439 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 เรือ่ ง อตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี เร่ือง แนวคดิ เกี่ยวกับอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี วิชา เคมี 3 รหสั ว32225 เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ครูผู้สอน นางสาวณัฐธดิ า ชากรแกว้ สาระการเรยี นรู้ เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พนั ธะเคมีและสมบตั ิของสาร แก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ เขียนแผนภาพ และอธิบายทศิ ทางการชนกันของอนุภาคและพลังงานทสี่ ง่ ผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. อธบิ ายการเกิดปฏิกิรยิ าเคมโี ดยใชท้ ฤษฎกี ารชน และการชนกันของอนุภาคได้ 2. บอกความหมายของพลังงานกอ่ กมั มันตไ์ ด้ 3. อธิบายความยากง่ายของการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมโี ดยพิจารณาจากค่าพลงั งานก่อกมั มนั ต์ของปฏิกิรยิ าน้นั ๆ และการเกิดสารเชงิ ซ้อนกัมมนั ตไ์ ด้ ดา้ นทักษะ (Process) 4. ส่ือสารแนวคดิ เกย่ี วกับการเกิดปฏกิ ิริยาเคมีได้ ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 5. มีความมุ่งม่นั ต้ังใจในการเรียนรู้ และแสวงหาความรู้ สาระสำคัญหรอื ความคิดรวบยอด ทฤษฎกี ารชนกัน (Collision Theory) ทฤษฎีนีอ้ ธิบายวา่ “ปฏิกริ ยิ าเคมจี ะเกดิ ขน้ึ ไดก้ ็ตอ่ เม่อื อนุภาค ของสารตัง้ ต้นอาจเปน็ โมเลกุลอะตอมหรือไอออนก็ได้ จะตอ้ งมีการเคล่ือนทีช่ นกนั กอ่ น” แต่มิไดห้ มายความวา่ การ ชนกันของอนภุ าคทุกคร้ังจะเกิดปฏิกิริยา การชนกนั ของอนุภาคของสารตั้งตน้ จะเกิดปฏิกิรยิ าได้หรอื ไม่ขนึ้ อยูก่ ับ ปัจจัยต่อไปน้ี 1.1.พลงั งานจลน์ของอนุภาคทีเ่ คล่ือนทช่ี นกัน อนุภาคของสารตัง้ ต้นเมื่อชนกนั แล้วจะเกิดปฏกิ ริ ยิ าได้กต็ ่อเมอื่ อนภุ าคที่ชนกันจะต้องเคลอื่ นที่เรว็ หรือมพี ลังงานจลน์สงู คอื เมื่อชนกนั แลว้ พลังงานที่ไดจ้ ากการชน จะตอ้ งสงู พอที่ ทำใหพ้ นั ธะในสารต้ังต้นสลาย แล้วสรา้ งพันธะใหม่เกดิ เป็นสารผลิตภัณฑไ์ ด้ 1.2.ทิศทางการชนของอนภุ าค การชนกันของอนภุ าคจะเกิดปฏิกริ ยิ าได้ นอกจากนข้ี ้นึ อยู่กบั พลงั งานจลน์ของ อนภุ าคแลว้ ยังขน้ึ อยกู่ บั ทิศทางในการชนด้วย พลังงานก่อกัมมนั ต์ (Activation energy) ตามทฤษฎีจลนท์ ไี่ ด้ศกึ ษามาแลว้ ท่ีอุณหภูมิหนึ่งๆ โมเลกุลของ แกส๊ เคลอื่ นท่ดี ว้ ยอตั ราเรว็ ตา่ งกันถงึ แม้ว่าจะเปน็ โมเลกลุ ของแกส๊ ชนิดเดียวกนั กต็ าม โมเลกลุ ทเ่ี คลื่อนท่ชี ้ามี
440 พลงั งานจลน์ต่ำ สว่ นพลังงานท่เี คลื่อนท่เี รว็ มีพลังงานจลน์สงู ถา้ โมเลกลุ ทีม่ าชนกันมีพลังงานสงู พลังงานท่ไี ดจ้ า การชนกันกจ็ ะมีคา่ สูงดว้ ย และถา้ พลังงานทีไ่ ดจ้ ากการชนมคี ่าสูงพอทีท่ ำให้เกดิ การสลายพันธะในสารเดิมแลว้ มี การสรา้ งพันธะใหม่เกิดเป็นผลติ ภณั ฑ์ แสดงวา่ การชนกนั นัน้ เปน็ ผลสำเรจ็ หรือเกดิ ปฏิกิริยา พลงั งานจำนวนนอ้ ย ทีส่ ุดที่ได้จากการชนกนั แล้วทำให้เกดิ ปฏิกริ ิยาได้เรียกว่า พลังงานก่อกัมมันตห์ รือพลังงานกระตนุ้ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซอ่ื สัตย์ 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 6. มงุ่ มั่นในการทำงาน 7. รักความเปน็ ไทย 8. มจี ิตสาธารณะ กิจกรรมการเรยี นรู้ ผ่านวิธกี ารสอนแบบออนไลน์ โดยผ่านแอพพลิเคชั่น Google meet วธิ ีสอนโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ขัน้ ท่ี 1 ข้นั กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1.1 ครูกล่าวทักทายและกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี นดว้ ยการยกตวั อย่างเหตกุ ารณ์การชนกันของ อนภุ าค และถามนักเรยี นวา่ จากภาพทเ่ี หน็ มกี ารชนกนั แบบไหนบ้างและคดิ วา่ การชนแบบไหนทำให้เกดิ สารใหม่ เพื่อนำเข้าสกู่ ารทำกจิ กรรม (แนวคำตอบ มกี ารชนแบบหนั หน้างชนกับ ชนแบบดา้ นข้าง การชนแบบเฉยี ด และไม่ชนกนั การชนแบบ หันหนา้ ชนกันเพราะเกดิ การสร้างพนั ธะใหม่)
441 ขั้นที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) 30 นาที 2.1ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน โดยให้แตล่ ะกลมุ่ แยกย้ายกันไปศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูลเก่ียวกับเรอ่ื ง แนวคดิ เกี่ยวกับการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี จากหนังสือเรียนรายวชิ าเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 2.2 นกั เรยี นนำขอ้ มูลท่ีได้จากการคน้ คว้าทำเปน็ รูปแบบตา่ ง ๆ ตามความคดิ เห็นของแต่ละกลุ่ม เชน่ แผนภาพ แผนผงั เขยี นบรรยาย ขัน้ ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 25 นาที 3.1 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนมานำเสนอเร่อื งทไี่ ดศ้ ึกษาค้นควา้ ข้อมลู และผลงานการจัดทำข้อมลู ของ กล่มุ ตนเองทลี ะกลุ่มเพ่อื แลกเปลย่ี นความคิดเห็นกนั จนครบทุกกลุม่ 3.2. ครตู ้งั คำถามให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปราย เร่ือง แนวคดิ เกี่ยวกบั การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี 1) การชนกันของอนุภาคทเี่ ข้าทำปฏกิ ิริยากันจะทำใหป้ ฏิกริ ยิ าเกดิ ขนึ้ ได้ทกุ คร้ังหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : การชนกันของอนุภาคท่ีเขา้ ทำปฏกิ ิริยากันจะไม่ทำให้ปฏิกริ ิยาเกดิ ขึ้นได้ทุกครงั้ โดยปฏกิ ริ ิยา เคมีจะเกดิ ข้ึนไดเ้ มือ่ อนุภาคชนกนั ในทศิ ทางท่เี หมาะสม) 2) พลงั งานก่อกัมมันตค์ อื อะไร (แนวตอบ : พลังงานก่อกมั มันต์ คอื พลังงานปรมิ าณน้อยทส่ี ดุ ท่ีเกิดจากการชนกันของอนภุ าคสารตัง้ ตน้ แลว้ ทำใหเ้ กิดปฏิกิริยาเคม)ี 3) ทฤษฎสี ารเชิงซอ้ นท่ีถูกกระตุ้นกล่าวไว้ว่าอย่างไร (แนวตอบ : อนุภาคของสารไมใ่ ช่ทรงกลมตัน แต่มีกลุ่มหมอกของอิเลก็ ตรอนห่อห้มุ อยู่ เม่ืออนภุ าค เคลื่อนทเี่ ขา้ มาใกล้กันในระยะทีพ่ อเหมาะหรอื ชนกัน กลุ่มหมอกของอเิ ลก็ ตรอนกจ็ ะถูกกระทบกระเทอื นทำใหเ้ กิด การเปล่ยี นแปลงภายในอนภุ าคของสารตัง้ ต้น คอื พันธะเคมีของสารต้ังต้นจะอ่อนลงและยดื ยาวออกไปกว่าเดมิ และเรม่ิ มพี นั ธะอย่างอ่อนเกดิ ขน้ึ ระหว่างคู่อะตอมทเี่ หมาะสม ซึ่งขณะน้สี ารต้ังตน้ จะรวมตวั กันกลายเปน็ สารชนิด หนงึ่ ทมี่ พี ลังงานสูงกวา่ พลงั งานของสารตงั้ ตน้ และสารผลิตภัณฑ์ เรยี กสารนี้ว่า สารเชิงซ้อนทถ่ี กู กระต้นุ (activated complex) เป็นสารทไ่ี ม่อยตู่ วั มอี ายุส้นั พร้อมทจี่ ะเปลย่ี นเป็นสารผลติ ภัณฑ์ หรือกลับคืนเปน็ สารต้ัง ต้นอย่างเดมิ ก็ได้ เมื่อสารเชิงซ้อนที่ถกู กระต้นุ สลายตัวกลายเปน็ สารผลิตภณั ฑ์ พนั ธะเก่าก็จะถกู ทำลายโดยสน้ิ เชิง พนั ธะใหมก่ จ็ ะถูกสรา้ งขน้ึ มาแทนท่ี เน่ืองจากสารเชิงซ้อนท่ีถูกกระตุ้นอยใู่ นสภาวะไมเ่ สถียรและมีระดบั พลังงานสูง มาก (สูงกวา่ พลงั งานสารตง้ั ต้นและผลติ ภัณฑ)์ จึงนยิ มเรยี กสภาวะเช่นน้ีว่า สภาวะแทรนซิชัน (transition state) เพราะฉะนั้นอนภุ าคของสารต้งั ตน้ จะชนกันแล้วเกิดปฏิกริ ยิ าได้ อนภุ าคของสารต้ังต้นจะตอ้ งมพี ลังงานไมต่ ่ำกวา่ พลงั งานของสารเชิงซอ้ นทถี่ ูกกระตนุ้ ) ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 30 นาที 4.1 สรุปเนอ้ื หาและขยายความรใู้ หน้ ักเรียน เร่ือง แนวคดิ เก่ยี วกบั อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 4.2 ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสัยในเน้ือหา เรือ่ ง แนวคิดเกยี่ วกับการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี ว่ามี สว่ นไหนทยี่ งั ไมเ่ ข้าใจ และให้ความรเู้ พมิ่ เตมิ ในส่วนน้นั เพ่ือจะใช้เป็นความร้เู บ้ืองตน้ สำหรับการเรียนในเนอ้ื หาต่อ ๆ ไป 4.3 นกั เรียนทำใบงานท่ี 8.4 เร่ือง ทฤษฎีการชนกันและพลังงานกอ่ กมั มันต์ ขนั้ ท่ี 5 ข้ันประเมิน (Evaluation) 30 นาที
442 5.1. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 8.4 เร่ือง ทฤษฎีการชนกันและพลงั งานก่อกัมมันต์ 5.2 นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ เกี่ยวกับแนวคิดเก่ียวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี ดังน้ี • ทฤษฎีทใ่ี ช้อธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมี คอื ทฤษฎีการชน ซ่งึ กลา่ วว่า ปฏิกิริยาเคมจี ะเกดิ ได้เมื่ออนุภาคของสารที่ เข้าทำปฏิกิริยากันจะต้องมีการชนกันในทิศทางที่เหมาะสม และอนภุ าคที่ชนกันต้องมพี ลังงานสงู พอทีจ่ ะทำลาย พันธะเกา่ แล้วสร้างพันธะใหมข่ นึ้ มา • พลงั งานกอ่ กมั มันต์ คอื พลงั งานปริมาณนอ้ ยที่สดุ ท่ีเกดิ จากการชนกนั ของอนุภาคสารตั้งตน้ แล้วทำให้ เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี • ปฏิกริ ิยาเคมที ี่มีค่าพลังงานก่อกัมมันตส์ ูงปฏิกริ ยิ านน้ั จะเกิดไดย้ าก ซึ่งต้องให้พลงั งานเขา้ ไปจนมีพลังงานเท่ากบั หรอื สูงกว่าพลงั งานก่อกัมมันต์ ปฏกิ ิริยาจงึ จะเกดิ ขึ้นได้ • ปฏิกริ ยิ าเคมีท่ีมีคา่ พลงั งานก่อกมั มนั ตต์ ำ่ ปฏิกิรยิ านนั้ จะสามารถเกดิ ได้งา่ ย โดยไม่ต้องใชพ้ ลงั งานหรือใชพ้ ลงั งาน เพียงเล็กน้อยเทา่ นัน้ • สารเชิงซ้อนกัมมันต์ คือ สารชนิดหนง่ึ ท่ีมพี ลังงานสูงกว่าพลังงานของสารตง้ั ตน้ และสารผลิตภัณฑ์ ส่อื วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ สือ่ /วสั ด/ุ อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้ 1. PowerPoint เร่อื ง แนวคิดเก่ียวกับอัตราการเกดิ ปฏิกิริยา 1. เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าเคมี ม.5 2. รปู ภาพประกอบการจดั การเรียนรู้ 2. ใบกิจกรรมการเรียนรู้ 3. ใบงานท่ี 8.4 เร่ือง ทฤษฎีการชนกันและพลังงานก่อกมั มันต์ 3. อนิ เตอร์เนต็ การประเมินการเรยี นรู้ การวัดผลประเมินด้าน วธิ กี ารวดั ผล เครื่องมอื ท่ีใช้วดั ผล เกณฑก์ าร ประเมินผล 1.ดา้ นความรู้ (K) - ตรวจใบกิจกรรม 8.4 เรื่อง ทฤษฎี -ใบกจิ กรรม 8.4 เร่ือง -ร้อยละ 60 ผ่าน การชนกนั และพลังงานกอ่ กมั มันต์ ทฤษฎีการชนกนั และ เกณฑ์ พลังงานกอ่ กมั มนั ต์ 2. ดา้ นทกั ษะ/ - สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ - แบบสงั เกตพฤติกรรม -ระดับคณุ ภาพ 3 กระบวนการ (P) การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
3. ด้านคุณลกั ษณะอนั พึง -การสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล -แบบสังเกตพฤตกิ รรม 443 ประสงค์ (A) รายบุคคล -ระดบั คุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์
444 ใบงานท่ี 8.4 เร่อื ง ทฤษฎีการชนกนั และพลงั งานกอ่ กมั มันต์ คำช้แี จง : เตมิ คำตอบเก่ียวกบั ทฤษฎีการชนกันและพลังงานก่อกัมมนั ตล์ งในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง 1. ในการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีตอ้ งมีการ เพ่ือสลายพนั ธะในสารต้งั ตน้ และมกี าร เพ่อื สรา้ งพันธะในผลติ ภัณฑ์ 2. กล่าวว่า ปฏกิ ิริยาเคมจี ะเกิดขึน้ ได้ กต็ อ่ เม่อื อนภุ าคของสารตงั้ ต้นจะต้องมีการเคลื่อนท่ี ชนกันในทิศทางท่ีเหมาะสม และอนภุ าคท่ชี นกันตอ้ งมพี ลงั งานสูงพอทจ่ี ะทำลายพนั ธะเก่า แลว้ สรา้ งพนั ธะใหม่ ขนึ้ มา 3. การชนกนั ของอนุภาคของสารตง้ั ตน้ จะเกดิ ปฏิกิรยิ าได้หรือไม่ ตอ้ งขน้ึ อยกู่ ับ และ 4. พลงั งานก่อกัมมันต์ คอื 5. ในการเกดิ ปฏกิ ิริยา จะตอ้ งให้พลังงานเขา้ ไปจนมีพลังงาน พลงั งานก่อกมั มันต์ ปฏิกิรยิ าจึงจะ เกิดข้ึนได้ 6. ในทฤษฎีสารเชิงซอ้ นทถ่ี ูกกระตนุ้ กล่าววา่ สารชนิดหนึง่ ทม่ี พี ลงั งานสงู กว่าพลงั งานของสารตัง้ ต้นและสาร ผลติ ภณั ฑ์ เรยี กว่า หรือ 7. ปฏกิ ิริยาทม่ี คี า่ จะเปน็ ปฏิกิริยาทีเ่ กดิ ขนึ้ ไดง้ า่ ยกวา่ ปฏกิ ริ ยิ าทีม่ ีค่า 8. ปฏิกิรยิ าที่อนุภาคมี จะเป็นปฏกิ ริ ยิ าที่เกดิ ข้ึนไดเ้ ร็วกวา่ ปฏิกิรยิ าที่อนภุ าคมี 9. ปฏกิ ิริยาทีอ่ นุภาคชนกนั ดว้ ย จะเป็นปฏกิ ิริยาท่ีเกดิ ขึ้นได้เรว็ กว่าปฏิกิริยาที่อนุภาคชนกัน ด้วย 10. ปฏิกิรยิ าจะเกิดไดง้ า่ ยเมือ่ สารตัง้ ต้นมสี ถานะ เพราะอนุภาคสามารถเคลือ่ นท่ไี ด้ จงึ เกิด การชนกันไดง้ ่าย
445 ใบงานท่ี 8.4 เฉลย เร่อื ง ทฤษฎีการชนกันและพลังงานกอ่ กมั มนั ต์ คำชีแ้ จง : เตมิ คำตอบเกย่ี วกับทฤษฎกี ารชนกันและพลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง 1. ในการเกิดปฏิกิริยาเคมีต้องมีการ ดูดพลังงานเข้าไป เพื่อสลายพันธะในสารตั้งตน้ และมีการ คายพลังงาน ออกมา เพ่อื สรา้ งพนั ธะในผลิตภณั ฑ์ 2. ทฤษฎกี ารชน กล่าวว่า ปฏิกิริยาเคมจี ะเกิดขน้ึ ได้ ก็ตอ่ เมอ่ื อนุภาคของสารต้งั ต้นจะต้องมีการเคล่ือนที่ชนกันใน ทศิ ทางทเ่ี หมาะสม และอนภุ าคท่ีชนกันตอ้ งมพี ลงั งานสูงพอทีจ่ ะทำลายพันธะเกา่ แล้วสร้างพันธะใหม่ขึ้นมา 3. การชนกันของอนุภาคของสารตั้งต้นจะเกิดปฏิกิริยาได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับ พลังงานจลน์ของอนุภาคที่ เคล่ือนท่ีชนกัน และ ทศิ ทางการชนกันของอนภุ าค 4. พลงั งานก่อกมั มันต์ คอื พลังงานต่ำที่สุดที่อนุภาคของสารจะตอ้ งมีเพื่อใหช้ นกันแลว้ เกดิ ปฏกิ ิริยา 5. ในการเกิดปฏิกิรยิ า จะต้องให้พลังงานเข้าไปจนมีพลังงาน เท่ากบั หรือมากกว่า พลังงานก่อกมั มันต์ ปฏิกิริยาจงึ จะเกดิ ข้นึ ได้ 6. ในทฤษฎีสารเชงิ ซอ้ นที่ถกู กระต้นุ กล่าวว่า สารชนิดหนึง่ ทมี่ ีพลังงานสงู กว่าพลังงานของสารตงั้ ตน้ และสาร ผลิตภณั ฑ์ เรยี กว่า สารเชิงซ้อนทถี่ กู กระตุ้น หรือ สารเชิงซ้อนกมั มนั ต์ 7. ปฏิกิรยิ าทีม่ ีคา่ พลงั งานกอ่ กัมมนั ต์ต่ำ จะเปน็ ปฏิกริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึนไดง้ า่ ยกว่าปฏิกริ ิยาที่มีค่า พลงั งานกอ่ กมั มันตส์ ูง 8. ปฏิกริ ิยาทอี่ นุภาคมี พลงั งานสูง จะเปน็ ปฏกิ ริ ิยาที่เกิดข้นึ ไดเ้ ร็วกวา่ ปฏกิ ิรยิ าท่ีอนุภาคมี พลงั งานต่ำ 9. ปฏิกริ ยิ าทีอ่ นุภาคชนกันดว้ ย ความถี่สงู จะเป็นปฏิกิรยิ าทีเ่ กดิ ขึน้ ได้เรว็ กว่าปฏิกิริยาที่อนุภาคชนกนั ด้วย ความถ่ี ตำ่ 10. ปฏกิ ริ ิยาจะเกิดได้งา่ ยเมอื่ สารตั้งตน้ มสี ถานะ แก๊สหรอื ของเหลว เพราะอนุภาคสามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้ จงึ เกิดการ ชนกนั ได้งา่ ย
แบบสังเกตพฤตกิ ร คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้ว ลำดับท่ี ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับฟงั คน ของนกั เรยี น ความคดิ เห็น 1 2 นายธนธรณ์ สมจนิ ดา 32132 3 นายวงศธร ประจงการ 4 นายสรเพชญ์ สวา่ งศรี ✓✓ 5 นางสาวกญั ญารัตน์ จับพิมาย 6 นายณัฐพงษ์ สามทอง ✓✓ 7 นายนันฐวัฒน์ ภู่ซอ้ น ✓✓ 8 นายภาณุมาส โลมากลุ 9 นางสาวนัฐรกิ า มังษา ✓✓ 10 นางสาวนิดาวัณย์ แจ้งพงษ์ ✓✓ 11 นางสาวรรินทิพย์ สุขไข 12 นางสาวศศิเพ็ญ วิสทุ ธิอาภรณ์ ✓✓ 13 นางสาวสริ ลิ กั ษณ์ แก้วเสนา ✓✓ 14 นายวรชยั คำเอก นางสาวมลนภา เงนิ เจริญ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓
446 รรมการทำงานกลุ่ม วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี รวม นอ่นื ตามทไี่ ด้รับ สว่ นรว่ มในการ 15 คะแนน มอบหมาย ปรบั ปรงุ ผลงานกลุ่ม 10 1321321 11 321 11 ✓✓ 14 ✓ 11 ✓✓ ✓ 10 ✓✓ 8 ✓ 12 ✓✓ ✓ 9 ✓✓ ✓ 9 ✓ 14 ✓✓ ✓ 9 ✓ ✓✓ ✓ 10 ✓ 13 ✓✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓✓✓ ✓✓ ✓✓
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง เกณฑก์ ารตัดสิน ชว่ งคะแนน 14–15 11–13 8–10 ต่ำกว่า 8
447 ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............./.................../............... นคณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
448 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ปฏิบัติตาม ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ลำดบั ช่ือ–สกุล ระเบียบ รจู้ กั ใชเ้ วลา รจู้ กั จดั สรร ตัง้ ใจเรียน มีความต้ังใจ รวม ท่ี ของนกั เรียน ขอ้ บังคับในชั้น วา่ งใหเ้ ป็น และพยายามใน 15 เวลาให้ เรียน มีความ ประโยชน์ และ เหมาะสม การทำงานที่ คะแนน ตรงตอ่ เวลาใน นำไปปฏิบัติได้ ไดร้ ับ การปฏิบัติ มอบหมาย กิจกรรมตา่ ง ๆ และรับผดิ ชอบ ในการทำงาน 3 2 13 2 13 2 13 2 1 3 2 1 1 นายธนธรณ์ สมจินดา ✓ ✓ ✓ ✓✓ 9 2 นายวงศธร ประจงการ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 3 นายสรเพชญ์ สวา่ งศรี ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 4 นางสาวกญั ญารตั น์ จบั พิ ✓ ✓ ✓✓ ✓ 13 มาย ✓ 5 นายณฐั พงษ์ สามทอง ✓ ✓ ✓ ✓8 6 นายนนั ฐวัฒน์ ภู่ซอ้ น ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 7 นายภาณมุ าส โลมากุล ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 8 นางสาวนฐั ริกา มงั ษา ✓ ✓✓✓ ✓ 11 9 นางสาวนดิ าวัณย์ แจง้ พงษ์ ✓ ✓ ✓ ✓✓ 11 10 นางสาวรรนิ ทิพย์ สุขไข ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 11 นางสาวศศิเพ็ญ วิสทุ ธิ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 อาภรณ์ 12 นางสาวสริ ลิ ักษณ์ แกว้ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 เสนา 13 นายวรชัย คำเอก ✓✓✓✓ ✓ 10 14 นางสาวมลนภา เงนิ เจรญิ ✓ ✓✓ ✓ ✓ 12 ลงชื่อ .................................................. ผูป้ ระเมิน ............/.................../............
449 เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
450 บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ 1. ผลการจดั การเรยี นการสอน • ดา้ นความรู้ - นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในเนอ้ื หา - นกั เรียนสามารถอธิบายการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมีโดยใช้ทฤษฎกี ารชน และการชนกนั ของอนุภาคได้ - นกั เรียนสามารถบอกความหมายของพลงั งานกอ่ กัมมันต์ได้ - นักเรียนสามารถอธิบายความยากง่ายของการเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยพิจารณาจากค่าพลังงานก่อกัมมันต์ของ ปฏิกริ ิยาน้ัน ๆ และการเกิดสารเชิงซอ้ นกัมมันต์ได้ • ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น - นกั เรยี นมีทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามเกณฑท์ ี่ครูกำหนด • ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - นกั เรยี นทุกคนมคี วามใฝ่เรียนรู้ - นกั เรยี นสามารถแก้ปัญหาอาจจะชา้ หรือเรว็ ต่างกัน แตส่ ามารถแก้ปัญหาได้ - มีวินยั ในการเรียน • ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี ) - 2. ปัญหา / อปุ สรรค - 3. ขน้ั เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข - ลงช่อื ..................................................................ผเู้ ขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ (นางสาวณฐั ธิดา ชากรแก้ว) ......................./................/.................... ลงช่ือ..................................................................ผูต้ รวจ (นางสาววารุณี อิทธิพัทธอ์ เนก) ......................./................/....................
451 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง อตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี เรื่อง ความเขม้ ขน้ กับอตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี วิชา เคมี 3 รหัส ว32225 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ครผู สู้ อน นางสาวณฐั ธดิ า ชากรแกว้ สาระการเรียนรู้ เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พนั ธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ ทดลอง และอธบิ ายผลของความเขม้ ข้น พนื้ ทผี่ วิ ของสารต้ังตน้ อุณหภมู ิ และตัวเรง่ ปฏิกิริยาที่มีต่ออัตรา การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี เปรียบเทียบอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเมื่อมีการเปล่ียนแปลงความเข้มข้น พ้นื ท่ีผิวของสารตั้งต้น อุณหภูมิ และตัวเรง่ ปฏกิ ิริยา ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. อธิบายผลของความเข้มข้นของสารตง้ั ต้นทมี่ ตี อ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมไี ด้ ด้านทักษะ (Process) 2. สามารถตรวจสอบอัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าจากผลของความเข้มข้นได้อย่างถูกตอ้ ง วอ่ งไว และแมน่ ยำ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (Affective) 3. มีความมุ่งมนั่ ตงั้ ใจในการเรียนรู้ และแสวงหาความรู้ รับผิดชอบตอ่ หน้าทีท่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย สาระสำคัญหรือความคิดรวบยอด เนื่องจากการเพิ่มหรือลดความเข้มข้นของสารต้ังตน้ มคี วามสัมพันธ์กับการเพ่ิมหรือลดจำนวนอนุภาคของ สารตงั้ ตน้ ในระบบ ดังนนั้ ในกรณขี องการเพ่ิมความเข้มขน้ ของสารต้ังต้นระบบเพ่ิมขึน้ โอกาสท่ีอนุภาคของสารจะ เกิดการชนกันจึงมมี ากขนึ้ และอนภุ าคท่ีมีพลังงานสงู กม็ จี ำนวนมากข้ึนด้วย จึงมผี ลทำใหอ้ ัตราการเกิดปฏิกิริยามี ค่าสงู โดยท่ัวไปเราพบว่าการเพิ่มความเขม้ ขน้ ของสารต้ังตน้ จะมีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีอย่างไรก็ตาม ยังมีบางปฏกิ ริ ิยาที่อัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมขี นึ้ อยู่กับความเขม้ ข้นของสารต้ังตน้ ชนิดใดชนิดหนง่ึ เทา่ นั้น หรือบาง ปฏิกริ ยิ าอัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมกี ็ไมข่ ้ึนกบั ความเข้มข้นของสารตัง้ ตน้ กลา่ วคืออัตราการเกิดปฏิกิริยาจะคงที่ไม่ วา่ จะมสี ารตงั้ ตน้ มากหรอื นอ้ ยเพียงใด เช่น ปฏิกริ ิยาการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลอื ดในตับ โดยปกติ เมือ่ มีแอลกอฮอลเ์ ขา้ สู่กระแสเลือด รา่ งกายจะต้องกำจดั ออกทั้งในรูปแอลกอฮอลโ์ ดยตรงและการสลายเป็นสารอื่น อตั ราการสลายตวั ของแอลกอฮอล์เป็นสารอนื่ จะมคี า่ คงที่ โดยไม่ขึน้ กับปรมิ าณของแอลกอฮอลใ์ นเลือดว่ามีอยู่มาก น้อยเพยี งใด สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
452 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซื่อสัตย์ 3. มวี นิ ัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ กจิ กรรมการเรียนรู้ ผา่ นวธิ กี ารสอนแบบออนไลน์ โดยผ่านแอพพลิเคชัน่ Google meet วิธีสอนโดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ขั้นท่ี 1 ข้ันกระต้นุ ความสนใจ (Engagement) 10 นาที 1.1 ครูกลา่ วคำทกั ทายนกั เรียน จากน้ันครใู หน้ ักเรยี นทกุ คนดูภาพคนอาศัยอยใู่ นหอ้ งขนาดเท่ากันแต่มี จำนวนคนอยู่แตกต่างกัน แล้วถามกับนักเรียนว่าหากเราต้องวิ่งอยู่ในห้องนักเรียนคดิ ว่าห้องใดที่นักเรียนจะมี โอกาสว่งิ ชนคนไดม้ ากกว่ากัน 1.2 เมื่อนักเรียนได้ร่วมกันหาคำตอบแล้วว่าการว่ิงเข้าหอ้ งใดมีโอกาสชนคนที่อยูใ่ นห้องไดม้ ากกวา่ และถามกับนักเรียนวา่ ทำไมมันจึงเป็นเชน่ นัน้ วันนี้เราจะมาดูกันว่าความเข้มข้นมีผลกบั อัตราการเกดิ ปฏิกิริยา อยา่ งไร ข้นั ที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) 30 นาที 2.1 ครยู กตวั อยา่ งโดยใหน้ ักเรยี นกดยกมือใน google meet โดยครูใหน้ กั เรียน 3 คนเปน็ สาร A และ ให้อีก 4 คนเป็นสาร B เพื่อให้เพื่อน ๆ ในห้องสังเกตโอกาสในการเดินชนกันของนักเรียน ในรอบแรกครูจะ ยกตวั อย่างสมมตใิ ห้ท้งั 2 กลุ่มเดินเข้าหากนั เปรียบเทยี บกบั อีกกรณีหนง่ึ ครจู ะใหน้ ักเรยี นกลุม่ A เพียง 1 คน เดิน เข้าหาเพ่อื นกล่มุ B จำนวนเทา่ เดิม 2.2 ครถู ามคำถามชวนคิดกับนักเรยี นว่า หากเพอ่ื น ๆ ทั้ง 2 กลุม่ เป็นอนภุ าคของสารนักเรยี นคิดว่าใน การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมรี ะหวา่ งสาร A กับสาร B การเกดิ แบบไหนมอี ตั ราในการเกดิ ปฏิกริ ิยาเรว็ กว่ากัน 2.3 ครถู ามกบั นกั เรียนตอ่ วา่ ความเขม้ ขน้ มผี ลต่ออัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีทุกปฏิกิริยาหรือไม่ 2.4 แบง่ กล่มุ นักเรียนและใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มดูวิดโี อการศึกษาผลของความเขม้ ขน้ ของสารต่ออัตรา การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี https://www.youtube.com/watch?v=q7AuCt3BUfE&t=61s
453 2.5 ครูให้นักเรียนศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั เรื่อง กฎอัตราและอันดับของปฏิกริ ิยาแล้วอภิปราย รว่ มกนั จนเกดิ ความเขา้ ใจทต่ี รงกัน ขนั้ ท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 40 นาที 3.1 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนมานำเสนอผลการทดลองจากวิดีโอที่กลุ่มตนเองสังเกตได้ หลังจากนัน้ ให้ นกั เรียนทุกคนรว่ มกนั อภปิ รายผลการทดลองจนมคี วามเขา้ ใจท่ีตรงกนั 3.2 ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัตกิ ารทดลอง โดยใช้แนวคำถาม ดงั นี้ 1) เม่อื ความเข้มข้นของสารละลายโซเดียมไทโอซัลเฟตลดลง เวลาทใ่ี ชใ้ นการเกิดปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไร (แนวตอบ : เวลาทีใ่ ช้ในการเกิดปฏกิ ิริยามากขน้ึ ) 2) เม่อื กำหนดให้ความเข้มขน้ ของสารละลายโซเดยี มไทโอซัลเฟตคงท่ี และเปล่ยี นความเข้มข้นของ สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ ผลการทดลองที่ได้จะเปน็ อย่างไร (แนวตอบ : เม่อื ความเข้มขน้ ของสารละลายกรดไฮโดรคลอริกลดลง จะใช้เวลาในการ เกดิ ปฏกิ ิริยามากขน้ึ และเม่อื ความเข้มขน้ ของสารละลายกรดไฮโดรคลอริกเพม่ิ ข้ึน จะใช้เวลาในการเกิดปฏกิ ิรยิ า ลดลง) 3) เวลาที่ใช้ในการเกิดปฏกิ ิริยาระหวา่ งสารละลายโซเดียมไทโอซัลเฟตกับสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ คงท่ตี ลอดการทดลองหรือไม่ (แนวตอบ : ไมค่ งท)่ี 4) ความเขม้ ขน้ ของสารตงั้ ตน้ มีผลต่ออตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมอี ย่างไร (แนวตอบ : ถา้ สารต้งั ต้นมคี วามเข้มข้นต่ำ อัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมีจะชา้ แตถ่ า้ สารต้ังตน้ มี ความเขม้ ขน้ สูง อตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมจี ะเร็ว) 3.3 ครูต้ังคำถามให้นกั เรียนร่วมกนั อภิปราย เร่ือง กฎอัตราและอันดับของปฏิกิรยิ า เชน่ 1) กฎอัตราคืออะไร (แนวตอบ : กฎอัตรา คือ สมการท่ีแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ ากบั ค่าคงที่ อตั ราและความเข้มข้นของสารตั้งต้น) 2) อันดับของปฏกิ ริ ิยาคืออะไร (แนวตอบ : อนั ดบั ของปฏิกิรยิ า คือ ผลรวมของเลขชี้กำลงั ของความเข้มข้นของสารตั้งตน้ ในกฎ อตั รา) 3) ถ้ากฎอัตราของปฏิกิริยาหนึ่งเป็น R = k[X][Y]2 ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาอันดับใด และอัตราการ เกิดปฏิกริ ิยาของปฏกิ ริ ยิ านเ้ี ป็นอยา่ งไร (แนวตอบ : ปฏิกิริยาน้ีเป็นปฏิกิริยาอันดับสาม โดยอัตราการเกิดปฏกิ ิริยาขึ้นอยู่กบั ความเข้มข้น ของสาร X และ Y โดยถา้ เพิม่ ความเขม้ ขน้ ของสาร X เปน็ 2 เท่า อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าจะเพ่ิมเปน็ 2 เทา่ แต่ถ้า เพม่ิ ความเข้มขน้ ของสาร Y เปน็ 2 เท่า อตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะเพ่มิ เป็น 4 เทา่ ) 4) ถ้ากฎอัตราของปฏิกิริยาหนึ่งเป็น R = k[C][D]0 ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาอันดับใด และอัตราการ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าของปฏกิ ริ ิยานเี้ ป็นอยา่ งไร
454 (แนวตอบ : ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาอันดับหนึ่ง โดยอตั ราการเกิดปฏิกิริยาข้ึนอยู่กับความเข้มข้น ของสาร C แต่ไม่ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสาร D โดยถ้าเพิ่มความเข้มข้นของสาร C เป็น 2 เท่า อัตราการ เกิดปฏิกริ ิยาจะเพ่ิมเปน็ 2 เท่า) 5) จงเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างความเข้มขน้ ของสารตง้ั ตน้ กับเวลา และกราฟแสดง ความสมั พันธ์ระหว่างอัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ ากับความเข้มข้นของสารตั้งต้นในปฏกิ ิรยิ าอนั ดับหนึ่ง (แนวตอบ : กราฟแสดงความสมั พันธ์ระหว่างความเข้มขน้ ของสารตงั้ ตน้ กับเวลาในปฏิกิรยิ าอันดับ หนึง่ เป็น ดังน้ี กราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างอตั ราการเกิดปฏิกิริยากับความเข้มขน้ ของสารต้ังต้นในปฏิกิริยา อันดบั หน่ึงเปน็ ดังน้ี ข้ันที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) 20 นาที 4.1 ครูกล่าวเช่อื มโยงสู่สิง่ รอบตัวในชีวติ ประจำวนั รว่ มกับนักเรียนหลักจากท่ีได้ทราบแลว้ ว่าปฏิกิริยาเคมี บางปฏิกิริยาความเข้มข้นมีผลกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาอย่างปฏิกิริยาของดอกไม้ไฟหากสารตั้งต้นที่นำมาทำ ดอกไม้ไฟมีความเขม้ ขน้ สงู ก็จำเป็นจะต้องใชพ้ ลงั งานมากกวา่ เดมิ ในการทำใหอ้ ัตราการเกิดปฏิกิริยาดำเนนิ ไปได้ 4.2 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยในเนื้อหา เรื่อง ความเข้มข้นของสารกับอัตราการ เกิดปฏิกิริยาเคมี วา่ มีสว่ นไหนทย่ี งั ไม่เขา้ ใจ และให้ความรู้เพมิ่ เตมิ ในสว่ นน้ัน เพื่อจะใชเ้ ป็นความรู้เบื้องต้นสำหรับ การเรยี นในเน้ือหาตอ่ ๆ ไป 4.3 นกั เรียนทำใบงานที่ 8.5 เรอื่ ง ความเข้มข้นของสารกับอัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 20 นาที 5.1 ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 8.5 เรอ่ื ง ความเขม้ ข้นของสารกบั อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี 5.2 นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปเกีย่ วกับความเข้มข้นของสารกับอตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ดงั นี้
455 • ความเขม้ ข้นของสารตั้งต้นมผี ลตอ่ อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี โดยถา้ สารตง้ั ต้นมีความเขม้ ข้นตำ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมีจะชา้ แตถ่ ้าสารตัง้ ต้นมคี วามเข้มขน้ สงู อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมจี ะเรว็ สอ่ื /วสั ดุ/อุปกรณ์ แหลง่ การเรียนรู้ 1. PowerPoint เร่อื งความเขม้ ข้นของสารกับอตั ราการ 1. เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาเคมี ม.5 เกิดปฏิกิริยาเคมี 2. ใบงานที่ 8.5 เรื่อง ความเข้มข้นของสารกับอัตราการ 2. ใบกิจกรรมการเรยี นรู้ เกิดปฏิกิรยิ าเคมี 3. อินเตอรเ์ นต็ การประเมินการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื ท่ีใช้วัดผล เกณฑก์ าร การวัดผลประเมนิ ดา้ น ประเมนิ ผล 1.ด้านความรู้ (K) - ตรวจใบงานที่ 8.5 เรื่อง ความ - ใบงานท่ี 8.5 เร่อื ง ความ -รอ้ ยละ 60 ผ่าน เข้มข้นของสารกับอัตราก า ร เข้มข้นของสารกับอัตรา เกณฑ์ เกิดปฏิกิริยาเคมี การเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. ดา้ นทกั ษะ/ - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม -ระดบั คณุ ภาพ 3 กระบวนการ (P) การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ -การสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล -แบบสังเกตพฤติกรรม -ระดับคุณภาพ 3 ประสงค์ (A) รายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
456 ใบงานท่ี 8.5 เร่ือง ความเข้มข้นของสารกบั อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี คำช้แี จง : ตอบคำถามเกี่ยวกับความเข้มขน้ ของสารกบั อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี 1. จงอธบิ ายว่าเพราะเหตุใดเม่อื สารตงั้ ตน้ มีความเขม้ ข้นมากขน้ึ อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีจึงสูงข้ึน 2. จงอธบิ ายวา่ เพราะเหตใุ ดเมือ่ สารตัง้ ตน้ มคี วามเขม้ ข้นน้อยลง อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีจงึ ตำ่ ลง 3. พิจารณาปฏกิ ิรยิ าระหว่างแก๊สไฮโดรเจนกับแก๊สไนโตรเจนทอ่ี ุณหภมู ิ 350 องศาเซลเซยี ส ดงั สมการ 3H2 (g) + N2 (g) → 2NH3 (g) ถ้าเพิ่มจำนวนโมเลกุลของแก๊สไนโตรเจนท่ีอยู่ในภาชนะเดิมเป็น 2 เท่าของจำนวนเดมิ จะมีผลต่ออัตราการ เกิดปฏิกริ ิยาเคมีอย่างไร 4. เมอ่ื บรรจุแก๊สไนโตรเจนมอนอกไซด์และแก๊สไฮโดรเจนไว้ในภาชนะปดิ ที่อุณหภมู ิห้อง แล้วให้ความร้อนจะเกิด แก๊สไนโตรเจนและไอนำ้ ดังสมการ 2NO (g) + 2H2 (g) → N2 (g) + 2H2O (g) ถา้ ลดจำนวนโมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจนใหเ้ หลอื คร่ึงหน่ึงของจำนวนเดิม จะมผี ลตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี อยา่ งไร 5. จงระบุอันดับของปฏิกิริยาของกฎอัตราของปฏิกิริยาต่อไปนี้ พร้อมอธิบายว่าอัตราการเกิดปฏิกิริยาของ ปฏกิ ริ ิยาน้นั เปน็ อยา่ งไร 1) R = k[A]0[B]
457 2) R = k[X][Y]
ใบงานที่ 8.5 458 เรือ่ ง ความเข้มขน้ ของสารกบั อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เฉลย คำช้แี จง : ตอบคำถามเก่ยี วกบั ความเขม้ ขน้ ของสารกับอัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1. จงอธิบายวา่ เพราะเหตใุ ดเมื่อสารตง้ั ต้นมคี วามเข้มขน้ มากขน้ึ อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมจี งึ สงู ขน้ึ การเพ่มิ ความเขม้ ข้นของสารตั้งตน้ เป็นการเพิ่มจำนวนอนภุ าคของสารตั้งตน้ จงึ ทำใหส้ ารต้งั ตน้ มีโอกาสชนกัน ได้มากข้ึน อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมจี งึ สูงขน้ึ 2. จงอธบิ ายวา่ เพราะเหตใุ ดเม่อื สารตั้งตน้ มีความเขม้ ข้นนอ้ ยลง อตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีจงึ ต่ำลง การลดความเขม้ ขน้ ของสารตง้ั ตน้ เป็นการลดจำนวนอนุภาคของสารตัง้ ตน้ จงึ ทำให้สารตง้ั ตน้ มีโอกาสชนกันได้ น้อยลง อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมจี งึ ต่ำลง 3. พจิ ารณาปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งแกส๊ ไฮโดรเจนกบั แก๊สไนโตรเจนทีอ่ ุณหภมู ิ 350 องศาเซลเซยี ส ดงั สมการ 3H2 (g) + N2 (g) → 2NH3 (g) ถ้าเพิ่มจำนวนโมเลกลุ ของแก๊สไนโตรเจนที่อยู่ในภาชนะเดิมเป็น 2 เท่าของจำนวนเดมิ จะมีผลตอ่ อัตราการ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีอยา่ งไร การเพิ่มจำนวนโมเลกุลของแก๊สไนโตรเจนที่อยูใ่ นภาชนะเดิม เป็นการเพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้น ดังน้นั อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาจึงควรเพ่ิมข้ึน ถ้าอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมขี นึ้ อยกู่ ับความเขม้ ขน้ ของแกส๊ ไนโตรเจน 4. เมอื่ บรรจุแก๊สไนโตรเจนมอนอกไซดแ์ ละแก๊สไฮโดรเจนไวใ้ นภาชนะปิดท่ีอุณหภูมิหอ้ ง แลว้ ให้ความร้อนจะเกิด แก๊สไนโตรเจนและไอน้ำ ดังสมการ 2NO (g) + 2H2 (g) → N2 (g) + 2H2O (g) ถ้าลดจำนวนโมเลกุลของแก๊สไฮโดรเจนใหเ้ หลอื ครึ่งหน่งึ ของจำนวนเดิม จะมผี ลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี อยา่ งไร การลดจำนวนโมเลกุลของแกส๊ ไฮโดรเจน เป็นการลดความเข้มข้นของสารตั้งตน้ ดังน้นั อัตราการเกิดปฏิกิริยา จงึ ควรลดลง ถา้ อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมีขน้ึ อย่กู ับความเข้มข้นของแกส๊ ไฮโดรเจน 5. จงระบุอันดับของปฏิกิริยาของกฎอัตราของปฏิกิริยาต่อไปนี้ พร้อมอธิบายว่าอัตราการเกิดปฏิกิริยาของ ปฏกิ ิริยานัน้ เปน็ อย่างไร 1) R = k[A]0[B] ปฏกิ ริ ิยานเี้ ป็นปฏิกิริยาอันดบั หนงึ่ โดยอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาข้นึ อย่กู ับความเข้มข้นของสาร B แต่ไม่ขึ้นอยู่ กับความเขม้ ข้นของสาร A โดยถา้ เพมิ่ ความเข้มข้นของสาร B เป็น 2 เทา่ อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาจะเพ่ิมเป็น 2 เท่า
459 2) R = k[X][Y] ปฏิกริ ยิ านเ้ี ป็นปฏิกิริยาอันดับสอง โดยอตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าขนึ้ อยกู่ ับความเข้มข้นของสาร X และสาร Y โดยถ้าเพิ่มความเข้มข้นของสาร X เป็น 2 เทา่ อตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะเพิ่มเป็น 2 เท่า และถ้าเพิ่มความ เขม้ ขน้ ของสาร Y เป็น 2 เท่า อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าก็จะเพิ่มเปน็ 2 เทา่
แบบสังเกตพฤตกิ ร คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้ว ลำดับท่ี ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับฟงั คน ของนกั เรยี น ความคดิ เห็น 1 2 นายธนธรณ์ สมจนิ ดา 32132 3 นายวงศธร ประจงการ 4 นายสรเพชญ์ สวา่ งศรี ✓✓ 5 นางสาวกญั ญารัตน์ จับพิมาย 6 นายณัฐพงษ์ สามทอง ✓✓ 7 นายนันฐวัฒน์ ภู่ซอ้ น ✓✓ 8 นายภาณุมาส โลมากลุ 9 นางสาวนัฐรกิ า มังษา ✓✓ 10 นางสาวนิดาวัณย์ แจ้งพงษ์ ✓✓ 11 นางสาวรรินทิพย์ สุขไข 12 นางสาวศศิเพ็ญ วิสทุ ธิอาภรณ์ ✓✓ 13 นางสาวสริ ลิ กั ษณ์ แก้วเสนา ✓✓ 14 นายวรชยั คำเอก นางสาวมลนภา เงนิ เจริญ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓
460 รรมการทำงานกลุ่ม วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี รวม นอ่นื ตามทไี่ ด้รับ สว่ นรว่ มในการ 15 คะแนน มอบหมาย ปรบั ปรงุ ผลงานกลุ่ม 10 1321321 11 321 11 ✓✓ 14 ✓ 11 ✓✓ ✓ 10 ✓✓ 8 ✓ 12 ✓✓ ✓ 9 ✓✓ ✓ 9 ✓ 14 ✓✓ ✓ 9 ✓ ✓✓ ✓ 10 ✓ 13 ✓✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓✓✓ ✓✓ ✓✓
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง เกณฑก์ ารตัดสิน ชว่ งคะแนน 14–15 11–13 8–10 ต่ำกว่า 8
461 ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............./.................../............... นคณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
462 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ปฏิบัติตาม ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ลำดบั ช่ือ–สกุล ระเบียบ รจู้ กั ใชเ้ วลา รจู้ กั จดั สรร ตัง้ ใจเรียน มีความต้ังใจ รวม ท่ี ของนกั เรียน ขอ้ บังคับในชั้น วา่ งใหเ้ ป็น และพยายามใน 15 เวลาให้ เรียน มีความ ประโยชน์ และ เหมาะสม การทำงานที่ คะแนน ตรงตอ่ เวลาใน นำไปปฏิบัติได้ ไดร้ ับ การปฏิบัติ มอบหมาย กิจกรรมตา่ ง ๆ และรับผดิ ชอบ ในการทำงาน 3 2 13 2 13 2 13 2 1 3 2 1 1 นายธนธรณ์ สมจินดา ✓ ✓ ✓ ✓✓ 9 2 นายวงศธร ประจงการ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 3 นายสรเพชญ์ สวา่ งศรี ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 4 นางสาวกญั ญารตั น์ จบั พิ ✓ ✓ ✓✓ ✓ 13 มาย ✓ 5 นายณฐั พงษ์ สามทอง ✓ ✓ ✓ ✓8 6 นายนนั ฐวัฒน์ ภู่ซอ้ น ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 7 นายภาณมุ าส โลมากุล ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 8 นางสาวนฐั ริกา มงั ษา ✓ ✓✓✓ ✓ 11 9 นางสาวนดิ าวัณย์ แจง้ พงษ์ ✓ ✓ ✓ ✓✓ 11 10 นางสาวรรนิ ทิพย์ สุขไข ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 11 นางสาวศศิเพ็ญ วิสทุ ธิ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 อาภรณ์ 12 นางสาวสริ ลิ ักษณ์ แกว้ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 เสนา 13 นายวรชัย คำเอก ✓✓✓✓ ✓ 10 14 นางสาวมลนภา เงนิ เจรญิ ✓ ✓✓ ✓ ✓ 12 ลงชื่อ .................................................. ผูป้ ระเมิน ............/.................../............
463 เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
464 บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. ผลการจัดการเรียนการสอน • ด้านความรู้ - นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเนอ้ื หา - นกั เรียนสามารถอธิบายผลของความเขม้ ขน้ ของสารตง้ั ตน้ ท่ีมตี อ่ อัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีได้ - นกั เรยี นสามารถตรวจสอบอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาจากผลของความเขม้ ขน้ ได้อย่างถูกต้อง วอ่ งไว และแมน่ ยำ • ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน - นักเรยี นมีทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามเกณฑท์ ีค่ รกู ำหนด • ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - นักเรยี นทกุ คนมคี วามใฝ่เรยี นรู้ - นักเรียนสามารถแก้ปญั หาอาจจะชา้ หรือเร็วตา่ งกนั แต่สามารถแกป้ ญั หาได้ - มวี ินัยในการเรยี น • ด้านอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทม่ี ีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) - 2. ปญั หา / อปุ สรรค - 3. ข้นั เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข - ลงชอ่ื ..................................................................ผู้เขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ (นางสาวณฐั ธิดา ชากรแก้ว) ......................./................/.................... ลงชอ่ื ..................................................................ผู้ตรวจ (นางสาววารุณี อิทธพิ ัทธ์อเนก) ......................./................/....................
465 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 14 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี เรือ่ ง พนื้ ที่ผิวกบั อัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี วิชา เคมี 3 รหสั ว32225 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ครูผู้สอน นางสาวณฐั ธดิ า ชากรแก้ว สาระการเรียนรู้ เขา้ ใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พนั ธะเคมแี ละสมบัตขิ องสาร แก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ ทดลอง และอธิบายผลของความเข้มข้น พื้นทผ่ี วิ ของสารต้ังตน้ อุณหภมู ิ และตวั เร่งปฏกิ ิริยาที่มีต่ออัตรา การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี เปรยี บเทียบอัตราการเกิดปฏิกิริยาเมื่อมีการเปล่ียนแปลงความเข้มข้น พืน้ ทผี่ วิ ของสารต้ังต้น อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏกิ ริ ิยา ด้านความรู้ (Knowledge) 1. อธิบายผลของพน้ื ท่ผี วิ ของสารตง้ั ตน้ ที่มตี ่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีได้ ด้านทักษะ (Process) 2. สามารถศึกษาและตรวจสอบอัตราการเกิดปฏิกิริยาจากผลของพื้นที่ผิวได้อย่างถูกต้อง ว่องไว และ แมน่ ยำ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Affective) 3. มคี วามมุง่ ม่ันตัง้ ใจในการเรยี นรู้ และแสวงหาความรู้ รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทีท่ ี่ได้รับมอบหมาย สาระสำคัญหรอื ความคิดรวบยอด ปฏกิ ริ ยิ าทมี่ ีสารตัง้ ต้นเป็นของแขง็ สามารถทำใหอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงได้ โดยทำใหข้ องแข็ง ปริมาณเท่าเดิมมีขนาดเล็กลง เมื่อพื้นที่ผิวของของแข็งเพิม่ ข้ึน ทำให้สารตั้งต้นสัมผสั กนั ได้มากขึ้น และช่วยให้ ปฏกิ ิริยาเกดิ เร็วขนึ้ หลกั การนีน้ ำมาใช้ในชีวิตประจำวนั เช่น นักโภชนาการแนะนำใหเ้ คีย้ วอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนลงท้อง เป็นการเพ่มิ พื้นที่ผวิ เพ่ือให้กรดและเอนไซม์ในน้ำย่อยย่อยอาหารได้เร็วขึ้น ป้องกันการจุกเสียด แน่นท้อง และ ท้องอดื ท้องเฟอ้ ได้ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
466 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอ่ื สัตย์ 3. มีวินยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 6. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ กิจกรรมการเรียนรู้ ผา่ นวิธกี ารสอนแบบออนไลน์ โดยผ่านแอพพลเิ คช่ัน Google meet วธิ สี อนโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ขั้นท่ี 1 ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1.1 ครูตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายว่า “ระหว่างกระดาษชิ้นเล็ก ๆ กับแผ่นกระดาษ กระดาษ แบบใดจะเกิดการเผาไหม้ได้เร็วกว่ากัน เพราะเหตุใด” ซึ่งครูยังไม่ต้องเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง จากนั้นครูและ นักเรียนร่วมกนั อภปิ ราย เพือ่ นำไปสู่ขน้ั สอนต่อไป ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) 15 นาที 2.1 ครแู บ่งกล่มุ นกั เรียนโดยใช้เกมแบง่ กลุม่ ออนไลน์ โดยตอ้ งแบง่ กลมุ่ ละ 3-4 คน 2.2 ครูให้นักเรียนทุกกลุ่มสืบคน้ ข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ น็ตเกี่ยวกับพื้นทีผ่ ิวมีผลกับอัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ า อย่างไรบ้าง ข้ันที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 15 นาที 3.1 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายหลงั จากที่นักเรียนรวบรวมขอ้ มลู โดยร่วมกันสรุปว่าพื้นท่ีผิวส่งผลต่อ อตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาอยา่ งไร 3.2 ครบู รรยายพรอ้ มรว่ มกนั กับนกั เรียนลงข้อสรุปเร่ืองพื้นท่ีผิวกับอัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี จากการทใ่ี ห้ นกั เรียนหาข้อมลู ในขา้ งตน้ พรอ้ มกับสรา้ งโมเดลและจากส่ือ Powerpoint ซึง่ สามารถสรุปใจความสำคัญได้ ดงั น้ี - ปฏกิ ริ ิยาทมี่ ีสารตงั้ ตน้ เปน็ ของแขง็ สามารถทำใหอ้ ัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเปลีย่ นแปลงได้ โดยทำให้ ของแขง็ ปริมาณเท่าเดมิ มีขนาดเล็กลง เม่อื พืน้ ทีผ่ วิ ของของแข็งเพ่ิมขึน้ ทำให้สารต้งั ต้นสัมผัสกันได้มากขึ้น และ ชว่ ยให้ปฏิกริ ิยาเกิดเร็วขึ้น พ้ืนท่ผี ิวของสารตง้ั ต้นจะมอี ิทธิพลตอ่ อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมีก็ตอ่ เม่อื ปฏิกิริยาเคมีที่ เกดิ ขนึ้ น้นั เปน็ ปฏิกิริยาเคมแี บบเนื้อผสมทีม่ สี ารตงั้ ต้นเป็นของแขง็ ร่วมอยู่ด้วย เช่น การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าระหว่าง Mg และ HCl ดงั สมการ Mg (s) + HCl ( aq) -------> MgCl2(aq) + H2(g) - ปฏิกริ ยิ าของโลหะแมกนีเซยี มกับกรดไฮโดรคลอรกิ จะเกิดแก๊สไฮโดรเจนซ่ึงถ้าทำให้ลวด แมกนีเซียมเป็นชิน้ เล็ก ๆ จะพบว่าปฏิกิริยาจะเกดิ เร็วกว่าลวดแมกนเี ซยี มทีเ่ ปน็ แผ่นหรือขดเปน็ สปริง การเพ่ิม พน้ื ทีผ่ ิวของของแข็งใหส้ มั ผัสกับของเหลวมากขึ้นจะชว่ ยใหป้ ฏิกิรยิ าเกิดได้เร็วขึน้ หลักการน้ีนำมาใชใ้ น ชวี ิตประจำวัน เชน่ ในการรับประทานอาหารนักโภชนาการแนะนำให้เค้ยี วอาหารใหล้ ะเอยี ดกอ่ นกลนื ลงท้อง
467 เพราะการเค้ียวอาหารให้ละเอียดเป็นการเพมิ่ พืน้ ท่ีผวิ ของอาหารใหม้ ากขึ้นทำให้กรดและเอนไซม์ในนำ้ ยอ่ ยใน กระเพาะอาหารทำปฏกิ ิริยากับอาหารได้เร็วข้ึน อาหารจงึ ย่อยง่ายป้องกันการเกิดอาการจกุ เสยี ด หรอื การเคยี้ วยา ใหล้ ะเอียดก่อนกลืน ก็เปน็ การเพมิ่ พ้ืนท่ีผิวเพ่ือให้ยาละลายและออกฤทธิ์ได้ดยี งิ่ ขึ้น 3.3 ครตู ้ังคำถามให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย เรือ่ ง พนื้ ทีผ่ ิวของสารกบั อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี เช่น 1) เมื่อนำผงเหล็กและแผ่นเหล็กมวลเท่ากนั มาทำปฏิกิริยากับสารละลายกรดไนตริก ปฏิกิริยาใดจะ เกิดข้ึนได้เร็วกกว่ากนั (แนวตอบ : ปฏิกริ ิยาระหวา่ งผงเหล็กกับสารละลายกรดไนตริกจะเกดิ ได้เรว็ กว่าปฏิกิริยาระหว่าง แผน่ เหลก็ กับสารละลายกรดไนตรกิ ) 2) การเคยี้ วอาหารใหล้ ะเอียดก่อนกลนื เก่ียวข้องกับพ้นื ทีผ่ ิวของสารต้ังต้นกบั อัตราการเกิดปฏิกิริยา เคมหี รอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ : เก่ียวข้อง โดยการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนเปน็ การทำให้อาหารมีพื้นที่ผิวมาก ขึ้น เอนไซม์จึงสมารถย่อยอาหารได้ง่ายและเร็วขึ้น ซ่ึงเป็นการทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีได้เร็วขน้ึ นั่นเอง) ข้ันท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 10 นาที 4.1 ครกู ลา่ วเช่ือมโยงสสู่ ิ่งรอบตวั ในชีวิตประจำวันร่วมกับนักเรยี นหลักจากท่ีได้ทราบแล้วว่าพื้นท่ีผิวมีผล ต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีอย่างไร ในชีวติ ประจำวนั ของเราจำเปน็ ต้องทานอาหารเพ่ือใหม้ ีพลังงานไปใช้ในการ ดำรงชวี ติ ซง่ึ นักโภชนาการแนะนำใหเ้ คีย้ วอาหารให้ละเอยี ดก่อนกลืนลงท้อง เป็นการเพิม่ พน้ื ท่ผี ิว เพื่อให้กรดและ เอนไซม์ในนำ้ ย่อยยอ่ ยอาหารได้เรว็ ขึ้น ป้องกนั การจกุ เสยี ด แน่นท้อง และท้องอดื ทอ้ งเฟ้อได้ 4.2 ครูขยายไปสกู่ ารการทดลอง 8.4 ทศ่ี กึ ษาพ้ืนที่ผวิ ท่ีมผี ลต่ออตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าแสดงให้เห็นชัดเจน ว่าในความเขม้ ขน้ ที่เทา่ กนั แต่ CaCO3 ท่ใี ชแ้ บบผงสามารถเกดิ ปฏิกิริยาไดเ้ ร็วกว่าแบบเม็ดซงึ่ เป็นผลมาจากพ้ืนที่ผิว ทมี่ ากกว่าจึงทำใหส้ ารละลายกรดไฮโดรคลอกรกิ สามรถเขา้ ทำปฏิกิรยิ าได้มากกว่า ขัน้ ท่ี 5 ข้ันประเมิน (Evaluation) 15 นาที 5.1 ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบในรปู แบบ Quizizz 5.2 นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับพนื้ ทผ่ี ิวของสารกับอตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ดงั นี้ • การเพมิ่ พนื้ ท่ผี ิวของสารต้ังต้นเป็นการเพ่มิ จำนวนอนุภาคทม่ี โี อกาสมาชนกนั อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ า เคมีจึงสงู ขน้ึ • พนื้ ที่ผวิ ของของสารตั้งต้นมีผลต่ออตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี โดยถา้ สารต้ังต้นมพี ื้นที่ผิวน้อย อัตรา การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมจี ะช้า แต่ถา้ สารตง้ั ต้นมพี นื้ ที่ผวิ มาก อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมจี ะเร็ว 5.3 มอบหมายการบา้ น ใบงานท่ี 8.6 เร่ือง พืน้ ทผี่ วิ ของสารกับอัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี สือ่ วสั ดุ อุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ สื่อ/วัสดุ/อปุ กรณ์ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. PowerPoint เรื่องปัจจัยทมี่ ผี ลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ า 1. เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ าเคมี ม.5 เคมี 2. แบบทดสอบในรูปแบบ Quizizz 2. ใบกจิ กรรมการเรยี นรู้
468 3. ใบงานท่ี 8.6 เรอ่ื ง พื้นทีผ่ ิวของสารกับอัตราการ 3. อนิ เตอรเ์ น็ต เกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี การประเมนิ การเรยี นรู้ วิธีการวดั ผล เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้วัดผล เกณฑ์การ การวัดผลประเมนิ ดา้ น ประเมินผล 1.ด้านความรู้ (K) - ตรวจใบงานที่ 8.6 เรอ่ื ง พนื้ ทผี่ วิ - ใบงานท่ี 8.6 เรอ่ื ง พื้นท่ี -ร้อยละ 60 ผ่าน ของสารกบั อตั ราการเกิดปฏิกิริยา ผวิ ของสารกับอัตราการ เกณฑ์ เคมี เกดิ ปฏิกิริยาเคมี -แบบทดสอบในรปู แบบ Quizizz -แบบทดสอบในรูปแบบ Quizizz 2. ดา้ นทกั ษะ/ - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม -ระดบั คุณภาพ 3 กระบวนการ (P) การทำงานกล่มุ ผ่านเกณฑ์ 3. ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ -การสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล -แบบสังเกตพฤติกรรม -ระดับคุณภาพ 3 ประสงค์ (A) รายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
469 ใบงานท่ี 8.6 เรื่อง พ้ืนที่ผวิ ของสารกับอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี คำชีแ้ จง : ตอบคำถามเกี่ยวกบั พ้ืนทผ่ี ิวของสารกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 1. จงอธิบายวา่ เพราะเหตุใดเมอื่ สารต้ังต้นมพี นื้ ทผี่ วิ มากข้ึน อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีจงึ สงู ขนึ้ 2. นำโลหะสังกะสีมาใสล่ งในกรดไฮโดรคลอรกิ พบว่า มฟี องแก๊สเกดิ ขึน้ การใชโ้ ลหะสงั กะสแี บบใดทม่ี มี วลเท่ากัน จะทำให้ฟองแกส๊ เกดิ ไดเ้ รว็ ทสี่ ดุ ระหวา่ งแผ่นสังกะสี สังกะสีชน้ิ เลก็ ๆ หรือผงสังกะสี เพราะเหตใุ ด 3. เมอ่ื นำผงเหล็กมาเผาในอากาศจะเกิดการลกุ ไหม้ทนั ที แตเ่ มอ่ื นำตะปูเหล็กที่มมี วลเทา่ กันมาเผาแทนผงเหล็ก จะเกิดปฏิกิรยิ าอย่างชา้ ๆ เพราะเหตใุ ดจงึ เป็นเช่นนน้ั 4. นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาทำปฏิกิริยากับกรดไฮโดรคลอริก พบว่า มีแคลเซียมคลอไรด์ น้ำ และแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซดเ์ กิดข้นึ ดังสมการ CaCO3 (s) + 2HCl (aq) → CaCl2 (aq) + H2O (l) + CO2 (g) ถ้าในตอนแรกใชแ้ คลเซยี มคาร์บอเนตช้ินเลก็ ๆ มาทำปฏกิ ิรยิ า แต่ต่อมาเปล่ียนมาใช้ผงแคลเซียมคาร์บอเนต จำนวนเท่ากนั แต่นำมาบดละเอยี ดมาทำปฏิกิริยาแทน อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเปน็ อย่างไร และปริมาณ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ทเี่ กิดขนึ้ จะเปน็ อย่างไร
470 5. นำอะลมู เิ นียมมาทำปฏิกิรยิ ากบั กรดซัลฟิวริกพบว่า มีอะลมู ิเนียมซลั เฟต และไฮโดรเจนเกดิ ขน้ึ ดงั สมการ 2Al (s) + 3H2SO4 (aq) → Al2(SO4)3 (aq) + 3H2 (g) ถ้าในตอนแรกใช้แผน่ อะลูมิเนยี มท่ีพับแนน่ มาทำปฏกิ ิริยา แต่ต่อมาเปลยี่ นมาใช้แผน่ อะลูมิเนียมขนาดเท่าเดิม แต่ขดเป็นสปริงมาทำปฏกิ ิริยาแทน อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเป็นอย่างไร และปริมาณแก๊สไฮโดรเจนท่ี เกดิ ขึน้ จะเปน็ อยา่ งไร
ใบงานที่ 8.6 471 เรือ่ ง พ้นื ทีผ่ วิ ของสารกับอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เฉลย คำชีแ้ จง : ตอบคำถามเกี่ยวกับพน้ื ทผ่ี วิ ของสารกบั อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี 1. จงอธิบายว่าเพราะเหตใุ ดเมื่อสารตง้ั ตน้ มีพนื้ ทผ่ี วิ มากขึ้น อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมจี ึงสูงข้ึน การเพิ่มพน้ื ทผ่ี ิวของสารตั้งตน้ เปน็ การเพ่ิมจำนวนอนุภาคท่ีมโี อกาสมาชนกนั อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีจึง สงู ข้นึ 2. นำโลหะสังกะสีมาใส่ลงในกรดไฮโดรคลอริก พบวา่ มฟี องแก๊สเกดิ ข้นึ การใช้โลหะสังกะสีแบบใดทม่ี ีมวลเท่ากัน จะทำใหฟ้ องแกส๊ เกิดได้เร็วที่สดุ ระหว่างแผน่ สังกะสี สงั กะสชี ้นิ เลก็ ๆ หรือผงสงั กะสี เพราะเหตุใด ผงสังกะสี เพราะมีพ้ืนท่ีผิวมากทส่ี ดุ ทำให้โมเลกุลของสังกะสีมโี อกาสสัมผัสกับกรดไฮโดรคลอริกได้มาก ท่สี ดุ จึงทำให้อตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีสงู ท่ีสุด จงึ เกิดฟองแกส๊ ได้เร็วทสี่ ุด 3. เมื่อนำผงเหล็กมาเผาในอากาศจะเกดิ การลุกไหม้ทันที แต่เม่ือนำตะปเู หล็กที่มีมวลเท่ากันมาเผาแทนผงเหล็ก จะเกิดปฏิกิรยิ าอยา่ งช้า ๆ เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เชน่ นั้น ปฏิกริ ิยาระหว่างเหล็กกบั แก๊สออกซิเจนในอากาศเป็นปฏิกิริยาทสี่ ารต้งั ต้นมีสถานะแตกตา่ งกนั อัตราการ เกิดปฏิกิริยาจึงขึ้นอยูก่ ับพ้ืนทีผ่ ิวสมั ผสั ของสารตั้งต้น ซึ่งผลเหล็กมพี ืน้ ที่ผิวสัมผัสมากกว่าตะปูเหล็กที่มีมวล เท่ากัน จึงทำให้เกิดปฏกิ ริ ิยากับแกส๊ ออกซิเจนในอากาศได้เร็วกวา่ ตะปูเหลก็ 4. นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาทำปฏิกิริยากับกรดไฮโดรคลอริก พบว่า มีแคลเซียมคลอไรด์ น้ำ และแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์เกดิ ขน้ึ ดงั สมการ CaCO3 (s) + 2HCl (aq) → CaCl2 (aq) + H2O (l) + CO2 (g) ถ้าในตอนแรกใช้แคลเซียมคาร์บอเนตชิ้นเล็ก ๆ มาทำปฏิกิริยา แต่ต่อมาเปลี่ยนมาใช้ผงแคลเซียมคาร์บอเนต จำนวนเทา่ กนั แต่นำมาบดละเอียดมาทำปฏิกิรยิ าแทน อตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมจี ะเปน็ อย่างไร และปริมาณ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ท่ีเกดิ ขน้ึ จะเปน็ อย่างไร อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมจี ะเร็วขน้ึ แต่ไดป้ ริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทเี่ กิดข้นึ เทา่ เดิม 5. นำอะลูมเิ นยี มมาทำปฏิกิริยากับกรดซัลฟวิ รกิ พบว่า มีอะลมู ิเนียมซัลเฟต และไฮโดรเจนเกิดข้นึ ดงั สมการ 2Al (s) + 3H2SO4 (aq) → Al2(SO4)3 (aq) + 3H2 (g) ถ้าในตอนแรกใช้แผ่นอะลูมิเนียมทพี่ ับแน่นมาทำปฏิกิรยิ า แต่ตอ่ มาเปลี่ยนมาใช้แผ่นอะลูมิเนียมขนาดเท่าเดิม แต่ขดเป็นสปริงมาทำปฏิกิริยาแทน อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเป็นอย่างไร และปริมาณแก๊สไฮโดรเจนท่ี เกิดขึ้นจะเปน็ อยา่ งไร อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมจี ะช้าลง แต่ได้ปริมาณแกส๊ ไฮโดรเจนทเ่ี กิดขน้ึ เท่าเดิม
แบบสังเกตพฤตกิ ร คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้ว ลำดับท่ี ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับฟงั คน ของนกั เรยี น ความคดิ เห็น 1 2 นายธนธรณ์ สมจนิ ดา 32132 3 นายวงศธร ประจงการ 4 นายสรเพชญ์ สวา่ งศรี ✓✓ 5 นางสาวกญั ญารัตน์ จับพิมาย 6 นายณัฐพงษ์ สามทอง ✓✓ 7 นายนันฐวัฒน์ ภู่ซอ้ น ✓✓ 8 นายภาณุมาส โลมากลุ 9 นางสาวนัฐรกิ า มังษา ✓✓ 10 นางสาวนิดาวัณย์ แจ้งพงษ์ ✓✓ 11 นางสาวรรินทิพย์ สุขไข 12 นางสาวศศิเพ็ญ วิสทุ ธิอาภรณ์ ✓✓ 13 นางสาวสริ ลิ กั ษณ์ แก้วเสนา ✓✓ 14 นายวรชยั คำเอก นางสาวมลนภา เงนิ เจริญ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓ ✓✓
472 รรมการทำงานกลุ่ม วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี รวม นอ่นื ตามทไี่ ด้รับ สว่ นรว่ มในการ 15 คะแนน มอบหมาย ปรบั ปรงุ ผลงานกลุ่ม 10 1321321 11 321 11 ✓✓ 14 ✓ 11 ✓✓ ✓ 10 ✓✓ 8 ✓ 12 ✓✓ ✓ 9 ✓✓ ✓ 9 ✓ 14 ✓✓ ✓ 9 ✓ ✓✓ ✓ 10 ✓ 13 ✓✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓✓ ✓ ✓ ✓✓✓ ✓✓ ✓✓
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง เกณฑก์ ารตัดสิน ชว่ งคะแนน 14–15 11–13 8–10 ต่ำกว่า 8
473 ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............./.................../............... นคณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
474 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ปฏิบัติตาม ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ลำดบั ช่ือ–สกุล ระเบียบ รจู้ กั ใชเ้ วลา รจู้ กั จดั สรร ตัง้ ใจเรียน มีความต้ังใจ รวม ท่ี ของนกั เรียน ขอ้ บังคับในชั้น วา่ งใหเ้ ป็น และพยายามใน 15 เวลาให้ เรียน มีความ ประโยชน์ และ เหมาะสม การทำงานที่ คะแนน ตรงตอ่ เวลาใน นำไปปฏิบัติได้ ไดร้ ับ การปฏิบัติ มอบหมาย กิจกรรมตา่ ง ๆ และรับผดิ ชอบ ในการทำงาน 3 2 13 2 13 2 13 2 1 3 2 1 1 นายธนธรณ์ สมจินดา ✓ ✓ ✓ ✓✓ 9 2 นายวงศธร ประจงการ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 3 นายสรเพชญ์ สวา่ งศรี ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 4 นางสาวกญั ญารตั น์ จบั พิ ✓ ✓ ✓✓ ✓ 13 มาย ✓ 5 นายณฐั พงษ์ สามทอง ✓ ✓ ✓ ✓8 6 นายนนั ฐวัฒน์ ภู่ซอ้ น ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 7 นายภาณมุ าส โลมากุล ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 8 นางสาวนฐั ริกา มงั ษา ✓ ✓✓✓ ✓ 11 9 นางสาวนดิ าวัณย์ แจง้ พงษ์ ✓ ✓ ✓ ✓✓ 11 10 นางสาวรรนิ ทิพย์ สุขไข ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 11 นางสาวศศิเพ็ญ วิสทุ ธิ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 15 อาภรณ์ 12 นางสาวสริ ลิ ักษณ์ แกว้ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 10 เสนา 13 นายวรชัย คำเอก ✓✓✓✓ ✓ 10 14 นางสาวมลนภา เงนิ เจรญิ ✓ ✓✓ ✓ ✓ 12 ลงชื่อ .................................................. ผูป้ ระเมิน ............/.................../............
475 เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
476 บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนการสอน • ดา้ นความรู้ - นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจในเนอ้ื หา - นกั เรยี นสามารถอธิบายผลของพนื้ ทีผ่ ิวของสารตั้งตน้ ทีม่ ีตอ่ อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมไี ด้ - นักเรยี นสามารถตรวจสอบอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาจากผลของความเข้มขน้ ไดอ้ ย่างถูกต้อง วอ่ งไว และแม่นยำ • ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน - นักเรียนมีทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามเกณฑ์ท่คี รูกำหนด • ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - นักเรยี นทุกคนมคี วามใฝเ่ รยี นรู้ - นกั เรียนสามารถแก้ปัญหาอาจจะช้าหรอื เรว็ ตา่ งกนั แต่สามารถแกป้ ัญหาได้ - มวี นิ ยั ในการเรยี น • ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมที่มีปัญหาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี ) - 2. ปญั หา / อุปสรรค - 3. ขน้ั เสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข - ลงชอ่ื ..................................................................ผเู้ ขียนแผนการจดั การเรยี นรู้ (นางสาวณฐั ธิดา ชากรแกว้ ) ......................./................/.................... ลงชอื่ ..................................................................ผูต้ รวจ (นางสาววารุณี อิทธิพัทธอ์ เนก) ......................./................/....................
477 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 เร่ือง อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี เร่อื ง อณุ หภมู ิกับอตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี วิชา เคมี 3 รหัส ว32225 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ครผู ู้สอน นางสาวณฐั ธิดา ชากรแกว้ สาระการเรียนรู้ เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พันธะเคมีและสมบัตขิ องสาร แก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ทดลอง และอธิบายผลของความเข้มขน้ พืน้ ท่ผี ิวของสารต้ังต้น อณุ หภมู ิ และตวั เร่งปฏิกิริยาที่มีต่ออัตรา การเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี เปรียบเทียบอตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเข้มขน้ พ้นื ท่ีผวิ ของสารตั้งต้น อุณหภูมิ และตวั เรง่ ปฏิกริ ยิ า ด้านความรู้ (Knowledge) 1. อธิบายผลของอุณหภูมิท่มี ตี อ่ อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมไี ด้ ดา้ นทักษะ (Process) 2. สามารถตรวจสอบอตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าจากผลของอุณหภูมิได้อย่างถูกต้อง วอ่ งไว และแม่นยำ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 3. มคี วามมุ่งมนั่ ตั้งใจในการเรียนรู้ และแสวงหาความรู้ รบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่ีทไ่ี ด้รับมอบหมาย สาระสำคญั หรอื ความคิดรวบยอด อุณหภูมิสูงปฏิกิริยาเคมีเกิดได้เร็วกว่าที่อุณหภูมิต่ำแสดงว่าอุณหภูมิมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิ กิริยาเคมี กล่าวคือเม่ืออุณหภมู ิสงู ขน้ึ อตั ราการเกิดปฏิกริ ิยาจะมคี ่าเพิ่มข้ึน และเมือ่ อณุ หภมู ิลดลงอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาจะมีค่า น้อยลง ตามทฤษฎจี ลน์อธิบายได้ว่า เม่อื อุณหภูมเิ พิ่มข้ึน โมเลกลุ ของแก๊สจะเคลื่อนทด่ี ้วยอัตราเร็วเพ่ิมข้ึน จึงมีอาสท่ี จะชนกันมากขึ้น ดังนั้นอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจึงสูงขึ้น จากการคำนวณได้ผลว่าเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น 10 องศา เซลเซยี ส อตั ราการชนกันของโมเลกุลเพ่ิมขนึ้ เพียง 0.01 เทา่ แต่ในทางปฏบิ ัตปิ รากฏว่าเมอ่ื เพ่ิมอุณหภมู ิข้นึ 10 องศา เซลเซยี ส อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาจะเพิม่ ข้ึน 2-3 เทา่ โดยอนภุ าคที่ชนกันจะต้องมพี ลงั งานจลน์อย่างน้อยเท่ากับ Ea จึง จะเกิดปฏิกิรยิ าเคมีได้ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
478 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซ่ือสัตย์ 3. มวี ินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 6. มุง่ มน่ั ในการทำงาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มจี ติ สาธารณะ กิจกรรมการเรียนรู้ ผ่านวิธกี ารสอนแบบออนไลน์ โดยผา่ นแอพพลเิ คชัน่ Google meet วิธสี อนโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ขั้นที่ 1 ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1.1 ครูตง้ั คำถามให้นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายวา่ “เพราะเหตใุ ดเราจึงนำอาหาร ผัก หรือผลไม้ไปแช่ในต้เู ย็น และหากไม่นำไปแช่ในตเู้ ย็น อาหาร ผัก และผลไมเ้ หล่านจ้ี ะมีลกั ษณะแตกต่างจากการเอาไปแช่ตูเ้ ยน็ อย่างไร” ซึ่ง ครยู งั ไม่ต้องเฉลยคำตอบท่ีถกู ตอ้ ง จากนัน้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ ราย เพ่ือนำไปสู่ข้นั สอนตอ่ ไป ขั้นท่ี 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) 30 นาที 2.1 ครใู ห้นกั เรียนทุกกลุ่มสบื คน้ ข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็ เก่ียวกับอุณหภูมิมีผลกับอัตราการเกิดปฏิกิริยา อยา่ งไรบา้ ง และจากการทดลอง https://www.youtube.com/watch?v=ChN6N4PWgBc 2.2 ครูสง่ แบบฟอรม์ google doc ให้กบั นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เพ่อื สรุปความคดิ จากท่ไี ดส้ บื ค้นข้อมูลมา โดย แต่ละกลมุ่ จะต้องแข่งกันสืบค้นและสรปุ 2.3 เมื่อนักเรียนกลุ่มใดที่ทำเสร็จก่อนจะมีโอกาสได้รับคำใบ้เพื่อตามหาผู้ร้ายแต่กลุ่มใดที่ทำเสร็จกลมุ่ สุดท้ายจะไม่ไดร้ ับคำใบแ้ ตย่ งั สามารถทายได้วา่ ผูร้ า้ ยคอื ใคร ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 30 นาที 3.1 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายหลังจากทีน่ ักเรยี นรวบรวมข้อมูลโดยร่วมกนั สรปุ สรุปวา่ อุณหภูมสิ ่งผล ตอ่ อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาอย่างไร 3.2 ครูให้นักเรยี นออกมานำเสนอผลงานของตนเองโดยใช้ข้อมลู ที่สรปุ ประกอบการนำเสนอ 3.3 ครบู รรยายพร้อมร่วมกนั กับนักเรยี นลงขอ้ สรุปเร่ืองอุณหภูมิกับอตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี จากการท่ี ให้นกั เรยี นหาขอ้ มูลสรปุ และจากสื่อ Powerpoint ซึง่ สามารถสรุปใจความสำคัญได้ ดงั น้ี - อณุ หภมู สิ ูงปฏกิ ิรยิ าเคมีเกิดไดเ้ รว็ กว่าท่ีอุณหภูมติ ่ำแสดงว่าอุณหภูมมิ ผี ลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยา เคมีกลา่ วคือเม่อื อณุ หภมู ิสงู ขน้ึ อัตราการเกิดปฏิกิริยาจะมีคา่ เพม่ิ ขนึ้ และเมอื่ อณุ หภูมิลดลงอตั ราการเกิดปฏิกิริยา จะมีค่านอ้ ยลง ตามทฤษฎจี ลน์อธบิ ายได้วา่ เม่ืออุณหภูมิเพ่ิมข้ึน โมเลกุลของแก๊สจะเคลอื่ นท่ีดว้ ยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น จงึ มีอาสท่ีจะชนกันมากขนึ้ ดงั น้นั อตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมีจึงสูงขึ้น จากการคำนวณได้ผลว่าเมื่ออุณหภมู ิเพิ่มข้ึน 10 องศาเซลเซยี ส อัตราการชนกนั ของโมเลกุลเพิม่ ขนึ้ เพียง 0.01 เท่า แต่ในทางปฏบิ ัติปรากฏว่าเมื่อเพ่ิมอุณหภูมิขึ้น
479 10 องศาเซลเซยี ส อัตราการเกดิ ปฏิกิริยาจะเพ่มิ ข้ึน 2-3 เทา่ โดยอนภุ าคท่ีชนกนั จะตอ้ งมพี ลังงานจลน์อย่างน้อย เทา่ กับ Ea จงึ จะเกิดปฏิกิริยาเคมไี ด้ 3.4 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรุป โดยใช้แนวคำถาม ดงั น้ี 1) ถ้านำหลอดทดลองไปแช่ในนำ้ ทีม่ ีอุณหภมู ิ 80 องศาเซลเซยี ส นกั เรียนคิดว่าจะใช้เวลาในการ เกดิ ปฏิกิรยิ าเปน็ อย่างไร (แนวตอบ : จะใช้เวลาในการเกิดปฏิกริ ิยาลดลง) 2) เพราะเหตใุ ดเมอ่ื อณุ หภมู สิ ูงขน้ึ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจึงมีคา่ มากข้นึ ด้วย (แนวตอบ : เม่อื อุณหภมู สิ ูงข้นึ ทำให้โมเลกุลของสารต้งั ต้นเคลื่อนทเ่ี ร็วขึ้น โมเลกุลมีพลังงานจลน์ สงู ขึ้น ทำให้โมเลกุลทม่ี พี ลังงานมากกว่าพลังงานกอ่ กัมมันต์มีจำนวนมากข้นึ อตั ราการเกดิ ปฏิกิริยา เคมีจงึ มคี ่ามากขนึ้ ) 3) อณุ หภูมิมผี ลต่ออัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมีอยา่ งไร (แนวตอบ : เมอ่ื อณุ หภูมิสูงข้ึน อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าจะมีค่ามากขน้ึ และเมื่ออุณหภมู ติ ่ำลง อัตรา การเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีจะมีค่าลดลง) ขน้ั ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) 25 นาที 4.1 ครูกล่าวเชื่อมโยงสสู่ ง่ิ รอบตัวในชีวติ ประจำวนั ร่วมกับนักเรยี นหลักจากท่ไี ดท้ ราบแลว้ ว่าอุณหภูมิมีผล กับอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีอย่างไรบ้าง โดยในชวี ิตประจำวนั ของเราอุณหภมู ิมผี ลกับการเก็บรักษาอาหารเมื่อเรา เกบ็ ไวใ้ นตู้เย็นทีม่ ีอุณหภูมติ ำ่ อาหารหรอื พืชผลไม้จะคงความสดใหม่ หรือแม้แตก่ ารอบขนมปังที่อุณหภูมิสูงจะทำ ใหผ้ งฟเู กิดการสลายตวั ได้แกส๊ คารบ์ อนไดอ้ อกไซดแ์ ทรกตัวเนื้อขนมปังไดเ้ ร็วขนึ้ 4.2 ครูขยายไปสู่เร่ืองพลังงานจลนแ์ ละพลังงานก่อกัมมันต์ตามที่ได้เรยี นมาแลว้ ซึ่งเร่ืองน้ีได้ถูกนำมาใช้ อธบิ ายอัตราในการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีไดอ้ ย่างชดั เจน 4.3 ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มแกะรอยหาผูร้ ้ายจากคำใบ้ท่ไี ด้รับโดยนักเรียนกลุ่มใดทายถกู จะได้รับของ รางวัลและกลุ่มท่ไี ม่ได้ครูอาจจะใหน้ กั เรยี นออกมาทำกจิ กรรมหน้าช้ันเรียนเพ่ิมเตมิ เพื่อรบั ของรางวลั 4.4 นกั เรียนทำใบงานที่ 8.7 เร่ือง อุณหภูมกิ ับอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ขัน้ ท่ี 5 ข้ันประเมิน (Evaluation) 30 นาที 5.1 ครูให้นักเรยี นทำแบบทดสอบ Blooket 5.2 ครูตรวจใบงานที่ 8.7 เร่ือง อุณหภมู ิกับอัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 5.3 นักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกับอุณหภูมิกับอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี ดังนี้ • เม่อื อุณหภูมิสงู ขน้ึ อนภุ าคของสารตั้งตน้ จะมีพลงั งานจลนส์ ูงขน้ึ อนภุ าคของสารตัง้ ตน้ จึงเคลอ่ื นที่ เร็วขนึ้ ทำให้เกดิ การชนกนั แรงและบ่อยครั้งขนึ้ สง่ ผลให้มจี ำนวนอนุภาคที่มีพลงั งานจลนเ์ ท่ากับหรือ มากกว่าพลงั งานก่อกมั มันตม์ ากขน้ึ อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีจงึ สูงขนึ้ • อณุ หภูมมิ ผี ลต่ออัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี โดยเมือ่ อุณหภูมิสูงข้ึน อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าจะมีค่ามาก ขึน้ และเมอ่ื อุณหภูมติ ่ำลง อัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมีจะมคี ่าลดลง สอ่ื วัสดุ อุปกรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ สือ่ /วัสด/ุ อปุ กรณ์ แหลง่ การเรียนรู้ 1. PowerPoint เรอื่ งปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยา 1. เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชาเคมี ม.5 เคมี
480 2. ใบงานท่ี 8.7 เร่ือง อณุ หภมู ิกับอัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี 2. ใบกจิ กรรมการเรียนรู้ 3. แบบทดสอบ Blooket 3. อินเตอรเ์ นต็ 4. แบบฟอร์มสรปุ ข้อมลู จากการคน้ หา 5. การทดลอง https://www.youtube.com/watch?v=ChN6N4PWgBc การประเมนิ การเรยี นรู้ การวัดผลประเมินดา้ น วิธีการวัดผล เคร่อื งมอื ท่ใี ชว้ ัดผล เกณฑ์การ ประเมินผล 1.ดา้ นความรู้ (K) - ตรวจใบงานท่ี 8.7 เร่อื ง อุณหภมู ิ - ใบงานที่ 8.7 เรื่อง -ร้อยละ 60 ผ่าน กบั อตั ราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี อุณหภูมิกับอัตรา กา ร เกณฑ์ -แบบทดสอบ blooket เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี -แบบทดสอบ blooket 2. ด้านทักษะ/ -แบบทดสอบ blooket -แบบทดสอบ blooket -รอ้ ยละ 60 ผ่าน กระบวนการ (P) - สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ - แบบสงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์ การทำงานกลุ่ม -ระดบั คณุ ภาพ 3 ผา่ นเกณฑ์ 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึง -การสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล -แบบสังเกตพฤติกรรม -ระดับคณุ ภาพ 3 ประสงค์ (A) รายบุคคล ผ่านเกณฑ์
481 ใบงานท่ี 8.7 เรอื่ ง อุณหภมู ิกับอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี คำช้แี จง : ตอบคำถามเกย่ี วกบั อณุ หภูมิกบั อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 1. จงอธิบายว่าเพราะเหตใุ ดเมื่ออุณหภูมิสงู ข้ึน อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมจี ึงสงู ขึ้น 2. เมอื่ เผาโลหะ Z ในอากาศจะลุกไหมอ้ ยา่ งรวดเร็ว ได้ออกไซด์ของโลหะ Z แต่เมอ่ื วางโลหะ Z ไว้ในอากาศ โลหะ Z จะทำปฏิกริ ยิ าอยา่ งช้า ๆ เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เช่นน้ัน 3. พจิ ารณารปู แสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั การดำเนินไปของปฏิกิรยิ าท่ีกำหนดให้ แล้วตอบคำถาม 1) ปฏกิ ิริยาทงั้ สองเป็นปฏกิ ิรยิ าดดู พลังงานหรือคายพลงั งาน และทราบได้อย่างไร 2) ปฏกิ ิริยาใดน่าจะมอี ัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาสงู กว่า เพราะเหตุใด
.ใบงานที่ 8.7 482 เรอ่ื ง อุณหภมู ิกับอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เฉลย คำช้ีแจง : ตอบคำถามเก่ียวกับอุณหภมู กิ ับอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 1. จงอธบิ ายวา่ เพราะเหตุใดเมื่ออุณหภูมิสงู ขนึ้ อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมจี ึงสูงขน้ึ เม่อื อณุ หภูมิสูงขึน้ อนภุ าคของสารต้ังตน้ จะมพี ลังงานจลนส์ ูงขึน้ อนุภาคของสารตง้ั ตน้ จงึ เคลื่อนทีเ่ ร็วขน้ึ ทำให้ เกิดการชนกนั แรงและบ่อยคร้ังขึ้น สง่ ผลใหม้ ีจำนวนอนภุ าคท่มี พี ลังงานจลน์เท่ากบั หรือมากกวา่ พลังงานก่อกัม มันตม์ ากข้นึ อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมจี งึ สงู ข้ึน 2. เม่ือเผาโลหะ Z ในอากาศจะลกุ ไหมอ้ ย่างรวดเรว็ ได้ออกไซด์ของโลหะ Z แต่เมอ่ื วางโลหะ Z ไวใ้ นอากาศ โลหะ Z จะทำปฏกิ ิริยาอยา่ งช้า ๆ เพราะเหตใุ ดจึงเปน็ เช่นน้นั การเผาโลหะ Z เป็นการเพิม่ อุณหภมู ิ ทำให้อนภุ าคของสารตง้ั ตน้ มพี ลงั งานสูงข้นึ จึงมีโอกาสชนกันมากข้นึ จึง ทำให้เกิดปฏิกิริยาไดเ้ ร็วกวา่ การวางโลหะ Z ไว้ในอากาศซึ่งมอี ุณหภูมติ ่ำกวา่ 3. พิจารณารูปแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างพลังงานกบั การดำเนินไปของปฏิกิริยาท่กี ำหนดให้ แลว้ ตอบคำถาม 1) ปฏิกิริยาท้งั สองเป็นปฏิกิรยิ าดูดพลังงานหรือคายพลงั งาน และทราบได้อยา่ งไร ปฏกิ ริ ยิ าทง้ั สองเป็นปฏิกิรยิ าคายพลงั งาน เน่ืองจากผลติ ภัณฑม์ พี ลงั งานต่ำกวา่ สารตง้ั ตน้ 2) ปฏิกริ ิยาใดนา่ จะมอี ัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าสูงกว่า เพราะเหตุใด ปฏกิ ริ ยิ า ข. นา่ จะมีอัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าสงู กว่า เพราะมคี ่าพลงั งานก่อกมั มนั ต์ (Ea) ต่ำกว่าปฏิกิรยิ า ก.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 755
- 756
- 757
- 758
- 759
- 760
- 761
- 762
- 763
- 764
- 765
- 766
- 767
- 768
- 769
- 770
- 771
- 772
- 773
- 774
- 775
- 776
- 777
- 778
- 779
- 780
- 781
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 781
Pages: