ยใู่ นสภาพซ่ึงพร้อมดีที่สุดสาหรับใชเ้ ป็น ท่ีทาการของปัญญำที่จะคิดพิจำรณำให้เห็นควำมจริงต่อไป 3)กสิณในฐานะเป็ นบาทฐานของมโนมยิทธิ เป็นการฝึ กปฏิบตั ิเพ่งกสิณเป็นวิธีทากรรมฐานท่ีเหมาะกบั คนทุกคนและทุกจริต คือ คนทุกคนสามารถเพ่ง ได้ แต่ก็มีคนบางประเภทท่ีเพ่งกสิณแลว้ ไม่เกิดผล ไม่เกิดนิมิตไม่สามารถทาฌานให้เกิดข้ึน 4) จริตกับ กรรมฐานในฐานะเป็ นบาทฐานของมโนมยิทธิ ในทางปฏิบตั ิสมถกรรมฐาน 40 ขอ้ เหมาะกบั บุคคลแต่ละ จริตแตกต่ำงกนั ไป และ 5)สมถกมั มฏั ฐานจากกสิณ 10 ในฐานะเป็นบาทฐานของมโนมยทิ ธิ เมื่อฝึกกสิณจน สามารถละนวิ รณ์ใหห้ มดไปแลว้ ผลการฝึกน้ียอ่ มทาใหฌ้ านเกิดข้นึ เป็นลาดบั ตอ่ ไป [25] อดิสรณ์ ประทุมถ่ิน และคณะ30 (2561) ไดศ้ ึกษาเร่ือง วิเครำะห์กำรใช้ภำพพจน์เพื่อถ่ำยทอด พุทธธรรมคำสอนด้ำนกำรเจริญพระกรรมฐำนของพระรำชพรหมยำน วตั ถุประสงคว์ ิเคราะห์ภาพพจนใ์ น พุทธธรรมคาสอนดา้ นการเจริญพระกรรมฐานของพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดา วดั ท่าซุง จงั หวดั อทุ ยั ธานี พบวา่ ในพทุ ธธรรมคาสอนมีการใชภ้ าพพจน์ที่โดดเด่น 5 ประเภท โดยภาพพจน์ที่พบมาก ที่สุด คอื ภาพพจน์ประเภทอุปมา สมมตุ ิภาวะ การอา้ งถึง บคุ ลาธิษฐาน และอปุ ลกั ษณ์ ท้งั น้ี การใชภ้ าพพจน์ ท้งั 5 ประเภท เป็ นเทคนิคการถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจดา้ นการเจริญพระกรรมฐาน ท้งั ดา้ นวิปัสสนา กรรมฐานและสมถกรรมฐานไดเ้ ป็นอยา่ งดี [26] วฒั นา หลวกั ประยรู และคณะ31 (2562) ไดศ้ ึกษาเรื่อง ประสิทธิภำพกำรบริหำรจดั กำรวัดท่ำซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธำนี วัตถุประสงค์เพ่ือ 1.ศึกษาระดับความคิดเห็นของผูม้ าปฏิบัติธรรมต่อ ประสิทธิภาพการบริหารจดั การวดั ท่าซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี 2.เปรียบเทียบความคิดเห็นของผูม้ า ปฏิบตั ิธรรมต่อประสิทธิภาพการบริหารจดั การวดั ท่าซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี จาแนกตามสถานภาพ ส่วนบุคคล และ 3.ศึกษาปัญหา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะที่ไดจ้ ากผมู้ าปฏิบตั ิธรรมเก่ียวกบั ประสิทธิภาพ การบริหารจดั การวดั ทา่ ซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี ใชร้ ะเบียบวิธีวิจยั แบบผสานวิธี สาหรับการวิจยั เชิง ปริมาณใชว้ ิธีการวิจยั เชิงสารวจ เก็บรวบรวมขอ้ มูลดว้ ยแบบสอบถามจากกลุ่มตวั อยา่ งท่ีเป็นประชาชนท่ีมา ปฏิบตั ิธรรมในวดั ท่าซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี จานวน 385 คน สถิติที่ใช้ ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใชส้ ถิติอา้ งอิงในการทดสอบสมมติฐานการวิจยั คือ t–test และ F– test ในการวเิ คราะหค์ วามแปรปรวนทางเดียว และเปรียบเทียบความแตกต่างความเห็นเฉลี่ยเป็นรายคูด่ ว้ ยวิธี ผลตา่ งนยั สาคญั นอ้ ยท่ีสุด ท่ีมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 สาหรับการวิจยั เชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมขอ้ มูล จากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคัญ จานวน 9 รูปหรือคน และวิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยเทคนิคการ 30 อดิสรณ์ ประทุมถิ่น และคณะ. 2561. วิเคราะห์การใช้ภาพพจน์เพ่ือถ่ายทอดพุทธธรรมคาสอนด้านการเจริญพระ กรรมฐานของพระราชพรหมยาน. ว. มังรำยสำร สถาบนั ภาษาและวฒั นธรรมนานาชาติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงราย. 6(2) : 17-26. 31 วฒั นา หลวกั ประยรู และคณะ.2562. ประสิทธิภาพการบริหารจดั การวดั ทา่ ซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี. ว.วจิ ยวิชำกำร มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . 2(1) : 68-84.

26 วิเคราะห์เน้ือหาเชิงพรรณนา ประกอบบริบท ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของผูป้ ฏิบัติธรรมต่อ ประสิทธิภาพการบริหารจดั การวดั ทา่ ซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มากที่สุด โดย มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.53 เมื่อพิจารณาเป็ นรายด้าน ท้ังด้านการวางแผน (Planning) ด้านการจัดองค์การ (Organizing) ด้านการจดั บุคลากร (Staffing) ด้านการส่ังการ (Directing) ด้านการควบคุม (Controlling) พบว่าดา้ นการควบคุมและด้านการวางแผน อยู่ในระดบั มากท่ีสุด ส่วนดา้ นการจดั องค์การ ด้านการจดั บุคลากรและด้านการส่ังการ อยู่ในระดับมาก ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผูป้ ฏิบัติธรรมต่อ ประสิทธิภาพการบริหารจดั การวดั ท่าซุง อาเภอเมืองจงั หวดั อุทยั ธานี จาแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล พบวา่ ผปู้ ฏิบตั ิธรรมมีเพศ อายุ แตกตา่ งกนั มีความคดิ เห็นไม่ตา่ งแตกกนั จึงปฏิเสธสมมติฐานท่ีต้งั ไว้ ส่วนผู้ ปฏิบตั ิธรรมท่ีมีวุฒิการศึกษา อาชีพและประสบการณ์การเขา้ วดั แตกต่างกนั มีความคิดเห็นแตกต่างกนั จึง ยอมรับสมมติฐานท่ีต้งั ไว้ ปัญหา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะที่ไดจ้ ากผมู้ าปฏิบตั ิธรรมเกี่ยวกบั ประสิทธิภาพ การบริหารจดั การวดั ท่าซุง อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี พบว่า วดั มีขนาดใหญ่มาก ทาให้มีบุคลากรไม่ เพียงพอกบั ปริมาณงาน จึงควรประกาศรับสมคั รจิตอาสาล่วงหนา้ เพื่อจะไดม้ ีผูช้ ่วยมากข้นึ และการสื่อสาร มีรูปแบบไมช่ ดั เจน ควรใชก้ ารส่ือสารท้งั ในรูปแบบการส่ังดว้ ยวาจา การสัง่ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร และมีการ นาระบบไลน์มาใชใ้ นการสง่ั การ 2.2.6 ผลงำนวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง : หลวงพ่อเทยี น จิตฺตสุโภ [27] พระมหาวีระพนั ธ์ ชุติปญฺโญ (สุปัญบุตร)32 (2546) ไดศ้ ึกษาเร่ือง ศึกษำวิเครำะห์กำรตีควำม และวิธีกำรสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ผลการศึกษาพบว่า ทาให้ทราบขอ้ ดีจากคาสอนของหล่วงพ่อ เทียน และทราบความแตกต่างของการอธิบายตามความเขา้ ใจของท่านท่ีเป็ นการอธิบายนอกกรอบคมั ภัร์ จนกระทงั่ ตอ้ งมีทฤษฎีการตีความเขา้ มาช่วยการอธิบาย เพื่อเป็ นขอ้ วินิจฉัยเปรียบเทียบหลกั คาสอนท่ีท่าน เขา้ ใจ ทาให้ทราบความเด่นชดั ในเรื่องการตีความและวิธีการสอนธรรมะของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ดงั น้ี 1) การตีความเป็ นวิธีการที่ช่วยให้ผศู้ ึกษาเขา้ ใจความหมายและมุมมองในการศึกษาเร่ืองต่างๆ ทาใหไ้ ดร้ ับ แนวคิดใหม่ๆ อนั ส่งผลต่อกระบวนการคิดอยา่ งมีเหตุผลโดยต้งั อยบู่ นรากฐานแห่งความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งมาก ข้ึน 2) หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ เป็ นพระที่มีความอุตสาหะพยายามในการปฏิบตั ิธรรมจนเกิดความเขา้ ใจ โดยการปรับประยุกตว์ ิธีการตามความเขา้ ใจของตนเอง การสอนของท่านไม่ยึดติดอยู่กบั ตารา แต่เป็ นการ อธิบายจากสภาวะที่สัมผสั ดว้ ยใจ อนั เกิดจากการปฏิบตั ิตามวิธีการเจริญแบบเคลื่อนไหว การตีความและ วิธีการสอนธรรมะของ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ เป็นปรากฎการณ์ใหม่ท่ีผศู้ ึกษาธรรมะควรศึกษา เพ่ือความ เขา้ ใจและปฏิบตั ิตามแนวคาสอนของพระพุทธองคใ์ หถ้ กู ตอ้ งยง่ิ ข้นึ 32 พระมหาวีระพนั ธ์ ชุติปญฺโญ (สุปัญบตุ ร). 2546.ศึกษำวิเครำะห์กำรตคี วำมและวิธีกำรสอนของหลวงพ่อเทยี น จิตตฺ สุโภ. วทิ ยานิพนธ์ พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา. มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั : พระนครศรีอยธุ ยา

27 [28] พระมหานิพนธ์ มหาธมฺมรกฺขิโต(แสมแกว้ )33 (2546) ได้ศึกษาเรื่อง ศึกษำเปรียบเทียบแนว ทำงกำรปฏิบัติกรรมฐำนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ และพุทธทำสภิกขุ พบว่า หลวงพ่อเทียน มองว่า ความคิดปรุงแต่งท่ีเกิดข้ึนโดยปราศจากสติคอยกากบั เป็ นสาเหตุแห่งความทุกข์และนาเสนอวิธีกำรท่ีจะ ควบคุมวำมคิดโดยอำศัยกำรเจริญสติแบบเคล่ือนไหวเป็ นหลักปฏิบัติ ส่วนพุทธทาสภิกขเุ ห็นวา่ ความยดึ มนั่ ถือมนั่ เป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ พร้อมท้งั อธิบายกระบวนการเกิด-ดบั ทุกขต์ าม หลกั ปฏิจจสมุปบาท และ นาเสนอวิธีการควบคุมกระแสปฏิจจสมุปบาทอนั เป็นการทาลายความยึดมนั่ ถือมน่ั ดว้ ยการเจริญอานาปาน สติและวิปัสสนาระบบลดั ส้ัน มุมมองท่ีต่างกนั นาไปสู่การใช้รูปแบบ วิธีการปฏิบตั ิ การใช้ภาษาและการ อธิบายลาดบั สภาวธรรมที่เกิดข้ึนระหว่างปฏิบตั ิต่างกนั ในส่วนท่ีสอดคลอ้ งกนั หลวงพ่อเทียนและพุทธ ทาสภิกขุ มองชีวิตดา้ นใน คือ จิตวา่ เร่ิมตน้ จากธรรมชาติเดิมท่ีบริสุทธ์ิ แต่ยงั อยู่ในฐานะท่ีปรุงแต่งดว้ ยกิเลส ได้ และเป็นหนา้ ที่ของทุกคนที่จะตอ้ งปฏิบตั ิให้เขา้ ถึงความบริสุทธ์ิอยา่ งแทจ้ ริง ดา้ นแสดงหลกั คาสอนของ ท่านท้งั สองต่างมุ่งการนาปฏิบัติสาหรับดับทุกข์ในชีวิตประจาวนั เป็ นหลักสาคญั และแนวการปฏิบัติ กรรมฐานของท่านท้งั สองก็ให้ความสาคญั กบั สติในฐานะเป็ นพ้ืนฐานที่สาคญั ยง่ิ ของการปฏิบตั ิ ในส่วน ของการใช้หลกั การปฏิบตั ิตามแนวพระไตรปิ ฎก พบว่า แนวการปฏิบตั ิของหลวงพ่อเทียนใช้หลกั การ กาหนดรู้อิริยาบถน้อยใหญ่ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน และการดูจิตเพื่อรู้เท่าทนั ความคิดจดั เป็ นจิตตา นุปัสสนาสติปัฏฐาน ส่วนพุทธทำสภิกขุใช้อำนำปำนสติซ่ึงมีหลกั การปฏิบตั ิครอบคลมุ สติปัฏฐาน 4 และใช้ วิปัสสนาแบบลดั ส้ัน ซ่ึงเป็นการนาหลกั การกาหนดรู้ลมหายใจและอริยาบถนอ้ ยใหญ่ในกายานุปัสสนาสติ ปัฏฐาน มาใช้ พร้อมท้งั กาหนดรู้ลมหายใจและอิริยาบถนอ้ ยใหญ่โดยความเป็นนามรูป เบญจขนั ธ์ โดยความ ไม่เท่ียง คายตวั ออก ดบั ไป และสลดั คนื ซ่ึงเป็นธมั มานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในส่วนการใชว้ ิธีการปฏิบตั ิตาม แนวทางพระไตรปิ ฎก พบวา่ แนวการปฏิบตั ิของหลวงพ่อเทียน ใชว้ ิธีการเจริญวิปัสสนานาหนา้ สมถะและ วิธีการปฏิบตั ิเพื่อออกจาก ธรรมุธัจจ์ ส่วนพุทธทาสใช้วิธีการเจริญสมถะนาหน้าวิปัสสนา วิธีการเจริญ วิปัสสนานาหนา้ สมถะและวิธีการปฏิบตั ิเพื่อออกจากธรรมุสัจจ์ เมื่อเปรียบเทียบแลว้ พบวา่ ท่านท้งั สองได้ ใชห้ ลกั การและวิธีการในพระไตรปิ ฏกสอดคลอ้ งกนั เป็นส่วนมากต่างกนั ตรงที่พุทธทำสได้นำหลักกำรและ วิธีกำรปฏิบัติในพระไตรปิ ฏกมำใช้หลำกหลำยกว่ำกัน อย่างไรก็ตาม แนวการปฏิบตั ิของท่านท้งั สองแม้ ต่างกนั บา้ งเหมือนกนั บา้ งบางประเด็น แต่เม่ือวา่ โดยจุดมุ่งหมายสูงสุดแลว้ แนวการปฏิบตั ิท้งั สองแบบลว้ น เป็นไปเพ่ือควบคุมและอยู่เหนือความทุกข์อย่างเดียวกนั และสอดคลอ้ งกบั จุดมุ่งหมายแห่งหลกั การและวิธี ปฏิบตั ิกรรมฐานในพระไตรปิ ฏก 33 พระมหานิพนธ์ มหาธมฺมรกฺขโิ ต(แสมแกว้ ) . 2546. ศึกษำเปรียบเทยี บแนวทำงกำรปฏบิ ัตกิ รรมฐำนของหลวงพ่อเทยี น จิตตฺ สุโภ และพุทธทำสภิกขุ. วิทยานิพนธ์ พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาพระพทุ ธศาสนา. มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : พระนครศรีอยธุ ยา

28 [29] พระมหาสิงห์หน สิรินฺธโร (ฉิมพาลี)34 (2553) ไดศ้ ึกษาเรื่อง ศึกษำวิเครำะห์ควำมสอดคล้อง ระหว่ำงหลกั ปฏิบัติสัมปชัญญะในมหำสติปัฏฐำนสูตรกบั วิธีกำรฝึ กเจริญตำมแนวของหลวงพ่อเทียน จิตฺต สุโภ พบวา่ หลกั ปฏิบตั ิสัมปชญั ญะในมหาสติปัฏฐานสูตร คือ การกาหนดอิริยาบถ ดว้ ยการทาควำมรู้สึกตัว ในการการก้าวไป การถอยหลงั กลบั ในการดูแล การเหลียวดู การคูเ้ ขา้ การเหยียดออก การครองสังฆาฎิ บาตร และจีวร ทาความรู้สึกตวั ในการฉัน การด่ืม การเค้ียว และการลิ้ม การถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ทาความ รู้สึกตวั ในการเดิน การยนื การนง่ั การนอน การตื่น การพูด และการน่ิง การปฏิบตั ิสมั ปชญั ญะในมหาสติปัฏ ฐานสูตร ข้ึนอยู่กบั ความเหมาะสมของอุปนิสัยและจริตของแต่ละบุคคล วิธีการฝึ กเจริญสติตามแนวของ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ เริ่มตน้ ท่านใหท้ าความรู้สึกตวั ดว้ ยการนง่ั สร้างจงั หวะยกมือ 15 จงั หวะ โดยพลิก ขวา ตะแคงข้ึน เรื่อยไปจนมือซอ้ นทบั กนั ใหม้ ีสติกากบั อยทู่ กุ ขณะ มิใหข้ าดสาย และก็ใหร้ ู้สึกตวั ตลอดเวลา เม่ือมีอะไรเกิดข้ึน ไมว่ า่ จะไหว ก็รู้สึก กะพริบตา กใ็ หร้ ู้สึก หายใจ ก็รู้สึก กลืนน้าลาย ก็รู้สึก เรียกวา่ ใหร้ ู้สึก ทุกอาการท่ีเกิดข้ึนโดยไม่ลืมกายลืมใจลอยไปท่ี อ่ืนเผลอไปคิดเร่ืองมือว่าจะขยบั อยา่ งไร และไม่เพ่งมือเพ่ง กายท้งั กายดว้ ย รู้เพียงวา่ มนั เป็นสภาวะที่จิตตื่น หลุดออกจากโลกของความคดิ มาอยกู่ บั โลกของความจริงจึง พร้อมท่ีจะเห็นสภาวะและเขา้ ใจความเป็ นจริงของรูปนาม กายใจได้ และตอ้ งรู้สึกให้ถูกตอ้ งว่าสิ่งที่กาลงั เคล่ือนไหวอยนู่ ้ีคืออาการของรูป ตอ้ งรู้สึกใหถ้ ึงความเป็นรูป ไมใ่ ช่รู้สึกเพียงวา่ มือกาลงั เคลื่อนไหว ตอ้ งรู้สึก จริงๆ ถึงอาการของรูปที่กาลงั เคลื่อนไหว วิธีการเจริญสติตามแนวของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ มีท้งั ความ สอดคลอ้ งและความแตกต่างกันอยู่บ้างจากหลกั ปฏิบตั ิสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร หลกั ปฏิบัติ สัมปชญั ญะ เนน้ ที่ตวั สัมปชญั ญะโดยตรง แต่วิธีการฝึ กเจริญสติของหลวงพ่อเทียน เนน้ ไปที่สติระลึกรู้ลึก รู้สึกตัวอยู่ทุกขณะที่สร้ำงจังหวะต่ำงๆ โดยให้รู้สึกตวั อยตู่ ลอดเวลาในเมื่อมีอาการเกิดข้ึน วิธีการฝึ กสติตาม แนวของหลวงพ่อเทียนเนน้ ตวั สติเป็นสาคญั ซ่ึงมีวิธีการแตกต่างจากสมั ปชญั ญะในมหาสติปัฏฐานสูตร แต่ ก็สงเคราะห์และมีความสอดคลอ้ งกบั หลกั ปฏิบตั ิในสัมปชัญญะ เพราะตวั สติกบั สัมปชญั ญะ เป็ นอุปการ ธรรมกนั เมื่อมีสติกต็ อ้ งมีสัมปชญั ญะแตกต่างกนั ในลกั ษณะรูปแบบของการนาเสนอเท่าน้นั [30] พระสุวรรณ สุวณฺ โณ (เรืองเดช)35 (2553) ไดศ้ ึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง ศึกษำผลกำรเจริญตำม แนวปฏิบัติของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ : กรณีศึกษำผู้ปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมมหำสติปัฏฐำน 4 บา้ นเหลา่ โพนทอง ผลการศึกษาพบวา่ การเจริญสติตามแนวทางมหาสติปัฏฐานสูตร พบวา่ การเจริญสติใน มหาสติปัฏฐานสูตรน้ี พระพุทธองคท์ รงมีวตั ถุประสาคญั เพ่ือให้พุทธบริษทั 4 ไดป้ ระพฤติปฏิบตั ิตามหลกั คาสอนในส่วนที่เป็ นวิปัสสนาธุระ หรือ งานของจิต โดยมุ่งหวงั ผลของการเจริญสติ คือการหลุดพน้ จาก 34 พระมหาสิงห์หน สิรินฺธโร (ฉิมพาลี). 2553. ศึกษำวิเครำะห์ควำมสอดคล้องระหว่ำงหลักปฏิบัติสัมปชัญญะในมหำสติ ปัฏฐำนสูตรกับวิธีกำรฝึ กเจริญตำมแนวของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ . วิทยานิพนธ์ พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา. มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั : พระนครศรีอยธุ ยา. 35 พระสุวรรณ สุวณฺโณ (เรืองเดช). 2553. ศึกษำผลกำรเจริญตำมแนวปฏิบตั ขิ องหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ : กรณีศึกษำผู้ ปฏบิ ตั ิธรรมในสำนกั ปฏบิ ัตธิ รรมมหำสติปัฏฐำน 4. วิทยานิพนธ์ พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาพระพุทธศาสนา . มหาวิทยาลยั มหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลยั : พระนครศรีอยธุ ยา.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook